00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:08 >> เคยรู้สึกกันมั้คะว่ายิ่งเราเครียดนานๆ
00:00:08 → 00:00:11 เข้าเนี่ยร่างกายมันเหมือนจะส่งสัญญาณ
00:00:11 → 00:00:14 เตือนตลอดเวลาว่าเฮ้ยไม่ไหวแล้วนะวันนี้
00:00:14 → 00:00:17 แหละครับเราจะมาเจาะลึกกันว่าจริงๆแล้ว
00:00:17 → 00:00:19 ข้างในร่างกายเราเนี่ยมันเกิดอะไรขึ้นกัน
00:00:19 → 00:00:22 แน่เวลาที่ความเครียดสั้นๆมันกลายมาเป็น
00:00:22 → 00:00:25 ปัญหาเรื้อรังที่คอยทำร้ายเราอยู่เงียบๆ
00:00:25 → 00:00:28 คำถามนี้น่าสนใจมากเลยนะครับเพราะว่าความ
00:00:28 → 00:00:31 รู้สึกอ่อนเพลียหมดแรงที่หลายๆคนกำลังเจอ
00:00:31 → 00:00:33 อยู่เนี่ยมันอาจจะไม่ใช่แค่ความเหนื่อย
00:00:34 → 00:00:36 ธรรมดาๆดานะครับแต่มันเป็นสัญญาณเตือนจาก
00:00:36 → 00:00:38 วิกฤตที่กำลังก่อตัวขึ้นข้างในร่างกายของ
00:00:38 → 00:00:41 เราเลยเอาล่ะเรามาหาคำตอบเรื่องนี้ไป
00:00:41 → 00:00:44 พร้อมๆกันครับก่อนอื่นเลยนะครับเพื่อที่
00:00:44 → 00:00:48 จะเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากอะไรเราต้องเริ่ม
00:00:48 → 00:00:51 จากจุดที่ร่างกายทำงานเป็นปกติกันก่อนมา
00:00:51 → 00:00:54 ดูกันครับว่าเวลาเจอความเครียดแบบฉับพลัน
00:00:54 → 00:00:57 หรือระยะสั้นๆเนี่ยร่างกายเรามันรับมือ
00:00:57 → 00:01:01 ได้ดีขนาดไหนพระเอกของเรื่องในตอนแรกเลย
00:01:01 → 00:01:04 ก็คือเจ้าคอร์ติเนี่ยแหละครับร่างกายเรา
00:01:04 → 00:01:07 จะหลั่งฮอร์โมนตัวนี้ออกมาเพื่อปรับตัว
00:01:07 → 00:01:10 และก็ช่วยให้เรามีพลังมีประสิทธิภาพสูง
00:01:10 → 00:01:13 สุดเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ที่กดดันมากๆไป
00:01:13 → 00:01:16 ให้ได้พูดง่ายๆก็คือมันเป็นเหมือนระบบ
00:01:16 → 00:01:18 เตือนภัยชั้นดีที่ธรรมชาติสร้างมาให้เรา
00:01:18 → 00:01:22 เลยครับแต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงนี้ครับ
00:01:22 → 00:01:25 คือร่างกายเราเนี่ยออกแบบการตอบสนองแบบ
00:01:25 → 00:01:28 นี้มาเพื่อการวิ่งสปริ้นระยะสั้นไม่ได้
00:01:28 → 00:01:30 ออกแบบมาเพื่อวิ่งมาราธอนนะครับมันหวัง
00:01:30 → 00:01:33 ว่าสถานการณ์ตึงเครียดพวกนี้จะจบลงเร็วๆ
00:01:33 → 00:01:36 แล้วทีนี้จะเกิดอะไรขึ้นนะครับถ้าความ
00:01:36 → 00:01:39 เครียดนั้นมันไม่ยอมหายไปไหนเมื่อร่างกาย
00:01:39 → 00:01:43 ถูกบีบถูกผลักดันจนเกินขีดจำกัดของตัวเอง
00:01:43 → 00:01:45 มันก็จะเริ่มเข้าสู่เฟซใหม่ที่แตกต่างออก
00:01:45 → 00:01:48 ไปอย่างสิ้นเชิงเลยครับตรงนี้แหละครับคือ
00:01:49 → 00:01:52 จุดเปลี่ยนที่สำคัญมากๆเลยคือในระยะแรก
00:01:52 → 00:01:55 เนี่ยร่างกายยังสู้ไหวยังเร่งผลิต
00:01:55 → 00:01:58 คอร์ติซอลเพื่อมารับมือกับความเครียดได้
00:01:58 → 00:02:01 อยู่แต่พอเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือที่เรียก
00:02:01 → 00:02:04 ว่าภาวะหมดไฟหรือ burn out เนี่ยมัน
00:02:04 → 00:02:06 เหมือนกับโรงงานที่วัตถุดิบหมดเกลื่อง
00:02:06 → 00:02:09 แล้วนะครับร่างกายไม่สามารถสร้างฮอร์โมน
00:02:09 → 00:02:12 ที่จำเป็นต่อการสู้ได้อีกต่อไปและนั่น
00:02:12 → 00:02:16 แหละครับคือจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งหมดดู
00:02:16 → 00:02:20 จากกราฟเนี่ยจะเห็นภาพชัดเลยครับว่าการ
00:02:20 → 00:02:23 เปลี่ยนแปลงมันดิ่งลงขนาดไหนจากที่ระดับ
00:02:23 → 00:02:27 คอร์ติซอลเคยพุ่งสูงปรี๊ดเลยเพื่อช่วยให้
00:02:27 → 00:02:30 เรารับมือกับสถานการณ์ต่างๆพอเข้าสู่ภาวะ
00:02:30 → 00:02:34 หมดไฟปุ๊บมันกลับดิ่งลงเหวแบบหน้าใจหาย
00:02:34 → 00:02:37 เลยนี่คือภาพที่ชัดเจนของระบบที่กำลังจะ
00:02:37 → 00:02:41 ล้มเหลวแล้วครับปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิด
00:02:41 → 00:02:43 สิ่งที่เรียกว่ากราฟเส้นbนครับคือปกติ
00:02:43 → 00:02:46 แล้วเนี่ยระดับคอติซอลของเรามันจะสูงขึ้น
00:02:46 → 00:02:48 ตอนเช้าเพื่อให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้
00:02:48 → 00:02:51 กระเป๋าใช่ไหมั้ครับแต่ในภาวะนี้กราฟมัน
00:02:52 → 00:02:54 จะแบนราบไปทั้งวันเลยซึ่งมันบอกเราว่า
00:02:54 → 00:02:57 ระบบการตอบสนองของร่างกายเราเนี่ยมันไม่
00:02:57 → 00:03:00 ทำงานอย่างที่มันควรจะเป็นแล้วและนี่ก็
00:03:00 → 00:03:03 คือส่วนที่น่ากลัวที่สุดของกระบวนการทั้ง
00:03:03 → 00:03:06 หมดเลยครับมันเป็นจุดที่ร่างกายต้องตัด
00:03:06 → 00:03:09 สินใจทำอะไรบางอย่างที่ส่งผลกระทบเป็นลูก
00:03:09 → 00:03:12 โซ่ไปทั้งระบบเลยทีเดียวมีคำเปรียบเปรย
00:03:12 → 00:03:15 ที่ทรงพลังมากๆเลยครับเขาบอกว่า
00:03:15 → 00:03:17 DheAnnelโลโลน
00:03:17 → 00:03:21 เนี่ยคือบิดาและมารดาของฮอร์โมนทั้งหมด
00:03:21 → 00:03:24 ลองนึกภาพตามนะครับว่ามันคือวัตถุดิบตั้ง
00:03:24 → 00:03:26 ต้นที่สำคัญที่สุดในการสร้างฮอร์โมนแทบ
00:03:26 → 00:03:29 ทุกชิ้นชนิดในร่างกายเลยไม่ว่าจะเป็น
00:03:29 → 00:03:31 ฮอร์โมนเพศไปจนถึงฮอร์โมนที่ควบคุมอารมณ์
00:03:31 → 00:03:36 ของเรานี่แหละครับคือวงจรการขโมยที่เกิด
00:03:36 → 00:03:40 ขึ้นภายในร่างกายของเราสเต็ปแรกเลยร่าง
00:03:40 → 00:03:44 กายขาดคอร์ติซอลแล้วไปต่อไม่ได้สเต็ปที่ 2
00:03:44 → 00:03:47 เพื่อเอาตัวรอดร่างกายก็เลยต้องไปดึงไป
00:03:47 → 00:03:50 ขโมยเจ้า Dhea กับPRกนโนโลนเนี่ยมาใช้
00:03:50 → 00:03:53 สร้างคอรisิซอลแกนแล้วผลกระทบที่ตามมาคือ
00:03:53 → 00:03:55 อะไรครับก็คือวัตถุดิบที่จะเอาไปสร้าง
00:03:55 → 00:03:58 ฮอร์โมนเพศสำคัญๆคัญไม่ว่าจะเป็น
00:03:58 → 00:04:01 เทสโทสเตโรนเอสโตรเจนมันก็เลยหมดเกลี้ยง
00:04:01 → 00:04:04 ไปด้วยและสุดท้ายระบบฮอร์โมนทั้งหมดก็เลย
00:04:04 → 00:04:08 เสียสมดุลไปหมดเลยครับพอวิกฤตฮอร์โมนมัน
00:04:08 → 00:04:11 เกิดขึ้นข้างในแล้วเนี่ยมันก็จะเริ่มส่ง
00:04:11 → 00:04:14 สัญญาณออกมาให้เราเห็นภายนอกผ่านอาการทาง
00:04:14 → 00:04:17 ร่างกายต่างๆที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆค่ะ
00:04:17 → 00:04:20 สัญญาณเตือนพวกเนี้ยสังเกตได้ไม่ยากเลย
00:04:20 → 00:04:23 ครับตั้งแต่อาการที่แบบกินไม่หยุดเพื่อ
00:04:23 → 00:04:26 แก้เครียดน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแบบผิดปกติ
00:04:26 → 00:04:28 โดยเฉพาะช่วงกลางลำตัวหรือพุงเนี่ยแหละ
00:04:28 → 00:04:31 ครับไปจนถึงการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อหรือ
00:04:31 → 00:04:34 แม้กระทั่งลักษณะใบนาคที่บวมกลมขึ้นที่
00:04:34 → 00:04:36 เราเรียกว่า Moon Face เรื่องพวกนี้ไม่
00:04:36 → 00:04:38 ใช่เรื่องบังเอิญนะครับแต่มันเป็นผลโดย
00:04:38 → 00:04:40 ตรงจากระบบฮอร์โมนที่กำลังพังทลายอยู่
00:04:40 → 00:04:45 ข้างในเอาล่ะครับพอเรารู้ถึงปัญหาแล้ว
00:04:45 → 00:04:48 ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดในการรับมือก็
00:04:48 → 00:04:51 คือการหันมาสนใจและตระหนักรู้ถึงสิ่งที่
00:04:51 → 00:04:54 กำลังเกิดขึ้นกับร่างกายของเราเองและ
00:04:54 → 00:04:57 กุญแจสำคัญเลยนะครับที่จะช่วยให้เราหลีก
00:04:57 → 00:04:59 เลี่ยงวิกฤตครั้งใหญ่นี้ได้เนี่ยไม่ใช่
00:04:59 → 00:05:02 การรอให้ป่วยก่อนแต่คือการลงมือตรวจสอบ
00:05:02 → 00:05:04 เพื่อทำความเข้าใจร่างกายของตัวเองตั้ง
00:05:04 → 00:05:07 แต่เนิ่นๆครับรู้ไหมครับว่าการตรวจเลือด
00:05:07 → 00:05:10 ง่ายๆเนี่ยสามารถให้คำตอบกับเราได้เยอะ
00:05:10 → 00:05:12 มากเลยนะไม่ว่าจะเป็นระดับคอร์ติซอลของ
00:05:13 → 00:05:15 เรามันกำลังพุ่งสูงอยู่หรือว่ามันดิ่งลง
00:05:15 → 00:05:18 ต่ำไปแล้วความสมดุลของฮอร์โมนต่างๆเป็น
00:05:18 → 00:05:21 ยังไงและที่สำคัญคือความเครียดที่เรา
00:05:21 → 00:05:23 เผชิญอยู่ทุกวันเนี้ยมันอาจจะเป็นต้นตอ
00:05:23 → 00:05:25 ของปัญหาทั้งหมดนี้หรือเปล่า
00:05:25 → 00:05:29 สุดท้ายนี้อยากให้ลองกลับไปถามตัวเองดูนะ
00:05:29 → 00:05:32 ครับว่าความรู้สึกเหนื่อยล้าที่เราเป็น
00:05:32 → 00:05:35 อยู่ทุกวันนี้เนี่ยมันเป็นแค่ความเหนื่อย
00:05:35 → 00:05:38 ธรรมดาๆดาหรือจริงๆแล้วมันคือสัญญาณว่า
00:05:38 → 00:05:42 ร่างกายกำลังต้องขโมยทรัพยากรในอนาคตมา
00:05:42 → 00:05:45 ใช้เพื่อให้ตัวเองผ่านพลความเครียดในวัน
00:05:45 → 00:05:49 นี้ไปให้ได้กันแน่
00:05:49 → 00:05:51 >> สวัสดีครับยินดีต้อนรับสู่การคุยเจาะลึก
00:05:51 → 00:05:54 กันอีกครั้งนะครับวันนี้เราจะมาคุยเรื่อง
00:05:54 → 00:05:58 ที่เอ่อหลายคนน่าจะคุ้นๆแต่ไม่รู้ว่าข้าง
00:05:58 → 00:06:01 ในมันเป็นยังไงจริงๆก็คือเรื่องความ
00:06:01 → 00:06:04 เครียดครับแต่ไม่ใช่ความเครียดแป๊บนะครับ
00:06:04 → 00:06:07 เป็นแบบที่มันอยู่กับเรานานๆอ่าที่เรียก
00:06:08 → 00:06:11 ว่าความเครียดเรื้อรั่งเนี่ยมันส่งผลต่อ
00:06:11 → 00:06:13 ร่างกายเราลึกกว่าที่คิดเยอะเลยไม่ใช่แค่
00:06:13 → 00:06:16 เรื่องอารมณ์นะแต่มันไปเปลี่ยนเคมีในตัว
00:06:16 → 00:06:20 เราเลยโดยเฉพาะพวกฮอร์โมนนี่แหละครับข้อ
00:06:20 → 00:06:22 มูลที่เราจะคุยกันวันนี้ก็มาจากข้อความ
00:06:22 → 00:06:24 ที่อธิบายเรื่องเอ่อเอ่อความเครียดเรื้อ
00:06:24 → 00:06:27 รังกับภาวะที่เกี่ยวกับต่อมหมวกไตนะครับ
00:06:27 → 00:06:31 มันให้ภาพที่แบบเออน่าสนใจดีว่าร่างกาย
00:06:31 → 00:06:33 เราตอบสนองต่อแรงกดดันนานๆเนี่ยมันซับ
00:06:33 → 00:06:36 ซ้อนกว่าที่เราคิดเยอะเลยเป้าหมายวันนี้
00:06:36 → 00:06:39 ก็คืออยากทำความเข้าใจเส้นทางนี้นะครับ
00:06:39 → 00:06:41 ว่าจากจุดที่ร่างกายแค่พยายามแบบว่าปรับ
00:06:42 → 00:06:45 ตัวสู้ความเครียดมันกลายเป็นหมดไฟหรือล้า
00:06:45 → 00:06:48 ไปเลยได้ยังไงแล้วที่สำคัญคือไอ้ภาวะหมด
00:06:48 → 00:06:51 ไฟเนี่ยมันไม่ใช่แค่เหนื่อยๆนะแต่มันส่ง
00:06:51 → 00:06:54 ผลต่อกันไปแบบdomมิโนเลยใช่มั้ครับกับ
00:06:54 → 00:06:57 ฮอร์โมนอื่นๆทั่วร่างกายนะครับเอาล่ะครับ
00:06:57 → 00:07:00 เรามาลองแกะรอยเรื่องนี้กันเลยดีกว่าขอ
00:07:00 → 00:07:03 เริ่มตรงแรกสุดเลยนะครับเวลาเราเจออะไร
00:07:03 → 00:07:06 ที่มันเครียดกุ๊บเนี่ยร่างกายเราเหมือนมี
00:07:06 → 00:07:08 สวิตช์เปิดปั๊บเลยใช่มั้ครับมันเกิดอะไร
00:07:08 → 00:07:11 ขึ้นตอนแรกสุดเหมือนเตรียมตัวสู้เลย
00:07:11 → 00:07:14 >> ใช่เลยค่ะในระยะแรกหรือที่เราเรียกว่า
00:07:14 → 00:07:18 ระยะเฉือบพลันน่ะค่ะพอมีอะไรมากระตุ้น
00:07:18 → 00:07:20 ความเครียดปุ๊บไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่อง
00:07:20 → 00:07:23 เล็กนะคะร่างกายเราจะตอบสนองทันทีเลยกลไก
00:07:23 → 00:07:27 หลักๆก็คือสั่งให้ต่อมหมกไตอ่าต่อมเล็กๆ
00:07:27 → 00:07:30 ที่อยู่บนไตเราเนี่ยค่ะผลิตฮอร์โมนตัวนึง
00:07:30 → 00:07:32 ออกมาชื่อคอร์ติซอล
00:07:32 → 00:07:35 >> อ๋อคอร์ติซอลที่เขา้าเรียกกันว่าฮอร์โมน
00:07:35 → 00:07:37 ความเครียดนั่นเอง
00:07:37 → 00:07:40 >> ใช่ค่ะแต่จริงๆระยะสั้นๆมันมีประโยชน์นะ
00:07:40 → 00:07:43 คะมันช่วยเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้เรามีแรง
00:07:43 → 00:07:46 เพิ่มความดันเพิ่มสมาธิทำให้เราตื่นตัว
00:07:46 → 00:07:49 ตอบสนองไวขึ้นก็คือเตรียมร่างกายให้พร้อม
00:07:49 → 00:07:52 รับมือสถานการณ์ตรงหน้าค่ะไม่ว่าจะสู้
00:07:52 → 00:07:54 หรือจะหนีที่เรียกว่า Fight of Flight
00:07:54 → 00:07:58 เนี่ยค่ะแต่ที่น่าสนใจคือร่างกายเราถูก
00:07:58 → 00:08:00 สร้างมาให้รับมือความเครียดแบบมาเร็วไป
00:08:00 → 00:08:03 เร็วจบเป็นเรื่องๆไปนะคะเช่นเจออันตราย
00:08:03 → 00:08:06 หรือสถานการณ์กดดันสั้นๆมันไม่ได้ออกแบบ
00:08:06 → 00:08:09 มาให้เริ่งเครื่องตลอดเวลาร่างกายก็คาด
00:08:09 → 00:08:12 ว่าพอเรื่องเครียดจบไปคอร์ทิซอก็จะลงลา
00:08:12 → 00:08:16 ปกติระบบก็จะผ่อนคลายค่ะเพราะฉะนั้นถ้า
00:08:16 → 00:08:17 เราไปตรวจเลือดตอนที่เพิ่งเจอเรื่อง
00:08:17 → 00:08:20 เครียดมาหรือกำลังลุยงานหนักๆอยู่เนี่ยก็
00:08:20 → 00:08:23 อาจจะเจอว่าคอร์ติซอลสูงก็ปกติได้ค่ะซึ่ง
00:08:23 → 00:08:25 ก็แปลว่าร่างกายกำลังปรับตัวกำลังสู้กับ
00:08:25 → 00:08:28 มันอยู่ซึ่งระยะสั้นๆมันก็เป็นการปรับตัว
00:08:28 → 00:08:29 ที่จำเป็นนะคะ
00:08:29 → 00:08:32 >> เข้าใจเลยครับเหมือนเปิดโหมดสู้เต็มที่
00:08:32 → 00:08:36 ให้ผ่านวิกฤตเฉพาะหน้าไปก่อนแต่ตรงนี้
00:08:36 → 00:08:40 แหละครับที่น่าคิดต่อแล้วถ้าสึกนั้นมัน
00:08:40 → 00:08:43 ไม่จบง่ายๆล่ะครับความเครียดเรื่องงานที่
00:08:43 → 00:08:47 ไม่หายไปปัญหาเรื้อรังที่บ้านหรือความ
00:08:47 → 00:08:51 กังวลที่อยู่กับเราเป็นเดือนๆเป็นปีร่าง
00:08:51 → 00:08:54 กายจะยังเปิดบูสแบบนั้นไปเรื่อยๆไหวหรอ
00:08:54 → 00:08:57 ครับเหมือนขับรถเหยียบคันเร่งค้างไว้ตลอด
00:08:57 → 00:09:00 เวลาหรือเปล่าจุดนี้ใช่มั้ครับที่มันจะนำ
00:09:00 → 00:09:04 ไปสู่ภาวะที่เรียกว่าหมดไฟหรือ burn out
00:09:04 → 00:09:05 ที่เราได้ยินบ่อยๆ
00:09:05 → 00:09:08 >> เลยนะคะพอความเครียดมันไม่หายไปมันอยู่
00:09:09 → 00:09:11 ต่อเนื่องร่างกายที่เคยเร่งเครื่องตลอด
00:09:11 → 00:09:14 มันก็เริ่มล้าค่ะเหมือนเครื่องยนต์ที่ทำ
00:09:14 → 00:09:16 งานหนักไปไม่ได้พักมันก็จะค่อยๆเข้าสู่
00:09:16 → 00:09:20 ระยะที่ 2 หรือภาวะหมดไฟ burn out faceส
00:09:20 → 00:09:22 หรือบางทีก็เรียกว่าภาวะต่อมหมวกไตล้า
00:09:22 → 00:09:25 Adrenรฟน่ะค่ะถึงคำหลังนี่อาจจะยังคุยกัน
00:09:25 → 00:09:28 อยู่บ้างในวงการแพทย์แต่คอนเซปตหลักๆก็
00:09:28 → 00:09:30 คือระบบตอบสนองความเครียดมันเริ่มเพี้ยน
00:09:30 → 00:09:33 เพราะความล้าสะสมนี่แหละค่ะในระยะนี้นะคะ
00:09:33 → 00:09:36 สิ่งที่เกิดขึ้นมันกลับกันกับระยะแรกเลย
00:09:36 → 00:09:39 แทนที่คอลิโซลจะสูงร่างกายกลับเริ่มผลิต
00:09:39 → 00:09:40 คอลิโซลได้น้อยลงเรื่อยๆ
00:09:40 → 00:09:42 >> อ้าวทำไมล่ะครับ
00:09:42 → 00:09:45 >> ก็เพราะว่าวัตถุดิบน่ะค่ะหรือสารตั้งต้น
00:09:45 → 00:09:48 ที่ต้องใช้สร้างคอรีซอลมันเริ่มหมดเริ่ม
00:09:48 → 00:09:52 น้อยลงต่อมหมวกไตที่ทำงานหนักมาตลอดก็
00:09:52 → 00:09:55 เริ่มล้าผลิตไม่ทันหรือผลิตได้ไม่พอแล้ว
00:09:55 → 00:09:59 ค่ะผลก็คือระดับคอร์ติโซอลในเลือดหรือ
00:09:59 → 00:10:01 เดี๋ยวนี้เขานิยมตรวจในน้ำลายตามช่วงเวลา
00:10:01 → 00:10:05 ของวันมันจะต่ำกว่าที่ควรจะเป็นโดยเฉพาะ
00:10:05 → 00:10:08 ตอนเช้าที่ปกติคอร์ติซอลควรจะพุ่งสูงสุด
00:10:08 → 00:10:11 เพื่อให้เราตื่นตัวแต่คนที่มีภาวะนี้กราฟ
00:10:11 → 00:10:15 อาจจะออกมาแบบแบนๆเลยค่ะแฟลช curve คือ
00:10:15 → 00:10:16 ต่ำตลอดวัน
00:10:16 → 00:10:18 >> โหกราฟแบนราบเลยหรอครับ
00:10:18 → 00:10:21 >> ใช่ค่ะแทบไม่เปลี่ยนเลยนี่เป็นสัญญาณชัด
00:10:21 → 00:10:24 เลยว่าระบบจัดการความเครียดกำลังมีปัญหา
00:10:24 → 00:10:27 หนักแล้วแล้วมันก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพโดย
00:10:27 → 00:10:30 รวมจริงๆไม่ใช่แค่รู้สึกเหนื่อยแต่มันคือ
00:10:30 → 00:10:33 เคมีในร่างกายที่ผิดปกติไปแล้วค่ะ
00:10:33 → 00:10:36 >> โหฟังดูน่ากังวลมากนะครับจากที่เคยผลิต
00:10:36 → 00:10:39 เยอะกลายเป็นผลิตแทบไม่ได้แล้วพอร่างกาย
00:10:39 → 00:10:42 สร้างคอ์ติไม่พอแบบเนี้ยมันมีแผนสำรองมั้
00:10:42 → 00:10:46 ครับหรือมันจะยอมแพ้ปล่อยเลยแล้วไอ้วัตถุ
00:10:46 → 00:10:49 ดิบที่ว่าขาดไปเนี่ยมันคืออะไรกันแน่ครับ
00:10:49 → 00:10:50 พอจะอธิบายเพิ่มได้มั้ยครับ
00:10:50 → 00:10:53 >> ตั้งต้นหรือ precursor steel
00:10:53 → 00:10:56 >> precursor steel การขโมยสารตั้งต้น
00:10:56 → 00:10:59 >> คล้ายๆอย่างนั้นเลยค่ะทีนี้วัตถุดิบที่
00:10:59 → 00:11:02 ว่านะคะสารตั้งต้นหลักๆที่ใช้สร้างคอร์ติ
00:11:02 → 00:11:04 แล้วก็ฮอร์โมนสเตรอยด์อื่นๆด้วยเนี่ยมี
00:11:04 → 00:11:08 ตัวสำคัญอยู่ 2 ตัวคือprกนิโลนprกนิโลน
00:11:08 → 00:11:10 กับ dhea ค่ะลองนิภาพว่า 2 ตัวนี้เป็น
00:11:11 → 00:11:13 เหมือนต้นน้ำหรือแม่ของฮอร์โมน
00:11:13 → 00:11:15 มาสตฮอร์โมนเลยก็ได้ค่ะเป็นวัตถุดิบหลัก
00:11:15 → 00:11:17 ในโรงงานฮอร์โมนเรา
00:11:17 → 00:11:20 >> อ๋อเป็นตัวเริ่มต้นเลยแล้วมันจะพยายาม
00:11:20 → 00:11:23 เบี่ยงหรือแย่งเอา pregnantalon กับ dhea
00:11:23 → 00:11:26 ที่ปกติควรจะไหลไปสร้างฮอร์โมนตัวอื่นให้
00:11:26 → 00:11:29 หันกลับมาทางเส้นทางสร้างคอร์ติซอลให้มาก
00:11:29 → 00:11:31 ที่สุดเท่าที่จะทำได้เหมือนเป็นความ
00:11:31 → 00:11:33 พยายามเฮือกสุดท้ายเลยค่ะที่จะตอบสนอง
00:11:33 → 00:11:35 สัญญาณความเครียด
00:11:35 → 00:11:37 >> โหมันไปดึงมาจากทางอื่นเลยเหรอครับ
00:11:37 → 00:11:40 >> ใช่ค่ะปรากฏการณ์ precursor steel เนี่ย
00:11:40 → 00:11:43 แหละค่ะที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างเลยเพราะ
00:11:43 → 00:11:45 อย่างที่บอก Pregnant alone กับ Dhea
00:11:45 → 00:11:48 ไม่ได้ใช้สร้างแค่คอติซอลแต่มันเป็นสาร
00:11:48 → 00:11:50 ตั้งต้นของฮอร์โมนเพศที่สำคัญมากๆด้วย
00:11:50 → 00:11:51 ทั้งเทสโทสเตอโรน
00:11:51 → 00:11:53 >> เทสโทสเตอโรน
00:11:53 → 00:11:55 >> ที่สำคัญทั้งชายหญิงนั่นนะครับถูกต้องค่ะ
00:11:55 → 00:11:58 แล้วก็เอสโตรเจนโปรเตสเตอโรนในผู้หญิง
00:11:58 → 00:12:00 ด้วยนอกจากนี้ก็ยังเป็นสารตั้งต้นฮอร์โมน
00:12:00 → 00:12:04 อื่นๆที่คุมสมดุลเกลือแร่น้ำตาลอีกค่ะดัง
00:12:05 → 00:12:07 นั้นผลสุดท้ายของภาวะเครียดเรื้อรังที่
00:12:07 → 00:12:11 เข้าสู่ระยะหมดไฟจึงไม่ใช่แค่คอร์ติต่ำลง
00:12:11 → 00:12:15 แต่การที่prกโรนกับ dhea ถูกขโมยไปใช้
00:12:15 → 00:12:18 เพื่อพยายามสร้างคอร์ติซอลจนแบบแทบไม่
00:12:18 → 00:12:18 เหลือ
00:12:18 → 00:12:21 ก็ทำให้ร่างกายขาดวัตถุดิบสร้างฮอร์โมน
00:12:21 → 00:12:24 เพศและฮอร์โมนสำคัญอื่นๆไปด้วยระดับ
00:12:24 → 00:12:26 ฮอร์โมนพวกนั้นก็จะต่ำลงตามไปด้วยเกิด
00:12:26 → 00:12:29 เป็นภาวะเสียสมดุลของฮอร์โมนทั้งระบบเลย
00:12:29 → 00:12:29 ค่ะ
00:12:29 → 00:12:32 >> โอ้โหกระทบเป็นลูกโซ่เลยนะครับเนี่ย
00:12:32 → 00:12:35 >> ใช่ค่ะมันส่งผลต่อการทำงานของร่างกายแทบ
00:12:35 → 00:12:38 ทุกส่วนเลยตั้งแต่อารมณ์พลังงานการเผ่า
00:12:38 → 00:12:41 ผลาญระบบสึกพันธุ์ภูมิคุ้มกันมันโยงกันไป
00:12:41 → 00:12:43 หมดเลยค่ะซับซ้อนมาก
00:12:43 → 00:12:46 >> โอ้โหชัดเจนเลยครับมันเหมือนกับว่าพอส่วน
00:12:46 → 00:12:50 นึงขาดหนักร่างกายก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
00:12:50 → 00:12:52 ด้วยการไปดึงทรัพยากรจากส่วนอื่นที่ก็
00:12:52 → 00:12:56 สำคัญเหมือนกันมาใช้กลายเป็นส่วนอื่นๆก็
00:12:56 → 00:12:59 ขาดตามไปด้วยเป็นปัญหาวนไปเรื่อยๆเลยและ
00:12:59 → 00:13:02 ผลกระทบทั้งหมดนี้ในแง่ของอาการหรือ
00:13:02 → 00:13:04 สัญญาณที่เราพอจะเห็นได้ในชีวิตประจำวัน
00:13:04 → 00:13:07 ล่ะครับมีอะไรบ้างที่บอกว่าเอ๊ะร่างกาย
00:13:07 → 00:13:10 กำลังเจอภาวะเสียสมดุลที่ซับซ้อนแบบนี้
00:13:10 → 00:13:11 อยู่
00:13:11 → 00:13:14 >> ใช่ค่ะการเสียสมดุลของฮอร์โมนทั้งระบบ
00:13:14 → 00:13:17 เนี้ยจะเริ่มแสดงอาการออกมาให้เห็นชัด
00:13:17 → 00:13:19 ขึ้นในระยะหมดไฟนี้นะคะอาจจะต่างกันไป
00:13:19 → 00:13:22 บ้างในแต่ละคนแต่ก็มีอาการที่พบบ่อยๆที่
00:13:22 → 00:13:26 น่าสังเกตค่ะเช่น 1 คือความอยากอาหารที่
00:13:26 → 00:13:30 ผิดปกติอาจจะอยากกินของหวานๆเค็มๆตลอด
00:13:30 → 00:13:33 เวลาหรือมีอาการแบบกินตามอารมณ์อ่ะค่ะ
00:13:33 → 00:13:36 >> อ๋อ Stress eating ที่ว่ากัน
00:13:36 → 00:13:39 >> ใช่ค่ะกินจุกจิบไม่หยุดนี่เป็นสัญญาณว่า
00:13:39 → 00:13:42 ร่างกายกำลังพยายามหาน้ำตาลหรือเกลือแร่
00:13:42 → 00:13:45 มาทดแทนหรือใช้การกินเพื่อปลอบใจตัวเอง
00:13:45 → 00:13:47 เป็นกลไกชดเชิญเคยที่ไม่ค่อยได้ผลเท่า
00:13:48 → 00:13:51 ไหร่ค่ะ 2 คือน้ำหนักตัวที่เปลี่ยนไปที่
00:13:51 → 00:13:54 เจอบ่อยคือน้ำหนักขึ้นโดยเฉพาะตรงกลางลำ
00:13:54 → 00:13:56 ตัวรอบเอว
00:13:56 → 00:13:57 >> อ้วนลงพุง
00:13:57 → 00:13:59 >> ประมาณนั้นค่ะทั้งที่อาจจะไม่ได้กินเยอะ
00:13:59 → 00:14:02 ขึ้นหรือออกกำลังกายเท่าเดิมอันนี้อาจจะ
00:14:02 → 00:14:06 เกี่ยวกับคอร์ดิซอลถึงแม้จะต่ำโดยรวมที่
00:14:06 → 00:14:09 มันมีผลต่อการสะสมไขมันการตอบสนอง
00:14:09 → 00:14:12 อินซูลินในบางรายที่มันเพี้ยนมากๆอาจจะมี
00:14:12 → 00:14:15 ลักษณะใบหน้ากลมอูมคล้ายพระจันทร์ moon
00:14:15 → 00:14:19 เฟซหรือมีไขมันพอกที่คอบัฟฟาโลัซึ่ง
00:14:19 → 00:14:21 อันเนี้เป็นสัญญาณที่รุนแรงขึ้นค่ะ
00:14:21 → 00:14:24 >> โหมีแบบนั้นด้วย
00:14:24 → 00:14:27 >> ค่ะแล้วก็ 3 คือสูญเสียมวลกล้ามเนื้อแล้ว
00:14:27 → 00:14:31 ก็อ่อนแรงในภาวะเครียดนานๆร่างกายอาจจะ
00:14:31 → 00:14:34 เริ่มสลายโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้เป็น
00:14:34 → 00:14:37 พลังงานทำให้กล้ามเนื้อฝ่อลงรู้สึกไม่มี
00:14:37 → 00:14:39 แรงฟื้นตัวช้าหลังออกกำลังกาย
00:14:39 → 00:14:42 >> เหมือนร่างกายมันกินตัวเองเลยนะครับ
00:14:42 → 00:14:45 >> คล้ายๆแบบนั้นค่ะพยายามหาพลังงานมาทดแทน
00:14:45 → 00:14:48 ในภาวะที่ระบบปกติมันรวนไปแล้วนอกจากนี้
00:14:48 → 00:14:51 ก็ยังมีอาการอื่นๆอีกเยอะเลยค่ะที่เชื่อม
00:14:51 → 00:14:54 โยงได้เช่นเหนื่อยล้าอ่อนเพลียตลอดเวลา
00:14:54 → 00:14:57 แม้จะพักแล้วโดยเฉพาะตอนเช้าจะลุกยากมาก
00:14:57 → 00:15:00 นอนไม่หลับหลับไม่สนิทเวียนหัวหน้ามืด
00:15:00 → 00:15:01 ง่ายๆเวลาเปลี่ยนท่า
00:15:02 → 00:15:04 >> อ่าอันนี้หลายคนน่าจะเป็น
00:15:04 → 00:15:07 >> ค่ะความต้องการทางเพศลดลงประจำเดินผิด
00:15:07 → 00:15:10 ปกติในผู้หญิงอารมณ์แปรปรวนหงุดหงิดง่าย
00:15:10 → 00:15:13 ซึมเศร้าป่วยบ่อยขึ้นเพราะภูมิคุ้มกันก็
00:15:13 → 00:15:16 ตกลงไปด้วยอาการพวกนี้มันสะท้อนความ
00:15:16 → 00:15:19 พยายามที่เอ่อไม่ค่อยได้ผลของร่างกายใน
00:15:19 → 00:15:22 การปรับตัวกับภาวะขาดสมดุลพลังงานที่เกิด
00:15:22 → 00:15:24 จากความเครียดสะสมอ่ะค่ะเหมือนสัญญาณ
00:15:24 → 00:15:27 เตือนภัยที่ดังขึ้นเรื่อยๆว่าข้างในมัน
00:15:27 → 00:15:29 กำลังทำงานผิดปกติหนักแล้ว
00:15:29 → 00:15:32 >> ฟังดูแล้วเป็นกลุ่มอาการที่กระทบชีวิตมาก
00:15:32 → 00:15:36 ๆเลยนะครับแล้วจากข้อมูลที่เรามีมีคำแนะ
00:15:36 → 00:15:39 นำสำหรับคนที่เริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจจะ
00:15:39 → 00:15:42 กำลังเป็นแบบนี้มั้ครับมีทางที่เราจะเช็ค
00:15:42 → 00:15:44 หรือป้องกันก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้มั้
00:15:44 → 00:15:44 ครับ
00:15:44 → 00:15:47 >> มีคำแนะนำที่สำคัญมากค่ะแล้วข้อมูลก็เน้น
00:15:47 → 00:15:50 ย้ำเรื่องนี้คือการตระหนักรู้แล้วก็การ
00:15:50 → 00:15:52 ตรวจเช็คแต่เนิ่นๆค่ะสำหรับใครก็ตามที่
00:15:53 → 00:15:55 รู้สึกว่าตัวเองเครียดสูงติดต่อกันนานๆ
00:15:55 → 00:15:58 หรือเริ่มสังเกตเห็นอาการต่างๆที่เราคุย
00:15:58 → 00:16:01 กันไปไม่ควรนิ่งนอนใจนะคะการไปปรึกษา
00:16:01 → 00:16:03 แพทย์ผู้เชี่ยวชประเมินอาการตรวจร่างกาย
00:16:03 → 00:16:06 อย่างละเอียดโดยเฉพาะการตรวจเลือดหรือน้ำ
00:16:06 → 00:16:08 ลายดูระดับฮอร์โมนต่างๆนี้สำคัญมากค่ะ
00:16:08 → 00:16:10 >> ต้องตรวจอะไรบ้างครับพอจะยกตัวอย่างได้
00:16:11 → 00:16:11 มั้ย
00:16:11 → 00:16:14 >> การตรวจที่นิยมทำกันเพื่อดูภาวะนี้นะคะก็
00:16:14 → 00:16:17 เช่นการตรวจวัดระดับคอร์ติในน้ำลาย 4
00:16:17 → 00:16:20 ครั้งต่อวันอันนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมการ
00:16:20 → 00:16:23 ทำงานของต่อมหมกใต้ทั้งวันเลยว่ากราฟมัน
00:16:23 → 00:16:27 เป็นยังไงสูงต่ำตามเวลาที่ควรมยหรือว่า
00:16:27 → 00:16:28 แบนราบอย่างที่บอกไป
00:16:28 → 00:16:30 >> อ๋อดูเป็นกราฟเลย
00:16:31 → 00:16:34 >> ใช่ค่ะแล้วก็การตรวจเลือดเพื่อดูระดับ
00:16:34 → 00:16:37 Dhees อันนี้เป็นรูปแบบ DHE ที่คงที่ใน
00:16:37 → 00:16:41 เลือดพริกnาโนโลนฮอร์โมนเพศต่างๆอาจจะรวม
00:16:41 → 00:16:44 ถึงฮอร์โมนไทรอยด์ระดับน้ำตาลอินอินซูลิน
00:16:44 → 00:16:47 ด้วยเพราะระบบพวกนี้มันโยงกันหมดแล้วก็
00:16:47 → 00:16:50 มักจะกระทบไปด้วยกันค่ะการรู้ข้อมูลพวก
00:16:50 → 00:16:52 นี้ตั้งแต่เนิ่นๆที่เริ่มมีความผิดปกติจะ
00:16:52 → 00:16:55 ช่วยให้เรากับคุณหมอวางแผนรับมือได้เหมาะ
00:16:55 → 00:16:58 สมไม่ว่าจะเป็นการปรับไลฟ์สไตล์จริงๆจังๆ
00:16:58 → 00:17:01 เช่นจัดการความเครียดให้ดีขึ้นหาวิธีผ่อน
00:17:01 → 00:17:03 คลายนอนให้พอออกกำลังกายที่เหมาะปรับ
00:17:04 → 00:17:06 เรื่องอาหารการกินเพื่อช่วยการทำงานของ
00:17:06 → 00:17:08 ต่อมหมกไตและฮอร์โมนหรือบางทีอาจจะต้องมี
00:17:08 → 00:17:11 การรักษาทางการแพทย์เพิ่มเติมทั้งหมดนี้
00:17:11 → 00:17:13 ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายมันดิ่งไปสู่
00:17:13 → 00:17:16 ภาวะว่าหมดไฟเต็มตัวซึ่งมันจะฟื้นฟูยาก
00:17:16 → 00:17:19 กว่าใช้เวลานานกว่ามากค่ะการป้องกันย่อม
00:17:19 → 00:17:20 ดีกว่าแก้ไขเสมอนะคะ
00:17:20 → 00:17:24 >> ชัดเจนมากครับสรุปแล้วเส้นทางของผลกระทบ
00:17:24 → 00:17:27 จากความเครียดเรื้อรังนี้มันซับซ้อนจริงๆ
00:17:27 → 00:17:29 นะครับเริ่มจากตอบสนองที่เหมือนจะดีใน
00:17:29 → 00:17:33 ระยะสั้นคือเพิ่มคอติซอลสู้ศึกแต่พอศึก
00:17:33 → 00:17:37 นานร่างกายก็ค่อยๆล้าลงทรัพยากรก็หมดจน
00:17:37 → 00:17:41 เข้าสู่ภาวะหมดไฟที่ผลิตคอร์ติได้น้อยลง
00:17:41 → 00:17:43 แล้วยังต้องไปแย่งวัตถุดิบมาจากทาง
00:17:43 → 00:17:46 ฮอร์โมนสำคัญอื่นๆอีกอย่างฮอร์โมนเพศทำ
00:17:46 → 00:17:49 ให้เสียสมดุลไปทั้งระบบเลยซึ่งก็แสดงออก
00:17:49 → 00:17:52 มาเป็นอาการน่ากังวลต่างๆที่เราคุยกันไป
00:17:52 → 00:17:55 ตั้งแต่เรื่องกินน้ำหนักกล้ามเนื้อไปจน
00:17:55 → 00:17:56 ถึงอารมณ์พลังงานเลยนะครับ
00:17:57 → 00:17:59 >> ถูกต้องค่ะประเด็นสำคัญที่สัที่อยากจะย้ำ
00:17:59 → 00:18:02 จากข้อมูลที่เราคุยกันนะคะก็คือความ
00:18:02 → 00:18:04 เครียดเรื้อรังมันไม่ใช่แค่เรื่องของใจ
00:18:04 → 00:18:07 หรือความรู้สึกอย่างเดียวแต่มันคือการ
00:18:07 → 00:18:10 เปลี่ยนแปลงทางกายภาพและชีวเคมีที่เกิด
00:18:10 → 00:18:13 ขึ้นจริงในร่างกายเรามันส่งผลกระทบแบบจับ
00:18:13 → 00:18:16 ต้องได้วัดผลได้ต่อการทำงานของระบบ
00:18:16 → 00:18:18 ฮอร์โมนซึ่งเหมือนเป็นระบบควบคุมหลักของ
00:18:18 → 00:18:21 ร่างกายเลยถ้าเรามองในภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น
00:18:21 → 00:18:24 จะเห็นเลยว่าความเครียดนานๆเนี่ยสามารถทำ
00:18:24 → 00:18:27 ให้กลไกที่มันละเอียดอ่อนมากๆนี้รวนไปได้
00:18:27 → 00:18:30 ทั้งระบบแล้วก็ส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้
00:18:30 → 00:18:33 มากจริงๆค่ะการเข้าใจกลไกนี้จึงสำคัญมาก
00:18:33 → 00:18:35 ในการดูแลสุขภาพองค์รวมของเรานะคะ
00:18:35 → 00:18:38 >> ข้อมูลที่ทำให้เราต้องหันกลับมาใส่ใจ
00:18:38 → 00:18:40 เรื่องจัดการความเครียดในชีวิตประจำวัน
00:18:40 → 00:18:44 อย่างจริงจังเลยนะครับสุดท้ายนี้ก่อนจะ
00:18:44 → 00:18:46 จากกันอยากจะทิ้งท้ายด้วยคำถามชวนคิดต่อ
00:18:46 → 00:18:49 นิดนึงครับจากการได้เห็นความเชื่อมโยงที่
00:18:49 → 00:18:52 มันซับซ้อนของระบบฮอร์โมนที่โดนกระทบจาก
00:18:52 → 00:18:54 ความเครดเรื้อรังโดยเฉพาะไอ้กลไก
00:18:54 → 00:18:57 precursอร steel ที่ไปดึงทรัพยากรมาใช้
00:18:57 → 00:19:00 ผิดที่ผิดทางเนี่ยมันเป็นไปได้ไหมครับว่า
00:19:00 → 00:19:02 อาจจะมีกระบวนการทางสุขภาพอื่นๆอีกที่มัน
00:19:02 → 00:19:05 โดนรบกวนแบบเงียบๆจากความเครียดเรื้อรัง
00:19:05 → 00:19:07 ก่อนที่อาการคลาสสิคของภาวะหมดไฟอย่าง
00:19:07 → 00:19:11 อ่อนเพียหรือน้ำหนักขึ้นมันจะโผล่มาชัดๆ
00:19:11 → 00:19:13 อาจอาจจะเป็นผลกระทบในระบบที่เราอาจจะไม่
00:19:13 → 00:19:15 เคยนึกเชื่อมโยงกับความเครียดโดยตรงเช่น
00:19:15 → 00:19:18 สุขภาพลำไส้การทำงานของภูมิคุ้มกันในราย
00:19:18 → 00:19:21 ละเอียดหรือแม้จะประสิทธิภาพสมองในบังได้
00:19:21 → 00:19:24 ลองเก็บคำถามนี้ไปคิดกันดูเล่นๆนะครับว่า
00:19:24 → 00:19:26 ความเครียดอาจจะส่งผลกับเราในมิติที่ลิก
00:19:27 → 00:19:29 กว่าที่เราเคยเข้าใจหรือเปล่าครับ
00:19:29 → 00:19:47 [เพลง]