00:00:00 → 00:00:02 ก็วันนี้ก็ได้เชิญนะคะนายแพทย์ธนพัฒ์
00:00:02 → 00:00:06 จงไพบุญพัฒนะนะคะอายุรแพทย์ประจำแผนก
00:00:06 → 00:00:08 อยุรกรรมโรงพยาบาลไทยนครินทร์มาพูดคุยใน
00:00:08 → 00:00:12 รายการของเรานะคะเกี่ยวกับหัวข้อดื่มน้ำ
00:00:12 → 00:00:15 เย็นช่วยรับมือฮิสโตรกได้จริงหรือเอออัน
00:00:15 → 00:00:17 นี้พี่ก็แบบอยากรู้เหมือนกันว่าเวลาเรา
00:00:17 → 00:00:19 ร้อนมากๆเนี่ยการดื่มน้ำเย็นเนี่ยมันจะ
00:00:19 → 00:00:22 ช่วยให้เรารู้สึกว่าพ้นจากภัยของฮิสโตรก
00:00:22 → 00:00:24 ได้หรือเปล่าตอนนี้คุณหมออยู่ในสายกับเรา
00:00:24 → 00:00:26 แล้วนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีครับคุณ
00:00:26 → 00:00:30 หมอครับสวัสดีครับคุณกวาหนค่ะครับสวัสดี
00:00:30 → 00:00:32 ครับหมอครับขอบคุณมากเลยนะคะที่ให้
00:00:32 → 00:00:35 เกียรติกับรายการสุขภาพดี 22:00 น.นะคะ
00:00:35 → 00:00:37 ค่ะฟังเกือบทุกวันเลยครับคุณแม่โอขอบพระ
00:00:37 → 00:00:43 คุณมากขอบคุณค่ะก็สำหรับวันนี้อย่างกรณี
00:00:43 → 00:00:46 ลูกสาวตัวน้อยๆของโอ๊คอ่ะค่ะเอ่อคุณหมอคะ
00:00:46 → 00:00:50 ที่เป็นไข้ไปแล้วเป็นเอ่อจากผลกระทบจาก
00:00:50 → 00:00:54 กรณีแดดเนี่ยคือโรคลมแดดเนี่ยถ้าฮิสโตกก็
00:00:54 → 00:00:57 คือภาษาไทยโรคลมแดดถูกเข้าใจถูกต้องมั้คะ
00:00:57 → 00:01:01 คุณหมอใช่ครับใช่ครับค่ะลมแดดเนี่ยคือผล
00:01:01 → 00:01:04 กระทบเนี่ยมักจะเกิดในกลุ่มกลุ่มเด็กหรือ
00:01:04 → 00:01:07 ว่ากลุ่มผู้ใหญ่หรือว่าคนที่มีลักษณะความ
00:01:07 → 00:01:09 เสี่ยงแบบไหนแล้วก็ตัวลมแดดเนี่ยมีความ
00:01:09 → 00:01:12 แตกต่างกับเวลาเราเป็นลมธรรมดายังไงบ้าง
00:01:12 → 00:01:15 คะออโอเคครับงั้นเดี๋ยวผมเดี๋ยวผมเท้า
00:01:15 → 00:01:19 ความนิดนึงก่อนปกติอย่างคนเราเนี่ยเป็น
00:01:19 → 00:01:21 สัตว์เลือดอุ่นเนาะคอนเซปตคือจะพยายาม
00:01:21 → 00:01:24 รักษาอุณหภูมิร่างกายครับให้คงที่ไว้ที่
00:01:24 → 00:01:29 ประมาณ 36-37 องเซียเพื่อให้การทำงานของ
00:01:29 → 00:01:32 ระบบต่างๆเป็นไปได้ความปกตินะครับเพราะ
00:01:32 → 00:01:36 ว่าอ่าถ้าเมื่อร่างกายเนี่ยรับรู้ว่าอ่ะ
00:01:36 → 00:01:38 สมมุติภายนอกอากาศร้อนร่างกายเริ่มมี
00:01:38 → 00:01:41 อุณหภูมิสูงขึ้นแล้วก็จะมีการรับรู้แล้ว
00:01:41 → 00:01:44 ก็ส่งไปที่สมองส่วนที่เรียกไฮโปรทารามัส
00:01:44 → 00:01:46 นะครับแต่ว่าเอาง่ายๆคือเป็นศูนย์ที่รับ
00:01:46 → 00:01:50 รู้อุณหภูมิแล้วมันก็จะส่งสัญญาณมาที่แถว
00:01:50 → 00:01:53 อ่าเส้นเลือดโดยเฉพาะบริเวณใกล้ผิวหนัง
00:01:53 → 00:01:58 ครับให้ขยายเพื่อระเหยความร้อนออกไปพร้อม
00:01:58 → 00:02:00 กับกระตุ้นให้สร้างเหงื่อก็คือระเหยความ
00:02:00 → 00:02:03 ร้อนผ่านเหงื่อออกไปเพราะฉะนั้นหลักๆคือ
00:02:03 → 00:02:06 เราก็ต้องมีการรับรู้อภูมิให้ถูกต้อง
00:02:06 → 00:02:10 กระตุ้นให้เกิดการระบายความร้อนได้มีน้ำ
00:02:10 → 00:02:12 เพียงพอที่จะระเหยความร้อนทิ้งออกแล้วก็
00:02:12 → 00:02:15 บรรยากาศข้างนอกรอบตัวครับก็คือต้องเป็น
00:02:15 → 00:02:18 ใจให้เราระเหยความร้อนผ่านน้ำออกไปก็คือ
00:02:18 → 00:02:21 ถ้าความมีความชื้นสูงมากอ่ะครับการระเหย
00:02:21 → 00:02:24 ออกไปเนี่ยก็จะถูกขัดขวางอือก็จะก็จะทำ
00:02:24 → 00:02:27 ให้การระบายความร้อนเป็นไปไม่ได้อย่างที่
00:02:27 → 00:02:33 ควรจะเป็นนะครับอืก็ทีนี้ตัวฮิตโศกเนี่ย
00:02:33 → 00:02:37 ค่ะมันเป็นมันเป็นหนึ่งในอันตรายของโรค
00:02:37 → 00:02:39 ที่เกิดที่ร่างกายได้รับผลกระทบจากความ
00:02:39 → 00:02:42 ร้อนนะครับซึ่งก็แบ่งิสโศกเนี่ยหรือว่าลม
00:02:42 → 00:02:45 แดดเนี่ยจริงๆชื่อค่อนข้างดูแบบไร้พิษภัย
00:02:45 → 00:02:48 มากเลยนะครับแต่จริงๆคือมันเป็นเป็นภาวะ
00:02:48 → 00:02:52 ที่รุนแรงที่สุดที่เกิดจากความร้อนเลยที่
00:02:52 → 00:02:54 มีผลกระทบกับร่าง
00:02:54 → 00:02:57 กายเนื่องจากว่าร่างกายเนี่ยจะถึงในจุด
00:02:57 → 00:03:00 ที่มีอุณหภูมิสูงแต่ว่าไม่สามารถระบาย
00:03:00 → 00:03:03 ความร้อนออกมาได้ค่ะครับโดยที่ความร้อน
00:03:03 → 00:03:06 เนี่ยที่คนที่ไข้ที่มาเนี่ยก็ความร้อนก็
00:03:06 → 00:03:09 คือวันอุณหภูมิกายเนี่ยได้เกิน 40.5 องศา
00:03:09 → 00:03:11 แล้วก็ร่วมกับมีอาการทางระบบประสาทเช่น
00:03:11 → 00:03:14 การสูญเสียความรู้สึกมีการสับสนบางครั้ง
00:03:14 → 00:03:18 ก็ชักหมดสติได้ครับอืรวมถึงมีการล้มเหลว
00:03:18 → 00:03:23 ของเอาต่างๆตามมาครับค่ะโอถ้าถึงขั้นชัก
00:03:23 → 00:03:26 หมดสติได้เนี่ยคือความร้อนมันต้องร้อนมาก
00:03:26 → 00:03:30 ขนาดไหนคะคุณหมอหรือว่าเราไม่ได้คือไม่
00:03:30 → 00:03:32 ได้ดื่มน้ำหรือไม่ได้พักผ่อนหรือว่า
00:03:32 → 00:03:36 บรรเทาให้ร่างกายมันเย็นลงมันก็เลยทะยาน
00:03:36 → 00:03:40 ไปสู่การอาการชักได้อ่ะค่ะอ๋อจริงๆจริงๆ
00:03:41 → 00:03:44 ก็คือร่างกายเราก็จะพยายามรักระบายความ
00:03:44 → 00:03:48 ร้อนออกโดยผ่านทางอ่าเหงื่อแล้วก็มีการ
00:03:48 → 00:03:50 ปรับพฤติกรรมอย่างเช่นอ่ะเราก็จะเดินไปหา
00:03:50 → 00:03:54 น้ำมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่บาง
00:03:54 → 00:03:56 ลงอันนี้เป็นการสั่งกาของสมองอ่ะครับแต่
00:03:56 → 00:04:01 ทีนี้เมื่อร่างกายมันพยายามระบายออกจนสุด
00:04:01 → 00:04:05 ความสามารถของมันแล้วหรือเราไม่มีความไม่
00:04:05 → 00:04:08 มีน้ำในร่างกายเพียงพอที่จะระเหยไปได้
00:04:08 → 00:04:11 หรือมีปัญหาของระบบร่างกายต่างๆเช่นระบบ
00:04:11 → 00:04:14 ประสาทที่ไม่สามารถรับรู้หรือว่าสั่งการ
00:04:14 → 00:04:16 ให้เกิดการระบายความร้อนได้อย่างมี
00:04:16 → 00:04:18 ประสิทธิภาพอ่ะครับออันนั้นก็จะเกิดความ
00:04:18 → 00:04:22 ล้มเหลวของต่างๆตามมาอืเช่นอาการเป็นลม
00:04:22 → 00:04:25 หมดสติอย่างี้หรือเปล่าฮะอ่าอันเป็นการ
00:04:25 → 00:04:28 สูญเสียความรู้สึกทางระบบเอ่อความรู้สึก
00:04:28 → 00:04:30 ตัวเนี่ยครับก็จะเป็นส่วนองค์ประกอบหนึ่ง
00:04:30 → 00:04:33 ของการวินิจฉัยว่าร่มแดดแล้วก็มีอุณหภูมิ
00:04:33 → 00:04:37 กายที่เกิน 40.5 5 องศครับแล้วก็ร่วมกับ
00:04:37 → 00:04:39 ภาวะที่เหงื่อมีความผิดปกติของการหลั่ง
00:04:39 → 00:04:43 เหงื่อโดยในระยะแรกๆของลมแดดที่ยังไม่รุน
00:04:43 → 00:04:45 แรงเนี่ยเหงื่ออาจจะออกเยอะผิดปกติจนสุด
00:04:45 → 00:04:49 ท้ายเนี่ยอเมื่อมีการสูญเสียน้ำมากจนถึง
00:04:49 → 00:04:53 จุดหนึหรือการมีระความผิดปกติของระบบการ
00:04:53 → 00:04:57 สร้างและขับเหงื่อนะครับก็จะไม่สามารถมี
00:04:57 → 00:04:59 สร้างเหงื่อแล้วก็ขับความร้อนออกมาได้
00:04:59 → 00:05:02 หลังจากนั้นความร้อนที่สะสมในร่างกายก็จะ
00:05:02 → 00:05:05 ทำให้เกิดความล้มเหลวของต่างๆตามมาได้ค่ะ
00:05:05 → 00:05:08 ครับเราจะแยกได้มั้ครับเอ่อเราจะสังเกต
00:05:09 → 00:05:11 ได้มั้ไม่ใช่แยกเราจะสังเกตได้มั้ครับว่า
00:05:11 → 00:05:14 อย่างเช่นเอ่อเราเดินอยู่กับเพื่อนแล้ว
00:05:14 → 00:05:17 กันอ้าเป็นเพื่อนหรือคนครอบครัวก็ได้เดิน
00:05:17 → 00:05:20 อยู่ในสถานที่เดียวกันสมมุติอ่าริมถนน
00:05:20 → 00:05:25 เดินอยู่กำลังจะไปเอ่อร้านก๋วยเตี๋ยวเอ่อ
00:05:25 → 00:05:28 เราก็เดินได้ตามปกติปกติก็เดินอย่างี้ทุก
00:05:28 → 00:05:30 วันแต่วันเนี้ยเฮ้ยทำไมดูอยู่ดีๆเดินไป
00:05:31 → 00:05:35 สัก 10 เมต 20 เมตเขาเริ่มเหงื่อแตก
00:05:35 → 00:05:37 เริ่มมีหน้าซีดเซียวอย่างงั้นหรือเปล่า
00:05:37 → 00:05:40 ครับที่จะเป็นข้อสังเกตที่เราจะดูได้ว่า
00:05:40 → 00:05:44 เฮ้ยอันนี้ผิดปกติและไม่ดีและอ่าจริงๆ
00:05:44 → 00:05:47 เนี่ยโรคที่กดของความร้อนเนี่ยก่อนจะมีลม
00:05:47 → 00:05:49 แดดมันจะมีภาวะที่คล้ายๆกันอย่างนึงที่
00:05:49 → 00:05:52 เรียกว่าเพลียแดดครับค่ะซึ่งอันเนี้ยมัน
00:05:52 → 00:05:56 ก็จะเริ่มขึ้นคือมันจะเป็นถ้าถ้าถามว่า
00:05:56 → 00:05:58 มันคล้ายคืนกันมั้ยมันเหมือนกับภาวะที่
00:05:58 → 00:06:02 ร่างกายพยายามระบายความร้อนจนสุดความ
00:06:02 → 00:06:04 สามารถและจนไม่สามารถระบายความร้อนได้ก็
00:06:04 → 00:06:06 เกิดเป็นลมแดดขึ้นมาเพียแดดเนี่ยมันจะ
00:06:06 → 00:06:11 เริ่มมีอาการอ่าเปียดปวดหัวเวนศีรษะคลื่น
00:06:11 → 00:06:15 ไส้มีหน้ามืดไฟสั่นค่ะอ่าอันเนี้ยครับก็
00:06:15 → 00:06:18 ร่างกายเนี่ยมันก็จะพยายามระบายความร้อน
00:06:18 → 00:06:21 ออกมาด้วยการสร้างเหงื่อปริมาณมากแต่ว่า
00:06:21 → 00:06:23 การสร้างเหงื่อปริมาณเนี่ยก็ไม่เพียงพอ
00:06:23 → 00:06:26 ต่อการระบายความร้อนในทั้งหมดถ้าไม่ได้
00:06:26 → 00:06:29 รับการแก้ไขก็จะตามมาด้วยลมแดดครับอ๋อ
00:06:29 → 00:06:32 ส่วนลมแดดเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยมันจะเริ่ม
00:06:32 → 00:06:36 เวลามาถึงเนี่ยก็คือความอาการต่างๆมันจะ
00:06:36 → 00:06:39 รุนแรงกว่าเพียแดดส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยการ
00:06:39 → 00:06:43 อ่ะอย่างสับสนหรือว่ามีอาการผิดปกติของ
00:06:43 → 00:06:47 การรับรู้มีการหมดสติไปหรือว่ามีบางครั้ง
00:06:47 → 00:06:49 เนี่ยครับถ้าเกิดได้รับความร้อนที่รุนแรง
00:06:49 → 00:06:51 มากแล้วมีผลกระทบต่อสมองน้อยหรือส่วนที่
00:06:51 → 00:06:54 มีการคุมการทรงตัวเนี่ยอาจจะมีการเดินเซ
00:06:54 → 00:06:57 ได้เป็นอาการน่าแสดงของระบบประสาทอืค่ะ
00:06:57 → 00:07:00 เหมือนเมื่อสักครู่โอ๊คบอกว่าเราเดินไป
00:07:00 → 00:07:02 กินก๋วยเตี๋ยวพร้อมกันอ่ะขวัญกับโอ๊คเดิน
00:07:02 → 00:07:07 พร้อมกันก็ได้แต่ขวัญอาจจะเป็นเอ่อลมเ่อ
00:07:07 → 00:07:09 เพลียแดดก่อนแล้วเกิดสถานการณ์ที่เป็นลม
00:07:09 → 00:07:13 แดดเป็นคนเดียวเดินเดินระยะทางเท่ากัน
00:07:13 → 00:07:17 ความทนร้อนของคนคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง
00:07:17 → 00:07:20 เนี่ยมันไม่เท่ากันเพราะอะไรอ่ะคะคุณหมอ
00:07:20 → 00:07:23 อ่าอาจจะขึ้นกับปัจจัยของตัวของแต่ละคน
00:07:23 → 00:07:26 ด้วยครับอย่างเช่นอ่ะโรคประจำตัวคนที่มี
00:07:26 → 00:07:30 โรคประจำตัวต่างๆเช่นโรคหัวใจโรคประจำตัว
00:07:30 → 00:07:33 ทางโลกประสาทหรือว่าคนสตรีที่ตั้งครรภ์
00:07:33 → 00:07:36 น่ะครับก็อาจจะมีความไหวตรงการเกิดภาวะ
00:07:36 → 00:07:39 ฮีทหรือว่า Heat Exhaอหรือเพียแดดมากกว่า
00:07:39 → 00:07:41 หรือว่าบางคนเนี่ยอ่าอย่างอ่าอย่างที่
00:07:42 → 00:07:45 สำคัญเลยก็คือคนที่ขาดน้ำมีภาวะขาดน้ำ
00:07:45 → 00:07:48 หรือกินน้ำน้อยเนี่ยครับก็จะมีความเสี่ยง
00:07:48 → 00:07:50 ต่อการที่เราระบายความร้อนออกไปได้น้อย
00:07:50 → 00:07:52 กว่าก็จะเกิดภาวะเพี้ยแดดหรือลมแดดเนี่ย
00:07:52 → 00:07:57 ได้มากกว่าอเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ถ้ามีการ
00:07:57 → 00:07:59 ระบายอากาศที่ไม่เหมาะสมอย่างเช่นหนามาก
00:07:59 → 00:08:01 ระบายความร้อนบอลทำให้เหงื่อระเหยยาก
00:08:01 → 00:08:03 เนี่ยครับก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด
00:08:03 → 00:08:06 สภาวะนี้ได้หรือเป็นอย่างเช่นอ่ะคุณขวัญ
00:08:06 → 00:08:10 เนี่ยเคยอ่าอาจจะไม่เคยชิงกับการออกสถาน
00:08:10 → 00:08:12 ที่ข้างนอกที่มีแดดร้อนครับแต่ว่าถ้าเป็น
00:08:12 → 00:08:15 อย่างคุณโอ๊เนี่ยออกไปเกือบทุกวันเงี้ย
00:08:15 → 00:08:18 ครับความทนจะไม่เหมือนกันออ๋อปรับตัวได้
00:08:18 → 00:08:20 ปรับตัวได้เหมือนกับเราเคยชินกับสิ่งนี้
00:08:20 → 00:08:22 มากกว่าเราเจอแล้วเไม่ตกใจครับก็ปรับตัว
00:08:22 → 00:08:26 ได้อเหมือนครับเวลาเราเจอเอ่อชาวต่างชาติ
00:08:26 → 00:08:29 ที่มาเที่ยวประเทศไทยเนี่ยเราจะเห็นว่า
00:08:29 → 00:08:32 เอ่อหลายๆคนก็มีอาการแบบเหมือนกับว่า
00:08:32 → 00:08:35 เพลียแดดมากๆอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่
00:08:35 → 00:08:37 เมืองหนาวแล้วมาเจออากาศในเขตร้อนมันก็
00:08:37 → 00:08:41 เลยเป็นปัจจัยทำให้เขา้าอาจจะอ่อนไหวกว่า
00:08:41 → 00:08:43 คนที่อยู่ในเขตร้อนอยู่แล้วอันนี้ใช่มั้
00:08:43 → 00:08:46 คะคุณหมอใช่ครับอใช่ครับโดยเฉพาะถ้าอย่าง
00:08:46 → 00:08:49 เปลี่ยนเขตอากาศอย่างฉับพันอย่างในประเทศ
00:08:49 → 00:08:51 เข้าหนาวเงี้ยครับมาถึงเราปุ๊บร้อนเลย
00:08:51 → 00:08:55 แล้วเป็นร้อนแบบร้อนแบบที่ไหนในประเทศไทย
00:08:55 → 00:08:59 แบค่ะครับเช่นนี้เขาก็น่าจะมีความเสี่ยง
00:08:59 → 00:09:03 ที่จะเกิดอาการอ่าภาวะผลกระทบจากความร้อน
00:09:03 → 00:09:06 จากแดดได้มากกว่าคนไทยที่อยู่มานานแล้ว
00:09:06 → 00:09:11 ครับอืค่ะอ้าแล้วทำไมเขาชอบอาบแดดอ่ะ
00:09:11 → 00:09:13 แต่ว่าการอาบแดดของเค้าอ่ะครับส่วนใหญ่
00:09:13 → 00:09:16 มันจะอยู่บริเวณไทยทะเลใช่มั้ครับมีลมมัน
00:09:16 → 00:09:18 มีการเคลื่อนไหวของอากาศอ่ะครับเพราะ
00:09:18 → 00:09:21 ฉะนั้นพอมีความพอถ้าอันนี้ถ้าไม่นับว่า
00:09:21 → 00:09:24 ตัวคนเหล่านั้นมีโรคประจำตัวอย่างอื่น
00:09:24 → 00:09:26 ครับถ้าเกิดตั้งอ้าวแข็งแรงดีเนี่ยพอมี
00:09:26 → 00:09:29 ความร้อนปุ๊บมีอากาศที่มัน flow ดีร่าง
00:09:29 → 00:09:31 กายไม่ได้ขักน้ำมันก็จะระเหยความร้อนออก
00:09:32 → 00:09:35 ไปโดยที่ไม่ได้สร้างผลกระทบที่รุนแรงอ๋อ
00:09:35 → 00:09:39 อ๋อค่ะเรื่องสภาพอากาศก็มีผลครับเหมือน
00:09:39 → 00:09:42 อย่างหลายๆโรคอ่ะค่ะคุณหมอเ้ามีแบบนาที
00:09:42 → 00:09:46 ทองนาทีฉุกเฉินต้องช่วยเหลือให้จำนวน 4
00:09:46 → 00:09:49 นาที 3 นาทีหรืออะไรก็ตามในกรณีฮิสโตรก
00:09:49 → 00:09:51 เนี่ยถ้าเป็นลมแดดขึ้นมาจริงๆแล้วเนี่ย
00:09:51 → 00:09:54 มันมีช่วงนาทีทองแบบนี้มั้คะ
00:09:54 → 00:09:59 จริงๆถ้าอ่ะต้องพูดก่อนว่าถ้าร่างกายมา
00:09:59 → 00:10:04 ถึงจุดที่เกิดลมแดดแล้วครับแสดงว่ามันมัน
00:10:04 → 00:10:07 ถึงมันมันไม่สามารถ
00:10:07 → 00:10:10 เอ่อระบายความร้อนเพื่อทดแทนและปรับ
00:10:10 → 00:10:13 อุณสดุลอุณหภูมิร่างกายได้แล้วค่ะแล้ว
00:10:13 → 00:10:17 เมื่อมีแล้วมีการอ่าอุณหภูมิที่สูงบวกกับ
00:10:17 → 00:10:20 อ่าการหมดสติหรือสูญเสียความรู้ตัวไปแล้ว
00:10:20 → 00:10:24 เนี่ยครับคือผมคิดว่าใช้คำว่าให้การปฐม
00:10:24 → 00:10:27 พยาบาลเร็วและส่งโรงพยาบาลเพื่อให้การ
00:10:27 → 00:10:29 รักษาเพื่อลดอุณหภูมโมร่างกายให้เร็วที่
00:10:29 → 00:10:31 สุดดีกว่าครับอาจจะต้องไม่มีนาทีทองได้
00:10:31 → 00:10:36 เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้อือืต้องเร็วอ่ามี
00:10:36 → 00:10:37 ตัวเลข
00:10:37 → 00:10:41 แบบชี้ชัดมั้ยคุณหมอจริงๆจริงๆคือมีตัว
00:10:41 → 00:10:44 เลขที่เห็นก็คือไม่ไม่ควรเข่น 30 นาทีอ่ะ
00:10:44 → 00:10:48 ครับแต่ว่าเท่าที่ควใช่ครับแต่ถ้าเท่าที่
00:10:48 → 00:10:52 ถ้าจะบอกถ้าจะพูดเลยก็คือเอาเร็วที่สุด
00:10:52 → 00:10:56 เท่าที่ทำได้ดีกว่าค่ะครับเอ่อถ้าไม่ถ้า
00:10:56 → 00:11:00 ไม่เร็วหรือว่าเอ่อช้าเกินไปผู้ป่วยที่
00:11:00 → 00:11:05 เป็นเอ่อคริสโตอืออืครับเขาจะเสี่ยงถึง
00:11:05 → 00:11:10 ขั้นไหนมันจะเอ่อเกิดอะไรขึ้นมาครับโอเค
00:11:10 → 00:11:16 ก็ขึ้นอยู่กับว่าความร้อนมันไปมันไปทำให้
00:11:16 → 00:11:18 มันโจมตีอวัยวะไหนก่อนอะไรเงี้ยพูดง่ายๆ
00:11:18 → 00:11:21 ดีกว่าครับสมมุติว่ามันมีผลระบบประสาทที่
00:11:21 → 00:11:24 มีผลเนี่ยก็อาจจะเกิดอาการชักเก็งกระตุก
00:11:24 → 00:11:26 หรือว่าอาการชักที่ไม่มีอาการเก็งกระตุก
00:11:26 → 00:11:31 ให้เห็นนะครับแล้วก็หัวใจเนี่ยก็จะมีการ
00:11:31 → 00:11:35 อ่าบีบตัวของหัวใจที่ผิดผิดปกติหรือลดลง
00:11:36 → 00:11:38 ทำให้เกิดความนอนโลหิตต่ำหรือการเต้นหัว
00:11:38 → 00:11:42 ใจที่ผิดปกติซึ่งนำไปสู่หัวใจหยุดเต้นได้
00:11:42 → 00:11:46 อนะครับค่ะอ่าไตเนี่ยก็คือจะมีอ่ากล้าม
00:11:46 → 00:11:48 เนื้อก็อาจจะมีภาวะกล้ามเนื้อสลายแล้ว
00:11:48 → 00:11:51 เกิดของเสียในกล้ามเนื้อเนี่ยออกมาปนใน
00:11:51 → 00:11:55 กระแสเลือดแล้วทำให้ไฟวายได้อนะครับอัน
00:11:55 → 00:11:58 นี้เป็นโดยคร่าวครับอืค่ะถ้าอย่างงั้น
00:11:58 → 00:12:03 แสดงว่าถ้าใครที่เป็นลมแดดเนี่ยการได้รับ
00:12:03 → 00:12:06 การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ดีที่ถูกต้อง
00:12:06 → 00:12:10 เนี่ยมันก็จะเป็นการช่วยเยียยวแบบลดความ
00:12:10 → 00:12:14 อันตรายของโรคได้เยอะพอสมควรการปฐม
00:12:14 → 00:12:17 ปฐมพยาบาลที่ถูกต้องต้องทำยังไงบ้างคะคุณ
00:12:17 → 00:12:21 หมอโอเคครับอ่าจุดประสงค์ก็คือลดอุณหภูมิ
00:12:21 → 00:12:24 ลงให้เร็วที่สุดโดยวิธีทางกายภาพอ่ะครับ
00:12:24 → 00:12:26 แล้วก็ระหว่างรอการนำผู้ป่วยส่งแต่ว่าอัน
00:12:26 → 00:12:29 นี้ผมขอเน้นนิดนึงว่าในกรณีที่ผู้ป่วย
00:12:29 → 00:12:32 เนี่ยหมดสติหรือไม่รู้ตัวเนี่ยจะต้องมี
00:12:32 → 00:12:35 การคำชีพจรแล้วก็ตรวจการหายใจด้วยครับถ้า
00:12:35 → 00:12:38 เกิดคำชีพจรไม่ได้ก็ต้องรีบการทำ CPR
00:12:38 → 00:12:40 แล้วเรียกรถพยาบาลมารับอย่างโดยด่วนเลย
00:12:40 → 00:12:43 ค่ะนะครับส่วนในผู้ป่วยที่อ่าไม่หมดสติ
00:12:43 → 00:12:47 หรือคำที่พระตอนได้ยังรู้ตัวเนี่ยก็อย่าง
00:12:47 → 00:12:49 แรกเลยก็คือต้องผ่าเข้าต้องต้องหนีจาก
00:12:49 → 00:12:52 ความร้อนก่อนออกมาเลยเข้ามาที่ร่มที่
00:12:52 → 00:12:56 ระบายอากาศที่ดีครับค่ะปลดปลดเสื้อผ้า
00:12:56 → 00:12:59 หรือสิ่งใดต่างๆที่คัดขวางการระเหยความ
00:12:59 → 00:13:03 ร้อนออกแล้วก็ถ้าเป็นไปได้อาจจะต้องยก
00:13:03 → 00:13:06 เท้าให้สูงกว่าสูงขึ้นเพื่อเพิ่มการไหล
00:13:06 → 00:13:08 เวียนของเลือดคืนสวยที่สำคัญในหัวใจกับ
00:13:08 → 00:13:12 สมองนะครับค่ะอ่ะต่อไปก็จะเป็นการอ่า
00:13:12 → 00:13:16 ระบายก็คือลดอุณหภูมิครับก็คือใช้ผ้าชุบ
00:13:16 → 00:13:18 น้ำเย็นหรือว่าน้ำแข็งเนี่ยประคบตาม
00:13:18 → 00:13:22 บริเวณซอกคอตัวรักแร้เชิงการแล้วก็บริเวณ
00:13:22 → 00:13:26 ศีรษะครับร่วมกับอาจจะใช้การเป่าพัดลม
00:13:26 → 00:13:30 หรือว่าใช้อ่าละอองน้ำเย็นหรือเปิดถ้า
00:13:30 → 00:13:32 เป็นไปได้ถ้ามีแอร์ครับก็เปิดเพื่อลด
00:13:32 → 00:13:35 อุณหภูมิให้ลดลงต่ำได้เร็วที่สุดอืค่ะนะ
00:13:35 → 00:13:38 ครับแล้วก็ทิศทางที่สำคัญก็คือรีบนำส่ง
00:13:38 → 00:13:41 โรงพยาบาลครับเพราะว่าฮีท Stoke เนี่ยคือ
00:13:41 → 00:13:44 บางครั้งเราต้องระวังนิดนึงว่าคนที่จะมี
00:13:44 → 00:13:46 ฮีทกหรือลมแดดได้เนี่ย 1 เเเต้องมีความ
00:13:47 → 00:13:51 เสี่ยงใดๆก็ตามอยู่แล้วมันอาจจะมีออนมี
00:13:51 → 00:13:54 การความร้อนที่ยังอยู่เนี่ยมันอาจจะยังทำ
00:13:54 → 00:13:57 ให้ระบบต่างๆที่ของเขาที่มีนกประจำตัว
00:13:57 → 00:13:59 เนี่ยมันอาจจะดำเนินไปสู่การกำเริบของตัว
00:13:59 → 00:14:04 โรคได้นะครับอค่ะดำเนินไปสู่การเกิดของ
00:14:05 → 00:14:07 ตัวโรคเนี่ยอันตรายถึงขั้นที่สุดคือเสีย
00:14:07 → 00:14:10 ชีวิตหรือเปล่าคะคุณหมอครับอย่างเช่น
00:14:10 → 00:14:14 สมมุติอ่าบกรณีคนไข้มีโรคหัวใจขาดเลือด
00:14:14 → 00:14:17 เดิมอยู่ครับค่ะถ้าเกิดสตกขึ้นมาไป
00:14:17 → 00:14:20 กระตุ้นมันก็อาจจะเกิดหัวใจขาดเลือกำเริบ
00:14:20 → 00:14:23 ขึ้นมาหรือโดยเฉพาะอาจจะมีหัวใจเต้นผิด
00:14:23 → 00:14:25 จังหวะหรือหยุดเต้นได้ซึ่งอันเนี้ยก็ก็
00:14:25 → 00:14:28 อาจจะมีความสุขทำให้เกิดถึงกับชีวิตได้นะ
00:14:28 → 00:14:30 ครับหรือว่าโดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบ
00:14:30 → 00:14:34 ประสาทนะครับถ้าคนไข้หมดสติไปผุกไม่ตื่น
00:14:34 → 00:14:37 บางครั้งอาจบางครั้งเนี่ยอาจจะมีการชัก
00:14:37 → 00:14:40 แบบที่ไม่มีอาการเก็งกระตุกให้เราเห็นนะ
00:14:40 → 00:14:43 ครับซึ่งมันก็อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงของ
00:14:43 → 00:14:47 ของอาการทางระบบประสาทแล้วก็เสียชีวิตได้
00:14:47 → 00:14:50 ครับค่ะเมื่อสักครู่คุณหมอบอกว่าวิธีการ
00:14:50 → 00:14:54 ประฐมพยาบาลเอ่อควรจะใช้น้ำเย็นในการแบบ
00:14:54 → 00:14:57 เหมือนเช็ดตัวหรือว่าเอ่อทำให้อุณหภูมิ
00:14:58 → 00:15:01 ของร่างกายอ่ะมันลดลงดังนั้นมาที่หัวข้อ
00:15:01 → 00:15:04 เราเลยมันเข้าใจถูกต้องมว่าถ้างั้นการ
00:15:04 → 00:15:07 ดื่มน้ำเย็นก็ช่วยรับมือกับพิสตกได้จริง
00:15:07 → 00:15:12 สิจริงหรือเปล่าคะจริงๆแล้วอ่าโดยคอนเซปต
00:15:12 → 00:15:17 คือควรจะมีน้ำที่เพียงพอเพื่อให้รับมือ
00:15:17 → 00:15:19 เวลาที่มีความร้อนแล้วก็ระเหยเป็นเหงื่อ
00:15:19 → 00:15:23 ออกไปได้ครับแต่ว่ามันก็เคยมันผมเคยเห็น
00:15:23 → 00:15:25 หัวข้อนะว่าแบบการดื่มน้ำเย็นเนี่ยส่งผล
00:15:25 → 00:15:31 เสียหรือเปล่าซึ่งเท่าคือจริงๆแล้วเนี่ย
00:15:31 → 00:15:35 การกินน้ำที่อุณหภูมิปกติหรือเย็นเนี่ย
00:15:35 → 00:15:39 ไม่ได้ส่งผลเสียนะครับก็ช่วยลดโอกาสเกิด
00:15:39 → 00:15:42 ฮีสตกเนื่องจากมันก็ลดอุณหภูมิของร่างกาย
00:15:42 → 00:15:45 อยู่แล้วนะครับก็คือลดอุณหภูมิของร่างกาย
00:15:45 → 00:15:48 แล้วก็มีปริมาณน้ำในร่างกายเพื่อให้กลาย
00:15:48 → 00:15:52 เป็นเหงื่อเพื่อระเหยความร้อนออกไปอืซึ่ง
00:15:52 → 00:15:54 ไม่ได้มีไม่ได้มีส่งผลเสียกับร่างกายแล้ว
00:15:54 → 00:15:57 ก็ตรงตามคอนเซปตก็คือมีปริมาณน้ำในร่าง
00:15:57 → 00:16:00 กายอยู่แล้วก็คงคงอุณหภูมิของร่างกายไว้
00:16:00 → 00:16:04 ครับอ๋ออก็งั้นก็ดื่มน้ำเย็นก็ได้น้ำปกติ
00:16:04 → 00:16:09 ก็ได้ถูกต้องมั้ยคะแต่จริงๆถ้าน้ำเย็นไม่
00:16:09 → 00:16:12 ได้เป็นข้อห้ามนะครับเพียงแต่ว่าบางครั้ง
00:16:12 → 00:16:15 น้ำที่เย็นเกินไปเนี่ยบางทีเรากินเรามัน
00:16:15 → 00:16:18 อาจจะทำให้อุณหภูมิแกนของร่างกายเรามัน
00:16:18 → 00:16:21 รักษาสมดุลลำบากอ่ะครับอืมันอาจจะแกว่ง
00:16:21 → 00:16:24 ขึ้นแกว่งลงทำให้เรารู้สึกไม่สบายได้จริง
00:16:24 → 00:16:29 ๆโดยที่ไม่ได้มีผลต่อเรื่องการการอ่าเกิด
00:16:29 → 00:16:31 ปัญหาของ Stoke เนี่ยครับส่วนใหญ่มันก็
00:16:31 → 00:16:34 ช่วยป้องกันอย่างในกรณีที่เป็นนักกีฬา
00:16:34 → 00:16:38 อะไรเงี้ยครับก็บางครั้งก็การที่เอ่อมัน
00:16:38 → 00:16:42 มีคำแนะนำในใน textbook ที่เคยอ่านอยู่ก็
00:16:42 → 00:16:45 คืออ่าน้ำที่กินเนี่ยก็คือเป็นน้ำที่มี
00:16:45 → 00:16:47 เกลือแร่เลี่ยงคาเฟอีนเรื่องน้ำที่มีน้ำ
00:16:47 → 00:16:50 เลี่ยงน้ำที่มีน้ำตาลเลี้ยงแอลกอฮอล์น้ำ
00:16:50 → 00:16:54 เย็นกินได้ไม่ได้เป็นข้อห้ามครับอออือถ้า
00:16:54 → 00:16:57 ถ้างั้นในทางกลับกันค่ะคุณหมอบางคนชอบ
00:16:57 → 00:17:01 ดื่มน้ำร้อนชาร้อนมันเหมาะสมมในช่วงที่
00:17:01 → 00:17:03 อากาศร้อนแบบนี้หรือจริงๆก็ไม่ได้มีความ
00:17:04 → 00:17:06 เกี่ยวข้องกัน
00:17:06 → 00:17:09 จริงๆแล้วเนี่ยคือร่างกายพยายามคงสมดุล
00:17:09 → 00:17:13 อุณหภูมิให้คงที่อยู่แล้วครับค่ะถ้าในขณะ
00:17:13 → 00:17:15 เดียวกับที่ข้างนอกมันอากาศร้อนอยู่แล้ว
00:17:15 → 00:17:18 ครับการที่เพิ่มอุณหภูมิที่สูงเข้าไป
00:17:18 → 00:17:22 เนี่ยมันก็จริงๆไม่ไม่น่าจะไม่ไม่น่าจะ
00:17:22 → 00:17:25 เป็นผลดีเท่าไหร่โดยเฉพาะถ้าเป็นแต่ว่า
00:17:25 → 00:17:26 ถ้าเป็นเครื่องโดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่อง
00:17:26 → 00:17:29 ดื่มที่มีคาเฟอีนเนี่ยอันนี้ไม่ค่อยแนะนำ
00:17:29 → 00:17:33 ค่ะนะครับอืแต่ว่าจริงๆร่างกายเรามันไม่
00:17:33 → 00:17:36 ว่าเราจะกินอ่ะปรับสมดุลเนี่ยสมมุติเรา
00:17:36 → 00:17:38 กินของเย็นเข้าไปใช่มั้ครับร่างกายมันก็
00:17:38 → 00:17:42 จะอ่าทำพยายามสร้างความร้อนในร่างกายด้วย
00:17:42 → 00:17:45 วิธีอื่นก็คือกล้ามเนื้อที่ฝันแล้วก็หด
00:17:45 → 00:17:48 เก็งรูขุมขนกับเส้นเลือดเพื่อไม่ให้ความ
00:17:48 → 00:17:51 ร้อนที่มีอยู่ระเหยออกไปค่ะเช่นกันถ้าเรา
00:17:51 → 00:17:53 กินของที่อุ่นหรือรอนเข้าไปเนี่ยมันก็จะ
00:17:53 → 00:17:57 ทำตรงข้ามครับก็คือขยายเส้นเลือดระเหย
00:17:57 → 00:17:59 เป็นเหงื่อออกมาเพียงแต่ว่าในกรณีที่มี
00:17:59 → 00:18:03 ฮีทแบบเสี่ยงมีฮีทหรืออุณหภูมิภายนอกมัน
00:18:03 → 00:18:06 สูงอยู่แล้วเนี่ยการที่กินของที่อุณหภูมิ
00:18:06 → 00:18:10 สูงเข้าไปดูจะไม่ใช่ไม่ใช่คอนเซปตที่จะลด
00:18:10 → 00:18:14 โอกาสเสียงที่เกิดสตกได้ครับอืออค่ะแล้ว
00:18:14 → 00:18:18 ในอีกอีกวิธีนึงที่ผมเห็นกันบ่อยๆพี่ขวัญ
00:18:18 → 00:18:22 คุณหมอครับเอ่อเอ่อวิธีลดอุณหภูมิด้วยการ
00:18:22 → 00:18:27 ใช้เอ่อผ้าเย็นชุบน้ำโปะศีรษะโปะหัวโปะคอ
00:18:27 → 00:18:30 อะไรอย่างเงี้ยอ่าแบบเนี้ยช่วยได้มั้ยจับ
00:18:30 → 00:18:34 จับที่แบบเอ่อเอาน้ำรากหัวแบบร้อนๆเลยฟุก
00:18:34 → 00:18:38 ๆฉ่ำๆเลยแบบแบบไหนทำได้แบบไหนทำไม่ได้
00:18:38 → 00:18:42 หรือแบบไหนคุณเลี่ยงหรือแบบไหนก็ก็เอ่อ
00:18:42 → 00:18:45 เอาไว้ทีหลังสุดจะดีกว่าอะไรคุณหมอพอแนะ
00:18:45 → 00:18:49 นำจริงๆจริงๆมันเป็นหนึ่งในวิธีการขบวน
00:18:49 → 00:18:52 การกำจัดความร้อนของร่างกายของร่างกายเรา
00:18:52 → 00:18:56 เนี่ยก็คืออย่างการเอาผ้าฉุบน้ำปะไปที่
00:18:56 → 00:18:59 หน้าผ่าเนี่ยก็คือเป็นการพาความร้อนออกไป
00:18:59 → 00:19:02 ก็คือมีวัตถุมามาแปะเพื่อดึงความร้อนออก
00:19:02 → 00:19:06 ไปอ่ะครับอือ่าส่วนการอาบน้ำหรือราดน้ำ
00:19:06 → 00:19:09 เนี่ยคือการพาความร้อนทิ้งออกไปเลยกับหอ
00:19:09 → 00:19:13 ที่มันไม่ผ่านเราจริงๆซึ่งทำได้ทำได้โดย
00:19:13 → 00:19:17 ที่ไม่มีข้อห้ามอะไรนะครับอืเพราะว่า
00:19:17 → 00:19:21 เพราะว่าในในจริงๆมันเป็นกลไกปกติของร่าง
00:19:21 → 00:19:24 กายที่แบบพอมีพอมีการเกิดความร้อนที่สูง
00:19:24 → 00:19:28 ขึ้นน่ะนอกจากการระเขยพันเหงื่อเส้นเลือด
00:19:28 → 00:19:31 เหงื่อออกไปแล้วเนี่ยก็คือจะแบบการนำความ
00:19:31 → 00:19:32 ร้อนกลับพาความร้อนเนี่ยมันจะเป็น
00:19:32 → 00:19:35 พฤติกรรมที่ร่างกายมันถูกกระตุ้นให้ทำ
00:19:35 → 00:19:40 อยู่แล้วโดยอัตโนมัติเลยครับค่ะอือืพอพูด
00:19:40 → 00:19:42 ถึงค่ะคุณหมอเชิญก่อนเลยจริงๆเมื่อก่อนผม
00:19:42 → 00:19:47 เคยเห็นมันมีเอ่ออันเนี้จะเป็นหัวข้อที่
00:19:47 → 00:19:50 มันโผล่มาในอินเทอร์เน็ตนะครับว่าถ้าน้ำ
00:19:50 → 00:19:53 เย็นเกินไปมันจะเกิดสโตรกหรือเส้นเลือด
00:19:53 → 00:19:56 แตกอะไรสักอย่างเนี่ยครับค่ะอ่าซึ่งๆอัน
00:19:56 → 00:19:58 นี้ไม่ใช่ไม่ใช่ไม่ไม่ใช่เรื่องจริงครับ
00:19:58 → 00:20:01 อย่างที่บอกคือร่างกายเรามนุษย์แล้วเป็น
00:20:01 → 00:20:05 สัตว์เทิดอุ่นถ้าเกิดเราโดนความเย็นจัง
00:20:05 → 00:20:08 เข้าไปในขณะนี้อ่ะเพื่อคายความร้อนนะครับ
00:20:08 → 00:20:10 ค่ะถ้ามันเย็นเกินปุ๊บร่างกายเราก็จะ
00:20:10 → 00:20:13 พยายามปรับสมดุลร่างกายให้นิ่งอยู่แล้วรู
00:20:13 → 00:20:15 ขุมคนก็จะหดแล้วก็กล้ามเนื้อมันก็จะสั่น
00:20:15 → 00:20:17 เพื่อทำให้เกิดความร้อน
00:20:17 → 00:20:20 อเพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่มาทำให้
00:20:20 → 00:20:23 อุณหภูมิมันเปลี่ยนอย่างรุนแรงจนทำให้
00:20:23 → 00:20:26 เกิดความเสียหายเส้นเลือดแตกหรือว่าความ
00:20:26 → 00:20:28 เสียหายที่รุนแรงได้จากจากการกระทำแบบ
00:20:28 → 00:20:33 นั้นครับอือืค่ะอย่างหน้าร้อนอย่างเงี้ย
00:20:33 → 00:20:37 ค่ะคุณหมอมีเอ่อถ้าพูดในโหมดของอาหารล่ะ
00:20:37 → 00:20:41 คะมีอาหารอะไรต้องห้ามมั้ยคะแบบหลายคนก็
00:20:41 → 00:20:44 แบบเออกินทุเรียนหน้าร้อนมันจะอันตรายมย
00:20:44 → 00:20:47 มันจะร้อนแบบฤทธิ์ร้อนร้อนอะไรอย่างเงี้ย
00:20:47 → 00:20:50 ในเชิงเอ่อการแพทย์แผนปัจจุบันเนี่ยมีข้อ
00:20:50 → 00:20:53 มูลเรื่องนี้บ้างมั้ยคะเอ่อก็มีครับสิ่ง
00:20:54 → 00:20:57 ที่ไม่ค่อยอยากให้กินก็เครื่องดื่มที่มี
00:20:57 → 00:21:00 แอลกอฮอล์ค่ะครับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
00:21:00 → 00:21:04 เนี่ยจะมีเพิ่มโอกาสการจะเกิดการระบาย
00:21:04 → 00:21:07 ความร้อนของร่างกายที่ผิดปกติไปหรือ
00:21:07 → 00:21:10 เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงๆอ่ะครับค่ะ
00:21:10 → 00:21:16 อ่าแล้วก็อ่ากลุ่มที่แล้วก็พวกอาหารที่มี
00:21:16 → 00:21:19 น้ำตาลค่อนข้างเยอะแล้วกินคู่กับเครื่อง
00:21:19 → 00:21:22 แอลกอฮอล์ครับอันนี้ก็จะทำให้มีการระบาย
00:21:22 → 00:21:26 ความร้อนที่ผิดปกติไปได้ครับอื
00:21:26 → 00:21:30 อืเช่นพวกเอ่อเขาถึงบอกเลยนะทุเรียนขนุน
00:21:31 → 00:21:32 เอ่อ
00:21:32 → 00:21:36 อะไรพวกเนี้ยที่มันผลไม้รสหวานจัดๆนะค่ะ
00:21:36 → 00:21:39 กินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่อย่าไป
00:21:39 → 00:21:41 ริรองนะ
00:21:41 → 00:21:46 ใช่ครับเพราะว่าอ่ากับอย่างอื่นก็อ่าเอ่อ
00:21:46 → 00:21:51 พวกที่ที่ที่ที่อยากจะให้หลีกเลี่ยงก็
00:21:51 → 00:21:55 เป็นกลุ่มพวกที่เป็น
00:21:55 → 00:21:58 อ่าที่ที่มีสารที่กระตุ้นให้ตื่นค่อนข้าง
00:21:58 → 00:22:02 เยอะครับอย่างเช่นพวกแบบอ่าอ่าคาเฟอีน
00:22:02 → 00:22:05 หรือนิโคตีนนะครับที่มาร่วมกันพวกนี้มัน
00:22:05 → 00:22:08 ก็จะทำให้การขยายของเส้นเลือดมันมีปัญหา
00:22:08 → 00:22:12 แล้วก็ระบายความร้อนได้ยากอค่ะประมาณนี้
00:22:12 → 00:22:14 ครับอือือครับ
00:22:15 → 00:22:19 ค่ะเรื่องของเวลาเข้าไปหาคุณหมอเนี่ยค่ะ
00:22:19 → 00:22:23 ถ้าเป็นกรณีของโรคลมแดดหรือฮิสโตกพวก
00:22:23 → 00:22:27 เนี้ยกระบวนการในการวินิจฉัยการรักษามัน
00:22:27 → 00:22:30 จะมีลักษณะการรักษารูปแบบยังไงบ้างเรา
00:22:30 → 00:22:33 ต้องเอ่อตรวจวัดอุณหภูมิหรือมีการตรวจยัง
00:22:33 → 00:22:35 ไงบ้างคะคุณหมอ
00:22:35 → 00:22:40 จริงๆก็โดยทั่วไปถ้าถ้ามาถึงโรงพยาบาล
00:22:40 → 00:22:43 แล้วครับส่วนใหญ่คนไข้ก็จะมาด้วยอาการที่
00:22:43 → 00:22:44 มีหมดสติ
00:22:44 → 00:22:48 มีอุณหภูมิแกนกลางสูงกว่า 40.5 5 องศานะ
00:22:48 → 00:22:51 ครับแล้วก็มีความผิดส่วนใหญ่ถ้ามาถึงมัน
00:22:51 → 00:22:53 ก็จะมีความผิดบริการหลังเหงื่อโดยเฉพาะ
00:22:53 → 00:22:58 อาจจะเริ่มมีภาวะเหงื่อที่แบบไม่ไม่ออก
00:22:58 → 00:23:01 ตามปกติแล้วนะครับโดยทั่วไปการรักษาโดย
00:23:01 → 00:23:04 เร่งด่วนเนี่ยก็คือการลดอุณหภูมิกายให้ลด
00:23:04 → 00:23:06 ลงอย่างรวด
00:23:06 → 00:23:11 เร็วโดยที่อาจจะใช้แบบใช้น้ำที่มโนคลนต่ำ
00:23:11 → 00:23:15 ๆค่ะเข้าไปในร่างกายเลยครับหรือว่ามีการ
00:23:15 → 00:23:19 อ่าซับก็ก็คือแช่ตัวในน้ำแข็งหรือว่าน้ำ
00:23:19 → 00:23:22 ที่อุณหภูมิต่ำด้วยลดอุณหภูมิของร่างกาย
00:23:22 → 00:23:24 ไปเลยซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์
00:23:24 → 00:23:27 ตอนที่มาเป็นยังไงอืแล้วก็อาการของคนไข้
00:23:27 → 00:23:30 เนี่ยมามาด้วยอาการไหนมีการความผิดปกติ
00:23:30 → 00:23:35 การรู้สึกตัวหรือเปล่าค่ะครับการแช่ตัวใน
00:23:35 → 00:23:39 น้ำแข็งก็เป็นเทรนด์ในยุคใหม่เหมือนกันนะ
00:23:39 → 00:23:42 การดูแลสุขภาพยุคใหม่เหมือนกันนะคุณหมอ
00:23:42 → 00:23:47 ที่เห็นว่าโอกำลังหมายถึงไบใช่ป่ะใช่ๆค่ะ
00:23:47 → 00:23:50 เออจริงๆจริงๆมันก็เป็นมันก็เป็นการลด
00:23:50 → 00:23:54 ความบาดเจ็บของร่างกายวิธีนึงอ่ะครับ
00:23:54 → 00:23:56 เพียงแต่ว่าบางครั้งเวลาที่มีheีat stoke
00:23:56 → 00:24:01 เนี่ยเวลาเราใช้การเอ่อพระพูดใส่คือเอา
00:24:01 → 00:24:04 ตัวคนไข้จุ่มลงไปในน้ำหรือน้ำแข็งที่เย็น
00:24:04 → 00:24:07 ๆนะครับบางคนอาจจะต้านทานทนไม่ค่อยได้
00:24:07 → 00:24:11 เพราะว่ามันจะสั่นค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะ
00:24:11 → 00:24:14 คนที่ยังมีแบบมีสติความรู้ตัวอยู่หรือว่า
00:24:14 → 00:24:16 ผู้สูงอายุอย่างเงี้ยครับบางครั้งมันก็
00:24:16 → 00:24:20 ค่อนข้างจะทรมานพอสมควรอืค่ะครับนอกจาก
00:24:20 → 00:24:24 ทรมานแบบเอ่อสำหรับอากาศเอ้ยอุณหภูมิที่
00:24:24 → 00:24:28 ลดลงกรณีที่เอาไปแช่ในน้ำแข็งเนี่ยนะคะ
00:24:28 → 00:24:30 มันจะมีผลข้างเคียงอื่นๆมั้ยถ้าหากว่าคนๆ
00:24:30 → 00:24:33 นั้นน่ะเอ่อมีโรคประจำตัวอยู่อ่ะค่ะคุณ
00:24:33 → 00:24:35 หมอคะ
00:24:35 → 00:24:37 เอ่อจริง
00:24:37 → 00:24:42 ๆจริงๆอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าจริงๆจริงๆคน
00:24:42 → 00:24:45 ที่มาด้วยฮีท Stoke เนี่ยครับถ้าเราลด
00:24:45 → 00:24:48 อุณหภูมิกายชาเนี่ยมันมันน่าจะมันจะเป็น
00:24:48 → 00:24:51 อันตรายมากกว่าโดยที่มีโรคประจำตัวเพราะ
00:24:51 → 00:24:54 ว่าความความร้อนที่สูงมันจะทำให้ร่างกาย
00:24:54 → 00:24:57 เนี่ยเอ่อหลังอักเสบที่รุนแรงออกมาแล้ว
00:24:57 → 00:25:00 มันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อวัดต่างๆค่ะ
00:25:00 → 00:25:04 อือซึ่งซึถ้าเราลดอุณหภูมิกายได้ช้าอัน
00:25:04 → 00:25:07 นี้จะส่งผลเสียมากกว่าแล้วก็อาจจะทำให้มี
00:25:07 → 00:25:10 การเสียชีวิตได้ครับอืค่ะเดี๋ยวช่วงนี้ขอ
00:25:10 → 00:25:13 พักกันสักครู่ก่อนนะคะเดี๋ยวช่วงหน้าขวัญ
00:25:13 → 00:25:17 อยากชวนคุณหมอพูดคุยว่าเอ๊ะถ้าเหมือนใคร
00:25:17 → 00:25:19 เนี่ยเริ่มรู้สึกว่าเกิดอาการเพลียแดด
00:25:19 → 00:25:21 แล้วเนี่ยตอนนั้นเนี่ยสามารถช่วยเหลือตัว
00:25:21 → 00:25:25 เองได้ยังไงบ้างหรือว่ามีแนวทางการช่วย
00:25:25 → 00:25:28 เหลือตัวเองอย่างไรกรณีที่เราอาจจะอยู่ใน
00:25:28 → 00:25:30 บ้านหรือเราอยู่นอกบ้านมีแนวทางในการช่วย
00:25:30 → 00:25:34 เหลือตัวเองเบื้องต้นยังไงถ้าเรารู้สึก
00:25:34 → 00:25:37 เริ่มๆะรู้สึกเคลียร์แดดมันสามารถที่จะ
00:25:37 → 00:25:39 ช่วยเหลือตัวเองแบบไหนได้เดี๋มาคุยกัน
00:25:39 → 00:25:41 ช่วงหน้านะคะเดี๋ยวช่วงนี้พักกันสักครู่
00:25:41 → 00:25:44 ก่อนค่ะครับคุณหมอคะช่วงที่แล้วพูพูดคุย
00:25:45 → 00:25:48 ทิ้งท้ายกันไว้ว่าถ้าเรารู้สึกว่ามีเริ่ม
00:25:48 → 00:25:50 ๆมีอาการเพลียแดดแล้วแหละเจ้าตัวเองเนี่ย
00:25:50 → 00:25:53 แหละถ้ามีแนวทางในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
00:25:53 → 00:25:57 ยังไงบ้างในกรณีที่เราอยู่ในบ้านอ่ากรณี
00:25:57 → 00:26:00 แรกและกรณีที่ 2 คืออยู่นอกสถานที่อาจจะ
00:26:00 → 00:26:03 อยู่ห้างสรรพสินค้าหรือว่าอยู่ตลาดหรือ
00:26:03 → 00:26:05 อยู่ที่อื่นๆน่ะค่ะมีแนวทางในการช่วย
00:26:05 → 00:26:08 เหลือตัวเองยังไงหรือว่าต้องมีความจำเป็น
00:26:08 → 00:26:11 ต้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นมั้ยคะ
00:26:11 → 00:26:15 โอเคครับก็อ่าอันนี้ในกรณีที่อยู่บ้าน
00:26:15 → 00:26:19 ก่อนนะครับค่ะก็ส่วนใหญ่ก็คือพยายามอย่าง
00:26:19 → 00:26:22 แรกเลยถ้าบริเวณที่อยู่เนี่ยมีการระบาย
00:26:22 → 00:26:25 ความร้อนไม่ดีก็ต้องรีบออกจากบริเวณนั้น
00:26:25 → 00:26:28 เลยครับไปสู่ในบริเวณที่ร่มอากาศเย็นมี
00:26:28 → 00:26:32 การระบายความร้อนที่ดีในภาวะเพียแดดเนี่ย
00:26:32 → 00:26:35 ครับคือร่างกายเนี่ยพยายามจะขับความร้อน
00:26:35 → 00:26:37 ออกมาผ่านเหงื่อเนาะเหงื่อก็จะออกมาเยอะ
00:26:37 → 00:26:40 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเสียไปก็คือจะเป็น
00:26:40 → 00:26:42 ทั้งน้ำและเกลือแร่เพราะฉะนั้นเราก็ต้อง
00:26:42 → 00:26:45 ทดแทนด้วยการดื่มน้ำแล้วก็เกลือแร่น้ำ
00:26:45 → 00:26:48 เกลือแร่เข้าไปครับอืครับแต่ว่าน้ำเกลือ
00:26:48 → 00:26:51 แร่ที่เราต้องเป็นน้ำเกลือได้เฉพาะด้วย
00:26:51 → 00:26:54 ใช่มั้คุณหมอไม่ใช่น้ำเกลือที่แบบผสมเอง
00:26:54 → 00:26:57 ออใช่ครับจริงๆถ้าแนะนำก็คือจะเป็นพวกอ่ะ
00:26:57 → 00:27:01 อย่างอย่างน้ำเกลือแร่ที่ดื่มตอนที่ออก
00:27:01 → 00:27:03 กำลังกายก็ได้ครับอันนั้นก็สำหรับเพื่อทด
00:27:03 → 00:27:07 แทนแฟนเสียเหงื่ออยู่แล้วหรือว่าอ่าถ้า
00:27:07 → 00:27:09 คือรสชาติมันอร่อยอครับผมว่าจะอร่อยกว่า
00:27:09 → 00:27:12 น้ำถ้าเป็นเกินแล้วที่ชงที่ที่โรงพยาบาล
00:27:12 → 00:27:15 ที่ได้ไปครับครับอ่าแล้วก็ก็เป็นกลุ่ม
00:27:15 → 00:27:18 นั้นครับค่ะเกลือแร่ออกกำลังกายกับเกลือ
00:27:18 → 00:27:20 แร่ที่ท้องเสียก็ต่างกันอีกใช่มั้ยคะเวลา
00:27:20 → 00:27:23 ซื้อเนี่ยจะจะต่างกันครับเพราะว่าสิ่งที่
00:27:23 → 00:27:26 เสียไปทางเหงื่อกับทางอุจจาระก็จะคนละแบบ
00:27:26 → 00:27:31 กันค่ะออก็เน้นว่าเป็นน้ำเกลือแร่ที่
00:27:31 → 00:27:35 สำหรับคนออกกำลังกายก็ได้ครับอือืสี
00:27:35 → 00:27:38 เหลืองสีฟ้าสีขาวแล้วแต่ใช่ครับเลือกตาม
00:27:38 → 00:27:42 รสชาติได้เลยค่ะอันนี้กรณีที่อยู่ในบ้าน
00:27:42 → 00:27:45 ไปอยู่ในสถานที่ที่ลม
00:27:45 → 00:27:49 ฟื่มน้ำเกลือแร่มีวิธีอื่นๆอีกมั้คะจริงๆ
00:27:49 → 00:27:52 ก็สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือภาวะเพี้ยแดด
00:27:52 → 00:27:56 เนี่ยค่ะถ้าโดยตัวโดยเจ้าถ้าเรามีโรค
00:27:56 → 00:28:00 ประจำตัวหรือเราคิดว่าเอ่ออาจจะเกิดความ
00:28:00 → 00:28:03 รุนแรงต่อเนื่องได้อ่ะครับก็ถ้าในอย่าง
00:28:03 → 00:28:05 โดยเฉพาะในวันที่มีดัชนีความร้อนรุนแรง
00:28:05 → 00:28:07 อย่างเงี้ยเราอาจจะต้องเตรียมตัวติดต่อ
00:28:07 → 00:28:10 โรงพยาบาลไว้ในกรณีที่เราเริ่มรู้สึกว่า
00:28:10 → 00:28:14 เริ่มมีอาการรุนแรงขื่นเวียนศีรษะขึ้นไส้
00:28:14 → 00:28:17 อาเกียนหรือเริ่มมีหน้ามืดใจสั่นอันนี้
00:28:17 → 00:28:21 เราอาจจะต้องรีบเข้าสู่สถานพยาบาลโดยเร็ว
00:28:21 → 00:28:24 ครับเพื่อดูว่าที่เราเป็นเนี่ยมันเป็นแค่
00:28:24 → 00:28:26 ลักษณะแค่เพียแดดหรือมันเริ่มต้นจะเป็นลม
00:28:26 → 00:28:30 แดดแล้วซึ่งอาการแล้วเพียแดดที่มันจะกลาย
00:28:30 → 00:28:32 เป็นลมแดดเนี่ยบางทีมันแยกกันค่อนข้างยาก
00:28:32 → 00:28:36 นิดนึงครับเออใช่ฮะแต่ว่าอย่างไรก็แล้ว
00:28:36 → 00:28:39 แต่ทั้ง 2 อย่างก็ก็เป็นสัญญาณแหละสัญญาณ
00:28:39 → 00:28:42 ร่างกายก็เริ่มเริ่มไม่ไหว
00:28:42 → 00:28:44 แล้วก็ต้องระมัดระวังตัวก็คือเป็นสัญญาณ
00:28:44 → 00:28:49 ที่บ่งบอกให้ตัวของเราเนี่ยต้องหาทางใน
00:28:49 → 00:28:51 การลดอุณหภูมิร่างกายแล้วล่ะไม่ว่าจะจิบ
00:28:51 → 00:28:54 น้ำเข้าที่ร่มเช็ดหน้าเช็ดตานั่งพักอะไร
00:28:54 → 00:28:57 ก็แล้วแต่นะคุณหมออืค่ะครับผมหรือว่าก็
00:28:57 → 00:29:00 อาจจะถ้าใส่เสื้อผ้าได้สวมใส่มันหนาหรือ
00:29:00 → 00:29:03 ว่าลดการระเหยของเหงื่อได้ก็ต้องเปลี่ยน
00:29:03 → 00:29:06 เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าชุดที่แบบบางแล้วก็
00:29:06 → 00:29:09 ระเหให้อำเนื้ออำนวยให้การระเหยของเหงื่อ
00:29:09 → 00:29:12 เป็นไปได้ง่ายครับค่ะอ่าในกรณีที่อยู่นอก
00:29:12 → 00:29:16 สถานที่ล่ะคะทำยังไงดีถ้าอยู่นอกสถานที่
00:29:16 → 00:29:20 ก็เหมือนเดิมครับหลบหลบเลี่ยงสหลบเลี่ยง
00:29:20 → 00:29:22 บริเวณที่มีแดดเข้าสู่ที่ร่มแล้วก็ไปใน
00:29:22 → 00:29:26 สถานที่ที่มีลมโฟอากาศระบายได้ดีนะครับ
00:29:26 → 00:29:29 แล้วก็ต้องจริงๆในในถ้าในวันถ้าเป็นวัน
00:29:30 → 00:29:33 ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเนี่ยครับก็
00:29:33 → 00:29:37 จริงๆแนะนำว่าให้พกน้ำดื่มหรือว่าน้ำดื่ม
00:29:37 → 00:29:40 เกลือแร่ไว้กับตัวเลยเพื่อป้องกันไว้ก่อน
00:29:40 → 00:29:43 ที่มันจริงๆการป้องกันลมแดดหรือว่าเพีย
00:29:43 → 00:29:46 แดดเนี่ยดีกว่าปล่อยให้เกิดแล้วแล้วรักษา
00:29:47 → 00:29:49 ครับเพราะว่าเมื่อถึงจุดนึงที่ต้องรักษา
00:29:49 → 00:29:55 เนี่ยแสดงว่ามีความเสียหายพอสมควรอือื
00:29:55 → 00:29:59 ถ้าหมอชแล้วก็อ่าจริงๆถ้าอยู่ในสถานที่
00:29:59 → 00:30:03 ภายนอกเนี่ยครับก็จริงๆอาจจะต้องอาจจะ
00:30:03 → 00:30:06 ต้องเตรียมถ้าเกิดอยู่ในที่ที่ไม่มี
00:30:06 → 00:30:09 เครื่องปรับอากาศหรือว่าเป็นบริเวณ
00:30:09 → 00:30:11 outdoor อะไรเนี่ยเนี่ยก็ก็อาจจะต้อง
00:30:11 → 00:30:13 เตรียมเตรียมแบบพอ for he เลยถ้าเกิด
00:30:13 → 00:30:17 อาการค่อนข้างรุนแรงนะครับอืออืพวกยา
00:30:17 → 00:30:20 หม่องยาดมอะไรควรพบมั้ยฮะยาหม่องยาดมจริง
00:30:20 → 00:30:24 ๆมันไม่ได้จริงๆไม่ได้ช่วยในกรณีนี้เท่า
00:30:24 → 00:30:27 ไหร่อ่ะครับเพราะว่าครับกลไกของการออกดิส
00:30:27 → 00:30:30 ของเขามันไม่ได้ช่วยระบายความร้อนค่ะแต่
00:30:30 → 00:30:32 มันเป็นแต่ว่ามันเป็นกลิ่นที่กระตุ้นให้
00:30:32 → 00:30:36 เรามีความสดชื่นหรือว่าแบบเหมือนกระตุ้น
00:30:36 → 00:30:40 ให้ตื่นขึ้นมามากกว่าครับอืค่ะเดี๋หอมยา
00:30:40 → 00:30:43 ลมเหรอฮะยาหอมยาลมก็น่าจะเป็นลักษณะคล้าย
00:30:43 → 00:30:46 ๆกันอย่างเช่นเหมือนกับโมเนียเงี้ยครับ
00:30:46 → 00:30:48 เวลาเราเป็นลมระดมขึ้นมาความฉุนมันจะ
00:30:48 → 00:30:51 กระตุ้นให้เราตื่นสักเป็นลมอันนี้มันจะ
00:30:51 → 00:30:54 ต้องคนละคนไกลกันนะเพราะว่าอย่างอารมณ์
00:30:54 → 00:30:56 แดดหรือเพียแดดอ่ะมันจะไม่เหมือนกับเป็น
00:30:56 → 00:31:01 ลมปกติครับอืค่ะคุณหมอคะมีคำถามมาค่ะว่า
00:31:01 → 00:31:04 การดื่มน้ำเย็นเนี่ยรู้สึกว่าทำให้ปวด
00:31:04 → 00:31:08 ท้องเอ๊ะมันดื่มน้ำเย็นทำให้ปวดท้องได้
00:31:08 → 00:31:10 ด้วยหรอคะคุณหมออันเนี้ยขวัญก็ไม่เคยรู้
00:31:10 → 00:31:16 สึกเลยนะจริงๆน่าจะเป็นเพราะว่าเอ่อเวลา
00:31:16 → 00:31:19 เราดื่มน้ำที่อุณหภูมิต่ำน้ำเย็นเข้าไป
00:31:19 → 00:31:22 อ่ะครับค่ะคือผิวของกระเพาะหรือให้อาหาร
00:31:22 → 00:31:26 น่ะมันสัมผัสกับความเย็นนั้นโดยตรงค่ะอื
00:31:26 → 00:31:29 มันอาจจะเป็นความระคายเคืองหรือว่าความ
00:31:29 → 00:31:32 จริงๆอุณหภูมิที่สูงเกินหรือต่ำเกินนะ
00:31:32 → 00:31:36 ครับมันก็คือความเจ็บปวดนี่แหละครับอ่าพอ
00:31:36 → 00:31:39 โดนเข้าพอพอสัมผัสเข้าไปปุ๊บอ่าอ่าเส้น
00:31:39 → 00:31:42 เลือดก็จะหดตัวแล้วก็จริงๆร่างกายก็
00:31:42 → 00:31:45 พยายามจะสภาพร่างกายเพื่อสร้างความร้อน
00:31:45 → 00:31:47 ขึ้นเพื่อคานกับความเย็นที่เข้าไปครับ
00:31:48 → 00:31:51 จริงๆมันไม่น่าจะไม่ได้เป็นลักษณะปวดท้อง
00:31:51 → 00:31:54 ครับมันเป็นการสัมผัสกับความเย็นโดยตรงออ
00:31:54 → 00:31:58 ก็เลยจะเกิดความไม่ไม่รู้สึกไม่สบายไม่
00:31:58 → 00:32:01 สบายเนื้อไม่ไม่สบายไม่ปกติสุขมามากกว่า
00:32:01 → 00:32:03 เป็นความเจ็บปวดประเภทนึงอ่ะครับอ๋อค่ะ
00:32:03 → 00:32:07 ครับเอ่อโอ๊เคยกินน้ำเย็นและปวดท้องมั้ย
00:32:07 → 00:32:10 โอ้ขอให้เป็นน้ำเย็นเย็นอย่างเดียวผม
00:32:10 → 00:32:13 อ่ะขอให้น้ำเย็นมาก่อนน้ำเย็นเท่านั้นใช่
00:32:13 → 00:32:17 เพราะพี่เห็นติดน้ำเย็นมากเออโอติดน้ำ
00:32:17 → 00:32:19 เย็นจัดๆฮะไม่สบายผมก็อยากกินน้ำเย็นครับ
00:32:19 → 00:32:24 ผมเป็นเอ่อคู่ที่เสพติดน้ำเย็น
00:32:24 → 00:32:26 ผมว่าจริงครับเพราะว่าจริงๆก็คืออย่าง
00:32:26 → 00:32:28 น้อยมันก็ช่วยลดความร้อนที่มีอ่ะครับแล้ว
00:32:28 → 00:32:31 ก็อย่างอย่าจริงๆคือเอาจริงๆต้องพูดว่า
00:32:31 → 00:32:34 ความอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินครับมันมัน
00:32:34 → 00:32:37 เป็นความเจ็บปวดอย่างเช่นถ้าเรากินอะไร
00:32:37 → 00:32:40 เย็นๆมากๆในปากเนี่ยครับแล้วก็เจ็บนะครับ
00:32:40 → 00:32:42 มันเป็น force ไปก็คือมันเจ็บเจ็บเจ็บปวด
00:32:43 → 00:32:45 จากความเย็นเนี่ยแหละครับคือมันโดนความ
00:32:45 → 00:32:49 เย็นตรงๆในพื้นผิวที่เป็นเยื่อผูกอ่อนๆ
00:32:49 → 00:32:51 นั่นนะครับยังไงก็จะมีความเจ็บอยู่แล้ว
00:32:51 → 00:32:54 ขึ้นอยู่ว่ามันจะไปอยู่ตรงไหนแค่นั้นเองอ
00:32:54 → 00:32:59 ค่ะในช่วงฤดูร้อนแบบนี้เข้าเมษายนมาแล้ว
00:32:59 → 00:33:01 อย่างเงี้ยค่ะคุณหมอหน้าร้อนก็ทำถึงแบบ
00:33:01 → 00:33:05 นี้คนไข้ที่โรงพยาบาลเริ่มเข้ามาเยอะหรือ
00:33:05 → 00:33:08 ยังคะเกี่ยวกับโรคเกี่ยวกับอุณหภูมิความ
00:33:08 → 00:33:11 ร้อนโรคลมแดดหรืออาการที่เกิดขึ้นจากความ
00:33:11 → 00:33:15 ร้อนน่ะค่ะตอนเนี้ยค่ะครับพระที่ส่วนตัว
00:33:15 → 00:33:19 ที่ผมเจอเองผมในโรงพยาบาลยังไม่ค่อยเจอนะ
00:33:19 → 00:33:21 ครับค่ะจะมาเป็นเรื่องโรคติดเชื้อมากกว่า
00:33:21 → 00:33:24 เพราะไปเที่ยวกันมาอหมายถึงติดเชื้อทาง
00:33:24 → 00:33:27 เดินอาหารอะไรเงี้ยเหรอคะให้ใหญ่โควิด
00:33:27 → 00:33:30 เชื้อทางเดินอาหารอืค่ะอากาศมันเหมาะสม
00:33:30 → 00:33:33 กับการเติบโตของเชื้อและการแพ้กระจาย
00:33:33 → 00:33:35 เพราะว่าเป็นช่วงที่เพิ่งไปเที่ยวกันมา
00:33:36 → 00:33:39 เพิ่งมีเทศกาลอือือืค่ะถ้าเดินอาหารนี่ก็
00:33:39 → 00:33:44 พบได้บ่อยนะหมอคือแบบเอ่อพอเอ่อสังสรรค์
00:33:44 → 00:33:47 หรือว่ากินเมนูนี้นั้นโดยเฉพาะพวกปิ้งๆ
00:33:47 → 00:33:51 ย่างหรือว่าดันปิ้งย่างแบบไม่สุกหรอไม่
00:33:51 → 00:33:55 สุกมากหรือว่าอาจจะล้างไม่ดีผักเถอะอะไร
00:33:55 → 00:33:58 ก็แล้วแต่มีผลหมดนะถ้าคนไหนที่แบบเขา
00:33:59 → 00:34:02 เรียกว่าเอ่อร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว
00:34:02 → 00:34:06 ใช่ครับแต่คนไทยค่อนข้างแข็งแรงนะฮะใช่ๆ
00:34:06 → 00:34:07 กินได้สะดวก
00:34:07 → 00:34:10 หมายถึงว่ารับประทานได้อ่าอาหารที่หลาก
00:34:10 → 00:34:12 หลายไม่ค่อยท้องเสียหรอกคะคนไทยค่อนข้าง
00:34:12 → 00:34:16 แข็งแรงหมายถึงยังไงคะคุณหมอจริงๆก็
00:34:16 → 00:34:20 คือผมแค่รู้สึกว่าบางบางอ่าอย่างคนไทย
00:34:20 → 00:34:24 เนี่ยครับก็ 1 มีมีวิธีการปรุงอาหารเนี่ย
00:34:24 → 00:34:26 ที่ทำให้สุกได้อย่างรวดเร็วเก่งมากเลย
00:34:26 → 00:34:30 ครับป้องไวอือฮึค่ะแล้วก็เราก็สามารถแบบ
00:34:30 → 00:34:33 คนทานกับแบคทีเรียบางชนิดแต่น่าจะเป็น
00:34:33 → 00:34:35 เพราะว่ามันเป็นแบคทีเรียที่อยู่ในประเทศ
00:34:35 → 00:34:37 ที่เรา
00:34:37 → 00:34:41 อ่าเราสามารถต้านทานเขาได้แต่ยังไงก็ตาม
00:34:41 → 00:34:43 ก็ก็ต้องยังต้องระวังอยู่ดีครับเพราะว่า
00:34:43 → 00:34:45 บางครั้งเชื้อโรคมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลง
00:34:45 → 00:34:48 อาจจะมีการพัฒนาตัวเองดื้อยาหรือว่า
00:34:48 → 00:34:53 เปลี่ยนกายการทำให้เกิดโรคได้ครับค่ะอืพอ
00:34:53 → 00:34:55 พูดถึงพูดถึงโรคพูดถึงโรคประจำตัวอีกนิด
00:34:55 → 00:34:59 นึงโรคประจำตัวอะไรบ้างครับแบบบุคคลใด
00:34:59 → 00:35:03 บ้างที่มีโรคประจำตัวแบบไหนที่เ่อจะต้อง
00:35:03 → 00:35:06 ระมัดระวังหากมีอากาศเ่อต้องไปเผชิญเดิน
00:35:06 → 00:35:09 อากาศร้อนข้างนอกในช่วงกลางวันบ่อยๆหรือ
00:35:09 → 00:35:12 ว่าเป็นประจำอย่างเงี้ยครับคุณหมอ
00:35:12 → 00:35:15 เป็นคนเป็นคนลักษณะไหนหรือโรคประจำตัวแบบ
00:35:15 → 00:35:19 ไหนใช่มั้ยครับใช่ครับอ่าโรคโรคประจำตัว
00:35:19 → 00:35:23 ที่มีอาการอ่าอวัยวะสำคัญของร่างกายครับ
00:35:23 → 00:35:26 อย่างเช่นค่ะอ่าผู้ป่วยโรคหัวใจอืโรคหัว
00:35:26 → 00:35:30 ใจสัตว์เลือดอคนไข้ที่อาจจะมีโรคประจำตัว
00:35:30 → 00:35:35 ทางระบบประสาทอย่างเช่นโรคอ่าโรคสมองคัด
00:35:35 → 00:35:39 เลือดหรือว่ามีโรคลมชักหรือว่ากลุ่มคนที่
00:35:39 → 00:35:43 มีโรคอ้วนครับหรือว่ากลุ่มคนที่เป็นอ่า
00:35:43 → 00:35:45 สปีตั้งครรภ์อย่างเงี้ยครับเนื่องจากหัว
00:35:45 → 00:35:48 ใจการทำงานของหัวใจและร่างกายก็หนักอยู่
00:35:48 → 00:35:52 แล้วก็จะมีผลกระทบตะจากการความร้อนที่มา
00:35:52 → 00:35:56 ทำให้ร่างกายมีปัญหาได้ง่ายหรือว่ากลุ่ม
00:35:56 → 00:36:00 คนไข้บางบางกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้อง
00:36:00 → 00:36:03 รับประทานยาขับปัสสาวะอย่างเช่นคนไข้รก
00:36:03 → 00:36:07 ไต่อือืค่ะคนไข้หัวที่มีการบีบตัวของหัว
00:36:07 → 00:36:10 ใจไม่ดีครับกลุ่มนี้เต้องได้รับยาอ่าขับ
00:36:10 → 00:36:13 ปัสสาวะอยู่แล้วร่างกายก็จะเสมือนหนึ่งมี
00:36:13 → 00:36:18 ภาวะขาดน้ำหน่อยอยู่แล้วก็จะทำให้มีความ
00:36:18 → 00:36:21 เสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงหรือว่ามีความ
00:36:21 → 00:36:24 เสี่ยงที่จะเกิดโรคฮีโซกหรือว่าลมแดดได้
00:36:24 → 00:36:28 มีคนไข้บางกลุ่มนะครับที่อ่ารับประทานยา
00:36:28 → 00:36:33 ที่ควบคุมความดันโลหิตที่มีผลต่อการ
00:36:33 → 00:36:35 กระตุ้นระบบปราสาที่ไปควบคุมการหดขยายของ
00:36:36 → 00:36:38 เส้นเลือดส่วนปลายครับบางครั้งมันก็จะทำ
00:36:39 → 00:36:44 ให้การระบายความร้อนเกิดขึ้นได้ไม่ดีอืนะ
00:36:44 → 00:36:47 หรือว่าบางครั้งเนี่ยก็อาจจะเป็นอ่ากลุ่ม
00:36:48 → 00:36:52 คนที่อ่าสูงอายุที่อาจจะมีระบบควบคุม
00:36:52 → 00:36:55 อุณหภูมิของร่างกายเนี่ยเริ่มเสื่อมลงโดย
00:36:55 → 00:36:58 เฉพาะถูกอายุอายุเกิน 65 ขึ้นไปหรือว่า
00:36:58 → 00:37:01 อย่างเด็กๆเล็กๆอ่ะครับที่เวลามีไข้สูง
00:37:01 → 00:37:05 แล้วเนี่ยเกิดอาการฉักได้อครับครับผม
00:37:05 → 00:37:08 ประมาณนี้ครับค่ะอแต่ถ้าบางอาชีพคุณหมอ
00:37:08 → 00:37:12 เอาด้วยภาวะความจำเป็นนะในการทำงานต้อง
00:37:13 → 00:37:16 อยู่ภายใต้แสงแดดจ้ากลางแดดจริงๆเงี้ยค่ะ
00:37:16 → 00:37:20 มีข้อแนะนำแบบเป็นพิเศษให้กลุ่มคนเหล่า
00:37:20 → 00:37:23 นี้มั้คะว่าควรจะปฏิบัติตัวยังไงบ้าง
00:37:23 → 00:37:25 เหมือนกรณีแรงงานก่อสร้างหรือว่าคนที่
00:37:25 → 00:37:29 ต้องทำงานเอ่อซ่อมถนนในตอนกลางวันอะไร
00:37:29 → 00:37:32 เงี้ยค่ะคุณหมออ๋อครับ
00:37:32 → 00:37:35 ก็อย่างแรกเลยก็ที่ที่แนะนำก็คือ 1 ต้อง
00:37:35 → 00:37:38 ดื่มน้ำให้เพียงพอครับก็ถ้าโดยเฉพาะต้อง
00:37:38 → 00:37:41 ทำงานในที่กลางแจ้งเนี่ยส่วนใหญ่ก็แนะนำ
00:37:41 → 00:37:43 ว่าประมาณอย่างน้อยสัก 8 แก้วต่อวันหรือ
00:37:43 → 00:37:46 ประมาณ 2 ลิตรหรือมากกว่านั้นค่ะเพื่อลด
00:37:46 → 00:37:50 เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดลมแดดนะครับแล้วก็
00:37:50 → 00:37:54 เสื้อผ้าถ้าเป็นไปได้ก็ควรใส่ชุดที่มัน
00:37:54 → 00:37:57 สามารถระบายความร้อนได้แต่อันนี้ผมเข้าใจ
00:37:57 → 00:37:59 นะครับว่าบางอาชีพเนี่ยถ้าใส่บางเกิน
00:38:00 → 00:38:02 เนี่ยมันก็จะขาดง่ายหรือว่ามันก็ป้องกัน
00:38:02 → 00:38:05 แดดไม่ดีเขาก็ร้อนมันก็โดนแดดเผาอีกนะคะ
00:38:05 → 00:38:10 หมอใช่ใช่ครับอันนี้ก็ก็ก็อันนี้เห็นใจ
00:38:10 → 00:38:13 จริงๆเก็เป็นกำลังใจค่ะจริงๆอยากให้แบบมี
00:38:13 → 00:38:19 แบบมีอะไรสักอย่างช่วยอำนวยความแบบสะดวก
00:38:19 → 00:38:21 หรือว่าช่วยแบบลดความรุนแรงของความร้อน
00:38:21 → 00:38:24 ตรงนี้ให้กับกลุ่มอาชีพที่ต้องพัเทิร์น
00:38:24 → 00:38:26 กับความร้อนอย่างนี้มากๆเลยครับค่ะเพราะ
00:38:26 → 00:38:29 บางครั้งผมเคยเจอผมเคยเจอนวัตกรรมนึงเอ่อ
00:38:29 → 00:38:33 ตอนที่แบบอาจจะช่วงช่วงไหนสักช่วงช่วง
00:38:33 → 00:38:35 โควิดด้วยมั้งเป็นเป็นชุดเหมือนชุดชุด
00:38:35 → 00:38:37 เอ่อปฏิบัติหน้าที่แหละแล้วข้างในมันติด
00:38:37 → 00:38:41 แอร์ด้วยออ
00:38:41 → 00:38:45 เออเออเมื่อไหร่น้อเมื่อไหร่น้อจะแบบมี
00:38:45 → 00:38:48 ใครคิดนวัตกรรมที่แบบใส่เสื้อคลุมแล้วก็
00:38:48 → 00:38:52 เย็นสบายปิดแอร์อืพี่ขวัญคือตอนที่โควิด
00:38:52 → 00:38:55 ระบาดเราเราดูคนไข้ก็มีนะครับแต่ชุดนั้น
00:38:55 → 00:38:58 มันร้อนมากเลยครับมันไม่ได้เย็นอืออืมัน
00:38:58 → 00:39:00 มันเป็นพัดลมที่แบบไม่ไม่ได้ทำให้เราเย็น
00:39:00 → 00:39:03 ไม่ได้ช่วยอะไรอ๋อเหรอ
00:39:03 → 00:39:08 คะมันมีพัดลมในชุดปนเปื้อนออใช่ครับแค่
00:39:08 → 00:39:11 มันไม่แค่กัดข้างนอกที่อาจจะมีเชื้อไวรัส
00:39:11 → 00:39:14 แบบเข้ามาสู่ตัวเราที่ใส่ชุดได้ครับแต่
00:39:14 → 00:39:17 ว่ามันร้อนมากเลยครับเหงื่อถึงข้อเท้าเลย
00:39:17 → 00:39:20 อ๋อแสดงว่าไม่เหมาะสมสำหรับการป้องกันใส่
00:39:20 → 00:39:24 สำหรับป้องกันฮิสโตรกนะใช่มั้ยคะอาจจะใช่
00:39:24 → 00:39:27 ครับส่งเสริมเนาะให้อาเป็นลมแดดได้หรือ
00:39:27 → 00:39:30 เปล่าอืเหมือนกับอบฟาวหน้าอยู่เลยครับตอน
00:39:30 → 00:39:32 เจบ
00:39:32 → 00:39:33 ค่ะ
00:39:33 → 00:39:37 เออหรือว่าเราจัดสงกรานต์สซักเอ่อเดือน
00:39:37 → 00:39:43 นึงไปเลยเต็มๆไม่จริงๆก็ดีนะครับแต่จริงๆ
00:39:43 → 00:39:45 พอพูดถึงเรื่องสงกรานต์มันก็เป็นกุด
00:39:45 → 00:39:49 สโลบายของคนเอ่อโบราณนะที่เให้เรื่องของ
00:39:49 → 00:39:53 เทศกาลสงกรานต์มาเป็นเอ่อช่วงในช่วงฤดู
00:39:53 → 00:39:57 ร้อนแบบนี้มันก็จะเป็นการคลายร้อนไปในตัว
00:39:57 → 00:40:02 อย่างกรณีการนำอาหารเอ่อน้ำแข็งมาอยู่ใน
00:40:02 → 00:40:04 อาหารอย่างเช่นข้าวแช่ก็เป็นอีกกุศโลบาย
00:40:04 → 00:40:10 นึงในการที่จะทำให้อ่าคนที่กินข้าวแช่
00:40:10 → 00:40:15 เนี่ยเย็นลงอากาศก็มีรับประทานอาหารเย็นๆ
00:40:15 → 00:40:17 อย่างกรณีคุณหมอบอกว่าถ้าดื่มน้ำเย็นร่าง
00:40:17 → 00:40:21 กายมันก็น่าจะเอ่อสบายขึ้นจิตใจน่าจะสบาย
00:40:21 → 00:40:25 ขึ้นอย่างเงี้ยค่ะในกรณีคนที่เป็นลมแดด
00:40:25 → 00:40:29 หรือเป็นเอ่อลักษณะของการเป็นโรคเป็นลม
00:40:29 → 00:40:32 แดดแดดแล้วเนี่ยค่ะพอเค้าถ้าในกรณีที่
00:40:32 → 00:40:35 เค้าหายจากเป็นลมแดดแล้วเนี่ยเค้ามีความ
00:40:35 → 00:40:37 เสี่ยงอะไรที่ต้องดูแลหลังจากนั้นมั้คะ
00:40:37 → 00:40:42 คุณหมอจริงๆก็คือบางครั้งต้องระวังว่าใน
00:40:42 → 00:40:46 ช่วง 248 ชั่วโมงแรกมันอาจจะมีอาการลมแดด
00:40:46 → 00:40:50 กลับขึ้นมาได้อีกครั้งอ่ะครับเพราะฉะนั้น
00:40:50 → 00:40:53 สิ่งแนะนำว่าถ้ามีอาการของลมแดดแล้วคือ
00:40:53 → 00:40:57 อุณหภูมิสูงความสติความรู้ตัวหมดการผิด
00:40:57 → 00:41:00 ปกติของการเงือออกควรพาส่งโรงพยาบาลแล้ว
00:41:00 → 00:41:05 ก็ควรดูแลให้มั่นใจว่าไม่มีการเกิดของลม
00:41:05 → 00:41:09 แดดขึ้นมาหรือเรารีทขึ้นมาเองครับอืค่ะอ
00:41:09 → 00:41:12 แสดงว่าถ้าเราเป็นโรคลมแดดแล้วก็ส่งโรง
00:41:12 → 00:41:14 พยาบาลแล้วเนี่ยเวลาอย่างน้อยที่เราจะ
00:41:14 → 00:41:17 ต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าติดตาม
00:41:17 → 00:41:20 อาการก็คือต้อง 2 วันเป็นต้นไปหรอคะจริงๆ
00:41:20 → 00:41:23 ถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณ 24-48 ช่มงเพราะว่า
00:41:23 → 00:41:26 ยังเป็นช่วงที่ต้องระวังเรื่องของการรีท
00:41:26 → 00:41:30 ขึ้นมาครับแต่ว่าจริงจริงก็มันไม่ใช่ว่า
00:41:30 → 00:41:32 ทุกที่จะจะทำได้ครับโดยเฉพาะอย่างตอนอยู่
00:41:32 → 00:41:35 ต่างจังหวัดเนี่ยก็บางทีมันก็ทำไม่ได้
00:41:35 → 00:41:40 จริงๆอืเพราะว่าบางครั้งคนไข้เค้าก็ถ้า
00:41:40 → 00:41:42 นอนโรงพยาบาลเค้าก็เก็ต้องทิ้งที่ป้าหัน
00:41:42 → 00:41:44 ไปอ่ะครับบางคนเขาก็ไม่ค่อยยอมอยู่แล้ว
00:41:44 → 00:41:48 เขาก็เห็นบางครั้งการเป็นลมแดดเนี่ยบาง
00:41:48 → 00:41:50 ครั้งในต่างจังหวัดที่ไปอยู่บางครั้งอาจ
00:41:50 → 00:41:54 จะไม่ใช่เรื่องที่แบบที่แปลกค่ะอือเพราะ
00:41:54 → 00:41:57 ว่าอากาศค่อนข้างร้อนแล้วเขาก็ค่อนข้าง
00:41:57 → 00:42:00 ต้องทำงานในสถานที่ที่ต้องเจอกับความร้อน
00:42:00 → 00:42:04 ที่รุนแรงอยู่แล้วครับออเป็นบ่อยคนที่
00:42:04 → 00:42:07 เป็นบ่อยๆมีมั้ฮะแล้วมันมันมันจะส่งผล
00:42:07 → 00:42:11 เสียต่อสุขภาพระยะยาวมั้ครับจริงๆก็ต้อง
00:42:11 → 00:42:14 ขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่เกิด heat st ขึ้น
00:42:14 → 00:42:19 นะครับมันไปมีปัญหากับอวัยวะไหนค่ะโดยโดย
00:42:19 → 00:42:22 หลักๆหรือเปล่าอย่างเช่นถ้ามีหัวใจเต้น
00:42:22 → 00:42:25 ผิดจังหวะเกิดขึ้นแล้วเนี่ยก็จะต้องระวัง
00:42:25 → 00:42:27 แล้วว่าเออมันจะมีหัวใจเต้นขีดจังหวะหรือ
00:42:27 → 00:42:31 ว่ามีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือดตาม
00:42:31 → 00:42:35 มาหรือเปล่าหรือถ้าคนไข้มีปัญหาถึงขนาด
00:42:35 → 00:42:39 ความรู้ตัวสติรู้ตัวหมดไปมีชักเกงกระตุก
00:42:39 → 00:42:42 ขึ้นมาเนี่ยก็ต้องระวังะว่าในสมองเนี่ยจะ
00:42:42 → 00:42:45 เกิดการบาดเจ็บมีขาดเลือดหรือความเสี่ยง
00:42:45 → 00:42:48 ที่เกิดลมชักขึ้นในอนาคตหรือเปล่าจากการ
00:42:48 → 00:42:51 บาดเจ็บด้วยความร้อนเนี่ยครับค่ะหรือว่า
00:42:51 → 00:42:54 บางกรณีเนี่ยอ่ามีการสลายของกล้ามเนื้อ
00:42:54 → 00:42:58 ใช่มั้ยครับของเสียในของเสียในกล้ามเนื้อ
00:42:58 → 00:43:00 ออกมาพนอยู่ในเลือดเนี่ยพอไปที่ไตก็จะ
00:43:00 → 00:43:04 เกิดทำให้ไตมีการเกิดไตวายการไตอักเสบไต
00:43:04 → 00:43:08 วายขึ้นก็อันนี้ก็จะมีผลเกี่ยวกับโรคไต
00:43:08 → 00:43:11 ตามมาได้ค่ะอืครับอันนี้ขึ้นอยู่กับว่า
00:43:11 → 00:43:16 มันไปแackที่รักอ่าอวัยวะไหนแล้วการให้
00:43:16 → 00:43:19 การรักษาเพื่อลดอุณหภูมิกายเนี่ยทำได้รวด
00:43:19 → 00:43:21 เร็วพอหรือเปล่าเพราะว่าถ้าเกิดวิ่งช้า
00:43:21 → 00:43:24 เนี่ยมันก็จะตามมาด้วยการอักเสบที่รุนแรง
00:43:24 → 00:43:26 แล้วก็เสียหายของภาวะอื่นๆตามมาด้วยครับ
00:43:26 → 00:43:30 อืค่ะเมื่อสักครู่คุณหมอพูดถึงอาการรีฮีท
00:43:30 → 00:43:33 ที่อาจจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชมงหลังจากที่
00:43:33 → 00:43:36 เราเป็นฮีทกแล้วเนี่ยนะคะถ้าในกรณีต่าง
00:43:36 → 00:43:39 จังหวัดที่คุณหมอยกตัวอย่างว่าคนไข้อาจจะ
00:43:39 → 00:43:42 ไม่ได้เอ่อยินยอมนอนโรงพยาบาลแล้วก็กลับ
00:43:42 → 00:43:45 ไปรักษาตัวที่บ้านหากว่าเกิดอาการรีฮีท
00:43:45 → 00:43:49 ขึ้นมาญาติของผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือเขา
00:43:49 → 00:43:51 ยังไงได้บ้างแล้วก็มีความจำเป็นมากน้อย
00:43:51 → 00:43:55 แค่ไหนที่จะต้องนำมาโรงพยาบาลต้องเร็วแค่
00:43:55 → 00:44:00 ไหนยังไงบ้างบ้างคะจริงๆก็คือถ้าเริ่มมี
00:44:00 → 00:44:02 อาการส่วนใหญ่มันก็จะเหมือนอาการครั้งแรก
00:44:02 → 00:44:04 ที่ฮิ ST แทackเนี่ยนะครับก็คือมี
00:44:04 → 00:44:08 อุณหภูมิที่สูงขึ้นอแล้วก็มีความรู้สึก
00:44:08 → 00:44:12 รับรู้สึกลดลงแล้วก็อุการระเหยการสร้าง
00:44:12 → 00:44:15 ของเหงื่อหรือมีการระเหยของเหงื่อออกมาลด
00:44:15 → 00:44:19 ลงนะครับก็ค่ะแนะนำว่า 1 ก็คือก็คือต้อง
00:44:19 → 00:44:22 พยายามทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลงเร็ว
00:44:22 → 00:44:24 ที่สุดด้วยการปฐมพยาบาลอย่างที่กล่าวมาก็
00:44:24 → 00:44:28 คือ 1 อ่ะอ่าอ่าเช็ดตัวด้วยน้ำที่เย็น
00:44:28 → 00:44:31 ประคบตรงบริเวณซอกคอรักแร้ขาหนีบค่ะแล้ว
00:44:31 → 00:44:35 ก็ต้องดูด้วยครับว่าถ้าเกิดมีการหมดสติไป
00:44:35 → 00:44:38 เนี่ยก็ต้องดูด้วยว่ามีการเต้นของชิปจร
00:44:38 → 00:44:40 อยู่หรือเปล่าถ้าไม่มีอันนี้ก็ต้องถ้า
00:44:40 → 00:44:43 เป็นไปได้ถ้ามีคนสามารถทำ CPR ได้ครับก็
00:44:43 → 00:44:46 คือต้องหัวใจแล้วก็เรียกทางโรงพานพยาบาล
00:44:46 → 00:44:49 มารับเลยค่ะแต่ถ้าเกิดยังรู้ตัวอยู่ก็ให้
00:44:50 → 00:44:52 การปฐมพยาบาลเพื่อลดอุณหภูมิแล้วก็รีบพา
00:44:52 → 00:44:56 มาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเลยครับอือือือ
00:44:56 → 00:44:59 ค่ะครับเพราะว่าฮะแต่จริงๆก็คือควรจะพาไป
00:44:59 → 00:45:04 ในสถานที่ที่สามารถมีการลดอุณหภูมิกายลง
00:45:04 → 00:45:06 ได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ตะกี้ถามนะครับพอ
00:45:06 → 00:45:08 พอดีตะกี้พยายามคิดว่าจะใช้คำพูดประมาณ
00:45:08 → 00:45:12 ไหนดีมันเวลามีฮีโตกขึ้นมาแล้วก็ส่งเข้า
00:45:12 → 00:45:16 ไปในโรงพยาบาลที่เขามีเอ่อเซ็นเตอร์ที่
00:45:16 → 00:45:19 สามารถลดอุณหภูมิกายได้ครับส่วนใหญ่การ
00:45:19 → 00:45:23 รักษาเนี่ยก็จะมีการที่จุ่มในเรียกว่า
00:45:23 → 00:45:26 จุ่มหรือว่าหรือว่าแช่แค่ในน้ำที่มี
00:45:26 → 00:45:29 อุณหภูมิต่ำแล้วกันนะครับเรื่องเนี้ยก็
00:45:29 → 00:45:32 คือถ้ายิ่งลดอุณหภูมิลงได้เร็วเนี่ยก็จะ
00:45:33 → 00:45:36 เกิดความเสียหายตามมาน้อยลงอือมีการระบาย
00:45:36 → 00:45:39 ความอ่าอันที่ 2 ก็คือใช้การคูลิกอ่ะครับ
00:45:39 → 00:45:43 ก็คือระบายความร้อนด้วยการอาจจะใช้การ
00:45:43 → 00:45:47 เป่าเป็นอ่าลมลมที่มีละอองน้ำที่เย็นนะ
00:45:47 → 00:45:50 ครับเพื่อช่วยระบายความร้อนแล้วก็มีการ
00:45:50 → 00:45:53 คุบหรือก็ใช้ผ้าคลุมหรือว่าเป็นแบงเก็ต
00:45:53 → 00:45:54 ที่เย็นเนี่ย
00:45:54 → 00:45:57 ค่ะร่างกายคนไข้เอาไว้เพื่อลดอุณหภูมินะ
00:45:57 → 00:45:59 ครับแล้วก็ที่เหลือก็คือถ้าอยู่ในสถานที่
00:45:59 → 00:46:02 ที่พร้อมเนี่ยครับถ้าคนไข้มีอาการสั่น
00:46:02 → 00:46:05 หนาวขึ้นมาจากการกระบวนการลดความเย็นหนำ
00:46:05 → 00:46:09 เนี่ยมันก็จะมียาบางชนิดที่ช่วยลดอาการ
00:46:09 → 00:46:12 สั่นหรือทรมานจากการได้รับความเย็นได้อื
00:46:12 → 00:46:16 ค่ะอครับอันนี้ก็น่าจะเป็นจุดที่ที่กรณี
00:46:16 → 00:46:19 ที่ปลอดภัยสุดก็คือต้องรีบลดความร้อนลง
00:46:19 → 00:46:21 ให้เร็วที่สุดครับค่ะอันนี้สงสัยนิดนึง
00:46:21 → 00:46:25 ค่ะคุณหมอคุณหมอใช้คำว่าจูหรือแช่ในอ่า
00:46:25 → 00:46:29 น้ำที่อุณหภูมิเอ่อไม่คือออุณหภูมิเย็น
00:46:29 → 00:46:33 น่ะเนาะน้ำเย็นแต่อันเนี้สงสัยว่าเอ๊ะถ้า
00:46:33 → 00:46:36 เค้าคือจุ่มหรือแช่นี่คือมันมันไม่ถึงหัว
00:46:36 → 00:46:39 ไม่ถึงศีรษะเราสามารถเอาศีรษะจุ่มลงไปใน
00:46:39 → 00:46:42 น้ำเย็นได้มยหรือถ้าศีรษะจุ่มลงไปน้ำเย็น
00:46:42 → 00:46:45 มันจะเป็นอันตรายกับคนที่เป็นฮิตโตกมั้ย
00:46:45 → 00:46:50 คะศีรษะจุ่มลงไปใช่มั้ครับใช่ค่ะจริงๆถ้า
00:46:50 → 00:46:56 คนไข้เป็นฮิตกมาแล้วมีซึมลงหรือว่าหรือ
00:46:56 → 00:46:59 ว่าหรือว่ามีความรู้สึกรับรู้ตัวลดลงอ่ะ
00:46:59 → 00:47:01 ครับการจะเอาศีรษะจุ่มลงไปเราจะให้แมหลีก
00:47:01 → 00:47:03 เตี้ยงอยู่แล้วเพราะมันอาจจะทำให้เกิดการ
00:47:03 → 00:47:06 สำลักหรือว่าขาดอาการหายใจได้อืนะครับก็
00:47:06 → 00:47:11 จะเป็นการจุ่มลำตัวลงไปมากกว่าค่ะแต่ถ้า
00:47:11 → 00:47:15 รู้ตัวล่ะคะจุ่มได้มั้ยถ้ารู้ตัวใช่มั้ย
00:47:15 → 00:47:18 ครับค่ะถ้าจุ่มแค่ศีรษะดูจะได้ประโยชน์
00:47:18 → 00:47:23 น้อยกว่าครับเพราะว่ามันเราต้องให้คือถ้า
00:47:23 → 00:47:26 ยิ่งเราจุ่มถ้าบริเวณร่างกายพื้นที่ร่าง
00:47:26 → 00:47:29 กายโดนความเย็นเพื่อลดความเย็นลดความร้อน
00:47:29 → 00:47:32 ได้น้อยครับมันก็จะลดความร้อนได้ช้าเพราะ
00:47:32 → 00:47:36 ฉะนั้นถ้าแค่ 4 สายไม่ไม่ค่อยดูจะจริงๆ
00:47:36 → 00:47:40 ไม่น่าจริงๆถ้าถามว่ามีอันตรายมั้ยไม่น่า
00:47:40 → 00:47:43 มีอันตรายอะไรแต่ดูว่าจะเป็นกระบวนการที่
00:47:43 → 00:47:46 ลดความร้อนได้ไม่เร็วอ่ะครับอ๋อค่ะไม่ได้
00:47:46 → 00:47:50 ขนาดนั้นคือเคยมีเคยมีที่ห่านเจอไว้ก่อน
00:47:50 → 00:47:55 ฮะจุ่มศีรษะลงไปหรืออาบน้ำเย็นจัดเนี่ย
00:47:55 → 00:47:58 มันจะทำให้เส้นเลือดมันหดตัวแล้วเกิด
00:47:58 → 00:48:02 เลือดตามมาอ่าอันนี้ก็ไม่ไม่ไม่เจอข้อมูล
00:48:02 → 00:48:05 ว่าเป็นความจริงนะครับอ๋อค่ะเพราะว่า
00:48:05 → 00:48:07 เพราะว่ายังไงก็ตามอย่างที่บอกถึงเราจุ่ม
00:48:07 → 00:48:09 บริเวณศีรษะไว้สมมุติเราตื่นอยู่เนี่ยเรา
00:48:09 → 00:48:13 จุ่มหัวลงไปเนี่ยค่ะถ้าพอพอร่างกายมัน
00:48:13 → 00:48:16 สัมผัสได้ว่าเย็นเส้นเลือดส่วนด้านนอกมัน
00:48:16 → 00:48:19 ก็จะหดตัวอยู่แล้วแล้วที่เหลือร่างกายก็
00:48:19 → 00:48:23 จะสั่นหรือว่าหดตัวเพื่อลดการเสียความ
00:48:23 → 00:48:25 ร้อนแล้วก็สร้างความร้อนเพิ่มในการสั่น
00:48:25 → 00:48:28 ของกล้ามเนื้ออมันมันมันจะไม่ปล่อยให้
00:48:28 → 00:48:33 อุณหภูมิที่ต่ำเกินลุกรานเข้าไปสู่ในสมอง
00:48:33 → 00:48:37 ได้อยู่แล้วครับอืค่ะก็ถือว่าเป็นเรื่อง
00:48:37 → 00:48:40 ข้อมูลที่เกี่ยวกับฮิสโตกวันนี้โอ๊คมีข้อ
00:48:41 → 00:48:44 สงสัยอะไรอื่นๆเพิ่มเติมมั้ยคะเอ่ออ่า
00:48:44 → 00:48:48 ก่อนถ้าถ้ากรณีของถ้าเด็กเล็กๆล่ะคุณหมอ
00:48:48 → 00:48:49 เด็กเล็ก
00:48:49 → 00:48:55 ถ้าเจอแบบเขาเจอกับแดดเยอะๆหรือว่าเอ่อ
00:48:55 → 00:48:58 เป็นเพลียแดดเป็นลมแดดอย่างเงี้ยครับเด็ก
00:48:58 → 00:49:02 เล็กๆเนี่ยสิ่งแรกที่ควรจะต้องทำกับเขา
00:49:02 → 00:49:06 เลยเอ่อทำให้เขาเย็นลงได้ยังไง
00:49:06 → 00:49:11 โอเคปลาเข้าที่ร่มเป่าพัดลมแล้วก็เช็ดตัว
00:49:11 → 00:49:15 เช็ดตัวเลยครับเอ่อเช็ดตัวก็ถ้าแนะนำคือ
00:49:15 → 00:49:17 เราจะเช็ดเพื่อให้มันเปิดดูขุมคนนะครับก็
00:49:17 → 00:49:21 คือเช็ดเช็ดก็ย้อนคนขึ้นมาค่ะย้อนอเช็ด
00:49:21 → 00:49:23 ย้อนอ่าย้อนคนนะครับเพื่อให้มันเปิดตัว
00:49:23 → 00:49:26 คุมคนแล้วก็เส้นเลือดขยะแล้วก็เหน็บตรง
00:49:26 → 00:49:31 บริเวณซอกรักแร้ข้อศอกข้อทรัพยคออือเพื่อ
00:49:31 → 00:49:33 ระบายความร้อนในจุดที่มันอาจจะมีเ้าเรียก
00:49:33 → 00:49:37 ว่าเป็นสวตแทบก็คือเหงื่อมันออกได้ไม่ดี
00:49:38 → 00:49:41 บริเวณนั้นจะออกตอนเย็นไปหน้าไปใช่ครับ
00:49:41 → 00:49:46 ใช่ครับแล้วก็อ่ายังไงก็ตามก็ต้องให้เด็ก
00:49:46 → 00:49:50 หรือว่าคนไข้ที่อายุเท่าไหร่ก็ตามดื่มน้ำ
00:49:50 → 00:49:53 เยอะๆเพื่อช่วยอ่าเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อจะ
00:49:53 → 00:49:56 ได้มีการผลิตเหนือแล้วก็ระบายความร้อนออก
00:49:56 → 00:50:01 อืครับแต่อย่างของลูกคุณโอ๊ไม่ได้แบบมี
00:50:01 → 00:50:04 อาการแบบรุนแรงใช่มั้ยครับไม่ๆครับเป็น
00:50:04 → 00:50:07 แค่แบบเป็นเหมือนเหมือนไข้แดดเลยอ่ะเป็น
00:50:07 → 00:50:11 แค่ก็ไม่สบายจากนี้แหละครับแต่ก็ไม่ถึง
00:50:11 → 00:50:14 กับขั้นที่แบบเป็นออสเตรียหรือว่าอ่าเป็น
00:50:14 → 00:50:17 แรงเป็นลงเป็นแร้งอะไรครับส่วนใหญ่ก็จะ
00:50:17 → 00:50:19 เป็นลักษณะเนี่ยแบบนี้ครับส่วนใหญ่เด็ก
00:50:19 → 00:50:22 ถ้าถ้าไม่ได้เล็กเกินหรือว่าเป็นผู้ใหญ่
00:50:22 → 00:50:25 ที่สูงอายุเกินนะครับก็เค้าก็จะมีกลไกที่
00:50:25 → 00:50:29 รักษาสมดุลของอุณหภูมิได้ปริมาณนึงเพียง
00:50:29 → 00:50:31 แต่ว่าบางครั้งเนี่ยก็อาจจะอ่ะไม่ไม่ค่อย
00:50:31 → 00:50:35 อยากดื่มน้ำอ่าใช่ค่ะประมาณนี้แล้วก็เวลา
00:50:35 → 00:50:38 เล่นก็จะพลังงานเยอะใช่มั้ครับสุดๆไปเลย
00:50:39 → 00:50:41 ไม่รู้ตัวบางทีมันก็จะไม่รู้ตัวแล้วก็จน
00:50:41 → 00:50:45 ถึงแบบจุดที่ร่างกายมันเริ่มแบบต้านทาน
00:50:45 → 00:50:47 ไม่ไหวละเหงื่อออกไปปริมาณนึงอ่ะมันเริ่ม
00:50:47 → 00:50:50 แบบระบายความร้อนไม่ไหวเดียวอืก็จะเริ่ม
00:50:50 → 00:50:53 แบบมีอาการอ่อนเพียมีวูบๆเวียนๆหรือว่า
00:50:53 → 00:50:56 รู้สึกมันมีไข้ขึ้นมาครับค่ะอืเหลือ 1
00:50:56 → 00:50:59 นาทีสุดท้ายค่ะคุณหมออยากทราบว่าเอ่อถ้า
00:50:59 → 00:51:02 เราอยู่เฉยๆเนี่ยมันจะเปิดเอ่อเป็นฮิสโตก
00:51:02 → 00:51:05 ได้มยแล้วก็ขอให้คุณหมอสรุปเกี่ยวกับเอ่อ
00:51:05 → 00:51:08 เรื่องฮิสโตกกับน้ำเย็นวันนี้ว่าจริงๆ
00:51:08 → 00:51:12 แล้วมันช่วยได้มากน้อยแค่ไหนค่ะจริงๆถ้า
00:51:12 → 00:51:15 อยู่เฉยๆจะเป็นได้มยค่ะถ้าในกรณีที่อยู่
00:51:15 → 00:51:21 เฉยๆไม่ไม่ได้ไปปากแดดหรือว่าอยู่ในที่
00:51:21 → 00:51:25 ที่ร้อนจัดอ่ะครับคือร่างกายเราถ้ามันมี
00:51:25 → 00:51:29 ระบบคงสมดุลอุณหภูมิเนี่ยส่วนใหญ่ไม่ไม่
00:51:29 → 00:51:32 น่าจะมีฮิตกเกิดขึ้นง่ายๆโดยเฉพาะถ้าเรา
00:51:32 → 00:51:36 ไม่ได้มีโรคประจำตัวครับยกเว้นว่าเราอ่ะ
00:51:36 → 00:51:38 เราไม่มีโรคประจำตัวจริงจะอยู่ในบริเวณ
00:51:38 → 00:51:42 ที่มันอากาศถ่ายเทไม่ดีความชื้นที่มากมี
00:51:42 → 00:51:45 การได้รับแบบแสงมาเรื่อยๆโดยที่เราก็ไม่
00:51:45 → 00:51:48 ได้หลบเรียบเที่ยงแล้วก็ไม่ได้อ่าป้องกัน
00:51:48 → 00:51:50 ตัวจากความร้อนอย่างดีครับบางครั้งมันก็
00:51:50 → 00:51:53 อาจจะเกิดคริสตกตามขึ้นมาได้จากการระบาย
00:51:53 → 00:51:56 ความร้อนที่ไม่ถีดอือืโดยเฉพาะโดยเฉพาะ
00:51:56 → 00:52:01 ถ้าอยู่ในจุดที่มันเสี่ยงน้อยๆไปเป็นระยะ
00:52:01 → 00:52:04 เวลานานๆครับเพราะบางครั้งเอาจจะเกิดขึ้น
00:52:04 → 00:52:09 แน่ๆเป็นเวลานาทีหรือค่อยๆเกิดขึ้นในชั่ว
00:52:10 → 00:52:12 แต่การสะสมความร้อนและการระบายความร้อน
00:52:12 → 00:52:17 ที่เริ่มเสื่อมถอยขาดน้ำแล้วก็การระเหย
00:52:17 → 00:52:19 ความร้อนออกเนี่ยไม่ดีจากบรรยากาศรอบข้าง
00:52:19 → 00:52:22 ที่มันชื้นค่ะครับแล้วครับโดยเฉพาะอากาศ
00:52:22 → 00:52:25 ลักษณะนี้นะครับวันนี้ขอบคุณคุณหมอมากเลย
00:52:25 → 00:52:27 นะคะรายการสุขภาพดี 22:00 น.ของเราหมด
00:52:27 → 00:52:30 เวลาแล้วจริงๆค่ะครับขอบคุณคุณหมอธนพัฒ์
00:52:30 → 00:52:33 จงไพบูลย์พัฒนะนะคะอายุรแพทย์ประจำแผนก
00:52:33 → 00:52:35 อายุรกรรมโรงพยาบาลไทยนครินทร์ค่ะสำหรับ
00:52:35 → 00:52:38 เรา 3 คนวันนี้ลาสวัสดิ์สวัสดีค่ะคุณผู้
00:52:38 → 00:52:42 ฟังคะสวัสดีครับสวัสดีค่ะ
00:00:00 → 00:00:02 ก็วันนี้ก็ได้เชิญนะคะนายแพทย์ธนพัฒ์
00:00:02 → 00:00:06 จงไพบุญพัฒนะนะคะอายุรแพทย์ประจำแผนก
00:00:06 → 00:00:08 อยุรกรรมโรงพยาบาลไทยนครินทร์มาพูดคุยใน
00:00:08 → 00:00:12 รายการของเรานะคะเกี่ยวกับหัวข้อดื่มน้ำ
00:00:12 → 00:00:15 เย็นช่วยรับมือฮิสโตรกได้จริงหรือเอออัน
00:00:15 → 00:00:17 นี้พี่ก็แบบอยากรู้เหมือนกันว่าเวลาเรา
00:00:17 → 00:00:19 ร้อนมากๆเนี่ยการดื่มน้ำเย็นเนี่ยมันจะ
00:00:19 → 00:00:22 ช่วยให้เรารู้สึกว่าพ้นจากภัยของฮิสโตรก
00:00:22 → 00:00:24 ได้หรือเปล่าตอนนี้คุณหมออยู่ในสายกับเรา
00:00:24 → 00:00:26 แล้วนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีครับคุณ
00:00:26 → 00:00:30 หมอครับสวัสดีครับคุณกวาหนค่ะครับสวัสดี
00:00:30 → 00:00:32 ครับหมอครับขอบคุณมากเลยนะคะที่ให้
00:00:32 → 00:00:35 เกียรติกับรายการสุขภาพดี 22:00 น.นะคะ
00:00:35 → 00:00:37 ค่ะฟังเกือบทุกวันเลยครับคุณแม่โอขอบพระ
00:00:37 → 00:00:43 คุณมากขอบคุณค่ะก็สำหรับวันนี้อย่างกรณี
00:00:43 → 00:00:46 ลูกสาวตัวน้อยๆของโอ๊คอ่ะค่ะเอ่อคุณหมอคะ
00:00:46 → 00:00:50 ที่เป็นไข้ไปแล้วเป็นเอ่อจากผลกระทบจาก
00:00:50 → 00:00:54 กรณีแดดเนี่ยคือโรคลมแดดเนี่ยถ้าฮิสโตกก็
00:00:54 → 00:00:57 คือภาษาไทยโรคลมแดดถูกเข้าใจถูกต้องมั้คะ
00:00:57 → 00:01:01 คุณหมอใช่ครับใช่ครับค่ะลมแดดเนี่ยคือผล
00:01:01 → 00:01:04 กระทบเนี่ยมักจะเกิดในกลุ่มกลุ่มเด็กหรือ
00:01:04 → 00:01:07 ว่ากลุ่มผู้ใหญ่หรือว่าคนที่มีลักษณะความ
00:01:07 → 00:01:09 เสี่ยงแบบไหนแล้วก็ตัวลมแดดเนี่ยมีความ
00:01:09 → 00:01:12 แตกต่างกับเวลาเราเป็นลมธรรมดายังไงบ้าง
00:01:12 → 00:01:15 คะออโอเคครับงั้นเดี๋ยวผมเดี๋ยวผมเท้า
00:01:15 → 00:01:19 ความนิดนึงก่อนปกติอย่างคนเราเนี่ยเป็น
00:01:19 → 00:01:21 สัตว์เลือดอุ่นเนาะคอนเซปตคือจะพยายาม
00:01:21 → 00:01:24 รักษาอุณหภูมิร่างกายครับให้คงที่ไว้ที่
00:01:24 → 00:01:29 ประมาณ 36-37 องเซียเพื่อให้การทำงานของ
00:01:29 → 00:01:32 ระบบต่างๆเป็นไปได้ความปกตินะครับเพราะ
00:01:32 → 00:01:36 ว่าอ่าถ้าเมื่อร่างกายเนี่ยรับรู้ว่าอ่ะ
00:01:36 → 00:01:38 สมมุติภายนอกอากาศร้อนร่างกายเริ่มมี
00:01:38 → 00:01:41 อุณหภูมิสูงขึ้นแล้วก็จะมีการรับรู้แล้ว
00:01:41 → 00:01:44 ก็ส่งไปที่สมองส่วนที่เรียกไฮโปรทารามัส
00:01:44 → 00:01:46 นะครับแต่ว่าเอาง่ายๆคือเป็นศูนย์ที่รับ
00:01:46 → 00:01:50 รู้อุณหภูมิแล้วมันก็จะส่งสัญญาณมาที่แถว
00:01:50 → 00:01:53 อ่าเส้นเลือดโดยเฉพาะบริเวณใกล้ผิวหนัง
00:01:53 → 00:01:58 ครับให้ขยายเพื่อระเหยความร้อนออกไปพร้อม
00:01:58 → 00:02:00 กับกระตุ้นให้สร้างเหงื่อก็คือระเหยความ
00:02:00 → 00:02:03 ร้อนผ่านเหงื่อออกไปเพราะฉะนั้นหลักๆคือ
00:02:03 → 00:02:06 เราก็ต้องมีการรับรู้อภูมิให้ถูกต้อง
00:02:06 → 00:02:10 กระตุ้นให้เกิดการระบายความร้อนได้มีน้ำ
00:02:10 → 00:02:12 เพียงพอที่จะระเหยความร้อนทิ้งออกแล้วก็
00:02:12 → 00:02:15 บรรยากาศข้างนอกรอบตัวครับก็คือต้องเป็น
00:02:15 → 00:02:18 ใจให้เราระเหยความร้อนผ่านน้ำออกไปก็คือ
00:02:18 → 00:02:21 ถ้าความมีความชื้นสูงมากอ่ะครับการระเหย
00:02:21 → 00:02:24 ออกไปเนี่ยก็จะถูกขัดขวางอือก็จะก็จะทำ
00:02:24 → 00:02:27 ให้การระบายความร้อนเป็นไปไม่ได้อย่างที่
00:02:27 → 00:02:33 ควรจะเป็นนะครับอืก็ทีนี้ตัวฮิตโศกเนี่ย
00:02:33 → 00:02:37 ค่ะมันเป็นมันเป็นหนึ่งในอันตรายของโรค
00:02:37 → 00:02:39 ที่เกิดที่ร่างกายได้รับผลกระทบจากความ
00:02:39 → 00:02:42 ร้อนนะครับซึ่งก็แบ่งิสโศกเนี่ยหรือว่าลม
00:02:42 → 00:02:45 แดดเนี่ยจริงๆชื่อค่อนข้างดูแบบไร้พิษภัย
00:02:45 → 00:02:48 มากเลยนะครับแต่จริงๆคือมันเป็นเป็นภาวะ
00:02:48 → 00:02:52 ที่รุนแรงที่สุดที่เกิดจากความร้อนเลยที่
00:02:52 → 00:02:54 มีผลกระทบกับร่าง
00:02:54 → 00:02:57 กายเนื่องจากว่าร่างกายเนี่ยจะถึงในจุด
00:02:57 → 00:03:00 ที่มีอุณหภูมิสูงแต่ว่าไม่สามารถระบาย
00:03:00 → 00:03:03 ความร้อนออกมาได้ค่ะครับโดยที่ความร้อน
00:03:03 → 00:03:06 เนี่ยที่คนที่ไข้ที่มาเนี่ยก็ความร้อนก็
00:03:06 → 00:03:09 คือวันอุณหภูมิกายเนี่ยได้เกิน 40.5 องศา
00:03:09 → 00:03:11 แล้วก็ร่วมกับมีอาการทางระบบประสาทเช่น
00:03:11 → 00:03:14 การสูญเสียความรู้สึกมีการสับสนบางครั้ง
00:03:14 → 00:03:18 ก็ชักหมดสติได้ครับอืรวมถึงมีการล้มเหลว
00:03:18 → 00:03:23 ของเอาต่างๆตามมาครับค่ะโอถ้าถึงขั้นชัก
00:03:23 → 00:03:26 หมดสติได้เนี่ยคือความร้อนมันต้องร้อนมาก
00:03:26 → 00:03:30 ขนาดไหนคะคุณหมอหรือว่าเราไม่ได้คือไม่
00:03:30 → 00:03:32 ได้ดื่มน้ำหรือไม่ได้พักผ่อนหรือว่า
00:03:32 → 00:03:36 บรรเทาให้ร่างกายมันเย็นลงมันก็เลยทะยาน
00:03:36 → 00:03:40 ไปสู่การอาการชักได้อ่ะค่ะอ๋อจริงๆจริงๆ
00:03:41 → 00:03:44 ก็คือร่างกายเราก็จะพยายามรักระบายความ
00:03:44 → 00:03:48 ร้อนออกโดยผ่านทางอ่าเหงื่อแล้วก็มีการ
00:03:48 → 00:03:50 ปรับพฤติกรรมอย่างเช่นอ่ะเราก็จะเดินไปหา
00:03:50 → 00:03:54 น้ำมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่บาง
00:03:54 → 00:03:56 ลงอันนี้เป็นการสั่งกาของสมองอ่ะครับแต่
00:03:56 → 00:04:01 ทีนี้เมื่อร่างกายมันพยายามระบายออกจนสุด
00:04:01 → 00:04:05 ความสามารถของมันแล้วหรือเราไม่มีความไม่
00:04:05 → 00:04:08 มีน้ำในร่างกายเพียงพอที่จะระเหยไปได้
00:04:08 → 00:04:11 หรือมีปัญหาของระบบร่างกายต่างๆเช่นระบบ
00:04:11 → 00:04:14 ประสาทที่ไม่สามารถรับรู้หรือว่าสั่งการ
00:04:14 → 00:04:16 ให้เกิดการระบายความร้อนได้อย่างมี
00:04:16 → 00:04:18 ประสิทธิภาพอ่ะครับออันนั้นก็จะเกิดความ
00:04:18 → 00:04:22 ล้มเหลวของต่างๆตามมาอืเช่นอาการเป็นลม
00:04:22 → 00:04:25 หมดสติอย่างี้หรือเปล่าฮะอ่าอันเป็นการ
00:04:25 → 00:04:28 สูญเสียความรู้สึกทางระบบเอ่อความรู้สึก
00:04:28 → 00:04:30 ตัวเนี่ยครับก็จะเป็นส่วนองค์ประกอบหนึ่ง
00:04:30 → 00:04:33 ของการวินิจฉัยว่าร่มแดดแล้วก็มีอุณหภูมิ
00:04:33 → 00:04:37 กายที่เกิน 40.5 5 องศครับแล้วก็ร่วมกับ
00:04:37 → 00:04:39 ภาวะที่เหงื่อมีความผิดปกติของการหลั่ง
00:04:39 → 00:04:43 เหงื่อโดยในระยะแรกๆของลมแดดที่ยังไม่รุน
00:04:43 → 00:04:45 แรงเนี่ยเหงื่ออาจจะออกเยอะผิดปกติจนสุด
00:04:45 → 00:04:49 ท้ายเนี่ยอเมื่อมีการสูญเสียน้ำมากจนถึง
00:04:49 → 00:04:53 จุดหนึหรือการมีระความผิดปกติของระบบการ
00:04:53 → 00:04:57 สร้างและขับเหงื่อนะครับก็จะไม่สามารถมี
00:04:57 → 00:04:59 สร้างเหงื่อแล้วก็ขับความร้อนออกมาได้
00:04:59 → 00:05:02 หลังจากนั้นความร้อนที่สะสมในร่างกายก็จะ
00:05:02 → 00:05:05 ทำให้เกิดความล้มเหลวของต่างๆตามมาได้ค่ะ
00:05:05 → 00:05:08 ครับเราจะแยกได้มั้ครับเอ่อเราจะสังเกต
00:05:09 → 00:05:11 ได้มั้ไม่ใช่แยกเราจะสังเกตได้มั้ครับว่า
00:05:11 → 00:05:14 อย่างเช่นเอ่อเราเดินอยู่กับเพื่อนแล้ว
00:05:14 → 00:05:17 กันอ้าเป็นเพื่อนหรือคนครอบครัวก็ได้เดิน
00:05:17 → 00:05:20 อยู่ในสถานที่เดียวกันสมมุติอ่าริมถนน
00:05:20 → 00:05:25 เดินอยู่กำลังจะไปเอ่อร้านก๋วยเตี๋ยวเอ่อ
00:05:25 → 00:05:28 เราก็เดินได้ตามปกติปกติก็เดินอย่างี้ทุก
00:05:28 → 00:05:30 วันแต่วันเนี้ยเฮ้ยทำไมดูอยู่ดีๆเดินไป
00:05:31 → 00:05:35 สัก 10 เมต 20 เมตเขาเริ่มเหงื่อแตก
00:05:35 → 00:05:37 เริ่มมีหน้าซีดเซียวอย่างงั้นหรือเปล่า
00:05:37 → 00:05:40 ครับที่จะเป็นข้อสังเกตที่เราจะดูได้ว่า
00:05:40 → 00:05:44 เฮ้ยอันนี้ผิดปกติและไม่ดีและอ่าจริงๆ
00:05:44 → 00:05:47 เนี่ยโรคที่กดของความร้อนเนี่ยก่อนจะมีลม
00:05:47 → 00:05:49 แดดมันจะมีภาวะที่คล้ายๆกันอย่างนึงที่
00:05:49 → 00:05:52 เรียกว่าเพลียแดดครับค่ะซึ่งอันเนี้ยมัน
00:05:52 → 00:05:56 ก็จะเริ่มขึ้นคือมันจะเป็นถ้าถ้าถามว่า
00:05:56 → 00:05:58 มันคล้ายคืนกันมั้ยมันเหมือนกับภาวะที่
00:05:58 → 00:06:02 ร่างกายพยายามระบายความร้อนจนสุดความ
00:06:02 → 00:06:04 สามารถและจนไม่สามารถระบายความร้อนได้ก็
00:06:04 → 00:06:06 เกิดเป็นลมแดดขึ้นมาเพียแดดเนี่ยมันจะ
00:06:06 → 00:06:11 เริ่มมีอาการอ่าเปียดปวดหัวเวนศีรษะคลื่น
00:06:11 → 00:06:15 ไส้มีหน้ามืดไฟสั่นค่ะอ่าอันเนี้ยครับก็
00:06:15 → 00:06:18 ร่างกายเนี่ยมันก็จะพยายามระบายความร้อน
00:06:18 → 00:06:21 ออกมาด้วยการสร้างเหงื่อปริมาณมากแต่ว่า
00:06:21 → 00:06:23 การสร้างเหงื่อปริมาณเนี่ยก็ไม่เพียงพอ
00:06:23 → 00:06:26 ต่อการระบายความร้อนในทั้งหมดถ้าไม่ได้
00:06:26 → 00:06:29 รับการแก้ไขก็จะตามมาด้วยลมแดดครับอ๋อ
00:06:29 → 00:06:32 ส่วนลมแดดเนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยมันจะเริ่ม
00:06:32 → 00:06:36 เวลามาถึงเนี่ยก็คือความอาการต่างๆมันจะ
00:06:36 → 00:06:39 รุนแรงกว่าเพียแดดส่วนใหญ่ก็จะมาด้วยการ
00:06:39 → 00:06:43 อ่ะอย่างสับสนหรือว่ามีอาการผิดปกติของ
00:06:43 → 00:06:47 การรับรู้มีการหมดสติไปหรือว่ามีบางครั้ง
00:06:47 → 00:06:49 เนี่ยครับถ้าเกิดได้รับความร้อนที่รุนแรง
00:06:49 → 00:06:51 มากแล้วมีผลกระทบต่อสมองน้อยหรือส่วนที่
00:06:51 → 00:06:54 มีการคุมการทรงตัวเนี่ยอาจจะมีการเดินเซ
00:06:54 → 00:06:57 ได้เป็นอาการน่าแสดงของระบบประสาทอืค่ะ
00:06:57 → 00:07:00 เหมือนเมื่อสักครู่โอ๊คบอกว่าเราเดินไป
00:07:00 → 00:07:02 กินก๋วยเตี๋ยวพร้อมกันอ่ะขวัญกับโอ๊คเดิน
00:07:02 → 00:07:07 พร้อมกันก็ได้แต่ขวัญอาจจะเป็นเอ่อลมเ่อ
00:07:07 → 00:07:09 เพลียแดดก่อนแล้วเกิดสถานการณ์ที่เป็นลม
00:07:09 → 00:07:13 แดดเป็นคนเดียวเดินเดินระยะทางเท่ากัน
00:07:13 → 00:07:17 ความทนร้อนของคนคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง
00:07:17 → 00:07:20 เนี่ยมันไม่เท่ากันเพราะอะไรอ่ะคะคุณหมอ
00:07:20 → 00:07:23 อ่าอาจจะขึ้นกับปัจจัยของตัวของแต่ละคน
00:07:23 → 00:07:26 ด้วยครับอย่างเช่นอ่ะโรคประจำตัวคนที่มี
00:07:26 → 00:07:30 โรคประจำตัวต่างๆเช่นโรคหัวใจโรคประจำตัว
00:07:30 → 00:07:33 ทางโลกประสาทหรือว่าคนสตรีที่ตั้งครรภ์
00:07:33 → 00:07:36 น่ะครับก็อาจจะมีความไหวตรงการเกิดภาวะ
00:07:36 → 00:07:39 ฮีทหรือว่า Heat Exhaอหรือเพียแดดมากกว่า
00:07:39 → 00:07:41 หรือว่าบางคนเนี่ยอ่าอย่างอ่าอย่างที่
00:07:42 → 00:07:45 สำคัญเลยก็คือคนที่ขาดน้ำมีภาวะขาดน้ำ
00:07:45 → 00:07:48 หรือกินน้ำน้อยเนี่ยครับก็จะมีความเสี่ยง
00:07:48 → 00:07:50 ต่อการที่เราระบายความร้อนออกไปได้น้อย
00:07:50 → 00:07:52 กว่าก็จะเกิดภาวะเพี้ยแดดหรือลมแดดเนี่ย
00:07:52 → 00:07:57 ได้มากกว่าอเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ถ้ามีการ
00:07:57 → 00:07:59 ระบายอากาศที่ไม่เหมาะสมอย่างเช่นหนามาก
00:07:59 → 00:08:01 ระบายความร้อนบอลทำให้เหงื่อระเหยยาก
00:08:01 → 00:08:03 เนี่ยครับก็เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด
00:08:03 → 00:08:06 สภาวะนี้ได้หรือเป็นอย่างเช่นอ่ะคุณขวัญ
00:08:06 → 00:08:10 เนี่ยเคยอ่าอาจจะไม่เคยชิงกับการออกสถาน
00:08:10 → 00:08:12 ที่ข้างนอกที่มีแดดร้อนครับแต่ว่าถ้าเป็น
00:08:12 → 00:08:15 อย่างคุณโอ๊เนี่ยออกไปเกือบทุกวันเงี้ย
00:08:15 → 00:08:18 ครับความทนจะไม่เหมือนกันออ๋อปรับตัวได้
00:08:18 → 00:08:20 ปรับตัวได้เหมือนกับเราเคยชินกับสิ่งนี้
00:08:20 → 00:08:22 มากกว่าเราเจอแล้วเไม่ตกใจครับก็ปรับตัว
00:08:22 → 00:08:26 ได้อเหมือนครับเวลาเราเจอเอ่อชาวต่างชาติ
00:08:26 → 00:08:29 ที่มาเที่ยวประเทศไทยเนี่ยเราจะเห็นว่า
00:08:29 → 00:08:32 เอ่อหลายๆคนก็มีอาการแบบเหมือนกับว่า
00:08:32 → 00:08:35 เพลียแดดมากๆอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอยู่
00:08:35 → 00:08:37 เมืองหนาวแล้วมาเจออากาศในเขตร้อนมันก็
00:08:37 → 00:08:41 เลยเป็นปัจจัยทำให้เขา้าอาจจะอ่อนไหวกว่า
00:08:41 → 00:08:43 คนที่อยู่ในเขตร้อนอยู่แล้วอันนี้ใช่มั้
00:08:43 → 00:08:46 คะคุณหมอใช่ครับอใช่ครับโดยเฉพาะถ้าอย่าง
00:08:46 → 00:08:49 เปลี่ยนเขตอากาศอย่างฉับพันอย่างในประเทศ
00:08:49 → 00:08:51 เข้าหนาวเงี้ยครับมาถึงเราปุ๊บร้อนเลย
00:08:51 → 00:08:55 แล้วเป็นร้อนแบบร้อนแบบที่ไหนในประเทศไทย
00:08:55 → 00:08:59 แบค่ะครับเช่นนี้เขาก็น่าจะมีความเสี่ยง
00:08:59 → 00:09:03 ที่จะเกิดอาการอ่าภาวะผลกระทบจากความร้อน
00:09:03 → 00:09:06 จากแดดได้มากกว่าคนไทยที่อยู่มานานแล้ว
00:09:06 → 00:09:11 ครับอืค่ะอ้าแล้วทำไมเขาชอบอาบแดดอ่ะ
00:09:11 → 00:09:13 แต่ว่าการอาบแดดของเค้าอ่ะครับส่วนใหญ่
00:09:13 → 00:09:16 มันจะอยู่บริเวณไทยทะเลใช่มั้ครับมีลมมัน
00:09:16 → 00:09:18 มีการเคลื่อนไหวของอากาศอ่ะครับเพราะ
00:09:18 → 00:09:21 ฉะนั้นพอมีความพอถ้าอันนี้ถ้าไม่นับว่า
00:09:21 → 00:09:24 ตัวคนเหล่านั้นมีโรคประจำตัวอย่างอื่น
00:09:24 → 00:09:26 ครับถ้าเกิดตั้งอ้าวแข็งแรงดีเนี่ยพอมี
00:09:26 → 00:09:29 ความร้อนปุ๊บมีอากาศที่มัน flow ดีร่าง
00:09:29 → 00:09:31 กายไม่ได้ขักน้ำมันก็จะระเหยความร้อนออก
00:09:32 → 00:09:35 ไปโดยที่ไม่ได้สร้างผลกระทบที่รุนแรงอ๋อ
00:09:35 → 00:09:39 อ๋อค่ะเรื่องสภาพอากาศก็มีผลครับเหมือน
00:09:39 → 00:09:42 อย่างหลายๆโรคอ่ะค่ะคุณหมอเ้ามีแบบนาที
00:09:42 → 00:09:46 ทองนาทีฉุกเฉินต้องช่วยเหลือให้จำนวน 4
00:09:46 → 00:09:49 นาที 3 นาทีหรืออะไรก็ตามในกรณีฮิสโตรก
00:09:49 → 00:09:51 เนี่ยถ้าเป็นลมแดดขึ้นมาจริงๆแล้วเนี่ย
00:09:51 → 00:09:54 มันมีช่วงนาทีทองแบบนี้มั้คะ
00:09:54 → 00:09:59 จริงๆถ้าอ่ะต้องพูดก่อนว่าถ้าร่างกายมา
00:09:59 → 00:10:04 ถึงจุดที่เกิดลมแดดแล้วครับแสดงว่ามันมัน
00:10:04 → 00:10:07 ถึงมันมันไม่สามารถ
00:10:07 → 00:10:10 เอ่อระบายความร้อนเพื่อทดแทนและปรับ
00:10:10 → 00:10:13 อุณสดุลอุณหภูมิร่างกายได้แล้วค่ะแล้ว
00:10:13 → 00:10:17 เมื่อมีแล้วมีการอ่าอุณหภูมิที่สูงบวกกับ
00:10:17 → 00:10:20 อ่าการหมดสติหรือสูญเสียความรู้ตัวไปแล้ว
00:10:20 → 00:10:24 เนี่ยครับคือผมคิดว่าใช้คำว่าให้การปฐม
00:10:24 → 00:10:27 พยาบาลเร็วและส่งโรงพยาบาลเพื่อให้การ
00:10:27 → 00:10:29 รักษาเพื่อลดอุณหภูมโมร่างกายให้เร็วที่
00:10:29 → 00:10:31 สุดดีกว่าครับอาจจะต้องไม่มีนาทีทองได้
00:10:31 → 00:10:36 เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้อือืต้องเร็วอ่ามี
00:10:36 → 00:10:37 ตัวเลข
00:10:37 → 00:10:41 แบบชี้ชัดมั้ยคุณหมอจริงๆจริงๆคือมีตัว
00:10:41 → 00:10:44 เลขที่เห็นก็คือไม่ไม่ควรเข่น 30 นาทีอ่ะ
00:10:44 → 00:10:48 ครับแต่ว่าเท่าที่ควใช่ครับแต่ถ้าเท่าที่
00:10:48 → 00:10:52 ถ้าจะบอกถ้าจะพูดเลยก็คือเอาเร็วที่สุด
00:10:52 → 00:10:56 เท่าที่ทำได้ดีกว่าค่ะครับเอ่อถ้าไม่ถ้า
00:10:56 → 00:11:00 ไม่เร็วหรือว่าเอ่อช้าเกินไปผู้ป่วยที่
00:11:00 → 00:11:05 เป็นเอ่อคริสโตอืออืครับเขาจะเสี่ยงถึง
00:11:05 → 00:11:10 ขั้นไหนมันจะเอ่อเกิดอะไรขึ้นมาครับโอเค
00:11:10 → 00:11:16 ก็ขึ้นอยู่กับว่าความร้อนมันไปมันไปทำให้
00:11:16 → 00:11:18 มันโจมตีอวัยวะไหนก่อนอะไรเงี้ยพูดง่ายๆ
00:11:18 → 00:11:21 ดีกว่าครับสมมุติว่ามันมีผลระบบประสาทที่
00:11:21 → 00:11:24 มีผลเนี่ยก็อาจจะเกิดอาการชักเก็งกระตุก
00:11:24 → 00:11:26 หรือว่าอาการชักที่ไม่มีอาการเก็งกระตุก
00:11:26 → 00:11:31 ให้เห็นนะครับแล้วก็หัวใจเนี่ยก็จะมีการ
00:11:31 → 00:11:35 อ่าบีบตัวของหัวใจที่ผิดผิดปกติหรือลดลง
00:11:36 → 00:11:38 ทำให้เกิดความนอนโลหิตต่ำหรือการเต้นหัว
00:11:38 → 00:11:42 ใจที่ผิดปกติซึ่งนำไปสู่หัวใจหยุดเต้นได้
00:11:42 → 00:11:46 อนะครับค่ะอ่าไตเนี่ยก็คือจะมีอ่ากล้าม
00:11:46 → 00:11:48 เนื้อก็อาจจะมีภาวะกล้ามเนื้อสลายแล้ว
00:11:48 → 00:11:51 เกิดของเสียในกล้ามเนื้อเนี่ยออกมาปนใน
00:11:51 → 00:11:55 กระแสเลือดแล้วทำให้ไฟวายได้อนะครับอัน
00:11:55 → 00:11:58 นี้เป็นโดยคร่าวครับอืค่ะถ้าอย่างงั้น
00:11:58 → 00:12:03 แสดงว่าถ้าใครที่เป็นลมแดดเนี่ยการได้รับ
00:12:03 → 00:12:06 การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ดีที่ถูกต้อง
00:12:06 → 00:12:10 เนี่ยมันก็จะเป็นการช่วยเยียยวแบบลดความ
00:12:10 → 00:12:14 อันตรายของโรคได้เยอะพอสมควรการปฐม
00:12:14 → 00:12:17 ปฐมพยาบาลที่ถูกต้องต้องทำยังไงบ้างคะคุณ
00:12:17 → 00:12:21 หมอโอเคครับอ่าจุดประสงค์ก็คือลดอุณหภูมิ
00:12:21 → 00:12:24 ลงให้เร็วที่สุดโดยวิธีทางกายภาพอ่ะครับ
00:12:24 → 00:12:26 แล้วก็ระหว่างรอการนำผู้ป่วยส่งแต่ว่าอัน
00:12:26 → 00:12:29 นี้ผมขอเน้นนิดนึงว่าในกรณีที่ผู้ป่วย
00:12:29 → 00:12:32 เนี่ยหมดสติหรือไม่รู้ตัวเนี่ยจะต้องมี
00:12:32 → 00:12:35 การคำชีพจรแล้วก็ตรวจการหายใจด้วยครับถ้า
00:12:35 → 00:12:38 เกิดคำชีพจรไม่ได้ก็ต้องรีบการทำ CPR
00:12:38 → 00:12:40 แล้วเรียกรถพยาบาลมารับอย่างโดยด่วนเลย
00:12:40 → 00:12:43 ค่ะนะครับส่วนในผู้ป่วยที่อ่าไม่หมดสติ
00:12:43 → 00:12:47 หรือคำที่พระตอนได้ยังรู้ตัวเนี่ยก็อย่าง
00:12:47 → 00:12:49 แรกเลยก็คือต้องผ่าเข้าต้องต้องหนีจาก
00:12:49 → 00:12:52 ความร้อนก่อนออกมาเลยเข้ามาที่ร่มที่
00:12:52 → 00:12:56 ระบายอากาศที่ดีครับค่ะปลดปลดเสื้อผ้า
00:12:56 → 00:12:59 หรือสิ่งใดต่างๆที่คัดขวางการระเหยความ
00:12:59 → 00:13:03 ร้อนออกแล้วก็ถ้าเป็นไปได้อาจจะต้องยก
00:13:03 → 00:13:06 เท้าให้สูงกว่าสูงขึ้นเพื่อเพิ่มการไหล
00:13:06 → 00:13:08 เวียนของเลือดคืนสวยที่สำคัญในหัวใจกับ
00:13:08 → 00:13:12 สมองนะครับค่ะอ่ะต่อไปก็จะเป็นการอ่า
00:13:12 → 00:13:16 ระบายก็คือลดอุณหภูมิครับก็คือใช้ผ้าชุบ
00:13:16 → 00:13:18 น้ำเย็นหรือว่าน้ำแข็งเนี่ยประคบตาม
00:13:18 → 00:13:22 บริเวณซอกคอตัวรักแร้เชิงการแล้วก็บริเวณ
00:13:22 → 00:13:26 ศีรษะครับร่วมกับอาจจะใช้การเป่าพัดลม
00:13:26 → 00:13:30 หรือว่าใช้อ่าละอองน้ำเย็นหรือเปิดถ้า
00:13:30 → 00:13:32 เป็นไปได้ถ้ามีแอร์ครับก็เปิดเพื่อลด
00:13:32 → 00:13:35 อุณหภูมิให้ลดลงต่ำได้เร็วที่สุดอืค่ะนะ
00:13:35 → 00:13:38 ครับแล้วก็ทิศทางที่สำคัญก็คือรีบนำส่ง
00:13:38 → 00:13:41 โรงพยาบาลครับเพราะว่าฮีท Stoke เนี่ยคือ
00:13:41 → 00:13:44 บางครั้งเราต้องระวังนิดนึงว่าคนที่จะมี
00:13:44 → 00:13:46 ฮีทกหรือลมแดดได้เนี่ย 1 เเเต้องมีความ
00:13:47 → 00:13:51 เสี่ยงใดๆก็ตามอยู่แล้วมันอาจจะมีออนมี
00:13:51 → 00:13:54 การความร้อนที่ยังอยู่เนี่ยมันอาจจะยังทำ
00:13:54 → 00:13:57 ให้ระบบต่างๆที่ของเขาที่มีนกประจำตัว
00:13:57 → 00:13:59 เนี่ยมันอาจจะดำเนินไปสู่การกำเริบของตัว
00:13:59 → 00:14:04 โรคได้นะครับอค่ะดำเนินไปสู่การเกิดของ
00:14:05 → 00:14:07 ตัวโรคเนี่ยอันตรายถึงขั้นที่สุดคือเสีย
00:14:07 → 00:14:10 ชีวิตหรือเปล่าคะคุณหมอครับอย่างเช่น
00:14:10 → 00:14:14 สมมุติอ่าบกรณีคนไข้มีโรคหัวใจขาดเลือด
00:14:14 → 00:14:17 เดิมอยู่ครับค่ะถ้าเกิดสตกขึ้นมาไป
00:14:17 → 00:14:20 กระตุ้นมันก็อาจจะเกิดหัวใจขาดเลือกำเริบ
00:14:20 → 00:14:23 ขึ้นมาหรือโดยเฉพาะอาจจะมีหัวใจเต้นผิด
00:14:23 → 00:14:25 จังหวะหรือหยุดเต้นได้ซึ่งอันเนี้ยก็ก็
00:14:25 → 00:14:28 อาจจะมีความสุขทำให้เกิดถึงกับชีวิตได้นะ
00:14:28 → 00:14:30 ครับหรือว่าโดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบ
00:14:30 → 00:14:34 ประสาทนะครับถ้าคนไข้หมดสติไปผุกไม่ตื่น
00:14:34 → 00:14:37 บางครั้งอาจบางครั้งเนี่ยอาจจะมีการชัก
00:14:37 → 00:14:40 แบบที่ไม่มีอาการเก็งกระตุกให้เราเห็นนะ
00:14:40 → 00:14:43 ครับซึ่งมันก็อาจจะนำไปสู่ความรุนแรงของ
00:14:43 → 00:14:47 ของอาการทางระบบประสาทแล้วก็เสียชีวิตได้
00:14:47 → 00:14:50 ครับค่ะเมื่อสักครู่คุณหมอบอกว่าวิธีการ
00:14:50 → 00:14:54 ประฐมพยาบาลเอ่อควรจะใช้น้ำเย็นในการแบบ
00:14:54 → 00:14:57 เหมือนเช็ดตัวหรือว่าเอ่อทำให้อุณหภูมิ
00:14:58 → 00:15:01 ของร่างกายอ่ะมันลดลงดังนั้นมาที่หัวข้อ
00:15:01 → 00:15:04 เราเลยมันเข้าใจถูกต้องมว่าถ้างั้นการ
00:15:04 → 00:15:07 ดื่มน้ำเย็นก็ช่วยรับมือกับพิสตกได้จริง
00:15:07 → 00:15:12 สิจริงหรือเปล่าคะจริงๆแล้วอ่าโดยคอนเซปต
00:15:12 → 00:15:17 คือควรจะมีน้ำที่เพียงพอเพื่อให้รับมือ
00:15:17 → 00:15:19 เวลาที่มีความร้อนแล้วก็ระเหยเป็นเหงื่อ
00:15:19 → 00:15:23 ออกไปได้ครับแต่ว่ามันก็เคยมันผมเคยเห็น
00:15:23 → 00:15:25 หัวข้อนะว่าแบบการดื่มน้ำเย็นเนี่ยส่งผล
00:15:25 → 00:15:31 เสียหรือเปล่าซึ่งเท่าคือจริงๆแล้วเนี่ย
00:15:31 → 00:15:35 การกินน้ำที่อุณหภูมิปกติหรือเย็นเนี่ย
00:15:35 → 00:15:39 ไม่ได้ส่งผลเสียนะครับก็ช่วยลดโอกาสเกิด
00:15:39 → 00:15:42 ฮีสตกเนื่องจากมันก็ลดอุณหภูมิของร่างกาย
00:15:42 → 00:15:45 อยู่แล้วนะครับก็คือลดอุณหภูมิของร่างกาย
00:15:45 → 00:15:48 แล้วก็มีปริมาณน้ำในร่างกายเพื่อให้กลาย
00:15:48 → 00:15:52 เป็นเหงื่อเพื่อระเหยความร้อนออกไปอืซึ่ง
00:15:52 → 00:15:54 ไม่ได้มีไม่ได้มีส่งผลเสียกับร่างกายแล้ว
00:15:54 → 00:15:57 ก็ตรงตามคอนเซปตก็คือมีปริมาณน้ำในร่าง
00:15:57 → 00:16:00 กายอยู่แล้วก็คงคงอุณหภูมิของร่างกายไว้
00:16:00 → 00:16:04 ครับอ๋ออก็งั้นก็ดื่มน้ำเย็นก็ได้น้ำปกติ
00:16:04 → 00:16:09 ก็ได้ถูกต้องมั้ยคะแต่จริงๆถ้าน้ำเย็นไม่
00:16:09 → 00:16:12 ได้เป็นข้อห้ามนะครับเพียงแต่ว่าบางครั้ง
00:16:12 → 00:16:15 น้ำที่เย็นเกินไปเนี่ยบางทีเรากินเรามัน
00:16:15 → 00:16:18 อาจจะทำให้อุณหภูมิแกนของร่างกายเรามัน
00:16:18 → 00:16:21 รักษาสมดุลลำบากอ่ะครับอืมันอาจจะแกว่ง
00:16:21 → 00:16:24 ขึ้นแกว่งลงทำให้เรารู้สึกไม่สบายได้จริง
00:16:24 → 00:16:29 ๆโดยที่ไม่ได้มีผลต่อเรื่องการการอ่าเกิด
00:16:29 → 00:16:31 ปัญหาของ Stoke เนี่ยครับส่วนใหญ่มันก็
00:16:31 → 00:16:34 ช่วยป้องกันอย่างในกรณีที่เป็นนักกีฬา
00:16:34 → 00:16:38 อะไรเงี้ยครับก็บางครั้งก็การที่เอ่อมัน
00:16:38 → 00:16:42 มีคำแนะนำในใน textbook ที่เคยอ่านอยู่ก็
00:16:42 → 00:16:45 คืออ่าน้ำที่กินเนี่ยก็คือเป็นน้ำที่มี
00:16:45 → 00:16:47 เกลือแร่เลี่ยงคาเฟอีนเรื่องน้ำที่มีน้ำ
00:16:47 → 00:16:50 เลี่ยงน้ำที่มีน้ำตาลเลี้ยงแอลกอฮอล์น้ำ
00:16:50 → 00:16:54 เย็นกินได้ไม่ได้เป็นข้อห้ามครับอออือถ้า
00:16:54 → 00:16:57 ถ้างั้นในทางกลับกันค่ะคุณหมอบางคนชอบ
00:16:57 → 00:17:01 ดื่มน้ำร้อนชาร้อนมันเหมาะสมมในช่วงที่
00:17:01 → 00:17:03 อากาศร้อนแบบนี้หรือจริงๆก็ไม่ได้มีความ
00:17:04 → 00:17:06 เกี่ยวข้องกัน
00:17:06 → 00:17:09 จริงๆแล้วเนี่ยคือร่างกายพยายามคงสมดุล
00:17:09 → 00:17:13 อุณหภูมิให้คงที่อยู่แล้วครับค่ะถ้าในขณะ
00:17:13 → 00:17:15 เดียวกับที่ข้างนอกมันอากาศร้อนอยู่แล้ว
00:17:15 → 00:17:18 ครับการที่เพิ่มอุณหภูมิที่สูงเข้าไป
00:17:18 → 00:17:22 เนี่ยมันก็จริงๆไม่ไม่น่าจะไม่ไม่น่าจะ
00:17:22 → 00:17:25 เป็นผลดีเท่าไหร่โดยเฉพาะถ้าเป็นแต่ว่า
00:17:25 → 00:17:26 ถ้าเป็นเครื่องโดยเฉพาะถ้าเป็นเครื่อง
00:17:26 → 00:17:29 ดื่มที่มีคาเฟอีนเนี่ยอันนี้ไม่ค่อยแนะนำ
00:17:29 → 00:17:33 ค่ะนะครับอืแต่ว่าจริงๆร่างกายเรามันไม่
00:17:33 → 00:17:36 ว่าเราจะกินอ่ะปรับสมดุลเนี่ยสมมุติเรา
00:17:36 → 00:17:38 กินของเย็นเข้าไปใช่มั้ครับร่างกายมันก็
00:17:38 → 00:17:42 จะอ่าทำพยายามสร้างความร้อนในร่างกายด้วย
00:17:42 → 00:17:45 วิธีอื่นก็คือกล้ามเนื้อที่ฝันแล้วก็หด
00:17:45 → 00:17:48 เก็งรูขุมขนกับเส้นเลือดเพื่อไม่ให้ความ
00:17:48 → 00:17:51 ร้อนที่มีอยู่ระเหยออกไปค่ะเช่นกันถ้าเรา
00:17:51 → 00:17:53 กินของที่อุ่นหรือรอนเข้าไปเนี่ยมันก็จะ
00:17:53 → 00:17:57 ทำตรงข้ามครับก็คือขยายเส้นเลือดระเหย
00:17:57 → 00:17:59 เป็นเหงื่อออกมาเพียงแต่ว่าในกรณีที่มี
00:17:59 → 00:18:03 ฮีทแบบเสี่ยงมีฮีทหรืออุณหภูมิภายนอกมัน
00:18:03 → 00:18:06 สูงอยู่แล้วเนี่ยการที่กินของที่อุณหภูมิ
00:18:06 → 00:18:10 สูงเข้าไปดูจะไม่ใช่ไม่ใช่คอนเซปตที่จะลด
00:18:10 → 00:18:14 โอกาสเสียงที่เกิดสตกได้ครับอืออค่ะแล้ว
00:18:14 → 00:18:18 ในอีกอีกวิธีนึงที่ผมเห็นกันบ่อยๆพี่ขวัญ
00:18:18 → 00:18:22 คุณหมอครับเอ่อเอ่อวิธีลดอุณหภูมิด้วยการ
00:18:22 → 00:18:27 ใช้เอ่อผ้าเย็นชุบน้ำโปะศีรษะโปะหัวโปะคอ
00:18:27 → 00:18:30 อะไรอย่างเงี้ยอ่าแบบเนี้ยช่วยได้มั้ยจับ
00:18:30 → 00:18:34 จับที่แบบเอ่อเอาน้ำรากหัวแบบร้อนๆเลยฟุก
00:18:34 → 00:18:38 ๆฉ่ำๆเลยแบบแบบไหนทำได้แบบไหนทำไม่ได้
00:18:38 → 00:18:42 หรือแบบไหนคุณเลี่ยงหรือแบบไหนก็ก็เอ่อ
00:18:42 → 00:18:45 เอาไว้ทีหลังสุดจะดีกว่าอะไรคุณหมอพอแนะ
00:18:45 → 00:18:49 นำจริงๆจริงๆมันเป็นหนึ่งในวิธีการขบวน
00:18:49 → 00:18:52 การกำจัดความร้อนของร่างกายของร่างกายเรา
00:18:52 → 00:18:56 เนี่ยก็คืออย่างการเอาผ้าฉุบน้ำปะไปที่
00:18:56 → 00:18:59 หน้าผ่าเนี่ยก็คือเป็นการพาความร้อนออกไป
00:18:59 → 00:19:02 ก็คือมีวัตถุมามาแปะเพื่อดึงความร้อนออก
00:19:02 → 00:19:06 ไปอ่ะครับอือ่าส่วนการอาบน้ำหรือราดน้ำ
00:19:06 → 00:19:09 เนี่ยคือการพาความร้อนทิ้งออกไปเลยกับหอ
00:19:09 → 00:19:13 ที่มันไม่ผ่านเราจริงๆซึ่งทำได้ทำได้โดย
00:19:13 → 00:19:17 ที่ไม่มีข้อห้ามอะไรนะครับอืเพราะว่า
00:19:17 → 00:19:21 เพราะว่าในในจริงๆมันเป็นกลไกปกติของร่าง
00:19:21 → 00:19:24 กายที่แบบพอมีพอมีการเกิดความร้อนที่สูง
00:19:24 → 00:19:28 ขึ้นน่ะนอกจากการระเขยพันเหงื่อเส้นเลือด
00:19:28 → 00:19:31 เหงื่อออกไปแล้วเนี่ยก็คือจะแบบการนำความ
00:19:31 → 00:19:32 ร้อนกลับพาความร้อนเนี่ยมันจะเป็น
00:19:32 → 00:19:35 พฤติกรรมที่ร่างกายมันถูกกระตุ้นให้ทำ
00:19:35 → 00:19:40 อยู่แล้วโดยอัตโนมัติเลยครับค่ะอือืพอพูด
00:19:40 → 00:19:42 ถึงค่ะคุณหมอเชิญก่อนเลยจริงๆเมื่อก่อนผม
00:19:42 → 00:19:47 เคยเห็นมันมีเอ่ออันเนี้จะเป็นหัวข้อที่
00:19:47 → 00:19:50 มันโผล่มาในอินเทอร์เน็ตนะครับว่าถ้าน้ำ
00:19:50 → 00:19:53 เย็นเกินไปมันจะเกิดสโตรกหรือเส้นเลือด
00:19:53 → 00:19:56 แตกอะไรสักอย่างเนี่ยครับค่ะอ่าซึ่งๆอัน
00:19:56 → 00:19:58 นี้ไม่ใช่ไม่ใช่ไม่ไม่ใช่เรื่องจริงครับ
00:19:58 → 00:20:01 อย่างที่บอกคือร่างกายเรามนุษย์แล้วเป็น
00:20:01 → 00:20:05 สัตว์เทิดอุ่นถ้าเกิดเราโดนความเย็นจัง
00:20:05 → 00:20:08 เข้าไปในขณะนี้อ่ะเพื่อคายความร้อนนะครับ
00:20:08 → 00:20:10 ค่ะถ้ามันเย็นเกินปุ๊บร่างกายเราก็จะ
00:20:10 → 00:20:13 พยายามปรับสมดุลร่างกายให้นิ่งอยู่แล้วรู
00:20:13 → 00:20:15 ขุมคนก็จะหดแล้วก็กล้ามเนื้อมันก็จะสั่น
00:20:15 → 00:20:17 เพื่อทำให้เกิดความร้อน
00:20:17 → 00:20:20 อเพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่มาทำให้
00:20:20 → 00:20:23 อุณหภูมิมันเปลี่ยนอย่างรุนแรงจนทำให้
00:20:23 → 00:20:26 เกิดความเสียหายเส้นเลือดแตกหรือว่าความ
00:20:26 → 00:20:28 เสียหายที่รุนแรงได้จากจากการกระทำแบบ
00:20:28 → 00:20:33 นั้นครับอือืค่ะอย่างหน้าร้อนอย่างเงี้ย
00:20:33 → 00:20:37 ค่ะคุณหมอมีเอ่อถ้าพูดในโหมดของอาหารล่ะ
00:20:37 → 00:20:41 คะมีอาหารอะไรต้องห้ามมั้ยคะแบบหลายคนก็
00:20:41 → 00:20:44 แบบเออกินทุเรียนหน้าร้อนมันจะอันตรายมย
00:20:44 → 00:20:47 มันจะร้อนแบบฤทธิ์ร้อนร้อนอะไรอย่างเงี้ย
00:20:47 → 00:20:50 ในเชิงเอ่อการแพทย์แผนปัจจุบันเนี่ยมีข้อ
00:20:50 → 00:20:53 มูลเรื่องนี้บ้างมั้ยคะเอ่อก็มีครับสิ่ง
00:20:54 → 00:20:57 ที่ไม่ค่อยอยากให้กินก็เครื่องดื่มที่มี
00:20:57 → 00:21:00 แอลกอฮอล์ค่ะครับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
00:21:00 → 00:21:04 เนี่ยจะมีเพิ่มโอกาสการจะเกิดการระบาย
00:21:04 → 00:21:07 ความร้อนของร่างกายที่ผิดปกติไปหรือ
00:21:07 → 00:21:10 เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงๆอ่ะครับค่ะ
00:21:10 → 00:21:16 อ่าแล้วก็อ่ากลุ่มที่แล้วก็พวกอาหารที่มี
00:21:16 → 00:21:19 น้ำตาลค่อนข้างเยอะแล้วกินคู่กับเครื่อง
00:21:19 → 00:21:22 แอลกอฮอล์ครับอันนี้ก็จะทำให้มีการระบาย
00:21:22 → 00:21:26 ความร้อนที่ผิดปกติไปได้ครับอื
00:21:26 → 00:21:30 อืเช่นพวกเอ่อเขาถึงบอกเลยนะทุเรียนขนุน
00:21:31 → 00:21:32 เอ่อ
00:21:32 → 00:21:36 อะไรพวกเนี้ยที่มันผลไม้รสหวานจัดๆนะค่ะ
00:21:36 → 00:21:39 กินกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นี่อย่าไป
00:21:39 → 00:21:41 ริรองนะ
00:21:41 → 00:21:46 ใช่ครับเพราะว่าอ่ากับอย่างอื่นก็อ่าเอ่อ
00:21:46 → 00:21:51 พวกที่ที่ที่ที่อยากจะให้หลีกเลี่ยงก็
00:21:51 → 00:21:55 เป็นกลุ่มพวกที่เป็น
00:21:55 → 00:21:58 อ่าที่ที่มีสารที่กระตุ้นให้ตื่นค่อนข้าง
00:21:58 → 00:22:02 เยอะครับอย่างเช่นพวกแบบอ่าอ่าคาเฟอีน
00:22:02 → 00:22:05 หรือนิโคตีนนะครับที่มาร่วมกันพวกนี้มัน
00:22:05 → 00:22:08 ก็จะทำให้การขยายของเส้นเลือดมันมีปัญหา
00:22:08 → 00:22:12 แล้วก็ระบายความร้อนได้ยากอค่ะประมาณนี้
00:22:12 → 00:22:14 ครับอือือครับ
00:22:15 → 00:22:19 ค่ะเรื่องของเวลาเข้าไปหาคุณหมอเนี่ยค่ะ
00:22:19 → 00:22:23 ถ้าเป็นกรณีของโรคลมแดดหรือฮิสโตกพวก
00:22:23 → 00:22:27 เนี้ยกระบวนการในการวินิจฉัยการรักษามัน
00:22:27 → 00:22:30 จะมีลักษณะการรักษารูปแบบยังไงบ้างเรา
00:22:30 → 00:22:33 ต้องเอ่อตรวจวัดอุณหภูมิหรือมีการตรวจยัง
00:22:33 → 00:22:35 ไงบ้างคะคุณหมอ
00:22:35 → 00:22:40 จริงๆก็โดยทั่วไปถ้าถ้ามาถึงโรงพยาบาล
00:22:40 → 00:22:43 แล้วครับส่วนใหญ่คนไข้ก็จะมาด้วยอาการที่
00:22:43 → 00:22:44 มีหมดสติ
00:22:44 → 00:22:48 มีอุณหภูมิแกนกลางสูงกว่า 40.5 5 องศานะ
00:22:48 → 00:22:51 ครับแล้วก็มีความผิดส่วนใหญ่ถ้ามาถึงมัน
00:22:51 → 00:22:53 ก็จะมีความผิดบริการหลังเหงื่อโดยเฉพาะ
00:22:53 → 00:22:58 อาจจะเริ่มมีภาวะเหงื่อที่แบบไม่ไม่ออก
00:22:58 → 00:23:01 ตามปกติแล้วนะครับโดยทั่วไปการรักษาโดย
00:23:01 → 00:23:04 เร่งด่วนเนี่ยก็คือการลดอุณหภูมิกายให้ลด
00:23:04 → 00:23:06 ลงอย่างรวด
00:23:06 → 00:23:11 เร็วโดยที่อาจจะใช้แบบใช้น้ำที่มโนคลนต่ำ
00:23:11 → 00:23:15 ๆค่ะเข้าไปในร่างกายเลยครับหรือว่ามีการ
00:23:15 → 00:23:19 อ่าซับก็ก็คือแช่ตัวในน้ำแข็งหรือว่าน้ำ
00:23:19 → 00:23:22 ที่อุณหภูมิต่ำด้วยลดอุณหภูมิของร่างกาย
00:23:22 → 00:23:24 ไปเลยซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์
00:23:24 → 00:23:27 ตอนที่มาเป็นยังไงอืแล้วก็อาการของคนไข้
00:23:27 → 00:23:30 เนี่ยมามาด้วยอาการไหนมีการความผิดปกติ
00:23:30 → 00:23:35 การรู้สึกตัวหรือเปล่าค่ะครับการแช่ตัวใน
00:23:35 → 00:23:39 น้ำแข็งก็เป็นเทรนด์ในยุคใหม่เหมือนกันนะ
00:23:39 → 00:23:42 การดูแลสุขภาพยุคใหม่เหมือนกันนะคุณหมอ
00:23:42 → 00:23:47 ที่เห็นว่าโอกำลังหมายถึงไบใช่ป่ะใช่ๆค่ะ
00:23:47 → 00:23:50 เออจริงๆจริงๆมันก็เป็นมันก็เป็นการลด
00:23:50 → 00:23:54 ความบาดเจ็บของร่างกายวิธีนึงอ่ะครับ
00:23:54 → 00:23:56 เพียงแต่ว่าบางครั้งเวลาที่มีheีat stoke
00:23:56 → 00:24:01 เนี่ยเวลาเราใช้การเอ่อพระพูดใส่คือเอา
00:24:01 → 00:24:04 ตัวคนไข้จุ่มลงไปในน้ำหรือน้ำแข็งที่เย็น
00:24:04 → 00:24:07 ๆนะครับบางคนอาจจะต้านทานทนไม่ค่อยได้
00:24:07 → 00:24:11 เพราะว่ามันจะสั่นค่อนข้างรุนแรงโดยเฉพาะ
00:24:11 → 00:24:14 คนที่ยังมีแบบมีสติความรู้ตัวอยู่หรือว่า
00:24:14 → 00:24:16 ผู้สูงอายุอย่างเงี้ยครับบางครั้งมันก็
00:24:16 → 00:24:20 ค่อนข้างจะทรมานพอสมควรอืค่ะครับนอกจาก
00:24:20 → 00:24:24 ทรมานแบบเอ่อสำหรับอากาศเอ้ยอุณหภูมิที่
00:24:24 → 00:24:28 ลดลงกรณีที่เอาไปแช่ในน้ำแข็งเนี่ยนะคะ
00:24:28 → 00:24:30 มันจะมีผลข้างเคียงอื่นๆมั้ยถ้าหากว่าคนๆ
00:24:30 → 00:24:33 นั้นน่ะเอ่อมีโรคประจำตัวอยู่อ่ะค่ะคุณ
00:24:33 → 00:24:35 หมอคะ
00:24:35 → 00:24:37 เอ่อจริง
00:24:37 → 00:24:42 ๆจริงๆอันนี้ขึ้นอยู่กับว่าจริงๆจริงๆคน
00:24:42 → 00:24:45 ที่มาด้วยฮีท Stoke เนี่ยครับถ้าเราลด
00:24:45 → 00:24:48 อุณหภูมิกายชาเนี่ยมันมันน่าจะมันจะเป็น
00:24:48 → 00:24:51 อันตรายมากกว่าโดยที่มีโรคประจำตัวเพราะ
00:24:51 → 00:24:54 ว่าความความร้อนที่สูงมันจะทำให้ร่างกาย
00:24:54 → 00:24:57 เนี่ยเอ่อหลังอักเสบที่รุนแรงออกมาแล้ว
00:24:57 → 00:25:00 มันจะทำให้เกิดความเสียหายต่อวัดต่างๆค่ะ
00:25:00 → 00:25:04 อือซึ่งซึถ้าเราลดอุณหภูมิกายได้ช้าอัน
00:25:04 → 00:25:07 นี้จะส่งผลเสียมากกว่าแล้วก็อาจจะทำให้มี
00:25:07 → 00:25:10 การเสียชีวิตได้ครับอืค่ะเดี๋ยวช่วงนี้ขอ
00:25:10 → 00:25:13 พักกันสักครู่ก่อนนะคะเดี๋ยวช่วงหน้าขวัญ
00:25:13 → 00:25:17 อยากชวนคุณหมอพูดคุยว่าเอ๊ะถ้าเหมือนใคร
00:25:17 → 00:25:19 เนี่ยเริ่มรู้สึกว่าเกิดอาการเพลียแดด
00:25:19 → 00:25:21 แล้วเนี่ยตอนนั้นเนี่ยสามารถช่วยเหลือตัว
00:25:21 → 00:25:25 เองได้ยังไงบ้างหรือว่ามีแนวทางการช่วย
00:25:25 → 00:25:28 เหลือตัวเองอย่างไรกรณีที่เราอาจจะอยู่ใน
00:25:28 → 00:25:30 บ้านหรือเราอยู่นอกบ้านมีแนวทางในการช่วย
00:25:30 → 00:25:34 เหลือตัวเองเบื้องต้นยังไงถ้าเรารู้สึก
00:25:34 → 00:25:37 เริ่มๆะรู้สึกเคลียร์แดดมันสามารถที่จะ
00:25:37 → 00:25:39 ช่วยเหลือตัวเองแบบไหนได้เดี๋มาคุยกัน
00:25:39 → 00:25:41 ช่วงหน้านะคะเดี๋ยวช่วงนี้พักกันสักครู่
00:25:41 → 00:25:44 ก่อนค่ะครับคุณหมอคะช่วงที่แล้วพูพูดคุย
00:25:45 → 00:25:48 ทิ้งท้ายกันไว้ว่าถ้าเรารู้สึกว่ามีเริ่ม
00:25:48 → 00:25:50 ๆมีอาการเพลียแดดแล้วแหละเจ้าตัวเองเนี่ย
00:25:50 → 00:25:53 แหละถ้ามีแนวทางในการดูแลตัวเองเบื้องต้น
00:25:53 → 00:25:57 ยังไงบ้างในกรณีที่เราอยู่ในบ้านอ่ากรณี
00:25:57 → 00:26:00 แรกและกรณีที่ 2 คืออยู่นอกสถานที่อาจจะ
00:26:00 → 00:26:03 อยู่ห้างสรรพสินค้าหรือว่าอยู่ตลาดหรือ
00:26:03 → 00:26:05 อยู่ที่อื่นๆน่ะค่ะมีแนวทางในการช่วย
00:26:05 → 00:26:08 เหลือตัวเองยังไงหรือว่าต้องมีความจำเป็น
00:26:08 → 00:26:11 ต้องขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นมั้ยคะ
00:26:11 → 00:26:15 โอเคครับก็อ่าอันนี้ในกรณีที่อยู่บ้าน
00:26:15 → 00:26:19 ก่อนนะครับค่ะก็ส่วนใหญ่ก็คือพยายามอย่าง
00:26:19 → 00:26:22 แรกเลยถ้าบริเวณที่อยู่เนี่ยมีการระบาย
00:26:22 → 00:26:25 ความร้อนไม่ดีก็ต้องรีบออกจากบริเวณนั้น
00:26:25 → 00:26:28 เลยครับไปสู่ในบริเวณที่ร่มอากาศเย็นมี
00:26:28 → 00:26:32 การระบายความร้อนที่ดีในภาวะเพียแดดเนี่ย
00:26:32 → 00:26:35 ครับคือร่างกายเนี่ยพยายามจะขับความร้อน
00:26:35 → 00:26:37 ออกมาผ่านเหงื่อเนาะเหงื่อก็จะออกมาเยอะ
00:26:37 → 00:26:40 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเสียไปก็คือจะเป็น
00:26:40 → 00:26:42 ทั้งน้ำและเกลือแร่เพราะฉะนั้นเราก็ต้อง
00:26:42 → 00:26:45 ทดแทนด้วยการดื่มน้ำแล้วก็เกลือแร่น้ำ
00:26:45 → 00:26:48 เกลือแร่เข้าไปครับอืครับแต่ว่าน้ำเกลือ
00:26:48 → 00:26:51 แร่ที่เราต้องเป็นน้ำเกลือได้เฉพาะด้วย
00:26:51 → 00:26:54 ใช่มั้คุณหมอไม่ใช่น้ำเกลือที่แบบผสมเอง
00:26:54 → 00:26:57 ออใช่ครับจริงๆถ้าแนะนำก็คือจะเป็นพวกอ่ะ
00:26:57 → 00:27:01 อย่างอย่างน้ำเกลือแร่ที่ดื่มตอนที่ออก
00:27:01 → 00:27:03 กำลังกายก็ได้ครับอันนั้นก็สำหรับเพื่อทด
00:27:03 → 00:27:07 แทนแฟนเสียเหงื่ออยู่แล้วหรือว่าอ่าถ้า
00:27:07 → 00:27:09 คือรสชาติมันอร่อยอครับผมว่าจะอร่อยกว่า
00:27:09 → 00:27:12 น้ำถ้าเป็นเกินแล้วที่ชงที่ที่โรงพยาบาล
00:27:12 → 00:27:15 ที่ได้ไปครับครับอ่าแล้วก็ก็เป็นกลุ่ม
00:27:15 → 00:27:18 นั้นครับค่ะเกลือแร่ออกกำลังกายกับเกลือ
00:27:18 → 00:27:20 แร่ที่ท้องเสียก็ต่างกันอีกใช่มั้ยคะเวลา
00:27:20 → 00:27:23 ซื้อเนี่ยจะจะต่างกันครับเพราะว่าสิ่งที่
00:27:23 → 00:27:26 เสียไปทางเหงื่อกับทางอุจจาระก็จะคนละแบบ
00:27:26 → 00:27:31 กันค่ะออก็เน้นว่าเป็นน้ำเกลือแร่ที่
00:27:31 → 00:27:35 สำหรับคนออกกำลังกายก็ได้ครับอือืสี
00:27:35 → 00:27:38 เหลืองสีฟ้าสีขาวแล้วแต่ใช่ครับเลือกตาม
00:27:38 → 00:27:42 รสชาติได้เลยค่ะอันนี้กรณีที่อยู่ในบ้าน
00:27:42 → 00:27:45 ไปอยู่ในสถานที่ที่ลม
00:27:45 → 00:27:49 ฟื่มน้ำเกลือแร่มีวิธีอื่นๆอีกมั้คะจริงๆ
00:27:49 → 00:27:52 ก็สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือภาวะเพี้ยแดด
00:27:52 → 00:27:56 เนี่ยค่ะถ้าโดยตัวโดยเจ้าถ้าเรามีโรค
00:27:56 → 00:28:00 ประจำตัวหรือเราคิดว่าเอ่ออาจจะเกิดความ
00:28:00 → 00:28:03 รุนแรงต่อเนื่องได้อ่ะครับก็ถ้าในอย่าง
00:28:03 → 00:28:05 โดยเฉพาะในวันที่มีดัชนีความร้อนรุนแรง
00:28:05 → 00:28:07 อย่างเงี้ยเราอาจจะต้องเตรียมตัวติดต่อ
00:28:07 → 00:28:10 โรงพยาบาลไว้ในกรณีที่เราเริ่มรู้สึกว่า
00:28:10 → 00:28:14 เริ่มมีอาการรุนแรงขื่นเวียนศีรษะขึ้นไส้
00:28:14 → 00:28:17 อาเกียนหรือเริ่มมีหน้ามืดใจสั่นอันนี้
00:28:17 → 00:28:21 เราอาจจะต้องรีบเข้าสู่สถานพยาบาลโดยเร็ว
00:28:21 → 00:28:24 ครับเพื่อดูว่าที่เราเป็นเนี่ยมันเป็นแค่
00:28:24 → 00:28:26 ลักษณะแค่เพียแดดหรือมันเริ่มต้นจะเป็นลม
00:28:26 → 00:28:30 แดดแล้วซึ่งอาการแล้วเพียแดดที่มันจะกลาย
00:28:30 → 00:28:32 เป็นลมแดดเนี่ยบางทีมันแยกกันค่อนข้างยาก
00:28:32 → 00:28:36 นิดนึงครับเออใช่ฮะแต่ว่าอย่างไรก็แล้ว
00:28:36 → 00:28:39 แต่ทั้ง 2 อย่างก็ก็เป็นสัญญาณแหละสัญญาณ
00:28:39 → 00:28:42 ร่างกายก็เริ่มเริ่มไม่ไหว
00:28:42 → 00:28:44 แล้วก็ต้องระมัดระวังตัวก็คือเป็นสัญญาณ
00:28:44 → 00:28:49 ที่บ่งบอกให้ตัวของเราเนี่ยต้องหาทางใน
00:28:49 → 00:28:51 การลดอุณหภูมิร่างกายแล้วล่ะไม่ว่าจะจิบ
00:28:51 → 00:28:54 น้ำเข้าที่ร่มเช็ดหน้าเช็ดตานั่งพักอะไร
00:28:54 → 00:28:57 ก็แล้วแต่นะคุณหมออืค่ะครับผมหรือว่าก็
00:28:57 → 00:29:00 อาจจะถ้าใส่เสื้อผ้าได้สวมใส่มันหนาหรือ
00:29:00 → 00:29:03 ว่าลดการระเหยของเหงื่อได้ก็ต้องเปลี่ยน
00:29:03 → 00:29:06 เสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าชุดที่แบบบางแล้วก็
00:29:06 → 00:29:09 ระเหให้อำเนื้ออำนวยให้การระเหยของเหงื่อ
00:29:09 → 00:29:12 เป็นไปได้ง่ายครับค่ะอ่าในกรณีที่อยู่นอก
00:29:12 → 00:29:16 สถานที่ล่ะคะทำยังไงดีถ้าอยู่นอกสถานที่
00:29:16 → 00:29:20 ก็เหมือนเดิมครับหลบหลบเลี่ยงสหลบเลี่ยง
00:29:20 → 00:29:22 บริเวณที่มีแดดเข้าสู่ที่ร่มแล้วก็ไปใน
00:29:22 → 00:29:26 สถานที่ที่มีลมโฟอากาศระบายได้ดีนะครับ
00:29:26 → 00:29:29 แล้วก็ต้องจริงๆในในถ้าในวันถ้าเป็นวัน
00:29:30 → 00:29:33 ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเนี่ยครับก็
00:29:33 → 00:29:37 จริงๆแนะนำว่าให้พกน้ำดื่มหรือว่าน้ำดื่ม
00:29:37 → 00:29:40 เกลือแร่ไว้กับตัวเลยเพื่อป้องกันไว้ก่อน
00:29:40 → 00:29:43 ที่มันจริงๆการป้องกันลมแดดหรือว่าเพีย
00:29:43 → 00:29:46 แดดเนี่ยดีกว่าปล่อยให้เกิดแล้วแล้วรักษา
00:29:47 → 00:29:49 ครับเพราะว่าเมื่อถึงจุดนึงที่ต้องรักษา
00:29:49 → 00:29:55 เนี่ยแสดงว่ามีความเสียหายพอสมควรอือื
00:29:55 → 00:29:59 ถ้าหมอชแล้วก็อ่าจริงๆถ้าอยู่ในสถานที่
00:29:59 → 00:30:03 ภายนอกเนี่ยครับก็จริงๆอาจจะต้องอาจจะ
00:30:03 → 00:30:06 ต้องเตรียมถ้าเกิดอยู่ในที่ที่ไม่มี
00:30:06 → 00:30:09 เครื่องปรับอากาศหรือว่าเป็นบริเวณ
00:30:09 → 00:30:11 outdoor อะไรเนี่ยเนี่ยก็ก็อาจจะต้อง
00:30:11 → 00:30:13 เตรียมเตรียมแบบพอ for he เลยถ้าเกิด
00:30:13 → 00:30:17 อาการค่อนข้างรุนแรงนะครับอืออืพวกยา
00:30:17 → 00:30:20 หม่องยาดมอะไรควรพบมั้ยฮะยาหม่องยาดมจริง
00:30:20 → 00:30:24 ๆมันไม่ได้จริงๆไม่ได้ช่วยในกรณีนี้เท่า
00:30:24 → 00:30:27 ไหร่อ่ะครับเพราะว่าครับกลไกของการออกดิส
00:30:27 → 00:30:30 ของเขามันไม่ได้ช่วยระบายความร้อนค่ะแต่
00:30:30 → 00:30:32 มันเป็นแต่ว่ามันเป็นกลิ่นที่กระตุ้นให้
00:30:32 → 00:30:36 เรามีความสดชื่นหรือว่าแบบเหมือนกระตุ้น
00:30:36 → 00:30:40 ให้ตื่นขึ้นมามากกว่าครับอืค่ะเดี๋หอมยา
00:30:40 → 00:30:43 ลมเหรอฮะยาหอมยาลมก็น่าจะเป็นลักษณะคล้าย
00:30:43 → 00:30:46 ๆกันอย่างเช่นเหมือนกับโมเนียเงี้ยครับ
00:30:46 → 00:30:48 เวลาเราเป็นลมระดมขึ้นมาความฉุนมันจะ
00:30:48 → 00:30:51 กระตุ้นให้เราตื่นสักเป็นลมอันนี้มันจะ
00:30:51 → 00:30:54 ต้องคนละคนไกลกันนะเพราะว่าอย่างอารมณ์
00:30:54 → 00:30:56 แดดหรือเพียแดดอ่ะมันจะไม่เหมือนกับเป็น
00:30:56 → 00:31:01 ลมปกติครับอืค่ะคุณหมอคะมีคำถามมาค่ะว่า
00:31:01 → 00:31:04 การดื่มน้ำเย็นเนี่ยรู้สึกว่าทำให้ปวด
00:31:04 → 00:31:08 ท้องเอ๊ะมันดื่มน้ำเย็นทำให้ปวดท้องได้
00:31:08 → 00:31:10 ด้วยหรอคะคุณหมออันเนี้ยขวัญก็ไม่เคยรู้
00:31:10 → 00:31:16 สึกเลยนะจริงๆน่าจะเป็นเพราะว่าเอ่อเวลา
00:31:16 → 00:31:19 เราดื่มน้ำที่อุณหภูมิต่ำน้ำเย็นเข้าไป
00:31:19 → 00:31:22 อ่ะครับค่ะคือผิวของกระเพาะหรือให้อาหาร
00:31:22 → 00:31:26 น่ะมันสัมผัสกับความเย็นนั้นโดยตรงค่ะอื
00:31:26 → 00:31:29 มันอาจจะเป็นความระคายเคืองหรือว่าความ
00:31:29 → 00:31:32 จริงๆอุณหภูมิที่สูงเกินหรือต่ำเกินนะ
00:31:32 → 00:31:36 ครับมันก็คือความเจ็บปวดนี่แหละครับอ่าพอ
00:31:36 → 00:31:39 โดนเข้าพอพอสัมผัสเข้าไปปุ๊บอ่าอ่าเส้น
00:31:39 → 00:31:42 เลือดก็จะหดตัวแล้วก็จริงๆร่างกายก็
00:31:42 → 00:31:45 พยายามจะสภาพร่างกายเพื่อสร้างความร้อน
00:31:45 → 00:31:47 ขึ้นเพื่อคานกับความเย็นที่เข้าไปครับ
00:31:48 → 00:31:51 จริงๆมันไม่น่าจะไม่ได้เป็นลักษณะปวดท้อง
00:31:51 → 00:31:54 ครับมันเป็นการสัมผัสกับความเย็นโดยตรงออ
00:31:54 → 00:31:58 ก็เลยจะเกิดความไม่ไม่รู้สึกไม่สบายไม่
00:31:58 → 00:32:01 สบายเนื้อไม่ไม่สบายไม่ปกติสุขมามากกว่า
00:32:01 → 00:32:03 เป็นความเจ็บปวดประเภทนึงอ่ะครับอ๋อค่ะ
00:32:03 → 00:32:07 ครับเอ่อโอ๊เคยกินน้ำเย็นและปวดท้องมั้ย
00:32:07 → 00:32:10 โอ้ขอให้เป็นน้ำเย็นเย็นอย่างเดียวผม
00:32:10 → 00:32:13 อ่ะขอให้น้ำเย็นมาก่อนน้ำเย็นเท่านั้นใช่
00:32:13 → 00:32:17 เพราะพี่เห็นติดน้ำเย็นมากเออโอติดน้ำ
00:32:17 → 00:32:19 เย็นจัดๆฮะไม่สบายผมก็อยากกินน้ำเย็นครับ
00:32:19 → 00:32:24 ผมเป็นเอ่อคู่ที่เสพติดน้ำเย็น
00:32:24 → 00:32:26 ผมว่าจริงครับเพราะว่าจริงๆก็คืออย่าง
00:32:26 → 00:32:28 น้อยมันก็ช่วยลดความร้อนที่มีอ่ะครับแล้ว
00:32:28 → 00:32:31 ก็อย่างอย่าจริงๆคือเอาจริงๆต้องพูดว่า
00:32:31 → 00:32:34 ความอุณหภูมิที่สูงหรือต่ำเกินครับมันมัน
00:32:34 → 00:32:37 เป็นความเจ็บปวดอย่างเช่นถ้าเรากินอะไร
00:32:37 → 00:32:40 เย็นๆมากๆในปากเนี่ยครับแล้วก็เจ็บนะครับ
00:32:40 → 00:32:42 มันเป็น force ไปก็คือมันเจ็บเจ็บเจ็บปวด
00:32:43 → 00:32:45 จากความเย็นเนี่ยแหละครับคือมันโดนความ
00:32:45 → 00:32:49 เย็นตรงๆในพื้นผิวที่เป็นเยื่อผูกอ่อนๆ
00:32:49 → 00:32:51 นั่นนะครับยังไงก็จะมีความเจ็บอยู่แล้ว
00:32:51 → 00:32:54 ขึ้นอยู่ว่ามันจะไปอยู่ตรงไหนแค่นั้นเองอ
00:32:54 → 00:32:59 ค่ะในช่วงฤดูร้อนแบบนี้เข้าเมษายนมาแล้ว
00:32:59 → 00:33:01 อย่างเงี้ยค่ะคุณหมอหน้าร้อนก็ทำถึงแบบ
00:33:01 → 00:33:05 นี้คนไข้ที่โรงพยาบาลเริ่มเข้ามาเยอะหรือ
00:33:05 → 00:33:08 ยังคะเกี่ยวกับโรคเกี่ยวกับอุณหภูมิความ
00:33:08 → 00:33:11 ร้อนโรคลมแดดหรืออาการที่เกิดขึ้นจากความ
00:33:11 → 00:33:15 ร้อนน่ะค่ะตอนเนี้ยค่ะครับพระที่ส่วนตัว
00:33:15 → 00:33:19 ที่ผมเจอเองผมในโรงพยาบาลยังไม่ค่อยเจอนะ
00:33:19 → 00:33:21 ครับค่ะจะมาเป็นเรื่องโรคติดเชื้อมากกว่า
00:33:21 → 00:33:24 เพราะไปเที่ยวกันมาอหมายถึงติดเชื้อทาง
00:33:24 → 00:33:27 เดินอาหารอะไรเงี้ยเหรอคะให้ใหญ่โควิด
00:33:27 → 00:33:30 เชื้อทางเดินอาหารอืค่ะอากาศมันเหมาะสม
00:33:30 → 00:33:33 กับการเติบโตของเชื้อและการแพ้กระจาย
00:33:33 → 00:33:35 เพราะว่าเป็นช่วงที่เพิ่งไปเที่ยวกันมา
00:33:36 → 00:33:39 เพิ่งมีเทศกาลอือือืค่ะถ้าเดินอาหารนี่ก็
00:33:39 → 00:33:44 พบได้บ่อยนะหมอคือแบบเอ่อพอเอ่อสังสรรค์
00:33:44 → 00:33:47 หรือว่ากินเมนูนี้นั้นโดยเฉพาะพวกปิ้งๆ
00:33:47 → 00:33:51 ย่างหรือว่าดันปิ้งย่างแบบไม่สุกหรอไม่
00:33:51 → 00:33:55 สุกมากหรือว่าอาจจะล้างไม่ดีผักเถอะอะไร
00:33:55 → 00:33:58 ก็แล้วแต่มีผลหมดนะถ้าคนไหนที่แบบเขา
00:33:59 → 00:34:02 เรียกว่าเอ่อร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว
00:34:02 → 00:34:06 ใช่ครับแต่คนไทยค่อนข้างแข็งแรงนะฮะใช่ๆ
00:34:06 → 00:34:07 กินได้สะดวก
00:34:07 → 00:34:10 หมายถึงว่ารับประทานได้อ่าอาหารที่หลาก
00:34:10 → 00:34:12 หลายไม่ค่อยท้องเสียหรอกคะคนไทยค่อนข้าง
00:34:12 → 00:34:16 แข็งแรงหมายถึงยังไงคะคุณหมอจริงๆก็
00:34:16 → 00:34:20 คือผมแค่รู้สึกว่าบางบางอ่าอย่างคนไทย
00:34:20 → 00:34:24 เนี่ยครับก็ 1 มีมีวิธีการปรุงอาหารเนี่ย
00:34:24 → 00:34:26 ที่ทำให้สุกได้อย่างรวดเร็วเก่งมากเลย
00:34:26 → 00:34:30 ครับป้องไวอือฮึค่ะแล้วก็เราก็สามารถแบบ
00:34:30 → 00:34:33 คนทานกับแบคทีเรียบางชนิดแต่น่าจะเป็น
00:34:33 → 00:34:35 เพราะว่ามันเป็นแบคทีเรียที่อยู่ในประเทศ
00:34:35 → 00:34:37 ที่เรา
00:34:37 → 00:34:41 อ่าเราสามารถต้านทานเขาได้แต่ยังไงก็ตาม
00:34:41 → 00:34:43 ก็ก็ต้องยังต้องระวังอยู่ดีครับเพราะว่า
00:34:43 → 00:34:45 บางครั้งเชื้อโรคมันก็อาจจะเปลี่ยนแปลง
00:34:45 → 00:34:48 อาจจะมีการพัฒนาตัวเองดื้อยาหรือว่า
00:34:48 → 00:34:53 เปลี่ยนกายการทำให้เกิดโรคได้ครับค่ะอืพอ
00:34:53 → 00:34:55 พูดถึงพูดถึงโรคพูดถึงโรคประจำตัวอีกนิด
00:34:55 → 00:34:59 นึงโรคประจำตัวอะไรบ้างครับแบบบุคคลใด
00:34:59 → 00:35:03 บ้างที่มีโรคประจำตัวแบบไหนที่เ่อจะต้อง
00:35:03 → 00:35:06 ระมัดระวังหากมีอากาศเ่อต้องไปเผชิญเดิน
00:35:06 → 00:35:09 อากาศร้อนข้างนอกในช่วงกลางวันบ่อยๆหรือ
00:35:09 → 00:35:12 ว่าเป็นประจำอย่างเงี้ยครับคุณหมอ
00:35:12 → 00:35:15 เป็นคนเป็นคนลักษณะไหนหรือโรคประจำตัวแบบ
00:35:15 → 00:35:19 ไหนใช่มั้ยครับใช่ครับอ่าโรคโรคประจำตัว
00:35:19 → 00:35:23 ที่มีอาการอ่าอวัยวะสำคัญของร่างกายครับ
00:35:23 → 00:35:26 อย่างเช่นค่ะอ่าผู้ป่วยโรคหัวใจอืโรคหัว
00:35:26 → 00:35:30 ใจสัตว์เลือดอคนไข้ที่อาจจะมีโรคประจำตัว
00:35:30 → 00:35:35 ทางระบบประสาทอย่างเช่นโรคอ่าโรคสมองคัด
00:35:35 → 00:35:39 เลือดหรือว่ามีโรคลมชักหรือว่ากลุ่มคนที่
00:35:39 → 00:35:43 มีโรคอ้วนครับหรือว่ากลุ่มคนที่เป็นอ่า
00:35:43 → 00:35:45 สปีตั้งครรภ์อย่างเงี้ยครับเนื่องจากหัว
00:35:45 → 00:35:48 ใจการทำงานของหัวใจและร่างกายก็หนักอยู่
00:35:48 → 00:35:52 แล้วก็จะมีผลกระทบตะจากการความร้อนที่มา
00:35:52 → 00:35:56 ทำให้ร่างกายมีปัญหาได้ง่ายหรือว่ากลุ่ม
00:35:56 → 00:36:00 คนไข้บางบางกลุ่มที่มีความจำเป็นที่ต้อง
00:36:00 → 00:36:03 รับประทานยาขับปัสสาวะอย่างเช่นคนไข้รก
00:36:03 → 00:36:07 ไต่อือืค่ะคนไข้หัวที่มีการบีบตัวของหัว
00:36:07 → 00:36:10 ใจไม่ดีครับกลุ่มนี้เต้องได้รับยาอ่าขับ
00:36:10 → 00:36:13 ปัสสาวะอยู่แล้วร่างกายก็จะเสมือนหนึ่งมี
00:36:13 → 00:36:18 ภาวะขาดน้ำหน่อยอยู่แล้วก็จะทำให้มีความ
00:36:18 → 00:36:21 เสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงหรือว่ามีความ
00:36:21 → 00:36:24 เสี่ยงที่จะเกิดโรคฮีโซกหรือว่าลมแดดได้
00:36:24 → 00:36:28 มีคนไข้บางกลุ่มนะครับที่อ่ารับประทานยา
00:36:28 → 00:36:33 ที่ควบคุมความดันโลหิตที่มีผลต่อการ
00:36:33 → 00:36:35 กระตุ้นระบบปราสาที่ไปควบคุมการหดขยายของ
00:36:36 → 00:36:38 เส้นเลือดส่วนปลายครับบางครั้งมันก็จะทำ
00:36:39 → 00:36:44 ให้การระบายความร้อนเกิดขึ้นได้ไม่ดีอืนะ
00:36:44 → 00:36:47 หรือว่าบางครั้งเนี่ยก็อาจจะเป็นอ่ากลุ่ม
00:36:48 → 00:36:52 คนที่อ่าสูงอายุที่อาจจะมีระบบควบคุม
00:36:52 → 00:36:55 อุณหภูมิของร่างกายเนี่ยเริ่มเสื่อมลงโดย
00:36:55 → 00:36:58 เฉพาะถูกอายุอายุเกิน 65 ขึ้นไปหรือว่า
00:36:58 → 00:37:01 อย่างเด็กๆเล็กๆอ่ะครับที่เวลามีไข้สูง
00:37:01 → 00:37:05 แล้วเนี่ยเกิดอาการฉักได้อครับครับผม
00:37:05 → 00:37:08 ประมาณนี้ครับค่ะอแต่ถ้าบางอาชีพคุณหมอ
00:37:08 → 00:37:12 เอาด้วยภาวะความจำเป็นนะในการทำงานต้อง
00:37:13 → 00:37:16 อยู่ภายใต้แสงแดดจ้ากลางแดดจริงๆเงี้ยค่ะ
00:37:16 → 00:37:20 มีข้อแนะนำแบบเป็นพิเศษให้กลุ่มคนเหล่า
00:37:20 → 00:37:23 นี้มั้คะว่าควรจะปฏิบัติตัวยังไงบ้าง
00:37:23 → 00:37:25 เหมือนกรณีแรงงานก่อสร้างหรือว่าคนที่
00:37:25 → 00:37:29 ต้องทำงานเอ่อซ่อมถนนในตอนกลางวันอะไร
00:37:29 → 00:37:32 เงี้ยค่ะคุณหมออ๋อครับ
00:37:32 → 00:37:35 ก็อย่างแรกเลยก็ที่ที่แนะนำก็คือ 1 ต้อง
00:37:35 → 00:37:38 ดื่มน้ำให้เพียงพอครับก็ถ้าโดยเฉพาะต้อง
00:37:38 → 00:37:41 ทำงานในที่กลางแจ้งเนี่ยส่วนใหญ่ก็แนะนำ
00:37:41 → 00:37:43 ว่าประมาณอย่างน้อยสัก 8 แก้วต่อวันหรือ
00:37:43 → 00:37:46 ประมาณ 2 ลิตรหรือมากกว่านั้นค่ะเพื่อลด
00:37:46 → 00:37:50 เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดลมแดดนะครับแล้วก็
00:37:50 → 00:37:54 เสื้อผ้าถ้าเป็นไปได้ก็ควรใส่ชุดที่มัน
00:37:54 → 00:37:57 สามารถระบายความร้อนได้แต่อันนี้ผมเข้าใจ
00:37:57 → 00:37:59 นะครับว่าบางอาชีพเนี่ยถ้าใส่บางเกิน
00:38:00 → 00:38:02 เนี่ยมันก็จะขาดง่ายหรือว่ามันก็ป้องกัน
00:38:02 → 00:38:05 แดดไม่ดีเขาก็ร้อนมันก็โดนแดดเผาอีกนะคะ
00:38:05 → 00:38:10 หมอใช่ใช่ครับอันนี้ก็ก็ก็อันนี้เห็นใจ
00:38:10 → 00:38:13 จริงๆเก็เป็นกำลังใจค่ะจริงๆอยากให้แบบมี
00:38:13 → 00:38:19 แบบมีอะไรสักอย่างช่วยอำนวยความแบบสะดวก
00:38:19 → 00:38:21 หรือว่าช่วยแบบลดความรุนแรงของความร้อน
00:38:21 → 00:38:24 ตรงนี้ให้กับกลุ่มอาชีพที่ต้องพัเทิร์น
00:38:24 → 00:38:26 กับความร้อนอย่างนี้มากๆเลยครับค่ะเพราะ
00:38:26 → 00:38:29 บางครั้งผมเคยเจอผมเคยเจอนวัตกรรมนึงเอ่อ
00:38:29 → 00:38:33 ตอนที่แบบอาจจะช่วงช่วงไหนสักช่วงช่วง
00:38:33 → 00:38:35 โควิดด้วยมั้งเป็นเป็นชุดเหมือนชุดชุด
00:38:35 → 00:38:37 เอ่อปฏิบัติหน้าที่แหละแล้วข้างในมันติด
00:38:37 → 00:38:41 แอร์ด้วยออ
00:38:41 → 00:38:45 เออเออเมื่อไหร่น้อเมื่อไหร่น้อจะแบบมี
00:38:45 → 00:38:48 ใครคิดนวัตกรรมที่แบบใส่เสื้อคลุมแล้วก็
00:38:48 → 00:38:52 เย็นสบายปิดแอร์อืพี่ขวัญคือตอนที่โควิด
00:38:52 → 00:38:55 ระบาดเราเราดูคนไข้ก็มีนะครับแต่ชุดนั้น
00:38:55 → 00:38:58 มันร้อนมากเลยครับมันไม่ได้เย็นอืออืมัน
00:38:58 → 00:39:00 มันเป็นพัดลมที่แบบไม่ไม่ได้ทำให้เราเย็น
00:39:00 → 00:39:03 ไม่ได้ช่วยอะไรอ๋อเหรอ
00:39:03 → 00:39:08 คะมันมีพัดลมในชุดปนเปื้อนออใช่ครับแค่
00:39:08 → 00:39:11 มันไม่แค่กัดข้างนอกที่อาจจะมีเชื้อไวรัส
00:39:11 → 00:39:14 แบบเข้ามาสู่ตัวเราที่ใส่ชุดได้ครับแต่
00:39:14 → 00:39:17 ว่ามันร้อนมากเลยครับเหงื่อถึงข้อเท้าเลย
00:39:17 → 00:39:20 อ๋อแสดงว่าไม่เหมาะสมสำหรับการป้องกันใส่
00:39:20 → 00:39:24 สำหรับป้องกันฮิสโตรกนะใช่มั้ยคะอาจจะใช่
00:39:24 → 00:39:27 ครับส่งเสริมเนาะให้อาเป็นลมแดดได้หรือ
00:39:27 → 00:39:30 เปล่าอืเหมือนกับอบฟาวหน้าอยู่เลยครับตอน
00:39:30 → 00:39:32 เจบ
00:39:32 → 00:39:33 ค่ะ
00:39:33 → 00:39:37 เออหรือว่าเราจัดสงกรานต์สซักเอ่อเดือน
00:39:37 → 00:39:43 นึงไปเลยเต็มๆไม่จริงๆก็ดีนะครับแต่จริงๆ
00:39:43 → 00:39:45 พอพูดถึงเรื่องสงกรานต์มันก็เป็นกุด
00:39:45 → 00:39:49 สโลบายของคนเอ่อโบราณนะที่เให้เรื่องของ
00:39:49 → 00:39:53 เทศกาลสงกรานต์มาเป็นเอ่อช่วงในช่วงฤดู
00:39:53 → 00:39:57 ร้อนแบบนี้มันก็จะเป็นการคลายร้อนไปในตัว
00:39:57 → 00:40:02 อย่างกรณีการนำอาหารเอ่อน้ำแข็งมาอยู่ใน
00:40:02 → 00:40:04 อาหารอย่างเช่นข้าวแช่ก็เป็นอีกกุศโลบาย
00:40:04 → 00:40:10 นึงในการที่จะทำให้อ่าคนที่กินข้าวแช่
00:40:10 → 00:40:15 เนี่ยเย็นลงอากาศก็มีรับประทานอาหารเย็นๆ
00:40:15 → 00:40:17 อย่างกรณีคุณหมอบอกว่าถ้าดื่มน้ำเย็นร่าง
00:40:17 → 00:40:21 กายมันก็น่าจะเอ่อสบายขึ้นจิตใจน่าจะสบาย
00:40:21 → 00:40:25 ขึ้นอย่างเงี้ยค่ะในกรณีคนที่เป็นลมแดด
00:40:25 → 00:40:29 หรือเป็นเอ่อลักษณะของการเป็นโรคเป็นลม
00:40:29 → 00:40:32 แดดแดดแล้วเนี่ยค่ะพอเค้าถ้าในกรณีที่
00:40:32 → 00:40:35 เค้าหายจากเป็นลมแดดแล้วเนี่ยเค้ามีความ
00:40:35 → 00:40:37 เสี่ยงอะไรที่ต้องดูแลหลังจากนั้นมั้คะ
00:40:37 → 00:40:42 คุณหมอจริงๆก็คือบางครั้งต้องระวังว่าใน
00:40:42 → 00:40:46 ช่วง 248 ชั่วโมงแรกมันอาจจะมีอาการลมแดด
00:40:46 → 00:40:50 กลับขึ้นมาได้อีกครั้งอ่ะครับเพราะฉะนั้น
00:40:50 → 00:40:53 สิ่งแนะนำว่าถ้ามีอาการของลมแดดแล้วคือ
00:40:53 → 00:40:57 อุณหภูมิสูงความสติความรู้ตัวหมดการผิด
00:40:57 → 00:41:00 ปกติของการเงือออกควรพาส่งโรงพยาบาลแล้ว
00:41:00 → 00:41:05 ก็ควรดูแลให้มั่นใจว่าไม่มีการเกิดของลม
00:41:05 → 00:41:09 แดดขึ้นมาหรือเรารีทขึ้นมาเองครับอืค่ะอ
00:41:09 → 00:41:12 แสดงว่าถ้าเราเป็นโรคลมแดดแล้วก็ส่งโรง
00:41:12 → 00:41:14 พยาบาลแล้วเนี่ยเวลาอย่างน้อยที่เราจะ
00:41:14 → 00:41:17 ต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าติดตาม
00:41:17 → 00:41:20 อาการก็คือต้อง 2 วันเป็นต้นไปหรอคะจริงๆ
00:41:20 → 00:41:23 ถ้าเป็นไปได้ก็ประมาณ 24-48 ช่มงเพราะว่า
00:41:23 → 00:41:26 ยังเป็นช่วงที่ต้องระวังเรื่องของการรีท
00:41:26 → 00:41:30 ขึ้นมาครับแต่ว่าจริงจริงก็มันไม่ใช่ว่า
00:41:30 → 00:41:32 ทุกที่จะจะทำได้ครับโดยเฉพาะอย่างตอนอยู่
00:41:32 → 00:41:35 ต่างจังหวัดเนี่ยก็บางทีมันก็ทำไม่ได้
00:41:35 → 00:41:40 จริงๆอืเพราะว่าบางครั้งคนไข้เค้าก็ถ้า
00:41:40 → 00:41:42 นอนโรงพยาบาลเค้าก็เก็ต้องทิ้งที่ป้าหัน
00:41:42 → 00:41:44 ไปอ่ะครับบางคนเขาก็ไม่ค่อยยอมอยู่แล้ว
00:41:44 → 00:41:48 เขาก็เห็นบางครั้งการเป็นลมแดดเนี่ยบาง
00:41:48 → 00:41:50 ครั้งในต่างจังหวัดที่ไปอยู่บางครั้งอาจ
00:41:50 → 00:41:54 จะไม่ใช่เรื่องที่แบบที่แปลกค่ะอือเพราะ
00:41:54 → 00:41:57 ว่าอากาศค่อนข้างร้อนแล้วเขาก็ค่อนข้าง
00:41:57 → 00:42:00 ต้องทำงานในสถานที่ที่ต้องเจอกับความร้อน
00:42:00 → 00:42:04 ที่รุนแรงอยู่แล้วครับออเป็นบ่อยคนที่
00:42:04 → 00:42:07 เป็นบ่อยๆมีมั้ฮะแล้วมันมันมันจะส่งผล
00:42:07 → 00:42:11 เสียต่อสุขภาพระยะยาวมั้ครับจริงๆก็ต้อง
00:42:11 → 00:42:14 ขึ้นอยู่กับว่าเวลาที่เกิด heat st ขึ้น
00:42:14 → 00:42:19 นะครับมันไปมีปัญหากับอวัยวะไหนค่ะโดยโดย
00:42:19 → 00:42:22 หลักๆหรือเปล่าอย่างเช่นถ้ามีหัวใจเต้น
00:42:22 → 00:42:25 ผิดจังหวะเกิดขึ้นแล้วเนี่ยก็จะต้องระวัง
00:42:25 → 00:42:27 แล้วว่าเออมันจะมีหัวใจเต้นขีดจังหวะหรือ
00:42:27 → 00:42:31 ว่ามีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือดตาม
00:42:31 → 00:42:35 มาหรือเปล่าหรือถ้าคนไข้มีปัญหาถึงขนาด
00:42:35 → 00:42:39 ความรู้ตัวสติรู้ตัวหมดไปมีชักเกงกระตุก
00:42:39 → 00:42:42 ขึ้นมาเนี่ยก็ต้องระวังะว่าในสมองเนี่ยจะ
00:42:42 → 00:42:45 เกิดการบาดเจ็บมีขาดเลือดหรือความเสี่ยง
00:42:45 → 00:42:48 ที่เกิดลมชักขึ้นในอนาคตหรือเปล่าจากการ
00:42:48 → 00:42:51 บาดเจ็บด้วยความร้อนเนี่ยครับค่ะหรือว่า
00:42:51 → 00:42:54 บางกรณีเนี่ยอ่ามีการสลายของกล้ามเนื้อ
00:42:54 → 00:42:58 ใช่มั้ยครับของเสียในของเสียในกล้ามเนื้อ
00:42:58 → 00:43:00 ออกมาพนอยู่ในเลือดเนี่ยพอไปที่ไตก็จะ
00:43:00 → 00:43:04 เกิดทำให้ไตมีการเกิดไตวายการไตอักเสบไต
00:43:04 → 00:43:08 วายขึ้นก็อันนี้ก็จะมีผลเกี่ยวกับโรคไต
00:43:08 → 00:43:11 ตามมาได้ค่ะอืครับอันนี้ขึ้นอยู่กับว่า
00:43:11 → 00:43:16 มันไปแackที่รักอ่าอวัยวะไหนแล้วการให้
00:43:16 → 00:43:19 การรักษาเพื่อลดอุณหภูมิกายเนี่ยทำได้รวด
00:43:19 → 00:43:21 เร็วพอหรือเปล่าเพราะว่าถ้าเกิดวิ่งช้า
00:43:21 → 00:43:24 เนี่ยมันก็จะตามมาด้วยการอักเสบที่รุนแรง
00:43:24 → 00:43:26 แล้วก็เสียหายของภาวะอื่นๆตามมาด้วยครับ
00:43:26 → 00:43:30 อืค่ะเมื่อสักครู่คุณหมอพูดถึงอาการรีฮีท
00:43:30 → 00:43:33 ที่อาจจะเกิดขึ้นภายใน 48 ชมงหลังจากที่
00:43:33 → 00:43:36 เราเป็นฮีทกแล้วเนี่ยนะคะถ้าในกรณีต่าง
00:43:36 → 00:43:39 จังหวัดที่คุณหมอยกตัวอย่างว่าคนไข้อาจจะ
00:43:39 → 00:43:42 ไม่ได้เอ่อยินยอมนอนโรงพยาบาลแล้วก็กลับ
00:43:42 → 00:43:45 ไปรักษาตัวที่บ้านหากว่าเกิดอาการรีฮีท
00:43:45 → 00:43:49 ขึ้นมาญาติของผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือเขา
00:43:49 → 00:43:51 ยังไงได้บ้างแล้วก็มีความจำเป็นมากน้อย
00:43:51 → 00:43:55 แค่ไหนที่จะต้องนำมาโรงพยาบาลต้องเร็วแค่
00:43:55 → 00:44:00 ไหนยังไงบ้างบ้างคะจริงๆก็คือถ้าเริ่มมี
00:44:00 → 00:44:02 อาการส่วนใหญ่มันก็จะเหมือนอาการครั้งแรก
00:44:02 → 00:44:04 ที่ฮิ ST แทackเนี่ยนะครับก็คือมี
00:44:04 → 00:44:08 อุณหภูมิที่สูงขึ้นอแล้วก็มีความรู้สึก
00:44:08 → 00:44:12 รับรู้สึกลดลงแล้วก็อุการระเหยการสร้าง
00:44:12 → 00:44:15 ของเหงื่อหรือมีการระเหยของเหงื่อออกมาลด
00:44:15 → 00:44:19 ลงนะครับก็ค่ะแนะนำว่า 1 ก็คือก็คือต้อง
00:44:19 → 00:44:22 พยายามทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลงเร็ว
00:44:22 → 00:44:24 ที่สุดด้วยการปฐมพยาบาลอย่างที่กล่าวมาก็
00:44:24 → 00:44:28 คือ 1 อ่ะอ่าอ่าเช็ดตัวด้วยน้ำที่เย็น
00:44:28 → 00:44:31 ประคบตรงบริเวณซอกคอรักแร้ขาหนีบค่ะแล้ว
00:44:31 → 00:44:35 ก็ต้องดูด้วยครับว่าถ้าเกิดมีการหมดสติไป
00:44:35 → 00:44:38 เนี่ยก็ต้องดูด้วยว่ามีการเต้นของชิปจร
00:44:38 → 00:44:40 อยู่หรือเปล่าถ้าไม่มีอันนี้ก็ต้องถ้า
00:44:40 → 00:44:43 เป็นไปได้ถ้ามีคนสามารถทำ CPR ได้ครับก็
00:44:43 → 00:44:46 คือต้องหัวใจแล้วก็เรียกทางโรงพานพยาบาล
00:44:46 → 00:44:49 มารับเลยค่ะแต่ถ้าเกิดยังรู้ตัวอยู่ก็ให้
00:44:50 → 00:44:52 การปฐมพยาบาลเพื่อลดอุณหภูมิแล้วก็รีบพา
00:44:52 → 00:44:56 มาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเลยครับอือือือ
00:44:56 → 00:44:59 ค่ะครับเพราะว่าฮะแต่จริงๆก็คือควรจะพาไป
00:44:59 → 00:45:04 ในสถานที่ที่สามารถมีการลดอุณหภูมิกายลง
00:45:04 → 00:45:06 ได้อย่างรวดเร็วอย่างที่ตะกี้ถามนะครับพอ
00:45:06 → 00:45:08 พอดีตะกี้พยายามคิดว่าจะใช้คำพูดประมาณ
00:45:08 → 00:45:12 ไหนดีมันเวลามีฮีโตกขึ้นมาแล้วก็ส่งเข้า
00:45:12 → 00:45:16 ไปในโรงพยาบาลที่เขามีเอ่อเซ็นเตอร์ที่
00:45:16 → 00:45:19 สามารถลดอุณหภูมิกายได้ครับส่วนใหญ่การ
00:45:19 → 00:45:23 รักษาเนี่ยก็จะมีการที่จุ่มในเรียกว่า
00:45:23 → 00:45:26 จุ่มหรือว่าหรือว่าแช่แค่ในน้ำที่มี
00:45:26 → 00:45:29 อุณหภูมิต่ำแล้วกันนะครับเรื่องเนี้ยก็
00:45:29 → 00:45:32 คือถ้ายิ่งลดอุณหภูมิลงได้เร็วเนี่ยก็จะ
00:45:33 → 00:45:36 เกิดความเสียหายตามมาน้อยลงอือมีการระบาย
00:45:36 → 00:45:39 ความอ่าอันที่ 2 ก็คือใช้การคูลิกอ่ะครับ
00:45:39 → 00:45:43 ก็คือระบายความร้อนด้วยการอาจจะใช้การ
00:45:43 → 00:45:47 เป่าเป็นอ่าลมลมที่มีละอองน้ำที่เย็นนะ
00:45:47 → 00:45:50 ครับเพื่อช่วยระบายความร้อนแล้วก็มีการ
00:45:50 → 00:45:53 คุบหรือก็ใช้ผ้าคลุมหรือว่าเป็นแบงเก็ต
00:45:53 → 00:45:54 ที่เย็นเนี่ย
00:45:54 → 00:45:57 ค่ะร่างกายคนไข้เอาไว้เพื่อลดอุณหภูมินะ
00:45:57 → 00:45:59 ครับแล้วก็ที่เหลือก็คือถ้าอยู่ในสถานที่
00:45:59 → 00:46:02 ที่พร้อมเนี่ยครับถ้าคนไข้มีอาการสั่น
00:46:02 → 00:46:05 หนาวขึ้นมาจากการกระบวนการลดความเย็นหนำ
00:46:05 → 00:46:09 เนี่ยมันก็จะมียาบางชนิดที่ช่วยลดอาการ
00:46:09 → 00:46:12 สั่นหรือทรมานจากการได้รับความเย็นได้อื
00:46:12 → 00:46:16 ค่ะอครับอันนี้ก็น่าจะเป็นจุดที่ที่กรณี
00:46:16 → 00:46:19 ที่ปลอดภัยสุดก็คือต้องรีบลดความร้อนลง
00:46:19 → 00:46:21 ให้เร็วที่สุดครับค่ะอันนี้สงสัยนิดนึง
00:46:21 → 00:46:25 ค่ะคุณหมอคุณหมอใช้คำว่าจูหรือแช่ในอ่า
00:46:25 → 00:46:29 น้ำที่อุณหภูมิเอ่อไม่คือออุณหภูมิเย็น
00:46:29 → 00:46:33 น่ะเนาะน้ำเย็นแต่อันเนี้สงสัยว่าเอ๊ะถ้า
00:46:33 → 00:46:36 เค้าคือจุ่มหรือแช่นี่คือมันมันไม่ถึงหัว
00:46:36 → 00:46:39 ไม่ถึงศีรษะเราสามารถเอาศีรษะจุ่มลงไปใน
00:46:39 → 00:46:42 น้ำเย็นได้มยหรือถ้าศีรษะจุ่มลงไปน้ำเย็น
00:46:42 → 00:46:45 มันจะเป็นอันตรายกับคนที่เป็นฮิตโตกมั้ย
00:46:45 → 00:46:50 คะศีรษะจุ่มลงไปใช่มั้ครับใช่ค่ะจริงๆถ้า
00:46:50 → 00:46:56 คนไข้เป็นฮิตกมาแล้วมีซึมลงหรือว่าหรือ
00:46:56 → 00:46:59 ว่าหรือว่ามีความรู้สึกรับรู้ตัวลดลงอ่ะ
00:46:59 → 00:47:01 ครับการจะเอาศีรษะจุ่มลงไปเราจะให้แมหลีก
00:47:01 → 00:47:03 เตี้ยงอยู่แล้วเพราะมันอาจจะทำให้เกิดการ
00:47:03 → 00:47:06 สำลักหรือว่าขาดอาการหายใจได้อืนะครับก็
00:47:06 → 00:47:11 จะเป็นการจุ่มลำตัวลงไปมากกว่าค่ะแต่ถ้า
00:47:11 → 00:47:15 รู้ตัวล่ะคะจุ่มได้มั้ยถ้ารู้ตัวใช่มั้ย
00:47:15 → 00:47:18 ครับค่ะถ้าจุ่มแค่ศีรษะดูจะได้ประโยชน์
00:47:18 → 00:47:23 น้อยกว่าครับเพราะว่ามันเราต้องให้คือถ้า
00:47:23 → 00:47:26 ยิ่งเราจุ่มถ้าบริเวณร่างกายพื้นที่ร่าง
00:47:26 → 00:47:29 กายโดนความเย็นเพื่อลดความเย็นลดความร้อน
00:47:29 → 00:47:32 ได้น้อยครับมันก็จะลดความร้อนได้ช้าเพราะ
00:47:32 → 00:47:36 ฉะนั้นถ้าแค่ 4 สายไม่ไม่ค่อยดูจะจริงๆ
00:47:36 → 00:47:40 ไม่น่าจริงๆถ้าถามว่ามีอันตรายมั้ยไม่น่า
00:47:40 → 00:47:43 มีอันตรายอะไรแต่ดูว่าจะเป็นกระบวนการที่
00:47:43 → 00:47:46 ลดความร้อนได้ไม่เร็วอ่ะครับอ๋อค่ะไม่ได้
00:47:46 → 00:47:50 ขนาดนั้นคือเคยมีเคยมีที่ห่านเจอไว้ก่อน
00:47:50 → 00:47:55 ฮะจุ่มศีรษะลงไปหรืออาบน้ำเย็นจัดเนี่ย
00:47:55 → 00:47:58 มันจะทำให้เส้นเลือดมันหดตัวแล้วเกิด
00:47:58 → 00:48:02 เลือดตามมาอ่าอันนี้ก็ไม่ไม่ไม่เจอข้อมูล
00:48:02 → 00:48:05 ว่าเป็นความจริงนะครับอ๋อค่ะเพราะว่า
00:48:05 → 00:48:07 เพราะว่ายังไงก็ตามอย่างที่บอกถึงเราจุ่ม
00:48:07 → 00:48:09 บริเวณศีรษะไว้สมมุติเราตื่นอยู่เนี่ยเรา
00:48:09 → 00:48:13 จุ่มหัวลงไปเนี่ยค่ะถ้าพอพอร่างกายมัน
00:48:13 → 00:48:16 สัมผัสได้ว่าเย็นเส้นเลือดส่วนด้านนอกมัน
00:48:16 → 00:48:19 ก็จะหดตัวอยู่แล้วแล้วที่เหลือร่างกายก็
00:48:19 → 00:48:23 จะสั่นหรือว่าหดตัวเพื่อลดการเสียความ
00:48:23 → 00:48:25 ร้อนแล้วก็สร้างความร้อนเพิ่มในการสั่น
00:48:25 → 00:48:28 ของกล้ามเนื้ออมันมันมันจะไม่ปล่อยให้
00:48:28 → 00:48:33 อุณหภูมิที่ต่ำเกินลุกรานเข้าไปสู่ในสมอง
00:48:33 → 00:48:37 ได้อยู่แล้วครับอืค่ะก็ถือว่าเป็นเรื่อง
00:48:37 → 00:48:40 ข้อมูลที่เกี่ยวกับฮิสโตกวันนี้โอ๊คมีข้อ
00:48:41 → 00:48:44 สงสัยอะไรอื่นๆเพิ่มเติมมั้ยคะเอ่ออ่า
00:48:44 → 00:48:48 ก่อนถ้าถ้ากรณีของถ้าเด็กเล็กๆล่ะคุณหมอ
00:48:48 → 00:48:49 เด็กเล็ก
00:48:49 → 00:48:55 ถ้าเจอแบบเขาเจอกับแดดเยอะๆหรือว่าเอ่อ
00:48:55 → 00:48:58 เป็นเพลียแดดเป็นลมแดดอย่างเงี้ยครับเด็ก
00:48:58 → 00:49:02 เล็กๆเนี่ยสิ่งแรกที่ควรจะต้องทำกับเขา
00:49:02 → 00:49:06 เลยเอ่อทำให้เขาเย็นลงได้ยังไง
00:49:06 → 00:49:11 โอเคปลาเข้าที่ร่มเป่าพัดลมแล้วก็เช็ดตัว
00:49:11 → 00:49:15 เช็ดตัวเลยครับเอ่อเช็ดตัวก็ถ้าแนะนำคือ
00:49:15 → 00:49:17 เราจะเช็ดเพื่อให้มันเปิดดูขุมคนนะครับก็
00:49:17 → 00:49:21 คือเช็ดเช็ดก็ย้อนคนขึ้นมาค่ะย้อนอเช็ด
00:49:21 → 00:49:23 ย้อนอ่าย้อนคนนะครับเพื่อให้มันเปิดตัว
00:49:23 → 00:49:26 คุมคนแล้วก็เส้นเลือดขยะแล้วก็เหน็บตรง
00:49:26 → 00:49:31 บริเวณซอกรักแร้ข้อศอกข้อทรัพยคออือเพื่อ
00:49:31 → 00:49:33 ระบายความร้อนในจุดที่มันอาจจะมีเ้าเรียก
00:49:33 → 00:49:37 ว่าเป็นสวตแทบก็คือเหงื่อมันออกได้ไม่ดี
00:49:38 → 00:49:41 บริเวณนั้นจะออกตอนเย็นไปหน้าไปใช่ครับ
00:49:41 → 00:49:46 ใช่ครับแล้วก็อ่ายังไงก็ตามก็ต้องให้เด็ก
00:49:46 → 00:49:50 หรือว่าคนไข้ที่อายุเท่าไหร่ก็ตามดื่มน้ำ
00:49:50 → 00:49:53 เยอะๆเพื่อช่วยอ่าเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อจะ
00:49:53 → 00:49:56 ได้มีการผลิตเหนือแล้วก็ระบายความร้อนออก
00:49:56 → 00:50:01 อืครับแต่อย่างของลูกคุณโอ๊ไม่ได้แบบมี
00:50:01 → 00:50:04 อาการแบบรุนแรงใช่มั้ยครับไม่ๆครับเป็น
00:50:04 → 00:50:07 แค่แบบเป็นเหมือนเหมือนไข้แดดเลยอ่ะเป็น
00:50:07 → 00:50:11 แค่ก็ไม่สบายจากนี้แหละครับแต่ก็ไม่ถึง
00:50:11 → 00:50:14 กับขั้นที่แบบเป็นออสเตรียหรือว่าอ่าเป็น
00:50:14 → 00:50:17 แรงเป็นลงเป็นแร้งอะไรครับส่วนใหญ่ก็จะ
00:50:17 → 00:50:19 เป็นลักษณะเนี่ยแบบนี้ครับส่วนใหญ่เด็ก
00:50:19 → 00:50:22 ถ้าถ้าไม่ได้เล็กเกินหรือว่าเป็นผู้ใหญ่
00:50:22 → 00:50:25 ที่สูงอายุเกินนะครับก็เค้าก็จะมีกลไกที่
00:50:25 → 00:50:29 รักษาสมดุลของอุณหภูมิได้ปริมาณนึงเพียง
00:50:29 → 00:50:31 แต่ว่าบางครั้งเนี่ยก็อาจจะอ่ะไม่ไม่ค่อย
00:50:31 → 00:50:35 อยากดื่มน้ำอ่าใช่ค่ะประมาณนี้แล้วก็เวลา
00:50:35 → 00:50:38 เล่นก็จะพลังงานเยอะใช่มั้ครับสุดๆไปเลย
00:50:39 → 00:50:41 ไม่รู้ตัวบางทีมันก็จะไม่รู้ตัวแล้วก็จน
00:50:41 → 00:50:45 ถึงแบบจุดที่ร่างกายมันเริ่มแบบต้านทาน
00:50:45 → 00:50:47 ไม่ไหวละเหงื่อออกไปปริมาณนึงอ่ะมันเริ่ม
00:50:47 → 00:50:50 แบบระบายความร้อนไม่ไหวเดียวอืก็จะเริ่ม
00:50:50 → 00:50:53 แบบมีอาการอ่อนเพียมีวูบๆเวียนๆหรือว่า
00:50:53 → 00:50:56 รู้สึกมันมีไข้ขึ้นมาครับค่ะอืเหลือ 1
00:50:56 → 00:50:59 นาทีสุดท้ายค่ะคุณหมออยากทราบว่าเอ่อถ้า
00:50:59 → 00:51:02 เราอยู่เฉยๆเนี่ยมันจะเปิดเอ่อเป็นฮิสโตก
00:51:02 → 00:51:05 ได้มยแล้วก็ขอให้คุณหมอสรุปเกี่ยวกับเอ่อ
00:51:05 → 00:51:08 เรื่องฮิสโตกกับน้ำเย็นวันนี้ว่าจริงๆ
00:51:08 → 00:51:12 แล้วมันช่วยได้มากน้อยแค่ไหนค่ะจริงๆถ้า
00:51:12 → 00:51:15 อยู่เฉยๆจะเป็นได้มยค่ะถ้าในกรณีที่อยู่
00:51:15 → 00:51:21 เฉยๆไม่ไม่ได้ไปปากแดดหรือว่าอยู่ในที่
00:51:21 → 00:51:25 ที่ร้อนจัดอ่ะครับคือร่างกายเราถ้ามันมี
00:51:25 → 00:51:29 ระบบคงสมดุลอุณหภูมิเนี่ยส่วนใหญ่ไม่ไม่
00:51:29 → 00:51:32 น่าจะมีฮิตกเกิดขึ้นง่ายๆโดยเฉพาะถ้าเรา
00:51:32 → 00:51:36 ไม่ได้มีโรคประจำตัวครับยกเว้นว่าเราอ่ะ
00:51:36 → 00:51:38 เราไม่มีโรคประจำตัวจริงจะอยู่ในบริเวณ
00:51:38 → 00:51:42 ที่มันอากาศถ่ายเทไม่ดีความชื้นที่มากมี
00:51:42 → 00:51:45 การได้รับแบบแสงมาเรื่อยๆโดยที่เราก็ไม่
00:51:45 → 00:51:48 ได้หลบเรียบเที่ยงแล้วก็ไม่ได้อ่าป้องกัน
00:51:48 → 00:51:50 ตัวจากความร้อนอย่างดีครับบางครั้งมันก็
00:51:50 → 00:51:53 อาจจะเกิดคริสตกตามขึ้นมาได้จากการระบาย
00:51:53 → 00:51:56 ความร้อนที่ไม่ถีดอือืโดยเฉพาะโดยเฉพาะ
00:51:56 → 00:52:01 ถ้าอยู่ในจุดที่มันเสี่ยงน้อยๆไปเป็นระยะ
00:52:01 → 00:52:04 เวลานานๆครับเพราะบางครั้งเอาจจะเกิดขึ้น
00:52:04 → 00:52:09 แน่ๆเป็นเวลานาทีหรือค่อยๆเกิดขึ้นในชั่ว
00:52:10 → 00:52:12 แต่การสะสมความร้อนและการระบายความร้อน
00:52:12 → 00:52:17 ที่เริ่มเสื่อมถอยขาดน้ำแล้วก็การระเหย
00:52:17 → 00:52:19 ความร้อนออกเนี่ยไม่ดีจากบรรยากาศรอบข้าง
00:52:19 → 00:52:22 ที่มันชื้นค่ะครับแล้วครับโดยเฉพาะอากาศ
00:52:22 → 00:52:25 ลักษณะนี้นะครับวันนี้ขอบคุณคุณหมอมากเลย
00:52:25 → 00:52:27 นะคะรายการสุขภาพดี 22:00 น.ของเราหมด
00:52:27 → 00:52:30 เวลาแล้วจริงๆค่ะครับขอบคุณคุณหมอธนพัฒ์
00:52:30 → 00:52:33 จงไพบูลย์พัฒนะนะคะอายุรแพทย์ประจำแผนก
00:52:33 → 00:52:35 อายุรกรรมโรงพยาบาลไทยนครินทร์ค่ะสำหรับ
00:52:35 → 00:52:38 เรา 3 คนวันนี้ลาสวัสดิ์สวัสดีค่ะคุณผู้
00:52:38 → 00:52:42 ฟังคะสวัสดีครับสวัสดีค่ะ