00:00:00 → 00:00:02 คนที่ดื่มนมมัวแล้วท้องเสียเนี่ยเป็น
00:00:02 → 00:00:05 เพราะแพ้นมมัวหรือเปล่าคะคนไทยติดปากว่า
00:00:05 → 00:00:07 แพ้นมแต่อาจจะไม่ใช่การแพ้นมจริงๆเรา
00:00:07 → 00:00:11 เรียกว่าlaคตose intolerance 65% ของ
00:00:11 → 00:00:13 ประชากรโลกมีปัญหาการย่อยแลคโตสใครที่
00:00:13 → 00:00:16 อยากกินนมที่สกัดมาจากพวกถั่วอันไหนดีที่
00:00:16 → 00:00:19 สุดคะเอาง่ายๆเลยนะมีงานวิจัยเพราะว่าคน
00:00:19 → 00:00:22 ที่ดื่มกาแฟประมาณ 29% น่ะดื่มไปแค่ 4
00:00:22 → 00:00:24 นาทีอ่ะวิ่งเข้าห้องน้ำเลยโอ้โหนี่ถ้า
00:00:24 → 00:00:28 ดื่มปุ๊บขับรถนี่บางคนชอบดื่มกาแฟพร้อม
00:00:28 → 00:00:31 อาหารจามให้ไปบล็อกการดูดซึมแร่ธาตุเหล็ก
00:00:31 → 00:00:35 ชาก็เป็นชาเขียวมันรีฟิวฟรีอ่ะค่ะหมอ
00:00:35 → 00:00:37 เดือนนึงเราไปกินครั้งนึงอ่ะมันก็คงไม่
00:00:37 → 00:00:40 เป็นปัญหาหรอกแต่ปัญหาคือกาแฟกินทุกวัน
00:00:40 → 00:00:43 วันก่อนลองกินไข่ต้มไปผืนเริ่มขึ้นแบบ
00:00:43 → 00:00:46 เนี้ยเรียกว่าแพ้ไข่หรือเปล่าคะบางทีอ่ะ
00:00:46 → 00:00:49 เด็กๆก็กินไข่นะแต่ไม่ได้กินบ่อยก็คือจาก
00:00:49 → 00:00:51 ที่เราไม่เคยแพ้อันนั้นก็เคยแพ้ได้แอบ
00:00:51 → 00:00:53 ดื้อล่ะกินแต่ว่าก็ยังไม่อยากตายอ่ะคะหมอ
00:00:53 → 00:00:56 ทำยังไงดีจริงๆถ้าดีที่สุดก็
00:00:56 → 00:01:00 คือสวัสดีค่ะอยู่กับอาร Do พcสที่จะพาคุณ
00:01:00 → 00:01:03 ไปพบแพทย์เพื่อถามคำถามสุขภาพเจน
00:01:03 → 00:01:06 วัติพันธุ์พันพินิจค่ะถ้าชอบคทentแนว
00:01:06 → 00:01:08 สุขภาพแบบนี้นะคะช่วยกดไและ subscribe
00:01:08 → 00:01:11 เป็นกำลังใจให้เจนแพทย์แล้วก็ทีมงานด้วย
00:01:11 → 00:01:14 นะคะเราจะได้มีกำลังใจผลิตผลงานดีๆแบบนี้
00:01:14 → 00:01:17 ออกมาเรื่อยๆค่ะเชื่อมั้คะว่าบางคนเนี่ย
00:01:17 → 00:01:20 แพ้อาหารที่ควรจะดีต่อสุขภาพอย่างเช่นนม
00:01:20 → 00:01:23 และไข่ทั้งๆที่เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีแต่
00:01:23 → 00:01:26 พอทานแล้วรู้สึกไม่สบายตัวท้องเสียหรือ
00:01:26 → 00:01:28 บางคนเนี่ยก็ผื่นขึ้นเลยทีเดียวนะคะวัน
00:01:28 → 00:01:31 นี้เราเลยจะมาพูดถึงการอาการแพ้อาหารที่
00:01:31 → 00:01:33 ใครบางคนเป็นอยู่และอาจจะไม่รู้ตัวแล้ว
00:01:33 → 00:01:36 ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาจริงๆเนี่ยจำเป็นจะต้อง
00:01:36 → 00:01:39 เลิกทานไปเลยไหมเจนเลยเชิญแพทย์ผู้เชี่ยว
00:01:39 → 00:01:41 ชาญขาประจำของเรามาพูดคุยกันในวันนี้กับ
00:01:41 → 00:01:45 คุณหมอเอ็มมี่สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะเจนแพทย์
00:01:45 → 00:01:48 หญิงเอ็มอรพัทรมงคลกหรือหมอเอมมี่นะคะ
00:01:48 → 00:01:51 เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านป้องกัน
00:01:51 → 00:01:54 ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ณเวลาคลินิกค่ะคำถาม
00:01:54 → 00:01:57 แรกค่ะขับถ่ายไม่ค่อยดีท้องผูกเป็นประจำ
00:01:57 → 00:02:00 ตอนเช้าเลยต้องดื่มกาแฟทุกวันเลยค่ะเพราะ
00:02:00 → 00:02:04 ช่วยให้ขับถ่ายคล่องบางทีเนี่ยคล่องเกิน
00:02:04 → 00:02:06 คล่องจนเหมือนท้องเสียเลยค่ะแต่ก็ดื่มต่อ
00:02:06 → 00:02:09 ไปนะคะเพราะว่าส่วนตัวเนี่ยเป็นคนชอบรส
00:02:09 → 00:02:11 ชาติของกาแฟแล้วพอขับถ่ายเนี่ยจะรู้สึก
00:02:11 → 00:02:15 โล่งไม่อึดอัดเลยอยากถามคุณหมอว่าถ้าเรา
00:02:15 → 00:02:17 ดื่มเรื่อยๆแบบเนี้ยเพื่อให้ช่วยการขับ
00:02:17 → 00:02:19 ถ่ายเนี่ยจะส่งผลยังไงต่อร่างกายเรามั้ย
00:02:19 → 00:02:22 คะต้องขออธิบายก่อนว่าจริงๆแล้วอ่ะค่ะการ
00:02:22 → 00:02:24 ดื่มกาแฟเนี่ยมันมีฤทธิ์เนาะคล้ายๆเป็นยา
00:02:24 → 00:02:27 ระบายอ่อนๆอยู่แล้วแต่คนส่วนใหญ่คิดว่า
00:02:27 → 00:02:29 การดื่มกาแฟคือการทำให้เราแบบalิตื่นตัว
00:02:29 → 00:02:32 อะไรแบบนี้เนาะก็เลยมีงานวิจัยเพราะว่าคน
00:02:32 → 00:02:35 ที่ดื่มกาแฟประมาณ 29% น่ะดื่มเข้าไปปุ๊บ
00:02:35 → 00:02:39 อยากเข้าห้องน้ำ 29% 29% นะของคนส่วน
00:02:39 → 00:02:41 ใหญ่แล้วก็มีคนจำนวนนึงอ่ะดื่มไปแค่ 4
00:02:41 → 00:02:43 นาทีอ่ะวิ่งเข้าห้องน้ำเลย 4 นาทีแล้ว
00:02:43 → 00:02:45 จู๊ดเลยเหรอคะจู๊ดเลยโอ้โหนี่ถ้าดื่มปุ๊บ
00:02:46 → 00:02:48 ขับรถนี่นี่คือแบบว่าไม่ได้ฉะนั้นน่ะเรา
00:02:48 → 00:02:51 อาจจะต้องมาสังเกตตัวเองก่อนว่าเวลากิน
00:02:51 → 00:02:54 กาแฟอย่างเงี้ยค่ะมันมีเอฟเฟคยังไงกับ
00:02:54 → 00:02:56 ร่างกายเราบ้างเนาะต้องบอกก่อนว่ากาแฟ
00:02:56 → 00:02:59 เนี่ยโดยส่วนมากมันจะมีคาเฟอีนมันจะมี
00:02:59 → 00:03:02 กาแฟ 2 แบบก็คือแบบมีคาเฟอีนกับฟก็คือไม่
00:03:02 → 00:03:04 มีคาเฟอีนเนาะคราวนี้ถ้ามันมีแบบว่า
00:03:04 → 00:03:07 คาเฟอีนทั่วไปอ่ะคาเฟอีนน่ะจะมีฤทธิ์ใน
00:03:07 → 00:03:10 การทำให้ลำไส้ใหญ่ของเราหรือคอลอนเนี่ย
00:03:10 → 00:03:13 มันบีบตัวได้แรงมากขึ้นอือืแล้วคราวนี้
00:03:13 → 00:03:16 บอกอ้าวแล้วถ้าไม่มีคาเฟอีนน่ะทำไมยัง
00:03:16 → 00:03:19 เป็นอยู่ก็เพราะว่าในตัวสารกาแฟเองอ่ะค่ะ
00:03:19 → 00:03:21 มันจะมีสารที่เรียกว่าโพลิฟีโนเนาะนะคะ
00:03:21 → 00:03:24 มันจะทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้เร็วขึ้นอ๋อ
00:03:24 → 00:03:27 ก็คือบวกกันทั้งคู่เลยก็แปลว่าถึงแม้จะ
00:03:27 → 00:03:30 กินแบบCฟก็ยังมีก็ยังบีบลำไส้อยู่ใช่ก็
00:03:30 → 00:03:32 ยังบีบลำไส้อยู่แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นคือ
00:03:32 → 00:03:35 เวลาเราดื่มกาแฟเข้าไปอ่ะโดยเฉพาะตอนท้อง
00:03:35 → 00:03:38 ว่างเนาะจะทำให้กระเพาะเราค่ะสามารถสร้าง
00:03:38 → 00:03:41 กรดการย่อยออกมาได้มากขึ้นอแล้วเวลาเรา
00:03:41 → 00:03:43 สร้างกฎการย่อยออกมามากขึ้นเราก็ทำให้ลำ
00:03:43 → 00:03:46 ไส้มีการบีบตัวอยู่ละอ่าฉะนั้นเวลาเรา
00:03:46 → 00:03:48 ดื่มกาแฟท้องว่างยิ่งอยากเข้าห้องน้ำง่าย
00:03:48 → 00:03:51 ขึ้นแล้วก็ที่สำคัญเนี่ยพอเราดื่มกาแฟ
00:03:51 → 00:03:53 แล้วเนี่ยมันยังทำให้ฮอร์โมนในลำไส้อ่ะ
00:03:53 → 00:03:56 ค่ะชื่อว่าแก๊สินเนี่ยสร้างออกมาเนาะพอ
00:03:56 → 00:03:58 สร้างออกมาก็ยิ่งทำให้บีบลำไส้มากขึ้นไป
00:03:58 → 00:04:01 อีกก็เลยมีทั้ง 3 ส่วนที่ทำให้เราเนี่ย
00:04:01 → 00:04:04 อยากเข้าห้องน้ำได้ง่ายอืฉันก็แปลว่าอะไร
00:04:04 → 00:04:06 ก็แปลว่าเมื่อเราดื่มกาแฟเข้าไปค่ะประมาณ
00:04:06 → 00:04:09 สัก 30 นาทีถึง 2 ชมงอ่ะควรจะเตรียมตัวใน
00:04:10 → 00:04:12 การเข้าห้องน้ำอยู่แล้วคุณหมอคะแล้วคนที่
00:04:12 → 00:04:14 ดื่มนมมัวแล้วท้องเสียเนี่ยเป็นเพราะแพ้
00:04:14 → 00:04:17 นมวัวหรือเปล่าคะจริงๆต้องบอกก่อนว่า
00:04:17 → 00:04:19 อาการของการแพ้นมวัวค่ะจริงๆมันแบ่งเป็น
00:04:19 → 00:04:23 ได้เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆเนาะนะคะเราจะเรียก
00:04:23 → 00:04:25 ว่าอันนึงที่เราเรียกว่าเป็นแบบ milergy
00:04:25 → 00:04:29 เลยก็คือแพ้นมจริงซึ่งกลุ่มค่ะส่วนใหญ่จะ
00:04:29 → 00:04:32 เป็นมาตั้งแต่ทกเลยนะคะซึ่งมีแค่ประมาณ
00:04:32 → 00:04:35 2-3% ของประชากโลกเองที่เป็นก็คืออะไร
00:04:36 → 00:04:38 กินเข้าไปเสร็จปุ๊บแบบอุ๊ยแบบผืนขึ้นเต็ม
00:04:38 → 00:04:40 ตัวคันเนาะหรือว่าบางทีปากบวมอย่างเงี้ย
00:04:41 → 00:04:43 ค่ะหรือบางคนนี่กินแล้วหายใจไม่ออกอย่าง
00:04:43 → 00:04:45 เงี้ยเนาะพวกกินแล้วแบบมึนหัวมากอย่าง
00:04:45 → 00:04:48 เงี้ยอันนี้เรียกว่าแพ้แบบจริงจังแพ้แบบ
00:04:48 → 00:04:50 จริงจังคืออะไรส่วนใหญ่แล้วเนี่ยพอกิน
00:04:50 → 00:04:52 เข้าไปแล้วอ่ะค่ะภูมิคุ้มกันของเราอ่ะจะ
00:04:52 → 00:04:56 ทำปฏิกิริยากับโปรตีนในนมอืนมส่วนใหญ่จะ
00:04:56 → 00:04:57 มีโปรตีนที่ชื่อว่าเโปรตีนที่เราได้ยิน
00:04:57 → 00:04:59 บ่อยๆถูกมั้ยกินพืชกล้ามเนื้ออะไรอย่าง
00:04:59 → 00:05:01 เงี้ยค่ะกับอีกตัวนึงที่อาจจะไม่ค่อยได้
00:05:01 → 00:05:04 ยินเรียกว่าโปรตีนที่ชื่อว่าคาเซอีนเนาะ
00:05:04 → 00:05:07 ซึ่งอันเนี้ยจะเป็นโปรตีนที่เด็กส่วนใหญ่
00:05:07 → 00:05:10 หรือคนส่วนใหญ่ที่แพ้แล้วมีอาการนะคะจะ
00:05:10 → 00:05:12 แพ้ตัวนี้จะแพ้ตัวนี้เนาะซึ่งส่วนใหญ่จะ
00:05:12 → 00:05:14 เป็นค่อนข้างเราเรียกว่าอาการค่อนข้าง
00:05:14 → 00:05:16 รุนแรงหรืออาการค่อนข้างเยอะซึ่งถ้าเป็น
00:05:16 → 00:05:18 อย่างเงี้ยหมอส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าให้หลีก
00:05:18 → 00:05:21 เลี่ยงเออการดื่มนมซะเพราะว่าทำให้มัน
00:05:21 → 00:05:24 เกิดการอักเสบมากมายในร่างกายกับกลุ่มที่
00:05:24 → 00:05:28 2 ค่ะคนใครติดปากว่าแพ้นมเนาะแต่อาจจะ
00:05:28 → 00:05:31 ไม่ใช่การแพ้นมจริงๆเราเรียกว่าlaคตose
00:05:31 → 00:05:33 intolerant แลose intolerance หมายถึง
00:05:33 → 00:05:35 ว่าอะไรหมายถึงว่าในร่างกายเราค่ะกระเพาะ
00:05:35 → 00:05:38 อาหารเนี่ยมันไม่สามารถสร้างนะคะเอนไซม
00:05:38 → 00:05:41 ย่อยแลคโตสหรือน้ำตาลในนมได้ก็คือแพ้
00:05:41 → 00:05:44 แลกโตสอ่าจริงๆเราเรียกว่าภาวะพร่องการ
00:05:44 → 00:05:48 ย่อยแลคโตสอ๋อ 65% ของประชากรโลกมีปัญหา
00:05:48 → 00:05:50 การย่อยแลคโตสคนที่แพ้แลคโตสไม่ได้หมาย
00:05:50 → 00:05:53 ความว่าแพ้โปรตีนในนมวัวแต่คนส่วนมากไม่
00:05:53 → 00:05:56 รู้นึกว่าแบบว่าแพ้โปรตีนในนมวัวก็เลย
00:05:56 → 00:05:58 เลิกดื่มนมวัวไปเลยซึ่งจริงๆแล้วอ่ะค่ะ
00:05:58 → 00:05:59 ถ้าเราแพ้
00:05:59 → 00:06:02 เลกตสิกดื่มนมใช่ไหมคะเพราะว่าจริงๆแล้ว
00:06:02 → 00:06:04 เนี่ยนมอ่ะค่ะมีประโยชน์ค่อนข้างเยอะเนาะ
00:06:04 → 00:06:07 ถ้าเราไม่ได้แพ้จริงจังไม่จำเป็นต้องเลิก
00:06:07 → 00:06:09 ดื่มเช่นว่านมเนี่ยเราบอกว่ากินเข้าไป
00:06:09 → 00:06:11 เนี่ยได้อะไรบ้างได้ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน
00:06:11 → 00:06:13 ได้ทั้งแคลเซียมได้ทั้งฟอสฟอรัสสำหรับ
00:06:13 → 00:06:16 กระดูกเนาะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราไม่ได้แพ้ก็
00:06:16 → 00:06:18 สามารถดื่มนมได้แต่ให้ดื่มในปริมาณที่พอ
00:06:18 → 00:06:20 เหมาะเพราะว่าอะไรเพราะว่านมมีประโยชน์
00:06:20 → 00:06:23 กับร่างกายค่อนข้างเยอะค่ะแต่ว่าถ้าเรา
00:06:23 → 00:06:25 กินแล้วรู้สึกว่าเอ้อท้องท้องเสียไม่สบาย
00:06:25 → 00:06:27 ท้องอ่ะแล้วเราบอกว่าแบบแพ้เค้าเรียกว่า
00:06:27 → 00:06:30 แพ้แลคโตสเนาะหรือว่าไม่สามารถย่อยแลคโตส
00:06:30 → 00:06:33 ได้เราก็สามารถไปเลือกผลิตภัณฑ์น่ะค่ะที่
00:06:33 → 00:06:36 มันแลกโตสฟรีดื่มเข้าไปแล้วก็สามารถที่จะ
00:06:36 → 00:06:38 บอกว่าทำให้ร่างกายเราสามารถย่อยได้แล้ว
00:06:38 → 00:06:40 ก็ไม่ท้องเสียค่ะแล้วสำหรับใครที่อยากกิน
00:06:40 → 00:06:43 นมที่สกัดมาจากพวกถั่วล่ะคะนมแอลมอนเอ่อ
00:06:43 → 00:06:46 นมโอ๊ตหรือว่านมถั่วเหลืองเนี่ยอันไหนดี
00:06:46 → 00:06:49 ที่สุดคะจริงๆอันใดที่ดีที่สุดจริงๆไม่มี
00:06:49 → 00:06:52 นะคะเพราะว่าแต่ละนมเนี่ยอันนี้ด้วยกับ
00:06:52 → 00:06:55 ว่านมจากพืชเนาะนะคะมันก็มีประโยชน์แตก
00:06:55 → 00:06:57 แตกต่างกันไปเช่นว่าสมมุติว่าเราต้องการ
00:06:57 → 00:07:00 รสที่มันกลมๆนิดนึงใกล้เคียงกับนมวัว
00:07:00 → 00:07:02 อย่างเงี้ยค่ะจะเป็นกลุ่มพวกนมโอ๊ตอย่าง
00:07:02 → 00:07:04 เงี้ยนะคะเนาะหรือว่านมเมคadiaนะกินแล้ว
00:07:04 → 00:07:07 มันจะมันนิดนึงอ่ะมันก็ค่อนข้างอร่อยไง
00:07:07 → 00:07:09 แต่ว่านมโอ๊ตเนี่ยข้อเสียของมันคืออะไร
00:07:10 → 00:07:12 แป้งค่อนข้างเยอะฉะนั้นถ้าเราอยู่ในช่วง
00:07:12 → 00:07:14 แบบว่าอยากจะควบคุมน้ำหนักอะไรอย่างเงี้ย
00:07:14 → 00:07:17 นมโอ๊ตก็อาจจะไม่ไม่ค่อยเหมาะอ่าใช่ใช่
00:07:17 → 00:07:20 หรือว่าถ้าสมมุติว่าลูกเราเป็นเด็กแล้ว
00:07:20 → 00:07:22 แบบว่าแพ้นมบัวจริงๆอย่างเงี้ยค่ะอย่าง
00:07:22 → 00:07:24 ที่เมื่อกี้เราคุยไปโอ๊กินปึ๊บก็ผื่นขึ้น
00:07:24 → 00:07:26 เลยแบบร่างกายไม่ได้เลยอันเนี้ยอาจจะหา
00:07:26 → 00:07:28 ตัวทดแทนได้เช่นอาจจะเป็นนมถั่วเหลือง
00:07:28 → 00:07:30 เพราะว่าอะไรเพราะว่านมถ่วงเหลือง 1 ราคา
00:07:30 → 00:07:33 ไม่ได้แพงมากนะคะ 2 นมถั่วเหลืองเนี่ยมัน
00:07:33 → 00:07:35 มีสารอาหารครบมากที่สุดในตระกูลถั่วทั้ง
00:07:35 → 00:07:38 หมดเนาะฉันก็อาจจะเป็นนมถั่วเหลืองให้
00:07:38 → 00:07:41 เด็กทานได้นะคะหรือว่าถ้าสมมุติว่าเราแบบ
00:07:41 → 00:07:44 ว่ามีปัญหาเรื่องลำไส้ที่มันแบบว่ามีแก๊ส
00:07:44 → 00:07:46 เยอะแบบอะไรเยอะมากๆเวลากินถั่วก็มีปัญหา
00:07:46 → 00:07:49 เหมือนกันอย่างเงี้ยก็อาจจะเป็นพวกนมข้าว
00:07:49 → 00:07:51 ก็ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะเพราะว่าส่วนใหญ่
00:07:51 → 00:07:53 แล้วคนไทยเราค่อนข้างคุ้นเคยกับการกิน
00:07:53 → 00:07:55 ข้าวแล้วก็ข้าวเนี่ยค่อนข้างย่อยง่ายก็
00:07:55 → 00:07:57 อาจจะเลือกเป็นนมข้าวก็ได้ฉะนั้นเราจะ
00:07:57 → 00:08:00 เห็นได้เห็นว่าการที่เราเลือกนมทดแทนน่ะ
00:08:00 → 00:08:02 มันไม่ใช่มีอะไรดีที่สุดเนาะแต่อะไรอาจจะ
00:08:02 → 00:08:05 เหมาะกับเรามากกว่าอืเราสามารถเลือกที่รส
00:08:05 → 00:08:07 ชาติเป็นหลักได้มั้คะหมอถ้าเราไม่ได้มี
00:08:08 → 00:08:10 ปัญหาสุขภาพเยอะหรือว่าเราไม่ได้มีอะไร
00:08:10 → 00:08:12 ที่แบบว่าอุ๊ยฉันจะต้องแบบสร้างกล้าม
00:08:12 → 00:08:15 เนื้อเยอะๆฉันจะต้องแบบว่าสุขภาพดีผอมลง
00:08:15 → 00:08:17 ภายในกี่วันอย่างเงี้ยจริงๆเลือกอะไรก็
00:08:17 → 00:08:19 ได้เพราะว่ามันค่อนข้างปลอดภัยกับร่างกาย
00:08:19 → 00:08:22 อยู่แล้วค่ะแล้วถ้าอย่างงั้นการดื่มกาแฟ
00:08:23 → 00:08:25 ตอนทองว่างตกลงมันดีหรือไม่ดีคะถ้ามันมี
00:08:25 → 00:08:27 สารทั้งหลายหลั่งออกมาแบบเนี้ยจริงๆต้อง
00:08:27 → 00:08:30 บอกว่าถ้าเราดื่มในปริมาณที่เหมาะสมอ่ะ
00:08:30 → 00:08:32 ค่ะคำว่าปริมาณที่เหมาะสมหมายถึงอะไรก็
00:08:32 → 00:08:35 หมายถึงว่าถ้าเป็นกาแฟดำเฉยๆเนาะประมาณ
00:08:35 → 00:08:39 1-3 แก้วต่อวันในเวลาที่เหมาะสมเช่นอาจ
00:08:39 → 00:08:41 จะดื่มก่อน 14:00 น.แบบเนี้ยค่ะก็ไม่ค่อย
00:08:41 → 00:08:43 มีปัญหาอะไรเท่าไหร่ถ้าเราไม่ได้เป็นคน
00:08:43 → 00:08:46 ที่มีลำไส้แปรปวนยกเว้นไว้นิดนึงลำไส้แปร
00:08:46 → 00:08:48 ปวนเพราะว่าถ้าบางคนแบบลำไส้ค่อนข้าง
00:08:48 → 00:08:51 เensitiveมากหรือว่าร่างกายเขาแบบว่า
00:08:51 → 00:08:53 ดีท็อกซ์คาเฟอีนนะคะหรือขับคาเฟอีนได้ไม่
00:08:53 → 00:08:56 ค่อยไม่ค่อยเร็วเงี้ยเขาจะค่อนข้าง
00:08:56 → 00:08:58 sensitive กับกาแฟมากกว่าคนทั่วไปแล้ว
00:08:58 → 00:09:00 เราจะรู้ได้ยังไงคะว่าเราคือคนที่ขับ
00:09:00 → 00:09:03 คาเฟอีนออกไม่ค่อยดีหรือเปล่าเอาง่ายๆเลย
00:09:03 → 00:09:06 นะถ้าเราสมมุติว่าดื่มกาแฟอ่ะก่อน 14:00
00:09:06 → 00:09:09 น.แล้วกลางคืนมาคุณนอนไม่หลับแปลว่าคุณ
00:09:09 → 00:09:11 แบบเอาคาเฟอีนออกได้ไม่ดีอ่าเพราะอันนี้
00:09:11 → 00:09:14 ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของเราว่า
00:09:14 → 00:09:16 ตับเราอ่ะสามารถขับคาเฟอีนได้มากน้อยแค่
00:09:16 → 00:09:19 ไหนฉะนั้นบางคนขับเร็วบอกว่าเนี่ยเห็นว่า
00:09:19 → 00:09:21 ดื่มก่อนนอนไม่เห็นเป็นไรเลยก็หลับได้
00:09:21 → 00:09:23 สบายก็เพราะว่าร่างกายเขาขับดีไงแต่บางคน
00:09:23 → 00:09:26 น่ะฉันดื่มตั้งแต่เที่ยนแล้วนะ 21:00 น.
00:09:26 → 00:09:27 ยังนอนไม่หลับเลยอะไรอย่างเงี้ยแชมป์ก็
00:09:27 → 00:09:30 เลยขึ้นแบบว่าเอ๊ะร่างกายเราเป็นยังไงฉัน
00:09:30 → 00:09:32 พวกเนี้ยหมอบอกไม่ได้เนาะคุณต้องสังเกต
00:09:32 → 00:09:35 ด้วยตัวเองอืแต่ว่าการดื่มกาแฟอ่ะอ่ะข้อ
00:09:35 → 00:09:38 ดีก็บอกไปแล้วเออมันช่วยแบบขับถ่ายคล้อง
00:09:38 → 00:09:41 เนาะทำให้เราตื่นตัวมี energy alิtอะไร
00:09:41 → 00:09:44 อย่างเงี้ยค่ะทำงานได้ค่อนข้างดีแต่ว่า
00:09:44 → 00:09:47 ถ้าเราดื่มมากเกินไปเช่นโอ้โหวันดื่มดื่ม
00:09:47 → 00:09:49 แบบ 7-8 แก้วเลยอ่ะอันนี้มันก็จะแบบมี
00:09:49 → 00:09:52 คาเฟอีนมากไปเนาะซึ่งคาเฟอีนมากไปก็ทำให้
00:09:52 → 00:09:54 เราเกิดภาวะที่เครียดได้ง่ายหรือว่านอน
00:09:54 → 00:09:57 ไม่หลับหรือบางคนอาจจะถ่ายมากๆถ่ายจน
00:09:57 → 00:10:00 กระทั่งกับท้องเสียเลยก็มีเออซึ่งมันก็มี
00:10:00 → 00:10:02 ผลกระทบต่อร่างกายเราเพราะว่าถ้าคุณดื่ม
00:10:02 → 00:10:05 กาแฟอย่าลืมนะว่าคาเฟอีนนอกจากทำให้ถ่าย
00:10:05 → 00:10:08 มากแล้วทำให้ฉี่บ่อยด้วยอืเพราะว่าเราบอก
00:10:08 → 00:10:11 ว่าคาเฟอีนนะคะเรียกว่าเป็นไดูเรติเนาะก็
00:10:11 → 00:10:13 คือมันทำให้แบบฉี่ได้อยู่แล้วอะไรอย่าง
00:10:13 → 00:10:15 เงี้ยฉะนั้นถ้าเราดื่มแต่กาแฟไม่ดื่มน้ำ
00:10:15 → 00:10:19 เลยก็ทำให้มีภาวะขาดน้ำผิวก็ไม่สวยละเอ่อ
00:10:19 → 00:10:21 ขับถ่ายก็อาจจะทำให้ขับถ่ายยากขึ้นง่าย
00:10:21 → 00:10:23 เพราะเรามีภาวะขาดน้ำด้วยอย่างเงี้ยค่ะ
00:10:24 → 00:10:26 ฉันเลยต้องดูว่าการดื่มกาแฟของเราอ่ะมัน
00:10:26 → 00:10:28 ดื่มเพื่ออะไรดื่มเพื่ออยากให้เป็นยา
00:10:28 → 00:10:30 ระบายอ่อนๆดื่มเพื่อทำให้กระชุ่มกระชวย
00:10:30 → 00:10:33 หรือว่าดื่มเพื่อแบบสุขภาพอะไรอย่างเงี้ย
00:10:33 → 00:10:35 มันก็เลยต้องดูว่าปริมาณที่เราดื่มนั้นพอ
00:10:35 → 00:10:37 เหมาะหรือเปล่าหรือว่าบางคนแบบอุ๊ยถ่าย
00:10:37 → 00:10:40 ไม่ออกเลยแบบดื่มเยอะๆเลยได้มั้แบบดื่ม
00:10:40 → 00:10:41 3-4 แก้วเลยติดต่อกันอย่างเงี้ยคราวนี้
00:10:41 → 00:10:43 พอดื่มอย่างงั้นก็อาจจะทำให้เรายิ่งปวด
00:10:43 → 00:10:46 ท้องอ่ะก็เลยต้องวิ่งเข้าห้องน้ำถูกป่ะ
00:10:46 → 00:10:48 แล้วถ่ายอาจจะถ่ายเยอะจนถ่ายเหลวอย่าง
00:10:48 → 00:10:50 เงี้ยค่ะพวกเนี้ยถ้าทำอย่างี้บ่อยๆอาจจะ
00:10:50 → 00:10:53 ทำให้มีภาวะเคยชินคล้ายๆเราต้องพึ่งยา
00:10:54 → 00:10:56 ระบายอ่ะอเหมือนติดยาเหมือนติดยาเออ
00:10:56 → 00:10:58 เหมือนติดยาถ่ายแล้วว่าเอไม่กินก็ไม่ถ่าย
00:10:58 → 00:11:01 นะอย่างเงี้ก็เลยปัญหาแล้วก็เลยต้องดื่ม
00:11:01 → 00:11:03 มากขึ้นอ่าพอดื่มมากขึ้นก็อาจจะเริ่มไปรบ
00:11:03 → 00:11:06 กวนเขาเรียกว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ละทำให้
00:11:06 → 00:11:09 เรามีปัญหาหรือว่าบางคนชอบดื่มกาแฟพร้อม
00:11:09 → 00:11:12 อาหารอ้าแล้วเวลาเราดื่มกาแฟค่ะเนื่องจาก
00:11:12 → 00:11:15 กาแฟมันมีบอกว่ามีสารที่มันมีสีแบบดำๆน้ำ
00:11:15 → 00:11:18 ตาลของกาแฟเนาะเราเรียกว่าโพลิฟีโนซึ่ง
00:11:18 → 00:11:20 สารเหล่าเนี้ยเวลาเรากินกับอาหารทั่วไปจะ
00:11:20 → 00:11:23 ให้ไปบล็อกการดูดซึมแร่ธาตุเหล็กได้ออ
00:11:24 → 00:11:27 เหรอเออซึ่งไม่ใช่แค่กาแฟนะชาก็เป็นอื
00:11:27 → 00:11:30 สมมุติเราชอบกินแบบชานมชาอะไรต่างๆแล้วก็
00:11:30 → 00:11:33 ดื่มคู่กับไอ้ดื่มดื่มแล้วก็กินอาหารไป
00:11:33 → 00:11:35 ด้วยกันบ่อยๆอย่างเงี้ยก็เลยทำให้ผู้หญิง
00:11:35 → 00:11:37 เรามีภาวะขาดธาตุเหล็กได้ง่ายโอ้โห
00:11:37 → 00:11:40 อันเนี้เชื่อว่าหลายๆคนรวมถึงเจนเองบางที
00:11:40 → 00:11:43 ก็ดื่มอาหารพร้อมชาหรือพร้อมกาแฟอะไร
00:11:43 → 00:11:46 เงี้ยพอพอเราทานแล้วเราก็กะว่าเดี๋ยวมื้อ
00:11:46 → 00:11:48 นี้นะฉันจะกินโปรตีนฉันจะกินธาตุเหล็ก
00:11:49 → 00:11:51 ปรากฏเธอกินพร้อมกับกาแฟโดนบล็อกไม่ดูด
00:11:51 → 00:11:53 ซึมเลยจ้าใช่ก็เลยอาจจะเป็นถึงสาเหตุทำไม
00:11:53 → 00:11:56 ว่าเอ๊ะทำไมแบบฉันพยายามกินแบบว่าเนื้อ
00:11:56 → 00:11:59 แดงแล้วนะฉันกินผักใบเขียวแล้วนะทำไมเรา
00:11:59 → 00:12:01 ถึงไม่ได้ธาตุเหล็กเพราะว่าเวลาเรากิน
00:12:01 → 00:12:04 อาหารน่ะเรากินพร้อมมากกับกาแฟหรือชามาก
00:12:04 → 00:12:06 เกินไปก็จะได้อย่างเวลาแบบเราไปร้าน
00:12:06 → 00:12:09 ญี่ปุ่นใช่มั้ยคะแล้วชาเขียวมันรีฟิวฟรี
00:12:09 → 00:12:13 อ่ะค่ะหมอแต่ก็อยากได้ธาตุเหล็กถ้าเรากิน
00:12:13 → 00:12:15 โปรตีนธาตุเหล็กเออเยอะๆสารอาหารจัดเต็ม
00:12:15 → 00:12:18 เลยแต่พร้อมชาเขียวอย่างเงี้ยมันจะลดการ
00:12:18 → 00:12:20 ดุจซึมใช่มั้คะมันก็ลดการดุจซึมอยู่แล้ว
00:12:20 → 00:12:23 ใช่มันลดเยอะขนาดไหนคะคุณหมอจริงๆคือถ้า
00:12:23 → 00:12:26 ตามงานวิจัยอ่ะมันไม่ได้บอกมาตัวเป๊ะๆ
00:12:26 → 00:12:28 เนาะแต่บอกว่าถ้ากินเป็นประจำจะทำให้มี
00:12:28 → 00:12:30 ปัญหาได้แต่ถ้าสมมุติว่าแบบเดือนนึงเราไป
00:12:30 → 00:12:33 กินครั้งนึงอ่ะมันก็คงไม่เป็นปัญหาหรอก
00:12:33 → 00:12:35 แต่ปัญหาคือกาแฟกินทุกวันเออมันไม่เหมือน
00:12:35 → 00:12:38 ชาเขียวที่เราจะไปกินแบบว่าแบบร้านอาหาร
00:12:38 → 00:12:39 ญี่ปุ่นอะไรอย่างงี้ไงก็เลยต้องดูนิดนึง
00:12:39 → 00:12:42 ว่าเอ๊ะถ้าเรากินกาแฟอะไรอย่างเงี้ยอาจจะ
00:12:42 → 00:12:44 ต้องมีเวลาห่างจากอาหารที่เรากินหน่อยมย
00:12:44 → 00:12:46 หรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะเพื่อทำให้มันแบบ
00:12:46 → 00:12:50 โอเคเนาะฉะนั้นถ้าเราจะดื่มชากาแฟควรดื่ม
00:12:50 → 00:12:54 ก่อนหรือหลังอาหารคะจริงๆต้องบอกว่าขอ
00:12:54 → 00:12:56 ก่อนอย่างี้ว่าขอให้ดูสังเกตว่าเราเป็นคน
00:12:56 → 00:12:59 ลำไส้แบบไหนด้วยเช่นถ้าลำไส้คุณ sensitive
00:12:59 → 00:13:01 มากมากๆอย่างเงี้ยกินปุ๊บถ่ายเลยอย่าง
00:13:01 → 00:13:04 เงี้ยอาจจะกินท้องว่างไม่ได้อาจจะเป็นจะ
00:13:04 → 00:13:07 ต้องแบบว่าใส่แบบนมโอ๊ตนมอะไรนิดนึงอย่าง
00:13:07 → 00:13:10 เงี้ยค่ะเพื่อทำให้การดูดซึมมันช้าลงจะ
00:13:10 → 00:13:12 ได้ไม่ต้องแบบเร่งเข้าห้องน้ำเกินไปโดย
00:13:12 → 00:13:13 เฉพาะถ้าเราอยู่บนรถอะไรอย่างเงี้ยแต่คือ
00:13:14 → 00:13:16 ถ้าโดยทั่วไปอย่างเงี้ยค่ะแล้วเราไม่ได้
00:13:16 → 00:13:18 มีปัญหาอะไรเนาะเราก็สามารถพอที่จะดื่ม
00:13:18 → 00:13:21 ท้องว่างได้เอ่อไม่มีปัญหาอะไรโอเคงั้นก็
00:13:21 → 00:13:23 แปลว่าจะก่อนหรือหลังอาหารก็ได้จะต้อง
00:13:23 → 00:13:26 อยู่ที่สภาพลำไส้ของของของเราด้วยแล้วก็
00:13:26 → 00:13:28 ต้องดูหน่อยว่าเออวันนั้นเราเครียดมาก
00:13:28 → 00:13:31 มั้ยวันนั้นเราโอเคหรือเปล่าเพราะบางที
00:13:31 → 00:13:33 เวลาเราเครียดมากๆแล้วดื่มกาแฟมันยิ่งทำ
00:13:33 → 00:13:35 ให้ใจเต้นเร็วยิ่งยิ่งแบบเครียดหนักกว่า
00:13:35 → 00:13:38 เดิมไงอืทีเนี้ยค่ะอยากถามว่าถ้าสมมุติ
00:13:38 → 00:13:41 ว่าเราดื่มกาแฟทุกวันมาเป็นเวลา 5 ปี 10
00:13:41 → 00:13:44 ปีอันเนี้ยจะเกิดผลเสียต่อร่างกายมั้คะอ
00:13:44 → 00:13:46 ต้องบอกก่อนว่าถ้าเราดื่มในปริมาณที่พอ
00:13:46 → 00:13:49 เหมาะอ่ะ 1-3 แก้วอ่ะจริงๆถือว่ามี
00:13:49 → 00:13:51 ประโยชน์เพราะว่าที่บอกว่าสารสีน้ำตาลน่ะ
00:13:52 → 00:13:54 ค่ะมันเรียกว่าโพลิฟิโนเนาะถึงแม้ว่ามัน
00:13:54 → 00:13:56 จะไปบล็อกการดูดซึมของธาตุเหล็กถ้าเรากิน
00:13:56 → 00:13:59 พร้อมอาหารแต่ถ้าเรากินท้องว่างสารเหล่า
00:13:59 → 00:14:01 เนี้ยเป็นสารที่ช่วยแอนตี้ออกซidนหรือสาร
00:14:01 → 00:14:04 ต้านอนุมูลอิสระเนาะซึ่งมันก็มีงานวิจัย
00:14:04 → 00:14:06 มากมายว่าสารเหล่านี้ค่ะช่วยทั้งลดการ
00:14:06 → 00:14:09 อักเสบช่วยในเรื่องเบาหวานเนาะใช้ใน
00:14:09 → 00:14:11 เรื่องลดความเสื่อมแก่ชราอย่างเงี้ยค่ะ
00:14:11 → 00:14:15 ฉะนั้นกินอะไรที่มันพอเหมาะมันกำลังดีเออ
00:14:15 → 00:14:18 เนาะแต่ว่าถ้าเรากินมากเกินไปหรือว่าเรา
00:14:18 → 00:14:20 เรียกว่าง่ายๆว่า overdose ก็คือจะส่งผล
00:14:20 → 00:14:22 เสียกับร่างกายถ้ากินทุกวันเนี่ยไม่ได้
00:14:22 → 00:14:25 ถือว่ามากเกินไปใช่มั้คะกาแฟไม่ถ้าเรากิน
00:14:25 → 00:14:27 แค่วันละแก้วถือว่าโอเคอ๋อถือว่าโอเคระยะ
00:14:27 → 00:14:30 ยาวก็สามารถทานได้สามารถทานได้หรือว่าเรา
00:14:30 → 00:14:32 กินชาเขียวอย่างเงี้ย 1-2 แก้วก็คือแบบ
00:14:32 → 00:14:34 ได้ประโยชน์เยอะมากๆเพราะว่าเราบอกว่า
00:14:34 → 00:14:37 อะไรในแต่ละวันนึงค่ะเราควรจะกินอาหารที่
00:14:37 → 00:14:41 มันมีสีสันให้ครบสีสันหมายถึงอะไรก็คือ
00:14:41 → 00:14:45 ข้าว 1 สีชา 1 สีกาแฟ 1 สีผักผักหลากหลาย
00:14:45 → 00:14:48 สีสันก็คนละสีใช่มยวันนึงควรจะนับให้ได้ 7
00:14:48 → 00:14:50 สีต่อวันน่ะชั้นกาแฟก็ 1 เป็นหนึ่งในอชั
00:14:50 → 00:14:54 ที่มีสีสันละกาแฟก็น้ำตาลชาเขียวก็เขียว
00:14:54 → 00:14:57 น้ำส้มก็ส้มข้าวสีนู่นนี่นั่นเนาะใช่ๆแต่
00:14:57 → 00:15:00 ว่าถ้าถ้าเป็นน้ำที่จากผลไม้อาจจะต้อง
00:15:00 → 00:15:02 ระวังเรื่องน้ำตาลนิดนึงอ่าค่ะแล้วทีนี้
00:15:02 → 00:15:05 ค่ะอยากถามว่าเราสามารถกินชากาแฟพร้อม
00:15:05 → 00:15:08 อาหารเสริมได้มั้ยคะบางตัวจริงๆอ่ะอย่าง
00:15:08 → 00:15:12 ที่บอกว่าถ้าเรากินชากาแฟเพราะอาหารมัน
00:15:12 → 00:15:14 บล็อกการดูดซึมของธาตุเหล็กเนาะฉะนั้นชา
00:15:14 → 00:15:17 กับกาแฟก็ไม่เหมาะกับการกินพร้อมกับยา
00:15:17 → 00:15:19 หรือว่าอาหารเสริมเพราะสมมุตินะคะคนหลาย
00:15:19 → 00:15:21 คนเนี่ยตื่นเช้ามาปุ๊บปุ๊บจะดื่มกาแฟแล้ว
00:15:21 → 00:15:24 ก็ตอนเช้าเนี่ยก็จะดื่มกาแฟแล้วก็จะต้อง
00:15:24 → 00:15:26 ทานอาหารเสริมก่อนออกจากบ้านอย่างเงี้ย
00:15:26 → 00:15:28 ค่ะเลยอยากรู้ว่าถ้าจะต้องดื่มกาแฟแล้วจะ
00:15:28 → 00:15:31 ต้องทานอาหารเสริมจะต้องเว้นกันนานขนาด
00:15:31 → 00:15:33 ไหนหรือว่ามีตัวไหนที่ทานพร้อมกันได้ตัว
00:15:33 → 00:15:37 ไหนที่ห้ามจริงๆเอาเอาบอกว่าง่ายที่สุดก็
00:15:37 → 00:15:39 คือว่าเวลาเราตื่นมาอย่างเงี้ยค่ะมันจะมี
00:15:39 → 00:15:42 ยาก่อนอาหารเนาะยาก่อนอาหารก็คือควรจะกิน
00:15:42 → 00:15:45 ท้องว่างก็แปลว่าเราควรจะกินยานั้นน่ะค่ะ
00:15:45 → 00:15:47 ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างเลยก็คือดื่มได้น้ำ
00:15:47 → 00:15:50 เปล่าเฉยๆอ่าแล้วก็ดื่มกินอันเนี้ยเสร็จ
00:15:50 → 00:15:52 เสร็จปุ๊บเนี่ยอาจจะป้องบั 30 นาทีถึง 1
00:15:52 → 00:15:55 ชมงค่อยเริ่มกินชาหรือกาแฟได้แล้วแต่ว่า
00:15:55 → 00:15:58 ถ้าเขาบอกว่าอ้าวแล้วถ้าเป็นยาที่แบบ
00:15:58 → 00:16:00 สามารถกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหารล่ะเนาะ
00:16:00 → 00:16:03 คุณจะสามารถกินพร้อมกับชากับกาแฟได้มยก็
00:16:03 → 00:16:05 ไม่ควรอีกอยู่ดีเพราะว่าอะไรอย่างที่บอก
00:16:05 → 00:16:07 ว่าจริงๆแล้วชากับกาแฟค่ะมันมีฤทธิ์เป็น
00:16:07 → 00:16:10 กดอ่อนๆคราวนี้มันมียากับซัพพลเมนต์หลาย
00:16:10 → 00:16:13 ตัวที่มันจะทำละลายได้ดีในแบบเป็นฟอร์ม
00:16:13 → 00:16:16 เป็นกดบ้างบางทีฟอร์มเป็นด่างบ้างมันเลย
00:16:16 → 00:16:19 ก็ทำให้การทำละลายของยาหรือสารอาหารมี
00:16:19 → 00:16:21 ปัญหาไปก็เลยไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ค่ะก็
00:16:21 → 00:16:23 เลยแนะนำว่าถ้าจะกินพวกนี้จริงๆแล้วไม่
00:16:24 → 00:16:27 ควรกินพร้อมยาหรือหรืออาหารเสริมเลยจะดี
00:16:27 → 00:16:29 ที่สุดอืให้เว้นไปหน่อยให้เว้นไปหน่อย
00:16:29 → 00:16:30 อย่างน้อยสักครึ่งชั่วโมงก็กำลังดีค่ะ
00:16:30 → 00:16:32 ชั่วโมงครึ่งชั่วโมงก็ไม่ได้นานขนาดนั้น
00:16:32 → 00:16:34 อาจจะต้องใจเย็นๆใช่ใจเย็นๆนิดนึงไม่งั้น
00:16:34 → 00:16:37 ถ้าคุณกินไปอ่ะประเด็นคือเค้าเรียกว่า
00:16:37 → 00:16:39 ราคาที่คุณจ่ายกับสิ่งที่คุณได้มันอาจจะ
00:16:39 → 00:16:41 ไม่เหมาะกันอุตส่าห์ซื้ออาหารเสริมมา
00:16:41 → 00:16:44 อุตส่าห์ซื้อกาแฟมาสรุปก็คือมันเป็น
00:16:44 → 00:16:47 แคเซิลกันเองใช่ๆค่ะอาจจะมีปัญหาในการดูด
00:16:47 → 00:16:50 ซึมได้ง่ายมากค่ะทีนี้ค่ะอยากจะกลับมาที่
00:16:50 → 00:16:52 คำถามที่เขาบอกว่าคือทุกวันน่ะเขาใช้ตัว
00:16:52 → 00:16:55 ช่วยในการขับถ่ายคือกาแฟไม่งั้นเขาจะรู้
00:16:55 → 00:16:58 สึกเอาจจะถ่ายเองได้แต่อาจจะไม่ได้ง่าย
00:16:58 → 00:17:01 ขนาดนั้นอย่างเงี้ยค่ะสำหรับคนที่ต้องการ
00:17:01 → 00:17:04 มีตัวช่วยในการขับถ่ายอ่ะคะอการเลือกกาแฟ
00:17:04 → 00:17:06 เนี่ยเป็นสิ่งที่ถูกต้องมยหรือว่ามีตัว
00:17:06 → 00:17:10 ช่วยอื่นๆที่เหมาะกว่าจริงๆบอกว่าก่อนที่
00:17:10 → 00:17:12 จะเลือกกาแฟอยากให้กลับไปดูพิจารณานิดนึง
00:17:13 → 00:17:16 ว่าเราณตอนเนี้ยทำเ้าเรียกว่ามีไลฟ์สไตล์
00:17:16 → 00:17:18 ที่เหมาะสมหรือยังก่อนเนาะที่เราเคยพูด
00:17:18 → 00:17:21 กันหลายรอบแล้วว่า 1 คุณเดินถึงมยวันละ
00:17:21 → 00:17:24 ซัก 7-8,900 อ่ะเพราะคนส่วนใหญ่ถ้าทำงาน
00:17:24 → 00:17:27 ออฟฟิศอ่ะ 2-3,900 เองต่อวันเพราะคุณเดิน
00:17:27 → 00:17:29 ไม่ถึงอ่ะแน่นอนลำไส้คุณไม่มีการกระตุ้น
00:17:29 → 00:17:32 ใช่มยเคุณจะขับถ่ายยังไง 2 น้ำคุณดื่มพอ
00:17:32 → 00:17:35 มั้ยเพราะว่าถ้าบอกว่าคุณดื่มแต่กาแฟดื่ม
00:17:35 → 00:17:37 แต่ชาบอกแล้วว่ามันทำให้ปัสสาวะบ่อยและทำ
00:17:37 → 00:17:40 ให้เรามีภาวะขาดน้ำมากกว่าเดิมฉั้นคุณอาจ
00:17:40 → 00:17:42 จะต้องแบบตั้งขวดน้ำไว้เลยอ่ะบอกว่า 2
00:17:42 → 00:17:45 ลิตรอ่ะถึงมยถ้าไม่ถึงก็ดื่มให้มันถึง
00:17:45 → 00:17:47 ก่อนอย่างเงี้ยค่ะเนาะ 3 เนี่ยก็ต้องมาดู
00:17:47 → 00:17:49 กันว่าเอ๊ะเอ๊แล้วแต่ละวันเนี่ยเราเนี่ย
00:17:49 → 00:17:52 มีการออกกำลังกายหรือมีเหงื่อมากน้อยแค่
00:17:52 → 00:17:54 ไหนถ้าสมมุติว่าคุณมีการออกกำลังกายมาก
00:17:54 → 00:17:56 ขึ้นเนาะเหงื่อออกมากขึ้นคุณก็ต้องกินน้ำ
00:17:56 → 00:17:58 ให้มากขึ้นเงี้ยค่ะสิ่งอันเนี้ยเป็นสิ่ง
00:17:58 → 00:18:01 ง่ายๆถัดมาดูเรื่องอาหารนิดนึงเนาะว่าคุณ
00:18:01 → 00:18:04 กินอาหารมันหลากหลายสีสันแล้วก็มีไฟเวอร์
00:18:04 → 00:18:07 มยเพราะว่าถ้าคุณกินแต่ข้าวอย่างเงี้ยกับ
00:18:07 → 00:18:09 หมูทอดสมมุติข้าวกับหมูทอดอย่างเงี้ยเจน
00:18:09 → 00:18:11 ว่ามันจะมีแบบตัวอะไรที่ไปช่วยกันขับถ่าย
00:18:11 → 00:18:14 มอ่ะน่าจะยากเออมันก็ยากใช่มั้เพราะมันก็
00:18:14 → 00:18:16 เหนียวอย่างเงี้ยแล้วมันก็หนืดอย่างเงี้ย
00:18:16 → 00:18:18 ค่ะทำให้เราต้องดูก่อนว่าเออสีสันครบมย
00:18:19 → 00:18:21 เรามีการกินไฟเบอร์ถึงมยทำให้อุจจาระมัน
00:18:21 → 00:18:24 นิ่งแล้วมันขับถ่ายง่ายคือถ้าเราดูพวกนี้
00:18:24 → 00:18:27 ครบแล้วอ่ะแล้วมันยังไม่ค่อยโอเคกาแฟอาจ
00:18:27 → 00:18:29 จะเป็นหนึ่งในอtionัที่เราสามารถเลือกได้
00:18:29 → 00:18:31 เพราะว่าอะไรเพราะว่ามันแบบเบามากในการ
00:18:31 → 00:18:34 ช่วยการขับถ่ายเนาะแล้วถ้าเรากิน 1- 3
00:18:34 → 00:18:37 แก้วบอกแล้วว่าไม่แค่ไม่ได้แค่ช่วยการขับ
00:18:37 → 00:18:39 ถ่ายแต่ทำให้ประโยชน์อื่นๆต่อร่างกายพวก
00:18:39 → 00:18:42 แบบว่าการลดการอักเสบก็ได้การบำรุงสมองก็
00:18:42 → 00:18:44 ได้อย่างเงี้ยค่ะชั้นกาแฟอาจจะเป็นตัว
00:18:44 → 00:18:47 ช่วยที่ดีแต่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะแต่
00:18:47 → 00:18:49 ถ้าสมมุติว่าเราพึ่งกาแฟอย่างเดียวแล้ว
00:18:50 → 00:18:51 อันอื่นไม่ปรับเลยอันนี้หมอก็คิดว่าไม่
00:18:52 → 00:18:54 ค่อยควรเพราะว่าอะไรเพราะว่าอาจจะทำให้
00:18:54 → 00:18:56 แบบกินปุ๊บเข้าห้องน้ำปั๊บอย่างเงี้ยมัน
00:18:56 → 00:18:58 ก็แบบกับเพื่อนๆมันก็ไม่ค่อยโอเคอ่ะป่ะ
00:18:58 → 00:19:00 ถูกป่ะหรือถ้ากินบ่อยๆอย่างเงี้ยแล้วทำ
00:19:01 → 00:19:03 ให้แบบมันรู้สึกมันบีบรัดท้องปวดท้องมาก
00:19:03 → 00:19:06 อย่างเงี้ยค่ะมันก็ทำให้เป็นแบบว่าเรา
00:19:06 → 00:19:09 ต้องพึ่งกาแฟตลอดเวลาอันนี้ก็ไม่ค่อยโอเค
00:19:09 → 00:19:11 หรือว่าถ้ามันถ่ายอย่างเงี้ยบ่อยๆมากๆ
00:19:11 → 00:19:14 ข้าวก็ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้แปรปวนไปพอ
00:19:14 → 00:19:16 มันแปรปรวนไปอาจจะทำให้เป็นโรคแบบโรคอ้วน
00:19:17 → 00:19:19 ได้ง่ายโรคที่เค้าเรียกว่าโรคลำไส้อักเสบ
00:19:19 → 00:19:21 ได้ง่ายอะไรอย่างเงี้ยก็ไม่ค่อยโอเคเนาะ
00:19:21 → 00:19:23 หรือที่เราบอกแล้วว่าทำให้แบบว่าการดูด
00:19:23 → 00:19:26 ซึมธาตุเหล็กมีปัญหาได้ก็เลยต้องให้เรา
00:19:26 → 00:19:28 แก้ไปทีละเปราะก่อนแล้วก็ให้เลือกแบบว่า
00:19:28 → 00:19:30 1-3 แก้วแล้วถ้าคุณถ่ายได้โอเคอันเนี้
00:19:30 → 00:19:33 หมอคิดว่าพอใช้ได้อืก็แปลว่าเป็นตัวช่วย
00:19:33 → 00:19:35 ได้แหละแต่ว่าอาจจะต้องดูองค์ประกอบรวม
00:19:35 → 00:19:37 ด้วยไม่ใช่พึ่งแต่กาแฟอย่างเดียวใช่ใช่
00:19:37 → 00:19:39 ค่ะฟังแบบนี้แล้วหลายคนคงเริ่มเอะใจว่า
00:19:39 → 00:19:42 เอ๊ะที่เราท้องเสียตอนเช้าหลังจากที่กิน
00:19:42 → 00:19:45 กาแฟใส่นมเนี่ยอาจจะไม่ได้เป็นเพราะกาแฟ
00:19:45 → 00:19:47 อย่างเดียวแต่อาจจะเป็นเพราะแลคโตสที่
00:19:47 → 00:19:50 อยู่ในนมนี่แหละแต่ถ้าเราแพ้แลคโตสแต่ไม่
00:19:50 → 00:19:52 ได้แพ้นมก็ยังสามารถดื่มนมได้อยู่นะคะแค่
00:19:52 → 00:19:55 ต้องเลือกให้เหมาะกับร่างกายเราอย่างเช่น
00:19:55 → 00:19:57 นมแลคโตสฟรีหรือนมสูตรไม่มีแลคโตสก็
00:19:58 → 00:20:00 สามารถเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราสบายท้องได้
00:20:00 → 00:20:03 เยอะเลยค่ะอย่างเช่นเมจิแลคโตสฟรีนมดีๆ
00:20:03 → 00:20:06 ที่ย่อยแลคโตสมาให้คุณแล้วทำให้ดื่มแล้ว
00:20:06 → 00:20:09 ย่อยง่ายสบายท้องรสชาติดีแถมยังดีต่อ
00:20:09 → 00:20:11 สุขภาพด้วยเพราะมีสารอาหารอย่างครบถ้วน
00:20:11 → 00:20:15 เลยค่ะด้วยโปรตีน 12 กรัมแคลเซียม
00:20:15 → 00:20:17 ฟอสฟอรัสและวิตามินบีซึ่งเหมาะกับสาย
00:20:17 → 00:20:20 สุขภาพมากๆเลยค่ะสำหรับใครที่อยากได้
00:20:20 → 00:20:23 ประโยชน์จากนมแบบครบๆไม่ว่าจะเป็นโปรตีน
00:20:23 → 00:20:26 แคลเซียมเหมือนได้ดื่มนมวัวแบบปกติเลยแต่
00:20:26 → 00:20:29 ไม่อยากเสี่ยงกับอาการไม่ย่อยสามารถหา
00:20:29 → 00:20:32 ซื้อนมเมจิแลคโตสฟรีได้แล้วที่ร้านค้า
00:20:32 → 00:20:35 ชั้นนำทั่วไปค่ะถ้าลองเปลี่ยนดูแล้วมีการ
00:20:35 → 00:20:36 เปลี่ยนแปลงยังไงอย่าลืมมาเล่าให้กันฟัง
00:20:36 → 00:20:40 นะคะเราจะได้สุขภาพดีไปด้วยกัน
00:20:40 → 00:20:44 ค่ะคำถามต่อมาค่ะอยากสร้างกล้ามเนื้อเลย
00:20:45 → 00:20:48 เน้นการกินโปรตีนเยอะมากๆนะคะทั้งไข่และ
00:20:48 → 00:20:51 ไก่แต่พักหลังมาเริ่มสังเกตว่าเวลากินไข่
00:20:51 → 00:20:54 บางทีเนี่ยจะรู้สึกแน่นท้องบางทีก็ท้อง
00:20:54 → 00:20:57 เสียล่าสุดมีผื่นขึ้นเหมือนเป็นลมพิษเลย
00:20:57 → 00:21:01 ค่ะแล้วก็คันด้วยนะคะตอนแรกก็ไม่คิดว่า
00:21:01 → 00:21:04 เกี่ยวกับไข่เพราะว่ากินไข่มาตั้งแต่เด็ก
00:21:04 → 00:21:07 ก็ไม่เคยมีอาการอะไรแต่วันก่อนลองกินไข่
00:21:07 → 00:21:10 ต้มไปจากนั้นไม่ถึง 1 ชมงผืนเริ่มขึ้นเลย
00:21:10 → 00:21:14 ค่ะแบบเนี้ยเรียกว่าแพ้ไข่หรือเปล่าคะ
00:21:14 → 00:21:16 แล้วถ้าสมมุติว่าแพ้ไข่ขึ้นมาจริงๆนอกจาก
00:21:16 → 00:21:21 ไก่สามารถกินโปรตีนแบบไหนดีคะคุณหมออัน
00:21:21 → 00:21:23 นี้ต้องขอบอกก่อนว่าจริงๆแล้วของการแพ้
00:21:23 → 00:21:27 ไข่อ่ะค่ะมันจะคล้ายๆของการแพ้นมเมื่อกี้
00:21:27 → 00:21:29 เลยเนาะการแพ้ไข่ก็จะมี 2 แบบเหมือนกัน
00:21:29 → 00:21:33 ค่ะคือเราเรียกว่าการแพ้ไข่ไก่จริงๆนะคะ
00:21:33 → 00:21:35 เรียกว่าเป็นแบบว่าเป็น egergy เลยเนาะ
00:21:35 → 00:21:38 กับแบบที่ 2 เป็น eg intolerance eg
00:21:38 → 00:21:40 intolerance หมายถึงอะไรก็หมายถึงว่าใน
00:21:40 → 00:21:44 ระบบลำไส้เราค่ะมีเอนไซมตัวย่อยโปรตีนไข่
00:21:44 → 00:21:45 ไม่ค่อยโอเคโอเคเท่าไหร่ก็เลยทำให้มี
00:21:45 → 00:21:48 ปัญหาชั้นเมื่อกี้ที่เจนพูดมาจะเป็น
00:21:48 → 00:21:51 เกี่ยวกับเรื่องของการแพ้จริงจังเพราะว่า
00:21:51 → 00:21:53 อะไรเพราะว่าคนไข้กินปุ๊บเนี่ยค่ะมีอาการ
00:21:53 → 00:21:56 ทางผิวหนังออกค่อนข้างชัดเจนเนาะซึ่งปกติ
00:21:56 → 00:21:59 แล้วการแพ้ค่ะมันจะมี 4 เค้าเรียกว่า 4
00:21:59 → 00:22:01 ออร์แกนหรือ 4 อวัยวะที่จะมีปัญหาเนาะ
00:22:01 → 00:22:03 เช่น 1 จะเป็นระบบผิวหนังกลิ่นปจะเริ่ม
00:22:03 → 00:22:06 แบบคันปากบวมอย่างเงี้ยค่ะอันนี้เราจะ
00:22:06 → 00:22:09 เรียกว่าระบบผิวหนังมีปัญหาระบบที่ 2 จะ
00:22:09 → 00:22:11 เป็นระบบหายใจบางคนกินแล้วเหมือนกับน้ำ
00:22:11 → 00:22:13 มุกไหลอ่ะหายใจไม่ออกเงี้ยค่ะอันนี้จะ
00:22:13 → 00:22:16 เป็นระบบทางเดินหายใจระบบที่ 3 จะคือ
00:22:16 → 00:22:20 เกี่ยวข้องกับพวกหัวใจเนาะเช่นไตเต้นแรง
00:22:20 → 00:22:22 หรือว่าเ้าเรียกว่าเค้าเรียกเเรียกว่าใจ
00:22:22 → 00:22:24 สั่นหน้ามืดอะไรอย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็
00:22:24 → 00:22:26 เกี่ยวกับโรคระบบหัวใจระบบสุดท้ายก็คือ
00:22:26 → 00:22:29 ระบบลำไส้เนาะบางคนกินแล้วปวดท้องแบบบิด
00:22:29 → 00:22:33 เกงเลยถ้ามี 1 ใน 4 นี้หมายถึงว่าน่าจะ
00:22:33 → 00:22:36 เป็นแบบแพ้จริงจังอือืซึ่งคล้ายๆนมเหมือน
00:22:36 → 00:22:38 กันว่าถ้าคุณแพ้ไข่จริงจังอ่ะส่วนใหญ่จะ
00:22:38 → 00:22:41 เป็นในประชากร 2-3% ของโลกเองแล้วส่วน
00:22:41 → 00:22:43 ใหญ่จะเริ่มเป็นมาตั้งแต่เด็กแต่คราว
00:22:43 → 00:22:46 เนี้ยเนี่ยมันก็มีข้อพิเศษเหมือนกันข้อ
00:22:46 → 00:22:49 พิเศษคืออะไรมันจะมีเทอมว่าบอกว่าเป็น
00:22:49 → 00:22:52 adult on set food allergy อืก็คือ
00:22:52 → 00:22:54 ว่าเริ่มมีการใช้อาหารบางอย่างตอนที่เรา
00:22:54 → 00:22:57 โตแล้วเขาก็บอกว่าเอ๊ะแล้วทำไมถึงเป็น
00:22:57 → 00:22:59 อย่างนั้นเนาะเค้าก็จะมีทฤษฎีว่าบางทีอ่ะ
00:22:59 → 00:23:03 เด็กๆก็กินไข่นะแต่ไม่ได้กินบ่อยอืคือนาน
00:23:03 → 00:23:05 ๆกินทีไงถูกมั้ยแต่พอเราโตขึ้นมาแล้วไม่
00:23:05 → 00:23:08 ได้ฉันต้องกินโปรตีนกินทุกวันเลยวันละ 2-
00:23:08 → 00:23:10 3 ฟอง 3 4 ฟองคราวนี้พอกินมากๆอ่ะร่าง
00:23:10 → 00:23:12 กายมันก็จำโปรตีนได้ง่ายขึ้นเพราะเราได้
00:23:12 → 00:23:16 รับทุกวันก็เลยทำให้มีอาการรุนแรงขึ้นอื
00:23:16 → 00:23:18 อันนี้คืออันที่ 1 ที่เขาบอกว่าน่าจะเป็น
00:23:18 → 00:23:20 ไปได้หรืออันที่ 2 เขาบอกว่าเป็นเพราะ
00:23:20 → 00:23:23 อะไรเพราะว่าพอเราโตขึ้นมาค่ะโดยเฉพาะผู้
00:23:23 → 00:23:25 หญิงนะฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้าง
00:23:25 → 00:23:29 เยอะเช่นอาจจะแบบจากเป็นวัยรุ่นแล้วพอมา
00:23:29 → 00:23:31 ท้องฮอร์โมนก็เปลี่ยนแปลงถูกมยหรือว่าจาก
00:23:31 → 00:23:34 เป็นวัยสาวๆกลายเป็นวัยที่แบบว่าเริ่ม
00:23:34 → 00:23:36 เข้าวัยทองฮอร์โมนก็มีการเปลี่ยนแปลงก็ทำ
00:23:36 → 00:23:38 ให้ภูมิเริ่มเปลี่ยนแปลงไปได้ค่ะก็เลยอาจ
00:23:38 → 00:23:40 จะทำให้เราจากอันเนี้ไม่ค่อยแพ้อยู่ๆมา
00:23:40 → 00:23:43 แพ้หนักได้อืมอันที่ 3 เกี่ยวข้องกับอะไร
00:23:43 → 00:23:45 บางคนบอกว่าเกี่ยวข้องกับการที่เราติด
00:23:45 → 00:23:48 เชื้อบางอย่างเนาะติดไวรัสติดแบคทีเรียทำ
00:23:48 → 00:23:50 ให้เราอาจจะต้องได้รับยาฆ่าเชื้อมากขึ้น
00:23:50 → 00:23:53 นะคะทำให้ลำไส้เราเริ่มแปรเปลี่ยนไปหรือ
00:23:53 → 00:23:55 ว่าจุลินทรีย์ลำไส้เปลี่ยนไปก็จะทำให้
00:23:55 → 00:23:59 ภูมิเริ่มเพี้ยนได้อืก็เกี่ยวข้องกันแล้ว
00:23:59 → 00:24:00 ก็อีกอันนึงที่เจอได้ค่อนข้างแบบก็เขา
00:24:00 → 00:24:02 เรียกว่า C
00:24:02 → 00:24:05 reคtionหมายถึงอะไรบางคนน่ะค่ะอาจจะไม่
00:24:05 → 00:24:08 ได้แพ้ไข่แต่อาจจะแพ้เขาเรียกว่าแพ้แบบ
00:24:08 → 00:24:10 โพลิ่นนะคะหรือว่าแกสดอกไม้บางอย่างซึ่ง
00:24:10 → 00:24:12 มันมีโปรตีนคล้ายๆ
00:24:12 → 00:24:15 อ๋อคือเหมือนมีโครงสร้างที่ใกล้กันใกล้
00:24:15 → 00:24:17 เคียงกันมากในโปรตีนชนั้นก็คือจากที่เรา
00:24:17 → 00:24:20 ไม่เคยแพ้อันนั้นก็เคยแพ้ได้อ่าเราเรียก
00:24:20 → 00:24:22 ว่าค reaction กันก็เลยทำให้ว่าเราโตมา
00:24:22 → 00:24:25 เนี่ยเราต้องเจออะไรเยอะแยะมากมายทำให้พู
00:24:25 → 00:24:27 มันมีการเปลี่ยนแปลงไปทำให้เกิดการแพ้ตอน
00:24:27 → 00:24:31 โตได้ส่วนคำว่า ex intolerance หมายความ
00:24:31 → 00:24:34 ว่าอะไรหมายความว่าเมื่อเราโตขึ้นน่ะค่ะ
00:24:34 → 00:24:37 ลำไส้อาจจะแบบว่าท้องเสียบ่อยหรือลำไส้
00:24:37 → 00:24:39 แปรปรวนอย่างี้เนาะทำให้กระเพาะอาหารลำ
00:24:39 → 00:24:42 ไส้เราอ่ะค่ะไม่สามารถสร้างเอนไซมตัวย่อย
00:24:42 → 00:24:45 โปรตีนได้ดีขนาดนั้นทำให้เวลาเรากินไข่
00:24:45 → 00:24:47 เนี่ยที่มันมีโปรตีนค่อนข้างเยอะอ่ะค่ะ
00:24:47 → 00:24:50 มันย่อยได้ไม่ค่อยดีก็เลยทำให้เกิดแก๊ส
00:24:50 → 00:24:52 ได้ง่ายผายลมบ่อยอะไรบ่อยอย่างเงี้ยแต่
00:24:52 → 00:24:54 ว่าไม่ได้เกิดปัญหาเรื่องของผิวหนังหรือ
00:24:54 → 00:24:57 สีอวัยวะที่เราพูดกันไปก่อนหน้านี้เนาะนะ
00:24:57 → 00:25:00 คะฉะนั้นอย่างเคสเนี้ยหมอคิดว่าน่าจะเป็น
00:25:00 → 00:25:03 แบบแรกเนาะแต่ว่าทั้งแบบแบบแพ้จริงจังแต่
00:25:03 → 00:25:05 ทั้งนี้ทั้งนั้นน่ะค่ะอาจจะต้องไปพบคุณ
00:25:05 → 00:25:07 หมอด้วยเพื่อจะได้ตรวจว่าเอมันแพ้จริงๆ
00:25:07 → 00:25:10 หรือเปล่านะคะอฉะนั้นอย่างที่คุณหมอพูดมา
00:25:10 → 00:25:12 ใช่มั้ยคะเหมือนนมเลยเวลาเราแพ้เนี่ยมัน
00:25:12 → 00:25:14 จะมีแพ้ 2 แบบแพ้แบบจริงจังแปลว่าเราแพ้
00:25:14 → 00:25:16 มาตั้งแต่เด็กแล้วแหละเราอาจจะรู้ตัวหรือ
00:25:16 → 00:25:19 ไม่รู้ตัวเนาะแล้วก็มีแพ้อีกแบบนึงก็คือ
00:25:19 → 00:25:23 เป็นการแพ้ตอนโตแต่ถ้าสมมุตินะคะเราแพ้
00:25:23 → 00:25:26 เพราะว่าเรากินเยอะเกินอือเนาะไม่ว่าจะ
00:25:26 → 00:25:29 เป็นกุ้งอือเนาะหรือว่าจะเป็นปูหรือเป็น
00:25:29 → 00:25:31 อะไรก็ตามอย่างเงี้ยค่ะแพ้เพราะกินเยอะ
00:25:31 → 00:25:34 เกินเราสามารถแก้ไขรสกินสักพักนึงแล้ว
00:25:35 → 00:25:36 ค่อยกลับมากินได้มั้คะจริงๆต้องบอกก่อน
00:25:36 → 00:25:38 ว่าเวลาคำว่าแพ้อย่างเงี้ยค่ะส่วนใหญ่เรา
00:25:38 → 00:25:40 เรียกว่าแพ้จริงจังเป็น Food Allergy
00:25:40 → 00:25:42 เนาะปกติแล้วว่าเราตรวจเลือดมามันจะมี
00:25:42 → 00:25:45 ดีกรีการแพ้หรือว่าเวลาเราเราไปสะกิดผิว
00:25:45 → 00:25:48 อ่ะมันก็จะมีบอกว่าบวม 1 2 3 4 อย่าง
00:25:48 → 00:25:50 เงี้ยค่ะมีเกรดฉะนั้นปกติแล้วอ่ะถ้าเรา
00:25:50 → 00:25:52 ตรวจขึ้นมามันจะมี 1 + ถึง 6 + 6 +
00:25:52 → 00:25:55 เนี่ย 5 6 บวกก็คือไม่ควรกินเลยกินปุ๊บ
00:25:55 → 00:25:57 แบบหายใจไม่ออกอย่างเงี้ยค่ะคุณอาจจะแบบ
00:25:57 → 00:25:59 ตายได้จากอาหารอันนั้นเนาะเพราะหายใจไม่
00:25:59 → 00:26:01 ได้อันนั้นแปลว่าอะไรแปลว่าบางบางคนแค่
00:26:01 → 00:26:04 เดินผ่านเคยเห็นมั้ยเดินผ่านได้กินถั่ว
00:26:04 → 00:26:06 ปุ๊บแบบหายใจไม่ออกเลยก็แปลว่ากินไม่ได้
00:26:06 → 00:26:08 อันนี้คือห้ามเด็ดขาดแต่ถ้าสมมุติว่าคุณ
00:26:08 → 00:26:11 แพ้แค่ 1-2 บวกอ่ะค่ะโดยส่วนมากแล้วคุณ
00:26:11 → 00:26:14 ยังกินได้นะแต่อาจจะมีอาการคันนิดหน่อย
00:26:14 → 00:26:17 อะไรเล็กๆน้อยๆอย่างเงี้ยบางคนส่วนมากคน
00:26:17 → 00:26:19 ไข้ของหมอชอบกินยาแก้แพ้อออ่าแบบมีทริก
00:26:20 → 00:26:21 นิดนึงอะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่ว่าถ้าเลี่ยง
00:26:22 → 00:26:24 ได้ก็ควรเลี่ยงก็อีกแบบนึงเถามว่าเอ๊ะ
00:26:24 → 00:26:26 ทำไมไม่เคยแบบเป็นอะไรเยอะมาก่อนเลยแต่
00:26:26 → 00:26:28 อยู่ทำไมเป็นมากขึ้นเพราะว่าอะไรมันอาจจะ
00:26:28 → 00:26:30 มีปัจจัยช่วยเร่งเช่นคนไข้ไปออกกำลังกาย
00:26:30 → 00:26:33 มาอย่างเงี้ยค่ะหัวใจเต้นเร็วมันเลยทำให้
00:26:33 → 00:26:35 ดูซึมอาหารได้เร็วขึ้นหรือบางคนดื่ม
00:26:35 → 00:26:38 แอลกอฮอล์อย่างเงี้ยหรือว่าบางคนไปกินยา
00:26:38 → 00:26:40 รดปวดไปแก้ปวดอย่างเงี้ยค่ะมันจะทำให้การ
00:26:41 → 00:26:42 ดูดซึมเนี่ยโปรตีนเหล่านั้นได้มากขึ้นใน
00:26:42 → 00:26:45 ร่างกายก็จะทำให้อาการแพ้ยิ่งเป็นหนัก
00:26:45 → 00:26:47 ขึ้นได้ฉันมันไม่ใช่แค่บอกว่าเออต้องงดนะ
00:26:47 → 00:26:49 คุณต้องดูกิจกรรมที่คุณทำได้ว่ามันเหมาะ
00:26:49 → 00:26:51 กับการกินอาหารเหล่านั้นหรือเปล่าอือแล้ว
00:26:51 → 00:26:55 ถ้าสมมุตินะคะถามแทนคนที่เป็นคนขี้แพ้
00:26:55 → 00:26:58 เนาะแบบแพ้อาหารประเภทนึงนะคะอย่างเช่น
00:26:58 → 00:27:01 แพ้ไข่ก็ได้แต่เดี๋ยวมื้อเย็นเนี้ยเราจะ
00:27:01 → 00:27:04 ไปกินร้านนึงเ้ามีไข่แบบอืไข่ลาวาแบบ
00:27:04 → 00:27:08 อร่อยมากจริงๆฉันรู้ว่าฉันแพ้นะแต่ฉัน
00:27:08 → 00:27:12 อยากกินฉันเตรียมตัวยังไงดีคะจริงๆถ้าดี
00:27:12 → 00:27:15 ที่สุดคือไม่กินใช่มยสำหรับร่างกายเรา
00:27:15 → 00:27:16 อะไรอย่างเงี้ยแต่ถ้าอยากแอบดื้อแหละกิน
00:27:16 → 00:27:19 แต่ว่าก็ยังไม่อยากตายอ่ะเบอกทำยังไงดี
00:27:19 → 00:27:20 แต่คืออันนี้ต้องบอกก่อนว่าเออเรารู้อยู่
00:27:20 → 00:27:22 แล้วว่าเราอาจจะแพ้แต่เราไม่ได้แพ้หนักนะ
00:27:22 → 00:27:24 ต้องบอกก่อนไม่ได้แพ้หนักนะคะก็คืออาจจะ
00:27:24 → 00:27:28 แบบว่ามีการเตรียมโดยการกินยาอ่ามแก้แพ้
00:27:28 → 00:27:29 ไปก่อนอย่างเงี้ยค่ะหรือว่าต้องมีติดตัว
00:27:29 → 00:27:31 เลยอะไรอย่างเงี้ยแล้วกินก็ควรไม่ควรกิน
00:27:31 → 00:27:34 เยอะนะคะแล้วก็คำ 2 คำคำ 2 คำแล้วที่
00:27:34 → 00:27:36 สำคัญก็คือไม่ควรกินท้องว่างพอท้องว่าง
00:27:36 → 00:27:38 หมายถึงว่าคุณจะดูดซึมได้ค่อนข้างเยอะใช่
00:27:38 → 00:27:41 ใช่มยนะคะก็คือควรจะกินอะไรตอนที่คุณมี
00:27:41 → 00:27:43 อาหารอยู่ในท้องอยู่แล้วอย่างเงี้ยก็จะ
00:27:43 → 00:27:46 ช่วยลดความรุนแรงของการแพ้ได้ค่ะแล้วถ้า
00:27:46 → 00:27:48 สมมุตินะคะเราเกิดแพ้ไข่ขึ้นมาจริงๆแล้ว
00:27:48 → 00:27:51 ปกติเราเป็นคนทานไข่เพื่อให้ได้โปรตีนที่
00:27:51 → 00:27:54 ถึงนะคะทีเนี้ยพอทานไข่ไม่ได้แล้วแต่อยาก
00:27:54 → 00:27:56 ได้โปรตีนควรทานอะไรดีคะจริงๆอ่ะเวลาแพ้
00:27:57 → 00:27:59 ไข่ไก่ไม่ได้หมายถึงว่าเราแพ้ไก่นะอือ่า
00:28:00 → 00:28:01 ก็หมายถึงว่าอะไรเนื้อไก่เราก็ยังสามารถ
00:28:01 → 00:28:04 ทานได้ถูกมั้ยคะเนื้อหมูเนื้อวัวทานได้
00:28:04 → 00:28:07 อยู่แล้วได้ทั้งแบบธาตุเหล็กได้ทั้ง B12
00:28:07 → 00:28:10 ด้วยนะคะเนื้อปลาก็สามารถทานได้อยู่แล้ว
00:28:10 → 00:28:12 เนาะนะคะชั้นพวกนี้ค่ะเราสามารถเสริมจาก
00:28:12 → 00:28:15 ไข่ได้หมดเลยไม่มีปัญหาเนาะนอกจากพวก
00:28:15 → 00:28:17 เนื้อแล้วก็เป็นพวกตระกูลถั่วนะคะไม่ว่า
00:28:17 → 00:28:20 จะเป็นถั่วเปลือกแข็งถั่วลิสงนะคะเนาะ
00:28:20 → 00:28:22 ถั่วปากอ้าพวกเนี้ยค่ะถ้าเราไม่มีปัญหา
00:28:22 → 00:28:25 เนี่ยสามารถกินได้อยู่แล้วนะคะแต่ต้องถาม
00:28:25 → 00:28:28 ว่าเอ๊ะแล้วถ้าอยากกินเป็นพวกตพวกตระกูล
00:28:28 → 00:28:30 เสริมล่ะทำอะไรได้บ้างก็บอกแล้วเดี๋ยวนี้
00:28:30 → 00:28:33 มีทั้งโปรตีนข้าวโปรตีนถั่วเหลืองอย่าง
00:28:33 → 00:28:36 เงี้ยค่ะโปรตีนพวกถั่วลันเตาเยมีเยอะแยะ
00:28:36 → 00:28:39 มากมายเลยแล้วก็สามารถเลิกทานพวกนี้ได้
00:28:39 → 00:28:42 แต่ขอให้ทานดูว่าเราอยากกินเพื่ออะไรเนาะ
00:28:42 → 00:28:45 เช่นกินเพื่อปัจจุบันกินเพื่อแบบว่าทุก
00:28:45 → 00:28:47 วันของร่างกายเงี้ยทำให้ร่างกายแข็งแรงก็
00:28:47 → 00:28:49 กินจากเนื้อสัตว์จริงๆก็อาจจะพอนะหรือกิน
00:28:49 → 00:28:51 จากถั่วทั่วไปก็อาจจะเป็นไปได้แต่ถ้าเรา
00:28:51 → 00:28:53 ต้องการที่จะทำให้แบบว่าสร้างกล้ามเนื้อ
00:28:53 → 00:28:55 อย่างรวดเร็วแบบรวดเร็วเลยอต้องอาจจะเป็น
00:28:55 → 00:28:57 ต้องต้องกินเป็นผงมอะไรอย่างเงี้ยผงก็
00:28:58 → 00:28:59 เลือกดูว่าอันไหนที่เหมาะกับเราค่ะแล้ว
00:28:59 → 00:29:03 สุดท้ายค่ะถ้าสมมุตินะคะดื้ออืผื่นขึ้น
00:29:03 → 00:29:06 เดี๋ยวก็หายอืแพ้ก็กินต่อไปเพราะว่าฉัน
00:29:06 → 00:29:09 ฉันรักสิ่งอกินต่อไปเรื่อยๆแพ้ต่อไป
00:29:09 → 00:29:11 เรื่อยๆระยะยาวจะเกิดอะไรขึ้นคะเกิดแน่
00:29:11 → 00:29:13 นอนค่ะเพราะว่าอะไรเพราะจริงๆแล้วอ่ะเวลา
00:29:13 → 00:29:16 เรากินเข้าไปโดยเฉพาะกินบ่อยๆแล้วกินมากๆ
00:29:16 → 00:29:19 จะทำให้ภูมิคุ้มกันเราในร่างกายเราค่ะจด
00:29:19 → 00:29:21 จำมันได้ง่ายแล้วเมื่อมันจดจำได้ง่ายปุ๊บ
00:29:21 → 00:29:23 แปลว่าแต่ละครั้งที่เรากินเข้าไปแค่เศษ
00:29:23 → 00:29:25 เสี้ยวนิดเดียวอ่ะมันจะยิ่งมีอาการหนัก
00:29:25 → 00:29:27 ขึ้นเรื่อยๆก็จะหนักขึ้นก็จะหนักขึ้นหนัก
00:29:27 → 00:29:29 ขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งสุดท้ายคุณกินไม่ได้
00:29:29 → 00:29:31 เลยแล้วการหนักขึ้นหมายถึงอะไรหมายถึงว่า
00:29:31 → 00:29:34 ผมกันเราพอจำโปรีนนี้ได้ปุ๊บอ่ะค่ะเขาจะ
00:29:34 → 00:29:36 สร้างสารที่ชื่อว่าฮิสตามีนฮิสตามีนก็คือ
00:29:36 → 00:29:39 ทำให้เรารู้สึกคันนั่นแหละนะคะไม่สบายตัว
00:29:39 → 00:29:41 เนาะซึ่งเป็นอย่างี้นานๆก็จะทำให้เ้า
00:29:41 → 00:29:44 เรียกว่าภูมิของเราค่ะมัน sensitive มาก
00:29:44 → 00:29:46 เกินไปทำงานหนักมากเกินไปก็อาจจะทำให้
00:29:46 → 00:29:49 เกิดแพ้อื่นๆตามมาเป็นได้แล้วก็ทำให้ป่วย
00:29:49 → 00:29:51 ง่ายด้วยหรือเปล่าคะเพราะภูมิเราภูมิกัน
00:29:51 → 00:29:53 เราทำงานได้ไม่เต็มที่ใช่ครับอาจจะทำให้
00:29:53 → 00:29:55 ป่วยง่ายขึ้นรู้สึกว่าอ่อนเพลียง่ายขึ้น
00:29:55 → 00:29:57 ไม่ค่อยมีเรี่ยวไม่ค่อยมีแรงอะไรเงี้ยค่ะ
00:29:57 → 00:29:59 หรือบางคนอาจจะมีการพักปัญหาการพักผ่อน
00:29:59 → 00:30:01 ด้วยก็ได้ก็เลยแบบว่าแล้วเนี่ยไม่ค่อย
00:30:01 → 00:30:03 เหมาะกับร่างกายเราอยู่แล้วค่ะฉะนั้นถ้า
00:30:03 → 00:30:06 แพ้ก็เล็กเลี้ยงพักไปก่อนแล้วเดี๋ยวเรามา
00:30:06 → 00:30:09 ดูกันว่าเอ๊ะพักไปสักกี่เดือนลองกลับมา
00:30:09 → 00:30:11 ชาเลนจลองกินนิดๆดูว่ากินได้มั้ยเพราะว่า
00:30:11 → 00:30:14 บางคนเนี่ยอาจจะกินน้อยๆได้ถ้ากลับมา
00:30:14 → 00:30:16 อย่างเงี้ยค่ะแต่ว่าบางคนก็อาจจะไม่ได้
00:30:16 → 00:30:19 เลยนะแล้วแต่ร่างกายของคนค่ะก็ต้องลอง
00:30:19 → 00:30:21 สังเกตร่างกายตัวเองดูเนาะแล้วก็หยุดก่อน
00:30:21 → 00:30:24 แล้วก็เดี๋ค่อยมาว่ากันอีกทีอใช่ค่ะโอวัน
00:30:24 → 00:30:26 นี้ได้ความรู้เรื่องอาหารเยอะมากเลยค่ะ
00:30:26 → 00:30:29 ไม่ว่าจะเป็นกาแฟเพราะว่านี่ก็ FC
00:30:29 → 00:30:34 กาแฟนะคะแล้วก็การทานนมนะคะแบบไหนได้บ้าง
00:30:34 → 00:30:36 จริงๆการแพลคโตสเป็นยังไงเนาะแล้วก็รวม
00:30:36 → 00:30:39 ถึงการแพ้ไข่ด้วยนะคะก็ขอบคุณหมอมีมากเลย
00:30:39 → 00:30:42 นะคะที่วันนี้มาให้ความรู้กันถ้าใครมีคำ
00:30:42 → 00:30:45 ถามนะคะเรื่องการแพ้อาหารเพิ่มเติมนะคะก็
00:30:45 → 00:30:47 สามารถพิมพ์เข้ามาได้ในคอมเมนต์ด้านล่าง
00:30:47 → 00:30:49 นะคะเดี๋ยวทีมงานจะรวบรวมมาถามคุณหมอใน
00:30:49 → 00:30:52 เทปหน้านะคะแล้วพบกันใหม่ใน EP หน้า
00:30:52 → 00:30:56 สวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ