00:00:00 → 00:00:02 สมองของเรานะครับที่เป็นอวัยวะที่สำคัญ
00:00:02 → 00:00:04 ที่สุดของร่างกายเนี่ยมันทำงานหนักตลอด
00:00:04 → 00:00:07 เวลาเลยนะครับแม้กระทั่งตอนที่เรานอนหลับ
00:00:07 → 00:00:09 เนี่ยมันก็ยังทำงานอยู่และในเมื่อมันทำ
00:00:09 → 00:00:12 งานหนักมากๆเนี่ยครับมันก็จะสร้างขยะหรือ
00:00:12 → 00:00:15 ว่าของเสียออกมาเยอะแยะเต็มไปหมดเลยแล้ว
00:00:15 → 00:00:18 ถ้าเกิดว่าเราไม่ช่วยสมองในการกำจัดขยะ
00:00:18 → 00:00:20 เหล่านี้ให้มันออกไปให้สมองมันโล่งๆเนี่ย
00:00:20 → 00:00:22 นะครับประสิทธิภาพในการทำงานของสมองเนี่ย
00:00:22 → 00:00:25 มันก็จะลดลงเท่านั้นยังไม่พอยังทำให้สมอง
00:00:25 → 00:00:28 เองเนี่ยครับมันเสื่อมได้เร็วกว่าวัยอัน
00:00:28 → 00:00:31 ควรด้วยนะครับปกติอวัยวะอื่นๆในร่างกาย
00:00:31 → 00:00:33 เนี่ยนะครับเวลาที่มันสร้างของเสียเนี่ย
00:00:33 → 00:00:36 มันจะมีระบบน้ำเหลืองครับก็คือจะมีท่อ
00:00:36 → 00:00:39 เล็กๆนะครับวิ่งพาดผ่านทุกอวัยวะเลยแล้ว
00:00:39 → 00:00:42 ไอ้เจ้าน้ำเหลืองเนี่ยนะครับจะคอยชะเอา
00:00:42 → 00:00:45 ของเสียเนี่ยไหลออกไปลงท่อน้ำเหลืองแล้ว
00:00:45 → 00:00:49 ก็พาออกไปลงท่อน้ำเลือดแล้วก็ส่งไปยังตับ
00:00:49 → 00:00:51 ในการดีท็อกซ์แล้วก็ส่งไปยังไตในการกำจัด
00:00:51 → 00:00:54 ออกไปนะครับแต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง
00:00:54 → 00:00:57 สมองกับอวัยวะอื่นๆก็คือว่าสมองเนี่ยมัน
00:00:57 → 00:01:00 ไม่มีระบบน้ำเหลืองที่มาช่วยในการพาเอา
00:01:00 → 00:01:04 ขยะออกไปจากสมองครับมันมีระบบพิเศษที่ไม่
00:01:04 → 00:01:06 เหมือนชาวบ้านเลยเรียกว่าพิเศษมากๆนะครับ
00:01:06 → 00:01:09 วันนี้ผมจะพาทุกคนไปรู้จักกับระบบกำจัด
00:01:09 → 00:01:12 ของเสียในสมองซึ่งจำเป็นมากๆกับตัวเรานะ
00:01:12 → 00:01:14 ครับในการช่วยให้ระบบเนี้ยมันทำงานได้
00:01:14 → 00:01:17 เต็มที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้สมองของเรา
00:01:17 → 00:01:20 ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นแล้วก็เสื่อมช้าลง
00:01:20 → 00:01:22 เดี๋ยวไปดูกันครับว่าสมองกำจัดของเสียยัง
00:01:22 → 00:01:25 ไงแล้วจะ OST ระบบนี้ได้ยังไงบ้างครับ
00:01:25 → 00:01:28 This is the Standard podcast Eye
00:01:28 → 00:01:31 Opening for your ears
00:01:31 → 00:01:33 Top tole podcast สุขภาพที่ใช้
00:01:33 → 00:01:38 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:38 → 00:01:41 เท้าเรามาเริ่มกันที่สมองก่อนนะครับต้อง
00:01:41 → 00:01:44 บอกว่าอวัยวะนี้เป็นอวัยวะที่มีค่าที่สุด
00:01:44 → 00:01:46 ร่างกายเนี่ยปกป้องมันยิ่งกว่าไข่ในหิน
00:01:46 → 00:01:49 เลยเพราะฉะนั้นสมองเองเนี่ยนะครับมันถูก
00:01:49 → 00:01:52 ห้อมล้อมด้วยกำแพงเมืองอย่างแน่นหนาไม่
00:01:52 → 00:01:55 ยอมให้มีอะไรที่จะวิ่งเข้าออกไปได้ผมเคย
00:01:55 → 00:01:58 mention ไปถึง bl Brain barrier นะ
00:01:58 → 00:02:00 ครับก็คือว่าเส้นเลือดเนี่ยมันเป็นตัวนำ
00:02:00 → 00:02:03 พามาซึ่งอาหารสารสำคัญต่างๆรวมถึง
00:02:03 → 00:02:05 ออกซิเจนส่งมาเลี้ยงสมองใช่มั้ยแต่ว่าตัว
00:02:05 → 00:02:07 เลือดเองเนี่ยมันไม่สามารถจะทะลุทะลวง
00:02:07 → 00:02:09 เข้าไปยังเซลล์ต่างๆที่อยู่ข้างในของสมอง
00:02:09 → 00:02:12 ได้นะครับมันวิ่งมาได้ถึงแค่กำแพงเมือง
00:02:12 → 00:02:14 ของสมองเท่านั้นเองแล้วที่กำแพงเมือง
00:02:14 → 00:02:17 เนี่ยนะครับมันจะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็น
00:02:17 → 00:02:20 เหมือนกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเลยอ
00:02:20 → 00:02:22 ครับมันมีชื่อว่าเกลี่ยวเซลส์ครับเจ้า
00:02:22 → 00:02:25 เกลี่ยวเซลส์เนี่ยครับมันจะคอยคัดเลือก
00:02:25 → 00:02:28 ว่าจะยอมให้สารอะไรผ่านเข้าไปในสมองได้
00:02:28 → 00:02:31 บ้างและพยายามจะบล็อกสารที่ไม่จำเป็นให้
00:02:31 → 00:02:34 ผ่านเข้าไปในสมองได้เลยนะครับเพื่อปกป้อง
00:02:34 → 00:02:36 สมองที่มีค่าเพราะว่าป้องกันไม่ให้อะไรก็
00:02:36 → 00:02:38 ตามที่มันอันตรายแล้วก็สามารถจะทำร้าย
00:02:38 → 00:02:40 สมองเราได้วิ่งเข้าไปเพราะฉะนั้นเป็นเหตุ
00:02:40 → 00:02:44 ผลว่าทำไมในสมองเองเนี่ยครับถึงไม่มี
00:02:44 → 00:02:47 เลือดถึงไม่มีน้ำเหลืองไม่มีท่อน้ำเหลือง
00:02:47 → 00:02:50 เล็กๆแตกต่างจากอวัยวะอื่นๆนะครับแต่ที
00:02:50 → 00:02:53 นี้พอสมองเองมันได้อาหารแล้วมันต้องทำงาน
00:02:53 → 00:02:56 นะครับแน่นอนมันต้องมีการสร้างของเสีย
00:02:56 → 00:02:59 หรือว่ามีของที่มันชำรุดเสียหายแล้วมันก็
00:02:59 → 00:03:01 จะกลายเป็นขยะหมักหมมอยู่ในสมองซึ่งมันก็
00:03:02 → 00:03:04 ต้องมีเวย์ในการที่กำจัดออกไปใช่มยถ้า
00:03:04 → 00:03:06 เกิดว่ามันเก็บไปเรื่อยๆเนี่ยขยะก็จะล้น
00:03:06 → 00:03:08 สมองสมองก็ทำงานไม่ดีแล้วก็จะเกิดเป็น
00:03:08 → 00:03:10 neurodegenerative disease คือโรคสมอง
00:03:10 → 00:03:12 เสื่อมต่างๆไม่ว่าจะเป็นอัลไซเมอร์
00:03:12 → 00:03:14 Parkinson ความจำเสื่อมต่างๆเนี่ยนะครับ
00:03:14 → 00:03:16 โดยเฉพาะมักจะเกิดกับคนแก่นะครับนัก
00:03:16 → 00:03:19 วิทยาศาสตร์เขาก็สงสัยฮะว่าเออแล้วอย่าง
00:03:19 → 00:03:21 งี้สมองแล้วมันใช้วิธีการอะไรอ่ะในการ
00:03:21 → 00:03:25 กำจัดของเสียจนวันนึงครับเค้าก็เอาเจ้า
00:03:25 → 00:03:28 อุปกรณ์ MRI เครื่องสแกนสมองเนี่ยไปลอง
00:03:28 → 00:03:32 สแกนหนูที่นอนหลับอยู่ครับแล้วก็ไปเจอว่า
00:03:32 → 00:03:35 ตอนที่หนูนอนหลับเนี่ยนะครับสมองเนี่ยมัน
00:03:35 → 00:03:39 เหมือนกับขยายตัวได้มีโพรงในสมองเนี่ย
00:03:39 → 00:03:42 ขยายขนาดขึ้นถึง 60% แล้วก็มีการเคลื่อน
00:03:42 → 00:03:45 ไหวของของเหลวบางอย่างเกิดขึ้นในสมองซึ่ง
00:03:46 → 00:03:48 ภายหลังเี่ก็มาเจอว่าไอ้ของเหลวที่มันไหล
00:03:48 → 00:03:51 ตอนที่หนูนอนหลับสนิทเนี่ยนะครับมันก็คือ
00:03:51 → 00:03:55 cbro spinal fluid นะครับไอ้เจ้า uid
00:03:55 → 00:03:57 ตัวนี้นะครับมันคืออะไรจริงๆแล้วมันเป็น
00:03:57 → 00:04:01 ของเหลวที่ไหลอยู่รอบนอกของสมองครับก็คือ
00:04:01 → 00:04:04 ขั้นระหว่างเนื้อสมองกับกะโหลกศีรษะนะ
00:04:04 → 00:04:06 ครับแล้วก็ไหลอยู่รอบนอกนะครับล้อมเนื้อ
00:04:06 → 00:04:10 สมองแล้วก็ไล่ลงมาล้อมแกนกลางของไขสัน
00:04:10 → 00:04:12 หลังด้วยคือปกป้องเส้นประสาททั้งหมดเลยนะ
00:04:12 → 00:04:15 ครับเป็นเหมือนกับตัว cushion หรือว่าตัว
00:04:15 → 00:04:18 ลดแรงกระแทกเวลาที่เกิดอะไรมากระทบกับ
00:04:18 → 00:04:21 กะโหลกศีรษะก็จะถ่ายแรงออกไปแล้วก็ไม่ให้
00:04:21 → 00:04:24 มาชนกับเนื้อสมองเป็นกับปกป้องสมองจาก
00:04:24 → 00:04:26 อันตรายไปในตัวนะครับเจ้าของเหลวเนี่ยนะ
00:04:26 → 00:04:29 ครับทำหน้าที่เหมือนกับน้ำเหลืองในสมองนะ
00:04:29 → 00:04:32 ครับทำหน้าที่ในการพาขยะต่างๆออกจากสมอง
00:04:32 → 00:04:34 ได้แล้วถามว่าแล้วไอ้ของเหลวเหล่าเนี้ย
00:04:34 → 00:04:38 มันไหลเข้าไปในเนื้อสมองได้ยังไงก็ต้อง
00:04:38 → 00:04:41 ย้อนกลับไปที่เจ้าหน้าที่ในการสกรีนคน
00:04:41 → 00:04:44 เข้าเมืองก็คือเจ้าเกลี่ยวเซลส์นะครับคือ
00:04:44 → 00:04:46 สมองเนี่ยอยากให้จินตนาการว่าสมมุติว่า
00:04:46 → 00:04:49 นี่คือเส้นเลือดนะครับที่วิ่งเข้าไปใกล้
00:04:49 → 00:04:52 สมองมากที่สุดเจ้าเกลี่ยวเซลลเนี่ยมันจะ
00:04:52 → 00:04:54 จับมือเป็นวงกลมเลยครับแพ็กแน่นล้อมไอ้
00:04:54 → 00:04:56 เจ้าเส้นเลือดนี้อยู่นะครับแล้วมันจะมี
00:04:56 → 00:04:59 ช่องว่างระหว่างเส้นเลือดกับเจ้าเกลี่ยว
00:04:59 → 00:05:01 เซลล์ไอ้ช่องว่างตรงนี้ละครับเมื่อไหร่ก็
00:05:01 → 00:05:04 ตามที่เจ้าเกลี่ยวเซลส์เนี่ยมันใจดีมัน
00:05:04 → 00:05:06 แบบขยายตัวแล้วทำให้ช่องว่างเยมันขยาย
00:05:06 → 00:05:10 ใหญ่ขึ้นมันจะเป็นโอกาสที่ทำให้เจ้า uid
00:05:10 → 00:05:12 หรือว่าเจ้าิบ spinal fluid เนี่ยมัน
00:05:12 → 00:05:15 สามารถจะไหลเข้ามาในช่องว่างนี้แล้วเจ้า
00:05:15 → 00:05:17 เกลี่ยวเซลล์เนี่ยก็จะเหมือนกับเปิดช่อง
00:05:17 → 00:05:19 ให้เจ้าฟลูอิดเนี่ยมันไหลเข้าไปในเนื้อ
00:05:19 → 00:05:21 สมองได้แล้วเมื่อไหร่ก็ตามมันไหลเข้าไปใน
00:05:21 → 00:05:24 เนื้อสมองได้นะครับมันจะไหลไปทั่วเลยแล้ว
00:05:24 → 00:05:27 ก็พาขยะทั้งหมดเนี่ยไหลเข้าไปยังท่อน้ำ
00:05:27 → 00:05:29 เหลืองที่อยู่ใกล้ที่สุดกับสมองอยู่รอบ
00:05:29 → 00:05:32 นอกนะครับพอขยะเหล่านี้ไหลลงท่อน้ำเหลือ
00:05:32 → 00:05:35 มันก็จะไหลต่อไปจนไหลลงท่อเลือดแล้วก็
00:05:35 → 00:05:37 วิ่งเข้าสู่ตับแล้วก็วิ่งเข้าสู่ไตแล้วก็
00:05:37 → 00:05:39 กำจัดออกจากร่างกายไปได้นะครับก็ต้อง
00:05:39 → 00:05:42 เรียกว่าไอ้เจ้า CBR spinal fluid
00:05:42 → 00:05:45 เนี่ยมีความสำคัญมากในการช่วยกำจัดขยะใน
00:05:45 → 00:05:48 สมองนะฮะแล้วขยะในสมองสำคัญำคัญคืออะไรมี
00:05:48 → 00:05:50 ตัวนึงครับสำคัญมากผมอยากแนะนำให้ทุกคน
00:05:51 → 00:05:53 รู้จักนะครับมันชื่อว่าเบต้าอลอยครับ
00:05:53 → 00:05:56 เดี๋ยวผมจะพูดถึงเบต้าอลอย 1 Episode
00:05:56 → 00:05:58 เต็มๆเลยแต่ตอนนี้รู้จักมันไว้ก่อนว่า
00:05:58 → 00:06:00 เมื่อไหร่ก็ตามที่สมองทำงานเยอะนะครับมัน
00:06:00 → 00:06:03 จะปล่อยขยะตนี้ออกมาแล้วถ้ามีการสะสมของ
00:06:03 → 00:06:07 เบต้าอลอยแล้วระบบการกำจัดขยะคือการัิ
00:06:07 → 00:06:10 เนี่ยเอาน้ำมาฉีดฉดๆพาขยะตัวนี้ออกไปไม่
00:06:10 → 00:06:13 ดีแล้วมันสะสมในสมองเยอะๆจะทำให้เป็นโรค
00:06:13 → 00:06:16 อัลไซเมอร์จะทำให้เป็นโรคพิสันทำให้ความ
00:06:16 → 00:06:18 จำเราเสื่อมทำให้สมองเราเสื่อมได้อย่าง
00:06:18 → 00:06:20 รวดเร็วมากยิ่งขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นการ
00:06:20 → 00:06:24 ัิขยะเหล่านี้ออกจากสมองจึงมีความสำคัญ
00:06:24 → 00:06:27 กับสุขภาพสมองของเรามากเลยนะครับการค้นพบ
00:06:27 → 00:06:30 ระบบในการกำจัดขยะออกไปจากสมองเจริงๆค้น
00:06:30 → 00:06:32 พบมาหลายปีแล้วนะครับแล้วก็มีชื่อให้มัน
00:06:32 → 00:06:34 ด้วยชื่อของมันเรียกว่า glm phatic
00:06:34 → 00:06:37 System นะครับชื่อมันมาจาก 2 คำคือคำว่า
00:06:37 → 00:06:39 เกลี่ยก็คือไอ้เจ้าเกลี่ยเซลล์นี่แหละที่
00:06:39 → 00:06:42 เป็นตัวปล่อยให้ของเหลวเไหลเข้าไปได้กับ
00:06:42 → 00:06:44 lymphatic System ก็คือเป็นระบบน้ำ
00:06:44 → 00:06:47 เหลืองเอา 2 คำนี้มารวมกันเลยเรียกว่า glm
00:06:47 → 00:06:50 phatic System เป็นระบบพิเศษในสมองใน
00:06:50 → 00:06:52 การกำจัดขยะนะครับหลังจากที่นัก
00:06:52 → 00:06:54 วิทยาศาสตร์เคค้นพบระบบนี้แล้วเนี่ยเค
00:06:54 → 00:06:57 พยายามศึกษาแล้วก็ทำความเข้าใจมากขึ้นว่า
00:06:57 → 00:07:00 มันทำงานยังไงเพื่อที่จะได้
00:07:00 → 00:07:03 หาวิธีในการดูแลสมองให้กับมนุษย์เราทุกคน
00:07:03 → 00:07:05 ให้มันมีสุขภาพยืนยาวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
00:07:05 → 00:07:08 นะครับและเมื่อต้นปีที่ผ่านมานะครับมี
00:07:08 → 00:07:11 เปอร์ New ออกมาน่าสนใจมากเลยครับเเข้าใจ
00:07:11 → 00:07:13 ระบบการทำงานนี้มากยิ่งขึ้นนะครับตอนแรก
00:07:13 → 00:07:16 เนี่ยมันก็มีการตั้งคำถามแหละว่าโอเครู้
00:07:16 → 00:07:20 แล้วว่ามันมีของเหลวในการไปฟลัชเอาขยะออก
00:07:20 → 00:07:22 ไปแต่ว่าการที่ของเหลวมันจะไหลได้เนี่ย
00:07:22 → 00:07:25 มันต้องเกิดแรงดันต้องมีความต่างของแรง
00:07:25 → 00:07:27 ดันเหมือนเวลาที่เราจะเปิดสายยางฉีดน้ำ
00:07:27 → 00:07:29 ล้างห้องน้ำอ่ะครับทุกคนเวลาที่เราปิด
00:07:29 → 00:07:31 ก๊อกอยู่เนี่ยมันมีแรงดันภายในท่อสายยาง
00:07:31 → 00:07:33 ซึ่งเป็นแรงดันสูงกับแรงดันที่อยู่ในข้าง
00:07:33 → 00:07:35 นอกอากาศเป็นแรงดันต่ำมันเกิดมันมีความ
00:07:35 → 00:07:38 ต่างของแรงดันอยู่ถูกมั้ยครับเมื่อไหร่ก็
00:07:38 → 00:07:40 ตามที่เราหมุนก๊อกปึ๊บด้วยความที่แรงดัน
00:07:40 → 00:07:42 มันต่างกันมันก็เลยดันน้ำออกมาจากสายยาง
00:07:42 → 00:07:45 แล้วทำให้เราสามารถจะฉีดพวกเศษขยะต่างๆใน
00:07:45 → 00:07:47 ห้องน้ำแล้วก็ไหลลงท่อได้นะฮะเพราะฉะนั้น
00:07:47 → 00:07:50 ในสมองเนี่ยมันก็ควรจะต้องมีสิ่งคล้ายๆ
00:07:50 → 00:07:53 กันที่มันทำให้เกิดแรงดันแลทำให้ของเหลว
00:07:53 → 00:07:56 เนี่ยมันไหลไปทั่วสมองแล้วก็ชะเศษขยะที่
00:07:56 → 00:07:59 มันอยู่กระจัดกระจายทั่วซั้งสมองเนี่ยให้
00:07:59 → 00:08:01 ลงเดนไปได้นะครับมันก็เลยมีการทดลองครับ
00:08:01 → 00:08:05 เค้าก็เอาอีกและเครื่อง MRI นะครับไปสแกน
00:08:05 → 00:08:08 สมองของหนูอีกแล้วตอนที่หนูเนี่ยมันตื่น
00:08:08 → 00:08:11 นอนกับตอนที่หนูเนี่ยมันนอนหลับในระยะ
00:08:11 → 00:08:14 ต่างๆกันทั้งตอนที่หนูหลับตื้นตอนที่หนู
00:08:14 → 00:08:16 หลับลึกแล้วก็ตอนที่หนูหลับฝันนะครับแล้ว
00:08:16 → 00:08:18 เขาก็เจอว่าตอนที่หนูหลับลึกเนี่ยนะครับ
00:08:19 → 00:08:21 สมองเนี่ยเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า Delta
00:08:21 → 00:08:24 state ผมเคยพูดไปแล้วนะว่าสมองเมีหลาย
00:08:24 → 00:08:27 ระยะเนาะระยะ Delta state เนี่ยเป็นช่วง
00:08:27 → 00:08:30 ที่สมองเนี่ยปล่อยคลื่นความถี่ต่ำนะครับ
00:08:30 → 00:08:33 อยู่ที่ 0-4 เฮซแล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:08:33 → 00:08:35 สมองอยู่ในระยะเดต้าเนี่ยนะครับแล้วมี
00:08:35 → 00:08:38 ความถี่อยู่ที่ประมาณ 4 hz เนี่ยนะครับ
00:08:38 → 00:08:41 มันจะไปกระตุ้นให้เซลล์สมองเนี่ยครับมี
00:08:41 → 00:08:44 การเรียงตัวแบบพิเศษแล้วการเรียงตัวนั้น
00:08:44 → 00:08:47 นะครับมันทำให้เหมือนกับเป็นปั๊มเกิดขึ้น
00:08:47 → 00:08:50 ในสมองก็คือทำให้เกิดแรงดันน้ำได้นะครับ
00:08:50 → 00:08:53 ทำให้แรงดันน้ำที่เจ้าเกลี่ยวเซลล์ปล่อย
00:08:53 → 00:08:56 มาจากประตูน้ำเข้าเนี่ยมันสามารถจะไหลไป
00:08:56 → 00:08:58 ทั่วสมองได้เลยจังหวะที่เราหลับลึกแล้วก็
00:08:58 → 00:09:01 สามารถจะจะชะเอาขยะทั้งหมดที่อยู่ในสมอง
00:09:01 → 00:09:05 เนี่ยลงเดนไปได้เป็นเหตุผลว่าทำไมการหลับ
00:09:05 → 00:09:08 ลึกถึงสำคัญมากๆกับการเคลียร์ขยะออกจาก
00:09:08 → 00:09:12 สมองเพราะว่ามันเป็นโมเมนที่ทำให้เซลล์
00:09:12 → 00:09:14 มันเรียงตัวได้ดีแล้วก็มีความต่างของ
00:09:14 → 00:09:17 Pressure สูงที่สุดและทำให้น้ำเนี่ยชะ
00:09:17 → 00:09:19 เอาของเหลียวได้ดีมากที่สุดนะครับแม้ว่า
00:09:19 → 00:09:22 การหลับฝันหรือว่าการหลับตื้นเนี่ยก็พอจะ
00:09:22 → 00:09:25 ช่วยให้ของเหลวมันไหลได้นะครับแต่มันไหล
00:09:25 → 00:09:28 ได้ไม่ดีเท่ากับการลับลึกงั้นถือว่าเป็น
00:09:28 → 00:09:30 Inside ที่สำคัญมากๆที่เขาเพิ่งตีพิมพ์
00:09:30 → 00:09:33 เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เองนะครับพอเขาเจอ
00:09:33 → 00:09:35 แบบนั้นเนี่ยเขาก็เลยทำการศึกษาต่อพอเา
00:09:35 → 00:09:37 เริ่มเจอว่าคลื่นความถี่ต่ำจำเป็นในการ
00:09:37 → 00:09:39 เรียงตัวของเซลล์สมองและทำให้เกิด
00:09:39 → 00:09:42 Pressure ในการดันของเหลวเนี่ยครับเขาก็
00:09:42 → 00:09:45 เลยเอาหนูครับไปตัดต่อจีนให้หนูเนี่ยเป็น
00:09:45 → 00:09:47 โรคอัลไซเมอร์แล้วก็แบ่งหนูเป็น 2 กลุ่ม
00:09:47 → 00:09:49 กลุ่มนึงน่ะมีการปล่อยคลื้นเสียงที่มี
00:09:49 → 00:09:53 ความถี่ต่ำนะครับประมาณ 40 เฮิกล่อมตอน
00:09:53 → 00:09:55 ที่หนูนอนหลับอยู่กับอีกกลุ่มนึงนะครับ
00:09:55 → 00:09:57 เป็นหนูที่นอนหลับธรรมดานะครับไม่ได้มี
00:09:57 → 00:10:00 การปล่อยคลื่นเสียงอะไรเาเจอว่าการที่
00:10:00 → 00:10:03 กระตุ้นหนูที่นอนหลับด้วยคลื่นความถี่ต่ำ
00:10:03 → 00:10:06 ที่สามารถที่จะไป induce ให้เซลล์ประสาท
00:10:06 → 00:10:09 ของหนูนะครับมีการเรียงตัวพิเศษแล้วก็
00:10:09 → 00:10:11 เพิ่มเพชเชอร์หรือว่าแรงดันให้ของเหลว
00:10:11 → 00:10:14 เนี่ยมันไหลเวียนในสมองได้ดีมากยิ่งขึ้น
00:10:14 → 00:10:17 สามารถที่จะช่วยกำจัดไอ้เจ้าเบต้าอลอย
00:10:17 → 00:10:19 ซึ่งเป็นโปรตีนขยะแล้วทำให้เกิด
00:10:19 → 00:10:22 อัลไซเมอร์เนี่ยชะออกไปได้ดีแล้วก็มี
00:10:22 → 00:10:24 ประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มของหนูอีกตัวนึง
00:10:25 → 00:10:27 แล้วก็เจอว่าหนูที่เจอคลื่นเสียงความถี่
00:10:27 → 00:10:30 ต่ำเนี่ยครับอาการของแอัลไซเมอร์เนี่ยมัน
00:10:30 → 00:10:33 ดีขึ้นนะครับถึงแม้ว่าการทดลองเนี้ยจะทำ
00:10:33 → 00:10:36 แค่ในหนูแล้วก็อาจจะยังไม่เคยทำในคนนะ
00:10:36 → 00:10:38 ครับแต่มันก็อาจจะพอให้ข้อมูลได้ว่าคนที่
00:10:38 → 00:10:42 เป็น mammal ชั้นสูงกว่าหนูเนี่ยอาจจะใช้
00:10:42 → 00:10:43 mechanism หรือหลักการเดียวกันในการ
00:10:44 → 00:10:46 กำจัดโปรตีนขยะแล้วก็จะรับรองว่าในอนาคต
00:10:46 → 00:10:49 experiment นี้จะมีการต่อยอดจากหนูไปใน
00:10:49 → 00:10:52 คนด้วยเช่นกันนะครับเพราะฉะนั้นนี่คือ
00:10:52 → 00:10:54 ระบบที่เรียกว่า GM phatic System หรือ
00:10:54 → 00:10:58 ว่าระบบกำจัดขยะในสมองนะครับมีความสำคัญ
00:10:58 → 00:11:00 มากเลยที่ทุกคนควรจะรู้จักเพื่อที่จะได้
00:11:00 → 00:11:03 รู้วิธีในการดูแลตัวเองให้ระบบเนี้ยมันทำ
00:11:03 → 00:11:06 งานได้มีประสิทธิภาพครับแล้วเราจะทำยังไง
00:11:06 → 00:11:09 อ่ะให้ระบบเนี้ยมันทำงานได้ดีนะครับอย่าง
00:11:09 → 00:11:13 แรกวิธีที่ดีที่สุดก็คือการเพิ่มให้ของ
00:11:13 → 00:11:16 เหลวในสมเนี่ยมัน Flow ได้ดีเมื่อกี้พูด
00:11:16 → 00:11:19 ไปแล้วครับมันคือการนอนหลับลึกครับทำยัง
00:11:19 → 00:11:22 ไงให้ร่างกายเนี่ยนอนหลับให้มัน Deep
00:11:23 → 00:11:25 Sleep ให้มากที่สุดนะครับเราเคยพูดถึง
00:11:25 → 00:11:27 เรื่องการนอนไปหลายๆ EP แล้วนะครับเพราะ
00:11:27 → 00:11:29 งั้นไปดูตัวเองครับว่าตัวเราเองเนี่ย
00:11:29 → 00:11:31 เนี่ยมีแนวโน้มที่จะมีอุปสรรคที่จะตื่น
00:11:31 → 00:11:34 นอนตอนกลางคืนเนี่ยได้ด้วยเหตุผลอะไรบ้าง
00:11:34 → 00:11:37 ถ้าใครมีปัญหาเรื่องนอนโกรดมีปัญหาหยุด
00:11:37 → 00:11:40 หายใจขณะนอนหลับนะครับผมก็แนะนำให้ไปทำ
00:11:40 → 00:11:42 Sleep Test นะครับแล้วก็คุณหมออาจจะแนะ
00:11:42 → 00:11:45 นำให้ใช้อุปกรณ์ cpap ในการสวมขณะนอนหลับ
00:11:45 → 00:11:49 ก็จะช่วยทำให้คุณเนี่ยหลับลึกได้ยาวนาน
00:11:49 → 00:11:51 มากยิ่งขึ้นเพราะจริงๆแล้วเราทุกคนนะครับ
00:11:51 → 00:11:55 ควรจะหลับลึกอยู่ที่ประมาณ 4-5 ไซเคิลโห
00:11:55 → 00:11:58 ถ้าทำได้เนี่ยเพอเฟคมากก็คือนอนประมาณ 6-7
00:11:58 → 00:12:01 ชั่วโมงมนะครับจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมเคย
00:12:01 → 00:12:04 บอกว่าช่วงเวลาที่เราเข้านอนไม่สำคัญเท่า
00:12:04 → 00:12:07 กับ Quality แล้วก็แพทเทิร์นในการนอนนะ
00:12:07 → 00:12:09 ครับถ้าเรานอนเป็นแพทเทิร์นเวลาเดิมสม่ำ
00:12:09 → 00:12:12 เสมอแล้วก็มี Quality ในการนอนที่ดีก็คือ
00:12:12 → 00:12:15 นอนหลับลึกต่อเนื่องยาวนานตลอดคืนเนี่ย
00:12:15 → 00:12:18 ครับสมองมันก็สามารถที่จะซ่อมแซนตัวเอง
00:12:18 → 00:12:21 กำจัดขยะได้ดีมีประสิทธิภาพแล้วก็ส่งผล
00:12:21 → 00:12:23 ให้สมองเนี่ยครับเสื่อมช้าลงไปนั่นเองนะ
00:12:23 → 00:12:27 ครับมีอีกหนึทริกครับซึ่งก็เป็นอ่าทีมนัก
00:12:27 → 00:12:30 วิจัยกลุ่มที่ทำการทดลองในหนูแล้วก็ศึกษา
00:12:30 → 00:12:32 เรื่อง grm phatic System นี่แหละเขาก็
00:12:32 → 00:12:35 เจอว่าท่านอนของเราเนี่ยครับมันจะมีท่า
00:12:35 → 00:12:38 นอนบางท่าที่ทำให้ระบบฟาติเนี่ยมันทำงาน
00:12:38 → 00:12:41 ได้ดีกว่าท่าอื่นนะครับเค้าเอาหนูเนี่ย
00:12:41 → 00:12:44 ครับเหมือนเดิมมาทดลองจับหนูมานอนแล้วก็
00:12:44 → 00:12:46 ให้หนูนอนท่าต่างกันนะครับระหว่างนอน
00:12:46 → 00:12:49 ตะแคงนอนหงายแล้วก็หนูที่ตื่นอยู่เค้าก็
00:12:49 → 00:12:51 เจอว่าระบบการฟวของของเหลวในสมองเนี่ยมัน
00:12:51 → 00:12:54 ทำได้ดีมีประสิทธิภาพแล้วก็ชะเอาขยะออกไป
00:12:54 → 00:12:56 จากสมองได้ดีมากกว่านะครับถึงแม้ว่าการทด
00:12:56 → 00:12:58 ลองนี้นะครับจะทำแค่ในหนูยังไม่เคยมีการ
00:12:58 → 00:13:01 ทดลองแบบนี้ในคนนะครับก็มีการ speculate
00:13:01 → 00:13:04 ว่าอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมแมมมอหรือว่า
00:13:04 → 00:13:07 สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเนี่ยมักจะนอนตะแคง
00:13:07 → 00:13:10 โดยสัญชาตญาณก็คือมีการผ่าน Evolution มา
00:13:10 → 00:13:12 โอ้โหหลากหลายร้อยหลายพันปีมาแล้วนะครับ
00:13:12 → 00:13:15 เพราะว่าการนอนตะแคงเนี่ยมันอาจจะช่วยทำ
00:13:15 → 00:13:19 ให้ไอ้เจ้าของเหลียวในสมองเนี่ยมันไหลได้
00:13:19 → 00:13:22 ดีแล้วก็ชะเอาสิ่งสกปกออกไปตอนที่เรานอน
00:13:22 → 00:13:24 หลับลึกนั่นเองนะครับเพราะฉะนั้นใครที่
00:13:24 → 00:13:27 นอนตะแคงอยู่แล้วนะครับก็แสดงความยินดี
00:13:27 → 00:13:28 ด้วยนะครับก็นอนตะแคงต่อไปหรือว่าใครที่
00:13:28 → 00:13:32 นอนนอนหงายอาจจะทดลองนอนตะแคงก็อาจจะเป็น
00:13:32 → 00:13:34 ผลดีกับตัวคุณได้นะครับแต่ไม่ว่ายังไงก็
00:13:34 → 00:13:36 ตามนอนท่าไหนแล้วทำให้คุณหลับสนิทได้ดี
00:13:36 → 00:13:38 เนี่ยก็เลือกนอนเท่านั้นก็อาจจะดีกว่าเนา
00:13:38 → 00:13:40 มีอีกหนึ่งทริกครับที่อาจจะช่วยให้ระบบ
00:13:40 → 00:13:43 การ Flow ดีมากยิ่งขึ้นนอกจากการนอนหลับ
00:13:43 → 00:13:46 นะครับก็คือการออกกำลังกายครับออกกำลัง
00:13:46 → 00:13:49 กายอีกแล้วถึงแม้ว่าเขาจะมีการทดลองว่า
00:13:49 → 00:13:51 หนูตอนตื่นกับหนูตอนนอนเนี่ยไอ้ตอนที่หนู
00:13:51 → 00:13:53 ตื่นอยู่เนี่ยระบบ Flow หรือว่าการกำจัด
00:13:53 → 00:13:56 ขยะเนี่ยมันจะทำงานแทบจะไม่ค่อยทำงานแต่
00:13:56 → 00:13:59 เค้าก็เอาหนูไปทดลองครับว่าหนูที่มันอยู่
00:13:59 → 00:14:01 เฉยๆกับหนูที่มันออกกำลังกายอยู่เนี่ย
00:14:01 → 00:14:03 ระบบ Flow มันต่างกันมั้ยเจอว่าหนูที่มัน
00:14:03 → 00:14:06 ออกกำลังกายวิ่งอยู่เนี่ยนะครับระบบ Flow
00:14:06 → 00:14:09 ในสมองเนี่ยมันทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นเป็น
00:14:09 → 00:14:11 2 เท่าเลยเพราะฉะนั้นตอนที่เราไม่ได้นอน
00:14:11 → 00:14:14 หลับเนี่ยครับเราสามารถที่จะ Boost ให้
00:14:14 → 00:14:17 สมองในกำจัดขยะได้ด้วยการพาตัวเองไปออก
00:14:17 → 00:14:19 กำลังกายครับทุกคนตอนที่เราตื่นไปออก
00:14:19 → 00:14:22 กำลังกายตอนที่เรานอนพยายามนอนให้หลับ
00:14:22 → 00:14:26 สนิทให้หลับลึกได้ยาวนานที่สุดทำควบคู่ไป
00:14:26 → 00:14:29 ทั้ง 2 อย่างรับรองว่าสมองคุณเนี่ยก็จะกำ
00:14:29 → 00:14:31 ำจัดขยะได้ดีขึ้นแล้วก็มีสุขภาพดีลดความ
00:14:31 → 00:14:33 เสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้นะครับ
00:14:33 → 00:14:38 นั่นคือการกำจัดขยะที่อยู่นอกเซลล์ในสมอง
00:14:38 → 00:14:40 ทีนี้มีอีกหนึ่งอย่างที่ยังไม่ได้พูดถึง
00:14:40 → 00:14:43 เลยคือภายในเซลล์สมองเองเนี่ยครับมันก็จะ
00:14:43 → 00:14:46 สร้างขยะเกิดขึ้นภายในเซลล์เช่นกันแล้ว
00:14:46 → 00:14:48 ถ้าเกิดว่ามีขยะสะสมภายในเซลล์แน่นอน
00:14:48 → 00:14:50 เซลล์ก็จะทำงานได้มีประสิทธิภาพลดลงเรา
00:14:51 → 00:14:53 จำเป็นต้องช่วยเซลล์สมองในการกำจัดขยะที่
00:14:53 → 00:14:56 อยู่ภายในเซลล์เช่นกันถามว่าทำยังไงล่ะก็
00:14:56 → 00:15:00 วกกลับมาที่อโฟครับสมองก็ไม่ได้ต่างกับ
00:15:00 → 00:15:02 อวัยวะอื่นๆเซลล์สมองก็ไม่ได้ต่างกับ
00:15:02 → 00:15:05 เซลล์อื่นๆนะครับจำเป็นต้องเข้าสู่กระบวน
00:15:05 → 00:15:08 การ aut fy อยู่เสมอเพื่อที่จะฟรชตัวเอง
00:15:08 → 00:15:11 ทำให้ตัวเองเนี่ยรู้สึกเบาตัวสบายรู้สึก
00:15:11 → 00:15:14 สะอาดตลอดเวลานะครับเพื่อที่จะได้ทำงาน
00:15:14 → 00:15:17 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น Episode
00:15:17 → 00:15:19 ก่อนหน้านี้เนี่ยผมพูดไปถึงเจ้าเอนไซม
00:15:19 → 00:15:23 ampk ไปแล้วหลายคนจะรู้จักนะครับทีนี้มา
00:15:23 → 00:15:25 ขยายความให้นิดนึงว่าที่บอกว่า ampk
00:15:25 → 00:15:28 เนี่ยมันไปกระตุ้น aut fgy เนี่ยมันทำ
00:15:28 → 00:15:31 งานยังไงเมื่อ ampk มันถูกปลุกให้ตื่น
00:15:31 → 00:15:33 แล้วนะครับมันจะไปกระตุ้นการทำงานของ
00:15:33 → 00:15:37 เอนไซมอีกตัวนึงซึ่งมันชื่อว่า ul นะครับ
00:15:37 → 00:15:40 ชื่อเต็มๆของมันคือ auty initiating
00:15:40 → 00:15:43 Protein นะครับชื่อย่อมันคือ ul ซึ่ง
00:15:43 → 00:15:47 เจ้า ul เนี่ยนะครับมันคือตัวที่ควบคุม
00:15:47 → 00:15:50 กระบวนการอโต FG ครับถ้ามันถูกปลุกให้
00:15:50 → 00:15:52 ตื่นหรือปลุกให้ทำงานแล้วเนี่ยอโ FG ก็จะ
00:15:52 → 00:15:55 ทำงานนะครับก็คือ ampk ทำงานปึ๊บมา
00:15:55 → 00:15:59 กระตุ้น ul ul ถูกกระตุ้นปึ๊บ aut fy
00:15:59 → 00:16:01 ก็จะทำงานนะครับทีนี้ถ้าเราต้องการ
00:16:01 → 00:16:04 กระตุ้นให้ ul ทำงานเพื่อให้กระบวนการ aut
00:16:04 → 00:16:07 fy เนี่ยมันถูกปลุกขึ้นมาทำงานได้เนี่ย
00:16:07 → 00:16:10 มันจะกระตุ้น ul ได้ยังไงบ้างนะครับมี 2
00:16:10 → 00:16:13 วิธีใหญ่ๆนะครับวิธีที่ 1 ครับคือการทำ
00:16:13 → 00:16:16 ให้ร่างกายเนี่ยมันขาดน้ำตาลแน่นอนทำให้
00:16:16 → 00:16:18 ร่างกายเกิด starvation นั่นแหละคล้ายๆ
00:16:18 → 00:16:21 กับการปลุก ampk เลยนะครับลดน้ำตาลมันก็
00:16:21 → 00:16:24 คือการลดอินซูลินด้วยวิธีการ calor
00:16:24 → 00:16:26 restriction หรือการทำ fasting นะครับ
00:16:26 → 00:16:29 เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายขาดน้ำตาล ul จะ
00:16:29 → 00:16:33 ถูกกระตุ้นให้ทำงานแล้ว aut fgy ก็จะทำ
00:16:33 → 00:16:35 งานได้นะครับอีกวิธีการนึงคือการทำให้
00:16:35 → 00:16:39 ร่างกายขาดอิโน Acid ก็คือขาดพวกโปรตีนนะ
00:16:39 → 00:16:43 ครับเพื่อไม่ให้เจ้าโปรตีน M Thor ทำงาน
00:16:43 → 00:16:47 M Thor คือศัตรูของทั้ง ampk ซึ่งก็
00:16:47 → 00:16:50 เป็นศัตรูของเจ้า ul ด้วยนะครับถ้า M ทำ
00:16:50 → 00:16:53 งาน aut fy จะไม่ทำงานนั่นคือเหตุผลว่า
00:16:53 → 00:16:56 ทำไมผมเคยพูดไปว่าถ้าเราต้องการทำ fasting
00:16:56 → 00:17:01 เพื่ออโต FG คุณคุณแทบจะกินอะไรไม่ได้เลย
00:17:01 → 00:17:04 เพราะว่าน้ำตาลก็ไม่ได้อิโน Acid ก็ไม่
00:17:04 → 00:17:07 ได้เพราะถ้ากินปึ๊บ ul หยุดทำงานทั้งคู่
00:17:07 → 00:17:11 aut fy จะไม่ทำงานนี่คือเหตุผลทางด้าน
00:17:11 → 00:17:14 วิทยาศาสตร์นะครับการ fasting เนะครับ
00:17:14 → 00:17:16 เป็นการ Boost aut fy ในสมองนะครับ
00:17:16 → 00:17:18 อย่างที่ 3 ที่สามารถจะช่วย Boost aut
00:17:18 → 00:17:21 fy ในสมองได้ก็คือการกินไ Chemical หรือ
00:17:21 → 00:17:24 ว่า Good Fat ซึ่งเราพูดไปแล้วในตอน ampk
00:17:24 → 00:17:27 ใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างไปย้อนดูในตอน
00:17:27 → 00:17:29 ampk นะครับ
00:17:29 → 00:17:31 สุดท้ายครับคือการออกกำลังกายครับออก
00:17:31 → 00:17:34 กำลังกายก็สามารถที่กระตุ้น aut fgy ได้
00:17:34 → 00:17:37 นะครับจริงๆแล้ว mechanism ที่ Exercise
00:17:37 → 00:17:40 กระตุ้นออโต f g เนี่ยอาจจะยังเข้าใจได้
00:17:40 → 00:17:42 ไม่สมบูรณ์นักทีเดียวแต่พอจะคาดเดาได้ว่า
00:17:42 → 00:17:44 เวลาที่เราไปออกกำลังกายเนี่ยมันกระตุ้น
00:17:44 → 00:17:47 ampk ซึ่งมันก็ได้ผลพได้คือกระตุ้น ul K
00:17:47 → 00:17:51 และกระตุ้นอโต FG นั่นเองนะครับมีของแถม
00:17:51 → 00:17:55 ให้นิดนึงก็คือว่าเมีการเจอว่าถ้าสมองของ
00:17:55 → 00:17:59 เราคนไหน aut fy ทำงานไม่ดีก็คือแบบ
00:17:59 → 00:18:03 โอ้โหกินน้ำตาลน้ำตาลในเลือดสูงตลอดเวลา
00:18:03 → 00:18:06 เลยกินเก่งกินเยอะแคลอรี่เกินตลอดเวลาจน
00:18:06 → 00:18:09 สมองเนี่ยไม่เคยได้ออโต fy เลยผลลัพธ์ที่
00:18:09 → 00:18:13 ตามมานี่นะครับก็คือปริมาณของ nad Plus
00:18:13 → 00:18:16 หรือว่า n Plus ในสมองเนี่ยครับมันจะลด
00:18:16 → 00:18:20 ลงอ้าเราคุ้นๆกับเจ้า nad Plus มยเราเคย
00:18:20 → 00:18:22 พูดถึง nad Plus ไปตอนนึงเต็มๆเลยนะครับ
00:18:22 → 00:18:25 แนะนำให้ไปย้อนดูนะฮะเจ้า nad Plus
00:18:25 → 00:18:27 เนี่ยมันมีความสำคัญมากเพราะมันเป็นวัตถุ
00:18:27 → 00:18:31 ดิบในการสร้าง ATP หรือว่าพลังงานที่ร่าง
00:18:31 → 00:18:35 กายสามารถเอาไปใช้งานได้นะครับถ้าสมอง aut
00:18:35 → 00:18:39 fy ทำงานไม่ดี nad Plus มันลดลงเพราะ
00:18:39 → 00:18:41 ว่าร่างกายเนี่ยมันต้องทำงานหนักขึ้นใน
00:18:41 → 00:18:43 การต้องไปสร้างวัตถุดิบนู่นนี่แทนที่จะ
00:18:43 → 00:18:46 สามารถจะ Recycle เอาของเสียเนี่ยมาใช้
00:18:46 → 00:18:49 งานต่อได้นะครับพอเจ้า nad น้อยลง ATP
00:18:49 → 00:18:53 น้อยลงเซลล์สมองมีพลังงานใช้น้อยลงก็จะ
00:18:53 → 00:18:57 วนูเป็นเซลล์สมองที่แก่พอแก่ปึ๊บ aut fy
00:18:57 → 00:19:00 ก็ไม่ทำงาน aut fy ไม่ทำงาน nad ก็น้อย
00:19:00 → 00:19:02 ลงไปอีกวนไปเรื่อยๆเป็น feedback นะครับ
00:19:02 → 00:19:05 สมองก็จะเสื่อมต่อไปเสื่อมต่อไปเรื่อยๆ
00:19:05 → 00:19:06 ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเองอย่างเช่นมีการทำ
00:19:06 → 00:19:09 fasting บ้างพาตัวเองไปออกกำลังกายบ้าง
00:19:09 → 00:19:12 คุมอาหารบ้างสมองเราก็จะเสื่อมอย่างไว
00:19:12 → 00:19:15 เพราะฉะนั้นเวลาที่เราอายุมากยิ่งขึ้นนะ
00:19:15 → 00:19:17 ครับมีแนวนมที่ปริมาณ nad Plus จะลดลง
00:19:17 → 00:19:20 อยู่แล้ววิธีการที่ดีคือเราควรจะกินอาหาร
00:19:20 → 00:19:22 เข้าไปเสริมปริมาณของ nad Plus ให้มัน
00:19:22 → 00:19:26 สูงมากยิ่งขึ้นเคยพูดไปนะครับว่ามนที่ดี
00:19:26 → 00:19:29 มากเลยที่ปลอดภัยแล้วก็มีงานวิจัยรรองรับ
00:19:29 → 00:19:31 ค่อนข้างเยอะนะครับก็คือสิ่งที่เรียกว่า
00:19:31 → 00:19:35 nr หรือว่านิโคติน am ไซซนะครับจริงๆมัน
00:19:35 → 00:19:38 เป็นอนุพันธ์ของวิตามิน B3 ซึ่งพอเรากิน
00:19:38 → 00:19:41 เข้าไปแล้วเนี่ยนะครับมันก็จะค่อยๆเพิ่ม
00:19:41 → 00:19:45 ปริมาณของแท Plus ในเซรั่มในเลือดของเรา
00:19:45 → 00:19:47 ทุกอวัยวะสามารถที่จะดึงเอาเจ้า n Plus
00:19:47 → 00:19:49 ไปใช้ในการสร้าง ATP แล้วก็ทำให้เซลล์ที่
00:19:49 → 00:19:52 ต้องทำกิจกรรมต่างๆเนี่ยมีพลังงานเพียงพอ
00:19:52 → 00:19:55 ที่จะทำงานได้แล้วก็จะเป็นวิธีนึงเลยใน
00:19:55 → 00:19:58 การที่ดูแลสุขภาพสมองแล้วก็ชะลอไม่ให้
00:19:58 → 00:20:00 สมองเนี่ยมันแก่ก่อนไวนะครับเพราะฉะนั้น
00:20:01 → 00:20:03 วันนี้รู้หลักการแล้วนะครับว่าวิธีการที่
00:20:03 → 00:20:07 สมองเนี่ยมันฟลัชเอาขยะออกไปเนี่ยมันใช้
00:20:07 → 00:20:10 การไหลของของเหลวซึ่งของเหลวจะไหลได้ดี
00:20:10 → 00:20:13 ที่สุดตอนที่เรานอนหลับลึกหลับสนิทหรือ
00:20:13 → 00:20:15 ว่า Deep Sleep รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืม
00:20:15 → 00:20:18 ใส่ใจกับการนอนทำยังไงได้ให้ตัวเองหลับ
00:20:18 → 00:20:20 ลึกที่สุดแล้วตอนที่เราตื่นนอนพาตัวเองไป
00:20:20 → 00:20:23 ออกกำลังกายด้วยก็จะเป็น 1 เวยในการบูส
00:20:23 → 00:20:25 ให้เจ้าของเรวเนี่ยมันไหลได้ดีเพิ่มมาก
00:20:25 → 00:20:28 ยิ่งขึ้นในตอนกลางวันนะครับทำควบคู่กัน
00:20:28 → 00:20:30 ทั้งหลักลึกและออกกำลังกายรับรองว่า
00:20:30 → 00:20:33 สุขภาพสมองเนี่ยก็จะยังเยาวไวแล้วก็ทำงาน
00:20:33 → 00:20:35 ได้เต็มที่มีประสิทธิภาพอยู่กับเราไปได้
00:20:35 → 00:20:37 นานมากที่สุด
00:20:37 → 00:20:41 ครับ Top to Toe The Standard
00:20:41 → 00:20:46 podcast Eye Opening for your ears