00:00:00 → 00:00:03 น้ำหนักขึ้นผิดปกติเนี่ยถ้ากินปีใหม่ขึ้น
00:00:03 → 00:00:06 ผิดปกติเนี่ยช่วงปีใหม่แค่ระยะเวลาประมาณ
00:00:06 → 00:00:10 อ่า 1 อาทิตย์อาจารย์อือเอ่อมันจะสามารถ
00:00:10 → 00:00:12 ทำให้เรารู้สึกว่าขึ้นผิดปกติได้เลยมั้ย
00:00:12 → 00:00:17 คะอาจารย์อ่อก็โดยทั่วไปมันก็ถ้าคนทาน
00:00:17 → 00:00:19 เยอะๆนี่ก็ขึ้นได้เหมือนกันนะครับเพราะ
00:00:19 → 00:00:22 ว่าน้ำหนักตัวเรานะก็มีส่วนประกอบหลาย
00:00:22 → 00:00:24 ส่วนอืบางท่านถ้าเกิดทานพวกโดยมากที่จะ
00:00:24 → 00:00:27 ขึ้นเร็วก็จะเป็นอาหารบางประเภทนะครับมี
00:00:27 → 00:00:31 พวกหวานๆมันๆเนี่ยครับขึ้นเร็วมากออแล้ว
00:00:31 → 00:00:33 ก็อีกกลุ่มนึ่งที่จะขึ้นเร็วก็พวก
00:00:33 → 00:00:36 แอลกอฮอล์อย่างยิ่งถ้าเกิดทานเบียร์นะ
00:00:36 → 00:00:40 ครับเร็วมากเลยอ๋อรวมก็คือขึ้นจากเนื่อง
00:00:40 → 00:00:42 จากเบียร์หรือว่าพวกแอลกอฮอล์เนี่ยถึง
00:00:42 → 00:00:44 พลังงานสูงนะครับค่ะอันที่ 2 พวกนี้มันก็
00:00:45 → 00:00:47 อาจจะมีเรื่องของเกี่ยวข้องกับปัญหา
00:00:47 → 00:00:49 เรื่องของที่มีผลต่อการทำงานกับพวกสับพวก
00:00:49 → 00:00:53 อะไรด้วยออืค่ะก็สามารถขึ้นได้ครับให้เรา
00:00:53 → 00:00:57 น้ำหนักเพิ่มได้เร็วค่ะเรามากันที่หัวข้อ
00:00:57 → 00:01:00 ของเราวันนี้เนาะอุ๊เนาะสำหรับเอ่อลำไส้
00:01:00 → 00:01:03 รั่วเนี่ยมันมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง
00:01:03 → 00:01:07 ของน้ำหนักขึ้นผิดปกติยังไงบ้างคะ
00:01:07 → 00:01:11 อาจารย์คือคำว่ารำไส้รั่วจริงๆเนี่ยในคือ
00:01:11 → 00:01:14 จริงๆมันเป็นเเรียกภาษาภาษาทางการแพทย์เ
00:01:14 → 00:01:19 เรียกว่าเป็นี้กับรมนะครับคำว่ารมก็คือ
00:01:19 → 00:01:22 มันเป็นกลุ่มอาการคือมันไม่ได้เป็นโรคโดย
00:01:22 → 00:01:26 ตรงเหมือนกับอ่าโรคไข้หวัดโรคโควิดอะไร
00:01:26 → 00:01:30 เงี้ยครับมันเป็นอาการซึ่งเราคิดว่ามันมี
00:01:30 → 00:01:32 ปัญหาเรื่อง
00:01:32 → 00:01:36 ของเยื่อบุกลำไส้เนี่ยซึ่งปกติเนี่ยมัน
00:01:36 → 00:01:38 เซลล์แต่ละเซลล์มันอยู่ชิดกันนะไม่มีช่อง
00:01:38 → 00:01:41 ว่างใช่มั้ยฮะค่ะแต่ในบางภาวะเช่นมีการ
00:01:41 → 00:01:45 อักเสบเรื้อรังหรือว่าเรารับประทานอาหาร
00:01:45 → 00:01:48 บางอย่างนะครับหรือว่ารับประทานเช่นรับ
00:01:48 → 00:01:52 ประทานแอลกอฮอล์พวกเนี้ยทำให้ตัวภาวะ
00:01:52 → 00:01:55 เรื่องของการเรียงตัวของเซลล์เนี่ยมันมี
00:01:55 → 00:01:59 ความผิดปกติไปอเซลล์อาจจะมีการอักเสบมี
00:01:59 → 00:02:03 การหดรัดตัวของเซลล์ทำให้มีดูรั่วค่ะของ
00:02:03 → 00:02:06 บริเวณเซลล์ทำทำให้มันมีสารบางอย่างซึ่ง
00:02:06 → 00:02:09 ปกติเนี่ยไม่ควรที่จะเข้าไปในร่างกายของ
00:02:09 → 00:02:12 เราเนี่ยอืก็เข้าไปในร่างกายของเราได้นะ
00:02:12 → 00:02:15 ครับพวกนี้ก็ทำให้เกิดปิยาหลายอย่างนะ
00:02:15 → 00:02:18 ครับค่ะเช่นเรื่องของการเกิดภูมิแพ้
00:02:18 → 00:02:22 เรื่องของการติดเชื้อเรื่องของอาการทาง
00:02:22 → 00:02:24 ผิวหนังนะครับก็อาจจะมีแาเกี่ยวข้องกับ
00:02:24 → 00:02:28 ระบบทานอาหารเช่นเรื่องของท้องอืดบางคนก็
00:02:28 → 00:02:32 มีปัญหาท้องเสียได้นะครับอ่ะนะตนี้เป็น
00:02:32 → 00:02:34 สารแปลกฟอร์มที่เข้าไปก็กระตุ้นให้ร่าง
00:02:34 → 00:02:37 กายมีการสร้างสารบางอย่างขึ้นมาแล้วก็บาง
00:02:37 → 00:02:39 คนก็ทำให้น้ำหนักมันเพิ่มขึ้นได้อ้าเหรอ
00:02:39 → 00:02:42 ฮะอค่ะมันกลายเป็นอย่างงั้นไปเลยพอพอพอลำ
00:02:42 → 00:02:46 ลำไส้มันมีสัญญาณของการรั่วแล้วเนี่ยมัน
00:02:46 → 00:02:49 ก็เลยไปส่งผลต่อน้ำหนักซะอย่างงั้นใช่
00:02:49 → 00:02:52 ครับใช่ถูกต้องครับอมันมันเป็นเพราะอะไร
00:02:52 → 00:02:55 ครับนอกจากในเรื่องของสารมันยังมีมันมี
00:02:55 → 00:02:57 กระบวนการที่ทำให้เกิดขั้นตอนแบบนั้น
00:02:57 → 00:02:58 เพราะอะไรคุณ
00:02:58 → 00:03:02 หมอโดยทั่วไปพวกนี้เนี่ยมันจะมีสารบาง
00:03:02 → 00:03:05 อย่างซึ่งปกติมันไม่ถูกดูซึมค่ะพวกนี้ก็
00:03:05 → 00:03:08 จะต้องเช่นยกตัวอย่างสารอาหารเนี่ยเวลาจะ
00:03:08 → 00:03:10 ถูกดูดซึมได้ต้องเป็นโมเลกุลซึ่งมีขนาด
00:03:10 → 00:03:14 เล็กนะครับจะย่อยและถูกดูดซึมได้แต่ถ้า
00:03:14 → 00:03:16 เกิดว่าถ้าเกิดในรายที่มีการรั่วของพวก
00:03:16 → 00:03:18 ทางเรินอาหารพวกเนี้ยสารอาหารบางอย่าง
00:03:18 → 00:03:20 ซึ่งปกติเนี่ยมันไม่เข้าสู่ร่างกายมัน
00:03:20 → 00:03:23 เข้าสู่ร่างกายสารอาหารบางส่วนพวกนี้
00:03:23 → 00:03:26 เนี่ยมันก็ทำให้เกิดพวกพลังงานมากขึ้นพอ
00:03:26 → 00:03:29 เกิดพลังงานมากขึ้นเนี่ยพวกนี้ก็มันก็จะ
00:03:29 → 00:03:31 ไปสะสมมเปลี่ยนเป็นในรูปของพวกแป้งพวกไข
00:03:32 → 00:03:35 มันพวกเครับก็ทำให้เกิดอาการอ้วนได้นะ
00:03:35 → 00:03:38 ครับอืค่ะอ่านอกจากนั้นก็อาจจะเกี่ยวข้อง
00:03:38 → 00:03:41 กับมีการเรื่องของการดูดซึมสารน้ำหรือ
00:03:41 → 00:03:44 เกลือแร่ที่ผิดปกติไปซึ่งปัจจัยพวกนี้เอง
00:03:45 → 00:03:46 ก็เป็นปัจจัยที่รำทำให้เราน้ำหนักเพิ่ม
00:03:46 → 00:03:50 ขึ้นโดยจริงๆอาจจะไม่ใช่ว่ามี
00:03:50 → 00:03:54 พวกเรื่องของไขมันอย่างเดียวนะครับก็จะ
00:03:54 → 00:03:57 เป็นส่วนประกอบของพวกแป้งไขมันแล้วก็จะ
00:03:57 → 00:04:00 เป็นพวกสารน้ำหรือเกลือแรออทำให้เราบวม
00:04:00 → 00:04:02 ขึ้นจริงๆมันจะเรียกว่าอ้วนทีเดียวก็อาจ
00:04:02 → 00:04:05 จะไม่ใช่อาจจะมีเรื่องของบวมร่วมด้วยเพอ
00:04:05 → 00:04:08 สารน้ำเกินพวกเนี้ยเราก็รู้สึกตัวใหญ่น้ำ
00:04:08 → 00:04:10 หนักเกินแต่จริงๆเนี่ยสิ่งที่เกินเนี่ย
00:04:10 → 00:04:12 อาจจะเป็นพวกสารน้ำร่วมกับเรื่องของแกง
00:04:12 → 00:04:18 เรื่องของพวกมันนะมกันอือค่ะเอ่อคุณหมอคะ
00:04:18 → 00:04:21 สำหรับเราพูดถึงลำไส้รั่วเนี่ยคือเ่าที่
00:04:21 → 00:04:24 ขวัญมีความรู้ก็คือมีลำไส้เล็กลำไส้ใหญ่
00:04:24 → 00:04:27 ไอ้รั่วคำว่ารั่วนี่มันรั่วได้ตลอดทั้งลำ
00:04:27 → 00:04:30 ไส้เลยมยหรือว่าเฉพาะลำไส้เล็กหรือลำไส้
00:04:30 → 00:04:33 ใหญ่อันนี้แล้วไอ้รอยรั่วเนี่มันรั่วแบบ
00:04:33 → 00:04:37 ได้หลายๆรูเลยมคะหรือว่าเป็นลักษณะรั่ว
00:04:37 → 00:04:40 แบบไหนโดยทั่วไปลำไส้รั่วเนี่ยที่เราพูด
00:04:40 → 00:04:43 ถึงบ่อยๆจริงก็สามารถเกิดได้ทั้ง 2 ส่วน
00:04:43 → 00:04:46 นะครับลำไส้เล็กกับลำไส้ใหญ่ครับแต่ว่า
00:04:46 → 00:04:49 ตัวที่อาจจะมีเรื่องของการดั่และมีเรื่อง
00:04:49 → 00:04:52 ของปัญหามากจะเป็นเรื่องของลำเสื้อเล็ก
00:04:52 → 00:04:55 มากกว่าเพราะว่าลำเสื้อเล็กเนี่ยเป็นตัว
00:04:55 → 00:04:57 อวัยวะที่มีความสำคัญในการเรื่องของการ
00:04:57 → 00:05:02 ดูดซึมสารอาหารค่ะแล้วก็มีเกี่ยวข้องกับ
00:05:02 → 00:05:05 พวกการสร้างพวกสารฮอร์โมนอะไรต่างๆอจะ
00:05:05 → 00:05:07 เป็นนำเส้เล็กเป็นส่วนใหญ่ส่วนนำเส้ใหญ่
00:05:07 → 00:05:09 เนี่ยมันหน้าที่ดับมันจะเป็นการดูดซึมพวก
00:05:09 → 00:05:12 เกี่ยวข้องกับพวกน้ำกับเสือแร่มากกว่าค่ะ
00:05:12 → 00:05:15 อแล้วก็พวกสาอาหารหรือเชื่อโรคจริงๆเนี่ย
00:05:15 → 00:05:18 ในยำไส้เล็กเนี่ยปกติจะไม่ค่อยมีมากเพียง
00:05:18 → 00:05:20 แต่ว่าถ้าเกิดว่ามันมีปัญหามันก็สามารถ
00:05:20 → 00:05:23 ที่จะมีพวกสแปลกฟอร์มเช่นที่เราทานเข้าไป
00:05:23 → 00:05:26 อะไรอย่างเงี้ยฮะโรคมันก็สามารถเข้าไปได้
00:05:26 → 00:05:29 เพราะฉะนั้นถามว่าทั้ง 2 ส่วนเนี่ยสามารถ
00:05:29 → 00:05:32 เกิดได้ทั้งคู่นะครับอไม่ว่าจะลำไส้เล็ก
00:05:33 → 00:05:36 หรือลำไส้ใหญ่ใช่มั้ยฮะแล้วมันได้หลายๆ
00:05:36 → 00:05:39 ได้หลายๆรูรั่วมั้ยคะคุณหมออ่าเวลามัน
00:05:39 → 00:05:42 เกิดรูรั่วเนี่ยมันเป็นเซลล์เล็กๆซึ่งเรา
00:05:42 → 00:05:44 มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นนะออแล้วเวลามัน
00:05:44 → 00:05:47 รั่วเนี่ยการเกิดขึ้นเนี่ยเช่นยกตัวอย่าง
00:05:47 → 00:05:50 ก็ขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาอออค่ะ
00:05:50 → 00:05:53 ยกตัวอย่างเช่นถ้าเกิดอักเสบติดเชื้อนะ
00:05:53 → 00:05:56 ครับนะก็คือตำแหน่งที่จะเชื้ออยู่ที่ไหน
00:05:56 → 00:05:58 เช่นถ้าเป็นในเชื้อเล็กมันก็จะเป็น
00:05:58 → 00:06:02 ตำแหน่งนั้นอาจจะรั่วเฉพาะที่หรือจะอาจจะ
00:06:02 → 00:06:05 เป็นบริเวณกว้างก็ได้ครับอืหรือในบางท่าน
00:06:05 → 00:06:08 เช่นอ่ายกตัวอย่างเช่นเกิดบางคนเนี่ยไป
00:06:08 → 00:06:10 ทานยาบางอย่างทุกอย่างที่เจอบ่อยๆคือการ
00:06:10 → 00:06:14 ทานยาพวกฆ่าเชื้อค่ะแล้วก็ทานยาโดยที่ไม่
00:06:14 → 00:06:16 มีข้อบ่งชี้ชัดเจนอย่าเงี้ยฮะหรือว่าทาน
00:06:16 → 00:06:18 นานๆพวกเนี้ยมันก็จะไปเปลี่ยนแปลงเชื้อ
00:06:18 → 00:06:21 แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้เราอ่ะครับเชื้อ
00:06:21 → 00:06:25 ที่ดีก็จะสูกอยาฆ่าเชื้อเนี่ยกำจัดไปก็จะ
00:06:25 → 00:06:28 มีเชื้อไม่ดีก็โตมากขึ้นพวกนี้ก็ทำให้
00:06:28 → 00:06:31 เกิดเรื่องของการอักสบทั่วๆไปก็มีการอเสจ
00:06:31 → 00:06:33 ปุ๊บเซลล์ของเราเนี่ยก็ทำให้หน้าที่ที่
00:06:33 → 00:06:37 มันปกติเนี่ยเซลล์มันก็จะแต่ละเซลล์มันจะ
00:06:37 → 00:06:40 ติดกันชิดกันแบบไม่มีรูให้สิ่งแปลกฟอร์ม
00:06:40 → 00:06:43 เข้าเนี่ยก็มีการเกิด 1 เกิดแพ้ก็ได้นะ
00:06:43 → 00:06:47 ครับอันที่ 2 เนี่ยก็มีในการปิดของเซลล์
00:06:47 → 00:06:49 แต่ละตำแหน่งเนี่ยที่มันติดกันเนี่ยมัน
00:06:49 → 00:06:53 มันมันปิดไม่สดิก็จะมีพวกร้านพิษนะครับมี
00:06:53 → 00:06:57 พวกเชื้อโรคมีพวกสารอ่าอาหารบางอย่างซึ่ง
00:06:57 → 00:07:00 ปกติเนี่ยไม่ได้อยู่ใน
00:07:00 → 00:07:02 ในกระแสเลือดเนี่ยมันก็ซึมเข้าไปข้างในอื
00:07:02 → 00:07:06 ค่ะอืออืจากอักเสบอันนี้คือสาเหตุมาจาก
00:07:06 → 00:07:09 การอักเสบของลำไส้มันยังมีสาเหตุอื่นอีมี
00:07:09 → 00:07:12 สาเหตน่า 1 ก็การอักเสบก็ได้ครับเป็นจาก
00:07:12 → 00:07:15 ยาบางอย่างก็ได้อบางคนก็บอกว่าเกี่ยวข้อง
00:07:15 → 00:07:18 กับพวกทานอาหารซึ่งมีพวกแป้งหรือน้ำตาล
00:07:18 → 00:07:22 เยอะกว่าปกตินะครับอค่ะออเอ่อถ้างั้น
00:07:22 → 00:07:24 พฤติกรรมการทานอาหารกลุ่มไหนคะอาจารย์ที่
00:07:24 → 00:07:28 จะทำให้เอ่อเสี่ยงที่จะเป็นลำไส้รั่วค่ะ
00:07:28 → 00:07:32 ครับเ่าโดยมากอาหารที่บอกว่าเสียนดเสรั่ก
00:07:32 → 00:07:34 ก็จะมีหลายกลุ่มนะครับค่ะยกตัวอย่างกลุ่ม
00:07:34 → 00:07:38 ที่พูดบ่อยๆก็พวกแป้งน้ำตาลเบเกอรี่นะ
00:07:38 → 00:07:42 ครับตัวนมเองก็มีส่วนนะครับนมเพราะว่านม
00:07:42 → 00:07:46 มันก็บางทีนมในบางทีนต้องอาศัยเอนไซม์ตร
00:07:46 → 00:07:48 ที่ยอดถ้าเกิดว่าเอนไซม์นั้นมันไม่มีคน
00:07:48 → 00:07:51 ใช่ที่คนไทยเนี่ยก็จะเอนไซม์ตัวนี้ขาดพวก
00:07:51 → 00:07:55 แเสพวกเยก็ทำให้เกิดได้อืพวกเนยพวกชีสนะ
00:07:55 → 00:07:58 ครับพวกนี้ได้ค่ะแล้วก็กลุ่มที่ 2 ก็คือ
00:07:58 → 00:08:01 เนื้อสัตว์แรูปทั้งหลายฮะแต่รูปก็เช่นพวก
00:08:01 → 00:08:04 ไส้กรอกพวกเบคอนพวกอะไรพวกนี้ครับพวกนี้
00:08:04 → 00:08:07 ก็มีส่วนนะครับกลุ่มที่ 3 ก็จะเป็นกลุ่ม
00:08:07 → 00:08:10 ที่เราเจอบ่อยคนไคือแอลกอฮอล์นะฮะอม
00:08:10 → 00:08:13 แอลกอฮอล์เองเนี่ยก็มีผลนอกจากมีผลต่อตับ
00:08:13 → 00:08:16 แล้วเนี่ยมันก็ยังมีผลต่อตับอ่อนนอกนั้น
00:08:16 → 00:08:18 ก็คือมีผลต่อตัวเยื่อบุลำไส้ของเราเองทำ
00:08:19 → 00:08:21 ให้เกิดปัญหาเรื่องของเซลล์ที่มีความอุติ
00:08:21 → 00:08:24 ได้อือนอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่องอาหารบาง
00:08:24 → 00:08:26 คนก็บอกว่าถ้าเราทานอะไรที่ซ้ำๆกันเป็น
00:08:26 → 00:08:29 ประจำนะฮะพอซ้ำๆกันบ่อยๆเนี่ยเนี่ยมันก็
00:08:29 → 00:08:32 เลยทำให้ตัวเซลล์ของเราเนี่ยมันไม่เอ่อ
00:08:33 → 00:08:35 มันมีไม่มีการปรับตัวไม่มีการเปลี่ยนแปลง
00:08:35 → 00:08:38 แลทำให้เกิดนานๆเช้าก็เกิดทำไส้รัได้ด้วย
00:08:38 → 00:08:41 เช่นกันครับอืนอกจากนั้นก็จะเป็นเรื่อง
00:08:41 → 00:08:44 ของนอกจากอาหารแล้วก็จะเป็นเรื่องของเอ่อ
00:08:44 → 00:08:47 พติกรรมบางอย่างที่อาจจะเกี่ยวข้องซึ่ง
00:08:47 → 00:08:50 การใช้ยาอะไรเงี้ยฮะยาฆ่าเชื้อโดยที่ไม่
00:08:50 → 00:08:53 จำเป็นอะไรเงี้ยครับนะฮะแล้วก็นอกจากนั้น
00:08:53 → 00:08:56 ก็จะเป็นเรื่องที่การสูบบุหรี่ก็มีผลด้วย
00:08:56 → 00:08:59 เช่นกันอือืนอกจากนั้นก็มีว่าเพราะว่าบอก
00:08:59 → 00:09:01 ว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องความเครียดนะฮความ
00:09:01 → 00:09:03 เครียดเรื้อรังหรือพักผ่อนนี้เพียงพอก็
00:09:03 → 00:09:06 อาจจะมีส่วนแต่ว่าปัจจัยพวกนี้เนี่ยก็
00:09:06 → 00:09:08 เป็นปัจจัยซึ่งอาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยแบบ
00:09:08 → 00:09:10 ปัจจัยหลักทีเดียวนะครับอือ๋อมันเป็น
00:09:10 → 00:09:14 ปัจจัยที่มันอาจจะเสริมขึ้นมาปัจจัยแวด
00:09:14 → 00:09:18 ล้อมเนาะออใช่ครับอือือเพราะฉะนั้นอ่า
00:09:18 → 00:09:22 เพราะฉะนั้นเองเนี่ยเอ่อเรื่องอาการเหล่า
00:09:22 → 00:09:24 นี้เนี่ยที่ทำให้ลำไส้รั่วได้เนี่ย
00:09:24 → 00:09:27 เอ่อคนทั่วไปอย่างผมอย่างพี่ขวัญหรือคุณ
00:09:27 → 00:09:30 ผู้ฟังที่ฟังอยู่มันคนจะกังวลกับอาการ
00:09:30 → 00:09:32 เหล่านี้มั้ยครับเพราะว่าเอ๊ะเราก็กิน
00:09:32 → 00:09:34 อยู่เป็นประจำหรือว่าเราก็ไม่รู้นี่ว่า
00:09:34 → 00:09:37 ร่างเราจะไปเอ่อมีอาการเหล่านี้เมื่อไหร่
00:09:37 → 00:09:39 มันมันจำจำเป็นต้องกังวลขนาดนั้นมั้ยครับ
00:09:39 → 00:09:44 คุณหมอโดยทั่วไปอาการเนื่องจากอาการตัว
00:09:44 → 00:09:46 นี้เนี่ยมันไม่ใช่เป็นโรคที่แบบชัดเจนที
00:09:46 → 00:09:49 เดียวครับอนั้นเนี่ยในบางครั้งเนี่ยอาการ
00:09:49 → 00:09:53 มันก็จะไม่ค่อยเด่นชัดมากฮะแต่ว่าถ้าเกิด
00:09:53 → 00:09:56 ว่าเราุมี1ึก็คือมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่าง
00:09:56 → 00:10:00 ที่ว่าค่ะเช่นชอบรับประทานอาหารซ้ำๆอืรับ
00:10:00 → 00:10:04 ประทานอาหารพวกหวานๆมันๆเป็นประจำอืหรือ
00:10:04 → 00:10:07 ว่าดื่มเหล้าอะไรประจำเงี้ครับค่ะอหรือ
00:10:07 → 00:10:11 ว่ามีการกินยาแก้ปรวดยาสมุนไพรอะไรพวกนี้
00:10:11 → 00:10:15 แล้วก็มีอาการร่วมเช่นมีอาการท้องอืดท้อง
00:10:15 → 00:10:19 เสียมีอาการเวียนศีรษะหรือบางครั้งก็จะมี
00:10:19 → 00:10:21 อาการพวกอ่อนเพลียเรื้อรังนะครับบางท่าน
00:10:21 → 00:10:25 ก็จะมีอาการคล้ายๆเรื่องของผื่นนะผื่น
00:10:25 → 00:10:28 ขึ้นเป็นสิวง่ายอะไรอย่างเงี้ยนะฮะอค่ะนะ
00:10:28 → 00:10:31 นะพวเนี่ยหรือปวดหัวเรืรังไมเกรนเนี่ยบาง
00:10:31 → 00:10:33 คนก็บอกว่าสัมพันธ์กับอาการของเรื่องกำ
00:10:33 → 00:10:35 ไส้รั่วงนี้เหมือนกันครับเพราะว่ามีสิ่ง
00:10:35 → 00:10:38 แ่งปองเข้าไปก็กระตุ้นให้ร่างกายเนี่ย
00:10:38 → 00:10:42 สร้างเ้าเรียกว่าสร้างภูมิคุ้มกันมาเพื่อ
00:10:42 → 00:10:44 ทำลายนะครับพอทำลายการสร้างภูมคุ้มกัน
00:10:44 → 00:10:47 ขึ้นมาเนี่ยร่างกายสร้างขึ้นมาเนี่ยภูมิ
00:10:47 → 00:10:50 คุ้มกันที่เกิดขึ้นเนี่ยมันจะไปทำลายสิ่ง
00:10:50 → 00:10:53 แปลกปลอมแต่การทำลายสิ่งแปลกปลอมเนี่ยมัน
00:10:53 → 00:10:55 จะทำให้เกิดสิ่งที่ที่เราไม่อยากเกิดคือ
00:10:55 → 00:10:59 มันเกิดการอักเสบอืแล้วอักเสบปุ๊บเนี่ยก็
00:10:59 → 00:11:02 จะมีปริญญาต่อตัวเราเองนะเจะมีเรื่องของ
00:11:02 → 00:11:05 ปวดบวมแดงร้อนนะครับบางครั้งก็จะให้เกิด
00:11:06 → 00:11:09 เรื่องของการเกิดแพ้เกิดไข้นะเกิดความ
00:11:09 → 00:11:13 กุฏิต่างๆตามมาได้นะครับอค่ะอืเออคุณหมอ
00:11:13 → 00:11:16 คะสำหรับอาการที่เล่ามาเนี่ยคือเหมือบบาง
00:11:16 → 00:11:19 ทีคนไข้เองเนี่ยพอเป็นเนี่ยเหมือนบาง
00:11:19 → 00:11:22 สถานการณ์บางอย่างปวดศีรษะเป็นไมเกรน
00:11:22 → 00:11:25 เนี่ยบางคนก็คิดว่าเอ่อปวดหัวจากอาการ
00:11:25 → 00:11:29 เครียดแล้วอาจจะไปไม่ได้ไปหาหมอแล้วก็กิน
00:11:29 → 00:11:32 ยาแก้ปวดเองที่บ้านอะไรเงี้ยค่ะแล้วเอ่อ
00:11:32 → 00:11:35 โอเคพอหลังจากนั้นอาจจะมีอาการอื่นๆร่วม
00:11:35 → 00:11:39 ด้วยแล้วถึงจะตัดสินใจไปหาหมอเอ่อเหมือน
00:11:39 → 00:11:42 กับว่าลักษณะการวินิจฉัยโรคเนี่ยคือคุณ
00:11:42 → 00:11:45 หมอต้องจับสังเกตจากเอ่อเรื่องอะไรบ้าง
00:11:45 → 00:11:48 ที่จะวินิจฉัยว่าอ่ะคุณเป็นภาวะลำไส้รั่ว
00:11:48 → 00:11:51 แล้วล่ะอะไรเงี้ยค่ะอ่าคือคำว่าลำไส้รั่ว
00:11:51 → 00:11:53 เนี่ยต้องยอมรับนิดนึงว่าในปัจจุบันเนี่ย
00:11:53 → 00:11:55 มันยังไม่ได้เป็นโรคที่แบบชัดเจนเหมือน
00:11:56 → 00:11:59 กับโรคที่เราอพูดกันทั่วไปคอย่างเช่นเป็น
00:11:59 → 00:12:03 ลำไส้แปดปรวนเป็นเรื่องของกดไหรย้อนหรือ
00:12:03 → 00:12:06 โรคกระเพาะอนะครับค่ะนะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:12:06 → 00:12:09 มันก็เป็นภาวะซึ่งอาจจะเจอได้ในคนไข้ที่
00:12:09 → 00:12:12 มีปัจจัยเสี่ยงต่างๆเพราะฉะนั้นเกิดถ้า
00:12:12 → 00:12:14 เกิดเรามีอาการโรคบางอย่างซึ่งเป็นเป็น
00:12:14 → 00:12:18 ไหนหายือเป็นเรื้อรังยตัวอย่างเช่นท้อง
00:12:18 → 00:12:21 อืดท้องเสียท้องผูกเรื้อรังนะครับหรือว่า
00:12:21 → 00:12:24 มีปัญหาเรื่องเกี่ยวข้องกับเรื่องภูมิแพ้
00:12:24 → 00:12:28 เดี๋ยวก็เป็นผื่นเป็นลมพิษไม่หายซะทีหรือ
00:12:28 → 00:12:31 เป็นสิรู้เป็นแล้วเป็นอีกนะครับหรือว่าคน
00:12:31 → 00:12:33 ไข้ที่มีปัญหาเรื่องลำไส้แปลบปรวนเป็น
00:12:33 → 00:12:35 เป็นหายๆพวกเส่วนหนึ่งก็สัมพันธ์กับ
00:12:35 → 00:12:38 เรื่องของลำไส้ที่มีการเรื่องของรำเสื้อ
00:12:38 → 00:12:41 ด้วนได้ค่ะแล้วก็อีกกลุ่มนที่พูดถึงบ่อยๆ
00:12:41 → 00:12:44 คือพวกผิวหนังอักเสบเรื้อรังนะครับมี
00:12:44 → 00:12:46 ปัญหาในกลุ่มพวกเนี้ยคือเดมากก็จะเป็นใน
00:12:46 → 00:12:51 ลักษณะที่โรคซึ่งเป็นได้หลายหลายอวัยวะนะ
00:12:51 → 00:12:53 ครับแล้วก็ที่สำคัญก็คือมักจะเป็นเป็นหาย
00:12:53 → 00:12:57 ๆไม่หายขาดฮะคือสมมุติถ้าเราเป็นแล้วหาย
00:12:57 → 00:12:59 ขาดไปเนี่ยมันก็จะง่ายแต่ถ้าเกิดว่าไม่
00:12:59 → 00:13:01 หายขาดปุ๊บเนี่ยต้องสงสัยว่าอาจจะมีภาวะ
00:13:01 → 00:13:04 นี้ซ่อนอยู่ด้วยอ๋ออืค่ะอ๋อมันก็เป็นข้อ
00:13:04 → 00:13:07 สังเกตเหมือนกันเอ่อแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะ
00:13:07 → 00:13:09 สังเกตได้ง่ายๆอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้
00:13:09 → 00:13:12 แต่อันนี้ก็ต้องมาตรวจละเอียดอก็ก็เป็น
00:13:12 → 00:13:14 เนื่องจากโรคนี้เนี่ยเป็นโรคซึ่งบอกจริงๆ
00:13:14 → 00:13:16 ว่ามันไม่เป็นกลุ่มอาการนะครับการนิสัย
00:13:16 → 00:13:19 โรคก็อ่าอาศัยอาการนะฮะส่วนการตรวจทาง
00:13:19 → 00:13:23 ห้องปฏิบัติการปัจจุบันเนี่ยก็คือเอ่อยัง
00:13:23 → 00:13:26 สามารถมาตรวจสารบางอย่างในปัสสาวะว่ามัน
00:13:26 → 00:13:30 มีแยุติอะไรมั้ยทีนคแต่ว่าโดยทั่วไปเนี่ย
00:13:30 → 00:13:33 ยังไม่เป็นโรคซึ่งยอมรับเรื่องของเป็นโรค
00:13:33 → 00:13:36 ชัดเจนนะในปัจจจุบันเพียแต่ว่าเราพบว่ามี
00:13:37 → 00:13:39 ภาวะนี้เกิดขึ้นจริงแล้วก็สัมพันธ์จาก
00:13:39 → 00:13:43 อาการของหลายๆโรปอืครับแล้วแล้วถ้าถ้า
00:13:43 → 00:13:47 เอ่อแน่นอนล่ะเราไม่รู้ว่าเรามีอาการนี้
00:13:47 → 00:13:50 อยู่หรือเปล่าอาจจะมีอาการที่บ่งบอกแต่
00:13:50 → 00:13:52 มันก็สังเกตค่อนข้างที่จะไม่ได้ชัดเจน
00:13:52 → 00:13:56 ขนาดนั้นอืมันสามารถปล่อยได้นานนะครับ
00:13:56 → 00:13:59 แล้วมันมีหรือว่าเอยู่ดีๆมันก็หายเองหรือ
00:13:59 → 00:14:05 ว่าจำเป็นถ้าไม่ดีจริงๆต้องไปรักษาจริงๆ
00:14:05 → 00:14:08 ก็อาการพวกนี้นะครับอย่างที่บอกเมื่อกี้
00:14:08 → 00:14:11 นะเราก็ต้องสังเกตอาการของเราอาการคงจะ
00:14:11 → 00:14:13 แบ่งเป็น 2 ระบบคือเป็นระบบทงเรือนอาหาร
00:14:13 → 00:14:17 นะครับอย่างเช่นท้องอืดท้องเสียอาหารไม่
00:14:17 → 00:14:21 ย่อยหรือว่ามีปัญหาเรื่องของเอ่อการดูด
00:14:21 → 00:14:24 ซึมอาหารที่ผิดปกติครับนะครับอันที่ 2 ก็
00:14:24 → 00:14:27 เป็นเรื่องของระบบอื่นๆเช่นผิวหนังนะครับ
00:14:27 → 00:14:30 ยกตัวอย่างเช่นคุณภูแเรื้อรังไม่หายสักที
00:14:30 → 00:14:33 ครับนะเป็นผิวไม่หายสักทีอะไรเงี้ครับ
00:14:33 → 00:14:36 หรือว่ามีปัญหาเรืื่องเช่นเกี่ยวข้องกับ
00:14:36 → 00:14:40 ปัญหานอนไม่หลับอ่อนเทียเลืยรังนะครับพวก
00:14:40 → 00:14:43 เยก็ควรจะมาตรวจดูเพิ่มเติมนิดนึงออืแล้ว
00:14:43 → 00:14:45 ก็อย่างที่ผมบอกเมื่อกี้นะครับว่ามี
00:14:45 → 00:14:47 ปัจจัยเสียงหลายๆอย่างซึ่งเราจะคิดถึง
00:14:47 → 00:14:52 ภาวะนี้ได้ค่ะนะครับเรื่องของการบริโภคนะ
00:14:52 → 00:14:55 ครับพวกน้ำตาลพวกแป้งเยอะอืเรื่องของการ
00:14:55 → 00:14:58 ใช้ยาที่ไม่เหมาะสมครับนะเรื่องของของการ
00:14:58 → 00:15:02 ดื่มสุราอนอกจากนี้เนี่ยก็จะมีภาวะจริงๆ
00:15:02 → 00:15:04 ภาวะนี้เนี่ยอาจจะเจอในโรคทางเรินอาหาร
00:15:04 → 00:15:08 บางอย่างซึ่งมีมีชื่อโรคอยู่แล้วนะครับ
00:15:08 → 00:15:10 แล้วก็ทำให้เกิดอาการได้เช่นยกตัวอย่าง
00:15:10 → 00:15:13 โรครำแสกอักเสบเรื้อรังนะครับซึ่งโดยมาก
00:15:13 → 00:15:16 สมัยก่อนเนี่ยจะเจอกับชาวตะวันตกใน
00:15:16 → 00:15:20 ปัจจุบันก็เจิในคนไทยมากขึ้นนะครับนะนอกจ
00:15:21 → 00:15:22 นั้นก็จะเป็นโรคเกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่อง
00:15:22 → 00:15:25 ของอย่างที่บอกคือลำไส้แปป่วนซึ่งในคนไทย
00:15:25 → 00:15:28 เี่เจอได้บ่อยนะครับซึ่งเราพบว่ารำไส้แป
00:15:28 → 00:15:31 วนเนี่ยในปัจจุบันเนี่ยเราอาจจะไม่ทราบใส
00:15:31 → 00:15:34 ชัดเจนแต่ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดเนื่องจากว่า
00:15:34 → 00:15:36 เยื่อบุเรื่องของทางเรือนอาหารเราเนี่ยมี
00:15:37 → 00:15:39 ปัญหาเรื่องมีการรั่วและทำให้มีสารบาง
00:15:39 → 00:15:42 อย่างกระตุ้นเข้าไปทำให้การทำงานของลำไส้
00:15:42 → 00:15:45 เราผิดปกติก็เป็นสาเหตุหนึ่งได้ครับเอ่อ
00:15:45 → 00:15:48 อาจารย์คะขอความรู้นิดนึงค่ะเมื่อสักครู่
00:15:48 → 00:15:50 อาจารย์บอกว่าลำไส้อักเสบเรื้อรังเนี่ยจะ
00:15:50 → 00:15:53 เป็นในเอ่อคนฝั่งตะวันตกใช่มั้ยคะแล้วก็
00:15:53 → 00:15:56 ลำไส้แปปวนเนี่ยเป็นคนฝั่งตะวันออกที่จะ
00:15:57 → 00:16:00 เป็นมากกว่ามันมีสาเหตุปัจจัยอะไรหรอคะ
00:16:00 → 00:16:01 ที่ทำให้
00:16:01 → 00:16:04 เอ่อฝั่งตะวันตกเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง
00:16:04 → 00:16:07 แล้วฝั่งตะวันออกเป็นลำไส้แปรปรวนมันออ่อ
00:16:07 → 00:16:11 คือจริงๆฮะเดี๋ยวลำไส้อักเสบเนื้อรัง
00:16:11 → 00:16:13 เนี่ยครับค่ะเป็นในชาวตะวันตกมากกว่า
00:16:14 → 00:16:17 เพราะว่าอาจจะมีเเรียกว่าความถติทางเอ่อ
00:16:17 → 00:16:20 พันธุกรรมนะครับมีมีมีโครโมโซมที่แตกต่าง
00:16:20 → 00:16:24 กับคนเอเชียนะครับอค่ะส่วนส่วนลำไส้แปร
00:16:24 → 00:16:27 ปรวนเนี่ยเพราะว่าำไส้แปรปวนเดี๋ยวผมขยาย
00:16:27 → 00:16:30 ความนิดนึงก็คือคือการที่นำใช้ทำงานผิด
00:16:30 → 00:16:35 ปกตินะครับเช่นอ่าถ่ายเล็กลงถ่ายลำบาก
00:16:35 → 00:16:39 ถ่ายไม่สุดหรือว่าบางคนก็ถ่ายท้องเสียนะ
00:16:39 → 00:16:43 ครับ่ายเหลวเป็นประจำนะครับหรือว่ามี
00:16:43 → 00:16:45 ปัญหาเรื่องปวดท้องเวลาถ่ายซึ่งพวกนี้
00:16:45 → 00:16:47 เนี่ยสามารถเจอได้ทั้งตะวันตกและตะวันออก
00:16:47 → 00:16:50 ครับเได้ทั้งคู่เพียงแต่ว่าถ้าเกิดเป็นรำ
00:16:50 → 00:16:53 ไส้อักเสบเรื้อรังเนี่ยคือถ้ามีอักเสบ
00:16:53 → 00:16:55 ร่วมด้วยอาจจะเจอในชาวตะวันตกมากกว่า
00:16:55 → 00:16:58 ตะวันออกนะครับแต่ถ้าเกิดว่าคำว่าก็แปร
00:16:58 → 00:17:01 ปรวนก็คือเป็นนำไส้ของเราเนี่ยปกติแต่การ
00:17:01 → 00:17:03 ทำงานของมันเนี่ยไวกว่าปกติเนี่ยเจอได้
00:17:03 → 00:17:09 ทั้ง 2 2 กลุ่มครับอืออค่ะอืครับอืก็ยัง
00:17:09 → 00:17:12 ไงก็แล้วแต่ไม่ว่าจะชาวฝั่งไหนตะวันตก
00:17:12 → 00:17:14 ตะวันออกก็ต้องระมัดระวังสุขภาพของตัวเอง
00:17:14 → 00:17:17 นะใช่ใช่ครับแล้วเราอย่างเงี้เองเนี่ย
00:17:17 → 00:17:21 ครับคุณหมอถึงถึงเวลาที่เอ่อถ้าเราอยากดู
00:17:21 → 00:17:24 แลตัวเองไม่อยากเสี่ยงเป็นอาการเหล่านี้ใ
00:17:24 → 00:17:28 ลำไส้รั่วอย่าแบบเยฮะอืเอ่อการปฏิบัติตัว
00:17:28 → 00:17:32 มันมันมีความยากง่ายหรือเปล่าฮะคุณหมอฮะ
00:17:32 → 00:17:36 เอ่อก็เราก็จะดูที่ปัจจัยเสี่ยอย่างที่
00:17:36 → 00:17:39 ว่านะครับชอบดื่มหรือเปล่ากินอย่างงั้นห
00:17:39 → 00:17:41 เปลสมาก็ทั่วไปก็ 1 ก็เป็นเรื่องของ
00:17:41 → 00:17:46 พฤติกรรมส่วนมากนะครับพฤติกรรมที่เราดู
00:17:46 → 00:17:49 ชัดเจนก็คือ 1 ก็คือการรับประทานอาหารอื
00:17:49 → 00:17:52 ค่ะครับอาหารบางอย่างเนี่ยก็จะมีปัญหา
00:17:52 → 00:17:55 เรื่องของทำให้เกิดอาการได้เยอะยกตัว
00:17:55 → 00:17:58 อย่างเช่นที่เราพูดถึงบ่อยๆคือพวกแป้งน้ำ
00:17:58 → 00:18:02 ตาลนะครับอือันที่ 2 ก็คืออาหารพวกของมัน
00:18:02 → 00:18:05 ๆทั้งหลายค่ะนะครับอันที่ 3 ก็จะเกี่ยว
00:18:05 → 00:18:09 ข้องกับเรื่องของการใช้ยาบางอย่างนะครับ
00:18:09 → 00:18:12 โดพวกยาฆ่าเชื้ออะไรพวกเถ้ากินโดยที่ไม่
00:18:12 → 00:18:15 มีข้อบ่งชี้เนี่ยก็มีปัญหาได้ค่ะนะครับ
00:18:15 → 00:18:17 พวกนี้ถ้าเกิดเรามีปัจจัยพวกนี้เนี่ยเรา
00:18:17 → 00:18:19 ก็อาจจะต้องปรับปรับเรื่องของการรับ
00:18:19 → 00:18:21 ประทานอาหารเช่นรับประทานอาหารที่มี
00:18:21 → 00:18:24 ประโยชน์แล้วก็อาจจะเพิ่มอาหารในบางกลุ่ม
00:18:24 → 00:18:27 ซึ่งสามารถที่จะรดอารของพวกลำไส้แปลกปวน
00:18:27 → 00:18:29 ได้ยกตัวอย่างเช่นค่ะอาหารที่ช่วยก็คือ
00:18:29 → 00:18:33 พวกอาหารที่มีพวกเเรียกว่ามีพวกใยอาหาร
00:18:33 → 00:18:36 หรือไฟเบอร์นะครับมากขึ้นอันที่ 2 ก็จะ
00:18:36 → 00:18:40 เป็นอาหารที่มีพวกสารที่เรียกว่า
00:18:40 → 00:18:43 โปรไบโอติกนะครับเพส่วนนึงเราบอกว่าจริงๆ
00:18:43 → 00:18:47 เนี่ยการที่รำไส้เรารั่วเนี่ยเพราะว่าอาจ
00:18:47 → 00:18:50 จะเกี่ยวข้องกับมีเชื้อโรคที่มันไม่ดีมาก
00:18:50 → 00:18:53 ขึ้นนะครับค่ะคือในรำไส้ของเราเองเนี่ย
00:18:53 → 00:18:56 จริงๆถามว่าไม่มีเชื้อโรคเลยจริงมยคำตอบ
00:18:56 → 00:18:58 คือไม่จริงนะครับเราก็จะมีมีเชื้อ
00:18:58 → 00:19:01 จุลินทรีย์อยู่อืนะเชื้อจุลินทรีย์เนี่ย
00:19:01 → 00:19:04 ก็จะมีทั้งเชื้อที่เป็นเชื้อที่ดีและ
00:19:04 → 00:19:07 เชื้อที่ไม่ดีนะครับค่ะอือในบางครั้งเช่น
00:19:07 → 00:19:09 การทานยาฆ่าเชื้อโดยที่ไม่จำเป็นเนี่ยยา
00:19:09 → 00:19:12 ฆ่าเชื้อมันไปทำลายเชื้อที่ดีทำให้เชื้อ
00:19:12 → 00:19:16 ไม่ดีมันมากขึ้นใช่มฮะอเราก็อาจจะมีการทด
00:19:16 → 00:19:19 แทนโดยการทานพวกสารที่เรียกว่าโปรไบโอติก
00:19:19 → 00:19:21 ก็คือเป็นเชื้อจุลินทรีย์ซึ่งมีประโยชน์
00:19:21 → 00:19:25 ต่อร่างกายเข้าไปช่วยค่ะอนี้ก็ช่วยได้นะ
00:19:25 → 00:19:28 ครับแล้วก็อาหารพวกบางอย่างเนี่ยก็อย่าง
00:19:28 → 00:19:31 ที่บอกไปว่าเราก็ปรับเรื่องของอีกอันที่
00:19:31 → 00:19:34 พูดถึงก็คืออาจจะใช้พวกโยเกิร์ตช่วยนะ
00:19:34 → 00:19:36 ครับโยเกิร์ตก็จะเป็นส่วนตัวที่เป็นแค่นม
00:19:36 → 00:19:38 เปรี้ยวแล้วก็มีเชื้อจุลินทรีย์พวกเลโต
00:19:38 → 00:19:42 บาซิลัสก็สามารถที่จะช่วยได้อค่ะครับแล้ว
00:19:42 → 00:19:45 ก็ที่สำคัญที่เราพูดถึงเมื่อกี้ก็คือ
00:19:45 → 00:19:48 แอลกอฮอล์นะครับอยู่ครับบุหรี่นะฮะก็เป็น
00:19:48 → 00:19:52 ตัวที่มีผลนะครับตัวนี้ก็เป็นตัวที่แล้ว
00:19:52 → 00:19:55 ก็เรื่องของพักผ่อนให้เพียงพอก็จะดีขึ้น
00:19:55 → 00:19:58 นะครับความเครียดนะครับอใชยเพิ่มเพื่อโดย
00:19:59 → 00:20:02 ที่ไม่จำเป็นครับอืค่ะเออาจารย์ขาเอ่อ
00:20:02 → 00:20:06 ภาวะลำไส้รั่วเนี่ยเอ่อมันเป็นอาการเนาะ
00:20:06 → 00:20:08 แล้วอาการเหล่าเนี้ยถ้ามันเป็นสะสมนานๆ
00:20:09 → 00:20:12 เนี่ยมันจะเป็นตัวการนำพาไปสู่โรคอื่นๆ
00:20:12 → 00:20:14 ได้ม
00:20:14 → 00:20:18 คะในปัจจุบันถ้าเราดูโรคที่สัมพันธ์กับ
00:20:18 → 00:20:20 ภาวะรำไส้ดั้วเนี่ยก็จะเห็นว่าจะเป็นโรค
00:20:20 → 00:20:25 ทางเินอาหารอืโรคของทางผิวหนังโรคของพวก
00:20:25 → 00:20:28 อักเสบของว้ต่างๆเช่นข้ออักเสบพวกใหม่
00:20:28 → 00:20:30 เกรนพวกอะไรพวกนี้ค่ะอันเนี้ยก็คือว่า
00:20:30 → 00:20:33 เท่าที่ดูเนี่ยความสัมพันธ์ก็จะเป็นโรค
00:20:33 → 00:20:35 เลื้อหลังที่ทำให้เกิดเราอาจจะมีเรื่อง
00:20:35 → 00:20:39 ของความเจ็บป่วยค่ะทำให้การทำงานความดิน
00:20:39 → 00:20:42 ชีวิตของเราเนี่ยจะแย่ลงอืแต่อีกอันนึง
00:20:42 → 00:20:45 ที่เราอาจจะกลัวแล้วก็ว่าสัมพันธ์หรือ
00:20:45 → 00:20:48 เปล่าก็คือเรื่องของมะเร็งนะครับค่ะแต่ใน
00:20:48 → 00:20:51 ปัจจุบันเเรื่องของการเกิดมะเร็งเนี่ยอ
00:20:51 → 00:20:53 การศึกษายังไม่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องหรือ
00:20:53 → 00:20:57 ไม่ค่ะอืนะแต่ว่าอย่างไรก็ตามเนี่ยอย่าง
00:20:57 → 00:20:59 ที่เราทราบอยู่แล้วว่าการเกิดมะเร็งเนี่ย
00:20:59 → 00:21:02 ส่วนหนึ่งเกิดจากมีการอักเสบเรื้อรังแลทำ
00:21:02 → 00:21:05 ให้เซลล์ซึ่งปกติเนี่ยเป็นเซลล์ดีแล้วก็
00:21:05 → 00:21:08 จะอักเสบมากๆมันก็จะเปลี่ยนเป็นเซลวินี
00:21:08 → 00:21:12 ได้เพราะฉะนั้นก็ถ้าเป็นนานๆจริงๆเนี่ยก็
00:21:12 → 00:21:14 อาจจะนะครับเกี่ยวข้องได้แต่ปัจจุบัน
00:21:14 → 00:21:17 เนี่ยหลักฐานทางการแพทยตรงนี้เนี่ยยังไม่
00:21:17 → 00:21:20 ชัดเจนนะครับค่ะอือืสำหรับกลุ่มมะเร็งนี้
00:21:20 → 00:21:24 ยังไม่ชัดเจนแต่ว่าถ้าเป็นกลุ่มโรคเอ่อ
00:21:24 → 00:21:27 แพ้ภูมิตัวเอง sle ที่เกิดจากความเสื่อม
00:21:27 → 00:21:29 ของร่างกายอะไรพวกนี้มันมีความเชื่อมโยง
00:21:29 → 00:21:33 มั้ยคะคุณหมออ๋อครับเป็นคำถามที่ดีมาก sle
00:21:33 → 00:21:37 เองเนี่ยนะเบอกว่ามันเกิดจากเเรียกว่าสาร
00:21:37 → 00:21:42 ที่เรียกว่าสารที่ร่างกายของเราสร้างภูมิ
00:21:42 → 00:21:45 มาทำลายอวัยะของเราเนื่องจากเข้าใจผิดว่า
00:21:45 → 00:21:49 ค่ะเป็นสารที่ผิดปกติอนี้ก็บางคนก็บอก
00:21:49 → 00:21:52 จริงๆพูดตรงๆ sle เนี่ยเราก็ไม่ทราบ
00:21:52 → 00:21:54 สาเหตุชัดเจนเนาะว่าทำไมร่างกายเราเข้าใจ
00:21:55 → 00:21:58 ว่าเซลล์เราผิดปกติค่ะก็สมมุติที่ฐาน
00:21:58 → 00:22:01 หนึ่งก็คือว่ามันมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่าง
00:22:01 → 00:22:05 นะครับเข้าไปฝังตัวอยู่ในในอวัยวะต่างๆพอ
00:22:05 → 00:22:10 ฝังตัวปุ๊บเนี่ยมันทำให้เกิดเรื่องของการ
00:22:10 → 00:22:14 เหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบอโดยที่อาจจะ
00:22:14 → 00:22:17 เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันร่างกายของเรา
00:22:17 → 00:22:20 เนี่ยคิดว่าอวจะถูกยุติเนื่องจากว่ามี
00:22:20 → 00:22:22 เสียพวกนี้หรือว่ามีสารพวกนี้ไปไปสะสม
00:22:22 → 00:22:24 อยู่อเพราะฉะนั้นตัวนี้ก็เป็นตัวนึงที่
00:22:25 → 00:22:27 อย่างที่บอกนะครับว่าอาจจะเกี่ยวข้องโดย
00:22:27 → 00:22:31 ตรงแต่ว่าหลักฐาน 100% เนี่ยยังไม่ชัดนะ
00:22:31 → 00:22:34 ครับออือค่ะอ่าคนั้นก็พวกเนี้ยฮพวกหมู่
00:22:34 → 00:22:38 ภูมิทั้งหลายพวกโรคภูมิแพ้นะครับโรคผิว
00:22:38 → 00:22:43 หนังโรคลมพิษครับโรคไขข้ออักเสบนะรวมทั้ง
00:22:43 → 00:22:46 โรครำไส้อักเสบเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุ
00:22:46 → 00:22:49 นะครับที่เจอในชตะวันตกมากๆเนี่ยก็อาจจะ
00:22:49 → 00:22:52 มีความสัมพันธ์กับภาวะนี้ด้วยเช่นกันครับ
00:22:52 → 00:22:58 อือค่ะเออนะมันก็มีมีข้อที่ต้องระมัด
00:22:58 → 00:23:01 ระวังค่อนข้างเยอะแล้วก็วิธีการเองเอ๊คุณ
00:23:01 → 00:23:05 หมอครับเอ่อพูดถึงเรื่องของของขยังมีข้อ
00:23:05 → 00:23:07 สงสัยเรื่องเกี่ยวกับการรักษาสักนิดนึงอื
00:23:08 → 00:23:10 เออมีคุณผู้ฟังทางบ้านนถามมาด้วยนะโอ๊กใน
00:23:10 → 00:23:15 LINE ใช่ครับเอ่อก็มีคุณผู้ฟังถามมาพอสม
00:23:15 → 00:23:17 ควรนะครับถามว่าการตรวจรำไส้เนี่ยมีค่า
00:23:17 → 00:23:23 ใช้จ่ายเยอะมครับคุณคุณหมอออโดยทั่วไปเ่อ
00:23:23 → 00:23:27 การตรวจรำไส้เนี่ยถ้าเป็นภาวะรำไส้อเสษ
00:23:27 → 00:23:30 อ่าทำไส้รั่วเนี่ยการตรวจโดยการสองกล้อง
00:23:30 → 00:23:32 หรือการทำเซลคอมพิวเตอร์โดยมากมันจะมอง
00:23:32 → 00:23:35 ไม่เห็นนะครับอ๋เนื่องจากว่าเอ่อเวลา
00:23:35 → 00:23:37 เซลล์นี่มันเล็กมากเลยเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:23:37 → 00:23:40 การตรวจพวกนี้เป็นมากเนี่ยอเราไปตรวจเช่น
00:23:40 → 00:23:43 บางคนบอกว่าเอ๊เอาไปคืนแป้งเห็นมยหรือการ
00:23:43 → 00:23:47 ไปทำมิเตอร์หรือ 2 กล้องเห็นมเนี่ยอืก็
00:23:47 → 00:23:50 ถ้าเห็นก็ช่วยนะครับเช่นอาจจะมีเรื่องของ
00:23:50 → 00:23:55 เยื่อบุทเริญอาหารเนี่ยมีลักษณะที่ปกติ
00:23:55 → 00:23:58 เนี่ยก็จะมีเยบิอาหารของเราปกติเนี่ยมัน
00:23:58 → 00:24:02 ต้องมีลักษณะของเป็นคล้ายๆอ่าเป็นพรมนะฮะ
00:24:02 → 00:24:04 มันจะเป็นแบบยื่นขึ้นมานิดๆๆๆเป็นตัวที่
00:24:04 → 00:24:07 ช่วยิดซึมสารอาหารพวกเนี้ยถ้ามันฝอลงไป
00:24:08 → 00:24:11 พวกเนี้ยก็จะเห็นชัดเจนอแต่ในบางรายเนี่ย
00:24:11 → 00:24:13 มันก็จะไม่เห็นอย่างงั้นก็ได้เพราะว่ามัน
00:24:13 → 00:24:16 เป็นลักษณะที่มันเล็กๆนะฮะค่ะนี้ถ้าเกิด
00:24:16 → 00:24:19 ว่าตรวจพวกนี้เนี่ยมันก็จะมีการสรวจสาร
00:24:19 → 00:24:22 บางอย่างในปัสสาวะโดยเช่นให้กินกินน้ำตาล
00:24:22 → 00:24:25 ปกติซึ่งปกติมันจะไม่ถูกดูดซึมแล้วไปตรวจ
00:24:25 → 00:24:28 ดูซิว่ามันมีการเผโผล่มาในปัสสาวะหรอกม
00:24:28 → 00:24:31 ครับค่ะแต่ว่าในทางปฏิบัติเนี่ยเราก็ยัง
00:24:31 → 00:24:34 ไม่ได้ตรวจเป็นเป็นประจำเท่าไหร่นะครับนะ
00:24:34 → 00:24:37 นะแต่ถ้าเกิดว่าถามว่าถ้าไปตรวจลำไส้โดย
00:24:37 → 00:24:40 ทั่วๆไปเนี่ยนะครับก็ถ้าเราตรวจส่องกล้อง
00:24:40 → 00:24:43 ลำไส้เนี่ยก็จะมีค่าใช้จ่ายพอสมควรครับ
00:24:43 → 00:24:45 แต่ถ้าเกิดเป็นลำไส้เล็กเนี่ยเราอาจจะใช้
00:24:45 → 00:24:48 วิธีที่เรียกว่าการคืนแป้งหรือการทำ
00:24:48 → 00:24:51 เรื่องของนะการทำ exr คอมพิวเตอร์ก็พอ
00:24:51 → 00:24:56 ช่วยบอกได้ค่ะออเอแล้วการตรวจลำไส้นี่
00:24:56 → 00:24:59 อยู่ดีๆเราเดินเข้าไปตรวจตามโปรแกรมที่
00:24:59 → 00:25:02 โรงพยาบาลต่างๆมีได้เลยมยหรือว่าเขาต้อง
00:25:02 → 00:25:05 เป็นเอ่อสำหรับผู้ป่วยเท่านั้นค่ะที่ตรวจ
00:25:05 → 00:25:09 ได้ค่ะเ่อการตรวจลำไส้เนี่ยจะแยกเป็น 2 2
00:25:09 → 00:25:13 2 กรณีครับค่ะกรณีนึงก็คือการตรวจคัด
00:25:13 → 00:25:17 กรองลำไส้เช่นในกรณีที่ำไส้ใหญ่นะครับใน
00:25:17 → 00:25:20 กรณีที่ถ้าเกิดอายุ 50 ปีขึ้นไปนะครับ
00:25:20 → 00:25:22 หรือมีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคพวกนี้เช่น
00:25:23 → 00:25:25 มีประวัตครอบครัวหรือประวัตท้องเสียเรื้อ
00:25:25 → 00:25:28 รังถ่ายเป็นมุกเลือดเนี่ยเราสสามารถสดได้
00:25:29 → 00:25:32 ค่ะเราก็เลยจะคุยกับคุณหมอทางเินอาหารว่า
00:25:32 → 00:25:35 โอเคเรามีอาการอย่างนี้แล้วก็คุณหมอก็จะ
00:25:35 → 00:25:39 ดูทัประวัติสดร่างกายนะครับนะแล้วก็แนะนำ
00:25:39 → 00:25:43 ว่าควรจะเช็คอย่างไรบ้างครับอืส่วนในกรณี
00:25:43 → 00:25:45 ที่เป็นำไส้เล็กเนี่ยอย่างที่อย่างที่
00:25:45 → 00:25:47 ทราบำไส้เล็กเนี่ยเป็นส่วนที่ยาวมากเลย
00:25:47 → 00:25:51 ยาวประมาณ 6-8 เมตนะครับค่ะนั้นการส่อง
00:25:51 → 00:25:53 กล้องำไส้ปัจจุบันทำได้มั้ยทำได้
00:25:53 → 00:25:56 เพียงแต่ว่าเราเราคงไม่ทำมาตูดพัดกรอง
00:25:56 → 00:25:59 เพราะมันการทำเนี่ยทำยากแล้วก็ใช้เวลานาน
00:25:59 → 00:26:02 แลค่าใช้จ่ายก็สูงอืในปัจจุบันมีเทคนิค
00:26:02 → 00:26:04 การตรวจลเซที่ดีโดยไม่ส่องกล้องเราเรียก
00:26:05 → 00:26:08 ว่าการขืนแคปซูลนะครับครับก็คือว่าเรา
00:26:08 → 00:26:11 กลืนเข้าไปก็เหมือนแคปซูเหมือนเยาเลยนะ
00:26:11 → 00:26:14 ครับขนาดใหญ่นิดนึงตัวแคปซูลก็จะติดเลนส์
00:26:14 → 00:26:18 ไว้นะครับติดติดกล้องไว้ครับเล็กๆอืไป
00:26:18 → 00:26:20 แล้วเราก็สามารถที่จะบันทึกภาพใช้เวลา
00:26:20 → 00:26:23 ประมาณวันนึงนะครับครับแล้วจะมีเครื่อง
00:26:23 → 00:26:25 ติดหน้าท้องเราไปเซ็นเซอร์นะครับเราก็
00:26:25 → 00:26:28 สามารถดูได้ว่าลำไส้เล็กของเรานี่เนี่ยมี
00:26:28 → 00:26:33 อักเสบมีแผลมีอะไรที่สงสัยผิดปกติมนะครับ
00:26:33 → 00:26:35 ตัวนี้ก็เป็นตัวนึงที่ช่วยในการวินิจฉัย
00:26:35 → 00:26:38 โรครำเซ็กได้ดีขึ้นในปัจจุบันค่ะแต่ว่า
00:26:38 → 00:26:41 อย่างที่อย่างที่บอกข้อจำกัดก็คือเื่อง
00:26:41 → 00:26:43 ของเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงนะ
00:26:44 → 00:26:46 ครับแล้วก็ต้องมีข้อผงชี้ชัดเจนเพราะว่า
00:26:46 → 00:26:49 ในบางครั้งตรวจไปแล้วไม่เจออะไรเนี่ยก็จะ
00:26:49 → 00:26:52 เป็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอื
00:26:52 → 00:26:54 แล้วก็ต้องระวังในบางภาวะซึ่งไม่ควรตรวจ
00:26:54 → 00:26:57 เช่นสงสัยมีพังผืดในลำไส้หรือลำไส้ได้อุด
00:26:57 → 00:27:00 ตันนี่ห้ามห้ามห้ามกืดแคปซูลออกไปเพราะ
00:27:00 → 00:27:03 ว่าตัวแคปซูลเองเนี่ยเข้าไปถ้าเกิดมันมี
00:27:03 → 00:27:06 อุดตันมีทางผืนเนี่ยมันติดเลยตอนนี้เก็
00:27:06 → 00:27:09 ยังมีปัญหากันโอมันจะมันจะคูณ 2 ใช่มั้ย
00:27:09 → 00:27:12 เออใช่ครับมันจะเพิ่มปัญหาขึ้นมาเอออัน
00:27:12 → 00:27:15 นั้นจะจะงานเข้าเลยจากที่ไม่มีงานเนเออ
00:27:15 → 00:27:18 ครับผมครับครับค่ะคุณหมอคะมีคุณผู้ฟังถาม
00:27:18 → 00:27:22 มาเพิ่มเติมค่ะว่าเอ่อเคยไป 2 กล้องพบ
00:27:22 → 00:27:27 ติ่งเนื้อ 4-5 อันเอ่อเกิดขึ้นจากอะไร
00:27:27 → 00:27:31 เอ่อคุณหมอเช็คพบว่าเป็นเซลล์ค่ะเอ่ออัน
00:27:31 → 00:27:34 นี้ติ่งเนื้อเนี่น่าจะติ่งเนื้อในลำไส้
00:27:34 → 00:27:36 หรือเปล่าคะคุณพระฟังขอข้อมูลเพิ่มเติม
00:27:36 → 00:27:39 นิดนึงค่ะก็โดยทั่วไปติ่งเนื้อเนี่ยพบได้
00:27:39 → 00:27:42 ทั้งในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่นะครับค่ะ
00:27:42 → 00:27:45 อือ่าโดยทั่วไปถ้าเกิดในำในกระเพาะอาหาร
00:27:45 → 00:27:47 ก็จะมีชั้นชนิดที่เป็นติ่งเนื้อธรรมดา
00:27:47 → 00:27:50 แล้วก็เป็นติ่งเนื้อที่เป็นเนื้องอกค่ะ
00:27:50 → 00:27:53 อ่าโดยมากในาะอาหารเนี่ยโอกาสเป็นเนื้อ
00:27:53 → 00:27:55 งอกมีเหมือนกันแต่ว่าน้อยอืนะครับส่วนใน
00:27:56 → 00:27:57 รำเสื้อใหญ่เนี่ยติ่งเนื้อก็จะมีอยู่ 2
00:27:57 → 00:28:00 กลุ่มนะฮะก็คือเป็นกลุ่มติ่งเนื้องอก
00:28:00 → 00:28:02 ธรรมดากับติ่งเนื้องอกที่ทิ้งไว้เป็น
00:28:02 → 00:28:05 เนื้อล้ายค่ะพวกนี้เนี่ยถามว่าถามว่าดู
00:28:05 → 00:28:08 ได้จากอะไรบ้างอันที่ 1 ก็ดูจากลักษณะของ
00:28:08 → 00:28:12 ก้อนนะครับอถ้าก้อนขนาดใหญ่ผิวขุกผากมี
00:28:12 → 00:28:16 เลือดออกง่ายนะครับอ่าพวกนี้ต้องระวัง
00:28:16 → 00:28:19 เรื่องของการเป็นเนื้อลายถ้าก้อนขนาดเล็ก
00:28:19 → 00:28:22 แล้วก็ผิวเรียบดีดูไม่แตกต่างจากเนื้อ
00:28:22 → 00:28:24 เยื่อรอบๆเนี่ยพวกนี้ก็จะเป็นเนื้อเยื่อ
00:28:24 → 00:28:27 ธรรมดาได้ค่ะออแต่โดยมากโดยทั่วไปเนี่ย
00:28:27 → 00:28:29 ถ้าเราสองกล้องเข้าไปในลำไส้ใหญ่เนี่ยถ้า
00:28:29 → 00:28:32 เราเจอกิ่งเนื้อขนาดใหญ่นะโดยมากถ้าเกิด
00:28:32 → 00:28:34 ขนาดใหญ่ที่เราพูดถึงก็คือประมาณ 1 ซมควร
00:28:34 → 00:28:37 จะเอาออกทุกรายค่ะอืนะครับแต่ถ้าเกิดว่า
00:28:37 → 00:28:41 ขนาดเล็กเช่นไม่ถึง 1 ซมเช่น 0.5 ซมอะไร
00:28:41 → 00:28:44 อย่างเงี้ยก็คุณหมอเสามารถดูแล้วแน่ใจว่า
00:28:44 → 00:28:48 ไม่ใช่เนวลายก็อาจจะติดตามก่อนก็ได้ค่ะ
00:28:48 → 00:28:50 หรือว่าถ้าคุณหมอสามารถจะเอาออกได้คุณหมอ
00:28:50 → 00:28:53 ก็จะเอาออกให้เพราะว่าการการดูอย่างเดียว
00:28:53 → 00:28:56 เนี่ยความแม่นยำมันไม่ได้ 100% อแล้วการ
00:28:56 → 00:28:58 ทิ้งไว้เนี่ยมันก็มีโอกาสที่ติ่งเนื้อพวก
00:28:58 → 00:29:01 นี้ก็จะโตขึ้นได้แล้วก็อาจจะก่อก่อให้
00:29:01 → 00:29:04 เกิดปัญหาเป็นเนื้อเนื้องอกในอนาคตได้
00:29:04 → 00:29:07 ครับค่ะอืออคุณผู้ฟังเขียนข้อมูลเพิ่ม
00:29:07 → 00:29:10 เติมมาบอกว่าเป็นเอ่อติ่งเนื้อในกระเพาะ
00:29:10 → 00:29:14 อาหารค่ะบอกว่าเป็นเซลล์ปกติอันนี้เอพวก
00:29:14 → 00:29:17 นี้ก็จะก็จะเจอได้อย่างที่ว่าอย่างที่ว่า
00:29:17 → 00:29:20 ครับว่าบางคนเนี่ยในกระเพาะส่องไปเจอติ่ง
00:29:20 → 00:29:24 เป็นติดๆเ๋ก็มีครับอืมันเป็นอ่าพวกนี้มัน
00:29:24 → 00:29:27 มันเป็นติ่งเนื้อในกว่าอาหารซึ่งเราก็ไม่
00:29:27 → 00:29:30 ทราบสาเหตุชัดเจนว่าเกิดจากอะไรนะฮะแต่
00:29:30 → 00:29:32 ว่าลักษณะของเนื้อพวกนี้บางทีเราดูด้วยตา
00:29:32 → 00:29:34 เปล่าก็พอบอกได้แต่ถ้าคุณหมอเค้าไม่แน่ใจ
00:29:34 → 00:29:38 คุณหมอก็จะตัดดังสูตรออกมาตรวจดูว่าอ่า
00:29:38 → 00:29:40 ลักษณะเนื้อเป็นยังไงถ้าเป็นเนื้อปกติเรา
00:29:40 → 00:29:45 ก็ไม่เป็นไรครับอืไม่เป็นอะไค่ะครับผมอือ
00:29:45 → 00:29:49 ก็อืมใดๆก็แล้วแต่ถ้าพบความผิปกติก็ก็
00:29:49 → 00:29:53 เช็คตัวเองให้ให้เพื่อความมั่นใจก็ได้ก็
00:29:53 → 00:29:56 ไม่ไม่ไม่มีปัญหาไม่ผิดอะไรนะฮะใช่ค่ะนะ
00:29:56 → 00:29:59 ครับคุณหมอคะอันนี้ขอสอบถามถึงเรื่องของ
00:29:59 → 00:30:03 การรักษาภาวะลำไส้รั่วเค่ะว่าเอ่อพอเรา
00:30:03 → 00:30:06 เจอสถานการณ์และเอ่อวินิจฉัยแล้วว่าเป็น
00:30:06 → 00:30:10 ลำไส้รั่วมีวิธีการรักษายังไงบ้างคะอือ่า
00:30:10 → 00:30:13 หลักการรักษาโดยปัจจุบันเนี่ยเนื่องจาก
00:30:13 → 00:30:16 สาเหตุของมันเนี่ยไม่ได้ชัดเจนมากนะครับ
00:30:16 → 00:30:19 ค่ะนั้นเนี่ยหักการรักษาโดยทั่วไปเราก็จะ
00:30:19 → 00:30:22 ดูว่ามีโรคร่วมอะไรมยที่ทำให้เกิดปัญหา
00:30:22 → 00:30:25 เช่นครับบร่วมกับลำไส้อักเสบเรื้อรังเรา
00:30:25 → 00:30:27 ก็ต้องรักษาเรื่องลำไส้อักเสบเรื้อรังโ
00:30:27 → 00:30:30 ให้ยาพวกลดการลดคูมิในร่างกายนะครับอค่ะ
00:30:30 → 00:30:33 หรือว่าถ้าเราพบว่าเกี่ยวข้องกับปัญหา
00:30:33 → 00:30:35 เรื่องการติดเชื้อบางอย่างอะไรเงี้ยครับ
00:30:35 → 00:30:37 ค่ะต้องดูว่าต้องพินาเรื่องการให้ยาฆ่า
00:30:37 → 00:30:40 เชื้อร่วมด้วยมยอืแต่ที่สำคัญดยมากอย่าง
00:30:40 → 00:30:42 ที่เราบอกไปแล้วมันเกี่ยวข้องกับพฤติกรรม
00:30:42 → 00:30:45 ส่วนมากเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็ต้องไปปรับ
00:30:45 → 00:30:47 เรื่องของพฤติกรรมที่เรามีอยู่ด้วยเรื่อง
00:30:47 → 00:30:50 ของการรับประทานอาหารเรื่องของยาทีนี้บาง
00:30:50 → 00:30:52 คนก็จะบอกอย่างที่บอกนะครับก็จะมีโของ
00:30:52 → 00:30:55 เอ่อบทบาทของการใช้ในกลุ่มโปรไบโอติกช่วย
00:30:55 → 00:30:58 อย่างที่ว่านะครับค่ะค่ะก็อาจจะช่วยได้
00:30:58 → 00:31:02 แล้วก็บางคนก็บอกว่าสังเกตซิว่าเรากิน
00:31:02 → 00:31:05 อาหารอะไรที่มีปัญหามั้ยอแล้วก็เราก็
00:31:05 → 00:31:07 พยายามหลีกเลี่ยงอาหารพวกนั้นเช่นบางคน
00:31:07 → 00:31:09 แพ้อาหารบางอย่างอะไรพวกนี้ก็จะมีส่วนได้
00:31:09 → 00:31:12 อือืค่ะอ่าพวกนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยใน
00:31:12 → 00:31:17 การช่วยในการที่จะทำให้เซลล์ที่มันมีความ
00:31:17 → 00:31:20 เสื่อมสภาพเนี่ยมีการฟื้นฟูกลับมาให้มัน
00:31:20 → 00:31:23 ใกล้เคียงปกตินะครับอือค่ะเพราะพวกนี้
00:31:23 → 00:31:25 เนี่ยมันเป็นลักษณะของการเปลี่ยนแปลง
00:31:25 → 00:31:28 ระดับเซลล์ซึ่งอืออือโดยทั่วไปเนี่ยเรา
00:31:28 → 00:31:31 เซลล์ทพวกนี้มีสาเหตุแล้วเราสามารถเอา
00:31:31 → 00:31:34 สาเหตุออกได้เนี่ยมันก็จะฟื้นฟูเองนะครับ
00:31:34 → 00:31:37 อือนอกนั้นก็มีการพูดถึงการใช้วิตามินบาง
00:31:37 → 00:31:39 อย่างเช่นตัวซิงคนะครับตัวซิงคหรือตัว
00:31:39 → 00:31:43 สังสีนะฮะก็บอกว่าตัวซิงค์เนี่ยจะช่วยทำ
00:31:43 → 00:31:46 ให้การซ่อมแซนหรือการทำให้เซลล์เนี่ยมัน
00:31:46 → 00:31:48 ฟื้นตัวได้ดีขึ้นนะครับแล้วก็พูดถึง
00:31:48 → 00:31:51 เกี่ยวการใช้พวกปดอมินอ่าเป็นอาหารที่มี
00:31:51 → 00:31:54 อมิโนแอซิดบางตัวซึ่งอาจจะช่วยในเรื่อง
00:31:54 → 00:31:57 ของการฟื้นตัวหรือของเรื่องของการใช้
00:31:57 → 00:31:59 วิตามินต่างๆแต่พวกนี้เนี่ยที่พูดถึง
00:31:59 → 00:32:02 เนี่ยก็หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ชัด
00:32:02 → 00:32:06 เจนมากนะครับค่ะแต่ว่าสามารถก็คือมีมีคน
00:32:06 → 00:32:08 นำมาใช้เหมือนกันในการซ่อมแซมในลักษณะพวก
00:32:08 → 00:32:11 นี้ออก็คือใช้วิตามินเป็นตัวเสริมในการ
00:32:12 → 00:32:15 ซ่อมแซมอ่าใช่ครับถูกต้องครับแต่ว่าไอ้ยา
00:32:15 → 00:32:17 อย่างที่บอกครับ 1 ก็คือดูสาเหตุอันที่ 2
00:32:17 → 00:32:20 ปับพฤติกรรมอันที่ 3 ก็คือเรื่อง
00:32:20 → 00:32:22 โปรไบโอติกแล้วก็อีกตัวที่พูดถึงพวก
00:32:22 → 00:32:25 พรีไบโอติกก็คือสารอาหารบางอย่างซึ่งเป็น
00:32:25 → 00:32:27 อาหารที่ดีสำหรับตัวเชื้อโรคที่เป็นเชื้อ
00:32:27 → 00:32:31 ดีนะครับมันก็จะเสริมได้ตรงนี้ครับอืครับ
00:32:31 → 00:32:36 เออก็ยังมีวิธีที่จะรักษาแล้วก็ดูแลตัว
00:32:36 → 00:32:39 เองไปในตัวด้วยนะคุณหมอนะเอ่อทิ้งท้ายใน
00:32:39 → 00:32:42 ช่วงท้ายหน่อยครับเ่อจะเข้าสู่เทศกาลแห่ง
00:32:42 → 00:32:45 ความสุขอยากให้คุณหมอส่งความสุขแบบสุขภาพ
00:32:45 → 00:32:48 ดีๆให้คุณผู้ฟังสักเล็กน้อยนะฮะว่าเอ่อ
00:32:48 → 00:32:50 เรื่องของการกินหรือว่าการดูแลตัวเอง
00:32:51 → 00:32:53 เรื่องของระบบในร่างกายโดยเฉพาะเรื่องของ
00:32:53 → 00:32:55 ลำไส้ระบบทางเดินอาหารอย่างงี้จำเป็นจะ
00:32:55 → 00:32:59 ต้องดูแลแค่ไหนครับคุณหมอครับครับก็
00:32:59 → 00:33:03 ในช่วงที่เราจะเข้าสู่ปีใหม่แล้วนะครับ
00:33:03 → 00:33:07 เร็วมากเลยนะเร็วมากจริง
00:33:07 → 00:33:11 ค่ะเวลาปีใหม่ก็แน่นอนก็เราก็คงจะมีการ
00:33:11 → 00:33:15 ฉลองกันนะครับมีการฉลองกันก็คงจะมีนอกจาก
00:33:15 → 00:33:19 การท่องเที่ยวเรื่องของการไปพักผ่อนบนทา
00:33:19 → 00:33:21 บรรยากาศแน่นอนก็ต้องมีเรื่องการรับ
00:33:21 → 00:33:23 ประทานนะครับอือๆครับการรับประทานนี้
00:33:24 → 00:33:27 สำคัญเพราะว่าสรประธานเนี่ยก็จะมีอยู่ 2
00:33:27 → 00:33:30 อย่างก็คือรับประทานอาหารอาหารที่ก็แนะนำ
00:33:30 → 00:33:33 อาหารถ้าเป็นไปได้ก็หลีกเลี่ยงอาหารซึ่ง 1
00:33:33 → 00:33:37 ก็คือไม่สุกไม่สะอาดอันที่ 2 ก็เนื่องจาก
00:33:37 → 00:33:39 อย่างที่บอกแล้วว่าพวกอาหารที่มีน้ำตาล
00:33:39 → 00:33:42 หรือไขมันสูงๆก็จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
00:33:42 → 00:33:44 ครับก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงพวกนี้นะครับ
00:33:44 → 00:33:47 ส่วนเื่องนมเนี่ยนะพอทานได้แต่ว่าท่านไหน
00:33:47 → 00:33:49 ที่ทานแล้วมีอาการก็ควรหลีกเลี่ยงไปนะ
00:33:49 → 00:33:52 ครับแล้วก็อาหารที่เกี่ยวข้องพวกอีกอัน
00:33:52 → 00:33:54 ที่มีปัญหาคือพวกเกี่ยวข้องกับพวกปิ้ง
00:33:54 → 00:33:57 ย่างนะครับถ้าเกิดเป็นไปได้ก็หลีกเลี่ยง
00:33:57 → 00:34:00 ที่มันมีเรื่องของปิ้งจนไหม้อะไรพวกนี้
00:34:00 → 00:34:02 ครับเพพวกนี้เป็นสารที่ก่อมะเร็งได้นะ
00:34:02 → 00:34:05 ครับอือค่ะอ่าอันที่ 2 ก็คงจะเป็นเรื่อง
00:34:05 → 00:34:09 เกี่ยวข้องกับเรื่องของแอลกอฮอล์นะครับนะ
00:34:09 → 00:34:11 ในบ้านเราก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว
00:34:11 → 00:34:16 นะครับก็อาจจะแนะนำก็คือว่าเราคงห้ามดื่ม
00:34:16 → 00:34:20 ไม่ได้ก็คงให้ดื่มพอประมาณแล้วก็เอ่อใช่
00:34:20 → 00:34:24 ฮะก็คือว่าเราก็เอาพอพอที่แบบเดี๋ยวนี้
00:34:24 → 00:34:28 เราเปิดผับถึง 44 ใช่มั้ยฮะอืใช่คแล้วก็
00:34:28 → 00:34:33 แล้วก็วันวัน 31 จะถึง 18:00 นอืค่ะก็ก็
00:34:33 → 00:34:35 คงจะดื่มกันเยอะพอสมควรก็อาจจะต้องระวัง
00:34:35 → 00:34:39 เรื่องึ่งมีผลทั้งทางเรือนอาหารนะแล้วคอ
00:34:39 → 00:34:42 นี่มีผลหลายระบบนะครับครับค่ะเพราะทำให้
00:34:42 → 00:34:46 อักเสบได้ครับทำให้เป็นตับอักเสบตับแข็ง
00:34:46 → 00:34:50 นะฮะแล้วก็ตับอ่อนทำให้ตับอ่อนอักเสบอื
00:34:50 → 00:34:53 แล้วก็ทำให้เกิดอะไรด้วยเกิดเรื่องของดำ
00:34:53 → 00:34:56 ไส้รั่วได้ด้วยนะครับนอกจากนั้นที่เราพูด
00:34:56 → 00:34:58 ถึงบ่อยคือแอลกอฮอล์ทำให้เราขาดสติทำให้
00:34:58 → 00:35:01 มีชนทำให้เกิดมีปัญหาเรื่องของเกี่ยวข้อง
00:35:01 → 00:35:03 กับทางสมองร่วมด้วยนะครับเพราะฉะนั้นก็
00:35:03 → 00:35:08 ต้องให้เพียงพอก็ให้เราทุกคนอ่าเที่ยว
00:35:08 → 00:35:12 อย่างมีสตินะครับแล้วก็สามารถกลับมาทำงาน
00:35:12 → 00:35:15 ดำรงชีวิตต่อได้อย่างมีความสุขครับผมครับ
00:35:15 → 00:35:17 ค่ะขอบพระคุณคุณหมอมากครับที่มาทั้งให้
00:35:17 → 00:35:20 ความรู้แล้วก็ให้ข้อคิดก่อนที่เราจะไป
00:35:20 → 00:35:23 ชลองเทศกาลทรงทพีกล่าวต้อนรับปีใหม่นะคุณ
00:35:23 → 00:35:25 หมอให้คุณหมอสุขภาพครั้งแรงแล้วก็มีความ
00:35:25 → 00:35:28 สุขในช่วงเทศกานี้เหมือนกันนะครับครับ
00:35:28 → 00:35:31 ขอบคุณมากครับผมค่ะขอบคุณมากค่ะสวัสดีค่ะ
00:35:31 → 00:35:34 สวัสดีครับยินดีครับผมขอบคุณครับคุณหมอ
00:35:34 → 00:35:37 สำหรับคุณหมอที่เราพูดคุยกันเมื่อสักครู่
00:35:37 → 00:35:39 ก็ข้อมูลครบถ้วนนะคะผู้ช่วยศาสตราจารย์
00:35:39 → 00:35:43 พิเศษนายแพทย์สยามสิรินธรปัญญาหัวหน้างาน
00:35:43 → 00:35:45 โรคทางเดินอาหารกลุ่มงานอายุรศาสตร์โรง
00:35:45 → 00:35:48 พยาบาลราชวิถีกรมการแพทย์กระทรวง
00:35:48 → 00:35:51 สาธารณสุขค่ะ