00:00:00 → 00:00:03 This is Thai PBS podcast view the
00:00:03 → 00:00:06 world by the voice.
00:00:06 → 00:00:08 อารมณ์เสียเรียกว่าภาวะทางอารมณ์และที่มี
00:00:08 → 00:00:12 ลักษณะของความหงุดหงิดโกรธฉุนเฉียวความ
00:00:12 → 00:00:14 ไม่พอใจสังเกตตัวเราง่ายๆครับหัวใจเราจะ
00:00:14 → 00:00:17 เต้นเร็วความดันโลหิตสูงอาจจะทำให้ภูมิ
00:00:17 → 00:00:20 คุ้มกันในร่างกายของเราลดลงและบางทีอาจจะ
00:00:20 → 00:00:22 เกิดเจ็บแน่นหน้าอกอาจจะมีโรคหลอดเลือด
00:00:22 → 00:00:26 หัวใจตามมามันจะเกิดภาวะที่รู้สึกแสบท้อง
00:00:26 → 00:00:28 จะนอนไม่ค่อยหลับส่งผลให้เราอาจจะมี
00:00:28 → 00:00:31 พฤติกรรมหรือแสดงออกไม่เหมาะสมกับคนอื่น
00:00:31 → 00:00:34 คนใกล้ตัวทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัว
00:00:34 → 00:00:36 หรือกับเพื่อนร่วมงานหรือคนใกล้ชิดก็
00:00:36 → 00:00:39 เริ่มแย่ลงเครียดเรื้อรังอารมณ์หงูหงิด
00:00:39 → 00:00:42 เรื้อรังอาจจะทำไปสู่ภาวะซึมเศร้าหรือโรค
00:00:42 → 00:00:44 ซึมเศร้าตามมาแล้วก็บางทีอาจจะเกิดภาวะ
00:00:44 → 00:00:48 หมดไฟในการทำงาน
00:00:48 → 00:00:51 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟังราย
00:00:51 → 00:00:55 การโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงษ์สถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 This is Thai PBS Podcast
00:00:58 → 00:01:01 วันนี้ค่ะคุณผู้ฟังเราพูดคุยกันถึงสิ่ง
00:01:01 → 00:01:04 ที่บั่นทอนสุขภาพนะคะเชื่อมั้คะว่าการที่
00:01:04 → 00:01:07 เราอารมณ์เสียอารมณ์หงุดหงิดสามารถที่จะ
00:01:07 → 00:01:09 บั่นทอนสุขภาพของเรากันได้อ่าบั่นทอน
00:01:09 → 00:01:12 อย่างไรแล้วมีผลเสียอย่างไรคุยกับรอง
00:01:12 → 00:01:15 ศาสตราจารย์ดร.เวหาเกษมสุขหัวหน้าภาค
00:01:15 → 00:01:18 วิชาการพยาบาลสาธารณสุขศาสตร์คณะ
00:01:18 → 00:01:20 พยาบาลศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะสวัสดี
00:01:20 → 00:01:23 ค่ะอาจารย์คะครับสวัสดีครับสวัสดีทุกท่าน
00:01:23 → 00:01:26 ด้วยนะครับค่ะอาจารย์คะอารมณ์เสียบั่นทอน
00:01:26 → 00:01:30 สุขภาพแน่นอนหงุดหงิดมันไม่ได้อย่างใจ
00:01:30 → 00:01:32 อารมณ์เสียเนี่ยมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า
00:01:32 → 00:01:35 มันมันมีกลไกอะไรยังไงบ้างคะแน่นอนครับคน
00:01:35 → 00:01:38 เราเวลาเราใช้ชีวิตประจำวันมันย่อมมีใน
00:01:38 → 00:01:41 เรื่องของเหตุปัจจัยบางอย่างมันกระทบ
00:01:41 → 00:01:43 อารมณ์ความรู้สึกของเรานะครับบางครั้งได้
00:01:43 → 00:01:47 ใจบางครั้งถูกใจบางครั้งไม่ถูกใจนะครับ
00:01:47 → 00:01:49 ซึ่งผลที่ตามมาก็จะอาจจะเกิดในเรื่องของ
00:01:49 → 00:01:51 ตัวอารมณ์นี่แหละครับที่มันอาจจะทำให้
00:01:51 → 00:01:54 เกิดอารมณ์เสียหรือหงุดหงิดอะไรก็ตามแต่
00:01:54 → 00:01:57 นะครับอารมณ์เสียมันคืออะไรครับเเรียกว่า
00:01:57 → 00:01:59 ภาวะทางอารมณ์นะครับที่มีลักษณะของความ
00:02:00 → 00:02:04 หงุดหงิดความโกรธความฉุนเฉียวความไม่พอใจ
00:02:04 → 00:02:06 หรือความเครียดสะสมก็อาจจะเป็นไปได้นะ
00:02:06 → 00:02:09 ครับซึ่งตัวอารมณ์เสียเนี่ยมันอาจจะเกิด
00:02:09 → 00:02:11 จากหลายสาเหตุเกิดจากเหตุปัจจัยภายในตัว
00:02:12 → 00:02:15 เราเองอย่างเช่นภาวะสุขภาพบางอย่างแอบแฝง
00:02:15 → 00:02:17 อยู่อย่างเช่นโรควิตกกังวลหรือภาวะซึม
00:02:17 → 00:02:20 เศร้าแฝงก็ได้หรืออาจจะเกิดจากตัวเหตุ
00:02:20 → 00:02:23 ปัจจัยภายนอกตัวเราครับอย่างเช่นอากาศที่
00:02:23 → 00:02:26 มันร้อนมากๆก็ทำให้เราหงุดหงิดฉุนเฉียว
00:02:26 → 00:02:29 หรือเสียงที่มันดังมากๆหรืออาจจะมีความ
00:02:29 → 00:02:31 ขัดแย้งไม่ชอบเพื่อนหรือมีปัญหากันกับ
00:02:31 → 00:02:34 เพื่อนที่ทำงานก็อาจจะเป็นเหตุปัจจัยทำ
00:02:34 → 00:02:36 ให้เกิดอารมณ์อ่าเค้าเรียกว่าอารมณ์เสีย
00:02:36 → 00:02:40 หรืออารมณ์หงุดหงิดก็ได้นะครับอืคือมัน
00:02:40 → 00:02:42 เกิดได้ตลอดเวลาที่อะไรก็แล้วแต่มากระทบณ
00:02:42 → 00:02:45 เวลานั้นซึ่งเราไม่รู้กำลังเผชิญกับอะไร
00:02:45 → 00:02:47 อยู่ก็แล้วแต่แหละมันเป็นเรื่องธรรมชาติ
00:02:47 → 00:02:49 มั้คะทุกคนก็ต้องแบบอารมณ์เสียอารมณ์
00:02:49 → 00:02:51 หงุดหงิดเป็นเรื่องปกติใช่แล้วครับเป็น
00:02:51 → 00:02:53 เรื่องธรรมชาติเลยครับบางครั้งตัวผมเองก็
00:02:53 → 00:02:56 อาจจะมีบ้างที่อารมณ์เสียอารมณ์หงุดหงิด
00:02:56 → 00:02:59 บางทีไม่ได้ใจหรือบางทีเราต้องการให้คนใน
00:02:59 → 00:03:01 ครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเราทำอะไรบางอย่าง
00:03:01 → 00:03:03 แต่ไม่ได้อย่างใจเราก็เกิดอารมณ์เสื่อและ
00:03:03 → 00:03:05 หงุดหงิดครับซึ่งการที่อารมณ์เสี่ยง
00:03:05 → 00:03:09 หงุดหงิดบางทีมันอาจจะส่งผลกระทบในด้านรบ
00:03:09 → 00:03:11 กับตัวเราหลายๆเรื่องด้วยนะครับโอถ้าถ้า
00:03:11 → 00:03:14 มองในแง่เนี่ยของมองแบบทั่วไปนะคะแบบไม่
00:03:14 → 00:03:15 ได้เจาะลึกเนี่ยเราก็อารมณ์เสียเออมัน
00:03:15 → 00:03:17 กระทบกับจิตใจอ่ะแต่เราไม่รู้ว่าจริงๆ
00:03:17 → 00:03:20 แล้วมันกระทบหลายๆอย่างนอกเหนือจากเรื่อง
00:03:20 → 00:03:23 ของความรู้สึกภายในจิตใจแต่มันเป็นทางกาย
00:03:23 → 00:03:26 พฤติกรรมอะไรต่างๆอีกหรอคะอาจารย์ใช่ค่ะ
00:03:26 → 00:03:29 มีผลกับพฤติกรรมทางกายด้วยแล้วก็อาจจะมี
00:03:29 → 00:03:32 ผลกับในเรื่องของการแสดงอาการบางอย่างทาง
00:03:32 → 00:03:35 กายหรือบางทีเราอาจจะมีโรคบางบางอย่างใน
00:03:35 → 00:03:37 ร่างกายของเราอยู่หรือโรคประจำตัวโรค
00:03:37 → 00:03:40 เรื้อรังครับหรือตัวฮอร์โมนเองที่มันแปร
00:03:40 → 00:03:44 ปรวนครับมันก็อาจจะส่งผลกระทบที่เป็นภาพ
00:03:44 → 00:03:46 ลบหรือเป็นสิ่งที่เป็นผลลบกับร่างกายของ
00:03:46 → 00:03:49 เราหรือเป็นสิ่งที่ไม่ดีพูดง่ายๆครับอือ
00:03:49 → 00:03:51 เกิดจากปัจจัยหลายอย่างงั้นแสดงว่ามันมี
00:03:51 → 00:03:54 ผลเสียต่อสุขภาพของเราอย่างไรไล่ไปเรื่อย
00:03:54 → 00:03:56 ๆเลยค่ะกายใจพฤติกรรมอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:03:57 → 00:03:59 อาจารย์โอแน่นอนเลยครับถ้าเกิดเมื่อไหร่
00:03:59 → 00:04:01 ที่เราอารมณ์เสียหรืออารมณ์หงุดหงิดนะ
00:04:01 → 00:04:03 ครับหรืออารมณ์โกรธอารมณ์โมโหอารมณ์ฉุน
00:04:03 → 00:04:06 เฉี่ยวไม่พอใจนะครับแน่นอนผลที่เกิดต่ำมา
00:04:06 → 00:04:09 กับร่างกายของเราสังเกตตัวเราง่ายๆครับ
00:04:09 → 00:04:11 เวลาที่เราอารมณ์หงุดหงิดหรืออารมณ์เสีย
00:04:11 → 00:04:14 ไม่พอใจครับหัวใจเราจะเต้นเร็วเพราะว่า
00:04:14 → 00:04:16 มันมีเหตุในเรื่องของตัวฮอร์โมนแห่งความ
00:04:16 → 00:04:19 เครียดในร่างกายของเราอฮอร์โมนนี้เรา
00:04:19 → 00:04:22 เรียกว่าฮอร์โมนคอร์ติกับอดีนารีนครับมัน
00:04:22 → 00:04:25 จะหลั่งออกมามากขึ้นแล้วก็กระตุ้นให้หัว
00:04:25 → 00:04:29 ใจเราเต้นเร็วความดันโลหิตสูงแล้วที่
00:04:29 → 00:04:31 สำคัญครับอาจจะทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกาย
00:04:31 → 00:04:34 ของเราลดลงครับก็อาจจะเกิดการเจ็บป่วยได้
00:04:34 → 00:04:38 ง่ายหรือบางทีอาจจะเกิดภาวะที่ทำให้ร่าง
00:04:38 → 00:04:41 กายเราอ่อนล้าเหนื่อยล้าครับพอหัวใจเต้น
00:04:41 → 00:04:43 มากๆเป็นยังไงครับคนที่มีโรคประจำตัวครับ
00:04:43 → 00:04:46 มีโรคหัวใจหรือโรคความดันอยู่ครับความดัน
00:04:46 → 00:04:49 โลหิตก็จะสูงตามมาครับแล้วบางทีอาจจะเกิด
00:04:49 → 00:04:51 เจ็บแน่นหน้าโอ๊คอาจจะมีโรคหลอดเลือดหัว
00:04:51 → 00:04:54 ใจตามมาเป็นความเสี่ยงด้วยนะครับนอกจาก
00:04:54 → 00:04:56 นี้สังเกตมั้ครับว่าเวลาที่เราอารมณ์
00:04:56 → 00:04:59 หงุดหงิดฉุ้นเฉียวหรือเครียดครับอารมณ์
00:04:59 → 00:05:02 ไม่ดีมันจะเกิดภาวะที่รู้สึกแสบท้อง
00:05:02 → 00:05:04 เนื่องจากว่ามันมีผลกับระบบทางเดินอาหาร
00:05:04 → 00:05:07 ของเราอาจจะเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
00:05:07 → 00:05:09 อย่างเงี้ยนะครับถ้าเกิดเราอารมณ์เสีย
00:05:09 → 00:05:12 หงุดหงิดกรดโมโหฉุนเฉียวพวกเครับมีผลกับ
00:05:12 → 00:05:15 ร่างกายโดยตรงเลยที่สำคัญมากๆเลยนะครับจะ
00:05:15 → 00:05:18 นอนไม่ค่อยหลับครับสังเกตตัวเองเลยนะครับ
00:05:18 → 00:05:20 เมื่อไหร่ที่เราอารมณ์แบบอารมณ์เสียโดย
00:05:20 → 00:05:23 เฉพาะก่อนนอนเนี่ยครับนอนไม่หลับนอน
00:05:23 → 00:05:26 สะดุ้งนอนไม่เต็มอิ่มไม่เต็มที่ครับตื่น
00:05:26 → 00:05:28 เช้ามาก็รู้สึกไม่สดชื่นเห็นมั้ยครับมัน
00:05:28 → 00:05:31 มีผลกระทบกับร่างกายโดยตรงนอกจากนี้นะ
00:05:31 → 00:05:34 เรื่องของจิตใจครับค่ะเวลาที่เรามีอารมณ์
00:05:34 → 00:05:36 เสียหรืออารมณ์ไม่ดีใช่มั้ครับเราก็จะรู้
00:05:36 → 00:05:41 สึกโอ้หมดพลังไปเลยมองรบไปหมดเลยคามึพ่าย
00:05:41 → 00:05:44 ไม่อยากเข้าสังคมนะครับแล้วก็ที่สำคัญส่ง
00:05:44 → 00:05:48 ผลให้เราอาจจะมีพฤติกรรมหรือแสดงออกไม่
00:05:48 → 00:05:50 เหมาะสมกับคนอื่นคนใกล้ตัวทำให้ความ
00:05:51 → 00:05:53 สัมพันธ์ในครอบครัวหรือกับเพื่อนร่วมงาน
00:05:53 → 00:05:56 หรือคนใกล้ชิดก็เริ่มแย่ลงก็ยิ่งส่งผลให้
00:05:56 → 00:05:59 เราเกิดความเครียดตามมานอกจากนี้อาจจะมี
00:05:59 → 00:06:02 ในเรื่องของการสะสมเรื้อรังเครียดเรื้อ
00:06:02 → 00:06:05 รังอารมณ์หงูหงิดเรื้อรังอาจจะทำไปสู่
00:06:05 → 00:06:07 ภาวะซึมเศร้าหรือโรคซึมเศร้าตามมาแล้วก็
00:06:07 → 00:06:10 บางทีอาจจะเกิดภาวะหมดไปในการทำงานไม่
00:06:10 → 00:06:13 อยากทำงานเบื่อเบื่อหน่ายนะครับอันนี้คือ
00:06:13 → 00:06:16 ด้านจิตใจนะครับต่อมาด้านสังคมมีผลกระทบ
00:06:17 → 00:06:19 นะครับถ้าเกิดเราอารมณ์ไม่ดีอารมณ์ฉุน
00:06:19 → 00:06:21 เฉี่ยวหรือโมโหงุหงิดพวกเนี้ยครับมันส่ง
00:06:21 → 00:06:25 ผลต่อพฤติกรรมของเราที่อาจจะแสดงพฤติกรรม
00:06:25 → 00:06:28 ก้าวร้าวกับคนอื่นทะเลาะเบาะแว้งถ้าเกิด
00:06:28 → 00:06:30 ขับรถอยู่ครับอารมณ์ฉุนเฉียวหงุดหงิดเจอ
00:06:30 → 00:06:33 บ่อยข่าวในสังคมปัจจุบันนะครับบางทีขอแซง
00:06:33 → 00:06:35 นิดหน่อยไม่ให้แซงหรือทำไมต้องมาแซงไม่
00:06:35 → 00:06:39 เต่าคิวนะครับบางครั้งก็อาจจะมีการชกต่อย
00:06:39 → 00:06:42 หรือทำร้ายกันบนท้องถนนขาดสติเนื่องจากมี
00:06:42 → 00:06:44 พฤติกรรมหรืออารมณ์ที่มันหงุดหงิดก้าว
00:06:44 → 00:06:47 ร้าวนะครับแล้วก็อาจจะขาดความสามารถในการ
00:06:47 → 00:06:49 ควบคุมตนเองเวลาที่เราโมโหสังเกตเลยครับ
00:06:49 → 00:06:52 เราจะไม่มีสติเราจะทำอะไรโดยที่ไม่ได้ยับ
00:06:52 → 00:06:55 ยั้งชั่งใจนะครับอันนี้ก็คือทำให้เกิด
00:06:55 → 00:06:57 พฤติกรรมด้านลบหรือพฤติกรรมที่ไม่ดีตามมา
00:06:57 → 00:07:01 ครับผมโอ้โหหลายอย่างมากกายใจพฤติกรรมที่
00:07:01 → 00:07:04 เราแสดงออกแล้วก็สังคมโดยรอบอะไรต่างๆ
00:07:04 → 00:07:06 เหล่านี้อาจารย์คะนิดนึงว่าตรงคำว่า
00:07:06 → 00:07:09 อารมณ์เสียฟังดูมันก็ยังพอแบบว่าเอ้ย
00:07:09 → 00:07:11 อารมณ์เสียนิดนึงอ่ะหรือว่าบางทีอารมณ์
00:07:11 → 00:07:12 เสียก็หงุดหงิดอะไรเงี้ยแต่ว่าเดี๋ยวมัน
00:07:12 → 00:07:16 ก็จะดูหายแต่ถ้าเกิดเป็นโมโหมันจะยิ่งยก
00:07:16 → 00:07:18 ระดับคำว่าโมโหดูเหมือนมันคั่นกว่าคำว่า
00:07:18 → 00:07:22 อารมณ์เสียเข้าไปอีกใช่ครับเพราะว่าโมโห
00:07:22 → 00:07:24 ก็เป็นส่วนนึงของอารมณ์เสียครับคำว่า
00:07:24 → 00:07:25 อารมณ์เสียเนี่ยมันเป็นมันเป็นเหมือน
00:07:25 → 00:07:28 เหมือนเรามองภาพรวมเนาะแต่ในภายใต้คำว่า
00:07:28 → 00:07:30 อารมณ์เสียเนี่ยมันอาจจะมีเรื่องอื่นๆ
00:07:30 → 00:07:32 อย่างเช่นในเรื่องของความหงุดหงิดก็เป็น
00:07:32 → 00:07:35 ส่วนหนึ่งของอารมณ์เสียไม่ถูกใจโกรธง่าย
00:07:35 → 00:07:38 ฉุนเถียวไม่พอใจหรือถ้าเกิดอารมณ์เสพนานๆ
00:07:38 → 00:07:41 บ่อยๆก็อาจจะเกิดความเครียดสะสมตามมาดัง
00:07:41 → 00:07:43 นั้นคำว่าโมโหมันอาจจะรุนแรงกว่าครับคือ
00:07:43 → 00:07:46 คนควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลยโมโหยิ่งถ้าเกิด
00:07:46 → 00:07:49 โมโหจนแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมามันจะ
00:07:49 → 00:07:52 กระทบกับคนอื่นแน่นอนไม่ใช่แค่ตัวคนที่มี
00:07:52 → 00:07:54 อารมณ์เสียอย่างเดียวแต่คนที่อยู่ใกล้ชิด
00:07:54 → 00:07:58 คนรอบตัวคนรอบข้างภรรยาสามีลูกคุณพ่อคุณ
00:07:58 → 00:08:00 แม่หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานเราก็จะ
00:08:00 → 00:08:02 ได้รับผลกระทบจากการที่เราอารมณ์เสียและ
00:08:02 → 00:08:05 หงุดหงิดยิ่งถึงขั้นโมโหหรือขั้นลงมือ
00:08:05 → 00:08:08 ยิ่งรุนแรงเลยครับอย่างบางคนที่หงุดหงิด
00:08:08 → 00:08:12 ง่ายโมโหง่ายแบบอารมณ์เสียบ่อยๆค่ะเคยเคย
00:08:12 → 00:08:15 เป็นอยู่ในสมัยนึงค่ะอาจารย์ตอนวัยรุ่น
00:08:16 → 00:08:17 วัยรุ่นก็จะอารมณ์เสียบอยหงุดหงินง่าย
00:08:17 → 00:08:20 อะไรเงี้ยค่ะแค่แบบว่าเอ่อได้ยินเสียง
00:08:20 → 00:08:24 อะไรดังๆนิดหน่อยก็จะรำคาญละรำคาญอันนี้
00:08:24 → 00:08:27 เริ่มต้นจากการรำคาญก่อนนะคะหรือว่าแบบ
00:08:27 → 00:08:30 แค่เปิดพริกกระดาษหนังสือได้ยินก็รำคาญ
00:08:30 → 00:08:32 โอ๊ยอันนี้เป็นไม่รู้เป็นเกี่ยวกับ
00:08:32 → 00:08:35 จิตตเวทหรือเปล่ารู้สึกจะเอ๊ะเกินไปหรือ
00:08:35 → 00:08:39 เปล่าหรือว่าแบบเอ่ออะไรนะคะเสียงนิดๆ
00:08:39 → 00:08:41 หน่อยๆที่แบบเรากำรู้สึกว่าเรากำลังอยาก
00:08:41 → 00:08:42 จะหลับอ่ะเราอยากนอนพักผ่อนเราได้ยิน
00:08:43 → 00:08:45 เสียงอะไรนิดนึงแล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
00:08:45 → 00:08:49 ก็เริ่มอารมณ์เสียเริ่มผ่านโมโหคนอื่นไป
00:08:49 → 00:08:52 เรื่อยค่ะเรายังไม่ได้แบบว่ารู้จักในการ
00:08:52 → 00:08:55 ที่จะระงับจิตระงับใจอารมณ์ของเราได้เลย
00:08:55 → 00:09:00 อาจารย์ไม่ได้ไม่ได้ดูเกินไปใช่มั้คะไม่
00:09:00 → 00:09:02 อาจจะยังไม่เกินไปครับเพราะว่าบางครั้ง
00:09:02 → 00:09:05 ปัจจัยหรือสาเหตุของอารมณ์เสียครับมันอาจ
00:09:05 → 00:09:06 จะเกิดจากเหตุภายนอกอย่างเช่นเมื่อสัก
00:09:06 → 00:09:09 ครู่ที่บอกมีการเปิดกระดาษหรือมีคนเสี่ยง
00:09:09 → 00:09:13 ดังหรือข้างๆบ้านเราเนี่ยครับมีการเปิด
00:09:13 → 00:09:14 เพลงเสี่ยงดังอะไรพวกเนี้ยนะครับก็เป็น
00:09:15 → 00:09:17 ปัจจัยภายนอกครับบางทีตัวปัจจัยภายในอีก
00:09:17 → 00:09:20 อันนึงก็คือตัวอ่าในเรื่องของเค้าเรียก
00:09:20 → 00:09:22 ว่าอะไรนะความผิดปกติบางอย่างซึ่งบางที
00:09:22 → 00:09:24 ถ้าเกิดเราสังเกตตัวเองครับว่าเอ๊ะเราผิด
00:09:24 → 00:09:27 ปกติหรือเปล่าหรือมันเป็นมากกว่าปกติหรือ
00:09:27 → 00:09:30 เปล่าคนทั่วไปไม่เป็นทำไมเราเป็นบางครั้ง
00:09:30 → 00:09:33 ก็อาจจะไปเช็คสุขภาพก็ได้ครับการที่ไปหา
00:09:33 → 00:09:36 จิตแพทย์นะครับหรืออ่านักจิตยาไม่ได้หมาย
00:09:36 → 00:09:39 ความว่าเราเป็นบ้าหรือเราเป็นคนโรคจิตนะ
00:09:39 → 00:09:43 ครับแปลว่าแล้วนี่นี่คือเรามี
00:09:43 → 00:09:46 ความรอบรู้ทางสุขภาพที่จะดูแลตนเองหรือ
00:09:46 → 00:09:48 จัดการตนเองเป็นผลดีมากกว่านะครับการที่
00:09:48 → 00:09:51 เราไปพบจิตแพทย์หรือพบนักจิตวิทยาหรือ
00:09:51 → 00:09:53 พยาบาลจิตเวชก็ได้ครับเพราะว่าจะช่วย
00:09:53 → 00:09:55 ประเมินเราในเบื้องต้นหรืออาจจะเป็นเอ๊ะ
00:09:55 → 00:09:57 เป็นเพราะฮอร์โมนเราผิดปกติหรือเปล่าเป็น
00:09:57 → 00:10:01 ไทองมั้ยอะไรอย่างเงี้ยครับต้องไปให้เขา
00:10:01 → 00:10:03 ประเมินให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินถ้าเกิดเรา
00:10:03 → 00:10:06 สังเกตตัวเองว่ามันผิดผิดปกติมากกว่าชาว
00:10:06 → 00:10:09 บ้านนะครับอเป็นเรื่องของการจัดการใน
00:10:09 → 00:10:12 เบื้องต้นส่วนหนึ่งนะครับอ๋ออย่างบางคน
00:10:12 → 00:10:14 อาจจะเป็นมาตั้งแต่เล็กๆค่ะอาจารย์ไม่ใช่
00:10:14 → 00:10:16 แบบว่ามีปัจจัยเสียงเรามาแต่แบบเอ๊ะทำไม
00:10:16 → 00:10:19 แบบขี้หงุดหงิดตั้งแต่เด็กเฮ้ยเด็กรู้จัก
00:10:19 → 00:10:23 ขี้หงุดหงิดหรือขี้อารมณ์เสียได้แล้วหรอ
00:10:23 → 00:10:26 เออเค้าเรียนรู้ขนาดเค้ามันเป็นยังไงคะ
00:10:26 → 00:10:29 อาจารย์อย่างงี้เป็นได้ทุกวัยครับเพราะ
00:10:29 → 00:10:32 ว่ามันเป็นมันเป็นเรื่องที่ทุกๆคนต้อง
00:10:32 → 00:10:34 เผชิญหรือต้องมีอยู่แล้วครับเป็นเรื่อง
00:10:34 → 00:10:37 ของอารมณ์จิตใจของทุกๆคนนะครับมันมันหลีก
00:10:37 → 00:10:40 เลี่ยงไม่ได้แน่นอนเรื่องนี้ครับแต่การ
00:10:40 → 00:10:43 จัดการหรือการหลีกเลี่ยงปัจจัยอือที่ทำ
00:10:43 → 00:10:44 ให้เกิดอารมณ์เสียบ่อยๆเนี่ยเป็นสิ่ง
00:10:45 → 00:10:48 สำคัญอือฮึนะครับจะจัดการมันยังไงหรือจะ
00:10:48 → 00:10:51 หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นยังไงเนี่ยมันจะทำ
00:10:51 → 00:10:54 ให้เราเองมีสุขภาพกายที่ดีสุขภาพใจที่
00:10:54 → 00:10:58 แข็งแรงแล้วก็อ่าสังคมนะครับคนรอบตัวเรา
00:10:58 → 00:11:01 ก็จะอยู่กับเราหรืออยู่ข้างๆเราอย่างมี
00:11:01 → 00:11:04 ความสุขไม่เกิดความบาดระแวงหรือไม่คิดที่
00:11:04 → 00:11:06 จะเอ๊ะจะโมโหอีกเมื่อไหร่เนี่ยจะทำยังไง
00:11:07 → 00:11:10 ดีอะไรอย่างเงี้ยเค้าก็จะไม่ไม่เค้าจะ
00:11:10 → 00:11:12 อยู่อย่างมีความสุขพูดง่ายๆครับออ่าแต่
00:11:12 → 00:11:15 บางคนเขาก็ไม่เป็นนะคะอาจารย์เค้าก็เย็น
00:11:15 → 00:11:18 เย็นแบบว่าเออเคยอารมณ์เสียบ้างมั้เนี่ย
00:11:18 → 00:11:20 เคยหงุดหงิดอะไรบ้างมั้เนี่ยเคยมีนะคะที่
00:11:20 → 00:11:23 รู้จักแล้วแบบว่าทำไมเขาเย็นได้จังเลย
00:11:23 → 00:11:25 หรือว่าแบบเขาไม่มีต่อมความรู้สึกต่อมนี้
00:11:25 → 00:11:27 มันไม่ทำงานหรือยังไงอาจจะเกิดอาจจะเกิด
00:11:27 → 00:11:31 จากตัวรากฐานของครอบครัวเองการเลี้ยงดู
00:11:31 → 00:11:33 หรืออาจจะมีเหตุปัจจัยบางอย่างที่เมีการ
00:11:33 → 00:11:36 ฝึฝึกในบางเรื่องอะไรอย่างเงี้ยครับก็อาจ
00:11:36 → 00:11:38 จะเป็นไปได้หรือฮอร์โมนเ้าบางทีมันอาจจะ
00:11:38 → 00:11:42 สมดุลดีอย่างเงี้ยครับหรือณช่วงเวลานั้นเ
00:11:42 → 00:11:44 อาจจะไม่มีเหตุปัจจัยในตัวเป็นตัวกระตุ้น
00:11:44 → 00:11:47 นะครับแต่สำคัญก็คือพฤติกรรมการเลี้ยงดู
00:11:47 → 00:11:49 ที่ถูกหล่อหลอมมาบางครั้งทำให้เขาเป็นคน
00:11:49 → 00:11:52 ที่อารมณ์เย็นเป็นคนที่อ่าคิดมีเหตุมีผล
00:11:53 → 00:11:54 อะไรอย่างเงี้ยครับอาจจะเป็นไปได้เพราะ
00:11:54 → 00:11:57 อย่างบางคนปฏิบัติธรรมหรืออ่าทำสมาธิบ่อย
00:11:57 → 00:12:00 ๆบางครั้งกว่าจะมีอะไรกระตุ้นให้เค้าโมโห
00:12:00 → 00:12:03 หรือหงุดหงิดได้ก็อาจจะต้องใช้พอก็ต้องมี
00:12:03 → 00:12:05 เหตุการณ์อยู่พอสมควรอย่างเงี้ยครับมัน
00:12:05 → 00:12:07 อาจจะมีเหตุหลายเหตุปัจจัยครับที่เกี่ยว
00:12:07 → 00:12:09 ข้องอในเรื่องของการทำให้อารมณ์เสียหรือ
00:12:09 → 00:12:12 การจัดการได้ในเบื้องต้นของเค้าครับอ๋อ
00:12:12 → 00:12:14 แต่ถ้าเค้าเย็นๆอยู่ก็ไม่ต้องไปแหย่ให้
00:12:14 → 00:12:18 เค้าอารมณ์เสียนะคะไม่ต้องไปให้เแต่บางคน
00:12:18 → 00:12:20 เ้าอาจจะชอบก็ได้นะครับมาแหย่บ้างเงี้ย
00:12:20 → 00:12:23 ครับมันก็อาจจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์
00:12:23 → 00:12:25 อ่าได้บ้างอะไรคายเครียดให้เราได้บ้าง
00:12:25 → 00:12:27 อะไรอย่างเงี้ยนะครับบางคนบอกพี่ครับเวลา
00:12:27 → 00:12:29 ที่ผมหงุดหงิดอารมณ์เสียขออนุญาตแหย่พี่
00:12:29 → 00:12:32 ได้มั้เพราะพี่เป็นคนที่มองบวกแล้วเวลา
00:12:32 → 00:12:34 แหย่พี่ก็มีความสุขพี่ก็จะไม่ค่อยโกรธ
00:12:34 → 00:12:35 อะไรอย่างเงี้ยพี่จะได้มีมุกมาให้เราอะไร
00:12:35 → 00:12:37 อย่างเงี้ยนะครับบางครั้งก็มีนะครับอย่าง
00:12:37 → 00:12:39 ตัวผมเองบางครั้งเพื่อนร่วมงานน้องๆเองก็
00:12:39 → 00:12:42 จะบอกขอแหย่อาจารย์ได้มั้ยบางทีอาจารย์
00:12:42 → 00:12:44 แล้วมีความสุขอาจารย์ชอบมีมุกฮามาให้อะไร
00:12:44 → 00:12:47 อย่างเงี้ยนะคะอ้าเหรอคะใช่ครับเออก็แบบ
00:12:48 → 00:12:50 นี้ก็ดีเหมือนกันจะได้แบบว่าคนแหย่อยาก
00:12:50 → 00:12:53 หงุดหงิดหงุดหงิดอยู่แต่หรืออารมณ์ไม่ดี
00:12:53 → 00:12:56 อยู่จะได้แบบหายครับแต่ก็ต้องระมัดระบัง
00:12:56 → 00:12:58 นะครับเผื่อเวลานั้นเอาจจะอารมณ์ไม่ดี
00:12:58 → 00:13:00 ต้องประเมินสักนิดนึงก่อนจะไปแหย่เานะ
00:13:00 → 00:13:02 ครับแต่โดยส่วนใหญ่ตัวเองก็จะไม่ค่อยหง
00:13:02 → 00:13:04 หงุดหงิดหรืออารมณ์ฉุนเฉียวอยู่แล้วครับ
00:13:04 → 00:13:08 ก็น้องๆพี่ๆที่ทำงานเก็จะชอบมาแหย่มาอะไร
00:13:08 → 00:13:10 อยู่เรื่อยๆครับอโอดีจังเลยค่ะอันแต่ว่า
00:13:10 → 00:13:13 บางคนเบอกว่าอารมณ์เสียตเป็นตอนสมัยวัย
00:13:13 → 00:13:16 รุ่นพออายุมากๆแล้วเริ่มแบบว่าอารมณ์เสีย
00:13:16 → 00:13:19 หงุดหงิดง่ายหรือแบบขี้โวยวายหรืออะไรพวก
00:13:19 → 00:13:23 เนี้ยค่ะมันแบบน้อยลงเอออยู่ในมิติที่ดี
00:13:23 → 00:13:25 ตอนนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีแล้วอะไรประมาณ
00:13:25 → 00:13:27 นี้มันเป็นเฉพาะแบบฮอร์โมนที่มันพรุ่ง
00:13:27 → 00:13:29 พล่านวัยรุ่นเพราะอาจารย์บอกว่ามันเกี่ยว
00:13:29 → 00:13:34 กับฮอร์โมนด้วยใช่ค่ะมันอาจจะมีผลฮ
00:13:34 → 00:13:37 บางคนอาจจะมีโรคประจำตัวอย่างเชวไทรอยด์
00:13:37 → 00:13:40 ทำงานผิดปกติอะไรอย่างเงี้ครับหรืออาจจะ
00:13:40 → 00:13:43 เป็นในเรื่องของตัวการเจริญเติบโต
00:13:43 → 00:13:45 พัฒนาการของร่างกายเราเพราะบางทีตัวช่วง
00:13:45 → 00:13:47 ที่เราเป็นเด็กเป็นวัยรุ่นครับประสบการณ์
00:13:47 → 00:13:50 ชีวิตยังน้อยอในเรื่องของการคิดความคาด
00:13:50 → 00:13:53 หวังหรือการจัดการในบางเรื่องอาจจะยังไม่
00:13:53 → 00:13:55 ดีพอแต่พอเราอายุมากขึ้นโตมากขึ้นโดย
00:13:55 → 00:13:58 เฉพาะผ่านพ้นวัยทองมาครับอตัวฮอร์โมนก็
00:13:58 → 00:14:01 อาจจะมีผลกระทบน้อยลงหน่อยบวกกับที่เรามี
00:14:01 → 00:14:03 ความมีเค้าเรียกก็พัฒนาการที่มันดีขึ้น
00:14:03 → 00:14:05 เป็นวัยผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมาเยอะพูดง่ายๆ
00:14:05 → 00:14:08 ครับแล้วก็จะมีความตระหนักรู้มีความเข้า
00:14:08 → 00:14:11 ใจโลกมากยิ่งขึ้นเข้าใจภาวะเหตุการณ์หรือ
00:14:11 → 00:14:13 เอาประสบการณ์ในอดีตที่เราเคยเจอเรื่อง
00:14:13 → 00:14:15 พวกนี้มามาจัดการตัวเราเองได้ดังนั้นพอ
00:14:15 → 00:14:19 อายุมากขึ้นก็จะมีการจัดการอารมณ์ได้ดี
00:14:19 → 00:14:22 กว่าความรู้สึกอารมณ์เสียความหงุดหงิด
00:14:22 → 00:14:24 ความโกรธความโมโหก็จะน้อยลงหรือบางทีเรา
00:14:24 → 00:14:27 อาจจะบอกว่าเราปล่อยวางก็ได้ครับอเออหรือ
00:14:27 → 00:14:31 ว่าแบบบางคนก็อาจจะบอกว่าช่างจุดๆมันเหอะ
00:14:31 → 00:14:33 อ่าใช่ครับแต่เขาบอกเป็นเทคนิคที่ดีนะ
00:14:33 → 00:14:35 ครับบางทีถ้าเกิดเราคาดหวังอะไรมากมันไม่
00:14:35 → 00:14:37 ได้อย่างหวังอ่ะครับไม่ได้ตามที่เรา
00:14:37 → 00:14:40 ต้องการมันอาจจะคืออย่างที่เรียนไปครับ
00:14:40 → 00:14:43 ว่าบางทีเราได้ตามหรือสมหวังทุกเรื่อง
00:14:43 → 00:14:45 เป็นไปไม่ได้ในชีวิตของมนุษย์เราอบางที
00:14:45 → 00:14:48 เราก็ต้องมีคำนั้นบ้างคำว่าช่างมันเอ่อ
00:14:48 → 00:14:50 ช่างเถอะช่างมันอะไรก็ว่าไปนะครับเพื่อ
00:14:50 → 00:14:53 ให้เรารู้สึกดีขึ้นแต่ไม่ใช่ใช้บ่อยๆนะ
00:14:53 → 00:14:55 ครับต้องประเมินตัวเราด้วยบางทีใช้บ่อย
00:14:55 → 00:14:58 ช่างช่าบ่อยๆเนี่ยครับบางทีมันต้องดูที่
00:14:58 → 00:15:00 ตัวเราว่าเอ๊ะจะดีกว่ามั้ถ้าเราพัฒนา
00:15:00 → 00:15:03 พัฒนาตัวเราพัฒนาศักยภาพของเราหรือปรับ
00:15:03 → 00:15:06 จิตใจของเราให้มันดีขึ้นมันก็อาจจะทำให้
00:15:06 → 00:15:08 เกิดการเผชิญเรื่องนั้นๆน้อยลงอย่างเงี้ย
00:15:08 → 00:15:12 ครับอืเออน่าสนใจตรงนี้อาจารย์เคยได้ยิน
00:15:12 → 00:15:15 คำพูดบางคนเบอกว่ารู้สึกอย่างไรให้แสดง
00:15:15 → 00:15:17 ออกอย่างนั้นไม่ต้องไปเก็บความรู้สึก
00:15:17 → 00:15:19 เดี๋ยวเรามันจะกลายเป็นว่าตกลงกำลังต้อง
00:15:19 → 00:15:23 มานั่งถามตัวเองตกลงสึกอะไรหรือแบบยังไง
00:15:23 → 00:15:24 เหมือนมันเก็บอยู่ข้างในอย่างเดียวค่ะ
00:15:24 → 00:15:27 เหมือนมีความอดทนฉันต้องสรองฉันต้องอดทน
00:15:27 → 00:15:29 อารมณ์เสียฉันก็ต้องไม่แสดงออกเพราะว่า
00:15:29 → 00:15:31 เดี๋ยวเอ่อเอ่อเพื่อนร่วมงานจะแบบไม่โอเค
00:15:31 → 00:15:34 กับชันหรืออะไรอย่างเงี้ยมันก็เป็นอีกรูป
00:15:34 → 00:15:36 แบบนึงในการที่เข้าสังคมไปอีกในทางนึง
00:15:36 → 00:15:39 ด้วยเนาะที่แบบต้องระงับตัวเองแต่ทีนี้
00:15:39 → 00:15:43 อาจารย์เราหงุดหงิดโมโหแล้วก็พอรู้ตัว
00:15:43 → 00:15:46 หรืออะไรเงี้ยค่ะแต่บังเอิญชีวิตมนุษย์
00:15:46 → 00:15:49 เราไม่ได้ทำไม่ได้อยู่คนเดียวค่ะอยู่กับ
00:15:49 → 00:15:51 ครอบครัวอยู่กับที่ทำงานเอออยู่ที่ทำงาน
00:15:51 → 00:15:55 ซะเยอะด้วยซ้ำไปเงี้ยค่ะเจอคนหงุดหงิด
00:15:55 → 00:15:58 ง่ายเหลือเกินอ่ะผลเสียเกิดขึ้นกับเค้า
00:15:58 → 00:16:00 ค่ะแต่ผลเสียบางทีเกิดกับเราด้วยเหมือน
00:16:00 → 00:16:05 กันผู้ที่อยู่ร่วมรับมือยังไงดีคะอาจารย์
00:16:05 → 00:16:08 ครับแน่นอนครับอย่างที่ทราบกันเนาะส่วน
00:16:08 → 00:16:10 ใหญ่เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด
00:16:10 → 00:16:13 หรืออารมณ์เสียบ่อยๆหงุดหงิดบ่อยๆพวก
00:16:13 → 00:16:16 เนี้ยนะครับอาจจะเกิดจากในเรื่องของตัว
00:16:16 → 00:16:19 เอ่อความสัมพันธ์ในที่ทำงานนะครับหรือ
00:16:19 → 00:16:22 ความกดดันทางการเงินความเครียดพักผ่อนไม่
00:16:22 → 00:16:26 เพียงพอหรือบางครั้งอาจจะมีอย่างอย่างมี
00:16:26 → 00:16:28 เรื่องของการอดหลับอดนอนอะไรอย่างเงี้ยมี
00:16:28 → 00:16:31 โรคประจำตัวหรืออาจจะมีเหตุเรื่องของสิ่ง
00:16:31 → 00:16:35 แวดล้อมพวก PM 2.5 อ่าพวกอ่าในเรื่องของ
00:16:35 → 00:16:37 อากาศร้อนมากเสียงดังมากมลพิษพวกเนี้ยก็
00:16:37 → 00:16:39 เป็นเหตุปัจจัยแต่เมื่อไหร่ครับที่มัน
00:16:39 → 00:16:42 เกิดเหตุการณ์เกิดขึ้นครับเอาที่ตัวเรา
00:16:42 → 00:16:44 ก่อนเนาะเราไปเจอคนอื่นที่เขาโมโหใส่เรา
00:16:44 → 00:16:47 หรือหงุดหงิดใส่เราครับเราก็ต้องใจเย็นๆ
00:16:47 → 00:16:50 ครับหายใจเข้าออกลึกๆยาวๆนะครับตั้งสติ
00:16:50 → 00:16:53 ครับสติมีความสำคัญอบางครั้งการที่เราหาย
00:16:53 → 00:16:56 ใจเข้าออกลึกๆยาวๆนะครับมันทำให้เกิดตัว
00:16:56 → 00:17:00 สติหรือ mindfulness ในตัวเรานะครับแล้ว
00:17:00 → 00:17:03 ก็ที่สำคัญครับเราก็อาจจะพยายามพามเข้าใจ
00:17:03 → 00:17:06 เว่าเอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างหรือเขาอาจ
00:17:06 → 00:17:09 จะมีภาวะหรือความทุกข์ใจบางอย่างหรืออาจ
00:17:09 → 00:17:11 จะไม่ได้ดั่งใจบางอย่างเหมือนเราพยายาม
00:17:11 → 00:17:14 เข้าใจเาเอาใจเมาใส่ใจเราครับบางครั้งการ
00:17:15 → 00:17:17 ที่เขาแสดงพฤติกรรมแบบนั้นลองสะท้อนมาที่
00:17:17 → 00:17:19 ตัวเราเราเอาใจเราไปใส่ที่ตัวเขาถ้าเกิด
00:17:19 → 00:17:22 เป็นเราล่ะมันอาจจะมีเหตุอย่างนั้นก็ได้
00:17:22 → 00:17:24 เนาะนะครับอันนี้ก็คือเป็นการปรับใจเรา
00:17:24 → 00:17:27 เบื้องต้นใจเย็นๆอารมณ์เย็นๆแล้วก็หายใจ
00:17:27 → 00:17:30 เข้าออกลึกๆแล้วก็ลองนึกภาพสมมุติตัวเรา
00:17:30 → 00:17:33 เป็นตัวเค้าอันนี้คือตัวเราก่อนนะครับค่ะ
00:17:33 → 00:17:36 ทีนี้ถ้าเกิดตัวเราเองโมโหล่ะอือฮึตรงกัน
00:17:36 → 00:17:39 ข้ามครับเมื่อกี้คนอื่นโมโหใส่เราค่ะที
00:17:39 → 00:17:41 นี้ถ้าเกิดเป็นฝั่งเราโมโหบ้างล่ะจะทำ
00:17:41 → 00:17:43 อย่างไรครับวิธีการรับเมิดหรือวิธีการ
00:17:43 → 00:17:46 ป้องกันครับอันดับแรกเลยครับถ้าเกิดเรา
00:17:46 → 00:17:48 รู้สึกว่าเรามีอารมณ์พวกนี้บ่อยๆอาจจะ
00:17:48 → 00:17:51 เกิดจากการพักผ่อนให้เพียงพอก็ได้ออนะ
00:17:51 → 00:17:53 ครับต้องพักผ่อนให้เพียงพอครับนอนหลับพัก
00:17:54 → 00:17:56 ผ่อนให้เพียงพอค่ะแล้วก็ที่สำคัญต้องมี
00:17:56 → 00:18:00 การexer์ครับออกกำลังกายสำคัญมากๆเลยนะ
00:18:00 → 00:18:01 ครับเพราะว่าการที่ออกกำลังกายมันจะมี
00:18:02 → 00:18:04 แห่งความสุขมันจะหลั่งออกมามันก็ทำให้เรา
00:18:04 → 00:18:07 รู้สึกมีความสุขอารมณ์เราก็จะดีขึ้นไม่งง
00:18:07 → 00:18:10 ง่ายไม่โมโหง่ายครับค่ะแล้วก็จะต้องมีการ
00:18:10 → 00:18:14 ฝึกสติการฝึกหายลมหายใจครับนั่งทำงานก็
00:18:14 → 00:18:17 ฝึกได้นะครับขับรถก็ฝึกได้นะครับการฝึก
00:18:17 → 00:18:19 สติไม่ใช่การหลับตานั่งสมาธินะครับบาง
00:18:19 → 00:18:21 ครั้งการดูลมหายใจเราอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:18:21 → 00:18:24 ตามลมรู้ลมหายใจมันก็เป็นการฝึกสติหรือ
00:18:25 → 00:18:27 full minage ให้กับตัวเราอืหรือบาง
00:18:27 → 00:18:29 ครั้งตัวเราเองรู้สึกหงุดหงิดครับกลัวจะ
00:18:30 → 00:18:32 เกิดผลกระทบกับสังคมหรือเพื่อนๆเขียน
00:18:32 → 00:18:35 ระบายครับเขียนระบายเลยใส่สมุดโน้ตของเรา
00:18:35 → 00:18:38 อย่าให้ใครเห็นด้วยนะครับคิดว่าจะให้
00:18:38 → 00:18:40 เขียนลงโซเชียล
00:18:40 → 00:18:43 โซเชียลไม่ได้ครับเพราะว่ามันจะกระจาย
00:18:43 → 00:18:45 แล้วก็มันเป็นเรื่องของอ่าสิ่งที่ไม่สม
00:18:45 → 00:18:47 ควรด้วยครับบางครั้งการที่เราห่วงหยิแล้ว
00:18:47 → 00:18:50 ไปอารมณ์ไประบายอารมณ์ในโซเชียลบางทีมัน
00:18:50 → 00:18:53 ก็แสดงถึงภาวะวุฒิภาวะบางอย่างของเราได้
00:18:53 → 00:18:56 เขียนใส่สมุดใส่กระดาษครับแล้วก็เก็บไว้
00:18:56 → 00:18:58 ดูอย่าให้ใครเห็นนะครับบางทีอาจจะเขียน
00:18:58 → 00:19:00 ระบายว่าใครในนั้นอย่ามาเห็นเข้าเลยเป็น
00:19:01 → 00:19:03 ประเด็นอีกเดี๋ยวจะเริ่มจากหงุดหงิด
00:19:03 → 00:19:05 อารมณ์เสียจะกลายเป็นโมโหหรือทำร้ายร่าง
00:19:05 → 00:19:09 กายกันครับใช่ต้องระวังนอกจากนี้ในเรื่อง
00:19:09 → 00:19:12 ของอาหารก็มีส่วนนะครับอาหารบางอย่างนะ
00:19:12 → 00:19:14 ครับมันก็อาจจะมีผลทำให้เรารู้สึก
00:19:14 → 00:19:17 หงุดหงิดใจเต้นสั่นใจเต้นแรงอย่างเช่นพวก
00:19:17 → 00:19:20 แอลกอฮอล์ครับบางครั้งการดื่มแอลกอฮอล์
00:19:20 → 00:19:24 มากๆเกินไปนะครับหรือการที่ดื่มพวก
00:19:24 → 00:19:27 คาเฟอีนมากๆอาหารแปรรูปพวกเนี้ยครับมันก็
00:19:27 → 00:19:30 อาจจะมีผลทำให้อารมณ์เราอาจจะไม่ไม่ไม่
00:19:30 → 00:19:33 สมูทหรืออารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉี่ยวได้ง่าย
00:19:33 → 00:19:36 นะครับแล้วก็กินอาหารให้ครบผ้าหมูดื่มน้ำ
00:19:36 → 00:19:39 มากๆนะครับโดยเฉพาะหน้าร้อนครับบางครั้ง
00:19:39 → 00:19:41 เราสมมุติตัวอย่างเราอยู่ในช่วงเทศกาล
00:19:42 → 00:19:43 สงกรานต์หรือหน้าร้อนหรืออะไรก็ตามแต่
00:19:43 → 00:19:46 ครับถ้าเกิดเราขาดน้ำอากาศมันร้อนๆเป็น
00:19:46 → 00:19:50 ยังไงครับหงุดหงิดโอ้โหใจแบบไม่ไหวและมี
00:19:50 → 00:19:54 อะไรกระทบหน่อยก็รู้สึกอยากจะปะทะทันที
00:19:54 → 00:19:56 ใช่มั้ครับดังนั้นโดยเฉพาะหน้าร้อนครับ
00:19:56 → 00:19:58 ต้องดื่มน้ำอย่าให้ร่างกายเราขาดน้ำนะ
00:19:58 → 00:20:00 ครับบางครั้งการขาดน้ำมันก็มีผลทำให้เรา
00:20:00 → 00:20:03 อารมณ์ฉุนเฉี่ยวได้นะครับหรือถ้าเกิดเรา
00:20:03 → 00:20:06 มีโรคประจำตัวครับอันนี้ตัวเราที่ที่จะ
00:20:06 → 00:20:08 แสดงพฤติกรรมหงุดหงิดนะครับถ้าเรามีโรค
00:20:08 → 00:20:11 ประจำตัวต้องควบคุมโรคให้ได้ครับอือ่าอัน
00:20:11 → 00:20:14 นี้สำคัญมากๆและสำคัญที่สุดเลยครับเรา
00:20:14 → 00:20:17 ต้องดูแลจิตใจของเรานะครับอย่าให้
00:20:17 → 00:20:19 หงุดหงิดโมโหง่ายอย่าให้ฉุนเฉี่ยวง่าย
00:20:19 → 00:20:22 อย่าให้อารมณ์เสียง่ายต้องหาเพื่อนครับ
00:20:22 → 00:20:24 บางครั้งเราอาจจะมีเพื่อนที่คอยระบายถูก
00:20:24 → 00:20:26 มั้ครับเราอาจจะมีเพื่อนที่สนิทบางคน 2
00:20:26 → 00:20:28 คนอะไรอย่างเงี้ยเธอเราขอระบายหน่อยอย่า
00:20:28 → 00:20:31 เล่าให้ใครฟังต่อนะแต่บางทีก็อันตรายนะ
00:20:31 → 00:20:34 ครับเพื่อนบางทีอันตรายนะครับอย่าเล่าต่อ
00:20:34 → 00:20:37 นี่คือยิ่งเล่าไปเยอะนะครับแต่เขียนใส่
00:20:37 → 00:20:39 กระดาษแต่ผมว่าปลอดภัยที่สุดครับอแต่บาง
00:20:39 → 00:20:41 ครั้งถ้าเกิดมันจำเป็นเราอาจจะต้องหา
00:20:41 → 00:20:43 เพื่อนสนิทเพื่อนใกล้ชิดที่เราไว้วางใจ
00:20:43 → 00:20:46 ได้หรือคนในครอบครัวหรือคนที่เราปรึกษา
00:20:46 → 00:20:48 ได้สุเ่อสายดสุขภาพจิตอย่างเงี้ยครับแล้ว
00:20:48 → 00:20:51 ก็ปรึกษาได้นะครับโทรไประบายสบายใจขึ้น
00:20:51 → 00:20:54 กลับมาทำงานได้ผมก็เคยใช้นะครับบางทีเอ้ย
00:20:54 → 00:20:56 จะทำยังไงดีหงุดหงิดมากไม่รู้จะคุยกับใคร
00:20:56 → 00:20:58 ดีเรื่องนี้ไม่ควรจะให้กระทบกับคนอื่นไม่
00:20:58 → 00:21:00 ควรจะเล่าให้ใครฟังโทรไปเลยครับหาคนที่เ
00:21:00 → 00:21:04 ไม่รู้จักเรารับฟังเราระบายเสร็จโอใจชื้น
00:21:04 → 00:21:07 ใจสบายขึ้นนะครับก็เดี๋แบบนี้ก็ทำได้ครับ
00:21:07 → 00:21:11 ดูแลจิตใจเรานะครับเล่าให้คนอื่นฟังและ
00:21:11 → 00:21:13 ที่สำคัญนะครับลองดูตัวเองซิถ้าเกิด 2
00:21:13 → 00:21:16 สัปดาห์แล้วยังมีอาการพวกนี้อยู่มั้ยอื
00:21:16 → 00:21:18 มันรู้สึกมันเรื้อรังมันคงมันคงที่ยัง
00:21:19 → 00:21:21 อยู่ยาวนานมากกว่า 14 วันหรือ 2 สัปดาห์
00:21:22 → 00:21:24 แปลว่าอาจจะมีปัญหาในเรื่องของความเห็น
00:21:24 → 00:21:26 ปกติล่ะครับบางอย่างไปพบจิตแพทย์หรือนัก
00:21:26 → 00:21:29 จิตยาหรือพยาบาลจิตเวท
00:21:29 → 00:21:32 นะครับช่วยเรื่องพวกนี้ได้ค่ะก็อาจจะมี
00:21:32 → 00:21:34 เทคนิควิธีการในการที่จะทำให้เราเกิดใน
00:21:34 → 00:21:37 เรื่องของภาวะรีแลกหรือมีเทคนิคอะไรบาง
00:21:37 → 00:21:40 อย่างที่ช่วยเราได้ตรงส่วนนี้ครับอือฮึ
00:21:40 → 00:21:43 แต่ว่าที่ที่เจอบ่อยๆที่วิ
00:21:43 → 00:21:45 หงุดหงิดเริ่มอารมณ์เสียเริ่มอะไรอย่าง
00:21:45 → 00:21:48 เงี้ยค่ะน้องๆนะคะในแผนกก็จะบอกว่าไปหา
00:21:48 → 00:21:52 ของหวานกินมั้ยน่าจะน้ำตาลตก
00:21:52 → 00:21:55 เลยหงุดหงิดง่ายก็อาจจะก็อาจจะช่วยได้นะ
00:21:55 → 00:21:58 ครับในเรื่องของอน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด
00:21:58 → 00:22:01 ไปเลี้ยงสมองอาจจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นแต่
00:22:01 → 00:22:04 อย่าลืมนะครับว่าของหวานมันมีน้ำตาลถูก
00:22:04 → 00:22:07 มั้ยครับน้ำตาลเกิดผลเสียต่อร่างกายอาจจะ
00:22:07 → 00:22:10 เกิดเบาหวานเกิดภาวะอ้วนหรือบางครั้งนะ
00:22:10 → 00:22:13 ครับการที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีเอ่อน้ำ
00:22:13 → 00:22:17 ตาลเยอะๆครับอพอหลังจากที่ร่างกายมันมี
00:22:17 → 00:22:19 การเผาผลาเสร็จครับมันก็อาจจะเกิดสารบาง
00:22:19 → 00:22:22 ตัวที่เป็นสารเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิด
00:22:22 → 00:22:24 ความเครียดหรือความหงุดหงิดอารมณ์เสียตาม
00:22:24 → 00:22:27 มาก็เป็นไปได้นะครับแต่ต้องระมัดระวังฟัง
00:22:28 → 00:22:30 นะครับเรื่องนี้นะครับโดยเฉพาะคนที่มีน้ำ
00:22:30 → 00:22:32 หนักตัวเกินอยู่แล้วในมวลกายเกินอย่าง
00:22:32 → 00:22:35 เงี้ยนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะดื่มของหวานขึ้น
00:22:35 → 00:22:37 หรือเครื่องดื่มหวานๆนี่อันตรายเลยนะครับ
00:22:37 → 00:22:40 ต้องระมัดระวังครับอโอ้โหอุตส่าห์ได้ชวน
00:22:40 → 00:22:45 แบบว่าบรรเทาความหงุดหงิดของหวานไม่ใช่
00:22:45 → 00:22:47 บางคนบอกว่าลองไปกินข้าวดูก่อนไหมเผื่อ
00:22:47 → 00:22:49 หิวโมโหหิวอยู่
00:22:49 → 00:22:52 ทานทานได้แต่น้อยๆแต่พอดีครับเพราะว่าบาง
00:22:52 → 00:22:54 ทีเราขาดน้ำตาลเลยครับมันอาจจะทำให้เรา
00:22:54 → 00:22:56 หงุดหงิดอารมณ์เสียได้เป็นไปได้เลยครับ
00:22:56 → 00:22:59 โดยเฉพาะกินข้าวไม่ตรงเวลารับทานอาหารไม่
00:22:59 → 00:23:01 ตรงเวลาอะไรอย่างเงี้ยหรือบางทีนัดแฟนนัด
00:23:01 → 00:23:04 เพื่อนมาทานข้าวเวลาเที่ยนมาสายมาช้า
00:23:04 → 00:23:06 หน่อยหงุดหงิดแล้วครับเพราะว่าขาดน้ำตาล
00:23:06 → 00:23:09 แล้วมันเริ่มต่ำในร่างกายของเรานะครับ
00:23:09 → 00:23:12 เป็นไปได้เลยครับก็ดูเป็นปัจจัยปัจจัไป
00:23:12 → 00:23:15 แล้วกันแต่อย่างที่อาจารย์ย้ำคุณผู้ฟังนะ
00:23:15 → 00:23:17 คะว่าถ้าเกิน 2 อาทิตย์เฮ้ยอาการนี้มัน
00:23:17 → 00:23:20 ไม่ดีขึ้นเลยเฮ้ยมันผิดปกติแล้วแหละต้อง
00:23:20 → 00:23:24 คุยกับทางจิตแพทย์นะคะว่าเออมันอาจจะมี
00:23:24 → 00:23:26 อะไรที่มันเสียสมดุลไปหรือว่ามีอะไรที่
00:23:26 → 00:23:30 มันยังอยู่ในใจที่มันยังค้างคาหรือว่า
00:23:30 → 00:23:32 อะไรอยู่หรือเปล่าทำให้เราเกิดแบบยังไงก็
00:23:32 → 00:23:34 ไม่หายความหงุดหงิดอะไรอย่างเงี้ยนะคะแต่
00:23:34 → 00:23:41 ฟังแล้วก็จะไม่หงุดหงิดแล้วค่ะ
00:23:41 → 00:23:44 อยากจะฝากไว้ครับว่าอารมณ์เสียแม้จะดู
00:23:44 → 00:23:47 เป็นเรื่องธรรมดาๆดานะครับแต่หากเกิดบ่อย
00:23:47 → 00:23:50 ควบคุมไม่ได้สะสมเป็นเวลานานจะเกิดการ
00:23:50 → 00:23:54 สะสมความเครียดที่บั่นทอนสุขภาพกายและใจ
00:23:54 → 00:23:57 การดูแลสุขภาพจิตใส่ใจตัวเองนะครับใส่ใจ
00:23:57 → 00:24:00 คนรอบข้างมีวินัยนี้สำคัญโดยเฉพาะใน
00:24:00 → 00:24:02 เรื่องของการดูแลสุขภาพร่างกายเรานะครับ
00:24:02 → 00:24:05 อันนี้อันนี้เป็นเรื่องสำคัญมากๆถึงแม้จะ
00:24:05 → 00:24:07 เป็นเรื่องเล็กๆแต่เป็นเรื่องธรรมดาๆดา
00:24:07 → 00:24:09 แต่มันกระทบนะครับถ้าเกิดเราไม่ดูแลหรือ
00:24:10 → 00:24:12 จัดการอย่างถูกวิธีครับค่ะแล้วอย่าสะสม
00:24:12 → 00:24:14 ให้มันเป็นนิสัยนะคะเอะอารมณ์เสียอารมณ์
00:24:14 → 00:24:18 เสียนะคะไม่ได้นะคะระวังจะโดนตีนไม่รู้
00:24:18 → 00:24:21 ตัวอะไรประมาณนี้ค่ะวันนี้ได้สาระด้วยได้
00:24:21 → 00:24:23 หัวเราะด้วยนะคะไม่ได้หงุดหงิดเลยสักนิด
00:24:23 → 00:24:26 เดียวนะคะขอบคุณอาจารย์เวหาค่ะที่ให้ความ
00:24:26 → 00:24:28 รู้กับเราในวันนี้ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ
00:24:28 → 00:24:31 อาจารย์คะขอบคุณครับสวัสดีค่ะครับสวัสดี
00:24:31 → 00:24:34 ค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้วค่ะเรา
00:24:34 → 00:24:36 พบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอทาง
00:24:36 → 00:24:38 Thaai PBS Podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อน
00:24:38 → 00:24:42 สวัสดีค่ะ This is Thai PBS Podcast
00:24:42 → 00:24:45 ทำไมโรคในแมวไม่แสดงอาการแต่เมื่อติดสู่
00:24:45 → 00:24:47 คนแล้วจึงค่อยแสดงอาการในคนศาสตราจารย์
00:24:47 → 00:24:50 นายสตวแพทย์ดร.สถาพรจิตตปาลพงษ์จากคณะ
00:24:50 → 00:24:53 เทคนิคการสตวแพทย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
00:24:53 → 00:24:56 มาเล่าให้ฟังครับจริงๆแล้วโรคส่วนใหญ่ที่
00:24:56 → 00:24:59 พบในคนเนี่ยเป็นโรคใสสวนคนซะเยอะมากนะ
00:24:59 → 00:25:01 ครับเพราะว่ามันเป็นเรื่องอะไรที่บาง
00:25:01 → 00:25:03 ครั้งอาจจะไม่รู้หรือว่าอาจจะไม่เข้าใจ
00:25:03 → 00:25:06 วิธีการนะครับการดูแลเรื่องสัตว์เลี้ยง
00:25:06 → 00:25:08 หรืออะไรก็ตามทำให้เกิดการนำโรคต่างๆเี่
00:25:08 → 00:25:11 เข้ามาสู่คนได้ง่ายจริงๆแล้วถ้าโรคที่ไม่
00:25:11 → 00:25:15 เกิดอาการหรือโรคในสัตว์แล้วทำให้เกิดโรค
00:25:15 → 00:25:17 ในคนเนี่ยมันก็มีอยู่ไม่กี่ตัวเพราะส่วน
00:25:17 → 00:25:20 ใหญ่แล้วมันจะเห็นง่ายถ้าเกิดมันเกิดโรค
00:25:20 → 00:25:22 ในสัตว์ก่อนแล้วคนไปติดแต่กรณีที่เรา
00:25:23 → 00:25:25 ระวังไม่ได้เพราะว่าบางครั้งตัวสัตว์เอง
00:25:25 → 00:25:27 นี่ก็ไม่ได้มีอะไรบอกเหตุให้รู้ว่าเอ้ย
00:25:27 → 00:25:29 ฉันมีอะไรผิดปกตินะแล้วเธอต้องระวังฉันนะ
00:25:29 → 00:25:33 ทุกอย่างทำตัวเหมือนเดิมชิลๆอยู่กับคนมัน
00:25:33 → 00:25:35 ก็เลยทำให้ความระวังตัวของเราเลดน้อยลงไป
00:25:35 → 00:25:38 อันนึงที่อยากจะพูดถึงก็คือเรื่องโรค
00:25:38 → 00:25:41 toxโซพลาสmosisนะครับอันนี้เป็นโรคในแมว
00:25:41 → 00:25:43 ประเทศที่เลี้ยงแมวส่วนใหญ่เนี่ยยุโรป
00:25:43 → 00:25:45 เนี่ยระบาดเยอะนะครับมีการศึกษาวิจัยเยอะ
00:25:45 → 00:25:48 แยะไปหมดเลยว่ามันเกิดขึ้นแล้วมันแพร่
00:25:48 → 00:25:51 กระจายตัวยังไงทุกคนก็รู้หมดไซเคิลจะเป็น
00:25:52 → 00:25:55 ยังไงทุกคนรู้หมดแต่มันก็ยังเป็นตัวนึง
00:25:55 → 00:25:58 ที่ทำให้เกิดโรคในคนเนี่ยค่อนข้างสูงอยู่
00:25:58 → 00:26:00 เชื้อชนิดนี้เป็นเชื้อที่รักษาไม่ได้อัน
00:26:00 → 00:26:02 นี้ติดแล้วติดเลยนะครับมันก็จะอยู่กับเรา
00:26:02 → 00:26:05 ไปตลอดชีวิตเหมือนกันมีตัวที่กำหนดสภาวะ
00:26:05 → 00:26:07 ของโรคคือระบบภูมิกันนะครับเมื่อไหร่ก็
00:26:07 → 00:26:11 ตามเภูมิกันของคนเนี่ยลดต่ำลงอย่างเช่นใน
00:26:11 → 00:26:14 คนที่ใช้ยารักษาโรคมะเร็งนะก็จะมียากด
00:26:14 → 00:26:17 ภูมิหรือคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือเป็นคน
00:26:17 → 00:26:19 ที่มีภูมิการปกพร่องมาแต่กำเนิดพวกนี้จะ
00:26:19 → 00:26:22 เป็นพวกที่แสดงอาการของโลกได้อย่างรุนแรง
00:26:22 → 00:26:24 โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เนี่ยมีโอกาส
00:26:24 → 00:26:27 ที่จะติดเชื้อท็อกโซพลาสmaและทำให้เกิด
00:26:27 → 00:26:29 อาการแท้งถ้าคลอดออกมาก็จะเป็นลักษณะของ
00:26:29 → 00:26:32 เด็กหัวโตเพราะฉะนั้นก็เป็นโรคนึงที่เอ่อ
00:26:32 → 00:26:35 WHO เนี่ยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการ
00:26:35 → 00:26:37 ป้องกันของผู้หญิงตั้งท้องก็คือห้าม
00:26:37 → 00:26:41 สัมผัสโดยตรงกับกระบะทรายแมวที่แมวถ่าย
00:26:41 → 00:26:44 อุจจาระอยู่ถ้าจะเลี้ยงแมวก็เลี้ยงได้แต่
00:26:44 → 00:26:47 เราต้องให้รู้สึกว่ามันปลอดภัยจริงก็คือ
00:26:47 → 00:26:49 อย่างเช่นแมวเลี้ยงระบบปิดไม่ได้สัมผัส
00:26:49 → 00:26:52 อย่างอื่นเลยนะไม่มีโอกาสที่จะไปเจอหนู
00:26:52 → 00:26:55 ไม่ได้ไปกินเนื้อสดไม่ได้อะไรพวกเนี้ยแมว
00:26:55 → 00:26:57 เนี่ยจะเป็นโพสต์โดยสมบูรณ์ก็คือเขา
00:26:57 → 00:27:00 สามารถที่จะสร้างโอซีหรือไข่ของมันเนี่ย
00:27:00 → 00:27:03 ในช่วงเวลา 3 อาทิตย์เนี่ยอาจจะเป็นแสนใบ
00:27:03 → 00:27:06 หลังจากนั้นปั๊บมันก็จะจบเพราะภูมิกันของ
00:27:06 → 00:27:08 แมวเองก็จะโteคตัวแมวเขาก็จะไม่มีอาการ
00:27:08 → 00:27:11 อะไรเลยเาก็จะอยู่กับเราไปเรื่อยๆได้โดย
00:27:11 → 00:27:13 ที่เราก็สังเกตไม่ออกก็ไปศึกษาตัวอย่าง
00:27:13 → 00:27:17 ของพวกนักศึกษาก็ดูเลยว่าเชื้อตัวเนี้ย
00:27:17 → 00:27:19 เวลามันอยู่ในคนเนี่ยมันทำให้พฤติกรรมใน
00:27:19 → 00:27:21 คนเี่เปลี่ยนหรืออยู่ในสัตว์อย่างเช่นหนู
00:27:21 → 00:27:24 เนี่ยมันก็ทำให้พฤติกรรมในหนูเปลี่ยนอเ
00:27:24 → 00:27:26 บอกว่าพฤติกรรมในหนูเวลาที่ติดเชื้อ
00:27:26 → 00:27:29 ท็อกโสมันจะทำให้หนูไม่กลัวแมวมันจะวิ่ง
00:27:29 → 00:27:31 ไปหาแมวเพื่อให้แมวกินมันเพราะว่ามันรู้
00:27:31 → 00:27:33 ว่าแมวเนี่ยเป็นโฮสสุดท้ายของมันเป็น
00:27:33 → 00:27:35 เชื้อที่มันปรับตัวให้เข้ากับโฮสนี่ได้ดี
00:27:35 → 00:27:37 มากที่สุดเพราะว่า 1 ก็คือไม่มียารักษา
00:27:37 → 00:27:40 เออไม่มีวัคซีนวัคซีนเ้านี้เค้าพยายามทำ
00:27:40 → 00:27:43 อยู่แต่ว่ามันก็ยังไม่สามารถจะใช้ได้มัน
00:27:43 → 00:27:46 เกิดขึ้นในสัตว์ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มาก
00:27:46 → 00:27:49 ที่สุดอือค่ะแมวหรือสัตว์ตระกูลแมวนะเสือ
00:27:49 → 00:27:51 แมวพวกนี้ติดเชื้อพวกนี้แบบแพทเทิร์น
00:27:51 → 00:27:53 เดียวกันเลย
00:27:53 → 00:27:55 [เพลง]
00:27:55 → 00:27:59 This is Thai PBS Podcast
00:27:59 → 00:28:02 ติดตามรายการของ Thai PBS Podcast ได้
00:28:02 → 00:28:04 ทางเว็บไซต์ www.thaipspodcast.com
00:28:04 → 00:28:07 thapbspodcast.com
00:28:07 → 00:28:10 แอปพลิเคช Thai PBBS Podcast รวมถึงฟัง
00:28:10 → 00:28:15 ผ่านพcastช่องทางอื่นๆ Spotify YouTube
00:28:15 → 00:28:18 Apple Podcast และ Soundcloud เ้า
00:28:18 → 00:28:21 [เพลง]