00:00:06 → 00:00:10 ไม่นานมานี้ คุณอาจจะเห็นคำว่า ไม่มีกลูเตน ตามหีบห่อสินค้าบริโภค
00:00:10 → 00:00:15 หรือเมนูอาหาร ขวดแชมพู โฆษณาห้องเช่า ป้ายเสื้อ
00:00:15 → 00:00:21 ค้อน รอยสักบนหลัง หรือประวัติย่อของเพื่อน
00:00:21 → 00:00:25 ครั้งหน้าเวลามีคนพูดถึงชีวิตที่ปราศจาก กลูเตนที่เขาเพิ่งค้นพบ
00:00:25 → 00:00:27 ต่อไปนี้คือคำถามที่คุณถามเขาได้
00:00:27 → 00:00:30 แล้วคุณจะได้คำตอบที่เต็มไปด้วยข้อมูล
00:00:30 → 00:00:34 ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ได้ทำการศึกษาแล้ว ในการเลือกควบคุมอาหาร
00:00:34 → 00:00:38 ไม่ใช่เพื่อทำตามกระแสเรื่องการควมคุมอาหาร มีเรื่องจะบอกคุณ
00:00:38 → 00:00:40 กลูเตนคืออะไร?
00:00:40 → 00:00:43 กลูเตนเป็นส่วนประกอบโปรตีนที่ไม่ละลาย
00:00:43 → 00:00:47 เกิดขึ้นจากโปรตีนสองชนิด คือไกลอะดินกับกลูเตนิน
00:00:47 → 00:00:50 คุณจะพบกลูเตนได้ที่ไหน?
00:00:50 → 00:00:56 พบได้ในธัญพืชบางชนิด โดยเฉพาะ ในข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวบาร์เลย์
00:00:56 → 00:01:00 แล้วกลูเตนไปทำอะไรบ้างในช่วงเวลาที่ผ่านมา ในประวัติมนุษยชาติ
00:01:00 → 00:01:03 ทำไมอยู่ดีๆถึงจะต้องใส่ใจ
00:01:03 → 00:01:07 กลูเตนทำให้แป้งโดมีความยืดหยุน
00:01:07 → 00:01:10 และทำให้อาหารที่ทำจากแป้งสาลี มีความหนึบหนับเวลาเคี้ยว
00:01:10 → 00:01:12 เหมือนขนมปังและเส้นพาสต้า
00:01:12 → 00:01:15 แต่สำหรับบางคน อาหารพวกนี้ทำให้เกิดปัญหา
00:01:15 → 00:01:21 คนที่แพ้ข้าวสาลี เป็นโรคช่องท้องและคนที่ มีภาวะไวต่อกลูเตนแต่ไม่ใช่โรคช่องท้อง
00:01:21 → 00:01:23 การแพ้ข้าวสาลีไม่ได้เป็นอาการทั่วไป
00:01:23 → 00:01:26 มันเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกัน
00:01:26 → 00:01:29 มีอาการตอบสนองต่อการแพ้ต่อโปรตีนแป้งสาลี
00:01:29 → 00:01:32 นำไปสู่ปัญหาเบาไม่หนักในบางคน
00:01:32 → 00:01:37 เป็นไปได้ที่จะมีอาการแพ้อย่างรุนแรง เรียกว่าภาวะภูมิแพ้ anaphylaxis
00:01:37 → 00:01:40 โรคช่องท้องเป็นโรคทางพันธุกรรม
00:01:40 → 00:01:42 เกี่ยวข้องกับการกินอาหารที่มี กลูเตน
00:01:42 → 00:01:46 ทำให้เกิดการระคายเคือง และทำลายเยื่อบุในลำไส้เล็ก
00:01:46 → 00:01:49 และทำให้การทำงานของลำไส้บกพร่อง
00:01:49 → 00:01:54 และทำให้เกิดปัญหาเช่น ปวดท้อง ท้องอืด มีแก๊ส หรือท้องเสีย
00:01:54 → 00:01:59 น้ำหนักลด เป็นผื่น มีปัญหาเรื่องกระดูก เช่น กระดูกพรุน
00:01:59 → 00:02:06 ขาดธาตุเหล็ก ร่างเล็ก มีบุตรยาก เหนื่อยล้า หรือซึมเศร้า
00:02:06 → 00:02:09 หากไม่รักษาโรคช่องท้องจะเพิ่มความเสี่ยง
00:02:09 → 00:02:11 ที่จะพัฒนาต่อไปเป็นโรคมะเร็งได้
00:02:11 → 00:02:17 โรคช่องท้องเกิดขึ้นกับคนในอเมริกา 1 ในทุกๆ 100 ถึง 200 คน
00:02:17 → 00:02:20 หากผลเลือดบ่งบอกถึง ความเป็นไปได้ที่จะเป็นโรคช่องท้อง
00:02:20 → 00:02:24 ผลการวินิจฉัยสามารถยืนยันได้ โดยการเอาเนื้อเยื่อไปตรวจ
00:02:24 → 00:02:27 วิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุด คือการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลูเตน
00:02:27 → 00:02:31 ซึ่งจะช่วยรักษาลำไส้ที่ถูกทำลาย และทำให้อาการดีขึ้น
00:02:31 → 00:02:34 บางคนไม่ได้เป็นโรคช่องท้องหรือแพ้แป้งสาลี
00:02:34 → 00:02:38 แต่ก็มีอาการเวลากินอาหารที่มี กลูเตน
00:02:38 → 00:02:42 คนพวกนี้มีสภาวะไวต่อกลูเตน แต่ไม่ได้เป็นโรคช่องท้อง
00:02:42 → 00:02:44 แค่มีประสบการณ์อาการปวดท้อง
00:02:44 → 00:02:50 และมีอาการเหนื่อยล้า สมองไม่ปลอดโปร่ง ปวดตามข้อและผิวเป็นผื่น
00:02:50 → 00:02:54 การกินอาหารที่ปราศจาก กลูเตน จะช่วยลดอาการเหล่านี้ได้
00:02:54 → 00:02:59 มีคนจำนวนมากเท่าใดที่มีสภาวะไวต่อ กลูเตน ที่จำต้องพูดถึง
00:02:59 → 00:03:03 จำนวนคนที่มีสภาวะแพ้ กลูเตน โดยทั่วไปนั้นยังไม่ชัดเจน
00:03:03 → 00:03:08 แต่คาดว่าเป็นจำนวนมากกว่า คนที่แพ้แป้งสาลีหรือโรคช่องท้อง
00:03:08 → 00:03:11 การวินิจฉัยนั้นอิงกับพัฒนาการของอาการ
00:03:11 → 00:03:13 การไม่แพ้แป้งสาลีหรือมีโรคช่องท้อง
00:03:13 → 00:03:17 และการบรรเทาของอาการคือ การหลีกเลี่ยงอาหารมีกลูเตน
00:03:17 → 00:03:20 ยังไม่มีวิธีการตรวจเลือดหรือเนื้อเยื่อ
00:03:20 → 00:03:24 ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าสภาวะไวต่อกลูเตน ไม่ใช่โรค
00:03:24 → 00:03:27 และสาเหตุของสภาวะมีความเป็นไปได้หลายทาง
00:03:27 → 00:03:29 ตัวอย่างเช่น
00:03:29 → 00:03:33 กลูเตนสามารถกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกันในลำไส้เล็ก
00:03:33 → 00:03:36 หรือทำให้เกิดอาการรั่ว
00:03:36 → 00:03:38 แต่บางครั้งบางคนอ้างว่ามีสภาวะไวต่อกลูเตน
00:03:38 → 00:03:41 แต่ในความจริงแล้วไม่ได้ไวต่อโปรตีนข้าวสาลี
00:03:41 → 00:03:46 แต่ไวต่อน้ำตาลที่พบในข้าวสาลี หรืออาหารอย่างอื่นที่เรียกว่าฟรุคแทนส์
00:03:46 → 00:03:50 ลำไส้ของคนไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมฟรุคแทนส์
00:03:50 → 00:03:53 พวกมันเลยเดินทางผ่านยังลำไส้หรือลำไส้ใหญ่
00:03:53 → 00:03:55 ทำให้พวกมันเกิดการหมักโดยแบคทีเรีย
00:03:55 → 00:03:59 ทำให้เกิดกรดไขมันสายสั้นและแก๊ส
00:03:59 → 00:04:03 แล้วก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้น กับบางคนที่มีปัญหากับลำไส้
00:04:03 → 00:04:09 อีกสาเหตุหนึ่งของสภาวะไวต่อกลูเตน ที่เป็นไปได้อีกอย่างก็คือ โนซีโบเอฟเฟค
00:04:09 → 00:04:13 ซึ่งจะเกิดขึ้นเพราะเชื่อว่ามีบางสิ่งที่ จะทำให้เกิดปัญหา
00:04:13 → 00:04:16 และเพราะความเชื่อนั้นมันเลยเกิดขึ้นจริงๆ
00:04:16 → 00:04:22 ตรงข้ามกับ พลาซีโบเอฟเฟค ที่รู้จักกันดี
00:04:22 → 00:04:25 รวมทั้งข่าวเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับกลูเตน ที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ
00:04:25 → 00:04:27 โนซีโบ เอฟเฟค อาจจะมีส่วนบ้าง
00:04:27 → 00:04:30 ทำให้บางคนคิดว่าตนเองมีสภาวะไวต่อกลูเตน
00:04:30 → 00:04:32 ด้วยสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น
00:04:32 → 00:04:34 เห็นชัดเจนได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น
00:04:34 → 00:04:39 เวลากินแป้งสาลีหรือธัญพืชอื่นๆ ไม่ได้เกิดจากกลูเตนเท่านั้น
00:04:39 → 00:04:42 ดังนั้นชื่อที่เหมาะสมกับสภาวะไวต่อกลูเตน แต่ไม่ใช่โรคช่องท้อง
00:04:42 → 00:04:45 อาจจะเป็นแค่อาการแพ้แป้งสาลี