00:00:00 → 00:00:03 เคยสังเกตตัวเองมมครับว่าเวลาที่ใครเคยไป
00:00:03 → 00:00:06 สปาหรือว่าไปร้านนวดหรือไปสถานที่ที่มัน
00:00:07 → 00:00:10 ชิลๆที่เราควรจะรู้สึกผ่อนคลายเนี่ยผู้
00:00:10 → 00:00:14 ประกอบการเนี่ยเขามักจะเปิดเสียงเพลงหรือ
00:00:14 → 00:00:17 ว่ามิวสิคบางอย่างที่มันทำให้เรารู้สึก
00:00:17 → 00:00:22 สบายรู้สึกรกนะครับหรือใครเคยมแบบว่าเฮ้ย
00:00:22 → 00:00:27 ตอนเนี้ยเรานอนไม่หลับเลยอ่ะแล้วก็ไปเปิด
00:00:27 → 00:00:29 ในพวกสมมิหรือว่าเปิดใน YouTube แล้วก็ไป
00:00:29 → 00:00:32 เจอคลิปที่บอกว่าเฮ้ยฟังเสียงแบบนี้สิ
00:00:32 → 00:00:35 แล้วมันจะทำให้คุณนอนหลับสนิทมากยิ่งขึ้น
00:00:35 → 00:00:37 หรือใครอยากจะอ่านหนังสือไม่มีสมาธิเลย
00:00:37 → 00:00:40 รู้สึว่าเฮ้ยเราอยากโฟกัสก็ไปเปิดดูตาม
00:00:40 → 00:00:43 สมมิก็จะเจอ Playlist อีกที่บอกว่าเปิด
00:00:43 → 00:00:45 มิวสิคแบบนี้แล้วเนี่ยมันทำให้สมองเรา
00:00:45 → 00:00:48 เนี่ยโฟกัสในการอ่านหนังสือหรือทำงานมาก
00:00:48 → 00:00:50 ยิ่งขึ้นแล้วเคยลองมยแล้วมันเวิร์คหรือ
00:00:50 → 00:00:53 เปล่านะครับจริงๆแล้วเรื่องของการใช้
00:00:53 → 00:00:57 เสียงในการจูนคลื่นสมองหรือทำให้เราร่าง
00:00:57 → 00:01:00 กายของเราหรือสมองเราเนี่ยอยู่ในภาวะใด
00:01:00 → 00:01:03 ภาวะนึงเนี่ยมันมีการศึกษาอย่างลึกซึ้ง
00:01:03 → 00:01:05 เลยนะครับแล้วเกิดเป็นศาสตร์ขึ้นมาด้วยนะ
00:01:05 → 00:01:07 ฮะงั้นเดี๋ยววันนี้ทปทูทจะมาแชร์เรื่อง
00:01:07 → 00:01:09 นี้ให้ฟังนะครับเกี่ยวกับ Brain Wave
00:01:09 → 00:01:12 คลื่นสมองว่าเราสามารถจะจูนสมองของเรา
00:01:12 → 00:01:16 หรือความรู้สึกสภาวะร่างกายของเราด้วย
00:01:16 → 00:01:18 เสียงได้ยังไงบ้างครับ This is the
00:01:18 → 00:01:21 Standard podcast Eye Opening for
00:01:21 → 00:01:22 your
00:01:22 → 00:01:26 ears Top tole podcast สุขภาพที่ใช้
00:01:26 → 00:01:31 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจดเท้า
00:01:31 → 00:01:33 อย่างแรกเลยเนี่ยต้องมาทำความรู้จักกับ
00:01:33 → 00:01:36 เจ้า Brain Wave หรือว่าคลื่นสมองกันซะ
00:01:36 → 00:01:38 ก่อนนะครับถ้าพูดถึงคลื่นสมองเนี่ยหลายคน
00:01:38 → 00:01:41 อาจจะไม่คุ้นเคยแต่ถ้าให้นึกถึงคลื่นหัว
00:01:41 → 00:01:43 ใจเนี่ยอาจจะคุ้นเคยมากกว่าเนาะเวลาที่
00:01:43 → 00:01:47 เราเห็นในละครหรือเข้าห้อง ICU เนี่ยแล้ว
00:01:47 → 00:01:49 มีอุปกรณ์มาติดตามตัวแล้ววัดชีพจรได้มัน
00:01:49 → 00:01:52 วิ่งออกมาเป็นคลื่นๆแบบนั้นถูกมั้ยครับ
00:01:52 → 00:01:55 เพราะมันวัดกระแสไฟฟ้าที่ทำให้หัวใจเนี่ย
00:01:55 → 00:01:58 มันเต้นตึ๊บๆๆสมองของเราเนี่ยครับเวลาที่
00:01:58 → 00:02:01 เซลล์สมองของมันทำงานนะครับหรือว่ามีการ
00:02:01 → 00:02:04 พูดคุยสื่อสารสั่งงานกันเนี่ยมันใช้กระแส
00:02:04 → 00:02:08 ไฟฟ้าเช่นกันนะครับมีการไฟลกระแสไฟฟ้าไป
00:02:08 → 00:02:10 หรเรียกว่า Impulse เกิดขึ้นนะครับเพราะ
00:02:10 → 00:02:13 ฉะนั้นสมองเนี่ยมันมีคลื่นกระแสไฟฟ้าเต็ม
00:02:13 → 00:02:15 ไปหมดเลยนะครับแล้วนักวิทยาศาสตร์ด้าน
00:02:15 → 00:02:18 สมองหรือว่า neuroscientist หรือคุณหมอ
00:02:18 → 00:02:20 ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองเนี่ยครับ
00:02:20 → 00:02:23 เค้าก็มีอุปกรณ์ที่เคยเห็นมคล้ายๆกับหมวก
00:02:23 → 00:02:26 เนี่ยไปสวมไว้ที่กะโหลกศีรษะของเราเนี่ย
00:02:26 → 00:02:29 หุ้มเอาไว้เลยนะครับและไอ้โตอุปกรณ์ชิ้น
00:02:29 → 00:02:31 นั้นเนี่ยก็จะมีมีแผ่นคล้ายๆกับขั้วเหล็ก
00:02:31 → 00:02:34 เป็นขั้วไฟฟ้านะเเรียกว่าอิเล็กโทรดเนี่ย
00:02:34 → 00:02:37 แปะไว้เต็มเลยนะครับไอ้เจ้าอิเล็กโทรด
00:02:37 → 00:02:39 เนี่ยครับที่แปะไว้ตามส่วนต่างๆของกะโหลก
00:02:40 → 00:02:42 ศีรษะเราเนี่ยมันสามารถที่จะวัดได้ครับ
00:02:43 → 00:02:46 ว่าไอ้ภายในที่อยู่ในสมองของเราเนี่ยมัน
00:02:46 → 00:02:49 ส่งกระแสไฟฟ้ายังไงสมองเราเนี่ยมันแคีแค่
00:02:49 → 00:02:52 ไหนหรือว่ามันอยู่ในภาวะที่ผ่อนคลายแค่
00:02:52 → 00:02:54 ไหนนะครับเพราะว่าส่วนสมองชั้นนอกนะครับ
00:02:54 → 00:02:56 คือส่วนที่เป็น cerebral cortex นะครับ
00:02:57 → 00:02:59 คือส่วนที่เ่อเวลาเราเห็นภาพสมองเนี่ยจะ
00:02:59 → 00:03:01 เห็นเป็นลรอยอยากเยอะๆใช่มยส่วนตรงเนี้ย
00:03:01 → 00:03:04 ครับทั้งหมดเนี่ยโหโคตรจะสำคัญเลยครับทุก
00:03:04 → 00:03:05 คนเพราะว่ามันทำหน้าที่หลายอย่างเนาะไม่
00:03:05 → 00:03:08 ว่าจะเป็นเรื่องของความคิดความจำการเรียน
00:03:08 → 00:03:11 รู้การตัดสินใจการแก้ปัญหาการควบคุม
00:03:11 → 00:03:14 อารมณ์การรับรู้เซ้นไม่ว่าการฟังการพูด
00:03:14 → 00:03:16 ทั้งหมดเนี้ยไอ้เจ้าอุปกรณ์ตัวเนี้ยมัน
00:03:16 → 00:03:19 สามารถที่จะ detect ได้เลยว่าเฮ้ยส่วนไหน
00:03:19 → 00:03:22 มันกำลัง Active หรือว่าตอนนี้มันไม่ค่อย
00:03:22 → 00:03:24 ได้ทำงานมันกำลังพักผ่อนอยู่นะด้วย
00:03:24 → 00:03:26 อุปกรณ์ตัวนี้ครับอุปกรณ์ตัวนี้มันมีชื่อ
00:03:26 → 00:03:29 ด้วยนะครับเรียกว่า eeg นะครับหรือว่า
00:03:29 → 00:03:30 อิเลก
00:03:30 → 00:03:33 enal นะครับคือเมื่อใส่เข้าไปแล้วเนี่ย
00:03:33 → 00:03:36 สามารถจะวัดคลื่นสมองของเราได้ครับทีนี้
00:03:36 → 00:03:38 คลื่นสมองอ่ะที่วัดได้มาแล้วที่เป็นเส้นๆ
00:03:38 → 00:03:41 ขีดๆเป็นหยักๆเนี่ยครับได้มาแล้วะเขาก็
00:03:41 → 00:03:44 สามารถจะแปลความได้ครับเพราะคลื่นสมอง
00:03:44 → 00:03:47 เนี่ยมันสามารถแบ่งได้หลายกลุ่มตามความ
00:03:47 → 00:03:51 เร็วของคลื่นหรือว่าความถี่ของคลื่นนั่น
00:03:51 → 00:03:53 เองนะครับนี้ขออธิบายเรื่องคลื่นนิดนึง
00:03:54 → 00:03:56 มันเป็นฟิสิกส์นะหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคย
00:03:56 → 00:03:58 อยากให้ทุกคนนึกภาพตามอย่างนี้เวลาที่เรา
00:03:58 → 00:04:01 ไปเที่ยวทะเลไปยืนอยู่ในน้ำทะเลตรงที่
00:04:01 → 00:04:03 ตื้นๆเนี่ยครับสักพักเนี่ยก็จะมีคลื่น
00:04:03 → 00:04:05 ทะเลพัดเข้ามากระแทกตัวเราถูกมั้ยตัวเรา
00:04:05 → 00:04:10 ก็จะขยับขยับตามคลื่นที่มากระแทกตัวเรานะ
00:04:10 → 00:04:12 ครับถ้าเรายืนอยู่แล้วคลื่นมันค่อนข้าง
00:04:12 → 00:04:17 ช้าหรือมาไม่ถี่เนี่ยครับนานๆมันจะวิ่งมา
00:04:17 → 00:04:20 กระทบตัวเรานานๆจะวิ่งมากระทบตัวเรานั่น
00:04:20 → 00:04:22 คือคลื่นที่ช้าหรือว่าไม่ถี่นะครับแต่ถ้า
00:04:22 → 00:04:25 เกิดว่าเราเล่นน้ำพเลยแล้วเฮ้ยโอโหอีก
00:04:25 → 00:04:27 แป๊บนึงคลื่นมันก็ชนเราแล้วชนเราอแล้วชน
00:04:28 → 00:04:30 เราอีกแล้วนั่นคือคลื่นเนี่ยมันวิ่งมา
00:04:30 → 00:04:33 เร็วมากหรือคลื่นมันมีความถี่มากนั่นเอง
00:04:33 → 00:04:36 นะครับเพราะฉะนั้นไอ้เจ้าคลื่นที่วัดได้
00:04:36 → 00:04:38 จากไอ้อุปกรณ์ eeg เครับมันก็จะเป็นคลื่น
00:04:38 → 00:04:42 ที่มีความถี่แตกต่างกันยิ่งคลื่นที่ช้า
00:04:42 → 00:04:45 มันก็จะเป็นลักษณะแบบนี้นะครับกว้างๆช้าๆ
00:04:45 → 00:04:47 แต่ถ้าคลื่นที่มาเร็วเนี่ยมันก็จะวิ่ง
00:04:47 → 00:04:49 ความถี่อุ๊ยถี่เป็นฟันปลาถี่เลยนะครับนี่
00:04:49 → 00:04:51 ก็จะเป็นคลื่นที่ถี่นั่นเองเลยแบ่งได้ 5
00:04:51 → 00:04:54 แบบครับ 5 แบบมีอะไรบ้างเรียนรู้จากชื่อ
00:04:54 → 00:04:56 มันไว้สักหน่อยแล้วกันนะครับไม่ต้องจำ
00:04:56 → 00:04:58 หรอกถ้าเกิดคุณอยากจะรู้เนี่ยเปิดใน
00:04:58 → 00:05:00 เสิร์ช Engine พทิมคำว่า Brain Wave
00:05:00 → 00:05:03 เนี่ยมันจะขึ้นมาเลยว่า 5 แบบแต่ละแบบ
00:05:03 → 00:05:05 ชื่ออะไรนะครับเริ่มที่แบบแรกนะครับมัน
00:05:05 → 00:05:08 ชื่อว่า Delta Wave ครับเป็นคลื่นสมอง
00:05:08 → 00:05:12 ที่ช้าที่สุดหรือว่าถี่น้อยที่สุดนั่นเอง
00:05:12 → 00:05:15 นะครับความถี่ของมันเนี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 4
00:05:15 → 00:05:18 hz นะครับความถี่เนี่ยทางฟิสิกส์เนี่ย
00:05:18 → 00:05:20 มันวัดเป็นหน่วยเฮิตนะครับ 4 hz หมาย
00:05:20 → 00:05:24 ความว่ามันวิ่งที่ 4 รอบต่อวินาทีครับก็
00:05:24 → 00:05:27 คือค่อนข้างช้าแล้วนะครับถามว่าสมองส่วน
00:05:27 → 00:05:30 ใหญ่เนี่ยถ้าวัดแล้วมันจะมีคลื่นแบบ Delta
00:05:30 → 00:05:34 ตอนไหนคือตอนที่เรานอนหลับสนิทนั่นเองนะ
00:05:34 → 00:05:38 ครับคือหลับลึกเลยนะฮสมองเรามักจะทำงาน
00:05:38 → 00:05:42 แบบ Delta Wave คือคลื่นจะช้าๆนะครับ
00:05:42 → 00:05:44 เพราะงั้นช่วงที่เราหลับลึกเป็นช่วงที่
00:05:44 → 00:05:47 สมองแบบพักผ่อนตัดทุกอย่างจากโลกภายนอก
00:05:47 → 00:05:49 เนี่ยจะเป็น Delta Wave ครับคลื่นตัวที่
00:05:49 → 00:05:52 2 นะครับชื่อว่า tet Wave ครับเจ้า tet
00:05:52 → 00:05:53 Wave เนี่ยครับมันก็จะเป็นคลื่นที่มี
00:05:53 → 00:05:56 ความเร็วเพิ่มขึ้นมาหน่อยก็เรียกว่ายัง
00:05:56 → 00:05:58 slow อยู่นะครับแต่ว่า slow น้อยกว่า
00:05:58 → 00:06:02 Delta นะครับความถี่อยู่ที่ 4-8 เฮซครับ
00:06:02 → 00:06:05 ถามว่าสมองของเราเนี่ยจะโชว์ความเป็น้า
00:06:05 → 00:06:09 Wave ตอนไหนตอนที่เรารู้สึกสลึมสะลือ
00:06:09 → 00:06:11 กึ่งหลับกึ่งตื่นหรือว่าช่วงที่เรากำลัง
00:06:11 → 00:06:14 หลับฝันนั่นเองนะครับช่วงนี้เป็นช่วงที่
00:06:14 → 00:06:16 สมองของเราเนี่ยก็อาจจะใช้ความคิดสร้าง
00:06:16 → 00:06:18 สรรค์เยอะเพราะช่วงหลับฝันนี้เราก็จะ
00:06:18 → 00:06:21 จินตนาการเยอะนะครับแล้วก็เป็นช่วงที่จัด
00:06:21 → 00:06:24 เก็บ memmory หรือว่าความทรงจำที่เป็น
00:06:24 → 00:06:26 long ter memmory ด้วยนะครับก็จะทำงาน
00:06:27 → 00:06:31 อยู่ในช่วง T Wave ที่ความท 4-8 hz
00:06:31 → 00:06:34 ครับทีนี้มาอีก Wave นึงนะครับมันมีชื่อ
00:06:34 → 00:06:36 ว่า Alpha Wave ครับ Alpha Wave ก็จะ
00:06:36 → 00:06:39 เริ่มเร็วขึ้นนะครับหรือว่าถี่มากขึ้น
00:06:39 → 00:06:42 ความถี่อยู่ที่ 8-12 hz ครับสมองของเรา
00:06:42 → 00:06:46 จะอยู่ในสภาวะที่เป็น Alpha Wave ตอนที่
00:06:46 → 00:06:50 ร่างกายของเราเนี่ยรู้สึกผ่อนคลายรู้สึก
00:06:50 → 00:06:54 รกสบายๆคือเราอาจจะไม่ได้ง่วงหงาวหาวนอน
00:06:54 → 00:06:56 แล้วก็ไม่ได้หลับไปเลยนะครับแต่รู้สึกแบบ
00:06:56 → 00:06:59 อยู่ในคำว่าชิลๆครับซึ่งถ้าใครใครที่นั่ง
00:06:59 → 00:07:02 สมาธิช่วงที่จิตใจเราสงบเนี่ยครับสมองจะ
00:07:03 → 00:07:05 อยู่ในช่วง Alpha Wave นั่นเองนะครับเวฟ
00:07:05 → 00:07:08 แบบที่ 4 นะครับชื่อว่าเ B Wave ช่วง
00:07:08 → 00:07:11 เนี้ยคลื่นสมองจะอยู่ที่ความถี่
00:07:11 → 00:07:14 13-30 hz นะครับต้องบอกว่าเวลาที่เรา
00:07:14 → 00:07:17 ใช้ชีวิตประจำวันของเราตอนที่เราตื่นครับ
00:07:17 → 00:07:20 สมองจะอยู่ในช่วงเต้า Wave ซะส่วนใหญ่คือ
00:07:20 → 00:07:22 เป็นช่วงที่สมองเนี่ยจะ Alert ตลอดเวลา
00:07:22 → 00:07:24 ต้องตื่นตัวตลอดเวลาเพราะว่าเฮ้ยเราออก
00:07:24 → 00:07:26 จากบ้านเราต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัยเนาะ
00:07:26 → 00:07:30 เพราะงั้นจะขับรถจะคิดเอ๊ะวันนี้จะกิน
00:07:30 → 00:07:32 อะไรดีเอ๊ะเดี๋ยววันนี้เราจ่ายตังค์ค่า
00:07:32 → 00:07:34 นู่นค่านี่หรือยังเอ๊เราไม่มีเงินเลยแล้ว
00:07:34 → 00:07:36 จะเอาอะไรกินวะเนี่ยหรือว่าเย็นนี้จะไป
00:07:36 → 00:07:39 ออกกำลังกายที่ไหนดีจะไปกินข้าวกับเพื่อน
00:07:39 → 00:07:42 ร้านไหนดีทั้งหมดเฮอยู่ในช่วง B aave
00:07:42 → 00:07:45 เป็นช่วงที่สมองของเราตื่นตัวแล้วก็ใช้
00:07:45 → 00:07:48 ชีวิตประจำวันปกตินะครับสุดท้ายครับเน
00:07:48 → 00:07:51 Wave แบบที่ 5 นะครับชื่อว่า gamma Wave
00:07:51 → 00:07:53 นะครับความถี่จะสูงที่สุดเลยก็คือเกิน 30
00:07:53 → 00:07:57 เฮซก็จะอยู่ที่ประมาณ 30-1 เฮซครับเป็น
00:07:57 → 00:08:00 ช่วงที่สมองของเราเนี่ยครับครับจะต้อง
00:08:00 → 00:08:04 โฟกัสจดจ่อกับการทำอะไรสักอย่างนึงเช่น
00:08:04 → 00:08:07 เรากำลังแบบอ่านหนังสือหรือกำลังทำงาน
00:08:07 → 00:08:11 ตั้งใจเนี่ยครับโฟกัสมากๆสมองจะ exhibit
00:08:11 → 00:08:13 คลื่นที่เป็น gamma Wave ซะส่วนใหญ่นะ
00:08:13 → 00:08:15 ครับเต้าเนี่ยมันกระจัดกระจายเนาะคือเรา
00:08:16 → 00:08:17 ต้อง Alert ตลอดเวลาแต่มันไม่ได้โฟกัสแต่
00:08:17 → 00:08:20 เมื่อไหร่ก็ตามที่เราโฟกัสมากๆจะขยับมา
00:08:20 → 00:08:22 เป็น gamma Wave นะครับทั้งหมดนั้นคือ 5
00:08:22 → 00:08:28 คลื่นเนา Delta ีแ่าเบต้า gamma ชื่อยาก
00:08:28 → 00:08:31 มากเลยเป็นชื่อภาษากรีกอักษรกรีกนะครับ
00:08:31 → 00:08:33 ไม่ต้องจำถ้าอยากรู้เนี่ยพิมพ์เสิร์ชเอา
00:08:33 → 00:08:36 Brain Wave มันจะขึ้นมาหมดนะครับแต่ถ้า
00:08:36 → 00:08:39 จะให้ง่ายผมอยากจะเปรียบเทียบ Brain Wave
00:08:39 → 00:08:41 เป็นเหมือนกับพัดลมครับสมองของเราเหมือน
00:08:41 → 00:08:43 พัดลมเลยครับมีทั้งหมด 5 เบอร์เบอร์ 1
00:08:43 → 00:08:45 เบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4 เบอร์ 5 ครับ
00:08:45 → 00:08:48 เบอร์ 1 ก็คือพัดลมเบอร์ต่ำๆนะครับก็เป็น
00:08:48 → 00:08:52 ช่วงที่หลับลึกสมองแบบเปิดลมแบบเบาๆเย็นๆ
00:08:52 → 00:08:56 สบายๆลมไม่แรงหลับลึกแบบที่ 2 หลับฝัน
00:08:56 → 00:09:00 หรือสลึมสะลือเนาะเบอร์ 3 ก็คือมีสมาธิ
00:09:00 → 00:09:03 ร่างกายรู้สึกชิลๆผ่อนคลายรีกเบอร์ 4
00:09:03 → 00:09:06 จังหวะ Alert ก็คือใช้ชีวิตประจำวันปกติ
00:09:06 → 00:09:09 เบอร์ 5 คือพัดลมเบอร์ 5 เนี่ยสมองแบบ
00:09:09 → 00:09:12 โฟกัสกำลังใช้สมองอย่างเต็มที่ในการทำงาน
00:09:12 → 00:09:15 อะไรสักอย่างนึงนั่นคือ Brain Wave ครับ
00:09:15 → 00:09:18 มีทั้งหมด 5 เบอร์ถ้าอยากจะจำจำเป็นเบอร์
00:09:18 → 00:09:20 แบบนี้ก็พอนะครับทีนี้ถามว่าทำไมต้องเล่า
00:09:20 → 00:09:23 ถึง Brain Wave เพราะเดี๋ยวมันจะมีผลใน
00:09:23 → 00:09:26 การจูนสมองของเราครับว่าอืมถ้าเราอยากให้
00:09:26 → 00:09:28 สมองเราเนี่ยมันอยู่ในคลื่นไหนมากกว่า
00:09:28 → 00:09:31 เนี่ยเราเราก็ต้องพยายามเอาตัวเราเนี่ย
00:09:31 → 00:09:33 เข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือนำสิ่ง
00:09:33 → 00:09:37 กระตุ้นเข้ามาที่อยู่ในคลื่นคล้ายๆกับ
00:09:37 → 00:09:39 ช่วงนั้นเพราะมันสามารถที่จะทำให้สมองของ
00:09:39 → 00:09:43 เราเนี่ยมันซิงแล้วก็กลายเป็นปล่อยคลื่น
00:09:43 → 00:09:45 สมองอยู่ในช่วงนั้นได้แลทำให้ร่างกายเรา
00:09:45 → 00:09:48 เนี่ยเข้าสู่สภาวะใดสภาวะหนึ่งที่เรา
00:09:48 → 00:09:50 ต้องการได้นะครับพอเเริ่มเข้าใจเนเว่า
00:09:50 → 00:09:54 สมองเรามี 5 สถานะแล้วะกันนะครับเป็น 5
00:09:54 → 00:09:57 เบอรเนาะทีนี้เราจะมาดูว่าจากความเข้าใจ
00:09:57 → 00:09:59 เนี้ยเราจะมาใช้ประโยชน์มันได้ยังไงบ้าง
00:09:59 → 00:10:02 นะครับในต่างประเทศนะครับมีคนที่เขาศึกษา
00:10:02 → 00:10:04 เรื่องเนี้ยเป็นศาสตร์แล้วก็เรียกว่า
00:10:04 → 00:10:06 พัฒนาออกมาเป็นธุรกิจเป็นเปี่เลยนะครับ
00:10:06 → 00:10:09 เรียกว่า brainwave entrainment ก็คือ
00:10:09 → 00:10:12 ว่าหลักการของมันคือเราสามารถที่จะจูน
00:10:12 → 00:10:15 คลื่นสมองของเราให้มันไปอยู่ในระดับที่
00:10:15 → 00:10:19 เราต้องการนะครับเช่นสมมุติว่าโอโหเราใช้
00:10:19 → 00:10:22 ชีวิตมาทั้งวันทำงานเนี่ยร่างกายมัน
00:10:22 → 00:10:24 เหนื่อยล้าร่างกายมันแบบได้รับข้อมูลเยอะ
00:10:24 → 00:10:27 มากเรารู้สึกเหนื่อยใจอ่ะแล้วเรารู้สึก
00:10:27 → 00:10:29 อยากจะให้ร่างกายเรารู้สึกสงบนิ่งมากยิ่ง
00:10:29 → 00:10:32 ขึ้นชีวิตเป็นเบอร์ 4 ทั้งวันเลยแต่เรา
00:10:32 → 00:10:34 อยากให้ร่างกายเนี่ยเข้าสู่โหมดเบอร์ 3
00:10:34 → 00:10:37 ก็คือโหมดที่เรารู้สึกรีกมากยิ่งขึ้นถ้า
00:10:38 → 00:10:40 สำหรับชาวพุทธในการนั่งสมาธิหรือใครแบบ
00:10:40 → 00:10:43 เป็นสายนั่งสมาธิวิปัสสนาเนี่ยก็จะไม่ยาก
00:10:43 → 00:10:46 นะครับถ้าคุณกลับมานั่งสมาธิปึ๊บจากสมอง
00:10:46 → 00:10:48 ที่มันว้าวุ่นเป็นเบอร์ 4 เนี่ยเรากำหนด
00:10:48 → 00:10:51 ลมหายใจปึ๊บเราเริ่มมีสมาธิเนี่ยร่างกาย
00:10:51 → 00:10:54 เราสงบลงแล้วก็เข้าไปเป็นเบอร์ 3 ได้เนาะ
00:10:54 → 00:10:57 ก็รู้สึกร่างกายจะผ่อนคลายะแต่บางทีเนี่ย
00:10:57 → 00:10:59 คนทั่วไปคนวัยรุ่นคนสมัยใหม่ที่อาจจะแบบ
00:10:59 → 00:11:02 โอ้โหอาจจะไม่สะดวกนั่งสมาธินะหาตัวช่วย
00:11:02 → 00:11:04 ครับเจ้า Brain Wave entrainment เนี่ย
00:11:04 → 00:11:08 เป็นเปี่นึงที่สามารถที่จะช่วยได้คือเขา
00:11:08 → 00:11:12 จะเอาสิ่งเร้าภายนอกนะครับซึ่งต้องเป็น
00:11:12 → 00:11:14 คลื่นนะครับในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอาจจะ
00:11:14 → 00:11:18 เป็นเสียงอาจจะเป็นแสงอาจจะเป็นคลื่นแม่
00:11:18 → 00:11:22 เหล็กไฟฟ้าก็ได้นะครับเอามาอยู่ใกล้กับ
00:11:22 → 00:11:25 ตัวเราแล้วคลื่นนั้นเนี่ยจะต้องส่งที่
00:11:25 → 00:11:29 ความถี่อยู่ใน Range ที่ตกอยู่ในช่วงใด
00:11:29 → 00:11:31 ช่วง1ึใน 5 ช่วงนะครับถ้าเราอยากจะให้
00:11:31 → 00:11:33 สมองเราอยู่ในช่วงเบอร์ 3 คือช่วง Alpha
00:11:33 → 00:11:37 Wave เค้าก็จะเปิดเสียงที่สามารถที่
00:11:37 → 00:11:40 generate คลื่นที่อยู่ในช่วง Alpha Wave
00:11:40 → 00:11:44 แล้วก็เราฟังไปอาจจะสัก 15-20 นาทีนะครับ
00:11:44 → 00:11:47 ขณะที่สมองของเราเนี่ยได้รับคลื่นในช่วง
00:11:47 → 00:11:49 Alpha Wave เนี่ยครับสิ่งที่เกิดขึ้น
00:11:50 → 00:11:53 คือสมองมันจะซิงกับคลื่นเสียงที่เราได้
00:11:53 → 00:11:57 ยินแล้วมันจะค่อยๆจูนตัวเองปรับ activity
00:11:57 → 00:12:00 ของตัวเองนะครับจนคลื่นสมองเนี่ยตกอยู่ใน
00:12:00 → 00:12:03 ช่วง Alpha Wave เหมือนกับสะกดจิตอ่ะ
00:12:03 → 00:12:06 ครับสามารถจะจูนได้ผ่านเสียงนะครับซึ่ง
00:12:06 → 00:12:08 เสียงเนี้ยอย่าเพิ่งสับสนนะมันไม่ใช่
00:12:08 → 00:12:10 เหมือนกับเสียงเพลงที่เราฟังปกตินะจะเป็น
00:12:10 → 00:12:12 เสียงที่มี frequency หรือความถี่ตกอยู่
00:12:12 → 00:12:14 ในช่วง Range นั้นเท่านั้นนะครับถ้าอย่าง
00:12:14 → 00:12:15 ถ้าเกิดว่าอยากให้ตกอยู่ในช่วงที่เป็น
00:12:15 → 00:12:17 Alpha Wave เนี่ยก็ต้องมีความถี่อยู่
00:12:17 → 00:12:20 ที่ 8-12 hz เป็นต้นนะครับไอ้เจ้า Brain
00:12:20 → 00:12:22 Wave entrainment therapy นะครับมี
00:12:22 → 00:12:24 เป็นร่ำเป็นสันเลยนะครับในฝั่งอเมริกา
00:12:24 → 00:12:27 หรือฝั่งยุโรปนะครับวิธีการก็อย่างบอกไป
00:12:27 → 00:12:29 แล้วคือเา้าจะมีเสียงเพลงมาเนาะในการส่วน
00:12:29 → 00:12:32 ใหญ่เนี่ยก็จะเป็นการทำให้คนที่จิตใจว้า
00:12:32 → 00:12:34 วุ่นที่อยู่ในเบอร์ 4 เนี่ยที่มาอยู่ใน B
00:12:34 → 00:12:37 Wave เนี่ยกลับเข้ามาอยู่ในช่วง Alfa
00:12:37 → 00:12:39 Wave คือเบอร์ 3 ร่างกายจะสงบขึ้นหรือ
00:12:40 → 00:12:43 เทรนให้เข้าไปอยู่ในเบอร์ 2 ก็คือ teta
00:12:43 → 00:12:46 Wave คือทำให้คนๆนั้นเนี่ยหลับง่ายขึ้น
00:12:46 → 00:12:50 รู้สึกง่วงขึ้นหรือเข้าสู่สมาธิหรือ
00:12:50 → 00:12:53 ภวังค์ขั้นสุดก็ได้นะครับหรือจะเปิดให้คน
00:12:53 → 00:12:56 ฟังคนที่มีปัญหานอไม่หลับเนี่ยก็จะเปิด
00:12:56 → 00:12:59 Wave ที่มีความเป็น Delta Wave ก็คือ
00:12:59 → 00:13:01 คลื่นความถี่ต่ำมากๆเพื่อทำให้คนๆนั้น
00:13:01 → 00:13:04 เนี่ยสามารถที่จะหลับลึกได้มากยิ่งขึ้น
00:13:05 → 00:13:08 ตลอดคืนนะครับซึ่งช่วยในการเปี่ของคนที่
00:13:08 → 00:13:10 เป็นออมเนียหรือว่านอนไม่หลับนะครับหรือ
00:13:10 → 00:13:14 ก็มีบริการที่เฮ้ยอยากจะฝึกให้เป็นคนที่
00:13:14 → 00:13:17 สามารถที่มีโฟกัสดีมากขึ้นแล้วว่ามีความ
00:13:17 → 00:13:19 สามารถในการเรียนอะไรได้ดีมากยิ่งขึ้นก็
00:13:19 → 00:13:22 จะเทรนสมองนะครับด้วยการเปิดคลื่นที่เป็น
00:13:22 → 00:13:25 gamma Wave ให้ฟังเรื่อยๆๆๆทุกวันทุก
00:13:25 → 00:13:28 วันวันลา 15-20 นาทีนะครับทำต่อไปไป
00:13:28 → 00:13:31 เรื่อยๆปึ๊บเค้าก็จะเจอว่าคลื่นสมองเรา
00:13:31 → 00:13:33 เนี่ยก็จะมีแนวโน้มหรือ tendency ที่จะไป
00:13:33 → 00:13:37 อยู่ในคลื่นใดคลื่นหนึ่งที่ตอบโจทย์ร่าง
00:13:37 → 00:13:39 กายของคุณนะครับไม่ว่าคุณอยากจะรีกหรือ
00:13:39 → 00:13:41 คุณอยากจะนอนหลับสนิทหรือคุณอยากจะโฟกัส
00:13:41 → 00:13:43 นั่นเองครับในเมืองไทยเนี่ยผมอาจจะยังไม่
00:13:43 → 00:13:47 ค่อยเห็นบริษัทที่ทำด้านนี้โดยเฉพาะนะ
00:13:47 → 00:13:48 ครับเพราะว่ามันต้องอาศัย expertise แล้ว
00:13:48 → 00:13:50 ก็ความเชี่ยวชาญเมืองนอกเนี่ยจะมีค่อน
00:13:50 → 00:13:53 ข้างเยอะนะครับแต่เราสามารถที่จะเข้าไปดู
00:13:53 → 00:13:56 แล้วก็ Subscribe เว็บไซต์หรือว่าบริการ
00:13:56 → 00:13:58 ต่างๆได้นะครับซึ่งถ้าเกิดเรา Subscribe
00:13:58 → 00:14:00 เนี่ยมันก็จะจะทำให้เรา access เข้าไปถึง
00:14:00 → 00:14:02 ไอ้เจ้าคลื่นเสียงแบบนั้นแล้วสามารถที่จะ
00:14:02 → 00:14:04 เปิดฟังได้นะครับต้องบอกว่าคลื่นเหล่า
00:14:04 → 00:14:06 เนี้ยมันไม่ได้เป็นทั่วไปเนาะมันต้อง
00:14:06 → 00:14:09 พัฒนาขึ้นมาขอพูดถึงคลื่นที่เขาพัฒนาขึ้น
00:14:09 → 00:14:10 มาแล้วะกันนิดนึงนะครับมันจะมีคีย์เวิร์ด
00:14:11 → 00:14:13 อยู่ 2 ตัวว่าเสียงเี่มันไม่ใช่เสียงทั่ว
00:14:13 → 00:14:15 ไปนะครับเป็นเสียงที่ต้องต้องพัฒนาขึ้นนะ
00:14:15 → 00:14:19 ครับตัวแรกมันจะชื่อว่า boral Beats นะ
00:14:19 → 00:14:22 ครับวิธีการคือเา้าจะให้เราฟัง
00:14:22 → 00:14:26 เสียงจากหู 2 ข้างซ้ายขวาเนี่ยที่คนละ
00:14:26 → 00:14:30 คลื่นความถี่นะครับสมมุติว่าหูซ้ายเราฟัง
00:14:30 → 00:14:34 เสียงที่ความถี่ 200 เฮซหูขวาเราฟังที่
00:14:34 → 00:14:39 ความถี่ 205 เฮซมีความต่างกันอยู่ 5 hz
00:14:39 → 00:14:42 ถูกมยครับถ้าเราฟังเสียงแบบนั้นปึ๊บสมอง
00:14:42 → 00:14:44 ของเราเนี่ยแทนที่มันจะเซ้น 200 หรือมัน
00:14:44 → 00:14:48 จะเซ้น 205 มันจะไม่เซ้นแบบนั้นมันจะเซ้น
00:14:48 → 00:14:52 ความต่างของความถี่ซึ่งก็คือ 5 hz สมอง
00:14:52 → 00:14:54 เหมือนจะได้ยิน 5 hz อยู่ตลอดเวลาและมัน
00:14:54 → 00:14:57 จะซิงกับ 5 hz ซึ่งมันจะตรงกับพัดลม
00:14:57 → 00:15:00 เบอร์ 2 หรือว่า tet Wave ที่ทำให้เรา
00:15:00 → 00:15:03 รู้สึกสลึมสะลือใกล้จะนอนหลับนั่นเองนะ
00:15:03 → 00:15:06 ครับเสียงแบบเนี้ยเรียกว่า boral Beat
00:15:06 → 00:15:09 คุณสามารถใช้คำเนี้ยลองไปเสิร์ชได้นะครับ
00:15:09 → 00:15:11 ว่าเสียงแบบ boral Beats แต่วิธีการที่
00:15:11 → 00:15:14 จะฟังเสียงแบบเนี้ยมันต้องใช้หู 2 ข้าง
00:15:14 → 00:15:17 นั่นหมายความว่าต้องใช้ระบบสเตริโอในการ
00:15:17 → 00:15:20 ฟังนะครับใช้สเกอร์ที่เป็นลำโพงไม่ได้
00:15:20 → 00:15:22 ต้องใช้หูฟังสเตริโอเท่านั้นในการฟัง
00:15:22 → 00:15:25 เสียงประเภทนี้แต่ต้องบอกว่าการจูนสมอง
00:15:25 → 00:15:28 ด้วยวิธีการฟัง boral Beats เนี่ยนะครับ
00:15:28 → 00:15:30 มันเป็นวิธีที่มีการศึกษาค่อนข้างเยอะ
00:15:30 → 00:15:33 แล้วก็มีการเจอว่าได้ผลค่อนข้างเยอะกว่า
00:15:33 → 00:15:35 แบบอื่นนะครับแต่มันอาจจะไม่สะดวกอยู่
00:15:35 → 00:15:37 บ้างเพราะฉะนั้นมันก็จะมีเสียงแบบอื่นยก
00:15:37 → 00:15:41 ตัวอย่างเช่นไซคิโทนนะครับไซคิโทนเสียง
00:15:41 → 00:15:43 แบบเนี้ยมันจะเป็นเสียงโทนเดียวเลยแต่มัน
00:15:43 → 00:15:46 จะถูกพัฒนาให้มัน on and Off ก็คือดัง
00:15:46 → 00:15:49 กับเบาที่ความถี่ใดความถี่นึงที่มันซิง
00:15:50 → 00:15:53 กับสมองครับซึ่งอันเนี้ยมันสามารถใช้สอร์
00:15:53 → 00:15:56 ได้แต่ปัญหาของเสียงประเภทเนี้ยคือบางที
00:15:56 → 00:15:58 อ่ะเราไม่ได้ยินสมองของเราเนี่ยครับครับ
00:15:58 → 00:16:01 ต้องบอกว่าหูของเราเครับถูกพัฒนามาให้เรา
00:16:01 → 00:16:04 ได้ยินคลื่นเสียงที่ 20 เฮิตไปจนถึง
00:16:04 → 00:16:06 20,000 เฮซแต่เสียงที่ต่ำกว่า 20 hz
00:16:06 → 00:16:09 เนี่ยหูแล้วมันมักจะไม่ค่อยได้ยินนะครับ
00:16:09 → 00:16:12 ซึ่งความถี่สมองส่วนใหญ่ชิ่งช่วงความถี่
00:16:12 → 00:16:14 ต่ำเนี่ยมันดันต่ำกว่า 20 hz เพราะ
00:16:14 → 00:16:17 ฉะนั้นเสียงแบบเนี้ยบางทีเราเปิดเฮ้ยนี่
00:16:17 → 00:16:20 ฉันเปิดแล้วหรอวะไม่ได้ยินนะครับบางทีเรา
00:16:20 → 00:16:22 อาจจะรู้สึกว่าแบบมันดูไม่ค่อยเวิร์ค
00:16:22 → 00:16:24 เพราะมันแบบดู Counter intuitive กับ
00:16:24 → 00:16:26 ความรู้สึกของเราในการฟังเสียงที่มันไม่
00:16:26 → 00:16:28 ได้ยินแต่สมองของเราเนี่ยมันอาจจะยังรับ
00:16:28 → 00:16:31 รู้อยู่นะครับเพราะฉะนั้น boral Beach
00:16:31 → 00:16:33 เนี่ยอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนาะนอก
00:16:33 → 00:16:34 จากนั้นเนี่ยนอกจากการฟังเสียแล้วยังมี
00:16:35 → 00:16:37 เรื่องของไฟนะครับเรื่องของเช่นเคยดูหนัง
00:16:37 → 00:16:39 ที่มันสะกดจิตป่ะแกว่งไปแกว่งมาหรือว่า
00:16:39 → 00:16:43 เปิดไฟปึ๊บๆๆๆๆเงี้ยมันก็ให้คให้ความถี่
00:16:43 → 00:16:45 ของคลื่นที่สมองสามารถจะจูนได้เช่นกัน
00:16:45 → 00:16:48 หรืออาจจะใช้การแคทสมมุติว่าใช้ปืนนวดอ่ะ
00:16:48 → 00:16:51 ครับอารมณ์นั้นน่ะจั่นดึด้วยความถี่ที่
00:16:51 → 00:16:53 มันซิงกับ Brain Wave เนี่ยมันก็สามารถ
00:16:53 → 00:16:56 จะจูน Brain Wave ได้หรือใช้อิเลกแกติ
00:16:56 → 00:16:58 ได้นะครับทั้งหมดเนี้ยเป็น Service ที่มี
00:16:58 → 00:17:00 ในเมืองนอกเมืองไทยอาจจะยังไม่ค่อยมีนะ
00:17:00 → 00:17:03 ครับอ่ะแต่เราในเมืองไทยเนี่ยสามารถที่จะ
00:17:04 → 00:17:05 ซื้ออุปกรณ์บางอย่างได้ครับเดี๋ยวนี้มี
00:17:05 → 00:17:08 อุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยที่เมืองนอกเนี่ย
00:17:08 → 00:17:10 เขาใช้ในการช่วยผ่อนคลายช่วยนั่งสมาธิเลย
00:17:10 → 00:17:13 ครับผมมีด้วยนะเคยใช้และหน้าตามันจะมี
00:17:13 → 00:17:15 หลายยี่ห้อมีหลายแบรนด์ทำรูปร่างหน้าตา
00:17:15 → 00:17:17 ไม่เหมือนกันนะครับแต่หลักการคล้ายๆกัน
00:17:17 → 00:17:20 คือเอามาสวมใส่บริเวณศีรษะของเรานะครับ
00:17:20 → 00:17:23 อาจจะรุ่นหลังๆเนี่ยจะมีเป็นแบบคล้ายๆ
00:17:23 → 00:17:25 อารมณ์ภาพพวกหัวหรือบางทีเป็นเหมือนกับ
00:17:25 → 00:17:28 อ่าหูฟังที่มันครอบอยู่บริเวณนับผากเงี้ย
00:17:29 → 00:17:31 นะครับไอ้เจ้าอุปกรณ์เหล่าเนี้ยมันจะมี
00:17:31 → 00:17:34 อ่าเซ็นเซอร์ทำหน้าที่เป็น eeg เซ็นเซอร์
00:17:34 → 00:17:36 นะครับสามารถที่จะวัดคลื่นสมองของเราได้
00:17:36 → 00:17:38 นะครับว่าตอนนั้นเนี่ยสภาวะสมองเราเนี่ย
00:17:38 → 00:17:41 อยู่ในคลื่นไหนเบอร์ 1 เบอร์ 2 เบอร์ 3
00:17:41 → 00:17:43 เบอร์ 4 เบอร์ 5 นะครับแล้วเราก็บอก
00:17:44 → 00:17:46 เครื่องได้ว่าโอเคฉันต้องการจะนั่งสมาธิ
00:17:46 → 00:17:49 นะฉันต้องการสงบจิตสงบใจนะครับมันก็จะวัด
00:17:49 → 00:17:51 คลื่นสมองของเราถ้าสมองของเราเนี่ยมันยัง
00:17:51 → 00:17:53 ไม่นิ่งพอมันยัง Active อยู่มากๆเนี่ย
00:17:53 → 00:17:55 ครับมันก็จะเซ็นได้ว่าอ๋อตอนนี้สมองของ
00:17:55 → 00:17:59 คุณเนี่ยอยู่ในคลื่นเบต้า Wave เบอร์ 4
00:17:59 → 00:18:02 มันก็จะปล่อยเสียงบางอย่างออกมาให้เราได้
00:18:02 → 00:18:06 ยินเพื่อที่จะจูนสมองเราทันทีนะครับเพอ
00:18:06 → 00:18:09 เราได้ยินเสียงแบบนั้นแล้วนะครับเสียงที่
00:18:09 → 00:18:11 มันจูนไปเป็นเบอร์ 3 หรือว่าให้มันเป็น
00:18:11 → 00:18:13 Alpha Wave เนี่ยครับสมองของเราเนี่ยก็
00:18:13 → 00:18:16 จะค่อยๆปรับแล้วมันก็จะมีตัวเซ็นเซอร์
00:18:16 → 00:18:18 เซ็นว่าอ๋อตอนนี้เนี่ยมันเข้าไปอยู่ใน
00:18:18 → 00:18:20 ช่วง Alpha Wave ด้วกันนะครับเพราะงั้น
00:18:20 → 00:18:22 การใส่อุปกรณ์เหล่านี้ยครับมันก็จะเป็น
00:18:22 → 00:18:25 การช่วยเทรนฝึกตัวเราด้วยนะครับซึ่งผมว่า
00:18:25 → 00:18:28 มันเวิร์คมากสำหรับคนที่ต้องการจะฝึกน
00:18:28 → 00:18:31 สมาธิหรือว่าต้องการที่จะสงบใจของเราสงบ
00:18:31 → 00:18:34 จิตของเราจากโลกภายนอกจากการทำงานทั้งวัน
00:18:34 → 00:18:37 ที่เราเหนื่อยแล้วเนี่ยให้ใจเรานิ่งลงสงบ
00:18:37 → 00:18:41 ลงฝึกให้เราเป็นคนแบบคามลงอุปกรณ์พวกนี้
00:18:41 → 00:18:43 สามารถจะช่วยได้แล้วก็ใช้หลักการของ Brain
00:18:44 → 00:18:46 Wave entrainment เนี่ยแหละครับโดยใช้
00:18:46 → 00:18:48 อ่า ne feedback Device นะครับเข้ามา
00:18:49 → 00:18:52 ช่วยคือมีเซ็นเซอร์วัดสมองปล่อยเพลงให้
00:18:52 → 00:18:55 เหมาะสมเพื่อที่จะจูนสมองของเราให้มัน
00:18:55 → 00:18:57 เปลี่ยนไปแต่ข้อเสียคืออุปกรณ์เหล่านี้
00:18:57 → 00:19:01 ครับมันอแพงและอย่างที่ 2 ก็คือว่าแต่ละ
00:19:01 → 00:19:04 ยี่ห้อเนี่ยก็มีคุณภาพของเซ็นเซอร์อาจจะ
00:19:04 → 00:19:05 ไม่เหมือนกันเนาะความเรื่อง accuracy
00:19:05 → 00:19:08 ความแม่นยำและ 2 คือตัวเสียงน้อยที่มัน
00:19:08 → 00:19:11 ปล่อยเนี่ยแต่ละเจ้าเขาก็จะมี noh ของเขา
00:19:11 → 00:19:13 ซึ่งไม่เหมือนกันก็อาจจะเวิร์คไม่เวิร์ค
00:19:13 → 00:19:16 แล้วแต่ซึ่งเราต้องทดลองดูนะครับหลายคน
00:19:16 → 00:19:18 อาจจะรู้สึกว่าเฮ้ยพูดถึง Brain Wave
00:19:18 → 00:19:20 อ่ะเออเคยคงเคยได้ยิน Alpha อะไรเงี้ยเคย
00:19:20 → 00:19:24 ได้ยินอยู่บ้างแต่แบบอุปกรณ์เหล่าเหรือ
00:19:24 → 00:19:26 ว่า boral Beat isochronic Tone เนี่ย
00:19:27 → 00:19:29 ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับแต่สิ่งที่
00:19:29 → 00:19:33 คุณมักจะได้ยินหรือว่าเคยเจอตามแบบสมมิ
00:19:33 → 00:19:36 ตาม youtube เนี่ยมักจะเห็นคำว่าเสียงที่
00:19:37 → 00:19:40 เป็นสี White noise Pink No Brown No
00:19:40 → 00:19:42 Green No เฮ้ยเรามักจะเจอแบบนี้แล้วก็
00:19:42 → 00:19:44 มักจะเจอว่าเฮ้ยเนี่ยเสิร์ชไปเนี่ยเจอว่า
00:19:44 → 00:19:47 เอ้ยอยากได้เพลงที่มันนอนหลับจังเลยก็จะ
00:19:47 → 00:19:50 เจอคีย์เวิร์ดแบบเขึ้นมาเยอะแยะเลยไม่เคย
00:19:50 → 00:19:53 เจอพวก boral Beach ชื่ออะไรแปลกๆนะครับ
00:19:53 → 00:19:57 ถามว่าไอ้พวกเสียงที่เป็นสีๆแบบเนี้ยมัน
00:19:57 → 00:19:59 ต่างกันอะไรกับพวกนี้หรือเปล่าจริงๆก็บอก
00:19:59 → 00:20:02 ว่ามันเกือบจะเหมือนแต่มันก็ไม่เหมือน
00:20:02 → 00:20:04 ครับเพราะว่าไอ้เจ้าหลักการ Brain Wave
00:20:04 → 00:20:07 entrainment เนี่ยมันคือการ Match
00:20:07 → 00:20:10 frequency แล้วเสียงที่เ่อ boral Beat
00:20:10 → 00:20:12 เนี่ยมันคือการทำให้สมองเราเนี่ยมัน S
00:20:12 → 00:20:14 frequency ใน frequency 1 ซึ่ง
00:20:14 → 00:20:17 frequency เนี่ยมันมักจะต่ำกว่า 100 hz
00:20:17 → 00:20:19 นะครับแต่เสียงทั่วไปที่เรามักเปิดตาม
00:20:19 → 00:20:22 YouTube เสียงเพลงเนี่ยครับอย่างที่บอก
00:20:22 → 00:20:25 มันคือเสียงที่ครอบคลุมตั้งแต่ 20 ไปจน
00:20:25 → 00:20:27 ถึง 20,000 hz เลยนะครับแค่เพียงว่า
00:20:27 → 00:20:29 เสียงเหล่านั้นเนี่ยครับมันจะมี
00:20:29 → 00:20:32 คาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันไปตามว่าเฮ้ยมัน
00:20:32 → 00:20:36 มีสัดส่วนของโทนเสียงต่ำเยอะหรือมีสัด
00:20:36 → 00:20:39 ส่วนของโทนเสียงสูงเยอะหรือมีสัดส่วนของ
00:20:39 → 00:20:41 โทนเสียงทั้งต่ำทั้งกลางทั้งสูงเนี่ยเท่า
00:20:41 → 00:20:44 ๆกันเขาก็สามารถจะจัดกลุ่มของเสียงต่างๆ
00:20:44 → 00:20:49 ให้มันเกิดเป็นสีตามสัดส่วนของโทนเสียง
00:20:49 → 00:20:51 เนี่ยนะครับเดี๋ยวมาไล่ไปทีละอันแล้วกัน
00:20:51 → 00:20:54 เนาะเพราะว่ามันมีอุปกรณ์เยอะเลยที่เกิด
00:20:54 → 00:20:56 ขึ้นจากไอ้เสียงสีเหล่าเนี้ยครับมาใช้ใน
00:20:56 → 00:20:59 การช่วยเรื่องการนอนชช่วยเรื่องสมาธิช่วย
00:20:59 → 00:21:01 เรื่องการโฟกัสคล้ายๆกันกับการทำ Brain
00:21:01 → 00:21:03 wave entrainment เลยนะครับเริ่มจากตัว
00:21:03 → 00:21:06 แรกน่าจะเป็นตัวที่คนน่าจะเคยเห็นเยอะ
00:21:06 → 00:21:09 นั่นก็คือ White noise คือเสียงสีขาวนะ
00:21:09 → 00:21:11 ครับเสียงสีขาวเนี่ยพูดถึงตัวอย่างก่อน
00:21:11 → 00:21:13 แล้วกันตัวอย่างของเสียงสีขาวที่คุ้นเคย
00:21:13 → 00:21:15 ที่สุดคือเสียงโทรทัศน์สมมุติถ้าเราเปิด
00:21:15 → 00:21:18 โทรทัศน์รุ่นเก่าๆแล้วอ่ะที่มันเป็นเสียง
00:21:18 → 00:21:21 ซ่าครับเสียงที่เหมือนไม่มีสัญญาณน่ะเปิด
00:21:21 → 00:21:23 ทิ้งไว้ทั้งคืนเสียงนั้นน่ะคือเสียง White
00:21:23 → 00:21:26 No ถ้าในเชิงฟิสิกส์ในเชิงคาแรคเตอร์
00:21:26 → 00:21:28 เนี่ยครับ White No คือเสียงที่มีความ
00:21:28 → 00:21:31 ดังของทุกความถี่เสียงตั้งแต่ต่ำจะไปจน
00:21:31 → 00:21:34 เสียงสูงเนี่ยเท่าๆกันหมดนะครับแต่หูของ
00:21:34 → 00:21:36 เราเนี่ยมันไม่ได้เซ็นได้แบบนั้นหูเรา
00:21:36 → 00:21:39 เนี่ยมันจะเซ้นได้ว่าเอ้ย White No
00:21:39 → 00:21:41 เนี่ยเราจะได้ยินเสียงที่คลื่นความถี่สูง
00:21:41 → 00:21:43 เนี่ยดังกว่าเพื่อนนะครับแต่เจ้า White
00:21:43 → 00:21:46 No อ่ะครับด้วยความที่มันมีความดังของ
00:21:46 → 00:21:49 เสียงทุกข์คลื่นความถี่เท่าๆกันเนี่ยครับ
00:21:49 → 00:21:53 มันถึงนำมาใช้ประโยชน์ในการ masking
00:21:53 → 00:21:55 background noise ก็คือว่ามันสามารถจะ
00:21:55 → 00:21:59 บล็อกเสียงรอบข้างภายนอกที่อยู่รอบตัวเรา
00:21:59 → 00:22:02 ได้นะครับเพราะฉะนั้นสมมุติว่าเรารู้สึก
00:22:02 → 00:22:05 นอนไม่หลับเพราะว่ามันมีเสียงข้างบ้าน
00:22:05 → 00:22:08 เสียงดังมีหมาเห่ารบกวนมีเสียงบนถนนมัน
00:22:08 → 00:22:11 เสียงดังเงี้ยการเปิด White No มัน
00:22:12 → 00:22:14 สามารถจะบล็อกเสียงเหล่านั้นได้หลายๆคน
00:22:14 → 00:22:17 เนี่ยเจอว่าการที่เราสร้างบรรยากาศในห้อง
00:22:17 → 00:22:20 นอนด้วย White No คือซื้อเครื่องมาเลย
00:22:20 → 00:22:22 ที่เป็นเครื่องที่ปล่อย White No เมัน
00:22:22 → 00:22:24 ช่วยทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้นเพราะว่า
00:22:24 → 00:22:28 มันกำจัดเสียงที่อยู่รอบข้างด้วยการ Mask
00:22:28 → 00:22:30 King นั่นเองนะครับแต่ในทางกลับการบางคน
00:22:30 → 00:22:32 ก็บอกว่าเออรองแล้วไอ้ White No เนี่ย
00:22:32 → 00:22:35 ปรากฏว่าเปิดมานอนไม่หลับอยู่ดีเพราะว่า
00:22:35 → 00:22:37 มันมีเสียงที่แบบน่ารำคาญเพราะบางทีไวท
00:22:37 → 00:22:39 น้อยใช่บางคนอาจจะรู้สึกโอเคที่จะฟังมัน
00:22:39 → 00:22:42 แต่บางคนจะรู้สึกว่าแบบมันปวดหูมากเพราะ
00:22:42 → 00:22:44 ฉะนั้นถ้าเกิดว่าใครอยากจะลองครับนอนไม่
00:22:44 → 00:22:46 หลับแล้วไปเจอว่า White No ช่วยได้ลองทด
00:22:46 → 00:22:49 ลองดูครับลองเปิด White No ดูว่ามัน
00:22:49 → 00:22:50 เวิร์คกับเราหรือเปล่านะครับถ้าเวิร์ค
00:22:50 → 00:22:52 เนี่ยมันมีอุปกรณ์เยอะแยะเลยที่เป็น
00:22:52 → 00:22:54 เครื่อง generate White No ที่เรา
00:22:54 → 00:22:56 สามารถที่จะซื้อมาตั้งไว้ในห้องนอนได้
00:22:56 → 00:22:59 แล้วก็เปิดตอนตอนที่เรานอนนะครับอาจจะ
00:22:59 → 00:23:01 เวิร์คกับทารกก็ได้นะครับหลายๆคนบอกว่า
00:23:01 → 00:23:03 เปิดให้เด็กนอนแล้วเด็กจะนอนหลับได้ดีตอน
00:23:03 → 00:23:06 กลางคืนแล้วก็หลับสนิทสามารถจะลองได้นะ
00:23:06 → 00:23:08 ครับนั่นคือเสียงที่แบ่งตามสีประเภทแรก
00:23:08 → 00:23:11 คือ White noise นะครับแบบที่ 2 คือ Pink
00:23:11 → 00:23:13 noise ครับเสียงสีชมพูนะครับเสียงสีชมพู
00:23:13 → 00:23:15 เนี่ยมันจะคล้ายๆ White noise ครับแต่
00:23:15 → 00:23:17 คาแรคเตอร์ของมันเนี่ยคือยิ่งเสียงความ
00:23:17 → 00:23:21 ถี่สูงเนี่ยความดำมันจะลดลงลดลงไปเรื่อยๆ
00:23:21 → 00:23:24 ทุกๆอฟนะครับเรียกว่ามันจะ proportional
00:23:24 → 00:23:26 1 ส f เป็นหลักทางฟิสิกส์ไปเนาะแต่
00:23:26 → 00:23:29 สำหรับคนเราคนทั่วไปเนี่ย Pink No เราจะ
00:23:29 → 00:23:32 รู้สึกว่าเสียงประเภทเนี้ยมันเราจะรู้สึก
00:23:32 → 00:23:36 ว่ามันเสียงจะต่ำกว่าเสียงจะทุ้มกว่าไ No
00:23:36 → 00:23:38 แล้วก็รู้สึกสบายหูกว่า White No เสียง
00:23:38 → 00:23:41 ของ Pink No เนี่ยมันคือเสียงคล้ายๆกับ
00:23:41 → 00:23:46 เสียงฝนตกที่เบาๆเสียงของลมเบาๆครับเสียง
00:23:46 → 00:23:48 ของหัวใจเต้นเสียงเหล่าเนี้ยถูกจัดเป็น
00:23:48 → 00:23:51 เสียง Pink นอยเป็นเสียงที่เราเนี่ยรู้
00:23:51 → 00:23:53 สึกจะคุ้นเคยและเป็นเสียงธรรมชาติเพราะ
00:23:53 → 00:23:55 ฉะนั้นถ้าเกิดว่าเราไปเสิร์ชในเอิม
00:23:55 → 00:23:58 Streaming แล้วบอกอุ๊ยอยากได้ background
00:23:58 → 00:24:00 ที่ทำให้เรานอนหลับสบายรู้สึกผัคลายเนี่ย
00:24:00 → 00:24:03 เรามักจะเจอเป็นเสียงฝนบ้างละเสียงลมเบาๆ
00:24:03 → 00:24:05 บ้างละเสียงน้ำตกเบาๆบ้างแหละนั่นทั้งหมด
00:24:05 → 00:24:07 นั่นน่ะคือ Pink No นะครับซึ่งฟังแล้ว
00:24:07 → 00:24:11 เนี่ยเาเจอว่าช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกรีก
00:24:11 → 00:24:14 ลงแล้วก็ช่วยเรื่องความจำด้วยเเจอว่า Pink
00:24:14 → 00:24:17 No เนี่ยมันมีความคล้ายคึงกับ Brain
00:24:17 → 00:24:19 Wave ในช่วงของเบอร์ 3 ก็คือช่วงของ
00:24:19 → 00:24:22 Alpha Wave คือช่วงที่ใช้ในการทำสมาธิ
00:24:22 → 00:24:25 หรือทำให้ร่างกายเราสงบนั่นเองเพหลายๆคน
00:24:25 → 00:24:28 เนี่ยที่ไม่โอเคกับไ No ลองเปิด Pink No
00:24:28 → 00:24:30 ดูได้ครับว่ามันจะช่วยให้ร่างกายเราสงบลง
00:24:31 → 00:24:33 มากยิ่งขึ้นนะครับนอกจากนั้นจะมี Brown
00:24:33 → 00:24:36 noise ซึ่งจริงๆบราไม่ได้เป็นไม่ได้แปล
00:24:36 → 00:24:38 ว่าสีน้ำตาลนะครับมันมาจาก Brown เนี่ยน
00:24:38 → 00:24:40 แต่จะเรียกว่าน้ำตาลก็ได้เอาง่ายๆนะครับ
00:24:40 → 00:24:43 Brown noise คล้ายๆ Pink No แต่มีความ
00:24:43 → 00:24:45 ทุ้มที่มากกว่าอีกหลายคนก็รู้สึกว่าเออ
00:24:45 → 00:24:47 Pink No ว่าฟังสบายแล้ว Brown No
00:24:47 → 00:24:50 เนี่ยรู้สึกฟังสบายกว่าเพราะว่ามันยิ่ง
00:24:50 → 00:24:53 ทุ้มกว่าทำให้ร่างกายรู้สึก relx กว่านะ
00:24:53 → 00:24:56 ครับนอกจากนั้นเยังมี Green noise Blue
00:24:56 → 00:24:58 noise มีอีกหลายสีเยอะเต็มไปหมดเลยนะ
00:24:58 → 00:25:01 ครับถ้าเกิดใครอยากจะรู้เนี่ยลองไปหาข้อ
00:25:01 → 00:25:05 มูลเกี่ยวกับสีของเสียงได้นะครับแต่ที่ผม
00:25:05 → 00:25:07 ยกตัวอย่าง 4 ของเสียงขึ้นมาเนี่ยเพื่อจะ
00:25:07 → 00:25:12 บอกทุกคนว่าคือถ้าเราจะต้อง Subscribe ใน
00:25:12 → 00:25:14 การทำ Brain Wave entrainment แล้วก็
00:25:14 → 00:25:16 ต้องไปฟังพวก boral Beats เนี่ยบางที
00:25:16 → 00:25:18 หลายคนอาจจะไม่สะดวกแล้วรู้สึกว่าการเข้า
00:25:18 → 00:25:22 ถึงเสียงที่เป็นเสียงสีแล้วก็มี Free
00:25:22 → 00:25:24 Streaming ที่เราเปิดได้ฟรีแล้วเปิดฟัง
00:25:24 → 00:25:26 ได้เนี่ยมันอาจจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าแล้ว
00:25:26 → 00:25:28 ก็ไม่ต้องเสียตังค์เติ่มอะไรครับมันมี
00:25:28 → 00:25:30 เสียงหลายๆสีให้คุณลองเลยนะครับเพราะว่า
00:25:30 → 00:25:32 บางอันเเค้าก็จะบอกว่าเอืเสียงเหล่านี้
00:25:32 → 00:25:36 ช่วยให้โฟกัสลองดูถามว่าเวิร์คไมี
00:25:36 → 00:25:39 scientific evidence รองรับเยอะไหมก็
00:25:39 → 00:25:43 ต้องบอกว่ามันมีไม่ได้เยอะเท่าไอ้เจ้าการ
00:25:43 → 00:25:45 ทำ Brain Wave entrainment การใช้ boral
00:25:45 → 00:25:47 Beats ฟังแบบเนี้ยมีการศึกษาทาง
00:25:47 → 00:25:50 วิทยาศาสตร์ได้เยอะกว่าแต่การทดลองฟัง
00:25:50 → 00:25:52 เสียงเหล่าเนี้ยไม่ว่าเป็นเสียงขาวสีชมพู
00:25:52 → 00:25:54 เนี่ยมันก็ไม่ทำร้ายร่างกายเรานะครับมัน
00:25:54 → 00:25:56 worth trying เพราะว่ามันอาจจะช่วยทำ
00:25:56 → 00:26:00 ให้รู้สึกผ่อนคลายช่วยทำให้เราหลับง่าย
00:26:00 → 00:26:03 แต่ลงเนื้อชอบลงยาครับแต่ละคนอาจจะรู้สึก
00:26:03 → 00:26:06 กับเสียงเหล่านี้ไม่เหมือนกันบางคน Pink
00:26:06 → 00:26:09 No อาจจะตอบโจทย์บางคน Green No อาจจะ
00:26:09 → 00:26:11 ตอบโจทย์ก็ได้นะครับเพราะฉะนั้นสิ่งเหล่า
00:26:11 → 00:26:13 เเป็นสิ่งที่เราควรจะทดลองแล้วก็
00:26:13 → 00:26:15 experiment ด้วยตัวเองว่ามันเวิรคหรือ
00:26:15 → 00:26:17 ไม่เวิรค
00:26:17 → 00:26:21 ครับ Top to Toe The Standard
00:26:21 → 00:26:26 podcast Eye Opening for your
00:26:26 → 00:26:30 ears y