00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์ดิฉันสุด
00:00:09 → 00:00:13 ธิดาพรปิเปตและนี่คือศัลยกรรมความสุขราย
00:00:13 → 00:00:17 การที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นมี
00:00:17 → 00:00:19 ความทุกข์น้อยลง
00:00:19 → 00:00:23 พี่อ้อยชอบดูภาพยนตร์ไหมครับชอบดูค่ะชอบ
00:00:23 → 00:00:26 ดูเลยใช่ไหมเวลาที่เราดูภาพยนตร์ดูหนังดู
00:00:26 → 00:00:30 อะไรอย่างนี้นะมันจะมีฉากที่แบบว่าสำคัญๆ
00:00:30 → 00:00:32 ที่น่าประทับใจเลยนะที่เขาอยากจะให้เรา
00:00:32 → 00:00:33 แบบ
00:00:33 → 00:00:37 เห็นภาพนั้นชัดเจนหรือว่าสวยงามอย่างเช่น
00:00:37 → 00:00:41 ฉากแบบพระเอกเท่านั้นเองวิ่งมาเจอกันเลย
00:00:41 → 00:00:44 เทคนิคในการทำภาพยนตร์ก็จะใช้เทคนิค
00:00:44 → 00:00:48 สโลว์โมชั่นเอาเป็นแบบภาพช้าให้เราเห็น
00:00:48 → 00:00:52 แบบชัดเจนอะไรอย่างนี้นะครับแต่วันนี้ผม
00:00:52 → 00:00:54 จะไม่ได้มาเล่าเรื่องหรือมาชวนคุยเรื่อง
00:00:54 → 00:00:59 สโลโมชั่นนะครับวันนี้ผมจะมาชวนคุณผู้ฟัง
00:00:59 → 00:01:01 และพี่อ้อยเนี่ยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง
00:01:01 → 00:01:02 ประเด็นของ
00:01:02 → 00:01:05 สโล Emotion
00:01:05 → 00:01:08 [เพลง]
00:01:08 → 00:01:10 เมื่อกี้บอกว่าเคยดูภาพ
00:01:10 → 00:01:14 แล้วถ้าพูดถึงคำว่า slow motion
00:01:14 → 00:01:17 เคยได้ยินใช่ไหมก็ได้ยินบ่อยเลยค่ะแล้ว
00:01:17 → 00:01:20 นึกออกเลยนะหนัง
00:01:20 → 00:01:25 สำคัญๆเน้นๆย้ำๆหรือว่าบางทีเป็นหนังตลก
00:01:25 → 00:01:31 ที่แบบว่าจะทำฉากนั้นให้คนแบบตลกก็จะทำ
00:01:31 → 00:01:34 ช้าๆหรือฉากหนังตื่นเต้นนะที่แบบว่า
00:01:34 → 00:01:38 สไปเดอร์แมนอะไร
00:01:38 → 00:01:42 เพื่อให้เราเห็นชัดเจนว่ายิงๆอะไรนะใหญ่
00:01:42 → 00:01:45 แมงมุม
00:01:45 → 00:01:48 มันจะต้องเป็นสโลว์โมชั่นแต่วันนี้ไม่ได้
00:01:48 → 00:01:53 มาคุยเรื่องสโลโมชั่น
00:01:53 → 00:01:55 แต่คำนี้
00:01:55 → 00:01:59 ไม่เคยได้ยินมาก่อนใช่มั้ยผมก็เพิ่งเคย
00:01:59 → 00:02:01 ได้ยินเหมือนกันเนี่ย
00:02:01 → 00:02:02 แล้ว
00:02:02 → 00:02:05 คือจู่ๆผมก็เห็นคำนี้ว่า
00:02:05 → 00:02:08 ไอ้หนังที่เราสโลว์โมชั่นเนี่ย
00:02:08 → 00:02:11 คือเขาบอกว่าอย่างงี้ในหนังนะ
00:02:11 → 00:02:14 เวลาที่มันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเนี่ย
00:02:14 → 00:02:15 อย่าง
00:02:15 → 00:02:18 พวกซุปเปอร์ฮีโร่เนี่ยที่เขาไปช่วยทัน
00:02:18 → 00:02:21 เนี่ยเพราะว่าเขามีทักษะในการเห็นเหตุ
00:02:21 → 00:02:24 การณ์ที่เกิดขึ้นแบบสโลว์โมชั่น
00:02:24 → 00:02:29 เขาก็เลยช่วยทันซึ่งเราเห็นไม่ทันหรอกแต่
00:02:29 → 00:02:32 เขาอ่ะมีทักษะนั้นผมก็เลยบอก
00:02:32 → 00:02:34 แสดงว่าถ้าเกิดว่าเราเห็นอะไรที่มัน
00:02:34 → 00:02:38 ดำเนินไปอย่างช้าๆนะเราก็จะสามารถแก้ไข
00:02:38 → 00:02:39 มันได้
00:02:39 → 00:02:43 มันก็เลยนำมาสู่เอ๊ะเกิดความสงสัยครับว่า
00:02:43 → 00:02:45 แล้วถ้าอย่างนั้นน่ะ
00:02:45 → 00:02:48 ถ้าเกิดว่าเราเอาเทคนิคนี้มาใช้กับไม่ใช่
00:02:48 → 00:02:50 การเคลื่อนไหวแต่เป็นเรื่องของอารมณ์ความ
00:02:51 → 00:02:52 รู้สึกล่ะ
00:02:52 → 00:02:56 ผมก็เลยบอกเออมันน่าจะดีนะ
00:02:56 → 00:02:58 เพราะว่าผมไม่เห็นว่าคนส่วนใหญ่พี่อ้อย
00:02:58 → 00:03:03 เวลาที่มีปฏิกิริยากับอะไรบางอย่างสมมุติ
00:03:03 → 00:03:05 ว่ามีใครสักคนหนึ่งเนี่ย
00:03:05 → 00:03:09 จู่ๆก็มาด่าเราเนี่ยมาชี้หน้าด่าปึ๊บ
00:03:09 → 00:03:13 เราสวนเลยนะผมก็เลยเกิดความคิดจาก
00:03:13 → 00:03:19 โซโลโมชั่นนะมาเป็นสโลว์อีโมชั่นก็คือพอ
00:03:19 → 00:03:21 เราเจอเหตุการณ์อะไรบางอย่าง
00:03:21 → 00:03:24 แล้วแทนที่เราจะต้องตอบกลับไปเลย
00:03:24 → 00:03:27 เราก็ช้าลงนิดนึง
00:03:27 → 00:03:30 ตอบกลับช้านิดนึง
00:03:30 → 00:03:36 เพิ่มค่ะ
00:03:36 → 00:03:40 เออใช่สแกนมันก่อนเออใช่ไหมมันจะอยู่ตรง
00:03:40 → 00:03:47 กลางก่อนที่จะ slow ได้ก็คือโซนใช่พอมี
00:03:47 → 00:03:50 เหตุการณ์เข้ามาปุ๊บมากระทบปุ๊บสแกนก่อน
00:03:50 → 00:03:54 พอสแกนเสร็จแล้วก็จะสโลว์ได้การสแกนนี้
00:03:54 → 00:03:57 คืออะไรรู้ไหมพี่อ้อยถ้าพูดเป็นภาษาไทยนะ
00:03:57 → 00:03:59 คือการสำรวจ
00:03:59 → 00:04:03 คือการสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วน
00:04:03 → 00:04:05 คือการสแกนเนี่ยคือการสำรวจอย่างละเอียด
00:04:05 → 00:04:09 ถี่ถ้วนทุกครั้งเวลาที่ผมเข้าไปในเรือน
00:04:09 → 00:04:21 จำเนี่ยพี่อ้อยเข้าไปเป็นวิทยาคม
00:04:21 → 00:04:23 แล้วเข้าไปในเครื่องเอกซเรย์แล้วสแกนออก
00:04:23 → 00:04:24 มา
00:04:24 → 00:04:27 เห็นภาพตัวเองเลยเหมือนๆเวลาเดินทางออก
00:04:27 → 00:04:30 นอกประเทศประมาณอย่างนั้นหรือเปล่าไม่รู้
00:04:30 → 00:04:33 นะแต่ว่า
00:04:33 → 00:04:37 เดินทางออกนอกประเทศมันแค่สแกนวัตถุถ้ามี
00:04:37 → 00:04:43 วัตถุแหลมคมมันจะมีเสียงแต่เราไม่เห็น
00:04:43 → 00:04:46 แต่เข้าไปในเรือนจำเนี่ยสแกนเราเห็นอ๋อ
00:04:46 → 00:04:49 เห็นบอดี้แล้วเห็นร่างกายเราแล้วเป็นร่าง
00:04:49 → 00:04:52 กายเหมือนเวลาที่เราเอกซเรย์อ่ะเห็นแม่
00:04:52 → 00:04:54 หญิงกระดูก
00:04:54 → 00:04:57 แล้วไม่มีเสื้อผ้า
00:04:57 → 00:05:00 ลูกไปเลยแล้วจะได้เห็นเลยว่าเรามีซ่อน
00:05:00 → 00:05:03 อะไรไหมแต่พอพูดถึงสิ่งนี้เพราะว่าผมคิด
00:05:03 → 00:05:05 ว่าอันนี้คือเทคนิค
00:05:05 → 00:05:09 ประเด็นก็คือว่าเวลาที่เราเจออะไรบาง
00:05:09 → 00:05:11 อย่าง
00:05:11 → 00:05:15 เราจะมีความรู้สึก
00:05:15 → 00:05:18 ทันทีแล้วเราก็จะมีเราจะมีอารมณ์บางอย่าง
00:05:18 → 00:05:21 แล้วเราก็ตอบโต้ทันทีอย่างเช่นขับรถอยู่
00:05:21 → 00:05:26 อย่างนี้มีคนปาดหน้าปึ๊บกดปุ๊บด่าปั๊บเลย
00:05:26 → 00:05:29 ใช่ค่ะแต่คนด่าไปเลยใช่ค่ะ
00:05:29 → 00:05:32 ทั้งหมดแต่เราได้ยินแต่เขาไม่ได้ยิน
00:05:32 → 00:05:34 เหตุการณ์ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร
00:05:34 → 00:05:39 ครับเพราะไม่ได้สังเกตไม่ได้สแกนแล้วเรา
00:05:39 → 00:05:42 โต้ตอบแบบไม่ได้ slow ยังไม่ได้สโลว์แต่
00:05:42 → 00:05:45 ว่า Super Fast
00:05:45 → 00:05:49 ตอบกลับอย่างรวดเร็วคือแบบ
00:05:49 → 00:05:52 คือสาเหตุที่ผมนึกถึงเรื่องนี้เนี่ยมัน
00:05:52 → 00:05:55 เป็นเพราะว่าคำสองคำเลยคือคำว่า slow
00:05:55 → 00:05:56 motion
00:05:56 → 00:06:00 แล้วนำมาสู่สโล Emotion แล้วเห็นผลปุ๊บ
00:06:00 → 00:06:02 หลังจากนั้นเพื่อให้พอผมมีความรู้สึก
00:06:02 → 00:06:04 อย่างนี้ปุ๊บค่ะ
00:06:04 → 00:06:07 เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองผมผ่านไปเนี่ย
00:06:07 → 00:06:08 ผมจะเห็น
00:06:08 → 00:06:11 แล้วผมเห็นเลยว่า
00:06:11 → 00:06:14 เหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เราเห็นน่ะถ้า
00:06:14 → 00:06:17 เกิดว่าเขา slow Emotion นิดนึง
00:06:17 → 00:06:21 สถานการณ์จะดีกว่านี้ใช่ค่ะคือว่า
00:06:21 → 00:06:24 มีคนคนหนึ่งเขาเห็นสถานการณ์บางอย่างตรง
00:06:24 → 00:06:25 หน้า
00:06:25 → 00:06:29 แล้วเขาก็มีปฏิกิริยาแล้วเขาก็ตอบโต้ไป
00:06:29 → 00:06:32 เลยทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้น
00:06:32 → 00:06:35 แย่ลงไปกว่าเดิมเหตุการณ์นี้คืออะไรรู้
00:06:35 → 00:06:38 ไหมครับผมเพิ่งไปเป็นวิทยากรประเทศที่
00:06:38 → 00:06:39 หนึ่ง
00:06:39 → 00:06:42 เสร็จแล้วในการบรรยายเนี่ยคนที่บรรยาย
00:06:42 → 00:06:46 ก่อนผมก็เป็นผู้ใหญ่ขององค์กรแล้วพอเขา
00:06:46 → 00:06:50 เริ่มบรรยายพอเขาเริ่มพูดเนี่ยพนักงานที่
00:06:50 → 00:06:52 นั่งแถวหน้า
00:06:52 → 00:06:54 นั่งหลับ
00:06:54 → 00:06:57 อันนี้คือสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขาเลย
00:06:57 → 00:07:00 พนักงานที่นั่งอยู่ต่อหน้านั่งหลับ
00:07:00 → 00:07:04 พอเขาเห็นแบบนี้ปุ๊บเขาไม่สโลว์อีโมชั่น
00:07:04 → 00:07:05 เลย
00:07:05 → 00:07:08 เขารู้สึกแบบนี้เฮ้ย
00:07:08 → 00:07:12 นี่เขาเป็นเบอร์ 1 ขององค์กรนะแล้วกำลัง
00:07:12 → 00:07:13 พูด
00:07:13 → 00:07:17 อย่างนี้ได้ไงแล้วเขาก็ตอบโต้ไปอยู่นั้น
00:07:17 → 00:07:18 เลยครับพี่
00:07:18 → 00:07:22 เขาตำหนิพนักงานคนนั้นต่อหน้าทุกคนในห้อง
00:07:22 → 00:07:24 ประชุมใหญ่เลย
00:07:24 → 00:07:27 มันทำให้สถานการณ์ตอนนั้นมันแบบอื้อหือ
00:07:27 → 00:07:32 บรรยากาศมันแบบแย่มากเลยอ่ะแล้วคนนั้นก็
00:07:32 → 00:07:35 ต้องก็ต้องรู้สึกไม่ดีต้องอายแหละ
00:07:35 → 00:07:39 แต่ว่าคนอื่นที่อยู่ในห้องอ่ะ
00:07:39 → 00:07:42 ก็รู้สึกไม่ดีไปด้วยใช่ผมก็เลยเกิดความ
00:07:42 → 00:07:46 เครียดคือตำหนิ 1 คนแต่ 100 คนแย่ไปด้วย
00:07:46 → 00:07:49 แย่ไปด้วยค่ะทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ
00:07:49 → 00:07:54 ใช่ๆแต่ว่าเขาได้รับผลกระทบจากจากการที่
00:07:54 → 00:07:59 แบบว่าคำพูดคำพูดนั้นน่ะที่แบบตำหนิแล้ว
00:07:59 → 00:08:02 มันเป็นมันเป็นทฤษฎีนะก็คือว่าเวลาที่เรา
00:08:02 → 00:08:05 ตำหนิใครเนี่ยจริงๆแล้วการตำหนิใครสักคน
00:08:05 → 00:08:09 เป็นเรื่องดีนะแต่ว่าต่างตำหนิเนี่ย
00:08:09 → 00:08:13 จะดีมากถ้าเราตำหนิในที่ส่วนตัว
00:08:13 → 00:08:16 แต่ว่าเวลาที่เราจะทำอะไรบางอย่างในที่
00:08:16 → 00:08:19 สาธารณะเนี่ยไม่ควรเป็นการตำหนิแต่ว่า
00:08:19 → 00:08:21 เวลาชื่นชม
00:08:21 → 00:08:31 สาธารณะชื่นชมในที่สาธารณะ
00:08:32 → 00:08:36 คือโดยเฉพาะยิ่งกับผู้บริหารระดับสูง
00:08:36 → 00:08:38 เวลาที่เจออะไรบางอย่างแล้วโกรธปุ๊บเนี่ย
00:08:39 → 00:08:39 นะ
00:08:39 → 00:08:43 จะไม่ slow Emotion เลยจะอย่าง Super
00:08:43 → 00:08:46 Fast Emotion คือแสดงอารมณ์อย่างรวด
00:08:46 → 00:08:47 เร็ว
00:08:47 → 00:08:51 โดยเฉพาะในเรื่องตำหนิในเรื่องลบในเรื่อง
00:08:51 → 00:08:56 อะไรที่เขาไม่พอใจแต่ทันทีเลยแล้วก็ในที่
00:08:56 → 00:09:00 สาธารณะด้วยแต่เวลาจะชมพนักงานอ่ะ
00:09:00 → 00:09:04 ไม่ค่อยชมที่สาธารณะ
00:09:04 → 00:09:09 จะบอกว่าแนวคิดของผู้บริหารที่พูดกันนะคะ
00:09:09 → 00:09:12 บอกว่าถ้าจะเป็นหัวหน้าที่ดี
00:09:12 → 00:09:16 เวลาคุณชื่นชมคุณต้องชื่นชมลูกน้องคุณต่อ
00:09:16 → 00:09:20 หน้าผู้คนแต่ว่าถ้ามีประเด็นปัญหาความผิด
00:09:20 → 00:09:23 พลาดหรืออะไรหรือจะตำหนิหรือจะ comment
00:09:23 → 00:09:25 อะไรกันคุณไปทำส่วนตัว
00:09:25 → 00:09:30 นั้นคือคุณสมบัติที่ดีของหัวหน้างานค่ะ
00:09:30 → 00:09:33 เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามนะพี่อ้อยข้อ
00:09:33 → 00:09:35 สังเกตผมแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการยก
00:09:35 → 00:09:37 ประเด็นแบบนี้มาเป็นข้อสังเกตว่าหัวหน้า
00:09:37 → 00:09:40 ที่ดีควรเป็นอย่างนี้เนี่ยเป็นเพราะอะไร
00:09:40 → 00:09:44 รู้ไหมครับที่เขาต้องตั้งข้อสังเกตนี้
00:09:44 → 00:09:48 ในความเป็นจริงมันตกเหมือนข้าวอ๋อใช่ๆมัก
00:09:48 → 00:09:50 จะเป็นอย่างนี้เหมือนกับเหมือนกับ
00:09:50 → 00:09:52 วันสำคัญน่ะพี่อ้อย
00:09:52 → 00:09:55 เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีกำหนดวันสำคัญ
00:09:55 → 00:09:59 เรื่องอะไรนะแสดงว่าเรื่องนั้นวิกฤตแล้ว
00:09:59 → 00:10:02 ยกตัวอย่างเช่นอะไรฮะในปีนึงเราจะมีวันงด
00:10:02 → 00:10:03 สูบบุหรี่
00:10:03 → 00:10:10 นั่นหมายความว่าอะไรครับ
00:10:10 → 00:10:14 มีอีกวันนึงครับในแต่ละปีเนี่ยวันเสาร์
00:10:14 → 00:10:18 ที่ 2 ของปีจะเป็นวันเด็ก
00:10:18 → 00:10:22 นั่นหมายความว่าไม่ลืมๆๆดูแลเด็ก
00:10:22 → 00:10:25 สถานการณ์เรื่องเด็กแล้ว
00:10:25 → 00:10:28 เราไม่ให้ความสำคัญในความเป็นจริงหรือวัน
00:10:28 → 00:10:31 อะไรอย่างเงี้ยวันผู้สูงอายุวันครู
00:10:31 → 00:10:35 ทั้งหมดที่ถูกตั้งเป็นวันใดวันหนึ่ง
00:10:35 → 00:10:50 สังเกตดิครับ
00:10:50 → 00:10:53 ตอนนี้เรากำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องสโล
00:10:53 → 00:10:59 Emotion
00:10:59 → 00:11:04 ก็คือไม่รู้จักช้าในการมีปฏิกิริยาโต้ตอบ
00:11:04 → 00:11:06 กับสิ่งใด
00:11:06 → 00:11:12 เจอปุ๊บตอบปั๊บส่วนใหญ่เนี่ยจะให้ผลเสีย
00:11:12 → 00:11:16 เสียๆแน่ๆเลยค่ะเพราะว่าเท่าที่เห็นมาใน
00:11:16 → 00:11:20 ชีวิตเนี่ยไม่ว่าเรื่องอะไรเนี่ยก็มีแต่
00:11:20 → 00:11:21 เสีย
00:11:21 → 00:11:24 อย่างเคสที่ที่แบบเห็นบนท้องถนนบ่อย
00:11:24 → 00:11:25 เหมือนกัน
00:11:25 → 00:11:30 เคยเจอประมาณว่าแท็กซี่กับรถเก๋งในรถเก๋ง
00:11:30 → 00:11:34 มีผู้ชาย 2 คนนี่แท็กซี่ขับมาแท็กซี่ดิบ
00:11:34 → 00:11:36 แต่ 1 ปีค่ะ
00:11:36 → 00:11:41 อาจจะแบบว่าแบบอะไรนะ
00:11:41 → 00:11:46 พอพอติดไฟแดงเท่านั้นน่ะลงมาบูธที่ท่าน
00:11:46 → 00:11:52 หมดเลยอ่ะแค่ปริ้นเดียวเองค่ะพี่วีนี่ไง
00:11:52 → 00:11:56 เราไม่สโลว์ถ้าเกิดสโล Emotion เนี่ยนะมี
00:11:56 → 00:11:59 การสแกนก่อนว่าที่เขาบีบนี่ก็คือเขาบีบ
00:11:59 → 00:12:04 เพราะบีเพื่ออ่าหรือว่าค่ำๆไปเลยก็ได้ไม่
00:12:04 → 00:12:06 ต้องอ่า
00:12:06 → 00:12:09 ช่างมันเถอะช่างมันเถอะเราก็ตอบโต้ช้า
00:12:09 → 00:12:10 หน่อย
00:12:10 → 00:12:15 ค่ะ
00:12:15 → 00:12:18 ทำไมถึงต้องนึกถึง slow Emotion
00:12:18 → 00:12:22 ผมก็ประหลาดใจว่าเวลาที่เรา
00:12:22 → 00:12:24 โต้ตอบหรือแสดงแต่ปฏิกิริยาหรืออารมณ์
00:12:24 → 00:12:27 ความรู้สึกอะไรอย่างรวดเร็วต่ออะไรบาง
00:12:27 → 00:12:33 อย่างส่วนใหญ่เกือบจะ 100%
00:12:33 → 00:12:37 พอทำไปแล้วเกือบจะทันทีเลยเรามักจะคิดว่า
00:12:37 → 00:12:40 ไม่น่าพูดแบบนั้นเลย
00:12:40 → 00:12:43 ไม่น่าทำแบบนั้นไม่น่าตอบแบบนั้นไม่น่า
00:12:43 → 00:12:45 แสดงสีหน้าอย่างนั้น
00:12:45 → 00:12:50 อันนี้อันนี้มีทฤษฎีรองรับนิดนึงค่ะ
00:12:50 → 00:12:54 เป็นเป็นส่วนของเรื่องการทำงานของสมองค่ะ
00:12:54 → 00:12:56 พี่
00:12:56 → 00:13:00 คือสมองเราเนี่ยมันจะมีถ้าพูดถึง 3 ส่วน
00:13:00 → 00:13:04 หลักๆง่ายๆง่ายเลยแบบไม่ใช่เป็นเป็นหมอ
00:13:04 → 00:13:07 หรือเป็นอะไรแต่ว่าพูดในทฤษฎีให้เข้าใจ
00:13:07 → 00:13:10 ง่ายก็คือส่วนส่วนแรกอยู่ด้านล่างก็จะ
00:13:10 → 00:13:28 เป็นส่วนของอ่า
00:13:28 → 00:13:31 ส่วนของอารมณ์ที่เป็นส่วนกลาง
00:13:31 → 00:13:34 ถ้าเมื่อไหร่มันทำงานพุ่งๆ
00:13:34 → 00:13:38 ส่วนคิดจะไม่ทำงานเพราะฉะนั้นเนี่ยพอ
00:13:38 → 00:13:42 อารมณ์มันพุ่งปุ๊บขึ้นมาแล้วความคิดตรรกะ
00:13:42 → 00:13:45 เหตุผลว่าเออมันไม่สมควรนู่นนี่มันก็เลย
00:13:45 → 00:13:49 ไม่ทันคิดมันจะเอาแต่โมโหแล้วก็โต้ตอบ
00:13:49 → 00:13:53 อย่างรวดเร็วแต่เมื่อกี้พี่วีพูดว่าหลัง
00:13:53 → 00:13:56 จากนั้นน่ะมักกลับมาคิดว่าไม่น่าทำเลย
00:13:56 → 00:14:00 เพราะว่าตอนนั้นน่ะสมองส่วนอารมณ์มันสงบ
00:14:00 → 00:14:03 ลงไปแล้วไงคะส่วนหน้าที่เป็นเรื่องคิด
00:14:03 → 00:14:07 เนี่ยมันก็เลยทำงานขึ้นมาว่าเออถ้าเออเรา
00:14:07 → 00:14:08 ไม่ทำอย่างนั้นก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์
00:14:08 → 00:14:11 อย่างนี้ไม่น่าเลยเงี้ยค่ะเป็นเพราะว่า
00:14:11 → 00:14:15 กระบวนการของสมองเราค่ะเพราะฉะนั้นเวลา
00:14:15 → 00:14:17 ที่สมองส่วนตรงกลางอ่ะที่มันทำหน้าที่
00:14:18 → 00:14:20 เรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ไงถ้ามันทำงานอยู่
00:14:20 → 00:14:23 ไอ้ส่วนคิดมันก็แทบจะไม่มีผลอะไรแบบว่า
00:14:23 → 00:14:26 อ่อนด้อยลงไปเลยค่ะเพราะฉะนั้นเราต้องเรา
00:14:26 → 00:14:29 ต้องมีกระบวนการที่จะดูแลอารมณ์ตัวเรา
00:14:29 → 00:14:33 เพื่อว่าถ้าสมมุติว่ามันไม่พุ่งไปในทางลบ
00:14:33 → 00:14:36 ความคิดมันยังทำงานได้อยู่มันก็จะ Balance
00:14:36 → 00:14:39 กันค่ะโหอันนี้มีประโยชน์มากเลยนะครับ
00:14:39 → 00:14:42 แล้วพี่อ้อยบอกว่าอาจจะไม่ใช่นักวิชาการ
00:14:42 → 00:14:44 ไม่ใช่หมอแต่ว่าอันนี้เป็นเรื่องของการ
00:14:44 → 00:14:46 ศึกษาที่พี่อ้อยศึกษามาเพราะว่าเราต้องไป
00:14:46 → 00:14:49 ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนามนุษย์เรา
00:14:49 → 00:14:52 ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้มันน่าสนใจมากแล้ว
00:14:52 → 00:14:54 มันมาสอนรับกับเรื่องนี้พอดีเลย
00:14:54 → 00:14:58 ว่าทำไมต้อง slow Emotion
00:14:58 → 00:15:01 ที่เราต้อง slow Emotion เนี่ยต้องทำให้
00:15:01 → 00:15:04 มันช้าลงเพราะว่าไอ้สมองส่วนคิดมันจะได้
00:15:04 → 00:15:06 ทำงาน
00:15:06 → 00:15:10 เพราะสมองส่วนคิดเออแล้วมันก็ไปเข้า
00:15:10 → 00:15:13 เรื่องกับประเด็นอีกประเด็นหนึ่งนะ
00:15:13 → 00:15:15 มันเป็นคลิปที่
00:15:15 → 00:15:19 เจ้าหน้าที่ในในอุทยานนะครับอันนี้ใน
00:15:19 → 00:15:24 แอฟริกานะครับเขาก็ไปช่วยหลายคนเลยเป็น
00:15:24 → 00:15:29 สิบๆคนนะเขาก็ได้มีคนแจ้งมาว่ามีฝูงควาย
00:15:29 → 00:15:34 ป่าอยู่ฝูงหนึ่งนะครับมันดันแบบไปกินน้ำ
00:15:34 → 00:15:38 แล้วมันก็ตกลงไปในบ่อโคลนซึ่งกินน้ำได้
00:15:38 → 00:15:40 สุดก็ลงไปในบ่อโคลนนี่มัน
00:15:41 → 00:15:43 ดูดแล้วขึ้นไม่ได้
00:15:43 → 00:15:47 มันไม่สามารถขึ้นได้เพราะเจ้าหน้าที่ได้
00:15:47 → 00:15:50 รับแจ้งเขาก็เลยไปช่วยไปช่วยเสร็จปุ๊บ
00:15:50 → 00:15:53 วิธีการช่วยทุลักทุเลมากน้อยต้องเอาเชือก
00:15:53 → 00:15:56 ไปมัดที่เขาบ้างที่คอมากแล้วก็เอารถเนี่ย
00:15:56 → 00:15:58 ค่อยๆลากมันขึ้นมา
00:15:58 → 00:16:02 เพราะตัวใหญ่มันหนักมากพอลากมันขึ้นมา
00:16:02 → 00:16:03 เนี่ย
00:16:03 → 00:16:06 ค่อยๆปึ๊บพอมันขึ้นมาอยู่ในระดับที่เป็น
00:16:06 → 00:16:07 พื้นดิน
00:16:07 → 00:16:13 มันก็นอนพักอยู่ในสักพักหนึ่งหมดแรงพอมัน
00:16:13 → 00:16:16 พักสักแป๊บนึงพอมันลุกขึ้นมาได้มันก็วิ่ง
00:16:16 → 00:16:19 หนีเข้าไปในป่าเป็นสิบๆตัวเลยนะเจ้าหน้า
00:16:19 → 00:16:23 ที่ก็ช่วยตัวแล้วตัวเล่าตัวแล้วตัวเรานึก
00:16:23 → 00:16:25 ว่าตัวเดียวหลายตัวแต่ว่ามันมีอยู่ตัวนึง
00:16:25 → 00:16:29 ครับพี่อ้อยพอมันขึ้นมาปุ๊บนี่นะเจ้าหน้า
00:16:29 → 00:16:31 ที่ดึงมันขึ้นไปได้เพราะมันพักจนมันหาย
00:16:31 → 00:16:35 เหนื่อยปุ๊บมันลุกขึ้นมาปุ๊บนะมันไล่ขวิด
00:16:35 → 00:16:37 เจ้าหน้าที่
00:16:37 → 00:16:40 รวมทั้งรถที่ช่วยลากมันด้วยนะ
00:16:40 → 00:16:42 ก็เจอก็เจอหมดเลย
00:16:42 → 00:16:44 เจ้าหน้าที่วิ่งหนีกันใหญ่เลย
00:16:44 → 00:16:48 คือผมเคยเห็นคลิปนี้แล้วผมเคยเอาคลิปนี้
00:16:48 → 00:16:51 ไปใช้ประกอบการบรรยายด้วย
00:16:51 → 00:16:53 เพราะผมให้ดูคลิปนี้เนี่ยแล้วผมก็ถามคน
00:16:54 → 00:16:56 ที่มาเข้ารับการอบรมบอกว่า
00:16:56 → 00:16:58 พอเราเห็นคลิปนี้เนี่ย
00:16:58 → 00:17:02 วัวที่เขาช่วยได้เนี่ยพอปึ๊บมันก็วิ่งหนี
00:17:02 → 00:17:04 เข้าป่าไปนะ
00:17:04 → 00:17:08 ไม่มีตัวไหนกลับมาวิ่งกลับมาขอบคุณเลยนะ
00:17:08 → 00:17:10 เออ
00:17:10 → 00:17:12 ประกันต่อมานอกจากจะไม่ให้ขอบคุณและมี
00:17:12 → 00:17:15 อยู่ตัวนึงทำร้ายอีกยังมาทำร้ายอีก
00:17:15 → 00:17:17 แล้วผมก็ถามว่าถ้าเราเป็นเจ้าหน้าที่
00:17:17 → 00:17:22 เราจะโกรธไอ้วัวไอ้ควายตัวนี้มั้ยตัวที่
00:17:22 → 00:17:25 เราอุตส่าห์ช่วยมาแล้วเนี่ยมันยังกลับมา
00:17:25 → 00:17:28 ทำร้ายเราเนี่ยเราจะโกรธมันไหมแล้วผมก็
00:17:28 → 00:17:32 ให้เวทีพูดคุยเลยเขาก็บอกว่า
00:17:32 → 00:17:35 ไม่โกรธนะ
00:17:35 → 00:17:38 ว่าทำไมไม่โกรธล่ะเราอุตส่าห์ช่วยมันนะ
00:17:38 → 00:17:40 กลับมาทำร้ายเราอีก
00:17:40 → 00:17:44 ก็จะไปโกรธมันทำไมมันเป็นควาย
00:17:44 → 00:17:46 [เสียงหัวเราะ]
00:17:46 → 00:17:49 มันควายมันจะไปมีความคิดอะไร
00:17:49 → 00:17:53 มันไม่มีความคิดหรอกใช่ไหมเราก็เลยไม่
00:17:53 → 00:17:55 โกรธมันอย่างนี้
00:17:55 → 00:17:58 แต่วันนั้นเนี่ยก็สรุปได้ว่าอ๋อ
00:17:58 → 00:17:59 นี่ไง
00:18:00 → 00:18:01 อันนี้เรากำลังพูดถึง
00:18:02 → 00:18:05 มาตรการที่พี่อ้อยพูดอ่ะว่าเราจะ
00:18:05 → 00:18:08 สโลว์โมชั่นได้ก็คือเราต้องรู้จักสแกน
00:18:08 → 00:18:13 สำรวจสภาพแวดล้อมแล้วเราก็จะเราก็จะรู้
00:18:13 → 00:18:16 ว่าอ๋อมันเป็นควายเป็นควายเราจะไปโกรธ
00:18:16 → 00:18:21 ทำไมล่ะอย่าเป็นคนชนะ
00:18:21 → 00:18:25 เข้าสู่ประเด็นนี้เลยพี่อ้อยแล้วผมก็ถาม
00:18:25 → 00:18:28 ที่คนที่เข้าอบรมบอกว่าแล้วถ้าสิ่งนั้น
00:18:28 → 00:18:30 เป็นคนน่ะ
00:18:30 → 00:18:32 จะโกรธไหม
00:18:32 → 00:18:38 มีคนถึงตอบทันทีโอ้โหแน่นอนเลยต้องโกรธ
00:18:38 → 00:18:41 แน่นอนเพราะอะไรเพราะคนไม่ใช่ควายนี่ใช่
00:18:41 → 00:18:44 ป่ะแต่มีอยู่คนนึงครับ
00:18:44 → 00:18:45 เขาตอบว่า
00:18:45 → 00:18:49 ก็ต้องดูก่อน
00:18:49 → 00:18:51 ต้องดูสภาพแวดล้อมก่อน
00:18:51 → 00:18:52 ว่าคนๆนั้น
00:18:52 → 00:18:55 เป็นใคร
00:18:55 → 00:18:59 เพราะว่าอันนี้แบบ slow แล้วไงเพราะว่า
00:19:00 → 00:19:01 แค่บอกว่า
00:19:01 → 00:19:04 อันนั้นมันเป็นควายเราก็เลยไม่โกรธ
00:19:04 → 00:19:06 อันนี้ก็เป็นสแกนแบบง่ายๆแต่พอบอกเปลี่ยน
00:19:06 → 00:19:09 เป็นคนปุ๊บบางคนสแกนไม่ทันไงก็เครื่อง
00:19:09 → 00:19:13 สแกนเขาเป็นเครื่องสแกนหยาบๆว่าควายมัน
00:19:13 → 00:19:15 ไม่รู้จักคิดถ้าเป็นคนก็รู้จัก
00:19:15 → 00:19:19 แต่มีอีกคนนึงเครื่องสแกนเขาสแกนละเอียด
00:19:19 → 00:19:23 ว่าถึงแม้จะเป็นคน
00:19:23 → 00:19:25 เขาก็ไม่โกรธนะ
00:19:25 → 00:19:28 ต้องดูก่อนว่าคนๆนั้นน่ะ
00:19:28 → 00:19:30 เป็นใคร
00:19:30 → 00:19:33 แล้วก็คนๆนั้นเนี่ย
00:19:33 → 00:19:35 เติบโตมาจากสภาพแวดล้อมแบบ
00:19:35 → 00:19:39 แหละคนที่มองไม่เห็นนะเวลานั้นตอนนั้นไม่
00:19:39 → 00:19:43 เห็นต้องสแกนกลับไปหรือว่าคนๆนั้นเนี่ย
00:19:43 → 00:19:46 เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน
00:19:46 → 00:19:52 หรือว่าคนๆนั้นเนี่ยเขาเจออะไรมาในชีวิต
00:19:52 → 00:19:57 พี่อ้อยเห็นไหมครับว่าที่บอกว่าไอ้ slow
00:19:57 → 00:20:00 Emotion มันเป็นเรื่องดีแต่วิธีการเนี่ย
00:20:00 → 00:20:03 คำที่พี่อ้อยพูดถึงก็คือการสแกนนี่แหละ
00:20:03 → 00:20:06 คือสิ่งที่จะช่วยที่ทำให้เรา
00:20:06 → 00:20:11 สามารถที่จะตอบโต้อะไรออกไปแบบช้าลงนิด
00:20:11 → 00:20:12 นึง
00:20:12 → 00:20:15 แล้วเราจะได้ไม่มาเสียใจในภายหลัง
00:20:15 → 00:20:19 เพราะฉะนั้นพี่วีคะมีคำถาม
00:20:19 → 00:20:23 พอเราสแกนใช่ไหมคะเราสโลว์เราสแกน
00:20:23 → 00:20:28 ที่กรณีตัวอย่างที่พี่บีเล่าก็คือดูสิว่า
00:20:28 → 00:20:31 เขาเติบโตมายังไงสิ่งแวดล้อมหรือว่าเขา
00:20:31 → 00:20:35 เจออะไรมาในชีวิตแต่ว่าถ้าสมมุติว่าเป็น
00:20:35 → 00:20:38 คนที่เราไม่รู้เลยเป็นคนแปลกหน้าที่มาเจอ
00:20:38 → 00:20:41 กันเดี๋ยวนั้นแล้วแล้วมาปะทะกันอยู่นั้น
00:20:41 → 00:20:45 เนี่ยเราจะมีวิธีคิดยังไงที่จะทำให้เรา
00:20:45 → 00:20:47 สโลว์และสแกนได้ค่ะ
00:20:47 → 00:20:50 อันนี้เป็นคำถามที่ดีมากเลยนะฮะ
00:20:50 → 00:20:53 คือว่าผมเนี่ยมีวิธีคิดอย่างนี้ครับพี่
00:20:53 → 00:20:55 อ้อยว่าถ้าเรารู้
00:20:55 → 00:21:00 ถ้าเรารู้ข้อมูลเนี่ยมันจะทำให้เรา slow
00:21:00 → 00:21:03 ให้เราตอบโต้ได้ช้าลงใช่ไหมครับถ้าเรารู้
00:21:03 → 00:21:06 ใช่ไหมแต่กรณีนี้เนี่ยเราไม่เคยเจอมาก่อน
00:21:06 → 00:21:08 เราไม่มีทางรู้เลย
00:21:08 → 00:21:13 ผมก็จะบอกตัวเองว่าก็ถ้าเรารู้ไงแต่กรณี
00:21:13 → 00:21:16 นี้เพราะเราไม่เคยเจอมาก่อนเราก็เลยไม่
00:21:16 → 00:21:16 รู้
00:21:16 → 00:21:20 เราไม่รู้เนี่ยไม่ใช่หมายความว่ามันไม่มี
00:21:20 → 00:21:22 [เพลง]
00:21:22 → 00:21:25 แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขานะอยู่ที่
00:21:25 → 00:21:27 ใครอยู่ที่เราเพราะเราไม่รู้
00:21:27 → 00:21:32 แต่พื้นฐานของความเชื่อที่ว่าคำนี้คำ
00:21:32 → 00:21:33 เดียวเลยพี่อ้อย
00:21:33 → 00:21:35 ถ้าเรารู้
00:21:35 → 00:21:40 คือผมมีความเชื่อว่าคนทุกคนเนี่ยให้เขา
00:21:40 → 00:21:42 เป็นแบบที่เขาเป็น
00:21:42 → 00:21:45 เราไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้
00:21:45 → 00:21:49 เราไม่ต้องชอบก็ได้แต่ว่าถ้าเรารู้ว่า
00:21:49 → 00:21:52 ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น
00:21:52 → 00:21:55 ถ้าเรารู้นะเราจะมีความเข้าใจเขาแล้วเรา
00:21:55 → 00:21:59 จะเห็นอกเห็นใจเขาเราจะมีความเมตตาต่อเขา
00:21:59 → 00:22:02 ง่ายขึ้นแล้วก็มากขึ้น
00:22:02 → 00:22:07 แล้วผมก็จะบอกกับตัวเองเลยว่าก็ถ้าเราไม่
00:22:07 → 00:22:08 รู้
00:22:08 → 00:22:11 ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี
00:22:11 → 00:22:13 พฤติกรรมเขาถ้าเราไม่รู้ก็ไม่ได้หมายความ
00:22:13 → 00:22:17 ว่าพฤติกรรมนั้นไม่มีที่มา
00:22:17 → 00:22:20 ปัญหานี้กับย้อนกลับมาที่เราเลยนะ
00:22:20 → 00:22:26 ก็คือเป็นเพราะว่าเราไม่รู้ใช่แล้วเราก็
00:22:26 → 00:22:29 มันทำให้เราง่ายขึ้นแล้วผมได้รู้เรื่อง
00:22:29 → 00:22:31 นี้มาจากไหนหรือมันพี่อ้อยผมเลยลืมเรื่อง
00:22:31 → 00:22:34 นี้มาจากไหนในเรือนจำ
00:22:34 → 00:22:36 ในคุกอ่ะ
00:22:36 → 00:22:39 ตอนเริ่มแรกที่เข้าไปผมก็ไม่ slow
00:22:39 → 00:22:41 Emotion
00:22:41 → 00:22:43 ตอนแรกๆเข้าไปผมเห็นพฤติกรรมของผู้ต้อง
00:22:43 → 00:22:46 ขังบางคนผมก็จะตำหนิเขาในใจเลย
00:22:46 → 00:22:51 แล้วเราก็แต่ว่าผมไม่มีปฏิกิริยาที่เป็น
00:22:51 → 00:22:54 คำพูดแต่ว่าผมตำหนิในใจแต่ว่าตำหนิในใจ
00:22:54 → 00:22:58 เนี่ยผมรู้ว่ามนุษย์ถ้าตำหนิในใจนะมันจะ
00:22:58 → 00:23:02 ออกทางสีหน้าใช่ป่ะเราก็ไม่รอดหรอกแต่ว่า
00:23:02 → 00:23:06 ค่อยๆเวลาที่เราเจอเหตุการณ์เจอเคสบ่อยๆ
00:23:06 → 00:23:10 มันจะทำให้เราค่อยๆเข้าใจว่ามีวันหนึ่งผม
00:23:10 → 00:23:13 ไปเจอผู้ต้องขังคนนึงที่แว๊บแรกที่เจอผม
00:23:13 → 00:23:16 มีความรู้สึกว่าโอ้โหอันนี้ไม่ไหว
00:23:16 → 00:23:20 คนนี้ยิ่งกว่าคำว่าเลว
00:23:20 → 00:23:22 ในใจเราคิดเลยนะ
00:23:22 → 00:23:26 แต่พอผ่านกระบวนการฝึกอบรมเราจัดกิจกรรม
00:23:26 → 00:23:28 อบรมเขาเราได้มีการให้เขาพูดคุยแลก
00:23:28 → 00:23:31 เปลี่ยนความคิดเห็นเราได้เห็นความคิดเขา
00:23:31 → 00:23:35 แล้วเราได้ฟังกันแบ่งปันของเขาพี่อ้อยมัน
00:23:35 → 00:23:39 ทำให้เรารู้สึกว่ารู้สึกผิดอ่ะ
00:23:39 → 00:23:42 ที่เราไปตัดสินเขาไปแล้ว
00:23:42 → 00:23:44 หลังจากนั้นมาทำให้ผมเกิดการเรียนรู้เลย
00:23:44 → 00:23:47 ว่าอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้นี่เราไม่
00:23:47 → 00:23:51 เห็นไม่ใช่หมายความว่ามันไม่มี
00:23:51 → 00:23:55 มันมีแต่เราไม่รู้
00:23:55 → 00:23:58 เพราะฉะนั้นในเมื่อมันมีเรายังไม่รู้ก็
00:23:58 → 00:24:01 ไม่เป็นไรเราก็จัดการกับสิ่งนั้นในฐานะ
00:24:01 → 00:24:03 ที่มันมีไปก่อน
00:24:03 → 00:24:06 แล้วเดี๋ยวในภายหลังอ่ะ
00:24:06 → 00:24:09 เราค่อยไปรู้ในภายหลังก็ได้
00:24:09 → 00:24:13 ก็น่าจะช่วยได้เป็นเป็นแนวคิดแนวปฏิบัติ
00:24:13 → 00:24:16 ที่ถ้าทุกคนสามารถเอา
00:24:16 → 00:24:19 หลักการนี้มาใช้ได้เนี่ยมันจะทำให้ชีวิต
00:24:19 → 00:24:22 สงบสุขมากขึ้นเลยเราแบบทุกข์น้อยลงเลยอ่ะ
00:24:22 → 00:24:26 ค่ะ
00:24:26 → 00:24:30 แล้วก็ศัลยกรรมความสุขตอนนี้นะครับคุณผู้
00:24:30 → 00:24:33 ฟังครับไม่ใช่สโลโมชั่นสโลว์ชั่น
00:24:33 → 00:24:37 คือแสดงอารมณ์ความรู้สึก
00:24:37 → 00:24:40 เขาเรียกว่าอะไรนะตอบกลับต่อสิ่งที่เรา
00:24:40 → 00:24:44 เห็นนะ Reaction ช้าลงหน่อยไม่ต้องรีบมาก
00:24:44 → 00:24:48 ช้าลงนิดนึงแล้วมันจะช้าลงได้ไง
00:24:48 → 00:24:52 สแกนก็คือสแกน
00:24:52 → 00:24:56 ให้เห็นอย่างละเอียดอ่ะแล้วเครื่องสแกน
00:24:56 → 00:24:59 ของเราถ้าเราฝึกบ่อยๆเนี่ยเราจะสแกนได้
00:24:59 → 00:25:01 เร็วขึ้นแล้วก็ได้รายละเอียดถี่ถ้วนมาก
00:25:01 → 00:25:02 ขึ้น
00:25:02 → 00:25:06 เครื่องมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าในเรือนจำ
00:25:06 → 00:25:09 อีกยิ่งกว่าเพราะว่าสแกนไม่ได้เห็นแค่
00:25:09 → 00:25:13 วัตถุเข้าไปถึงหัวใจเลย
00:25:13 → 00:25:15 เพราะฉะนั้นรายการศัลยกรรมความสุขวันนี้
00:25:15 → 00:25:18 นะครับผมแล้วก็พี่อ้อยนะครับก็ต้องขอลาไป
00:25:18 → 00:25:20 ก่อนแล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าครับสวัสดี
00:25:20 → 00:25:24 ครับสวัสดีค่ะ
00:25:24 → 00:25:27 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:25:27 → 00:25:42 ของไทย
00:25:42 → 00:25:47 [เพลง]