00:00:00 → 00:00:09 [เพลง]
00:00:09 → 00:00:14 ระวังนะคะอาหารต่อไปที่พึงระวังเป็นอย่าง
00:00:14 → 00:00:21 มากก็คืออาหารแห้งในภาพนี้คืออะไรอ่ะคะ
00:00:21 → 00:00:24 นี่หมอก๊อปมายังนึกไม่ออกเลยมันคืออะไร
00:00:24 → 00:00:27 มันคือถั่วลิสงนะคะแล้วอีเขียวๆนี่มันคือ
00:00:27 → 00:00:29 อะไรคะ
00:00:29 → 00:00:33 อ้าผ่านได้แล้วชั่วโมงนี้นะคะอ่าก็คือ
00:00:33 → 00:00:37 อาหารแห้งไอ้ด้านขวาคือหอมแดงเช่นเดียว
00:00:37 → 00:00:42 กันนะคะอาหารแห้งจะเกิดเชื้ออัฟท็อกซิน
00:00:42 → 00:00:47 คำย่อมาจากอะไรนะคะ a ก็มาจากเชื้อราชื่อ
00:00:47 → 00:00:50 นามสกุลคือแอสเปอร์จิลัส
00:00:50 → 00:00:53 ฟามาจากฟาวัสก็เป็นชื่อเฉพาะของเชื้อรา
00:00:53 → 00:00:58 ตัวนี้นะคะท็อกซินแปลว่าสารพิษโดยรวมๆก็
00:00:58 → 00:01:02 คือสารพิษที่เกิดมาจากเชื้อราชื่อว่า
00:01:02 → 00:01:07 aspergิusflาวัหรือaspergิัพารซิตินะคะก็
00:01:07 → 00:01:10 เป็น 2 สายพันธุ์ทั้งนี้ทั้งนั้นจะมาจาก
00:01:10 → 00:01:14 ตัวไหนไม่รู้สิ่งที่เราต้องทราบก็คือว่า
00:01:14 → 00:01:18 อาหารอะไรบ้างที่มีโอกาสที่จะมีไอ้เชื้อ
00:01:18 → 00:01:22 ราเขียวๆพวกนี้นะคะก็คือผลิตภัณฑ์ทาง
00:01:22 → 00:01:26 เกษตรนี่แหละค่ะบ้านเราที่อาจจะจัดเก็บใน
00:01:26 → 00:01:29 ที่ที่ชื้นพื้นบ้านเราเป็นภูมิร้อนชื้นนะ
00:01:29 → 00:01:32 คะเพราะฉะนั้นอุณหภูมิเนี่ยมันก็ช่วยให้
00:01:32 → 00:01:37 เชื้อราเนี่ยฟักตัวได้ดีนะคะ 20-35 องศา
00:01:37 → 00:01:41 ข้อสำคัญของอัฟท็อกซินคือเป็นสาเหตุในการ
00:01:41 → 00:01:44 เกิดก่อเกิดมีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับที่
00:01:44 → 00:01:48 สำคัญมากนะคะเพิ่มความเสี่ยงไปถึง 3-5
00:01:48 → 00:01:51 เท่าเลยในภาพนี้แสดงให้เห็นว่านอกจากถั่ว
00:01:51 → 00:01:56 ลิสง์ก็มีข้าวโพดนะคะข้าวโพดก็มีโอกาสที่
00:01:56 → 00:02:00 มีไอ้เชื้อราสารพิษตัวนี้ได้ตัวแดงทั้ง
00:02:00 → 00:02:04 หมดคือผลิตภัณฑ์ที่อาจจะมีอัฟท็อกซินปน
00:02:04 → 00:02:08 เปื้อนได้พริกป่นพริกแห้งนะคะแล้วแถมอี
00:02:08 → 00:02:12 เชื้อราตัวเนี้ยไอ้สารพิษตัวเนี้ยมันไม่
00:02:12 → 00:02:16 ได้ถูกทำลายง่ายๆเอาไปทอดเอาไปผัดใช้ความ
00:02:16 → 00:02:19 ร้อนสูงมันก็อาจจะยังไม่ตายดังนั้นถ้า
00:02:19 → 00:02:22 เห็นเราต้องไม่ทานนะคะไอ้สารพิษตัวนี้
00:02:22 → 00:02:26 เนาะมีใครทานถั่วลิสง์ตามร้านก๋วยเตี๋ยว
00:02:26 → 00:02:28 มั้ยคะ
00:02:28 → 00:02:31 ตัวนี้ก็เป็นแหล่งที่เขาไปสำรวจมาแล้วว่า
00:02:31 → 00:02:36 มีอัฟท็อกซินสูงนะคะดังนั้นจะบอกยังไงดี
00:02:36 → 00:02:38 คะ
00:02:38 → 00:02:41 ถ้าเมื่อกี้กลับไปที่ชั่วโมงอาจารย์วรนุช
00:02:41 → 00:02:45 พูดก็คือว่ากินแบบไม่ปรุงไม่ต้องปรุงอะไร
00:02:45 → 00:02:49 เลยนะคะพริกป่นพริกอะไรไม่ต้องกินไม่งั้น
00:02:49 → 00:02:52 ถ้าเราอยากกินก็คงต้องเลือกอันที่สะอาด
00:02:52 → 00:02:56 ไว้ใจได้บางคนก็อาจจะทำเองที่บ้านนะคะแต่
00:02:56 → 00:02:59 ถ้าเกิดผลิตภัณฑ์ที่ทำใหม่ไว้ใจได้ไม่ได้
00:02:59 → 00:03:05 ค้างไม่ก็น่าจะพอทานได้นะคะแต่ลิสตัวแดง
00:03:05 → 00:03:07 ทั้งหลายเหล่าเนี้ยก็คืออาหารที่มีโอกาส
00:03:07 → 00:03:10 ที่จะมีอัฟลาท็อกซินได้นะคะแล้วก็เป็นสาร
00:03:10 → 00:03:13 ก่อมะเร็งตับที่สำคัญเนาะมันเข้าไปอยู่ใน
00:03:13 → 00:03:17 ตับเกนเกิดเกิดกลไกการเปลี่ยนแปลงของตัว
00:03:17 → 00:03:22 เซลล์ตับนะคะไปทำให้เกิดคล้ายๆกับว่าตัว
00:03:22 → 00:03:25 ยีนก่อมะเร็งเนาะมีการทำงานผิดปกติไปก็
00:03:25 → 00:03:28 อาจจะเกิดตับอักเสบเรื้อร่างเกิดตับแข็ง
00:03:28 → 00:03:33 แล้วก็ทำให้บุคคลนั้นมีก้อนในตับได้อัน
00:03:33 → 00:03:36 นี้เป็นความเสี่ยงนะคะต่อการเกิดมะเร็ง
00:03:36 → 00:03:40 ตับมีอะไรบ้างก็คืออัฟท็อกซินเพิ่มความ
00:03:40 → 00:03:44 เสี่ยงนู่น 5 เท่าถ้าไวรัส B เพิ่มไป 100
00:03:44 → 00:03:48 เท่าถ้าบ้านเรามีไวรัส B แถมมีอีตัวนี้
00:03:48 → 00:03:51 อยู่จะเพิ่มความเสี่ยงเป็นทวีคูณเลยนะคะ
00:03:51 → 00:03:54 ทำให้เกิดมะเร็งตัดได้ดังนั้นก็เป็นอาหาร
00:03:54 → 00:03:58 ที่เราต้องถ้าจะกินคงต้องดูดีๆถ้าเกิด
00:03:58 → 00:04:01 เห็นมันมีความชื้นมีเชื้อราอันนั้นก็
00:04:01 → 00:04:05 เลี่ยงไปเลยไม่ต้องกินนะคะ
00:04:05 → 00:04:07 นี้เป็นภาพความชุกมะเร็งตับว่ามีความ
00:04:07 → 00:04:11 สัมพันธ์อะไรบ้างนะคะกับไวรัส B กับตัว
00:04:11 → 00:04:14 อ้าท็อกซินก็บ้านเราก็ถือว่ามีความชุกของ
00:04:14 → 00:04:18 มะเร็งตับมากพอควรนะคะ
00:04:18 → 00:04:23 อ่าแต่ก็อันนี้โรคต่อไปอาหารต่อไปที่ไม่
00:04:23 → 00:04:27 ควรกินก็คือก้อยปลาดิบในห้องนี้ไม่น่าจะ
00:04:27 → 00:04:31 มีใครกินนะคะเราอยู่ภาคกลางใช่มั้ยคะก้อย
00:04:31 → 00:04:34 ปลาดิบส่วนใหญ่กินอยู่
00:04:34 → 00:04:38 ทางไหนนะคะทางเหนือใช่มั้ยคะหรือทางตะวัน
00:04:38 → 00:04:41 ออกเฉียงเหนือนะคะเค้าจะนำพาโรคอะไรมาให้
00:04:41 → 00:04:43 เราคะ
00:04:43 → 00:04:46 โุ๊ยอันนี้รู้หมดแล้วเนาะมีพยาธนะคะพวก
00:04:46 → 00:04:51 นี้ก็จะมีพยาทพยาทอะไรที่อ่าเกิดขึ้นก็
00:04:51 → 00:04:54 คือพยาธใบไม้ในตับเป็นขนาดตัวเล็ก
00:04:54 → 00:04:58 ตัวนี้จะมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง
00:04:58 → 00:05:00 ท่อน้ำดีหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า
00:05:00 → 00:05:01 โคงโจคโนม่า
00:05:02 → 00:05:06 นะคะอันนี้เป็นภาพเอ่อข้อมูลว่าในโลกของ
00:05:06 → 00:05:09 เราเนี่ยมีประเทศไหนบ้างที่มีความเสี่ยง
00:05:09 → 00:05:14 ต่อการเกิดโรคนี้ประเทศไทยอยู่ตรง
00:05:14 → 00:05:17 เห็นมั้ยคะสีแดงประเทศไทยมีความเสี่ยง
00:05:17 → 00:05:21 เนาะมีอัตราเค้าเรียกว่ามีความชุกในเกิด
00:05:21 → 00:05:23 การเกิดมะเร็งท่อน้ำดีเยอะก็พบพบว่าไอ้
00:05:23 → 00:05:27 มะเร็งตัวเนี้ยมีความสัมพันธ์กับพยาธนะคะ
00:05:27 → 00:05:31 พยาธใบไม้ในตับชื่อว่าอisch biberini
00:05:31 → 00:05:34 หรือว่าเราเรียกว่าพยาธใบไม้ในตับตัวเล็ก
00:05:34 → 00:05:37 ขนาดเล็กนะคะก็คือบ้านเราทางด้านตะวันออก
00:05:37 → 00:05:41 เฉียงเหนือกับภาคเหนือถ้าไปตรวจเนาะตรวจ
00:05:41 → 00:05:45 อุจจาระตรวจเลือดก็จะพบว่ามีความชุกของคน
00:05:45 → 00:05:49 ไข้ที่ติดเชื้อตัวเนี้ยเยอะพอไปเช็คดูก็
00:05:49 → 00:05:52 พบว่ากลุ่มเหนือกับทางตะวันออกเฉียงเหนือ
00:05:52 → 00:05:55 ก็มีความชุกในการเกิดมะเร็งทอดน้ำดีเยอะ
00:05:55 → 00:05:59 เช่นกันนะคะก็พบว่าเกิดทำไมเค้าถึงเกิด
00:05:59 → 00:06:03 เพราะว่ามีโอกาสที่จะไปติดเชื้อก็คือพยาธ
00:06:03 → 00:06:07 ตัวนี้นะคะพยาธใบไม้ในตับขนาดเล็กไปกิน
00:06:07 → 00:06:10 อะไรคะไปกินพวกปลาดิษฐ์วันนั้นหมอเพิ่ง
00:06:10 → 00:06:14 เห็นคลิปอันนึงเนาะมันอยู่ในติกtอก
00:06:14 → 00:06:18 คนเค้าก็ถ่ายรูปว่าเค้าไปจับปลามาปุ๊บสด
00:06:18 → 00:06:22 มากเลยอ่ะปลายังดิ้นๆดิๆอยู่เลยตัวเล็กๆ
00:06:22 → 00:06:24 อันเนี้ท่าใส่มาจากด้านตะวันออกเฉนียด้วย
00:06:24 → 00:06:27 หน้าตาปลาก็คล้ายๆอีปลานี้แหละค่ะปลาน้ำ
00:06:27 → 00:06:30 จืดนี่แหละแล้วเขาก็กินให้ดูเลยในใจเราพอ
00:06:31 → 00:06:33 เห็นปุ๊บก็คิดว่าอีกสักพักนึงอ่ะอีก 20
00:06:33 → 00:06:36 ปีเขาอาจจะเกิดมะเร็งทอดน้ำดีหรือเปล่า
00:06:36 → 00:06:40 เพราะว่ามันมีพยาธตัวอ่อนๆตัวนี้นะคะที่
00:06:40 → 00:06:43 อยู่ในปลาน้ำจืดพวกนี้ถ้าเรากินก้อยปลา
00:06:43 → 00:06:46 ดิบที่ปรุงไม่สุกแล้วก็มีโอกาสที่จะได้
00:06:46 → 00:06:48 พยาธตัวนี้เข้าไปเติบโตในทอดน้ำดีทำให้
00:06:48 → 00:06:51 เกิดการอักเสบเกิดการอักเสบเรื้อรังใน
00:06:51 → 00:06:53 อนาคตก็ไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็ง
00:06:53 → 00:06:57 ทอดน้ำดีได้ดังนั้นก็ไม่ควรกินอาหารที่
00:06:57 → 00:07:00 เป็นพวกก้อยปลาดิษฐ์นะคะควรต้องกินอาหาร
00:07:00 → 00:07:05 ปรุงสุกนะคะอ่าเหลืออีก 2 หัวข้อนะคะ
00:07:05 → 00:07:08 แอลกอฮอล์แอลกอฮอล์จริงๆไม่รู้จะนับเป็น
00:07:08 → 00:07:10 อาหารหรือเปล่าแต่ก็เป็นอาหารที่ทำร้าย
00:07:10 → 00:07:15 ตับแน่ๆโดยตรงนะคะข้อมูลนี้น่าสนใจมากว่า
00:07:15 → 00:07:18 การบริโภคแอลกอฮอล์ต่อประชากรเนี่ยเรา
00:07:18 → 00:07:21 เชื่อว่าทางตะวันตกน่ะทานเยอะบ้านเราอยู่
00:07:21 → 00:07:25 อยู่ในโซนเขียวอ่อนๆดูไม่เยอะแต่ล่าสุด
00:07:25 → 00:07:31 2567 คือปีที่แล้วพบว่าคนไทยนะคะมีอัตรา
00:07:31 → 00:07:34 การดื่มสุราสูงสุดอันนี้เป็นการสุ่มเนาะ
00:07:34 → 00:07:38 อ่าทำการสำรวจในคนอายุ 15 ปีขึ้นไปเดี๋ยว
00:07:38 → 00:07:43 นี้คนดื่มสุราเพิ่มขึ้นถึง 35% ถือว่า
00:07:43 → 00:07:47 เยอะนะคะแล้วในกลุ่มคนที่ดื่มก็เป็นบุคคล
00:07:47 → 00:07:49 ที่อายุ 15-25
00:07:49 → 00:07:56 ปีนะคะเยอะเยะแล้วก็คนไทยชอบดื่มอะไรคะ
00:07:56 → 00:07:59 เบียร์เบียร์คนไทยชอบดื่มเบียร์เบียร์มา
00:07:59 → 00:08:02 เป็นอันดับ 1 เลยนะคะต่อมาก็ถึงเป็นพวก
00:08:02 → 00:08:05 เหล้าสีเหล้าขาวทั้งนี้ทั้งนั้นแอลกอฮอล์
00:08:05 → 00:08:07 ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
00:08:07 → 00:08:10 ตับเพียงอย่างเดียวอันนี้หมอให้ดูภาพว่า
00:08:10 → 00:08:13 แอลกอฮอล์เนี่ยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
00:08:13 → 00:08:16 มะเร็งอะไรบ้างสิ่งแรกที่เรากินปั๊บ
00:08:16 → 00:08:20 แอลกอฮอล์ต้องผ่านช่องปากเราใช่มั้ยคะก็
00:08:20 → 00:08:22 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งในช่อง
00:08:22 → 00:08:30 ปากในคอกล่องเสียงเตานมนะคะหลอดอาหารลำ
00:08:30 → 00:08:34 ไส้และตับโดยสรุปคือเป็นสิ่งที่เพิ่มความ
00:08:34 → 00:08:37 เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งและไม่แนะนำให้ทาน
00:08:37 → 00:08:39 นะคะ
00:08:40 → 00:08:43 มีคำแนะนำสมัยก่อนว่าถ้าอยากจะทานจริงๆ
00:08:43 → 00:08:47 ทานให้ปลอดภัยเท่าไหร่บ้างผู้หญิงได้ 1
00:08:47 → 00:08:51 แก้วต่อวันผู้ชายได้ 2 แก้วต่อวันแต่ล่า
00:08:51 → 00:08:54 สุดน่ะค่ะองค์การอนามัยโลกบอกว่าจริงๆ
00:08:54 → 00:08:58 แล้วเนี่ยมันไม่มีหรอกนะคะว่าเอ่อ
00:08:58 → 00:09:01 กีดริink์ถึงจะปลอดภัยในแอลกอฮอล์ตั้งแต่
00:09:01 → 00:09:04 เริ่มกินก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
00:09:04 → 00:09:07 แล้วดังนั้นน่ะไม่แนะนำให้กินสมมุติว่าจะ
00:09:07 → 00:09:12 กินนะคะก็ควรจะเท่านี้แหละห้องนี้ดูแล้ว
00:09:12 → 00:09:15 กว่าตาไปผู้หญิงเยอะนะคะดื่มได้ไม่เกิน 1
00:09:15 → 00:09:19 แก้วต่อวันผู้ชายก็ไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน
00:09:19 → 00:09:22 ให้ดูว่า 1 แก้วคืออะไร
00:09:22 → 00:09:25 เบียร์ 1 กระป๋องนะคะเบียร์จะมีแอลกอฮอล์
00:09:25 → 00:09:27 ประมาณ 4-5%
00:09:27 → 00:09:31 ถ้า Y ก็ประมาณ 100 ซีซ Y จะมีแอลกอฮอล์
00:09:31 → 00:09:33 12-14%
00:09:33 → 00:09:36 ถ้าไปด้านขวาสุดก็คือพวกวิสกี้วสก้าพวก
00:09:36 → 00:09:39 นั้นจะมีปริมาณแอลกอฮอล์เยอะก็ทานได้แค่ 1
00:09:40 → 00:09:43 ช็อตนะคะก็ประมาณสซัก 30 ซีซ่านั้นนะคะ
00:09:43 → 00:09:47 อันนั้นคือ 1 ดิงถ้าดื่มเยอะคืออะไรบ้าง
00:09:47 → 00:09:50 บางคนบอกไม่ค่อยกินหรอกแต่กินแบบทีเดียว
00:09:50 → 00:09:53 เยอะๆเลยเพื่อนชวนไปกินอันนี้ก็ไม่ดีนะคะ
00:09:53 → 00:09:56 ก็ทำให้เกิดโรคตับได้จากแอลกอฮอล์บิชก็
00:09:57 → 00:10:00 คือดื่มหนักผู้หญิงก็กินเกิน 4 หน่วยใน 2
00:10:00 → 00:10:04 ช่โมงผู้ชายก็ 5 หน่วยใน 2 ช่โมงถ้าดื่ม
00:10:04 → 00:10:07 ปริมาณมากก็คือผู้หญิงเกิน 8 แก้วต่อ
00:10:07 → 00:10:10 อาทิตย์ผู้ชายเกิน 15 แก้วต่ออาทิตย์ทั้ง
00:10:10 → 00:10:13 นี้ทั้งนั้นไอ้ขนาดเนี้ยคือไม่ดีนะคะไม่
00:10:13 → 00:10:18 ควรกินนะคะแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดโรคตับ
00:10:18 → 00:10:21 อย่างไรบ้างนะคะขั้นที่ 1 เลยแอลกอฮอล์จะ
00:10:21 → 00:10:25 ไปทำให้เกิดไขมันสะสมในตับตับอักเสบเรื้อ
00:10:25 → 00:10:30 รังบางท่านก็คือดื่มตลอดชีวิต 20 ปี 30
00:10:30 → 00:10:34 ปีเกิดมีตับแข็งแล้วก็เกิดมะเร็งตับตามมา
00:10:34 → 00:10:38 ได้อันนี้ก็คือผลตรงๆของแอลกอฮอล์ที่มี
00:10:38 → 00:10:41 ต่อโรคตับดังนั้นถ้าให้บอกจริงๆก็คือไม่
00:10:41 → 00:10:45 ควรดื่มถ้าดื่มก็ผู้หญิง 1 แก้วผู้ชายไม่
00:10:45 → 00:10:49 เกิน 2 แก้วแนะนำว่าช่วงเ้าจะมีการรณรงค์
00:10:49 → 00:10:52 นะคะช่วงเข้าพรรษาพักตับไม่ดื่มแอลกอฮอล์
00:10:52 → 00:10:56 อันนั้นก็อาจจะพอแบบพักผ่อนได้นะคะในคน
00:10:56 → 00:10:59 ไข้ที่ดื่มเยอะเกินไปเนาะแต่โดยหลักการ
00:10:59 → 00:11:01 คือไม่แนะนำให้ดื่มนะคะมันเป็นสารก่อ
00:11:01 → 00:11:06 มะเร็งเนาะถึงไอไอเทมสุดท้ายนะคะก็คือขนม
00:11:06 → 00:11:10 หวานก็จะคล้ายๆกับที่อาจารย์วรนุชพูดไม่
00:11:10 → 00:11:13 เพียงแต่เด็กนะคะที่ขนมหวานน้ำตาลน้ำหวาน
00:11:13 → 00:11:16 มีผลเสียแต่ว่าผู้ใหญ่เองก็เช่นเดียวกัน
00:11:17 → 00:11:19 เดี๋ยวอาจารย์ชินวัตรจะมาพูดรายละเอียด
00:11:19 → 00:11:23 ของโรคไขมันข้างตับโรคไขมันข้างตับทำไม
00:11:23 → 00:11:28 เราต้องรู้นะคะทุกคนมีใครไม่มีพุงผอม
00:11:28 → 00:11:31 เพรียวคนไหนที่มีพุงก็จะมีความเสี่ยงต่อ
00:11:31 → 00:11:34 โรคไขมันข้างในตับแล้วนะคะแล้วก็มีโรคบาง
00:11:34 → 00:11:37 โรคที่จะเพิ่มความเสี่ยงอีกเช่นกันไขมัน
00:11:37 → 00:11:41 ข้างในตับถือเป็นโรคตับที่พบบ่อยที่สุดใน
00:11:41 → 00:11:45 โลกณปัจจุบันนี้นะคะอ่าใครเสี่ยงบ้าง
00:11:45 → 00:11:49 เดี๋ยวฟังชั่วโมงต่อไปนะคะมีเบาหวานมี
00:11:49 → 00:11:54 อ้วนสำคัญคือมันจะทำให้เกิดตับอ้วนตับ
00:11:54 → 00:11:59 อักเสบตับแข็งและมะเร็งตับดังนั้นก็ต้อง
00:11:59 → 00:12:03 งดลดอาหารกลับไปชั่วโมงที่แล้วเดี๋ยวได้
00:12:03 → 00:12:07 ยินเสียงโอ้โหแปลว่ากินเนาะขนมครกมีกะทิ
00:12:07 → 00:12:10 มีแป้งมีน้ำตาลไม่ให้ประโยชน์อะไรเลยนะคะ
00:12:10 → 00:12:14 ชานมไข่มุกก็ให้ความสบายใจเนาะแต่ว่ามัน
00:12:14 → 00:12:17 มีน้ำตาลเยอะนะคะกาแฟแต่ท็อปคาราเมลและ
00:12:17 → 00:12:19 ครีม
00:12:19 → 00:12:21 อันนี้ได้คาเฟอีนน่าจะน้อยนะคะแต่ได้
00:12:21 → 00:12:25 แคลอรี่เยอะเกินไปพวกนี้คือไม่ควรกินถ้า
00:12:25 → 00:12:27 สมมุติอยากกินเลยทำไงบ้างหมอเบอกคนไข้ว่า
00:12:27 → 00:12:33 อาจจะซักเดือนละครั้งนะคะอ่า
00:12:33 → 00:12:36 แต่หมอไม่กินนะกินกาแฟดำเพราะเราบอกคนไข้
00:12:36 → 00:12:39 แล้วเราต้องทำให้ได้ขนมขบเคี้ยวตอนเรา
00:12:39 → 00:12:42 นั่งดูทีวีนั่งดูหนังนะคะเราไม่ควรกิน
00:12:42 → 00:12:45 เพราะว่าปริมาณแคลอรี่เยอะวันนี้หวังว่า
00:12:45 → 00:12:49 เบรกเราไม่มีขนมขบเคี้ยวนะคะ
00:12:49 → 00:12:52 เค้าบอกว่าน้ำตาลเป็นสิ่งที่อันตรายนะคะ
00:12:52 → 00:12:56 คนเราไม่ควรเกินกินเกิน 6 ช้อนชาเนาะใน
00:12:56 → 00:12:59 ภาพนี้อันที่อันตรายที่สุดก็คือน้ำผลไม้
00:12:59 → 00:13:03 เนาะน้ำผลไม้น้ำส้มนะคะโค้กน้ำอัดลมพวก
00:13:03 → 00:13:06 นั้นแหละที่จะมีปริมาณน้ำตาลเยอะนะคะ
00:13:06 → 00:13:10 ผลไม้ก็ต้องระวังเช่นเดียวกันเนาะการคุม
00:13:10 → 00:13:13 อาหารเดี๋ยวหมอจะฝากไว้ให้อาจารย์ชินวัตร
00:13:13 → 00:13:17 พูดนะคะว่าเราควรจะทำอะไรบ้างก็คือกินให้
00:13:17 → 00:13:20 น้อยนี่แหละดังนั้นน้ำตาลอะไรหวานๆให้
00:13:20 → 00:13:25 ระวังนะคะโดยสรุปว่าอาหารอะไรบ้างที่มีผล
00:13:25 → 00:13:28 ร้ายต่อตับ
00:13:28 → 00:13:32 ตับอักเสบเฉียบพลันนะคะมีอะไรบ้างไวรัส A
00:13:33 → 00:13:36 อาจจะมากับพวกหอยนางลมดิบหอยนางลมดิบทำ
00:13:36 → 00:13:40 ให้มีเชื้อแบคทีเรียด้วยได้นะคะทำให้ติด
00:13:40 → 00:13:45 เชื้อรุนแรงในคนไข้โรคตับไวรัส e ก็ต้อง
00:13:45 → 00:13:49 ระวังเวลากินหมูดิบหมูปรุงไม่สุกนะคะพวก
00:13:49 → 00:13:52 กินเห็ดเห็ดป่าอันนี้ก็อาจจะเกิดตับวาย
00:13:53 → 00:13:56 ได้อันนั้นเป็นตับอักเสบเฉียบพลันกินผัก
00:13:56 → 00:14:00 น้ำผักบุ้งผักกระเฉดน้ำถ้าไม่สุกมันอาจจะ
00:14:00 → 00:14:04 มีพวกตัวพยาธเล็กๆนะคะทำให้เอ่อพยาธใบไม้
00:14:04 → 00:14:08 ในตับเกิดฝีในตับได้
00:14:08 → 00:14:12 กินก้อยปลาดิบอาจจะเกิดติดเชื้อพยาใบไม้
00:14:12 → 00:14:15 ในตับมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งทอด
00:14:15 → 00:14:20 ข้อนำดีนะคะกินอาหารแห้งอ่าข้าวโพดที่มี
00:14:20 → 00:14:24 เชื้อราถั่วลิสงพริกแห้งมีโอกาสเกิดมี
00:14:24 → 00:14:26 ความเสี่ยงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด
00:14:26 → 00:14:30 มะเร็งตับอันที่เรากินบ่อยหรือว่าหาง่าย
00:14:30 → 00:14:34 กว่าก็คือพวกขนมกับแอลกอฮอล์ก็ทำให้เกิด
00:14:34 → 00:14:37 ตับอักเสบเรื้อรังกับตับแข็งเหล่านี้สรุป
00:14:37 → 00:14:40 รวมก็เป็นอาหารที่มีโอกาสทำอันตรายต่อตับ
00:14:40 → 00:14:44 ก็หอให้ท่านพึงทานอย่างระมัดระวังนะคะลด
00:14:44 → 00:14:49 ละลีเที่ยงในของที่ไม่ดีนะคะขอบ