00:00:10 → 00:00:12 สวัสดีครับท่านผู้ชมครับขอต้อนรับทท่าน
00:00:13 → 00:00:15 เข้าสู่รายการสุขภาพดีกับหมอสวนดอกนะครับ
00:00:15 → 00:00:18 วันนี้เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจนะครับมา
00:00:18 → 00:00:21 รู้จักลำไส้กลืนกันอันตรายถ้าเราไม่รักษา
00:00:21 → 00:00:24 นะครับวันนี้เป็นเรื่องราวดีๆจากอาจารย์
00:00:24 → 00:00:28 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอ่าสาแยนะฮะของโรง
00:00:28 → 00:00:30 พยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ครับคณะ
00:00:30 → 00:00:32 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับแต่
00:00:32 → 00:00:34 ก่อนที่เราจะพูดคุยกันประเด็นนี้นะครับมี
00:00:34 → 00:00:37 เรื่องราวที่น่าสนใจของคณะแพทยศาสตร์
00:00:37 → 00:00:39 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาฝากกันในช่วงแรก
00:00:39 → 00:00:43 ครับครับเรื่องแรกก็คือขอเชิญท่านผู้ชม
00:00:43 → 00:00:46 ทุกท่านนะครับร่วมชมคอนเสิร์ตการกุศลสวน
00:00:46 → 00:00:48 ดอกร้อยดวงใจเพื่อโครงการจัดซื้อคุพันฑ์
00:00:48 → 00:00:50 การแพทย์อาคารผู้ป่วยสุจินโนและช่วยเหลือ
00:00:51 → 00:00:53 ผู้ป่วยยากร้ายของโรงพยาบาลมหาราชนคร
00:00:53 → 00:00:55 เชียงใหม่ในวงดนตรีชื่อดังนะครับพิ
00:00:55 → 00:00:59 แพนเตอร์สามววิสรัญญ่าส่งเสริมสวัสดิ์ผิง
00:00:59 → 00:01:04 ๆสรวีและดโกเด้นซองนะครับ 25 พฤศจิกายน
00:01:04 → 00:01:08 ศุกร์นี้เวลา 18:00 นถึง 2200 นณสูนย์การ
00:01:08 → 00:01:11 ประชุมนานาชาติ M โรงแรม DM เชียงใหม่สอบ
00:01:11 → 00:01:16 ถามรเพิ่มเติมได้นะครับที่ 053 935 69
00:01:16 → 00:01:21 หรือ 053 935 672 ครับอีกหนึ่งเรื่อง
00:01:21 → 00:01:25 ราวที่น่าสนใจคือท่านที่มามีญาตินะฮะป่วย
00:01:25 → 00:01:28 อยู่ที่โรงพยาบาลสวนดอกสามารถที่จะมาที่
00:01:28 → 00:01:31 อาคารพักญาติผู้ป่วยสวดอกได้นะครับมีค่า
00:01:31 → 00:01:34 บริการเพียงคืนละ 50 บาทต่อวันนะครับอยู่
00:01:34 → 00:01:36 ฝั่งตรงข้ามนี้เองนะครับอันนี้ก็เพื่อผู้
00:01:36 → 00:01:39 ป่วยหรือญาติผู้ป่วยโรงพยาบาลมหาราชนคร
00:01:39 → 00:01:41 เชียงใหม่ติดต่อใช้บริการอาคารพรญาติผู้
00:01:42 → 00:01:44 ป่ยสวนดอกได้ที่มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก
00:01:44 → 00:01:47 คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 053
00:01:47 → 00:01:54 934 738 และ 053 934 739 ครับครับ
00:01:54 → 00:01:57 กวันนี้ก็กลับเข้ามาสู่เรื่องราวที่น่าสน
00:01:57 → 00:01:59 ใจในวันนี้นะครับย้ำอีกครั้งนึงนะครับมา
00:01:59 → 00:02:02 รู้จักลำไส้กลืนกันอันตรายถ้าไม่รักษาโรค
00:02:02 → 00:02:05 นี้เป็นอย่างไรอาการแสดงการป้องกันการ
00:02:06 → 00:02:08 บริหารจัดการต่างๆเป็นอย่างไรวันนี้ได้
00:02:08 → 00:02:10 รับเกียรติอย่างสูงจากวิทยากรผู้ทรง
00:02:10 → 00:02:13 คุณวุตินะครับท่านรองคณบดีคณะแพทยศาสตร์
00:02:13 → 00:02:15 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และอาจารย์ประจำ
00:02:16 → 00:02:18 หน่วยกุมารสัญศาสตร์ภาควิชาสัญศาสตร์คณะ
00:02:18 → 00:02:21 แพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นะครับรอง
00:02:21 → 00:02:25 ศาสต์ดรแพทยหญิงจิราภรโกนาสวัสดีครับ
00:02:25 → 00:02:28 อาจารย์ครับสวัสดีค่ะคุณกฤษนาสวัสดีครับ
00:02:28 → 00:02:30 อาจารย์ครับสวัสดีค่ะท่านผู้ชมวันนี้ก็
00:02:30 → 00:02:34 เรื่องราวของลำไส้กลืนกันค่ะผมเองเนี่ย
00:02:34 → 00:02:37 ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนอ้าค่ะนะฮะเพราะ
00:02:37 → 00:02:40 ฉะนั้นวันนี้คงต้องรบกวนอาจารย์ที่จะมา
00:02:40 → 00:02:43 ได้เรียนพี่เจกับท่านผู้ชมแล้วว่าจริงๆ
00:02:43 → 00:02:45 แล้วโรคนี้คืออย่างไรครับอาจารย์ครับได้
00:02:45 → 00:02:48 เลยค่ะพี่เจค่ะเรามาพูดถึงลำไส้กลืนกัน
00:02:48 → 00:02:51 กันนะคะเรามาดูกัน
00:02:51 → 00:02:56 ค่ะลำไส้กลืนกันนะคะก็เป็นภาวะที่มันมี
00:02:56 → 00:03:01 การกลืนหรือมุดเข้าไปของลำไส้ค่ะครับ้าพู
00:03:01 → 00:03:07 ลืนเรามาดูกันดีคะว่าลไส้ปกเป็นยังไงค่ะ
00:03:07 → 00:03:10 ก็คือนี่คือทางเดินอาหารของคนปกตินะคะถ้า
00:03:10 → 00:03:13 เรากินอาหารทางปากสิ่งที่เห็นเป็นถุงถุง
00:03:13 → 00:03:16 น้ำเนี่ยนะคะก็คือกระเพาะค่ะแล้วก็จะมีลำ
00:03:16 → 00:03:18 ไส้เล็กส่วนต้นเสร็จแล้วก็จะเป็นลำไส้
00:03:18 → 00:03:22 ทั่วๆไปนะคะแล้วก็มาถึงตรงนี้ก็จะเป็นรอย
00:03:22 → 00:03:24 ต่อระหว่างลำไส้เล็กแล้วก็ลำไส้ใหญ่ค่ะ
00:03:24 → 00:03:27 แล้วนี้เราก็พอเรากินอาหารเข้าไปใช่มคะลำ
00:03:27 → 00:03:30 ไส้ใหญ่ก็จะบีบตัวแล้วก็ปล่อยออกมาเป็น
00:03:30 → 00:03:33 อุจจาระทางทวารอย่างนี้นั่นเองค่ะทีนี้
00:03:33 → 00:03:37 อ่าก็มาสู่คำถามของพี่เจนะคะว่าแล้วลำไส้
00:03:37 → 00:03:39 กลืนกันล่ะมันคืออะไรอันนี้ก็คือช่วงรอย
00:03:39 → 00:03:41 ต่อนะคะเราก็มาขยายตรงช่วงรอยต่อระหว่าง
00:03:41 → 00:03:44 ลำไส้เล็กต่อกับลำไส้ใหญ่ตรงนี้นะคะเป็น
00:03:44 → 00:03:47 ที่ที่เขามักจะเกิดลำไส้กลืนกันได้บ่อยๆ
00:03:47 → 00:03:50 นะคะจริงๆก็จะเกิดที่อื่นก็ได้นะคะแต่ว่า
00:03:50 → 00:03:53 ตรงเนี้ยค่ะเป็นที่ประจำของเขาคค่ะเนาคะ
00:03:53 → 00:03:56 มันก็เป็นรูปแบบนี้ค่ะก็คือมีการขยับ
00:03:56 → 00:03:59 เคลื่อนตัวของลำไส้แล้วก็มีการสะดุดแล้ว
00:03:59 → 00:04:01 มุมุดกลืนเนี่ยเห็นมั้ยคะลำไส้เล็กอ่ะค่ะ
00:04:01 → 00:04:04 เขมุดตัวกลืนเข้าไปในลำไส้ใหญ่เหมือนที่
00:04:04 → 00:04:06 เราเวลาเราสวมถุงเท้าแล้วเราเก็บถุงเท้า
00:04:06 → 00:04:09 ค่ะเราพลิกถุงเท้ากลับใช่มั้ยคะเาก็มุด
00:04:09 → 00:04:12 กลืนกันเข้าไปแบบเยค่ะคือเวลาถ้าเราสวม
00:04:12 → 00:04:16 ถุงเท้าแล้วเรารีบๆสวมไม่สนิทแบบพอดีกับ
00:04:16 → 00:04:19 เ่าเท้าเราเนี่ยมันจะมีช่วงเป็นก้อนเล็กๆ
00:04:19 → 00:04:22 ที่มันมันอยู่ตรงนั้นอยู่โอเคค่ะพี่เจ
00:04:22 → 00:04:25 เห็นภาพเลยค่ะถูกต้องนะคะก็คือว่าเวลาลำ
00:04:25 → 00:04:27 ไส้มันมุดกลืนกันเข้าไปอย่างเงี้ยใช่มั้ย
00:04:27 → 00:04:31 คะมันก็เลยทำให้เวลาที่เกิดปัญหาเนี่ยเรา
00:04:31 → 00:04:34 ก็อาจจะมีคลำได้เป็นก้อนค่ะเพราะว่าจาก
00:04:34 → 00:04:37 ที่มันเป็นท่อกลวงๆกลายเป็นว่าเป็นท่อที่
00:04:37 → 00:04:39 มีของอยู่ข้างในใช่มั้ยคะมันก็คำได้เป็น
00:04:39 → 00:04:42 ก้อนแล้วพอเป็นก้อนเนี่ยตำแหน่งเนี้ยก็จะ
00:04:42 → 00:04:45 ถูกถูกบีบค่ะถูกบีบให้รูมันเล็กสังเกต
00:04:45 → 00:04:48 มั้ยคะว่าจากรูปแรกที่ลำไส้เขาขนาดผอมๆ
00:04:49 → 00:04:51 เนี่ยพอเขาคมุดกลืนกันเข้าไปแล้วเนี่ยค่ะ
00:04:51 → 00:04:54 ลำไส้คเขาก็จะขนาดที่จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
00:04:54 → 00:04:58 เนี่ยค่ะก็คือก็ทำให้เกิดลำไส้อุดตันค่ะ
00:04:58 → 00:05:02 น้องก็จะมีอาการของลำไส้อุดตันนั่นเองค่ะ
00:05:02 → 00:05:06 อือืมันเหมือนมันเหมือนเ่อลูกโป่งที่เรา
00:05:06 → 00:05:09 เทน้ำแล้วมันมีอะไรไปไปบล็อกอยู่ก็คือก็
00:05:10 → 00:05:12 คือมีการบล็อกค่ะก็เลยทำให้ทำให้อาหาร
00:05:12 → 00:05:17 ผ่านไปไม่ได้ค่ะก็เลยทำให้ลำไส้จุดที่
00:05:17 → 00:05:19 อยู่ก่อนลำไส้จะกลืนหรือมุดกันเข้าไปอ่ะ
00:05:19 → 00:05:22 ค่ะก็มีการอุดตันค่ะอันนี้ก็คือนิยามของ
00:05:22 → 00:05:25 คำว่าลำไส้กลืนกันนะครับที่เรามาพูดคุย
00:05:25 → 00:05:28 กันในวันนี้หลายท่านเองแม้แต่ผมเองเนี่ย
00:05:28 → 00:05:30 ไม่คุ้นเลยนะครับว่า
00:05:30 → 00:05:32 เอ่อลำไส้กลืนกันเป็นอย่างไรจนอาจารย์
00:05:32 → 00:05:34 อธิบายความได้ชัดเจนมากเลยนะครับคราวนี้
00:05:34 → 00:05:37 พูดถึงโรคนี้อาจารย์ครับมีความสำคัญและมี
00:05:37 → 00:05:41 อันตรายอย่างไรบ้างครับอาจารย์ครับค่ะก็
00:05:41 → 00:05:45 ลองมาดูกันนะคะว่าจริงๆโรคเนี้ยค่ะจะบอก
00:05:45 → 00:05:49 ว่าเคยได้ยินอยู่บ้างก็เคยได้ยินเคยไม่
00:05:49 → 00:05:51 เคยได้ยินก็มีเหมือนกันค่ะก็เลยลองเสิร์ช
00:05:51 → 00:05:55 หาในอินเทอร์เน็ตดูเนาคะว่าเอ๊แล้วลำไส้
00:05:55 → 00:05:58 กลืนกันเนี่ยมีคนพูดถึงกันบ้างมยค่ะก็เลย
00:05:58 → 00:06:00 กด Google ทำธรรมดานี้แหละค่ะก็มีคนแชร์
00:06:00 → 00:06:04 ประสบการณ์นะคะมีตั้งแต่ปี 55 58 60
00:06:04 → 00:06:08 เงี้ยค่ะก็แสดงว่ามันเป็นอันที่ยังมีความ
00:06:08 → 00:06:11 เข้าใจได้ไม่เต็มที่นะคะว่าโลกเมันเป็น
00:06:11 → 00:06:14 โลกยังไงใช่มั้ยคะแล้วก็จะสังเกตว่าเค้า
00:06:14 → 00:06:16 ก็จะพูดว่าเป็นลูกแสดงว่ามันเกิดขึ้นใน
00:06:16 → 00:06:19 เด็กซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะเพราะฉะนั้นอะไรที่
00:06:19 → 00:06:21 เกิดขึ้นกับลูกเราเนี่ยผู้ปกครองก็จะ
00:06:21 → 00:06:24 กังวลนะคะเพราะฉะนั้นก็เป็นอันที่ที่ก็
00:06:24 → 00:06:27 สำคัญค่ะและเป็นสิ่งที่พบได้นะคะซึ่งอ้า
00:06:27 → 00:06:30 แล้วมันเจอบ่อยมยนะคะก็คือจำนวนผู้ป่วยลำ
00:06:31 → 00:06:32 ไส้กลืนกันภาษาอังกฤษเราจะเรียกว่า
00:06:32 → 00:06:36 Inception นะคะในโรงพยาบาลมหาราชนคร
00:06:36 → 00:06:39 เชียงใหม่ของเรานะคะตั้งแต่ปี 2556 จนถึง
00:06:40 → 00:06:43 64 เนี่ยจะสังเกตว่าก็มากน้อยไปตามปีนะ
00:06:44 → 00:06:46 คะซึ่งถ้าเราพูดกันเฉลี่ยง่ายๆก็จะอยู่
00:06:46 → 00:06:49 ที่ประมาณเดือนละ 1-2 รายค่ะซึ่งก็เป็น
00:06:49 → 00:06:53 อันที่เราพบได้เคะโดยที่ลำไส้กลืนกัน
00:06:54 → 00:06:56 เนี่ยก็สามารถทำให้คนไข้มาด้วยอาการได้
00:06:57 → 00:07:00 หลายๆแบบนะคะส่วนนึงก็คือลำไส้อุดตาลอีก
00:07:00 → 00:07:02 ส่วนนึงก็คืออาการที่เป็นเรื่องของไทย
00:07:02 → 00:07:06 เป็นเลือดนั่นเองค่ะอค่ะอันนี้เป็นถือว่า
00:07:06 → 00:07:08 เป็นค่ะเ้าเรียกว่าเป็นอันตรายที่เกิด
00:07:09 → 00:07:10 ขึ้นกับเด็กแล้วส่วนใหญ่จะเป็นในเด็กเล็ก
00:07:10 → 00:07:13 ด้วยนะฮอาารย์ใชคใช่ค่ะก็เป็นสิ่งที่เกิด
00:07:13 → 00:07:17 ขึ้นได้ค่ะครับคราวนี้พูดถึงอันตรายแต่
00:07:17 → 00:07:19 ที่อาจารย์ได้พูดกว้างๆไปเรียบร้อยแล้ว
00:07:19 → 00:07:22 ใช่มั้ยฮะพูดถึงอารแสดงใช่ค่ะใช่ค่ะแต่
00:07:22 → 00:07:26 ว่าก็อย่างถ้าจะเพิ่มเติมให้อีกสักนิดนึง
00:07:26 → 00:07:29 นะคะถึงสาเหตุให้เห็นภาพมากขึ้นนะคะพี่เจ
00:07:29 → 00:07:32 ค่ะก็จะเดี๋ยวจะลองโชว์ให้ดูเป็นรูปภาพ
00:07:32 → 00:07:36 ให้ให้เห็นภาพนิดนึงว่าเราเปรียบเสมือน
00:07:36 → 00:07:39 ว่าเรามีเด็กค่ะที่วิ่งอยู่บนทางวิ่งปกติ
00:07:39 → 00:07:42 ซึ่งเป็นทางวิ่งปกติเขาก็จะไม่มีปัญหา
00:07:42 → 00:07:44 อะไรยิ้มแย้มร่าเริงแจ่มใสใช่มั้ยคะเมื่อ
00:07:44 → 00:07:46 เกิดปัญหาว่าทางวิ่งของเขาอ่ะค่ะไม่ได้
00:07:46 → 00:07:50 โรยด้วยกลีบกุหลาบเจอก้อนหิน 1 ก้อนเข้า
00:07:50 → 00:07:52 ไปนะคะก็สะดุดค่ะสะดุดน้องก็ล้มเห็นมั้ย
00:07:52 → 00:07:55 คะหน้าเปลี่ยนะเศร้าละเพราะฉะนั้นก็
00:07:55 → 00:07:57 เปรียบเหมือนกับลำไส้กลืนกันของเราเี่
00:07:57 → 00:08:00 แหละค่ะว่าถ้าสมมุตว่าเป็นทางวิ่งปกติของ
00:08:00 → 00:08:04 ลำไส้ค่ะเขาก็จะวิ่งไปเรื่อยๆเนาคะจากลำ
00:08:04 → 00:08:06 ไส้เล็กนะคะตามลูกศรนี้เลยนะคะแล้วก็วิ่ง
00:08:06 → 00:08:08 ไปลำไส้ใหญ่ลำไส้ใหญ่ก็บีบตัวไปเหมือนที่
00:08:08 → 00:08:11 เรากล่าวกันนะคะเมื่อไหร่ก็ตามค่ะที่มี
00:08:11 → 00:08:14 พยาธิสภาพบางอย่างในตัวลำไส้เปรียบเสมือน
00:08:14 → 00:08:16 ก้อนหินก้อนนั้นที่ขวางทางวิ่งอ่ะค่ะลำ
00:08:16 → 00:08:19 ไส้ที่เขาบีบกันอยู่ดีๆเขาก็สะดุดไปค่ะ
00:08:19 → 00:08:22 พี่เจพอเขาสะดุดปุ๊บเขาก็มุดกลืนเข้าไป
00:08:22 → 00:08:25 แบบนี้เลยค่ะเพราะฉะนั้นก็เลยทำให้เขาอ่ะ
00:08:25 → 00:08:29 กลืนกันค่ะก็คืออยู่ดีๆก็ไม่ได้กลืนค่ะ
00:08:29 → 00:08:33 ครับถ้ากลืต้องบาบางอย่าที่เป็นจที่
00:08:33 → 00:08:36 เหนี่ยวนำให้เกิดการกลืนแบบนี้เป็นต้นค่ะ
00:08:36 → 00:08:39 อืโอมีที่มาที่ไปมีภาพชัดเจนเลยนะอันนี้
00:08:39 → 00:08:43 รู้สึกว่าเป็นผลงานของอาจารย์เองนะฮะสวย
00:08:43 → 00:08:45 งามมากเลยนะครับเป็นสไลด์ที่อาจารย์ตั้ง
00:08:45 → 00:08:49 ใจนำมาฝากท่านผู้ชมให้เห็นภาพจากอ่าภาพ
00:08:49 → 00:08:51 ดังกล่าวที่อาจารย์เขียนเป็นอนิเมชั่นไป
00:08:51 → 00:08:53 นะครับอาจารย์ครับคราวนี้อาจารย์บอกไป
00:08:53 → 00:08:56 แล้วส่วนใหญ่จะเกิดกับเด็กจากการเสิร์ชหา
00:08:56 → 00:08:59 ใน Google เป็นเด็กเล็กตะกี้คุณแม่บอกลูก
00:08:59 → 00:09:02 เป็นลูกอายุ 2 ขวบอะไรต่างๆก็ดีคราวนี้
00:09:02 → 00:09:05 ถามเข้าไปเกิดขึ้นกับใครได้บ้างอาจารย์
00:09:05 → 00:09:08 ครับกับคำถามที่น่าจะขอบคุมทั้งหมดแล้ว
00:09:08 → 00:09:10 ค่ะที่เราคุยกันไว้กว้างๆเมื่อกี้ใช่มั้ย
00:09:10 → 00:09:12 คะว่าส่วนใหญ่เกิดกับเด็กแต่จริงๆเกิดกับ
00:09:12 → 00:09:15 ใครก็ได้ใช่มั้ยคะลองดูกันนะคะจริงๆแล้ว
00:09:15 → 00:09:19 อ่ะค่ะโลกเนี้ยค่ะเป็นโลกที่มีตัวเลขที่
00:09:19 → 00:09:21 น่าสนใจจอยู่ตัวเลขนึงค่ะพี่เจไม่ได้บอก
00:09:21 → 00:09:25 ห่วยนะคะแต่ว่าถ้าพูดถึงโลคลำไส้กลืนกัน
00:09:25 → 00:09:29 นะคะเรามักจะพูดถึงเลข 3 ซะบ่อยค่ะอพก
00:09:29 → 00:09:32 เนี้ค่ะเจอมักจะเจอบ่อยในเด็กอายุ 3
00:09:32 → 00:09:36 เดือนถึง 3 ปีนะคะโดยที่จริงๆที่เจอมากๆ
00:09:36 → 00:09:39 เลยค่ะอยู่ในช่วงประมาณ 3-9 เดือนนะนะคะ
00:09:39 → 00:09:42 ช่วงเนี้ก็จะเป็นช่วงที่เจอประมาณสัก 40%
00:09:42 → 00:09:46 ค่ะแล้วโดยมากเค่ะ 75% เนี่ยจะพบในเด็ก
00:09:46 → 00:09:49 ที่อายุไม่เกิน 2 ปีค่ะแล้วก็ถ้าดูเป็น
00:09:49 → 00:09:52 แบบสถิติทั่วโลกเลยนะคะก็คือเกิดได้
00:09:52 → 00:09:55 ประมาณ 1 ต 2,000 ของจำนวนเด็กทั้งหมดค่ะ
00:09:55 → 00:09:59 ซึ่งก็เป็นอันที่เราพบได้เนาคะทีนี้อ้า
00:09:59 → 00:10:01 แล้วอย่างนี้ผู้ใหญ่่เจอได้มยผู้ใหญ่ก็
00:10:01 → 00:10:04 เจอได้เหมือนกันค่ะแต่ว่าจะเป็นจากพญาธิ
00:10:04 → 00:10:07 สภาพหรือจุดที่สะดุดอ่ะค่ะเมื่อกี้ที่
00:10:07 → 00:10:09 เล่าให้ฟังอ่ะไม่เหมือนกันค่ะเพราะว่าจุด
00:10:09 → 00:10:12 สะดุดของผู้ใหญ่เขาก็จะมีความน่ากลัวไป
00:10:12 → 00:10:17 กว่าค่ะก็คืออ่าในส่วนของจุดนำกลืนที่
00:10:17 → 00:10:20 เมื่อกี้เราดูเป็นรูปไปใช่มั้ยคะมันจะมี
00:10:20 → 00:10:24 อยู่ 2 แบบค่ะพี่เจจุดนำกลืนแบบที่ 1
00:10:24 → 00:10:26 เนี่ยมันจะเป็นแบบเนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่
00:10:26 → 00:10:31 เขาอาศัยอยู่ปกติเลยนะคะที่อลสเล็ใช่คะจะ
00:10:31 → 00:10:35 มีเนื้อเยน้ำเหลือยู่ค่ะซึ่งอ่ามันก็อยู่
00:10:35 → 00:10:38 ของดีค่ะแต่ว่าพอมันเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง
00:10:38 → 00:10:40 เดี๋ยวจะอธิบายเพิ่มนะคะมันก็นูนขึ้นแล้ว
00:10:40 → 00:10:44 ก็สะดุดกลืนไปแต่ถ้าเป็นเด็กบางกลุ่มนะคะ
00:10:44 → 00:10:47 ก็อาจจะมีพยาธิสภาพพิเศษนะคะซึ่งกลุ่มที่
00:10:47 → 00:10:50 2 ที่เกิดจากพยาธิสภาพที่ต้องรักษาเนี่ย
00:10:50 → 00:10:52 ก็คือเป็นโรคบางอย่างเนี่ยค่ะอันนี้ก็
00:10:52 → 00:10:54 เป็นสิ่งที่ต้องรักษาอันนี้ยกตัวอย่างให้
00:10:54 → 00:10:57 ดูแค่อันเดียวนะคะก็คือว่ามันจะเป็นติ่ง
00:10:57 → 00:11:00 ที่ยื่นจากลำไส้นะคะก็ก็คืออันนี้อันนี้
00:11:00 → 00:11:02 ถ้าถ้าเกว่ายังไม่ได้เล่าให้ฟังอันนี้เรา
00:11:02 → 00:11:04 เรียกว่าไส้ติ่งนะคะมันจะเกาะอยู่ที่ลำ
00:11:04 → 00:11:06 ไส้ใหญ่ส่วนส่วนนี้เลยนะคะเป็นกระเปาะออก
00:11:06 → 00:11:09 มาปึ๊งเนาคะอันนี้คือไส้ติ่งที่เราชอบพูด
00:11:10 → 00:11:12 กันนะไส้ติ่งอักเสบอะไรอย่าเงี้ยนะคะเนาะ
00:11:12 → 00:11:15 แต่ว่าอันเนี้ยเป็นติ่งของไส้ค่ะเป็นอีก
00:11:15 → 00:11:18 ที่นึงเรามีทั้งไส้ติ่งแล้วก็มีติ่งของ
00:11:18 → 00:11:21 ไส้ติ่งที่ยื่นออกมาจากลำไส้นะคะจะยื่น
00:11:21 → 00:11:23 ออกมาจากลำไส้เล็กซึ่งตัวนี้มันก็หนักๆ
00:11:23 → 00:11:25 ถ่วงๆเหมือนกันค่ะพอลำไส้มันบีบตัวเขาก็
00:11:26 → 00:11:29 มุดเข้าไปได้ค่ะอแต่ว่าพยาธิสภาพพวกนี้ก็
00:11:29 → 00:11:33 ไม่ได้มีแต่ไอ้ตัวติ่งของไส้นะคะจะเป็น
00:11:33 → 00:11:35 อย่างอื่นก็ได้ค่ะเป็นเรื่องของมะเร็งก็
00:11:35 → 00:11:39 ได้เป็นเรื่องของตัวก้อนเนื้อที่ไม่ใช่
00:11:39 → 00:11:41 มะเร็งก็ได้นะคะแต่โชคดีมากๆเลยคะพี่เจ
00:11:41 → 00:11:44 ถ้าเป็นในเด็กอ่ะมักจะไม่ใช่มะเร็งค่ะก็
00:11:44 → 00:11:47 จะรักษาได้แต่ว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่นะคะส่วน
00:11:47 → 00:11:49 ใหญ่ก็มักจะเป็นมะเร็งเพราะฉะนั้นการ
00:11:49 → 00:11:51 รักษาของเด็กกับผู้ใหญ่เาเรียกต่างกันมาก
00:11:51 → 00:11:53 ในผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ก็ต้องแบบผ่าตัดไปหมด
00:11:54 → 00:11:56 เลยค่ะในขณะที่ถ้าเป็นเด็กเนี่ยเรามีการ
00:11:56 → 00:11:59 รักษาพิเศษอืซึ่งเราจะเล่าให้ฟังอีกอีกที
00:11:59 → 00:12:02 นึงนะคะอืค่ะอาจารย์ก็มีเพิ่มเติมในส่วน
00:12:02 → 00:12:05 ของจุดนำกลืนใชที่นำมาฝากเรื่องของไส้
00:12:05 → 00:12:09 ติ่งกับติ่งของไส้ใช่ค่ะก็เป็นอันนี้ก็นำ
00:12:09 → 00:12:12 มาฝากกันด้วยนะฮะแต่ว่าพี่เจสงสัยมั้ยอ่ะ
00:12:12 → 00:12:14 คะว่าทำไมอยู่ๆแบบอ่าเนื้อเยื่อน้ำเหลือง
00:12:14 → 00:12:18 ของเราถึงนูนขึ้นมาได้นั่นสิฮะเนาะเพว่า
00:12:18 → 00:12:21 ทำไมเราพวกเราไม่เห็นเป็นเลยค่ะเดี๋ยวจะ
00:12:21 → 00:12:24 ให้ดูนะคะค่ะก็คือว่าในส่วนของเนื้อเยื่อ
00:12:24 → 00:12:28 น้ำเหลืองพวกเนี้ยค่ะมันเป็นพวกอ่าตอบ
00:12:28 → 00:12:31 สนองต่อพวกเชื้อไวรัสเก่งค่ะนี่ๆเป็นตัว
00:12:31 → 00:12:34 แบบตัวแทนไวรัสนะคะซึ่งก็ถ้าสมมุติว่า
00:12:34 → 00:12:37 เด็กติดเชื้อไวรัสอะไรก็ได้ค่ะเช่นแบบว่า
00:12:37 → 00:12:41 เป็นเป็นหวาดงี้ก็ได้นะคะหรือว่าท้องเสีย
00:12:41 → 00:12:44 ไถ่เหลวก็ได้ค่ะที่เกิดจากพวกไวรัสอ่ะค่ะ
00:12:44 → 00:12:48 พวกเนี้ยค่ะก็จะทำให้มีการเหนี่ยวนำให้
00:12:48 → 00:12:51 ตัวเนื้อเยื่อน้ำเหลืองเนูนขึ้นค่ะเพราะ
00:12:51 → 00:12:54 ฉะนั้นในเดกกลุ่มเนี้ยสักประมาณ 20% ค่ะ
00:12:54 → 00:12:56 จะได้ประวัติว่าในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่าน
00:12:56 → 00:13:00 มาหรือไม่กี่วันก็ได้นะคะัมาก่อนหรือว่า
00:13:00 → 00:13:02 ท้องเสียมาก่อนค่ะเพราะฉะนั้นก็เลยเป็น
00:13:02 → 00:13:05 อันที่สามารถที่จะเจอได้เหมือนกันเนาะคะ
00:13:05 → 00:13:09 ว่าจะเป็นเช่นนี้ค่ะอืที่อาจารย์พูดมาสัก
00:13:10 → 00:13:12 ครู่เฮะเดี๋ยวนี้เนะฮะยังไม่ได้พูดถึง
00:13:12 → 00:13:16 สาเหตุค่ะก็คือจริงๆอันนี้แหละค่ะคือ
00:13:16 → 00:13:19 สาเหตุของการกลืนกันที่เล่าให้ฟังว่าใช่
00:13:19 → 00:13:22 ค่ะว่ามันมี 2 สาเหตุใหญ่ๆเลยอันที่ 1 ก็
00:13:22 → 00:13:24 เป็นสาเหตุที่เป็นเนื้อเยื่อน้ำเหลือง
00:13:24 → 00:13:26 ซึ่งนูนขึ้นซึ่งถ้าเป็นเนื้อเยื่อน้ำ
00:13:26 → 00:13:29 เหลืองที่นูนขึ้นเนี่ยค่ะเราไม่จำที่จะ
00:13:29 → 00:13:32 ต้องรักษาต่อเพราะว่าพอเขาหายหวัดใช่มั้ย
00:13:32 → 00:13:34 คะตัวเนื้อเยื่อน้ำเหลืองนี้เขายุบตัวลง
00:13:34 → 00:13:38 เขาก็จะดีขึ้นเองในขณะที่ถ้าเป็นอีกกลุ่ม
00:13:38 → 00:13:41 นึงที่เด็กอาจจะมีอายุมากหน่อยเช่นอายุ
00:13:41 → 00:13:44 มากกว่า 2-3 ปีขึ้นไปอย่างเงี้ยค่ะอันนี้
00:13:44 → 00:13:47 อาจจะต้องหาะว่ามีสาเหตุจากอะไรเพราะว่า
00:13:47 → 00:13:49 ถ้าจะพูดกันง่ายๆก็คือว่าเด็กตัวเล็กๆ
00:13:49 → 00:13:53 เนี่ยตัวรูรูใช่่มยคะขนาดของรูทรงกลมของ
00:13:53 → 00:13:56 ลำไส้เขาผอมพอเนื้อเยืดน้ำเหลืองเนี่ยเขา
00:13:56 → 00:14:00 นูนสูงขึ้นน่ะพี่เจพอนูนสูงขึ้นปึ๊บเนี่ย
00:14:00 → 00:14:03 มันก็หูครึ่งนึงของรูละทำให้ขาดขวางการ
00:14:03 → 00:14:06 บีบละเป็นตัวจุดนำให้เกิดการสะดุดกลืน
00:14:06 → 00:14:09 เข้าไปได้ละแต่ว่าถ้าสมมุติว่าเป็นเด็กโต
00:14:09 → 00:14:12 ตัวขนาดของช่องของลำไส้เขาก็จะกว้างค่ะพอ
00:14:12 → 00:14:15 ช่องมันกว้างเนี่ยถึงแม้จะมีการนูนของ
00:14:15 → 00:14:17 เนื้อเยื่อน้ำเหลืองเนี่ยมันก็มักจะไม่
00:14:17 → 00:14:20 ได้ก่อให้เกิดการสะดุดแต่อย่างใดเพราะ
00:14:20 → 00:14:23 ฉะนั้นจึงกล่าวว่าในเด็กโตหรือผู้ใหญ่
00:14:23 → 00:14:25 เนี่ยถ้าเป็นลำไส้กลืนกันเนี่ยจำเป็นจะ
00:14:25 → 00:14:27 ต้องหาสาเหตุที่พี่เจถามเลยค่ะว่ามันมี
00:14:27 → 00:14:30 สาเหตุเฉพะอย่างอื่นที่เราจำเป็นต้อง
00:14:30 → 00:14:33 รักษามนิดนึงฮอาจารย์ความจำกัดความทางการ
00:14:33 → 00:14:35 แพทย์พูดถึงเด็กเนี่ยค่ะอายุจะอยู่
00:14:35 → 00:14:39 ระหว่างสูถึงอโอเคค่ะอันนี้ก็เป็นจุดที่
00:14:39 → 00:14:42 มีการเปลี่ยนแปลงค่ะถ้าเป็นสมัยเดิมเลยนะ
00:14:42 → 00:14:45 คะถ้าเป็นเด็กเราก็จะพูดถึง 0-15 ปี
00:14:45 → 00:14:47 ปัจจุบันเค่ะนิยามก็เริ่มกว้างขวางขึ้น
00:14:48 → 00:14:50 ค่ะเพราะว่าหมอที่เรารักษาเด็กนะคะส่วน
00:14:50 → 00:14:52 ใหญ่ถ้าเรารับเป็นลูกเราก็จะรับเป็นลูก
00:14:52 → 00:14:54 ตลอดไปค่ะเราไม่ยอมเลิกค่ะเพราะฉะนั้นก็
00:14:54 → 00:14:57 คือเราก็เริ่มรักษากว้างขวางขึ้นไปค่ะ
00:14:57 → 00:15:00 แล้วก็โดยเฉพาะก็ก็คือทางถ้าเป็นคุณหมอ
00:15:00 → 00:15:02 ศัลยกรรมเด็กเนี่ยแต่ละโรงพยาบาลก็จะดูแล
00:15:02 → 00:15:04 ร่วมกับคุณหมอเด็กใช่มั้ยคะถ้าเกิดคุณหมอ
00:15:04 → 00:15:08 เด็กที่โรงพยาบาลไหนเรักษาถึง 18 เราก็ 18
00:15:08 → 00:15:12 ด้วยค่ะแบบเค่ะถ้า 15 เราก็ 15 ด้วยแต่
00:15:12 → 00:15:14 ถ้าพูดถึงเรื่องลำไส้กลืนกันเนี่ยส่วน
00:15:14 → 00:15:17 ใหญ่ก็คือถ้าเป็นเด็กที่มักจะเกิดอาการก็
00:15:17 → 00:15:20 มักจะเป็นเจิ number ของเราค่ะ 3 เดือน
00:15:20 → 00:15:23 ถึง 3 ปีโอเคตามที่ได้แจ้งไปตตอนต้นนะฮะ
00:15:23 → 00:15:26 มาถึงว่าเลข 3 ใชค่ะ
00:15:26 → 00:15:29 ค่ะคราวนี้อันนึงที่น่าสนใจคือท่านผู้ชม
00:15:29 → 00:15:33 หลายคนเนี่ยมีลูกมีหลานมีอะไรต่างๆนะที่
00:15:33 → 00:15:35 วิธีการที่จะสังเกตอาการว่าเอ๊ะลูกของเรา
00:15:35 → 00:15:38 หลานของเราเนี่ยเข้าค่าเหมือนที่อาจารย์
00:15:38 → 00:15:40 ได้นำเรียนแล้วหรือยังครับอาจารย์ครับค่ะ
00:15:40 → 00:15:45 ออค่ะเราก็มาพูดถึงอาการเนาคะก็คืออย่าง
00:15:45 → 00:15:47 ที่กล่าวไปว่าโรคลำไส้เกินกันเนี่ยมันจะ
00:15:47 → 00:15:50 ทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้ค่ะพอลำไส้เขา
00:15:50 → 00:15:52 อุดตันแล้วเนี่ยอาหารที่เราทานเข้าไป
00:15:52 → 00:15:55 เนี่ยก็ผ่านลงไปไม่ได้ใช่มั้ยคะลำไส้เคก็
00:15:55 → 00:15:58 ต้องบีบตัวหนักมากพอเบีบตัวหนักมากนะคะ
00:15:58 → 00:16:02 เรามาดูภาพกันนะคะก็คือจะมีการทำให้คนไข้
00:16:02 → 00:16:05 อ่ะค่ะมีการปวดท้องค่ะก็จะเห็นว่าคือเขา
00:16:05 → 00:16:08 พยายามบีบสู้จุดที่ตันไงคะให้ผ่านไปให้
00:16:08 → 00:16:11 ได้เพราะฉะนั้นเวลาปวดท้องบางคนพ่อแม่เขา
00:16:11 → 00:16:13 สังเกตได้ถ้าลูกยังพูดไม่ได้นะคะพ่อแม่
00:16:13 → 00:16:16 เขาจะมาบอกเลยค่ะว่าคุณหมอคะลูกอ่ะร้อง
00:16:17 → 00:16:19 ไห้เป็นช่วงๆร้องไห้เป็นพักๆเหมือนกับ
00:16:20 → 00:16:22 น้องจะปวดท้องเลยสังเกตเก่งมากนะคะผู้ปก
00:16:22 → 00:16:24 ครองเขาก็ดูออกบางทีเขาก็บอกว่าลูกเอามือ
00:16:24 → 00:16:27 ชี้ที่ท้องแต่ถ้าเด็กบางคนที่เขาเริ่มพูด
00:16:27 → 00:16:30 แล้วอ่ะค่ะพี่เจเขาคก็จะบอกเลยว่าว่าลูก
00:16:30 → 00:16:34 ว่าว่าน้องเขาปวดท้องเงี้ยค่ะซึ่งก็อาการ
00:16:34 → 00:16:36 ที่ค่อนข้างจะเจอได้บ่อยคือปวดท้องเป็น
00:16:36 → 00:16:40 พักพักนะคะส่วนพอถ้าสมมุติว่าอาหารผ่านไป
00:16:40 → 00:16:43 ไม่ได้เนี่ยก็จะทำให้ส่วนที่เรากินเข้าไป
00:16:43 → 00:16:46 อ่ะค่ะก็จะพุ่งออกทางปากค่ะเพราะฉะนั้น
00:16:46 → 00:16:48 ลูกก็เลยมีการอาเจียนค่ะช่วงแรกๆที่เขา
00:16:49 → 00:16:51 อาเจียนอาจจะเป็นนมหรืออาหารที่ทานเข้าไป
00:16:51 → 00:16:54 ค่ะเมื่อผ่านเวลาไปเนี่ยก็จะเริ่มมีสี
00:16:54 → 00:16:56 เขียวเหมือนในภาพเนี่ยค่ะก็คือเป็นน้ำดี
00:16:56 → 00:17:02 ที่ท้นออกมาด้วยค่ะ
00:17:02 → 00:17:03 อื
00:17:03 → 00:17:09 เริ่ต้องรีพตรวจคะอค่ะเป็นอันที่พบได้ค่ะ
00:17:09 → 00:17:12 พี่เจส่วนอีก 2 เรื่องนะคะที่เจออีกก็คือ
00:17:12 → 00:17:15 ว่าเหมือนที่พี่เจถามเป๊ะเลยค่ะก็คือว่า
00:17:15 → 00:17:17 ที่พี่เจบอกว่าเออแล้วไอ้ที่มันคำกันเป็น
00:17:17 → 00:17:19 ก้อนเนี่ยคือยังไงบางคนเนี่ยค่ะพ่อแม่
00:17:20 → 00:17:23 เนี่ยคำได้เองเลยนะคะว่ามีก้อนค่ะซึ่งจะ
00:17:23 → 00:17:26 คำได้ที่ไหนก็ได้นะคะส่วนใหญ่ก็จะคำได้
00:17:26 → 00:17:28 ด้านขวาบนค่ะแต่อย่างที่รูปที่แสดงเเป็น
00:17:28 → 00:17:31 ขวาล่างก็ได้นะคะถ้าเขาคกลืนลึกขึ้นก็จะ
00:17:31 → 00:17:33 ไปอยู่ขวาบนค่ะถ้าสมมุติว่าเป็นเยอะขึ้น
00:17:33 → 00:17:36 จะไปทางซ้ายค่ะเพราะฉะนั้นก้อนตรงตรงที่
00:17:36 → 00:17:39 เป็นลำไส้กลืนกันเนี่ยอาจจะคำได้ทั้งทาง
00:17:39 → 00:17:42 ฝั่งขวาแล้วก็ฝั่งซ้ายของตัวผู้ป่วยได้นะ
00:17:42 → 00:17:44 คะซึ่งถ้าน้องเป็นเยอะมากๆเนี่ยเคยมีคน
00:17:44 → 00:17:48 ไข้นานๆเจอทีนะคะบางรายที่กลืนสวมออกรู
00:17:48 → 00:17:51 ทวารมาด้วยก็มีค่ะอย่างงี้ก็มีนะคะแต่ว่า
00:17:51 → 00:17:53 น้อยมากเลยค่ะเพราะส่วนใหญ่เราเป็นน้อยๆ
00:17:53 → 00:17:55 เราก็พามาหาหมอแล้วอ่ะค่ะเพราะฉะนั้นส่วน
00:17:56 → 00:17:58 ใหญ่เราจะเจอก้อนทางด้านขวามากกว่าเพะว่า
00:17:58 → 00:18:02 เพ่งเริ่มเคะสุดท้ายก็สีอุจจาระค่ะที่ให้
00:18:02 → 00:18:05 สังเกตเป็นสอาการที่พบบ่อยนะคะก็คือสี
00:18:05 → 00:18:08 อุจจาระที่เราเจอก็จะเป็นสีมูกเลือดอ่ะ
00:18:08 → 00:18:10 ค่ะเอิ่มอันนี้คือแมอนะคะแล้วก็นี่คือ
00:18:10 → 00:18:13 ลักษณะของอุจจาระที่ติดเหมือนแยมทาขนมปัง
00:18:13 → 00:18:17 มคะอแยังหนุ่นค่ะก็จะเป็น 4 อาการเนะคะก็
00:18:17 → 00:18:22 คือมีอ่าปวดท้องอาเจียนคำก้อนได้แล้วก็
00:18:22 → 00:18:25 ถ่ายเป็นเลือดค่ะซึ่งเป็นมูกเลือดคาแยม
00:18:25 → 00:18:28 องุ่นเนาคะอค่ะก็เป็นอันที่พบได้จาก 4
00:18:28 → 00:18:31 อาการดังกล่าวเนี่ยอาการแบบไหนที่พบได้
00:18:31 → 00:18:34 บ่อยและควรจะไปพบแพท์ให้ไวที่สุดเลยอ่า
00:18:34 → 00:18:38 ค่ะจริงๆก็คือถ้าดูความบ่อยนะคะอ่าเขาบอก
00:18:38 → 00:18:41 ว่าอาการปวดท้องกับอาการอาเจียนนะค่ะเป็น
00:18:41 → 00:18:43 2 อาการที่เจอได้บ่อยแต่ว่าเป็นโรคอะไร
00:18:43 → 00:18:46 ก็ได้ค่ะพี่เจน้องท้องเสียก็ปวดท้องน้อง
00:18:46 → 00:18:48 ท้องเสียก็อาเจียนอะไรอย่าเงี้ยใช่มั้ยคะ
00:18:48 → 00:18:50 ติดเชื้ออาหารเป็นพิษหรืออะไรอย่างเงี้ย
00:18:50 → 00:18:53 ค่ะก็ก็มีอาการ 2 อย่างนี้ได้แต่ว่าถ้าคำ
00:18:53 → 00:18:55 ได้ก้อนหรือไถเป็นเลือดเนี่ยจะเป็นอาการ
00:18:55 → 00:18:58 ที่ค่อนข้างจำเพาะค่ะอันนี้สถิติลพยาบาล
00:18:58 → 00:19:01 เราก็เป็นเหมือนในหนังสือแล้วก็งานวิจัย
00:19:01 → 00:19:04 ต่างประเทศด้วยอนะคะว่าอาการปวดท้องสีฟ้า
00:19:04 → 00:19:06 กับอาการอาเจียนสีเหลืองเนี่ยก็เจอบ่อย
00:19:06 → 00:19:08 สุดเนาะคะแต่ว่าก็อย่างที่บอกอันนี้ก็ยัง
00:19:08 → 00:19:10 ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่ๆหรอกแต่พอเริ่มคำ
00:19:10 → 00:19:13 ได้ก้อนกับถ่ายไปเลือยอ่ะค่ะก็เริ่มสงสัย
00:19:13 → 00:19:16 แล้วว่าจะเป็นโรคนี้หรือเปล่านะคะซึ่งอ่า
00:19:16 → 00:19:19 จากประวัติก็ก็ทำให้เราสงสัยได้ระดับนึง
00:19:19 → 00:19:22 ค่ะซึ่งถ้าสมมุติว่าพี่เจว่าเอ๊ะยังไงที่
00:19:23 → 00:19:25 ดูรุนแรงนะเงี้ยใช่มั้ยคะอันนี้คือทั่วๆ
00:19:25 → 00:19:28 ไปใช่มั้ยคะที่ดูรุนแรงก็คือถ้าเเจียน
00:19:28 → 00:19:31 เยอะมากเขาจะมีภาวะขาดน้ำค่ะเพราะฉะนั้น
00:19:31 → 00:19:33 เวลาเด็กที่เขามีภาวะขาดน้ำจะสังเกตว่า
00:19:33 → 00:19:36 น้องก็จะเริ่มซึมลงค่ะพี่เจอันนี้ก็น่า
00:19:36 → 00:19:40 กลัวเนาะตาก็จะเริ่มโหลเนาะคะถ้าลูกยัง
00:19:40 → 00:19:43 กระหม่อมหน้าไม่ปิดเนี่ยบางคนจับดูเหมือน
00:19:43 → 00:19:45 กระหม่อมหน้าลูกจะยุบลงด้วยอะไรอย่าง
00:19:45 → 00:19:47 เงี้ยค่ะอย่างนี้ก็ได้นะคะอย่างนี้ก็คือ
00:19:47 → 00:19:49 แบบว่าต้องรีบมาด่วนเลยเพราะว่าถ้าทิ้ง
00:19:49 → 00:19:52 ไว้อาจจะมีภาวะช็อกได้อ่ะค่ะโดยเฉพาะถ้า
00:19:52 → 00:19:54 เห็นแบบสีอาเจียนเนี่ยค่ะเริ่มเขียวอย่าง
00:19:55 → 00:19:57 เงี้ยค่ะก็อันนี้ก็จะเริ่มน่ากลัวละอย่าง
00:19:57 → 00:20:00 เงี้ยค่ะอาจารย์ครับในใน 4 อาการดังกล่าว
00:20:00 → 00:20:03 เนี่ยมีลักษณะของอาการที่ร่วมกันด้วยหรือ
00:20:03 → 00:20:05 ว่าเป็นอาการที่แยกจากกันอย่างชัดเจน
00:20:05 → 00:20:08 อาจารย์โอเคค่ะสีอาการนี้เกิดได้ทุกอาการ
00:20:08 → 00:20:11 แต่ว่าบางครั้งเวลาคนไข้มาหาเราอาจจะมี
00:20:11 → 00:20:13 แค่อาการเดียวก็ยังได้เลยนะคะเพราะว่า
00:20:13 → 00:20:15 ช่วงที่มาเริ่มเริ่มส่วนใหญ่ค่ะก็จะปวด
00:20:15 → 00:20:19 ท้องหรืออาเจียนมาเฉยๆก็ได้ค่ะซึ่งอันนี้
00:20:19 → 00:20:22 ก็จะเป็นอันที่เราต้องมาตรวจหาก้อนเอง
00:20:22 → 00:20:24 ต้องมาตรวจดูว่าอุจจาระเามีสีอะไรอะไร
00:20:24 → 00:20:27 เงี้ยค่ะโดยที่ส่วนใหญ่ไม่ครบนะคะพี่เจ
00:20:27 → 00:20:30 ส่วนใหญ่น้องก็จะมาด้วยบางอาการค่ะแต่
00:20:30 → 00:20:33 เป็นเยอะค่ะเป็นเยอะจนเรากังวลใจแล้วเรา
00:20:33 → 00:20:37 สืบสวนหาค่ะแบบนั้นค่ะในฐานะที่อาจารย์
00:20:37 → 00:20:39 เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัยกรรมในเด็ก
00:20:39 → 00:20:43 เนี่ยนะฮะวิธีการเอ่อวินิจฉัยในผู้ป่วย
00:20:43 → 00:20:46 เด็กที่เกิดจากเ่อโรคนี้เนี่ยนะฮะอาจารย์
00:20:46 → 00:20:49 ใช้วิธีการอย่างไรครับโอเคค่ะก็อ่าด้วย
00:20:49 → 00:20:52 ความที่โรคเนี้นะคะมีโรคที่มีลักษณะคล้าย
00:20:52 → 00:20:54 คลึงกันได้หลายอันเหมือนกันค่ะเพราะ
00:20:54 → 00:20:57 ฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีตัวช่วยในการ
00:20:57 → 00:20:59 วินิจฉัยนะคะลองดูนะคะว่ามีโรคไหนบ้างที่
00:20:59 → 00:21:03 มีอาการคล้ายคลึงกันได้อันที่พูดถึงเมื่อ
00:21:03 → 00:21:05 กี้เลยค่ะตัวที่เจอบ่อยก็คือเรื่องของการ
00:21:05 → 00:21:07 ติดเชื้อทางเดินอาหารค่ะซึ่งอย่างที่
00:21:08 → 00:21:10 กล่าวไปนะคะว่าอาจารย์เพิ่งบอกไปเองนี่
00:21:10 → 00:21:12 ว่าติดเชื้อทางเดินอาหารนะก็เป็นจุดเริ่ม
00:21:12 → 00:21:15 ต้นของการที่มีเนื้อเยื่อน้ำเหลืองนูนใช่
00:21:15 → 00:21:17 มั้ยคะเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วบางครั้งน้อง
00:21:17 → 00:21:19 เป็นติดเชื้อทางเดินอาหารจริงๆแหละในช่วง
00:21:19 → 00:21:22 แรกแต่ว่าเขาพัฒนาไปเป็นลำไส้กลืนกันภาย
00:21:22 → 00:21:25 หลังเพราะฉะนั้นผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่า
00:21:25 → 00:21:28 เอ้อตอนแรกไปหาหมอหมอทีแรกเนี่ยทำไมหมอ
00:21:29 → 00:21:31 บอกว่าเป็นติดเชื้อทางเดินอาหารแล้วก็
00:21:31 → 00:21:33 ทำไมลูกไม่หายสักทีไปหาหมออีกทีกลายเป็น
00:21:33 → 00:21:36 ลำไส้กลืนกันไปละก็เป็นไปได้จริงๆค่ะ
00:21:36 → 00:21:38 เพราะว่าก็เป็นเป็นเขาเรียกว่าการดำเนิน
00:21:38 → 00:21:40 โรคของเขานั่นแหละค่ะมันก็เริ่มจากติด
00:21:40 → 00:21:44 เชื้อไปก่อนแลหลังจากนั้นก็เริ่มมีลำไส้
00:21:44 → 00:21:47 กืนกันตมาทีหลักค่ะหรือไม่งั้นก็จะมีโรค
00:21:47 → 00:21:50 อื่นๆที่เป็นทำให้เกิดภาวะลำอ่าลำไส้
00:21:50 → 00:21:53 อุตันอื่นเช่นเป็นไส้เลื่อนแล้วก็มีลำไส้
00:21:53 → 00:21:55 กลืนกันอย่างเงี้ยค่ะก็ได้ค่ะก็เป็นภาวะ
00:21:56 → 00:21:58 ที่ทำให้ลูกมีอาการปวดท้องแแบบนี้ได้แต่
00:21:58 → 00:22:01 ว่าถ้าลำไส้อุตาจากสาเหตุอื่นอาจจะไม่ได้
00:22:01 → 00:22:04 มีคำก้อนได้หรือถ่ายเป็นสีแดงคล้ายแยมแบบ
00:22:04 → 00:22:08 ที่เราเห็นเมื่อกี้ก็ได้นะคะเนาะซึ่งก็
00:22:08 → 00:22:10 ถ้าพูดถึงการวินิจฉัยนะคะลองดูการ
00:22:10 → 00:22:13 วินิจฉัยกันค่ะว่าเราทำยังไงได้บ้างก็คือ
00:22:13 → 00:22:15 เหมือนเมื่อกี้ที่เราคุยกันนะคะส่วนแรก
00:22:15 → 00:22:18 ของการวินิจฉัยเนี่ยเราก็เริ่มจากการซัก
00:22:18 → 00:22:21 ประวัติตรวจร่างกายน้องให้ถ้วนทีค่ะถ้า
00:22:21 → 00:22:24 ถ้าเราเจอปัญหาว่าลูกมีอาการ 4 อย่างที่
00:22:24 → 00:22:27 กล่าวเมื่อกี้นะคะก็ให้ให้เฝ้าระวังถ้ามี
00:22:27 → 00:22:29 อย่างใดอย่างมากๆจริงๆไม่ครบก็ได้อย่าง
00:22:29 → 00:22:32 ที่พี่เจถามเคะก็ได้กับการตรวจเพิ่มเติม
00:22:32 → 00:22:36 ทางรังสีวิทยาค่ะอืรังสีวิทยาก็มีหลายแบบ
00:22:36 → 00:22:39 นะคะอันนี้ก็จะเป็นการเซเรย์ช่องท้องทั่ว
00:22:39 → 00:22:43 ไปนะคะซึ่งก็มีทั้งท่านอนหงายท่านั่งท่า
00:22:43 → 00:22:46 นอนตะแคงก็แล้วแต่ว่าใครจะทำท่าไหนเพิ่ม
00:22:46 → 00:22:49 เติมนะคะแต่เราก็จะสังเกตว่ามันก็จะเจอ
00:22:49 → 00:22:51 ความผิดปกติค่ะที่เมื่อกี้เราบอกว่าเราคำ
00:22:51 → 00:22:54 ก้อนได้ใช่มั้ยคะสีขาวๆที่เห็นเนี่ยนะคะ
00:22:54 → 00:22:57 คือลักษณะของก้อนค่ะอันนี้ก็คือลมในลำไส้
00:22:57 → 00:23:00 ใหญ่นะคะที่เราเห็นเนี่ยก้อนเนี้ยค่ะก็
00:23:00 → 00:23:03 อยู่ในลำไส้ใหญ่เลยค่ะอย่างนี้เลยค่ะแล้ว
00:23:03 → 00:23:05 ก็ลำไส้ใหญ่จริงๆเมื่อกี้เราดูรูปภาพแล้ว
00:23:05 → 00:23:07 ใช่มั้ยคะว่ามันควรจะยาวมาถึงตรงนี้เห็น
00:23:07 → 00:23:09 มั้ยคะว่าตรงนี้หายไปเลยเพราะกลายไปเป็น
00:23:09 → 00:23:12 คุณก้อนคนเนี้ยค่ะค่ะเนาะก็อันนี้ก็เป็น
00:23:12 → 00:23:15 อันนึงที่ช่วยแต่ว่าในชีวิตจริงก็ไม่ง่าย
00:23:15 → 00:23:18 ดายปานนี้นะคะเพราะว่าเซเรย์ช่องท้องทั่ว
00:23:18 → 00:23:22 ไปบางทีก็ไม่ไม่เห็นสวยๆแบบนี้ก็มีค่ะ
00:23:22 → 00:23:24 เพราะฉะนั้นเราก็เลยต้องมีตัวช่วยอีกค่ะ
00:23:24 → 00:23:28 พี่เจออ่าเวลาแบบถ้ามีแบบคุณพ่อพาคุณแม่
00:23:28 → 00:23:30 ที่ตั้งครรภไปตรวจก็จะใช้วิธีอัลต้าซาว
00:23:30 → 00:23:33 เพื่อดูลูกใช่มั้ยคะแต่ว่าถ้าลูกเราปวด
00:23:33 → 00:23:35 ท้องแล้วมาตรวจแล้วสงสัยลำไส้กลืนกันเรา
00:23:35 → 00:23:39 ก็อัตซาวเพื่อดูก้อนค่ะอืคุณแม่ก็ดูลูก
00:23:39 → 00:23:42 คุณลูกก็ดูก้อนอะไรแบบนี้เป็นต้นนะคะก็
00:23:42 → 00:23:44 อันนี้ก็เป็นวิธีนึงซึ่งตัวเชัดเจนค่ะ
00:23:44 → 00:23:46 เพราะว่าเวลาอัลตร้าซาวเนี่ยถ้ามีก้อน
00:23:46 → 00:23:49 ส่วนใหญ่เราจะเห็นค่ะเนาะก็คืออาจจะเริ่ม
00:23:50 → 00:23:53 โดยคุณหมอผ่าตัดใช้อัลตร้าซาวที่ที่ห้อง
00:23:53 → 00:23:57 ตรวจน่ะนะคะทำทำดูก่อนได้แล้วก็คุณหมอเเร
00:23:57 → 00:23:59 ก็ช่วยทำให้ละเอียดขึ้นอีกครั้งนึงในห้อง
00:23:59 → 00:24:02 xray ค่ะก็จะเห็นภาพได้ชัดเจนเลยค่ะ
00:24:02 → 00:24:04 เพราะว่าเครื่องอัลตร้าซาวเดี๋ยวนี้ก็มี
00:24:04 → 00:24:07 อยู่ในห้องตรวจทั่วไปค่อนข้างเยอะก็พอจะ
00:24:07 → 00:24:10 ช่วยได้นะคะก็อาจจะใช้สกรีนก่อนอย่าง
00:24:10 → 00:24:13 เงี้ยค่ะได้เหมือนกันส่วนอีกวิธีนึงก็ก็
00:24:14 → 00:24:17 ใช้เป็นแบบสารทึบรังสีอ่ะค่ะใส่เข้าไปใน
00:24:17 → 00:24:20 รูทวารค่ะแต่ว่าวิธีนี้ก็ส่วนใหญ่ก็ใช้
00:24:20 → 00:24:22 น้อยลงค่ะเพราะว่าเมื่อก่อนนัตัซาวเาไม่
00:24:22 → 00:24:25 ได้เก่งมากค่ะแต่ตอนเตัซาวพัฒนามาจนดีเลย
00:24:25 → 00:24:28 เพราะฉะนั้นวิธีนี้ใช้ก็ได้ค่ะแต่แต่ว่า
00:24:28 → 00:24:30 ไม่ใช้ก็ได้เพราะว่าเราใช้อัลตร้าซาวใน
00:24:30 → 00:24:33 การวินิจฉัยได้แล้วค่ะวิธีนี้ก็เลยถูกใช้
00:24:33 → 00:24:36 น้อยลงไปค่ะแต่ว่าก็เล่าให้ฟังว่ามีอยู่
00:24:36 → 00:24:38 เนาะคนไข้ก็เข้าไปทำในห้องเซเรย์เนคะแล้ว
00:24:38 → 00:24:41 ก็ใส่สารทึบรังสีเข้าไปแล้วก็เอาเซเรย์มา
00:24:41 → 00:24:44 ดูค่ะแบบนี้เป็นต้นเนคะก็จะสามารถ
00:24:44 → 00:24:47 วินิจฉัยโรคลำไส้กลื่นกันได้ค่ะก็คือการ
00:24:47 → 00:24:50 จะเ่อวินิจฉัยด้วยวิธีใดเนี่ยแพทย์จะเป็น
00:24:50 → 00:24:53 ผู้สั่งการเ่อวินิฉัยดังกล่าวถูกขึ้นอยู่
00:24:53 → 00:24:56 กับความยากง่ายรายละเอียดของของเ่อช่อง
00:24:56 → 00:25:00 ท้องต่างๆใช่ค่ะว่าว่ามีแบบว่าอาการบ่ง
00:25:00 → 00:25:04 ชี้ไปทางด้านใดค่ะถ้าดูคล้ายกับเป็นลำไส้
00:25:04 → 00:25:07 กลืนกันก็อาจจะมีการทำเซเรย์เพิ่มเติมค่ะ
00:25:07 → 00:25:10 แต่ว่าถ้าดูแล้วอาการดีคำก้อนไม่ได้แล้ว
00:25:10 → 00:25:13 ก็เป็นไม่มากสงสัยแค่ลำไส้ติดเชื้อธรรมดา
00:25:13 → 00:25:17 ก็อาจจะไปไม่ถึงอันตสาแบบนี้ค่ะก็จำเป็น
00:25:17 → 00:25:20 ที่จะต้องติดตามอาการลูกเป็นระยะค่ะถ้า
00:25:20 → 00:25:22 สมมุติว่ารักษาเรื่องของติดเชื้อทางเดิน
00:25:22 → 00:25:24 อาหารแล้วลูกไม่ดีขึ้นหรือว่าอะไรอย่า
00:25:24 → 00:25:27 เงี้ยค่ะเพราะจริงๆท้องเสียที่เกิดจากการ
00:25:27 → 00:25:29 ติดเชื้อทางเดินอาหารมีเชื้อโรคบางตัว
00:25:29 → 00:25:30 เหมือนกันนะคะที่ทำให้ลูกถ่ายเป็นเลือด
00:25:30 → 00:25:33 ได้เหมือนกันเพราะฉะนั้นเขาจะมีความคล้าย
00:25:33 → 00:25:36 คลึงอยู่บ้างจึงจำเป็นที่จะต้องมาตรวจกับ
00:25:36 → 00:25:39 แพทย์ผู้ผู้ที่จะทำการตรวจเพิ่มเติมให้
00:25:39 → 00:25:42 ได้ค่ะอบางอย่างมันมีความใกล้เคียงเรื่อง
00:25:42 → 00:25:45 ของการวินิจฉัยที่จะฟันธงหรือว่าชัดเจนไป
00:25:45 → 00:25:48 ที่เรื่องของโรคนี้เนี่ยก็ต้องเอากันให้
00:25:48 → 00:25:50 แบบแน่ชัดกันไปเลยนะครับคราวนี้พูดถึง
00:25:51 → 00:25:53 เรื่องของการรักษาหลังจากที่อาจารย์ได้
00:25:53 → 00:25:57 วินิจฉัยไปแล้วว่าเด็กชายกอแน่นอนแล้ว
00:25:57 → 00:25:59 เป็นโรคนี้ค่ะมีวิธีการรักษาอย่างไรครับ
00:25:59 → 00:26:02 อาจารย์ครับค่ะเมื่อเราได้การวินิจฉัย
00:26:02 → 00:26:05 แล้วนะคะว่าน้องเป็นลำไส้กลืนกันนะค่ะเรา
00:26:05 → 00:26:09 ก็สามารถที่จะทำการรักษาซึ่งเรามีอยู่ 2
00:26:09 → 00:26:14 วิธีใหญ่ๆค่ะดูภาพนะคะก็จะมีวิธีที่ทำโดย
00:26:14 → 00:26:17 การไม่ผ่าตัดค่ะโดยใช้ xray เป็นตัวมองนะ
00:26:17 → 00:26:20 คะว่ามันหลุดหรือยังค่ะพอเค้ากลืนใช่มยคะ
00:26:20 → 00:26:22 เราก็ต้องไปทำให้เขาคคลายค่ะใช่มั้ยคะก็
00:26:23 → 00:26:26 จะเป็นการดันลำไส้ให้คลายตัวนะคะแล้วก็
00:26:26 → 00:26:28 ถ้าสมมุติว่าใช้วิธีไม่ไม่ผ่าตัดได้ทุกคน
00:26:28 → 00:26:30 ก็ต้องอยากอยู่แล้วถูกมั้ยคะเพราะว่าลูก
00:26:30 → 00:26:33 จะต้องไม่ต้องโดนผ่าตัดโดนดมยาสลุปนะคะ
00:26:33 → 00:26:36 แต่ถ้าเกิดว่ามีข้อห้ามในการรักษาโดยวิธี
00:26:36 → 00:26:39 ไม่ผ่าตัดหรือว่าทำแล้วมันไม่สำเร็จสุด
00:26:40 → 00:26:42 ท้ายก็เลยจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดอันนี้ก็
00:26:42 → 00:26:46 เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้นั่นเองค่ะซึ่ง
00:26:46 → 00:26:49 ข้อห้ามที่ว่าล่ะทำยังไงเนาะคะก็คือถ้า
00:26:49 → 00:26:51 เมื่อไหร่ที่ยังไม่มีภาวะลำไส้แตกทะลุอ่ะ
00:26:51 → 00:26:53 ค่ะพี่เจลองนึกภาพว่าพอลำไส้มันตันใช่
00:26:53 → 00:26:57 มั้ยคะตันมากๆปึ๊บเนี่ยพอพอมันลำไส้ขขยาย
00:26:57 → 00:26:59 ขนาหนาดระดับนึงมีโอกาสที่จะแตกทะลุได้
00:26:59 → 00:27:02 ค่ะแต่ถ้าเราได้รับการรักษาก่อนที่มันจะ
00:27:02 → 00:27:05 แตกทะลุอ่ะค่ะก็จะสามารถที่จะรักษาด้วย
00:27:05 → 00:27:08 วิธีไม่ผ่าตัดได้ค่ะอือทีนี้เอ๊ะแล้วหมอ
00:27:08 → 00:27:11 จะรู้ได้ยังไงล่ะคะว่าลูกอ่ะไส้ยังไม่แตก
00:27:11 → 00:27:15 ออหอก็จะตรวจร่างกายกันค่ะตวจร่างกายดู
00:27:15 → 00:27:18 ว่าไม่มีอาการของเยื่อบุช่องท้องอักเสบนะ
00:27:18 → 00:27:21 คะแล้วก็ทำการเซเรย์เหมือนที่ให้ดูภาพ
00:27:21 → 00:27:24 เมื่อกี้นะคะเเรช่องท้องทั่วไปนะคะดูว่า
00:27:24 → 00:27:27 ไม่มีลมที่อยู่ภายนอกลำไส้ค่ะแล้วก็ดูว่า
00:27:27 → 00:27:30 ลูกไม่มีภาวะช็อกซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงมี
00:27:30 → 00:27:33 ภาวะลำไส้ที่มีการขาดเลือดหรือว่าเน่าใน
00:27:33 → 00:27:36 ช่องท้องอ่ะนะคะถ้าไม่มีตามที่ว่าเนี่ย
00:27:36 → 00:27:40 ค่ะเราสามารถทำการรักษาได้ด้วยวิธีไม่ผ่า
00:27:40 → 00:27:43 ตัดค่ะซึ่งอ่าเมื่อกี้จากที่เราโชว์ภาพ
00:27:43 → 00:27:45 ให้ดูใช่มั้ยคะว่าลำไส้ที่มันกลืนกัน
00:27:45 → 00:27:48 เนี่ยเค้าเป็นลำไส้เล็กกลืนไปในลำไส้ใหญ่
00:27:48 → 00:27:52 เพราะฉะนั้นก็เลยมีผู้คิดค้นวิธีการรักษา
00:27:52 → 00:27:55 โดยการไม่ผ่าตัดโดยการที่ถ้าเราใส่สาย
00:27:55 → 00:27:59 เข้าไปในรูทวารแล้วก็ก็ดันลมจากภายนอก
00:27:59 → 00:28:02 เนี่ยค่ะเข้าไปในลำไส้ใหญ่เพื่อให้มีแรง
00:28:02 → 00:28:05 ดันไปผลักก้อนที่อยู่ในลำไส้ให่ใหญ่เนี่ย
00:28:05 → 00:28:08 ให้หลุดออกมาได้เนี่ยก็จะทำให้ลำไส้ที่
00:28:08 → 00:28:11 ถูกกลืนเนี่ยคลายออกมาได้เพราะงั้นบางที
00:28:11 → 00:28:15 เราเรียกมันว่าการสวนคลายค่ะพี่เจออค่ะ
00:28:15 → 00:28:18 โดยการสวนคลายอันเนี้ยก็คือที่แรกเริ่ม
00:28:18 → 00:28:21 ที่ทำจริงๆในประวัติศาสตร์นะคะเาดันด้วย
00:28:21 → 00:28:24 แรงดันน้ำค่ะก็อาจจะใช้ไอ้ส่วนแป้งที่
00:28:24 → 00:28:26 เป็นการวินิจฉัยเมื่อกี้พอวินิจฉัยได้ก็
00:28:26 → 00:28:29 ส่วนคลายต่อเลยอย่างเงี้ยก็ได้ค่ะแต่
00:28:29 → 00:28:32 ปัจจุบันเขาก็บอกว่าลมได้ผลดีค่ะพี่เจ้ก็
00:28:32 → 00:28:35 เลยใช้เป็นแรงดันลมก็ได้ค่ะอันนี้ก็อาจจะ
00:28:35 → 00:28:37 ใช้เครื่องวัดความดันสมัยโบราณเป็นตัว
00:28:38 → 00:28:41 สร้างแรงดันก็ได้นะคะแล้วเราก็ดันลมเข้า
00:28:41 → 00:28:44 ไปอย่างเงี้ยค่ะอันเนี้ยก็ทำได้ค่ะก็จะ
00:28:44 → 00:28:48 สามารถที่จะเห็นได้ค่ะว่าเราก็จะทำภายใต้
00:28:48 → 00:28:51 ภายใต้เครื่องเซเรย์แล้วก็ดูว่าที่เราสวน
00:28:51 → 00:28:53 คลายหลุดหรือยังเราก็จะสามารถที่ทำไปด้วย
00:28:53 → 00:28:56 แล้วก็เเรไปด้วยแล้วก็เห็นภาพด้วยค่ะอื
00:28:56 → 00:28:59 พี่เจเห็นมั้ยคะว่ามันเป็นยังไงน่าสนใจฮ
00:28:59 → 00:29:01 อาจารย์ลองดูมั้ยคะได้เลยครับอาจารย์
00:29:01 → 00:29:04 เดี๋ยวจะพยายามอธิบายนะคะก็เป็นทางเทคนิค
00:29:04 → 00:29:06 นิดหน่อยนะคะครับค่ะอันนี้ก็จะเป็นภาพ
00:29:06 → 00:29:10 วิดีโอนะคะที่แสดงถึงการส่งลมเข้าไปในลำ
00:29:10 → 00:29:12 ไส้ใหญ่อันนี้ลมกำลังเข้าเห็นมยคะมันเต่ง
00:29:12 → 00:29:15 ขึ้นละอ้านี่เห็นดำๆนี่มั้ยคะนี่คือน้อง
00:29:15 → 00:29:17 ก้อนน้อยของเราค่ะของลำไส้ที่กลืนกันเห็น
00:29:17 → 00:29:19 มั้ยคะค่อยๆเคลื่อนตัวลงมาตามแนวของลำไส้
00:29:20 → 00:29:22 ใหญ่เลยน้องก้อนน้อยกำลังเคลื่อนนะคะดู
00:29:22 → 00:29:24 ตามจุดแดงได้เลยนะคะน้องก้อนเลื่อนลงมา
00:29:24 → 00:29:28 แล้วค่ะเลื่อนลงมาแล้วออก้อนหายไปแล้วค่ะ
00:29:28 → 00:29:31 แล้วก็เห็นลมเข้าไปในลำไส้เล็กเรียบร้อย
00:29:31 → 00:29:34 ค่ะพอได้มั้ยคะค่ะถ้าเราเห็นแบบนี้แสดง
00:29:34 → 00:29:37 ว่าการสวนค่านั้นสำเร็จค่ะอออย่างเงี้ย
00:29:37 → 00:29:41 ค่ะก็เป็นอันที่ลูกก็ไม่ต้องถูกผ่าตัดค่ะ
00:29:41 → 00:29:45 พี่เจพ่อแม่ก็ยิ้มแย้มเลยอ่ะค่ะก็สำเร็จ
00:29:45 → 00:29:47 อย่างเงี้ยค่ะเป็นต้นอือันนี้คือการรักษา
00:29:47 → 00:29:51 ที่ที่ใช้เป็นปกติเลยใช่ค่ะใช่ค่ะแล้วก็
00:29:51 → 00:29:54 ใช้วิธีนี้กันจริงๆค่ะซึ่งก็ก็พอใช้ได้นะ
00:29:54 → 00:29:57 คะที่ผ่านมาเราก็ทำสำเร็จก็ความสำร็จ
00:29:57 → 00:30:01 เพิ่มขึ้นตามปีค่ะตามภาพนี้เลยนะคะก็คือ
00:30:01 → 00:30:05 ว่าอ่าในในในช่วงที่เราทำมันก็ปรับเทคนิค
00:30:05 → 00:30:08 กันมาเรื่อยๆอ่ะคะก็ค่อยๆสำเร็จมากขึ้น
00:30:08 → 00:30:10 เรื่อยๆช่วงหลังๆเนี่ยค่ะความสำเร็จก็
00:30:10 → 00:30:14 อยู่ที่ประมาณสัก 80% ขึ้นไปค่ะก็จะ
00:30:14 → 00:30:17 สามารถสวนคลายได้สำเร็จค่ะแต่ในรายที่ไม่
00:30:17 → 00:30:20 สำเร็จจริงๆก็มีเหมือนกันนะคะซึ่งเขาก็
00:30:20 → 00:30:24 อาจจะจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดต่อค่ะอืซึ่ง
00:30:24 → 00:30:26 แผ่ผ่าตัดก็ไม่ได้ใหญ่มากนะคะถ้าสมมุติ
00:30:26 → 00:30:29 ว่าเราดูจากพุงของน้องนะคะแผลผัดตัดเราก็
00:30:29 → 00:30:31 จริงๆก็มีการทำผัดตัดหลายแบบนะคะถ้าเรา
00:30:31 → 00:30:34 ผ่าเปิดเราก็เปิดแผลเล็กๆตรงขวาบนตำแหน่ง
00:30:34 → 00:30:37 ที่มักจะมีก้อนอยู่นั่นเองค่ะแล้วเราก็ไป
00:30:37 → 00:30:40 เอามือบีบก็ได้อือันนี้อันนี้ในอนาคตต่อ
00:30:40 → 00:30:44 มาก็หายได้เองอ่ะแผลใช่มยคะแผลก็จะหาย
00:30:44 → 00:30:47 เนื้อเด็กเขาดีนะคะเหายสวยค่ะเชต่อเชื่อม
00:30:47 → 00:30:50 ต่อค่ะแล้วก็แผลเป็นเขาไม่ค่อยเยอะค่ะ
00:30:50 → 00:30:54 เนาะก็ใช้วิธีเดียวกันกับการการดันด้วยลม
00:30:54 → 00:30:57 เลยค่ะรูปนี้ก็อาจจะมีความอ่าโป๊นิดนึงนะ
00:30:57 → 00:31:01 คะเห็นไปถึงลำไส้เห็นไปถึงข้างในเลยนะคะ
00:31:01 → 00:31:03 ก็เอ่อเพื่อไม่ให้เกิดความน่ากลัวนะคะจะ
00:31:03 → 00:31:06 ขออนุญาตเป็นสีขาวดำเอาไว้นะคะก็จะเห็น
00:31:06 → 00:31:08 ว่าเราใช้มือบีบนี่เลยค่ะลำไส้ให้เขาหลุด
00:31:08 → 00:31:11 จากกันจะเห็นว่าถ้าเราดันด้วยลมไม่สำเร็จ
00:31:12 → 00:31:13 อ่ะส่วนใหญ่มันบีบไม่ค่อยออกหรอกค่ะมัน
00:31:13 → 00:31:17 แน่นเคะเขามีเหตุอยู่ที่เขาดุดเอ่อเาเดัน
00:31:17 → 00:31:20 ไม่หลุดอ่ะเขามีเหตุอยู่นะคะก็คือพอดีไม่
00:31:20 → 00:31:22 สามารถเอาสีมาให้ได้แต่ลองสังเกตภาพดูนะ
00:31:22 → 00:31:24 คะอันนี้เราพยายามบีบจนหลุดเลยนะคะทำยาก
00:31:24 → 00:31:27 มากเลยเพราะฉะนั้นลมน่าจะดันไม่ได้ค่ะค่ะ
00:31:27 → 00:31:30 ก็คือสีลำไส้ปกติเขาจะเป็นสีชมพูสวยงามนะ
00:31:30 → 00:31:33 คะขออนุญาตไม่ได้ให้ดูสีชมพูสวยงามนั้นนะ
00:31:33 → 00:31:36 คะเพราะจะอาจจะน่ากลัวไปนิดนึงค่ะแล้วก็
00:31:36 → 00:31:39 ถ้าสมมุติว่าเราดันออกมาแล้วเนี่ยเราจะ
00:31:39 → 00:31:42 สังเกตว่าถ้าไส้ที่ดันออกมาแล้วเขาเขาด
00:31:42 → 00:31:44 เลือดค่ะพี่เจเพราะว่าพอเขาถูกดูดกลืน
00:31:44 → 00:31:46 เข้าไปนานระดับนึงอะไรอย่างเงี้ยค่ะพอเขา
00:31:47 → 00:31:49 ขาดเลือดสีเขาจะเปลี่ยนไปค่ะพอสีเขา
00:31:49 → 00:31:52 เปลี่ยนไปเขาเขาดเลือดเนี่ยก็เลยมีความ
00:31:52 → 00:31:54 จำเป็นที่เราจะต้องตัดตำแหน่งที่ขาดเลือด
00:31:54 → 00:31:56 ออกแล้วตำแหน่งที่ดีมาต่อกันค่ะแล้วก็
00:31:56 → 00:31:59 สามารถจะต่อลำไส้เล็กเข้ากับลำไส้ใหญ่ได้
00:31:59 → 00:32:02 ค่ะซึ่งในลายเยค่ะตำแหน่งที่ขาดเลือดก็จะ
00:32:02 → 00:32:04 เป็นลำไส้เล็กต่อกับลำไส้ใหญ่แล้วก็มีไส้
00:32:04 → 00:32:07 ติ่งนะคะแต่ว่าไม่มีพยาธิสภาพพิเศษค่ะ
00:32:07 → 00:32:10 เนี่คะจุดสะดุดที่ที่เราพูดถึงอ่ะค่ะ
00:32:10 → 00:32:12 เนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่นูนขึ้นนะคะเขา
00:32:12 → 00:32:15 ใหญ่มากนิดนึงก็เลยทำให้เขาสะดุดกลืนเข้า
00:32:15 → 00:32:19 ไปค่ะอืแต่ในบางรายก็มีโรคค่ะที่ทำให้มัน
00:32:19 → 00:32:22 ไม่หลุดนะคะก็มีโรคบางโรคที่ที่ทำให้มัน
00:32:22 → 00:32:25 ดันยากค่ะก็เลยไม่หลุดก็เลยได้ผ่าตัดก็ดี
00:32:25 → 00:32:28 ไปเลยได้เอาโรคออกไปด้วยค่ะแต่ก็น่าจะ
00:32:28 → 00:32:32 น้อยมากประมาณ 6% ค่ะเราเจอว่ามีพยาธิ
00:32:32 → 00:32:35 สภาพที่ที่เราจำเป็นต้องทำการรักษาได้
00:32:35 → 00:32:37 ประมาณ 6% ในในซีรียส์ของโรงพยาบาลเราอ่ะ
00:32:37 → 00:32:40 นะคะ 6 ใช่ค่ะอันนั้นเป็นเรื่องของการ
00:32:40 → 00:32:43 รักษาใช่ค่ะทั้งหมดทั้งมวลที่เราพูดคุย
00:32:43 → 00:32:45 กันมาตั้งแต่ต้นรายการเนี่ยค่ะจะไม่เกิด
00:32:45 → 00:32:48 ขึ้นเลยค่ะถ้าเรามีวิธีการป้องกันตนเอง
00:32:48 → 00:32:51 ที่ดีนะฮะครันนี้ก็คงมาถึงคำถามสำคัญผม
00:32:51 → 00:32:54 เองท่านผู้ชมเองแล้วก็คุณพ่อคุณแม่หลายๆ
00:32:54 → 00:32:57 ท่านคงอยากจะสนใจคำถามคำตอบนี้นะฮะก็คือ
00:32:57 → 00:33:00 เรื่องราวของการป้องกันป้องกันอย่างไรไม่
00:33:00 → 00:33:05 ให้เกิดเ่อลำไส้กลืนกันโอเคค่ะพี่เจก็
00:33:05 → 00:33:08 ขอบคุณนะคะก็คือในส่วนของการป้องกันเนี่ย
00:33:08 → 00:33:10 ถ้าเกิดว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเนี่ยบางที
00:33:10 → 00:33:13 เราก็ดูไม่ค่อยออกเหมือนกันนะคะแล้วเราก็
00:33:13 → 00:33:15 ป้องกันยากเหมือนที่กล่าวเนาะคะว่าพยา
00:33:15 → 00:33:18 ที่ิสภาพมันมีอยู่แล้วจะทำยังไงที่ที่เรา
00:33:18 → 00:33:21 จะไม่ให้มันกลืนได้แล้วก็มันมีของบางทีก็
00:33:21 → 00:33:23 ต้องขอบคุณนะที่เธอกลืนกันเพราะว่าถ้าเธอ
00:33:23 → 00:33:25 ไม่กลืนกันก็ไม่รู้นะว่าเป็นโรคเราก็ไม่
00:33:25 → 00:33:28 ได้รักษาให้ทันทใช่มคะบางทีมันจำเป็นต้อง
00:33:28 → 00:33:31 กลืนให้เรารู้แหละเราจะได้รักษาได้ใช่มคะ
00:33:31 → 00:33:34 แต่ในส่วนของกลุ่มใหญ่ของเราเลยคือส่วน
00:33:34 → 00:33:36 ใหญ่ของเด็กที่เป็นลำไส้กลืนกันที่ไม่ได้
00:33:36 → 00:33:39 มีพยาธิสภาพที่ต้องรักษาก็คือเป็นแค่
00:33:39 → 00:33:42 พยาธิสภาพของอ่าเนื้อเยืน้ำเหลืองที่ที่
00:33:42 → 00:33:45 นูนขึ้นนะค่ะอันนี้เราอาจจะไม่สามารถที่
00:33:45 → 00:33:48 จะป้องกันไม่ให้มันนู้นได้แต่สิ่งที่เรา
00:33:48 → 00:33:53 จะช่วยได้ก็คือว่าเราต้องทันค่ะรู้ทันโรค
00:33:53 → 00:33:55 ก็คือว่าเราต้องรู้ว่าอ๋ออันเนี้ยคือ
00:33:55 → 00:33:59 อาการไม่ปกตินะลูกป่วยนะต้องรีพามาตรวจ
00:33:59 → 00:34:02 เนาโดยที่เราสังเกตสอาการดังกล่าวใช่มคะ
00:34:02 → 00:34:04 ซึ่งทางโรงพยาบาลของเราค่ะก็ได้ทำแผ่นพับ
00:34:04 → 00:34:06 ให้ความรู้ส่วนนี้เหมือนกันนะคะเดี๋ยวเรา
00:34:06 → 00:34:09 จะให้ดูแผ่นพับกันค่ะก็จะแบบให้ความรู้
00:34:09 → 00:34:11 ว่าโรคนี้มันเกิดได้ยังไงนะคะแล้วก็รวม
00:34:11 → 00:34:14 ถึงอาการที่ต้องสังเกตค่ะว่าลูกจะเป็น 4
00:34:14 → 00:34:17 อาการนะคะที่เล่าให้ฟังเมื่อกี้ว่าน้อง
00:34:17 → 00:34:20 ปวดท้องน้องอาเจียน้องถ่ายเป็นเลือดอะไร
00:34:20 → 00:34:23 เงี้ยค่ะหรือว่าเราคำก้อนที่หน้าท้องแล้ว
00:34:23 → 00:34:26 พบว่ามีก้อนสะดุดมืออย่างเงี้นะคะก็เป็น 4
00:34:26 → 00:34:29 อาการที่ที่จะเป็นอันที่เป็นตัวทรายให้
00:34:29 → 00:34:33 เรารู้ว่าต้องรีบพาน้องมาตรวจนะคะและยัง
00:34:33 → 00:34:37 ไม่พอนะคะน้องที่เาเคยเป็นแล้วอ่ะค่ะเถ้า
00:34:37 → 00:34:41 ถ้าเกิดว่าเค้ายังอยู่ในช่วงอายุที่ว่านะ
00:34:41 → 00:34:45 คะ 3 เดือนถึง 3 ปีน้องเเป็นซ้ำได้นะคะอื
00:34:45 → 00:34:47 ค่ะโดยที่การเป็นซ้ำของน้องอ่ะเป็นได้
00:34:48 → 00:34:50 ทั้ง 2 กรณีเช่นเดิมเลยนะคะก็คือว่าเป็น
00:34:50 → 00:34:52 ซ้ำเพราะว่าเป็นเนื้อเยื่อน้ำเหลืองที่
00:34:52 → 00:34:55 นูนขึ้นหรือว่าที่เป็นซ้ำเพราะว่าพญาธิ
00:34:55 → 00:34:58 สภาพที่เป็นโรคที่ต้องรักษามันมีแต่ว่า
00:34:58 → 00:35:00 เรายังไม่ได้เอาเขาออกเขาก็เลยชวนกลืน
00:35:00 → 00:35:04 ใหม่ค่ะแต่ก็เป็นเรื่องที่โชคดีมากจริงๆ
00:35:04 → 00:35:07 เพราะว่าพยาธิสภาพของลูกอ่ะถ้าเป็นนเด็ก
00:35:07 → 00:35:10 ก็มักจะเป็นพยาธิสภาพที่ไม่ใช่เนื้อร้าย
00:35:10 → 00:35:13 ค่ะแต่ถ้าเป็นนผู้ใหญ่นะคะส่วนใหญ่แล้ว
00:35:13 → 00:35:15 ที่บอกว่าการรักษาไม่เหมือนกันที่เกริ่น
00:35:15 → 00:35:17 ไว้ในต้นรายการเนี่ยก็คือว่าถ้าเป็นผู้
00:35:17 → 00:35:20 ใหญ่มักจะเกิดจากเนื้อร้ายค่ะเพราะฉะนั้น
00:35:20 → 00:35:22 ถ้าเป็นลำไส้กลืนกันในผู้ใหญ่เรามักจะทำ
00:35:22 → 00:35:26 การผ่าตัดไปเลยโดยที่ไม่ต้องรักษาด้วย
00:35:26 → 00:35:28 วิธีการไม่ผ่าตัดเพราะว่าไม่ใช่เนื้อ
00:35:28 → 00:35:31 เยื่อน้ำเหลืองที่นูนแน่ๆเพราะว่าขนาดของ
00:35:31 → 00:35:35 ลำไส้ของผู้ใหญ่มันโตค่ะโอกาสที่จะสะดุด
00:35:35 → 00:35:37 จากแค่ต่อมน้ำเหลืองที่นูนนั้นเนื้อเยื่อ
00:35:37 → 00:35:39 น้ำเหลืองที่นูนนั้นน้อยมากค่ะเพราะฉนั้น
00:35:40 → 00:35:42 ในผู้ใหญ่ก็เลยจะมีการรักษาคนละรูปแบบกับ
00:35:42 → 00:35:46 เด็กนั่นเองค่ะดีเจออาจารย์ครับท้ายนี้
00:35:46 → 00:35:48 อาจารย์มีอะไรอยากจะฝากท่านผู้ชมที่รับชม
00:35:48 → 00:35:52 รายการนี้อยู่ไปถึงคุณพ่อคุณแม่ก็ดีนะฮะ
00:35:52 → 00:35:55 เรียนเชิญเลยครับผมค่ะขอบคุณค่ะก็อ่าวัน
00:35:55 → 00:35:57 นี้เราได้ได้มีความความรู้เกี่ยวกับ
00:35:57 → 00:36:00 เรื่องของลำไส้กลืนกันแล้วนะคะจริงๆเป็น
00:36:00 → 00:36:03 ภาวะที่ไม่ได้พบบ่อยค่ะแต่ว่าถ้าเจอแล้ว
00:36:03 → 00:36:06 เราพาลูกเรามารักษาค่ะก็จะลดอันตรายที่
00:36:06 → 00:36:09 เกิดจากลูกได้นะคะและสามารถรักษาได้ด้วย
00:36:09 → 00:36:12 วิธีไม่ผ่าตัดค่ะเพราะฉะนั้นถ้าเราสังเกต
00:36:12 → 00:36:15 ให้ดีเราพาลูกมาทำการรักษาเราก็จะทำให้
00:36:15 → 00:36:18 ลูกของเราปลอดภัยค่ะครับท่านผู้ชมครับวัน
00:36:18 → 00:36:22 นี้เวลากับรายการสุขภาพดีกับหมอสวนดอกนะ
00:36:22 → 00:36:25 ครับรองศาสตราจารย์ดรแพทยหญิงจิรพรโกนา
00:36:25 → 00:36:27 ท่านรองคณบดีและอาจารย์ประจำหน่วยกุมาร
00:36:27 → 00:36:30 สรศาสตร์ภาควิชาศัลยศาสตร์คณะแพทยศาสตร์
00:36:30 → 00:36:32 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มาพูดคุยให้ความ
00:36:32 → 00:36:35 รู้กับเราในเรื่องราวที่น่าสนใจลำไส้กลืน
00:36:35 → 00:36:39 กันอันตราย้าไม่รักษาอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
00:36:39 → 00:36:41 ทุกกระบวนการในวันนี้นะครับวันนี้ทางราย
00:36:41 → 00:36:42 การต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูง
00:36:42 → 00:36:45 นะครับที่ให้เกียรติกับทางรายการและหวัง
00:36:45 → 00:36:48 ว่าในโอกาสหน้าเรื่องราวต่างๆของลำไส้
00:36:48 → 00:36:50 เรื่องราวของศัลกรรมเกี่ยววกับเด็กน่าจะ
00:36:50 → 00:36:52 ได้มีโอกาสได้เรียนเชิญอาจารย์มาร่วมใน
00:36:52 → 00:36:54 รายการด้วยนะครับค่ะขอบคุณมากครับอาจารย์
00:36:54 → 00:36:56 ครับขอบคุณมากค่ะครับท่านผู้ชมครับวันนี้
00:36:56 → 00:36:58 นี้เวลากลับทางรายการสุขภาพดีกับหมอสวน
00:36:58 → 00:37:01 ดอกผมวิทยากรและทีมงานลาไปก่อนขอบคุณ
00:37:01 → 00:37:03 สำหรับการติดตามรับชมพบกันใหม่สัปดาห์
00:37:03 → 00:37:11 หน้าครับสวัสดี
00:37:11 → 00:37:21 [เพลง]
00:37:25 → 00:37:29 ครับ้า