00:00:00 → 00:00:04 รไวรัสต้นเหตุท้องเสียระบาดง่ายเด็กเล็ก
00:00:04 → 00:00:05 ต้อง
00:00:05 → 00:00:09 ระวังรับมือโนโรไวรัสป้องกันการระบาดตัว
00:00:09 → 00:00:11 ร้ายก่ออาการท้อง
00:00:11 → 00:00:14 เสียท้องเสียอยากหายวัยอะไรรับประทานได้
00:00:14 → 00:00:17 และไม่ได้ต้องดูติดตามเรื่องราวทั้งหมด
00:00:17 → 00:00:25 ได้ในรายการ TNN Health วัน
00:00:25 → 00:00:30 นี้สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ TNN
00:00:30 → 00:00:33 เข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้
00:00:33 → 00:00:36 ทันโรคไปกับ tean Health ค่ะและดิฉันหมอ
00:00:36 → 00:00:40 ดาวแพทย์หญิงฉัตดาวจังวังกรแพทย์เฉพาะทาง
00:00:40 → 00:00:43 สาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อมที่จะรับหน้า
00:00:43 → 00:00:45 ที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณผู้ชมมาเข้า
00:00:45 → 00:00:51 ถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:51 → 00:01:02 [เพลง]
00:01:02 → 00:01:05 และสำหรับสัปดาห์นี้ค่ะเราจะพาคุณผู้ชมมา
00:01:05 → 00:01:09 รู้จักกับโนรไวรัสไวรัสตัวร้ายค่ะที่ทำ
00:01:09 → 00:01:12 ให้เกิดอาการท้องเสียแบบเฉียบพลันทั้งใน
00:01:12 → 00:01:15 เด็กและผู้ใหญ่ไปฟังพร้อมๆกันค่ะโนโร
00:01:15 → 00:01:18 ไวรัสเป็นเชื้อไวรัสก่อโรคอุจจาระร่วง
00:01:18 → 00:01:21 สามารถรับเชื้อจากการปนเปื้อนในอาหารน้ำ
00:01:21 → 00:01:24 ดื่มมือหรือการสัมผัสอาหารและนำเข้าปาก
00:01:24 → 00:01:27 ซึ่งพบผู้ป่วยได้ในทุกกลุ่มวัยโดยเฉพาะ
00:01:27 → 00:01:30 เด็กเล็กและผู้สูงอายุเนื่องจากร่างกายมี
00:01:30 → 00:01:34 ภูมิคุ้มกันต่ำกว่าวัยอื่นเนโรไวรัสทำให้
00:01:34 → 00:01:37 เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหารโรคนี้
00:01:38 → 00:01:40 ติดต่อกันได้ง่ายแม้ร่างกายจะได้รับเชื้อ
00:01:40 → 00:01:43 ในปริมาณเล็กน้อยและเชื้อยังทนต่อความ
00:01:43 → 00:01:46 ร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อได้ดีจึงสามารถแพร่
00:01:46 → 00:01:48 ระบาดได้อย่างรวดเร็วปัจจุบันยังไม่มี
00:01:48 → 00:01:51 วัคซีนป้องกันเชื้อเนโรไวรัสอย่างที่
00:01:52 → 00:01:54 กล่าวไปข้างต้นแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่า
00:01:55 → 00:01:58 เชื้อเนโรไวรัสต้องล้างมือด้วยน้ำและสบู่
00:01:58 → 00:02:00 โดยสามารถทำได้โดยการล้างมือด้วยน้ำและ
00:02:01 → 00:02:04 สบู่ให้สะอาดอย่างน้อย 20 วินาทีเป็นวิธี
00:02:04 → 00:02:06 ที่ดีที่สุดเนื่องจากแอลกอฮอล์ไม่สามารถ
00:02:06 → 00:02:10 ฆ่าเชื้อเนโรไวรัสได้โดยควรล้างมือทุก
00:02:10 → 00:02:12 ครั้งหลังเข้าห้องน้ำก่อนและหลังรับ
00:02:12 → 00:02:16 ประทานอาหารหรือประกอบอาหารรไวรัสเป็น
00:02:17 → 00:02:20 ไวรัสที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียพบบ่อยที่
00:02:20 → 00:02:23 สุดในโลกนะคะเมื่อเทียบกับแบคทีเรียที่
00:02:23 → 00:02:26 เรามักจะพบเช่นเดียวกันสำหรับในประเทศไทย
00:02:26 → 00:02:29 สถานการณ์โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันหรือ
00:02:29 → 00:02:32 อาหารเป็นพิษจากเชื้อเนโรไวรัสตั้งแต่วัน
00:02:32 → 00:02:37 ที่ 1 มกราคมจนถึง 13 ธันวาคมพุธศักราช
00:02:37 → 00:02:41 2567 นั้นพบการระบาด 85 เหตุการณ์พบมาก
00:02:41 → 00:02:44 ที่สุดในโรงเรียนจำนวน 12 เหตุการณ์มีผู้
00:02:44 → 00:02:50 ป่วยกว่า 991 รายโนโรไวรัสมักตรวจพบมาก
00:02:50 → 00:02:53 ขึ้นในช่วงฤดูหนาวเนื่องจากสภาวะอากาศที่
00:02:53 → 00:02:56 เย็นทำให้เชื้อสามารถเจริญได้ดีส่งผลให้
00:02:56 → 00:02:59 อาหารและน้ำดื่มมีโอกาสปนเปื้อนดังนั้นใน
00:02:59 → 00:03:02 ในช่วงฤดูหนาวมีโอกาสที่จะพบผู้ป่วยโรค
00:03:02 → 00:03:05 อุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสเพิ่ม
00:03:05 → 00:03:06 มากขึ้น
00:03:06 → 00:03:11 ได้โนโรไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ผ่านตัว
00:03:11 → 00:03:16 กลางและวิธีการดังต่อไปนี้โนโรไวรัสอาจจะ
00:03:16 → 00:03:18 ปนเปื้อนในอาหารน้ำดื่มแต่มักพบบ่อยในน้ำ
00:03:19 → 00:03:22 ดื่มน้ำแข็งผักผลไม้สดและหอยนางรมการ
00:03:22 → 00:03:25 สัมผัสกับสิ่งของหรือพื้นผิวที่ปนเปื้อน
00:03:25 → 00:03:28 แล้วนำนิ้วหรือมือเข้าปากการสัมผัสกับผู้
00:03:28 → 00:03:32 ป่วยโดยตรงอุจจาระหรือละอองอาเจียนของผู้
00:03:32 → 00:03:36 ป่วยอาการเมื่อติดเชื้อโนโรไวรัสมีดังต่อ
00:03:36 → 00:03:40 ไปนี้ผู้ป่วยมักเริ่มแสดงอาการหลังได้รับ
00:03:40 → 00:03:43 เชื้อ 12-4 ชัวโมงโดยจะมีอาการอุจจาระ
00:03:43 → 00:03:46 ร่วงอาเจียนปวดท้องส่วนใหญ่จะไม่มีเลือด
00:03:46 → 00:03:50 ปนมากับอุจจาระบางรายอาจมีอาการไข้และปวด
00:03:50 → 00:03:54 ศีรษะร่วมด้วยและจะมีอาการประมาณ 1-3 วัน
00:03:54 → 00:03:56 ในกรณีอาการรุนแรงมีความเสี่ยงต่อภาวะ
00:03:56 → 00:04:00 ร่างกายขาดน้ำอาจเกิดการช็อกความดันโลหิต
00:04:00 → 00:04:03 ต่ำและอาจเสียชีวิตได้อาการของการติด
00:04:03 → 00:04:06 เชื้อโนโรไวรัสที่มีอาการรุนแรงที่ต้อง
00:04:06 → 00:04:09 รีบพาไปพบแพทย์มีดังต่อไปนี้ค่ะหากเป็น
00:04:09 → 00:04:13 เด็กเล็กมีอาการท้องเสียตั้งแต่ 5 ครั้ง
00:04:13 → 00:04:15 รวมไปถึงมีเรื่องของการอาจเสี่นตั้งแต่ 2
00:04:15 → 00:04:19 ครั้งต้องรีบพาไปพบแพทย์มีอาการของภาวะ
00:04:19 → 00:04:23 ขาดน้ำเช่นปากแห้งคอแห้งตาโหลอ่อนเพลีย
00:04:23 → 00:04:26 เวรศีรษะรู้สึกมึนงงหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
00:04:26 → 00:04:30 และปัสสาวะน้อยลงและมีสีเข้มผู้ผู้สูง
00:04:30 → 00:04:32 อายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวชนิดรุนแรง
00:04:32 → 00:04:36 เช่นโรคไตภูมิคุ้มกันบกพร่องและมีอาการ
00:04:36 → 00:04:39 ท้องเสียและอาเจียนอาการป่วยไม่ดีขึ้นใน
00:04:39 → 00:04:43 2-3 วันและในช่วงนี้นะคะเราจะไปพูดคุย
00:04:43 → 00:04:46 กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการป้อง
00:04:46 → 00:04:49 กันและรักษาโนโร
00:04:49 → 00:04:53 ไวรัสสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:04:53 → 00:04:56 เลยนะคะ
00:04:56 → 00:05:02 [เพลง]
00:05:02 → 00:05:06 รไวรัสคืออะไรคะโรไวรัสเนี่ยก็เป็นชื่อ
00:05:06 → 00:05:09 ไวรัสตัวนึงนะคะที่ก่อให้เกิดปัญหาการติด
00:05:09 → 00:05:11 เชื้อในระบบทางเดินอาหารซึ่งระบบทางเดิน
00:05:11 → 00:05:13 อาหารที่ว่าเนี่ยก็คือกระเพาะอาหารอักเสบ
00:05:13 → 00:05:16 แล้วก็ลำไส้อักเสบค่ะโดยที่มันจะระบาด
00:05:16 → 00:05:19 หนักในช่วงฤดูหนาวเนาะในประเทศไทยก็อาจจะ
00:05:19 → 00:05:21 เป็นตั้งแต่ช่วงฤดูฝนในต่างประเทศเนี่ย
00:05:21 → 00:05:23 เขาจะเรียกว่า winter vomiting bu ก็
00:05:23 → 00:05:26 คือเป็นอาการอาเจียนเยอะๆในช่วงฤดูหนาว
00:05:26 → 00:05:29 นั่นเองค่ะแล้วก็ในไทยเนี่ยที่ผ่านมามี
00:05:29 → 00:05:31 ข่าวเนาะว่ามีการติดเชื้อโดยการที่อาจจะ
00:05:31 → 00:05:33 มีคนไปต่างประเทศเป็นการระบาดใหม่หรือ
00:05:33 → 00:05:36 เปล่าแต่จริงๆไม่ได้เป็นระบาดใหม่มีมานาน
00:05:36 → 00:05:39 แล้วค่ะโนโรไวรัสมีทุกปีนะคะในประเทศไทย
00:05:39 → 00:05:41 ซึ่งก็ระบาดในช่วงเดือนนี้นี่แหละค่ะก็จะ
00:05:41 → 00:05:44 เป็นตั้งแต่พฤศจิกายนธันวาคมมกราคมแถวๆ
00:05:44 → 00:05:47 นั้นที่อุณหภูมิเย็นลงนั่นเองค่ะคือโนโร
00:05:47 → 00:05:50 ไวรัสเนี่ยมีระบาดมานานแล้วนะคะในประเทศ
00:05:50 → 00:05:53 ไทยแล้วก็ระบาดช่วงนี้ทุกๆปีเลยค่ะแต่ว่า
00:05:53 → 00:05:56 อาจจะไม่ได้เป็นข่าวดังเฉยๆอาการเริ่มต้น
00:05:56 → 00:05:59 เนี่ยก็คือจะมีอาเจียนก่อนซึ่งการอาเจียน
00:05:59 → 00:06:00 อย่างเดียวเนี่ยเนี่ยมันก็เป็นโนโรไวรัส
00:06:00 → 00:06:03 ได้จากการกินอาหารปนเปื้อนที่เกิดมีเชื้อ
00:06:03 → 00:06:06 ผสมอยู่ในนั้นแต่ว่าการตรวจเนี่ยเราตรวจ
00:06:06 → 00:06:08 จากการที่เอาอุจจระไปตรวจเพราะฉะนั้นถ้า
00:06:08 → 00:06:10 เด็กคนนั้นไม่ได้ถ่ายเหลวเราจะไม่รู้ว่า
00:06:10 → 00:06:13 เขาเป็นเนโรไวรัสอาจจะมารู้วันหลังๆเลย
00:06:13 → 00:06:16 หรืออาจจะไม่รู้เลยอะไรคือสาเหตุที่ทำให้
00:06:16 → 00:06:19 เกิดการติดเชื้อโนโรไวรัสคะโนโรไวรัส
00:06:19 → 00:06:22 เนี่ยมันเป็นโรคติดต่อในระบบทางเรินอาหาร
00:06:22 → 00:06:24 ชนิดนึงนะคะหลังจากที่เราเจอเชื้อปุ๊บ
00:06:25 → 00:06:27 สมมุติว่าเราไปสัมผัสคนๆนั้นอะไรอย่าง
00:06:27 → 00:06:29 เงี้ยค่ะสัมผัสสารคัดหลั่งเนี่ยประประว
00:06:29 → 00:06:33 24-48 ชมงเราจะเริ่มมีอาการซึ่งมันเกิด
00:06:33 → 00:06:35 ได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารปน
00:06:35 → 00:06:38 เปื้อนผักที่มันไม่สะอาดหรือว่ากินอาหาร
00:06:39 → 00:06:42 ทะเลที่ล้างไม่สะอาดหรือว่าของพวกที่เด็ก
00:06:42 → 00:06:45 ๆเล่นเนี่ยค่ะพวกภาชนะโต๊ะหรืออะไรอย่าง
00:06:45 → 00:06:47 เงี้ยแล้วมันมีเชื้อนั้นเกาะอยู่และเด็ก
00:06:47 → 00:06:50 ไปจับแล้วเอามือเข้าป่าก็จะนำไปสู่การติด
00:06:50 → 00:06:52 เชื้อได้รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ที่ทำความ
00:06:52 → 00:06:55 สะอาดให้เด็กๆที่ติดเชื้ออยู่มือไปจับ
00:06:55 → 00:06:58 อุจจาระหรือว่าจับสารคัดหลังโดยตรงก็จะ
00:06:58 → 00:07:00 ติดเชื้อได้ง่ายรวมถึงเชื้อเนี้ยค่ะมัน
00:07:00 → 00:07:03 อยู่ในบริเวณภาชนะหรือว่าอยู่ในห้องน้ำ
00:07:03 → 00:07:08 ได้ถึง 2 สัปดาห์เลยมันไม่ตายค่ะเมื่อติด
00:07:08 → 00:07:13 เชื้อเนโรไวรัสอาการจะเป็นอย่างไรคะค่ะก็
00:07:13 → 00:07:15 อาการเนี่ยส่วนใหญ่จะมีท้องเสียนะคะมี
00:07:16 → 00:07:19 ท้องเสียมีไข้ได้มีปวดท้องได้แต่อาการจะ
00:07:19 → 00:07:21 ไม่ได้จำเพาะเจาะจงมากไม่ได้ต่างจากลำไส้
00:07:21 → 00:07:23 อักเสบอย่างอื่นแต่ว่าอาการที่ทำให้เรา
00:07:23 → 00:07:26 คิดถึงโนโรไวรัสมากขึ้นคืออาการอาเจียน
00:07:26 → 00:07:29 มากๆค่ะหรือบางคนอาจจะมีอาเจียนนำมาก่อน
00:07:29 → 00:07:32 ได้ค่ะอาการแบบไหนจึงต้องรีบไปพบแพทย์
00:07:32 → 00:07:36 แล้วเนโรไวรัสค่ะทำให้เกิดการเสียชีวิต
00:07:36 → 00:07:39 ได้อย่างไรคะก็อย่างที่บอกไปก็คือเรามี
00:07:39 → 00:07:42 การเสียน้ำจากการที่เราอาเจียนหรือถ่าย
00:07:42 → 00:07:44 เหลวถ้าเราเสียน้ำมากๆเนี่ยค่ะเราก็จะ
00:07:44 → 00:07:47 อ่อนเพลียเยอะหรือถ้าเราทานเกลือแรกทดแทน
00:07:47 → 00:07:50 เข้าไปไม่ทันทานข้าวทานอาหารไม่ได้ร่าง
00:07:50 → 00:07:53 กายก็จะขาดน้ำมากขึ้นอีกเนาะก็คือเสียน้ำ
00:07:53 → 00:07:56 มากทดแทนน้ำได้น้อยนำไปสู่ภาวะขาดน้ำพอ
00:07:56 → 00:07:58 ภาวะขาดน้ำเกิดขึ้นเราก็จะเกิดภาวะความ
00:07:58 → 00:08:01 ดันต่พอความดันต่ำแล้วช็อกช็อกก็เสีย
00:08:01 → 00:08:04 ชีวิตได้นั่นเองค่ะก็อาการภาวะขาดน้ำนี่
00:08:04 → 00:08:06 แหละค่ะคุณพ่อคุณแม่จะสังเกตได้ว่าอาการ
00:08:06 → 00:08:09 เบื้องต้นคือเริ่มปากแห้งหรือว่าลุกแล้ว
00:08:09 → 00:08:11 มีหน้ามืดอ่อนเพลียกินไม่ได้อะไรอย่า
00:08:11 → 00:08:14 เงี้ยค่ะถ้าเกิดว่าทานเกลือแร่ได้ก็ยัง
00:08:14 → 00:08:16 ไม่ต้องมาแต่ถ้ารู้สึกว่าทานเกลือแร่ไม่
00:08:16 → 00:08:18 ไหวและอาเจียนเยอะมากทุกครั้งที่ทานเลยก็
00:08:18 → 00:08:21 อยากให้รีบมาโรงพยาบาลเพื่อให้สารน้ำทาง
00:08:21 → 00:08:26 เลือดค่ะโรไวัสแตกต่างจากท้องเสียและ
00:08:26 → 00:08:30 อาหารเป็นพิษอย่างไรบ้างคะคนจะชอบพูดว่า
00:08:30 → 00:08:32 อาหารเป็นพิษหรือว่าลำไส้อักเสบอะไรอย่าง
00:08:32 → 00:08:34 เงี้ยจริงๆโนโรเนี่ยมันทำให้เกิดทั้ง 2
00:08:34 → 00:08:36 อย่างก็ได้หรือว่าเกิดอย่างใดอย่างหนึ่ง
00:08:36 → 00:08:38 ก็ได้คือการที่เราเรียกว่าภาวะอาหารเป็น
00:08:38 → 00:08:40 พิษหรือาวะรำไส้อักเสบมันเกิดจากไวรัส
00:08:41 → 00:08:44 หรือแบคทีเรียตัวใดตัวหนึ่งโนโรเป็น
00:08:44 → 00:08:47 สาเหตุหนึ่งในนั้นใครคือกลุ่มเสี่ยงที่จะ
00:08:47 → 00:08:50 ทำให้มีการติดเชื้อเนโรไวรัสได้คะอาจารย์
00:08:51 → 00:08:53 ก็จริงๆแล้วทุกคนมีความเสี่ยงเท่ากันติด
00:08:53 → 00:08:56 เชื้อได้เท่ากันแต่ว่าคนวัยทำงานเนี่ยอาจ
00:08:56 → 00:08:58 จะทานเกลือแร่ได้ดีกว่าหรือว่ามีภูมิต้าน
00:08:58 → 00:09:01 ทานที่ดีกว่าสำหรับเด็กเนี่ยบางทีเขาป่วย
00:09:01 → 00:09:04 แล้วเขาไม่ยอมทานเกลือแร่ไม่ยอมทานอาหาร
00:09:04 → 00:09:06 มันก็นำไปสู่ภาวะขาดน้ำอย่างที่บอกนั่น
00:09:06 → 00:09:09 แหละค่ะทำไมในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
00:09:09 → 00:09:12 จึงมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเมื่อ
00:09:13 → 00:09:16 มีการติดเชื้อโนโรไวรัสคะก็เด็กๆเนี่ยก็
00:09:16 → 00:09:18 จะมีภาวะขาดน้ำได้ง่ายเพราะว่าเขาอาจจะ
00:09:19 → 00:09:22 ทานเกลือแร่ได้ไม่เก่งเนาะแล้วก็พอเพลีย
00:09:22 → 00:09:24 อ่อนเพลียเยอะก็อยากจะนอนไม่ค่อยรับ
00:09:24 → 00:09:27 ประทานข้าวรับประทานน้ำก็จะนำไปสู่ภาวะ
00:09:27 → 00:09:29 ขาดน้ำแล้วก็จะเสี่ยงช็อกได้มากกว่านั่น
00:09:29 → 00:09:32 เองค่ะซึ่งผู้สูงอายุเนี่ยอาจจะไปในแนว
00:09:32 → 00:09:34 ทางที่เขาอาจจะมีโรคประจำตัวเยอะก็จะ
00:09:35 → 00:09:37 sensitive ได้ง่ายต่อภาวะขาดน้ำจะช็อก
00:09:37 → 00:09:39 ได้ง่ายกว่าก็ขึ้นอยู่กับตัวโรคด้วยค่ะ
00:09:39 → 00:09:42 การติดเชื้อเนโรไวรัสนั้นวินิจฉัยได้
00:09:43 → 00:09:45 อย่างไรบ้างคะการวินิจฉัยเนี่ยเริ่มจาก
00:09:45 → 00:09:48 เราสงสัยก่อนก็คือมีอาการถ่ายเหลวแล้วมี
00:09:48 → 00:09:51 อาเจียนเยอะๆอันนี้เราจะเริ่มสงสัยโนโร
00:09:51 → 00:09:54 จริงๆก็ตรวจหรือไม่ตรวจก็ได้เนาะการแต่
00:09:54 → 00:09:57 การตรวจในปัจจุบันเนี่ยมันทำให้เราเข้า
00:09:57 → 00:09:59 ถึงได้ง่ายขึ้นว่าเนี่ยเราเป็นโนโรแล้วก็
00:09:59 → 00:10:02 คือการนำอุจจาระไปตรวจค่ะซึ่งเป็นการส่ง
00:10:02 → 00:10:04 ตรวจทางห้องปฏิบัติการผลจะออกประมาณ 1
00:10:05 → 00:10:07 ชมงเองค่ะตรวจได้หลายโรงพยาบาลแล้วใน
00:10:07 → 00:10:10 ปัจจุบันและการติดเชื้อโนโรไวรัสค่ะเมื่อ
00:10:10 → 00:10:13 ติดเชื้อแล้วมีการรักษาได้อย่างไรบ้างการ
00:10:13 → 00:10:16 ตรวจแล้วเจอว่าเป็นโนโรเนี่ยมันอาจจะไม่
00:10:16 → 00:10:18 ได้แตกต่างเลยเรื่องในเรื่องเรื่องของการ
00:10:18 → 00:10:20 รักษาเพราะว่าตอนนี้ยังไม่มียาฆ่าเชื้อ
00:10:20 → 00:10:23 จำเพาะสำหรับโนโรยังไม่มีวัคซีนด้วยการ
00:10:23 → 00:10:25 รักษาจะเป็นการรักษาตามอาการอยู่ที่ว่า
00:10:25 → 00:10:28 ความรุนแรงด้านการขาดน้ำเป็นแค่ไหนก็กิน
00:10:28 → 00:10:32 ยาอ่อเกลือแร่ทดแทนคิดง่ายๆเลยก็คืออยาก
00:10:32 → 00:10:35 ให้คิดว่าถ้าเกิดว่าเราอาเจียนออกมา 1
00:10:35 → 00:10:37 ครั้งก็เกลือแร่ 1 แก้วหรือถ่าย 1 ครั้ง
00:10:37 → 00:10:40 เกลือแร่ 1 แก้วทุกครั้งที่มีการเสียน้ำ
00:10:40 → 00:10:42 เกิดขึ้นให้แทนเกลือแร่เข้าไปเลยแต่ว่า
00:10:42 → 00:10:44 อาหารที่เรารับประทานต่อวันเนี่ยก็ต้อง
00:10:44 → 00:10:46 ทานเท่าเดิมน้ำก็ต้องทานเท่าเดิมอันนี้ก็
00:10:46 → 00:10:49 คือเป็นทดแทนน้ำเสริมขึ้นไปไม่ว่าจะท้อง
00:10:49 → 00:10:51 เสียหรือไม่ท้องเสียเราอยากให้รับประทาน
00:10:51 → 00:10:53 อาหารที่มันสุงแล้วก็สะอาดอยู่แล้วเนาะ
00:10:53 → 00:10:57 บางคนจะพูดว่าให้เลี่ยงนมเลี่ยงผลไม้แต่
00:10:57 → 00:10:59 จริงๆอาจจะไม่ได้ต้องเลี่ยง 100% ค่ะคือ
00:10:59 → 00:11:01 ขึ้นอยู่กับว่าเราติดเชื้ออะไรแต่ว่าถ้า
00:11:01 → 00:11:04 เกิดว่าเราอยากจะเลี่ยงเนี่ยมันไม่ได้มี
00:11:04 → 00:11:07 ปัญหาอะไรเนาะแต่ว่าที่แนะนำก็คือเพราะ
00:11:07 → 00:11:09 ว่าของพวกนั้นมันหวานค่ะเวลาเรากินอะไร
00:11:09 → 00:11:11 หวานๆเนี่ยมันจะเหมือนไปดึงน้ำในร่างกาย
00:11:11 → 00:11:13 ออกมามากขึ้นทำให้เราถ่ายเหลวออกมามาก
00:11:13 → 00:11:16 ขึ้นนั่นเองกินยาแก้ขึ้นไส้อาเจียนกินยา
00:11:16 → 00:11:18 ปรับลำไส้เรื่องท้องเสียเป็นต้นค่ะ
00:11:18 → 00:11:22 อาจารย์คะปัจจุบันเนี่ยมีการพัฒนาวัคซีน
00:11:22 → 00:11:25 เพื่อป้องกันการติดเชื้อเนโรไวรัสอยากให้
00:11:25 → 00:11:27 อาจารย์เล่าให้คุณผู้ชมฟังถึงเรื่องนี้
00:11:27 → 00:11:30 ค่ะมีการพัฒนาวัคซีนจริงค่ะแต่ว่าไม่ใช่
00:11:30 → 00:11:33 วัคซีนในเด็กเป็นการศึกษาในผู้ที่อายุมาก
00:11:33 → 00:11:36 กว่า 18 ปีขึ้นไปก็คือเป็นวัคซีนผู้ใหญ่
00:11:36 → 00:11:38 นั่นเองแล้วก็ศึกษาในต่างประเทศด้วยยัง
00:11:38 → 00:11:41 ยังไม่ได้ทำออกมาเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่มี
00:11:41 → 00:11:44 แนวโน้มว่าจะทำเพิ่มในเด็กค่ะก็ตอนนี้ก็
00:11:44 → 00:11:47 ยังไม่มีสรุปง่ายๆและสุดท้ายค่ะอยากให้
00:11:47 → 00:11:50 อาจารย์ฝากถึงการป้องกันการติดเชื้อเนโร
00:11:50 → 00:11:53 ไวรัสค่ะเรื่องของการป้องกันเนี่ยก็แนะนำ
00:11:53 → 00:11:55 ให้ทุกคนรักษาความสะอาดนะคะอยากให้ล้าง
00:11:55 → 00:11:58 มือให้สม่ำเสมอเนาะช่วงนี้หน้าหนาวก็คือ
00:11:58 → 00:12:01 อากาศหนาวเนี่ยเชื้อก็จะอยู่ในพื้นผิว
00:12:01 → 00:12:04 อยู่ในรอบๆอากาศได้นานขึ้นซึ่งโนโรเนี่ย
00:12:04 → 00:12:07 ก็เป็นไวรัสที่ทนต่ออากาศหนาวอยู่แล้ว
00:12:07 → 00:12:10 แล้วก็ทนจริงๆทนต่อความร้อนด้วยการทำ
00:12:10 → 00:12:12 อาหารเนี่ยค่ะก็ต้องแนะนำให้เป็นปรุงสุก
00:12:12 → 00:12:14 เนาะถ้าเกิดว่าเราไปรับประทานอะไรที่มัน
00:12:14 → 00:12:17 สุกๆดิบๆผักดิบอะไรเงี้ยก็จะติดเชื้อได้
00:12:17 → 00:12:20 มากขึ้นจริงๆเขามีการศึกษาว่าในโนโรไวรัส
00:12:20 → 00:12:23 เนี่ยค่ะสามารถทนอุณหภูมิได้มากกว่า 60
00:12:23 → 00:12:25 องศเลยเพราะฉะนั้นเราต้องทำอะไรทำกับข้าว
00:12:25 → 00:12:28 ที่มันเดือดเท่านั้นถึงจะฆ่าเชื้อนี้ได้
00:12:28 → 00:12:31 พวกอาหารทะเลอ่ะบางทีเราชอบกินดิบๆเนาะ
00:12:31 → 00:12:34 หรือว่าพวกปลาาดิบอะไรอย่างเงี้ยก็เสี่ยง
00:12:34 → 00:12:38 ได้หอยกุ้งปูอะไรเงี้ยค่ะเสี่ยงทั้งหมด
00:12:38 → 00:12:40 เลยก็นอกจากล้างให้สะอาดและอยากให้แนะนำ
00:12:40 → 00:12:43 ให้เป็นปรุงสุกมากกว่าค่ะการล้างมือก็แนะ
00:12:43 → 00:12:46 นำให้ล้างให้มากกว่า 20 วินาทีถ้าของเด็ก
00:12:46 → 00:12:48 ๆเดี๋ยวหมอก็จะแนะนำว่าให้ร้องเพลง Happy
00:12:48 → 00:12:51 Birth ครบ 1 เพลงก็จะสะอาดพอดีหรือนับ
00:12:51 → 00:12:54 1-20 ในใจนะคะเรื่องของการซักผ้าถ้าเกิด
00:12:54 → 00:12:56 ว่ามีคนในครอบครัวติดเชื้อแล้วเนี่ยอยาก
00:12:57 → 00:12:59 ให้ซักแยกจากคนอื่นเพราะว่าการไปปั่นผ้า
00:12:59 → 00:13:02 รวมกันเเชื้อมันอาจจะทนอยู่ต่อผงซักฟอก
00:13:02 → 00:13:03 อะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วมันก็จะไปติดเสื้อ
00:13:03 → 00:13:06 ผ้าคนอื่นแล้วเชื้อก็จะอยู่ในพื้นผิวได้
00:13:06 → 00:13:09 ถึง 2 สัปดาห์ด้วยก็จะต้องทำความสะอาดให้
00:13:09 → 00:13:11 ค่อนข้างละเอียดนิดนึงค่ะขอบพระคุณ
00:13:11 → 00:13:14 อาจารย์ค่ะที่มาให้ความรู้ความเข้าใจใน
00:13:14 → 00:13:17 เรื่องของโนโรไวรัสและในช่วงนี้นะคะเรามา
00:13:17 → 00:13:20 ดูกันดีกว่าว่าเมื่อเวลาที่ท้องเสียแล้ว
00:13:20 → 00:13:24 เราจะมีวิธีรับมืออย่างไรค่ะแล้วมาดูกัน
00:13:24 → 00:13:27 ว่าอาหารอะไรที่รับประทานได้อะไรที่รับ
00:13:27 → 00:13:30 ประทานไม่ได้ค่ะท้องสเสียบางทีอาจจะเรียก
00:13:30 → 00:13:34 ว่าท้องร่วงท้องเดินหรืออุจจาระร่วงในทาง
00:13:34 → 00:13:36 การแพทย์แบ่งอาการท้องเสียออกเป็น 2 ชนิด
00:13:36 → 00:13:40 คือชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรังโดยอาหาร
00:13:40 → 00:13:43 สำหรับคนที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลันมี
00:13:43 → 00:13:47 ดังนี้เวลามีอาการท้องเสียสิ่งที่สำคัญ
00:13:47 → 00:13:49 ที่สุดคือการทดแทนน้ำที่สูญเสียไปกับการ
00:13:49 → 00:13:52 ถ่ายอุจจาระโดยเฉพาะท้องเสียชนิดเฉียบ
00:13:52 → 00:13:56 พลันซึ่งทำได้โดยการดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่
00:13:56 → 00:13:59 ที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วๆไป
00:13:59 → 00:14:02 ละลายน้ำตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในฉลากดื่ม
00:14:02 → 00:14:05 ครั้งละครึ่งถึง 1 แก้วบ่อยๆทดแทนน้ำที่
00:14:05 → 00:14:10 ถ่ายออกมากรณีที่เราไม่มีผงเกลือแร่
00:14:10 → 00:14:13 สำเร็จรูปค่ะสามารถทำเองได้โดยที่นำน้ำ
00:14:13 → 00:14:18 สะอาดนะคะต้มสุกแล้ว 750 ซีซีใส่เกลือลง
00:14:18 → 00:14:22 ไป 1 ช้อนชาและน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะค่ะ
00:14:22 → 00:14:26 คนให้เข้ากันและจิบบ่อยๆก็จะเป็นน้ำเกลือ
00:14:26 → 00:14:29 แร่ได้เช่นเดียวกันค่ะทางนี้บางคนเชื่อ
00:14:29 → 00:14:32 ว่าเวลาท้องเสียควรงดอาหารและเครื่องดื่ม
00:14:32 → 00:14:34 ทุกชนิดเพื่อให้เกิดการหยุดถ่ายแต่ที่
00:14:34 → 00:14:37 จริงแล้วคนที่มีอาการท้องเสียไม่ว่าจะ
00:14:37 → 00:14:40 เป็นชนิดเฉียบพลันหรือเรื้อรังโดยทั่วไป
00:14:40 → 00:14:43 ไม่จำเป็นต้องอดอาหารการไม่รับประทานหรือ
00:14:43 → 00:14:46 ดื่มอะไรเลยอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำเป็น
00:14:46 → 00:14:49 อันตรายถึงกับชีวิตได้ที่จริงแล้วควรรับ
00:14:49 → 00:14:51 ประทานอาหารอ่อนที่ย่อยง่ายโดยเน้นอาหาร
00:14:51 → 00:14:54 ที่มีข้าวหรือแป้งเป็นหลักเช่นโจ๊กข้าว
00:14:54 → 00:14:58 ต้มน้ำซุปผู้ใหญ่ที่มีอาการท้องเสียชนิด
00:14:58 → 00:15:02 เฉียบพลาควงดผักผลไม้น้ำผลไม้และไม่ควร
00:15:02 → 00:15:05 ดื่มนมจนกว่าอาการท้องเสียจะดีขึ้นเพราะ
00:15:05 → 00:15:08 อาหารเหล่านี้อาจทำให้เกิดการถ่ายท้องมาก
00:15:08 → 00:15:11 ขึ้นโดยทั่วไปท้องเสียชนิดเฉียบพลันที่
00:15:11 → 00:15:15 ไม่รุนแรงมากการทดแทนน้ำที่สูญเสียไปและ
00:15:15 → 00:15:18 การรับประทานอาหารดังกล่าวข้างต้นจะทำให้
00:15:18 → 00:15:22 อาการดีขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์และ
00:15:22 → 00:15:25 สามารถกลับไปรับประทานอาหารปกติได้หลัง
00:15:25 → 00:15:29 จากหยุดอาการท้องเสียแล้ว 1 วัน
00:15:29 → 00:15:32 สำหรับอาหารของผู้ที่มีอาการท้องเสียเรือ
00:15:32 → 00:15:36 รังมีดังต่อไปนี้ท้องเสียเรืรังคืออาการ
00:15:37 → 00:15:40 ท้องเสียที่มีการขับถ่ายอุจจาระเหลวออกมา
00:15:40 → 00:15:43 เป็นเวลา 4 สัปดาห์ขึ้นไปซึ่งเป็นผลมาจาก
00:15:43 → 00:15:46 ความผิดปกติจากลำไส้เช่นการติดเชื้อโรค
00:15:46 → 00:15:49 บางชนิดโรคต่างๆในระบบทางเดินอาหารหรือ
00:15:50 → 00:15:53 การแพ้อาหารที่รับประทานการรับประทาน
00:15:53 → 00:15:57 อาหารจำพวกพืชผักที่มีใยอาหารสูงนั้นจะ
00:15:57 → 00:16:00 ช่วยทำให้ผู้ที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง
00:16:00 → 00:16:03 รวมถึงผู้ที่เป็นลำไส้อักเสบมีอาการที่ดี
00:16:03 → 00:16:07 ขึ้นค่ะเพราะว่ายอาหารจะช่วยทำให้การ
00:16:07 → 00:16:11 เคลื่อนไหวของลำไส้กลับมาเป็นปกติช่วยลด
00:16:11 → 00:16:14 แรงดันของผนังลำไส้และเพิ่มเนื้ออุจจาระ
00:16:14 → 00:16:17 การรับประทานอาหารที่มียอาหารสูงนี้ควร
00:16:17 → 00:16:21 รับประทานในยามที่ร่างกายปกติด้วยเพราะ
00:16:21 → 00:16:23 เป็นส่วนที่ร่างกายต้องการและช่วยทำให้
00:16:23 → 00:16:27 เรามีสุขภาพดีด้วยมีข้อแนะนำที่สามารถนำ
00:16:27 → 00:16:31 ไปใช้ได้กับคนทั่วไปคือควรรับประทานใหย
00:16:31 → 00:16:34 อาหารประมาณ 20-35 กรัมต่อ
00:16:34 → 00:16:38 วันสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเสียเรื้อรัง
00:16:38 → 00:16:40 นะคะควรจะหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารไข
00:16:40 → 00:16:43 มันสูงและในทำนองเดียวกันค่ะควรจะรับ
00:16:43 → 00:16:46 ประทานอาหารที่เป็นไขมันต่ำแต่เป็นไขมัน
00:16:46 → 00:16:49 คุณภาพดีเหตุผลเพราะว่าอาหารไขมันสูงนั้น
00:16:49 → 00:16:53 จะทำให้ลำไส้ทำงานหนักเลยทีเดียวค่ะ
00:16:53 → 00:16:55 สำหรับคนที่มีอาการท้องเสียเนื่องจากรับ
00:16:55 → 00:16:59 ประทานยาปฏิชีวนะมากเกินไปซึ่งทำให้เชื้อ
00:16:59 → 00:17:01 แบคทีเรียดีนั้นถูกทำลายและมีปริมาณน้อย
00:17:01 → 00:17:04 ลงการรับประทานอาหารที่มีเชื้อจำพวก
00:17:04 → 00:17:08 แลคโตบาซิลัสหรือไบฟิโดแบคทีเรียมนั้นจะ
00:17:08 → 00:17:11 ช่วยทำให้ลำไส้ใหญ่มีเชื้อแบคทีเรียที่ดี
00:17:11 → 00:17:14 ดังกล่าวเพิ่มขึ้นและอาการท้องเสียเรื้อ
00:17:14 → 00:17:18 รังจะดีขึ้นได้สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มี
00:17:18 → 00:17:20 เชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีประโยชน์ดัง
00:17:20 → 00:17:24 กล่าวมักจะอยู่ในอาหารกลุ่มนมเปรี้ยว
00:17:24 → 00:17:27 โยเกิร์ตชนิดที่ไม่มีการปรุงแต่งสารให้
00:17:27 → 00:17:31 ความหวานเป็นรสธรรมชาติเป็นต้นการปรับ
00:17:31 → 00:17:34 นิสัยในการรับประทานอาหารนั้นจะช่วย
00:17:34 → 00:17:37 เรื่องของการท้องเสียเรื้อรังทุเลาลงได้
00:17:37 → 00:17:40 ค่ะยกตัวอย่างเช่นการรับประทานไม่ควรรับ
00:17:40 → 00:17:44 ประทานมากจนเกินไปเริ่มจากไม่ควรรับ
00:17:44 → 00:17:46 ประทานอาหารแต่ละครั้งมากเกินไปเพราะ
00:17:46 → 00:17:49 ปริมาณอาหารที่มากทำให้เกิดการขยายของ
00:17:49 → 00:17:52 ผนังหน้าทองเพิ่มขึ้นและมีผลกระทบต่อระบบ
00:17:52 → 00:17:56 ทางเดินอาหารได้ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยง
00:17:56 → 00:18:00 การอดอาหารมื้อหนึ่งแล้วรับประทานอาหาร
00:18:00 → 00:18:02 มื้อถัดไปมากขึ้นแต่ควรรับประทานอาหาร
00:18:02 → 00:18:05 น้อยๆแต่บ่อยครั้งควรเคี้ยวอาหารให้
00:18:05 → 00:18:08 ละเอียดและไม่รับประทานอย่างเร่งรีบอาหาร
00:18:08 → 00:18:11 ที่ไม่ได้ผ่านการเคี้ยวจะย่อยยากและทำให้
00:18:11 → 00:18:15 การดูดซึมสารอาหารไม่ดีและการรับประทาน
00:18:15 → 00:18:18 อาหารที่เร็วเกินไปอาจทำให้มีแก๊สในลำไส้
00:18:18 → 00:18:22 มากขึ้นทำให้ท้องอึดได้นอกจากนี้ควรดื่ม
00:18:22 → 00:18:26 น้ำให้ได้เพียงพอวันละประมาณ 8-10 แก้ว
00:18:26 → 00:18:30 เพื่อช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
00:18:30 → 00:18:33 เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสาระสุขภาพดีๆที่
00:18:33 → 00:18:36 tn นำมาฝากคุณผู้ชมกันในวันนี้หวังเป็น
00:18:36 → 00:18:38 อย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระ
00:18:39 → 00:18:42 สุขภาพดีๆที่ได้ไปดูแลตัวเองและครอบครัว
00:18:42 → 00:18:45 ให้สุขภาพแข็งแรงกันทั่วหน้านะคะและขอ
00:18:45 → 00:18:49 ขอบคุณคุณผู้ชมค่ะที่ติดตามรับชมรายการ TE
00:18:49 → 00:18:51 help มาโดยตลอดทั้งรายการคุณผู้ชมสามารถ
00:18:52 → 00:18:54 ติดตามรับชมรายการ TE and Health ได้
00:18:54 → 00:18:58 เป็นประจำทุกวันเสาร์ค่ะเวลาดี 15:00 น-
00:18:58 → 00:18:59 15 น
00:18:59 → 00:19:03 30 นที่นี่ TNN ช่อง 16 ค่ะและต้องไม่
00:19:03 → 00:19:05 ลืมนะคะกดไลค์กดแชร์กด Subscribe กด
00:19:06 → 00:19:08 กระดิ่งกิ๊งๆติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้
00:19:08 → 00:19:11 หมอดาวและทีมงาน TNN Health ค่ะในช่อง
00:19:11 → 00:19:13 ทางโซเชียล Network ต่างๆไม่ว่าจะเป็น
00:19:13 → 00:19:15 YouTube tiktok Facebook Line
00:19:15 → 00:19:18 official Instagram เพื่อที่จะเข้าถึง
00:19:18 → 00:19:21 ทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโลค
00:19:21 → 00:19:24 ไปด้วยกันและสำหรับวันนี้หมอดาวและทีมงาน
00:19:24 → 00:19:26 tn and Health ต้องขอตัวลาคุณผู้ชมไป
00:19:26 → 00:19:29 ก่อนสำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ
00:19:29 → 00:19:57 [เพลง]
00:19:57 → 00:20:01 ออ