เมื่อฟอกไตแล้ว ควรเปลี่ยนการกินอาหารอย่างไร

[PODCAST] Food Choice | EP.2 - อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 [เสียงดนตรี]

00:00:0300:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.

00:00:0600:00:08 Listen for a better life.

00:00:0800:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

00:00:1100:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel

00:00:1400:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:1600:00:20 [เสียงดนตรี]

00:00:2000:00:22 วันนี้คุณกินอะไร

00:00:2200:00:26 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร

00:00:2700:00:29 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย

00:00:2900:00:33 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา

00:00:3300:00:37 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋

00:00:3800:00:39 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:00:4000:00:44 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:4400:00:47 [เสียงดนตรี]

00:00:4700:00:53 สำหรับวันนี้ เราก็จะมาคุยกันเรื่องของอาหาร สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง

00:00:5300:00:56 ก่อนอื่น เราจะคุยกันในส่วนที่ว่า

00:00:5600:00:58 ไตเรามีหน้าที่ทำอะไรบ้าง

00:00:5800:01:01 พอเรารู้แล้วว่าไตเราทำอะไรได้บ้างปุ๊บนี่

00:01:0100:01:03 ถ้าไตเราพังหรือไตเราเสื่อมใช่ไหมคะ

00:01:0300:01:05 มันจะเกิดผลกระทบอะไรกับร่างกาย

00:01:0500:01:07 แล้วสุดท้ายเราจะมาดูว่า

00:01:0700:01:10 เราจะจัดอาหารหรือเราจะเลือกอาหารอย่างไร

00:01:1000:01:13 สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องของไตเรื้อรัง

00:01:1300:01:16 เพื่อจะช่วยทำให้สุขภาพเราดีขึ้น

00:01:1600:01:18 [เสียงดนตรี]

00:01:1800:01:21 อันแรกก่อนเลย เรามาดูกันว่าไตมีหน้าที่อะไร

00:01:2100:01:23 มี 3 อย่างหลัก ๆ นะคะ

00:01:2300:01:29 อันแรกเลยก็คือ มีหน้าที่ขับน้ำ แล้วก็ของเสียออกจากร่างกาย

00:01:2900:01:32 ถ้าเรากินอาหารเข้าไป หรือเรากินยา หรืออะไรก็แล้วแต่

00:01:3200:01:36 สิ่งที่เกิดขึ้นที่เป็นของเสีย ก็จะถูกทิ้งไปทางไต

00:01:3600:01:39 ก็คือออกมาในรูปแบบของปัสสาวะนะคะ

00:01:3900:01:45 อันที่สองก็คือจะเป็นเรื่องของหน้าที่ ในเรื่องของการปรับสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย

00:01:4500:01:49 ทำให้สมดุลของเกลือแร่ในร่างกายเราเหมาะสม

00:01:4900:01:51 แล้วก็ทำให้เราใช้ชีวิตได้เป็นปกติ

00:01:5100:01:55 สุดท้ายค่ะ ก็จะเป็นเรื่องของ การปรับฮอร์โมนในร่างกาย

00:01:5500:01:56 แล้วก็การสร้างวิตามินดี

00:01:5700:02:00 ตัวที่เกี่ยวข้อง วิตามินที่เกี่ยวข้อง ก็คือวิตามินดีนะคะ

00:02:0000:02:05 แล้วก็ฮอร์โมนที่จะช่วย หรือว่าฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากที่ไต

00:02:0500:02:09 ก็จะมีตัวหนึ่งช่วยในเรื่องของ การสร้างเม็ดเลือด

00:02:0900:02:12 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติคนไข้โรคไต จะสังเกตว่าเป็นอย่างไรคะ

00:02:1200:02:15 ซีดเซียว คนไข้ก็จะโลหิตจาง ไม่มีแรง

00:02:1500:02:21 อีกอันหนึ่งก็จะเป็นเรื่องของ ปรับเกี่ยวกับเรื่องของความดันโลหิต

00:02:2100:02:23 พอเวลาที่เป็นโรคไตขึ้นมานี่

00:02:2300:02:26 มักจะเจอว่าคนไข้มีความดันโลหิตสูง

00:02:2600:02:29 เพราะว่าฮอร์โมนตัวนี้ มันมีความผิดปกติไป

00:02:2900:02:31 ถัดมา เรามาดูกันว่า

00:02:3100:02:34 พอเวลาที่ไตเสีย จะเกิดผลกระทบอย่างไรกับร่างกาย

00:02:3500:02:38 หลัก ๆ ก่อน เวลาที่ไตเสื่อมนะคะ เราก็จะแบ่งเป็นระยะ ๆ

00:02:3900:02:41 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าไตเสื่อม

00:02:4100:02:43 ส่วนใหญ่เราก็เจาะเลือดนะคะ

00:02:4300:02:45 เวลาเจาะเลือดไปตรวจนี่

00:02:4500:02:48 มันจะมีผลเลือดอยู่ 2-3 ตัวที่เราดู

00:02:4800:02:52 อันแรกเลยก็คือดูตัวค่าที่เราเรียกว่า BUN

00:02:5200:02:55 อีกตัวหนึ่งก็คือ Creatinine

00:02:5500:02:58 ตัวนี้ก็จะเป็นของเสียในร่างกายเหมือนกัน ซึ่งจะถูกทิ้งไปทางปัสสาวะ

00:02:5800:03:00 ถ้าสมมุติว่าไตมันเริ่มเสื่อมลง

00:03:0000:03:02 ของเสียพวกนี้ก็จะคั่งในเลือด

00:03:0200:03:05 เวลาเราเจาะ ค่ามันก็จะสูงขึ้น

00:03:0500:03:08 เวลาที่เราจะแบ่งระยะของไต เราจะดูค่าพวกนี้ล่ะค่ะ

00:03:0800:03:10 แล้วเอามาคำนวณ

00:03:1000:03:15 เขาจะเรียกว่าเป็นอัตราการกรองที่ไต หรือว่า GFR

00:03:1500:03:16 เราจะเห็น มันจะมีอยู่ว่า

00:03:1600:03:20 EGFR แล้วก็แบ่งออกมาเป็นระยะ ๆ

00:03:2000:03:24 ซึ่งค่าอันนี้จะเอามาแบ่งว่า ไตเราเสื่อมไปแล้วหรือยัง

00:03:2400:03:26 เราแบ่งได้เป็น 5 ระยะนะคะ

00:03:2600:03:30 ถ้าเกิดระยะที่ 1 ระยะที่ 2 นี่คือ มากกว่า 80 เป็นต้นไป

00:03:3000:03:34 ระยะที่เราจะเริ่มมีปัญหาก็คือ ไตเสื่อมเป็นระยะที่ 3

00:03:3500:03:38 คือ EGFR ที่ต่ำกว่า 60

00:03:3800:03:40 พอระยะที่ 4 คือต่ำกว่า 30

00:03:4100:03:44 แล้วก็ระยะที่ 5 คือต่ำกว่า 15

00:03:4400:03:46 ถ้าเกิดมากกว่า 60 นี่

00:03:4600:03:49 ส่วนใหญ่เป็นระยะที่ 1 ที่ 2 อันนี้ไม่ค่อยมีผลกระทบอะไรกับร่างกาย

00:03:4900:03:54 ทีนี้ความรุนแรงหรือว่าการรับประทานอาหาร จะแตกต่างกันไหม

00:03:5400:03:57 แน่นอนค่ะ ยิ่งโรคไตมันเสื่อมมากขึ้นใช่ไหมคะ

00:03:5700:03:59 การจัดการในร่างกายก็จะแย่ลง

00:03:5900:04:04 ดังนั้น เราจะมีการปรับระยะของอาหาร ตามระยะของโรคไตที่เสื่อมลง

00:04:0400:04:08 [เสียงดนตรี]

00:04:0800:04:12 รูปแบบของการกินอาหาร สำหรับคนไข้โรคไตเรื้อรังในแต่ละระยะนี่

00:04:1200:04:15 เราก็จะมีจุดประสงค์ที่ต่างกันนะคะ

00:04:1500:04:20 ในระยะต้นของคนที่มีปัญหา เรื่องของไตเสื่อมหรือว่าไตเรื้อรัง

00:04:2000:04:25 เราจะจัดรูปแบบอาหารเพื่อหวังว่า จะชะลอไม่ให้มันเสื่อมไปมากกว่านี้

00:04:2500:04:27 แล้วถ้าสมมุติว่าเสื่อมไปถึงจุดหนึ่ง

00:04:2700:04:29 ซึ่งจำเป็นที่จะต้องฟอกไตนี่

00:04:2900:04:32 เราก็จะต้องพยายามจัดอาหาร

00:04:3200:04:36 เพื่อที่จะทำให้เขาชะลอระยะเวลา ก่อนที่จะต้องไปฟอกไตนานที่สุด

00:04:3600:04:38 ถ้าฟอกไปเรียบร้อยแล้ว

00:04:3800:04:42 การจัดอาหารตรงนี้ก็คือจะเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนนะคะ

00:04:4200:04:44 หรือว่าอัตราการเสียชีวิตลดลงค่ะ

00:04:4400:04:46 ทีนี้ตอนแรกเลยเวลาที่เราจะจัดอาหาร

00:04:4600:04:49 เราจะบอกว่าปริมาณมากแค่ไหน อันนี้คือแคลอรีเนอะ

00:04:5000:04:54 การจัดแคลอรีนี่ ถ้าเราพูดเป็นตัวเลข ทางหลักวิชาการนี่

00:04:5400:04:56 เราจะดูน้ำหนักตัวของคนไข้นะคะ

00:04:5600:05:02 โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30-35 แคลอรี ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน

00:05:0200:05:03 ยกตัวอย่างนะคะ

00:05:0300:05:04 สมมุติเราหนัก 50 กิโลกรัม

00:05:0500:05:09 อันนี้หมายความว่า คน ๆ นี้ควรจะต้อง กินอาหารอยู่ที่ประมาณ 1,500 แคลอรี

00:05:0900:05:14 หรือว่าอยู่ในช่วงประมาณสัก 1,500-1,750 กิโลแคลอรีต่อวัน

00:05:1400:05:16 อันนี้คือสิ่งที่ควรจะเป็น

00:05:1600:05:19 อย่างไรก็ตาม อันนี้ขึ้นกับว่า เขาอ้วนหรือผอม

00:05:2000:05:23 ถ้าเขาอ้วน เอาง่าย ๆ เลย คิดเท่าไหร่ก็ตาม ลบไปอีก 500

00:05:2400:05:26 ถ้าเขาผอม เราอาจจะบวกไปอีก 500 ก็ได้

00:05:2600:05:29 อันนี้คือทำให้น้ำหนักขึ้นหรือว่าน้ำหนักลด

00:05:2900:05:31 ตามสภาวะของแต่ละบุคคล

00:05:3100:05:35 ทีนี้พอเราจัดแคลอรีเรียบร้อยแล้ว หรือว่าเราจัดอาหารเรียบร้อยแล้วนี่

00:05:3500:05:38 เรามาโฟกัสที่อาหารหรือว่าสารอาหารแต่ละตัว

00:05:3800:05:41 ในส่วนของข้าว แป้งนี่ อาจจะไม่ค่อยมีผลมากนะคะ

00:05:4200:05:47 จะมีผลก็ต่อเมื่อคน ๆ นั้นเป็นเบาหวาน ที่เราจะต้องไปปรับเรื่องของคาร์โบไฮเดรต

00:05:4700:05:50 ซึ่งอันนี้อาจจะไปดูอีกทีหนึ่ง ในส่วนของคนไข้ที่เป็นเบาหวาน

00:05:5000:05:52 แล้วเราก็จะมาดูกันที่โปรตีนนะคะ

00:05:5200:05:56 ทีนี้อันนี้ก็จะเป็นเรื่องหลักเลย สำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องไต

00:05:5600:06:00 ทีนี้โปรตีนในแต่ละระยะของคนไข้โรคไต จะไม่เหมือนกัน

00:06:0000:06:03 ถ้าสมมุติว่าเป็นคนไข้ที่เป็นโรคไต ระยะที่ 1 กับ 2

00:06:0300:06:05 อันนี้เราจะกินโปรตีนเท่ากับคนปกติ

00:06:0500:06:11 โปรตีนสำหรับคนทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 0.8-1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน

00:06:1100:06:15 ถ้าหนัก 50 กิโลกรัม ก็กิน 50 กรัมอย่างนี้เป็นต้น

00:06:1500:06:22 ทีนี้พอถึงระยะที่ 3, 4 หรือว่า 5 ก่อนที่เราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะฟอกไต

00:06:2200:06:28 เราจะกินอยู่ที่ประมาณ 0.6-0.8 คือจะต้องลดลงแล้ว

00:06:2800:06:30 แล้วพอระยะที่เราฟอกไตไปแล้วนี่ค่ะ

00:06:3000:06:31 มันจะเพิ่มขึ้น

00:06:3100:06:34 เหตุผลก็เพราะว่าเราจัดการของเสียได้แล้ว

00:06:3500:06:37 ของเสียที่มันจะเกิดขึ้นนี่ มันจะถูกฟอกออกไป

00:06:3700:06:40 ดังนั้น เราจะสามารถกินโปรตีนเพิ่มขึ้น

00:06:4000:06:43 แล้วที่สำคัญคือ เวลาที่เราฟอกเลือดหรือว่าฟอกไต

00:06:4400:06:46 บางคนจะมีภาวะทุพโภชนาการ

00:06:4600:06:48 เพราะฉะนั้น เขาต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้น

00:06:4800:06:52 อันนี้มันจะเพิ่มขึ้น อยู่ที่ประมาณ 1-1.2 กรัม

00:06:5200:06:53 ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน

00:06:5300:06:56 จะเห็นว่าระยะต่าง ๆ ของคนไข้โรคไตนี่

00:06:5600:06:59 เรากินโปรตีนไม่เท่ากันนะคะ

00:06:5900:07:04 ทีนี้เราก็จะมาดูว่า แล้วโปรตีน อีก 1.8 0.8 0.6 นี่

00:07:0400:07:06 มันเท่าไหร่กันนะคะ

00:07:0600:07:08 วิธีคำนวณง่าย ๆ ก่อนเนอะ

00:07:0800:07:10 เราเอากันแค่น้ำหนัก 50 กิโลกรัม

00:07:1000:07:14 สมมุติว่าเราต้องการโปรตีนประมาณเท่าไหร่ดีคะ 0.6 กรัมเนอะ

00:07:1400:07:18 0.6 กรัมในคนไข้น้ำหนัก 50 กิโลกรัม หมายความว่าวันหนึ่งนี่

00:07:1800:07:20 เราต้องการโปรตีนประมาณ 30 กรัม

00:07:2100:07:23 เราได้โปรตีนเท่าไหร่ก็ตาม เรามาหาร 10 ค่ะ

00:07:2400:07:30 หาร 10 ปุ๊บ ตัวเลขที่ได้นั่นคือ จำนวนเนื้อสัตว์ที่เป็นช้อนโต๊ะในแต่ละมื้อ

00:07:3000:07:32 โอเคไหม ถ้าเรากิน 3 มื้อเนอะ

00:07:3200:07:34 เราได้ 30 กรัมใช่ไหมคะ

00:07:3400:07:38 พอหาร 10 ปุ๊บ หมายความว่า มือหนึ่งเรากินได้ไม่เกิน 3 ช้อนโต๊ะ

00:07:3800:07:42 อันนี้คือวิธีคิดง่าย ๆ สำหรับในกรณีของโปรตีนในคนไข้โรคไต

00:07:4300:07:45 ถ้าสมมุติว่าคนนั้นเป็นคนปกติ

00:07:4500:07:47 เราจะกิน 50 กรัมใช่ไหมคะ

00:07:4700:07:49 ก็กิน 5 ช้อนต่อมื้อ

00:07:4900:07:51 ถ้าสมมุติว่าคนไข้เป็นไตเริ่มเสื่อมแล้ว

00:07:5100:07:53 จะกินแค่ 0.6 กรัม เหลือ 30 กรัมแล้ว

00:07:5300:07:58 เพราะฉะนั้นเขาจะลดลงมา เหลือแค่ 3 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ

00:07:5800:07:59 อันนี้คือส่วนที่เป็นเนื้อสัตว์

00:08:0000:08:02 ถัดไปก็จะเป็นเรื่องของไขมันเนอะ

00:08:0200:08:05 ในไขมันสำหรับคนไข้โรคไต เราแค่เลือก เอาเป็นไขมันที่ดี

00:08:0500:08:09 ไม่ให้เพิ่มความเสี่ยงเรื่องของ ไขมันในเลือดสูง

00:08:0900:08:12 ก็คือเลือกน้ำมันที่มันไม่เป็นไข ไม่ตกตะกอน

00:08:1200:08:14 ก็แนะนำเป็นกลุ่มของน้ำมันพืชนะคะ

00:08:1400:08:17 อาจจะเป็นน้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก

00:08:1700:08:20 น้ํามันคาโนลา หรือแม้กระทั่งพวกน้ำมันถั่วเหลืองก็ได้

00:08:2000:08:23 แล้วก็ควรจะเลี่ยงพวกของเนื้อสัตว์ติดมัน

00:08:2300:08:27 เนย กะทิ หรืออะไรก็ตามที่เป็นไขมัน ที่วางเอาไว้เป็นไขเป็นก้อน

00:08:2700:08:30 อันนี้คือวิธีการเลือกของไขมันนะคะ

00:08:3000:08:34 นอกเหนือจากเรื่องของไขมัน น้ำมันนี่ แม้กระทั่งวิธีการปรุงก็เหมือนกันค่ะ

00:08:3400:08:40 ปรุงอาหารนี่ เราก็ควรจะเลี่ยงการใช้น้ำมัน หรือว่าการเติมน้ำมันเพิ่มเข้าไปในการปรุง

00:08:4000:08:44 ก็ต้ม นึ่ง ปิ้ง ย่าง ยำ อบ ตุ๋น เห็นไหมคะ ทางเลือกมีเยอะเนอะ

00:08:4400:08:47 พูดง่าย ๆ ก็คือ ให้เลี่ยงพวกของทอดของมันนั่นเอง

00:08:4700:08:50 ถัดมาค่ะ อันนี้สำคัญอีกอันหนึ่ง

00:08:5000:08:53 รองจากตัวที่เป็นโปรตีน ก็จะเป็นโซเดียมนะคะ

00:08:5300:08:55 โซเดียม เมื่อกี้พูดแล้วว่าของเค็มนี่

00:08:5500:09:00 เราจะพูดว่า มันจะสามารถทำให้ไตเราเสื่อมได้ แล้วเมื่อไตเราเสื่อมแล้วนี่

00:09:0000:09:01 เราควรจะต้องลด

00:09:0100:09:03 เหตุผลก็เพราะว่าเวลาที่ไตเสื่อม

00:09:0300:09:07 ฮอร์โมนบางอย่าง ที่ช่วยในเรื่องของการควบคุมความดัน

00:09:0700:09:08 มันก็จะเสียไป

00:09:0800:09:11 ทำให้คนไข้มีปัญหาเรื่องของ ความดันสูงใช่ไหมคะ

00:09:1100:09:12 ถ้าเรากินโซเดียมมาก

00:09:1200:09:14 ความดันก็จะยิ่งสูง คุมไม่ได้

00:09:1400:09:17 ถ้าร่างกายขับน้ำไม่ได้ เป็นอย่างไรคะ ตัวบวม

00:09:1800:09:20 กินโซเดียมเข้าไป ก็จะยิ่งบวมอีก

00:09:2000:09:23 ดังนั้น คนไข้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง

00:09:2400:09:26 ควรจะต้องคุมปริมาณโซเดียม

00:09:2600:09:29 ไม่ให้เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน

00:09:2900:09:32 ดูอย่างไร ไปดูที่ฉลากโภชนาการก็ได้ค่ะ

00:09:3200:09:34 ดูตรงช่องสุดท้ายของโซเดียม

00:09:3500:09:36 ถ้าสมมุติมันมีคำว่าโซเดียมอยู่

00:09:3700:09:40 แล้วให้ดูตรงช่องสุดท้าย หรือว่าแถวสุดท้ายนะคะ

00:09:4000:09:43 มันจะเป็นแถวที่เขียนว่า เป็นเปอร์เซ็นต์หรือว่าร้อยละ

00:09:4300:09:45 ของความต้องการในแต่ละวัน

00:09:4500:09:47 เลือกอาหารที่มีต่ำกว่า 5

00:09:4700:09:50 อันนี้เราจะเรียกว่าเป็นพวกที่เป็นโซเดียมต่ำ

00:09:5000:09:52 แต่ถ้าอันนั้นมันมีมากกว่า 20

00:09:5200:09:54 แสดงว่าอาหารชนิดนั้นเป็นอย่างไรคะ

00:09:5400:09:56 โซเดียมสูง เราควรหลีกเลี่ยง

00:09:5600:09:58 อันนี้คือหลักง่าย ๆ ก่อนเนอะ ถ้าเราดูฉลากโภชนาการ

00:09:5800:10:03 ในส่วนของอาหารนี่ค่ะ เราจะชอบพูดว่าของเค็ม ของเค็ม

00:10:0300:10:05 ต้องบอกอย่างนี้ค่ะ โซเดียมบางอย่างไม่เค็มนะคะ

00:10:0500:10:07 โซเดียมที่เค็มคือพวกของเกลือ

00:10:0700:10:09 อันนี้ชัดเจน เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว

00:10:0900:10:13 แต่ของบางอย่างมันไม่เค็มเลย แต่มันมีเกลือด้วย

00:10:1300:10:14 ซอสมะเขือเทศค่ะ

00:10:1500:10:18 น้ำจิ้มซีฟู้ดค่ะ เราไม่รู้สึกว่ามันเค็ม เห็นไหมคะ

00:10:1800:10:21 น้ำจิ้มอะไรทั้งหลายแหล่ที่เรากินนะคะ

00:10:2100:10:24 เหตุผลเพราะว่า เขาใส่เครื่องปรุงหลายอย่างลงไป

00:10:2400:10:26 แต่ว่าในนั้นมันจะต้องมีโซเดียมอยู่ด้วย

00:10:2600:10:30 อีกอันหนึ่งก็คือพวกของผงปรุงรสทั้งหลาย

00:10:3000:10:34 ที่มีเรื่องของโมโนโซเดียมกลูตาเมต หรือว่า MSG ที่เรารู้จักกันนะคะ

00:10:3400:10:36 พวกนี้จะรสชาติไม่ได้เค็มเลย

00:10:3600:10:39 แต่ว่าจะมีโซเดียมอยู่ในปริมาณมาก

00:10:3900:10:42 อีกอันหนึ่ง ก็จะเป็นพวกอาหาร ที่มันจะทำให้ฟูทั้งหลาย

00:10:4200:10:44 พวกขนมทั้งหลาย

00:10:4400:10:48 อันนี้ก็จะมีพวกของผงฟู ซึ่งจะมีส่วนของโซเดียมผสมอยู่

00:10:4800:10:51 ยิ่งฟูมาก ก็อาจจะยิ่งทำให้ได้รับโซเดียมเยอะขึ้น

00:10:5100:10:53 ดังนั้น เราก็ควรจะเลี่ยงกลุ่มนี้

00:10:5300:10:57 แต่ถ้าเราไม่ใช้อย่างนี้ โอ้โฮ อาหารมันต้องจืดสนิทแน่เลย

00:10:5700:11:01 วิธีการก็คือ หนึ่ง เลือกเครื่องปรุงที่เป็นโซเดียมต่ำ

00:11:0100:11:05 สอง เราจะเลือกกลุ่มที่มันมี พวกของสมุนไพรใส่เข้าไป

00:11:0500:11:09 หรือเราปรุงรสให้มันเป็น ลักษณะที่มันเปรี้ยวเผ็ดหรืออะไรอย่างนี้ค่ะ

00:11:0900:11:10 ปรุงเพิ่มเข้าไป

00:11:1000:11:12 สุดท้ายค่ะ พอปรุงเสร็จแล้วนี่

00:11:1200:11:16 ทั้งหมดนี้มันจะอยู่ในน้ำราด น้ำซอสทั้งหลาย น้ำซุปเนอะ

00:11:1600:11:17 เราก็ไม่ซดน้ำซุปจนหมด

00:11:1700:11:20 ไม่กินน้ำราด หรือว่าน้ำที่มันเป็นน้ำปรุงจนหมด

00:11:2000:11:24 อันนี้ก็จะเป็นทางเลือกที่เราจะสามารถ เลี่ยงพวกของโซเดียมได้

00:11:2400:11:26 แล้วก็เนื่องจากว่าไตเองนี่

00:11:2600:11:31 ก็จะมีส่วนสำคัญกับเรื่องของ ตัวสมดุลเกลือแร่ในร่างกายที่บอกไปตั้งแต่ต้น

00:11:3100:11:34 ดังนั้น ถ้าสมมุติว่าไตเราเริ่มเสื่อมลง

00:11:3400:11:36 เขาก็กรองเอาของเสียออกไม่ได้

00:11:3600:11:39 เขาจัดการกับเรื่องของเกลือแร่ไม่ได้

00:11:3900:11:43 ดังนั้น เกลือแร่อะไรก็ตาม ที่จะต้องถูกเอาออกทางไต

00:11:4300:11:44 เราไม่ควรจะเติมเข้าไปเยอะ

00:11:4400:11:48 หลัก ๆ ที่เราจะคุยกัน ก็จะเป็นโพแทสเซียมกับฟอสฟอรัส

00:11:4800:11:49 โพแทสเซียมอยู่ในไหน

00:11:4900:11:52 โพแทสเซียม หลัก ๆ เลย คือผักแล้วก็ผลไม้

00:11:5200:11:55 ถ้าสมมุติว่าเราจะบอกว่า ไม่ให้คนไข้กินผักผลไม้เลย

00:11:5500:11:56 มันก็คงจะไม่ใช่เนอะ

00:11:5600:11:59 เพราะมันเป็นแหล่งของวิตามิน แล้วก็เกลือแร่ทั้งหลาย

00:11:5900:12:04 แต่ว่า เราจะต้องมาดูว่าอันไหน ที่มันจำเป็นจะต้องลด

00:12:0400:12:06 หรือว่าอันไหนที่จำเป็นจะต้องเลี่ยง

00:12:0600:12:10 คนไข้โรคไตนะคะ โดยทั่วไปนี่ ถ้าเป็นระยะที่ 1 ระยะที่ 2

00:12:1000:12:14 โดยทั่วไป สามารถจะกินโพแทสเซียม หรือว่าฟอสฟอรัสได้เหมือนคนปกติ

00:12:1400:12:16 เราอาจจะจำเป็นที่จะต้องมาระมัดระวัง

00:12:1600:12:21 หรือว่าลดลงในกรณีที่เป็น ไตเสื่อมระยะที่ 3 เป็นต้นไป

00:12:2100:12:23 ในส่วนของโพแทสเซียมนี่ มันอยู่ในผักผลไม้เนอะ

00:12:2400:12:26 เราจะคิดอย่างไรดี เอาง่าย ๆ เลยค่ะ

00:12:2600:12:31 ดูผักผลไม้ที่มันมีสีเหลืองเข้ม สีแดงเข้ม สีเขียวเข้ม ๆ

00:12:3100:12:34 สีพวกนี้จะเป็นตัวที่มีโพแทสเซียม ค่อนข้างเยอะ

00:12:3400:12:35 ถ้ามีโพแทสเซียมในเลือดสูง

00:12:3500:12:37 ก็ควรจะเลือกกินที่มันสีอ่อน ๆ

00:12:3700:12:40 สีออกขาว ๆ สีเขียวอ่อน ๆ อะไรอย่างนี้

00:12:4000:12:42 ก็จะเป็นทางเลือกที่ได้นะคะ

00:12:4200:12:45 เช่น กินเป็นผักกาดขาวอย่างนี้ค่ะ

00:12:4500:12:51 แทนที่จะไปกินอะไรดี ไปกินเป็นคะน้า หรือว่าไปกินเป็นฟักทอง อะไรประมาณนี้

00:12:5100:12:52 แล้วก็เวลาที่ดูค่ะ

00:12:5200:12:55 ถามว่าจำเป็นต้องเป็นทุกคนไหม

00:12:5500:12:57 อาจจะไม่ได้จำเป็นต้องเป็นทุกคน

00:12:5700:13:02 แต่ว่าถ้าใครที่มีไตเสื่อม ถึงระยะที่ 3 ระยะที่ 4

00:13:0200:13:04 หรือว่ามีระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง

00:13:0400:13:08 อันนี้ควรที่จะต้องหลีกเลี่ยง หรือว่าระมัดระวัง แล้วก็ลดโพแทสเซียม

00:13:0800:13:10 ทีนี้สมมุติว่าถ้ามันเลือกไม่ได้

00:13:1000:13:11 มันมีวิธีอื่นไหม

00:13:1200:13:14 โพแทสเซียม นอกเหนือจากมีอยู่ในผักผลไม้นะคะ

00:13:1500:13:16 ถ้าเราจะกิน

00:13:1600:13:18 อันนี้ฉันชอบมาก แล้วฉันอยากกิน

00:13:1900:13:20 เอาไปลวกค่ะ

00:13:2000:13:21 เอาไปล้างบ่อย ๆ ค่ะ

00:13:2100:13:23 ถ้าสมมุติว่าเราลวกทิ้ง

00:13:2300:13:25 น้ำ...โพแทสเซียมมันจะเจืออยู่ในน้ำค่ะ

00:13:2500:13:27 เพราะฉะนั้น ของที่เราลวกนี่

00:13:2700:13:29 มันก็จะทำให้โพแทสเซียมลดลงได้

00:13:3000:13:33 อันที่สอง ถ้าเป็นผักนี่ เราไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ

00:13:3300:13:35 ไปล้างน้ำบ่อย ๆ เอาไปลวก

00:13:3500:13:37 จะเป็นวิธีที่จะลดโพแทสเซียมในอาหารได้

00:13:3700:13:40 ดังนั้น จะเอาไปปรุงได้เหมือนกัน

00:13:4000:13:43 ตัวสุดท้ายที่เราจะต้องระมัดระวังกัน ก็คือฟอสฟอรัส

00:13:4300:13:45 ฟอสฟอรัสคืออะไร ไม่ค่อยคุ้นเลยเนอะ

00:13:4500:13:48 จริง ๆ แล้ว มันมีอยู่ในไหน มีอยู่ในนมค่ะ

00:13:4800:13:49 หรือว่าผลิตภัณฑ์จากนม

00:13:4900:13:53 พวกนี้ จริง ๆ เราจะคุ้นว่า กินนมแล้วมีแคลเซียมเนอะ

00:13:5300:13:56 แต่จริง ๆ มันจะมีฟอสฟอรัสรวมอยู่ด้วยนะคะ

00:13:5600:13:59 ดังนั้น ถ้าใครที่มีไตเสื่อม

00:13:5900:14:01 โดยทั่วไป ระยะ 3 เป็นต้นไป

00:14:0100:14:07 จะต้องหลีกเลี่ยงหรือว่าลดปริมาณการกิน พวกของผลิตภัณฑ์จากนม

00:14:0700:14:09 ไม่ว่าจะเป็นตัวนมเองนะคะ

00:14:0900:14:13 โยเกิร์ต หรือว่าพวกชีสทั้งหลาย พวกนี้ควรจะต้องลดลง

00:14:1300:14:15 นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์จากนมแล้วนี่

00:14:1500:14:19 พวกเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชา กาแฟ

00:14:1900:14:21 หรือว่าน้ำอัดลมที่เป็นสีดำ

00:14:2100:14:23 อันนี้จะมีฟอสฟอรัสค่อนข้างเยอะ

00:14:2300:14:24 แล้วก็พวกถั่วค่ะ

00:14:2400:14:26 ถั่วเมล็ดแห้งทั้งหลาย

00:14:2600:14:28 พวกนี้ฟอสฟอรัสก็จะเยอะ

00:14:2800:14:30 อันหนึ่งที่เราจะได้ยินบ่อย ๆ ก็คือว่า

00:14:3000:14:34 โอเค เราจะได้ยินว่า เป็นข้าวกล้องนี่ดีกับสุขภาพ ถูกไหมคะ

00:14:3400:14:36 มีวิตามิน มีโน่นนี่นั่น

00:14:3600:14:38 แต่พอเวลาคนไข้ไตเสื่อมปั๊บ

00:14:3800:14:41 คุณหมอก็จะแนะนำว่า ขอให้กินเป็นข้าวสวย

00:14:4100:14:43 ก็เลยจะมีหลายคนงง ๆ

00:14:4300:14:47 เหตุผลหนึ่งที่เราจะให้เลี่ยงหรือว่าให้เราลด ส่วนที่เป็นข้าวกล้อง

00:14:4700:14:51 เพราะว่า ในข้าวกล้อง มันจะมีฟอสฟอรัสอยู่ปริมาณมากกว่าข้าวสวย

00:14:5100:14:54 ถ้าคนไข้มีไตเสื่อมนะคะ

00:14:5400:14:56 แล้วก็เริ่มจะมีฟอสฟอรัสในเลือดสูง

00:14:5700:15:01 เราจะแนะนำว่า ให้เลี่ยงในส่วนของข้าวกล้อง แล้วให้มากินข้าวสวยแทน

00:15:0100:15:05 อีกอันหนึ่งที่จะทำให้มีฟอสฟอรัสสูง ก็คือ พวกเนื้อสัตว์

00:15:0500:15:07 แต่ว่าเวลาที่คนไข้ไตเสื่อมนี่

00:15:0700:15:09 เราจะให้ลดปริมาณโปรตีนลงอยู่แล้ว

00:15:1000:15:13 เพราะฉะนั้น เวลาที่เราลดปริมาณของโปรตีน

00:15:1300:15:16 มันก็จะทำให้ฟอสฟอรัสลดลงไปโดยปริยาย

00:15:1600:15:18 นอกเหนือจากสารอาหารที่เราว่ามานะคะ

00:15:1800:15:22 ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม โปรตีน โพแทสเซียมหรือฟอสฟอรัสแล้วนี่

00:15:2200:15:27 อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ ไตเรามีหน้าที่ขับน้ำและของเสียถูกไหมคะ

00:15:2700:15:29 ถ้าสมมุติเราเสื่อมมาก ๆ ปั๊บนี่

00:15:2900:15:32 การขับน้ำไปจากร่างกายก็จะลดลง

00:15:3200:15:36 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ปัสสาวะจะน้อยลง หรือคนไข้จะบวมขึ้น

00:15:3600:15:39 ดังนั้น มันอาจจะต้องระมัดระวัง ในเรื่องของการกินน้ำ

00:15:3900:15:40 หรือปริมาณน้ำด้วย

00:15:4100:15:45 แต่ว่าการที่เราจะต้องมาลดปริมาณน้ำ หรือว่าควบคุมปริมาณน้ำนี่

00:15:4500:15:50 มันจะดูในกรณีของคนไข้ ที่อาจจะต้องอยู่ในภาวะที่ไตเสื่อมมาก ๆ แล้ว

00:15:5000:15:53 หรือว่าก่อนที่เขาจะฟอกไตนะคะ

00:15:5300:15:55 ทีนี้กลุ่มนี้ถามว่าจะดูอย่างไร

00:15:5500:15:57 เราจะต้องกินน้ำมากแค่ไหน

00:15:5700:16:00 ให้ดูจากน้ำหนักในแต่ละวันนะคะ

00:16:0000:16:03 หรือดูจากปริมาณปัสสาวะในแต่ละวันนะคะ

00:16:0300:16:06 ปริมาณที่เราปัสสาวะได้นี่ เราจะกินได้ไม่เกินนั้น

00:16:0600:16:09 หรือจะกินได้ แล้วบวกได้อีกประมาณ ไม่เกิน 500 cc เช่น

00:16:0900:16:11 สมมุตินะ ถ้าเราชั่งเนอะ

00:16:1100:16:13 เมื่อวานเราฉี่ไปประมาณลิตรนึง

00:16:1300:16:15 คน ๆ นี้จะกินได้ไม่เกินลิตรครึ่ง

00:16:1500:16:16 อันนี้คือเต็มที่

00:16:1700:16:21 สมมุติเราไม่ได้ตวงฉี่ แต่ละวันเราก็ฉี่ออกไป แล้วเราจะรู้ได้ยังไง

00:16:2100:16:22 เราชั่งน้ำหนักค่ะ

00:16:2200:16:26 เราดูซิว่าน้ำหนักในแต่ละวัน มันควรจะคงที่

00:16:2600:16:30 ถ้าชั่งไปแล้วนี่ วันสองวัน น้ำหนักขึ้นทีละโลสองโล

00:16:3000:16:32 อันนี้ไม่ใช่อ้วนเนอะ แต่มันจะเป็นความบวม

00:16:3300:16:38 ถ้าเมื่อไหร่เริ่มบวม ให้ลดน้ำ แล้วก็ลดเกลือ หรือว่าลดโซเดียม

00:16:3800:16:42 อันนี้ก็จะเป็นกลุ่มของคนไข้ ก่อนที่เขาจะฟอกเลือดหรือว่าฟอกไต

00:16:4200:16:45 [เสียงดนตรี]

00:16:4500:16:48 แล้วก็หลังจากที่ไต มันเสื่อมไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมคะ

00:16:4800:16:52 จนในที่สุด มันไม่สามารถจะทำงานได้ หรือทำงานได้ไม่เพียงพอ

00:16:5200:16:57 เราก็จะต้องเข้าสู่ภาวะที่เราเรียกว่า จะต้องไปฟอกเลือดหรือว่าฟอกไตก็แล้วแต่

00:16:5700:16:59 วิธีการนี่ทำได้ 2 อัน

00:16:5900:17:02 อันแรกก็คือเข้าเครื่องนะคะ

00:17:0200:17:05 เวลาที่เข้าเครื่องนี่ เราจะเข้าไปอาทิตย์ละ 2 หรือ 3 ครั้ง

00:17:0500:17:06 ก็ไปนอนอยู่นะคะ

00:17:0600:17:09 แล้วก็ให้เลือดหมุนผ่านเครื่องฟอกเลือด

00:17:0900:17:12 เขาก็จะเอาของเสียออก แล้วก็เอาเลือดเรากลับเข้าไปใหม่

00:17:1200:17:16 อันที่สองก็คือผ่านทางหน้าท้อง อันนี้ต้องทำทุกวันนะคะ

00:17:1600:17:18 ทำวันละประมาณ 4 ครั้งนะคะ

00:17:1800:17:23 ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม หลัก ๆ ก็คือ มีหน้าที่ทดแทนไต

00:17:2300:17:27 เอาของเสีย เอาเกลือแร่ออกไปจากร่างกาย

00:17:2700:17:31 เพื่อจะช่วยทำให้สมดุลในร่างกายดีขึ้น

00:17:3100:17:34 ดังนั้น ถ้าสมมุติว่า เราผ่านการฟอกเลือดหรือว่าฟอกไตนี่

00:17:3400:17:36 เราก็จะสามารถกินได้เยอะขึ้น

00:17:3600:17:40 เพราะว่าตอนนี้มันสามารถ จะมีที่ให้ทิ้งได้แล้วนะคะ

00:17:4000:17:44 ในส่วนของโปรตีนเองนี่ แต่เดิมเราต้องจำกัดใช่ไหมคะ

00:17:4400:17:48 เหลือ 0.6-0.8 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน

00:17:4800:17:51 ตอนนี้มันเพิ่มแล้วค่ะ ประมาณ 1.2 กรัม

00:17:5100:17:53 ขึ้นไปอีกประมาณเท่าตัวนึงนะคะ

00:17:5300:17:56 1.2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวัน

00:17:5600:17:58 ทีนี้คำนวณเหมือนกันเลยเนอะ

00:17:5800:18:00 ถ้าน้ำหนัก 50 กิโลกรัมใช่ไหมคะ

00:18:0000:18:02 ไปคูณด้วย 1.2 ได้ 60 ใช่ไหมคะ

00:18:0200:18:07 เอามาหาร 10 เพราะฉะนั้น แต่ละมื้อจะได้ประมาณเกือบจะ 6 ช้อนโต๊ะ

00:18:0700:18:09 อันนี้ก็จะได้กินได้เยอะขึ้นนะคะ

00:18:1000:18:11 อันที่สอง โพแทสเซียม

00:18:1100:18:16 โพแทสเซียมก็เหมือนกัน เราสามารถจะมีข้อจำกัดน้อยลง

00:18:1600:18:19 สามารถจะกินผักผลไม้ได้เยอะขึ้นนะคะ

00:18:1900:18:23 ฟอสฟอรัสก็จะเพิ่มได้เยอะขึ้นนิดนึง

00:18:2300:18:27 แต่ว่าฟอสฟอรัส มันไม่สามารถ จะเอาออกจากเครื่องได้บ่อยได้เยอะ

00:18:2700:18:29 เพราะฉะนั้น ต่อให้เรากินได้เยอะขึ้น

00:18:2900:18:32 เราก็ยังจะต้องจำกัดอยู่ดีนะคะ

00:18:3200:18:36 ในส่วนของโซเดียม อันนี้ก็ยังจำกัดเหมือนเดิมนะคะ

00:18:3600:18:39 แล้วก็สุดท้ายก็คือเรื่องของน้ำนะคะ

00:18:3900:18:40 เรื่องของน้ำนี่

00:18:4000:18:44 ในกรณีที่เราฟอกเลือดด้วยเครื่อง ที่อาทิตย์ละ 3 ครั้งน่ะค่ะ

00:18:4500:18:48 อันนี้จะถูกจำกัดมากกว่า กลุ่มที่ฟอกเลือดผ่านทางหน้าท้อง

00:18:4900:18:52 ถ้าผ่านทางหน้าท้องนี่ มันได้ดึงน้ำออกทุกวันใช่ไหมคะ

00:18:5200:18:53 พวกนี้จะกินน้ำได้เยอะกว่า

00:18:5300:18:56 ในขณะที่พวกที่ผ่านเครื่อง

00:18:5600:18:58 มันก็จะกินน้ำได้น้อยกว่า

00:18:5800:19:00 เหมือนกันค่ะ ตัวโพแทสเซียมค่ะ

00:19:0000:19:04 พวกที่ผ่านทางหน้าท้อง จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโพแทสเซียมสูง

00:19:0400:19:08 อาจจะต่ำไปด้วยซ้ำไปบางคน เพราะว่ามันถูกดึงทุกวันนะคะ

00:19:0800:19:11 แต่ถ้าสมมุติว่าพวกที่ผ่านเครื่อง อาทิตย์ละ 3 ครั้งอย่างนี้

00:19:1100:19:15 วันแรก หลังจากที่เขาไปฟอกเลือด อันนี้เขาจะกินได้เยอะหน่อย

00:19:1600:19:18 จนในที่สุด ก่อนที่วันจะฟอกเลือด

00:19:1800:19:21 อันนี้จะต้องกินได้น้อยหน่อย หรือว่าจำกัดน้ำเยอะหน่อย

00:19:2100:19:24 เพราะว่าไม่อย่างนั้นนี่ มันจะทำให้น้ำมันท่วมปอด

00:19:2400:19:26 หรือว่าน้ำท่วมตัวแบบบวมเยอะ

00:19:2600:19:29 แล้วก็ต้องรีบไปฟอกเลือดให้เร็วขึ้น

00:19:2900:19:34 สำหรับโซเดียมก็จะเป็นเรื่องที่เราพูดกัน เยอะเลยในกรณีของคนไข้โรคไต

00:19:3400:19:36 ทีนี้สมัยก่อน เราจะบอกว่า

00:19:3600:19:38 ให้งดเค็ม งดเค็ม

00:19:3800:19:42 ทีนี้เราก็จะรู้สึกว่า ถ้ามันเค็ม มันถึงจะมีโซเดียมถูกไหมคะ

00:19:4200:19:46 แล้วเราก็จะรู้จักโซเดียมในรูปแบบของ เกลือ ซีอิ๊ว อะไรอย่างนี้ค่ะ

00:19:4600:19:48 เคยมีอาม่าคนหนึ่งมาบอกว่า

00:19:4800:19:52 คุณหมอ อาม่ากินไม่เค็ม อาม่าไม่ได้ใส่เกลือเลย ไม่ใช้น้ำปลาเลย

00:19:5200:19:54 อาม่าใส่ซีอิ๊ว มันไม่เค็มนะคะ

00:19:5400:19:58 เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้ว สารปรุงแต่ง หลาย ๆ อย่างที่เรากินกันเข้าไปนี่

00:19:5800:20:01 คนจะมองภาพแค่เกลือหรือว่าน้ำปลานะคะ

00:20:0100:20:04 แต่จริง ๆ ตัวอื่น ๆ นี่ ก็สามารถที่จะมีโซเดียมได้เหมือนกัน

00:20:0400:20:08 ดังนั้น ปัจจุบันเราจะไม่พูดถึง เรื่องของความเค็มเป็นหลักแล้ว

00:20:0800:20:12 เวลาที่เราจะลดโซเดียม เราจะพูดคำว่าโซเดียมลงไปเลยนะคะ

00:20:1200:20:17 ทีนี้นอกเหนือจากอาหารที่มีรสเค็ม ซึ่งเราคุ้นเคยนะคะ

00:20:1700:20:21 มันจะมีหลาย ๆ อย่างซึ่งอาจจะไม่ได้มีรสเค็ม แต่มีโซเดียมแฝงอยู่

00:20:2100:20:23 เราจะแบ่งออกมาเป็น 3-4 กลุ่มอย่างนี้นะคะ

00:20:2300:20:28 อันแรกเลย ก็จะเป็นกลุ่มของ สารที่ปรุงแต่งอาหารนะคะ

00:20:2800:20:33 ซึ่งจะทำให้มีการขึ้นฟู ยกตัวอย่างเช่น เป็นพวกของผงฟูอย่างนี้ค่ะ

00:20:3300:20:35 อันนี้ก็เป็นโซเดียมเหมือนกันนะคะ

00:20:3500:20:37 เพราะฉะนั้น มันจะอยู่ในไหนบ้าง

00:20:3700:20:41 ของที่มันมีฟู ๆ ได้ พวกของเบเกอรีทั้งหลาย

00:20:4100:20:45 พวกขนมปังเอง ก็จะมีเกลือค่อนข้างเยอะเหมือนกัน

00:20:4500:20:47 เพราะฉะนั้นใครที่กินกลุ่มนี้เยอะ ๆ

00:20:4700:20:50 ก็จะได้รับโซเดียมเยอะตามไปด้วยนะคะ

00:20:5000:20:55 อันที่สอง ผลไม้หรือว่าอาหารที่เป็น หมักดองหรือว่าแช่อิ่ม

00:20:5500:20:59 ต้องบอกว่าอาหารที่ผ่านการถนอมอาหารทั้งหลาย

00:20:5900:21:02 พวกนี้จะมีโซเดียมเยอะนะคะ

00:21:0200:21:05 สมมุติว่าปลาอย่างนี้ ปลาแดดเดียวใช่ไหมคะ

00:21:0500:21:07 ปลาเค็มอย่างนี้ เวลาที่เราเอาไปตากปั๊บนี่

00:21:0700:21:09 ส่วนที่เป็นน้ำ มันระเหยไป

00:21:0900:21:13 ถ้ามันเป็นปลาทะเล ส่วนที่มันเป็นเกลือมันก็จะยังอยู่ในเนื้อปลา

00:21:1300:21:16 หรือแม้กระทั่งว่าก่อนที่เป็นปลาน้ำจืดก็ตาม

00:21:1600:21:18 แต่ว่าเขาไปแช่น้ำเกลือหรืออะไรก็ตาม

00:21:1800:21:24 พวกนี้ที่จะเป็นพวกของตากแดดทั้งหลาย แดดเดียว หรือว่าพวกของตากแห้ง

00:21:2400:21:26 พวกนี้จะมีเกลือค่อนข้างเยอะ

00:21:2600:21:28 อีกอันหนึ่งคือพวกแช่อิ่ม

00:21:2800:21:31 ขณะที่เรากิน แล้วเรารู้สึกว่ามันหวาน

00:21:3100:21:34 แต่ต้องบอกว่าก่อนที่เขาจะมาใส่น้ำตาล

00:21:3400:21:37 เขาจะทำให้กรอบ โดยการที่จะต้องแช่น้ำเกลือก่อน

00:21:3700:21:39 ดังนั้น พวกอาหารแปรรูปนะคะ

00:21:3900:21:41 อาหารหมักดองทั้งหลายพวกนี้

00:21:4100:21:44 จะมีโซเดียมปนอยู่พอสมควรเลย

00:21:4400:21:48 กินเยอะ ก็จะทำให้ได้รับโซเดียมแฝง มากขึ้นด้วยเช่นกันนะคะ

00:21:4900:21:50 กลุ่มที่สามค่ะ

00:21:5000:21:54 ก็จะเป็นกลุ่มของอาหารสำเร็จรูปทั้งหลาย

00:21:5400:21:55 อาหารสำเร็จรูปทั้งหลายนี่

00:21:5500:21:59 ขบวนการ ไม่ว่าจะเป็นสารกันบูดเอย อะไรเอยที่ใส่ลงไป

00:21:5900:22:02 พวกนี้จะมีโซเดียมพอสมควรนะคะ

00:22:0200:22:06 เพราะฉะนั้น ควรจะใช้เป็นอาหารสดนะคะ ถ้าเป็นคนไข้ที่เป็นโรคไต

00:22:0600:22:10 ไม่ควรจะเป็นพวกอาหารหมักดอง ตากแห้ง หรือว่าอาหารแปรรูปทั้งหลาย

00:22:1000:22:12 เพราะว่าพวกนี้จะมีโซเดียมแฝงอยู่

00:22:1200:22:17 กลุ่มสุดท้ายก็คือพวกของเครื่องปรุงทั้งหลาย เช่น น้ำจิ้ม

00:22:1700:22:20 หรือว่าพวกของซอสมะเขือเทศ ซอสพริก

00:22:2000:22:23 เวลาที่เรากิน เราอาจจะไม่รู้สึกว่ามันเค็ม

00:22:2300:22:27 แต่ว่าในกลุ่มพวกของน้ำจิ้ม หรือแม้กระทั่งน้ำซุป

00:22:2700:22:30 พวกนี้ก็จะมีส่วนของโซเดียมค่อนข้างเยอะ

00:22:3000:22:33 เพราะฉะนั้นเราควรจะหลีกเลี่ยง เวลาที่เราจะกิน

00:22:3300:22:36 ไม่ได้แบบว่ากินพวกของน้ำจิ้มเยอะ

00:22:3600:22:38 ในกลุ่มของอาหารหมักดองนะคะ

00:22:3800:22:40 ซึ่งเวลาที่เราชิม มันอาจจะไม่มีรสเค็ม

00:22:4000:22:42 ออกจะหวานด้วยซ้ำไป

00:22:4200:22:45 แต่ว่าจริง ๆ แล้ว กลุ่มนี้นี่ ก็จะมีโซเดียมค่อนข้างเยอะ

00:22:4600:22:49 ยกตัวอย่างเช่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงดอง

00:22:4900:22:51 หรือแม้กระทั่งไชโป้วหวานนะคะ

00:22:5100:22:54 พวกนี้เขาจะต้องเอาไปแช่เกลือก่อนนะคะ

00:22:5400:22:58 แล้วหลังจากนั้นถึงจะเอามาหมักกับน้ำตาล หรือมาต้มน้ำตาลก็ตาม

00:22:5800:23:01 ดังนั้น การที่เราชิมรส แล้วมันไม่รู้สึกว่าเค็ม

00:23:0100:23:02 หรือเราชิมรสแล้วมันหวาน

00:23:0200:23:05 ไม่ได้แปลว่าอันนี้จะไม่มีโซเดียม หรือว่าโซเดียมต่ำ

00:23:0500:23:09 โดยสรุปนะคะในส่วนของโซเดียมเอง มีความสำคัญ

00:23:0900:23:14 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของคนที่ปกติทั่วไป เพื่อจะให้มีสุขภาพดีนะคะ

00:23:1400:23:16 คนที่มีเรื่องของโรคไตนะคะ

00:23:1700:23:19 ทุกคนก็ไม่ควรจะกินโซเดียมมากเกินไป

00:23:1900:23:23 แล้วก็จำกัดไว้อยู่ที่ประมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน

00:23:2300:23:26 แล้วก็อันนี้ถามว่ามันเท่าไหร่

00:23:2600:23:30 ถ้าเกิดจะเป็นพวกของเกลือ ก็อยู่ประมาณสัก 1 ช้อนชานะคะ

00:23:3000:23:35 ถ้าเป็นพวกซีอิ๊วน้ำปลา พวกนี้ก็อยู่ประมาณ 3 ช้อนชา หรือ 1 ช้อนโต๊ะ

00:23:3500:23:36 ก็คือคูณ 3 เท่า

00:23:3600:23:40 แล้วที่ต้องระวังนอกเหนือจากอาหารเค็ม ที่เรารู้จักแล้วนี่

00:23:4000:23:42 ก็ควรจะต้องไปใส่ใจนิดนึง

00:23:4200:23:45 ว่าจะมีโซเดียมแฝง ในอาหารที่เรากินหรือเปล่าค่ะ

00:23:4500:23:48 สุดท้ายนะคะ ในส่วนของคนไข้โรคไตเองนะคะ

00:23:4800:23:51 หลาย ๆ ครั้ง คนไข้โรคไตจะไม่มีอาการเลย

00:23:5100:23:53 มาอีกทีนึงนี่ บางคนก็บอกว่า

00:23:5300:23:56 แย่แล้ว มาถึงก็ต้องฟอกเลือดแล้วนะคะ

00:23:5600:23:59 ดังนั้น เราควรจะใส่ใจตั้งแต่เริ่มต้นนะคะ

00:23:5900:24:03 ใช้ชีวิตให้ดี เลือกอาหาร แล้วก็ดูแลสุขภาพ

00:24:0300:24:06 เพื่อจะไม่ให้เราเสี่ยงกับการที่จะเป็นโรคไต

00:24:0600:24:09 รวมทั้งการติดตามการรักษา

00:24:0900:24:12 หรือว่าตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอนะคะ

00:24:1200:24:15 เพื่อจะให้รู้ว่า ตอนนี้เรามีปัญหาเรื่องไตแล้วหรือยัง

00:24:1500:24:17 และเมื่อเราเป็นแล้ว

00:24:1700:24:21 เราก็ควรที่จะดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย

00:24:2100:24:23 เรื่องของการเลือกใช้ยานะคะ

00:24:2300:24:25 แล้วก็ติดตามการรักษาให้สม่ำเสมอค่ะ

00:24:2600:24:31 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้

00:24:3100:24:33 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.

00:24:3300:24:35 ที่ Mahidol Channel Podcast

00:24:3500:24:37 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel

00:24:3700:24:39 YouTube Mahidol Channel

00:24:3900:24:40 Apple Podcasts

00:24:4000:24:41 Spotify

00:24:4200:24:42 Anchor

00:24:4300:24:43 Blockdit

00:24:4400:24:49 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:24:5000:24:53 Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้