00:00:00 → 00:00:23 [เพลง]
00:00:23 → 00:00:27 หมอขาสวัสดีค่ะสวัสดีนะคะชาว Legacy ทุกๆ
00:00:27 → 00:00:30 คนนะคะก็กลับมาอีกแล้วนะคะกับรายการนะคะ
00:00:30 → 00:00:34 คุยทุกสุขภาพบายหมอป๊อปนะคะนายแพทย์
00:00:34 → 00:00:38 ธนศักดิ์ยิ้มเกิดนะคะเจ้าของเพจไดเอทดร
00:00:38 → 00:00:41 ไทยแลนด์นะคะซึ่งเราจะเจอกันนะคะทุกวัน
00:00:41 → 00:00:44 ศุกร์แรกแล้วก็วันศุกร์สุดท้ายของเดือนนะ
00:00:44 → 00:00:48 คะรับชมได้ที่ Facebook นะคะ reborn
00:00:48 → 00:00:52 Sorry by Infinite นะคะหรือรับชมทาง
00:00:52 → 00:00:54 YouTube ได้ที่ Legacy Club official
00:00:54 → 00:00:57 นะคะวันนี้นะคะคุณหมอเราจะมาคุยกันเรื่อง
00:00:57 → 00:01:00 topic ที่นุ่นก็ให้ความสนใจมากๆแล้วก็
00:01:00 → 00:01:03 นุ่นก็เชื่อว่าชาวเลกาซี่เพื่อนๆหลายๆคน
00:01:03 → 00:01:05 ก็ให้ความสำคัญเช่นเดียวกันนะคะก็คือ
00:01:05 → 00:01:07 เรื่องของ
00:01:07 → 00:01:10 personalize Mutation โภชนาการเฉพาะ
00:01:10 → 00:01:13 บุคคลแต่นุ่นว่าถึงแม้เราจะพูดเป็นภาษา
00:01:13 → 00:01:17 ไทยนะคุณหมอแต่คนก็ยังงงๆอยู่ว่ามันแปล
00:01:17 → 00:01:20 ว่าอะไรก็เลยอยากที่จะเปิดเป็นคำถามแรก
00:01:20 → 00:01:23 ให้กับคุณหมอและค่ะว่าสำหรับคุณหมอแล้วคำ
00:01:23 → 00:01:25 ว่า personalize Mutation หรือว่า
00:01:25 → 00:01:28 โภชนาการเฉพาะบุคคลมันมีความหมายว่ายังไง
00:01:28 → 00:01:31 หรอคะในมุมมองผมเนี่ยโภชนาการเฉพาะบุคคล
00:01:31 → 00:01:33 จริงมันเป็นศัพท์ที่เราได้ยินกันบ่อยขึ้น
00:01:33 → 00:01:36 ในช่วงหลังเพราะในช่วงหลังผมว่านอกจาก
00:01:36 → 00:01:40 ปัญหาเรื่องของสุขภาพที่ดีโดยการที่เรา
00:01:40 → 00:01:45 ไม่เจ็บป่วยเรามักจะโฟกัสไปถึงว่าเราจะมี
00:01:45 → 00:01:47 สุขภาพที่เป็นเหนือการเจ็บป่วยได้ยังไง
00:01:47 → 00:01:49 ใช่ไหมฮะอย่างเช่นว่า
00:01:49 → 00:01:52 ถ้าไม่ป่วยแล้วเป็นไปได้ไหมเราจะอายุยืน
00:01:52 → 00:01:53 ยาวมากกว่าคนอื่นเขา
00:01:53 → 00:01:57 ยืนยาวมากกว่าคนอื่นเขาหรือว่าแม้กระทั่ง
00:01:57 → 00:02:00 ตอนอายุเรา 60-70 ไปแล้วเรายังสามารถเล่น
00:02:00 → 00:02:03 กีฬาบางประเภทซึ่งบางคนในช่วงที่ผ่านมา
00:02:03 → 00:02:06 60-70 อาจจะไม่มีแรงไปเล่นละนะครับมัน
00:02:06 → 00:02:09 มันเป็นอะไรที่ก้าวไปไกลกว่าการที่จะไม่
00:02:09 → 00:02:11 ป่วยมันก็เลยมีเทคโนโลยีที่พยายามจะไปดู
00:02:11 → 00:02:14 ว่าเอ๊ะแต่ละคนเนี่ยมันอาจจะมีการตอบสนอง
00:02:14 → 00:02:16 ต่อสารอาหารบางอย่างไม่เท่ากันไม่เหมือน
00:02:16 → 00:02:20 กันด้วยลักษณะของกรรมพันธุ์หรือยีนหรือ
00:02:20 → 00:02:22 แม้กระทั่งบางคนขาดสารอาหารบางอย่างที่
00:02:22 → 00:02:27 ตัวเองทราบนั้นการที่ถ้าเราไปกินอาหารที่
00:02:27 → 00:02:30 เป็น supplient โดยการที่กวาดทานไปเหมือน
00:02:30 → 00:02:32 ด้วยกันหมดอาจจะได้ผลไม่เหมือนกันเพราะ
00:02:32 → 00:02:34 เราคนขาดสารอาหารไม่เหมือนกันขาดวิตามิน
00:02:34 → 00:02:37 ไม่เหมือนกันถ้าเราไปทานเหมือนกันบางคน
00:02:37 → 00:02:39 ไม่ขาดสิ่งนี้แต่ไปทานก็อาจจะไม่มี
00:02:39 → 00:02:40 ประโยชน์
00:02:40 → 00:02:43 นั้นก็เลยในรูปแบบในปัจจุบันก็เลยเขามี
00:02:43 → 00:02:45 การดีไซน์เขา Personal lightition ขึ้น
00:02:45 → 00:02:48 มาอย่างเช่นว่าอาจจะตรวจเลือดคุณนุ่นคุณ
00:02:48 → 00:02:51 นุ่นขาดวิตามินตัวไหนไหมขาดกฎอะมิโนตัว
00:02:51 → 00:02:54 ไหนไหมนะครับจำเป็นที่ต้องเสริมเฉพาะตอน
00:02:54 → 00:02:57 นี้หรือว่าโดยกรรมพันธุ์ของนุ่นมีความ
00:02:57 → 00:03:01 เสี่ยงต่อการที่จะเกิดโรคไหนหรือมีความ
00:03:01 → 00:03:03 เสี่ยงต่อการที่จะทำให้อายุมันสั้นลงหรือ
00:03:03 → 00:03:05 เปล่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนโภชนาการบาง
00:03:05 → 00:03:07 อย่างเพื่อที่จะไปกระตุ้นยืนบางอย่าง
00:03:07 → 00:03:11 เพื่อที่จะให้เกิดการตอบสนองในเชิงบวกที่
00:03:11 → 00:03:13 มากขึ้น personalized ในมุมมองผมคือการ
00:03:13 → 00:03:16 ต่อยอดอ่าจากสุขภาพที่ดีแล้วดีโดยพื้นฐาน
00:03:16 → 00:03:19 ต่อยอดเพื่อให้เหมาะสมกับเราเพื่อไปสู่
00:03:19 → 00:03:43 ระดับสูงสุดพื้นฐานประเด็นแรกเลย
00:03:43 → 00:03:46 แล้วหลังจากนั้นเมื่อร่างกายเราไม่ป่วย
00:03:46 → 00:03:49 ตอนนี้ผมในมุมมองผม
00:03:49 → 00:03:54 บทบาทว่าเมื่อคุณไม่ป่วยแล้วตอนนี้แต่คุณ
00:03:54 → 00:03:56 ต้องการอัพเกรดร่างกายของคุณไปอีก Level
00:03:56 → 00:03:58 หนึ่ง
00:03:59 → 00:04:01 persion จะช่วยเราได้ยังไงที่เราเจอ
00:04:01 → 00:04:04 ประจำคือการตรวจสารอาหารในร่างกายเราขาด
00:04:04 → 00:04:07 ตัวไหนตัวไหนเกินนะครับแล้วทางแพทย์ก็
00:04:07 → 00:04:09 ดีไซน์ให้เราควรจะเสริมตัวนี้นะแล้วเขามี
00:04:09 → 00:04:12 ผลิตแคปซูลสำหรับเราโดยเฉพาะส่วนอีก
00:04:12 → 00:04:14 ลักษณะหนึ่งก็คือเขาอาจจะมองว่ากรรม
00:04:14 → 00:04:18 พันธุ์ของเราเนี่ยมีแนวโน้มที่จะทำแบบนี้
00:04:18 → 00:04:20 ดีกว่าทำแบบนี้อาจจะเสริม Performance
00:04:20 → 00:04:23 หรือประสิทธิภาพของสุขภาพได้ไม่ดีมากนะ
00:04:23 → 00:04:25 อันนี้ที่เรียกว่าการไปตรวจ DNA
00:04:25 → 00:04:29 ในสมัยนี้ราคาก็ไม่ได้แพงมากนะมันก็จะ
00:04:29 → 00:04:31 สามารถทำให้หมออาจจะให้คำแนะนำเลยว่า
00:04:31 → 00:04:34 เมื่อสุขภาพเราดีละแล้วเราต้องการต่อยอด
00:04:34 → 00:04:36 เฉพาะเราซึ่งอาจจะแตกต่างจากคนอื่นเนี่ย
00:04:36 → 00:04:39 เราควรจะต้องต่อยอดยังไงแน่นอนตอนนี้เรา
00:04:39 → 00:04:43 กำลังคิดละในเรื่องของ persalization คือ
00:04:43 → 00:04:46 เราอยากเราไม่ได้อยากจะแค่เขาเรียกว่าไม่
00:04:46 → 00:04:49 ป่วยนะคุณหมอแต่ว่าจริงๆเราอาจจะอยากอ่อน
00:04:49 → 00:04:52 เยาว์ขึ้นอาจจะอยากแข็งแรงอาจจะอยากเล่น
00:04:52 → 00:04:54 กีฬาอย่างที่คุณหมอพูดได้ในอายุที่ในบาง
00:04:54 → 00:04:56 ครั้งแต่ก่อนอาจจะเล่นไม่ได้เป้าหมายมัน
00:04:56 → 00:04:59 จะไม่เหมือนกันคือถ้าเรามีโรคประจำตัว
00:04:59 → 00:05:02 อยู่เราคงไม่มานั่งคุยว่าฉันอยากมีอายุ
00:05:02 → 00:05:04 ยืนยาว 100 ปีเอาแค่หายป่วยก่อนก็โอเคใช่
00:05:04 → 00:05:06 ไหมฮะแต่เมื่อเราสุขภาพดีแล้วเราก็จะ
00:05:06 → 00:05:08 เริ่มมานั่งคุยกันอุ๊ยตอนนี้ฉันแข็งแรง
00:05:08 → 00:05:11 มากอายุ 80 อยากจะอยู่เกินร้อยมันก็จะ
00:05:11 → 00:05:13 เป็นเป้าหมายที่ถัดไป
00:05:13 → 00:05:17 สรุปก่อนที่จะไปถึง personalize ในทุกๆ
00:05:17 → 00:05:20 วันน่ะเราควรดูแลตัวเองยังไงอ่ะคะ
00:05:20 → 00:05:23 ในเรื่องของโภชนาการแก่นหลักที่ทำให้เรา
00:05:23 → 00:05:26 ดูภาพดีนะครับประเด็นแรกคือเราต้องเข้าใจ
00:05:26 → 00:05:28 อย่างนึงว่าร่างกายเราเนี่ยสารอาหาร 3
00:05:28 → 00:05:31 อย่างโปรตีนคาร์บอเนตไขมันร่างกายเรา
00:05:31 → 00:05:33 ต้องการโปรตีนเป็นแกนหลักเพราะว่าโปรตีน
00:05:33 → 00:05:36 คือโครงสร้างหลักของร่างกายนะครับแล้ว
00:05:36 → 00:05:39 ร่างกายเราก็ไม่ได้สะสมโปรตีนไว้เพื่อ
00:05:39 → 00:05:42 เผื่อเหลือเผื่อขาดนานเกินไปอันดับแรกคือ
00:05:42 → 00:05:44 เราควรจะให้ความสำคัญกับโปรตีนในระดับแรก
00:05:44 → 00:05:47 ทานโปรตีนให้เพียงพอหรือว่าโปรตีนที่เป็น
00:05:47 → 00:05:49 ธรรมชาติ The Good ประเด็นที่ 2 ก็คือ
00:05:49 → 00:05:52 ร่างกายของเราในการใช้พลังงานมันใช้พลัง
00:05:52 → 00:05:54 งานได้คือคาร์บอเนตและไขมัน
00:05:54 → 00:05:57 ผมพูดประจำว่าร่างกายเราถูกวิวัฒนาการให้
00:05:57 → 00:06:01 ใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักเนื่องจากว่าร่าง
00:06:01 → 00:06:04 กายของเราเวลามันเผาไขมันมันให้พลังงาน
00:06:04 → 00:06:07 ที่บริสุทธิ์หมายว่าเกิดของเสียน้อยกว่า
00:06:07 → 00:06:09 และ 1 หน่วยของไขมันให้พลังงานที่มากกว่า
00:06:09 → 00:06:13 น้ำตาลดังนั้นเราควรจะจำกัดน้ำตาลไม่ให้
00:06:13 → 00:06:16 มากเกินไปไม่ใช่ว่าเราทานไม่ได้นะ
00:06:16 → 00:06:19 คาร์บอเนตทานได้แต่ว่าไม่ควรจะทานเยอะมาก
00:06:19 → 00:06:23 เลยไปแล้วก็อันที่ 3 เนี่ยเราเลือกอาหาร
00:06:24 → 00:06:25 ที่หลีกเลี่ยงการแปรรูปไม่ว่าจะเป็น
00:06:25 → 00:06:28 โปรตีนคาร์บอเนตมันควรจะเป็นอาหารที่เป็น
00:06:28 → 00:06:31 เร็ว Food ธรรมชาติไม่ได้ผ่านการแปรรูปนะ
00:06:31 → 00:06:34 ครับอันนี้คือหลักการแล้วก็กินเมื่อหิว
00:06:34 → 00:06:39 กินเมื่อหิวอิ่มพระอิ่มแล้วต้มยำ
00:06:39 → 00:06:43 มือไม่ควรเลยใช่นะครับเพียงแค่นี้นะครับ
00:06:43 → 00:06:46 ก็จะทำให้ร่างกายเราเนี่ยสามารถรักษา
00:06:46 → 00:06:50 สมดุลนั่นคือหมายความว่าเราจะปราศจากโรค
00:06:50 → 00:06:53 ภัยไข้เจ็บที่เราเรียกว่ามันมันเป็นโรค
00:06:53 → 00:06:55 ที่ต้องตื่นตัวหรือเรื้อรังนู้นว่านุ่น
00:06:55 → 00:06:57 จับประเด็นอันนึงได้ที่สำคัญมากๆเลยก็คือ
00:06:57 → 00:06:59 ต่อให้เรากินของดียังไงต่อให้เรา
00:06:59 → 00:07:02 persalize ยังไงแต่ถ้าเรายังกินของแปร
00:07:02 → 00:07:07 รูปน้ำตาลขนมหรือว่ากินจุกกิมจิเผลอๆไอ้
00:07:07 → 00:07:08 ตังค์ที่เราเสียไปหรือว่าที่เราไปตรวจมา
00:07:09 → 00:07:11 ก็อาจจะไม่ได้ผลแบบนั้นไหมคะคุณหมอใช่
00:07:11 → 00:07:15 ครับเพราะว่าผมพูดเสมอว่าตราบใดที่เราทาน
00:07:15 → 00:07:17 อาหารที่ทำร้ายร่างกายเราอยู่
00:07:17 → 00:07:22 ถึงแม้เราจะทานอาหารเสริมไม่ว่าเราจะทาน
00:07:22 → 00:07:24 ยาที่ดีหรืออาหารเสริมที่ดีถ้าตราบใดที่
00:07:24 → 00:07:27 เรายังทานสิ่งที่ทำร้ายร่างกายไอ้สิ่งที่
00:07:27 → 00:07:30 เราไปเสริมต่างๆก็จะไม่ช่วยอะไรผมพูดอยู่
00:07:30 → 00:07:34 เสมอว่าถ้าโภชนาการหลักผิดยาหรือ
00:07:34 → 00:07:37 supplement ก็ไร้ประโยชน์นะครับนั่นคือ
00:07:37 → 00:07:39 สิ่งที่เราต้องโฟกัสก่อนก็คือในเรื่องของ
00:07:39 → 00:07:43 เมนหลักของแก่นของโภชนาการที่ทำให้เราไม่
00:07:43 → 00:07:45 ป่วยคืออาจจะไม่ถึงกับสุขภาพดีเลิศแต่ไม่
00:07:45 → 00:07:48 ป่วยแต่ผมว่าในยุคปัจจุบันเนี่ยแค่ไม่
00:07:48 → 00:07:50 ป่วยก็ถือว่าสุขภาพดีแล้วนะคะเพราะฉะนั้น
00:07:50 → 00:07:54 เนี่ยต้องเริ่มต้นจากการไม่ทานของที่ไม่
00:07:54 → 00:07:57 ดีอ่ะเข้าร่างกายก่อนนะคะเพื่อนๆถ้าเราทำ
00:07:57 → 00:07:59 ตรงนั้นได้เรียบร้อยแล้วปุ๊บอ่ะแล้วเรา
00:07:59 → 00:08:02 อยากจะเอา personalize Mutation หรือเรา
00:08:02 → 00:08:05 อยากจะเอาการไปตรวจ DNA อะไรเข้ามาเนี่ย
00:08:05 → 00:08:08 เสริมอ่ะได้สมมุติตอนนี้หนูแบบดูแลพื้น
00:08:08 → 00:08:11 ฐานหนูได้แบบเรียกว่าดีละคุณหมอแล้วหนูก็
00:08:11 → 00:08:14 อยากจะไปตรวจละว่าเป็นยังไงบ้างคุณหมอมี
00:08:14 → 00:08:17 แนวทางหรือมีเอ่อข้อคิดยังไงก่อนเพิ่งจะ
00:08:17 → 00:08:20 ไปตรวจไหมคะจริงผมมองว่าการตรวจสิ่งเหล่า
00:08:20 → 00:08:23 นี้เนี่ยถ้าเราไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรอย่าง
00:08:23 → 00:08:25 อื่นนะครับแล้วเราต้องการอยากจะตรวจจริง
00:08:25 → 00:08:27 เนี่ยสถานที่ตรวจเนี่ยมีให้ตรวจเยอะมาก
00:08:27 → 00:08:29 มายแต่ว่าประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าการแปลผล
00:08:30 → 00:08:32 เพราะว่ามันก็ไม่ใช่หมายว่าสิ่งที่เรา
00:08:32 → 00:08:34 ตรวจเจอและเห็นผลอย่างนั้นมันจำเป็นต้อง
00:08:34 → 00:08:37 ไปวิ่งตามในทุกๆเรื่องผมมองว่าตรงนี้การ
00:08:37 → 00:08:40 แปลผลมันไม่ได้อะไรยากมากมายอย่างเช่น
00:08:40 → 00:08:43 วิตามินบี 1 ต่ำเกินไปโอเมก้า 3 ต่ำเกิน
00:08:43 → 00:08:46 ไปมันเห็นตัวเลขชัดเจนถ้าเราอยากจะเสริม
00:08:46 → 00:08:48 แทนที่จะเสริมตัวอื่นมั่วๆการเสริมตัวนี้
00:08:48 → 00:08:51 ก็อาจจะช่วยเราได้มากกว่านั่นคือประเด็น
00:08:51 → 00:08:54 การแปลผลที่ผมมองว่าอาจจะต้อง
00:08:54 → 00:08:57 ให้ความใส่ใจนิดนึงก็คือการแปลผลในเรื่อง
00:08:57 → 00:08:59 การแปลผลดีเอ็นเอ
00:08:59 → 00:09:02 นะครับเพราะว่าการที่เรียนเองบอกอย่างนี้
00:09:02 → 00:09:04 ก็ใช่ว่าจำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น
00:09:04 → 00:09:07 คือเราชอบคิดว่าดีเอ็นเอเป็นสิ่งที่ควบ
00:09:07 → 00:09:10 คุมเราถ้า DNA บอกอย่างนี้ฉันต้องเป็น
00:09:10 → 00:09:11 อย่างนี้แน่ๆซึ่งในปัจจุบันเนี่ยมันมี
00:09:11 → 00:09:14 ศาสตร์หนึ่งที่เราพูดถึงการทำงาน DNA ก็
00:09:14 → 00:09:19 คือ Epic อย่างเช่นผมมี DNA ของมะเร็งมี
00:09:19 → 00:09:22 ยีนของมะเร็งอยู่มันก็ไม่ได้หมายความว่า
00:09:22 → 00:09:24 คนที่มียืนมะเร็งเนี่ยจำเป็นต้องเป็น
00:09:24 → 00:09:27 มะเร็งสังเกตไหมครับนั่นคือ Epic genetic
00:09:27 → 00:09:29 นั่นคือแบบว่ามันมีสภาพแวดล้อมอย่างอื่น
00:09:29 → 00:09:33 ที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแสดงออกของเย็น
00:09:33 → 00:09:35 มะเร็งมันหมายว่าอย่างเช่นผมมียินมะเร็ง
00:09:36 → 00:09:39 แต่การปิดเปิดยืนมะเร็งมันต้องอาศัยสภาวะ
00:09:39 → 00:09:42 แวดล้อมเห็นภาพไหมครับผมยกตัวอย่างง่ายๆ
00:09:42 → 00:09:45 อย่างเช่นเราอาจจะมียืนของมะเร็งปอด
00:09:45 → 00:09:49 และการสูบบุหรี่เราพบว่าการสูบบุหรี่คน
00:09:49 → 00:09:51 ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเกิดมะเร็งปอดสูงขึ้น
00:09:51 → 00:09:54 ก็เพราะว่าการสูบบุหรี่มันเหมือนกับชีวิต
00:09:54 → 00:09:57 on หรือเปิดสวิตช์เกิดขึ้นทำให้ดิน
00:09:57 → 00:09:59 มะเร็งปอดเราเกิดการแสดงออก
00:09:59 → 00:10:03 แต่ถ้าผมทราบแบบนี้ผมแค่ไม่สูบบุหรี่
00:10:03 → 00:10:06 โอกาสที่จะเกิดมะเร็งปอดผมก็ลดลงลดลงแบบ
00:10:06 → 00:10:09 เลยถึงแม้ว่าจะมียีนส์ของมะเร็งปอดดูก็
00:10:09 → 00:10:12 ตามดังนั้นการที่เราตรวจพบยืนได้ยินอย่าง
00:10:12 → 00:10:15 นี้ร่างกายไม่ได้หมายถึงนั้นจำเป็นต้อง
00:10:15 → 00:10:18 แสดงออกเสมอไปเราสามารถควบคุมการแสดงออก
00:10:18 → 00:10:21 ของยีนส์ได้โดยการที่ปรับพฤติกรรม
00:10:21 → 00:10:25 ถ้าเราใช้พฤติกรรมที่ถูกต้องยีนที่แย่ๆ
00:10:26 → 00:10:29 ยีนที่ทำให้เราป่วยหลายโรคก็อาจจะปิดการ
00:10:29 → 00:10:32 แสดงออกไม่แสดงออกเลยทั้งชีวิตก็ได้เห็น
00:10:32 → 00:10:34 ภาพแล้วการที่เราปฏิบัติตัวไม่ว่าจะเป็น
00:10:34 → 00:10:37 เรื่องโภชนาการการนอนหลับพักผ่อนการออก
00:10:37 → 00:10:40 กำลังกายที่เหมาะสมก็จะทำให้นอกเหนือจาก
00:10:40 → 00:10:42 การปิดสวิตซ์ยีนส์ที่จะทำให้เกิดเรื่อง
00:10:42 → 00:10:45 แย่ๆกับร่างกายเราแล้วหรือสุขภาพแล้วมัน
00:10:45 → 00:10:47 ก็อาจจะไปเปิดสวิตช์ยีนส์ที่ทำให้สุขภาพ
00:10:47 → 00:10:51 เราดีขึ้นได้ดังนั้นการตรวจยีนเป็นอะไร
00:10:51 → 00:10:53 ที่ผมว่าเราต้องทำความเข้าใจในการแปลผล
00:10:53 → 00:10:56 เยอะมากกว่าการตรวจว่าวิตามินตัวนี้ต่ำ
00:10:56 → 00:10:59 หรือสูงคือรายงานน่ะเวลาที่เข้าไปตรวจถ้า
00:10:59 → 00:11:01 มันมีการตรวจ DNA ด้วยอ่ะ DNA เหมือนกับ
00:11:01 → 00:11:04 เป็นเป็นตัวเราอ่ะแต่มันไม่ได้หมายความ
00:11:04 → 00:11:07 ว่าเราจะถูกกำหนดชีวิตเราอ่ะด้วย DNA แต่
00:11:07 → 00:11:09 ว่าถ้าเราไปตรวจเลือดแล้วเราเห็นเลยว่า
00:11:09 → 00:11:12 วิตามินตัวนี้ขาดอันนั้นน่ะถ้าเราจะเสริม
00:11:12 → 00:11:15 คือเราสามารถเสริมได้ใช่ครับมันเหมือนกับ
00:11:15 → 00:11:17 ว่า DNA เนี่ยมันเหมือนกระสุนที่ถูกโหลด
00:11:17 → 00:11:21 ในรังเพลิงของปืน
00:11:21 → 00:11:23 จริงๆมันหรือไม่ยิงมันอีกเรื่องใช่มั้ย
00:11:23 → 00:11:26 ครับงั้นเราเห็นปืนมีกระสุนคือ DNA ที่
00:11:26 → 00:11:28 อยู่ในร่างกายเราแต่ถ้าเราคิดว่าเฮ้ยการ
00:11:28 → 00:11:30 ที่ปล่อยศูนย์อันนี้ก็ไปมันทำให้เกิดผล
00:11:30 → 00:11:33 ที่แย่เราแค่ไม่มีโอกาสทำบางอย่างที่ไม่
00:11:33 → 00:11:36 เหนียวกันดังนั้นมันมีคำพูดหนึ่งก็คือว่า
00:11:36 → 00:11:38 DNA เหมือนกับกระสุนที่ถูกโหลดในรัง
00:11:38 → 00:11:41 เพลิงแต่การที่มันจะแสดงออกหรือถูกยิงไป
00:11:41 → 00:11:44 หรือไม่มันขึ้นว่าเราจะ tricker มันมั้ย
00:11:44 → 00:11:47 การกินของเราการนอนของเราการออกกำลังกาย
00:11:48 → 00:11:49 ของเราทุกๆอย่างเลย
00:11:49 → 00:11:53 จะเป็นตัวที่ควบคุมการแสดงออกของ DNA
00:11:53 → 00:11:56 โอเคนะคะอันนี้เจ๋งมากๆเลยนะคะเพราะว่า
00:11:56 → 00:11:59 หลายๆคนน่ะก็ได้มีโอกาสไปตรวจเรียนเองมา
00:11:59 → 00:12:01 บ้างแล้วเพราะฉะนั้นเนี่ยการแปลผลหรือการ
00:12:01 → 00:12:04 ที่เราอ่านปุ๊บแล้วเราอุ๊ยขาดนู้นขาดนี่
00:12:04 → 00:12:07 อย่าจำนนต่อสิ่งนั้นเพราะจริงๆแล้วอ่ะเรา
00:12:07 → 00:12:11 สามารถที่จะแก้ไขตัวเราอ่ะให้ DNA ตัว
00:12:11 → 00:12:13 นั้นไม่ต้องเปิดออกมาก็ได้นะคะเพราะ
00:12:13 → 00:12:16 ฉะนั้นว่าอันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากแล้ว
00:12:16 → 00:12:19 การที่ไปตรวจพวกเขาเรียกว่าแพ้อาหารอะไร
00:12:19 → 00:12:22 หรือเปล่าเนี่ยถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการ
00:12:22 → 00:12:25 ทำ personalized nutrition ไหมนุ่นก็
00:12:25 → 00:12:27 อยากให้คุณหมอลองแบ่งปันอันนี้ให้เพื่อนๆ
00:12:27 → 00:12:30 ฟังด้วยว่าเออจริงๆที่เราเข้าไปตรวจสาร
00:12:30 → 00:12:32 ภูมิแพ้ต่างๆเนี่ยมันมีความสำคัญยังไงไหม
00:12:32 → 00:12:35 คะในมุมมองผมมันต่อในมุมมองผมแล้วกันนะ
00:12:35 → 00:12:39 ครับการที่เราไปตรวจสารภูมิแพ้ใน
00:12:39 → 00:12:42 ประสบการณ์ผมผมพบว่าแต่ละคนเวลาแพ้มันมัก
00:12:42 → 00:12:46 จะไม่แพ้ตัวเดียวแพ้เยอะมากออกมารายงาน
00:12:46 → 00:12:49 เต็มเลยเวลาเราคุยกับแพทย์เนี่ยแพทย์อะไร
00:12:49 → 00:12:53 จะบอกว่าคุณแพ้ไข่ขาวนะคุณมันต้องเลี่ยง
00:12:53 → 00:12:55 คุณแพ้โปรตีนจากถั่วตัวนี้
00:12:55 → 00:12:58 ถ้าเราเห็นว่าเราแพ้อะไรเราต้องเรียกงั้น
00:12:58 → 00:13:00 บางทีวันนึงเราอาจจะไม่มีอะไรทำ
00:13:00 → 00:13:03 แพ้หมดทุกอย่างเราอาจจะเฮ้ยจะทานอะไร
00:13:03 → 00:13:05 เนี่ยมันแพ้หมดเลยใช่ไหมครับแล้วในมุมมอง
00:13:05 → 00:13:09 ผมคือการที่เราตรวจบางอย่างในการที่มัน
00:13:09 → 00:13:11 เป็นตัวของแพทย์แล้วพบว่าเราแพ้ประเด็น
00:13:11 → 00:13:13 มันอาจจะต้องมองกลับมาดูว่าแทนที่เราต้อง
00:13:13 → 00:13:16 หลีกเลี่ยงนั้นทุกเรื่องอาจต้องกลับมาดู
00:13:16 → 00:13:19 ว่าอะไรคือต้นเหตุที่ทำให้ร่างกายกระตุ้น
00:13:19 → 00:13:22 ภูมิต้านทานตอนนั้นขึ้นมาจะได้ไปแก้ตั้ง
00:13:22 → 00:13:25 แต่ต้นเหตุเลยคือเรื่องของสาเหตุที่เป็น
00:13:25 → 00:13:28 รากฐานของมันจริงๆเราจะเห็นว่าสิ่งที่เรา
00:13:28 → 00:13:31 ไปตรวจภูมิแพ้มันมักจะเป็นสิ่งที่เราเจอ
00:13:31 → 00:13:33 อยู่บ่อยๆประจำวัน
00:13:33 → 00:13:36 อย่างเช่นอาหารที่เราไปตรวจแพ้อยู่ 20
00:13:36 → 00:13:39 อย่างมันก็อาหารที่เรากินอยู่ทุกวันแล้ว
00:13:39 → 00:13:40 ก็ไม่เห็นมีผื่นมีอะไรที่อะไรแต่ว่า
00:13:40 → 00:13:44 ปฏิญาณในเลือดมันขึ้นนะครับในส่วนตัวผม
00:13:44 → 00:13:48 เนี่ยผมมองว่าตรงนี้เนี่ยมันดูจากแตกต่าง
00:13:48 → 00:13:52 จากคำว่า personalize โอเคนะครับเพราะว่า
00:13:52 → 00:13:55 แต่ละคนไปตรวจมันก็จะเป็นมาอย่างนี้ 23
00:13:55 → 00:13:58 ตัวแล้วก็แพ้เหมือนๆกันน่ะไม่ต่างกันร่าง
00:13:58 → 00:14:01 กายเราโดยปกติมันจะไม่ยอมให้แปลกปลอมอะไร
00:14:01 → 00:14:03 บางอย่างเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายนะ
00:14:03 → 00:14:06 ประเด็นก็คือแล้วสิ่งเข้าไปตรวจเจอก็ใช่
00:14:06 → 00:14:08 ว่าจะเป็นสิ่งแปลกปลอมเพราะมันคืออาหาร
00:14:08 → 00:14:11 ที่เราจะมีประจำโอเคนะครับประเด็นคือทำไม
00:14:11 → 00:14:13 ร่างกายเราดีเทคสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งแปลก
00:14:13 → 00:14:16 ปลอมได้นั่นคือสิ่งที่สำคัญสิ่งที่อธิบาย
00:14:16 → 00:14:18 เรื่องนี้ได้ดีที่สุดในมุมมองของปัจจุบัน
00:14:18 → 00:14:21 คือภาวะที่เราเรียกว่าลำไส้รั่วหรือลีกับ
00:14:21 → 00:14:23 ซินโดรมนะครับจะเห็นว่าเวลาเรากินอาหาร
00:14:23 → 00:14:27 อาหารเราถูกดูดซึมผ่านลำไส้เงื่อนไขในการ
00:14:27 → 00:14:30 ที่ร่างกายเราจะอนุญาตให้สารอาหารที่ย่อย
00:14:30 → 00:14:33 แล้วเข้าสู่ร่างกายได้มันจำเป็นต้องย่อย
00:14:33 → 00:14:36 ให้เป็นโมเลกุลที่เล็กที่สุดก่อนอย่าง
00:14:36 → 00:14:38 เช่นโปรตีนจากไข่ขาวมันจะเป็นน้ำย่อยให้
00:14:39 → 00:14:41 เป็นกรดอะมิโนเหมือนในโมเลกุลที่เล็กที่
00:14:41 → 00:14:43 สุดกว่าแล้วค่อยดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
00:14:43 → 00:14:46 ประเด็นคือร่างกายจะไม่ยอมให้ไข่ขาวที่
00:14:46 → 00:14:49 ยังย่อยสมบูรณ์แบบไม่ได้เข้าสู่ร่างกาย
00:14:50 → 00:14:54 แต่ถ้าสมมุติว่าตัวตรวจทานตัวนี้คือผนัง
00:14:54 → 00:14:57 ลำไส้เรามันเกิดการอักเสบ
00:14:57 → 00:15:00 โมเลกุลใหญ่ๆ
00:15:00 → 00:15:02 ทอดเข้าไปในร่างกายเราจริงมันก็เป็น
00:15:02 → 00:15:05 โมเลกุลโปรตีนจากไข่ขาวแหละแต่แทนที่จะ
00:15:05 → 00:15:06 เป็นโมเลกุลเดี่ยวที่ถูกย่อยอย่างละเอียด
00:15:06 → 00:15:09 แล้วมันอาจจะเป็นโมเลกุลของกรดอะมิโนที่
00:15:09 → 00:15:11 เกาะมันอยู่ 2-3 ตัว
00:15:11 → 00:15:14 ซึ่งร่างกายไม่เคยอนุญาตให้โมเลกุลของกรด
00:15:14 → 00:15:17 โมโน 2-3 ตัวที่ได้จากไข่เข้าไปในกระแส
00:15:17 → 00:15:20 เลือดหรือในร่างกายเราพร้อมๆกันแต่พอผนัง
00:15:20 → 00:15:22 ลำไส้เราเกิดการอักเสบแล้วมันมีการหลุด
00:15:22 → 00:15:26 รอดขึ้นไปร่างกายเราก็มองว่ามันคือสิ่ง
00:15:26 → 00:15:29 แปลกปลอมแต่ก่อนเคยให้เข้ามาในตัวตอนที่
00:15:29 → 00:15:31 เข้ามา 3 ตัวมันจะมาทำอะไรโอเคไหมร่างกาย
00:15:31 → 00:15:34 ก็จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นฉะนั้นต้นเหตุ
00:15:34 → 00:15:37 ของการที่เราเกิดการไปตรวจสารภูมิแพ้ต่าง
00:15:37 → 00:15:39 ๆแล้วเจอเยอะๆก็เพราะว่าไอ้สิ่งเหล่านี้
00:15:39 → 00:15:41 มันเข้าไปพร้อมกันเยอะๆเพราะอาหารที่เรา
00:15:41 → 00:15:43 กินเราไม่ได้นั่งทานไข่ขาวอย่างเดียวใช่
00:15:43 → 00:15:46 ไหมฮะถ้าลำไส้รั่วมันก็เข้าไปหลายๆ
00:15:46 → 00:15:49 แอนติเจนหรือสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายตี
00:15:49 → 00:15:52 เป็นสิ่งแปลกปลอมเข้าไปพร้อมกัน 20 อย่าง
00:15:52 → 00:15:55 30 อย่างร่างกายก็สร้างภูมิต้านทานขึ้น
00:15:55 → 00:15:57 มาซึ่งเราอาจจะมีอาการหรือไม่มีอาการขึ้น
00:15:57 → 00:16:01 อยู่กับว่ามันหลุดรอดเข้าไปบ่อยแค่ไหนลำ
00:16:01 → 00:16:03 ไส้ของเราที่มีการไม่สมดุลเกิดการอักเสบ
00:16:03 → 00:16:06 มันเป็นเรื้อรังนานแค่ไหนนะครับซึ่งผมมอง
00:16:06 → 00:16:09 ว่าตรงนี้เนี่ยมันไม่ใช่เรื่องของ
00:16:09 → 00:16:11 personalized Edition แต่มันเป็นเรื่อง
00:16:11 → 00:16:13 ของการที่
00:16:13 → 00:16:16 ระบบการย่อยอาหารอะไรต่างๆระบบการดูดซึม
00:16:16 → 00:16:18 อาหารเราเกิดการอักเสบแล้วผิดปกติเราต้อง
00:16:18 → 00:16:21 ไปแก้ที่ตรงนั้นโอเคอันนี้ก็เป็นความรู้
00:16:21 → 00:16:24 ใหม่นะคะเพื่อนๆเพราะว่าจริงๆแล้วอ่ะมัน
00:16:24 → 00:16:27 มีเขาเรียกว่าการตรวจเยอะมากเลยตอนนี้
00:16:27 → 00:16:29 อย่างที่บอกไม่ว่าจะเป็นการตรวจวิตามิน
00:16:29 → 00:16:32 การตรวจ DNA หรือแม้กระทั่งการตรวจสารก่อ
00:16:32 → 00:16:35 ภูมิแพ้นะคะแต่นู่นว่านุ่นได้เรียนรู้อัน
00:16:35 → 00:16:38 นึงจากคุณหมอก็คือว่าถ้าเราดูแลร่างกาย
00:16:38 → 00:16:41 เราดีๆอย่างนี้ไม่ให้เกิดลำไส้รั่วก็ถือ
00:16:41 → 00:16:44 ว่าเป็นภาพอันนึงของการที่เราใช้โภชนาการ
00:16:44 → 00:16:47 อย่างถูกต้องถูกไหมคะเพราะว่าถ้าเรามี
00:16:47 → 00:16:50 โภชนาการที่ถูกต้องลำไส้เราก็ไม่ควรรั่ว
00:16:50 → 00:16:52 โดยหลักๆสาเหตุที่ทำให้เราเกิดเราต้องใช้
00:16:52 → 00:16:55 ลวดคืออะไรแปรรูปอะไรเห็นไหมกลับมาที่
00:16:55 → 00:16:57 โภชนาการก็คือเรื่องของอาหารแปรรูปอีก
00:16:57 → 00:16:59 เพราะว่านอกจากอาหารแปรรูปเนี่ยอาจจะทำ
00:17:00 → 00:17:02 ให้ลำไส้อักเสบมันจะไปรบกวนสมดุลของ
00:17:02 → 00:17:04 แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้เราหรือ
00:17:04 → 00:17:06 ไมโครไบโอมที่เหลือไม่ใช่เราสิ่งที่ทำให้
00:17:06 → 00:17:10 เราเจ็บป่วยในปัจจุบันเอาง่ายๆจนสุขภาพ
00:17:10 → 00:17:12 พื้นฐานเราก็แย่อย่าว่าแต่ไปพูดถึง
00:17:12 → 00:17:14 personaldivision เลยนะครับก็คือเรื่อง
00:17:15 → 00:17:17 ของ Process Food หรืออาหารแปรรูปนั่น
00:17:17 → 00:17:21 คือไปก่อนโอเคนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยวันนี้
00:17:21 → 00:17:23 เราก็ได้ความรู้แล้วนะคะว่าไอ้ที่เขาพูด
00:17:23 → 00:17:26 กันว่า persalized nutrition เนี่ยมัน
00:17:26 → 00:17:28 เป็นยังไงมันมีความสำคัญยังไงนะคะยังไง
00:17:28 → 00:17:31 วันนี้นะคะนุ่นก็ขอเป็นตัวแทนนะคะชาว
00:17:31 → 00:17:34 เลกาซี่ขอบพระคุณคุณหมอมากๆเลยนะคะวันนี้
00:17:34 → 00:17:37 ได้ความรู้เยอะมากๆเลยแล้วก็มั่นใจมากเลย
00:17:37 → 00:17:40 ว่าถ้าเพื่อนๆนะคะติดตามใน EP ถัดๆไป
00:17:40 → 00:17:42 เรื่อยๆเนี่ยเราก็จะได้รับความรู้ต่างๆ
00:17:42 → 00:17:45 จากคุณหมอเพิ่มมากขึ้นนะคะสำหรับในวันนี้
00:17:45 → 00:17:49 นะคะเราก็ขอลากันไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ
00:17:49 → 00:17:55 [เพลง]
00:17:55 → 00:17:58