00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีนะครับก็มาเจอกันอีกครั้งนะครับ
00:00:02 → 00:00:04 ที่สนนี้ก็เป็นผู้สอนที่ 10 นะครับของ
00:00:04 → 00:00:07 ซีรีส์ในคอเบโค่คุยกันอยู่นะครับวันนี้
00:00:07 → 00:00:09 เราจะมาคุยเรื่องของโรคทางสมองกันอีก 3
00:00:09 → 00:00:11 รอบนะครับซึ่งชั้น 3 โรงเรียนทั่วเป็นโรค
00:00:11 → 00:00:14 ที่พบได้บ่อยนะครับแล้วก็พบได้เพิ่มขึ้น
00:00:14 → 00:00:16 แล้วก็เชื่อว่าหลายคนยังไม่ค่อยรู้จักสาม
00:00:16 → 00:00:19 โลกนี้ในรายละเอียดสักเท่าไหร่นะครับสาม
00:00:19 → 00:00:21 โลกที่ว่านั่นก็คือรอกอัลไซเมอร์นะครับ
00:00:21 → 00:00:23 โรคจัดสรรนะครับแล้วก็โรคไมเกรนนะครับ
00:00:24 → 00:00:26 ซึ่งเป็นโรคทางสมองทั้ง 3 โรควันนี้นะ
00:00:26 → 00:00:28 ครับจะมาคุยถึง 3 โรคนี้กันว่ามันมี
00:00:28 → 00:00:30 ลักษณะเป็นยังไงนะครับและที่สำคัญที่อยาก
00:00:30 → 00:00:33 จะพูดถึงอีกสาเหตุหนึ่งเพราะว่าทั้ง 3
00:00:33 → 00:00:35 โรคนี้นะครับปัจจุบันวันนี้ข้อมูลมากขึ้น
00:00:35 → 00:00:38 นะคะว่าการดูแลจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมัน
00:00:38 → 00:00:41 อาจจะช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงของโรค
00:00:41 → 00:00:43 เหล่านี้ได้แต่ก็จะเข้าเนื้อหานะครับว่า
00:00:43 → 00:00:45 ขอพูดถึงผู้สนับสนุนซีรีส์ใส่เข้าไปองค์
00:00:45 → 00:00:47 ของเรากันอีกครั้งนะครับก็คือบริษัทบทกัน
00:00:47 → 00:00:50 นะครับบริษัทการเป็นใครนะครับก็เป็น
00:00:50 → 00:00:52 บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิจัยที่
00:00:52 → 00:00:54 เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเกาะไมโครไบโอม
00:00:54 → 00:00:56 นะครับจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
00:00:56 → 00:00:59 พระจอมเกล้าธนบุรีบางมดนะครับโดยทางวัด
00:00:59 → 00:01:01 กันเนี่ยเขาขอให้บริการนะครับตรวจแล้วก็
00:01:01 → 00:01:03 วิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้กับคนทั่วไป
00:01:03 → 00:01:06 เพื่อให้ผู้ที่ผิดตัวนะครับแล้วก็โตคุณ
00:01:06 → 00:01:08 เรียนรู้ว่าจุลินทรีย์ที่มีลำไส้ของคุณ
00:01:08 → 00:01:11 เนี่ยอยู่ในลักษณะตามไหนนะคะบีมีสภาวะแบบ
00:01:11 → 00:01:13 ไหนมีแบคทีเรียตัวไหนว่ากูหลายมากไปหรือ
00:01:13 → 00:01:16 เปล่าหรือว่ามีน้อยเกินไปหรือเปล่าเราจาก
00:01:16 → 00:01:19 นี้ทางบทการนะครับก็จะมีหลักโภชนาการครับ
00:01:19 → 00:01:21 ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องของการกินด้วยคำ
00:01:21 → 00:01:23 แนะนำกับคนที่กินอะไรเนี่ยก็จะอิงมาจากผล
00:01:23 → 00:01:26 การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้นะครับเพื่อให้
00:01:26 → 00:01:28 อาหารที่เรากินเข้าไปเนี่ยเข้าไปทำให้
00:01:28 → 00:01:30 ระบบนิเวศของจุลินทรีย์ลำไส้ของเราและ
00:01:30 → 00:01:34 แข็งแรงขึ้นตามสโลแกนของบริษัทหมดกันนะ
00:01:34 → 00:01:36 ครับที่ว่าสุขภาพดีให้ผู้เชี่ยวชาญ
00:01:36 → 00:01:41 จุลินทรีย์ดูแลคุณ
00:01:41 → 00:01:45 เมื่อพูดถึงคำว่าโรคอัลไซเมอร์นะครับ
00:01:45 → 00:01:47 เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นะพอดีครับนี้เนี่ย
00:01:47 → 00:01:49 สิ่งที่นึกขึ้นมาก็คือเรื่องของความจำ
00:01:49 → 00:01:51 เสื่อมนะครับหรือว่าเรื่องของภาวะสมอง
00:01:51 → 00:01:54 เสื่อมบางคนเนี่ยอาจจะนึกต่อนะคะว่าโรค
00:01:54 → 00:01:56 อัลไซเมอร์มันคือเป็นโรคที่เป็นไปตามวัย
00:01:56 → 00:01:59 คือหมายถึงว่าถ้าอายุมากๆขึ้นนะครับใครๆ
00:01:59 → 00:02:01 ก็ต้องก็เพราะว่าเป็นเรื่องของความเสื่อม
00:02:01 → 00:02:05 ของสมองซึ่งต้องบอกว่ามันไม่ถูกสักที
00:02:05 → 00:02:07 เดียวนะคะมันไม่ถูกต้องซะทีเดียวก็เลย
00:02:07 → 00:02:09 อยากจะขอเริ่มต้นนะครับเดี๋ยวเรื่องของ
00:02:09 → 00:02:11 อัลไซเมอร์ด้วยกันแจ้งความเข้าใจผิด 2
00:02:11 → 00:02:13 ข้อนี้ก่อนอย่างแรกสุดเลยนะครับ
00:02:13 → 00:02:15 อัลไซเมอร์นะมันไม่ใช่แค่เรื่องของความจำ
00:02:15 → 00:02:17 เท่านั้นนะครับจะไม่ต้องเป็นเรื่องของ
00:02:17 → 00:02:20 พฤติกรรมเรื่องของอารมณ์ต่างๆด้วยและจะ
00:02:20 → 00:02:22 ว่าไปแล้วเนี่ยในคนที่ป่วยมากๆนะครับ
00:02:22 → 00:02:24 เรื่องที่ใหญ่กว่านะครับเดี๋ยวเป็นปัญหา
00:02:24 → 00:02:26 มากกว่าเนี่ยก็คือจะเป็นเรื่องของพวก
00:02:26 → 00:02:28 กิจกรรมหรือลบจะได้ซ้ำนะครับเดี๋ยวจะเล่า
00:02:28 → 00:02:30 ให้ฟังนะครับและพญาความให้ฟังเพิ่มเติม
00:02:30 → 00:02:33 อย่างที่ 2 ก็คือว่าอัลไซเมอร์เนี่ยไม่
00:02:33 → 00:02:35 ใช่ภาวะปกตินะครับไม่ใช่สภาวะธรรมชาติ
00:02:35 → 00:02:38 หมายถึงว่าไม่ใช่แปลว่าทุกคนที่อายุมาก
00:02:38 → 00:02:40 ขึ้นจะต้องป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
00:02:40 → 00:02:42 อัลไซเมอร์นี่มันเป็นโรคนะครับเหมือนที่
00:02:42 → 00:02:46 คนอายุมากขึ้นคนนั้นจะเป็นต้องเป็นโรคเบา
00:02:46 → 00:02:48 หวานหรือว่าไม่ต้องเป็นโรคหัวใจแล้วเราไป
00:02:48 → 00:02:50 เสมอเนี่ยมันก็ยังพอลดความเสี่ยงได้นะ
00:02:50 → 00:02:52 ครับหรือครับโรคเบาหวานโรคหัวใจมันก็มี
00:02:52 → 00:02:54 วิธีป้องกันถูกไหมครับอัลไซเมอร์ก็เช่น
00:02:54 → 00:02:56 กันก็คือว่าว่ามันมีหลายระยะที่เราจะ
00:02:56 → 00:02:59 สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ได้
00:02:59 → 00:03:01 แค่นี้หลังจากที่แก้ความเข้าใจผิดบาง
00:03:01 → 00:03:03 อย่างแล้วนะครับสังเคราะห์นี้นะครับก็มา
00:03:03 → 00:03:05 ดูกันนะครับว่าอัลไซเมอร์อ่ะคืออะไร
00:03:05 → 00:03:07 อัลไซเมอร์นะครับเป็นโรคสมองเสื่อมชนิด
00:03:07 → 00:03:10 นึงนะครับก็คือหมายเพราะว่าโรคสมองเสื่อม
00:03:10 → 00:03:13 มันมีหลายโรคมากนะครับเป็นครับบางกว้างๆ
00:03:13 → 00:03:16 เราหนึ่งในโลกของสมองเสื่อมทั้งหลายแล้ว
00:03:16 → 00:03:17 ก็มีโรคอัลไซเมอร์เนี่ยเป็นหนึ่งในนั้น
00:03:17 → 00:03:21 แล้วอ่าเสมอเนี่ยก็ถือว่าเป็นโรคที่พบ
00:03:21 → 00:03:23 บ่อยที่สุดในสมองเสื่อมทั้งหลายนะครับคือ
00:03:23 → 00:03:25 พบประมาณ 80 cm ของคนที่ป่วยเป็นโรคสมอง
00:03:25 → 00:03:27 เสื่อมทั้งหมดสำหรับสาเหตุที่แท้จริง
00:03:27 → 00:03:30 อย่างเรายังไม่รู้แน่ชัดนะครับแต่ไม่ได้
00:03:30 → 00:03:31 แปลว่าเราไม่รู้อะไรนะครับเรามีความรู้
00:03:31 → 00:03:33 เกี่ยวโรคอัลไซเมอร์เนี่ยค่อนข้างเยอะนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับพี่แต่ว่าเรายังไม่สามารถที่จะปรับ
00:03:35 → 00:03:37 ฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วมั่นใจหรือว่า
00:03:37 → 00:03:39 ต่อภาพทั้งหมดอ้ายเฮ็ดว่าอัลไซเมอร์แต่
00:03:39 → 00:03:43 มันดีก็บวนการขั้นตอนการเกิดยังไงบ้างที่
00:03:43 → 00:03:44 เรารู้แน่ๆก็คือว่าสมองของคนที่เป็น
00:03:44 → 00:03:47 อัลไซเมอร์เนี่ยจะมีโปรตีนชนิดเองนะครับ
00:03:47 → 00:03:49 ที่มีชื่อเรียกร้อนในภาษาทางวิทยาศาสตร์
00:03:49 → 00:03:52 ว่าเบต้าไว้ลอยมันเข้าไปจับอยู่ที่เซลล์
00:03:52 → 00:03:55 สมองนะครับแล้วเปอร์เซ็นต์นี่มันจะไปทำ
00:03:55 → 00:03:57 ให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทเนี่ยมัน
00:03:57 → 00:03:59 ทำไมไม่ดีหรือจะบอกว่าเซลล์ประสาทมันมี
00:03:59 → 00:04:02 การเสียหายก็เข้าไปสามารถจะคุยกันได้แล้ว
00:04:02 → 00:04:05 สมองส่วนไหนที่มีโปรตีนตัวนี้ไปจับอยู่
00:04:05 → 00:04:07 เยอะนะครับสมองส่วนนั้นเนี่ยก็จะเสียหาย
00:04:07 → 00:04:09 โดยทั่วไปนะครับในช่วงระยะแรกๆของการเป็น
00:04:09 → 00:04:11 โรคเนี่ยตัวโปรตีนไปตามใบลอยเดี๋ยวมันจะ
00:04:11 → 00:04:14 ไปพบเยอะนะครับ Brain ส่วนสมองที่เกี่ยว
00:04:14 → 00:04:18 ข้องกับความจำระยะสั้นทำให้อาการเริ่มแรก
00:04:18 → 00:04:20 ของอัลไซเมอร์เนี่ยมันจะเกี่ยวข้องกับการ
00:04:20 → 00:04:23 สูญเสียความจำนะครับโดยเฉพาะความจำระยะ
00:04:23 → 00:04:26 สั้นแต่เมื่ออาการเป็นมากขึ้นตัวโปรตีนก็
00:04:26 → 00:04:29 จะขยายไปเกาะที่เเบรนด์หรืออื่นๆครับที่
00:04:29 → 00:04:32 สูงส่วนอื่นทำให้เกิดการเสียหายในสมอง
00:04:32 → 00:04:35 ส่วนอื่นๆร่วมด้วยคราวนี้เรามาดูอาการ
00:04:35 → 00:04:37 ทั้งหมดของอัลไซเมอร์กันนะครับว่าคนที่
00:04:37 → 00:04:39 เปิดล็อคไซเมอร์เนี่ยมันจะมีอาการอะไร
00:04:39 → 00:04:43 บ้าง
00:04:43 → 00:04:46 อย่างแรกสุดนะครับก็จะเริ่มของความจำนะคะ
00:04:46 → 00:04:48 หน้าที่หลายๆคนคุ้นเคยกันดีนะครับการเสีย
00:04:48 → 00:04:51 ความจำในช่วงแรกๆนะครับก็จะรับทำการเสียบ
00:04:51 → 00:04:53 ความจำระยะสั้นนะครับเช่นลืมสิ่งที่เพิ่ง
00:04:53 → 00:04:55 ทำไปเมื่อกี้นะครับหรือว่าระหว่างที่
00:04:55 → 00:04:57 กำลังพูดอะไรอยู่การจะลืมได้นะครับหรือ
00:04:57 → 00:05:00 กระทั่งลืมสิ่งที่เคยนะครับทำเป็นจะทำนะ
00:05:00 → 00:05:03 ครับทำจนกระทั่งเคยชินเช่นอ๋อลืมวิธีเล่น
00:05:04 → 00:05:06 เกมครับพี่เก็บบางอย่างหรือว่าไพ่ประหยัด
00:05:06 → 00:05:08 ที่เล่นมาหลายๆปีเนี่ยเราก็เล่นบักลูกจน
00:05:08 → 00:05:11 คุ้นเคยเนี่ยกว่าจะลืมได้นะครับหรือว่า
00:05:11 → 00:05:13 ลืมเรื่องของเส้นทางนะครับมาจากเส้นทาง
00:05:13 → 00:05:16 ที่คุณเคยนะครับก็คือเส้นทางจากบ้านนะ
00:05:16 → 00:05:18 ครับไปที่ทำงานเส้นทางจากบ้านไปตลาดนะ
00:05:18 → 00:05:21 ครับทำให้หลายคนเนี่ยหลงทางได้ง่ายเช่น
00:05:21 → 00:05:24 ออกไปเดินเล่นแถวหน้าบ้านนะครับก็หลงไม่
00:05:24 → 00:05:27 สวัสดีกลับบ้านไม่ถูกอ่อนรั้วจะเป็น
00:05:27 → 00:05:29 เรื่องของความจำที่ความของลืมเท่านั้น
00:05:29 → 00:05:32 ภาษานะครับทำให้พูดอยู่แล้วหยุดเพราะว่า
00:05:32 → 00:05:34 นึกคำไม่ออกนะครับนกประโยคที่จะต้องพูด
00:05:34 → 00:05:38 ไม่ออกซึ่งคนปกติเกิดได้นะครับแต่ถ้าบ่อย
00:05:38 → 00:05:41 ขึ้นนะที่สัญญาณว่าเป็นเรื่องของโรค
00:05:41 → 00:05:43 อัลไซเมอร์นะครับต้องเรียนจากนั้นนะครับ
00:05:43 → 00:05:46 เป็นเรื่องของการลืมของนะครับเช่นหาของ
00:05:46 → 00:05:48 ไม่เจอนะครับซึ่งแน่นอนเกิดขึ้นได้กับทุก
00:05:48 → 00:05:51 คนนะครับเราก็เป็นได้แต่ว่าในคนประดิษฐ์
00:05:51 → 00:05:53 ส่วนใหญ่เดี๋ยวพระลืมมาสักอย่างเนี่ยเรา
00:05:53 → 00:05:55 อาจจะผ่อนดึกออกนะครับว่ากว่านั้นเนี่ย
00:05:55 → 00:05:59 เราทำอะไรนะครับเราจะพ่อแม่กับทวนความจำ
00:05:59 → 00:06:01 เหลือเพียงย้อนแต่เรากลับไม่ได้นะครับว่า
00:06:01 → 00:06:03 ก่อนหน้าเนี่ยเราของที่วางไว้ที่ไหนแต่คน
00:06:03 → 00:06:05 ที่เริ่มเป็นอัลไซเมอร์นะครับจะไม่สามารถ
00:06:05 → 00:06:08 ทำแบบนี้ได้นะครับทำให้หลายครั้งเนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 เมื่อของหายไปเนี่ยนี่ก็จะขย้ำยกโทษความ
00:06:11 → 00:06:13 จำว่าขอไปอยู่ที่ไหนเนี่ยหลายคนก็จะคิด
00:06:13 → 00:06:16 ว่าเหมือนกับมีคนมาขโมยไปนะครับหรือว่า
00:06:16 → 00:06:19 อ่อนโดนคนอื่นอ่ะเอาของไปในคนที่เป็นมาก
00:06:19 → 00:06:21 ขึ้นนะครับนอกเหนือจากความจำในก็จะมี
00:06:21 → 00:06:23 เรื่องของการกะสินใจที่ผิดพลาดนะครับการ
00:06:23 → 00:06:25 จะสะใจที่ผิดพลาดอยากจะเป็นเนื้อเรื่อง
00:06:25 → 00:06:28 เล็กๆนะครับเช่นอาจจะพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด
00:06:28 → 00:06:30 นะครับแม้แต่ขอเวลาอยู่ในครอบครัวนะครับ
00:06:30 → 00:06:32 ก็พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดหรือไม่เหมาะสมใน
00:06:33 → 00:06:35 เวลานั้นเนี่ยตอนที่อยู่กับคนอื่นรวมไป
00:06:35 → 00:06:37 ถึงการตัดสินใจภาพในเรื่องใหญ่ๆนะครับว่า
00:06:37 → 00:06:39 จะเรื่องของการค้าขายนะครับเรื่องของการ
00:06:39 → 00:06:42 ลงทุนเรื่องของการใช้เงินต่างๆต้องเรียน
00:06:42 → 00:06:44 จากนี้นะครับต้องเหลือจากความจำเนี่ยก็จะ
00:06:45 → 00:06:46 มีเรื่องของพฤติกรรมนะครับเรื่องของ
00:06:46 → 00:06:50 บุคลิกนะครับทำให้ผู้ป่วยหลายคนพอช่วงที่
00:06:50 → 00:06:53 เป็นมากขึ้นอยากจะมีเหมือนมีนิสัยเปลี่ยน
00:06:53 → 00:06:55 ไปนะครับดูมาเป็นคนที่เปลี่ยนไปเลยนะครับ
00:06:55 → 00:06:58 ทำให้แม้แต่คนที่คุณเคยรู้สึกว่าผู้ป่วย
00:06:58 → 00:07:01 เหมือนคนเป็นคนปหัวหน้าครับรู้สึกว่าไม่
00:07:01 → 00:07:04 ต่างจากคนที่รู้จักกันมาแปบ 40 ปี 50 ปี
00:07:04 → 00:07:07 แล้วในคนที่เป็นมากๆเลยนะครับสมองจะไม่
00:07:07 → 00:07:10 สามารถควบคุมการทำงานต่างๆของร่างกายได้
00:07:10 → 00:07:12 นะครับที่เหลือของการขับถ่ายคือไม่สวัสดี
00:07:12 → 00:07:15 จากการปัสสาวะได้ไม่สามารถที่จะกลั้นหนู
00:07:15 → 00:07:17 จะราได้นะครับบางคนจะมีปัญหาเรื่องของการ
00:07:17 → 00:07:20 กลืนนะครับกลืนไม่ค่อยลงทำให้สุดท้ายใน
00:07:20 → 00:07:22 ผู้ป่วยเท่านอนเป็นเตียงนะครับไปไหนมาไหน
00:07:22 → 00:07:24 ไม่ได้แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ที่นี่
00:07:24 → 00:07:27 ภาพตัวในใจว่าตัวโลกเรียนนะคะเพราะ
00:07:27 → 00:07:29 อัลไซเมอร์เนี่ยผู้ป่วยเองเนี่ยอาจจะไม่
00:07:29 → 00:07:31 ได้ทุกข์ทรมานมากขึ้นถึงว่าด้วยความที่
00:07:31 → 00:07:34 สมองจะจำอะไรไม่ค่อยได้นะครับมันก็เลย
00:07:34 → 00:07:36 เหมือนกับตัวเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก
00:07:36 → 00:07:39 ไม่รู้ตัวแต่ญาติพี่น้องใกล้ชิดต้องดูแล
00:07:39 → 00:07:41 เนี่ยะจะค่อนข้างลำบากนะครับแล้วก็เครียด
00:07:41 → 00:07:44 มากส่วนหนึ่งก็ตรงไปตรงมานะครับก็คือ
00:07:44 → 00:07:45 เมื่อพบป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เดี๋ยว
00:07:45 → 00:07:48 คนที่ต้องดูแลก็เหนื่อยหน่อยแต่ที่คนกลัว
00:07:48 → 00:07:50 โลกนี้กันมากนะครับเพราะว่าโรคอัลไซเมอร์
00:07:50 → 00:07:52 เดี๋ยวมันจะทำให้คนที่เราเหมือนกับคุณเคย
00:07:52 → 00:07:55 นะครับรักกันนะครับหรือว่าอยู่ด้วยกันมา
00:07:55 → 00:07:58 หลายสิบปีเนี่ยกลายเป็นคนแต่งหน้าไปนิสัย
00:07:58 → 00:08:01 เปลี่ยนไปจำเราไม่นี้นะครับหลายครั้งแต่
00:08:01 → 00:08:05 ก็โกรธครับกฎลูกกรดหลานนะครับกดพระยาถาม
00:08:05 → 00:08:08 ว่าขโมยของบ้างนะครับหรือว่าออกโกรธสามี
00:08:08 → 00:08:11 ภรรยานะครับพาว่านอกใจได้ซึ่งเรื่องเหล่า
00:08:11 → 00:08:13 นี้มันจะค่อนข้างทำร้ายจิตใจกับญาติใกล้
00:08:13 → 00:08:16 ชิดที่เคยดูแลกันมาหรือว่าคุ้นเคยกันมา
00:08:16 → 00:08:18 นานซึ่งหลายครั้งนะครับคนที่ดูแลเองในก็
00:08:18 → 00:08:21 ทนไม่ไหวนะครับผมดูเวลาบางคนก็มีภาวะซึม
00:08:21 → 00:08:23 เศร้านะครับแล้วก็ทำให้เหมือนกับต้องทอด
00:08:23 → 00:08:26 ทิ้งผู้ป่วยนะครับแต่ว่าตัวเองนี้ก็ยัง
00:08:26 → 00:08:28 ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดนะครับรู้สึก
00:08:28 → 00:08:30 เศร้าที่ต้องทอดทิ้งคนรักหรือว่าทอดทิ้ง
00:08:30 → 00:08:32 พ่อแม่ตัวเองอันนี้ก็เป็นเหตุผลเขาจะไป
00:08:32 → 00:08:34 หลายคนก็รู้สึกนะคะว่าโรคอัลไซเมอร์
00:08:34 → 00:08:36 เดี๋ยวเป็นโรคที่คนข้างน่ากลัวนะครับแล้ว
00:08:36 → 00:08:39 ก็ไม่อยากเป็นซึ่งจะนำไปสู่คำถามถัดไปก็
00:08:39 → 00:08:40 คือว่าโรคอัลไซเมอร์เนี่ยเป็นโรคที่รักษา
00:08:41 → 00:08:43 ได้หรือเปล่านะครับว่าป้องกันให้เกิดได้
00:08:43 → 00:08:47 ไหม
00:08:47 → 00:08:50 ในแง่ของการรักษานะครับปัจจุบันในต้องถือ
00:08:50 → 00:08:52 ว่าโรคอัลไซเมอร์เนี่ยมันยังไม่มีการ
00:08:52 → 00:08:55 รักษาที่จะทำให้หายขาดได้นะครับแต่ก็ไม่
00:08:55 → 00:08:57 ได้แปลว่าไม่มีการรักษานะครับให้จอ Focus
00:08:57 → 00:08:59 อกการรักษาหรือเป้าหมายของการรักษาเนี่ย
00:08:59 → 00:09:03 อ่ะก็จะค่อนข้างไปในทางที่มันก็พยายามที่
00:09:03 → 00:09:06 จะชะลอความเร็วของการกำเนินของโลกนะครับ
00:09:06 → 00:09:09 ก็คือพวกนี้คือให้โลกมันแย่ลงช้าลงนะครับ
00:09:09 → 00:09:11 หรือว่าไปรับน้องการรักษาที่ช่วยคุณภาพ
00:09:11 → 00:09:14 ชีวิตของผู้ป่วยและก็ญาติที่ดูแลเนี่ย
00:09:14 → 00:09:17 อ่อนดีขึ้นดังนั้นนะครับเมื่อโลกมันยัง
00:09:17 → 00:09:19 ไม่มีทางรักษามันก็เลยมีความพยายามที่จะ
00:09:19 → 00:09:21 โฟกัสเป็นเนี่ยของการป้องกันนะครับหรือ
00:09:21 → 00:09:24 ว่าลดความเสี่ยงของการเกิดเป็นโรคนี้ซึ่ง
00:09:24 → 00:09:27 ใบว่าปัจจุบันเราจะไม่มีวิธีป้องกันที่
00:09:27 → 00:09:28 ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับแต่ว่า
00:09:28 → 00:09:30 ปัจจุบันเราก็รู้ว่ามันมีหลายปัจจัยนะ
00:09:30 → 00:09:32 ครับที่มันสามารถที่จะช่วยลดความเสี่ยง
00:09:32 → 00:09:35 ของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้และที่ดีมากๆ
00:09:35 → 00:09:37 ก็คือวิธีลดความเสี่ยงให้เกิดโรค
00:09:37 → 00:09:40 อัลไซเมอร์นะครับมันก็เป็นวิธีเดียวกับ
00:09:40 → 00:09:41 ที่ใช้ป้องกันโรคคนอื่นๆครับที่เรากลัว
00:09:41 → 00:09:43 กันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคเบาหวานนะ
00:09:43 → 00:09:46 ครับโรคหัวใจนะครับโรคมะเร็งหรือพูดง่ายๆ
00:09:46 → 00:09:49 ก็คือว่าถ้าเราทำเพื่อป้องกันโรคคืนได้นะ
00:09:49 → 00:09:50 ครับก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรค
00:09:50 → 00:09:54 อัลไซเมอร์ได้ที่นี่วิธีการที่สามารถจะลด
00:09:54 → 00:09:56 ความเสี่ยงได้หรือว่าการเปรียบไว้ทรายที่
00:09:56 → 00:09:59 จะช่วยลดความเสียดายในมันมีอะไรนะครับตัว
00:09:59 → 00:10:01 อย่างก็เช่นนะครับที่บ่เคยกันดีนะครับ
00:10:01 → 00:10:03 เรื่องของการต่อลดเหล้านะครับสูตรไข่คน
00:10:03 → 00:10:06 ที่ดื่มเหล้าเยอะนะครับเดี๋ยวขอเยอะเนี่ย
00:10:06 → 00:10:08 ก็เรื่องของการรถเล่านะครับถ้าเป็นคนที่
00:10:08 → 00:10:10 สุดบุหรี่อยู่กันเลิกบุหรี่เนี่ยก็จะช่วย
00:10:10 → 00:10:13 ลดความเสี่ยงได้การกินอาหารที่ดีสุขภาพนะ
00:10:13 → 00:10:15 ครับซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายมากนะครับก็จะ
00:10:15 → 00:10:17 เป็นเรื่องของการรบแดงนะครับพยายามเพิ่ม
00:10:17 → 00:10:20 ผักผลไม้ขอในอาหารให้มากขึ้นนะครับกินพวก
00:10:20 → 00:10:24 อาหารจักพืชเนี่ยให้อย่างสม่ำเสมอเรื่อง
00:10:24 → 00:10:26 ของการออกกำลังกายนะครับเราถ้ามีโรคประจำ
00:10:26 → 00:10:28 ตัวอื่นนะครับเช่นโรคเบาหวานนะครับว่าควร
00:10:28 → 00:10:32 เลยสูงนะครับก็พยามควบคุมโรคเหล่านั้นที่
00:10:32 → 00:10:35 ดีนะครับคือพยายามรักรักษานะครับหรือว่า
00:10:35 → 00:10:37 คุมปรับเปลี่ยนร้านใส่ต่างให้โลกเรียนมัน
00:10:37 → 00:10:40 สามารถคุมได้ดีมันก็จะช่วยลดความเสี่ยง
00:10:40 → 00:10:43 ของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ด้วยต้องนี้จะนี้
00:10:43 → 00:10:45 นะครับเป็นเรื่องของทางสังคมนะครับเช่นคน
00:10:45 → 00:10:48 ที่มีสังคมนะครับเข้าสังคมติดต่อกับ
00:10:48 → 00:10:52 เพื่อนๆโอกาสที่ได้ไปเจอพูดคุยนะครับก็จะ
00:10:52 → 00:10:54 มีความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์น้อยลงเท่า
00:10:54 → 00:10:58 นั้นจะมีเงินเป็นเรื่องของการใช้สมองนะ
00:10:58 → 00:11:00 ครับได้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆมาเรื่อย
00:11:00 → 00:11:02 ๆนะครับเช่นเรื่องของการอ่านหนังสือนะ
00:11:02 → 00:11:04 ครับเรื่องของการอย่างเช่นเรื่องมาสุดใคร
00:11:04 → 00:11:06 ที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องของโลกแล้วมาฟัง
00:11:06 → 00:11:08 เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังเหล่านี้นะครับ
00:11:08 → 00:11:11 เรื่องใหม่ๆนะครับเรียนรู้ภาษาใหม่ๆนะ
00:11:11 → 00:11:13 ครับเล่นดนตรีนะครับหรือว่าการเดินทาง
00:11:13 → 00:11:16 ท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆจะพบปะผู้คน
00:11:16 → 00:11:18 ใหม่ๆเนี่ยก็ช่วยลดความเสี่ยงของโรค
00:11:18 → 00:11:21 อัลไซเมอร์ได้แล้วดึงปัจจัยสำคัญนะครับ
00:11:21 → 00:11:23 ที่ปัจจุบันนักเรียนสารนะคะหมอเนี่ยเพิ่ง
00:11:23 → 00:11:26 จะเรียนรู้กันไม่นานนะครับก็คือเรื่องของ
00:11:26 → 00:11:29 จุลินทรีย์นำไส้มันอาจจะเกี่ยวข้องรถจะ
00:11:29 → 00:11:31 สำคัญเลยนะครับผมการเกิดโรคอัลไซเมอร์
00:11:31 → 00:11:34 ด้วยเช่นกันและแน่นอนว่าการดูแล
00:11:34 → 00:11:37 จุลินทรีย์ในลำไส้ของเราเนี่ยจะช่วยลดการ
00:11:37 → 00:11:39 เกิดเข้าใส่เมื่อด้วยเช่นกันฟังมาถึงตรง
00:11:39 → 00:11:41 นี้นะผมก็เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกถึงใส
00:11:41 → 00:11:43 ขึ้นมานะคะว่าไอ้แล้วจู่ๆเนี่ยเหมือนกับ
00:11:43 → 00:11:46 นักเดียวศาสตร์หรือหมอนะครับมาเห็นความ
00:11:46 → 00:11:47 สัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์ลำไส้กับโรค
00:11:47 → 00:11:50 อัลไซเมอร์ได้ยังไงนะครับทำไมจู่ๆฉันคิด
00:11:50 → 00:11:52 ว่าโรคของสมองเนี่ยมันจะมาเกี่ยวข้องกับ
00:11:52 → 00:11:58 จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ได้
00:11:58 → 00:12:01 เรื่องกล่าวนะแต่ว่าครั้งแรกๆนะครับที่นะ
00:12:01 → 00:12:03 คะยาศาสตร์เดี่ยวสนใจว่าโรคอัลไซเมอร์มัน
00:12:03 → 00:12:06 จะเกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์นะมาไส้เด่นมัน
00:12:06 → 00:12:09 เริ่มมาจากตอนที่พยายามมีความพยายามนะคะ
00:12:09 → 00:12:11 ที่จะสร้างหนูที่มีพันธุกรรมที่เสี่ยงจะ
00:12:11 → 00:12:14 เป็นโรคอัลไซเมอร์ขึ้นมาก็อย่างนี้ครับ
00:12:14 → 00:12:16 ปกติในการทดลองทางการแพทย์เนี่ยทาง
00:12:16 → 00:12:19 วิทยาศาสตร์เวลาเราจะลองในสัตว์เราจะต้อง
00:12:19 → 00:12:21 เหมือนกับคัดเลือกสายพันธุ์สัตว์เอามา
00:12:21 → 00:12:23 ก่อนหนูจะลองขึ้นมาก่อนนะครับที่จะทำให้
00:12:23 → 00:12:26 มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคที่เราอยากจะ
00:12:26 → 00:12:28 ศึกษาเช่นอย่างไรนี่ของอัลไซเมอร์สมุดนัก
00:12:28 → 00:12:30 เรียนศาสตร์กับศึกษาเนี่ยก็ต้องพยายาม
00:12:30 → 00:12:32 เหมือนกับสร้างแล้วคันเรื่องสายพันธุ์หนู
00:12:32 → 00:12:34 ที่มีความเสี่ยงจะเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมา
00:12:34 → 00:12:37 ก่อนเคยเป็นอนิมะโมเดลนะครับเพื่อจะนำมา
00:12:37 → 00:12:41 ใช้ทดลองและศึกษาต่างๆที่นี่เมื่อคัด
00:12:41 → 00:12:43 เลือกจะไปตั้งได้หนูสายพันธุ์ที่มีความ
00:12:43 → 00:12:45 เสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ขึ้นมาแล้ว
00:12:45 → 00:12:47 เนี่ยแล้วก็มีระยะสาดนะครับที่เหมือนกับ
00:12:47 → 00:12:50 ไปศึกษา jun 4 ลำไส้ของหนูเหล่านี้นะ
00:12:50 → 00:12:51 ครับผมที่มีความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์
00:12:51 → 00:12:54 เนี่ยยกคนเพราะว่าจุลินทรีย์นำใช่ของดู
00:12:54 → 00:12:57 แล้วเนี่ยมันต่างไปจากจุลินทรีย์ในลำไส้
00:12:57 → 00:13:00 ของหนูปกติและเมื่อไปศึกษาในรายละเอียดก็
00:13:00 → 00:13:02 เพราะว่าความต่างที่ว่ามันมีความต่างหลาย
00:13:02 → 00:13:05 ลักษณะด้วยกันนะครับเช่นอาจจะมีเรื่องของ
00:13:05 → 00:13:07 ความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ย
00:13:07 → 00:13:10 ที่น้อยกว่าหนูปกติหรือว่าชนิดของ
00:13:10 → 00:13:12 จุลินทรีย์ก็ต่างไปนะครับเช่นในหนูที่มี
00:13:12 → 00:13:14 ความเสี่ยงอัลไซเมอร์เดี๋ยวมันจะมี
00:13:14 → 00:13:16 จุลินทรีย์บางชนิดเนี่ยน้อยกว่าหนูทั่วไป
00:13:16 → 00:13:19 และมีบังจุนจีมาชนิดเนี่ยพบมากกว่าในหนู
00:13:19 → 00:13:21 ทั่วไปมันก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมานะคะ
00:13:21 → 00:13:23 ว่าไอ้ความต่างของจุลินทรีย์เดี๋ยวมันจะ
00:13:23 → 00:13:25 เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือ
00:13:25 → 00:13:28 เปล่าในเวลาต่อมาก็มีการศึกษาในคอนะครับ
00:13:28 → 00:13:30 แล้วก็พบว่าในมนุษย์เนี่ยนะครับก็มี
00:13:30 → 00:13:32 ลักษณะคล้ายๆกันก็คือว่าจุลินทรีย์น้ำไส้
00:13:32 → 00:13:34 ของคนที่เปิดโรคอัลไซเมอร์เนี่ยก็จะมี
00:13:34 → 00:13:36 ความต่างไปจากคนที่ไม่เปิดโรคอัลไซเมอร์
00:13:36 → 00:13:39 เหมือนกันเราก็จะรักษาให้คล้ายกันก็คือ
00:13:39 → 00:13:41 ว่าจะมีความหลากหลายที่น้อยกว่านะครับ
00:13:41 → 00:13:43 แล้วก็มีจุลินทรีย์บางชนิดเลือกมากขึ้นนะ
00:13:43 → 00:13:46 ครับชีวิตน้อยลงดังนั้นคำถามถัดไปนะครับ
00:13:46 → 00:13:49 ก็คือว่าแล้วจุนซีนลำไส้ที่มันเปลี่ยนไป
00:13:49 → 00:13:51 นะครับมันจะไม่เกี่ยวข้องกับโรค
00:13:52 → 00:13:54 อัลไซเมอร์ของสมองเนี่ยถ้ายังไงสำหรับคน
00:13:54 → 00:13:56 ไก่นะครับว่าจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมัน
00:13:56 → 00:13:58 เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
00:13:58 → 00:14:00 อย่างไรปัจจุบันเนี่ยต้องถือแต่กูก็ยัง
00:14:00 → 00:14:02 ไม่ค่อยชัดเจนนะครับแต่มันก็เป็นไปได้
00:14:02 → 00:14:05 หลายคนไกลนะครับซึ่งมันก็จะคล้ายๆกับที่
00:14:05 → 00:14:07 เราคุยกันไปแล้วในหลายๆที่สุดที่ผ่านมานะ
00:14:07 → 00:14:10 ครับตัวอย่างเช่นนะครับการจะทำงานผ่าน
00:14:10 → 00:14:13 ระบบภูมิคุ้มกันคือถ้าจุลินทรีย์รวมไส้
00:14:13 → 00:14:16 ของเราเนี่ยมันเป็นแปลงและทำให้เกิดภาวะ
00:14:16 → 00:14:19 เสพมากขึ้นนะครับก็คือแบบว่าเกิดการเพาะ
00:14:19 → 00:14:21 กันเสียบได้น้อยนะครับแต่ว่าเป็นแบบ
00:14:21 → 00:14:23 เรื้อรังเนี่ยศาลอักเสบที่สร้างขึ้นมา
00:14:23 → 00:14:25 เนี่ยมันอาจจะเข้าไปในเลือดนะครับแล้วก็
00:14:25 → 00:14:28 สามารถขึ้นไปมีผลต่อเซลล์สมองได้ที่นี่
00:14:28 → 00:14:31 การอักเสบที่เกิดขึ้นกับสมองมันจะลักษณะ
00:14:31 → 00:14:33 เศษแบบที่เกิดขึ้นน้อยนะครับแต่ว่าเป็น
00:14:33 → 00:14:35 นานๆนะครับคือไม่ใช่การเกษตรที่ทำให้เรา
00:14:35 → 00:14:37 เกิดเกิดโรคและเกิดอาการขึ้นอย่าง
00:14:37 → 00:14:40 ปัจจุบันทันด่วนนะครับมันจะมีคำเรียกที่
00:14:40 → 00:14:42 ว่า New โรยตัวเนชั่นนะครับนิวโลว์ที่แปล
00:14:42 → 00:14:45 ว่าแบบครับเซลล์ประสาทนะครับเพื่อเนชั่น
00:14:45 → 00:14:48 ที่แปลว่าการอักเสบเนี่ยอ๋อเกิดขึ้นแล้ว
00:14:48 → 00:14:51 ก็มีทฤษดีนะครับมีสมมุติฐานที่เชื่อว่าใน
00:14:51 → 00:14:53 การอักเสบแบบนี้นะครับมีเวอร์ชั่นระยะยาว
00:14:53 → 00:14:56 เนี่ยมันอาจจะนำไปสู่ร่วมตาของสมองได้
00:14:56 → 00:14:58 เช่นโรคพาร์กินสันโรคอัลไซเมอร์อย่างที่
00:14:58 → 00:15:01 ว่าไปนะครับแล้วก็มีโรคไมเกรนในบางคนนะ
00:15:01 → 00:15:04 ครับคนกันที่ 2 นะครับที่อาจจะเป็นไปได้
00:15:04 → 00:15:07 นะครับก็คือเรื่องของการที่จุนสีต่างๆที่
00:15:07 → 00:15:09 อาศัยอยู่ในลำไส้เนี่ยที่เราคุยกันไปนะ
00:15:09 → 00:15:11 ครับจุลินทรีย์เราเนี่ยมันจะสร้างสรรค์
00:15:11 → 00:15:14 ทีมอย่างต่างได้มากมายนะครับซึ่งฉันเคมี
00:15:14 → 00:15:16 พวกนี้เรามาจะเรียกรวมกันว่าอ่ะแม้แต่บน
00:15:16 → 00:15:19 LINE อีกนะครับเราหนึ่งในไม่ต้องไป C
00:15:19 → 00:15:21 สร้างมาแล้วก็เชิญพวกกรดไขมันสายสั้นที่
00:15:21 → 00:15:23 ว่าชอบเช็คพัทยาสิทธิ์ที่เราคุยกันไปหลาย
00:15:23 → 00:15:26 รอบแล้วนะครับอ่อน้องเหนือจากสารพวกชัด
00:15:26 → 00:15:28 เจนพัทยาสิทธิ์นะครับก็จะมีพวกสารสื่อ
00:15:28 → 00:15:30 ประสาทบางอย่างที่นี่ไอ้สารเคมีเหล่านี้
00:15:30 → 00:15:33 นะครับว่าจะมาไลค์ทั้งหลายเนี่ยมันมีผล
00:15:33 → 00:15:36 ต่อสมองได้นะครับซึ่งวิธีการที่มันจะไปมี
00:15:36 → 00:15:38 ผลต่อสมองเนี่ยมันก็ผ่านหลายเส้นทางด้วย
00:15:38 → 00:15:40 กันอาจจะผ่านเรื่องของเส้นประสาทในการ์ด
00:15:40 → 00:15:42 ที่เราเคยเห็นไปนะครับหรือว่าเข้าไปใน
00:15:42 → 00:15:45 เลือดแล้วก็จากเลือดในก็ขึ้นไปที่สมองนะ
00:15:45 → 00:15:49 ครับก็จะมีผลต่อการแปลงข้อมูลต่างๆอัน
00:15:49 → 00:15:51 นั้นก็เป็นโรงเรียนที่สอนนะครับก็ได้อัน
00:15:51 → 00:15:53 หนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้นะครับก็คือมีการ
00:15:53 → 00:15:55 ค้นพบว่าพวกจุลินทรีย์นะครับว่าจะว่าแบต
00:15:55 → 00:15:58 ตรีบัญชีได้ลำไส้เนี่ยมันสามารถที่จะ
00:15:58 → 00:16:01 สร้างสารหรือว่าสร้างมีสีน้ำไอลอยออกมา
00:16:01 → 00:16:04 ได้ที่นี่ถ้าจำตอนแรกคุยกันได้นะคะว่า
00:16:04 → 00:16:07 หนึ่งในลักษณะของโรคอัลไซเมอร์เนี่ยมันก็
00:16:07 → 00:16:09 คือการที่มีโปรตีนที่ชื่อว่าเบต้าไม่ลอย
00:16:09 → 00:16:12 เนี่ยไปเกาะที่ที่เซลล์ของสมองแล้วก็ทำ
00:16:12 → 00:16:14 ให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ของสมองเนี่ย
00:16:14 → 00:16:17 มันสียไปดังนั้นนะครับเมื่อมีการค้นพบว่า
00:16:17 → 00:16:19 จุลินทรีย์นำใช่เราประเทศเราใช่บางตัว
00:16:19 → 00:16:21 เนี่ยมันสามารถที่จะสร้างโปรตีนนำอะไรออก
00:16:21 → 00:16:24 มาได้เนี่ยมันก็เป็นไปได้ว่าให้โปรตีนเอา
00:16:24 → 00:16:26 ใหม่ร้อยตัวเนี้ยเหมือนอาจจะเกี่ยวข้องนะ
00:16:26 → 00:16:29 ครับกับไม่รอยที่เกิดขึ้นในสมองในเวลาต่อ
00:16:29 → 00:16:31 มาได้ด้วยโดยสรุปนะครับจะเห็นว่า
00:16:31 → 00:16:33 จุลินทรีย์รู้ไปเที่ยวต่างๆที่อาศัยอยู่
00:16:33 → 00:16:36 ในลำไส้ของเราเนี่ยมันสามารถสร้างสารเคมี
00:16:36 → 00:16:38 ออกมาได้มากมายนะครับแล้วสารเคมีเหล่า
00:16:38 → 00:16:42 เนี้ยมันสามารถเป็นมีผลต่อสมองได้ซึ่งสาร
00:16:42 → 00:16:45 บางชนิดก็จะไปป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมอง
00:16:45 → 00:16:48 เสื่อมโรคอัลไซเมอร์ขึ้นมาสารเคมีบางชนิด
00:16:48 → 00:16:51 เนี่ยเพิ่มความเสี่ยงได้ดังนั้นชนิดของ
00:16:51 → 00:16:52 จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา
00:16:52 → 00:16:55 เนี่ยก็จะมีความสำคัญว่ามันจะทำให้มีการ
00:16:55 → 00:16:57 สร้างสารเคมีกลุ่มไหมเนี่ยมากพิเศษนะครับ
00:16:57 → 00:17:00 ที่นี่การค้นพบจุลินทรีย์ในลำไส้แต่ถ้า
00:17:00 → 00:17:02 มันเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเกิดโรค
00:17:02 → 00:17:04 อัลไซเมอร์ด้วยเนี่ยมันค่อนข้างน่าสนใจ
00:17:04 → 00:17:07 มากนะครับเพราะว่าโรคนี้อย่างที่เราว่าไป
00:17:07 → 00:17:09 เป็นโรคที่ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้
00:17:09 → 00:17:12 หายขาดได้จากนั้นการป้องกันด้วยการลดความ
00:17:12 → 00:17:15 เสี่ยงมีความสำคัญมากแล้วจุลินทรีย์และลำ
00:17:15 → 00:17:17 ไส้ของเรานะครับอย่างที่เราคุยกันมาตลอด
00:17:17 → 00:17:19 นะครับประมาณสิทธิสดที่พามาเนี่ยว่าเรา
00:17:19 → 00:17:21 สามารถปรับเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ของ
00:17:21 → 00:17:24 เราได้โดยวิธีการที่ง่ายนะครับจะเรื่อง
00:17:24 → 00:17:26 ของการปรับอาหารนะครับเรื่องของปรับ
00:17:26 → 00:17:29 เปลี่ยนไว้ทรายดังนั้นก็เท่ากับว่าการ
00:17:29 → 00:17:30 ปรับเปลี่ยนง่ายเหล่านี้เป็นสามารถที่
00:17:30 → 00:17:33 ช่วยป้องกันโรคที่ไม่มีทางรักษาโรคที่ยัง
00:17:33 → 00:17:35 ไม่มีวิธีการรักษาเนี่ยให้มีความเสี่ยง
00:17:35 → 00:17:38 น้อยลงได้แล้วก็เป็นรถที่ 2 จะเป็นวันนี้
00:17:38 → 00:17:41 นะครับก็คือว่าพาร์กินสันนะครับก็เป็นสาร
00:17:41 → 00:17:42 นะครับก็เป็นโรคของสมองอีกรอบนึงนะครับ
00:17:42 → 00:17:45 ที่จะถือว่าเป็นโรคความเสื่อมของสมองนะ
00:17:45 → 00:17:48 ครับเหมือนกับโรคอัลไซเมอร์เราในโรคความ
00:17:48 → 00:17:50 เสื่อมของสมองทั้งหมดนะครับที่เราคุยไป
00:17:50 → 00:17:52 เมื่อกี้ว่าอัลไซเมอร์แนวป๊อปมากที่สุดนะ
00:17:52 → 00:17:55 ครับก็คือประมาณ 80% อันดับสองรองลงมาก็
00:17:55 → 00:17:58 คือโรคพาร์กินสันนะครับซึ่งก็ถือว่าพบได้
00:17:58 → 00:18:00 ค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน
00:18:00 → 00:18:02 จะเอาใส่มื้อเนี่ยครับเป็นประเด็นๆที่เรา
00:18:02 → 00:18:04 คุยกันไปก็จะได้ๆก็เป็นเรื่องของความจำ
00:18:04 → 00:18:07 แต่ว่าถ้าเป็นพาร์กินสันเนี่ยความผิดปกติ
00:18:07 → 00:18:09 เด่นเลยนะจะไปเรื่องของกลางเคลื่อนไหวของ
00:18:09 → 00:18:12 ร่างกายที่ผิดปกติที่ได้คำถามก็คือว่า
00:18:12 → 00:18:15 ทำไมการเคลื่อนไหวของร่างกายมันผิดปกติไป
00:18:15 → 00:18:19 คำตอบก็คือว่ามันเริ่มต้นนะครับมาจากการ
00:18:19 → 00:18:21 ที่เซลล์ในสมองกลุ่มเลยเนี่ยซึ่งเป็น
00:18:21 → 00:18:24 เซลล์ที่สร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่าโด
00:18:24 → 00:18:27 ปามีนซึ่งกลุ่มนี้มันถูกทำลายไปผลที่เกิด
00:18:27 → 00:18:29 ขึ้นก็คือว่าทำให้สารโดปามีนที่ประชาชน
00:18:29 → 00:18:33 ประสาทมันมีจำนวนน้อยลงผลต่อมาก็คือว่า
00:18:33 → 00:18:35 เมื่อสารสื่อประสาทตัวนี้มันน้อยลงเนี่ย
00:18:35 → 00:18:38 มันจะทำให้การสื่อสารในสมองมันเสียไปโดย
00:18:38 → 00:18:41 เฉพาะพงษ์จรที่โดนกระทบมากๆเนี่ยมันเป็น
00:18:41 → 00:18:44 วงจรในสมอที่เกี่ยวข้องกับการเริ่ม
00:18:44 → 00:18:47 เคลื่อนไหวนะครับก็ถือว่าตอนที่เราจะเลิก
00:18:47 → 00:18:48 ทำอะไรสักอย่างตอนเริ่มเดี๋ยวมันจะมี
00:18:48 → 00:18:51 ปัญหามันจะเริ่มได้ยากเองระบบเลยนะครับ
00:18:51 → 00:18:54 ที่เจริญผลกระทบมากเมื่อศาลโดมีมาน้อยลง
00:18:54 → 00:18:56 เนี่ยก็คือเรื่องของอารมณ์อันนี้มาดูสัก
00:18:56 → 00:18:58 นิดนะครับว่าผู้ป่วยโรคพาร์กินสันเนี่ยจะ
00:18:58 → 00:19:04 มีอาการแล้วก็มีอาการเป็นยังไงบ้าง
00:19:04 → 00:19:08 ครับอาการของโรคคนที่เปิดโรคพาร์กินสันนะ
00:19:08 → 00:19:10 ครับอาจจะมองแยกกว้างเนี่ยเป็น 2 กลุ่ม
00:19:10 → 00:19:12 ด้วยกันก็คือกลุ่มได้จะเป็นอาการที่
00:19:12 → 00:19:15 เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกายนะ
00:19:15 → 00:19:16 ครับแล้วอาการส่วนที่ 2 ก็คือเป็นผู้
00:19:16 → 00:19:19 อาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวมา
00:19:19 → 00:19:21 ดูเรื่องของการขึ้นไว้ก่อนว่าให้การ
00:19:21 → 00:19:23 เคลื่อนไหวที่ผิดปกติมันผิดปกติอย่างไรนะ
00:19:23 → 00:19:26 ครับลักษณะหลักๆเลยนะครับออกการเคลื่อน
00:19:26 → 00:19:29 ไหวของพาร์กินสันบันจะเรียกว่ามีความค่อน
00:19:29 → 00:19:31 ข้างโดดเด่นนะครับมาถึงว่ามันมีลักษณะ
00:19:31 → 00:19:34 เฉพาะของมันคือหมอลายข้างเนี่ย Smart
00:19:34 → 00:19:36 เห็นแล้วก็จะไว้วินิจฉัยโรคจากลักษณะของ
00:19:36 → 00:19:39 การเคลื่อนไหวที่ปกติได้เลยอย่างแรกสุดนะ
00:19:39 → 00:19:41 ครับก็จะเป็นเรื่องของอาการสัตว์โดยเฉพาะ
00:19:41 → 00:19:44 การสรรที่เบนที่มือที่ขานะครับบางคนจะ
00:19:44 → 00:19:46 เป็นที่ข้างนะครับทำให้ดูนะครับปากมัน
00:19:46 → 00:19:50 สั้นๆนะครับแล้วก็การสัตว์ในจะมีลักษณะ
00:19:50 → 00:19:53 ที่จะเป็นการสั่นตอนที่ไม่ได้ใช้งานเมื่อ
00:19:53 → 00:19:56 เริ่มใช้งานและการแสดงมันก็จะหายไปลักษณะ
00:19:56 → 00:19:58 การเคลื่อนไหวปิดปฏิบัติที่ 2 นะครับที่
00:19:58 → 00:20:00 พบได้บ่อยก็คือเรื่องของเต็มที่จะเคลื่อน
00:20:00 → 00:20:03 ไหวแบบช้าๆนะครับมันจะดูเหมือนกับผู้ป่วย
00:20:03 → 00:20:06 เมียร์ฟลักษณะของมันสโลโมชั่นเคลื่อนตก
00:20:06 → 00:20:09 ช้าๆนะครับปลาเดินก็จะเดินช้าและก้าวเท้า
00:20:09 → 00:20:12 นี้จะ 9 ค่อนข้างสั้นและลักษณะที่รัตตะ
00:20:12 → 00:20:15 อย่างก็คือว่าเวลาทำท่าอะไรซ้ำๆนะครับ
00:20:15 → 00:20:18 เช่นผู้ป่วยทำอะไรซ้ำๆเนี่ยเหมือนกับว่า
00:20:18 → 00:20:21 เวลาทำท่านั้นมันจะทำได้เล็กลงเรื่อยๆลด
00:20:21 → 00:20:24 ลงเรื่อยๆเช่นสมมติว่าให้ทำมือเป็นวงกลม
00:20:24 → 00:20:25 เนี่ยก็ทำไปเรื่อยๆนะมือที่ทำแล้วก็จะ
00:20:25 → 00:20:28 เป็นความวงที่เล็กลงเล็กลงเล็กลงไปเรื่อย
00:20:28 → 00:20:31 ๆอาการเคลื่อนไหวผิดปกติแบบที่ 3 นะครับ
00:20:31 → 00:20:33 ก็คืออาการที่เขาเรียกว่าเป็นอาการฝึก
00:20:33 → 00:20:35 เร่งนะครับก็คือตามชื่อเลยนะครับว่าเวลา
00:20:35 → 00:20:38 ที่จะคุยกันกล้ามเนื้อนะครับแล้วขยับข้าง
00:20:38 → 00:20:40 แรกเนี่ยมันจะเหมือนกับฝืนนะครับน้ำมัน
00:20:40 → 00:20:43 ฝืดมันจะเกร็งมันจะคุยกันได้ยากนะครับผู้
00:20:43 → 00:20:45 ใดฆ่ามันจะขยับไม่ค่อยได้นะครับแล้วก็
00:20:45 → 00:20:47 เวลาเทียบจะขยับถึงจะรู้สึกเจ็บปวดก็ได้
00:20:47 → 00:20:50 การเคลื่อนไหวผิดปกติอย่างนะครับที่เห็น
00:20:50 → 00:20:52 ง่ายก็คือเรื่องของการทรงตัวนะครับคือผู้
00:20:52 → 00:20:55 ป่วยจะล้มได้ง่ายนะครับแล้วเวลาถ้าเดิน
00:20:55 → 00:20:57 เนี่ยมันก็จะมีลักษณะทิพย์เหมือนกับตัว
00:20:57 → 00:21:01 เนี่ยจะโค้ง On โต๊ะคอมไปข้างหน้านะครับ
00:21:01 → 00:21:03 เหมือนกันว่าควรครั้งจะล้มคำมาไม่ข้าง
00:21:03 → 00:21:05 หน้าอยู่กลางเคลื่อนไหวพริบสติกส์ชนิดนึง
00:21:05 → 00:21:07 นะครับที่เกิดขึ้นกับพวกปกติกล้ามเนื้อ
00:21:07 → 00:21:10 ที่เราเรียกว่าว่าอยู่นอกเกาะการควบคุม
00:21:10 → 00:21:12 ของเรานะครับจะเป็นการหน้าที่เราขยับไป
00:21:12 → 00:21:15 ที่เราได้คิดเช่นกล้ามเนื้อที่มันช่วย
00:21:15 → 00:21:17 เรื่องของการกระพริบตานะครับเรื่องของการ
00:21:17 → 00:21:19 ยิ้มต่างๆซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจแล้วก็มันจะ
00:21:19 → 00:21:22 เกิดขึ้นเองนะครับดูปลาที่เราเดินจะมีการ
00:21:22 → 00:21:25 แกว่งแขนพรุ่งนี้ก็จะมีปัญหานะครับทำให้
00:21:25 → 00:21:27 ผู้ป่วยเนื้อจะกระพริบตาน้อยลงนะครับหน้า
00:21:27 → 00:21:30 ตาและจะดูนิ่งๆนะครับดูไม่ค่อยยิ้มปลา
00:21:30 → 00:21:32 เดินหน้าก็จะไม่ค่อยแกว่งแขนนะครับก็จะทำ
00:21:32 → 00:21:34 ให้เหมือนกับเดินตัวตรงๆนะครับดูแล้ว
00:21:34 → 00:21:37 เหมือนกับให้ข้าหุ่นยนต์ถ้าเป็นกล้าม
00:21:37 → 00:21:39 เนื้อที่เกี่ยวข้องกับแถวๆบริเวณรอบๆป่า
00:21:39 → 00:21:41 นะครับการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการพูด
00:21:41 → 00:21:43 เนี่ยก็จะมีปัญหาเหมือนกันก็จะทำให้ผู้
00:21:43 → 00:21:46 ป่วยเนี่ยพูดเสียงค่อนข้างเป่านะครับเวลา
00:21:46 → 00:21:48 พูดเนี่ยจะรัวๆนะครับฟังไม่ค่อยชัดเท่า
00:21:48 → 00:21:51 ไหร่แล้วก็น้ำเสียงที่ออกมาเนี่ยจะเป็น
00:21:51 → 00:21:53 ลักษณะที่เหมือนกับไม่ค่อยมีโทนนะครับไม่
00:21:53 → 00:21:56 มีเสียงวรรณยุกต์ขึ้นลงๆนะครับมันจะฟังดู
00:21:56 → 00:21:59 ราบเรียบสำหรับการเคลื่อนของพวกกล้าม
00:21:59 → 00:22:01 เนื้อนิ้วต่างๆนะครับเรื่องของการเขียนใน
00:22:01 → 00:22:03 ก็จะเป็นอีกที่หนึ่งที่เห็นได้ชัดเพราะ
00:22:03 → 00:22:05 ว่าผู้ป่วยในฉันรู้สึกว่านี่เนี่ยมันจะ
00:22:05 → 00:22:08 ควบคุมกล้ามเนื้อได้ย่างนะครับทำให้การ
00:22:08 → 00:22:10 เช่นหนังสือและมันทำได้ยากคุมมือไม่ค่อย
00:22:10 → 00:22:13 ได้และวันที่เขียนไปเนี่ยตัวหนังสือนำจะ
00:22:13 → 00:22:15 เห็นชัดเลยนะครับตัวเลือกตอนแรกๆต้นฟิล์ม
00:22:15 → 00:22:17 จะตัวใหญ่เพราะเพียงแค่นี้เลขตัวหนังสือ
00:22:17 → 00:22:20 มันจะค่อยขนเล็กลงเล็กลงเล็กลงนะครับแล้ว
00:22:20 → 00:22:22 ทั้งหมดนะครับก็เป็นอาการผิดปกติที่
00:22:22 → 00:22:23 เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวนะครับที่พบ
00:22:23 → 00:22:26 ได้บ่อยๆแค่นี้เราจะมาดูว่าอาการผิดปกติ
00:22:26 → 00:22:28 ของโรคพาร์กินสันนะครับที่มีเกี่ยวข้อง
00:22:28 → 00:22:31 กับการเคลื่อนไหวบ้างอาการเหล่านี้นะครับ
00:22:31 → 00:22:33 มันจะเกิดขึ้นมาทีหลังนะครับเกิดขึ้นตาม
00:22:33 → 00:22:35 หลังร้อยจากที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวผิด
00:22:35 → 00:22:38 ปกติแล้วตัวอย่างของอาการของนี้ก็เช่นนะ
00:22:38 → 00:22:41 ครับอันและก็เป็นเรื่องของการนอนนะครับก็
00:22:41 → 00:22:43 หลายคนจะพูดอะไรคนจะมีปัญหาเรื่องของการ
00:22:43 → 00:22:45 นอนตอนคือในจะไม่โง่นะครับนอนไม่ค่อยหลับ
00:22:45 → 00:22:48 นะครับทำให้อดนอนแล้วก็จะมาง่วงก็ตอนกลาง
00:22:48 → 00:22:50 วันอย่างที่สองมันก็เป็นเรื่องของพวก
00:22:50 → 00:22:53 ปัญหาของพวกระบบประสาทอัตโนมัตินะครับ
00:22:53 → 00:22:55 ระบบประสาทอัตโนมัติเดี๋ยวมันก็คือระบบ
00:22:55 → 00:22:58 ประสาทที่คอยควบคุมเรื่องของสิ่งที่อยู่
00:22:58 → 00:23:00 นอกจิตสำนึกของเล่านะครับเช่นเรื่องเจอ
00:23:00 → 00:23:02 กันกลั้นปัสสาวะกั้นอุจจาระพรุ่งนี้ปกติ
00:23:02 → 00:23:05 เราก็ไม่ได้นึกถึงถูกไหมครับแต่ร่างกาย
00:23:05 → 00:23:07 เดี๋ยวก็จะไม่ครับทำงานของรัฐเองก็จะ
00:23:07 → 00:23:09 เกี่ยวข้องกับการเต้นของหัวใจนะครับ
00:23:09 → 00:23:12 เกี่ยวข้องกับกันบีบกดตัวและขยายตัวของ
00:23:12 → 00:23:14 เส้นเลือดที่ผู้ป่วยเนี่ยพวกเมื่อมีปัญหา
00:23:14 → 00:23:16 เรื่องของระบบประสาทอัตโนมัติเนี่ยเขาจะ
00:23:16 → 00:23:19 มีอาการที่เกี่ยวข้องเส้นอะไรคนจะมีอาการ
00:23:19 → 00:23:21 กลั้นปัสสาวะกันจะรักไม่ค่อยอยู่นะครับ
00:23:21 → 00:23:25 บางคนจะมีท้องผูกนะครับแล้วก็ถ้าเป็น
00:23:25 → 00:23:27 เรื่องของเส้นเลือดนะครับที่ว่าไปก็คือ
00:23:27 → 00:23:30 ว่ากูบางคนเนี่ยก็จะมีอาการที่ไปออกมา
00:23:30 → 00:23:32 เป็นลักษณะการที่เหมือนกับหน้ามือได้ง่าย
00:23:32 → 00:23:34 นะครับเฉพาะเปลี่ยนท่าจากท่านั่งเป็นท่า
00:23:34 → 00:23:37 ยืนและจากท่านอนแล้วลุกขึ้นยืนเนี่ยเพราะ
00:23:37 → 00:23:40 ว่าตอนที่เราลุกขึ้นยืนเลือดจนไปกองที่
00:23:40 → 00:23:43 เท้าถ้าในคนปกตินะครับตัวเส้นเลือดมันจะ
00:23:43 → 00:23:45 สามารถที่จะขดตัวแล้วก็เหมือนครับเพิ่ม
00:23:45 → 00:23:48 ความดันครับให้เลือดไม่สามารถเอาผิดไปกอง
00:23:48 → 00:23:51 ที่ส่วนล่างของร่างกายได้มากนักแต่ในคน
00:23:51 → 00:23:53 ที่เสียระบบประสาทตรงนี้ไปเนี่ยเส้นเลือด
00:23:53 → 00:23:56 จะเสียหน้าที่นี้ไปทำให้พอเราเปลี่ยนท่า
00:23:56 → 00:23:59 ลุกขึ้นยืนปุ๊บเลือดมันก็จะไหลตามเอาแรง
00:23:59 → 00:24:03 โน้มถ่วงที่ 2 ที่ส่วนขาในคอนทางมาทำให้
00:24:03 → 00:24:05 พอสมองขาดเลือดอย่างก็เลยมีอาการหน้ามืด
00:24:05 → 00:24:08 เวลาที่ยืนขึ้นเร็วได้ต่อเนื่องจากนี้นะ
00:24:08 → 00:24:10 ครับก็จะเป็นเรื่องของปัญหาทางอารมณ์
00:24:10 → 00:24:13 อย่างที่ว่าไปนะครับว่าถ้าเกิดขาดพูดว่า
00:24:13 → 00:24:15 มีเนี่ยผู้ป่วยหลายคนก็จะมีอาการเหมือน
00:24:15 → 00:24:16 กับไม่ค่อยมีอารมณ์นะครับจมูกค่อนข้าง
00:24:16 → 00:24:19 นิ่งๆนะครับแต่ว่าถ้าเป็นมากขึ้นก็จะ
00:24:19 → 00:24:21 สามารถมีอารมณ์ทางด้านลบได้เช่นจะมี
00:24:21 → 00:24:24 เรื่องของภาวะซึมเศร้านะครับคนก็จะรู้สึก
00:24:24 → 00:24:27 กังวลรู้สึกเคลียร์ได้แล้วในระยะท้ายของ
00:24:27 → 00:24:29 โลกนะครับก็จะมีปัญหาเรื่องของความทรงจำ
00:24:29 → 00:24:31 แล้วก็เรื่องของการตัดสินใจต่างๆเนี่ย
00:24:31 → 00:24:33 เกิดขึ้นตามมาด้วยคะนี่พอเห็นภาพด้วยนะ
00:24:33 → 00:24:36 ครับว่าโรคพาร์กินสันมันดีหน้าตาอย่างไร
00:24:36 → 00:24:39 นะคะมันมีอาการอะไรบ้างคำถามจะไปคือว่า
00:24:39 → 00:24:45 ให้โลกเนี้ยมันเกิดขึ้นจากอะไร
00:24:45 → 00:24:48 ก็อย่างที่ว่าไปนะครับว่าโรคพาร์กินสัน
00:24:48 → 00:24:50 ที่มันเกี่ยวข้องกับการที่เซลล์ภาษาที่
00:24:50 → 00:24:52 สร้างสารโดปามีนในบ้านถูกทำลายไปนะครับ
00:24:52 → 00:24:55 แล้วมันตายไปจะได้คำถามว่าทำไมเซลล์
00:24:55 → 00:24:58 ประสาทส่วนเนี้ยหรือว่ากลุ่มเรียกของสมอง
00:24:58 → 00:25:00 เนี่ยมันตายไปในคราวยังไม่รู้นะนี้นะครับ
00:25:00 → 00:25:02 แต่ชื่อว่ามันก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:25:02 → 00:25:04 พันธุกรรมด้วยแล้วก็จะเกี่ยวข้องกับบาง
00:25:04 → 00:25:07 อย่างในสิ่งแวดล้อมนะครับมันก็จะมีสวัสดี
00:25:07 → 00:25:09 ฐานะครับว่าอาจารย์เกี่ยวข้องกับพวกยาฆ่า
00:25:09 → 00:25:12 แมลงนะครับอย่าเอาคำจากวัชพืชทั้งหลายนะ
00:25:12 → 00:25:15 ครับโลหะหนักสตางค์แต่ว่าหลักฐานมันก็จะ
00:25:15 → 00:25:17 ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่แต่ว่าที่เรารู้แน่
00:25:17 → 00:25:20 ๆก็คือว่าเมื่อเราศึกษาสมองของผู้ป่วยที่
00:25:20 → 00:25:22 ป่วยด้วยโรคนี้นะครับเราเสียชีวิตไปเนี่ย
00:25:22 → 00:25:25 เราจะเพราะว่ามันมีการสะสมของโปรตีนที่
00:25:25 → 00:25:28 ผิดปกติชนิดนึงเนี่ยอยู่ในสมองนะครับแล้ว
00:25:28 → 00:25:30 ก็อยู่ในบริเวณที่สมองส่วนหน้าถูกทำลาย
00:25:30 → 00:25:32 โปรตีนตัวนี้มันจะมีชื่อเรียกไปทั้งภาษา
00:25:32 → 00:25:35 ทางการแพทย์ครับภาษาวิทยาศาสตร์นะว่าเอา
00:25:35 → 00:25:39 ฟ้ามาใส่นิวคลีอินนะครับที่นักแรกเนี่ยก็
00:25:39 → 00:25:41 ตัวโปรตีนตัวนี้เขาพาสนุกเล่นเนี่ยมันจะ
00:25:41 → 00:25:43 ไปสะสมอยู่แถวเซลล์สมองที่สร้าง The mean
00:25:43 → 00:25:47 จากนั้นเดี๋ยวมันจะค่อยๆขยายบริเวณออกไป
00:25:47 → 00:25:50 ซึ่งให้ลักษณะของการที่มันขยายออกไปเนี่ย
00:25:50 → 00:25:53 มันจะไปพ้องกับอาการของผู้ป่วยทำให้เชื่อ
00:25:53 → 00:25:55 ว่าตัวโปรตีนตัวเนี๊ยใส่นิวคลีนเนี่ยมัน
00:25:55 → 00:25:57 เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้คือเป็น
00:25:57 → 00:26:00 ตัวที่จะไปทำให้ตัวเซลล์สมองเนี่ยถ้าเรา
00:26:00 → 00:26:03 ทำลายไปและอีกหนึ่งปัจจัยนะครับสำคัญที่
00:26:03 → 00:26:05 บ้านพบแล้วก็เริ่มมีคนสนใจกันมากขึ้นก็
00:26:05 → 00:26:09 คือว่าโรคพาร์กินสันเนี่ยมันอาจจะเกี่ยว
00:26:09 → 00:26:12 ข้องกับจุลินทรีย์ลำไส้ของเราด้วยมันก็
00:26:12 → 00:26:14 เลยเกิดคำถามที่น่าสนใจนะครับว่าทำไมอยู่
00:26:14 → 00:26:17 ๆเนี่ยถึงได้มีคนโยงโลกกินสันเนี่ยเป็น
00:26:17 → 00:26:20 โรคของสมองเนี่ยเข้ากับจุลินทรีย์ที่อยู่
00:26:20 → 00:26:24 ในลำไส้ได้คำตอบของเรื่องนะครับเริ่มต้น
00:26:24 → 00:26:26 มาจากคำใบ้ที่น่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน
00:26:26 → 00:26:30 จริงๆจะบอกว่าคำไปแรกๆเลยนะครับมันจะมัน
00:26:30 → 00:26:33 อาจจะมีมาตั้งแต่สมัยที่กรงนี้ถูกบรรยาย
00:26:33 → 00:26:37 ในครั้งแรกก็คือในปีค.ศ 1917 นะครับบอก
00:26:37 → 00:26:39 ที่บรรยายเรื่องนี้คนได้เป็นศัลยแพทย์ชาว
00:26:39 → 00:26:42 เกิดนะครับชั่วเจมส์จะพากินสั้นเนี่ยตอน
00:26:42 → 00:26:44 นี้ก็เขียนถึงโรคนี้เขาบันทึกเกี่ยวกับ
00:26:44 → 00:26:47 อาการต่างๆของผู้ป่วยที่พบนะครับและหนึ่ง
00:26:47 → 00:26:49 ในการสำคัญที่เขาเขียนถึงเดือนก็คือบอก
00:26:49 → 00:26:52 ว่าผู้ป่วยเนี่ยจะมีอาการท้องผูกมากนะ
00:26:52 → 00:26:55 ครับแล้วก็ก็มันมีผู้ป่วยบางคนที่เขา
00:26:55 → 00:26:57 พยายามรักษาด้วยวิธีการให้ยาระบายนะคะว่า
00:26:57 → 00:26:59 รักษาอาการท้องผูกแล้วปรากฏว่าผู้ป่วย
00:26:59 → 00:27:02 เนี่ยอ่ะผู้ผลิตสัญญาดีขึ้นทำให้เขา
00:27:02 → 00:27:04 เหมือนกับตั้งข้อสงสัยว่าโลกเงียบน่าจะ
00:27:04 → 00:27:07 เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารแล้วปุ๊ป
00:27:07 → 00:27:09 ต่อมานะครับเมื่อโลกนี้เป็นที่รู้จักมาก
00:27:09 → 00:27:12 ขึ้นหมอที่รักษาเนี่ยก็สังเกตนะครับว่า
00:27:12 → 00:27:14 ผู้ป่วยที่เป็นพันธุ์สัตว์นวนไม่น้อยจะมี
00:27:14 → 00:27:16 อาการเรื่องของระบบทางเดินอาหารแนะนำมา
00:27:16 → 00:27:18 ก่อนโดยเฉพาะเรื่องของอาการท้องผูกอย่าง
00:27:18 → 00:27:22 ที่ว่าไปมันก็เลยทำให้เกิดคนสงสัยนะครับ
00:27:22 → 00:27:24 ว่าเอ๊ะมันอาจจะมีอะไรบางอย่างนะครับที่
00:27:24 → 00:27:26 เหมือนกับเกิดขึ้นหรือว่าเริ่มต้นในลำไส้
00:27:26 → 00:27:29 มาเกาะนแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในลำไส้ต่อมา
00:27:29 → 00:27:32 เนี่ยมันไปดีผลต่อสมองได้อันนั้นเป็นคำ
00:27:32 → 00:27:36 ใบ้แรกนะครับเค้าไม่ที่ 2 นะครับก็คือก็
00:27:36 → 00:27:39 พบว่าสมองส่วนแรกเนี่ยที่มันเริ่มผิดปกติ
00:27:39 → 00:27:42 นะครับเป็นที่ว่าไปก็คือมีตัวโปรตีนเอา
00:27:42 → 00:27:44 ฟ้าชนะควีนมันไปเกาะเนี่ย
00:27:44 → 00:27:46 แต่มันคือสมองส่วนที่มีชื่อเรียกว่าศัพท์
00:27:46 → 00:27:49 การใช้ในกล้าแล้วสมองตัวนี้นะครับส่วนนี้
00:27:49 → 00:27:52 นะครับสำคัญฉันไม่กล้าเนี่ยมันเป็นสมอง
00:27:52 → 00:27:55 ส่วนที่อยู่ใกล้กับเส้นประสาท Vegas ที่
00:27:55 → 00:27:57 นี่ที่เราคุยกันไปนะครับก็คือว่าเส้น
00:27:57 → 00:27:58 ประสาทไม่ก๊าซเป็นเส้นภาษาที่เชื่อ
00:27:58 → 00:28:01 ระหว่างสมองกับทางเดินอาหารมันก็เลยมีนัก
00:28:01 → 00:28:03 เรียนศาสตร์ครับเกิดนะครับตั้งสมวิตถาร
00:28:03 → 00:28:06 ค่ะมานับกันสงสัยขึ้นมาว่าถ้ามันมีอะไร
00:28:06 → 00:28:08 บางอย่างนะครับมากับเส้นประสาทในก๊าซ
00:28:08 → 00:28:10 เนี่ยสมองสุดที่น่าจะโดนก่อนก็คือสมองแถว
00:28:10 → 00:28:13 ๆก็คือส่วนสอบแฟนฉันไร้ค่าแต่นั่นก็เป็น
00:28:13 → 00:28:16 ไปได้ว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างได้เริ่มขึ้น
00:28:16 → 00:28:18 ที่ในลำไส้ก่อนแล้วก็ผ่านมาทำเส้นประสาท
00:28:18 → 00:28:22 ทำให้เกิดโรคนี้เนี่ยขึ้นที่สมองคำไป
00:28:22 → 00:28:24 อย่างที่สามนะครับมันมาจากวิธีการรักษา
00:28:24 → 00:28:28 โรคแบบหนึ่งในอดีตนะครับก็คือสมัยเกาะนะ
00:28:28 → 00:28:31 ครับมันจะมีการผ่าตัดชนิดนึงเพื่อรักษา
00:28:31 → 00:28:34 โรคแผลในกระเพาะอาหารครับที่สมัยที่ผมจะ
00:28:34 → 00:28:36 เรียนแพทย์เนี่ยก็ยังเห็นวิธีการรักษานี้
00:28:36 → 00:28:38 อยู่คือจะเป็นการรักษาที่ใช้กับคนที่เป็น
00:28:38 → 00:28:40 โรคแผลในกระเพาะอาทิตย์เป็นมากๆนะครับ
00:28:40 → 00:28:43 แล้วรักษาด้วยวิธีอื่นๆเราไม่ดีขึ้นเนี่ย
00:28:43 → 00:28:45 บางครั้งเนี่ยจะฉันจหมอผ่าตัดก็คือว่าหมอ
00:28:45 → 00:28:48 เนี่ยจะผัดเส้นภาสะเหตุการณ์ก็คือเคยตัด
00:28:48 → 00:28:51 ให้ขาดเลยนะครับซึ่งจริงๆก็คือมันก็เป็น
00:28:51 → 00:28:53 การตัดทางด่วนเชื่อมระหว่างสมองกับ
00:28:53 → 00:28:55 กระเพาะอาหารแต่ในเวลานั้นเนี่ยจะบอกว่า
00:28:55 → 00:28:58 ทางการแพทย์ยังไม่รู้นะครับว่าเส้นประสาท
00:28:58 → 00:29:00 ในการสำคัญในการที่จะเชื่อมสมองกับ
00:29:00 → 00:29:02 กระเพาะอาหารนะครับหรือว่าเชื่อมทางเดิน
00:29:02 → 00:29:05 อาหารกับสมองให้ทำงานอย่างใกล้ชิดมันก็มี
00:29:05 → 00:29:07 คนเดียวเกิดไม่เข้าไปสนใจแล้วก็ไปดูข้อ
00:29:07 → 00:29:10 มูลเพราะว่าในเวลานั้นเนี่ยสมัยก่อน
00:29:10 → 00:29:12 เดี๋ยวการรักษาต้องเรียนมันค่อนข้างนิยม
00:29:12 → 00:29:14 นะครับแล้วก็มีคนที่พักต่างประเทศค่อน
00:29:14 → 00:29:17 ข้างมากแล้วเข้าไปดูข้อมูลก็เพราะว่าใคร
00:29:17 → 00:29:20 ก็ตามนะครับผู้ป่วยที่รับการรักษาโดยวิธี
00:29:20 → 00:29:22 นี้เนี่ยจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคพาร์
00:29:22 → 00:29:25 กินสันเนี่ยน้อยกว่าคนทั่วไปนั่นก็เลยทำ
00:29:25 → 00:29:29 เราไปสูงสวัสดีฐานนะครับว่าข้อมูลบาง
00:29:29 → 00:29:31 อย่างจากทานอาหารที่คนจะเข้ามากับเช่นซับ
00:29:31 → 00:29:34 ด้วยก๊าซเน็ตตลาดจะขึ้นมาไม่ได้มากเลยทำ
00:29:34 → 00:29:37 ให้ความเสี่ยงของโรคนี้เนี่ยน้อยลงเฉพาะ
00:29:37 → 00:29:39 คำว่าอย่างที่ 4 นะครับทำมาจากการค้นพบ
00:29:39 → 00:29:41 ว่าจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียบางตัวในลำไส้
00:29:41 → 00:29:43 ของเราแล้วมันสามารถที่จะสร้างโปรตีนที่
00:29:43 → 00:29:46 มีลักษณะคล้ายจะเอาฟ้าใสเดอะควีนได้ก็คือ
00:29:46 → 00:29:49 ว่ามันเป็นโปรตีนที่มีการเกาะโครงสร้าง
00:29:49 → 00:29:53 พับปกติไปเนี่ยนะครับแล้วก็เพราะว่าถ้ามี
00:29:53 → 00:29:56 โปรตีนตัวเนี้ยในลำไส้สูงเนี่ยมันจะเพิ่ม
00:29:56 → 00:30:01 พบสูงขึ้นในเลือดด้วยแล้วก็ลักษณะเนี่ยก็
00:30:01 → 00:30:03 คือการค้นพบโปรตีนในลำไส้กับไอ้เอ้อที่
00:30:03 → 00:30:05 สูงขึ้นเนี่ยมันจะพบมาก่อนนะครับก่อนที่
00:30:05 → 00:30:07 ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการของโรคพาร์กินสัน
00:30:07 → 00:30:10 เมื่อก็มีสมมุติฐานว่าหรือว่าว่าให้
00:30:10 → 00:30:13 โปรตีนที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นลำไส้แล้วก็
00:30:13 → 00:30:15 เข้าไปในเรื่องเนี่ยมันจะเกี่ยวข้องกับ
00:30:15 → 00:30:18 โปรตีนที่เป็นปฏิพลสมองด้วยแล้วจากคำว่า
00:30:18 → 00:30:20 เหล่านี้ทั้งหมดนะครับทำให้นักเรียน
00:30:20 → 00:30:21 ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน
00:30:21 → 00:30:24 เนี่ยก็ให้มาสนใจหรือเปล่าอ่อเรื่องของ
00:30:24 → 00:30:26 จุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยเพิ่มมากขึ้นแล้ว
00:30:26 → 00:30:29 ก็มีนะพญาสาดมาศึกษามากขึ้นนะครับสิ่งที่
00:30:29 → 00:30:32 พบคือว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างนะ
00:30:32 → 00:30:34 ครับของจุลินทรีย์ลำไส้ของคนที่ป่วยเป็น
00:30:34 → 00:30:37 โรคพาร์กินสันกับที่ต่างไปจากคนปกติทั่ว
00:30:37 → 00:30:39 ไปนะครับตัวอย่างเช่นก็เป็นเรื่องของความ
00:30:39 → 00:30:42 หลากหลายนะครับของจุลินทรีย์ที่ลดลงแล้ว
00:30:42 → 00:30:44 ก็นักเรียนฉะนั้นก็จะเพราะว่ามีจุดไอซี
00:30:44 → 00:30:47 ทีปนะครับทำให้เกิดภาวะการอักเสบเพิ่ม
00:30:47 → 00:30:49 ขึ้นเจ้านายจากนี้ก็จะเป็นหลักฐานนะครับ
00:30:49 → 00:30:51 หนูเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการทดลองในสัตว์
00:30:51 → 00:30:54 ทดลองนะครับคือเน้นทดลองก็คืออย่างที่ว่า
00:30:54 → 00:30:57 ไปตอนแรกนะครับก็โรคพาร์กินสันก็มีการ
00:30:57 → 00:31:00 สร้างหนูที่เป็นโมเดลสำหรับศึกษาโรคพยาน
00:31:00 → 00:31:02 ศาลขึ้นมาเหมือนกันก็คือเป็นหนูที่เราตัด
00:31:02 → 00:31:04 ต่อพันธุกรรมนะครับหรือว่าคณะอนุการจน
00:31:04 → 00:31:07 กระทั่งร่างกายของมันเนี่ยสร้างสารโปรตีน
00:31:07 → 00:31:09 ที่เป็นปกติในขึ้นมามากแล้วก็มีอาการ
00:31:09 → 00:31:12 คล้ายกับผู้ป่วยโรคพาร์กินสันที่หนูสาย
00:31:12 → 00:31:14 พันธุ์เนี่ยเราเลี้ยงปกติเนี่ยก็จะมี
00:31:14 → 00:31:16 อาการเหมือนโรคพาร์กินสันแต่ถ้าเรานำหนู
00:31:16 → 00:31:18 สายพันธุ์นี้นะครับไปเลี้ยงแบบปลอดเชื้อ
00:31:18 → 00:31:21 ก็คือว่าตั้งแต่ที่มันแรกเกิดจากของแม่
00:31:21 → 00:31:23 เนี่ยเราก็ให้มันปลอดเชื่อมาตลอดแต่ผ่า
00:31:23 → 00:31:26 ท้องคลอดนะครับเลี้ยงแบบปลอดเชื้อมาให้
00:31:26 → 00:31:29 กินอาหารปลอดเชื้อพบว่าหนูสายพันธุ์เนี่ย
00:31:29 → 00:31:31 ซึ่งเป็นคนจะมีอาการแบบพาร์กินสันเนี่ย
00:31:31 → 00:31:34 มันกลับไม่ค่อยมีอาการของโรคพาร์กินสัน
00:31:34 → 00:31:37 อีกประมาณเนี่ยถ้าเรานำ 1 ตัวนี้เนี่ยไป
00:31:37 → 00:31:40 ให้สัมผัสกับจุลินทรีย์นะครับออกไม่ว่าจน
00:31:40 → 00:31:42 4 ปกติรถจุลินทรีย์จากคนที่ป่วยเป็นโรค
00:31:42 → 00:31:44 พาร์กินสันเนี่ยก็เพราะว่าหนูเนี่ยก็จะ
00:31:44 → 00:31:47 เริ่มมีอาการขึ้นมาซึ่งมันก็สะท้อนให้
00:31:47 → 00:31:50 เห็นว่าจุลินทรีย์ในวันนี้ความสำคัญของ
00:31:50 → 00:31:53 การเกิดอาการของโรคพาร์กินสันในหนูทดลอง
00:31:53 → 00:31:56 แล้วเมื่อเทียบกันระหว่างเมื่อให้หนู
00:31:56 → 00:31:58 เนี่ยไปสัมผัสจุลินทรีย์ของคนปกตินะครับ
00:31:58 → 00:32:01 กับจุลินทรีย์ของคนที่เป็นโรคพาร์กินสัน
00:32:01 → 00:32:03 เนี่ยก็เพราะว่าหนูที่ได้รับจุลินทรีย์
00:32:03 → 00:32:05 จากคนที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสันเนี่ยจะมี
00:32:05 → 00:32:08 อาการที่เด่นชัดมากกว่าซึ่งทั้งวันนี้นะ
00:32:08 → 00:32:10 ครับมันก็เหมือนเป็นหลักฐานครับที่ช่วยนะ
00:32:10 → 00:32:12 ครับสนับสนุนนะครับว่าจุลินทรีย์ในลำไส้
00:32:12 → 00:32:15 แบบมันเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยนึงนะครับ
00:32:15 → 00:32:18 อ๋อของการเกิดอาการโรคพาร์กินสันและความ
00:32:18 → 00:32:20 รู้ตรงนี้นะครับมันก็นำไปสู่ความพยายาม
00:32:20 → 00:32:22 ครับที่มองว่าถ้าเราสามารถที่จะปรับ
00:32:22 → 00:32:24 จุลินทรีย์นลำไส้ของเรานะครับหรือว่าดูแล
00:32:24 → 00:32:27 จุนซีแล้วใจของเราให้อยู่ในสภาวะที่ดี
00:32:27 → 00:32:29 เนี่ยมันก็จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
00:32:29 → 00:32:33 พาร์กินสันได้ซึ่งสำหรับโรคที่ยังไม่มี
00:32:33 → 00:32:35 ทางรักษาอย่างโรคพาร์กินสันดูเหมือนว่า
00:32:35 → 00:32:38 เขาใส่ใจเราคุยกันไปการป้องกันและกันลด
00:32:38 → 00:32:40 ความเสี่ยงเนี่ยมันก็จะเป็นวิธีการที่ดี
00:32:40 → 00:32:42 ที่สุดและนั่นก็เป็นเรื่องของโรคพาร์กิน
00:32:42 → 00:32:45 สันนะครับที่อยากจะเล่าให้ฟังนะครับคราว
00:32:45 → 00:32:50 นี้เรามาเรื่องของพวกใหม่ครีมกันนะครับ
00:32:50 → 00:32:53 สำหรับโรคไมเกรนเนี่ยก็คงจะสั้นๆนะครับ
00:32:53 → 00:32:56 เรามาเริ่มที่อาการก่อนนะครับช่วยต้องคน
00:32:56 → 00:32:58 ในก็น่าจะพอรู้ว่าไมเกรนก็คือโรคที่
00:32:58 → 00:33:01 เกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวถึงไหมครับแต่
00:33:01 → 00:33:03 ไม่เคยในมันไม่ใช่เรื่องแค่ปวดหัวอย่าง
00:33:03 → 00:33:05 เดียวนะครับแต่ยังมีเรื่องของอาการอื่น
00:33:05 → 00:33:07 มากไปกว่านั้นนะครับโดยชวการนำที่มาเกิด
00:33:07 → 00:33:10 ขึ้นก่อนที่จะปวดหัวอาการนำที่ว่าเนี่ย
00:33:10 → 00:33:12 มันมีหลากหลายนะครับแช่น่าจะเป็นเรื่อง
00:33:12 → 00:33:14 ของอ่อนเพลียนะครับเรื่องของอารมณ์แปร
00:33:14 → 00:33:18 ปรวนนะครับหยิบง่ายบางคนจะทนสายสว่างทน
00:33:18 → 00:33:21 เสียงไม่ค่อยได้และอาการนำได้บ้างคะมันก็
00:33:21 → 00:33:23 แปลกนะครับเช่นจะเป็นลักษณะของการที่หาว
00:33:23 → 00:33:27 ติดกันบางคนเนี่ยอาจจะเป็นเรื่องของระบบ
00:33:27 → 00:33:30 ทางเดินอาหารรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนนะครับ
00:33:30 → 00:33:32 บางคนจะมีอาการต่างๆหรือที่เรียกว่าออร่า
00:33:32 → 00:33:36 ก็คือจะมาในรูปของแสงรูปภาพนะครับบางคนจะ
00:33:36 → 00:33:38 เห็นเป็นเหมือนสีรุ้งนะครับเป็นเจ็บแขน
00:33:38 → 00:33:40 กันอยู่ที่รอบรอบของสิ่งที่มองเห็นนะครับ
00:33:40 → 00:33:43 หรือบางคนเนี่ยจะเป็นลักษณะของอาการพูดนะ
00:33:43 → 00:33:46 ครับคุณรู้สึกว่ามันพูดไม่ค่อยออกนะครับ
00:33:46 → 00:33:49 นึกคำไม่ชอบมันพูดยากขึ้นนะครับอาการนำ
00:33:49 → 00:33:51 เหล่านี้มันจะนำมาก่อนประมาณสัก 10 ถึง 30
00:33:51 → 00:33:54 นาทีนะครับว่าเป็นคนรัตนากรนั้นเราก็จะมี
00:33:54 → 00:33:57 เรื่องของอาการปวดหัวเนี่ยตามมาแล้วคนที่
00:33:57 → 00:33:59 เป็นบ่อยๆข้างในก็จะรู้เลยว่าพอมีอาการ
00:33:59 → 00:34:01 พวกเนี้ยตามเกิดขึ้นเนี่ยก็รู้แล้วว่า
00:34:01 → 00:34:03 เดี๋ยวสักพักอาการปวดหัวเนี่ยก็จะตามมา
00:34:03 → 00:34:06 สำหรับอาการปวดหัวนะครับก็อย่างที่หลายคน
00:34:06 → 00:34:09 คุ้นเคยกันนะครับว่ารู้กันดีนะครับว่าจะ
00:34:09 → 00:34:10 ไม่เกรงเนี่ยมันจะมีลักษณะเด่นก็คือมันจะ
00:34:10 → 00:34:13 หมดแล้วปวดหัวข้างเดียวนะครับแต่ไม่ได้
00:34:13 → 00:34:15 แปลว่าการปลูกของไมเกรนจะเป็น 2 ด้านไม่
00:34:15 → 00:34:17 ได้นะครับเพราะว่าในคนที่เป็นมากขึ้น
00:34:17 → 00:34:20 เนี่ยมาฆ่าอาการปวดมันกระจายไปที่ทั้งสอง
00:34:20 → 00:34:23 ข้างของศีรษะได้หรือบางคนอาจจะระดับการ
00:34:23 → 00:34:25 ปวดสลับไปสลับมาไปกันได้เลยนะครับเพราะ
00:34:25 → 00:34:28 ทรายทีมก็ปวดขวาถี่อะไรก็เป็นเรื่องของ
00:34:28 → 00:34:30 อาการของไมเกรนนะครับตอนนี้ดูสิ่งกระตุ้น
00:34:30 → 00:34:32 บ้างนะครับว่าให้เสร็จแล้วตัวนี้ทำให้
00:34:32 → 00:34:35 เกิดอาการวันมีอะไรบ้างซึ่งแต่ละคนก็จะมี
00:34:35 → 00:34:38 เสียงต้นที่ต่างๆกันไปนะครับเช่นนะครับ
00:34:38 → 00:34:40 อ่าอาจจะเป็นเรื่องของการอดนอนนะครับบาง
00:34:40 → 00:34:42 คนพออุ่นนอนทีไรเนี่ยก็จะมีความเสี่ยงไว้
00:34:42 → 00:34:44 ใน grain บางคนจะเป็นเรื่องของแสงนะครับ
00:34:44 → 00:34:47 คือถ้าไปสัมผัสใส่จะจ้านะครับอยู่ในที่
00:34:47 → 00:34:50 สว่างมากๆเนี่ยก็จะมีการปวดตามมาได้ก็ควร
00:34:50 → 00:34:53 จะเรื่องของความร้อนแล้วก็อีกอันหนึ่งที่
00:34:53 → 00:34:55 พบได้บ่อยขึ้นเรื่องของความเครียดนะครับ
00:34:55 → 00:34:57 หลายคนเวลามีเครียดมากๆเนี่ยก็จะมีไมเกรน
00:34:57 → 00:35:00 เหมือนกับกำเริบได้บ่อยขึ้นเรื่องของ
00:35:00 → 00:35:02 อาหารก็เป็นได้นะครับบางคนกินอาหารบาง
00:35:02 → 00:35:05 ชนิดได้ก็จะทำให้เกิดอาการของโรคไมเกรน
00:35:05 → 00:35:07 ขึ้นได้เช่นเป็นพวกช็อกโกแลตนะครับหรือ
00:35:07 → 00:35:10 ดื่มไวน์ขอนอกจากอาหารก็มีเรื่องของความ
00:35:10 → 00:35:12 คิวนะครับบางคนพอคิวนะครับกินอาหารไม่ตรง
00:35:12 → 00:35:15 เวลาเนี่ยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้
00:35:15 → 00:35:19 หรือบางคนนะครับก็จะมีความแปลกเช่นใช้สาย
00:35:19 → 00:35:21 ตาเยอะนะครับอ่านหนังสือเยอะเนี่ยก็จะ
00:35:21 → 00:35:23 กระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้สำหรับแรงเปลี่ยน
00:35:23 → 00:35:25 บางคนก็จะมีเรื่องของพวกคอมโอนเปลี่ยนที่
00:35:25 → 00:35:28 เป็นแปลงนะครับเช่นเรื่องของรอบเดือนพอ
00:35:28 → 00:35:30 มอนเปลี่ยนแปลงทีอาจเป็นก่อนหรือหลังนี่
00:35:30 → 00:35:32 ประจำเดือนเนี่ยก็มีโอกาสที่เกิดโรคใบ
00:35:32 → 00:35:35 เกรดขึ้นมาได้ซึ่งในผู้ป่วยที่อยู่ด้วย
00:35:35 → 00:35:37 กันบ่อยๆนะครับส่วนไหนก็จะรู้ว่าอะไร
00:35:37 → 00:35:39 เนี่ยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการตัว
00:35:39 → 00:35:42 เองก็พยายามจะเลี่ยงและโรคนี้ก็พบบ่อยนะ
00:35:42 → 00:35:44 ครับผมเยอะมากนะครับอาจจะเยอะถึงประมาณ 10
00:35:44 → 00:35:46 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเลยแล้วก็เป็นโรค
00:35:46 → 00:35:49 ที่พบได้ในทุกเพศทุกวัยนะครับในเด็กเป็น
00:35:49 → 00:35:51 ได้นะครับผู้ใหญ่ก็เป็นได้คนชรานี้ก็เป็น
00:35:51 → 00:35:54 ได้หมดเพศแต่ว่าหลายคนสังเกตว่าคนหนุ่ม
00:35:54 → 00:35:56 สาวเนี่ยว่าคนวัยทำงานเนี่ยอาจจะพบบ่อยๆ
00:35:56 → 00:35:59 เหตุผลการจะเป็นเพราะว่าคนวัยนี้นะครับ
00:35:59 → 00:36:01 ต้องเจอกับสิ่งเหล่าต้นที่จะให้เกิดอาการ
00:36:01 → 00:36:03 บ่อยกว่าเช่นอาจเป็นเรื่องของความเครียด
00:36:03 → 00:36:06 นะครับอาจจะเป็นเรื่องของการอดนอนหรือว่า
00:36:06 → 00:36:08 เป็นเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์นะครับคนก็
00:36:08 → 00:36:10 ตัวการ์ตูนเนี่ยพวกกอฮอลพอสัมผัสเสียง
00:36:10 → 00:36:12 กระตุ้นไหวก็เลยทำให้พบประการเนี่ยได้
00:36:12 → 00:36:14 บ่อยกว่าในวัยอื่นแต่สิ่งกระตุ้นเหล่านี้
00:36:14 → 00:36:16 มันไม่ใช่สาเหตุของการเป็นโรคนะครับเพราะ
00:36:16 → 00:36:20 ว่าถ้าสูตรคุณไม่ได้เป็นโรคไมเกรนต่อให้
00:36:20 → 00:36:21 มีเสียงกระตุ้นเหล่านี้มากแค่ไหนก็ไม่ได้
00:36:21 → 00:36:24 ทำให้คนป่วยได้ที่นี่คำถามคือว่าอะไรเป็น
00:36:24 → 00:36:27 สาเหตุคำตอบก็เหมือนทุกเรื่องจะคุยกัน
00:36:27 → 00:36:29 อะไรพิเศษนี้นะครับก็คือว่าเรายังไม่รู้
00:36:29 → 00:36:32 แน่ชัดเหมือนกันนะครับแต่ที่น่าสนใจก็คือ
00:36:32 → 00:36:34 เมื่อไม่นานนี้เองนะครับมันเริ่มมีข้อมูล
00:36:34 → 00:36:36 นะครับว่าแต่ไม่เคยได้บางคนนะครับไม่ทุก
00:36:36 → 00:36:39 คนนะครับในบางคนอาจจข้องกับจุลินทรีย์ที่
00:36:39 → 00:36:41 อยู่ในร่างกายได้นะครับให้จุลินทรีย์ที่
00:36:41 → 00:36:43 อยู่ในลำไส้นะครับหรือว่าจุลินทรีย์ที่
00:36:43 → 00:36:46 อยู่ในช่องปากตัวอย่างเช่นนะครับมีการค้น
00:36:46 → 00:36:48 พบว่าแบคทีเรียบางชนิดในทางเดินหาของคน
00:36:48 → 00:36:51 มันสามารถเป็ดอาหารที่เรากินเข้าไปแล้วก็
00:36:51 → 00:36:54 สร้างสารไนเตรทออกมามากเป็นพิเศษได้สารไน
00:36:54 → 00:36:56 เตรทที่ว่าเนี่ยมันสุดท้ายเนี่ยสามารถ
00:36:56 → 00:36:58 เป็นมีผลให้เส้นเลือดในสมองเหม็นขยายตัว
00:36:58 → 00:37:01 นะครับแล้วก็นำไปสู่อาการของโรคไมเกรนได้
00:37:01 → 00:37:04 หรือว่ามีงานวิจัยนะครับที่ประมาณว่าทด
00:37:04 → 00:37:06 ลองให้ผู้ป่วยเป็นโรคไมเกรนเรื้อรังเนี่ย
00:37:06 → 00:37:09 ก็กินพวกสะอาดเสริมนะครับพวกโทรมาแล้ว
00:37:09 → 00:37:11 เต็กเราเพราะว่ามันช่วยให้อาการจะดีขึ้น
00:37:11 → 00:37:15 ดีขึ้นทั้งในแง่ของความถี่ของการเป็นโรค
00:37:15 → 00:37:17 นะครับของการยการแล้วก็ดีขึ้นอย่างเงี้ย
00:37:17 → 00:37:20 ของความรุนแรงด้วยซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็น
00:37:20 → 00:37:22 พื้นที่น่าสนใจนะคะเป็นที่ค่อนข้างแปลกดี
00:37:22 → 00:37:24 นะครับเพราะว่าก่อนหน้าเนี่ยถ้าไม่มีใคร
00:37:24 → 00:37:26 คิดเลยว่าโรคไมเกรนมันจะเกี่ยวข้องกับไป
00:37:26 → 00:37:29 เคลียร์จนชินในร่างกายของเราได้ด้วยแต่
00:37:29 → 00:37:31 วิจัยเหล่านี้ก็ต้องถือว่ามันเพิ่งเริ่ม
00:37:31 → 00:37:33 เริ่มนะครับข้อมูลมันก็ยังไม่ได้มากมาย
00:37:33 → 00:37:36 นักนะครับเราแสดงปหัวใจเล็กๆนะครับเฮีย
00:37:36 → 00:37:39 วิจัยจะใหญ่อยู่บ้างแต่ก็คงต้องติดตามข้อ
00:37:39 → 00:37:42 มูลต่อไปก็ถือว่าเป็นอันจบเรื่องราวของ
00:37:42 → 00:37:44 เอกซเรย์แล้วก็เรื่องทั้งหมดที่เราจะคุย
00:37:44 → 00:37:47 กันในวันนี้นะคะแม่พิเศษนี้จะนี้ก่อนจะจบ
00:37:47 → 00:37:49 นะครับก็อยากจะมาขอสรุปให้ฟังสักรอบนะ
00:37:49 → 00:37:51 ครับว่าทั้งหมดโลกเขียนไปเนี่ยเราคุยอะไร
00:37:51 → 00:37:55 กันไปบ้างข้อแรกสุดนะครับขอเราเริ่มต้นนะ
00:37:55 → 00:37:57 ครับเรื่องของโรคอัลไซเมอร์นะครับซึ่งถือ
00:37:57 → 00:37:59 ว่าเป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด
00:37:59 → 00:38:01 แล้วโลกนี้มันก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของการ
00:38:01 → 00:38:03 สูญเสียความทรงจำแต่ยังมีปัญหาทางด้าน
00:38:03 → 00:38:06 เหนือของสมองด้วยเช่นเรื่องของอารมณ์นะ
00:38:06 → 00:38:09 ครับเรื่องของการตัดสินใจและนำไปสู่การดู
00:38:09 → 00:38:13 แลตัวเองนะครับซึ่งโลกเนี้ยมันทำให้คนที่
00:38:13 → 00:38:15 ดูแลนรกคนที่ใกล้ชิดเนี่ยค่อนข้างลำบาก
00:38:15 → 00:38:18 และเราก็คุยกับว่าโรคนี้ปัจจุบันยังไม่มี
00:38:18 → 00:38:21 วิธีรักษาให้หายขาดได้แต่ว่ามีวิธีลดความ
00:38:21 → 00:38:24 เสี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนร้ายทรายน้อง
00:38:24 → 00:38:26 หรือจากนี้นะครับก็จะมีข้อมูลใหม่ๆที่
00:38:26 → 00:38:28 เพราะว่าการดูแลจูจินนำไส้เนี่ยก็จะ
00:38:28 → 00:38:31 สามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้เช่นกัน
00:38:31 → 00:38:33 คะเดี๋ยวที่สองนะครับเราคุยเรื่องของโรค
00:38:33 → 00:38:35 สมองเสื่อมอีกแล้วนะครับก็คือโรคพาร์กิน
00:38:35 → 00:38:37 สันซึ่งตัวเป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อย
00:38:37 → 00:38:40 เป็นอันดับสองรองจากโรคอัลไซเมอร์แต่เรา
00:38:40 → 00:38:42 ก็คุยถึงเรื่องของอาการโรคพาร์กินสันว่า
00:38:42 → 00:38:44 มันมีลักษณะแบบไหนมีหน้าตาแบบไหนนะครับ
00:38:44 → 00:38:47 แล้วก็จบว่าปัจจุบันเนี่ยมันก็มีข้อมูล
00:38:47 → 00:38:49 มากขึ้นว่าโลกนี้มันมีความสัมพันธ์กับ
00:38:49 → 00:38:52 จุลินทรีย์ในลำไส้ถึงขณะที่มีนักบริษัท
00:38:52 → 00:38:54 บางคนมีความเชื่อว่าโรคเป็นโรคที่เริ่ม
00:38:54 → 00:38:58 ต้นในลำไส้แต่ไปแสดงอาการที่สมองและข้อ
00:38:58 → 00:39:01 ที่ 3 นะครับข้อสุดท้ายแล้วก็คุยว่าก็ลุก
00:39:01 → 00:39:03 ขึ้นของโรคไมเกรนนะครับคุยสั้นๆแล้วค่อย
00:39:03 → 00:39:05 ว่าปัจจุบันก็เริ่มมีข้อมูลมากขึ้นว่าโรค
00:39:05 → 00:39:07 เนี้ยอาจจะมีความสัมพันธ์กับจุนซูในร่าง
00:39:07 → 00:39:10 กายเหมือนกันสำหรับวันนี้เนื้อหากระจกเธอ
00:39:10 → 00:39:13 มีนะครับแต่ก็จะไปผมก็อยากจะเข้าสู่ช่วง
00:39:13 → 00:39:15 นะครับที่แนะนำให้รู้จักกับมดกัดนะครับ
00:39:15 → 00:39:17 ซึ่งเป็นผู้สนับสนซีรีส์ของไมโครไปองค์
00:39:17 → 00:39:20 ของเรานะครับเรามาทันรู้จักบริษัทมดกัดนะ
00:39:20 → 00:39:22 ครับซึ่งทำส่วนซีรีส์ไมโครไบโอมของเรานะ
00:39:22 → 00:39:24 ครับเพราะฉะนั้นการนะครับเป็นบริษัทที่
00:39:24 → 00:39:26 ก่อตั้งขึ้นโดยนักเรียนศาสตร์นักวิจัยนะ
00:39:26 → 00:39:28 คะที่ชำนาญนะครับทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยว
00:39:28 → 00:39:31 กับไม่เข้าไปโอมห์จากมหาวิทยาลัยก็มี
00:39:31 → 00:39:34 พระจอมเกล้าธนบุรีบางมดที่บดสำหรับการ
00:39:34 → 00:39:37 เข้าทำอะไรนะครับเขามีให้บริการนะครับ
00:39:37 → 00:39:39 ถั่วเพราะจุลินทรีย์นำไส้กับบุคคลทั่วไป
00:39:39 → 00:39:42 เพื่อให้เรารู้ว่าสภาวะของจุลินทรีย์ในลำ
00:39:42 → 00:39:45 ไส้ของเราเนี่ยเป็นยังไงบ้างคะนี่จุดเด่น
00:39:45 → 00:39:48 นะครับลงความพิเศษของมดกัดนะครับก็คือจะ
00:39:48 → 00:39:51 เป็นการตรวจที่ตรวจจุนซีครบนะครับครบทุก
00:39:51 → 00:39:53 ตัวที่ปัจจุบันเรามีข้อมูลสำคัญต่อสุขภาพ
00:39:53 → 00:39:56 ทั้งจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
00:39:56 → 00:39:59 จากปกติของร่างการครับคือจุลินทรีย์ที่
00:39:59 → 00:40:00 เกี่ยวข้องกับสุขภาพดีแล้วก็จุลินทรีย์
00:40:00 → 00:40:04 ที่เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยแล้วก็มี
00:40:04 → 00:40:05 ความแม่นยำนะครับเพราะว่าฐานข้อมูลที่นำ
00:40:05 → 00:40:07 มาเปรียบเทียบในจะเป็นฐานข้อมูลที่เทียบ
00:40:07 → 00:40:10 กับข้อมูลคนไทยด้วยกันนะครับก็ประชากรไทย
00:40:10 → 00:40:12 ซึ่งจะมีความต่างไปจากคนชาติอื่นแล้วก็
00:40:12 → 00:40:15 ต่างไปจากชาวตอนจบแล้วการตรวจก็จะมี
00:40:15 → 00:40:16 ลักษณะเป็นองค์รวมนะครับก็คือตัว
00:40:16 → 00:40:18 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกันบอกต่างๆของ
00:40:18 → 00:40:21 ร่างกายนะครับตัวอย่างเช่นระบบจุลินทรีย์
00:40:21 → 00:40:23 ที่เกี่ยวข้องกับระบบได้แต่บอริซึมนะครับ
00:40:23 → 00:40:25 หรือระบบเผาผลาญของร่างกายซึ่งเป็นระบบ
00:40:25 → 00:40:27 ที่จะบอกว่าเราอ้วนง่ายแล้วว่าเราควรยาก
00:40:27 → 00:40:30 นะครับต่อจนนิสิตที่เกี่ยวข้องกับไปทำงาน
00:40:30 → 00:40:32 ของระบบภูมิคุ้มกันนะครับเกี่ยวข้องกับ
00:40:32 → 00:40:34 ภาวะเกษตรที่เราคุยกันไปในไลค์พิโสดนะ
00:40:34 → 00:40:36 ครับต้องเลยจากนี้ก็เป็นเรื่องของ
00:40:36 → 00:40:38 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ
00:40:38 → 00:40:41 ระบบทางเดินอาหารและการย่อยอาหารแล้วก็
00:40:41 → 00:40:43 เป็นพวกจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค
00:40:43 → 00:40:45 ต่างๆนะครับตัวอย่างเช่นครับพวกลำไส้แปร
00:40:45 → 00:40:48 ปรวนนะครับที่เราคุยกันไปแล้วนะครับเพราะ
00:40:48 → 00:40:49 ว่าจุลินทรีย์ที่สัมพันธ์กับโลกคนอื่นๆ
00:40:49 → 00:40:52 เช่นโรคเบาหวานนะครับกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:40:52 → 00:40:54 เป็นต้นยังไงของการรายงานผลนะครับก็จะราย
00:40:54 → 00:40:57 งานปวดมาในรูปแบบที่สามารถเข้าใจง่ายนะ
00:40:57 → 00:40:59 ครับคือมีการชาร์จนะครับใช้พกกราฟเนี่ยมา
00:40:59 → 00:41:02 เพื่อให้อ๋อสามารถที่จะเข้าใจผลการตรวจ
00:41:02 → 00:41:04 ได้ง่ายต่อเนื่องจากนั้นเนี่ยทั้งหมดก็มี
00:41:04 → 00:41:08 ผู้เชี่ยวชาญนะคะที่จะคอยแนะนำวิธีการกิน
00:41:08 → 00:41:10 นะครับหรือว่าปรับปรุงให้จุลินทรีย์นำใช่
00:41:10 → 00:41:13 ของเราเนี่ยดีขึ้นด้วยที่จะอิงจากข้อมูล
00:41:13 → 00:41:15 ที่ตรวจได้นะครับกันแนะนำอาหารที่เหมาะสม
00:41:15 → 00:41:19 กับจุลินทรีย์ของเราด้วยทั้งหมดคะเนี่ยก็
00:41:19 → 00:41:21 จะมีแพ็คเกจหลายแพ็คเกจนะครับเป็นแพ็คเกจ
00:41:21 → 00:41:23 เชิญหลายแบบที่จะเหมาะกับคนที่มีความ
00:41:23 → 00:41:25 ต้องการต่างกับไปแล้วก็เหมาะกับแต่ละช่วง
00:41:25 → 00:41:28 วัยที่ต่างไปและที่สำคัญข้อนะครับก็คือ
00:41:28 → 00:41:30 การตรวจกับมดการเนี่ยคือทำได้ง่ายมากนะ
00:41:30 → 00:41:32 ครับก็ต้องเดินทางไปนี้นะครับเพราะว่าเรา
00:41:32 → 00:41:34 สามารถที่จะเก็บอุจจาระเองจากที่บ้านได้
00:41:34 → 00:41:37 แล้วก็ส่งผ่านชุดตรวจที่ทั้งหมดการเนี่ย
00:41:37 → 00:41:40 เตรียมไว้ให้เนี่ยกับไอ้ทิศทางลับของทั้ง
00:41:40 → 00:41:42 หมดการ์ดแล้วถ้าใครสั่งถึงตอนนี้สนใจ
00:41:42 → 00:41:44 บริการโทรมาสกัดนะครับก็สามารถที่จะเข้า
00:41:44 → 00:41:46 ไปดูได้นะครับผมจะแปะลิงค์ไว้ให้ข้างล่าง
00:41:46 → 00:41:47 นะครับ Description นะครับหรือว่าใน
00:41:47 → 00:41:49 คอมเม้นนะครับก็สามารถที่จะเข้าไปดูราย
00:41:49 → 00:41:51 ละเอียดเพิ่มเติมหรือว่าสอบถามเพิ่มเติม
00:41:51 → 00:41:51 ได้
00:41:51 → 00:42:03 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีนะครับก็มาเจอกันอีกครั้งนะครับ
00:00:02 → 00:00:04 ที่สนนี้ก็เป็นผู้สอนที่ 10 นะครับของ
00:00:04 → 00:00:07 ซีรีส์ในคอเบโค่คุยกันอยู่นะครับวันนี้
00:00:07 → 00:00:09 เราจะมาคุยเรื่องของโรคทางสมองกันอีก 3
00:00:09 → 00:00:11 รอบนะครับซึ่งชั้น 3 โรงเรียนทั่วเป็นโรค
00:00:11 → 00:00:14 ที่พบได้บ่อยนะครับแล้วก็พบได้เพิ่มขึ้น
00:00:14 → 00:00:16 แล้วก็เชื่อว่าหลายคนยังไม่ค่อยรู้จักสาม
00:00:16 → 00:00:19 โลกนี้ในรายละเอียดสักเท่าไหร่นะครับสาม
00:00:19 → 00:00:21 โลกที่ว่านั่นก็คือรอกอัลไซเมอร์นะครับ
00:00:21 → 00:00:23 โรคจัดสรรนะครับแล้วก็โรคไมเกรนนะครับ
00:00:24 → 00:00:26 ซึ่งเป็นโรคทางสมองทั้ง 3 โรควันนี้นะ
00:00:26 → 00:00:28 ครับจะมาคุยถึง 3 โรคนี้กันว่ามันมี
00:00:28 → 00:00:30 ลักษณะเป็นยังไงนะครับและที่สำคัญที่อยาก
00:00:30 → 00:00:33 จะพูดถึงอีกสาเหตุหนึ่งเพราะว่าทั้ง 3
00:00:33 → 00:00:35 โรคนี้นะครับปัจจุบันวันนี้ข้อมูลมากขึ้น
00:00:35 → 00:00:38 นะคะว่าการดูแลจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมัน
00:00:38 → 00:00:41 อาจจะช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงของโรค
00:00:41 → 00:00:43 เหล่านี้ได้แต่ก็จะเข้าเนื้อหานะครับว่า
00:00:43 → 00:00:45 ขอพูดถึงผู้สนับสนุนซีรีส์ใส่เข้าไปองค์
00:00:45 → 00:00:47 ของเรากันอีกครั้งนะครับก็คือบริษัทบทกัน
00:00:47 → 00:00:50 นะครับบริษัทการเป็นใครนะครับก็เป็น
00:00:50 → 00:00:52 บริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิจัยที่
00:00:52 → 00:00:54 เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเกาะไมโครไบโอม
00:00:54 → 00:00:56 นะครับจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
00:00:56 → 00:00:59 พระจอมเกล้าธนบุรีบางมดนะครับโดยทางวัด
00:00:59 → 00:01:01 กันเนี่ยเขาขอให้บริการนะครับตรวจแล้วก็
00:01:01 → 00:01:03 วิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้กับคนทั่วไป
00:01:03 → 00:01:06 เพื่อให้ผู้ที่ผิดตัวนะครับแล้วก็โตคุณ
00:01:06 → 00:01:08 เรียนรู้ว่าจุลินทรีย์ที่มีลำไส้ของคุณ
00:01:08 → 00:01:11 เนี่ยอยู่ในลักษณะตามไหนนะคะบีมีสภาวะแบบ
00:01:11 → 00:01:13 ไหนมีแบคทีเรียตัวไหนว่ากูหลายมากไปหรือ
00:01:13 → 00:01:16 เปล่าหรือว่ามีน้อยเกินไปหรือเปล่าเราจาก
00:01:16 → 00:01:19 นี้ทางบทการนะครับก็จะมีหลักโภชนาการครับ
00:01:19 → 00:01:21 ที่คอยให้คำแนะนำเรื่องของการกินด้วยคำ
00:01:21 → 00:01:23 แนะนำกับคนที่กินอะไรเนี่ยก็จะอิงมาจากผล
00:01:23 → 00:01:26 การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้นะครับเพื่อให้
00:01:26 → 00:01:28 อาหารที่เรากินเข้าไปเนี่ยเข้าไปทำให้
00:01:28 → 00:01:30 ระบบนิเวศของจุลินทรีย์ลำไส้ของเราและ
00:01:30 → 00:01:34 แข็งแรงขึ้นตามสโลแกนของบริษัทหมดกันนะ
00:01:34 → 00:01:36 ครับที่ว่าสุขภาพดีให้ผู้เชี่ยวชาญ
00:01:36 → 00:01:41 จุลินทรีย์ดูแลคุณ
00:01:41 → 00:01:45 เมื่อพูดถึงคำว่าโรคอัลไซเมอร์นะครับ
00:01:45 → 00:01:47 เชื่อว่าคนส่วนใหญ่นะพอดีครับนี้เนี่ย
00:01:47 → 00:01:49 สิ่งที่นึกขึ้นมาก็คือเรื่องของความจำ
00:01:49 → 00:01:51 เสื่อมนะครับหรือว่าเรื่องของภาวะสมอง
00:01:51 → 00:01:54 เสื่อมบางคนเนี่ยอาจจะนึกต่อนะคะว่าโรค
00:01:54 → 00:01:56 อัลไซเมอร์มันคือเป็นโรคที่เป็นไปตามวัย
00:01:56 → 00:01:59 คือหมายถึงว่าถ้าอายุมากๆขึ้นนะครับใครๆ
00:01:59 → 00:02:01 ก็ต้องก็เพราะว่าเป็นเรื่องของความเสื่อม
00:02:01 → 00:02:05 ของสมองซึ่งต้องบอกว่ามันไม่ถูกสักที
00:02:05 → 00:02:07 เดียวนะคะมันไม่ถูกต้องซะทีเดียวก็เลย
00:02:07 → 00:02:09 อยากจะขอเริ่มต้นนะครับเดี๋ยวเรื่องของ
00:02:09 → 00:02:11 อัลไซเมอร์ด้วยกันแจ้งความเข้าใจผิด 2
00:02:11 → 00:02:13 ข้อนี้ก่อนอย่างแรกสุดเลยนะครับ
00:02:13 → 00:02:15 อัลไซเมอร์นะมันไม่ใช่แค่เรื่องของความจำ
00:02:15 → 00:02:17 เท่านั้นนะครับจะไม่ต้องเป็นเรื่องของ
00:02:17 → 00:02:20 พฤติกรรมเรื่องของอารมณ์ต่างๆด้วยและจะ
00:02:20 → 00:02:22 ว่าไปแล้วเนี่ยในคนที่ป่วยมากๆนะครับ
00:02:22 → 00:02:24 เรื่องที่ใหญ่กว่านะครับเดี๋ยวเป็นปัญหา
00:02:24 → 00:02:26 มากกว่าเนี่ยก็คือจะเป็นเรื่องของพวก
00:02:26 → 00:02:28 กิจกรรมหรือลบจะได้ซ้ำนะครับเดี๋ยวจะเล่า
00:02:28 → 00:02:30 ให้ฟังนะครับและพญาความให้ฟังเพิ่มเติม
00:02:30 → 00:02:33 อย่างที่ 2 ก็คือว่าอัลไซเมอร์เนี่ยไม่
00:02:33 → 00:02:35 ใช่ภาวะปกตินะครับไม่ใช่สภาวะธรรมชาติ
00:02:35 → 00:02:38 หมายถึงว่าไม่ใช่แปลว่าทุกคนที่อายุมาก
00:02:38 → 00:02:40 ขึ้นจะต้องป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
00:02:40 → 00:02:42 อัลไซเมอร์นี่มันเป็นโรคนะครับเหมือนที่
00:02:42 → 00:02:46 คนอายุมากขึ้นคนนั้นจะเป็นต้องเป็นโรคเบา
00:02:46 → 00:02:48 หวานหรือว่าไม่ต้องเป็นโรคหัวใจแล้วเราไป
00:02:48 → 00:02:50 เสมอเนี่ยมันก็ยังพอลดความเสี่ยงได้นะ
00:02:50 → 00:02:52 ครับหรือครับโรคเบาหวานโรคหัวใจมันก็มี
00:02:52 → 00:02:54 วิธีป้องกันถูกไหมครับอัลไซเมอร์ก็เช่น
00:02:54 → 00:02:56 กันก็คือว่าว่ามันมีหลายระยะที่เราจะ
00:02:56 → 00:02:59 สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้ได้
00:02:59 → 00:03:01 แค่นี้หลังจากที่แก้ความเข้าใจผิดบาง
00:03:01 → 00:03:03 อย่างแล้วนะครับสังเคราะห์นี้นะครับก็มา
00:03:03 → 00:03:05 ดูกันนะครับว่าอัลไซเมอร์อ่ะคืออะไร
00:03:05 → 00:03:07 อัลไซเมอร์นะครับเป็นโรคสมองเสื่อมชนิด
00:03:07 → 00:03:10 นึงนะครับก็คือหมายเพราะว่าโรคสมองเสื่อม
00:03:10 → 00:03:13 มันมีหลายโรคมากนะครับเป็นครับบางกว้างๆ
00:03:13 → 00:03:16 เราหนึ่งในโลกของสมองเสื่อมทั้งหลายแล้ว
00:03:16 → 00:03:17 ก็มีโรคอัลไซเมอร์เนี่ยเป็นหนึ่งในนั้น
00:03:17 → 00:03:21 แล้วอ่าเสมอเนี่ยก็ถือว่าเป็นโรคที่พบ
00:03:21 → 00:03:23 บ่อยที่สุดในสมองเสื่อมทั้งหลายนะครับคือ
00:03:23 → 00:03:25 พบประมาณ 80 cm ของคนที่ป่วยเป็นโรคสมอง
00:03:25 → 00:03:27 เสื่อมทั้งหมดสำหรับสาเหตุที่แท้จริง
00:03:27 → 00:03:30 อย่างเรายังไม่รู้แน่ชัดนะครับแต่ไม่ได้
00:03:30 → 00:03:31 แปลว่าเราไม่รู้อะไรนะครับเรามีความรู้
00:03:31 → 00:03:33 เกี่ยวโรคอัลไซเมอร์เนี่ยค่อนข้างเยอะนะ
00:03:33 → 00:03:35 ครับพี่แต่ว่าเรายังไม่สามารถที่จะปรับ
00:03:35 → 00:03:37 ฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วมั่นใจหรือว่า
00:03:37 → 00:03:39 ต่อภาพทั้งหมดอ้ายเฮ็ดว่าอัลไซเมอร์แต่
00:03:39 → 00:03:43 มันดีก็บวนการขั้นตอนการเกิดยังไงบ้างที่
00:03:43 → 00:03:44 เรารู้แน่ๆก็คือว่าสมองของคนที่เป็น
00:03:44 → 00:03:47 อัลไซเมอร์เนี่ยจะมีโปรตีนชนิดเองนะครับ
00:03:47 → 00:03:49 ที่มีชื่อเรียกร้อนในภาษาทางวิทยาศาสตร์
00:03:49 → 00:03:52 ว่าเบต้าไว้ลอยมันเข้าไปจับอยู่ที่เซลล์
00:03:52 → 00:03:55 สมองนะครับแล้วเปอร์เซ็นต์นี่มันจะไปทำ
00:03:55 → 00:03:57 ให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทเนี่ยมัน
00:03:57 → 00:03:59 ทำไมไม่ดีหรือจะบอกว่าเซลล์ประสาทมันมี
00:03:59 → 00:04:02 การเสียหายก็เข้าไปสามารถจะคุยกันได้แล้ว
00:04:02 → 00:04:05 สมองส่วนไหนที่มีโปรตีนตัวนี้ไปจับอยู่
00:04:05 → 00:04:07 เยอะนะครับสมองส่วนนั้นเนี่ยก็จะเสียหาย
00:04:07 → 00:04:09 โดยทั่วไปนะครับในช่วงระยะแรกๆของการเป็น
00:04:09 → 00:04:11 โรคเนี่ยตัวโปรตีนไปตามใบลอยเดี๋ยวมันจะ
00:04:11 → 00:04:14 ไปพบเยอะนะครับ Brain ส่วนสมองที่เกี่ยว
00:04:14 → 00:04:18 ข้องกับความจำระยะสั้นทำให้อาการเริ่มแรก
00:04:18 → 00:04:20 ของอัลไซเมอร์เนี่ยมันจะเกี่ยวข้องกับการ
00:04:20 → 00:04:23 สูญเสียความจำนะครับโดยเฉพาะความจำระยะ
00:04:23 → 00:04:26 สั้นแต่เมื่ออาการเป็นมากขึ้นตัวโปรตีนก็
00:04:26 → 00:04:29 จะขยายไปเกาะที่เเบรนด์หรืออื่นๆครับที่
00:04:29 → 00:04:32 สูงส่วนอื่นทำให้เกิดการเสียหายในสมอง
00:04:32 → 00:04:35 ส่วนอื่นๆร่วมด้วยคราวนี้เรามาดูอาการ
00:04:35 → 00:04:37 ทั้งหมดของอัลไซเมอร์กันนะครับว่าคนที่
00:04:37 → 00:04:39 เปิดล็อคไซเมอร์เนี่ยมันจะมีอาการอะไร
00:04:39 → 00:04:43 บ้าง
00:04:43 → 00:04:46 อย่างแรกสุดนะครับก็จะเริ่มของความจำนะคะ
00:04:46 → 00:04:48 หน้าที่หลายๆคนคุ้นเคยกันดีนะครับการเสีย
00:04:48 → 00:04:51 ความจำในช่วงแรกๆนะครับก็จะรับทำการเสียบ
00:04:51 → 00:04:53 ความจำระยะสั้นนะครับเช่นลืมสิ่งที่เพิ่ง
00:04:53 → 00:04:55 ทำไปเมื่อกี้นะครับหรือว่าระหว่างที่
00:04:55 → 00:04:57 กำลังพูดอะไรอยู่การจะลืมได้นะครับหรือ
00:04:57 → 00:05:00 กระทั่งลืมสิ่งที่เคยนะครับทำเป็นจะทำนะ
00:05:00 → 00:05:03 ครับทำจนกระทั่งเคยชินเช่นอ๋อลืมวิธีเล่น
00:05:04 → 00:05:06 เกมครับพี่เก็บบางอย่างหรือว่าไพ่ประหยัด
00:05:06 → 00:05:08 ที่เล่นมาหลายๆปีเนี่ยเราก็เล่นบักลูกจน
00:05:08 → 00:05:11 คุ้นเคยเนี่ยกว่าจะลืมได้นะครับหรือว่า
00:05:11 → 00:05:13 ลืมเรื่องของเส้นทางนะครับมาจากเส้นทาง
00:05:13 → 00:05:16 ที่คุณเคยนะครับก็คือเส้นทางจากบ้านนะ
00:05:16 → 00:05:18 ครับไปที่ทำงานเส้นทางจากบ้านไปตลาดนะ
00:05:18 → 00:05:21 ครับทำให้หลายคนเนี่ยหลงทางได้ง่ายเช่น
00:05:21 → 00:05:24 ออกไปเดินเล่นแถวหน้าบ้านนะครับก็หลงไม่
00:05:24 → 00:05:27 สวัสดีกลับบ้านไม่ถูกอ่อนรั้วจะเป็น
00:05:27 → 00:05:29 เรื่องของความจำที่ความของลืมเท่านั้น
00:05:29 → 00:05:32 ภาษานะครับทำให้พูดอยู่แล้วหยุดเพราะว่า
00:05:32 → 00:05:34 นึกคำไม่ออกนะครับนกประโยคที่จะต้องพูด
00:05:34 → 00:05:38 ไม่ออกซึ่งคนปกติเกิดได้นะครับแต่ถ้าบ่อย
00:05:38 → 00:05:41 ขึ้นนะที่สัญญาณว่าเป็นเรื่องของโรค
00:05:41 → 00:05:43 อัลไซเมอร์นะครับต้องเรียนจากนั้นนะครับ
00:05:43 → 00:05:46 เป็นเรื่องของการลืมของนะครับเช่นหาของ
00:05:46 → 00:05:48 ไม่เจอนะครับซึ่งแน่นอนเกิดขึ้นได้กับทุก
00:05:48 → 00:05:51 คนนะครับเราก็เป็นได้แต่ว่าในคนประดิษฐ์
00:05:51 → 00:05:53 ส่วนใหญ่เดี๋ยวพระลืมมาสักอย่างเนี่ยเรา
00:05:53 → 00:05:55 อาจจะผ่อนดึกออกนะครับว่ากว่านั้นเนี่ย
00:05:55 → 00:05:59 เราทำอะไรนะครับเราจะพ่อแม่กับทวนความจำ
00:05:59 → 00:06:01 เหลือเพียงย้อนแต่เรากลับไม่ได้นะครับว่า
00:06:01 → 00:06:03 ก่อนหน้าเนี่ยเราของที่วางไว้ที่ไหนแต่คน
00:06:03 → 00:06:05 ที่เริ่มเป็นอัลไซเมอร์นะครับจะไม่สามารถ
00:06:05 → 00:06:08 ทำแบบนี้ได้นะครับทำให้หลายครั้งเนี่ย
00:06:08 → 00:06:11 เมื่อของหายไปเนี่ยนี่ก็จะขย้ำยกโทษความ
00:06:11 → 00:06:13 จำว่าขอไปอยู่ที่ไหนเนี่ยหลายคนก็จะคิด
00:06:13 → 00:06:16 ว่าเหมือนกับมีคนมาขโมยไปนะครับหรือว่า
00:06:16 → 00:06:19 อ่อนโดนคนอื่นอ่ะเอาของไปในคนที่เป็นมาก
00:06:19 → 00:06:21 ขึ้นนะครับนอกเหนือจากความจำในก็จะมี
00:06:21 → 00:06:23 เรื่องของการกะสินใจที่ผิดพลาดนะครับการ
00:06:23 → 00:06:25 จะสะใจที่ผิดพลาดอยากจะเป็นเนื้อเรื่อง
00:06:25 → 00:06:28 เล็กๆนะครับเช่นอาจจะพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด
00:06:28 → 00:06:30 นะครับแม้แต่ขอเวลาอยู่ในครอบครัวนะครับ
00:06:30 → 00:06:32 ก็พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดหรือไม่เหมาะสมใน
00:06:33 → 00:06:35 เวลานั้นเนี่ยตอนที่อยู่กับคนอื่นรวมไป
00:06:35 → 00:06:37 ถึงการตัดสินใจภาพในเรื่องใหญ่ๆนะครับว่า
00:06:37 → 00:06:39 จะเรื่องของการค้าขายนะครับเรื่องของการ
00:06:39 → 00:06:42 ลงทุนเรื่องของการใช้เงินต่างๆต้องเรียน
00:06:42 → 00:06:44 จากนี้นะครับต้องเหลือจากความจำเนี่ยก็จะ
00:06:45 → 00:06:46 มีเรื่องของพฤติกรรมนะครับเรื่องของ
00:06:46 → 00:06:50 บุคลิกนะครับทำให้ผู้ป่วยหลายคนพอช่วงที่
00:06:50 → 00:06:53 เป็นมากขึ้นอยากจะมีเหมือนมีนิสัยเปลี่ยน
00:06:53 → 00:06:55 ไปนะครับดูมาเป็นคนที่เปลี่ยนไปเลยนะครับ
00:06:55 → 00:06:58 ทำให้แม้แต่คนที่คุณเคยรู้สึกว่าผู้ป่วย
00:06:58 → 00:07:01 เหมือนคนเป็นคนปหัวหน้าครับรู้สึกว่าไม่
00:07:01 → 00:07:04 ต่างจากคนที่รู้จักกันมาแปบ 40 ปี 50 ปี
00:07:04 → 00:07:07 แล้วในคนที่เป็นมากๆเลยนะครับสมองจะไม่
00:07:07 → 00:07:10 สามารถควบคุมการทำงานต่างๆของร่างกายได้
00:07:10 → 00:07:12 นะครับที่เหลือของการขับถ่ายคือไม่สวัสดี
00:07:12 → 00:07:15 จากการปัสสาวะได้ไม่สามารถที่จะกลั้นหนู
00:07:15 → 00:07:17 จะราได้นะครับบางคนจะมีปัญหาเรื่องของการ
00:07:17 → 00:07:20 กลืนนะครับกลืนไม่ค่อยลงทำให้สุดท้ายใน
00:07:20 → 00:07:22 ผู้ป่วยเท่านอนเป็นเตียงนะครับไปไหนมาไหน
00:07:22 → 00:07:24 ไม่ได้แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ที่นี่
00:07:24 → 00:07:27 ภาพตัวในใจว่าตัวโลกเรียนนะคะเพราะ
00:07:27 → 00:07:29 อัลไซเมอร์เนี่ยผู้ป่วยเองเนี่ยอาจจะไม่
00:07:29 → 00:07:31 ได้ทุกข์ทรมานมากขึ้นถึงว่าด้วยความที่
00:07:31 → 00:07:34 สมองจะจำอะไรไม่ค่อยได้นะครับมันก็เลย
00:07:34 → 00:07:36 เหมือนกับตัวเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก
00:07:36 → 00:07:39 ไม่รู้ตัวแต่ญาติพี่น้องใกล้ชิดต้องดูแล
00:07:39 → 00:07:41 เนี่ยะจะค่อนข้างลำบากนะครับแล้วก็เครียด
00:07:41 → 00:07:44 มากส่วนหนึ่งก็ตรงไปตรงมานะครับก็คือ
00:07:44 → 00:07:45 เมื่อพบป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เดี๋ยว
00:07:45 → 00:07:48 คนที่ต้องดูแลก็เหนื่อยหน่อยแต่ที่คนกลัว
00:07:48 → 00:07:50 โลกนี้กันมากนะครับเพราะว่าโรคอัลไซเมอร์
00:07:50 → 00:07:52 เดี๋ยวมันจะทำให้คนที่เราเหมือนกับคุณเคย
00:07:52 → 00:07:55 นะครับรักกันนะครับหรือว่าอยู่ด้วยกันมา
00:07:55 → 00:07:58 หลายสิบปีเนี่ยกลายเป็นคนแต่งหน้าไปนิสัย
00:07:58 → 00:08:01 เปลี่ยนไปจำเราไม่นี้นะครับหลายครั้งแต่
00:08:01 → 00:08:05 ก็โกรธครับกฎลูกกรดหลานนะครับกดพระยาถาม
00:08:05 → 00:08:08 ว่าขโมยของบ้างนะครับหรือว่าออกโกรธสามี
00:08:08 → 00:08:11 ภรรยานะครับพาว่านอกใจได้ซึ่งเรื่องเหล่า
00:08:11 → 00:08:13 นี้มันจะค่อนข้างทำร้ายจิตใจกับญาติใกล้
00:08:13 → 00:08:16 ชิดที่เคยดูแลกันมาหรือว่าคุ้นเคยกันมา
00:08:16 → 00:08:18 นานซึ่งหลายครั้งนะครับคนที่ดูแลเองในก็
00:08:18 → 00:08:21 ทนไม่ไหวนะครับผมดูเวลาบางคนก็มีภาวะซึม
00:08:21 → 00:08:23 เศร้านะครับแล้วก็ทำให้เหมือนกับต้องทอด
00:08:23 → 00:08:26 ทิ้งผู้ป่วยนะครับแต่ว่าตัวเองนี้ก็ยัง
00:08:26 → 00:08:28 ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดนะครับรู้สึก
00:08:28 → 00:08:30 เศร้าที่ต้องทอดทิ้งคนรักหรือว่าทอดทิ้ง
00:08:30 → 00:08:32 พ่อแม่ตัวเองอันนี้ก็เป็นเหตุผลเขาจะไป
00:08:32 → 00:08:34 หลายคนก็รู้สึกนะคะว่าโรคอัลไซเมอร์
00:08:34 → 00:08:36 เดี๋ยวเป็นโรคที่คนข้างน่ากลัวนะครับแล้ว
00:08:36 → 00:08:39 ก็ไม่อยากเป็นซึ่งจะนำไปสู่คำถามถัดไปก็
00:08:39 → 00:08:40 คือว่าโรคอัลไซเมอร์เนี่ยเป็นโรคที่รักษา
00:08:41 → 00:08:43 ได้หรือเปล่านะครับว่าป้องกันให้เกิดได้
00:08:43 → 00:08:47 ไหม
00:08:47 → 00:08:50 ในแง่ของการรักษานะครับปัจจุบันในต้องถือ
00:08:50 → 00:08:52 ว่าโรคอัลไซเมอร์เนี่ยมันยังไม่มีการ
00:08:52 → 00:08:55 รักษาที่จะทำให้หายขาดได้นะครับแต่ก็ไม่
00:08:55 → 00:08:57 ได้แปลว่าไม่มีการรักษานะครับให้จอ Focus
00:08:57 → 00:08:59 อกการรักษาหรือเป้าหมายของการรักษาเนี่ย
00:08:59 → 00:09:03 อ่ะก็จะค่อนข้างไปในทางที่มันก็พยายามที่
00:09:03 → 00:09:06 จะชะลอความเร็วของการกำเนินของโลกนะครับ
00:09:06 → 00:09:09 ก็คือพวกนี้คือให้โลกมันแย่ลงช้าลงนะครับ
00:09:09 → 00:09:11 หรือว่าไปรับน้องการรักษาที่ช่วยคุณภาพ
00:09:11 → 00:09:14 ชีวิตของผู้ป่วยและก็ญาติที่ดูแลเนี่ย
00:09:14 → 00:09:17 อ่อนดีขึ้นดังนั้นนะครับเมื่อโลกมันยัง
00:09:17 → 00:09:19 ไม่มีทางรักษามันก็เลยมีความพยายามที่จะ
00:09:19 → 00:09:21 โฟกัสเป็นเนี่ยของการป้องกันนะครับหรือ
00:09:21 → 00:09:24 ว่าลดความเสี่ยงของการเกิดเป็นโรคนี้ซึ่ง
00:09:24 → 00:09:27 ใบว่าปัจจุบันเราจะไม่มีวิธีป้องกันที่
00:09:27 → 00:09:28 ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับแต่ว่า
00:09:28 → 00:09:30 ปัจจุบันเราก็รู้ว่ามันมีหลายปัจจัยนะ
00:09:30 → 00:09:32 ครับที่มันสามารถที่จะช่วยลดความเสี่ยง
00:09:32 → 00:09:35 ของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้และที่ดีมากๆ
00:09:35 → 00:09:37 ก็คือวิธีลดความเสี่ยงให้เกิดโรค
00:09:37 → 00:09:40 อัลไซเมอร์นะครับมันก็เป็นวิธีเดียวกับ
00:09:40 → 00:09:41 ที่ใช้ป้องกันโรคคนอื่นๆครับที่เรากลัว
00:09:41 → 00:09:43 กันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคเบาหวานนะ
00:09:43 → 00:09:46 ครับโรคหัวใจนะครับโรคมะเร็งหรือพูดง่ายๆ
00:09:46 → 00:09:49 ก็คือว่าถ้าเราทำเพื่อป้องกันโรคคืนได้นะ
00:09:49 → 00:09:50 ครับก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรค
00:09:50 → 00:09:54 อัลไซเมอร์ได้ที่นี่วิธีการที่สามารถจะลด
00:09:54 → 00:09:56 ความเสี่ยงได้หรือว่าการเปรียบไว้ทรายที่
00:09:56 → 00:09:59 จะช่วยลดความเสียดายในมันมีอะไรนะครับตัว
00:09:59 → 00:10:01 อย่างก็เช่นนะครับที่บ่เคยกันดีนะครับ
00:10:01 → 00:10:03 เรื่องของการต่อลดเหล้านะครับสูตรไข่คน
00:10:03 → 00:10:06 ที่ดื่มเหล้าเยอะนะครับเดี๋ยวขอเยอะเนี่ย
00:10:06 → 00:10:08 ก็เรื่องของการรถเล่านะครับถ้าเป็นคนที่
00:10:08 → 00:10:10 สุดบุหรี่อยู่กันเลิกบุหรี่เนี่ยก็จะช่วย
00:10:10 → 00:10:13 ลดความเสี่ยงได้การกินอาหารที่ดีสุขภาพนะ
00:10:13 → 00:10:15 ครับซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายมากนะครับก็จะ
00:10:15 → 00:10:17 เป็นเรื่องของการรบแดงนะครับพยายามเพิ่ม
00:10:17 → 00:10:20 ผักผลไม้ขอในอาหารให้มากขึ้นนะครับกินพวก
00:10:20 → 00:10:24 อาหารจักพืชเนี่ยให้อย่างสม่ำเสมอเรื่อง
00:10:24 → 00:10:26 ของการออกกำลังกายนะครับเราถ้ามีโรคประจำ
00:10:26 → 00:10:28 ตัวอื่นนะครับเช่นโรคเบาหวานนะครับว่าควร
00:10:28 → 00:10:32 เลยสูงนะครับก็พยามควบคุมโรคเหล่านั้นที่
00:10:32 → 00:10:35 ดีนะครับคือพยายามรักรักษานะครับหรือว่า
00:10:35 → 00:10:37 คุมปรับเปลี่ยนร้านใส่ต่างให้โลกเรียนมัน
00:10:37 → 00:10:40 สามารถคุมได้ดีมันก็จะช่วยลดความเสี่ยง
00:10:40 → 00:10:43 ของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ด้วยต้องนี้จะนี้
00:10:43 → 00:10:45 นะครับเป็นเรื่องของทางสังคมนะครับเช่นคน
00:10:45 → 00:10:48 ที่มีสังคมนะครับเข้าสังคมติดต่อกับ
00:10:48 → 00:10:52 เพื่อนๆโอกาสที่ได้ไปเจอพูดคุยนะครับก็จะ
00:10:52 → 00:10:54 มีความเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์น้อยลงเท่า
00:10:54 → 00:10:58 นั้นจะมีเงินเป็นเรื่องของการใช้สมองนะ
00:10:58 → 00:11:00 ครับได้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆมาเรื่อย
00:11:00 → 00:11:02 ๆนะครับเช่นเรื่องของการอ่านหนังสือนะ
00:11:02 → 00:11:04 ครับเรื่องของการอย่างเช่นเรื่องมาสุดใคร
00:11:04 → 00:11:06 ที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องของโลกแล้วมาฟัง
00:11:06 → 00:11:08 เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังเหล่านี้นะครับ
00:11:08 → 00:11:11 เรื่องใหม่ๆนะครับเรียนรู้ภาษาใหม่ๆนะ
00:11:11 → 00:11:13 ครับเล่นดนตรีนะครับหรือว่าการเดินทาง
00:11:13 → 00:11:16 ท่องเที่ยวหาประสบการณ์ใหม่ๆจะพบปะผู้คน
00:11:16 → 00:11:18 ใหม่ๆเนี่ยก็ช่วยลดความเสี่ยงของโรค
00:11:18 → 00:11:21 อัลไซเมอร์ได้แล้วดึงปัจจัยสำคัญนะครับ
00:11:21 → 00:11:23 ที่ปัจจุบันนักเรียนสารนะคะหมอเนี่ยเพิ่ง
00:11:23 → 00:11:26 จะเรียนรู้กันไม่นานนะครับก็คือเรื่องของ
00:11:26 → 00:11:29 จุลินทรีย์นำไส้มันอาจจะเกี่ยวข้องรถจะ
00:11:29 → 00:11:31 สำคัญเลยนะครับผมการเกิดโรคอัลไซเมอร์
00:11:31 → 00:11:34 ด้วยเช่นกันและแน่นอนว่าการดูแล
00:11:34 → 00:11:37 จุลินทรีย์ในลำไส้ของเราเนี่ยจะช่วยลดการ
00:11:37 → 00:11:39 เกิดเข้าใส่เมื่อด้วยเช่นกันฟังมาถึงตรง
00:11:39 → 00:11:41 นี้นะผมก็เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกถึงใส
00:11:41 → 00:11:43 ขึ้นมานะคะว่าไอ้แล้วจู่ๆเนี่ยเหมือนกับ
00:11:43 → 00:11:46 นักเดียวศาสตร์หรือหมอนะครับมาเห็นความ
00:11:46 → 00:11:47 สัมพันธ์ระหว่างจุลินทรีย์ลำไส้กับโรค
00:11:47 → 00:11:50 อัลไซเมอร์ได้ยังไงนะครับทำไมจู่ๆฉันคิด
00:11:50 → 00:11:52 ว่าโรคของสมองเนี่ยมันจะมาเกี่ยวข้องกับ
00:11:52 → 00:11:58 จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ได้
00:11:58 → 00:12:01 เรื่องกล่าวนะแต่ว่าครั้งแรกๆนะครับที่นะ
00:12:01 → 00:12:03 คะยาศาสตร์เดี่ยวสนใจว่าโรคอัลไซเมอร์มัน
00:12:03 → 00:12:06 จะเกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์นะมาไส้เด่นมัน
00:12:06 → 00:12:09 เริ่มมาจากตอนที่พยายามมีความพยายามนะคะ
00:12:09 → 00:12:11 ที่จะสร้างหนูที่มีพันธุกรรมที่เสี่ยงจะ
00:12:11 → 00:12:14 เป็นโรคอัลไซเมอร์ขึ้นมาก็อย่างนี้ครับ
00:12:14 → 00:12:16 ปกติในการทดลองทางการแพทย์เนี่ยทาง
00:12:16 → 00:12:19 วิทยาศาสตร์เวลาเราจะลองในสัตว์เราจะต้อง
00:12:19 → 00:12:21 เหมือนกับคัดเลือกสายพันธุ์สัตว์เอามา
00:12:21 → 00:12:23 ก่อนหนูจะลองขึ้นมาก่อนนะครับที่จะทำให้
00:12:23 → 00:12:26 มีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคที่เราอยากจะ
00:12:26 → 00:12:28 ศึกษาเช่นอย่างไรนี่ของอัลไซเมอร์สมุดนัก
00:12:28 → 00:12:30 เรียนศาสตร์กับศึกษาเนี่ยก็ต้องพยายาม
00:12:30 → 00:12:32 เหมือนกับสร้างแล้วคันเรื่องสายพันธุ์หนู
00:12:32 → 00:12:34 ที่มีความเสี่ยงจะเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมา
00:12:34 → 00:12:37 ก่อนเคยเป็นอนิมะโมเดลนะครับเพื่อจะนำมา
00:12:37 → 00:12:41 ใช้ทดลองและศึกษาต่างๆที่นี่เมื่อคัด
00:12:41 → 00:12:43 เลือกจะไปตั้งได้หนูสายพันธุ์ที่มีความ
00:12:43 → 00:12:45 เสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ขึ้นมาแล้ว
00:12:45 → 00:12:47 เนี่ยแล้วก็มีระยะสาดนะครับที่เหมือนกับ
00:12:47 → 00:12:50 ไปศึกษา jun 4 ลำไส้ของหนูเหล่านี้นะ
00:12:50 → 00:12:51 ครับผมที่มีความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์
00:12:51 → 00:12:54 เนี่ยยกคนเพราะว่าจุลินทรีย์นำใช่ของดู
00:12:54 → 00:12:57 แล้วเนี่ยมันต่างไปจากจุลินทรีย์ในลำไส้
00:12:57 → 00:13:00 ของหนูปกติและเมื่อไปศึกษาในรายละเอียดก็
00:13:00 → 00:13:02 เพราะว่าความต่างที่ว่ามันมีความต่างหลาย
00:13:02 → 00:13:05 ลักษณะด้วยกันนะครับเช่นอาจจะมีเรื่องของ
00:13:05 → 00:13:07 ความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ย
00:13:07 → 00:13:10 ที่น้อยกว่าหนูปกติหรือว่าชนิดของ
00:13:10 → 00:13:12 จุลินทรีย์ก็ต่างไปนะครับเช่นในหนูที่มี
00:13:12 → 00:13:14 ความเสี่ยงอัลไซเมอร์เดี๋ยวมันจะมี
00:13:14 → 00:13:16 จุลินทรีย์บางชนิดเนี่ยน้อยกว่าหนูทั่วไป
00:13:16 → 00:13:19 และมีบังจุนจีมาชนิดเนี่ยพบมากกว่าในหนู
00:13:19 → 00:13:21 ทั่วไปมันก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นมานะคะ
00:13:21 → 00:13:23 ว่าไอ้ความต่างของจุลินทรีย์เดี๋ยวมันจะ
00:13:23 → 00:13:25 เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์หรือ
00:13:25 → 00:13:28 เปล่าในเวลาต่อมาก็มีการศึกษาในคอนะครับ
00:13:28 → 00:13:30 แล้วก็พบว่าในมนุษย์เนี่ยนะครับก็มี
00:13:30 → 00:13:32 ลักษณะคล้ายๆกันก็คือว่าจุลินทรีย์น้ำไส้
00:13:32 → 00:13:34 ของคนที่เปิดโรคอัลไซเมอร์เนี่ยก็จะมี
00:13:34 → 00:13:36 ความต่างไปจากคนที่ไม่เปิดโรคอัลไซเมอร์
00:13:36 → 00:13:39 เหมือนกันเราก็จะรักษาให้คล้ายกันก็คือ
00:13:39 → 00:13:41 ว่าจะมีความหลากหลายที่น้อยกว่านะครับ
00:13:41 → 00:13:43 แล้วก็มีจุลินทรีย์บางชนิดเลือกมากขึ้นนะ
00:13:43 → 00:13:46 ครับชีวิตน้อยลงดังนั้นคำถามถัดไปนะครับ
00:13:46 → 00:13:49 ก็คือว่าแล้วจุนซีนลำไส้ที่มันเปลี่ยนไป
00:13:49 → 00:13:51 นะครับมันจะไม่เกี่ยวข้องกับโรค
00:13:52 → 00:13:54 อัลไซเมอร์ของสมองเนี่ยถ้ายังไงสำหรับคน
00:13:54 → 00:13:56 ไก่นะครับว่าจุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมัน
00:13:56 → 00:13:58 เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
00:13:58 → 00:14:00 อย่างไรปัจจุบันเนี่ยต้องถือแต่กูก็ยัง
00:14:00 → 00:14:02 ไม่ค่อยชัดเจนนะครับแต่มันก็เป็นไปได้
00:14:02 → 00:14:05 หลายคนไกลนะครับซึ่งมันก็จะคล้ายๆกับที่
00:14:05 → 00:14:07 เราคุยกันไปแล้วในหลายๆที่สุดที่ผ่านมานะ
00:14:07 → 00:14:10 ครับตัวอย่างเช่นนะครับการจะทำงานผ่าน
00:14:10 → 00:14:13 ระบบภูมิคุ้มกันคือถ้าจุลินทรีย์รวมไส้
00:14:13 → 00:14:16 ของเราเนี่ยมันเป็นแปลงและทำให้เกิดภาวะ
00:14:16 → 00:14:19 เสพมากขึ้นนะครับก็คือแบบว่าเกิดการเพาะ
00:14:19 → 00:14:21 กันเสียบได้น้อยนะครับแต่ว่าเป็นแบบ
00:14:21 → 00:14:23 เรื้อรังเนี่ยศาลอักเสบที่สร้างขึ้นมา
00:14:23 → 00:14:25 เนี่ยมันอาจจะเข้าไปในเลือดนะครับแล้วก็
00:14:25 → 00:14:28 สามารถขึ้นไปมีผลต่อเซลล์สมองได้ที่นี่
00:14:28 → 00:14:31 การอักเสบที่เกิดขึ้นกับสมองมันจะลักษณะ
00:14:31 → 00:14:33 เศษแบบที่เกิดขึ้นน้อยนะครับแต่ว่าเป็น
00:14:33 → 00:14:35 นานๆนะครับคือไม่ใช่การเกษตรที่ทำให้เรา
00:14:35 → 00:14:37 เกิดเกิดโรคและเกิดอาการขึ้นอย่าง
00:14:37 → 00:14:40 ปัจจุบันทันด่วนนะครับมันจะมีคำเรียกที่
00:14:40 → 00:14:42 ว่า New โรยตัวเนชั่นนะครับนิวโลว์ที่แปล
00:14:42 → 00:14:45 ว่าแบบครับเซลล์ประสาทนะครับเพื่อเนชั่น
00:14:45 → 00:14:48 ที่แปลว่าการอักเสบเนี่ยอ๋อเกิดขึ้นแล้ว
00:14:48 → 00:14:51 ก็มีทฤษดีนะครับมีสมมุติฐานที่เชื่อว่าใน
00:14:51 → 00:14:53 การอักเสบแบบนี้นะครับมีเวอร์ชั่นระยะยาว
00:14:53 → 00:14:56 เนี่ยมันอาจจะนำไปสู่ร่วมตาของสมองได้
00:14:56 → 00:14:58 เช่นโรคพาร์กินสันโรคอัลไซเมอร์อย่างที่
00:14:58 → 00:15:01 ว่าไปนะครับแล้วก็มีโรคไมเกรนในบางคนนะ
00:15:01 → 00:15:04 ครับคนกันที่ 2 นะครับที่อาจจะเป็นไปได้
00:15:04 → 00:15:07 นะครับก็คือเรื่องของการที่จุนสีต่างๆที่
00:15:07 → 00:15:09 อาศัยอยู่ในลำไส้เนี่ยที่เราคุยกันไปนะ
00:15:09 → 00:15:11 ครับจุลินทรีย์เราเนี่ยมันจะสร้างสรรค์
00:15:11 → 00:15:14 ทีมอย่างต่างได้มากมายนะครับซึ่งฉันเคมี
00:15:14 → 00:15:16 พวกนี้เรามาจะเรียกรวมกันว่าอ่ะแม้แต่บน
00:15:16 → 00:15:19 LINE อีกนะครับเราหนึ่งในไม่ต้องไป C
00:15:19 → 00:15:21 สร้างมาแล้วก็เชิญพวกกรดไขมันสายสั้นที่
00:15:21 → 00:15:23 ว่าชอบเช็คพัทยาสิทธิ์ที่เราคุยกันไปหลาย
00:15:23 → 00:15:26 รอบแล้วนะครับอ่อน้องเหนือจากสารพวกชัด
00:15:26 → 00:15:28 เจนพัทยาสิทธิ์นะครับก็จะมีพวกสารสื่อ
00:15:28 → 00:15:30 ประสาทบางอย่างที่นี่ไอ้สารเคมีเหล่านี้
00:15:30 → 00:15:33 นะครับว่าจะมาไลค์ทั้งหลายเนี่ยมันมีผล
00:15:33 → 00:15:36 ต่อสมองได้นะครับซึ่งวิธีการที่มันจะไปมี
00:15:36 → 00:15:38 ผลต่อสมองเนี่ยมันก็ผ่านหลายเส้นทางด้วย
00:15:38 → 00:15:40 กันอาจจะผ่านเรื่องของเส้นประสาทในการ์ด
00:15:40 → 00:15:42 ที่เราเคยเห็นไปนะครับหรือว่าเข้าไปใน
00:15:42 → 00:15:45 เลือดแล้วก็จากเลือดในก็ขึ้นไปที่สมองนะ
00:15:45 → 00:15:49 ครับก็จะมีผลต่อการแปลงข้อมูลต่างๆอัน
00:15:49 → 00:15:51 นั้นก็เป็นโรงเรียนที่สอนนะครับก็ได้อัน
00:15:51 → 00:15:53 หนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้นะครับก็คือมีการ
00:15:53 → 00:15:55 ค้นพบว่าพวกจุลินทรีย์นะครับว่าจะว่าแบต
00:15:55 → 00:15:58 ตรีบัญชีได้ลำไส้เนี่ยมันสามารถที่จะ
00:15:58 → 00:16:01 สร้างสารหรือว่าสร้างมีสีน้ำไอลอยออกมา
00:16:01 → 00:16:04 ได้ที่นี่ถ้าจำตอนแรกคุยกันได้นะคะว่า
00:16:04 → 00:16:07 หนึ่งในลักษณะของโรคอัลไซเมอร์เนี่ยมันก็
00:16:07 → 00:16:09 คือการที่มีโปรตีนที่ชื่อว่าเบต้าไม่ลอย
00:16:09 → 00:16:12 เนี่ยไปเกาะที่ที่เซลล์ของสมองแล้วก็ทำ
00:16:12 → 00:16:14 ให้การสื่อสารระหว่างเซลล์ของสมองเนี่ย
00:16:14 → 00:16:17 มันสียไปดังนั้นนะครับเมื่อมีการค้นพบว่า
00:16:17 → 00:16:19 จุลินทรีย์นำใช่เราประเทศเราใช่บางตัว
00:16:19 → 00:16:21 เนี่ยมันสามารถที่จะสร้างโปรตีนนำอะไรออก
00:16:21 → 00:16:24 มาได้เนี่ยมันก็เป็นไปได้ว่าให้โปรตีนเอา
00:16:24 → 00:16:26 ใหม่ร้อยตัวเนี้ยเหมือนอาจจะเกี่ยวข้องนะ
00:16:26 → 00:16:29 ครับกับไม่รอยที่เกิดขึ้นในสมองในเวลาต่อ
00:16:29 → 00:16:31 มาได้ด้วยโดยสรุปนะครับจะเห็นว่า
00:16:31 → 00:16:33 จุลินทรีย์รู้ไปเที่ยวต่างๆที่อาศัยอยู่
00:16:33 → 00:16:36 ในลำไส้ของเราเนี่ยมันสามารถสร้างสารเคมี
00:16:36 → 00:16:38 ออกมาได้มากมายนะครับแล้วสารเคมีเหล่า
00:16:38 → 00:16:42 เนี้ยมันสามารถเป็นมีผลต่อสมองได้ซึ่งสาร
00:16:42 → 00:16:45 บางชนิดก็จะไปป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมอง
00:16:45 → 00:16:48 เสื่อมโรคอัลไซเมอร์ขึ้นมาสารเคมีบางชนิด
00:16:48 → 00:16:51 เนี่ยเพิ่มความเสี่ยงได้ดังนั้นชนิดของ
00:16:51 → 00:16:52 จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา
00:16:52 → 00:16:55 เนี่ยก็จะมีความสำคัญว่ามันจะทำให้มีการ
00:16:55 → 00:16:57 สร้างสารเคมีกลุ่มไหมเนี่ยมากพิเศษนะครับ
00:16:57 → 00:17:00 ที่นี่การค้นพบจุลินทรีย์ในลำไส้แต่ถ้า
00:17:00 → 00:17:02 มันเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของการเกิดโรค
00:17:02 → 00:17:04 อัลไซเมอร์ด้วยเนี่ยมันค่อนข้างน่าสนใจ
00:17:04 → 00:17:07 มากนะครับเพราะว่าโรคนี้อย่างที่เราว่าไป
00:17:07 → 00:17:09 เป็นโรคที่ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้
00:17:09 → 00:17:12 หายขาดได้จากนั้นการป้องกันด้วยการลดความ
00:17:12 → 00:17:15 เสี่ยงมีความสำคัญมากแล้วจุลินทรีย์และลำ
00:17:15 → 00:17:17 ไส้ของเรานะครับอย่างที่เราคุยกันมาตลอด
00:17:17 → 00:17:19 นะครับประมาณสิทธิสดที่พามาเนี่ยว่าเรา
00:17:19 → 00:17:21 สามารถปรับเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ของ
00:17:21 → 00:17:24 เราได้โดยวิธีการที่ง่ายนะครับจะเรื่อง
00:17:24 → 00:17:26 ของการปรับอาหารนะครับเรื่องของปรับ
00:17:26 → 00:17:29 เปลี่ยนไว้ทรายดังนั้นก็เท่ากับว่าการ
00:17:29 → 00:17:30 ปรับเปลี่ยนง่ายเหล่านี้เป็นสามารถที่
00:17:30 → 00:17:33 ช่วยป้องกันโรคที่ไม่มีทางรักษาโรคที่ยัง
00:17:33 → 00:17:35 ไม่มีวิธีการรักษาเนี่ยให้มีความเสี่ยง
00:17:35 → 00:17:38 น้อยลงได้แล้วก็เป็นรถที่ 2 จะเป็นวันนี้
00:17:38 → 00:17:41 นะครับก็คือว่าพาร์กินสันนะครับก็เป็นสาร
00:17:41 → 00:17:42 นะครับก็เป็นโรคของสมองอีกรอบนึงนะครับ
00:17:42 → 00:17:45 ที่จะถือว่าเป็นโรคความเสื่อมของสมองนะ
00:17:45 → 00:17:48 ครับเหมือนกับโรคอัลไซเมอร์เราในโรคความ
00:17:48 → 00:17:50 เสื่อมของสมองทั้งหมดนะครับที่เราคุยไป
00:17:50 → 00:17:52 เมื่อกี้ว่าอัลไซเมอร์แนวป๊อปมากที่สุดนะ
00:17:52 → 00:17:55 ครับก็คือประมาณ 80% อันดับสองรองลงมาก็
00:17:55 → 00:17:58 คือโรคพาร์กินสันนะครับซึ่งก็ถือว่าพบได้
00:17:58 → 00:18:00 ค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน
00:18:00 → 00:18:02 จะเอาใส่มื้อเนี่ยครับเป็นประเด็นๆที่เรา
00:18:02 → 00:18:04 คุยกันไปก็จะได้ๆก็เป็นเรื่องของความจำ
00:18:04 → 00:18:07 แต่ว่าถ้าเป็นพาร์กินสันเนี่ยความผิดปกติ
00:18:07 → 00:18:09 เด่นเลยนะจะไปเรื่องของกลางเคลื่อนไหวของ
00:18:09 → 00:18:12 ร่างกายที่ผิดปกติที่ได้คำถามก็คือว่า
00:18:12 → 00:18:15 ทำไมการเคลื่อนไหวของร่างกายมันผิดปกติไป
00:18:15 → 00:18:19 คำตอบก็คือว่ามันเริ่มต้นนะครับมาจากการ
00:18:19 → 00:18:21 ที่เซลล์ในสมองกลุ่มเลยเนี่ยซึ่งเป็น
00:18:21 → 00:18:24 เซลล์ที่สร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่าโด
00:18:24 → 00:18:27 ปามีนซึ่งกลุ่มนี้มันถูกทำลายไปผลที่เกิด
00:18:27 → 00:18:29 ขึ้นก็คือว่าทำให้สารโดปามีนที่ประชาชน
00:18:29 → 00:18:33 ประสาทมันมีจำนวนน้อยลงผลต่อมาก็คือว่า
00:18:33 → 00:18:35 เมื่อสารสื่อประสาทตัวนี้มันน้อยลงเนี่ย
00:18:35 → 00:18:38 มันจะทำให้การสื่อสารในสมองมันเสียไปโดย
00:18:38 → 00:18:41 เฉพาะพงษ์จรที่โดนกระทบมากๆเนี่ยมันเป็น
00:18:41 → 00:18:44 วงจรในสมอที่เกี่ยวข้องกับการเริ่ม
00:18:44 → 00:18:47 เคลื่อนไหวนะครับก็ถือว่าตอนที่เราจะเลิก
00:18:47 → 00:18:48 ทำอะไรสักอย่างตอนเริ่มเดี๋ยวมันจะมี
00:18:48 → 00:18:51 ปัญหามันจะเริ่มได้ยากเองระบบเลยนะครับ
00:18:51 → 00:18:54 ที่เจริญผลกระทบมากเมื่อศาลโดมีมาน้อยลง
00:18:54 → 00:18:56 เนี่ยก็คือเรื่องของอารมณ์อันนี้มาดูสัก
00:18:56 → 00:18:58 นิดนะครับว่าผู้ป่วยโรคพาร์กินสันเนี่ยจะ
00:18:58 → 00:19:04 มีอาการแล้วก็มีอาการเป็นยังไงบ้าง
00:19:04 → 00:19:08 ครับอาการของโรคคนที่เปิดโรคพาร์กินสันนะ
00:19:08 → 00:19:10 ครับอาจจะมองแยกกว้างเนี่ยเป็น 2 กลุ่ม
00:19:10 → 00:19:12 ด้วยกันก็คือกลุ่มได้จะเป็นอาการที่
00:19:12 → 00:19:15 เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของร่างกายนะ
00:19:15 → 00:19:16 ครับแล้วอาการส่วนที่ 2 ก็คือเป็นผู้
00:19:16 → 00:19:19 อาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวมา
00:19:19 → 00:19:21 ดูเรื่องของการขึ้นไว้ก่อนว่าให้การ
00:19:21 → 00:19:23 เคลื่อนไหวที่ผิดปกติมันผิดปกติอย่างไรนะ
00:19:23 → 00:19:26 ครับลักษณะหลักๆเลยนะครับออกการเคลื่อน
00:19:26 → 00:19:29 ไหวของพาร์กินสันบันจะเรียกว่ามีความค่อน
00:19:29 → 00:19:31 ข้างโดดเด่นนะครับมาถึงว่ามันมีลักษณะ
00:19:31 → 00:19:34 เฉพาะของมันคือหมอลายข้างเนี่ย Smart
00:19:34 → 00:19:36 เห็นแล้วก็จะไว้วินิจฉัยโรคจากลักษณะของ
00:19:36 → 00:19:39 การเคลื่อนไหวที่ปกติได้เลยอย่างแรกสุดนะ
00:19:39 → 00:19:41 ครับก็จะเป็นเรื่องของอาการสัตว์โดยเฉพาะ
00:19:41 → 00:19:44 การสรรที่เบนที่มือที่ขานะครับบางคนจะ
00:19:44 → 00:19:46 เป็นที่ข้างนะครับทำให้ดูนะครับปากมัน
00:19:46 → 00:19:50 สั้นๆนะครับแล้วก็การสัตว์ในจะมีลักษณะ
00:19:50 → 00:19:53 ที่จะเป็นการสั่นตอนที่ไม่ได้ใช้งานเมื่อ
00:19:53 → 00:19:56 เริ่มใช้งานและการแสดงมันก็จะหายไปลักษณะ
00:19:56 → 00:19:58 การเคลื่อนไหวปิดปฏิบัติที่ 2 นะครับที่
00:19:58 → 00:20:00 พบได้บ่อยก็คือเรื่องของเต็มที่จะเคลื่อน
00:20:00 → 00:20:03 ไหวแบบช้าๆนะครับมันจะดูเหมือนกับผู้ป่วย
00:20:03 → 00:20:06 เมียร์ฟลักษณะของมันสโลโมชั่นเคลื่อนตก
00:20:06 → 00:20:09 ช้าๆนะครับปลาเดินก็จะเดินช้าและก้าวเท้า
00:20:09 → 00:20:12 นี้จะ 9 ค่อนข้างสั้นและลักษณะที่รัตตะ
00:20:12 → 00:20:15 อย่างก็คือว่าเวลาทำท่าอะไรซ้ำๆนะครับ
00:20:15 → 00:20:18 เช่นผู้ป่วยทำอะไรซ้ำๆเนี่ยเหมือนกับว่า
00:20:18 → 00:20:21 เวลาทำท่านั้นมันจะทำได้เล็กลงเรื่อยๆลด
00:20:21 → 00:20:24 ลงเรื่อยๆเช่นสมมติว่าให้ทำมือเป็นวงกลม
00:20:24 → 00:20:25 เนี่ยก็ทำไปเรื่อยๆนะมือที่ทำแล้วก็จะ
00:20:25 → 00:20:28 เป็นความวงที่เล็กลงเล็กลงเล็กลงไปเรื่อย
00:20:28 → 00:20:31 ๆอาการเคลื่อนไหวผิดปกติแบบที่ 3 นะครับ
00:20:31 → 00:20:33 ก็คืออาการที่เขาเรียกว่าเป็นอาการฝึก
00:20:33 → 00:20:35 เร่งนะครับก็คือตามชื่อเลยนะครับว่าเวลา
00:20:35 → 00:20:38 ที่จะคุยกันกล้ามเนื้อนะครับแล้วขยับข้าง
00:20:38 → 00:20:40 แรกเนี่ยมันจะเหมือนกับฝืนนะครับน้ำมัน
00:20:40 → 00:20:43 ฝืดมันจะเกร็งมันจะคุยกันได้ยากนะครับผู้
00:20:43 → 00:20:45 ใดฆ่ามันจะขยับไม่ค่อยได้นะครับแล้วก็
00:20:45 → 00:20:47 เวลาเทียบจะขยับถึงจะรู้สึกเจ็บปวดก็ได้
00:20:47 → 00:20:50 การเคลื่อนไหวผิดปกติอย่างนะครับที่เห็น
00:20:50 → 00:20:52 ง่ายก็คือเรื่องของการทรงตัวนะครับคือผู้
00:20:52 → 00:20:55 ป่วยจะล้มได้ง่ายนะครับแล้วเวลาถ้าเดิน
00:20:55 → 00:20:57 เนี่ยมันก็จะมีลักษณะทิพย์เหมือนกับตัว
00:20:57 → 00:21:01 เนี่ยจะโค้ง On โต๊ะคอมไปข้างหน้านะครับ
00:21:01 → 00:21:03 เหมือนกันว่าควรครั้งจะล้มคำมาไม่ข้าง
00:21:03 → 00:21:05 หน้าอยู่กลางเคลื่อนไหวพริบสติกส์ชนิดนึง
00:21:05 → 00:21:07 นะครับที่เกิดขึ้นกับพวกปกติกล้ามเนื้อ
00:21:07 → 00:21:10 ที่เราเรียกว่าว่าอยู่นอกเกาะการควบคุม
00:21:10 → 00:21:12 ของเรานะครับจะเป็นการหน้าที่เราขยับไป
00:21:12 → 00:21:15 ที่เราได้คิดเช่นกล้ามเนื้อที่มันช่วย
00:21:15 → 00:21:17 เรื่องของการกระพริบตานะครับเรื่องของการ
00:21:17 → 00:21:19 ยิ้มต่างๆซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจแล้วก็มันจะ
00:21:19 → 00:21:22 เกิดขึ้นเองนะครับดูปลาที่เราเดินจะมีการ
00:21:22 → 00:21:25 แกว่งแขนพรุ่งนี้ก็จะมีปัญหานะครับทำให้
00:21:25 → 00:21:27 ผู้ป่วยเนื้อจะกระพริบตาน้อยลงนะครับหน้า
00:21:27 → 00:21:30 ตาและจะดูนิ่งๆนะครับดูไม่ค่อยยิ้มปลา
00:21:30 → 00:21:32 เดินหน้าก็จะไม่ค่อยแกว่งแขนนะครับก็จะทำ
00:21:32 → 00:21:34 ให้เหมือนกับเดินตัวตรงๆนะครับดูแล้ว
00:21:34 → 00:21:37 เหมือนกับให้ข้าหุ่นยนต์ถ้าเป็นกล้าม
00:21:37 → 00:21:39 เนื้อที่เกี่ยวข้องกับแถวๆบริเวณรอบๆป่า
00:21:39 → 00:21:41 นะครับการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการพูด
00:21:41 → 00:21:43 เนี่ยก็จะมีปัญหาเหมือนกันก็จะทำให้ผู้
00:21:43 → 00:21:46 ป่วยเนี่ยพูดเสียงค่อนข้างเป่านะครับเวลา
00:21:46 → 00:21:48 พูดเนี่ยจะรัวๆนะครับฟังไม่ค่อยชัดเท่า
00:21:48 → 00:21:51 ไหร่แล้วก็น้ำเสียงที่ออกมาเนี่ยจะเป็น
00:21:51 → 00:21:53 ลักษณะที่เหมือนกับไม่ค่อยมีโทนนะครับไม่
00:21:53 → 00:21:56 มีเสียงวรรณยุกต์ขึ้นลงๆนะครับมันจะฟังดู
00:21:56 → 00:21:59 ราบเรียบสำหรับการเคลื่อนของพวกกล้าม
00:21:59 → 00:22:01 เนื้อนิ้วต่างๆนะครับเรื่องของการเขียนใน
00:22:01 → 00:22:03 ก็จะเป็นอีกที่หนึ่งที่เห็นได้ชัดเพราะ
00:22:03 → 00:22:05 ว่าผู้ป่วยในฉันรู้สึกว่านี่เนี่ยมันจะ
00:22:05 → 00:22:08 ควบคุมกล้ามเนื้อได้ย่างนะครับทำให้การ
00:22:08 → 00:22:10 เช่นหนังสือและมันทำได้ยากคุมมือไม่ค่อย
00:22:10 → 00:22:13 ได้และวันที่เขียนไปเนี่ยตัวหนังสือนำจะ
00:22:13 → 00:22:15 เห็นชัดเลยนะครับตัวเลือกตอนแรกๆต้นฟิล์ม
00:22:15 → 00:22:17 จะตัวใหญ่เพราะเพียงแค่นี้เลขตัวหนังสือ
00:22:17 → 00:22:20 มันจะค่อยขนเล็กลงเล็กลงเล็กลงนะครับแล้ว
00:22:20 → 00:22:22 ทั้งหมดนะครับก็เป็นอาการผิดปกติที่
00:22:22 → 00:22:23 เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวนะครับที่พบ
00:22:23 → 00:22:26 ได้บ่อยๆแค่นี้เราจะมาดูว่าอาการผิดปกติ
00:22:26 → 00:22:28 ของโรคพาร์กินสันนะครับที่มีเกี่ยวข้อง
00:22:28 → 00:22:31 กับการเคลื่อนไหวบ้างอาการเหล่านี้นะครับ
00:22:31 → 00:22:33 มันจะเกิดขึ้นมาทีหลังนะครับเกิดขึ้นตาม
00:22:33 → 00:22:35 หลังร้อยจากที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวผิด
00:22:35 → 00:22:38 ปกติแล้วตัวอย่างของอาการของนี้ก็เช่นนะ
00:22:38 → 00:22:41 ครับอันและก็เป็นเรื่องของการนอนนะครับก็
00:22:41 → 00:22:43 หลายคนจะพูดอะไรคนจะมีปัญหาเรื่องของการ
00:22:43 → 00:22:45 นอนตอนคือในจะไม่โง่นะครับนอนไม่ค่อยหลับ
00:22:45 → 00:22:48 นะครับทำให้อดนอนแล้วก็จะมาง่วงก็ตอนกลาง
00:22:48 → 00:22:50 วันอย่างที่สองมันก็เป็นเรื่องของพวก
00:22:50 → 00:22:53 ปัญหาของพวกระบบประสาทอัตโนมัตินะครับ
00:22:53 → 00:22:55 ระบบประสาทอัตโนมัติเดี๋ยวมันก็คือระบบ
00:22:55 → 00:22:58 ประสาทที่คอยควบคุมเรื่องของสิ่งที่อยู่
00:22:58 → 00:23:00 นอกจิตสำนึกของเล่านะครับเช่นเรื่องเจอ
00:23:00 → 00:23:02 กันกลั้นปัสสาวะกั้นอุจจาระพรุ่งนี้ปกติ
00:23:02 → 00:23:05 เราก็ไม่ได้นึกถึงถูกไหมครับแต่ร่างกาย
00:23:05 → 00:23:07 เดี๋ยวก็จะไม่ครับทำงานของรัฐเองก็จะ
00:23:07 → 00:23:09 เกี่ยวข้องกับการเต้นของหัวใจนะครับ
00:23:09 → 00:23:12 เกี่ยวข้องกับกันบีบกดตัวและขยายตัวของ
00:23:12 → 00:23:14 เส้นเลือดที่ผู้ป่วยเนี่ยพวกเมื่อมีปัญหา
00:23:14 → 00:23:16 เรื่องของระบบประสาทอัตโนมัติเนี่ยเขาจะ
00:23:16 → 00:23:19 มีอาการที่เกี่ยวข้องเส้นอะไรคนจะมีอาการ
00:23:19 → 00:23:21 กลั้นปัสสาวะกันจะรักไม่ค่อยอยู่นะครับ
00:23:21 → 00:23:25 บางคนจะมีท้องผูกนะครับแล้วก็ถ้าเป็น
00:23:25 → 00:23:27 เรื่องของเส้นเลือดนะครับที่ว่าไปก็คือ
00:23:27 → 00:23:30 ว่ากูบางคนเนี่ยก็จะมีอาการที่ไปออกมา
00:23:30 → 00:23:32 เป็นลักษณะการที่เหมือนกับหน้ามือได้ง่าย
00:23:32 → 00:23:34 นะครับเฉพาะเปลี่ยนท่าจากท่านั่งเป็นท่า
00:23:34 → 00:23:37 ยืนและจากท่านอนแล้วลุกขึ้นยืนเนี่ยเพราะ
00:23:37 → 00:23:40 ว่าตอนที่เราลุกขึ้นยืนเลือดจนไปกองที่
00:23:40 → 00:23:43 เท้าถ้าในคนปกตินะครับตัวเส้นเลือดมันจะ
00:23:43 → 00:23:45 สามารถที่จะขดตัวแล้วก็เหมือนครับเพิ่ม
00:23:45 → 00:23:48 ความดันครับให้เลือดไม่สามารถเอาผิดไปกอง
00:23:48 → 00:23:51 ที่ส่วนล่างของร่างกายได้มากนักแต่ในคน
00:23:51 → 00:23:53 ที่เสียระบบประสาทตรงนี้ไปเนี่ยเส้นเลือด
00:23:53 → 00:23:56 จะเสียหน้าที่นี้ไปทำให้พอเราเปลี่ยนท่า
00:23:56 → 00:23:59 ลุกขึ้นยืนปุ๊บเลือดมันก็จะไหลตามเอาแรง
00:23:59 → 00:24:03 โน้มถ่วงที่ 2 ที่ส่วนขาในคอนทางมาทำให้
00:24:03 → 00:24:05 พอสมองขาดเลือดอย่างก็เลยมีอาการหน้ามืด
00:24:05 → 00:24:08 เวลาที่ยืนขึ้นเร็วได้ต่อเนื่องจากนี้นะ
00:24:08 → 00:24:10 ครับก็จะเป็นเรื่องของปัญหาทางอารมณ์
00:24:10 → 00:24:13 อย่างที่ว่าไปนะครับว่าถ้าเกิดขาดพูดว่า
00:24:13 → 00:24:15 มีเนี่ยผู้ป่วยหลายคนก็จะมีอาการเหมือน
00:24:15 → 00:24:16 กับไม่ค่อยมีอารมณ์นะครับจมูกค่อนข้าง
00:24:16 → 00:24:19 นิ่งๆนะครับแต่ว่าถ้าเป็นมากขึ้นก็จะ
00:24:19 → 00:24:21 สามารถมีอารมณ์ทางด้านลบได้เช่นจะมี
00:24:21 → 00:24:24 เรื่องของภาวะซึมเศร้านะครับคนก็จะรู้สึก
00:24:24 → 00:24:27 กังวลรู้สึกเคลียร์ได้แล้วในระยะท้ายของ
00:24:27 → 00:24:29 โลกนะครับก็จะมีปัญหาเรื่องของความทรงจำ
00:24:29 → 00:24:31 แล้วก็เรื่องของการตัดสินใจต่างๆเนี่ย
00:24:31 → 00:24:33 เกิดขึ้นตามมาด้วยคะนี่พอเห็นภาพด้วยนะ
00:24:33 → 00:24:36 ครับว่าโรคพาร์กินสันมันดีหน้าตาอย่างไร
00:24:36 → 00:24:39 นะคะมันมีอาการอะไรบ้างคำถามจะไปคือว่า
00:24:39 → 00:24:45 ให้โลกเนี้ยมันเกิดขึ้นจากอะไร
00:24:45 → 00:24:48 ก็อย่างที่ว่าไปนะครับว่าโรคพาร์กินสัน
00:24:48 → 00:24:50 ที่มันเกี่ยวข้องกับการที่เซลล์ภาษาที่
00:24:50 → 00:24:52 สร้างสารโดปามีนในบ้านถูกทำลายไปนะครับ
00:24:52 → 00:24:55 แล้วมันตายไปจะได้คำถามว่าทำไมเซลล์
00:24:55 → 00:24:58 ประสาทส่วนเนี้ยหรือว่ากลุ่มเรียกของสมอง
00:24:58 → 00:25:00 เนี่ยมันตายไปในคราวยังไม่รู้นะนี้นะครับ
00:25:00 → 00:25:02 แต่ชื่อว่ามันก็จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ
00:25:02 → 00:25:04 พันธุกรรมด้วยแล้วก็จะเกี่ยวข้องกับบาง
00:25:04 → 00:25:07 อย่างในสิ่งแวดล้อมนะครับมันก็จะมีสวัสดี
00:25:07 → 00:25:09 ฐานะครับว่าอาจารย์เกี่ยวข้องกับพวกยาฆ่า
00:25:09 → 00:25:12 แมลงนะครับอย่าเอาคำจากวัชพืชทั้งหลายนะ
00:25:12 → 00:25:15 ครับโลหะหนักสตางค์แต่ว่าหลักฐานมันก็จะ
00:25:15 → 00:25:17 ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่แต่ว่าที่เรารู้แน่
00:25:17 → 00:25:20 ๆก็คือว่าเมื่อเราศึกษาสมองของผู้ป่วยที่
00:25:20 → 00:25:22 ป่วยด้วยโรคนี้นะครับเราเสียชีวิตไปเนี่ย
00:25:22 → 00:25:25 เราจะเพราะว่ามันมีการสะสมของโปรตีนที่
00:25:25 → 00:25:28 ผิดปกติชนิดนึงเนี่ยอยู่ในสมองนะครับแล้ว
00:25:28 → 00:25:30 ก็อยู่ในบริเวณที่สมองส่วนหน้าถูกทำลาย
00:25:30 → 00:25:32 โปรตีนตัวนี้มันจะมีชื่อเรียกไปทั้งภาษา
00:25:32 → 00:25:35 ทางการแพทย์ครับภาษาวิทยาศาสตร์นะว่าเอา
00:25:35 → 00:25:39 ฟ้ามาใส่นิวคลีอินนะครับที่นักแรกเนี่ยก็
00:25:39 → 00:25:41 ตัวโปรตีนตัวนี้เขาพาสนุกเล่นเนี่ยมันจะ
00:25:41 → 00:25:43 ไปสะสมอยู่แถวเซลล์สมองที่สร้าง The mean
00:25:43 → 00:25:47 จากนั้นเดี๋ยวมันจะค่อยๆขยายบริเวณออกไป
00:25:47 → 00:25:50 ซึ่งให้ลักษณะของการที่มันขยายออกไปเนี่ย
00:25:50 → 00:25:53 มันจะไปพ้องกับอาการของผู้ป่วยทำให้เชื่อ
00:25:53 → 00:25:55 ว่าตัวโปรตีนตัวเนี๊ยใส่นิวคลีนเนี่ยมัน
00:25:55 → 00:25:57 เป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้คือเป็น
00:25:57 → 00:26:00 ตัวที่จะไปทำให้ตัวเซลล์สมองเนี่ยถ้าเรา
00:26:00 → 00:26:03 ทำลายไปและอีกหนึ่งปัจจัยนะครับสำคัญที่
00:26:03 → 00:26:05 บ้านพบแล้วก็เริ่มมีคนสนใจกันมากขึ้นก็
00:26:05 → 00:26:09 คือว่าโรคพาร์กินสันเนี่ยมันอาจจะเกี่ยว
00:26:09 → 00:26:12 ข้องกับจุลินทรีย์ลำไส้ของเราด้วยมันก็
00:26:12 → 00:26:14 เลยเกิดคำถามที่น่าสนใจนะครับว่าทำไมอยู่
00:26:14 → 00:26:17 ๆเนี่ยถึงได้มีคนโยงโลกกินสันเนี่ยเป็น
00:26:17 → 00:26:20 โรคของสมองเนี่ยเข้ากับจุลินทรีย์ที่อยู่
00:26:20 → 00:26:24 ในลำไส้ได้คำตอบของเรื่องนะครับเริ่มต้น
00:26:24 → 00:26:26 มาจากคำใบ้ที่น่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน
00:26:26 → 00:26:30 จริงๆจะบอกว่าคำไปแรกๆเลยนะครับมันจะมัน
00:26:30 → 00:26:33 อาจจะมีมาตั้งแต่สมัยที่กรงนี้ถูกบรรยาย
00:26:33 → 00:26:37 ในครั้งแรกก็คือในปีค.ศ 1917 นะครับบอก
00:26:37 → 00:26:39 ที่บรรยายเรื่องนี้คนได้เป็นศัลยแพทย์ชาว
00:26:39 → 00:26:42 เกิดนะครับชั่วเจมส์จะพากินสั้นเนี่ยตอน
00:26:42 → 00:26:44 นี้ก็เขียนถึงโรคนี้เขาบันทึกเกี่ยวกับ
00:26:44 → 00:26:47 อาการต่างๆของผู้ป่วยที่พบนะครับและหนึ่ง
00:26:47 → 00:26:49 ในการสำคัญที่เขาเขียนถึงเดือนก็คือบอก
00:26:49 → 00:26:52 ว่าผู้ป่วยเนี่ยจะมีอาการท้องผูกมากนะ
00:26:52 → 00:26:55 ครับแล้วก็ก็มันมีผู้ป่วยบางคนที่เขา
00:26:55 → 00:26:57 พยายามรักษาด้วยวิธีการให้ยาระบายนะคะว่า
00:26:57 → 00:26:59 รักษาอาการท้องผูกแล้วปรากฏว่าผู้ป่วย
00:26:59 → 00:27:02 เนี่ยอ่ะผู้ผลิตสัญญาดีขึ้นทำให้เขา
00:27:02 → 00:27:04 เหมือนกับตั้งข้อสงสัยว่าโลกเงียบน่าจะ
00:27:04 → 00:27:07 เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารแล้วปุ๊ป
00:27:07 → 00:27:09 ต่อมานะครับเมื่อโลกนี้เป็นที่รู้จักมาก
00:27:09 → 00:27:12 ขึ้นหมอที่รักษาเนี่ยก็สังเกตนะครับว่า
00:27:12 → 00:27:14 ผู้ป่วยที่เป็นพันธุ์สัตว์นวนไม่น้อยจะมี
00:27:14 → 00:27:16 อาการเรื่องของระบบทางเดินอาหารแนะนำมา
00:27:16 → 00:27:18 ก่อนโดยเฉพาะเรื่องของอาการท้องผูกอย่าง
00:27:18 → 00:27:22 ที่ว่าไปมันก็เลยทำให้เกิดคนสงสัยนะครับ
00:27:22 → 00:27:24 ว่าเอ๊ะมันอาจจะมีอะไรบางอย่างนะครับที่
00:27:24 → 00:27:26 เหมือนกับเกิดขึ้นหรือว่าเริ่มต้นในลำไส้
00:27:26 → 00:27:29 มาเกาะนแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในลำไส้ต่อมา
00:27:29 → 00:27:32 เนี่ยมันไปดีผลต่อสมองได้อันนั้นเป็นคำ
00:27:32 → 00:27:36 ใบ้แรกนะครับเค้าไม่ที่ 2 นะครับก็คือก็
00:27:36 → 00:27:39 พบว่าสมองส่วนแรกเนี่ยที่มันเริ่มผิดปกติ
00:27:39 → 00:27:42 นะครับเป็นที่ว่าไปก็คือมีตัวโปรตีนเอา
00:27:42 → 00:27:44 ฟ้าชนะควีนมันไปเกาะเนี่ย
00:27:44 → 00:27:46 แต่มันคือสมองส่วนที่มีชื่อเรียกว่าศัพท์
00:27:46 → 00:27:49 การใช้ในกล้าแล้วสมองตัวนี้นะครับส่วนนี้
00:27:49 → 00:27:52 นะครับสำคัญฉันไม่กล้าเนี่ยมันเป็นสมอง
00:27:52 → 00:27:55 ส่วนที่อยู่ใกล้กับเส้นประสาท Vegas ที่
00:27:55 → 00:27:57 นี่ที่เราคุยกันไปนะครับก็คือว่าเส้น
00:27:57 → 00:27:58 ประสาทไม่ก๊าซเป็นเส้นภาษาที่เชื่อ
00:27:58 → 00:28:01 ระหว่างสมองกับทางเดินอาหารมันก็เลยมีนัก
00:28:01 → 00:28:03 เรียนศาสตร์ครับเกิดนะครับตั้งสมวิตถาร
00:28:03 → 00:28:06 ค่ะมานับกันสงสัยขึ้นมาว่าถ้ามันมีอะไร
00:28:06 → 00:28:08 บางอย่างนะครับมากับเส้นประสาทในก๊าซ
00:28:08 → 00:28:10 เนี่ยสมองสุดที่น่าจะโดนก่อนก็คือสมองแถว
00:28:10 → 00:28:13 ๆก็คือส่วนสอบแฟนฉันไร้ค่าแต่นั่นก็เป็น
00:28:13 → 00:28:16 ไปได้ว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างได้เริ่มขึ้น
00:28:16 → 00:28:18 ที่ในลำไส้ก่อนแล้วก็ผ่านมาทำเส้นประสาท
00:28:18 → 00:28:22 ทำให้เกิดโรคนี้เนี่ยขึ้นที่สมองคำไป
00:28:22 → 00:28:24 อย่างที่สามนะครับมันมาจากวิธีการรักษา
00:28:24 → 00:28:28 โรคแบบหนึ่งในอดีตนะครับก็คือสมัยเกาะนะ
00:28:28 → 00:28:31 ครับมันจะมีการผ่าตัดชนิดนึงเพื่อรักษา
00:28:31 → 00:28:34 โรคแผลในกระเพาะอาหารครับที่สมัยที่ผมจะ
00:28:34 → 00:28:36 เรียนแพทย์เนี่ยก็ยังเห็นวิธีการรักษานี้
00:28:36 → 00:28:38 อยู่คือจะเป็นการรักษาที่ใช้กับคนที่เป็น
00:28:38 → 00:28:40 โรคแผลในกระเพาะอาทิตย์เป็นมากๆนะครับ
00:28:40 → 00:28:43 แล้วรักษาด้วยวิธีอื่นๆเราไม่ดีขึ้นเนี่ย
00:28:43 → 00:28:45 บางครั้งเนี่ยจะฉันจหมอผ่าตัดก็คือว่าหมอ
00:28:45 → 00:28:48 เนี่ยจะผัดเส้นภาสะเหตุการณ์ก็คือเคยตัด
00:28:48 → 00:28:51 ให้ขาดเลยนะครับซึ่งจริงๆก็คือมันก็เป็น
00:28:51 → 00:28:53 การตัดทางด่วนเชื่อมระหว่างสมองกับ
00:28:53 → 00:28:55 กระเพาะอาหารแต่ในเวลานั้นเนี่ยจะบอกว่า
00:28:55 → 00:28:58 ทางการแพทย์ยังไม่รู้นะครับว่าเส้นประสาท
00:28:58 → 00:29:00 ในการสำคัญในการที่จะเชื่อมสมองกับ
00:29:00 → 00:29:02 กระเพาะอาหารนะครับหรือว่าเชื่อมทางเดิน
00:29:02 → 00:29:05 อาหารกับสมองให้ทำงานอย่างใกล้ชิดมันก็มี
00:29:05 → 00:29:07 คนเดียวเกิดไม่เข้าไปสนใจแล้วก็ไปดูข้อ
00:29:07 → 00:29:10 มูลเพราะว่าในเวลานั้นเนี่ยสมัยก่อน
00:29:10 → 00:29:12 เดี๋ยวการรักษาต้องเรียนมันค่อนข้างนิยม
00:29:12 → 00:29:14 นะครับแล้วก็มีคนที่พักต่างประเทศค่อน
00:29:14 → 00:29:17 ข้างมากแล้วเข้าไปดูข้อมูลก็เพราะว่าใคร
00:29:17 → 00:29:20 ก็ตามนะครับผู้ป่วยที่รับการรักษาโดยวิธี
00:29:20 → 00:29:22 นี้เนี่ยจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคพาร์
00:29:22 → 00:29:25 กินสันเนี่ยน้อยกว่าคนทั่วไปนั่นก็เลยทำ
00:29:25 → 00:29:29 เราไปสูงสวัสดีฐานนะครับว่าข้อมูลบาง
00:29:29 → 00:29:31 อย่างจากทานอาหารที่คนจะเข้ามากับเช่นซับ
00:29:31 → 00:29:34 ด้วยก๊าซเน็ตตลาดจะขึ้นมาไม่ได้มากเลยทำ
00:29:34 → 00:29:37 ให้ความเสี่ยงของโรคนี้เนี่ยน้อยลงเฉพาะ
00:29:37 → 00:29:39 คำว่าอย่างที่ 4 นะครับทำมาจากการค้นพบ
00:29:39 → 00:29:41 ว่าจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียบางตัวในลำไส้
00:29:41 → 00:29:43 ของเราแล้วมันสามารถที่จะสร้างโปรตีนที่
00:29:43 → 00:29:46 มีลักษณะคล้ายจะเอาฟ้าใสเดอะควีนได้ก็คือ
00:29:46 → 00:29:49 ว่ามันเป็นโปรตีนที่มีการเกาะโครงสร้าง
00:29:49 → 00:29:53 พับปกติไปเนี่ยนะครับแล้วก็เพราะว่าถ้ามี
00:29:53 → 00:29:56 โปรตีนตัวเนี้ยในลำไส้สูงเนี่ยมันจะเพิ่ม
00:29:56 → 00:30:01 พบสูงขึ้นในเลือดด้วยแล้วก็ลักษณะเนี่ยก็
00:30:01 → 00:30:03 คือการค้นพบโปรตีนในลำไส้กับไอ้เอ้อที่
00:30:03 → 00:30:05 สูงขึ้นเนี่ยมันจะพบมาก่อนนะครับก่อนที่
00:30:05 → 00:30:07 ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการของโรคพาร์กินสัน
00:30:07 → 00:30:10 เมื่อก็มีสมมุติฐานว่าหรือว่าว่าให้
00:30:10 → 00:30:13 โปรตีนที่ผิดปกติที่เกิดขึ้นลำไส้แล้วก็
00:30:13 → 00:30:15 เข้าไปในเรื่องเนี่ยมันจะเกี่ยวข้องกับ
00:30:15 → 00:30:18 โปรตีนที่เป็นปฏิพลสมองด้วยแล้วจากคำว่า
00:30:18 → 00:30:20 เหล่านี้ทั้งหมดนะครับทำให้นักเรียน
00:30:20 → 00:30:21 ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน
00:30:21 → 00:30:24 เนี่ยก็ให้มาสนใจหรือเปล่าอ่อเรื่องของ
00:30:24 → 00:30:26 จุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยเพิ่มมากขึ้นแล้ว
00:30:26 → 00:30:29 ก็มีนะพญาสาดมาศึกษามากขึ้นนะครับสิ่งที่
00:30:29 → 00:30:32 พบคือว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างนะ
00:30:32 → 00:30:34 ครับของจุลินทรีย์ลำไส้ของคนที่ป่วยเป็น
00:30:34 → 00:30:37 โรคพาร์กินสันกับที่ต่างไปจากคนปกติทั่ว
00:30:37 → 00:30:39 ไปนะครับตัวอย่างเช่นก็เป็นเรื่องของความ
00:30:39 → 00:30:42 หลากหลายนะครับของจุลินทรีย์ที่ลดลงแล้ว
00:30:42 → 00:30:44 ก็นักเรียนฉะนั้นก็จะเพราะว่ามีจุดไอซี
00:30:44 → 00:30:47 ทีปนะครับทำให้เกิดภาวะการอักเสบเพิ่ม
00:30:47 → 00:30:49 ขึ้นเจ้านายจากนี้ก็จะเป็นหลักฐานนะครับ
00:30:49 → 00:30:51 หนูเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการทดลองในสัตว์
00:30:51 → 00:30:54 ทดลองนะครับคือเน้นทดลองก็คืออย่างที่ว่า
00:30:54 → 00:30:57 ไปตอนแรกนะครับก็โรคพาร์กินสันก็มีการ
00:30:57 → 00:31:00 สร้างหนูที่เป็นโมเดลสำหรับศึกษาโรคพยาน
00:31:00 → 00:31:02 ศาลขึ้นมาเหมือนกันก็คือเป็นหนูที่เราตัด
00:31:02 → 00:31:04 ต่อพันธุกรรมนะครับหรือว่าคณะอนุการจน
00:31:04 → 00:31:07 กระทั่งร่างกายของมันเนี่ยสร้างสารโปรตีน
00:31:07 → 00:31:09 ที่เป็นปกติในขึ้นมามากแล้วก็มีอาการ
00:31:09 → 00:31:12 คล้ายกับผู้ป่วยโรคพาร์กินสันที่หนูสาย
00:31:12 → 00:31:14 พันธุ์เนี่ยเราเลี้ยงปกติเนี่ยก็จะมี
00:31:14 → 00:31:16 อาการเหมือนโรคพาร์กินสันแต่ถ้าเรานำหนู
00:31:16 → 00:31:18 สายพันธุ์นี้นะครับไปเลี้ยงแบบปลอดเชื้อ
00:31:18 → 00:31:21 ก็คือว่าตั้งแต่ที่มันแรกเกิดจากของแม่
00:31:21 → 00:31:23 เนี่ยเราก็ให้มันปลอดเชื่อมาตลอดแต่ผ่า
00:31:23 → 00:31:26 ท้องคลอดนะครับเลี้ยงแบบปลอดเชื้อมาให้
00:31:26 → 00:31:29 กินอาหารปลอดเชื้อพบว่าหนูสายพันธุ์เนี่ย
00:31:29 → 00:31:31 ซึ่งเป็นคนจะมีอาการแบบพาร์กินสันเนี่ย
00:31:31 → 00:31:34 มันกลับไม่ค่อยมีอาการของโรคพาร์กินสัน
00:31:34 → 00:31:37 อีกประมาณเนี่ยถ้าเรานำ 1 ตัวนี้เนี่ยไป
00:31:37 → 00:31:40 ให้สัมผัสกับจุลินทรีย์นะครับออกไม่ว่าจน
00:31:40 → 00:31:42 4 ปกติรถจุลินทรีย์จากคนที่ป่วยเป็นโรค
00:31:42 → 00:31:44 พาร์กินสันเนี่ยก็เพราะว่าหนูเนี่ยก็จะ
00:31:44 → 00:31:47 เริ่มมีอาการขึ้นมาซึ่งมันก็สะท้อนให้
00:31:47 → 00:31:50 เห็นว่าจุลินทรีย์ในวันนี้ความสำคัญของ
00:31:50 → 00:31:53 การเกิดอาการของโรคพาร์กินสันในหนูทดลอง
00:31:53 → 00:31:56 แล้วเมื่อเทียบกันระหว่างเมื่อให้หนู
00:31:56 → 00:31:58 เนี่ยไปสัมผัสจุลินทรีย์ของคนปกตินะครับ
00:31:58 → 00:32:01 กับจุลินทรีย์ของคนที่เป็นโรคพาร์กินสัน
00:32:01 → 00:32:03 เนี่ยก็เพราะว่าหนูที่ได้รับจุลินทรีย์
00:32:03 → 00:32:05 จากคนที่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสันเนี่ยจะมี
00:32:05 → 00:32:08 อาการที่เด่นชัดมากกว่าซึ่งทั้งวันนี้นะ
00:32:08 → 00:32:10 ครับมันก็เหมือนเป็นหลักฐานครับที่ช่วยนะ
00:32:10 → 00:32:12 ครับสนับสนุนนะครับว่าจุลินทรีย์ในลำไส้
00:32:12 → 00:32:15 แบบมันเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยนึงนะครับ
00:32:15 → 00:32:18 อ๋อของการเกิดอาการโรคพาร์กินสันและความ
00:32:18 → 00:32:20 รู้ตรงนี้นะครับมันก็นำไปสู่ความพยายาม
00:32:20 → 00:32:22 ครับที่มองว่าถ้าเราสามารถที่จะปรับ
00:32:22 → 00:32:24 จุลินทรีย์นลำไส้ของเรานะครับหรือว่าดูแล
00:32:24 → 00:32:27 จุนซีแล้วใจของเราให้อยู่ในสภาวะที่ดี
00:32:27 → 00:32:29 เนี่ยมันก็จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
00:32:29 → 00:32:33 พาร์กินสันได้ซึ่งสำหรับโรคที่ยังไม่มี
00:32:33 → 00:32:35 ทางรักษาอย่างโรคพาร์กินสันดูเหมือนว่า
00:32:35 → 00:32:38 เขาใส่ใจเราคุยกันไปการป้องกันและกันลด
00:32:38 → 00:32:40 ความเสี่ยงเนี่ยมันก็จะเป็นวิธีการที่ดี
00:32:40 → 00:32:42 ที่สุดและนั่นก็เป็นเรื่องของโรคพาร์กิน
00:32:42 → 00:32:45 สันนะครับที่อยากจะเล่าให้ฟังนะครับคราว
00:32:45 → 00:32:50 นี้เรามาเรื่องของพวกใหม่ครีมกันนะครับ
00:32:50 → 00:32:53 สำหรับโรคไมเกรนเนี่ยก็คงจะสั้นๆนะครับ
00:32:53 → 00:32:56 เรามาเริ่มที่อาการก่อนนะครับช่วยต้องคน
00:32:56 → 00:32:58 ในก็น่าจะพอรู้ว่าไมเกรนก็คือโรคที่
00:32:58 → 00:33:01 เกี่ยวข้องกับอาการปวดหัวถึงไหมครับแต่
00:33:01 → 00:33:03 ไม่เคยในมันไม่ใช่เรื่องแค่ปวดหัวอย่าง
00:33:03 → 00:33:05 เดียวนะครับแต่ยังมีเรื่องของอาการอื่น
00:33:05 → 00:33:07 มากไปกว่านั้นนะครับโดยชวการนำที่มาเกิด
00:33:07 → 00:33:10 ขึ้นก่อนที่จะปวดหัวอาการนำที่ว่าเนี่ย
00:33:10 → 00:33:12 มันมีหลากหลายนะครับแช่น่าจะเป็นเรื่อง
00:33:12 → 00:33:14 ของอ่อนเพลียนะครับเรื่องของอารมณ์แปร
00:33:14 → 00:33:18 ปรวนนะครับหยิบง่ายบางคนจะทนสายสว่างทน
00:33:18 → 00:33:21 เสียงไม่ค่อยได้และอาการนำได้บ้างคะมันก็
00:33:21 → 00:33:23 แปลกนะครับเช่นจะเป็นลักษณะของการที่หาว
00:33:23 → 00:33:27 ติดกันบางคนเนี่ยอาจจะเป็นเรื่องของระบบ
00:33:27 → 00:33:30 ทางเดินอาหารรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนนะครับ
00:33:30 → 00:33:32 บางคนจะมีอาการต่างๆหรือที่เรียกว่าออร่า
00:33:32 → 00:33:36 ก็คือจะมาในรูปของแสงรูปภาพนะครับบางคนจะ
00:33:36 → 00:33:38 เห็นเป็นเหมือนสีรุ้งนะครับเป็นเจ็บแขน
00:33:38 → 00:33:40 กันอยู่ที่รอบรอบของสิ่งที่มองเห็นนะครับ
00:33:40 → 00:33:43 หรือบางคนเนี่ยจะเป็นลักษณะของอาการพูดนะ
00:33:43 → 00:33:46 ครับคุณรู้สึกว่ามันพูดไม่ค่อยออกนะครับ
00:33:46 → 00:33:49 นึกคำไม่ชอบมันพูดยากขึ้นนะครับอาการนำ
00:33:49 → 00:33:51 เหล่านี้มันจะนำมาก่อนประมาณสัก 10 ถึง 30
00:33:51 → 00:33:54 นาทีนะครับว่าเป็นคนรัตนากรนั้นเราก็จะมี
00:33:54 → 00:33:57 เรื่องของอาการปวดหัวเนี่ยตามมาแล้วคนที่
00:33:57 → 00:33:59 เป็นบ่อยๆข้างในก็จะรู้เลยว่าพอมีอาการ
00:33:59 → 00:34:01 พวกเนี้ยตามเกิดขึ้นเนี่ยก็รู้แล้วว่า
00:34:01 → 00:34:03 เดี๋ยวสักพักอาการปวดหัวเนี่ยก็จะตามมา
00:34:03 → 00:34:06 สำหรับอาการปวดหัวนะครับก็อย่างที่หลายคน
00:34:06 → 00:34:09 คุ้นเคยกันนะครับว่ารู้กันดีนะครับว่าจะ
00:34:09 → 00:34:10 ไม่เกรงเนี่ยมันจะมีลักษณะเด่นก็คือมันจะ
00:34:10 → 00:34:13 หมดแล้วปวดหัวข้างเดียวนะครับแต่ไม่ได้
00:34:13 → 00:34:15 แปลว่าการปลูกของไมเกรนจะเป็น 2 ด้านไม่
00:34:15 → 00:34:17 ได้นะครับเพราะว่าในคนที่เป็นมากขึ้น
00:34:17 → 00:34:20 เนี่ยมาฆ่าอาการปวดมันกระจายไปที่ทั้งสอง
00:34:20 → 00:34:23 ข้างของศีรษะได้หรือบางคนอาจจะระดับการ
00:34:23 → 00:34:25 ปวดสลับไปสลับมาไปกันได้เลยนะครับเพราะ
00:34:25 → 00:34:28 ทรายทีมก็ปวดขวาถี่อะไรก็เป็นเรื่องของ
00:34:28 → 00:34:30 อาการของไมเกรนนะครับตอนนี้ดูสิ่งกระตุ้น
00:34:30 → 00:34:32 บ้างนะครับว่าให้เสร็จแล้วตัวนี้ทำให้
00:34:32 → 00:34:35 เกิดอาการวันมีอะไรบ้างซึ่งแต่ละคนก็จะมี
00:34:35 → 00:34:38 เสียงต้นที่ต่างๆกันไปนะครับเช่นนะครับ
00:34:38 → 00:34:40 อ่าอาจจะเป็นเรื่องของการอดนอนนะครับบาง
00:34:40 → 00:34:42 คนพออุ่นนอนทีไรเนี่ยก็จะมีความเสี่ยงไว้
00:34:42 → 00:34:44 ใน grain บางคนจะเป็นเรื่องของแสงนะครับ
00:34:44 → 00:34:47 คือถ้าไปสัมผัสใส่จะจ้านะครับอยู่ในที่
00:34:47 → 00:34:50 สว่างมากๆเนี่ยก็จะมีการปวดตามมาได้ก็ควร
00:34:50 → 00:34:53 จะเรื่องของความร้อนแล้วก็อีกอันหนึ่งที่
00:34:53 → 00:34:55 พบได้บ่อยขึ้นเรื่องของความเครียดนะครับ
00:34:55 → 00:34:57 หลายคนเวลามีเครียดมากๆเนี่ยก็จะมีไมเกรน
00:34:57 → 00:35:00 เหมือนกับกำเริบได้บ่อยขึ้นเรื่องของ
00:35:00 → 00:35:02 อาหารก็เป็นได้นะครับบางคนกินอาหารบาง
00:35:02 → 00:35:05 ชนิดได้ก็จะทำให้เกิดอาการของโรคไมเกรน
00:35:05 → 00:35:07 ขึ้นได้เช่นเป็นพวกช็อกโกแลตนะครับหรือ
00:35:07 → 00:35:10 ดื่มไวน์ขอนอกจากอาหารก็มีเรื่องของความ
00:35:10 → 00:35:12 คิวนะครับบางคนพอคิวนะครับกินอาหารไม่ตรง
00:35:12 → 00:35:15 เวลาเนี่ยก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้
00:35:15 → 00:35:19 หรือบางคนนะครับก็จะมีความแปลกเช่นใช้สาย
00:35:19 → 00:35:21 ตาเยอะนะครับอ่านหนังสือเยอะเนี่ยก็จะ
00:35:21 → 00:35:23 กระตุ้นให้เกิดไมเกรนได้สำหรับแรงเปลี่ยน
00:35:23 → 00:35:25 บางคนก็จะมีเรื่องของพวกคอมโอนเปลี่ยนที่
00:35:25 → 00:35:28 เป็นแปลงนะครับเช่นเรื่องของรอบเดือนพอ
00:35:28 → 00:35:30 มอนเปลี่ยนแปลงทีอาจเป็นก่อนหรือหลังนี่
00:35:30 → 00:35:32 ประจำเดือนเนี่ยก็มีโอกาสที่เกิดโรคใบ
00:35:32 → 00:35:35 เกรดขึ้นมาได้ซึ่งในผู้ป่วยที่อยู่ด้วย
00:35:35 → 00:35:37 กันบ่อยๆนะครับส่วนไหนก็จะรู้ว่าอะไร
00:35:37 → 00:35:39 เนี่ยที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการตัว
00:35:39 → 00:35:42 เองก็พยายามจะเลี่ยงและโรคนี้ก็พบบ่อยนะ
00:35:42 → 00:35:44 ครับผมเยอะมากนะครับอาจจะเยอะถึงประมาณ 10
00:35:44 → 00:35:46 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเลยแล้วก็เป็นโรค
00:35:46 → 00:35:49 ที่พบได้ในทุกเพศทุกวัยนะครับในเด็กเป็น
00:35:49 → 00:35:51 ได้นะครับผู้ใหญ่ก็เป็นได้คนชรานี้ก็เป็น
00:35:51 → 00:35:54 ได้หมดเพศแต่ว่าหลายคนสังเกตว่าคนหนุ่ม
00:35:54 → 00:35:56 สาวเนี่ยว่าคนวัยทำงานเนี่ยอาจจะพบบ่อยๆ
00:35:56 → 00:35:59 เหตุผลการจะเป็นเพราะว่าคนวัยนี้นะครับ
00:35:59 → 00:36:01 ต้องเจอกับสิ่งเหล่าต้นที่จะให้เกิดอาการ
00:36:01 → 00:36:03 บ่อยกว่าเช่นอาจเป็นเรื่องของความเครียด
00:36:03 → 00:36:06 นะครับอาจจะเป็นเรื่องของการอดนอนหรือว่า
00:36:06 → 00:36:08 เป็นเรื่องของการดื่มแอลกอฮอล์นะครับคนก็
00:36:08 → 00:36:10 ตัวการ์ตูนเนี่ยพวกกอฮอลพอสัมผัสเสียง
00:36:10 → 00:36:12 กระตุ้นไหวก็เลยทำให้พบประการเนี่ยได้
00:36:12 → 00:36:14 บ่อยกว่าในวัยอื่นแต่สิ่งกระตุ้นเหล่านี้
00:36:14 → 00:36:16 มันไม่ใช่สาเหตุของการเป็นโรคนะครับเพราะ
00:36:16 → 00:36:20 ว่าถ้าสูตรคุณไม่ได้เป็นโรคไมเกรนต่อให้
00:36:20 → 00:36:21 มีเสียงกระตุ้นเหล่านี้มากแค่ไหนก็ไม่ได้
00:36:21 → 00:36:24 ทำให้คนป่วยได้ที่นี่คำถามคือว่าอะไรเป็น
00:36:24 → 00:36:27 สาเหตุคำตอบก็เหมือนทุกเรื่องจะคุยกัน
00:36:27 → 00:36:29 อะไรพิเศษนี้นะครับก็คือว่าเรายังไม่รู้
00:36:29 → 00:36:32 แน่ชัดเหมือนกันนะครับแต่ที่น่าสนใจก็คือ
00:36:32 → 00:36:34 เมื่อไม่นานนี้เองนะครับมันเริ่มมีข้อมูล
00:36:34 → 00:36:36 นะครับว่าแต่ไม่เคยได้บางคนนะครับไม่ทุก
00:36:36 → 00:36:39 คนนะครับในบางคนอาจจข้องกับจุลินทรีย์ที่
00:36:39 → 00:36:41 อยู่ในร่างกายได้นะครับให้จุลินทรีย์ที่
00:36:41 → 00:36:43 อยู่ในลำไส้นะครับหรือว่าจุลินทรีย์ที่
00:36:43 → 00:36:46 อยู่ในช่องปากตัวอย่างเช่นนะครับมีการค้น
00:36:46 → 00:36:48 พบว่าแบคทีเรียบางชนิดในทางเดินหาของคน
00:36:48 → 00:36:51 มันสามารถเป็ดอาหารที่เรากินเข้าไปแล้วก็
00:36:51 → 00:36:54 สร้างสารไนเตรทออกมามากเป็นพิเศษได้สารไน
00:36:54 → 00:36:56 เตรทที่ว่าเนี่ยมันสุดท้ายเนี่ยสามารถ
00:36:56 → 00:36:58 เป็นมีผลให้เส้นเลือดในสมองเหม็นขยายตัว
00:36:58 → 00:37:01 นะครับแล้วก็นำไปสู่อาการของโรคไมเกรนได้
00:37:01 → 00:37:04 หรือว่ามีงานวิจัยนะครับที่ประมาณว่าทด
00:37:04 → 00:37:06 ลองให้ผู้ป่วยเป็นโรคไมเกรนเรื้อรังเนี่ย
00:37:06 → 00:37:09 ก็กินพวกสะอาดเสริมนะครับพวกโทรมาแล้ว
00:37:09 → 00:37:11 เต็กเราเพราะว่ามันช่วยให้อาการจะดีขึ้น
00:37:11 → 00:37:15 ดีขึ้นทั้งในแง่ของความถี่ของการเป็นโรค
00:37:15 → 00:37:17 นะครับของการยการแล้วก็ดีขึ้นอย่างเงี้ย
00:37:17 → 00:37:20 ของความรุนแรงด้วยซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็น
00:37:20 → 00:37:22 พื้นที่น่าสนใจนะคะเป็นที่ค่อนข้างแปลกดี
00:37:22 → 00:37:24 นะครับเพราะว่าก่อนหน้าเนี่ยถ้าไม่มีใคร
00:37:24 → 00:37:26 คิดเลยว่าโรคไมเกรนมันจะเกี่ยวข้องกับไป
00:37:26 → 00:37:29 เคลียร์จนชินในร่างกายของเราได้ด้วยแต่
00:37:29 → 00:37:31 วิจัยเหล่านี้ก็ต้องถือว่ามันเพิ่งเริ่ม
00:37:31 → 00:37:33 เริ่มนะครับข้อมูลมันก็ยังไม่ได้มากมาย
00:37:33 → 00:37:36 นักนะครับเราแสดงปหัวใจเล็กๆนะครับเฮีย
00:37:36 → 00:37:39 วิจัยจะใหญ่อยู่บ้างแต่ก็คงต้องติดตามข้อ
00:37:39 → 00:37:42 มูลต่อไปก็ถือว่าเป็นอันจบเรื่องราวของ
00:37:42 → 00:37:44 เอกซเรย์แล้วก็เรื่องทั้งหมดที่เราจะคุย
00:37:44 → 00:37:47 กันในวันนี้นะคะแม่พิเศษนี้จะนี้ก่อนจะจบ
00:37:47 → 00:37:49 นะครับก็อยากจะมาขอสรุปให้ฟังสักรอบนะ
00:37:49 → 00:37:51 ครับว่าทั้งหมดโลกเขียนไปเนี่ยเราคุยอะไร
00:37:51 → 00:37:55 กันไปบ้างข้อแรกสุดนะครับขอเราเริ่มต้นนะ
00:37:55 → 00:37:57 ครับเรื่องของโรคอัลไซเมอร์นะครับซึ่งถือ
00:37:57 → 00:37:59 ว่าเป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อยที่สุด
00:37:59 → 00:38:01 แล้วโลกนี้มันก็ไม่ได้มีแค่เรื่องของการ
00:38:01 → 00:38:03 สูญเสียความทรงจำแต่ยังมีปัญหาทางด้าน
00:38:03 → 00:38:06 เหนือของสมองด้วยเช่นเรื่องของอารมณ์นะ
00:38:06 → 00:38:09 ครับเรื่องของการตัดสินใจและนำไปสู่การดู
00:38:09 → 00:38:13 แลตัวเองนะครับซึ่งโลกเนี้ยมันทำให้คนที่
00:38:13 → 00:38:15 ดูแลนรกคนที่ใกล้ชิดเนี่ยค่อนข้างลำบาก
00:38:15 → 00:38:18 และเราก็คุยกับว่าโรคนี้ปัจจุบันยังไม่มี
00:38:18 → 00:38:21 วิธีรักษาให้หายขาดได้แต่ว่ามีวิธีลดความ
00:38:21 → 00:38:24 เสี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนร้ายทรายน้อง
00:38:24 → 00:38:26 หรือจากนี้นะครับก็จะมีข้อมูลใหม่ๆที่
00:38:26 → 00:38:28 เพราะว่าการดูแลจูจินนำไส้เนี่ยก็จะ
00:38:28 → 00:38:31 สามารถลดความเสี่ยงของโรคนี้ได้เช่นกัน
00:38:31 → 00:38:33 คะเดี๋ยวที่สองนะครับเราคุยเรื่องของโรค
00:38:33 → 00:38:35 สมองเสื่อมอีกแล้วนะครับก็คือโรคพาร์กิน
00:38:35 → 00:38:37 สันซึ่งตัวเป็นโรคสมองเสื่อมที่พบได้บ่อย
00:38:37 → 00:38:40 เป็นอันดับสองรองจากโรคอัลไซเมอร์แต่เรา
00:38:40 → 00:38:42 ก็คุยถึงเรื่องของอาการโรคพาร์กินสันว่า
00:38:42 → 00:38:44 มันมีลักษณะแบบไหนมีหน้าตาแบบไหนนะครับ
00:38:44 → 00:38:47 แล้วก็จบว่าปัจจุบันเนี่ยมันก็มีข้อมูล
00:38:47 → 00:38:49 มากขึ้นว่าโลกนี้มันมีความสัมพันธ์กับ
00:38:49 → 00:38:52 จุลินทรีย์ในลำไส้ถึงขณะที่มีนักบริษัท
00:38:52 → 00:38:54 บางคนมีความเชื่อว่าโรคเป็นโรคที่เริ่ม
00:38:54 → 00:38:58 ต้นในลำไส้แต่ไปแสดงอาการที่สมองและข้อ
00:38:58 → 00:39:01 ที่ 3 นะครับข้อสุดท้ายแล้วก็คุยว่าก็ลุก
00:39:01 → 00:39:03 ขึ้นของโรคไมเกรนนะครับคุยสั้นๆแล้วค่อย
00:39:03 → 00:39:05 ว่าปัจจุบันก็เริ่มมีข้อมูลมากขึ้นว่าโรค
00:39:05 → 00:39:07 เนี้ยอาจจะมีความสัมพันธ์กับจุนซูในร่าง
00:39:07 → 00:39:10 กายเหมือนกันสำหรับวันนี้เนื้อหากระจกเธอ
00:39:10 → 00:39:13 มีนะครับแต่ก็จะไปผมก็อยากจะเข้าสู่ช่วง
00:39:13 → 00:39:15 นะครับที่แนะนำให้รู้จักกับมดกัดนะครับ
00:39:15 → 00:39:17 ซึ่งเป็นผู้สนับสนซีรีส์ของไมโครไปองค์
00:39:17 → 00:39:20 ของเรานะครับเรามาทันรู้จักบริษัทมดกัดนะ
00:39:20 → 00:39:22 ครับซึ่งทำส่วนซีรีส์ไมโครไบโอมของเรานะ
00:39:22 → 00:39:24 ครับเพราะฉะนั้นการนะครับเป็นบริษัทที่
00:39:24 → 00:39:26 ก่อตั้งขึ้นโดยนักเรียนศาสตร์นักวิจัยนะ
00:39:26 → 00:39:28 คะที่ชำนาญนะครับทางด้านเทคโนโลยีเกี่ยว
00:39:28 → 00:39:31 กับไม่เข้าไปโอมห์จากมหาวิทยาลัยก็มี
00:39:31 → 00:39:34 พระจอมเกล้าธนบุรีบางมดที่บดสำหรับการ
00:39:34 → 00:39:37 เข้าทำอะไรนะครับเขามีให้บริการนะครับ
00:39:37 → 00:39:39 ถั่วเพราะจุลินทรีย์นำไส้กับบุคคลทั่วไป
00:39:39 → 00:39:42 เพื่อให้เรารู้ว่าสภาวะของจุลินทรีย์ในลำ
00:39:42 → 00:39:45 ไส้ของเราเนี่ยเป็นยังไงบ้างคะนี่จุดเด่น
00:39:45 → 00:39:48 นะครับลงความพิเศษของมดกัดนะครับก็คือจะ
00:39:48 → 00:39:51 เป็นการตรวจที่ตรวจจุนซีครบนะครับครบทุก
00:39:51 → 00:39:53 ตัวที่ปัจจุบันเรามีข้อมูลสำคัญต่อสุขภาพ
00:39:53 → 00:39:56 ทั้งจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
00:39:56 → 00:39:59 จากปกติของร่างการครับคือจุลินทรีย์ที่
00:39:59 → 00:40:00 เกี่ยวข้องกับสุขภาพดีแล้วก็จุลินทรีย์
00:40:00 → 00:40:04 ที่เกี่ยวข้องกับอาการเจ็บป่วยแล้วก็มี
00:40:04 → 00:40:05 ความแม่นยำนะครับเพราะว่าฐานข้อมูลที่นำ
00:40:05 → 00:40:07 มาเปรียบเทียบในจะเป็นฐานข้อมูลที่เทียบ
00:40:07 → 00:40:10 กับข้อมูลคนไทยด้วยกันนะครับก็ประชากรไทย
00:40:10 → 00:40:12 ซึ่งจะมีความต่างไปจากคนชาติอื่นแล้วก็
00:40:12 → 00:40:15 ต่างไปจากชาวตอนจบแล้วการตรวจก็จะมี
00:40:15 → 00:40:16 ลักษณะเป็นองค์รวมนะครับก็คือตัว
00:40:16 → 00:40:18 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกันบอกต่างๆของ
00:40:18 → 00:40:21 ร่างกายนะครับตัวอย่างเช่นระบบจุลินทรีย์
00:40:21 → 00:40:23 ที่เกี่ยวข้องกับระบบได้แต่บอริซึมนะครับ
00:40:23 → 00:40:25 หรือระบบเผาผลาญของร่างกายซึ่งเป็นระบบ
00:40:25 → 00:40:27 ที่จะบอกว่าเราอ้วนง่ายแล้วว่าเราควรยาก
00:40:27 → 00:40:30 นะครับต่อจนนิสิตที่เกี่ยวข้องกับไปทำงาน
00:40:30 → 00:40:32 ของระบบภูมิคุ้มกันนะครับเกี่ยวข้องกับ
00:40:32 → 00:40:34 ภาวะเกษตรที่เราคุยกันไปในไลค์พิโสดนะ
00:40:34 → 00:40:36 ครับต้องเลยจากนี้ก็เป็นเรื่องของ
00:40:36 → 00:40:38 จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ
00:40:38 → 00:40:41 ระบบทางเดินอาหารและการย่อยอาหารแล้วก็
00:40:41 → 00:40:43 เป็นพวกจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับโรค
00:40:43 → 00:40:45 ต่างๆนะครับตัวอย่างเช่นครับพวกลำไส้แปร
00:40:45 → 00:40:48 ปรวนนะครับที่เราคุยกันไปแล้วนะครับเพราะ
00:40:48 → 00:40:49 ว่าจุลินทรีย์ที่สัมพันธ์กับโลกคนอื่นๆ
00:40:49 → 00:40:52 เช่นโรคเบาหวานนะครับกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
00:40:52 → 00:40:54 เป็นต้นยังไงของการรายงานผลนะครับก็จะราย
00:40:54 → 00:40:57 งานปวดมาในรูปแบบที่สามารถเข้าใจง่ายนะ
00:40:57 → 00:40:59 ครับคือมีการชาร์จนะครับใช้พกกราฟเนี่ยมา
00:40:59 → 00:41:02 เพื่อให้อ๋อสามารถที่จะเข้าใจผลการตรวจ
00:41:02 → 00:41:04 ได้ง่ายต่อเนื่องจากนั้นเนี่ยทั้งหมดก็มี
00:41:04 → 00:41:08 ผู้เชี่ยวชาญนะคะที่จะคอยแนะนำวิธีการกิน
00:41:08 → 00:41:10 นะครับหรือว่าปรับปรุงให้จุลินทรีย์นำใช่
00:41:10 → 00:41:13 ของเราเนี่ยดีขึ้นด้วยที่จะอิงจากข้อมูล
00:41:13 → 00:41:15 ที่ตรวจได้นะครับกันแนะนำอาหารที่เหมาะสม
00:41:15 → 00:41:19 กับจุลินทรีย์ของเราด้วยทั้งหมดคะเนี่ยก็
00:41:19 → 00:41:21 จะมีแพ็คเกจหลายแพ็คเกจนะครับเป็นแพ็คเกจ
00:41:21 → 00:41:23 เชิญหลายแบบที่จะเหมาะกับคนที่มีความ
00:41:23 → 00:41:25 ต้องการต่างกับไปแล้วก็เหมาะกับแต่ละช่วง
00:41:25 → 00:41:28 วัยที่ต่างไปและที่สำคัญข้อนะครับก็คือ
00:41:28 → 00:41:30 การตรวจกับมดการเนี่ยคือทำได้ง่ายมากนะ
00:41:30 → 00:41:32 ครับก็ต้องเดินทางไปนี้นะครับเพราะว่าเรา
00:41:32 → 00:41:34 สามารถที่จะเก็บอุจจาระเองจากที่บ้านได้
00:41:34 → 00:41:37 แล้วก็ส่งผ่านชุดตรวจที่ทั้งหมดการเนี่ย
00:41:37 → 00:41:40 เตรียมไว้ให้เนี่ยกับไอ้ทิศทางลับของทั้ง
00:41:40 → 00:41:42 หมดการ์ดแล้วถ้าใครสั่งถึงตอนนี้สนใจ
00:41:42 → 00:41:44 บริการโทรมาสกัดนะครับก็สามารถที่จะเข้า
00:41:44 → 00:41:46 ไปดูได้นะครับผมจะแปะลิงค์ไว้ให้ข้างล่าง
00:41:46 → 00:41:47 นะครับ Description นะครับหรือว่าใน
00:41:47 → 00:41:49 คอมเม้นนะครับก็สามารถที่จะเข้าไปดูราย
00:41:49 → 00:41:51 ละเอียดเพิ่มเติมหรือว่าสอบถามเพิ่มเติม
00:41:51 → 00:41:51 ได้
00:41:51 → 00:42:03 [เพลง]