00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:04 → 00:00:08 Voice โรคหล่อเลือดสมองก็คือสาเหตุจาก
00:00:08 → 00:00:10 หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงในสมองเนี่ยทั้งหมด
00:00:10 → 00:00:12 นะครับไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดตีบเส้นเลือด
00:00:12 → 00:00:15 อุดตันหรือว่าเส้นเลือดแตกทั้ง 3 กลุ่ม
00:00:15 → 00:00:18 เนี่ยรวมเรียกว่าโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด
00:00:18 → 00:00:21 เจอในกลุ่มที่เป็นความเสื่อมของตัวหลอด
00:00:21 → 00:00:22 เลือดนะครับหลอดเลือดคนเราก็เหมือนกันตอน
00:00:22 → 00:00:25 เกิดมาใหม่ๆมันก็จะแข็งแรงยืดหยุ่นดีแต่
00:00:25 → 00:00:28 พอเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆนะความยืดหยุด
00:00:28 → 00:00:31 ความแข็งแรงมันก็จะค่อยๆหายไปวัยที่เพิ่ม
00:00:31 → 00:00:33 มากขึ้นความเสี่ยงก็เพิ่มมากขึ้นบุหรี่
00:00:33 → 00:00:37 เบาหวานความดันเลือดสูงไขมันในเลือดสูง
00:00:37 → 00:00:40 เป็นกลุ่มที่สามารถทำให้ปลอดเลือดเกิดการ
00:00:40 → 00:00:43 อักเสบเรื้อรังหรือเกิดการหนาตัวขึ้นซึ่ง
00:00:43 → 00:00:46 เป็นสาเหตุให้เกิดการตีบแล้วก็อุตัน
00:00:46 → 00:00:50 ได้ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:50 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ is
00:00:55 → 00:00:56 tha
00:00:56 → 00:01:00 pbsc วันนี้ค่ะคุณผู้ฟังคะเราจะมาติดตาม
00:01:00 → 00:01:02 รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับโรคหลอดเลือด
00:01:02 → 00:01:05 สมองถ้ารู้ตัวเร็วฟื้นตัวเร็วนะคะเรื่อง
00:01:05 → 00:01:07 นี้จะเป็นอย่างไรเรามาทำความรู้จักกับโรค
00:01:07 → 00:01:09 หลอดเลือดสมองกันดีกว่าเดี๋ยวเราคุยกับ
00:01:09 → 00:01:12 นายแพทย์ชลพิวัฒน์ตรีพงษ์นายแพทย์ชำนาญ
00:01:12 → 00:01:15 การพิเศษสาขาประสาทวิทยาสถาบันประสาท
00:01:15 → 00:01:18 วิทยากรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขค่ะ
00:01:18 → 00:01:20 สวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีครับสวัสดีคุณ
00:01:20 → 00:01:23 สุรีพรแล้วก็คุณผู้ฟังครับค่ะวันนี้เรา
00:01:23 → 00:01:25 คุยกันถึงเรื่องของโรคหลอดเลือดสมองนะคะ
00:01:25 → 00:01:28 เราก็ต้องมาทำความเข้าใจกับคุณผู้ฟังกัน
00:01:28 → 00:01:30 สักนิดนึงสำหรับเรื่องของโรคหลอดเลือด
00:01:30 → 00:01:33 สมองนะคะฟังดูแล้วเรื่องนี้ก็ดูจะเป็น
00:01:33 → 00:01:36 เรื่องใหญ่แล้วก็ต้องตระหนักว่าก็เป็นอีก
00:01:36 → 00:01:39 หนึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายคนเสียชีวิตนะคะ
00:01:39 → 00:01:42 โดยเฉพาะในเอ่อช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่าคน
00:01:43 → 00:01:45 ที่มีร่างกายแข็งแรงหรือว่าคนที่ดูแล้ว
00:01:45 → 00:01:47 ไม่ได้เป็นอะไรเลยแต่ก็มีโอกาสเสียชีวิต
00:01:47 → 00:01:50 จากโรคนี้ได้เช่นเดียวกันมาทำความรู้จัก
00:01:50 → 00:01:52 กันตรงนี้สักนิดนึงนะคะคุณหมอช่วยอธิบาย
00:01:52 → 00:01:54 ให้ฟังหน่อยค่ะว่าโรคหลอดเลือดสมองนี่คือ
00:01:54 → 00:01:58 อะไรยังไงคะครับอ่าเราเราเรียกรวมว่าโรค
00:01:58 → 00:02:00 หล่อเลือดสมองก็คือกลุ่มที่ที่เป็นเ่อ
00:02:00 → 00:02:02 สาเหตุจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงในสมอง
00:02:02 → 00:02:05 เนี่ยทั้งหมดนะครับไม่ว่าจะเป็นเอ่อกลุ่ม
00:02:05 → 00:02:08 ที่เป็นเส้นเลือดตีบเส้นเลือดอุตันหรือ
00:02:08 → 00:02:11 ว่าเส้นเลือดแตกนะครับทั้ง 3 กลุ่มเนี่ย
00:02:11 → 00:02:14 ก็จะถูกรวมเรียกว่าโรคหลอดเลือดสมองทั้ง
00:02:14 → 00:02:17 หมดครับผมค่ะอันนี้ก็จะมีตัวที่อาจจะเป็น
00:02:17 → 00:02:20 สาเหตุหรือว่าเป็นลักษณะของอ่าโรคหลอด
00:02:20 → 00:02:23 เลือดสมองที่บางคนอาจจะตีบอาจจะตันอาจจะ
00:02:23 → 00:02:27 แตกก็แล้วแต่ว่าเอ่อในลักษณะของการเผชิญ
00:02:27 → 00:02:30 โรคนี้เป็นลักษณะแบบไหนนะคะทีนี้คุณหมอ
00:02:30 → 00:02:33 ช่วยอธิบายได้มั้ยคะว่าโรคหลอดเลือดสมอง
00:02:33 → 00:02:36 ตีบหรือว่าสมองแตกนะคะอะไรต่างๆเหล่านี้
00:02:36 → 00:02:39 เนี่ยมันเกิดจากสาเหตุอะไรมันเกิดจาก
00:02:39 → 00:02:42 ปัจจัยอะไรได้บ้างคะเอ่อสาเหตุส่วนใหญ่นะ
00:02:42 → 00:02:44 ครับก็จะเจอในกลุ่มที่เป็นความเสื่อมของ
00:02:44 → 00:02:48 ตัวหลอดเลือดนะครับก็จินตนาการถึงสายยาง
00:02:48 → 00:02:50 ที่เราซื้อมาใหม่ๆมันก็จะนิ่มมันก็จะเป็น
00:02:51 → 00:02:54 สายยางที่เอ่อใช้การได้ปกติดีแต่พอใช้นาน
00:02:54 → 00:02:56 ไปเรื่อยๆนะครับสายยมันก็จะเริ่มกรอบ
00:02:57 → 00:03:00 เริ่มแห้งนะเราบิดเราบีบเพื่อที่ที่จะให้
00:03:00 → 00:03:03 แรงดันน้ำเพิ่มขึ้นนิดนึงมันก็จะฉีกแล้ว
00:03:03 → 00:03:05 ก็จะขาดได้หลอดเลือดคนเราก็เหมือนกันตอน
00:03:05 → 00:03:09 เกิดมาใหม่ๆมันก็จะอ่าแข็งแรงยืดหยุ่นดี
00:03:09 → 00:03:11 แต่พอเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆนะครับความส่อ
00:03:11 → 00:03:14 ยืดหยุ่นความแข็งแรงตรงเนี้ยมันก็จะค่อยๆ
00:03:14 → 00:03:17 หายไป่าเพราะฉะนั้นเนี่ยวัยที่เพิ่มมาก
00:03:17 → 00:03:19 ขึ้นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองก็
00:03:19 → 00:03:22 เพิ่มมากขึ้นแต่ทำไมคนที่อายุเท่าๆกัน
00:03:22 → 00:03:24 ความเสี่ยงถึงไม่เท่ากันอันนี้ก็จะเป็น
00:03:24 → 00:03:27 ปัจจัยอย่างอื่นที่นอกเหนือจากตัวอายุก็
00:03:27 → 00:03:32 เอ่อบุหรี่นะครับเบาหวานคำดันเลือดสูงนะ
00:03:32 → 00:03:35 ครับไขมันในเลือดสูงนะครับกลุ่มนี้ก็จะ
00:03:35 → 00:03:37 เป็นกลุ่มที่สามารถทำให้หลอดเลือดเกิดการ
00:03:37 → 00:03:40 อักเสบเรื้อรังหรือเกิดการหนาตัวขึ้นซึ่ง
00:03:40 → 00:03:43 ก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดการตีบแล้วก็อุตัน
00:03:43 → 00:03:47 ได้ค่ะแล้วก็ถ้าเ่อหลอดเลือดไม่แข็งแรงนะ
00:03:47 → 00:03:50 ครับเวลาที่ความดันสูงๆมันก็จะเซาะผนัง
00:03:50 → 00:03:53 หลอดเลือดก็จะทำให้เกิดการฉีกได้นะครับ
00:03:53 → 00:03:54 นอกจากนั้นเนี่ยถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
00:03:54 → 00:03:57 ตัวหลอดเลือดเองหรือจริงๆอาจจะมีหลายๆใจ
00:03:57 → 00:03:59 มีมีปัญหาเรื่องของหลอดเลือดด้วยอาจจะมี
00:03:59 → 00:04:01 ปัญหาเรื่องเช่นกลุ่มที่หัวใจเต้นผิด
00:04:01 → 00:04:04 จังหวะนะครับกลุ่มเนี้ยอ่าให้จินตนาการ
00:04:04 → 00:04:07 ปกติหัวใจจะทำหน้าที่หน้าหน้าที่ในการสูบ
00:04:07 → 00:04:09 ฉีดเลือดออกไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
00:04:09 → 00:04:11 เวลาที่มันบีบตัวมันก็จะบีบพร้อมกันทั้ง
00:04:11 → 00:04:14 ก้อนก้อนเนื้อหัวใจนะฮะแต่ในกลุ่มที่หัว
00:04:14 → 00:04:17 ใจเอ่อเต้นผิดจังหวะเนี่ยมันอาจจะบีบไม่
00:04:17 → 00:04:19 พร้อมกันทั้งก้อนมันก็จะทำให้เลือดเนี่ย
00:04:19 → 00:04:22 มันวิ่งชนกันพอชนกันก็จะเกิดเป็นลิ่ม
00:04:22 → 00:04:24 เลือดลิ่มเลือดที่ออกจากหัวใจตรงเนี้ยก็
00:04:24 → 00:04:27 จะไปอุดตันในส่วนปลายได้ก็จะเป็นสาเหตุ
00:04:27 → 00:04:30 ที่ทำให้เกิดเอ่อตัวหลอดเลือดสมองอุดตัน
00:04:30 → 00:04:33 ครับอืแล้วไอ้ลิ่มเลือดตรงนี้มันเกิดได้
00:04:33 → 00:04:35 ยังไงคะหรือว่าจริงๆแล้วปกติก็มันก็มี
00:04:35 → 00:04:38 ลิ่มเลือดอะไรพวกนี้อยู่อยู่แล้วอ่ะคะอ่า
00:04:38 → 00:04:41 ปกติเลือดที่วิ่งอยู่ในระบบไหลเวียนโลหิต
00:04:41 → 00:04:43 ของคนเราเนี่ยมันจะไม่รวมตัวกันเป็นลิ่ม
00:04:43 → 00:04:46 นะอ่าลิ่มเลือดเนี่ยมันจะรวมตัวกันก็ต่อ
00:04:46 → 00:04:50 เมื่อเกิดบาดแผลแล้วเอ่อร่างกายพยายามที่
00:04:50 → 00:04:53 จะหยุดเ่อหรือห้ามเลือดเนี่ยครับมันก็จะ
00:04:53 → 00:04:55 ไปอุดตรงปากแผลเท่านั้นซึ่งหมายความว่า
00:04:55 → 00:04:58 มันก็จะต้องออกมานอกเ่อหลอดเลือดก่อนถึง
00:04:58 → 00:05:01 จะเกิดการอุดตันเอ่อถึงจะเกิดการเอ่อเกาะ
00:05:01 → 00:05:04 กลุ่มกันเป็นลิ่มแต่ถ้าสมมุติว่าในสภาวะ
00:05:04 → 00:05:07 เอ่อที่หัวใจมันเต้นผิดจังหวะเนี่ยมันจะ
00:05:07 → 00:05:10 บีบไม่พร้อมกันเช่นห้องบนบีบทีนึงห้อง
00:05:10 → 00:05:13 ล่างบีบทีนึงมันจะทำให้เหมือนกับเหมือน
00:05:13 → 00:05:16 บีบเลือดมาชนกันนะครับเวลาที่เลือดมาชน
00:05:16 → 00:05:19 กันเนี่ยมันก็จะทำให้คุณสมบัติของเอ่อ
00:05:19 → 00:05:22 ผนังของเม็ดเลือดเนี่ยมันผิดปกติไปมันก็
00:05:22 → 00:05:25 จะเกาะกลุ่มกันได้นะครับหรือคนไข้บาง
00:05:25 → 00:05:27 กลุ่มที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของ
00:05:27 → 00:05:31 เลือดนะครับมีเอ่อเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
00:05:31 → 00:05:34 เกิดเ่อการกรอกกลุ่มกันของเอ่อเกรดเลือด
00:05:34 → 00:05:36 หรือเม็ดเลือดได้ง่ายกลุ่มเนี้ยก็จะเกิด
00:05:36 → 00:05:39 ลิ่มเลือดได้ได้โดยที่ไม่ต้องมีปัญหา
00:05:39 → 00:05:41 เรื่องของหัวใจเต้นผิดจังหวัดเลยครับค่ะ
00:05:41 → 00:05:44 คือถ้าเกิดว่าไม่อ่าแต่จริงๆแล้วเชื่อว่า
00:05:44 → 00:05:48 หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้แบบไปตรวจเรื่องของ
00:05:48 → 00:05:51 หัวใจว่ามีความปกติหรือผิดปกติยังไงด้วย
00:05:51 → 00:05:53 อยู่แล้วอ่ะนะคะส่วนใหญ่เราก็อาจจะแบบว่า
00:05:53 → 00:05:56 ตรวจสุขภาพโดยลักษณะทั่วๆไปมากกว่าใช่
00:05:56 → 00:05:58 มั้ยคะยกเว้นว่าอ่ะคุณหมออาจจะวินิจฉัย
00:05:59 → 00:06:01 แล้วรู้สึกว่ามีอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับ
00:06:01 → 00:06:04 หัวใจก็อาจจะต้องเข้าไปเ่อ foll กันอีกที
00:06:04 → 00:06:06 นึงว่าเอ๊ะหัวใจเรามีอะไรที่มีความเสี่ยง
00:06:06 → 00:06:08 ต่อการเป็นอะไรหรือเปล่าอย่างเงี้ยค่ะ
00:06:08 → 00:06:10 เท่าที่ฟังคุณหมอดูแล้วเหมือนกับเอ่อใน
00:06:10 → 00:06:13 การบีบเต้นของหัวใจต่างๆเหล่านี้เนี่ยมัน
00:06:13 → 00:06:16 สัมพันธ์กับเอ่อสมองด้วยเพราะว่าเลือดมัน
00:06:16 → 00:06:19 ไปการการสูบฉีดมันไปเลี้ยงสมองด้วยเลี้ยง
00:06:19 → 00:06:21 ส่วนต่างๆของร่างกายถูกมั้ยคะถูกต้องค่ะ
00:06:21 → 00:06:23 เพราะว่าหัวใจทำหน้าที่ในการเหมือนเป็น
00:06:23 → 00:06:25 เครื่องปั๊มนะครับซึ่งถ้าเครื่องปั๊มตรง
00:06:25 → 00:06:28 เนี้ยมีปัญหาเนี่ยมันก็จะทำให้เอ่อส่วน
00:06:28 → 00:06:31 ต่างๆของรร่างกายไม่ใช่เฉพาะสมองเนี่ยทำ
00:06:31 → 00:06:34 งานผิดปกติได้แต่ว่าสมองก็จะทำหน้าที่
00:06:34 → 00:06:37 เป็นเอ่อเหมือนกับเป็นสถานีหลักในการที่
00:06:37 → 00:06:39 เลือดจะต้องสูบฉีดไปเพราะฉะนั้นถ้าสมมติ
00:06:39 → 00:06:43 ว่าเ่อตรงต้นทางมันมีปัญสถานนี้ก็มักจะ
00:06:43 → 00:06:46 กระทบง่ายกว่าสถานีอื่นๆครับโอถ้างั้นคือ
00:06:46 → 00:06:50 เอ่อในการที่เราจะต้องระวังเงี้ยความผิด
00:06:50 → 00:06:52 ปกติมันมันจะมีอะไรที่บ่งบอกเราหน่อยได้
00:06:53 → 00:06:55 ไหคะว่าเออเรามีความผิดปกติแล้วนะที่
00:06:55 → 00:06:57 เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมองนะคะซึ่งอาจจะ
00:06:57 → 00:07:00 ตีบอุดตันหรือแตกได้หรือเกี่ยวกับเรื่อง
00:07:00 → 00:07:03 ของแบบเอ่อหัวใจของเราที่มันดูผิดปกติอ่ะ
00:07:03 → 00:07:05 ค่ะมันมีอะไอาการอะไรที่จะเป็นสัญญาณให้
00:07:05 → 00:07:08 เรารู้ก่อนได้มั้ยคะเดี๋ยวเราไปลงราย
00:07:08 → 00:07:10 ละเอียดตอนพูดถึงเรื่องของการป้องกันอีก
00:07:10 → 00:07:13 ทีนึงแต่ว่าก็จะพูดคร่าวๆว่าเอ่อถ้า
00:07:13 → 00:07:16 สมมุติว่าเราอยู่ในครอบครัวที่มีความเอ่อ
00:07:16 → 00:07:19 เป็นโรคหลายๆโรคโดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรค
00:07:19 → 00:07:22 ไม่ติดต่อนะครับหรือว่าเราเรียกกันว่า ncd
00:07:22 → 00:07:25 เนี่ยอันเนี้ยเราควรจะต้องเอ่อตรวจสุขภาพ
00:07:25 → 00:07:27 ประจำปีเนี่ยอยู่เรื่อยๆนะครับทุกๆปีนะ
00:07:27 → 00:07:30 ครับไม่ต้องรอว่าโอเดี๋ยวอายุ 50 60
00:07:30 → 00:07:32 หรือเกษียณแล้วก็ค่อยตรวจอะไรอย่าเงี้ย
00:07:32 → 00:07:34 ส่วนใหญ่คนที่ทำงานในบริษัทเอกชนเขาก็จะ
00:07:35 → 00:07:37 มีการตรวจสุขภาพประจำปีอยู่แล้วเพื่อที่
00:07:37 → 00:07:39 จะให้เราสามารถที่จะคัดกรองได้ว่าปีนี้
00:07:39 → 00:07:41 เบาหวานมาหรือยังไขมันเราสูงหรือเปล่า
00:07:41 → 00:07:43 ความดันเราเป็นยังไงบ้างอะไรอย่าเงี้ยนะ
00:07:43 → 00:07:45 ครับนอกเหนือจากนั้นเนี่ยก็มีโอกาสที่จะ
00:07:45 → 00:07:49 ได้เ่อตรวจโดยแพทย์นะครับก็คือตรวจฟัง
00:07:49 → 00:07:51 เสียงหัวใจว่ามันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่า
00:07:51 → 00:07:54 นะครับซึ่งอันนี้มันสามารถฟังได้แต่ถ้า
00:07:54 → 00:07:57 กรณีที่เราอาจจะไม่ได้ไปตรวจหรือว่าจริงๆ
00:07:57 → 00:07:59 เ่อหัวใจเต้นผิดจังหวะมันเกิดขึ้นเป็นแค่
00:07:59 → 00:08:01 ชั่วครั้งชั่วคราวซึ่งความเสี่ยงไม่แตก
00:08:01 → 00:08:03 ต่างกันนะครับเพียงแต่ว่าโอกาสตรวจเจอจะ
00:08:03 → 00:08:06 น้อยกว่าเนี่ยก็คือถ้าเมื่อไหร่ก็ตามเรา
00:08:06 → 00:08:09 รู้สึกใจสั่นใจหวิวนะครับอันเนี้ยเป็น
00:08:09 → 00:08:12 ความผิดปกติที่จำเป็นต้องตรวจนะครับซึ่ง
00:08:12 → 00:08:14 เวลาที่หัวใจมันเต้นผิดจังหวะเนี่ยมัน
00:08:14 → 00:08:17 เต้นรัวๆเราก็จะรู้สึกหวิวได้ซึ่ง
00:08:17 → 00:08:19 ปัจจุบันเนี่ยมันจะมีนาฬิกาที่เป็นสามารถ
00:08:19 → 00:08:22 วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ใช่มั้ยครับผม
00:08:22 → 00:08:26 ก็เคยเจอคนไข้ที่บอกว่าเออเค้าเออพอผมมา
00:08:26 → 00:08:28 ตรวจเจอเนี่ยเค้านึกย้อนกลับไปเบอกว่ามัน
00:08:29 → 00:08:32 เคยมีบางครั้งที่อัตราการเต้นหัวใจเ้านับ
00:08:32 → 00:08:35 ได้ประมาณ 130 140 เลยซึ่งคนปกติเนี่ยจะ
00:08:35 → 00:08:37 ไม่ถึงมันจะอยู่ในช่วง 60 - 100 บาง
00:08:37 → 00:08:40 ช่วงก็ดูปกติบางช่วงก็ขึ้นไปเยอะซึ่งถ้า
00:08:40 → 00:08:42 เราเจออย่างเงี้ยเราก็ควรจะต้องไปตรวจี้
00:08:42 → 00:08:45 นะเพื่อที่จะให้สามารถตรวจเจอได้เร็วเรา
00:08:45 → 00:08:48 ก็สามารถที่จะป้องกันโอกาสที่จะหัวใจผิด
00:08:48 → 00:08:51 จังหวะเนี่ยจะเกิดปัญหาแทรกซอนก็คือโรค
00:08:51 → 00:08:53 หล่อดเลือดสมองหรือจะได้รักษาตัวหัวใจ
00:08:53 → 00:08:55 เต้นผิดจังหวะเนี่ยไปด้วยนะครับค่ะคือแต่
00:08:55 → 00:08:59 ว่าอันนี้คือค่ะเชิญค่ะครับผมเอ่ออันนี้
00:08:59 → 00:09:02 คือเราพูดถึงตัวตัวสาเหตุแต่ว่าถ้าสมมุติ
00:09:02 → 00:09:04 ว่าจะสังเกตอาการยังไงว่าโอเคอันเนี้ยเรา
00:09:04 → 00:09:07 เป็นโรคหเลือดสมองหรือเปล่าเอ่อเนื่องจาก
00:09:07 → 00:09:12 ว่าเอ่อเวลาที่มันเกิดปัญหาเนี่ยมันจะ
00:09:12 → 00:09:14 เปิดหรือปิดเหมือนกับเราเปิดปิดสวิตช์ไฟ
00:09:14 → 00:09:16 เลยเพราะฉะนั้นกลุ่มที่เป็นโรคหลัเลือด
00:09:16 → 00:09:18 สมองเนี่ยจะเกิดขึ้นแบบเร็วเพราะมันจะไม่
00:09:18 → 00:09:22 ค่อยเป็นค่อยไปเ่าอยู่ๆมันก็จะเป็นเลยนะ
00:09:22 → 00:09:25 ครับซึ่งอาการสำคัญที่เอ่อจะให้ทุกคนรับ
00:09:25 → 00:09:29 ทราบเพื่อที่จะให้จำได้ง่ายก็คือพูดลำบาก
00:09:29 → 00:09:33 ปากตกแขนขายกไม่ขึ้นนะครับพูดลำบากก็คือ
00:09:33 → 00:09:37 อาจจะพูดลิ้นแข็งพูดไม่ชัดฟังไม่รู้
00:09:37 → 00:09:41 เรื่องหรือฟังรู้เรื่องแต่พูดไม่ออกหรือ
00:09:41 → 00:09:44 ทั้งฟังแล้วก็พูดไม่รู้เรื่องเลยอันนี้ก็
00:09:44 → 00:09:47 ได้นะครับปากตกก็คือหน้าเบี้ยวครึ่งซีกนะ
00:09:47 → 00:09:52 ครับเอ่อแขนขายกไม่ขึ้นก็คืออ่อนแรงครึ่ง
00:09:52 → 00:09:55 ซีกนะครับชาครึ่งซีกก็ได้นะครับนอกจากนี้
00:09:55 → 00:09:59 ก็อาจจะมีแบบเช่นเอ่อการทรงตัวผิดปกติแบบ
00:09:59 → 00:10:01 ทางทีทันใดซึ่งจะไม่เหมือนกลุ่มที่เป็น
00:10:01 → 00:10:04 เวียนบ้านหมุนนะครับเอ่อหรือการมองเห็น
00:10:04 → 00:10:07 ผิดปกติเช่นลานสายตามันแหว่งไปครึ่งซีก
00:10:07 → 00:10:09 อะไรอย่าเงี้ยนะครับอาการทั้งหมดเนี่ยถ้า
00:10:09 → 00:10:12 มันเกิดขึ้นทันทีทันใดหรือฉับพรานให้
00:10:12 → 00:10:14 สงสัยว่าเป็นอาการของสมองทั้งหมดควรจะ
00:10:14 → 00:10:17 ต้องไปโรงพยาบาลทันทีไม่ต้องรอลูกไม่ต้อง
00:10:17 → 00:10:21 รอหลานไม่ต้องรอเสาร์อาทิตย์นะครับค่ะอ๋อ
00:10:21 → 00:10:23 อันนี้คือเป็นสัญญาณที่เตือนเพราะว่าจริง
00:10:23 → 00:10:26 ๆพอคุณหมอบอกว่ามันเกิดขึ้นแบบฉับพลัน
00:10:26 → 00:10:30 เมื่อไหร่ก็ได้คือแบบเอ่ออาจจะยังพอที่จะ
00:10:31 → 00:10:33 รู้สึกตัวอันนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาลมีมี
00:10:33 → 00:10:35 ลักษณะที่แบบว่าไม่รู้สึกตัวเลยมั้ยคะ
00:10:35 → 00:10:38 หมายถึงว่าแบบอาจจะแบบสวิตชดับไปเลยไม่
00:10:38 → 00:10:40 รู้เรื่องเลยอย่างเงี้ยค่ะมีมั้ยคะแล้ว
00:10:40 → 00:10:43 แต่ระดับความรุนแรงนะครับอย่างเช่นสมมุติ
00:10:43 → 00:10:46 ว่าในปีเนี้ยเราได้ข่าวที่มีคนดังเนี่ย
00:10:46 → 00:10:50 ที่เอ่อเสียชีวิตจากเส้นเลือดสมองแตก
00:10:50 → 00:10:54 เนี่ยหลายท่านนะครับซึ่งบางท่านก็คือญาติ
00:10:54 → 00:10:56 ไปเจอนอนอยู่ในห้องน้ำซึ่งไม่รู้สึกตัว
00:10:56 → 00:10:59 แล้วนะครับหรือบางท่านไปทานข้าวที่ร้าน
00:10:59 → 00:11:02 อาหารอยู่เลยแล้วอยู่ๆก็เหมือนกับปิด
00:11:02 → 00:11:05 สวิตช์ไปเลยแล้วก็ไม่ตื่นอีกเลยเนี่ยก็มี
00:11:05 → 00:11:07 เพราะฉะนั้นมันจะยมันจะขึ้นอยู่กับความ
00:11:07 → 00:11:10 รุนแรงซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มที่เหมือนปิด
00:11:10 → 00:11:13 สวิตช์ไปทันทีมักจะเป็นกลุ่มที่เป็นเส้น
00:11:13 → 00:11:15 เลือดสมองแตกนะครับซึ่งพวกเนี้ยถ้ามัน
00:11:15 → 00:11:19 เป็นเส้นใหญ่มากนึกถึงท่อประปาแตกนะครับ
00:11:19 → 00:11:23 ถ้าสมมุติว่าเป็นท่อเล็กนะครับอ่าน้ำที่
00:11:23 → 00:11:24 มันออกมาตรงนั้นมันก็จะไม่ได้เยอะมันก็จะ
00:11:24 → 00:11:28 ซึมๆแต่ถ้าเป็นท่อใหญ่นะครับก็อาจจะมี
00:11:28 → 00:11:31 อาการนตรงนั้นเนี่ยได้เลยเหมือนปิดสวิตช์
00:11:31 → 00:11:33 ไปเลยทันทีครับอค่ะแต่ถ้าเป็นกลุ่มที่
00:11:33 → 00:11:36 เป็นเส้นเลือดสมองตีบมักจะไม่ค่อยเอ่อ
00:11:36 → 00:11:39 เป็นขนาดนี้ส่วนใหญ่ก็จะมียังรู้ตัวอยู่
00:11:39 → 00:11:41 อืแล้วก็มีอาการอย่างที่บอกมาเมื่อสัก
00:11:41 → 00:11:44 ครู่นี้ก็เป็นสัญญาณเพราะว่าเคยเคยมี
00:11:44 → 00:11:46 เหมือนกันค่ะพี่ที่รู้จักกันเนี่ยคืออาจ
00:11:46 → 00:11:49 จะด้วยความเครียดด้วยค่ะคุณหมอสูบบุหรี่
00:11:49 → 00:11:52 จัดนะฮะเครียดจัดสูบบุหรี่จัดค่ะเอ่อก็
00:11:52 → 00:11:55 สุบมาเป็นระยะเวลานานแล้วแหละนะคะแล้วก็
00:11:55 → 00:11:59 อยู่ๆวันนึงคือแบบก็เหมือนกับครึ่งซีกไป
00:11:59 → 00:12:02 เลยเลยนะคะเป็นสัญญาณเตือนมารอบนึงแล้ว
00:12:02 → 00:12:05 แล้วก็ยังคงมีความหลังจากที่รักษาหายแล้ว
00:12:05 → 00:12:07 ค่ะหลังจากนั้นก็ยังมีความเครียดอยู่ก็สู
00:12:07 → 00:12:09 บุหรี่อยู่ล่ะค่ะแต่ว่าอาจจะน้อยลงปรากฏ
00:12:10 → 00:12:13 ว่ารอบนี้สัญญาณไม่เตือนแล้วนะคะสวิตช์
00:12:13 → 00:12:16 ดับเลยค่ะคือมันสามารถที่พอตีบไปแล้ว
00:12:16 → 00:12:18 เนี่ยนะคะมีสัญญาณเตือนแล้วมันสามารถที่
00:12:18 → 00:12:21 จะมีอาการที่แบบในอนาคตถ้ายังมีพฤติกรรม
00:12:21 → 00:12:24 เหล่านี้อยู่ก็สามารถที่จะแตกแล้วก็
00:12:24 → 00:12:26 สวิตช์ดับเสียชีวิตได้เหมือนกันใช่มั้คะ
00:12:26 → 00:12:29 ได้ครับเป็นแล้วก็เป็นซ้ำอีกได้ใช่เพราะ
00:12:29 → 00:12:32 ฉะนั้นเนี่ยคนส่วนใหญ่ที่เ่อช่วงครั้งแรก
00:12:32 → 00:12:35 เนี่ยเป็นไม่เยอะนะครับพอรักษาแล้วอาการ
00:12:35 → 00:12:37 ดีขึ้นรู้สึกตัวเองว่าออหายเป็นปกติแล้ว
00:12:37 → 00:12:40 อะไรเงี้ยก็อเลิกกินยาหรือว่าไม่ไปโรง
00:12:40 → 00:12:42 พยาบาลแล้วอะไรเงี้ยมันก็จะมีโอกาสที่จะ
00:12:42 → 00:12:44 เป็นซ้ำได้เพราะว่าเอ่อกลุ่มที่หลอดเลือด
00:12:45 → 00:12:47 มันเสียหายแล้วมันไม่มีทางที่จะกลับมา
00:12:47 → 00:12:50 เป็นปกติมันไม่เหมือนโอเคสายยางที่เรา
00:12:50 → 00:12:52 ซื้อมามันเสียหายแล้วเราก็ไปซื้อใหม่อะไร
00:12:52 → 00:12:53 เงี้ยเราก็จะได้ของใหม่เลยแต่ว่าหลอด
00:12:53 → 00:12:55 เลือดมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะฉะนั้น
00:12:55 → 00:12:57 ความผิดปกติมันก็ยังคงอยู่ถ้าเมื่อไหร่ก็
00:12:57 → 00:13:00 ตามที่เราหยุดป้องกันกันนะครับหยุดกินยา
00:13:00 → 00:13:02 นะครับหรือว่าเรายังคงสูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ
00:13:02 → 00:13:05 เนี่ยความเสียหายมันก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ
00:13:05 → 00:13:08 นะครับแล้วก็ครั้งหน้าอาจจะเป็นที่เดิม
00:13:08 → 00:13:10 เป็นที่ใหม่นะครับหรืออาจจะเป็นหนักกว่า
00:13:10 → 00:13:13 เดิมโดยที่ไม่มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นปกติ
00:13:13 → 00:13:16 ได้อีกแล้วก็ได้ครับอคุณมอแล้วอย่างบางคน
00:13:16 → 00:13:18 ไม่ได้มีปัจจัยเสี่ยงค่ะเช่นเป็นคนโอ้โห
00:13:18 → 00:13:22 แข็งแรงมากออกกำลังกายนะคะหรือแบบโก็เล่น
00:13:22 → 00:13:24 ฟุตบลฟุตบอลอยู่เลยเตะบอลเล่นกีฬาหรือ
00:13:24 → 00:13:26 อะไรอย่างเงี้ยอยู่ๆก็แบบปึ๊บไปเลยเส้น
00:13:26 → 00:13:29 เลือดในสมองแตกมันมันมันเกิดจากปัจจัย
00:13:29 → 00:13:31 หรือสาเหตุอะไรอย่างอื่นอีกมั้ยคะนอกจาก
00:13:31 → 00:13:33 ที่แบบอ่าเรื่องพฤติกรรมเอ่อบางคนสุบ
00:13:33 → 00:13:35 บุหรี่ดื่มเหล้าดื่มแอลกอฮอล์อะไรต่างๆ
00:13:35 → 00:13:37 เหล่านี้เนี่ยแต่บางคนดูแข็งแรงนะคุณหมอ
00:13:38 → 00:13:39 ต้องแยกเป็น 2 กรณีนะครับว่าเป็นแข็งแรง
00:13:39 → 00:13:42 จริงหรือแข็งแรงไม่จริงนะอุถ้าเป็นกลุ่ม
00:13:42 → 00:13:44 ที่แข็งแรงจริงไม่มีโรคแน่ๆนะครับกลุ่ม
00:13:44 → 00:13:47 เนี้ยบางคนเอ่อโตมาพร้อมกับหล่อเลือดที่
00:13:47 → 00:13:49 มันมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดนะครับก็
00:13:49 → 00:13:54 คือมันจะป่องออกมาเอ่อเหมือนกับเอ่อลูก
00:13:54 → 00:13:56 ลูกโป่งที่มันเป็นมีหูกระต่าย 2 ข้างใช่
00:13:56 → 00:13:59 มั้ยครับแต่ว่าอันนั้นเนี่ยความหนาของตัว
00:13:59 → 00:14:03 เอ่อผิวของลูกโป่งเนี่ยมันจะเท่าๆกันแต่
00:14:03 → 00:14:05 ว่ากลุ่มที่เป็นหลอดเลือดเนี่ยถ้าสมมุติ
00:14:05 → 00:14:08 ว่ามันมีอันที่มันป่องออกมาแบบนั้นนะครับ
00:14:08 → 00:14:10 บางบางตำแหน่งที่มันป่องเนี่ยจะเป็น
00:14:10 → 00:14:13 ตำแหน่งที่มันอาจจะบางกว่าผิดบางกว่าปกติ
00:14:13 → 00:14:15 แล้วก็พอมันป่องมากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆวัน
00:14:15 → 00:14:17 นึงมันก็แตกอันนี้มันจะเป็นเสมือนระเบิด
00:14:17 → 00:14:20 เวลาเราก็จะไม่รู้กลุ่มนี้ก็คือจะแข็งแรง
00:14:20 → 00:14:23 ปกติดีก็จะมีอาการเส้นเลือดแตกเนี่ยใน
00:14:23 → 00:14:26 ช่วงที่อายุยังไม่เยอะโดยที่ไม่ได้สูบ
00:14:26 → 00:14:33 บุหรี่ตรวจร่างกายทุกอย่างก็ดูปกติดี
00:14:33 → 00:14:38 อนแต่ว่าจริงวามันสลเลยนะครับหรือบางคน
00:14:38 → 00:14:42 อาจจะดูแข็งแรงดีนะครับแต่ว่าเป็นเบาหวาน
00:14:42 → 00:14:46 มา 4-5 ปีแล้วซึ่งกลุ่มที่เป็นความดันสูง
00:14:46 → 00:14:48 เนี่ยบางคนบอกเอ๊ะทำไมไม่เห็นรู้สึกว่า
00:14:48 → 00:14:50 ผิดปกติเลยคือความดันสูงเนี่ยถ้ามันไม่
00:14:50 → 00:14:53 ได้เกิดเรื่องเนี่ยมันก็จะยังปกติดีอยู่
00:14:53 → 00:14:55 นะครับเพราะว่าความดันสูงจริงๆมันก็คือ
00:14:55 → 00:14:57 ระเบิดเวลาอันนึงเหมือนกันส่วนกลุ่มที่
00:14:57 → 00:15:00 เป็นเบาหวานเนี่ยบางคนถ้าไม่ได้น้ำตาลสูง
00:15:00 → 00:15:03 มากๆ 500 600 อะไรอย่างเงี้ยน้ำตาลสูงใน
00:15:03 → 00:15:05 ระดับที่เป็นเบาหวานนี่แหละเขาก็อาจจะไม่
00:15:05 → 00:15:07 รู้สึกว่าตัวเองเป็นเบาหวานก็จะรู้สึกยัง
00:15:07 → 00:15:10 แข็งแรงยังปกติดีอยู่แต่ก็ไม่ได้รักษาพวก
00:15:10 → 00:15:12 นี้พอถึงวันนึงที่ร่างกายมันไม่ไหวแล้วก็
00:15:12 → 00:15:14 ทำให้เกิดอาการเนี่ยก็ได้ซึ่งส่วนใหญ่
00:15:15 → 00:15:17 กลุ่มที่เอ่อแข็งแรงไม่จริงเนี่ยมักจะ
00:15:17 → 00:15:19 เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ตรวจสุขภาพหรือตรวจ
00:15:19 → 00:15:22 แล้วะเจอแต่ว่าเอ่อรู้สึกว่าตัวเองแข็ง
00:15:22 → 00:15:24 แรงก็เลยไม่ได้เข้าสู่กระบวนการรักษาอะไร
00:15:24 → 00:15:27 เงี้ยครับค่ะอืคุณหมอเคยได้ยินมั้ยคะว่า
00:15:27 → 00:15:30 เอ่อเราไม่เป็นโรคก็ด้วยการไม่ไป
00:15:30 → 00:15:34 ตรวจเคยได้เคยได้ยินึจริงๆมีเพราะว่าบาง
00:15:34 → 00:15:37 คนก็รู้สึกว่าพอไปโรงพยาบาลทีนึงก็เสีย
00:15:37 → 00:15:39 เวลาไปครึ่งวันหรือวันนึงอะไรอย่างเงี้ย
00:15:39 → 00:15:41 นะครับหรือบางคนพอไปแล้วก็บอกหมอชอบห้าม
00:15:41 → 00:15:44 หมอชอบดูหมอชอบบอกไม่ให้ทำอย่างงั้นไม่
00:15:44 → 00:15:47 ให้ทำอย่างงี้ก็ไม่ไปดีกว่าอะไรเงี้ยอค่ะ
00:15:47 → 00:15:50 โดนๆห้ามตลอดนะคะอันนี้ห้ามกินอันนี้ห้าม
00:15:50 → 00:15:53 แบบว่าทุกอย่างนะคะดูจะขัดใจไปนิดนึงก็
00:15:53 → 00:15:56 เลยทำให้รู้สึกว่าไม่อยากจะไปแต่จริงๆคือ
00:15:56 → 00:15:58 ถ้าเกิดว่าเราตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
00:15:58 → 00:16:00 ตรวจละเอียดเพราะว่าอ่ะถ้ายังได้สิทธิ์ใน
00:16:01 → 00:16:03 การรักษาเอ่อในการตรวจสุขภาพค่ะคุณหมอเรา
00:16:03 → 00:16:06 ก็จะแบบเอ่อตามเลเวลค่ะอายุเท่านี้ตรวจ
00:16:06 → 00:16:10 แค่นี้อายุมากขึ้น 40 อัพขึ้นไปตรวจอัน
00:16:10 → 00:16:12 นี้เพิ่มเติม 50 อัพขึ้นไปตรวจอันนี้
00:16:12 → 00:16:14 เพิ่มเติมหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะเราก็จะ
00:16:14 → 00:16:16 ตรวจไปแค่ตามนั้นก็ถือว่าเป็นการตรวจ
00:16:16 → 00:16:19 สุขภาพประจำปีละถ้าเกิดไม่ได้พบความผิด
00:16:19 → 00:16:21 ปกติแต่ถ้าเกิดว่าอย่างเงี้ยคุณหมอจะแนะ
00:16:21 → 00:16:24 นำยังไงดีว่าเราควรจะแบบว่าเอ้ยตรวจแบบ
00:16:24 → 00:16:27 มากขึ้นกว่านี้มั้ยเพราะว่าเอ่อเท่าที่
00:16:27 → 00:16:29 ฟังดูมันเหมือนเป็นโรคประจำตัวเนี่ยมันก็
00:16:29 → 00:16:31 มีความสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องของความผิด
00:16:31 → 00:16:33 ปกติของหลอดเลือดที่ไปเลียงสมองได้อีก
00:16:33 → 00:16:35 เหมือนกันในบางโรคอย่างเบาหวานความดัน
00:16:35 → 00:16:38 อะไรอย่าเงี้ยค่ะคืออันเนี้ยที่เราพูดถึง
00:16:38 → 00:16:40 เราพูดถึงเฉพาะกลุ่มที่เป็นโรคหลอดเลือด
00:16:40 → 00:16:42 สมองแต่เวลาที่เราไปซื้อแพ็คเกจตรวจ
00:16:42 → 00:16:45 สุขภาพเนี่ยมันก็จะมีแพ็คของโรคทางเดิน
00:16:45 → 00:16:49 อาหารใช่มั้ยครับโรคกลุ่มเอ่อสตรีนะครับ
00:16:50 → 00:16:53 หรือโรคกลุ่มอื่นๆที่มันจะเพิ่มเติมเข้า
00:16:53 → 00:16:55 มาอะไรเงี้ยซึ่งพวกนั้นเนี่ยเอ่อเวลาที่
00:16:55 → 00:16:57 อายุเพิ่มขึ้นเนี่ยปัจจุบันเรามีความรู้
00:16:57 → 00:16:59 มากขึ้นว่ากลุ่มโลกเนี้ยมันจะเจอในอายุ
00:16:59 → 00:17:00 เท่านี้เท่านี้เพราะฉะนั้นอายุประมาณ
00:17:00 → 00:17:02 เนี้ยควรจะต้องคัดกรองแล้วกลุ่มโลกนี้ก็
00:17:03 → 00:17:04 ควรจะคัดกรองอายุเท่านี้เพราะฉะนั้นเวลา
00:17:04 → 00:17:07 ที่เราไปซื้อแพ็คเกจเนี่ยพออายุมากขึ้น
00:17:07 → 00:17:09 แพคเกจมันก็จะแพงขึ้นเหมือนซื้อประกันอ
00:17:09 → 00:17:13 เอ่อเวลาที่เอ่อเราไม่รู้ว่าเราควรจะตรวจ
00:17:13 → 00:17:15 อะไรบ้างอะไรอย่างเงี้ยนะครับอย่างแรกเลย
00:17:15 → 00:17:19 ก็คือเราอาจจะดูในครอบครัวของเราเนี่ยมี
00:17:19 → 00:17:22 โรคอะไรเป็นส่วนใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ก็ที่มัน
00:17:22 → 00:17:24 จะมาด้วยกันก็มักจะเป็นกลุ่มโรคที่เป็น
00:17:24 → 00:17:28 โรคไม่ติดต่อหรือว่า ncd นะครับซึ่งถ้า
00:17:28 → 00:17:30 ที่บ้านเรามีคุณพ่อคุณแม่เป็นเบาหวานเป็น
00:17:30 → 00:17:32 ความดันอันนี้ยเราก็จะพยายามซื้อแพ็คเกจ
00:17:32 → 00:17:35 ที่มันมีเบาหวานความดันคัดกรองซึ่งอันนี้
00:17:35 → 00:17:37 มักจะเป็นเ่าพื้นฐานที่มักจะมีอยู่ใน
00:17:37 → 00:17:40 แพ็คเกจทุกแพ็คเกจเนี่ยอยู่แล้วนะหรือถ้า
00:17:40 → 00:17:43 ครอบครัวมีประวัติเรื่องของมะเร็งชนิดไหน
00:17:43 → 00:17:46 ซึ่งรู้ว่ามะเร็งชนิดนั้นเนี่ยมันเป็นเ่อ
00:17:46 → 00:17:48 ถ่ายทอดทางพันธุกรรมเช่นมะเร็งในทางเดิน
00:17:48 → 00:17:49 อาหารอะไรอย่างเงี้ยเราก็จะต้องซื้อ
00:17:49 → 00:17:52 แพคเกจที่มีการคัดกรองมีการส่องกล้องทาง
00:17:52 → 00:17:55 เดินอาหารซึ่งเจะเอ่ออายุน้อยกว่ากลุ่ม
00:17:55 → 00:17:59 ที่เป็นต้องไปส่องกล้องทั่วๆไปนะครับอ่า
00:17:59 → 00:18:01 ทีนี้สำหรับกรณีที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง
00:18:01 → 00:18:03 เนี่ยจริงๆเนี่ยเอ่อถ้าเป็นโรงพยาบาล
00:18:03 → 00:18:06 เอกชนเขอาจจะมีแพ็คเกจซื้อเอ่อทั้งจาะ
00:18:07 → 00:18:10 เลือดแล้วก็ทำ xray สมองด้วยซึ่งในความ
00:18:10 → 00:18:13 เป็นจริงเนี่ยบางคนเอ่อพอ xray ออกมาแล้ว
00:18:13 → 00:18:15 เนี่ยหลอดเลือดมันไม่ได้สวยงามแต่จริงๆ
00:18:15 → 00:18:17 แล้วมันไม่ได้เกิดเรื่องอะไรเพราะฉะนั้น
00:18:17 → 00:18:21 เนี่ยในทางเอ่อในทางทฤษฎีนะครับที่เป็น
00:18:21 → 00:18:24 มาตรฐานในเรื่องของการตรวจคัดกรองเนี่ย
00:18:24 → 00:18:27 เราจะไม่ได้คัดกรองจากการทำเซเรย์สมองนะ
00:18:27 → 00:18:30 ครับแต่เราจะคัดกรองจ 1 ตรวจร่างกายดูว่า
00:18:30 → 00:18:32 มีความผิดปกติทางระบบประสาทมตรวจดูความ
00:18:32 → 00:18:35 ดันนะครับเจาะเลือดดูกลุ่มที่เป็น ncd
00:18:35 → 00:18:38 เบาหวานมีมั้ยไขมันเท่าไหร่ไตเป็นยังไงนะ
00:18:38 → 00:18:41 ครับดูมีประวัติเสี่ยงเรื่องของการสูบ
00:18:41 → 00:18:44 บุหรี่หรือเปล่านะครับอค่ะที่เหลือเราก็
00:18:44 → 00:18:47 ดูถ้าไม่มีอาการอะไรอ่ะเนี่ยปีหน้าก็ตรวจ
00:18:47 → 00:18:49 ใหม่อีกทีนึงเพราะว่ามันจะมีปัญหากลุ่ม
00:18:49 → 00:18:52 ที่ไปตรวจ MRI แล้วเช่นบอ่ะซื้อแพ็คเกจ
00:18:52 → 00:18:55 ที่เป็นตรวจ MRI เลยก็คือเป็น xray คลื่น
00:18:55 → 00:18:57 แม่เหล็กไฟฟ้านะครับที่สมองซึ่งบางคนอาจ
00:18:57 → 00:19:00 จะเจอโดยเฉพาะในคนสูงอายุอาจจะเจอความผิด
00:19:00 → 00:19:02 ปกติแล้วเขาก็จะอ่านผลมาว่าเป็นเ่อเส้น
00:19:02 → 00:19:05 เลือดสมองที่เป็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆเนี่ย
00:19:05 → 00:19:07 ผิดปกติซึ่งจริงๆแล้วคนไข้ไม่ได้มีอาการ
00:19:07 → 00:19:10 อะไรเลยอันเนี้ยในทางปฏิบัติเราก็จะไม่
00:19:10 → 00:19:12 ได้ให้การรักษาคนไข้กลุ่มนี้เพราะว่าถือ
00:19:12 → 00:19:14 ว่ามันไม่มีอาการเพราะว่าถ้าเอาคนสูงอายุ
00:19:15 → 00:19:17 สัก 100 คนเนี่ยมาตรวจยังไงก็มีโอกาสที่
00:19:17 → 00:19:19 จะเจอแบบนี้ได้โดยที่เขาไม่มีอาการเหมือน
00:19:19 → 00:19:21 กันหรือแม้แต่ไปดูหลอดเลือดหลอดเลือดมัน
00:19:21 → 00:19:23 ดูผิดปกติมันดูติดมันดูแคบอะไรอย่างเงี้ย
00:19:23 → 00:19:26 แต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยถ้าไม่มีอาการเราก็
00:19:26 → 00:19:30 อาจจะไม่ได้ทำอะไรอือืทีนี้ในในส่วนของ
00:19:30 → 00:19:33 เอ่อเรื่องของโรคหล่อเลือดสมองเงี้ยค่ะ
00:19:33 → 00:19:36 มันมีภาวะแทรกซอนได้มั้ยคะที่จะเกิดขึ้น
00:19:36 → 00:19:39 เช่นแบบอัมพฤกษ์อัมพาตหรือว่าแบบการพูด
00:19:39 → 00:19:42 กันการกินการกลืนอะไรมันเปลี่ยนไปหมดเลย
00:19:42 → 00:19:44 มันไม่สามารถจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมมัน
00:19:44 → 00:19:47 มันมีโอกาสเสี่ยงขนาดนั้นมั้ยคะตัวโรค
00:19:47 → 00:19:49 เนี่ยเราเรียกโรคหลอดเลือดสมองอัมพฤกษ์
00:19:49 → 00:19:51 หรืออัมพาตเนี่ยมันเป็นผลเพราะฉะนั้นมัน
00:19:52 → 00:19:54 คือเรากำลังพูดถึงสิ่งเดียวสิ่งเดียวกัน
00:19:54 → 00:19:56 ถ้าสมมุติว่าเอ่อขยับไม่ได้เลยเราก็จะ
00:19:56 → 00:19:59 เรียกอัมพาแต่ถ้าขยับได้อยู่แต่ว่ามันไม่
00:19:59 → 00:20:02 เหมือนเดิมเราก็จะเรียกอัมพฤกษ์นะครับที
00:20:02 → 00:20:05 นี้ปกติเนี่ยถ้าสมมุติว่าเอ่อเลือดที่ไป
00:20:05 → 00:20:08 เลี้ยงสมองในส่วนที่มันเสียหายเนี่ยขึ้น
00:20:08 → 00:20:10 อยู่กับว่าสมองตรงส่วนนั้นเนี่ยทำหน้าที่
00:20:10 → 00:20:13 อะไรความผิดปกติก็จะเป็นไปตามนั้นถ้า
00:20:13 → 00:20:15 สมมุติว่ามันเป็นตำแหน่งเล็กๆนะครับเช่น
00:20:15 → 00:20:17 ถ้าโดนตำแหน่งที่เอ่อควบคุมเรื่องของการ
00:20:18 → 00:20:21 พูดการพูดแล้วก็การกลืนก็จะมีปัญหานะครับ
00:20:21 → 00:20:24 ถ้าโดนตำแหน่งเรื่องของภาษานะครับอ่าถ้า
00:20:24 → 00:20:26 โดนตำแหน่งที่เป็นความเข้าใจภาษาเนี่ยเขา
00:20:26 → 00:20:28 ก็จะฟังคนอื่นไม่รู้เรื่องแต่เขาสามารถ
00:20:28 → 00:20:30 พูดออกไปเป็นประโยคได้เพราะฉะนั้นมันก็จะ
00:20:30 → 00:20:33 เหมือนกับพูดกันคนละเรื่องนะครับหรืออีก
00:20:33 → 00:20:37 กลุ่มนึงที่เอ่อเอ่อฟังเข้าใจแต่พูดไม่
00:20:37 → 00:20:41 ได้อันนี้ก็จะออกมาเอ่อโดยที่ไม่ไม่เข้า
00:20:41 → 00:20:45 ใจกันเลยนะครับอืหรือถ้าโดนตำแหน่งที่ควบ
00:20:45 → 00:20:48 คุมแขนก็จะทำให้มีอาการอ่อนแรงเกิดขึ้น
00:20:48 → 00:20:50 ถ้าควบคุมเรื่องของลานสายตาทำหน้าที่ใน
00:20:50 → 00:20:53 การมองเห็นก็จะทำให้ภาพเนี่ยมันแว่งไป
00:20:53 → 00:20:55 เพราะฉะนั้นอันเนี้ยมันก็จะขึ้นอยู่กับ
00:20:55 → 00:20:57 ว่าความเสียหายเนี่ยมันเกิดขึ้นที่
00:20:57 → 00:21:00 ตำแหน่งไหนอันนี้คือเกิดจากตัวโรคโดยตรง
00:21:00 → 00:21:02 แต่ถ้าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นตาม
00:21:02 → 00:21:04 หลังเช่นตอนที่อ่อนแรงแล้วเดินไม่ได้
00:21:04 → 00:21:08 เนี่ยบางคนเป็นมากๆนะครับก็อาจจะมีปัญหา
00:21:08 → 00:21:10 เรื่องของติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะติด
00:21:10 → 00:21:13 เชื้อในปอดนะครับหรือมีแผนกดทับเกิดขึ้น
00:21:13 → 00:21:16 นะครับหรือมีข้อไหล่ติดเพราะว่าเนื่องจาก
00:21:16 → 00:21:18 ว่ามันยกไม่ขึ้นใช่มั้ยครับมันก็จะทำให้
00:21:18 → 00:21:21 เกิดการเกิดข้อติดได้อะไรเงี้ยครับค่ะ
00:21:21 → 00:21:24 โอ้โหอดูหลายหลายอาการมากเลยในใน 1 คนเ
00:21:24 → 00:21:26 สามารถเป็นได้หลายอาการมั้ยคะอย่างที่คุณ
00:21:26 → 00:21:30 หมอบอกว่าทั้งพูดลำบากปากตกยกแขนไม่ขึ้น
00:21:30 → 00:21:32 เ่อบางคนทรงตัวผิดปกติด้วยมองเห็นผิดปกติ
00:21:32 → 00:21:35 ด้วยในคนคนเดียวสามารถมีหลายๆอย่างอาการ
00:21:35 → 00:21:38 ต่างๆเหล่านี้ด้วยได้ยคะสามารถมีหลาย
00:21:38 → 00:21:40 อย่างได้ถ้าเกิดในตำแหน่งที่เป็นเส้น
00:21:40 → 00:21:43 เลือดแดงใหญ่นะครับหรือว่าเกิดขึ้นในที่
00:21:43 → 00:21:46 เป็นที่รวมของใหญ่ประสาทเช่นตรงก้านสมอง
00:21:46 → 00:21:48 อะไรเงี้ยคุณโอแต่มันไม่รู้ว่ามันจะเกิด
00:21:48 → 00:21:51 ขึ้นตรงไหนอดีคุณหมอใช่ครับใช่เพราะ
00:21:51 → 00:21:53 ฉะนั้นเวลาที่เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดเวลา
00:21:53 → 00:21:56 ที่เราไม่รู้ว่าอ๋อมันจะรุนแรงอะไรเงี้ย
00:21:56 → 00:21:59 อืความตระหนักในการที่จะดูแลหรือว่าป้อง
00:21:59 → 00:22:01 กันตัวเองมันก็เลยน้อยนะครับเหมือนกับตอน
00:22:02 → 00:22:04 เนี้ยเราทุกคนก็รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงดี
00:22:04 → 00:22:06 ไม่ได้มีโรคอะไรเลยหรือแม้แต่มีโรคอความ
00:22:06 → 00:22:08 ดันสูงเหรอก็ไม่เห็นเป็นไรเนี่ยหรือน้ำ
00:22:08 → 00:22:11 ตาลสูงเหรอก็ไม่เห็นเป็นไรเนี่ยเราก็จะ
00:22:11 → 00:22:13 รู้สึกว่าอืไม่ต้องป้องกันอะไรเงี้ยแต่
00:22:13 → 00:22:15 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยพอมันเกิดเรื่องแล้ว
00:22:15 → 00:22:19 เนี่ยเราโอรู้อย่างงี้จะย้อนกลับไปคุมรู้
00:22:19 → 00:22:22 อย่างงี้จะไปรักษารู้อย่างงี้คุมอาหาร
00:22:22 → 00:22:24 ตั้งแต่แรกก็ดีซึ่งในความเป็นจริงมันไม่
00:22:24 → 00:22:27 มีทางที่จะรู้อย่างนี้แน่นอนค่ะอืเพราะ
00:22:27 → 00:22:29 ว่าเดี๋ยวนี้เราจะเห็นว่าหลายคนก็บอกว่า
00:22:29 → 00:22:33 เอ่อชีวิตเราชใช้ซะนะคะจะเป็นอะไรก็เออก็
00:22:33 → 00:22:34 ให้มันเป็นไปเถอะอะไรอย่างเงี้ยนะคะแต่
00:22:34 → 00:22:37 ว่าบางทีมันไม่ได้แบบว่าปิดสวิตชดับไปเลย
00:22:37 → 00:22:39 จบไปเลยอย่างงั้นนะคะแต่ว่ามันเรายังมี
00:22:39 → 00:22:41 ชีวิตอยู่เรายังรู้ตัวอยู่เพียงแต่ว่าเรา
00:22:41 → 00:22:43 อาจจะไม่ได้ปกติเหมือนเดิมอันนี้มันทรมาน
00:22:43 → 00:22:45 มากกว่าเนาะคุณหมอเนาะที่จะต้องมาแบบใช่
00:22:45 → 00:22:48 คือไม่ใช่แค่ตัวเรานะคนดูแลเราด้วยนะคะ
00:22:48 → 00:22:50 ที่เค้าก็จะต้องแบบเอ่อเค้าเรียกว่าอะไร
00:22:51 → 00:22:53 อ่ะทั้งทั้งเป็นความเป็นห่วงนะคะที่จะ
00:22:53 → 00:22:55 ต้องดูแลเราหรือบางทีล้มคนเดียวก็เหมือน
00:22:55 → 00:22:58 ล้มทั้งบ้านเสาหลักในครอบครัวล้มทีนี้ใคร
00:22:58 → 00:23:01 หล่ะที่จะดูแลต่อถ้าคนในบ้านไม่ช่วยกันดู
00:23:01 → 00:23:05 แลใช่มั้ยคะเออก็เป็นสิ่งที่อันนี้ฝากไว้
00:23:05 → 00:23:07 ท้ายนี้ค่ะคุณหมอมีอะไรอยากฝากถึงคุณผู้
00:23:07 → 00:23:09 ฟังหน่อยมยคะเกี่ยวกับเรื่องของโรคหลอด
00:23:09 → 00:23:13 เลือดสมองค่ะคือเวลาที่ไม่ว่าใครก็ตามใน
00:23:13 → 00:23:15 ครอบครัวหรือว่าแแต่คนที่เรารู้จักนะเวลา
00:23:15 → 00:23:17 ที่ป่วยเป็นโรคหลอเลือดสมองขึ้นมาเนี่ย
00:23:17 → 00:23:20 ชีวิตมันเปลี่ยนไปหลังจากนั้นแน่นอนทีนี้
00:23:20 → 00:23:23 เนี่ยมันก็อย่างที่คุณสุรีพรบอกว่าจริงๆ
00:23:23 → 00:23:25 มันไม่ได้เปลี่ยนแค่ชีวิตของคนป่วยแต่ว่า
00:23:25 → 00:23:27 คนอื่นในครอบครัวนี้ก็เปลี่ยนด้วยโดย
00:23:27 → 00:23:29 เฉพาะถ้าคนนั้นเนี่ยเป็นหัวหน้าครอบครัว
00:23:29 → 00:23:32 นะครับหรือเอ่อแม้แต่อาจจะไม่ใช่หัวหน้า
00:23:32 → 00:23:34 ครอบครัวเป็นคนอื่นๆในครอบครัวคนอื่นก็
00:23:34 → 00:23:37 อาจจะต้องมาดูแลนะซึ่งอาจจะดูแลในเบื้อง
00:23:37 → 00:23:40 ต้นชั่วคราว 6 เดือน 1 ปีว่ากันไปหรือบาง
00:23:40 → 00:23:43 คนก็อาจจะต้องดูแลกันไปตลอดชีวิตซึ่งช่วง
00:23:43 → 00:23:45 แรกเราก็จะรู้สึกว่าอเราทำได้เพราะว่า
00:23:45 → 00:23:47 เป็นคนที่เรารักแต่ว่าพอมันนานเข้าเนี่ย
00:23:47 → 00:23:50 ความเครียดที่เกิดจากการที่เราจะต้องดูแล
00:23:50 → 00:23:52 ทางกายนะครับแล้วก็ความเครียดที่เกิดขึ้น
00:23:52 → 00:23:55 จากทางใจหรือความเครียดที่เกิดขึ้นจาก
00:23:55 → 00:23:57 เรื่องของเศรษฐกิจสังคมอะไรอย่าเงี้ยมัน
00:23:58 → 00:24:00 ก็จะตามมามากขึ้นเรื่อยๆเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:24:00 → 00:24:02 ปัญหามันไม่ได้แค่เรื่องของโรคหลักเลือด
00:24:02 → 00:24:05 สมองอย่างเดียวมีปัญหาอื่นๆที่รอที่จะตาม
00:24:05 → 00:24:07 เข้ามาเรื่อยๆเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าสมมุติ
00:24:07 → 00:24:09 ว่าเรารู้สึกว่าเราไม่อยากตกอยู่ในสภาวะ
00:24:09 → 00:24:12 แบบนั้นนะครับการดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้
00:24:12 → 00:24:15 นะครับก็คือกินดีนะครับกินอาหารที่ดีมี
00:24:15 → 00:24:18 ประโยชน์อันไหนที่กินแล้วจะอ้วนกินแล้ว
00:24:18 → 00:24:20 น้ำตาลจะสูงกินแล้วไขมันจะสูงอันนี้ก็
00:24:20 → 00:24:24 ต้องทันในปริมาณที่พอดีนะครับออกกำลังกาย
00:24:24 → 00:24:26 ดีก็ควรจะต้องออกกำลังกายสมัเสมอบางคนรู้
00:24:26 → 00:24:28 สึกว่าทำงานก็เหนื่อยแล้วยังจะต้องเป็น
00:24:28 → 00:24:30 เหนื่อยออกกำลังกายอีกเหอันนี้มันคนละ
00:24:30 → 00:24:32 ส่วนกันเพราะฉะนั้นควรจะหาเวลาในการที่จะ
00:24:32 → 00:24:36 ไปออกกำลังกายด้วยนะครับนอนดีนะครับก็ควร
00:24:36 → 00:24:39 จะนอนให้เป็นปกติปัจจุบันเนี่ยก็จะเจอ
00:24:39 → 00:24:41 กลุ่มที่อ่านอนกรนหรือหยุดหายใจตอนนอน
00:24:41 → 00:24:43 หลับอาจจะมีความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอด
00:24:43 → 00:24:46 เลือดสมองหรือโรคอื่นๆทุกส่วนของร่างกาย
00:24:46 → 00:24:49 อันนี้ถ้าคนที่นอนกลนก็ควรจะต้องไปตรวจ
00:24:49 → 00:24:51 เรื่องของการนอนที่เหลือนะครับถ้าตรวจเจอ
00:24:51 → 00:24:53 ว่าตัวเองมีความผิดปกติอะไรแล้วไม่ต้อง
00:24:54 → 00:24:57 กลัวที่จะโดนหมอดุหรือห้ามกินอะไรไม่ต้อง
00:24:57 → 00:25:00 กลัวที่จะกินยาก็การรักษาแต่เนิ่นๆจะช่วย
00:25:00 → 00:25:04 ป้องกันให้เราไม่ไปเป็นโรคที่เ่อมันจะ
00:25:04 → 00:25:08 เอ่อรุนแรงมากในอนาคตได้ถ้าสมมุติว่าป้อง
00:25:08 → 00:25:10 กันตั้งแต่วันนี้โอกาสที่จะเกิดมันก็จะ
00:25:10 → 00:25:12 น้อยลงครับค่ะแล้วก็ถ้ารู้ตัวเร็วก็จะ
00:25:12 → 00:25:14 ฟื้นตัวเร็วด้วยนะคะดูแลตัวเองตั้งแต่วัน
00:25:14 → 00:25:17 นี้พอฟังคุณหมอบอกแบบนี้สะท้อนใจค่ะคุณ
00:25:17 → 00:25:20 หมอพูดเหมือนรู้เลยค่ะว่าแค่ทำงานลงมาลง
00:25:20 → 00:25:23 มาจากตึกนี่ก็เหนื่อยแล้วจะเอาแรงที่ไหน
00:25:23 → 00:25:25 ไปออกกำลังกายนะคะพอฟังแบบนี้แล้วอุ้ยตาย
00:25:25 → 00:25:27 แล้วต้องเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองใหม่นะคะ
00:25:27 → 00:25:30 อะไรที่เป็นความเสี่ยงก็ลดลงนะคะวันนี้
00:25:30 → 00:25:32 คุณหมอมาเตือนแล้วนะคะอะไรก็เกิดขึ้นได้
00:25:32 → 00:25:35 เกิดได้ทุกเพศทุกวัยนะคะแม้กระทั่งคนแข็ง
00:25:35 → 00:25:37 แรงบางทีเรายังไม่รู้เลยว่าเอ๊ะเรามีโรค
00:25:37 → 00:25:40 อะไรอยู่มีอะไรแฝงอยู่ในตัวหรือเปล่าบาง
00:25:40 → 00:25:42 ทีมันไม่ได้ส่งสัญญาณนะคะอันนี้ต้องระวัง
00:25:42 → 00:25:44 ด้วยวันนี้ต้องขอบคุณคุณหมอชนพี่วัฒน์ค่ะ
00:25:44 → 00:25:46 ที่มาร่วมพูดคุยในรายการโรงหมอกับเราใน
00:25:46 → 00:25:48 วันนี้ด้วยนะคะขอบคุณค่ะคุณหมอคะสินดีค่ะ
00:25:48 → 00:25:51 สวัสดีสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟัง
00:25:51 → 00:25:53 คะพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอไทย
00:25:53 → 00:25:56 PB podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดี
00:25:56 → 00:26:00 ค่ะ This is PBS podcast ภาวะขาดอากาศ
00:26:00 → 00:26:02 หายใจแม้แต่ในที่โล่งก็เกิดภาวะนี้ได้
00:26:03 → 00:26:05 ทำไมภาวะนี้จึงมีความอันตรายนายแพทย์ไชั
00:26:05 → 00:26:08 ทวัฒน์ชื่อลือชาศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก
00:26:08 → 00:26:11 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมาเล่าให้ฟัง
00:26:11 → 00:26:15 ครับจริงๆต้องบอกว่าทุกเหตุการณ์การ
00:26:15 → 00:26:17 ชุมนุมหรือว่าการที่มีคนมารวมตัวกันเยอะๆ
00:26:17 → 00:26:19 เนี่ยครับมันมีเกิดเหตุไม่คาดฝันได้เสมอ
00:26:19 → 00:26:21 อยู่แล้วอย่างเหตุการณ์อีวอนะครับตอนแรก
00:26:21 → 00:26:23 ก็เป็นซอยโล่งๆพื้นที่โล่งๆเนาะก็จะกลาย
00:26:24 → 00:26:26 เป็นพื้นที่แออัดขึ้นมาโดยปริยายนะครับ
00:26:26 → 00:26:28 หรือสถามสนามกีฬาโล่งๆเงี้ยเราจัดค
00:26:28 → 00:26:29 คอนเสิร์ตอะไรสักอย่างนึงใช่มั้ยครับคน
00:26:30 → 00:26:32 จากสกีฬาที่เราเห็นโล่งๆโปร่งสบายเนาะ
00:26:33 → 00:26:36 เมื่อคนเข้ามาปริมาณมามากๆก็จะกลายเป็น
00:26:36 → 00:26:38 พื้นที่แอร์อัดอากาศที่มันอยู่บริเวณนั้น
00:26:38 → 00:26:41 ก็จะเริ่มขัดเหมือนเหมือนคนแย่งกันหายใจ
00:26:41 → 00:26:43 ครับบริเวณนั้นเนาะอยู่อยู่ติดๆกันนะครับ
00:26:43 → 00:26:46 ก็ก็ทำให้ทำให้เกิดการขาดอากาศแต่ไม่ใช่
00:26:46 → 00:26:48 หมายถึงว่าเอ่อมีจำนวนคนเท่านี้จะเกิดการ
00:26:48 → 00:26:50 ขาดอากาศได้เท่านั้นนะครับคือมันต้องมี
00:26:50 → 00:26:53 เหตุการณ์หลายๆอย่างผสมปนเปกันจนเกิด
00:26:53 → 00:26:56 อาการขาดอากาศหายใจในในในเหตุชุลมุนการ
00:26:56 → 00:26:59 ขาดอากาศหายใจเนี่ยมันนน่ากลัวยังไงก็คือ
00:26:59 → 00:27:01 คนเราเนี่ยเริ่มต้นจากกลไกร่างกายเราเนาะ
00:27:01 → 00:27:03 เคยได้ยินใช่มั้ยครับว่าถ้าสมองขาเลือด
00:27:03 → 00:27:05 แค่ 4 นาทีเราจะหมดสติแล้วก็กลายเป็นเจ้า
00:27:05 → 00:27:08 หญิงนิดทาไปเลยจริงๆแล้วอ่ะอากาศเนี่ยมัน
00:27:08 → 00:27:10 สำคัญมากเพราะว่ามันเราต้องใช้ออกซิเจน
00:27:10 → 00:27:12 เนี่ยยไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายในการ
00:27:12 → 00:27:14 แลกเปลี่ยนแก๊สเนาะออกซิเจนไปแลกเปลี่ยน
00:27:14 → 00:27:16 ที่ปอดเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกมานะครับ
00:27:16 → 00:27:18 เมื่อเราหายใจไม่ได้เนี่ยของเสียก็คือ
00:27:18 → 00:27:21 คาร์บอนไดออกไซด์หรือมันก็จะคั่งอืจริงๆเ
00:27:21 → 00:27:23 เบอกว่าแค่ 30 วินาทีนะครับที่เราขัด
00:27:24 → 00:27:26 อากาศหายใจเนี่ยก็จะหมดสติก่อนแล้วถ้า
00:27:26 → 00:27:29 ทิ้งไว้สักพักนึง 4 นาทีทีก็จะเกิดภาวะ
00:27:29 → 00:27:31 สมองตายแล้วก็หัวใจหยุดเต้นแล้วก็เป็น
00:27:31 → 00:27:33 ภาวะคดกอสอย่าที่เราเห็นในเหตุการณ์อทว
00:27:33 → 00:27:35 ที่มีคน CP กันเยอะๆอ่ะครับทุกอย่างมัน
00:27:35 → 00:27:37 เกิดขึ้นเร็วมากเลยจริงๆจะบอกว่าสาเหตุ
00:27:38 → 00:27:41 การเสียชีวิตจากการที่มีเหตุการณ์ชุลมุน
00:27:41 → 00:27:43 หรือว่าการเหยียบกันตายหรือว่าการเบียด
00:27:43 → 00:27:46 เสียดของคนต้องไม่นับอีไทวนะครับก็มีเหตุ
00:27:46 → 00:27:48 การณ์ที่เราเห็นบทเรียนมาเยอะแยะเลยตั้ง
00:27:48 → 00:27:51 แต่พวกเ่อสนามกีฬาคอนเสิร์ตการชุมนุมต่าง
00:27:51 → 00:27:55 ๆเนาะคือจริงๆเมีมีการวิจัยนึงบอกว่าเวลา
00:27:55 → 00:27:58 ที่เราอยู่กับคนเยอะๆอ่ะครับค่ะความแพนิค
00:27:58 → 00:28:02 ความกลัวหรือว่าอะไรก็ตามที่ที่มันอยู่ใน
00:28:02 → 00:28:04 ในจิตใจเราอ่ะมันจะมันจะมีความสูงสูงขึ้น
00:28:04 → 00:28:07 มากว่าปกติเวลาคนเยอะๆแพ็คแ่นแน่นกันเป็น
00:28:07 → 00:28:09 เป็นเหมือนเป็นเป็นรีเฟลกของร่างกายเรา
00:28:09 → 00:28:11 ว่าเฮ้ยเราจะกลัวกังวลจะมีอะไรเกิดขึ้น
00:28:11 → 00:28:14 กับเรามดังนั้นอย่างเจการอีวอเหมือนแค่มี
00:28:14 → 00:28:17 คนทริกเกอร์แค่มีเสียงตะโกนว่ามีเกิดเหตุ
00:28:17 → 00:28:20 การณ์ดีขึ้นปุ๊บทุกคนที่อยู่ในในในในดง
00:28:20 → 00:28:23 เ่ามวลมหาประชาชนที่ที่ที่มาที่อีวอนน่ะ
00:28:23 → 00:28:26 เกิดความโกลาหลแล้วก็วิ่งดันเบียดเสียด
00:28:26 → 00:28:28 กันก็เลยนำไปสู่ว่าจากที่ตอนแรกก็แน่น
00:28:28 → 00:28:32 อยู่และพอเกิดแรงดันแรงผลักของคนจากด้าน
00:28:32 → 00:28:35 หลังดันไปเรื่อยๆๆๆคุณลองลองคิดดูนะครับ
00:28:35 → 00:28:38 จาก 1 คนผัก 2 คน 3 คน 4 คนแรงผลักเนี้ย
00:28:38 → 00:28:40 เรื่อยๆส่งไปเรื่อยๆจนถึงคนที่หมื่นอย่าง
00:28:40 → 00:28:42 เงี้ยแรงเนี้ยมันก็ดันขึ้นเรื่อยๆมากขึ้น
00:28:42 → 00:28:44 เรื่อยๆจนเกิดเป็นสกนาฏกรรมขึ้นจนเกิด
00:28:44 → 00:28:47 เป็นแรงอัดที่ทำให้เราไม่สามารถแม้แต่จะ
00:28:47 → 00:28:50 หายใจที่ทำให้หน้าอกเราขยกขยายขึ้นได้
00:28:50 → 00:28:51 อันเนี้ยครับก็จะเป็นอย่างที่ผมบอกพอเรา
00:28:51 → 00:28:53 ไม่หายไม่สามารถหายใจได้แลกเปลี่นแกไม่
00:28:53 → 00:28:58 ได้ก็เป็นที่มาที่ทำให้เราเสียชีวิตได้
00:28:58 → 00:28:59 [เพลง]
00:28:59 → 00:29:03 This Is Thai PBS
00:29:03 → 00:29:06 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:06 → 00:29:08 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:08 → 00:29:22 www.thaipbs.or.th
00:29:22 → 00:29:28 [เพลง]
00:29:28 → 00:29:31 อ