00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice มนุษย์เราเนี่ยเป็นสัตว์สังคม
00:00:08 → 00:00:10 อิทธิพลของคนรอบข้างหรือความรู้สึกของคน
00:00:10 → 00:00:13 รอบข้างหรือการให้ค่าของคนรอบข้างเนี่ย
00:00:13 → 00:00:16 ค่ะมีผลกับเราค่อนข้างมากนะคะเพราะฉะนั้น
00:00:17 → 00:00:19 สาเหตุของการน้อยใจเนี่ยมันก็เลยขึ้นอยู่
00:00:19 → 00:00:22 กับการดำเนินชีวิตของเราเนี่ยที่เราปกติ
00:00:22 → 00:00:24 เนี่ยเราต้องการเป็นที่รักมันมักจะเกิด
00:00:24 → 00:00:27 กับบุคคลสำคัญในชีวิตเราที่เราให้ความ
00:00:27 → 00:00:29 สำคัญน่ะอารมณ์เนี้ยมันต้องบอกว่ามันเกิด
00:00:29 → 00:00:32 ได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัยด้วยทุกชาติทุก
00:00:32 → 00:00:35 ภาษาเลยในโลกเนี้ยเป็นเหมือนกันหมดตราบใด
00:00:35 → 00:00:38 ที่คนๆนั้นไม่ได้อยู่คน
00:00:38 → 00:00:42 เดียวฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทย
00:00:42 → 00:00:46 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:46 → 00:00:50 ค่ะ This Is Toy PBS podcast เอาล่ะ
00:00:50 → 00:00:52 ค่ะคุณผู้ฟังคะวันนี้เรามาติดตามอีก
00:00:52 → 00:00:56 เรื่องนึงที่น่าสนใจนะคะว่าทำไมทำไมเรา
00:00:56 → 00:01:00 ถึงต้องมีอาการน้อยใจนะคะเออมีใครใครเป็น
00:01:00 → 00:01:03 บ้างนะคะน้อยใจเนี่ยมากบ้างน้อยบ้างแต่
00:01:03 → 00:01:05 มันก็คืออาการน้อยใจนั่นแหละนะคะแต่น้อย
00:01:05 → 00:01:08 ใจแบบไหนมันถึงอาจจะมีผลกระทบกับตัวเรา
00:01:08 → 00:01:10 และคนรอบข้างของเราได้ด้วยหรือเปล่า
00:01:10 → 00:01:12 เดี๋ยวคุยกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท
00:01:12 → 00:01:15 วิภาดิรสัมพันธ์ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัย
00:01:15 → 00:01:18 ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญ
00:01:18 → 00:01:20 ด้านความสัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะ
00:01:20 → 00:01:23 อาจารย์คะค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้
00:01:23 → 00:01:26 ฟังทุกท่านค่ะวันนี้พกเอาความน้อยใจมาคุย
00:01:26 → 00:01:28 กับ
00:01:28 → 00:01:31 อาจารย์ไม่ได้น้อยใจอาจารย์อะไรนะคะแต่
00:01:31 → 00:01:34 ว่าคุยกันเรื่องของความน้อยใจความรู้สึก
00:01:34 → 00:01:38 นะคะที่ใครหลายๆคนเป็นบางทีลูกน้อยใจพ่อ
00:01:38 → 00:01:41 กับแม่พ่อน้อยใจลูกก็มีนะก็คือเป็นเรื่อง
00:01:41 → 00:01:44 ของความครอบครัวก็มีคนรักก็ยิ่งเยอะเลย
00:01:44 → 00:01:47 แหละใช่มั้ยคะเพื่อนกันก็อาจจะมีโมเมน
00:01:47 → 00:01:50 นั้นบ้างเราเป็นคนน้อยใจหรือเราเห็น
00:01:50 → 00:01:53 เพื่อนเราน้อยใจอือกับใครก็แล้วแต่มันก็
00:01:53 → 00:01:56 เออก็มีหลากหลายรูปแบบจริงๆเนาะแต่มันก็
00:01:56 → 00:01:59 เป็นอาการอย่างหนึ่งที่คนเราก็เป็นได้
00:01:59 → 00:02:02 เพราะมันเป็นค่ะค่ะมันเป็นอารมณ์หรือความ
00:02:02 → 00:02:05 รู้สึกมากกว่านะฮะก็คืออารมณ์น้อยใจเนี่ย
00:02:05 → 00:02:08 นะคะภาษาอังกฤษก็ใช้คำว่า hert นะฮะหรือ
00:02:08 → 00:02:11 ว่าเอ่ออาจจะใช้คำว่าแหม sensitive เหลือ
00:02:11 → 00:02:14 เกินกับคนนี้นะฮะผิวบางเหลือเกินในภาษา
00:02:14 → 00:02:17 สำนวนฝรั่งอ่ะนะฮะเพราะฉะนั้นอารมณ์เนี้ย
00:02:17 → 00:02:20 มันต้องบอกว่ามันเกิดได้กับทุกคนทุกเพศ
00:02:20 → 00:02:23 ทุกวัยด้วยทุกชาติทุกภาษาเลยในโลกเนี่ย
00:02:23 → 00:02:24 เป็นเหมือนกัน
00:02:24 → 00:02:28 หมดนะคะตราบใดที่คนๆนั้นไม่ได้อยู่คน
00:02:28 → 00:02:32 เดียวอ่าเห็นมั้ยคะนะวนเดียวไม่รู้จะไป
00:02:32 → 00:02:35 น้อยใจใครอ่าน้อยใจใครอ่ะต้นมงต้นไม้น้อย
00:02:35 → 00:02:39 ใจไม่ออกลูกให้ชันซักทีอะไรอย่าเงี้ยเออ
00:02:39 → 00:02:42 ก็ได้เนาเพราะฉะนั้นอย่างที่คุณสุรีพรบอก
00:02:42 → 00:02:45 เลยค่ะสังเกตดูนะคะว่ามันมักจะเกิดกับ
00:02:45 → 00:02:49 บุคคลสำคัญในชีวิตเราอือนะที่เราให้ความ
00:02:49 → 00:02:54 สำคัญน่ะเช่นพ่อแม่พี่น้องลูกหลานนะคะ
00:02:54 → 00:02:57 สามีภรรยาหรือคนที่คุ้นเคยกันมากๆเช่น
00:02:57 → 00:03:01 กลุ่มเพื่อนนะคะเพื่อนๆนักเรียนมาด้วยกัน
00:03:01 → 00:03:04 เพื่อนในที่ทำงานอืเจ้านายกับลูกน้องอะไร
00:03:04 → 00:03:07 อย่างเเป็นต้นนะฮะเพราะฉะนั้นสังคมเหล่า
00:03:07 → 00:03:10 เนี้ยมันเกิดขึ้นได้เพราะอะไรคะพูดง่ายๆ
00:03:11 → 00:03:14 ก็คือว่ามนุษย์เราเนี่ยเป็นสัตว์สังคมนะ
00:03:14 → 00:03:17 คะถูกมั้ยคะเพราะฉะนั้นเนี่ยอิทธิพลของคน
00:03:17 → 00:03:19 รอบข้างหรือความรู้สึกของคนรอบข้างหรือ
00:03:19 → 00:03:23 การให้ค่าของคนรอบข้างเนี่ยค่ะมีผลกับเรา
00:03:23 → 00:03:26 ค่อนข้างมากนะคะเพราะฉะนั้นสาเหตุของการ
00:03:26 → 00:03:28 น้อยใจเนี่ยมันก็เลยขึ้นอยู่กับการดำเนิน
00:03:28 → 00:03:31 ชีวิตของเราเนี่ยที่เราปกติเนี่ยการเรา
00:03:31 → 00:03:34 ต้องการเป็นที่รักนะฮะแหมอันนี้ใครเรียน
00:03:34 → 00:03:37 จิตวิทยาพื้นฐานมาต้องรู้จักมาสโลแน่นอน
00:03:37 → 00:03:40 นะคะว่าเราเนี่ยต้องการเป็นที่รักนะฮะ
00:03:40 → 00:03:43 เพราะฉะนั้นเนี่ยการเป็นที่รักหรือการได้
00:03:43 → 00:03:46 รับการยอมรับจากคนอื่นๆโดยเฉพาะคนใกล้ชิด
00:03:46 → 00:03:48 คนรอบข้างเนี่ยมันก็จะนำไปสู่ความรักความ
00:03:48 → 00:03:52 ชอบความพอใจความไม่พอใจนะฮะเมื่อผู้อื่น
00:03:52 → 00:03:55 เนี่ยเอ่อเรามเรามักจะคาดหวังอ่ะค่ะว่า
00:03:55 → 00:03:57 ให้ผู้อื่นเนี่ยเขาคต้องทำยังไงกับเรา
00:03:57 → 00:04:00 เพื่อแสดงความรักความพอใจหรือไม่พอใจอะไร
00:04:00 → 00:04:03 ต่างๆเหล่าเนี้ยนะฮะอย่างที่เราคาดหวัง
00:04:03 → 00:04:05 ค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อคนที่เขาไม่ได้
00:04:05 → 00:04:08 ทำตอย่างที่เราคาดหวังเนี่ยเราก็จะรู้สึก
00:04:08 → 00:04:13 ผิดหวังแล้วก็น้อยใจอนะฮะอเพราะฉะนั้นบาง
00:04:13 → 00:04:15 ทีเนี่ยเบื้องหลังของความน้อยใจเนี่ยมัน
00:04:15 → 00:04:17 ก็อาจจะมีความรู้สึกโกรธหรือความรู้สึก
00:04:17 → 00:04:21 เศร้าเข้ามานะฮะอนี้คนที่ทำแบบเนี้ยคุณ
00:04:21 → 00:04:24 สุรีพรว่ามันเป็นความรู้สึกบวกหรือลบคะค
00:04:24 → 00:04:27 รู้สึกคนที่ทำลบอยู่แล้วอ่าเพราะมันเป็น
00:04:27 → 00:04:30 ลบใช่มั้ยคะเพราะฉะนั้นความน้อยใจเถ้ามัน
00:04:30 → 00:04:33 มากๆๆๆเข้าจนมันเป็นนิสัยเนี่ยอันนี้ไม่
00:04:33 → 00:04:37 ดีเราควรจะแก้ไขนะฮะก็แก้ไขยังไงเดี๋ยวก็
00:04:37 → 00:04:40 ค่อยว่ากันนะคะค่ะทีนี้ยกตัวอย่างเช่นเอา
00:04:40 → 00:04:43 ใกล้ๆตัวเนี่ยพ่อแม่เนี่ยนะคะที่เราเจอ
00:04:43 → 00:04:46 บ่อยๆก็คือบางทีลูกเนี่ยมักจะน้อยใจพ่อ
00:04:46 → 00:04:49 แม่ว่าทำไมปฏิบัติกับลูกไม่เท่าเทียมกัน
00:04:49 → 00:04:52 หรือไม่เท่ากันนะคะมันก็นำไปสู่ความโกรธ
00:04:53 → 00:04:56 หรือความอิจฉาริษยาพี่น้องกันเองเจอบ่อย
00:04:56 → 00:04:59 มากนะฮะไอ้ที่มาฆ่ากันตายตอนโตเนี่ยมัน
00:04:59 → 00:05:03 สะสมความน้อยใจสะสมความโกรธความอิจฉาริยา
00:05:03 → 00:05:05 กันมาตั้งแต่เด็กมันต้องมีอะไรแน่ๆอยู่
00:05:05 → 00:05:06 แล้วใช่มั้ใช่ไม่ใช่ว่าลุกขึ้นมาฆ่ากัน
00:05:07 → 00:05:10 ตอนโตไม่ใช่มันสะสมนะฮะกับอีกอันนึงก็คือ
00:05:11 → 00:05:14 ออกมาในลักษณะของความเงียบอเก็บกดแล้วก็
00:05:14 → 00:05:17 เศร้าซึมเศร้านะคะกลายเป็นเด็กเงียบไปเลย
00:05:17 → 00:05:19 อะไรอย่างนี้เป็นต้นอันนี้แค่ตัวอย่างใน
00:05:19 → 00:05:22 ครอบครัวนะฮะเพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าการ
00:05:22 → 00:05:25 น้อยใจเี่มันก็ขึ้นกับคามคาดหวังของพวก
00:05:25 → 00:05:28 เรานี่แหละค่ะว่าเราคาดหวังอย่างไรนะคะ
00:05:28 → 00:05:33 เพราะฉะนั้นง่ายๆคุณสุรีพรอยากจะเ่อทำ
00:05:33 → 00:05:35 อะไรดีๆให้กับคนที่เราชื่นชอบเอาระหว่าง
00:05:35 → 00:05:38 สามีภรรยาแล้วกันนะภรรยาอุตส่าห์ไปเตรียม
00:05:38 → 00:05:42 อาหารอย่างดีอุตส่าห์ไปเรียนทำอะไรมาพอมา
00:05:42 → 00:05:46 เสิร์ฟสามีถามว่าอร่อยมั้ยคะพี่นะฮะสก็
00:05:46 → 00:05:48 คิดว่าจะออดีมากเลยน้องหรืออะไรอย่าง
00:05:48 → 00:05:52 เงี้ยนะคะแต่สามีก็อืก็ดีอะไรอย่างเงี้ย
00:05:52 → 00:05:55 เหมือนไม่ใส่ใจไม่อะไรเลยอ่ะเค้าก็น้อยใจ
00:05:55 → 00:05:58 อย่างนี้เป็นต้นนะคะเพราะคาดหวังว่าสามี
00:05:58 → 00:06:01 จะชื่นชมสามีจะรู้สึกถึงสิ่งที่เขาส่ง
00:06:01 → 00:06:04 สัญญาณไปว่านี่ฉันรักเธอนะแล้วก็ตอบมา
00:06:04 → 00:06:07 ด้วยความรู้สึกว่าผมก็รักคุณนะอะไรอย่าง
00:06:07 → 00:06:10 เงี้ยพอฟังๆแล้วมันกลายเป็นว่าสิ่งที่ทำ
00:06:10 → 00:06:13 ให้เกิดอาการน้อยใจอ่ะมันเพราะความคาด
00:06:13 → 00:06:17 หวังใช่ค่ะใช่ค่ะเลยเพราะฉะนั้นที่เราพูด
00:06:17 → 00:06:19 กันบ่อยๆไงว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีความ
00:06:19 → 00:06:22 คาดหวังเนี่ยมันก็ต้องมีความสมหวังกับ
00:06:22 → 00:06:25 ความผิดหวังค่ะถูกมั้ยฮะเพราะฉะนั้นบอก
00:06:25 → 00:06:27 ว่าไม่คาดหวังเลยก็ไม่ได้เพราะว่ามันเป็น
00:06:27 → 00:06:30 มนุษย์อ่ะมันเป็นคนที่อยู่กับสังคมถ้าจะ
00:06:30 → 00:06:32 ไม่คาดหวังเลยก็ต้องไปอยู่คนเดียวล่ะค่ะ
00:06:32 → 00:06:35 จะอยู่ยังไงก่อนเพราะฉะนั้นมันมีอารมณ์
00:06:35 → 00:06:39 นี้กันทุกคนแต่บางคนเนี่ยทำไมรับมือได้
00:06:39 → 00:06:44 บางคนรับมือไม่ได้บางคนเก็บไว้ได้นะฮะรู้
00:06:44 → 00:06:47 สึกน้อยใจแต่ฉันก็อาเข้าใจแต่บางคนก็ไม่
00:06:47 → 00:06:50 ยอมเข้าใจแล้วก็เสียอกเสียใจแล้วบางครั้ง
00:06:50 → 00:06:54 ทำอะไรที่มันไม่สมควรด้วยความน้อยใจบวก
00:06:54 → 00:06:58 กับความขาดสติเอออ่านะฮะเช่นกรณีของการ
00:06:58 → 00:07:02 ที่เอ่อสมมุติว่าน้อยใจพ่อแม่ค่ะแล้วก็
00:07:02 → 00:07:06 ออกไปจากบ้านตอนดึกๆดื่นๆค่ะมันก็กลายไป
00:07:06 → 00:07:09 เป็นเหยื่อของทรชนคนนอกบ้านออะไรอย่าง
00:07:09 → 00:07:11 เงี้ยเพราะไม่มีสติมายับยั้งความน้อยใจ
00:07:11 → 00:07:15 นั้นค่ะนะฮะทำอะไรไปโดยความรู้สึกโกรธบวก
00:07:15 → 00:07:18 กับความเศร้าความเสียใจอย่างที่บอกอมัน
00:07:18 → 00:07:20 มันใหญ่กว่าตัวคำว่าสติอีกอนะคะใช่ค่ะค่ะ
00:07:20 → 00:07:22 เพราะฉะนั้นพอเราพูดกันมาถึงตรงนี้เราจะ
00:07:22 → 00:07:25 เจอปัญหาอย่างนี้บ่อยๆไม่ว่าจะภรรยาน้อย
00:07:26 → 00:07:29 ใจสามีแล้วหอบข้าวหอบของออกจากบ้านหรือ
00:07:29 → 00:07:32 ไปเดี๋ยวนั้นเลยอะไรเงี้ยทั้งๆที่มันไม่
00:07:32 → 00:07:35 อาจจะไปเผชิญอันตรายนอกบ้านหรือเด็กวัย
00:07:35 → 00:07:38 รุ่นนะฮะหรือเด็กที่น้อยใจพ่อแม่น้อยใจ
00:07:38 → 00:07:41 ผู้ปกครองแล้วก็ออกไปเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:07:41 → 00:07:44 ค่ะมันก็เป็นผลเสียออาการน้อยใจความรู้
00:07:44 → 00:07:48 สึกน้อยใจเนี่ยมันน่าจะเป็นผลจากที่เรา
00:07:48 → 00:07:51 โดนมาหรือเปล่าทำให้เรารู้สึกว่าเออทำไม
00:07:51 → 00:07:55 ถึงต้องเจอแบบนี้ทเราก็เกิดความรู้สึก
00:07:55 → 00:07:57 น้อยใจคือเราอาจจะเห็นอาจจะไปแบบมี
00:07:57 → 00:08:00 ประสบการณ์มันมันก็มีส่วนค่ะอย่างเช่นอ้า
00:08:00 → 00:08:03 การดูหนังดูละครเงี้ยค่ะมันมีบ่อยๆใช่
00:08:03 → 00:08:06 มั้ยคะที่ดูตัวอย่างในทีวีอเค้าทำอย่าง
00:08:06 → 00:08:09 งี้แล้วหนีออกจากบ้านอะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:08:09 → 00:08:11 แต่นั่นมันคือละครมันไม่ใช่ชีวิตจริงมัน
00:08:11 → 00:08:14 ไม่ได้เหมือนกันนะเอใช่ค่ะนะฮะเพราะ
00:08:14 → 00:08:16 ฉะนั้นเราลองมาดูมั้ยคะว่าเวลาที่คนเรา
00:08:16 → 00:08:19 น้อยใจเนี่ยมันมีกรณีต่างๆหรือเมื่อเกิด
00:08:19 → 00:08:22 ความน้อยใจแล้วเราจะรับมือยังไงดีนะฮะ
00:08:22 → 00:08:24 เพื่อที่จะไปให้ผู้ฟังเนี่ยท่านผู้ฟัง
00:08:24 → 00:08:27 เนี่ยลองไปคิดตริรองดูนะคะเวลาที่ทุก
00:08:27 → 00:08:29 ครั้งที่เกิดอารมณ์น้อยใจก็คิดถึงรายการ
00:08:29 → 00:08:33 เรานะว่าเราได้เตือนไว้ว่าอย่างไรนะคะค่ะ
00:08:33 → 00:08:36 เอ่อเพราะว่าเอ่อเมื่อก่อนเนี้ยนะฮะใน
00:08:36 → 00:08:40 สังคมของของตะวันตกเนี่ยเขาจะสอนให้เด็ก
00:08:40 → 00:08:43 พูดนะฮะออกมาว่าเวลาคิดรู้สึกยังไงแต่
00:08:43 → 00:08:46 สังคมตะวันออกของบ้านเราเนี่ยเมื่อก่อน
00:08:46 → 00:08:50 เนี้ยมันจะเป็นลักษณะของการที่ห้ามเถียง
00:08:50 → 00:08:53 ไม่พอใจไม่พอใจต้องเงียบนะฮะอย่าย้อนไป
00:08:53 → 00:08:55 ได้เลยนะคะยุค 70 ปีที่แล้วเนี่ยเพราะว่า
00:08:56 → 00:08:58 ยุคที่เราเป็นเด็กอยู่คือวิภาเป็นเด็ก
00:08:58 → 00:09:00 อยู่นะคะคาบเกี่ยวยุคนั้นเหมือนกันอ่านะ
00:09:00 → 00:09:04 ฮะยุคต่อๆมาที่ยังอยู่ในช่วงอายุซัก 60
00:09:04 → 00:09:06 50 เนี่ยก็ยังอยู่ในสังคมใกล้เคียงกันนะ
00:09:06 → 00:09:09 ฮะก็คือว่าไม่ควรจะพูดเป็นเด็กเนี่ยไม่มี
00:09:09 → 00:09:12 สิทธิ์พูดจะคิดยังไงอะไรยังไงก็ไม่มี
00:09:12 → 00:09:15 สิทธิ์พูดในขณะที่ตะวันตกเนี่ยเาให้เด็ก
00:09:15 → 00:09:17 พูดได้นะฮะแต่ปัจจุบันเนี่ยเราเปลี่ยนมา
00:09:17 → 00:09:20 เป็นสังคมตะวันตกมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นนะ
00:09:20 → 00:09:24 ฮะเพราะฉะนั้นบางทีเนี่ยเด็กมักจะน้อยใจ
00:09:24 → 00:09:26 ที่พ่อแม่สนใจตัวเองน้อยกว่าสนใจพี่น้อง
00:09:26 → 00:09:30 คนอื่นซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยเด็กไม่มีขาด
00:09:30 → 00:09:33 ความเข้าใจว่าอาจจะเพราะอะไรเช่นพี่น้อง
00:09:33 → 00:09:36 คนอื่นนะเคต้องการความสนใจมากกว่านะฮะ
00:09:36 → 00:09:39 เพราะนั้นก็คือขาดความเข้าใจอันที่ 1 นะ
00:09:39 → 00:09:42 คะหรือพ่อเนี่ยน้อยใจลูกเมียว่าตัวเอง
00:09:42 → 00:09:44 เนี่ยทำงานเป็นคนหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว
00:09:44 → 00:09:47 เหนื่อยยากแสนเข็ญแต่ว่ารู้สึกโดดเดี่ยว
00:09:47 → 00:09:51 อ่ะทำไมแม่ลูกเไม่มาสนใจฉันเลยฉันไม่มา
00:09:51 → 00:09:54 เอาอกเอาใจเคคุยกันจุ้งจริงๆๆแต่ไม่คุย
00:09:54 → 00:09:57 กับพ่อเลยอเน้อยใจอีกแล้วนะฮะหรือภรรยา
00:09:57 → 00:10:01 น้อยใจสามีที่พอภรรยามีปัญหากับครอบครัว
00:10:01 → 00:10:05 สามีทำไมสามีไม่เข้าข้างอ่ะอืนะไม่ฉัน
00:10:05 → 00:10:07 เป็นเมียทำไมเธอไม่เข้าข้างฉันเธอไปฟัง
00:10:07 → 00:10:11 แต่ญาติเธออ่ะได้ไงอ่ะนะก็น้อยใจนะฮะหรือ
00:10:12 → 00:10:16 หนุ่มสาวรักกันเกิดไปอีกฝ่ายนึงไปเจอคน
00:10:16 → 00:10:19 ใหม่ไปคุยจิจ๊ออี้กับเขาอีกฝ่ายก็น้อยใจ
00:10:19 → 00:10:23 และนะฮะเกิดการหมังเมินกันอะไรกันนะคะ
00:10:23 → 00:10:25 หรือหัวหน้าน้อยใจลูกน้องที่ไม่ให้
00:10:25 → 00:10:28 เกียรติไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานไอ้
00:10:28 → 00:10:31 ลูกน้องก็น้อยใจหัวหน้านะฮะทำไมหัวหน้า
00:10:31 → 00:10:34 ไม่เคยรับรู้ว่าเลยว่าเเทุ่มเทกับงานขนาด
00:10:34 → 00:10:38 ไหนอะไรอย่างเงี้ยเห็นมั้ยคะมันมีได้ทุก
00:10:38 → 00:10:41 สถานการณ์ทุกรูปแบบเลยสค่ะเพราะฉะนั้นถ้า
00:10:41 → 00:10:44 เราไม่มีวิธีรับมือที่ดีเนี่ยนะคะมันก็จะ
00:10:44 → 00:10:47 เกิดปัญหาได้หมดแหละเพราะเหตุการณ์อย่าง
00:10:47 → 00:10:51 เงี้ยมันเกิดขึ้นทุกนาทีทุกชั่วโมงทุกวัน
00:10:51 → 00:10:55 ทุกเวลาจริงคะยิ่งถ้าเกิดว่าเราเป็นคนขี้
00:10:55 → 00:10:59 น้อยใจโอโหหนักเลยนะน้อยใจทุกอย่างเป็น
00:10:59 → 00:11:02 เลยฮ่ะนะฮะทีนี้เวลาที่เราเกิดความน้อยใจ
00:11:02 → 00:11:05 เนี่ยบางคนก็มีวิธีรับมือโดยการนิ่งเงียบ
00:11:05 → 00:11:08 แล้วก็เก็บความน้อยใจเอาไว้โดยหวังว่าสัก
00:11:08 → 00:11:11 วันนึงเนี่ยมันจะหายไปเองนะฮะแต่บางคนก็
00:11:11 → 00:11:14 เลือกที่จะพูดออกมาแต่ถามว่ากล้ามั้ยอ่ะ
00:11:14 → 00:11:17 นะฮะเพราะอย่างที่บอกว่าสังคมบ้านเราอ่ะ
00:11:17 → 00:11:20 ไม่ค่อยยอมให้พูดเท่าไหร่นะฮะหรือพูดก็จะ
00:11:20 → 00:11:23 ต้องมีลักษณะที่เอ่อไม่ใช่ก้าวร้าวอะไร
00:11:23 → 00:11:27 อย่างนี้เป็นต้นนะคะเพราะฉะนั้นก็มีข้อ
00:11:27 → 00:11:30 แนะนำนะคะ 2-3 ข้อนะคะเกี่ยวกับเรื่องของ
00:11:30 → 00:11:32 การรับมืออย่างเนี้ยหรือการแก้ปัญหาให้
00:11:32 → 00:11:35 เกิดความน้อยใจเนี่ยอย่างแรกเลยนะคะเแนะ
00:11:35 → 00:11:39 นำว่าให้พูดคุยกันนะคะการพูดคุยเนี่ยให้
00:11:39 → 00:11:41 เริ่มให้พูดคุยตั้งแต่เริ่มมีความรู้สึก
00:11:41 → 00:11:44 น้อยๆเริ่มน้อยใจเนี่ยไม่ใช่สะสมความน้อย
00:11:44 → 00:11:47 ใจจนโอโหมันใหญ่เป็นก้อนใหญ่เลยนะฮะ
00:11:47 → 00:11:50 ระเบิดมันจะสะสมความโกรธแล้วก็มันระเบิด
00:11:50 → 00:11:53 ออกมาในที่สุดเพราะฉะนั้นเนี่ยเพราะว่าคน
00:11:53 → 00:11:56 ที่ทำน่ะหรือคนที่เทำให้เราน้อยใจเบางทีเ
00:11:56 → 00:11:57 ไม่ได้ตั้งใจแล้วเคก็ไม่รู้ด้วยว่าทำ
00:11:57 → 00:12:00 อย่างเงี้ยมันทำให้เราน้อยใจนะเรียกว่าทำ
00:12:00 → 00:12:04 ไปโดยไม่เจตนานะคะแล้วจวิภาจะขอบอกสักนิด
00:12:04 → 00:12:07 ว่าโดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชายเค่ะเป็นคนที่ไม่
00:12:07 → 00:12:10 ค่อยเข้าใจในเรื่องของอารมณ์สักเท่าไหร่
00:12:10 → 00:12:13 บางทีภรรยาน้อยใจหรือแฟนสาวน้อยใจแรบตาย
00:12:13 → 00:12:15 ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าโกรธเรื่องอะไรเออ
00:12:15 → 00:12:18 จริงถามอะไรก็ไม่ตอบนะใช่ค่ะนะฮะเพราะ
00:12:18 → 00:12:21 ฉะนั้นเนี่ยเวลาพูดคุยกันน่ะห้ามพูด
00:12:21 → 00:12:24 ลักษณะโจมตีหรือในช่วงของอารมณ์โกรธนะคะ
00:12:25 → 00:12:28 แต่ให้พูดเนี่ยด้วยอารมณ์ที่สงบนะคะแล้ว
00:12:28 → 00:12:32 ก็ไม่หมดโมโหโทโสนะคะเช่นอาจจะเ่อพอเค้า
00:12:32 → 00:12:34 พูดไปแล้วทิ้งไปสักระยะนึงกินข้าวกัน
00:12:34 → 00:12:37 อารมณ์ดีแล้วแล้วก็บอกว่าเนี่ยที่คุณพูด
00:12:37 → 00:12:40 เมื่อกี้เนี้ยหรือเนี่ยฉันทำเอ่อที่เรายก
00:12:40 → 00:12:43 ตัวอย่างตอนแรกนะฮที่บอกว่าภรรยาตั้งใจทำ
00:12:43 → 00:12:47 อาหารให้สามีบอกเนี่ยฉันตั้งใจทำให้คุณนะ
00:12:47 → 00:12:50 ทั้งวันเลยนะฉันหวังว่าคุณจะสนใจมันสัก
00:12:50 → 00:12:54 นิดนึงคุณดูไม่สนใจเลยอ่ะฉันเริ่มน้อยใจ
00:12:54 → 00:12:57 นิดนึงแล้วนะอะไรอย่างเงี้ยค่ะก็พูดไปตรง
00:12:57 → 00:13:01 ๆแบบเนี้ยเคจะได้โอ้อเหรอนี่ผมว่าอร่อยนะ
00:13:01 → 00:13:03 แต่ผมผมไม่อะไรอย่างเงี้ยเค้าจะได้รู้ว่า
00:13:04 → 00:13:07 ไอ้การที่ภรรยาถามว่าเป็นไงเออดีแค่นั้น
00:13:07 → 00:13:10 น่ะไม่พอไม่พอต้องเอาอีกอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:13:10 → 00:13:13 คะค่ะเพราะอย่างที่บอกว่าคุณผู้ชายเนี่ย
00:13:13 → 00:13:16 เป็นเพศที่เ่อเค้าเรียกอะไรต่อมอารมณ์
00:13:16 → 00:13:18 เนี่ยค่ะเธอเล็กมากเท่าถั่ว
00:13:18 → 00:13:22 เขียวไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ผู้หญิงนะคะัน
00:13:22 → 00:13:24 นั้นก็ต้องคอยเตือนคอยบอกว่าอะไรอย่าง
00:13:24 → 00:13:28 เงี้ยไม่ใช่ว่าเค้าไม่ใช่ว่าเค้าไม่ใส่ใจ
00:13:28 → 00:13:32 หรือเคไม่รับรู้แต่เคไม่ไม่ได้ให้ความ
00:13:32 → 00:13:34 สำคัญกับเรื่องเหล่านี้จริงๆแล้วถ้าเกิด
00:13:34 → 00:13:37 ไปเจอคนที่แบบว่าโอ้โหไม่ค่อยแสดงออกหรือ
00:13:37 → 00:13:39 อะไรอย่าเงี้ยแต่แล้วก็หรือจะสื่อสารไม่
00:13:39 → 00:13:42 ถูกสื่อสารไม่เป็นรู้แหละว่าน้อยใจแต่เออ
00:13:42 → 00:13:45 รู้ว่าภรรยาน้อยใจอุตส่าห์ตั้งใจทำให้อ่ะ
00:13:45 → 00:13:49 จะแบบบางทีก็เฮ้ยเราไม่เคยได้เค้าเรียก
00:13:49 → 00:13:52 อะไรอ่ะแสดงอะไรแบบนี้ก็ต้องพูดกันมีการ
00:13:52 → 00:13:56 พูดกันนะฮะซึ่งอันเนี้ยอการพูดกันเนี่ยนะ
00:13:56 → 00:13:59 คะทำให้รู้ถ้าคนที่รู้สึกน้อยใจบ่อยๆ
00:13:59 → 00:14:03 เนี่ยเค้าก็ให้มีวิธีที่ 2 นะคะก็คือการ
00:14:03 → 00:14:05 ที่เราต้องทบทวนตัวเองให้ถี่ถ้วนว่าเรา
00:14:05 → 00:14:08 เนี่ยมักจะคาดหวังมากเกินไปหรือเปล่า
00:14:08 → 00:14:10 อย่างที่คุณสุรีพรถามก็คือฝ่ายหญิงเนี่ย
00:14:10 → 00:14:12 นะฮะหรือฝ่ายที่เป็นฝ่ายน้อยใจเนี่ยไม่
00:14:13 → 00:14:14 ว่าจะเป็นผู้หญิงผู้ชายก็แล้วแต่เนี่ยนะ
00:14:14 → 00:14:18 ฮะให้ถามว่าเฮ้ยเราคาดหวังมากไปหรือเปล่า
00:14:18 → 00:14:21 นะทำไมเราน้อยใจบ่อยจังอค่ะเอ๊ะทำไมเรา
00:14:21 → 00:14:24 ต้องพึ่งพาคนอื่นบ่อยเหรอกำลังใจเนี่ยนะ
00:14:24 → 00:14:28 ฮะทำไมเราถึงต้องเป็นฝ่ายรับกำลังใจจากคน
00:14:28 → 00:14:30 อื่นล่ะก็อยากได้
00:14:30 → 00:14:33 อ่ะนั่นเป็นเพราะเราเคยมีบาดแผลโดยที่เรา
00:14:33 → 00:14:37 ไม่รู้ตัวหรือเปล่าอือ่าเช่นประสบการณ์
00:14:37 → 00:14:40 วัยเด็กนะคะคนเราเนี่ยมักจะมีผล
00:14:40 → 00:14:43 ประสบการณ์วัยเด็กเนี่ยจาร์วิภาใช้คำว่า
00:14:43 → 00:14:48 ทุกคนมีผลต่อการเป็นผู้ใหญ่ทั้งสิ้นนะฮะ
00:14:48 → 00:14:50 เพราะฉะนั้นถ้าเราน้อยใจบ่อยๆอาจจะเพราะ
00:14:50 → 00:14:53 ตอนเล็กๆอ่ะเราถูกกดดันมากมั้ยหรือเราขาด
00:14:53 → 00:14:55 สิ่งนั้นสิ่งนี้สิ่งโน้นมากมั้ยแล้วเรา
00:14:55 → 00:14:59 คาดหวังจากคนที่รักค่ะนึกออกมั้ยมยฮะคน
00:14:59 → 00:15:01 ที่รักหรือสนิทเราเนี่ยมากเกินไปหรือ
00:15:01 → 00:15:04 เปล่าก็ให้ย้อนกลับมามองที่ตัวเราเองถูก
00:15:04 → 00:15:07 มั้ยคะการพูดคุยน่ะคือการที่ให้อีกฝ่าย
00:15:07 → 00:15:11 นึงเข้าใจหรือรับรู้อารมณ์ของเราอันที่ 2
00:15:11 → 00:15:15 ก็คือกลับมามองที่ตัวเองอนะคะว่าเอ๊ะเรา
00:15:15 → 00:15:19 ขี้งอนมากไปหรือเปล่ามันผิวบางเกินไปึ
00:15:19 → 00:15:20 เปล่า sensitive มากไปหรือเปล่าอะไรอย่า
00:15:21 → 00:15:24 เงี้ยนะคะมาประเด็นที่ 3 เมื่อเรามองเค้า
00:15:24 → 00:15:27 มองเราแล้วให้มาย้อนมองดยว่าเรานี่แหละ
00:15:27 → 00:15:30 เคยทำแบบเดียวกับคนอื่นมั้ยให้คนอื่นน้อย
00:15:30 → 00:15:33 ใจอืนะฮะแล้วจะช่วยให้เราเนี่ยจัดการกับ
00:15:33 → 00:15:36 ความรู้สึกน้อยใจของเราได้ดีขึ้นค่ะนะฮะ
00:15:36 → 00:15:39 อันนี้ยกตัวอย่างได้ชัดเจนเลยนะคะก็คือ
00:15:39 → 00:15:41 เอ่อ
00:15:41 → 00:15:44 อย่างเพื่อนนะฮะเพื่อนจันทร์วิภาก็อยู่ใน
00:15:44 → 00:15:47 วัยนี้แหละชรากันและนะฮะเวลาเพื่อนเจอกัน
00:15:48 → 00:15:51 ก็เอาของมาฝากกันนะของกินของอะไรเงี้ยนะ
00:15:51 → 00:15:54 ฮะฝ่ายที่หิ้วของกินมาให้เพื่อนอ่าๆคุณกอ
00:15:54 → 00:15:57 แล้วกันนะคะคุณกอหิ้วของกินมาให้คุณขอแหม
00:15:57 → 00:16:02 พลุงพลังอพอมาถึงคุณขอคุณบอกเอามาทำไมเอา
00:16:02 → 00:16:05 กลับไปเหอะอะไรอย่างเงี้ยอ้าวก็ของเนี้ย
00:16:05 → 00:16:07 คุณกอบอกของนี้เธอเคยชอบกินก็เมื่อก่อน
00:16:07 → 00:16:10 มันชอบเดี๋ยวนี้มันไม่ไหวแล้วฟันฟางมัน
00:16:10 → 00:16:12 เคี้ยวไม่ไหวเรากลับไปเออะอ่าคุณขอก็น้อย
00:16:13 → 00:16:16 อกน้อยใจนะฮะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าคุณขอ
00:16:16 → 00:16:19 น้อยใจเนี่ยให้กลับมาคิดตัวเองว่าครั้ง
00:16:19 → 00:16:23 นึงเนี่ยเราเคยเอาเค้าเอาของมาให้เราแล้ว
00:16:23 → 00:16:26 เราพูดแบบเดียวกันมั้ยอืนึกออกมั้ยคะเรา
00:16:26 → 00:16:28 เคยพูดแบบเดียวกันมั้ยแล้วเรารู้สึกยังไง
00:16:29 → 00:16:31 นะฮะเวลาที่เขาไม่รับของเราเราก็รู้สึก
00:16:31 → 00:16:33 เสียใจเหมือนกันเพราะฉะนั้นพอเราพูดอย่าง
00:16:33 → 00:16:37 เงี้ยให้ย้อนนึกดูว่าเขาก็เสียใจอืเพรา
00:16:37 → 00:16:40 เราคาดหวังว่าเออเรารักเพื่อนเนาะเอาอะไร
00:16:40 → 00:16:42 ไปฝากเพื่อนเพื่อนคงดีใจว่าได้ของกินถูก
00:16:42 → 00:16:45 ใจอะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่เพื่อนกลับพูด
00:16:45 → 00:16:48 อย่างนี้นะฮะเพราะเพราะฉะนั้นก็เหมือนกัน
00:16:48 → 00:16:50 อย่างเช่นพ่อแม่ลูกเนี่ยฮ่ะบางทีลูกหิ้ว
00:16:50 → 00:16:54 ของไปให้พ่อแม่ค่ะลำบากเชียพถึงพ่อแม่บอก
00:16:54 → 00:16:56 โอ๊ยซื้อมาทำไมไม่เข้าเรื่องเปลืองเงิน
00:16:56 → 00:17:00 เปลืองทองนะลูกบางคนก็อาจจะประชดด้วยซ้ำ
00:17:00 → 00:17:03 ไปเออดีแล้วทีหลังไปซื้ออะไรมาให้กินแล้ว
00:17:03 → 00:17:06 ใช่มั้ยคะมันก็พรานไปนู่นเลยอะไรอย่าง
00:17:06 → 00:17:08 เงี้ยเออเห็นมั้ยคะเพราะฉะนั้นถ้าเรามา
00:17:08 → 00:17:11 ย้อนคิดว่าเออเราก็เคยทำแบบนี้เนอก็จะได้
00:17:11 → 00:17:15 เข้าใจว่าอ๋อเขามีเหตุผลอืนึกออกมั้ยฮะ
00:17:15 → 00:17:17 ที่เขาคเอามาให้เนี่เมีเหตุผลหรือการที่
00:17:17 → 00:17:21 เขาปฏิเสธเราเขาก็มีเหตุผลเหตุผลออฮะถูก
00:17:21 → 00:17:25 มั้ยฮะเหมือนกับเนี่ยคุณสิริพรกับจนิพพาน
00:17:25 → 00:17:27 เนี่ยเจอกันเมื่อ 20 ปีก่อนจำได้ว่าคุณ
00:17:27 → 00:17:31 สุรีพรชอบกินอันเนี้ยอ่าฮะเราก็เอามาฝาก
00:17:31 → 00:17:34 แต่ไอ้ 20 ปีที่ผ่านมาเนี่ยมันเปลี่ยนไป
00:17:34 → 00:17:36 แล้วความชอบอ่ะถูกมั้ยคะอาจจะไม่ได้
00:17:37 → 00:17:39 เหมือนเดิมไม่เหมือนเดิมแล้วหมอสั่งห้าม
00:17:40 → 00:17:43 อ่าใช่มั้ยคะหรือเสื้อผ้าหรือสีหรืออะไร
00:17:43 → 00:17:46 ก็ตามเนี่ยเราจำเราจำก็ดีใจที่จำได้ว่า
00:17:46 → 00:17:49 ชอบเคยชอบอะไรแต่ไม่ได้แปลว่าตอนนี้ชอบ
00:17:49 → 00:17:53 แล้วก็ให้เข้าใจนั่นก็คือการทำความเข้าใจ
00:17:53 → 00:17:56 กับคนอื่นเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเองค่ะ
00:17:56 → 00:17:59 ค่ะแล้วความรู้สึกของความนน้อยใจเนี่ยมัน
00:17:59 → 00:18:03 จะได้น้อยลงนะฮะยิ่งยิ่งในกรณีของการเป็น
00:18:03 → 00:18:06 คู่รักกันเนี่ยค่ะขี้งอนบ่อยๆเนี่ยอย่าง
00:18:06 → 00:18:09 ที่บอกนะฝ่ายหญิงมักจะเป็นฝ่ายงอนแต่ผู้
00:18:09 → 00:18:11 ชายก็มีนะพวกใจน้อยขี้งอนน่ะแต่นี่เอา
00:18:11 → 00:18:15 ส่วนใหญ่แล้วกันนะคะถ้าคุณงอนวันละ 3
00:18:15 → 00:18:18 เวลาหลังอาหารเนี่ยมันก็เยอะเนาะทุกครั้ง
00:18:18 → 00:18:21 ที่งอนก็ต้องง้อถูกมั้ยครับจะผิดจะถูกเ
00:18:21 → 00:18:24 สามีภรรยาไงเบอกว่าจะผิดจะถูกอ่ะผู้ชาย
00:18:24 → 00:18:27 ต้องบอกผมผิดเองไว้ก่อนนะแล้วทุกอย่างมัน
00:18:27 → 00:18:31 จะสงบอะไรอย่าเงี้ยนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:18:31 → 00:18:33 ให้ทำความเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่คนนั้น
00:18:33 → 00:18:36 เป็นอะไรอย่างเงี้ยนะคะฝึกเป็นคนใจเย็น
00:18:36 → 00:18:41 และมีสติกับทุกเรื่องอนะคะแล้วก็งอนและ
00:18:41 → 00:18:43 น้อยใจได้ค่ะแต่มันต้องมีขอบเขตเพราะบาง
00:18:43 → 00:18:46 ครั้งเนี่ยเขาเหนื่อยมาจากงานแล้วต้องมา
00:18:46 → 00:18:49 ตามง้อเราอีกนะฮะไม่พูดกันไม่อะไรกันมัน
00:18:49 → 00:18:52 ก็กลายเป็นความเบื่อหน่ายเป็นการโกรธเป็น
00:18:52 → 00:18:54 การกระทบกระทั่งกันอะไรอย่างนี้เป็นต้น
00:18:54 → 00:18:56 แล้วยิ่งผู้หญิงบางทีไม่พูดด้วยนะคะแล้ว
00:18:56 → 00:18:59 ก็แบบข้ามวันข้ามคืนข้ามไป 3 วันผู้ชาย
00:18:59 → 00:19:02 ยังไม่รู้เลยใช่ค่ะนะฮะเพราะฉะนั้นไอ้การ
00:19:02 → 00:19:05 ทำความเข้าใจกันเนี่ยอืเป็นเรื่องที่ต้อง
00:19:05 → 00:19:08 ให้ความสำคัญเพราะว่าอย่างบางคนที่บอกว่า
00:19:08 → 00:19:11 เอ่อผู้หญิงเนี่ยคาดหวังว่าแหมพอถึงวัน
00:19:11 → 00:19:14 เกิดเธอต้องเซอร์ไพรส์ฉันเอ่อพอถึงวัน
00:19:14 → 00:19:16 สำคัญเธอต้องเซอร์ไพรส์เผู้ชายเนี่ยเป็น
00:19:16 → 00:19:18 คนที่ไม่ได้โรแมนติกนะไม่ได้ให้ความสำคัญ
00:19:18 → 00:19:20 กับเรื่องนี้เลยแต่เขาให้ความสำคัญกับการ
00:19:20 → 00:19:24 ที่เขาเป็นสามีที่ดีทุกวัน 365 วันเอาอัน
00:19:24 → 00:19:28 ไหนอ่าฉันกลับบ้านตรงเวลาทุกวันชันมาไม่
00:19:28 → 00:19:31 เคยออกนอกลู่นอกลอยแต่เธอมางอนฉันกับ
00:19:31 → 00:19:34 เรื่องที่ฉันจำวันเกิดเธอไม่ได้อ่ะเมื่อ
00:19:34 → 00:19:37 เธอเข้าใจแล้วว่าผู้ชายเป็นอย่างงี้ไม่
00:19:37 → 00:19:42 เคยจำสิ่งเหล่านี้เลยเตือนสิคะเออคุณวัน
00:19:42 → 00:19:46 นี้วันเกิดน้องนะอย่าลืมนะคะอะไรอย่าง
00:19:46 → 00:19:47 เงี้ยอยากได้อะไรบอก
00:19:47 → 00:19:51 เลยอย่าให้ไปเดาเอาเองอ่าสำหรับคนที่เค้า
00:19:51 → 00:19:54 เค้าไม่ได้จริงๆอ่ะนึกออกมั้ยคะคือเป็นคน
00:19:54 → 00:19:58 ที่ค่อนข้างจะตรงๆอเรียกว่าไม่โรแมนติก
00:19:58 → 00:20:00 อ่ะเป็นผู้ชายที่ไม่โรแมนติกเลยอ่ะแต่เขา
00:20:00 → 00:20:03 ดีเรื่องอื่นไงถ้าเราเข้าใจแล้วรับได้เรา
00:20:03 → 00:20:07 ก็ไม่ไปคาดหวังค่ะ่ะแล้วก็อยเปรียบเทียบ
00:20:07 → 00:20:09 อะไรกับคนของเรากับคนของคนอื่นด้วยนะว่า
00:20:09 → 00:20:11 อุ๊ยเนี่ยเห็นแมสาบีคนนั้นเายัง
00:20:11 → 00:20:14 เซอร์ไพรส์วันเกิดมีของสรรตลอดเวลาเค
00:20:15 → 00:20:17 เซอร์ไพรส์ให้คุณหวือหวาแต่เขามีเมน้อย
00:20:17 → 00:20:20 เยอะแยะเลยคุณเอามั้ยไม่ดีนะเออไม่ใช่
00:20:20 → 00:20:22 มั้ยคะเพราะฉะนั้นอย่างเยนะให้เข้าใจคน
00:20:22 → 00:20:24 ของเราโดยเฉพาะในเรื่องของชีวิตคู่หรือ
00:20:24 → 00:20:27 คู่รักเนะฮว่าคนของเราเป็นอย่างไรเมื่อ
00:20:27 → 00:20:29 เราเข้าใจเคแล้วแล้วเนี่ยไม่ใช่ว่าเค้า
00:20:29 → 00:20:33 ไม่พยายามบางทีเค้าก็มันไม่ได้อ่ะนะคนเรา
00:20:33 → 00:20:36 อ่ะใช่มั้ยคะมันต้องยอมรับตัวตนของกันและ
00:20:36 → 00:20:39 กันเรารักเคที่เาเป็นเค้าแบบเนี้ยเพราะ
00:20:39 → 00:20:41 ฉะนั้นอะไรที่เราอยากให้เขาคเป็นเช่นอยาก
00:20:41 → 00:20:44 ให้เขาคโรแมนติกทำเองค่ะค่ะเตือนเ้าเลย
00:20:44 → 00:20:46 ว่าวันนี้ต้องอย่างงี้อย่างงี้นะฉันขอ
00:20:46 → 00:20:49 พิเศษหน่อยนะขออะไรหน่อยนะอะไรก็ว่ากันไป
00:20:49 → 00:20:52 มันขาดการสื่อสารกันซะส่วนใหญ่ใช่มั้ยคะ
00:20:52 → 00:20:54 ว่ารู้สึกตอนนี้รู้สึกแบบเฮ้ยไม่ค่อยโอเค
00:20:54 → 00:20:56 น้อยใจอยู่นะอะไรอย่างเงี้ยไม่คาดหวังไง
00:20:56 → 00:20:58 คะว่าเคต้องทำอย่างงั้นอย่างงี้อย่างโงน
00:20:58 → 00:21:02 ให้เออเพราะฉะนั้นถ้าเราไม่คาดหวังเราก็
00:21:02 → 00:21:05 ไม่ต้องผิดหวังถูกมั้ยคะอย่างบางคนก็อาจ
00:21:05 → 00:21:08 จะแบบว่างอนน้อยใจแล้วก็เออหายเองก็
00:21:08 → 00:21:12 ได้ก็ไม่รู้เพราะว่าเ้าไม่รู้สักทีหาย
00:21:12 → 00:21:13 แล้วหายแล้วอะไรอย่างเงี้ยนะเดี๋ยวเดี๋ยว
00:21:13 → 00:21:15 ก็มีเรื่องใหม่ให้งอนให้น้อยใจใหม่เรื่อย
00:21:15 → 00:21:18 ๆอะไรอย่างเงี้ยนะคะมันมีบ้างมันก็น่า
00:21:18 → 00:21:22 เอ็นดูดีนะคะมันทำให้ชีวิตมีรสชาติแต่ถ้า
00:21:22 → 00:21:26 มากเกินไปและไร้สติจารยวิภาเป็นห่วงมาก
00:21:26 → 00:21:28 เลยไอ้เรื่องขี้งอนแล้วทำให้ให้ตัวเอง
00:21:28 → 00:21:31 เกิดอาการเสียหายเนี่ยเช่นงอนแล้ววิ่งออก
00:21:31 → 00:21:35 ไปแล้วถูกรถชนอย่างเงี้ยไม่ดูฟ้าดูดิน
00:21:35 → 00:21:38 อะไรอย่างเงี้ยค่ะคือไม่มีสติไงคะหรือแบบ
00:21:38 → 00:21:40 ไปทำอะไรที่แบบว่าเออประชดประชันแล้วมัน
00:21:41 → 00:21:43 ถึงแก่ชีวิตตัวเราอ่ะใชมันไม่ใช่เรื่อง
00:21:43 → 00:21:46 สนุกเลยนะมันแค่นิดหนยคนะฮะอยากให้อยาก
00:21:47 → 00:21:49 ให้ท่านผู้ฟังนะคะช่วยเตือนสติเพื่อนๆ
00:21:49 → 00:21:52 หรือใครก็ตามหรือแม้แต่ตัวเองก็ได้นะคะ
00:21:52 → 00:21:56 ว่าเรื่องอย่างเยขอให้มีสติให้มากนะคะ
00:21:56 → 00:22:00 น้อยใจนิดนเนี่ยมันกำลังน่ารักน่าเอ็นดู
00:22:00 → 00:22:05 นะคะแต่ก็อย่ามากเกินไปนะฮะแล้วก็เอาสิ่ง
00:22:05 → 00:22:08 ที่มันดีๆที่เราใช้เวลาอยู่ร่วมกันดีกว่า
00:22:08 → 00:22:10 ที่จะมานั่งงอนกันไม่มีประโยชน์อคมันใช่
00:22:10 → 00:22:12 มันเสียเวลาเราไม่รู้หรอกว่าแบบวันนี้
00:22:12 → 00:22:15 หรือพรุ่งนี้เนี่ยคุยๆกันอยู่เอ้ยเอาจจะ
00:22:15 → 00:22:17 ไม่ได้อยู่คุยกับเราอีกตลอดชีวิตก็ได้อเค
00:22:17 → 00:22:19 จึงบอกว่าพรุ่งนี้กับชาติหน้าไม่รู้อะไร
00:22:19 → 00:22:22 ถึงก่อนกันนะคะเพราะฉะนั้นยิ่งคนรุ่นใหม่
00:22:22 → 00:22:24 เนี่ยเขาจะมองอะไรที่ไม่ได้คิดถึงอะไรยาว
00:22:24 → 00:22:28 ๆคนรุ่นใหม่จะพูดเสมอว่าชีวิตวันสั้นใช้
00:22:28 → 00:22:30 ซะก็ใช้ซะเพราะฉะนั้นในเมื่อมันสั้นแล้ว
00:22:30 → 00:22:33 คุณจะมางอนกันทำไมคะเสียเวลาเสียเวลาจริง
00:22:33 → 00:22:36 ๆเอาเวลาที่ดีอยู่ด้วยกันดีๆแต่ถ้าน้อยใจ
00:22:36 → 00:22:40 พูดได้ค่ะนะบอกได้ว่าการพูดหรือการกระทำ
00:22:40 → 00:22:44 แบบเน้อยใจแล้วนะเริ่มแอบน้อยใจแล้วนะอ่า
00:22:44 → 00:22:46 แต่ไม่ใช่ว่าเอาเวลาเหล่านี้มานั่งงอนง้อ
00:22:46 → 00:22:49 กันเปล่าประโยชน์ค่ะค่ะค่ะหรือแม้กระทั่ง
00:22:49 → 00:22:52 ลูกที่น้อยใจพ่อแม่ก็ก็ควรที่จะบอกควรที่
00:22:52 → 00:22:55 จะบอกคนที่จะพูดเพราะพ่อแม่ก็มีเหตุผล
00:22:55 → 00:22:58 อย่างยกตัวอย่างนะฮะาจารย์วิภาเองเนี่ย
00:22:58 → 00:23:01 เป็นเด็กเนสดชายนะคะแล้วก็จะมีความรู้สึก
00:23:01 → 00:23:04 ตลอดตั้งแต่เนส Day ชายก็ลูกคนกลางไอ้
00:23:04 → 00:23:09 ประเภทที่เอ่อพ่อที่มักจะรักคนโตแม่มักจะ
00:23:09 → 00:23:12 รักคนเล็กจพิภาก็จะเป็นเด็กมีปัญหามาตลอด
00:23:12 → 00:23:15 ตอนเป็นเด็กนะคะแล้วก็มีความรู้สึกว่าโดย
00:23:15 → 00:23:17 เฉพาะกับแม่เนี่ยจะรู้สึกมากว่าแม่เนี่ย
00:23:17 → 00:23:20 รักลูกไม่เท่ากันนะคะโดยที่เราไม่เข้าใจ
00:23:21 → 00:23:24 ยกตัวอย่างเช่นเสื้อผ้าเนี่ยไปตลาดจารย์
00:23:24 → 00:23:28 วิภาก็อยากได้ชุดนี้นะคะแม่ก็ชี้แแม่หนู
00:23:28 → 00:23:31 ชอบชุดนี้แม่ก็มองแล้วเฉยพอพี่สาวไปเจอ
00:23:31 → 00:23:34 อีกชุดนึงพี่สาวบอกแม่หนูชอบชุดนี้แม่
00:23:34 → 00:23:38 ซื้อเลยกลับมาบ้านนะคะค่ะตอนนั้นเป็นเด็ก
00:23:38 → 00:23:41 นะกลับมาบ้านตั้งไว้เลยว่าฉันจะไม่นุ่ง
00:23:41 → 00:23:44 กระโปรงอีกต่อไปแล้วจากวันนั้นจันวิภา
00:23:44 → 00:23:46 แต่งตัวเหมือนพี่ชายกับน้องชายคือนุ่ง
00:23:46 → 00:23:48 กางเกงกับใส่เสื้อแบบเด็กผู้ชายค่ะไม่
00:23:48 → 00:23:50 เรียกร้องนุ่งกระโปร่งอีกเลยนี่คือความ
00:23:50 → 00:23:54 น้อยใจอโดยไม่เข้าใจว่าแม่เนี่ยพอโตแล้ว
00:23:54 → 00:23:56 จึงเข้าใจนะคะแม่เนี่ยเคคิดว่าถ้าซื้อให้
00:23:56 → 00:24:00 เราหมดจจากเราเสื้อผ้าก็ไม่รู้จะไปให้ใคร
00:24:00 → 00:24:03 อ่าแต่ถ้าซื้อให้พี่พี่ตัวโตกว่าเราเพราะ
00:24:03 → 00:24:07 พี่ใส่คับแล้วเราได้ใส่อ๋อนึกออกมั้ยคะ
00:24:07 → 00:24:10 เป็นการประยัดเไม่ได้อธิบายนะก็ทำให้เรา
00:24:10 → 00:24:13 เก็บความน้อยใจเนี่ยมาตลอดคนสมัยก่อนไม่
00:24:13 → 00:24:15 อธิบายนะคะไม่อธิบายหรอกค่ะสมัยก่อนพ่อ
00:24:15 → 00:24:17 แม่ลูกไม่ค่อยพูดกันไม่ค่อยอธิบายอะไรให้
00:24:17 → 00:24:20 กันฟังโอยจะเข้าหาทีนึงจะคุยทีนึงนี่น่า
00:24:20 → 00:24:22 กลัวมากเลยนะฮะเพราะฉะนั้นเพราะฉะนั้น
00:24:22 → 00:24:25 เนี่ยค่ะคือความน้อยใจพอเราเข้าใจว่าแม่เ
00:24:25 → 00:24:28 คิดอย่างงี้เพราะอะไรเพื่อที่จะไปเพื่อ
00:24:28 → 00:24:30 ที่จะอะไรเพราะแม่เองไม่เคยซื้อเสื้อผ้า
00:24:30 → 00:24:33 ใหม่เลยค่ะนะฮะแม่ก็ยังใส่ของแม่อยู่ตัว
00:24:33 → 00:24:36 เก่าอะไรอย่างเงี้ยอืมันก็เลยทำให้เราอ๋อ
00:24:36 → 00:24:39 พอเราเข้าใจแล้วความน้อยใจมันหายหรือพอโต
00:24:39 → 00:24:42 ขึ้นมาเนี่ยแม่เพ่อแม่จะประคบประหงมพี่
00:24:42 → 00:24:45 สาวมากนะฮะเพราะเขาบอบบางจริงๆแล้วเบอบ
00:24:45 → 00:24:49 บางไปขนาดไปธนาคารคนแน่นๆก็เป็นลมและ
00:24:49 → 00:24:52 เพราะฉะนั้นปพ่อแม่เนี่ยจะรับส่งเตลอดไป
00:24:52 → 00:24:55 โรงเรียนเป็นห่วงนะคะเราเนี่ยกระโดดขึ้น
00:24:55 → 00:24:58 รถเมล์ไปเองอะไรไปเองเพราะเพราะอะไรคะ
00:24:58 → 00:25:01 เพราะเราเนี่ยเป็นเด็กที่แข็งแกร่งในใน
00:25:01 → 00:25:05 สายตาพ่อแม่เอาตัวรอดดูแลตัวเองได้นะฮะ
00:25:05 → 00:25:08 สู้กับใครได้หมดในขณะที่พี่สาวเนี่ยสอบ
00:25:08 → 00:25:11 เข้ามหาวิทยาลัยพ่อแม่ไปรับไปส่งมีปิ่นโต
00:25:11 → 00:25:14 ไปคอยให้
00:25:14 → 00:25:17 อาหารเออก็ไม่แปลกใจว่าทำไมจะน้อยใจอ่า
00:25:18 → 00:25:20 าจารย์วิภาเนี่ยไปสอบเทรเนี่ยไปด้วยตัวคน
00:25:20 → 00:25:24 เดียวแย่งกับเกินข้าวก็ถองซ้ายถองขวาซื้อ
00:25:24 → 00:25:27 ข้าวกับเอะไรอย่างเงี้ยเพราะพ่อแม่อันนี้
00:25:27 → 00:25:30 โตแล้วมาคุยกันพ่อแม่เี่เเห็นว่าเราเป็น
00:25:30 → 00:25:33 คนเอาตัวรอดมาตลอดมีความคิดมีอะไรที่พ่อ
00:25:33 → 00:25:36 แม่ไม่เคยห่วงเรื่องการตัดสินใจของเราใน
00:25:36 → 00:25:39 ขณะที่พี่สาวเนี่ยพ่อแม่ต้องดูแลใกล้ชิด
00:25:39 → 00:25:42 เพราะว่าเอ่อเชื่อคนง่ายหรือจิตอ่อนอะไ
00:25:42 → 00:25:45 อย่างเงี้ยนึกออกมั้คะก็เป็นไปได้ที่พี่
00:25:45 → 00:25:47 สาวอาจจะรู้สึกแบบว่าเอออยากเป็นแบบเรา
00:25:47 → 00:25:50 ด้วยซ้ำกันอ่าใช่ค่ะก็มาพูดกันตอนโตเบอก
00:25:50 → 00:25:52 จริงๆฉันก็อิจฉาเธอ
00:25:52 → 00:25:56 นะเออจริงนะหลายๆอย่างเราก็จะมารู้เอาตอน
00:25:56 → 00:25:59 ที่แบบเอออแต่ตอนเป็นเด็กเนี่ยใช่มยคะ
00:25:59 → 00:26:01 อารมณ์เด็กอารมณ์ที่ไม่เข้าใจเหตุผลเพราะ
00:26:01 → 00:26:03 ฉะนั้นอาจารย์วิภาจึงคิดว่าการพูดคุย
00:26:03 → 00:26:06 เนี่ยเป็นสิ่งที่ดีที่ต้องพูดคุยกันค่ะนะ
00:26:06 → 00:26:09 ฮะเพราะมันทำให้พี่น้องกันในอิจฉาริษยา
00:26:09 → 00:26:12 กันมาเยอะแล้วด้วยความไม่เข้าใจค่ะสิ่ง
00:26:12 → 00:26:15 ที่พ่อแม่กระทำและความรู้สึกต่อกันทั้ง 2
00:26:15 → 00:26:18 ฝ่ายอใช่ค่ะก็อยากให้มันถึงขั้นแบบเป็นง
00:26:18 → 00:26:21 เป็นข่าวอย่างที่ผ่านมารุนแรงกันไปเรื่อย
00:26:21 → 00:26:24 เลยเลยนะคะเพราะฉะนั้นถ้าจะให้เราไม่น้อย
00:26:24 → 00:26:28 ใจก็ลดความคาดหวังลงแล้วก็อถูกฝึตัวเรานะ
00:26:28 → 00:26:31 คะวันนึงเราก็จะความน้อยใจก็จะลดน้อยลงไป
00:26:31 → 00:26:33 แล้วเข้าใจอะไรได้มากขึ้นเองนะคอเพิ่ม
00:26:33 → 00:26:37 ความเข้าใจลดความคาดหวังอ่าใช่ๆขอบคุณ
00:26:37 → 00:26:40 อาจารย์ค่ะยินดีค่ะสวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณ
00:26:40 → 00:26:42 ผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอ
00:26:42 → 00:26:45 ทางไทย PBS พคนะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดี
00:26:45 → 00:26:50 ค่ะ This Is Toy PBS podcast ภาวะ
00:26:50 → 00:26:52 หรือโรคซึมเศร้ากับความไม่ยินดีในชีวิต
00:26:52 → 00:26:56 เป็นอย่างไรดรสุภัแสนแจ่มใสจากสถาบันแห่ง
00:26:56 → 00:26:58 ชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว
00:26:58 → 00:27:02 มหาวิทยาลัยมหิดลมาเล่าให้ฟังครับเร่ม
00:27:02 → 00:27:04 เศร้าคือภาวะที่บุคคลเนี่ยสิ้นยินดีแล้ว
00:27:04 → 00:27:07 กับความสุขในชีวิตมันเห็นอะไรก็ไม่มีความ
00:27:07 → 00:27:09 สุขอ่ะอะไรที่ฉันเคยยินดีกับสิ่งนี้เช่น
00:27:09 → 00:27:11 ฉันเคยยินดีกับซีรีส์ฉันเคยยินดีกับหมู
00:27:11 → 00:27:15 กระทะฉันเคยยินดีกับชานมไข่มุกอาฮะก็คือ
00:27:15 → 00:27:18 ไม่ไม่แฮปปี้กับมันแล้วไม่ยินดีกับมัน
00:27:18 → 00:27:20 แล้วนั่นนั่นคือภาวะที่ผมว่าเป็นคำที่มัน
00:27:20 → 00:27:22 เห็นภาพชัดมากสำหรับคนที่เป็นโลกซุมเศร้า
00:27:22 → 00:27:24 นะครับก็คืออะไรที่มันเคยมีความสุขอ่ะมัน
00:27:24 → 00:27:27 มันไม่สุขอีกต่อไปแล้วมันหลดแรงจูงใจที่
00:27:27 → 00:27:31 จะใช้ชีวิตรู้สึกตัวเองไร้คุณค่ารู้สึก
00:27:31 → 00:27:34 ตัวเองเป็นภาระของคนอื่นของสังคมรู้สึก
00:27:34 → 00:27:36 ไม่มีแรงอยากลุกขึ้นไปทำอะไรนั่นคือแล้ว
00:27:36 → 00:27:40 มันก็คือเป็นแบบเนี้ยเกือบทั้งวันคือชื่อ
00:27:40 → 00:27:43 ภาษาอังกฤษของโรคซุมเศร้าคือเจอร
00:27:43 → 00:27:45 depressive disorder มันมีคำว่า Major
00:27:45 → 00:27:47 ข้างหน้าแล้วเเอคือใหญ่มันอยู่ข้างหน้า
00:27:47 → 00:27:50 depressive disorder คือไอ้ depressive
00:27:50 → 00:27:52 หรือความซุมเศร้าเนี่ยมันเป็นใหญ่ในชีวิต
00:27:52 → 00:27:55 อ่ะนั้นเขาก็จะอยู่กับความซึมเศร้ากับ
00:27:55 → 00:27:56 ความรู้สึกเศร้าๆอารม์เศร้านั้นเป็นเป็น
00:27:56 → 00:27:58 หลักมันคือโรคซึมเศร้ามันก็จะกลายเป็นว่า
00:27:59 → 00:28:01 เอ้ยมันก็มีบางคนที่รู้สึกฉันฉันก็เศร้า
00:28:01 → 00:28:03 นะฉันเนี่ยันทำเช็คลิสเนี่ยของกรมสุขภาพ
00:28:03 → 00:28:05 จิตเนี่ยโอคะแนนมันก็ขึ้นอะไรอย่างเงี้ย
00:28:05 → 00:28:07 เนาะมันก็คะแนนมันก็เข้าค่ายอะไรเงี้ยแต่
00:28:07 → 00:28:11 มันก็จะมีภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์เศร้าถ้า
00:28:11 → 00:28:14 ปกติเลยคือเราเศร้าก่อนเรามีความเศร้าแด
00:28:14 → 00:28:16 เหตุการณ์ปุ๊บเราเศร้าอือๆเราเสียใจแมว
00:28:16 → 00:28:19 ป่วยเสียใจทีนี้แต่ถ้าความเสียใจนั้น
00:28:19 → 00:28:22 เนี่ยยังคงอยู่เช่นอารมณ์ค้างอือเคก็ยัง
00:28:22 → 00:28:25 ไม่คืนดีเนาะเออหรือยัง Mo on ไม่ได้ใช่
00:28:25 → 00:28:28 หลายเดือนหลายเดือนแล้วคเวลาและซึ่งไอ้
00:28:28 → 00:28:30 การคุเวลาเเนี่ยยมันก็มีผลนะทำให้เราไม่
00:28:30 → 00:28:33 ค่อยกระชุ่มกระชวยไม่ค่อยอยากกินอะไรเอ่อ
00:28:33 → 00:28:36 แต่ไปพอไปทำงานนะไปทำงานได้ล่ะแต่ว่ามัน
00:28:36 → 00:28:38 ได้แต่มันไม่สดใสไม่่าเริงเอไม่มีกระจิ
00:28:38 → 00:28:41 กระจนั้นก็คือเค้าก็เรียกว่าเป็นอาจจะ
00:28:41 → 00:28:44 เป็นภาวะเป็น deess depressive เป็น
00:28:44 → 00:28:49 Episode นึงคือมีภาวะช่วงหนึถูกต้อง
00:28:49 → 00:28:54 ช่วง This Is Toy PBS
00:28:54 → 00:28:57 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:28:57 → 00:29:00 Application ของ Thai PBS podcast
00:29:00 → 00:29:03 spotify soundcloud Google podcast
00:29:03 → 00:29:05 Apple podcast และ YouTube Channel
00:29:05 → 00:29:10 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:29:10 → 00:29:12 View the world via The
00:29:12 → 00:29:22 [เพลง]
00:29:22 → 00:29:25 Voice