00:00:05 → 00:00:08 ทุกๆ คนรู้ดีว่าการกินอาหารที่มีไขมันต่ำ
00:00:08 → 00:00:10 นอกจากจะไม่ทำให้อ้วนแล้ว
00:00:10 → 00:00:12 ยังลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
00:00:12 → 00:00:13 และหลอดเลือดด้วย
00:00:13 → 00:00:16 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าเรา
00:00:16 → 00:00:18 จะไม่ทานอาหารที่มีไขมันเลยนะคะ
00:00:18 → 00:00:20 เพราะไขมันบางชนิดให้ประโยชน์
00:00:20 → 00:00:22 และมีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก
00:00:22 → 00:00:25 เช่น ช่วยให้มีการเจริญเติบโตของร่างกาย
00:00:25 → 00:00:27 หรือช่วยให้ผิวพรรณดูผุดผ่อง เป็นต้น
00:00:27 → 00:00:29 ไขมันมีหลายชนิดด้วยกัน
00:00:29 → 00:00:32 มีทั้งเป็นประโยชน์ และเป็นโทษต่อร่างกาย
00:00:32 → 00:00:34 เรามารู้จักไขมันดีและร้ายกันอย่างละเอียด
00:00:34 → 00:00:36 กับหมอแอมป์กันเลยค่ะ
00:00:43 → 00:00:44 คุณผู้ชมคะ
00:00:44 → 00:00:46 ตอนนี้จุ๊กจิ๊กอยู่กับคุณหมอแอมป์
00:00:46 → 00:00:48 คุณหมอตนุพล วิรุฬหการุญ
00:00:48 → 00:00:50 ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยกรุงเทพ
00:00:50 → 00:00:52 โรงพยาบาลกรุงเทพค่ะ
00:00:52 → 00:00:54 สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ
00:00:54 → 00:00:56 สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ คุณผู้ชม
00:00:56 → 00:00:58 หมอแอมป์คะ จิ๊กเคยได้ยินคำว่า
00:00:58 → 00:01:00 Bad fat Good fat จริงๆ แล้วมันคืออะไรคะ
00:01:00 → 00:01:02 เริ่มมาจาก Bad fat ก่อนเลยค่ะ
00:01:02 → 00:01:05 Bad fat นี่ก็ตรงตัว
00:01:05 → 00:01:07 Bad ภาษาไทยเรียก “ไม่ดี”
00:01:07 → 00:01:09 ถ้าแย่มากก็เรียกเลว
00:01:09 → 00:01:13 fat ก็คือไขมัน Good fat ก็ไขมันดี
00:01:13 → 00:01:16 คนถามเยอะ เรื่องไขมันนี่
00:01:16 → 00:01:18 เดี๋ยวนี้เขามีกระแสผ่านไลน์ไง
00:01:18 → 00:01:19 ว่าอย่างไรคะ
00:01:19 → 00:01:22 กินนั่นได้ กินทุเรียนเยอะดี กินนั่นดี
00:01:22 → 00:01:26 เดี๋ยวนี้คนเราเขามีกระแสง่ายกว่าเมื่อก่อนนะ
00:01:26 → 00:01:27 คุณจุ๊กจิ๊กอยากให้คนเชื่ออะไร
00:01:27 → 00:01:29 ส่งไปในไลน์เยอะๆ
00:01:29 → 00:01:30 โดยที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง (Reference) เลย
00:01:30 → 00:01:33 ประชาชนบางคนอ่านไปแล้วเขาไม่ทราบ เขาก็เชื่อ
00:01:33 → 00:01:34 เขาก็แชร์ต่อ
00:01:34 → 00:01:36 ผมถึงต้องขอเตือนท่านผู้ชมว่า
00:01:36 → 00:01:39 ทุกอย่างนี้เราต้องคิดตรึกตรองก่อน
00:01:39 → 00:01:43 เอามาฟังได้ ฟังไว้เยอะๆ แล้วลองหาข้อมูล
00:01:43 → 00:01:45 เสิร์ชดูสิว่าฝรั่งเขาว่าอย่างไร
00:01:45 → 00:01:46 เมืองนอกเขาว่าอย่างไร
00:01:46 → 00:01:48 นักวิชาการเขาว่าอย่างไร
00:01:48 → 00:01:50 ไม่ใช่คนกลุ่มนี้เขาว่าอย่างนี้
00:01:50 → 00:01:52 แล้วก็ทำกันไปอย่างนี้
00:01:52 → 00:01:55 ถ้าเราโชคดี อายุน้อย กินไปก็ไม่เป็นไร
00:01:55 → 00:01:58 เราอายุมาก กินไปเกิดหัวใจวายตายขึ้นมา
00:01:58 → 00:02:01 ไม่มีใครรับผิดชอบ
00:02:01 → 00:02:03 ขึ้นชื่อว่า Bad fat Good fat หรือทุกอย่างในโลก
00:02:03 → 00:02:06 เวลาเขาพูดคำว่ามีดีกับเลวนี่
00:02:06 → 00:02:08 มันไม่ใช่ใช้กับทุกคน
00:02:08 → 00:02:12 ของบางอย่างดีกับคนนี้ แย่กับอีกคน
00:02:12 → 00:02:15 ของบางอย่างไม่ดีสำหรับผม แต่กลับดีกับคุณจุ๊กจิ๊ก
00:02:15 → 00:02:17 เพราะฉะนั้น เราจะไม่ใช่คำว่าดีกับเลว
00:02:17 → 00:02:18 ในการ justify
00:02:18 → 00:02:22 หรือการกำหนดชะตาชีวิตตัดสินของทุกอย่าง
00:02:22 → 00:02:24 นี่คือหลักการของผม
00:02:24 → 00:02:26 ของบางอย่างดีกับคนนั้น ดีกับคนนี้
00:02:26 → 00:02:28 เราก็ต้องคุยเป็นคนๆ ไป
00:02:28 → 00:02:30 เวลาเราจัดรายการนี่เป็น public
00:02:30 → 00:02:32 คือให้สาธารณชน
00:02:32 → 00:02:34 เราก็จะเอาเนื้อหาของคนส่วนมากมาคุยกัน
00:02:35 → 00:02:38 เรามาทำความรู้จักกับไขมันกันหน่อยดีกว่าค่ะ
00:02:38 → 00:02:41 ไขมันเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย
00:02:41 → 00:02:42 เพราะเป็นแหล่งพลังงานสำคัญ
00:02:42 → 00:02:45 เช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรต และโปรตีน
00:02:45 → 00:02:46 ไขมันสามารถให้พลังงาน
00:02:46 → 00:02:48 ได้มากถึง 9 แคลอรี่ต่อกรัม
00:02:48 → 00:02:50 ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน
00:02:50 → 00:02:52 ให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม
00:02:52 → 00:02:56 ซึ่งไขมันแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติที่ต่างกัน
00:02:56 → 00:02:58 เราไปดูกันเลยค่ะว่ามีไขมันชนิดใดบ้าง
00:02:58 → 00:03:00 ที่เป็นไขมันดี
00:03:00 → 00:03:02 และไขมันชนิดใดเป็นไขมันเลว
00:03:02 → 00:03:04 หรือไม่ดีต่อร่างกายบ้าง
00:03:04 → 00:03:06 เริ่มจากไขมันไม่ดีก่อนเลยนะคะ
00:03:06 → 00:03:08 หรืออาจเรียกง่ายๆ ว่าไขมันอิ่มตัว
00:03:08 → 00:03:10 เมื่อบริโภคในปริมาณมาก
00:03:10 → 00:03:13 มักไปสะสมในเซลล์ไขมันทั่วร่างกาย
00:03:13 → 00:03:14 ก่อให้เกิดโรคอ้วน
00:03:14 → 00:03:17 นอกจากนั้น มักจะจับที่ผนังหลอดเลือดแดง
00:03:17 → 00:03:19 ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
00:03:19 → 00:03:20 และโรคหลอดเลือดสมอง
00:03:20 → 00:03:23 แต่อย่างไรก็ตาม ไขมันชนิดนี้
00:03:23 → 00:03:24 ก็ยังจำเป็นต่อร่างกาย
00:03:24 → 00:03:26 ในการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ
00:03:26 → 00:03:27 เช่น เซลล์สมอง
00:03:27 → 00:03:30 เซลล์กระดูก เซลล์ผิวหนัง เป็นต้น
00:03:30 → 00:03:32 เพียงแต่ต้องทานในปริมาณที่จำกัด
00:03:32 → 00:03:36 ต่อมาไขมันดี อาจเรียกง่ายๆ ว่าไขมันไม่อิ่มตัว
00:03:36 → 00:03:38 แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
00:03:38 → 00:03:41 1) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
00:03:41 → 00:03:43 เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
00:03:43 → 00:03:46 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ร่างกายสามารถสร้างได้เอง
00:03:46 → 00:03:48 และถ้าหากรับประทานเข้าไปมากๆ
00:03:48 → 00:03:51 ก็จะทำให้ระดับคลอเรสเตอรอลชนิดดีเพิ่มขึ้น
00:03:51 → 00:03:53 และช่วยลดคลอเรสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีลงได้ด้วย
00:03:53 → 00:03:56 แถมยังทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
00:03:56 → 00:03:58 และหลอดเลือดลดลงได้อีกด้วยค่ะ
00:03:58 → 00:04:01 2) ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน
00:04:01 → 00:04:04 เป็นกรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้
00:04:04 → 00:04:06 และจำเป็นต้องรับจากอาหารเท่านั้น
00:04:06 → 00:04:08 ไขมันชนิดนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย
00:04:08 → 00:04:09 ก็จะไปลดความเสี่ยง
00:04:09 → 00:04:12 ในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
00:04:12 → 00:04:15 และช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือดได้
00:04:15 → 00:04:17 แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร
00:04:17 → 00:04:19 ว่าน้ำมันไหนที่เข้าข่ายดีหรือไม่ดี
00:04:19 → 00:04:21 ไปฟังหมอแอมป์กันต่อดีกว่าค่ะ
00:04:22 → 00:04:24 น้ำมันอะไรควรจะกิน
00:04:24 → 00:04:25 น้ำมันอะไรควรจะหลีกเลี่ยง
00:04:25 → 00:04:26 อะไรบ้างคะ
00:04:26 → 00:04:29 ถ้าวัดเอาว่าดีอย่างเดียวเข้าว่า
00:04:29 → 00:04:31 ดีอันดับหนึ่งเลยคือ น้ำมันมะกอก (Olive Oil)
00:04:31 → 00:04:32 น้ำมันมะกอก
00:04:32 → 00:04:38 น้ำมันมะกอกมีไขมันดีเยอะ ไขมันไม่ดีน้อย
00:04:38 → 00:04:42 รองลงมาก็เป็นน้ำมันคาโนลา (Canola Oil)
00:04:42 → 00:04:44 เป็นพวกธัญพืชที่เจอในเมืองนอก
00:04:44 → 00:04:48 บ้านเราเดี๋ยวนี้ก็มีขาย ชื่อน้ำมันคาโนลา
00:04:48 → 00:04:49 ดีเป็นเบอร์ 2
00:04:49 → 00:04:50 รองลงมาอีก
00:04:50 → 00:04:52 อาจจะผิดเพี้ยนเล็กน้อย ผมจัดอันดับให้
00:04:52 → 00:04:56 น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันรำข้าว
00:04:56 → 00:05:00 น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง
00:05:00 → 00:05:02 ไล่ลงมาล่างๆ เริ่มไม่ดีแล้ว
00:05:02 → 00:05:06 น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู
00:05:06 → 00:05:07 เพราะฉะนั้นในกลุ่มตรงนี้ทั้งหมดนี่
00:05:07 → 00:05:12 ยิ่งล่างๆ เช่นน้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว
00:05:12 → 00:05:13 น้ำมันมะพร้าวนี่ส่วนใหญ่มีกระแสเยอะ
00:05:13 → 00:05:15 เราเคยคุยกันไปแล้ว 1 ตอน
00:05:15 → 00:05:18 ส่วนใหญ่แล้วเขาเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมผลิตสบู่
00:05:18 → 00:05:20 ผลิตยาสระผม เพราะมันมันดี
00:05:20 → 00:05:22 แต่เอามากินจริงๆ นี่ไม่ดี
00:05:22 → 00:05:24 ผมบอกแล้วให้แค่กลั้วคอพอได้
00:05:24 → 00:05:25 แต่อย่ากลืนลงไปเลย
00:05:25 → 00:05:27 น้ำมันปาล์มนี่ถูก
00:05:27 → 00:05:30 ขายกันทั่วไปในการทอด
00:05:30 → 00:05:33 มีไขมันไม่ดีเยอะ ยิ่งกินยิ่งอ้วน
00:05:33 → 00:05:34 ยิ่งหลอดเลือดตีบ
00:05:34 → 00:05:36 น้ำมันหมู ยิ่งกินเยอะ
00:05:36 → 00:05:37 ยิ่งหลอดเลือดตีบ
00:05:37 → 00:05:39 เพราะฉะนั้นแล้วนี่ พอเราเรียงอันดับเสร็จนี่
00:05:39 → 00:05:41 หมอเล่าอย่างนี้ คนส่วนใหญ่ก็บอก
00:05:41 → 00:05:43 อย่างนี้กินน้ำมันมะกอก
00:05:43 → 00:05:45 ก็จะเข้ามาสู่จุดที่ 2 คือ
00:05:45 → 00:05:47 ในกลุ่มน้ำมันเขาจะมีอีกศัพท์หนึ่ง
00:05:47 → 00:05:51 เขาเรียก Smoke point จุดเกิดควัน
00:05:51 → 00:05:54 น้ำมันบางชนิดดีจริงแต่ทอดไม่ค่อยได้
00:05:54 → 00:05:55 เพราะจุดเดือดต่ำ
00:05:55 → 00:05:57 จุดเดือดต่ำ จุดเกิดควันคือ
00:05:57 → 00:05:59 ปกติน้ำมันเฉลี่ยนี่จะมีค่าจุดเดือด
00:05:59 → 00:06:01 อยู่ที่ประมาณ 240 องศา
00:06:01 → 00:06:03 เวลาเราเปิดไฟแรงๆ แล้วเขาเผาขึ้นมา
00:06:03 → 00:06:06 พอ 240 องศาแล้วกลายเป็นไอ
00:06:06 → 00:06:08 น้ำมันมะกอกนี่อยู่ต่ำกว่า 240 องศา
00:06:08 → 00:06:10 ก็เลยดีสำหรับการทำสลัด การราด
00:06:10 → 00:06:13 การทำอะไรก็ตาม แต่ทอดไม่ได้
00:06:13 → 00:06:14 เผาเมื่อไรกลายเป็นควัน
00:06:14 → 00:06:16 เขาก็เลยต้องใช้น้ำมันปาล์มกับน้ำมันหมูเยอะ
00:06:16 → 00:06:20 เพราะว่ากลายเป็นไอได้ยาก เพราะจุดเดือดสูง
00:06:20 → 00:06:21 เพราะฉะนั้นแล้ว ในกลุ่มนี้เองนี่
00:06:21 → 00:06:23 ถ้าเราจะปรับให้ดีขึ้นคือ
00:06:23 → 00:06:25 เราต้องเลือก
00:06:25 → 00:06:27 ผมจะสรุปให้ฟังนะ
00:06:27 → 00:06:32 บทสรุป ถ้ากินสลัด ใช้น้ำมันมะกอก
00:06:32 → 00:06:35 ในกลุ่มผัดทอด ใช้น้ำมันรำข้าว
00:06:35 → 00:06:38 หรือน้ำมันดอกคำฝอย หรือน้ำมันคาโนลา
00:06:38 → 00:06:41 หรือน้ำมันดอกทานตะวัน พอได้้
00:06:41 → 00:06:43 ถ้าจะทอด ใช้น้ำมันรำข้าว
00:06:43 → 00:06:45 เพราะจุดเดือดสูงพอๆ กับน้ำมันปาล์ม
00:06:45 → 00:06:47 แต่ไขมันดีเยอะกว่า
00:06:47 → 00:06:49 นี่คือกลุ่มไขมันทั้งหมดที่
00:06:49 → 00:06:50 เล่าให้ฟังเป็นความรู้ว่า
00:06:50 → 00:06:52 ไขมันเมื่อไรกินอ้วนหมดแหละ
00:06:52 → 00:06:53 แม้ว่าจะเป็นแค่น้ำมันพืช
00:06:53 → 00:06:54 แต่ถ้าต้องใช้จริงๆ
00:06:54 → 00:06:57 ก็ต้องใช้ชนิดที่มี Good fat เยอะๆ
00:06:57 → 00:06:59 มี Bad fat น้อยๆ อย่างนี้เป็นต้น
00:06:59 → 00:07:01 วันนี้คุณผู้ชมที่ชมรายการ
00:07:01 → 00:07:03 คงพอจำแนกออกแล้วนะคะว่า
00:07:03 → 00:07:05 Bad fat คืออะไร Good fat คืออะไร
00:07:05 → 00:07:07 แล้วเวลาที่เราจะปรุงอาหาร
00:07:07 → 00:07:09 ไม่ว่าจะทานสลัดหรือว่าทานสดนี่
00:07:09 → 00:07:11 หรือว่าเอาไปทอด
00:07:11 → 00:07:13 ก็ต้องเลือกใช้น้ำมันให้ถูกต้อง
00:07:13 → 00:07:15 ตามที่คุณหมอแอมป์แนะนำนะคะ
00:07:15 → 00:07:16 และเพิ่มเติมไว้หน่อยว่า
00:07:16 → 00:07:18 อะไรที่จะทำให้ไขมันที่ดีอยู่แล้ว
00:07:18 → 00:07:19 เปลี่ยนเป็นไขมันไม่ดี คือ
00:07:19 → 00:07:22 พวกประเภทเปิดไฟแรงๆ ผักบุ้งไฟแดง
00:07:22 → 00:07:24 เมื่อไรไฟไปโดนน้ำมันนี่
00:07:24 → 00:07:25 มันจะเปลี่ยนเป็นไขมันไม่ดี
00:07:25 → 00:07:29 ฝรั่งเขาถึงทำกับข้าวแบบชืดๆ ค่อยๆ ทำไป
00:07:29 → 00:07:30 บ้านเรานี่ต้องไฟลุก ไฟแรง
00:07:30 → 00:07:33 เมื่อไรไฟโดนน้ำมัน เสร็จ
00:07:33 → 00:07:35 ต้องพยายามใช้ไฟให้เบาลง
00:07:35 → 00:07:36 และนี่ก็คือเรื่องราวดีๆ
00:07:36 → 00:07:39 ของรายการสุขใจใกล้หมอวันนี้ค่ะ
00:07:39 → 00:07:40 ตอนนี้ทางรายการต้องขอขอบคุณ
00:07:40 → 00:07:43 คุณหมอแอมป์ ตนุพล วิรุฬหการุญมากนะคะ
00:07:43 → 00:07:45 ขอบคุณค่ะ สวัสดีครับ
00:07:45 → 00:07:46 สวัสดีครับ
00:07:47 → 00:07:50 ได้รู้จักกับไขมันชนิดต่างๆ กันมากขึ้นแล้ว
00:07:50 → 00:07:52 เชื่อว่าหลายๆ คนที่มีความเข้าใจผิดๆ
00:07:52 → 00:07:53 เกี่ยวกับไขมัน
00:07:53 → 00:07:55 ก็คงเริ่มใจชื้นกันขึ้นมาบ้าง
00:07:55 → 00:07:57 แต่ถึงแม้ว่าไขมันจะมีประโยชน์
00:07:57 → 00:08:00 แต่ไขมันก็คือไขมันอยู่วันยังค่ำ
00:08:00 → 00:08:02 ไม่ว่าอย่างไรก็ควรที่จะรับประทานให้พอเหมาะ
00:08:02 → 00:08:03 เพราะหากมากเกินไป
00:08:03 → 00:08:06 จากประโยชน์ก็อาจจะกลายเป็นโทษได้นะคะ