เบาหวานมีกี่ชนิด และแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไรบ้าง

เบาหวาน ป้องกันได้ เคล็ดลับสุขภาพดี กับ หมอแอมป์ [Dr. Amp Guide👨‍⚕️ & Dr.Amp Podcast] Diabetes

จากช่อง : DrAmp Team


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:1400:00:17 สวัสดีครับท่านผู้ฟังทุกท่านครับ

00:00:1700:00:19 พบกับรายการ Dr.Amp Podcast

00:00:1900:00:23 กับผมหมอแอมป์ นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ

00:00:2300:00:29 ในวันนี้ครับเราจะมาคุยกันถึงชื่อตอนที่หลายๆ ท่านนะครับ ถามเข้ามา

00:00:2900:00:31 เรื่องเบาหวานนะครับ

00:00:3100:00:36 วันนี้หมอเลยขอตั้งชื่อตอนว่าเบาหวานป้องกันได้นะครับ

00:00:3600:00:41 แล้วเรามาคุยกันเรื่องเคล็ดลับสุขภาพดีให้ห่างไกลโรคกัน

00:00:4100:00:42 กับหมอแอมป์

00:00:4200:00:44 เรามาเริ่มต้นกันเลยครับว่า

00:00:4400:00:48 เบาหวานเนี่ยมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะมากนะครับ

00:00:4800:00:53 หมอแล้วก็ทีมงานเนี่ยใช้เวลาค่อนข้างมากทีเดียวในการรวบรวมนะครับ

00:00:5300:00:57 ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวิจัยนะครับ

00:00:5700:01:01 แล้วก็ต้องอัพเดทการวิจัยใหม่ๆ

00:01:0100:01:06 เพราะว่าเรื่องเบาหวานเนี่ยเปลี่ยนแปลงแล้วก็มีข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ

00:01:0600:01:11 โดยเฉพาะในปัจจุบันที่อาหารเนี่ยเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปมากนะครับ

00:01:1100:01:15 ในอดีตนะครับที่สมัยพ่อแม่ปู่ย่าตายายเรานะครับ

00:01:1500:01:21 ส่วนใหญ่เนี่ยเราก็จะรับประทานอาหารตามภูมิภาค ตามภูมิประเทศ

00:01:2100:01:26 แต่ในปัจจุบันครับโลกใบนี้เองเนี่ยได้เล็กลงมากนะครับ

00:01:2600:01:31 ความหมายคือสามารถส่งสิ่งต่างๆ เนี่ยไปถึงที่ต่างๆ ได้ไวขึ้น

00:01:3100:01:35 ทำให้อาหารครับก็สามารถเข้าถึงบางพื้นที่ หลายพื้นที่

00:01:3500:01:38 หลายประเทศได้มากมายทีเดียว

00:01:3800:01:43 ปัจจุบันครับเราอยู่เมืองไทย เราก็สามารถกินอาหารญี่ปุ่นได้นะครับ

00:01:4300:01:45 สามารถกินอาหารฝรั่งได้นะครับ

00:01:4500:01:49 ฝรั่งเขาอยู่เมืองนอกเนี่ย เขาก็หาอาหารอินเดียทานได้

00:01:4900:01:51 หาอาหารประเทศอื่นๆ ทานได้นะครับ

00:01:5100:01:57 เมื่ออาหารถูกมนุษย์ปรับเปลี่ยน แล้วก็ปรุงแต่งนะครับ

00:01:5700:02:02 แล้วก็เสริมเข้าไปเนี่ย ให้เพียงพอต่อมนุษย์ที่มากขึ้น

00:02:0200:02:07 ปัจจุบันครับ มนุษย์เราในโลกนี้มีเกือบ 7 พันกว่าล้านคน

00:02:0700:02:13 โลกใบเดิมครับ ที่มีพื้นที่เท่าเดิมครับ ก็ต้องสร้างนะครับ เร่งนะครับ

00:02:1300:02:18 ให้อาหารออกมาเพื่อพอเพียงสำหรับการเลี้ยงมนุษย์ในโลกใบนี้

00:02:1800:02:23 นั่นก็เป็นที่มาครับว่า ในบางประเทศในโลกใบนี้ยังขาดอาหารอยู่เยอะ

00:02:2300:02:27 แต่วันนี้ครับเราจะมาคุยกันถึงในหัวข้อที่เรียกว่า

00:02:2700:02:31 อาหารเกินนะครับ หรือว่าโรคกินดีอยู่ดีเกินไปนะครับ

00:02:3100:02:34 ก็คือ โรคเบาหวาน นั่นเอง

00:02:3400:02:36 ก่อนเราจะเริ่มต้นนะครับ

00:02:3600:02:39 ผู้ใดนะครับ หรือท่านผู้ฟังผู้ชมทุกท่านนะครับ

00:02:3900:02:42 ที่มีภาวะเป็นโรคเบาหวานแล้วนะครับ

00:02:4200:02:44 ได้รับการวินิจฉัยนะครับ

00:02:4400:02:46 อันนี้หมอแอมป์ต้องออกตัวก่อนเลยนะครับว่า

00:02:4600:02:50 เวลาเราจะไปปรับเปลี่ยนหรือทำอะไรในการรักษาเนี่ย

00:02:5000:02:53 ต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เจ้าของไข้

00:02:5300:02:56 หรือแพทย์ของตัวเราก่อนเสมอนะครับ

00:02:5600:02:59 โรคเบาหวานครับ ถ้าใครเป็นโรคนี้ซะแล้วเนี่ย

00:02:5900:03:04 ก็แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ทางด้านอายุรกรรม หรือทางด้านต่อมไร้ท่อ

00:03:0400:03:06 เพื่อที่จะวางแผนการรักษานะครับ

00:03:0600:03:10 เพราะในปัจจุบัน ผู้ที่ป่วยแล้วก็จะมีการวินิจฉัยนะครับ

00:03:1000:03:15 มียาหลายชนิดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นยากินไม่ว่าจะเป็นยาฉีด

00:03:1500:03:18 เพราะในกรณีนี้นะครับ ไม่ใช่ฟังคุณหมอแอมป์ปุ๊บนะครับ

00:03:1800:03:23 แล้วโอ้โห เข้าท่าดี ทำเลย แล้วก็ไปปรับยานะครับ

00:03:2300:03:26 เปลี่ยน dose ยาโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เนี่ย

00:03:2600:03:29 แบบนี้อาจจะเกิดโทษมากกว่าเกิดประโยชน์นะครับ

00:03:2900:03:33 วันนี้ครับเราเลยจะคุยกันถึงในเรื่องของการป้องกันครับ

00:03:3300:03:38 สำหรับใครที่มีพ่อแม่ มีญาติพี่น้องที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนะครับ

00:03:3800:03:43 แล้วเรามีประสบการณ์ที่เห็นเขาแล้วเราไม่อยากจะเป็นเลยนะครับ

00:03:4300:03:48 หรือเรารู้สึกว่าเราอยากจะดูแลป้องกันตัวเองก่อนที่เราจะป่วยนะครับ

00:03:4800:03:51 วันนี้เราก็เลยมาคุยกันเลยครับว่า

00:03:5100:03:55 หมอแอมป์มีแนวทาง เคล็ดลับอย่างไรบ้าง

00:03:5500:04:00 ในการที่เราจะดูแลรักษาสุขภาพตัวเรา ให้ห่างไกลจากโรคเบาหวาน

00:04:0000:04:02 เข้าใจตรงกันเนอะ

00:04:0200:04:07 แสดงว่าวันนี้นะครับ Content หรือข้อมูลเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่ป่วยนะ

00:04:0700:04:11 หรือผู้ที่ป่วยแล้วเนี่ยอาจจะประยุกต์ปฏิบัติบางข้อนะครับ

00:04:1100:04:14 ถ้าคุณหมอเจ้าของไข้เนี่ยเขาเห็นด้วยนะครับ

00:04:1400:04:16 สำหรับบุคคลทั่วไปนะครับ

00:04:1600:04:21 ตั้งแต่อายุน้อยๆ เราก็สามารถเริ่มต้นดูแลตัวเราได้เลย

00:04:2100:04:25 ไม่ต้องรอจนแก่เฒ่า เพราะเบาหวานเดี๋ยวนี้เป็นได้ทุกอายุเลยครับ

00:04:2500:04:29 ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กโต วัยกลางคน

00:04:2900:04:35 วัยทำงาน ผู้ใหญ่ ย่อมมีความเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานมากเหมือนกัน

00:04:3500:04:37 เราไปเริ่มต้นกันครับ

00:04:3700:04:41 เบาหวานครับ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Diabetes

00:04:4100:04:46 D I A B E T E S

00:04:4600:04:51 M E L L I T U S

00:04:5100:04:55 รวมแล้วเรียกว่า Diabetes mellitus หรือ DM

00:04:5500:04:57 ภาษาแพทย์เรียกโรค DM นะครับ

00:04:5700:05:01 ภาษาไทยก็โรคเบาหวานอย่างที่เราเข้าใจกัน

00:05:0100:05:07 เราไปดูชนิดกันครับ ชนิดของโรคเบาหวาน แบ่งเป็นหลักๆ ได้ 4 ชนิด

00:05:0700:05:13 ชนิดที่ 1 เรียกว่าเบาหวานชนิดที่ 1 หรือว่า DM Type 1 นะครับ

00:05:1300:05:19 ชนิดนี้ ผ่านมานาน ทางการแพทย์ก็ยังไม่สามารถที่จะฟันธงได้แน่ชัดว่า

00:05:1900:05:22 สาเหตุเนี่ยเกิดจากอะไรนะครับ

00:05:2200:05:27 หลักๆ ที่คาดการณ์กันก็คือ น่าจะเกิดจากพันธุกรรม

00:05:2700:05:31 หรืออาจจะเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรานะครับ

00:05:3100:05:35 หรือที่เรียกว่า Autoimmune disease

00:05:3500:05:41 เลยน่าจะเกิดจากระบบภูมิต้านทานร่างกายที่โจมตีแล้วก็ทำลายตัวเอง

00:05:4100:05:45 ทำลายไปที่เซลล์ตับอ่อน หรือที่เรียกว่าเบต้าเซลล์นะครับ

00:05:4500:05:50 ทำให้ร่างกายเนี้ยไม่สามารถจัดการกับน้ำตาลในเลือดได้นะครับ

00:05:5000:05:53 ทำให้เบาหวานเนี่ยเกิดขึ้นมา แล้วก็รุนแรงซะด้วย

00:05:5300:06:01 ชนิดนี้ มีค่าเฉลี่ยประมาณ 10% ของเบาหวานเนี่ยที่กระจายกันอยู่ทั่วไป

00:06:0100:06:06 ชนิดที่ 2 เป็นชนิดที่เจอเยอะมาก หรือที่เราคุ้นเคยนะครับ

00:06:0600:06:08 เขาเรียกว่าเบาหวานชนิดที่ 2 นะครับ

00:06:0800:06:11 ภาษาอังกฤษเรียก DM type 2

00:06:1100:06:14 เจ้าชนิดนี้ครับ เป็นเบาหวานชนิดมหาชนนะครับ

00:06:1400:06:19 ก็คือเกิดขึ้นเมื่อร่างกายเนี่ยได้รับในน้ำตาลเข้าไป

00:06:1900:06:20 ได้รับหลายๆ อย่าง

00:06:2000:06:22 เดี๋ยววันนี้หมอจะบอกทฤษฎีด้วยนะครับ

00:06:2200:06:26 แล้วร่างกายเราเนี่ย เริ่มดื้อกับฮอร์โมนอินซูลินนะครับ

00:06:2600:06:29 หรือที่เขาเรียกว่า Insulin resistance

00:06:2900:06:32 อินซูลิน (Insulin) ก็คือฮอร์โมนชนิดหนึ่งนะครับ

00:06:3200:06:34 ที่หลั่งออกมาจากตับอ่อนของร่างกาย

00:06:3400:06:39 เพื่อมาจัดเก็บ มาเผาผลาญ มาดูแลน้ำตาลในร่างกายเรานะครับ

00:06:3900:06:45 เมื่อวันหนึ่งที่ร่างกายเปลี่ยนไปเนี่ย ก็เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน

00:06:4500:06:48 เมื่ออินซูลินหลั่งมาแล้วร่างกายดื้อ

00:06:4800:06:51 ไม่สามารถปล่อยให้เขาจัดเก็บน้ำตาลได้เหมือนเดิม

00:06:5100:06:54 ก็ทำให้ระดับน้ำตาลรวมในเลือดเราเนี่ยสูงขึ้น

00:06:5400:06:57 คร่าวๆ ก็เลยเรียกว่า โรคเบาหวาน

00:06:5700:07:01 ชนิดที่ 3 ครับ เขาเรียกว่า Prediabetes

00:07:0100:07:05 ก็คือ ภาวะเบาหวานแฝง หรือว่าก่อนจะเป็นเบาหวาน

00:07:0500:07:07 ภาวะนี้สำคัญมากนะครับ

00:07:0700:07:11 ถ้าใครไปตรวจเลือด ใครไปพบแพทย์แล้วเจอว่า

00:07:1100:07:15 ตัวเองอยู่ในภาวะเกือบจะเป็นเบาหวานหรือเบาหวานแฝงเนี่ย

00:07:1500:07:19 ถ้าเร่งปรับพฤติกรรมตัวเอง เปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง

00:07:1900:07:21 ก็สามารถที่จะ Reversible นะครับ

00:07:2100:07:25 หรือว่าปรับเปลี่ยนตัวเองจากจุดเสี่ยงเนี่ย กลับมาเป็นปกติได้

00:07:2500:07:28 ถ้าเรามีความมุ่งมั่นนะครับ

00:07:2800:07:32 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ย Prediabetes หรือว่าภาวะเบาหวานแฝงเนี่ย

00:07:3200:07:35 เดี๋ยวหมอจะมาเล่าว่าวัดอย่างไรนะครับ

00:07:3500:07:39 ภาวะที่ 4 ครับ ก็คือ Gestational diabetes

00:07:3900:07:44 หรือว่าเป็นเบาหวานที่เกิดขึ้นในช่วงคุณแม่ตั้งครรภ์บุตร

00:07:4400:07:48 นี่คือหลักๆ คร่าวๆ ประมาณซัก 4 ชนิดนะครับ

00:07:4800:07:53 และก็มีภาวะที่เป็นโรคที่เกิดจากตระกูลเบาเหมือนกันนะครับ

00:07:5300:07:58 เรียกโรคเบาจืดนะครับหรือ Diabetes insipidus

00:07:5800:08:03 ภาวะนี้ก็เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียความสมดุลของน้ำนะครับ

00:08:0300:08:06 ขับน้ำออกจากร่างกายมากเกินไป

00:08:0600:08:10 เราก็เลยจะเคยได้ยินว่ามีเบาหวานแล้วก็มีโรคเบาจืดด้วย

00:08:1000:08:11 คราวนี้ไปดูต่อครับ

00:08:1100:08:16 ความน่ากลัวของเบาหวานครับ ก็โจมตีมนุษย์เราเนี่ยมามากทีเดียว

00:08:1600:08:21 ยิ่งภาวะโลกนี้สงบสุขไม่มีสงครามนะครับ

00:08:2100:08:26 ทุกคนอยู่สบาย อาหารการกินดี ก็เกิดโรคอ้วนมากขึ้นนะครับ

00:08:2600:08:31 เกิดโรคต่างๆ มากขึ้นโดยที่หมอเคยพูดไว้เสมอนะครับว่า

00:08:3100:08:35 กลุ่มโรค NCDs นี่แหละครับ Non-communicable diseases

00:08:3500:08:39 หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง นี่เป็นกลุ่มที่อันตรายมากๆ นะครับ

00:08:3900:08:47 ปัจจุบันเข่นฆ่าชีวิตมนุษย์ไปเกือบ 75-80% ของอัตราการตายแล้ว

00:08:4700:08:50 มีโรคอะไรบ้างก็พูดไปแล้วในหลายๆ ตอนนะครับ

00:08:5000:08:55 เบาหวานก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของโรค NCDs นี่แหละครับ

00:08:5500:08:57 โรคอ้วนใช่ไหมครับ โรคมะเร็งใช่ไหมครับ

00:08:5700:09:00 โรคหลอดเลือดสมองนะครับ โรคหลอดเลือดหัวใจนะครับ

00:09:0000:09:05 โรคเบาหวานเนี่ยนะครับ ในปี ค.ศ. 1980 ครับ

00:09:0500:09:09 มีคนทั้งโลกใบนี้เป็นเบาหวานประมาณ 108 ล้านคน

00:09:0900:09:13 หรือตีประมาณ 4.7 เปอร์เซ็นต์นะครับ

00:09:1300:09:15 ผ่านมาครับ ในปี ค.ศ. 2014

00:09:1500:09:17 ประมาณ 30 กว่าปีนะครับ

00:09:1700:09:22 จำนวนคนเป็นเบาหวานกระโดดขึ้นมาจาก 100 กว่าล้านคน

00:09:2200:09:27 เป็น 422 ล้านคนนะครับหรือประมาณ 8.5 เปอร์เซ็นต์

00:09:2700:09:29 เติบโตขึ้นมากเลยนะครับ

00:09:2900:09:34 หรือประมาณ 1 ใน 11 คนเดินมาเนี่ยต้องเป็นเบาหวานนะครับ

00:09:3400:09:36 แสดงว่าน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆนะครับ

00:09:3600:09:41 แล้วคนเป็นเบาหวาน เป็นโรคที่ค่อยๆ เสื่อมลงของอวัยวะ

00:09:4100:09:42 เสื่อมลงของร่างกาย

00:09:4200:09:48 เพราะอย่าลืมว่าเวลาเลือดเราหวานเนี่ย ก็ไหลเวียนไปทั่วตัวนะครับ

00:09:4800:09:51 ไปสมองก็ไปเสื่อมสมอง ไปนิ้วก็ไปเสื่อมนิ้ว

00:09:5100:09:54 ไปไตก็ไปเสื่อมไต ไปตาก็ไปเสื่อมตา

00:09:5400:09:57 ค่าใช้จ่ายครับ ของคนเป็นโรคเบาหวานเนี่ย

00:09:5700:10:01 สูงกว่าคนธรรมดาตั้ง 2.3 เท่านะครับ

00:10:0100:10:03 เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา

00:10:0300:10:07 แถมยังต้องมาลำบากลูกหลานเนี่ยมาช่วยดูแลตัวเราอีกนะครับ

00:10:0700:10:12 เลยเป็นโรคที่หมอเนี่ยอยากจะกระตุ้นนะครับทุกๆ ท่านเลย

00:10:1200:10:14 ให้ช่วยกันดูแลตัวเอง ดูแลพ่อแม่

00:10:1400:10:18 ดูแลคนที่เรารัก ดูแลลูกเราด้วยเหมือนกันนะครับ

00:10:1800:10:20 ไม่ใช่ปล่อยให้เขากินอาหารขยะ กินของไม่ดีจนอ้วน

00:10:2000:10:23 แล้วบอก อุ้ย น่ารักดีจังเลยค่ะ

00:10:2300:10:26 แล้วก็โตมาปุ๊บ เขาเป็นเบาหวานตั้งแต่เด็กอย่างนี้

00:10:2600:10:29 พอโตมาเป็นผู้ใหญ่นี่ยิ่งอันตรายนะครับ

00:10:2900:10:31 โรคเบาหวานไม่มีใครอยากเป็นหรอกครับ

00:10:3100:10:36 เพราะว่าเป็นแล้วเนี่ยคุณภาพชีวิตเนี่ยตกต่ำลงมากๆ นะครับ

00:10:3600:10:41 เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เราถึงต้องมาออกมาตรการต่อสู้กับเจ้าโรคนี้กัน

00:10:4100:10:43 เพราะฉะนั้นครับเราไปต่อครับ

00:10:4300:10:46 สาเหตุของโรคเบาหวาน

00:10:4600:10:50 วันนี้เราจะคุยกันในเรื่องโรคเบาหวาน type 2 หรือชนิดที่ 2 เป็นหลักนะครับ

00:10:5000:10:52 เพราะเป็นชนิดมหาชน

00:10:5200:10:55 สาเหตุหลักๆ นะครับก็คือ 1. ครับ

00:10:5500:10:57 Genetics หรือรหัสพันธุกรรม

00:10:5700:11:02 2. ครับ เป็นกลุ่มใหญ่ เรียกรวมกันว่าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle)

00:11:0200:11:06 หรือที่เรียกว่าวิถีชีวิตหรือการใช้ชีวิตของเรา

00:11:0600:11:12 เพราะฉะนั้นครับ สาเหตุ เช่น ไลฟ์สไตล์ ก็ภาวะน้ำหนักเกินใช่ไหมครับ

00:11:1200:11:15 กินเยอะนะครับ อ้วนเยอะนะครับ รอบเอวขึ้นนะครับ

00:11:1500:11:20 2. นะครับมีไขมันในช่องท้อง หรือที่เรียกว่า Visceral Fat นะครับ

00:11:2000:11:24 หรือว่ากินเยอะเกินไป จนเผาผลาญไม่หมดนะครับ

00:11:2400:11:27 แล้วก็เก็บสะสมอยู่ในร่างกายเรา

00:11:2700:11:34 ไม่ว่าจะเป็นในลำไส้ ในตับในตับอ่อน หรือในอวัยวะต่างๆ

00:11:3400:11:39 ต่อมาครับ การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์หรืออาหารขยะนะครับ

00:11:3900:11:42 ก็เป็นตัวที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน

00:11:4200:11:46 อายุนี่ก็เกี่ยวข้องนะครับ ถ้าอายุเกิน 45 ปีเนี่ย

00:11:4600:11:49 ก็มีการวิจัยว่าก็จะเพิ่มความเสี่ยงไปอีกนะครับ

00:11:4900:11:53 ประวัติครอบครัว ใครที่มีคุณพ่อคุณแม่

00:11:5300:11:57 หรือว่ามีครอบครัวเป็นเบาหวาน ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงได้อีกนะครับ

00:11:5700:12:01 การขาดการออกกำลังกายนี่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงอีกหนึ่งปัจจัยนะครับ

00:12:0100:12:06 เพราะนำไปสู่ภาวะโรคอ้วนนะครับและทำให้การเผาผลาญไม่ดีด้วย

00:12:0600:12:10 ภาวะที่โคเลสเตอรอลในเลือดสูง หรือระดับไตรกลีเซอไรด์

00:12:1000:12:14 หรือไขมันในเลือดสูงเนี่ย ก็เป็นตัวที่ทำให้เสี่ยงขึ้นนะครับ

00:12:1400:12:17 ภาวะความดันโลหิตสูงนี้ก็เช่นกันนะครับ

00:12:1700:12:20 ทำให้ความเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ

00:12:2000:12:22 นี่ก็เป็นหลักๆ คร่าวๆ นะครับ

00:12:2200:12:25 ของสาเหตุและความเสี่ยงของการเป็นเบาหวาน

00:12:2500:12:26 ต่อไปครับ

00:12:2600:12:31 อาการของคนเป็นโรคเบาหวานเนี่ยมีอะไรบ้างโดยทั่วๆ ไปนะครับ

00:12:3100:12:34 จะเป็นตัวที่ทำให้เราสามารถที่จะสังเกตไว้ก่อนนะครับ

00:12:3400:12:38 ว่าอาการเราเนี่ยใกล้เคียงหรือเปล่า เราจะได้ไปพบแพทย์นะครับ

00:12:3800:12:40 เพื่อตรวจวินิจฉัยนะครับว่า

00:12:4000:12:44 เราเป็นเบาหวาน หรือเรามีภาวะเสี่ยงจะเป็นเบาหวานหรือไม่นะครับ

00:12:4400:12:46 อาการก็ต่อไปนี้ครับ

00:12:4600:12:52 1. ก็จะหิวบ่อยขึ้นนะครับ มีอาการหิวบ่อยขึ้น ชอบกินจุบกินจิบมากขึ้น

00:12:5200:12:56 ต่อมาครับ กระหายน้ำมากขึ้นนี่ก็ใช่นะครับ

00:12:5600:12:58 ต่อมาครับ น้ำหนักตัวลดลงนะครับ

00:12:5800:13:04 บางคนก็ปัสสาวะบ่อยขึ้น รู้สึกปัสสาวะบ่อยขึ้นทั้งกลางวันทั้งกลางคืน

00:13:0400:13:09 ต่อมาครับ สายตาไม่ค่อยชัด มองภาพแย่ลง อันนี้ก็เข้าข่าย

00:13:1000:13:12 อ่อนเพลียง่ายครับ หรือเหนื่อยง่ายลง

00:13:1200:13:18 รู้สึกทำไมกำลังวังชาตกลงไปในช่วงนี้ อันนี้ก็อาจจะคิดถึงได้นะครับ

00:13:1800:13:21 การปวดเมื่อยตามร่างกายนี้ก็อาจจะใช่นะครับ

00:13:2100:13:23 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้นะครับ เช่น

00:13:2300:13:28 ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ทำอะไรหนักเลย ทำไมปวดกล้ามเนื้อเป็นๆ หายๆ

00:13:2800:13:32 แล้วก็ไม่รู้สาเหตุ อันนี้ก็คิดถึงได้นะครับ

00:13:3200:13:35 หรืออาจจะมีอาการเตือนบางอย่าง

00:13:3500:13:38 แต่นี้ก็ต้องเป็นเบาหวานมาสักระยะหนึ่งแล้วนะครับ

00:13:3800:13:42 ก็จะเกิดรอยคล้ำนะครับ หรือว่ารอยดำเนี่ย เช่น

00:13:4200:13:45 ตรงหลังคอนะครับ ตรงข้อพับนะครับ

00:13:4500:13:49 ภาษาแพทย์เรียกว่าสัญลักษณ์เหล่านี้ว่า Acanthosis nigricans

00:13:4900:13:55 อันนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ามีความเสี่ยง หรือเป็นเบาหวานแล้ว

00:13:5500:13:58 อาจจะรู้ตัว หรืออาจจะไม่รู้ตัวนะครับ

00:13:5800:14:03 และคราวนี้ครับ อาการที่แตกต่างกันในแต่ละเพศ บางทีก็ต่างกันด้วย

00:14:0300:14:07 เช่น ในเพศชาย อาการของคนเป็นโรคเบาหวานเนี่ย

00:14:0700:14:12 อาจจะมีอาการเพิ่มเติมนะครับ เช่น เสื่อมสมรรถภาพทางเพศนะครับ

00:14:1200:14:16 อารมณ์ทางเพศลดลง หรือเขาเรียกว่า Loss of libido

00:14:1600:14:20 อวัยวะเพศไม่แข็งตัว พลังกล้ามเนื้อ หรือมวลกล้ามเนื้อลดลง

00:14:2000:14:22 อันนี้คือเพศชาย

00:14:2200:14:27 เพศหญิงครับ อาจจะเกิดอาการ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบง่ายขึ้น

00:14:2700:14:32 บางคนเป็นเชื้อราบ่อยในช่องคลอด บางคนรู้สึกผิวแห้งลงนะครับ

00:14:3200:14:35 บางคนรู้สึกผิวคันมากขึ้นนะครับ

00:14:3500:14:37 หรือบางคนอาจจะพัฒนานะครับ

00:14:3700:14:43 ร่วมไปกับโรคที่เรียกว่า PCOS หรือถุงน้ำรังไข่เป็นต้น

00:14:4300:14:46 อันนี้ก็เป็นคร่าวๆ นะครับของอาการของคนเป็นโรคเบาหวาน

00:14:4600:14:49 สำหรับผู้ฟังทุกท่านจะได้มีความรู้นะครับ

00:14:4900:14:54 เอาไว้สำหรับดูแลสังเกตตัวเราและคนรอบข้างนะครับ

00:14:5400:14:58 คราวนี้ครับ มาที่เรื่องรหัสพันธุกรรมกันบ้างนะครับ

00:14:5800:15:03 ประมาณ 30% ของความเสี่ยงโรคเบาหวานเนี่ย เกิดจากพันธุกรรม

00:15:0300:15:06 ถ้าเป็นสมัยก่อนที่เรายังเจาะรหัสพันธุกรรมไม่ได้เนี่ย

00:15:0600:15:11 เราก็ใช้ถามว่าคุณปู่เป็นเบาหวานไหม คุณย่าเป็นไหม คุณพ่อเป็นไหม

00:15:1100:15:13 แล้วก็มาปรับเป็นความเสี่ยงนะครับ

00:15:1300:15:16 แต่ในปัจจุบันครับ ที่เราสามารถที่จะ

00:15:1600:15:20 ตรวจกระพุ้งแก้มนะครับ เอาเนื้อเยื่อไปตรวจแล้วดูรหัสพันธุกรรมได้

00:15:2000:15:23 มันก็จะแม่นยำขึ้นนะครับว่า

00:15:2300:15:25 โรคเบาหวานของคนคนนั้นเนี่ย มีความเสี่ยงไหม

00:15:2500:15:29 มีเรื่องของการกลายพันธุ์ของ Genetic หรือยีนต่างๆ หรือเปล่า

00:15:2900:15:31 วันนี้หมอเลยเอามาฝากครับว่า

00:15:3100:15:35 รหัสพันธุกรรมตัวไหนบ้างนะครับ ที่มีการวิจัยไว้

00:15:3500:15:38 สำหรับความเสี่ยงเรื่องโรคเบาหวานนะครับ

00:15:3800:15:41 เรื่องเบาหวานเนี่ย เป็นเรื่องที่คนสนใจเยอะมากนะครับ

00:15:4100:15:46 รหัสพันธุกรรมที่มีการวิจัยเกี่ยวกับโรคเบาหวานเนี่ย

00:15:4600:15:48 มียีนเป็นร้อยๆ ยีนเลยนะครับ

00:15:4800:15:51 วันนี้หมอไม่สามารถมาพูดให้หมดได้ เพราเยอะจริงๆ นะครับ

00:15:5100:15:54 ก็เลยเลือกมาเฉพาะตัวหลักๆ นะครับ

00:15:5400:16:01 ยีนมีหลายตัวครับ เช่น ยีนตัวที่ 1 ชื่อว่า ABCC8 นะครับ

00:16:0100:16:05 ตัวนี้เป็นยีนที่ช่วยในการควบคุมการหลั่งของอินซูลิน

00:16:0500:16:08 ถ้ามีการกลายพันธุ์ก็จะเกิดความเสี่ยงเป็นเบาหวานมากขึ้น

00:16:0800:16:14 ยีนต่อไปครับ ชื่อ TCF7L2

00:16:1400:16:18 ตัวนี้เกี่ยวกับการหลั่งของอินซูลินเช่นกัน แล้วก็การสร้างน้ำตาล

00:16:1800:16:23 ต่อไปครับชื่อยีนว่า CAPN10 นะครับ

00:16:2300:16:28 ตัวนี้ครับ เกี่ยวกับเรื่องความเสี่ยงของเบาหวานของชาวอเมริกันเม็กซิกัน

00:16:2800:16:33 ถ้ามีเรื่องพันธุกรรม มีเรื่องของเชื้อชาติมาเกี่ยวข้องเนี่ย

00:16:3300:16:36 ก็มีผลกระทบกับเรื่องความเสี่ยงเบาหวาน

00:16:3600:16:41 ยีนตัวต่อไปครับ ชื่อว่า GLUT2 นะครับ

00:16:4100:16:45 ยีนตัวนี้ช่วยในการจัดการน้ำตาลเพื่อเอาเข้าไปใช้ในตับอ่อนนะครับ

00:16:4500:16:51 และก็ตัวสุดท้ายได้มาฝากกันวันนี้นะครับชื่อยินว่า GCGR นะครับ

00:16:5100:16:56 เกี่ยวกับฮอร์โมนกลูคากอนช่วยในการจัดการกลูโคสเป็นต้นนะครับ

00:16:5600:17:00 ถ้ามีการกลายพันธุ์ หรือมีการเจาะแล้วรหัสพันธุกรรมเหล่านี้

00:17:0000:17:03 ไปเข้านะคะกับกลุ่มคนที่เสี่ยงเบาหวานเนี่ย

00:17:0300:17:06 เราก็จะมีความเสี่ยงเบาหวานมากขึ้น

00:17:0600:17:09 แต่อย่างไรก็ตามครับ อย่างที่หมอบอกไว้ว่า

00:17:0900:17:11 ถึงแม้ว่าเราจะมีความเสี่ยงเบาหวานนะครับ

00:17:1100:17:16 แต่เรามีสตินะครับ เรามีความตั้งใจที่จะดูแลตัวเองให้ดีเนี่ย

00:17:1600:17:22 อย่างน้อยๆ เนี่ยเราก็สามารถที่จะลดความเสี่ยง หรือเลื่อนความเสี่ยง

00:17:2200:17:24 หรืออาจจะป้องกันได้เลยนะครับ

00:17:2400:17:26 ว่าเบาหวานเนี่ยเวลาเสี่ยง

00:17:2600:17:30 แต่ถ้าปากเราหรือพฤติกรรมเราทำให้ตัวเองดีสักอย่างเนี่ย

00:17:3000:17:32 เราก็ช่วยได้ ป้องกันได้แน่นอน

00:17:3200:17:36 หมอขอให้กำลังใจทุกท่านเลยนะครับ ว่าอย่าท้อนะครับ

00:17:3600:17:41 ไม่ใช่รู้สึกว่าบ้านเราเป็นเบาหวานกันหมดบ้านเลยเราปล่อยไปเลยละกัน

00:17:4100:17:43 ยิ่งปล่อยยิ่งแพ้นะครับ

00:17:4300:17:48 แล้วก็มียีนเพิ่มเติมครับ ที่เกี่ยวกับเรื่องของ Insulin resistance นะครับ

00:17:4800:17:51 หรือภาวะร่างกายดื้อต่ออินซูลินนะครับ

00:17:5100:17:59 ก็จะมียีนตัวอย่างไว้นะครับ เช่น ยีนที่ชื่อว่า LOC100128714 นะครับ

00:17:5900:18:03 ยีนที่ชื่อว่า SEZ6L นะครับ

00:18:0300:18:07 หรือยีนที่ชื่อว่า TRIAP1 เป็นต้นนะครับ

00:18:0700:18:10 อันนี้ก็ฝากเป็นข้อมูลนะครับ เผื่อหลายท่านนะครับ

00:18:1000:18:13 เพราะอยากจะไป search ต่อนะครับ อยากจะไปดูต่อว่า

00:18:1300:18:18 รหัสพันธุกรรมตัวเนี้ย เกี่ยวเนื่องกับตัวเราหรือเปล่านะ

00:18:1800:18:20 เดินหน้ากันต่อครับ

00:18:2000:18:22 สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานนะครับ

00:18:2200:18:27 อันนี้พยายามจะสรุปให้สั้นนะครับ แล้วก็ให้เห็นภาพตามได้นะครับ

00:18:2700:18:31 อาจจะไม่ได้ลงไปลึกเหมือนเราเรียนแพทย์ หรือว่าเรียน Biochemistry นะ

00:18:3100:18:34 ก็พอที่จะเข้าใจได้นะครับ

00:18:3400:18:38 การรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่มากๆ เข้าไปในแต่ละวันเนี่ย

00:18:3800:18:41 ทำให้ร่างกายเรามีเซลล์ไขมันเพิ่มมากขึ้น

00:18:4100:18:45 เซลล์ไขมันเนี่ยก็ชื่อว่า Adipose tissue

00:18:4500:18:49 ก็คือมันแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นมันข้างนอกคิดภาพหมูสามชั้นนะครับ

00:18:4900:18:51 ก็เป็นเนื้อแล้วก็เป็นมันนะครับ

00:18:5100:18:56 หรือนะครับเป็นมันที่แทรกอยู่ในร่างกาย คิดภาพเนื้อวากิวนะครับ

00:18:5600:19:00 ที่มีลายหินอ่อนแทรก ยิ่งแทรกเยอะยิ่งอร่อย หลายๆ คนชอบเนี่ย

00:19:0000:19:02 ยิ่งแทรกเยอะยิ่งอันตรายนะครับ

00:19:0200:19:08 ไขมันเหล่านี้ล่ะครับ เวลาเรากินเข้าไป ก็ไปแทรกอยู่ตามเนื้อ ตามตับเรา

00:19:0800:19:10 แบบที่เราเห็นอย่างนั้นเลยนะครับ

00:19:1000:19:13 ถ้าใครรู้จักฟัวกราส์ หรือตับห่านเนี่ย

00:19:1300:19:17 เวลาเราเป็นไขมันพอกตับเนี่ย เราก็จะเป็นอย่างนั้นล่ะครับ

00:19:1700:19:20 เวลาทานก็ไปแล้วมันนุ่ม มันมัน อร่อยจัง

00:19:2000:19:22 แต่นั่นคือสิ่งที่ไม่ดีนะครับ

00:19:2200:19:25 นั่นคือเซลล์ไขมันที่มันเข้าไปทำลายเนื้อดีทั้งสิ้น

00:19:2500:19:28 เวลาไขมันต่างๆ แทรกเข้าไปในอวัยวะต่างๆ ครับ

00:19:2800:19:33 ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ ในตับ ที่หลอดเลือดหรือที่ต่างๆ

00:19:3300:19:35 พอเซลล์ไขมันเพิ่มมากขึ้นเนี่ย

00:19:3500:19:39 ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนไขมันแล้วนะครับ

00:19:3900:19:43 ตัวที่ 1 ครับฮอร์โมนเลปตินนะครับ หรือฮอร์โมนอิ่มเนี่ย

00:19:4300:19:49 ก็จะสร้างมากขึ้นครับ เวลาฮอร์โมนไขมันมากขึ้น เซลล์ไขมันมากขึ้น

00:19:4900:19:51 เลปตินก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัวนะครับ

00:19:5100:19:54 เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไขมันมากๆ เข้า

00:19:5400:19:59 เลปตินก็จะดื้อครับ พอดีปุ๊บคราวนี้ปัญหาก็เกิด

00:19:5900:20:03 เมื่อฮอร์โมนเลปตินสูงครับ ไปฟังในตอนไขมันนะ

00:20:0300:20:06 หมอเคยพูดไว้แล้วในตอนปฐมบทเรื่องโรคอ้วนนะครับ

00:20:0600:20:11 ก็จะทำให้ฮอร์โมนดีนะครับ ที่ชื่อว่า Adiponectin นะครับ

00:20:1100:20:15 A D I P O N E C T I N

00:20:1500:20:19 ฮอร์โมนดีนี้ก็จะถูกสร้างน้อยลงครับ

00:20:1900:20:23 คราวนี้ปัญหาเกิดสิครับ ทำให้น้ำหนักไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้นนะครับ

00:20:2300:20:27 เมื่อน้ำหนักไขมันเพิ่มขึ้นครับ เซลล์ไขมันเพิ่มขึ้นครับ

00:20:2700:20:31 การอักเสบก็จะเพิ่มมากขึ้น จำคำนี้ดีๆ นะครับ

00:20:3100:20:33 การอักเสบนี่แหละคือตัวปัญหาครับ

00:20:3300:20:36 Inflammatory markers นะครับ

00:20:3600:20:38 การอักเสบไม่ใช่การติดเชื้อนะครับ

00:20:3800:20:42 การอักเสบคือเซลล์ไขมันเยอะเนี่ยเขาจะปล่อยสาร Cytokines ออกมา

00:20:4200:20:45 เพื่อทำให้ร่างกายเนี่ยอักเสบมากขึ้นนะครับ

00:20:4500:20:48 เราก็จะเริ่มไม่มีความสุขแล้วครับ

00:20:4800:20:51 สารการอักเสบที่เขาปล่อยมาจากเซลล์ไขมันครับ

00:20:5100:20:54 ก็จะมีเจ้าตัวที่ชื่อว่า TNF Alpha (TNF-α) นะครับ

00:20:5400:20:58 Interleukin 6 นะครับ หรือ IL-6 นะครับ

00:20:5800:21:02 PAI-1 นะครับ หรือ MCP-1 เป็นต้นนะครับ

00:21:0200:21:05 เมื่อมีสารอักเสบออกมาเยอะๆ ครับ

00:21:0500:21:08 ไขมันก็เยอะขึ้นในร่างกายนะครับ

00:21:0800:21:10 เยอะขึ้นในกล้ามเนื้อครับ

00:21:1000:21:11 เยอะขึ้นในตับครับ

00:21:1100:21:15 คิดภาพตามนะครับ เหมือนคนนะครับ ทานอาหารมากเกินไป

00:21:1500:21:19 ตับเราก็ค่อยๆ อ้วนขึ้น อ้วนขึ้น อ้วนขึ้นนะครับ

00:21:1900:21:21 พอไขมันพอกตับมากขึ้นครับ

00:21:2100:21:25 กระบวนการสร้างกลูโคส หรือการสร้างน้ำตาลก็ไม่ถูกยับยั้ง

00:21:2500:21:29 กระบวนการนี้เขาเรียกว่า Gluconeogenesis

00:21:2900:21:32 เมื่อกระบวนการสร้างกลูโคสไม่ถูกยับยั้งครับ

00:21:3200:21:35 ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะเพิ่มสูงขึ้นนะครับ

00:21:3500:21:38 เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นครับ

00:21:3800:21:43 สารที่ชื่อว่า Triacylglycerol ก็จะเพิ่มขึ้นมากด้วยนะครับ

00:21:4300:21:45 การอักเสบก็จะเพิ่มมากขึ้นแล้วครับคราวนี้

00:21:4500:21:51 ถ้าเราเจาะเลือดเนี่ย เราก็จะเห็นว่ามีสารการอักเสบตัวนี้ชื่อว่า CRP

00:21:5100:21:54 หรือ C-reactive protein เพิ่มขึ้น

00:21:5400:21:57 ถ้าใครที่เจาะเลือด CRP แล้วเห็นสูงนะครับ

00:21:5700:22:01 ให้รู้ไว้เลยว่าในเลือดเนี่ย เริ่มอักเสบแล้วนะครับ

00:22:0100:22:06 ต้องคิดถึงเรื่องเบาหวาน ต้องคิดถึงโรคอ้วน ต้องระวังเรื่องโรค NCDs

00:22:0600:22:09 เมื่อการอักเสบในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นครับ

00:22:0900:22:11 โดยเฉพาะบริเวณตับและตับอ่อน

00:22:1100:22:15 ก็เกิดปริมาณเซลล์ไขมันเข้าไปสะสมนะครับ

00:22:1500:22:17 ฮอร์โมนต่างๆ เริ่มผิดปกตินะครับ

00:22:1700:22:21 ตับก็คือ Liver ตับอ่อนก็คือ Pancreas นะครับ

00:22:2100:22:24 เวลาเราเกิดภาวะโรคอ้วนเนี่ย

00:22:2400:22:27 ไขมันจะเข้าไปแทรกทั้ง 2 อวัยวะนี้เลย

00:22:2700:22:33 ถ้าเข้าไปที่ตับ เราก็คุ้นเคยครับ เขาเรียก ถ้าเยอะมากๆ เรียกตับแข็ง

00:22:3300:22:38 ถ้าเข้าไปที่ตับอ่อน ก็คือหลั่งอินซูลิน เดี๋ยวก็เป็นเบาหวานไงครับ

00:22:3800:22:43 เมื่อเกิดภาวะ Insulin resistance ครับหรือร่างกายดื้อต่ออินซูลิน

00:22:4300:22:49 ก็จบเกมเลย ก็เลยเรียกได้ว่าเป็นโรคเบาหวานซะแล้ว

00:22:4900:22:52 เมื่ออินซูลินไม่สามารถจัดการน้ำตาลนะครับ

00:22:5200:22:54 เข้าไปสู่เซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนะครับ

00:22:5400:22:57 ระดับน้ำตาลก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ นะครับ

00:22:5700:22:59 คราวนี้เบาหวานขึ้นจะมีหลายระยะใช่ไหมครับ

00:22:5900:23:03 ตั้งแต่แค่น้ำตาลสูง ไปจนถึงอาการต่างๆ ที่หมอกล่าวมา

00:23:0300:23:08 ไปจนถึงบางคนนะครับ เป็นแผลที่เท้า ไปเตะโต๊ะ เตะตะปู

00:23:0800:23:13 แผลเน่านะครับ ตัดนิ้วเท้า ตัดขา ตัดแขนนะครับ

00:23:1300:23:16 เป็นโรคที่ทุกข์น่าดูเลยนะครับ

00:23:1600:23:18 เพราะฉะนั้นแล้วเนี่ยต้องระมัดระวังมากๆ นะครับ

00:23:1800:23:21 ถ้าเป็นเบาหวานนานๆ เข้าไตวายอีกนะครับ

00:23:2100:23:24 บางทีไปตาเนี่ย ตาบอดด้วยนะครับ

00:23:2400:23:25 ไปได้ทั่วเลยนะครับ

00:23:2500:23:27 ตัวชี้วัดครับ

00:23:2700:23:32 ในปัจจุบันเนี่ย โรคเบาหวานนะครับ หรือการป้องกันภาวะโรค NCDs เนี่ย

00:23:3200:23:35 ก็สามารถตรวจได้นะครับ เช่นนะครับ

00:23:3500:23:39 ปัจจุบันมีเครื่อง MRI นะครับ แบบไม่ต้องฉีดสีนะครับ

00:23:3900:23:43 สามารถเข้าไปในอุโมงค์ สแกนเสร็จแล้วบอกได้เลยว่า

00:23:4300:23:45 เรามีไขมันพอกตับกี่เปอร์เซ็นต์

00:23:4500:23:48 เรามีไขมันพอกตับอ่อนเนี่ย

00:23:4800:23:53 ถ้ามีไขมันในตับหรือตับอ่อนไม่เกิน 6% หมอถือว่าสอบผ่านนะครับ

00:23:5300:23:56 ถ้าเกิน 6% ถือว่าเริ่มอันตราย

00:23:5600:23:59 ถ้าเกิน 10% อันตรายระดับที่ 1

00:23:5900:24:03 ถ้าไขมันพอกตับเกิน 30% อันตรายระดับที่ 2

00:24:0300:24:09 ถ้าเกิน 50% อันตรายที่สุดนะครับหรือระยะสุดท้าย อย่างนี้เป็นต้น

00:24:0900:24:10 ไปต่อครับ

00:24:1000:24:15 การวินิจฉัยจากการเจาะเลือดครับอันนี้รู้ไว้หน่อยก็ดีนะครับ

00:24:1500:24:19 เวลาเราไปเจาะเลือดตรวจร่างกาย เวลาคุณหมอก็ให้ผลมานะครับ

00:24:1900:24:23 เราก็พอจะอ่านได้ หรือว่าอ่านให้ญาติพี่น้องเราได้นะครับ

00:24:2300:24:27 ข้อมูลจาก Centers for Disease Control and Prevention

00:24:2700:24:29 เขาเรียก The CDC นะครับ

00:24:2900:24:33 หรือAmerican Diabetes Association หรือ ADA

00:24:3300:24:36 ข้อมูลเหล่านี้ก็จะใกล้เคียงกันนะครับว่า

00:24:3600:24:43 ภาวะคนปกติครับต้องมีน้ำตาลในเลือดเนี่ย เท่ากับหรือน้อยกว่า 99

00:24:4300:24:45 จำไว้นะ

00:24:4500:24:50 ถ้าเจาะเป็น Fasting plasma glucose หรือระดับน้ำตาลในเลือด

00:24:5000:24:53 ไม่ควรเกิน 99 เนี่ย ถือว่าปกติ

00:24:5300:24:59 ถ้าไปจอดน้ำตาลสะสม 3 เดือนหรือที่เรียกว่า Hemoglobin A1c

00:24:5900:25:05 HbA1c ตัวนี้ต้องได้น้อยกว่า 5.7 นะครับ

00:25:0500:25:08 ถ้าใครได้น้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 99 นะครับ

00:25:0800:25:10 และได้น้ำตาลสะสมน้อยกว่า 5.7

00:25:1000:25:14 หมอแอมป์บอกยกนิ้ว ให้สอบผ่านนะครับ

00:25:1400:25:17 ถือว่ารับประทานมาแล้วดีมากนะครับ

00:25:1700:25:21 ถ้าใครเข้าไปสู่ยุคภาวะเบาหวาน

00:25:2100:25:23 แฝงเบาหวานแฝงเนี่ยวัดอย่างไรนะครับ

00:25:2300:25:28 เจาะแล้วน้ำตาลในเลือดได้ประมาณ 100-125

00:25:2800:25:32 อันนี้เข้ากลุ่มเสี่ยงแล้วนะครับ 100-125

00:25:3200:25:35 อยู่ในเกณฑ์นี้ปุ๊บต้องระวังเลยนะครับ

00:25:3500:25:38 ถือว่าขาข้างหนึ่งเข้าไปในโซนเบาหวานแล้วนะครับ

00:25:3800:25:43 ภาวะเบาหวานแฝงครับ A1c หรือ Hemoglobin A1c เนี่ย

00:25:4300:25:48 น้ำตาลสะสมเนี่ยจะอยู่ประมาณ 5.7 ถึง 6.4 นะครับ

00:25:4800:25:51 ถ้าใครอยู่ในภาวะนี้ วันนี้ฟังคลิปนี้ให้ดีแล้วนะครับ

00:25:5100:25:55 รีบวิ่งหนีจากปากเหวนะครับอย่าโดดลงไปนะครับ

00:25:5500:25:56 ลงไปแล้วเหนื่อยเลยนะครับ

00:25:5600:26:00 แล้วก็ภาวะเบาหวานครับ ระดับน้ำตาลในเลือดนะครับ

00:26:0000:26:05 Fasting blood glucose เนี่ยก็จะสูงกว่าหรือเท่ากับ 126

00:26:0500:26:08 ถ้าใครเจาะน้ำตาลในเลือดเกิน 126 นะครับ

00:26:0800:26:11 คุณหมอท่านก็จะขยายผลต่อนะครับไม่ได้ฟันธงเลย

00:26:1100:26:13 ก็จะมีการตรวจแบบนู้นแบบนี้

00:26:1300:26:15 อันนี้ก็ต้องปรึกษาแพทย์ต่อ

00:26:1500:26:19 แต่ถือว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเป็นเบาหวานแล้วนะครับ

00:26:1900:26:22 น้ำตาลสะสมสำหรับโรคเบาหวานครับก็คือ

00:26:2200:26:27 น้ำตาลสะสมเท่ากับหรือมากกว่า 6.5 ขึ้นไป

00:26:2700:26:30 แสดงว่านี่คือตัวชี้วัดนะครับ เข้าใจนะครับ

00:26:3000:26:34 ฟังทันนะครับ ใครฟังไม่ทันก็ย้อนกลับไปแล้วก็จดดูนะครับ

00:26:3400:26:37 เวลาเราเห็นผลเลือดเรา เวลาเราไปตรวจร่างกายประจำปี

00:26:3700:26:40 เราจะได้รู้ว่าเราต้องจัดการตัวเองอย่างไรนะครับ

00:26:4000:26:44 ใครที่เป็นเบาหวานครับ ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะครับ

00:26:4400:26:47 ด้านอายุรกรรมนะครับ ด้านต่อมไร้ท่อนะครับ

00:26:4700:26:50 ใครที่เป็นเบาหวานแฝงนะครับ หนีเลยให้ด่วนนะครับ

00:26:5000:26:51 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ

00:26:5100:26:55 ใครที่ดีอยู่แล้วครับ อยากการ์ดตกครับ สู้ต่อนะครับ

00:26:5500:26:56 เราไปกันต่อ

00:26:5600:26:59 คราวนี้อีก 1 อันนะครับก็คือความเสี่ยงนะครับ

00:26:5900:27:02 ของโรคเบาหวานช่วงตั้งครรภ์อันนี้ฝากไว้หน่อย

00:27:0200:27:05 เพราะว่ามีผู้ฟังหลายท่านที่เป็นคุณแม่นะครับ

00:27:0500:27:08 ก็คือใครที่ตั้งครรภ์ครับ ต้องระมัดระวังนะครับ

00:27:0800:27:11 อย่าให้น้ำหนักเกินจนเกินไปนะครับ

00:27:1100:27:15 อย่าไปรับประทานอาหารเอาแค่เพิ่มน้ำหนัก ที่เป็นน้ำตาล เป็นไขมัน

00:27:1500:27:17 เป็นอาหารขยะเข้าไปเยอะๆ นะครับ

00:27:1700:27:21 หรือเกิดภาวะโรคอ้วนก่อนที่จะตั้งครรภ์

00:27:2100:27:24 ก็จะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นเบาหวานช่วงตั้งครรภ์ได้

00:27:2400:27:28 แต่ถ้าอายุมากนะครับ มากกว่า 25 มากกว่า 30 ปีนี้ก็

00:27:2800:27:32 เข้าข่ายเสี่ยงนะครับ ต้องปรึกษาแพทย์นะครับ แล้วก็เจาะเลือดนะครับ

00:27:3200:27:36 ซึ่งคุณหมอสูติเนี่ยท่านก็จะเจาะน้ำตาลให้อยู่แล้วนะครับ

00:27:3600:27:38 ทุกครั้งที่เราไปฝากครรภ์นะครับ

00:27:3800:27:41 ในการตั้งครรภ์ที่ผ่านมานะครับหรือครรภ์ที่แล้วเนี่ย

00:27:4100:27:45 มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ นี่ก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงในครรภ์ต่อๆ ไปด้วย

00:27:4500:27:49 ใครที่ให้กำเนิดบุตรน้ำหนักมากกว่า 4 กิโลกรัมเนี่ยก็ถือว่า

00:27:4900:27:52 เข้าข่ายเป็นเบาหวานช่วงตั้งครรภ์

00:27:5200:27:54 มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวานครับ

00:27:5400:27:58 หรือตรวจความเสี่ยงทางรหัสพันธุกรรมขึ้นอย่างนี้ก็ต้องระมัดระวัง

00:27:5800:28:03 หรืออีกอันหนึ่งก็คือมีภาวะโรคถุงน้ำรังไข่หรือที่เรียกว่า PCOS

00:28:0300:28:07 ภาวะนี้ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์

00:28:0700:28:12 คราวนี้ครับเราไปกันต่อที่ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน

00:28:1200:28:15 เมื่อกี้เรามีอาการนะ เรามีต้นเหตุนะ

00:28:1500:28:16 ถ้าเกิดเราเป็นเบาหวานเนี่ย

00:28:1600:28:20 ทำไมหมอแอมป์ถึงบอกว่าอันตรายนะ น่ากลัวนะ

00:28:2000:28:23 เพราะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้เยอะเลยนะครับ

00:28:2300:28:27 เราไปดู Mechanism หรือว่าวิธีการกันก่อน

00:28:2700:28:29 เวลาร่างกายเราเป็นเบาหวานครับ

00:28:2900:28:31 เราก็จะเกิดกระบวนการอักเสบในร่างกาย

00:28:3100:28:33 ไม่ว่าจะเป็นเบาหวานนะครับ

00:28:3300:28:38 และมักจะเป็นพร้อมกับโรคไขมันพอกตับ ไขมันพอกตับอ่อนนะครับ

00:28:3800:28:41 เกิดการทำลายนะครับ จากสารอนุมูลอิสระนะครับ

00:28:4100:28:44 ก็คือพวก Free Radical นะครับ

00:28:4400:28:48 ก่อให้เกิดการทำลายเซลล์ เขาเรียกว่า Oxidative damage นะครับ

00:28:4800:28:53 ผ่านกระบวนการที่ชื่อว่า NF-κB pathway

00:28:5300:28:55 เมื่อไหร่ที่เกิดการอักเสบเยอะครับ

00:28:5500:28:59 กระบวนการ NF-κB ในก็จะตื่น

00:28:5900:29:02 เมื่อผ่านกระบวนการนี้เยอะๆ เนี่ยจะไปกระทบนะครับ

00:29:0200:29:04 ยีนอีกกว่า 400 ตัวเลยนะครับ

00:29:0400:29:06 ที่เกิดการอักเสบในวงกว้างครับ

00:29:0600:29:10 แล้วก็ให้ปลุกให้โรคต่างๆ เนี่ยตื่นขึ้นมา

00:29:1000:29:14 มีอีก 1 Pathway หรือ 1 กระบวนการที่เรียกว่า JNK ด้วย

00:29:1400:29:16 หลักๆ ประมาณ 2 หน่วยงานนี้นะครับ

00:29:1600:29:21 ที่ทำให้เกิดการอักเสบ ก่อให้เกิดโรคในร่างกาย

00:29:2100:29:23 กลับมาตรงนี้ครับว่า

00:29:2300:29:27 ภาวะเบาหวานครับ เมื่อผ่านกระบวนการที่หมอกล่าวมาเนี่ย

00:29:2700:29:30 ก็จะก่อให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อน

00:29:3000:29:35 เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองครับ หรือ Stroke นะครับ

00:29:3500:29:39 โรคปลายประสาทอักเสบ ปลายประสาทเสื่อมนะครับ

00:29:3900:29:41 เขาเรียกว่า Neuropathy นะครับ

00:29:4100:29:45 โรคทางไตครับ หรือที่เรียกว่า Nephropathy

00:29:4500:29:49 โรคทางสายตาครับที่เรียกว่า Retinopathy

00:29:4900:29:52 การได้ยินผิดปกตินะครับ แผลหายยากนะครับ

00:29:5200:29:55 ผิวไม่ดีนะครับ ผิวอักเสบนะครับ

00:29:5500:29:58 บางคนเป็นแผลที่ขานะ ที่หมอบอกเมื่อกี้นะครับ

00:29:5800:30:00 บางคนเป็นปลายมือ ปลายเท้านะครับ

00:30:0000:30:04 รักษาไม่หายนะครับ ต้องตัดทิ้งก็มีนะครับ

00:30:0400:30:07 โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา จากแบคทีเรียนะครับ

00:30:0700:30:10 หรืออาจจะพัฒนาไปสู่โรคทางจิต เช่น

00:30:1000:30:14 โรคซึมเศร้าก็เป็นได้

00:30:1400:30:17 ภาวะความจำเสื่อม หรือ Dementia เป็นต้น

00:30:1700:30:19 นี่คือโรคแทรกซ้อน เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า

00:30:1900:30:22 เบาหวานเนี่ย เวลาเขากินตัวเราเนี่ย

00:30:2200:30:25 ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากเลยนะครับ

00:30:2500:30:29 คราวนี้ครับ การวิจัยนะครับ เรื่องโรคเบาหวานครับ

00:30:2900:30:34 หมอสรุปมาหลายๆ อันที่น่าสนใจ เลือกมาบางอันนะครับ

00:30:3400:30:38 มีการวิจัยใน The American Journal of Clinical Nutrition

00:30:3800:30:40 ในปี ค.ศ. 2004

00:30:4000:30:43 โดยคณะคุณหมอ Lee S Gross จาก Cleveland Clinic

00:30:4300:30:47 เขาวิจัยว่าความเสี่ยงของโรคเบาหวานเนี่ย

00:30:4700:30:50 เกี่ยวข้องกับการรับประทานไขมัน

00:30:5000:30:53 เท่ากับความเสี่ยงจากการรับประทานน้ำตาลเลยนะครับ

00:30:5300:30:55 แสดงว่าหลายคนนึกว่า

00:30:5500:30:59 เราเป็นเบาหวาน เรากลัวเบาหวาน เราไม่กินน้ำตาลแล้วก็โอเคแล้ว

00:30:5900:31:04 ไม่จบนะครับหลายคนหยุดน้ำตาลไป จะเห็นว่าเบาหวานไม่หยุดนะครับ

00:31:0400:31:10 เพราะไขมันเนี่ย มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานพอๆ กับน้ำตาลเลยทีเดียว

00:31:1000:31:11 จากการวิจัยนี้นะครับ

00:31:1100:31:13 แล้วก็วิจัยเพิ่มเติมด้วยครับว่า

00:31:1300:31:17 การรับประทานเส้นใยหรือไฟเบอร์เยอะๆเช่น ผัก นะครับ

00:31:1700:31:21 หมอถึงเน้นทุกครั้งว่ารับประทาน 1 จานนะครับ

00:31:2100:31:24 ต้องมีผักครึ่งนึงอย่างอื่นครึ่ง ท่องไว้แค่นี้ครับ

00:31:2400:31:26 กินผักให้เยอะนะครับ ไฟเบอร์ให้เยอะ

00:31:2600:31:30 มีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงจากการเป็นเบาหวานได้มากนะครับ

00:31:3000:31:35 อีก 1 การวิจัยครับใน The New England Journal of Medicine

00:31:3500:31:37 ในปี ค.ศ. 2002 ครับ

00:31:3700:31:47 วิจัยเนี่ยอันนี้เขาเรียกรวมเลยนะครับว่า Diabetes Prevention Program Research Group หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า DPP

00:31:4700:31:50 ถูก Assigned นะครับ หรือถูกมอบหมายนะครับ

00:31:5000:31:53 และมีการวิจัยร่วมนะครับเป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ

00:31:5300:31:55 จาก CDC นะครับ จากอเมริกานะครับ

00:31:5500:32:00 ว่าเป็นกระบวนการโปรแกรมทดลองเลยครับ วิจัยเลยครับว่า

00:32:0000:32:04 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เรานี่แหละครับ

00:32:0400:32:09 มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานนะครับ

00:32:0900:32:14 และในการวิจัยนี้ครับ เขามีการให้ยาที่ชื่อว่า Metformin นะครับ

00:32:1400:32:17 หรือว่ายารักษาเบาหวานเนี่ยควบคู่กันไป

00:32:1700:32:23 ยา Metformin นี้ก็มีส่วนช่วยในการป้องกัน หรือลดการเกิดโรคเบาหวานได้ด้วยเช่นกัน

00:32:2300:32:28 แสดงว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมครับและการใช้ยา Metformin ครับ

00:32:2800:32:33 ช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานได้ทั้งคู่อย่างมีนัยสำคัญ

00:32:3300:32:35 แต่ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับว่า

00:32:3500:32:38 เปอร์เซ็นต์ในการลดการเกิดโรคเบาหวานเนี่ย

00:32:3800:32:40 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ

00:32:4000:32:45 สามารถลดนะครับอัตราความเสี่ยงได้ถึง 58%

00:32:4500:32:49 ในขณะที่การรับประทานยา Metformin ลดได้เหมือนกันครับ

00:32:4900:32:52 แต่แค่ 31% นะครับ

00:32:5200:32:55 เพราะฉะนั้นการวิจัยที่ชื่อว่า DPP โปรแกรมนี้ก็เลยสรุปว่า

00:32:5500:32:59 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเราครับ มีผลนะครับ

00:32:5900:33:04 Significant หรือประสิทธิภาพสูงกว่าการกินยาเกือบ 2 เท่านะครับ

00:33:0400:33:08 เห็นแล้วไหมครับว่าการที่เรารักตัวเองนะครับ

00:33:0800:33:11 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ เสียสตางค์น้อยด้วยนะครับ

00:33:1100:33:13 ไม่ต้องรับประทานยาด้วย

00:33:1300:33:16 แถมยังได้ประสิทธิภาพมากกว่าการกินยาเสียอีกนะครับ

00:33:1600:33:19 เพราะฉะนั้นแล้วครับหมอแอมป์ถึงเน้นย้ำครับว่า

00:33:1900:33:23 วันนี้ครับ ใครที่ยังไม่เป็นนะครับ สู้เลยนะครับ เริ่มเลยนะครับ

00:33:2300:33:26 ใครน้ำตาลดีอยู่แล้ว ทำต่อนะครับ

00:33:2600:33:30 เราก็จะประสบความสำเร็จในเชิงสุขภาพนะครับ

00:33:3000:33:35 ไม่มีอะไรนะครับที่มีค่าไปกว่าการไม่เจ็บป่วย

00:33:3500:33:41 อโรคยา ปรมาลาภา การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะครับ

00:33:4100:33:43 ฉันใด ฉันนั้น หมอท่องทุกวันนะครับ

00:33:4300:33:47 เพราะหมอแอมป์เองเนี่ยแค่ป่วยเล็กๆ น้อยๆ อย่างเป็นหวัดเนี่ย

00:33:4700:33:52 หมอก็ทุกข์จริงๆ เพราะเงินทองเนี่ยซื้อสุขภาพไม่ได้

00:33:5200:33:54 ต่อไปครับ

00:33:5400:33:57 เราไปดู การดูแลป้องกันเบาหวานกันหน่อยนะครับ

00:33:5700:33:59 มาถึงเคล็ดลับแล้วนะครับว่า

00:33:5900:34:04 โอเคเล่าทฤษฎี เล่าให้ฟังว่าในโลกใบนี้จะเป็นเยอะน้อยแค่ไหน

00:34:0400:34:07 เราก็มาดู Tips หรือเคล็ดลับกันว่า

00:34:0700:34:10 กระบวนการดูแลตัวเอง กระบวนการป้องกัน

00:34:1000:34:12 จริงๆ ไม่ได้กันแค่เบาหวานหรอกครับ กันได้เกือบทุกโรคนะครับ

00:34:1200:34:15 ถ้าเรารักตัวเองนะครับ

00:34:1500:34:18 เราไปดูกันครับว่า Lifestyle modification นะครับ

00:34:1800:34:23 หรือการปรับเปลี่ยน การวางแผนป้องกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ

00:34:2300:34:27 การใช้ชีวิตให้ร่างกายเราแข็งแรงเนี่ยเราทำยังไงกันดีนะครับ

00:34:2700:34:30 เพราะอะไรครับ เพราะมีการวิจัยนะครับว่า

00:34:3000:34:34 โรคเบาหวานเนี่ย เป็นโรคที่ป้องกันได้ จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

00:34:3400:34:39 จากการหลีกเลี่ยง หรือการลดน้ำหนัก หรือการไม่เป็นโรคอ้วน

00:34:3900:34:43 เซลล์ตับอ่อนครับ สามารถซ่อมแซมตัวเองได้นะครับ

00:34:4300:34:45 ถ้าเรารับประทานให้ดีนะครับ

00:34:4500:34:47 เมื่อเราลดระดับไขมันในเลือด

00:34:4700:34:52 คราวนี้เรามาเริ่มจากเรื่องอาหารก่อนเลยครับในเคล็ดลับเนี่ยสำคัญที่สุด

00:34:5200:34:58 มีการวิจัยไว้ครับ 100 ปีเนี่ยนะครับ เก็บสถิติในอเมริกา 100 ปี ว่า

00:34:5800:35:05 ประชากรของอเมริกา เขารับประทานน้ำตาลมากขึ้นจาก 100 ปีที่แล้ว

00:35:0500:35:08 เขาวิจัยในปี ค.ศ. 1900 ครับ แล้วก็มาจบในปี ค.ศ. 1999

00:35:0800:35:15 ย้อนกลับไปดูตัวเลขว่า คนอเมริกันเนี่ยในร้อยปีที่แล้วเนี่ย

00:35:1500:35:20 รับประทานน้ำตาลเนี่ย 4.5 กิโลกรัมต่อปีนะครับ

00:35:2000:35:25 100 ปีผ่านไปครับ รับประทานน้ำตาล 63.5 กิโลกรัมต่อปี

00:35:2500:35:30 กี่เท่าครับ จาก 4 กิโลกว่ามาเป็น 63 กิโลกว่าต่อปีนะครับ

00:35:3000:35:35 เลยเป็นต้นเหตุว่าทำไมประชากรอเมริกาเหนือเป็นโรคอ้วนเยอะมากเลย

00:35:3500:35:38 ติดอันดับต้นๆ ของโลกตลอดเวลานะครับ

00:35:3800:35:41 ต่อไปครับประชาชนชาวอเมริกันเนี่ย

00:35:4100:35:47 รับประทานไขมันเพิ่มขึ้นนะครับในช่วงร้อยปีจาก 1.8 กิโลกรัมต่อปี

00:35:4700:35:51 เป็น 41.7 กิโลกรัมต่อปีต่อคน

00:35:5100:35:54 โอโห เยอะขึ้นมากนะครับ เกือบ 40 เท่าสิเนอะ

00:35:5400:35:58 ต่อไปครับ ประชาชนชาวอเมริกา รับประทานชีสครับ

00:35:5800:36:03 ชีสนี่ตัวแสบมากเลยนะครับ สำหรับเรื่องโรคอ้วนและเรื่องเบาหวาน

00:36:0300:36:06 ใครที่ไม่อยากเป็นเบาหวานนะครับ ใครที่ไม่อยากเป็นโรคอ้วนนะครับ

00:36:0600:36:10 ไม่อยากเป็นโรคสมองนะครับ ไม่อยากเป็นโรคหัวใจนะครับ

00:36:1000:36:14 หยุดเลยนะครับชีสทั้งหลายเนี่ย แค่พอหายอยากก็พอ

00:36:1400:36:20 คนอเมริกันครับรั บประทานชีสมากขึ้น 11.3 กิโลกรัมต่อคนต่อปี

00:36:2000:36:22 ในช่วง 100 ปีนะครับ

00:36:2200:36:26 ก็ไม่แปลกครับ ทำไมโรค NCDs ถึงโจมตีชาวอเมริกันเยอะมากนะครับ

00:36:2600:36:30 บ้านเราก็ไม่ได้น้อยหน้านะครับ เราเคยบอกไปแล้วว่า

00:36:3000:36:33 โรค NCDs หรือโรคอ้วน

00:36:3300:36:37 โดยเฉพาะโรคอ้วนเนี่ย เมืองไทยอันดับ 2 ของอาเซียนนะครับ

00:36:3700:36:40 เป็นรองแค่มาเลเซียนะครับ ไม่รู้จะแซงเมื่อไหร่เลย

00:36:4000:36:42 เราต้องช่วยกันนะครับ กินดีอยู่ดีนะครับ

00:36:4200:36:48 การวิจัยอันนี้ครับจบด้วยคนอเมริกันครับดูทีวีจาก 0 นาที

00:36:4800:36:52 เพราะเมื่อก่อนไม่มีใช่ไหมครับ กลายเป็น 4 ชั่วโมงต่อวัน

00:36:5200:36:56 ดูทีวี หรือว่าดูมือถือเนี่ยนะครับ นั่นคือต้นเหตุนะครับ

00:36:5600:36:58 ทานก็เยอะขึ้น ทานก็ไม่ดี

00:36:5800:37:03 นอนก็น้อยนะครับ แถมนั่งดูทีวีเยอะอีก

00:37:0300:37:06 ไปดูงานต่อไปครับเป็นงานวิจัยนะครับใน

00:37:0600:37:10 European Association for the Study of Diabetes

00:37:1000:37:13 หรือที่เขาเรียกว่า Diabetologia นะครับ

00:37:1300:37:17 ก็เป็นวารสารที่ชื่อดังละครับ ในปี ค.ศ. 2003 ครับว่า

00:37:1700:37:21 ทำในผู้หญิงนะครับ 91,246 คนครับว่า

00:37:2100:37:24 เป็นเวลา 8 ปี พบว่า

00:37:2400:37:27 การรับประทานเนื้อสัตว์แปรรูปนะครับหรือ Processed meat

00:37:2700:37:29 มากกว่า 5 ครั้งต่อสัปดาห์

00:37:2900:37:34 ก็คือเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานอย่างมีนัยยะสำคัญ

00:37:3400:37:39 เนื้อแปรรูปหมอบอกแล้วนะครับ ในตอนโรคอ้วนหมอก็บอกแล้วว่า

00:37:3900:37:43 กินเข้าไปเยอะ เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งแน่นอนนะครับ

00:37:4300:37:46 พอมาตอนเบาหวานก็เสี่ยงเบาหวานเข้าไปอีกนะครับ

00:37:4600:37:48 เนื้อแปรรูปนี้ต้องหลีกเลี่ยงนะครับ

00:37:4800:37:54 ไม่ว่าจะเป็นพวกไส้กรอก พวกกุนเชียง พวกแหนม หมูยอ แฮม เบคอน

00:37:5400:37:59 พวก Processed meat หรือว่าอาหารแช่แข็งทั้งหลายเนี่ยต้องระมัดระวัง

00:37:5900:38:04 หมอเข้าใจนะครับว่าบางครั้งก็อร่อย บางครั้งเราก็อยากทานนะครับ

00:38:0400:38:08 เอาเป็นว่าใครลดได้ลดนะครับ ใครงดได้งด

00:38:0800:38:13 ใครไม่ไหวจริงๆ นานๆ ทานทีแค่พอให้เป็น Cheat day หรือว่าวันขี้โกง

00:38:1300:38:16 ให้ความสุขร่างกาย ให้ความสุขตัวเรา

00:38:1600:38:20 ต้องเรียกว่าให้ความสุขตัวเรา แต่ร่างกายเราน่ะทุกข์นะครับ

00:38:2000:38:23 แต่เราน่ะจะฟินเพราะเราอร่อย ก็นานๆ ทีละกันครับ

00:38:2300:38:26 หมอก็ไม่อยากจะสุดโต่งว่า ห้ามกินนู่นห้ามกินนี่

00:38:2600:38:29 เดี๋ยวผู้ฟังก็จะไปดีกว่า ให้กินแต่ผักนะครับ

00:38:2900:38:33 เอาเป็นว่าทานให้น้อยนะครับ เหมือนบุญกับบาปนะครับ

00:38:3300:38:36 ทำบาปให้น้อยนะครับ ทำบุญให้เยอะนะครับ

00:38:3600:38:39 นั่งสมาธิให้มาก ปฏิบัติให้มาก

00:38:3900:38:43 ให้คนอื่นให้เยอะนะครับแล้วก็บุญนั้นจะกลับมาสู่เรานะครับ

00:38:4300:38:44 เดี๋ยวจะนอกเรื่องเกินไป

00:38:4400:38:47 เรามาเข้าสู่หัวข้อต่อไปนะครับ

00:38:4700:38:51 การปรับการรับประทานอาหารนะครับและการไม่อ้วนเนี่ย

00:38:5100:38:57 มีส่วนช่วยในการป้องกันต่อสู้กับโรคเบาหวานได้มากทีเดียว

00:38:5700:39:00 คำศัพท์ต่อไปครับที่หมอแอมป์อยากจะแนะนำให้รู้จัก

00:39:0000:39:05 หรือว่าไปค้นคว้าเพิ่มเติมนะครับคือคำว่า AGEs นะครับ

00:39:0500:39:09 AGE หลายคนบอก อ๋อ แปลว่าอายุ ใช่ครับ

00:39:0900:39:12 แต่นี่เป็นคำย่อครับ ย่อมาจากคำว่า

00:39:1200:39:15 Advanced glycation end products

00:39:1500:39:18 ก็คือ AGEs นะครับ

00:39:1800:39:21 ตัวนี้ครับ อยู่ในตระกูลสารอนุมูลอิสระครับ

00:39:2100:39:27 ที่ทำให้เกิดความเสียหาย ทำลายเซลล์ร่างกายเรานะครับ

00:39:2700:39:30 หรือที่เรียกว่า Oxidative damage นะครับ

00:39:3000:39:32 เจ้าสารนี้ เป็นผลผลิตครับ

00:39:3200:39:37 จากปฏิกิริยาระหว่างโมเลกุลของโปรตีนนะครับหรือ Amino acids

00:39:3700:39:42 กับน้ำตาล Reducing เช่นน้ำตาลกลูโคส น้ำตาลฟรุกโตส

00:39:4200:39:45 ถ้า 2 ตัวนี้ทำปฏิกิริยากันก็จะเกิดสาร AGEs

00:39:4500:39:49 สาร AGEs พูดง่ายๆ เข้าใจแล้วกันนะครับ เรียกว่าสารพิษครับ

00:39:4900:39:52 ถ้ามีเยอะก็เป็นพิษต่อร่างกายเยอะนะครับ

00:39:5200:39:57 ถ้า AGEs เกิดขึ้นมากนะครับ ก็จะทำร้ายร่างกายได้เยอะ

00:39:5700:40:00 ปกติ AGEs เกิดขึ้นในหลายภาวะนะครับ

00:40:0000:40:05 ไม่ว่าจะเป็นการสูบบุหรี่นี้ AGEs ก็ขึ้นในตัวเยอะนะครับ ก็คือเป็นพิษ

00:40:0500:40:08 การนอนหลับไม่พอนะครับ AGEs ก็ขึ้นนะครับ

00:40:0800:40:13 ความเครียดนะครับ มลภาวะนะครับ PM 2.5 แบบนี้เป็นต้น

00:40:1300:40:16 อะไรที่เข้าไปทำลายร่างกาย AGEs ก็จะเกิด

00:40:1600:40:18 แต่วันนี้เราจะมาคุยกันว่า

00:40:1800:40:20 AGEs จะเกิดเยอะครับ

00:40:2000:40:26 เมื่อเราเป็นโรคเบาหวาน หรือเรามีร่างกายที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

00:40:2600:40:31 เพราะเกิดจากการทำปฏิกิริยาของร่างกายเรานะครับ

00:40:3100:40:33 เพราะฉะนั้นการสะสมของ AGEs ครับ

00:40:3300:40:37 เมื่อสะสมอยู่ในร่างกายมากๆ เนี่ย ก็เป็นต้นตอล่ะครับว่า

00:40:3700:40:42 ทำไมเวลาเบาหวานมา หรือน้ำตาลสูงเนี่ย อวัยวะต่างๆ จึงเสื่อมลง

00:40:4200:40:45 เพราะว่า AGEs เนี่ยไปสะสมครับ

00:40:4500:40:49 ไปทำลายครับ หัวใจครับ ทำลายสมองก็ได้ครับ

00:40:4900:40:52 ทำลายลูกตาเราครับ ทำลายไตเราครับ

00:40:5200:40:56 ทำลายผิวพรรณเราให้แย่ ทำลายหลอดเลือดเราเป็นต้น

00:40:5600:41:00 นั่นแหละคือสาเหตุนะครับ ว่าทำไมเวลาเราเป็นเบาหวานแล้วเนี่ย

00:41:0000:41:04 อวัยวะต่างๆ ในร่างกายเราเนี่ยถึงแย่ลงนะครับ

00:41:0400:41:08 ถึงก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ไดด้วยนะครับ

00:41:0800:41:11 ในกรณีต่อไปครับ เราจะมาดูกันว่า

00:41:1100:41:14 AGEs เนี่ย แหม่หมอแอมป์พูดเองหัวเราะเองว่า

00:41:1400:41:16 มันอยู่ในอาหารเต็มไปหมดเลยนะครับ

00:41:1600:41:20 แล้วก็เป็นอาหารที่หลายๆ คนคุ้นเคยซะด้วยนะครับ

00:41:2000:41:25 พูดไปก็จะตกใจ ว่าโอ้โห เจออีกแล้ว ฟังหมอแอมป์ทีไร อดกินนะครับ

00:41:2500:41:27 ทานให้น้อยนะครับนะ

00:41:2700:41:33 AGEs ครับจะเกิดขึ้นนะครับในปฏิกิริยาต่างๆ ดังต่อไปนี้นะครับ

00:41:3300:41:38 แสดงว่าอาหารที่มี AGEs เยอะ เราต้องหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้างครับ

00:41:3800:41:43 อาหารที่มีโปรตีนสูงครับ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์เนี่ยโปรตีนเยอะมากนะครับ

00:41:4300:41:47 และยิ่งกว่านั้นคือทานเนื้อสัตว์ธรรมดาก็เยอะแล้ว

00:41:4700:41:49 ถ้าเนื้อสัตว์ติดมันมีเยอะหนักเลยนะครับ

00:41:4900:41:52 เพราะฉะนั้นใครที่ชอบกินเนื้อติดมัน หมูติดมัน

00:41:5200:41:57 ชอบทานหมูสับนะครับ ชอบทานเนื้อที่มีลายหินอ่อนเยอะๆ นะครับ

00:41:5700:42:00 ชอบทานแคบหมูอะไรอย่างนี้นะครับ

00:42:0000:42:02 ก็จะกระตุ้น AGEs ได้เยอะมากนะครับ

00:42:0200:42:03 ต่อมาครับ

00:42:0300:42:08 AGEs เนี่ย เวลาเราเอาเนื้อสัตว์ครับ มาผ่านการปรุงด้วยความร้อนสูง

00:42:0800:42:13 สูงกว่าสัก 120 องศาเซลเซียสเนี่ย AGEs ก็เยอะแล้วนะครับ

00:42:1300:42:16 ก็จะเกิด AGEs มากนะครับ

00:42:1600:42:20 ฉะนั้นเราต้องหลีกเลี่ยงของปิ้ง ของย่าง ของทอดนะครับ

00:42:2000:42:25 ของ Deep-fried หรือว่าทอดแบบร้อนๆ นะครับ ผัดแบบน้ำมันไฟลุกๆ

00:42:2500:42:31 หรือสเต็ก ปิ้งย่างที่เรากินกันนะครับ หมูกระทะนะครับ

00:42:3100:42:36 เจอไฟ เจอร้อนเนี่ย โอ้โห AGEs เนี่ยจะเพิ่มขึ้น 10 - 100 เท่าเลยนะครับ

00:42:3600:42:40 นี่คือสาเหตุครับว่าทำไมเวลาคนที่กินปิ้งย่างเยอะๆ เนี่ย

00:42:4000:42:43 จะเสี่ยงทั้งมะเร็งนะครับ เสี่ยงทั้งโรคอ้วนนะครับ

00:42:4300:42:47 เสี่ยงทั้งโรคหลอดเลือด เสี่ยงทั้งโรคเบาหวานด้วยนะครับ

00:42:4700:42:51 ฉะนั้นครับ การหลีกเลี่ยงหรือการทานอาหารให้ AGEs น้อยเนี่ย

00:42:5100:42:54 ก็ต้องแนะนำเป็นเรื่องของการต้มนะครับ

00:42:5400:42:59 การลวกนะครับ การนึ่งนะครับ การตุ๋นนะครับ ด้วยไฟอ่อนๆ ครับ

00:42:5900:43:06 ตัวอย่างครับ ไก่ย่าง มี AGEs ตั้ง 5,828 กิโลยูนิตนะครับ

00:43:0600:43:11 แต่พอเป็นไก่ต้มครับ มีแค่ 1,124 นะครับ

00:43:1100:43:14 แสดงว่าไก่อันเดียวกันเนี่ย ปริมาณเท่ากัน

00:43:1400:43:17 ถ้าเราเอาไปต้มนะครับ ไฟอ่อนๆ ค่อยๆ ต้มไปเนี่ย

00:43:1700:43:22 มีสารก่อโรคเนี่ย 1,100 กิโลยูนิตนะครับ

00:43:2200:43:25 พอไปย่างปุ๊บแย่ลง 5 เท่านะครับ เจ้าสารออกฤทธิ์

00:43:2500:43:28 หรือสารทำร้ายร่างกายเนี่ยนะครับ

00:43:2800:43:29 ต่อมาครับ

00:43:2900:43:34 AGEs เมื่อเราอาหารไปทำให้แห้ง เช่น เอาไปตากแห้งนะครับ

00:43:3400:43:38 เอาไปอบแห้งนะครับ AGEs จะเพิ่มขึ้นนะครับ

00:43:3800:43:43 แสดงว่าถ้าเราทานผลไม้สดๆ นี่ AGEs ไม่มาก บำรุงร่างกาย

00:43:4300:43:47 ถ้าเราไปอบแห้งนะครับ ตากแห้งนะครับ กระตุ้นนะครับ

00:43:4700:43:48 AGEs จะเยอะนะครับ

00:43:4800:43:51 แสดงว่าเวลาคนกลัวเบาหวานนะครับ

00:43:5100:43:55 แล้วไปทานผลไม้อบแห้งเนี่ยน้ำตาลจะขึ้นเยอะนะครับ AGEs ขึ้นเยอะ

00:43:5500:43:57 แต่ถ้าคนที่ผลเลือดปกติก็ทานได้นะครับ

00:43:5700:43:59 ไม่ได้แปลว่าแหม่ มันไม่ดีนะครับ

00:43:5900:44:03 เพราะคนที่เขาออกกำลังกายดีนะครับ เขาใช้ชีวิตดี

00:44:0300:44:04 เขารับประทานอาหารดี

00:44:0400:44:08 เขาจะทานผลไม้แห้งด้วยเพื่อเป็นการถนอมอาหารก็ไม่ผิดกฎนะครับ

00:44:0800:44:14 มีการวิจัยไว้ครับใน Journal of the American Dietetic Association

00:44:1400:44:16 ในปี ค.ศ. 2010 นะครับ

00:44:1600:44:17 วิจัยตั้ง 6 ปีนะครับ

00:44:1700:44:21 จากคณะคุณหมอจาก Mount Sinai Medical Center นะครับ

00:44:2100:44:25 เขาวิจัยไว้ครับว่าคะแนน AGEs นี้

00:44:2500:44:31 ถ้าวัดจากแครอทนะครับ แครอทสดๆ นี่มี 10 คะแนนนะครับ

00:44:3100:44:37 ถ้าไปเอาลูกฟิกนะครับ อบแห้งมาเนี่ย มี AGEs 799 คะแนน

00:44:3700:44:44 เห็นไหมครับ ผลไม้นะครับ หรืออาหารเนี่ยแบบสดนะครับ มีสารพิษน้อย

00:44:4400:44:46 สารพิษในที่นี้ไม่ใช่พิษแบบ Toxic นะครับ

00:44:4600:44:49 สารพิษคือการทำร้ายร่างกายเนี่ย 10 คะแนน

00:44:4900:44:52 พอไปตากแห้งปุ๊บ ขึ้นมา 799 นะครับ

00:44:5200:44:55 เฟรนช์ฟรายครับ เฟรนช์ฟรายฟาสต์ฟู้ดนี่แหละครับ

00:44:5500:45:00 มี AGEs สูงถึง 1,522 กิโลยูนิตนะครับ

00:45:0000:45:03 แซลมอนรมควันครับ มาแปรรูปแล้วนะครับ

00:45:0300:45:06 มี AGEs ขึ้นมาที่ 515 นะครับ

00:45:0600:45:09 แต่พอเราไปเทียบนะครับ กับเบคอนนะครับ

00:45:0900:45:12 เอามาทอดด้วยไฟนะครับ 5 นาทีนะครับ

00:45:1200:45:17 มีสาร AGEs ถึง 11,905 กิโลยูนิต

00:45:1700:45:20 โอ้โห แซงทุกโค้งเลยนะครับ

00:45:2000:45:22 แสดงว่าเวลาเราเอาเนื้อสัตว์ครับ

00:45:2200:45:28 ยิ่งติดมัน ยิ่งมีมันเยอะ แล้วมาทอดอีก แล้วมาย่าง อีกแล้วมาปิ้งอีก

00:45:2800:45:33 สาร AGEs หรือสารเร่งแก่ หรือสารก่อโรคเนี่ย ยิ่งสูงนะครับ

00:45:3300:45:34 เข้าใจหรือยังครับ

00:45:3400:45:38 Message หรือข้อความหมออยากจะฝากให้ทุกท่านวันนี้เอากลับไปบ้าน

00:45:3800:45:42 ก็คือว่า พยายามครับ ถ้าเราอร่อยปากนะครับ

00:45:4200:45:44 ก็แสดงว่าเรายังมีกิเลสเยอะนะครับ

00:45:4400:45:49 เรายังอยากอร่อย อยากปิ้ง อยากควันอยากมัน อยากทอดเนี่ย

00:45:4900:45:54 ก็จะมีสิทธิ์ป่วยเยอะนะครับ มีสิทธิ์เป็นภาระลูกหลานเยอะนะครับ

00:45:5400:45:58 มีสิทธิ์ไม่ได้อยู่จนใช้สตางค์เที่ยว

00:45:5800:46:02 แต่เอาสตางค์ในบั้นปลายชีวิตเนี่ยมารักษาโรคนะครับ

00:46:0200:46:05 แต่ถ้าเรานานๆ อร่อยทีนะครับ

00:46:0500:46:07 แล้ววันที่เราอยู่คนเดียว วันที่เรารักตัวเอง

00:46:0700:46:12 เรากินอร่อยน้อยหน่อยนะครับ กินผักเยอะๆ กินของต้ม กินของนึ่ง

00:46:1200:46:14 ไม่เสียฟอร์มหรอกครับ

00:46:1400:46:17 เรากินอย่างไรเราก็ได้อย่างนั้นนะครับ

00:46:1700:46:20 ถ้าเรากินดีเนี่ย แล้วเราเอาใจเราครับ

00:46:2000:46:25 ไปหาความสุขจากการคล่องตัวนะครับ การตื่นมาแล้วสดชื่นนะครับ

00:46:2500:46:28 การใส่เสื้อผ้าแล้วรู้สึกมั่นใจนะครับ

00:46:2800:46:32 การไม่ปวดเข่า การไม่ปวดข้อ การมีชีวิตที่ดี

00:46:3200:46:36 หมออยากจะเน้นเหลือเกินว่าเรื่องนี้สำคัญกว่านะครับ

00:46:3600:46:38 แต่นานๆ ทีเรามีวันขี้โกงได้นะ

00:46:3800:46:42 อันนี้แอบกระซิบหลังไมค์นะ ว่าหมอก็มีนะครับ

00:46:4200:46:45 ไม่ใช่หลายๆ ท่าน บางคนไปเจอหมอแอมป์อยู่ร้านเนื้อย่าง แล้วเข้ามา

00:46:4500:46:46 คุณหมอกินได้ไง

00:46:4600:46:50 ก็เป็นวันขี้โกงหมอ บางทีอาจจะเป็นวันพิเศษนะครับ

00:46:5000:46:52 กินดีมาทั้งอาทิตย์แล้ว กินดีมาทั้งเดือนแล้ว

00:46:5200:46:57 ขอไปปาร์ตี้บ้าง เพื่อให้ได้รางวัลจากจิตใจหน่อย ใช่ไหมครับ

00:46:5700:46:59 เพราะวันนี้เราไม่ได้รักษาแต่ร่างกายนะ

00:46:5900:47:00 เรารักษาจิตใจด้วย

00:47:0000:47:03 บางทีกายอาจจะดรอปหรืออาจจะตกไปบ้าง

00:47:0300:47:07 แต่ได้ความสุข ได้การปาร์ตี้ ได้เจอเพื่อนๆ ได้เจอพ่อแม่พี่น้อง

00:47:0700:47:10 เราก็ถือว่า Balance ไปนะครับ

00:47:1000:47:13 ชีวิตคนเราครับ ต้องขึ้นอยู่กับทางสายกลางนี่แหละครับ

00:47:1300:47:17 สุดโต่งไปก็ป่วยไ ม่ทำเลยก็ป่วย

00:47:1700:47:22 การจะทำอย่างไรให้อยู่ในทางสายกลางนี่เป็นศิลปะที่หมอว่ายากนะครับ

00:47:2200:47:26 คำแนะนำต่อไปครับ การดูแลป้องกันเบาหวานครับ

00:47:2600:47:30 พยายามรับประทานอาหารสดนะครับ ไม่แปรรูปครับ

00:47:3000:47:33 เน้นผักใบเขียวครับ ไม่ว่าจะเป็นคะน้า เป็นผักใบเขียว

00:47:3300:47:36 บ้านเรามีเยอะแยะมากนะครับ บ้านเราเป็นเมืองร้อนครับ

00:47:3600:47:39 ปลูกผักยังไงก็ขึ้นง่ายกว่าเมืองหนาวนะครับ

00:47:3900:47:43 ทานผักให้เยอะครับ 1 จานนะครับ ผักครึ่งนึงนะครับ

00:47:4300:47:46 ทานผลไม้ครับ ทานเส้นใยเยอะๆ ครับ

00:47:4600:47:48 ทานธัญพืชครับ ทานถั่วครับ

00:47:4800:47:53 ถ้าเปรียบเทียบครับ เลือกได้จะกินข้าวขาวแล้วไปเจาะเลือดน้ำตาลสูง

00:47:5300:47:57 ก็เปลี่ยนเป็นข้าวกล้องนะครับ เปลี่ยนเปลี่ยนเป็นข้าวไรซ์เบอรี่นะครับ

00:47:5700:48:01 เปลี่ยนเป็นข้าวไม่ขัดสีนะครับ ก็จะบำรุงร่างกายได้มาก

00:48:0100:48:03 ลดระดับน้ำตาลได้มาก

00:48:0300:48:04 ต่อไปครับ

00:48:0400:48:08 พยายามนะครับ รับประทานแป้งและน้ำตาลแปรรูปให้น้อยเลยครับ

00:48:0800:48:12 นี่ก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่กระตุ้นเบาหวานได้ดีนักแลนะครับ

00:48:1200:48:14 ต้องหลีกเลี่ยงหรือกินน้อยๆ ครับ

00:48:1400:48:17 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเบเกอรี่ครับ กลุ่มขนมปังขาวครับ

00:48:1700:48:20 พวกครัวซองที่ใส่เนยนมมาเยอะๆ นะครับ

00:48:2000:48:22 ไอศกรีมที่ทั้งหวานทั้งมันนะครับ

00:48:2200:48:25 เครื่องดื่มหวานๆ มันๆ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

00:48:2500:48:28 กาแฟเย็นหวานมันนะครับ ชาเย็นหวานมันนะครับ

00:48:2800:48:31 ชาไข่มุกนะครับ ครีมเทียมแบบนี้เป็นต้นนะครับ

00:48:3100:48:36 สิ่งเหล่านี้แหละครับต้องนานๆ ทานที หรือว่าถ้าเลิกได้เลิก ถ้าละได้ละ

00:48:3600:48:42 เนย อะไรอีก มีหลายอย่างเลยนะ ที่พูดกล่าวมาก็ของอร่อยนะครับ

00:48:4200:48:45 กลุ่มไหนที่เป็นน้ำตาลหวานเจี๊ยบๆ นั่นแหละทุกท่านรู้อยู่แล้วนะครับ

00:48:4500:48:49 ทานเข้าไปก็น้ำตาลก็ขึ้นนะครับ อันนี้ไม่ต้องให้หมอมาให้เทคนิคนะครับ

00:48:4900:48:52 กลุ่มต่อไปครับ ที่ต้องลด ละ เลิกนะครับ

00:48:5200:48:56 ถ้าอยากจะให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีหรือภาวะเบาหวานเนี่ยไม่อันตราย

00:48:5600:49:00 หรือว่าหลีกเลี่ยงห่างไกลจากโรคเบาหวาน ก็คืออาหารแปรรูปนะครับ

00:49:0000:49:02 หรือที่เรียกว่า Processed meat นะครับ

00:49:0200:49:05 ไส้กรอก แฮม เบคอน เมื่อกี้หมอกล่าวไปแล้วนะครับ

00:49:0500:49:07 กลุ่มนี้ทานให้น้อยครับ

00:49:0700:49:11 หลีกเลี่ยงเบาหวานได้ หลีกเลี่ยงมะเร็งได้นะครับ

00:49:1100:49:12 ลดการดื่มแอลกอฮอล์ครับ

00:49:1200:49:16 การดื่มแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เป็น เบียร์ เป็นไวน์

00:49:1600:49:20 ก่อให้เกิดการสะสมไขมันในตับทั้งสิ้นนะครับ

00:49:2000:49:23 ไขมันในตับเมื่อมากขึ้นนะครับ ตับก็ไม่ดีนะครับ

00:49:2300:49:26 ตับอ่อนก็ไม่ดี อินซูลินก็ทำงานน้อยนะครับ

00:49:2600:49:29 ก็จะเกิดเบาหวานที่อันตรายขึ้นนะครับ

00:49:2900:49:31 พยายามลดน้ำหนักด้วยนะครับ

00:49:3100:49:33 ลดน้ำหนักตัวนะครับ

00:49:3300:49:34 รับประทานให้ดีนะครับ

00:49:3400:49:36 ให้ไขมันในช่องท้องน้อยลง

00:49:3600:49:41 ถ้าใครมีโอกาสได้วัด MRI ช่องท้องดูไขมันในตับก็จะดี

00:49:4100:49:43 ถ้าใครไม่มีโอกาสก็ใช้สายวัดครับ

00:49:4300:49:48 ถ้าเมื่อไหร่เราวัดปุ๊บกางเกงหลวมนะครับ รอบเอวเราเล็กนะครับ

00:49:4800:49:50 อันนั้นแหละครับมาถูกทางแล้วนะครับ

00:49:5000:49:55 การรับประทานอาหารครับ หรือเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลเทียมเนี่ย

00:49:5500:50:00 ทำให้มีความเสี่ยงเบาหวานน้อยลงไหมคะ อันนี้มีคำถามเข้ามานะครับ

00:50:0000:50:03 ไม่ว่าจะเป็นพวกเครื่องดื่มที่เป็นซีโร่ต่างๆ นะครับ

00:50:0300:50:05 เครื่องดื่มที่เป็นไดเอทต่างๆ นะครับ

00:50:0500:50:08 น้ำตาลที่แบบ 0 แคลอรีนะครับ

00:50:0800:50:10 กินเข้าไปแล้ว กินแบบนี้ดีกว่าค่ะคุณหมอ

00:50:1000:50:13 น้ำตาลจะได้ไม่ขึ้น แล้วก็ยังกินน้ำอัดลมทั้งวันอยู่เลย

00:50:1300:50:15 ไม่ได้นะครับ

00:50:1500:50:17 มีการวิจัยไว้ครับ ไปเอามาฝากนะครับ

00:50:1700:50:21 ในวารสาร Nature ในปี ค.ศ. 2014 ครับ

00:50:2100:50:25 โดยคณะผู้ช่วยศาสตราจารย์‪ Jotham Suez ครับ

00:50:2500:50:27 จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins นะครับ ว่า

00:50:2700:50:32 น้ำตาลเทียมทั้งหลายเนี่ย ที่เราทานเข้าไปแล้วเรานึกว่าน้ำตาลไม่ขึ้นเนี่ย

00:50:3200:50:34 มีส่วนที่เข้าไปอยู่ในลำไส้ครับ

00:50:3400:50:38 แล้วเจ้าแบคทีเรียในลำไส้เราเนี่ยย่อยไม่ได้นะครับ

00:50:3800:50:44 หรือไปทำให้สภาวะความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้เนี่ยเสียหายครับ

00:50:4400:50:47 สุดท้ายครับ ระบบการย่อย ระบบการดูดซึมก็เสียไปด้วย

00:50:4700:50:52 ทำให้บั้นปลายแล้วเนี่ย ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ

00:50:5200:50:55 แล้วน้ำหนักขึ้นอีกด้วย

00:50:5500:51:00 แสดงว่าไม่รอดนะครับ ถึงจะหนีจากไม่กินน้ำตาลไปกินน้ำตาลเทียม

00:51:0000:51:02 หรือน้ำตาลที่แต่งขึ้นมาต่างๆ เนี่ยก็ไม่ได้ช่วยนะครับ

00:51:0200:51:07 แต่ถ้าให้หมอแนะนำนะครับ น้ำตาลที่แคลอรี่ต่ำ ที่มาจากธรรมชาติ

00:51:0700:51:13 ที่พอจะแนะนำว่า ถ้าคนกลัวเรื่องเบาหวานนะครับ หรืออยากจะป้องกัน

00:51:1300:51:17 ก็จะมีน้ำตาลจากหญ้าหวานเนี่ยที่มาจากธรรมชาติและแคลอรีต่ำ

00:51:1700:51:22 หรือน้ำตาลจาก Monk fruit นะครับหรือที่เขาเรียกว่าหล่อฮังก๊วยนะครับ

00:51:2200:51:27 2 ตัวนี้ก็เป็นน้ำตาลที่ใช้ได้นะครับ มีการผลิตออกมาเยอะนะครับ

00:51:2700:51:33 ว่ามีแคลอรีน้อยนะครับ แล้วก็แบคทีเรียในลำไส้เนี่ยไม่โดนโจมตี

00:51:3300:51:34 ไปต่อครับ

00:51:3400:51:37 วิตามินหรืออาหารเสริมนะครับ หรืออาหารต่างๆ เนี่ย

00:51:3700:51:40 ที่มีส่วนช่วยในการจัดการน้ำตาล

00:51:4000:51:43 หรือการเร่งการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายเรามีอะไรบ้างคะ

00:51:4300:51:46 ขอซัก 2-3 นะครับ

00:51:4600:51:49 หมอดึงมาให้ซัก 3-4 รายการแล้วกันนะครับ

00:51:4900:51:53 ตัวที่ 1 ครับก็คือแร่ธาตุในร่างกายเรานี่แหละครับ

00:51:5300:51:55 ที่ชื่อว่าโครเมียม (Chromium) นะครับ

00:51:5500:51:59 โครเมียมครับ เป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการปรับสมดุล

00:51:5900:52:01 และลดน้ำตาลในเลือดนะครับ

00:52:0100:52:05 แต่ตัวนี้นะครับ น้อยไปก็ไม่ดี เยอะไปก็มีโทษนะครับ

00:52:0500:52:09 แร่ธาตุวิตามินต่างๆ เนี่ยจะหารับประทานเนี่ย

00:52:0900:52:11 ต้องเจาะเลือด หรือปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับ

00:52:1100:52:13 ไม่ใช่ไปเจอปุ๊บ หมอแอมป์บอกปั๊บ

00:52:1300:52:17 ทานเข้าไปเลยจนเยอะเกิน ก็เป็นพิษในเลือดอีกเจ้าโครเมียมเนี่ย

00:52:1700:52:19 แต่ถ้าน้อยเกินไปน้ำตาลก็ไม่ดีนะครับ

00:52:1900:52:23 เพราะฉะนั้นต้องอยู่ในปริมาณเหมาะสมหรือทางสายกลางนะครับ

00:52:2300:52:27 แร่ธาตุตัวต่อไปครับ ที่มีส่วนช่วยก็คือ วาเนเดียม (Vanadium) นะครับ

00:52:2700:52:30 V A N A D I U M

00:52:3000:52:33 วาเนเดียม เป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการทำงานของอินซูลินครับ

00:52:3300:52:36 ช่วยในการจัดการน้ำตาลในร่างกาย

00:52:3600:52:40 เช่นเดียวกันครับ น้อยเกินไม่ดีมากเกินก็มีโทษ

00:52:4000:52:44 มีทั้งประโยชน์และโทษ ก็ต้องปรึกษาแพทย์นิดนึงนะครับ

00:52:4400:52:46 รายการถัดไปครับที่มีส่วนช่วยนะครับ

00:52:4600:52:51 ในการลดน้ำตาลในเลือดนะครับ ก็คือ Curcumin นะครับ

00:52:5100:52:56 ใครฟังในตอนโรคอ้วนก็จะได้ฟังมาแล้วนะครับก็คือขมิ้นชันครับ

00:52:5600:53:01 Curcumin เนี่ยมีสรรพคุณในการลดการอักเสบในร่างกายนะครับ

00:53:0100:53:04 บรรเทาอาการผลข้างเคียงของเบาหวานนะครับ

00:53:0400:53:07 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน

00:53:0700:53:10 ในการจัดเก็บน้ำตาลได้ด้วยนะครับ

00:53:1000:53:15 ตัวสุดท้ายครับที่เอามาฝากวันนี้ก็คือตัวที่ชื่อว่า เบอร์เบอร์รีน (Berberine) นะครับ

00:53:1500:53:19 B E R B E R I N E นะครับ

00:53:1900:53:22 เบอร์เบอร์รีน เป็นสมุนไพรจีนมากกว่าพันปีแล้วครับ

00:53:2200:53:28 สกัดมาจากสมุนไพรจีน ชื่อว่า Coptis chinensis นะครับ

00:53:2800:53:30 เป็นแอลคาลอยด์ชนิดหนึ่งครับ

00:53:3000:53:33 สรรพคุณนะครับ ช่วยลดอาการอักเสบของร่างกายนะครับ

00:53:3300:53:36 แล้วก็ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยนะครับ

00:53:3600:53:40 มีการวิจัยไว้ครับใน International Journal of Endocrinologyo นะครับ

00:53:4000:53:43 ในปี ค.ศ. 2015 เร็วๆ นี้เองนะครับ

00:53:4300:53:47 โดยคณะคุณหมอ Bing Pang กับคุณหมอ Lin-Hua Zhao นะครับ

00:53:4700:53:51 ว่าเบอร์เบอร์รีนนี้สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด

00:53:5100:53:55 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากนะครับ แล้วก็มีนัยยะสำคัญด้วยนะครับ

00:53:5500:53:58 อันนี้ก็มาฝากนะครับว่ามีสัก 3-4 ตัวนะครับ

00:53:5800:54:01 ที่เป็นทั้งแร่ธาตุนะครับ แล้วก็เป็นอาหารนะครับ

00:54:0100:54:05 ที่มีส่วนช่วยนะครับในการลดน้ำตาลในเลือดนะครับ

00:54:0500:54:08 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครับ ต้นเหตุอยู่ที่ปากเรานะครับ

00:54:0800:54:11 ต้นเหตุอยู่ที่พฤติกรรมเรานะครับ

00:54:1100:54:14 ตราบใดที่เราทานแร่ธาตุ ทานวิตามินเหล่านี้เข้าไป

00:54:1400:54:17 แล้วเรายังคุมหรือเรายังไม่สามารถจัดการ

00:54:1700:54:21 กับแคลอรี่ในอาหารที่เราทานได้เนี่ย มันก็ไม่ลดหรอกครับ

00:54:2100:54:25 ต่อไปหมอจะพูดถึงสาเหตุหลักๆ อีกสัก 4-5 ตัวนะครับ

00:54:2500:54:30 ที่สามารถที่จะปรับและเปลี่ยนเพื่อมาช่วย

00:54:3000:54:35 ให้ร่างกายเราสุขภาพแข็งแรง แล้วปราศจากโรคภัยไข้เจ็บมาโจมตีเรา

00:54:3500:54:37 หรือลดโอกาสความเสี่ยงในอนาคตนะครับ

00:54:3700:54:41 เรื่องเบาหวานครับ ต้องหยุดสูบบุหรี่นะครับ

00:54:4100:54:45 การสูบบุหรี่ครับ ทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากในเลือดนะครับ

00:54:4500:54:47 หรือ AGEs มากในเลือดนะครับ

00:54:4700:54:50 ทำให้เกิดการทำลายผนังหลอดเลือดนะครับ

00:54:5000:54:53 คนเป็นเบาหวานเนี่ย หลอดเลือดก็แย่อยู่แล้ว

00:54:5300:54:57 ไปเจอบุหรี่อีก ไปกันใหญ่ ไม่รู้อะไรแย่กว่ากันเลยนะครับ

00:54:5700:55:00 โรคเบาหวานครับ เป็นโรคที่ทำลายนะครับ

00:55:0000:55:04 หลอดเลือดสมองนะครับ ทำลายหลอดเลือดหัวใจนะครับ

00:55:0400:55:07 บุหรี่ครับ ทำลายหลอดเลือดทั้งตัวครับ

00:55:0700:55:09 อันนี้ก็เป็นปัจจัยแหละครับว่า

00:55:0900:55:14 ถ้าใครนะครับสูบบุหรี่อยู่ไม่อยากเป็นเบาหวานในอนาคต

00:55:1400:55:19 อยากสุขภาพดีก็ลดได้ลด ละได้ละ เลิกได้เลิกเลยนะครับ

00:55:1900:55:24 มีการวิจัยไว้ครับใน JAMA ครับ ในปี ค.ศ. 2007 ครับว่า

00:55:2400:55:29 การสูบบุหรี่ครับ เพิ่มความเสี่ยงการเป็นเบาหวานได้ตั้ง 44% นะครับ

00:55:2900:55:32 แสดงว่าไก่กับไข่นะครับไม่รู้ใครเกิดก่อนกันเลย

00:55:3200:55:34 เอาเป็นว่าหมอไม่แนะนำให้สูบนะครับ

00:55:3400:55:36 ต่อไปครับ

00:55:3600:55:39 คนเป็นเบาหวานครับหรือคนที่ไม่อยากเป็นเบาหวานครับ

00:55:3900:55:44 ก็ต้องพยายามนะครับเพิ่มการออกกำลังกายครับ

00:55:4400:55:50 เพิ่มการขยับตัวครับหรือสิ่งที่เรียกว่า Physical activity ครับ

00:55:5000:55:52 บางคนออกกำลังกายได้ออกไปเลยครับ

00:55:5200:55:55 บางคนไม่มีเวลาออกจริงๆ นะครับเดินให้เยอะครับ

00:55:5500:55:59 หมอเคยบอกไว้แล้วครับ เดินให้ได้ 10,000 ก้าวอย่างน้อยต่อวัน

00:55:5900:56:02 อย่างน้อยๆ นะครับก็ช่วยบำรุงร่างกาย

00:56:0200:56:07 การออกกำลังกายครับ หรือการขยับตัวทำกิจกรรมให้มากในแต่ละวันเนี่ย

00:56:0700:56:10 ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวานได้นะครับ

00:56:1000:56:11 มีการวิจัยไว้นะครับว่า

00:56:1100:56:15 การออกกำลังกายเนี้ย ช่วยให้ประสิทธิภาพของการทำงาน

00:56:1500:56:19 ของฮอร์โมนอินซูลินครับ ดีขึ้นตั้ง 51% นะครับ

00:56:1900:56:23 อันนี้วิจัยไว้ใน The Journal of Clinical Endocrinology & Metabolism

00:56:2300:56:25 ในปี ค.ศ. 2014 นะครับ

00:56:2500:56:28 เมื่อฮอร์โมนอินซูลินทำงานดีขึ้นครับ

00:56:2800:56:30 น้ำตาลในเลือดก็ลดลงนะครับ

00:56:3000:56:35 คำแนะนำก็คืออยากจะให้ออกกำลังกาย 30 นาทีอย่างน้อยต่อวันนะครับ

00:56:3500:56:37 5 วันต่อสัปดาห์

00:56:3700:56:41 ข้อต่อไปครับระดับวิตามิน D นี่แหละครับ

00:56:4100:56:46 ก็เป็นหนึ่งในตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานนะครับ

00:56:4600:56:49 หมอเคยพูดไว้ใน 5 สุดยอดอาหารด้วยนะครับ

00:56:4900:56:52 เราก็ไปดูกันว่า มีการวิจัยครับใน

00:56:5200:56:56 European Journal of Clinical Nutrition นะครับในปี ค.ศ. 2011 ครับ

00:56:5600:56:59 แล้วก็ใน PLOS One ครับ ปี ค.ศ. 2015 ว่า

00:56:5900:57:05 คนที่ขาดวิตามิน D ครับในร่างกายเนี่ย จะมีความเสี่ยงเพิ่มนะครับ

00:57:0500:57:07 ในการเป็นโรคเบาหวานนะครับ

00:57:0700:57:10 ฉะนั้นครับวิตามินดีครับ ก็ต้องปรึกษาแพทย์นะครับ

00:57:1000:57:15 เจาะเลือดดูก่อนนะครับว่า ระดับในเลือดมากเกินไปหรือเปล่า หรือน้อยเกินไปหรือเปล่า

00:57:1500:57:19 ถ้าน้อยเกินไปก็มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนะครับ โดนแดดในช่วงเช้านะ

00:57:1900:57:22 หรือว่ารับประทานอาหารเสริมได้นะครับ

00:57:2200:57:26 ข้อต่อไปครับ ที่ช่วยในการต่อสู้นะครับ ป้องกันโรคเบาหวานนะครับ

00:57:2600:57:28 ก็คือการลดความเครียดครับ

00:57:2800:57:32 ฮอร์โมนเครียดครับ หรือที่มีชื่อว่าฮอร์โมนคอร์ติซอลเนี่ย

00:57:3200:57:37 เวลาฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงเนี่ย ระดับน้ำตาลในเลือดก็จะสูง

00:57:3700:57:40 เพราะฉะนั้นการลดความเครียดครับ หรือการฝึกสมาธิ

00:57:4000:57:45 หรือการนั่งสมาธิครับ หรือการเดินจงกรมครับ

00:57:4500:57:47 หมอพูดไว้ใน 2 ตอนนะครับที่หมอพูดไว้

00:57:4700:57:51 เรื่องสมาธิก็ดี เรื่องเดินจงกรมก็ดีนะครับ

00:57:5100:57:54 มีส่วนช่วยในการลดฮอร์โมนคอร์ติซอลนะครับ

00:57:5400:57:57 เมื่อฮอร์โมนคอร์ติซอลคุมได้อยู่ในระดับปกตินะครับ

00:57:5700:58:02 น้ำตาลในเลือดก็จะคุมง่ายขึ้น หรือว่าอยู่ในภาวะที่สมดุลขึ้นนะครับ

00:58:0200:58:04 สุดท้ายครับ

00:58:0400:58:07 มาจบสุดท้ายกันที่การนอนนะครับ

00:58:0700:58:09 การนอนหลับให้มีคุณภาพครับ

00:58:0900:58:16 ก็เป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญ ในการต่อสู้ป้องกันภาวะโรคเบาหวาน

00:58:1600:58:19 ในตอนการนอนหมอเคยเล่าให้ฟังนะครับว่า

00:58:1900:58:23 การนอนหลับที่ไม่ดีนะ ไม่มีคุณภาพนะครับ หรือการนอนดึกนะครับ

00:58:2300:58:26 ย่อมมีผลกับการหลั่งของฮอร์โมนในร่างกายนะครับ

00:58:2600:58:28 ไม่ว่าจะเป็นระดับโกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ที่หลั่งน้อยลง

00:58:2800:58:31 ร่างกายก็ซ่อมแซมตัวเองได้น้อยลงนะครับ

00:58:3100:58:34 แก่ไวขึ้นนะครับ เสื่อมไวขึ้นนะครับ

00:58:3400:58:38 การนอนดึกเอย การนอนหลับไม่ลึกเอยนะครับ

00:58:3800:58:40 เราต้องนอนให้ดี มีคุณภาพนะครับ

00:58:4000:58:44 ฮอร์โมนต่างๆ ก็จะหลั่งออกมาซ่อมแซมได้ดีนะครับ

00:58:4400:58:46 ไม่ว่าจะเป็นโกรทฮอร์โมนเอย

00:58:4600:58:49 ไม่ว่าจะเป็นตัวเลปตินเอยนะครับ

00:58:4900:58:50 และที่หมอบอกครับ

00:58:5000:58:53 เวลาเรานอนไม่ดีครับ ติดต่อกันหลายวันครับ

00:58:5300:58:56 เลปตินก็จะหลั่งน้อยลงนะครับ

00:58:5600:58:58 พอวันรุ่งขึ้นก็จะหิวขึ้นครับ

00:58:5800:59:00 อยากกินมากขึ้นครับ น้ำหนักขึ้นครับ

00:59:0000:59:03 น้ำตาลขึ้นครับ ไขมันขึ้นครับ

00:59:0300:59:08 ก็ก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์ ขึ้นมารอบใหม่ก็คือภาวะโรคอ้วนนั่นเองนะครับ

00:59:0800:59:10 นั่นคือสรุปครับ

00:59:1000:59:13 วันนี้ครับสมควรแก่เวลา

00:59:1300:59:15 หมอได้เริ่มต้นจากทฤษฎีนะครับ

00:59:1500:59:17 มาแชร์ให้ฟังนะครับ

00:59:1700:59:22 เอาข้อมูลมาเล่าให้ฟัง ไปถึงวิธีประพฤติปฏิบัติตัวนะครับ

00:59:2200:59:25 ปรับพฤติกรรมนะครับ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานนะครับ

00:59:2500:59:28 เรื่องการคุมความเครียดนะครับ

00:59:2800:59:29 เรื่องการออกกำลังกายนะครับ

00:59:2900:59:31 เรื่องการใช้ชีวิตนะครับ

00:59:3100:59:35 หวังว่าข้อมูลจากหมอแอมป์และทีมงานในวันนี้เนี่ย

00:59:3500:59:38 จะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ฟังทุกท่านนะครับ

00:59:3800:59:40 ไม่มากก็น้อยนะครับ

00:59:4000:59:44 ยังไงซะ ทางหมอและทีมงาน ก็จะพยายามนะครับ

00:59:4400:59:49 หาข้อมูลที่มีประโยชน์มาแชร์ มาเล่าให้ฟังนะครับ

00:59:4900:59:51 มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันนะครับ

00:59:5100:59:55 อะไรก็ตามที่ผิดพลาดไปบ้างตกหล่นไปบ้างในวันนี้นะครับ

00:59:5500:59:58 ก็สามารถแชร์กันมาได้ในคอมเมนท์นะครับ

00:59:5801:00:02 วันนี้ครับ ก็ขอให้ทุกท่านนะครับ ประสบความสุขความเจริญนะครับ

01:00:0201:00:05 สุขภาพแข็งแรงนะครับ ปราศจากโรคภัย

01:00:0501:00:09 โดยเฉพาะในยุคสมัยที่เชื้อโรคเนี่ยอันตรายซะเหลือเกินนะครับ

01:00:0901:00:11 เราต้องตั้งการ์ดให้สูงครับ

01:00:1101:00:17 ให้ร่างกายเราเนี้ย มีโล่นะครับ มีเกราะป้องกันนะครับที่แข็งแรง

01:00:1701:00:21 เผื่อวันหนึ่งเราเผลอป่วยไปนะครับ ถ้าไม่ป่วยก็ดี

01:00:2101:00:25 แต่ถ้าป่วยไปแล้วเนี่ย อย่างน้อยร่างกายที่แข็งแรงนี่แหละครับ

01:00:2501:00:28 ก็จะผ่อนหนักให้เป็นเบานะครับ

01:00:2801:00:31 ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บได้ในอนาคตนะครับ

01:00:3101:00:33 ขอให้ทุกท่านประสบความสุขนะครับ

01:00:3301:00:36 สวัสดีครับ ไว้เจอกันใหม่ในตอนหน้า ขอบคุณครับ