00:00:00 → 00:00:03 วันนี้เราจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของโรค
00:00:03 → 00:00:06 อ้วนหรือภาวะความอ้วนนะคะเพราะว่าเราก็
00:00:06 → 00:00:09 หลายคนนะคะที่ประสบปัญหานี้อยู่ตัวขวัญ
00:00:09 → 00:00:12 เองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะสำหรับใครที่คิด
00:00:12 → 00:00:15 ถึงโอ๊คนะคะสำหรับชุษนะตันตยานนท์เจอกัน
00:00:15 → 00:00:18 วันพรุ่งนี้ค่ะพอดีเมื่อวานนี้ขวัญจำคลาด
00:00:18 → 00:00:22 เคลื่อนว่าน้องกลับมาวันเอ่อเมื่อวานแต่
00:00:22 → 00:00:24 จริงๆแล้วกลับมาวันนี้นะคะตอนนี้อยู่บน
00:00:24 → 00:00:27 เครื่องบินค่ะน่าจะเข้ามาในรายการสุขภาพ
00:00:27 → 00:00:30 ดี 22:00 น.ในวันพรุ่งนี้นะคะแต่ว่าสาระ
00:00:30 → 00:00:33 ดีๆของรายการสุขภาพดี 22:00 น.ของเรานะคะ
00:00:33 → 00:00:37 ยังคงเดิมอัดแน่นเต็มที่แน่นอนนะคะแล้วก็
00:00:37 → 00:00:40 วันนี้นะคะได้รับเกียรตินะคะจากนายแพทย์
00:00:40 → 00:00:44 ปริญญาสมัครการไถค่ะอายุรศาสตร์โรคต่อม
00:00:44 → 00:00:47 ไร้ท่อและแพทย์ที่ปรึกษา Healthy Wet
00:00:47 → 00:00:49 Center ของโรงพยาบาลไทยนครินทร์ตอนนี้
00:00:49 → 00:00:52 อยู่ในสายกับเราแล้วนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ
00:00:52 → 00:00:56 คะสวัสดีครับคุณขวัญครับค่ะสวัสดีค่ะ
00:00:56 → 00:00:57 ขอบคุณมากเลยค่ะคุณหมอที่ให้เกียรติกับ
00:00:57 → 00:01:01 รายการของเรานะคะก็ถือว่าเป็นอีกเรื่อง
00:01:01 → 00:01:04 นึงที่หลายๆคนนะคะประสบพบเจอแล้วก็เรื่อง
00:01:04 → 00:01:09 ของภาวะความอ้วนโรคอ้วนวันนี้ตั้งทอปิว่า
00:01:09 → 00:01:12 เปลี่ยนไซส์ให้ใช่เปลี่ยนไลฟ์ให้ชัวร์การ
00:01:12 → 00:01:15 ที่มีไซส์ที่ใช่ไลฟ์มันก็จะชัวร์ขึ้นใช่
00:01:15 → 00:01:18 มั้ยคะคุณหมอคะ
00:01:18 → 00:01:20 ใช่ครับจริงๆเป็นผมก็มองว่าเป็นเรื่อง
00:01:20 → 00:01:25 ใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆนะครับผมค่ะมันก็จะ
00:01:25 → 00:01:28 เห็นว่าปัจจุบันเนี่ยตัวเลขคร่าวๆคนที่มี
00:01:28 → 00:01:31 น้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วนเนี่ยก็อยู่ที่
00:01:31 → 00:01:34 ประมาณสัก 40% ได้นะครับอืค่ะไม่น้อยนะ
00:01:34 → 00:01:37 ครับเยอะมาก 2 คนเนี่ยก็มี 1 คนที่อ้วนนะ
00:01:38 → 00:01:41 ครับตัวเลขคร่าวๆประมาณนั้นครับประมาณ 40%
00:01:41 → 00:01:46 ครับอืก็แต่หลายคนก็บอกว่าเนื่องจากสภาพ
00:01:46 → 00:01:49 เอ่อการทำงานพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปทำให้
00:01:49 → 00:01:53 เราอาจจะมีโอกาสในการเอ่อไปออกกำลังกาย
00:01:53 → 00:01:56 น้อยลงอะไรอย่างเงี้ยข้อต่างเหล่าเนี้ย
00:01:56 → 00:01:59 มันฟังขึ้นมั้ยแล้วก็น้ำหนักเกินเท่าไหร่
00:01:59 → 00:02:02 กับน้ำหนักคนที่เป็นน้ำหนักเกินกับคนที่
00:02:02 → 00:02:05 เป็นเอ่อโรคอ้วนเนี่ยมันอยู่เค้าเรียก
00:02:05 → 00:02:08 อะไรอ่ะประเภทเดียวกันมั้ยหรือมันยังมี
00:02:08 → 00:02:12 ความแยกรายละเอียดยังไงบ้างคะคุณหมอคะ
00:02:12 → 00:02:14 อย่างที่คุณขวัญบอกเลยครับณปัจจุบันเนี่ย
00:02:14 → 00:02:18 ผมว่าคนเราก็มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
00:02:18 → 00:02:22 นะครับค่ะด้วยความที่แน่นอนแหละอ่า
00:02:22 → 00:02:26 ไลฟ์สไตล์ที่อาจจะทำงานแล้วออกกำลังกาย
00:02:26 → 00:02:29 น้อยลงหรือแม้กระทั่งอาหารการกินน่ะครับ
00:02:29 → 00:02:32 คุณขวัญค่ะลองเสิร์ชดู Facebook
00:02:32 → 00:02:35 Instagram ทุกอย่างอาหารมันก็ขึ้นมาค่อน
00:02:35 → 00:02:38 ข้างเยอะมันก็เป็นทั้งไลฟ์สไตล์ด้วยการ
00:02:38 → 00:02:42 กินของเราด้วยนะครับมันก็ปัจจุบันก็คล้าย
00:02:42 → 00:02:45 ๆกับโรคระบาดหรือที่เราเรียกกันว่า NCD
00:02:45 → 00:02:49 นะครับค่ะ non communication แต่ว่า non
00:02:49 → 00:02:51 communicating disease แต่ว่ามันก็
00:02:51 → 00:02:55 เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆที่ที่จะตามมานั่น
00:02:55 → 00:02:59 แหละนะครับคราวนี้เราก็กลับมามองที่ตัว
00:02:59 → 00:03:00 เรานะครับว่าเอ๊ะ
00:03:01 → 00:03:06 จริงๆแล้วเราเนี่ยอยู่ในขอบข่ายหรือขอบ
00:03:06 → 00:03:09 เขตของความอ้วนหรือเปล่านะครับค่ะเมีตัว
00:03:09 → 00:03:12 ชี้วัดกันเมื่อก่อนอ่าเมื่อก่อนมันเ้าก็
00:03:12 → 00:03:15 อาจจะดูที่น้ำหนักเนาะแล้วก็อาจจะดูเอ๊ะ
00:03:15 → 00:03:19 เรามีพุงหรือเปล่าใช่มั้ยครับค่ะวัดที่
00:03:19 → 00:03:24 รอบเอววัดรอบเอวนะครับแล้วปัจจุบันมันก็
00:03:24 → 00:03:28 มีอ่าความเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างพอสมควรนะ
00:03:28 → 00:03:31 ครับว่าเมื่อก่อนเราก็มีน้ำหนักเปรียบ
00:03:31 → 00:03:33 เทียบกับส่วนสูงเนาะที่เขา้าเรียกว่า
00:03:33 → 00:03:37 ดัชนีมวลกายนะครับค่ะเราก็จะเอาน้ำหนัก
00:03:37 → 00:03:40 หารด้วยส่วนสูงที่เป็นเมตร 2 ครั้งนะครับ
00:03:40 → 00:03:45 ค่ะเอ่อคนไทยเนี่ยหรือคนเอเชียเองเนี่ยจะ
00:03:45 → 00:03:48 โชคร้ายนิดนึงนะครับก็คือเราเนี่ยมา
00:03:49 → 00:03:52 เปรียบเทียบกับคนยุโรปนะครับค่ะเราจะมีไข
00:03:52 → 00:03:55 มันในช่องท้องที่มากกว่านะครับเปรียบ
00:03:55 → 00:03:58 เทียบกับคนที่น้ำหนักเท่าๆกันนะครับอือื
00:03:58 → 00:04:02 เพราะฉะนั้นถ้าดัชดีมวลกายเนี่ยค่ะมันก็
00:04:02 → 00:04:06 ตัดอยู่ที่ประมาณสัก 25 นะครับลองเอ่อ
00:04:06 → 00:04:09 ท่านผู้ฟังลองเอาดูนะครับสมมุติคร่าวๆก็
00:04:09 → 00:04:13 ได้น้ำหนักเราสมมุติหนักซัก 50 ใช่มั้ย
00:04:13 → 00:04:18 ครับค่ะสูงซัก 160 ก็เอา 50 นะครับหาร
00:04:19 → 00:04:22 ส่วนสูงที่เป็นเมตรก็คือ 1.6 ใช่มั้ยครับ
00:04:22 → 00:04:26 ค่ะ 2 ครั้งก็คือ 50 / 1.6 แล้วก็ 1.6
00:04:27 → 00:04:30 6 ประมาณเนี้ยครับมันก็จะได้ตัวเลขที่
00:04:30 → 00:04:34 เป็นการประมาณของ BMI ก็คือเปรียบเทียบ
00:04:34 → 00:04:38 น้ำหนักกับส่วนสูงของเราเองค่ะครับอันที่
00:04:38 → 00:04:41 2 ก็คืออ่าคุณขวัญถามก่อนได้เลยครับค่ะ
00:04:41 → 00:04:45 ก็คือพอเราได้ค่าตรงนั้นแล้วเนี่ยคือค่า
00:04:45 → 00:04:49 มันจะไปดูยังไงว่าเราอยู่ในสภาวะอ้วนหรือ
00:04:49 → 00:04:51 ว่าอ้วนมากหรือว่าพอดีแล้วอะไรอย่างเงี้ย
00:04:51 → 00:04:55 ค่ะคุณหมออันนี้จริงๆเป็นตัวเลขคร่าวๆที่
00:04:55 → 00:04:59 ใช้ประมาณนะค่ะก็อยู่ที่ถ้าเกิน 25 เรา
00:04:59 → 00:05:03 ตัดที่ 25 คนไทยเนาะค่ะยุโรปเจะตัด 30 นะ
00:05:03 → 00:05:08 ครับ 25 ก็คือมีภาวะอ้วนนะครับถ้าเกิน 23
00:05:08 → 00:05:12 ก็คือมีภาวะน้ำหนักเกินและค่ะนะครับแต่
00:05:12 → 00:05:15 ถ้าเกิน 20 เกิน 30 ขึ้นไปเนี่ยอาจจะมี
00:05:15 → 00:05:19 ภาวะอ้วนมากนะครับแต่อย่างี้ครับคุณขวัญ
00:05:19 → 00:05:22 สิ่งที่เกิดขึ้นณปัจจุบันนะครับสมมุตินะ
00:05:22 → 00:05:26 สมมุติค่ะเราเราจินตนาการเลยว่ามีนักคร่ำ
00:05:26 → 00:05:30 คนนึงเดินมากับอีกคนนึงอ้วนมาก
00:05:30 → 00:05:34 เลยจะเห็นว่า 2 คนเนี้ย BMI เท่ากันนะ
00:05:35 → 00:05:37 ด้วยน้ำหนักที่หารส่วนสูงคือน้ำหนักเอาจ
00:05:37 → 00:05:41 จะเท่ากันแต่ว่าปัจจุบันนะครับคุณขวัญมัน
00:05:41 → 00:05:45 ก็เลยเกิดความเปลี่ยนแปลงในในแง่ของการ
00:05:45 → 00:05:48 ที่เราจะบอกว่าใครอ้วนไม่อ้วนเนี่ยจริงๆ
00:05:48 → 00:05:51 มันเป็นเรื่องของไขมันเนาะที่มันสะสมใน
00:05:51 → 00:05:54 ร่างกายเรามันเยอะหรือมันน้อยนะครับเพราะ
00:05:54 → 00:05:55 ฉะนั้นความเชื่อ
00:05:55 → 00:05:59 หรือความรู้ทางของวิทยาศาสตร์เองมันก็
00:05:59 → 00:06:01 เริ่มเปลี่ยนแปลงไปว่าเออมันน่าจะมี
00:06:01 → 00:06:05 เครื่องมืออื่นนะครับที่จะมาชั่งตวงวัด
00:06:06 → 00:06:09 ว่าจริงๆแล้วเนี่ยเราอ้วนหรือเราไม่อ้วน
00:06:09 → 00:06:14 อืค่ะมันก็จะมีอาจจะใครหลายคนอาจจะลองไป
00:06:14 → 00:06:17 ฟิตเนสใช่มั้ยมันก็จะมีเครื่องนึงนะครับ
00:06:17 → 00:06:19 วัดเปอร์เซ็นต์ไขมัน
00:06:19 → 00:06:22 เครื่องนั้นแหละนะครับมันก็จะมีวัดว่า
00:06:22 → 00:06:24 กล้ามเนื้อเราเท่าไหร่เปอร์เซ็นต์ไขมันใน
00:06:24 → 00:06:27 ร่างกายเราประมาณเท่าไหร่นะครับค่ะก็จะ
00:06:27 → 00:06:29 เป็นเครื่องนั้นแหละครับปัจจุบันเนี่ย
00:06:29 → 00:06:30 เค้า
00:06:30 → 00:06:34 ก็อ่าอาจจะใช้เปอร์เซ็นต์ของไขมันนี่แหละ
00:06:34 → 00:06:38 ในการที่จะบอกว่าเราอ้วนหรือไม่อ้วนอืแต่
00:06:38 → 00:06:42 ด้วยความที่มันเข้าถึงยากเนาะแล้วมันก็
00:06:42 → 00:06:45 ราคาสูงอ่ะค่ะคุณหมอถ้าราคาสูงค่ะการที่
00:06:45 → 00:06:49 จะใช้ทั่วไปมันก็ยากค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:06:49 → 00:06:53 ก็ใช้ BMI นี่แหละสกรีนก่อนดูว่าเรามัน
00:06:53 → 00:06:56 เกินเกณฑ์หรือเปล่านะครับเพราะมีคนไข้บาง
00:06:56 → 00:06:58 คนไงเอ้ย BMI เยอะจากกล้ามเนื้อทั้งนั้น
00:06:58 → 00:07:01 เค้าก็ไม่ถือว่าเาอ้วนนะครับค่ะแต่ถ้า BMI
00:07:01 → 00:07:04 หรือค่าดัชนีมวลกายเนี่ยน้ำหนักหารส่วน
00:07:04 → 00:07:07 สูงที่เป็นเมตร 2 ครั้งเนี่ยมันเกิน
00:07:07 → 00:07:09 25 เราก็ต้องอาจจะต้องไปดูว่าเอ๊ะ
00:07:09 → 00:07:12 เปอร์เซ็นต์ไขมันเราเท่าไหร่ค่ะอาจจะต้อง
00:07:12 → 00:07:16 ไปวัดเพิ่มเติมดูหรืออีกอันนึงง่ายกว่า
00:07:17 → 00:07:19 นั้นไปอีกก็คือเขาวัดรอบเอวผู้ชายเกิน 90
00:07:20 → 00:07:23 ผู้หญิงเกิน 80 ซม.ค่ะมันก็น่าจะมีภาวะ
00:07:23 → 00:07:26 อ้วนลงพุงเข้าใจคำว่าอ้วนลงพุงคือไขมัน
00:07:26 → 00:07:30 รอบพงมันเยอะค่ะ
00:07:30 → 00:07:33 ก็ก็มันก็มันก็มีวิวัฒนาการเนาะเมื่อก่อน
00:07:33 → 00:07:35 เราก็อาจจะใช้น้ำหนักอย่างเดียวแต่
00:07:35 → 00:07:38 ปัจจุบันมันก็มีเครื่องมือการตรวจการวัด
00:07:38 → 00:07:41 ที่ละเอียดมากขึ้นอืก็อาจจะทำให้เราเข้า
00:07:41 → 00:07:44 ใจเรื่องโรคอ้วนเยอะขึ้นแล้วมันก็เรื่อง
00:07:44 → 00:07:46 เป็นโรคที่ใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆอ่ะครับ
00:07:46 → 00:07:50 ในความคิดผมค่ะเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยคือ
00:07:50 → 00:07:53 เดี๋ยวนี้เนี่ยด้วยเอ่อพฤติกรรมต่างๆ
00:07:53 → 00:07:56 เนี่ยแล้วก็การเข้าถึงอาหารน่ะมันง่ายมาก
00:07:56 → 00:07:59 ขึ้นแล้วอาหารแต่ละอย่างเนี่ยหลายๆคนด้วย
00:07:59 → 00:08:03 ชีวิตที่เร่งรีบอ่ะค่ะคุณหมอก็เน้นอาหาร
00:08:03 → 00:08:07 ที่เอ่ออาจจะเอ่อเป็น fren food หรือว่า
00:08:07 → 00:08:11 อาหารที่ปรุงสุกจากนอกบ้านอาจจะไม่ได้
00:08:11 → 00:08:13 เอ่อให้รายละเอียดกับการปรุงอาหารรับ
00:08:13 → 00:08:17 ประทานเองอันเนี้ยผงปรุงรสต่างๆก็มีเข้า
00:08:17 → 00:08:19 มาเยอะเหมือนกันแล้วก็ตัวน้ำตาลที่เขาใช้
00:08:19 → 00:08:22 ปรุงก็ค่อนข้างเยอะเยอะอย่างแต่ว่า
00:08:22 → 00:08:25 อันเนี้เราก็จะไปโทษพฤติกรรมอย่างเดียวก็
00:08:25 → 00:08:29 ไม่ได้หรือเปล่าตัวพันธุกรรมของแต่ละคน
00:08:29 → 00:08:33 น่ะค่ะมันพันธุกรรมมันมีผลมยกับการที่แบบ
00:08:33 → 00:08:36 คนนี้อ้วนง่ายคนนี้อ้วนยากกินเท่าไหร่ก็
00:08:36 → 00:08:39 ไม่เห็นจะอ้วนเลยอะไรทำนองเนี้ยค่ะคุณหมอ
00:08:39 → 00:08:41 ขอเสริมของขวัญนิดนึงเรื่องพฤติกรรมอัน
00:08:41 → 00:08:44 นี้ชัดเจนมากเลยครับประสบความส่วนตัวคุย
00:08:44 → 00:08:46 กับคนไข้
00:08:46 → 00:08:50 เมื่อก่อนเนี่ยคือแค่ในช่วง 5 ปีที่ผ่าน
00:08:50 → 00:08:52 มาเนี่ยครับคุณขวัญค่ะคุณขวัญลองสังเกตนะ
00:08:52 → 00:08:55 สมมุติว่าเราอยากกินอะไรสักอย่างนึงเนี่ย
00:08:55 → 00:08:58 อ่ะเราก็อาจจะต้องมีการ ve นะสมมุติเรา
00:08:58 → 00:09:00 กลับบ้านและอ่ะมันต้องไปกินร้านนู้นร้าน
00:09:00 → 00:09:05 นี้แต่เดี๋ยวนี้การสั่งออนไลน์ใช่มั้ครับ
00:09:05 → 00:09:08 Line Man แล้วมันก็อาจจะเข้าถึงอาหาร
00:09:08 → 00:09:11 ที่เราอยากกินมากขึ้นเช่นอร่อยมากขึ้น
00:09:11 → 00:09:15 หวานมากขึ้นมันมากขึ้นนี้อาจจะพูดไปแล้ว
00:09:15 → 00:09:18 แทงใจดำใครหลายคนซึ่งมันก็เป็นความจริง
00:09:18 → 00:09:20 หนึ่งในนั้นก็ขวัญนี่แหละค่ะคุณหมอถ้า
00:09:20 → 00:09:25 อยากกินจริงๆคือร้านจะไกลแค่ไหนถ้ามีเอ่อ
00:09:25 → 00:09:28 บริการต่างๆเนี่ยที่เขารับส่งเนี่ยเ้ามี
00:09:28 → 00:09:33 ไปส่งไปถึงสู้ค่ะใช่เหมือนเราไม่ต้องไป
00:09:33 → 00:09:35 ไหนเลยแล้วมันก็เข้ามาถึงหน้าบ้านเรา
00:09:35 → 00:09:38 อย่างเงี้ยครับค่ะร่วมกับสิ่งที่คุณถาม
00:09:38 → 00:09:41 คุณหวานถามคือเรื่องพันธุกรรมค่ะคือจริงๆ
00:09:41 → 00:09:45 เนี่ยโรคอ้วนเนี่ยมันก็มีโรคบางโรคเนาะ
00:09:45 → 00:09:48 ที่เป็นพันธุกรรมตั้งแต่เด็กมันก็จะเด็ก
00:09:48 → 00:09:50 ก็จะอ้วนมากเลยก็อาจจะเสียชีวิตตั้งแต่
00:09:50 → 00:09:54 เด็กอะไรก็มีอ๋อค่ะแต่ว่าคนโดยส่วนใหญ่
00:09:54 → 00:09:58 99.99% 99% ก็คือมันก็มีสิ่งที่เขา
00:09:59 → 00:10:01 เรียกว่ามีพันธุกรรมนะครับคุณขวัญค่ะแต่
00:10:01 → 00:10:03 ว่าสิ่งที่เป็นพันธุกรรมนั้นมันก็อาจจะ
00:10:03 → 00:10:06 ไม่ได้ชัดเจนมากนักว่าเป็นพันธุกรรมหรือ
00:10:07 → 00:10:10 เป็นยีนเฉพาะตัวไหนแต่สิ่งที่เรารู้แน่ๆ
00:10:10 → 00:10:14 มันก็คล้ายๆเบาหวานน่ะเช่นถ้ามีคุณพ่อคุณ
00:10:14 → 00:10:17 แม่เป็นเบาหวานค่ะถามว่าโอกาสที่เราจะ
00:10:17 → 00:10:20 เป็นเบาหวานมันก็เยอะอันนั้นก็เหมือนกัน
00:10:20 → 00:10:23 เวลาอ้วนก็อ้วนทางบ้านอืครับเวลาน้ำหนัก
00:10:23 → 00:10:25 เยอะก็เยอะน้ำหนักเยอะไปทางบ้านค่ะแต่
00:10:25 → 00:10:30 อ้วนเนี่ยมันมีมันมีความน่าสนใจอีกอย่าง
00:10:30 → 00:10:33 นึงเพราะว่าอะไรรู้มั้ครับ
00:10:33 → 00:10:35 มันอ้วนเพราะพันธุกรรมด้วยหรือเปล่าเพราะ
00:10:35 → 00:10:38 ว่าคนบ้านเดียวกันก็กินคล้ายๆกันอ๋ออัน
00:10:38 → 00:10:41 นี้ก็เป็นอีกสิ่งนึงที่ฉันกำลังจะบอกหรือ
00:10:41 → 00:10:45 ว่าแม้กระทั่งในปัจจุบันมันก็คิดว่าอ่า
00:10:45 → 00:10:47 คุณขวัญอาจจะเคยได้ยินเรื่องแบคทีเรียใน
00:10:47 → 00:10:50 ลำไส้ใช่ค่ะอะไรอย่างเงี้ยครับอยู่บ้าน
00:10:50 → 00:10:52 เดียวกันก็แบคทีเรียคล้ายๆกันนั่นแหละมัน
00:10:53 → 00:10:55 ก็นั่นแหละกินอาหารคล้ายๆกันพันธุกรรม
00:10:55 → 00:11:00 คล้ายๆกันเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าตอบแบบเข้า
00:11:00 → 00:11:03 ใจง่ายๆเลยก็คือว่ามันมีผลแน่นอนครับค่ะ
00:11:03 → 00:11:04 เพราะ
00:11:04 → 00:11:09 ว่าอ่ะผมยกตัวอย่างง่ายๆคน 3 คนเนี่ยที่
00:11:09 → 00:11:14 ทำงานเดียวกันอ่ะสามีภรรยาก็ได้ค่ะกิน
00:11:14 → 00:11:17 อาหารเหมือนกันคล้ายๆกันมากเลยเช้าก็
00:11:17 → 00:11:19 เหมือนกันก็อ่ะกินนอกบ้านอาจจะต่างกันนิด
00:11:19 → 00:11:22 นึงแต่เย็นก็กินคล้ายๆกันแต่อ้วนกับผอม
00:11:22 → 00:11:26 ต่างกันชัดเจนบางบ้านนะครับบางบ้านค่ะบาง
00:11:26 → 00:11:30 บ้านอ่ามันก็ชัดเจนแหละว่าพันธุกรรมเนี่ย
00:11:30 → 00:11:32 หรือเราเปรียบเทียบกับเพื่อนผมเคยถามคน
00:11:32 → 00:11:36 ไข้ผมทุกคนเลยนะที่น้ำหนักอ้วนมากๆแบบ BMI
00:11:36 → 00:11:39 30 40 หรือแบบอ้วนแบบเราเห็นชัดเจน
00:11:39 → 00:11:41 อย่างเงี้ยจริงๆก็ไม่ได้กินแตกต่างจาก
00:11:41 → 00:11:46 เพื่อนเค้ามากนักบางคนกินน้อยนะคะคุณหมอ
00:11:46 → 00:11:50 อืเคยเคยเคยแบบว่าพี่กินนิดเดียวเองอืก็
00:11:50 → 00:11:52 เลยอแต่ว่าอันเนี้ยเชื่อมากก็ไม่ได้นะ
00:11:52 → 00:11:55 ครับเพราะว่าอะไรรู้มั้ยครับเพราะว่าสิ่ง
00:11:55 → 00:11:57 ที่คุณขวัญบอกตั้งกล่าวเกริ่นตั้งแต่แรก
00:11:57 → 00:12:03 เนี่ยว่ามันมีค่ะน้ำตาลมันแฝงอืใช่ต้องไป
00:12:03 → 00:12:05 ดูว่าเค้ากินอะไรใช่หรือเรียกว่า hiden
00:12:05 → 00:12:09 sugar หรือว่าน้ำตาลแฝงค่ะผมยกตัวอย่าง
00:12:09 → 00:12:14 ง่ายๆเลยนะคุณป้าท่านหนึ่งบอกว่า
00:12:14 → 00:12:18 เนี่ยกินน้อยมากกินแต่ผลไม้ผลไม้เปรี้ยว
00:12:18 → 00:12:23 ด้วยสับปะรดโอ้เปรี้ยวเปรี้ยวมั้ยครับไม่
00:12:23 → 00:12:26 มีเปรี้ยวมีหวานอ่ะค่ะหวานอมเปรี้ยวแต่
00:12:26 → 00:12:28 มันก็มีหวานอยู่ไงครับค่ะมีหวานหลายๆ
00:12:28 → 00:12:31 อย่างหลายๆครั้งเนี่ยมันเป็นสิ่งที่เรา
00:12:31 → 00:12:35 ไม่รู้หรือเราคาดไม่ถึงค่ะมากกว่าหรือแม้
00:12:35 → 00:12:38 กระทั่งไม่ยงชิดบางพันมันก็มีความเปรี้ยว
00:12:39 → 00:12:42 ของมันอยู่แต่มันก็หวานใช่แต่อย่างนี้
00:12:42 → 00:12:46 เป็นต้นก็คือบอกมันก็คือจะเป็นว่าหรือว่า
00:12:46 → 00:12:48 คนไข้บอกว่ากิน
00:12:48 → 00:12:53 ไก่บวกน้ำจิ้มอืและราดด้วยซอสเหมือนไก่
00:12:53 → 00:12:56 เกาหลีทันเนาะค่ะเอามาเคลือบมันเป็นซอส
00:12:56 → 00:13:00 หวานหวานใช่คือนั่นก็คือบางครั้งเนี่ย
00:13:00 → 00:13:04 เค้ากินไม่เยอะแต่ว่าหรือเค้าเก่าบอกว่า
00:13:04 → 00:13:06 เค้ากินอาหารที่แบบhealthตี้แล้วนะอะไร
00:13:06 → 00:13:09 เงี้ยแต่จริงๆแล้วมันมันกระบวนการที่เขา
00:13:09 → 00:13:12 ทำมามันไม่เี้ซ่อนทั้งแป้งและน้ำตาลอะไร
00:13:12 → 00:13:15 อย่างเงี้ยค่ะและอีกอย่างคืออาจจะเป็น
00:13:15 → 00:13:18 พฤติกรรมการกินนะครับยังไงคะคุณหมอยกตัว
00:13:18 → 00:13:20 อย่าง
00:13:20 → 00:13:24 เช่นที่กินไม่เยอะเลยแต่กินทั้งวันน่ะกิน
00:13:24 → 00:13:26 มื้อย่อยเหรอคะหรือไม่เป็นมื้อชั่วโมงก็
00:13:26 → 00:13:29 กินชั่วโมงนึงก็กินหยิบนู่นหยิบนี่อ่ะคน
00:13:29 → 00:13:34 นู้นให้ก็กินคนนี้ให้กินรวมๆเหมือนกันมัน
00:13:34 → 00:13:37 ก็เยอะนะแต่ก็กินจุบจิบกินไม่เป็นมื้ออัน
00:13:37 → 00:13:39 นี้ก็คือเป็นปัญหาสำคัญของการลดน้ำหนัก
00:13:39 → 00:13:43 ไม่ได้เหมือนกันอืร่างกายเจะงงมั้คะเวลาเ
00:13:43 → 00:13:46 กินไม่เป็นมื้อเนี่ยร่างกายมันไม่มีเวลา
00:13:46 → 00:13:51 ที่เขาจะเอาพลังงานออกมาใช้อ่ะครับผมค่ะ
00:13:51 → 00:13:54 พูดง่ายๆก็คือเติมเค้าไปตลอดอ่ะเค้าไม่มี
00:13:54 → 00:13:58 ช่วงที่เค้าแบบจะได้เผาผ่านจะได้ใช้ออกมา
00:13:58 → 00:14:00 เลยอะไรเงี้กินไม่เยอะนะกินนิดเดียวแต่
00:14:00 → 00:14:04 กินตลอดเวลาระบบย่อยสั่งงานอย่างเดียวเลย
00:14:04 → 00:14:07 เก็บอย่างเดียวอ่ะครับมันก็ไม่ได้เผาผลาญ
00:14:07 → 00:14:11 ออกไปเพราะฉะนั้นเนี่ยมันคือจริงๆถ้าถาม
00:14:11 → 00:14:14 ผมเนี่ยว่าอย่างหมอต่อมในท่อเนี่ยโรคที่
00:14:14 → 00:14:18 รักษายากที่สุดคือโรคอ้วนเนี่ยครับอืค่ะ
00:14:18 → 00:14:19 ด้วยความที่มันมีทั้ง
00:14:19 → 00:14:23 ปัจจัยเอ่อเรื่องพันธุกรรมเนาะค่ะปัจจัย
00:14:23 → 00:14:26 เรื่อง
00:14:26 → 00:14:30 พฤติกรรมปัจจัยเรื่องจริงๆเค้าจะมี 3 วง
00:14:30 → 00:14:33 นะโลกอ้วนน่ะ 1 ก็คือเรื่องเนี่ยอ่า
00:14:33 → 00:14:36 เรื่อง biology คือเรื่องแบบพันธุกรรม
00:14:36 → 00:14:41 เรื่องการเผาผลาญฮอร์โมนบางตัวอาจจะไม่ดี
00:14:41 → 00:14:43 เช่นไทรรอยด์อาจจะต่ำหรือ metabolism เ
00:14:43 → 00:14:47 อาจจะไม่ดีค่ะหรือว่าเรามีกล้ามเนื้อน้อย
00:14:47 → 00:14:48 ไม่
00:14:48 → 00:14:51 เราก็ไม่ดีนี่คือวงที่ 1 นะครับค่ะวงที่ 2
00:14:51 → 00:14:53 เนี่ยมันก็เป็นเรื่อง
00:14:53 → 00:14:59 ของ emotional อารมณ์อารมณ์นะครับเช่นนะ
00:14:59 → 00:15:01 ครับเจะเรียก
00:15:01 → 00:15:06 ว่าก็คือถ้าเป็นภาษาไทยก็คืออารมณ์ที่เรา
00:15:06 → 00:15:10 กินเพื่อตอบสนองอะไรก็ไม่รู้อ่ะเราไม่ได้
00:15:10 → 00:15:13 หิวใช่มั้กินใช่มั้ยครับหิวก็กินใช่มั้ย
00:15:13 → 00:15:17 ครับอ่าแฮปปี้อ่าไปงานเลี้ยงก็กินค่ะ
00:15:17 → 00:15:21 เครียดก็กินโอใช่อันนี้คือมีความสุขก็กิน
00:15:21 → 00:15:24 ค่ะหรือว่าแบบกินเพื่อฟูฟิอะไรบางอย่างใน
00:15:24 → 00:15:26 ชีวิตที่เรารู้สึกว่าเราขาดหายไปอะไร
00:15:26 → 00:15:30 เงี้ยหรือว่าบางครั้งเนี่ยมันเป็น family
00:15:30 → 00:15:34 เป็น culture ของเราว่าโอเคถ้าเราอยากจะ
00:15:34 → 00:15:36 มี family meeting เราก็ไปกินข้าวร้าน
00:15:36 → 00:15:41 ไหนกันดีคือมันก็เป็น culture เป็นอารมณ์
00:15:41 → 00:15:45 เป็นอะไรพวกเนี้ยค่ะวงสุดท้ายก็คือเรื่อง
00:15:45 → 00:15:49 ของการตัดตัดสินใจอันนี้ก็คือยากไปอีกอัน
00:15:49 → 00:15:50 นี้ก็คือเหมือน
00:15:50 → 00:15:54 แบบอ่าวงซ้ายก็อิ่มแล้วใช่มั้ยวงขวาก็
00:15:54 → 00:15:57 จริงๆก็ไม่ได้มีอะไรนะแต่ก็แค่กินไปงั้น
00:15:57 → 00:16:01 น่ะกินแบบกินแบบใช่คำว่ารู้สึกว่าใช่ของ
00:16:01 → 00:16:05 หวานล้างปากอะไรงี้มั้หมอใช่ให้รู้สึกว่า
00:16:05 → 00:16:10 แบบเอ่อต้องกินหวานต้องกินคาวต้องกินหวาน
00:16:10 → 00:16:12 เออหรือว่าเป็นเค้าเรียกว่า Executive
00:16:13 → 00:16:16 Function อ่ะครับการทำงานที่แบบเราก็ไม่
00:16:16 → 00:16:18 หิวนะเราก็ไม่ได้เครียดไม่ได้อะไรแต่เรา
00:16:18 → 00:16:22 ก็เราก็อยากกินให้มันครบกระบวนการหรือว่า
00:16:22 → 00:16:27 บางครั้งเนี่ยมันเป็นเหมือนเป็นเหมือน
00:16:27 → 00:16:31 เอ่อเป็นเหมือนreวอร์ดของเค้าว่าแบบเป็น
00:16:31 → 00:16:34 เหมือนการแบบให้รางวัลทำงานเหนือกันทั้ง
00:16:34 → 00:16:38 วันและใช่ให้รางวัลตัวเองอืทำงานทั้งวัน
00:16:38 → 00:16:42 และฉันขอไปกินชาบูเคยเจอค่ะบุฟเฟ่ต์อะไร
00:16:42 → 00:16:45 อย่างเงี้ยครับฉันให้ฉันคุมน้ำตาลมาทั้ง
00:16:45 → 00:16:48 วันแล้วไม่เป็นไรหรอกบ่ายเนี้ยเครียดมาก
00:16:48 → 00:16:53 เลยกับการทำงานขอชานมซักแก้วอ
00:16:53 → 00:16:56 แล้วมันก็จะมีแบบเอ่อคล้ายๆกับเป็นซีซอ
00:16:56 → 00:17:00 ครับเป็นช่วงช่วงเกษียณ
00:17:00 → 00:17:04 ช่วงปีใหม่อ๋อใช่ค่ะใช่ๆช่วงปีใหม่ช่วง
00:17:04 → 00:17:08 เกษียณช่วงสงกรานต์สงกรานต์อะไรอย่าง
00:17:08 → 00:17:13 เงี้ยแล้วเมืองไทยเนี่ยมันมีซิปีครับเย
00:17:13 → 00:17:16 อือค่ะเดือนเนี้ยผมตรวจก็จะเป็นซีซนของ
00:17:16 → 00:17:19 อะไรรู้มั้ยครับมะยงชิดอ๋อใช่ค่ะ 1 ปีออก
00:17:19 → 00:17:23 แค่ 1 ครั้งค่ะหมอมันไม่ได้หากินกันง่ายๆ
00:17:23 → 00:17:27 นี่แหละคือคำพูดของคนไข้เลย
00:17:27 → 00:17:30 แล้วหลังจากทุเรียนเอ่อหลังจากมะยงชิดก็
00:17:30 → 00:17:32 หน้าร้อนอีกแป๊บนึงก็เดี๋ยวจะมีทุเรียน
00:17:32 → 00:17:35 ตอนนี้อ่าทุเรียนกำลังเ่ออยู่ในช่วงกำลัง
00:17:35 → 00:17:40 โตอ่าเดี๋ยวพอหลังทุเรียนเสร็จก็มังคุดก็
00:17:40 → 00:17:44 พอได้นะคะหมอเออมังคุดลำไยครับลำไยเป็น
00:17:44 → 00:17:48 ช่วงลำไยออจะมีช่วงแบบมีหน้าของเค้าอะไร
00:17:48 → 00:17:50 อย่างเงี้ยค่ะ
00:17:50 → 00:17:54 มันก็เป็นจริงๆเนี่ยแล้วและความเชื่อนึง
00:17:54 → 00:17:57 ที่ต้องแก้ของคนไทยก็คือจริงๆผลไม้มันดี
00:17:57 → 00:18:01 นะครับค่ะแต่ผลไม้มันเท่ากับน้ำตาลนะคือ
00:18:02 → 00:18:05 มันต้องระวังนิดนึงว่าผลไม้บางอย่างมัน
00:18:05 → 00:18:08 แบบมันหวานจริงๆอ่ะ
00:18:08 → 00:18:11 เช่นผลไม้ที่คนไม่คิดว่ามันจะหวานเช่น
00:18:11 → 00:18:15 ชมพู่อย่างเงี้ยครับมันหวานมากชมพู่
00:18:15 → 00:18:17 ชมพู่เมืองเพชรอะไรเงี้ยเหรอกล้วยอย่าง
00:18:17 → 00:18:21 เงี้ยครับค่ะอืมคือเนื่องจากผมเป็นหมอเบา
00:18:21 → 00:18:25 หวานด้วยนะค่ะผมก็จะเจออะไรแบบที่แต่ป้า
00:18:25 → 00:18:27 กินอะไรมาอะไรอย่างเงี้ยกล้วยอะไรอย่าง
00:18:27 → 00:18:31 เงี้ยทุกวันเลยช่วงนี้ก็มาชิดทุกวันเลย
00:18:31 → 00:18:34 ชมพู่ก็หวานมากนะครับค่ะไอซิคือน้ำตาลมัน
00:18:34 → 00:18:37 เยอะมากคืออย่างเงี้ยครับคือด้วยความที่
00:18:37 → 00:18:39 เราต้องต่อสู้กับทั้งพันธุกรรมเราเองใช่
00:18:39 → 00:18:42 มั้ยครับออกกำลังกายก็ไม่ได้ออกรถก็ติด
00:18:42 → 00:18:45 แล้วก็ต้องมากินกับผลไม้ที่ turn around
00:18:45 → 00:18:50 ทั้งปีอะไรอย่างเงี้ยครับค่ะมันก็ทำให้
00:18:50 → 00:18:52 โอกาสและความเสี่ยงที่เราจะอ้วนเนี่ยมัน
00:18:52 → 00:18:57 ก็เยอะมากขึ้นเรื่อยๆอืมันก็ต้องปรับ
00:18:57 → 00:19:00 เปลี่ยนได้เรียนรู้กันไปเรื่อยๆครับค่ะก็
00:19:00 → 00:19:03 สนุกดีคุยกับคนไข้แต่ละคนมันก็มีเรื่อง
00:19:03 → 00:19:06 ราวของเที่ทำให้เราเข้าใจเค้าว่าเออช่วง
00:19:06 → 00:19:08 นี้อ้วนเพราะว่าอะไรช่วงนี้น้ำหนักขึ้น
00:19:08 → 00:19:10 เพราะอะไรคุมน้ำตาลไม่ได้เพราะว่าอะไร
00:19:10 → 00:19:14 อย่างเงี้ยครับค่ะแต่ว่าคือพอพอเล่ากัน
00:19:14 → 00:19:16 คุยสักประวัติกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ
00:19:16 → 00:19:20 คุณหมอได้มีการพูดคุยกันมั้คะว่าเราจะดึง
00:19:20 → 00:19:23 กลับมาอยู่ในระบบได้ยังไงบ้างเผื่อแชร์
00:19:23 → 00:19:27 ประสบการณ์ตรงนี้ให้กับคุณผู้ฟังว่าอ่า
00:19:27 → 00:19:30 อาจจะสำรวจร่างกายไปพร้อมๆกับเราที่ร่วม
00:19:30 → 00:19:34 ฟังรายการนะคะแล้วก็อ๋อตอนนี้มยงชิดในตู้
00:19:34 → 00:19:38 เย็นก็ประมาณกิโลกว่าอาจจะรออยู่เรากลับ
00:19:38 → 00:19:41 มาอยู่ในระบบระเบียบยังไงบ้างจัดการกับ
00:19:41 → 00:19:43 เอ่อเพื่อให้อยู่ในรูปในรอยมากขึ้นได้ยัง
00:19:43 → 00:19:47 ไงคะหมอคะเสียดายมากคนอุตส่าห์ซื้อมาให้
00:19:47 → 00:19:51 ลูกใหญ่มากแล้วหวานมากด้วยใช่มั้ครับใช่
00:19:51 → 00:19:54 ค่ะคนผู้บังคงอินเนาะก็คงแบบเป็นเรื่อง
00:19:54 → 00:19:56 ใกล้ตัวมากมาย
00:19:56 → 00:20:01 คือผมว่าการลดน้ำหนักเนี่ยสิ่งที่สำคัญ
00:20:02 → 00:20:05 ที่สุดคืออะไรรู้มั้ยครับอ่ะลองคุยกับคุณ
00:20:06 → 00:20:08 ขวัญดีกว่าให้คุณขวัญลองเดาได้ค่ะสมมุติ
00:20:08 → 00:20:10 ว่าคุณขวัญจะลดน้ำหนักเคิดว่าสิ่งที่
00:20:10 → 00:20:13 สำคัญที่สุดเนี่ยคือ
00:20:13 → 00:20:17 วินัยอ่ะค่ะของขวัญขวขวัญไม่มีวินัยเลย
00:20:17 → 00:20:22 เกิดขึ้นจากอะไรเอ่อวินัยเกิดขึ้นจากอะไร
00:20:22 → 00:20:26 ตัวขเองถ้าถ้าถ้าคุณขวัญอยากจะลดน้ำหนัก
00:20:26 → 00:20:30 ลองคุยกันเล่นๆก็ได้ค่ะคิดว่าเอ๊ะถ้าเรา
00:20:30 → 00:20:32 จะสร้างวินัยของเรา
00:20:32 → 00:20:35 เนี่ยมันสร้างยังไงดีขวัญจะจัดการตู้เย็น
00:20:35 → 00:20:40 ที่บ้านก่อนอืมเพราะว่าขวัญเป็นนิสัยชอบ
00:20:40 → 00:20:42 ซื้อของสต๊อกอ่ะ
00:20:42 → 00:20:45 คือกลัวไม่มีจะกินคุณก็ปากครับคุณขวัญบาง
00:20:45 → 00:20:50 อย่างคนบางอย่างคนก็รักเรามากขนมใช่ค่ะ
00:20:50 → 00:20:53 ผลไม้เ้าเห็นตรงไหนอุ้ยขนมร้านนี้อร่อย
00:20:53 → 00:20:57 ซื้อมาฝากลองชิมดูชิ้นเดียวเองไม่เป็นไร
00:20:57 → 00:21:01 หรอกเราก็จะเก็บไว้อะไรเงี้ยครับเป็นเวลา
00:21:01 → 00:21:04 มันก็จะเต็มไปหมดใช่มั้ยครับครับใช่ค่ะ
00:21:04 → 00:21:07 แล้วก็คืออย่างงี้ครับพอพอเอามาฝากแล้วก็
00:21:07 → 00:21:11 พอคือเราอาจจะเอากลับไปที่บ้านแล้วก็ไม่
00:21:11 → 00:21:13 ได้รับประทานพอมาเจอที่ทำงานก็ถามว่าเป็น
00:21:13 → 00:21:17 ไงขนมอร่อยมั้ยจะรู้สึกผิดมากที่แบบว่า
00:21:17 → 00:21:20 ยังไม่ได้กินเลยไม่ได้กินเลยเหมือนถ้าพูด
00:21:20 → 00:21:23 ต่อไปก็มันอร่อยก็เหมือนจะโกหกอันเนี้ย
00:21:23 → 00:21:25 ความรู้สึกผิดตรงเนี้ยก็เลยต้องกลับไปชิม
00:21:25 → 00:21:28 สักคำนึงอะไรเงี้ยค่ะหมอ
00:21:28 → 00:21:31 คือสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยนะครับของการลด
00:21:31 → 00:21:35 น้ำหนักคือเป้าหมายครับค่ะ
00:21:35 → 00:21:39 คือวินัยอ่ะคุณขวัญถูกแล้วแต่ว่าการที่
00:21:39 → 00:21:41 เราจะทำอะไรสักอย่างนึงให้ประสบความ
00:21:41 → 00:21:44 สำเร็จเนี่ยหมายให้ชัดผมดูคนไข้ลดน้ำหนัก
00:21:44 → 00:21:47 มันก็เหมือนแบบโคachชิ่งเค้าเลยอ่ะค่ะว่า
00:21:47 → 00:21:50 แบบมันเหมือนแบบต้องดึงอินไซตเค้าออกมานะ
00:21:50 → 00:21:54 ครับว่าเอ๊ะแล้วเราคิดว่าเหมือนผมคุยกับ
00:21:54 → 00:21:56 คุณขวัญอย่างเงี้ยครับอ่ะแล้ววินัยมันจะ
00:21:56 → 00:21:59 เกิดจากอะไรแล้วเราคิดว่าเอ๊ะตอนเเรามี
00:21:59 → 00:22:03 ปัญหาอะไรมั้ยอืกับ body image ของเรา
00:22:03 → 00:22:07 ตอนเนี้ยเรามองว่าทั้งเรื่องสุขภาพและ
00:22:07 → 00:22:11 เรื่องimิageหรือเรื่องอะไรเรารู้สึกว่า
00:22:11 → 00:22:14 เราอยากจะปรับหรือเปล่าแล้วก็ค่อยๆดึง
00:22:14 → 00:22:17 เค้าออกมาครับว่าเอ๊ะอยากจะทำหรือยังถ้า
00:22:17 → 00:22:21 อยากจะทำอยากจะทำเพราะว่าอะไรค่ะครับมัน
00:22:21 → 00:22:25 ก็มีหลายๆเคสคือเมื่อก่อนเนี่ยการ app คน
00:22:25 → 00:22:27 ไข้ผมก็เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะหลังจากอยู่
00:22:27 → 00:22:30 วงการนี้มานานๆนะครับ
00:22:30 → 00:22:33 ก็เมื่อก่อนเราก็จะเหมือนคุณหมอทั่วไป
00:22:33 → 00:22:37 เนาะอ่าอ้วนนะลดน้ำหนักอ่าทำ 1 2 3 4
00:22:37 → 00:22:40 5 นะทำให้ได้นะอะไรอย่างเงี้ยครับมันไม่
00:22:40 → 00:22:42 ได้สำหรับทุกคนสิคะคุณหมอแต่มันไม่เสร็จ
00:22:42 → 00:22:46 ไงมันไม่จบแล้วมันก็ไม่ success ครับค่ะ
00:22:46 → 00:22:48 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่าเราต้องดู
00:22:49 → 00:22:52 ว่าต้องสำรวจตัวเองนะคนฟังไม่ว่าจะฟัง
00:22:52 → 00:22:56 ออนไลน์ตอนนี้เดี๋กลับมาฟังเนาะค่ะเรามี
00:22:56 → 00:22:59 โรคอะไรหรือเปล่าหรือว่าเราต้องการลดน้ำ
00:22:59 → 00:23:01 หนักเพื่ออะไร
00:23:01 → 00:23:03 อันดับแรกเต้องคิดว่ามันเป็นปัญหาก่อน
00:23:03 → 00:23:07 ครับหาความต้องการของตัวเองใช่ค่ะความ
00:23:07 → 00:23:11 ต้องการของแต่ละคนเนี่ยค่ะผมจะบอกว่ามัน
00:23:11 → 00:23:15 ไม่เหมือนกันนะค่ะแล้วความต้องการของเรา
00:23:16 → 00:23:19 กับความต้องการของคนไข้หรือแต่ละคนมันไม่
00:23:19 → 00:23:21 เหมือนกัน
00:23:21 → 00:23:24 เลยพอเราคุยคนไข้ 100 คนเนี่ยผมจะบอกว่า
00:23:24 → 00:23:26 บางครั้งมันก็ไม่เหมือนกันเลยนะครับเพราะ
00:23:26 → 00:23:29 ว่าอะไรเพราะว่าสิ่งที่เขาต้องการเนี่ย
00:23:29 → 00:23:32 มันเหมือน Ultimate Go ของเขาค่ะเป็น
00:23:32 → 00:23:35 สิ่งที่เขาอยากได้เป็น happiness ของเขา
00:23:35 → 00:23:39 บางอย่างเนี่ยเรานึกไม่ถึงจริงจริงหรือ
00:23:39 → 00:23:41 บางคนเนี่ยคือบางครั้งเนี่ยผมก็รักษาพวก
00:23:41 → 00:23:45 adent หรือพวกวัยรุ่นแบบเพิ่งอ้วนมาใหม่
00:23:45 → 00:23:48 ๆอะไรเงี้ยครับค่ะความต้องการเยิ่งต่างไป
00:23:48 → 00:23:50 เมื่อก่อนผมก็ไม่คุยก็สั่งยาไปคุยกับคุณ
00:23:50 → 00:23:53 แม่ไปแต่จริงๆพอคุยกับน้องเ้าเช่นเค้า
00:23:53 → 00:23:56 อายุ 16 17 18 แล้วเออเขาก็มีความคิด
00:23:56 → 00:23:59 แล้วกลายเป็นว่าถ้าเราดึงอินไซตออกมา
00:23:59 → 00:24:03 เนี่ยอืมันก็จะทำให้เราเนี่ยได้เช่นผู้
00:24:03 → 00:24:06 หญิงบางคนไม่ต้องการอะไรเลยนะครับแค่อยาก
00:24:06 → 00:24:09 ใส่ชุดบางชุดได้ที่ซื้อมาแพงมากแล้วไม่
00:24:09 → 00:24:13 เคยทิ้งในตู้นั้นเลยอะไรเงี้ค่ะอ่านั้น
00:24:13 → 00:24:15 เค้าเจะมีความสุขอือหรือคนสูงอายุบางคน
00:24:15 → 00:24:18 แค่รู้สึกว่าปวดเข่ามากไม่อยากผ่าเข่าเลย
00:24:18 → 00:24:20 ไม่อยากเปลี่ยนเข่าเนี่ยอยากไปเที่ยว
00:24:20 → 00:24:23 ฝรั่งเศสนู่นนี่นั่นอะไรเงี้ยมันก็เป็นโก
00:24:23 → 00:24:28 ของเขาบางคนก็เป็นเรื่องโรคครับคุณขวัญ
00:24:28 → 00:24:31 ค่ะคุณพ่อคุณแม่เป็นโหวาแล้วตอนนี้ปริ่ม
00:24:31 → 00:24:35 มากและอีก 2 ปีเป็นแน่นอนอีกปีนึงเป็นแน่
00:24:35 → 00:24:40 นอนถ้าไม่ทำอะไรค่ะบางคนก็เป็นตับอักเสบ
00:24:40 → 00:24:41 อ๋อ
00:24:41 → 00:24:45 รุนแรงแต่ไขมันพอกตับไขมันพอกตับเยอะ
00:24:45 → 00:24:47 อันเนี้ยก็ก็เห็นหลายคนเป็นอยู่เหมือนกัน
00:24:47 → 00:24:49 ค่ะคุณแล้วก็เสี่ยงเป็นมะเร็งตับนะครับ
00:24:49 → 00:24:53 ค่ะอผมก็จะเนี่ยผมก็จะล่อลวงไม่ใช่ล่อลวง
00:24:53 → 00:24:58 ผมก็จะบอกว่าหว่านล้อมเใช้คำว่าหว่านล้อม
00:24:58 → 00:25:00 หว่านล้อมว่าเอ๊ะจริงๆแล้วเนี่ยถ้าคิดว่า
00:25:00 → 00:25:02 มันเป็นปัญหาเราจะทำยังไงดีอย่างเงี้ย
00:25:02 → 00:25:07 ครับเช่นบางคนคุณภรรยาครับกลมากเลยเนี่ย
00:25:07 → 00:25:10 สามีเนี่ยนอนไม่หลับใส่เครื่องใส่เครื่อง
00:25:10 → 00:25:11 ก็ไม่ยอมใส่อะไรอย่างเงี้ยครับแล้วก็ต้อง
00:25:12 → 00:25:15 นอนห้องเดียวกันอะไรอย่างเงี้ยคือก็ต้อง
00:25:15 → 00:25:18 แบบเป็นเรื่องใหญ่นะครับบางคนก็เรื่องนอน
00:25:18 → 00:25:21 กรนอะไรอย่างเงี้ยครับคือบางครั้งมันก็
00:25:21 → 00:25:22 ไม่ได้แก้ทั้งหมดแต่มันก็ช่วยให้ทุกอย่าง
00:25:22 → 00:25:25 ดีขึ้นน่ะเนาะหลายๆอย่างดีขึ้นอันนี้ก็
00:25:25 → 00:25:28 เป็นแค่ตัวอย่างนะครับคุณขค่ะบางคนก็แค่
00:25:28 → 00:25:32 ปวดหลังเป็นโรคปวดหลังแบบปวดมากเลยไปไป
00:25:32 → 00:25:34 MRI อะไรยังไงก็ไม่เจอเพราะน้ำหนักมัน
00:25:34 → 00:25:38 โหลดเยอะอะไรอย่างเงี้ยครับอืคือบางคนมัน
00:25:38 → 00:25:43 ก็มีความ challeng ของเค้าล่าสุดผมเจอเจอ
00:25:43 → 00:25:48 แบบไหนคะชอบไปเที่ยวครับแต่อ้วนมากจนนั่ง
00:25:48 → 00:25:51 eคomyไม่ได้อ๋อ
00:25:51 → 00:25:54 เราจะเชื่อมยถ้าเราไม่ได้คุยกับเค้าอ่ะ
00:25:54 → 00:25:58 แล้วคนเลดไป 30 กลนะคุณขวัญค่ะเพื่อที่
00:25:58 → 00:26:01 เขาต้องการมีเป้าหมายว่าเต้องการเดินทาง
00:26:01 → 00:26:05 ต่างประเทศไปออเพราะเค้าต้องนั่ง Business
00:26:05 → 00:26:09 ตลอดมันก็ไม่ไหวเนาะใช่ค่ะยิ่งรูทบางรูท
00:26:09 → 00:26:12 ที่อาจจะไกลหน่อยเนี่ยใช่เป็นเอ่อเกือบๆ
00:26:12 → 00:26:16 หลักแสนก็มีถ้าสำหรับบิเนสอ่ะค่ะก็น่า
00:26:16 → 00:26:19 สนุกเนาะตื่นเต้นแล้วก็แบบเออมันเป็นเหตุ
00:26:19 → 00:26:24 ผลจริงๆหรอใช่หมอผมชอบเที่ยวมากค่ะผมต้อง
00:26:24 → 00:26:27 ไปเที่ยวทุก 2-3 เดือนแล้วผมไม่จ่ายตังค์
00:26:27 → 00:26:30 ไม่ไหวอ่ะอืแล้วผมรู้สึกว่าแบบแล้วผมจะพา
00:26:30 → 00:26:33 คนอื่นไปแล้วแล้วผมก็ต้องไปนั่งกับเค้า
00:26:33 → 00:26:35 อ่ะแล้วผมก็อะไรอย่างเงี้ยอะไรอย่างเงี้ย
00:26:35 → 00:26:39 คือมันเป็นเหตุผลบางอย่างหรือบางครั้ง
00:26:39 → 00:26:43 เนี่ยอาจจะเจอเด็กพิเศษคนนึงค่ะอันนี้เอา
00:26:43 → 00:26:47 มาแชร์ได้เค้าแค่ต้องการผูกเชือกรองเท้า
00:26:47 → 00:26:52 เค้าได้อ๋อเค้าก้มแล้วมันติดพุงใช่มั้ยคะ
00:26:52 → 00:26:57 ใช่คุณขวัญอืเห็นมั้ยครับว่ามันดรามติก
00:26:57 → 00:27:01 มากเนาะคือความความสิ่งที่เราคิดกับสิ่ง
00:27:01 → 00:27:02 ที่
00:27:03 → 00:27:05 ที่เค้าเป็นที่ปัญหาที่ที่เค้าประสบพบเจอ
00:27:05 → 00:27:11 อยู่อ่ะเออถ้าล่าสุดนี่ล่าสุดนี่
00:27:11 → 00:27:13 ตื่นเต้นกว่านั้นคือเด็กบางคน
00:27:13 → 00:27:16 เนี่ยไปเข้าห้องน้ำแล้วมี
00:27:16 → 00:27:21 ปัญหาปัสสาวะแล้วไม่เห็นออไม่เห็นของตัว
00:27:21 → 00:27:25 เองค่ะอะไรอย่างเงี้ยครับมันเป็นคือผมว่า
00:27:25 → 00:27:29 มันเป็นจุดที่ดึงเค้าเดาดึงเค้าออกมาได้
00:27:29 → 00:27:33 อ๋อค่ะอะไรอย่างเงี้ยมันก็เลยทำให้แบบผม
00:27:33 → 00:27:37 ต้องใช้เวลาคุยกับคนไข้นิดนึงว่าเออจริงๆ
00:27:37 → 00:27:40 แล้วปัญหาสิ่งที่เราต้องการจริงๆมันคือ
00:27:40 → 00:27:43 อะไรค่ะหลายครั้งนะครับส่วนใหญ่เนี่ยจะ
00:27:43 → 00:27:43 เป็น
00:27:43 → 00:27:47 โรคเช่นเค้ามีโรคบางโรคที่
00:27:47 → 00:27:51 แบบอ่าเช่นค่าค่าตับมะเร็งตับขึ้นค่าตับ
00:27:51 → 00:27:54 ขึ้นสูงมากเลยค่ะแล้วก็
00:27:54 → 00:27:58 แบบไม่อยากเป็นมะเร็งตับอ่ะมีคุณพ่อเป็น
00:27:58 → 00:28:01 ใช่อันนี้มันจะมีแรงกระตุ้นแรงฮึดขึ้นมา
00:28:01 → 00:28:04 มันจะแบบโหมะเร็งเชนะ
00:28:04 → 00:28:06 แล้วคุณขวัญตอนเนี้ยมะเร็งตับมันไม่ได้
00:28:06 → 00:28:08 เกิดจากไวรัสตับอักเสบหรอก
00:28:08 → 00:28:11 ครับน้อยลงเรื่อยๆใช้คำอย่างี้แล้วกันมัน
00:28:11 → 00:28:13 เกิดจากไขมันพอกตับแล้วก็กลายเป็นตับแข็ง
00:28:13 → 00:28:16 แล้วก็กลายเป็นมะเร็งนี่แหละอเพราะฉะนั้น
00:28:16 → 00:28:18 เนี่ยคือบางโรคเนี่ยบางอันเนี่ยบางคนก็
00:28:19 → 00:28:21 บอกเส้นพ่อเส้นเลือดสมองตีบ
00:28:21 → 00:28:25 อ่ะกลัวมั้ยล่ะไขมันสูงขนาดเนี้ยยาก็ไม่
00:28:25 → 00:28:27 อยากกินอะไรเงี้ยอ่ะมานั่งลดน้ำหนักกัน
00:28:27 → 00:28:30 สัก 10 กลมั้ยครับค่ะพอมันได้สิ่งที่
00:28:30 → 00:28:34 ต้องการนะ่ะครับค่ะขลองถามตัวเองก็ได้
00:28:34 → 00:28:37 เนี่ยเหมือนผมคุยกับคนไม่ได้ว่าอยากได้
00:28:37 → 00:28:42 อะไรก็ลองพอเราได้เหมือนเราทำงานอ่ะเนาะ
00:28:42 → 00:28:44 เราได้แล้วโกเราอยากได้อะไรใช่มั้ยครับ
00:28:44 → 00:28:47 ค่ะเหมือนเรามี KPI แล้ว
00:28:47 → 00:28:50 อ่ะแล้วมันก็วิธีการก็จะมาวิธีการก็จะมา
00:28:50 → 00:28:55 อืว่าทำไมล่ะถึง Achieve Gold ล่ะค่ะคุณ
00:28:55 → 00:28:59 หมอคะเมื่อไหร่นานเท่าไหร่อ่าได้เดี๋ยวอ
00:28:59 → 00:29:01 เท่าไหร่ดีกี่กิโลดีอะไรเงี้อย่างเงี้ย
00:29:01 → 00:29:05 ครับอันนี้ขอพักเบรกช่วงแรกก่อนนะคะ
00:29:05 → 00:29:08 เดี๋ยวช่วงที่ 2 จะมาคุยกันว่าถ้าอย่าง
00:29:08 → 00:29:12 งั้นวางแผนเราต้องวางแผนใหญ่ๆเลยมยเพื่อ
00:29:12 → 00:29:16 ที่จะไปถึงโกหรือเราวางแผนเป็นจุดดอตเล็ก
00:29:16 → 00:29:19 ๆเล็กๆแล้วค่อยเติโตไปด้วยกันเพื่อไปถึง
00:29:19 → 00:29:23 เป้าหมายที่เราวางไว้วางแผนแบบไหนที่จะ
00:29:23 → 00:29:25 ดึงดูดใจแล้วก็ไปสู่เป้าหมายได้เร็วกว่า
00:29:25 → 00:29:28 กันและไปสู่เป้าหมายอย่างสำเร็จด้วย
00:29:28 → 00:29:30 เดี๋ยวช่วงนี้พักกันสักครู่ก่อนค่ะเดี๋ยว
00:29:30 → 00:29:33 กลับมาพูดพูดคุยกันต่อนะคะที่เราพูดคุย
00:29:33 → 00:29:36 กันเกี่ยวกับเรื่องโรคอ้วนนะคะเมื่อช่วง
00:29:36 → 00:29:39 ก่อนหน้านี้เราคุยกันถึงการวางแผนว่าถ้า
00:29:39 → 00:29:43 เราเอ่อจะลดความอ้วนเนี่ยเราควรจะดำวาง
00:29:43 → 00:29:47 แผนอย่างไรคุณหมอบอกว่าเราต้องมีเป้าหมาย
00:29:47 → 00:29:50 ก่อนแล้วก็เราก็ไปดูความต้องการเป้าหมาย
00:29:50 → 00:29:53 เราคืออะไรแล้วหลังจากนั้นเนี่ยเรามาเช็ค
00:29:53 → 00:29:56 ความต้องการกันว่าเราจะไปถึงวิธีการของ
00:29:56 → 00:29:59 เป้าหมายเนี่ยได้อย่างไรขวัญได้ทิ้งคำถาม
00:29:59 → 00:30:02 ไว้ให้คุณหมอว่าถ้าเราจะไปถึงเป้าหมายที่
00:30:02 → 00:30:05 เราวางไว้เนี่ยวิธีการน่ะเราจะต้องทำยัง
00:30:05 → 00:30:09 ไงต้องทำแบบแผนใหญ่ๆเลยมั้ยหรือทำเป็น
00:30:09 → 00:30:13 ภารกิจเล็กๆแล้วไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
00:30:13 → 00:30:16 ที่จะได้ประสบความสำเร็จแล้วก็ยั่งยืน
00:30:16 → 00:30:19 อันเนี้คุณหมอมีแนวทางแบบไหนบ้างหรือว่า
00:30:19 → 00:30:24 แต่ละคนก็มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกันนะ่ะคะ
00:30:24 → 00:30:27 ผมว่าจากประสบการณ์นะครับก็ต้องคุยกับ
00:30:27 → 00:30:30 เค้าอ่ะว่าเค้าอยากได้อะไรในระยะระยะเวลา
00:30:30 → 00:30:34 เท่าไหร่นะค่ะแต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็
00:30:34 → 00:30:38 คือเดินทีละก้าวทานข้าวทีละคำนี่แหละครับ
00:30:39 → 00:30:41 คือหมายความว่ามันก็ต้องทำทุกวันให้มันดี
00:30:41 → 00:30:45 อ่ะเนาะค่ะแต่ว่าบางคนเนี่ยอย่างเราคุย
00:30:45 → 00:30:48 กับผู้บริหารบางคนอย่างเงี้ยเค้าชอบมอง
00:30:48 → 00:30:52 ภาพใหญ่ค่ะว่าคุณไม่ต้องมาสนใจผมหรอกว่า
00:30:52 → 00:30:56 แต่ละวันผมจะทำอะไรแต่ว่าผมมีโกว่าเนี่ย
00:30:56 → 00:30:59 ภายในเนี้ย 3 เดือนอ่าอ่าอะไรอย่างเงี้ย
00:30:59 → 00:31:02 ค่ะผมว่ามันแล้วแต่คาแรคเตอร์บางคนนะครับ
00:31:02 → 00:31:08 แต่ว่าสิ่งที่สำคัญก็คือว่าบางครั้งเนี่ย
00:31:08 → 00:31:14 การที่เราไปมอนิเตอร์เร็วเกินไปหรือว่า
00:31:14 → 00:31:17 บางครั้งเนี่ยมันจะเจออุปสรรคระหว่างทาง
00:31:17 → 00:31:21 อย่างี้ดีกว่าค่ะคือบางครั้งเนี่ยเอ่อ
00:31:21 → 00:31:23 เค้าอาจจะมีความคาด
00:31:23 → 00:31:26 หวังเยอะแล้วความหวังสุดฉันทำต้องแค่นี้
00:31:26 → 00:31:28 แล้วอะไรก็ไม่ได้กินออกกำลังกายก็ทำเยอะ
00:31:28 → 00:31:30 แล้วทำไมมันไม่ลงเลิกต้องทำและอ๋อไปแล้ว
00:31:30 → 00:31:33 บ๊ายบายอคืออะไรอย่างเงี้ยมันอยู่ใน
00:31:33 → 00:31:36 ระเบียบเข้มที่สุดแล้วอ่ะทำไมได้แค่เนี้ย
00:31:36 → 00:31:40 เออใช่ใช่ค่ะมันก็จะเป็นสิ่งที่ผมว่ามัน
00:31:40 → 00:31:41 คงต้อง
00:31:41 → 00:31:45 ตามมันคือต้องปรับปรับตามคาแรคเตอร์ของคน
00:31:45 → 00:31:48 ด้วยแล้วก็ปรับตามระยะหรือช่วงเวลาของเขา
00:31:48 → 00:31:52 ด้วยว่ามันได้หรือเปล่าได้จริงมยถ้าไม่
00:31:52 → 00:31:55 ได้จะทำยังไงต่อแล้วถ้าได้จะทำยังไงต่อ
00:31:55 → 00:31:57 ครับอันนี้เป็นเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า
00:31:57 → 00:32:01 แต่ว่าปลายปลายทางอ่ะว่าเค้าอยากได้อะไร
00:32:01 → 00:32:04 อ่ะแล้วก็ให้เค้ารีตัวเองอ่ะครับค่ะเออ
00:32:04 → 00:32:07 ว่าเราอยากได้อันนี้นะเราจะใกล้แล้วนะเรา
00:32:07 → 00:32:10 จะถึงแล้วนะอะไรอย่างเงี้ยอืค่ะแต่ว่าบาง
00:32:10 → 00:32:13 ครั้งอ่ะครับน้ำหนักมันไม่ลงแต่ว่าเนี่ย
00:32:13 → 00:32:15 มันกล้ามเนื้อมันเยอะขึ้นใช่กล้ามเนื้อ
00:32:15 → 00:32:19 มันเยอะขึ้นไขมันมันลดลงน้ำหนักมันคงที่
00:32:19 → 00:32:22 อย่างเงี้ยอันเนี้ยผมว่าคุยยากเหมือนกัน
00:32:22 → 00:32:25 ในคนไข้บางคนที่จะเอาน้ำหนักลงอย่างเดียว
00:32:25 → 00:32:29 ค่ะอย่างเดียวที่จะช่วยก็คือเครื่องมีไป
00:32:29 → 00:32:30 อยู่ในเซentเตอร์ที่เขามีเครื่อง
00:32:30 → 00:32:33 มอนิเตอร์อะไรอย่างเงี้ยครับมันก็จะทำให้
00:32:33 → 00:32:37 เขาแบบเห็นค่าเป็นตัวเลขใช่มีกำลังใจใน
00:32:37 → 00:32:41 การไปต่อค่ะมากขึ้นอะไรอย่างเงี้ยครับอ
00:32:41 → 00:32:44 ค่ะแต่ว่าคืออันเนี้ขวัญไปเห็นข่าวมาข่าว
00:32:44 → 00:32:47 นึงค่ะคุณหมอคะเอ่ออันเนี้ยเค้าน่าจะมี
00:32:47 → 00:32:50 ร่างกายที่แข็งแรงระดับนึงแล้วแหละแต่ว่า
00:32:50 → 00:32:53 การออกกำลังกายที่เยอะเกินไปเนี่ยมันจะมี
00:32:53 → 00:32:56 ผลยังไงกับร่างกายบ้างเพราะว่าวันนี้มี
00:32:56 → 00:32:59 ข่าวของเว็บไซต์ข่าวต่างประเทศนะคะบอกว่า
00:32:59 → 00:33:02 มีผู้ชายวัยรุ่นชาวรัสเซียคนนึงมีได้รับ
00:33:02 → 00:33:06 คำท้ามาจากเอ่อเพื่อนกันแล้วก็มีแบบท้า
00:33:06 → 00:33:10 ทายกันว่าเนี่ยถ้าทำสquอได้ 2,000 ครั้ง
00:33:10 → 00:33:14 ในเอ่อเวลาที่กำหนดเนี่ยก็จะแบบเหมือนชนะ
00:33:14 → 00:33:17 พนันกันไปแต่ว่าหลังจากที่เขาทำไปแล้ว
00:33:17 → 00:33:21 เนี่ยเกิดภาวะอาการไตเสื่อมอย่าง
00:33:21 → 00:33:24 รุนแรงหลังจากที่เขา้าออกแบบทำสquอตใน
00:33:24 → 00:33:27 2,000 ครั้งเนี่ยค่ะแล้วก็ถึงขั้นต้อง
00:33:27 → 00:33:29 เอ่อพักพากันไปโรงพยาบาลมีปัสสาวะเป็นสี
00:33:29 → 00:33:33 น้ำตาลเข้มคือแล้วก็ไม่นานเขาก็แบบเหมือน
00:33:33 → 00:33:37 กับว่าจากสีน้ำตาลเข้มหลังจากนั้นเนี่ยก็
00:33:37 → 00:33:39 ไม่สามารถปัสสาวะออกมาได้เลยอะไรอย่าง
00:33:39 → 00:33:43 เงี้ยค่ะก็ทำให้เป็นภาวะกล้ามเนื้อสลาย
00:33:43 → 00:33:46 อันนี้ก็ออกกำลังกายอันเนี้ยเา้าไม่ได้
00:33:46 → 00:33:48 มุ่งหวังที่จะลดความอ้วนหรอกแต่ขวัญกำ
00:33:48 → 00:33:51 หยิบยกขึ้นมาเพื่อที่จะบอกว่าการออกกำลัง
00:33:51 → 00:33:55 กายแต่พอดีอ่ะมันมันต้องดูแลเอ่อเค้า
00:33:56 → 00:33:58 เรียกอะไรนะคะดูสภาพภาพความพร้อมของร่าง
00:33:58 → 00:34:01 กายด้วยแต่ว่าอันเนี้ยถ้ามันมากเกินไปมัน
00:34:01 → 00:34:04 มีความเสี่ยงที่จะเป็นอย่างกรณีผู้ชายชาว
00:34:04 → 00:34:07 รัสเซียคนนี้ได้มากน้อยแค่ไหนอ่ะคะ
00:34:07 → 00:34:12 ก็มีความเสี่ยงครับคุณขวัญเพราะว่าอ่า
00:34:12 → 00:34:14 จะเห็นว่า 1000 ครั้งเนี่ยมันก็ทรมานเนาะ
00:34:14 → 00:34:17 อันนี้ 2,000 เลยนะคะใช่ 2,000 ด้วยอย่าง
00:34:17 → 00:34:20 เงี้ยครับกล้ามเนื้อมันสลายอยู่แล้วนะ
00:34:20 → 00:34:22 ครับเวลาเราเค้าเรียกว่ากล้ามเนื้อมันบาด
00:34:22 → 00:34:25 เจ็บอยู่แล้วเวลาเราออกกำลังกายค่ะนะครับ
00:34:25 → 00:34:29 แต่ร่างกายเราก็จะมีกลไกใครที่สามารถอ่า
00:34:29 → 00:34:32 จัดการกันได้มันได้แล้วะกันนะครับค่ะแต่
00:34:32 → 00:34:33 เมื่อไหร่ก็ตามที่กล้ามเนื้อมันบาดเจ็บ
00:34:33 → 00:34:37 เยอะมากๆมากๆเลยอะไรเงี้ยครับร่วมกับร่วม
00:34:37 → 00:34:42 กับการที่ค่าการทำงานของไตมันอาจจะไม่ดี
00:34:42 → 00:34:46 เช่นทานน้ำน้อยหรือบางคนรับประทานยาแก้
00:34:46 → 00:34:48 ปวดร่วมด้วยอะไรเงี้ยครับค่ะหรือยาบางตัว
00:34:49 → 00:34:52 ที่กระตุ้นให้เกิดกล้ามเนื้ออักเสบนะครับ
00:34:52 → 00:34:56 มันก็จะทำให้ภาวะเนี้ยเป็นหนักขึ้นและ
00:34:56 → 00:34:59 รุนแรงแรงขึ้นได้เหมือนกันนะครับอค่ะมัน
00:34:59 → 00:35:01 ก็เกิดหลายกรณีครับเช่นนักวิ่งมาราธอนก็
00:35:02 → 00:35:04 เคยมีเกิดเหมือนกันทันน้ำไม่พอแห้งมาก
00:35:04 → 00:35:08 อะไรอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้นเนี่ยก็อย่าง
00:35:08 → 00:35:12 ที่ผมบอกครับค่อยๆเดินนะครับคนไข้ผมเนี่ย
00:35:12 → 00:35:16 ผมจะบอกว่าไม่ต้องรีบค่ะออมีเวลาคนไข้ก็
00:35:16 → 00:35:20 มีเวลาไม่ต้องรีบว่าจะต้องลดแบบ 10 ก.ใน 1
00:35:20 → 00:35:22 เดือนอย่างเงี้ยไม่ต้องรีบหักขมขนาดนั้น
00:35:22 → 00:35:25 เพราะร่างกายเรามันก็ต้องใช้ระยะเวลาใน
00:35:25 → 00:35:28 การปรับตัวเหมือนกันค่ะเพราะว่าเราก็อาจ
00:35:28 → 00:35:30 จะมีอะไรซ่อนอยู่ที่เราไม่รู้ก็ได้เนาะ
00:35:30 → 00:35:34 เราก็ต้องค่อยๆทำไปนะครับข้อเสียของการ
00:35:34 → 00:35:36 ออกกำลังกายมันก็มีหลายอย่างนะครับเช่น
00:35:36 → 00:35:41 บ้านเราบ้านเมืองร้อนเนาะค่ะคนออกแดดมากๆ
00:35:41 → 00:35:44 เยอะๆเป็น heat stroke ก็มีนะครับโรคลม
00:35:44 → 00:35:47 ร้อนก็มีอะไรเงี้ยมันก็ต้องระวังกันไปนะ
00:35:47 → 00:35:49 ครับค่ะ
00:35:49 → 00:35:53 ก็ทุกอย่างกลับมาตามหลักที่พุทธเจ้าบอก
00:35:53 → 00:35:56 เลยครับเดินทางสายกลางนะครับคือผมเนี่ย
00:35:56 → 00:35:59 อย่างอาหารก็ตามนะคุณขวัญค่ะคุณขวัญลอง
00:35:59 → 00:36:03 นึกภาพนะถ้าสมมุติว่ามีหมอคนนึงบอกว่าคุณ
00:36:03 → 00:36:07 ขวัญห้ามกิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9
00:36:07 → 00:36:10 ห้ามกินเลยกินได้แค่เนี้ย
00:36:10 → 00:36:15 โอ้โหมันยากอ่ะค่ะกับอ่ะอีกคำนึงชอบกิน
00:36:15 → 00:36:17 อะไรนะชอบกินทุเรียนใช่มั้ยอ่ะกินได้ 1 1
00:36:17 → 00:36:18
00:36:18 → 00:36:22 ครูอ่าแต่ว่ากินทุเรียนก็ต้องลดเช่าลงนะ
00:36:22 → 00:36:25 อะไรอย่างเงี้ยครับกับอ่ะกินทุกอย่างได้
00:36:25 → 00:36:28 เหมือนเดิมเลยแต่ตัดลงสักครึ่งนึงประมาณ
00:36:28 → 00:36:31 ครึ่งนึงนะครับอันนี้น่าจะยั่งยืนกว่านะ
00:36:31 → 00:36:34 คะคุณหมอวิธีหลังเนี่ยอ่าอันเนี้ยคือสิ่ง
00:36:34 → 00:36:38 ที่ต้องปรับความเข้าใจกันว่าจริงๆ
00:36:38 → 00:36:43 แล้วการที่เราไป extrem เนาะค่ะแบบมากๆ
00:36:43 → 00:36:45 กับอะไรสักอย่างนึงอ่ะถามว่ามันยืนระยะ
00:36:45 → 00:36:49 ได้มยมันก็ไม่ได้ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยผม
00:36:49 → 00:36:51 ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด
00:36:51 → 00:36:54 นะแปลกเนาะเวลาผมบอกคนไข้ผมบอกว่ากินได้
00:36:54 → 00:36:55 ทุกอย่างเลย
00:36:55 → 00:37:00 นะแต่ว่า in moderation ภาษาไทยก็คือใน
00:37:00 → 00:37:04 ปริมาณที่เหมาะสมอย่าเยอะเกิน
00:37:04 → 00:37:08 ไปเค้กอยากกินก็ 1-2 คำค่ะถ้าเราอยู่ใน
00:37:08 → 00:37:12 ช่วงที่เราลดน้ำหนักเนาะคืออย่าไปอดจนแบบ
00:37:12 → 00:37:13 กินอะไรไม่ได้เลยอะไรอย่างเงี้ยครับ
00:37:13 → 00:37:16 มะยงชิก็เอาลูกนึง 2 ลูกอือแล้วก็ไปกิน
00:37:16 → 00:37:19 อย่างอื่นแทนให้มันอิ่มเช่นโปรตโปรตีนไก่
00:37:19 → 00:37:23 อะไรก็ว่าไปนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยออก
00:37:23 → 00:37:26 กำลังกายก็เหมือนกันไปหักโฮมมากๆเนี่ยถาม
00:37:26 → 00:37:29 ว่าคุณขอสภาพ
00:37:29 → 00:37:34 นะผมเนี่ยเวลาผมบอกคนไข้ออกกำลังกายเนี่ย
00:37:34 → 00:37:38 มันไม่ใช่แบบต้องไปจ้างเทรนเนอร์เข้ายิม 2
00:37:38 → 00:37:40 ชั่วโมงมันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับแค่ขยับ
00:37:41 → 00:37:44 เท่ากับออกกำลังกายและถูกมั้ยส่วนใหญ่คุณ
00:37:44 → 00:37:49 หมอแนะนำให้คนไข้ทำอะไรอ่ะคะผมเนี่ยจะใช้
00:37:49 → 00:37:53 คำว่าเพิ่ม activity ก็พอคุณขวัญฉันเมื่อ
00:37:53 → 00:37:56 ก่อนชั้น 2 เนี่ยขึ้นลิฟตใช่มั้ลองเดินม 2
00:37:56 → 00:37:59 ชั้นอืหรือเป็นคุณพยาบาลที่เป็นแบบพวกแบบ
00:38:00 → 00:38:03 เนิสที่เป็นแบบอ่าซุเปอร์ไวเซอร์บอกเดิน
00:38:03 → 00:38:05 ขึ้นเดินลงไปพี่ไปเยี่ยมน้องๆอะไรอย่าง
00:38:05 → 00:38:08 เงี้ยครับค่ะหรือว่าแบบพยายามมี activity
00:38:08 → 00:38:12 ให้เพิ่มขึ้นน่ะครับง่ายๆอือเดินไปซื้อ
00:38:12 → 00:38:14 ของบ้างอะไรอย่างเงี้ยเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ว่า
00:38:14 → 00:38:17 สั่งเว่นออนไลน์แล้วให้เค้ามาส่งตลอดอะไร
00:38:17 → 00:38:19 เงี้ยเดินบ้าง
00:38:19 → 00:38:21 ค่ะพฤติกรรมคนไทยมันเปลี่ยนไปจริงๆนะครับ
00:38:21 → 00:38:25 เซเว่นมันก็มีออนไลน์แล้วเนาะใช่ค่ะแล้ว
00:38:25 → 00:38:28 ยิ่งถ้าเราอยู่ที่คอนโดเนี่ยน้องเ้าก็จะ
00:38:29 → 00:38:31 มาส่งถึงแทบจะหน้าประตูคอนโดแล้วหน้า
00:38:31 → 00:38:34 ประตูเลยฉะนั้นเนี่ยมันเลยทำให้เราอ้วน
00:38:35 → 00:38:37 กันเยอะขึ้นจริงๆครับคุณขวัญเพราะฉะนั้น
00:38:37 → 00:38:41 เนี่ยเพิ่ม activity ข้อแรกอันที่ 2 ถ้า
00:38:41 → 00:38:44 ทำอะไรไม่ได้จริงๆก็เดินค่ะเดินรอบคอนโด
00:38:44 → 00:38:49 กระดาษเดินยิมก็ได้เดินสวนสาธารณะก็ได้
00:38:49 → 00:38:52 เดินลู่วิ่งก็ได้เดิน 15 นาทีก่อนไม่ต้อง
00:38:52 → 00:38:56 คิดอะไรได้กี่วันแค่ไหนแค่นั้นทำทุกอย่าง
00:38:56 → 00:39:01 ให้ง่ายและเป็นรูทีนค่ะครับเราไปแบบ
00:39:01 → 00:39:04 สมมุตินะจ้างเทนเนอร์ 1 ชั่วโมง 2
00:39:04 → 00:39:06 ชั่วโมงแล้วแบบอ่าหายไป 5 วันแล้วปวด
00:39:06 → 00:39:10 กล้ามเนื้อมากก็ไม่ไหวเพราะฉะนั้นเนี่ยผม
00:39:10 → 00:39:14 ว่ามันต้องค่อยๆเริ่มค่อยๆทำพอกล้ามเนื้อ
00:39:14 → 00:39:17 เราแข็งแรงแล้วเราไปเองครับอืเดี๋ยวเราจะ
00:39:17 → 00:39:20 มีแรงขึ้นและอีกอย่างพอเราคุมอาหารได้
00:39:20 → 00:39:23 เริ่มออกกำลังกายนิดหน่อยตัวเราจะเบาขวัญ
00:39:23 → 00:39:26 เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงแล้วเราจะ
00:39:26 → 00:39:31 มีกำลังใจหน่อยนึงไปทำเองแล้วเสื้อผ้า
00:39:31 → 00:39:34 เริ่มหลวมใช่มั้ยจากที่ชุดจิไม่เคยใส่ได้
00:39:34 → 00:39:37 ก็กลับมาใส่ได้มันก็จะมีกำลังใจในการที่
00:39:37 → 00:39:41 เราจะไปต่อค่ะเพราะฉะนั้นผมก็ตอบคนตอบแบบ
00:39:41 → 00:39:43 เหมือนๆไม่ตอบเนาะมันต้องมีทั้ง short
00:39:43 → 00:39:46 term goโกและ long term go ครับค่ะ
00:39:46 → 00:39:49 short term go เนี่ยค่อนข้างจะเห็นเอง
00:39:49 → 00:39:52 แล้วก็อ่ะถ้าดีขึ้นก็ไปต่ออ่ะถ้าไม่ดี
00:39:52 → 00:39:54 ขึ้นเกิดจากอะไรอะไรอย่างเงี้ยครับเพราะ
00:39:54 → 00:39:56 ฉะนั้นเนี่ย
00:39:56 → 00:40:00 การลดน้ำหนักมันเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร
00:40:00 → 00:40:03 แต่ผมก็ต้องต่อสู้กับเนาะเดี๋ยวนี้มันก็
00:40:03 → 00:40:08 มีอาหารเสริมมีอะไรคือผมว่ามันต้องเลือก
00:40:08 → 00:40:11 ดีๆอ่ะเพราะใช้คำนี้แล้วกันค่ะบางครั้ง
00:40:11 → 00:40:16 มันก็จะมีสารที่ต้องห้ามเนาะผสมเข้าไป
00:40:16 → 00:40:20 ผ่านอย.บ้างไม่ผ่านอย.บ้างการที่ผมจะไป
00:40:20 → 00:40:22 บอกว่าอันนั้นดีหรืออันนั้นไม่ดีเนี่ยผม
00:40:22 → 00:40:26 ก็ไม่รู้เอาจริงๆค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยวิธี
00:40:27 → 00:40:29 ธรรมชาติก็คือดีที่สุดครับก็คุมอาหารเรา
00:40:29 → 00:40:34 นี่แหละออกกำลังกายปรับพฤติกรรมแล้วถ้า
00:40:34 → 00:40:37 จำเป็นต้องใช้จริงๆเนี่ยก็มาปรึกษาคุณหมอ
00:40:37 → 00:40:39 อืเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่เป็นยาอะไรที่น่า
00:40:39 → 00:40:43 กลัวนะครับมันเป็นฮอร์โมนอมันเป็นเหมือน
00:40:43 → 00:40:46 ฮอร์โมนตัวนึงที่ร่างกายเราขาดแล้วเราก็
00:40:46 → 00:40:49 ไปเติมให้มันเป็นทำให้เราอิ่มนานขึ้นอะไร
00:40:49 → 00:40:52 อย่างเงี้ยครับอ๋อค่ะถ้าเหมือนกับว่าถ้า
00:40:52 → 00:40:55 เราคุมอาหารระดับนึงแล้วออกกำลังกายมา
00:40:55 → 00:40:59 ระดับนึงแล้วแล้วมันรู้สึกมันตันไปต่อไม่
00:40:59 → 00:41:02 ได้แล้วมันดูมันดูแบบเหมือนกับว่าน้ำหนัก
00:41:02 → 00:41:05 มันคงที่แล้วอันเนี้ยคืออยากจะรับคำ
00:41:06 → 00:41:08 ปรึกษาจากคุณหมอเนี่ยวิธีการเติมฮอร์โมน
00:41:08 → 00:41:11 ตรงเนี้ยมันเค้าเติมกันยังไงเข้าไปในร่าง
00:41:11 → 00:41:15 กายวิธีการฉีดหรือกินหรือยังไงคะคุณหมอคะ
00:41:15 → 00:41:17 คือผมว่ามันก็คง
00:41:17 → 00:41:21 ต้องเริ่มต้นจากการหาอย่างที่คุณขวัญบอก
00:41:21 → 00:41:23 เนาะว่าร่างกายเรามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า
00:41:23 → 00:41:27 ค่ะบางคนก็ง่ายๆเลยเป็นไทรรอยด์ครับค่ะอื
00:41:28 → 00:41:30 มาเจอหมอหมอเค้าก็จะมีทรายบางอย่างแหละ
00:41:30 → 00:41:33 ตรวจร่างกายเจออะไรนู่นนี่นั่นเนาะช้าๆ
00:41:33 → 00:41:36 อ่าดูแบบขี้หนาวอะไรอย่างเงี้ยบางครั้ง
00:41:36 → 00:41:37 พวก
00:41:37 → 00:41:41 เนี้ยรักษาฮอร์โมนไทรรอยด์ปุ๊บหายเลยน้ำ
00:41:41 → 00:41:44 หนักลงทุกอย่างดีขึ้นนะครับแต่ผ่านช่วง
00:41:44 → 00:41:46 นั้นสเต็ปนั้นไปแล้วผมก็จะมาดูว่าเอ๊ะ
00:41:46 → 00:41:49 กล้ามเรามีปัญหาตรงไหนล่ะอกล้ามเนื้อเรา
00:41:49 → 00:41:52 น้อยไปหรือเปล่าค่ะหรือพฤติกรรมการกินเรา
00:41:52 → 00:41:54 ต้องเน้นตรงไหนเน้นจุดไหนอะไรอย่างเงี้ย
00:41:54 → 00:41:58 ก็คือผมพูดง่ายๆคือไลฟ์สไตล์หรือวิธีการ
00:41:58 → 00:42:01 เนี้ยมันคือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการลด
00:42:01 → 00:42:04 น้ำหนักไม่ว่าจะลดน้ำหนักหรืออะไรก็ตามนะ
00:42:04 → 00:42:07 ครับค่ะแต่ร่างกายเราเนี่ยมันจะมีคนไข้
00:42:07 → 00:42:09 บางกลุ่มที่
00:42:10 → 00:42:13 ฮอร์โมนอิ่มมันน้อยหรือฮอร์โมนอิ่มมันทำ
00:42:13 → 00:42:16 งานไม่ดีหรือมันทำมาปุ๊บมันก็หายไปใน
00:42:16 → 00:42:19 กระแสเลือดเลยอะไรประมาณเนี้ยครับเพราะ
00:42:19 → 00:42:23 ฉะนั้นเนี่ยมันก็จะมีการใส่ฮอร์โมนบางตัว
00:42:23 → 00:42:26 ที่จะไปปรับพฤติกรรมค่ะผมใช้คำว่าเป็นตัว
00:42:26 → 00:42:28 ช่วยที่จะทำให้เราปรับพฤติกรรมส่วน
00:42:28 → 00:42:32 พฤติกรรมที่แบบเราทำได้อ่ะมันต้องใช้เวลา
00:42:32 → 00:42:36 3-6 เดือนครับอืเพราะฉะนั้นเนี่ยยาลดน้ำ
00:42:36 → 00:42:40 หนักที่แบบลดเร็วกระตุ้นพานเผาผลาญมันก็
00:42:40 → 00:42:44 โย่แต่การใช้ฮอร์โมนพวกเนี้ยอ่าส่วนใหญ่
00:42:44 → 00:42:47 ตอนนี้มีแต่ยามาฉีดนะครับอ๋อตอนนี้ก็คือ
00:42:47 → 00:42:51 มีฉีดทุกวันแต่เข็มมันเล็กมากครับคุณขวัญ
00:42:51 → 00:42:53 ฉีดเองหรือว่าต้องไปที่โรงพยาบาลฉีดเอง
00:42:53 → 00:42:57 ฉีดเองค่ะต่อไปก็จะมียาที่ฉีดทุกอาทิตย์
00:42:57 → 00:43:00 เข้ามาอืซึ่งกำลังจะเข้ามาค่ะแต่ว่าไม่
00:43:00 → 00:43:02 ต้องกลัวการฉีดยานะครับเพราะว่าเราไม่ได้
00:43:02 → 00:43:05 ใช้ตลอดชีวิตแล้วก็ยาตอนนี้เป็นยากลมที่
00:43:05 → 00:43:08 ค่อนข้างปลอดภัยค่ะเพราะว่าใช้ในคนไข้เบา
00:43:08 → 00:43:12 หวานตลอดชีวิตอยู่แล้วอ๋อคือมันมีฤดรดน้ำ
00:43:12 → 00:43:15 ตาลด้วยแต่ว่ามันจะไม่ทำให้เราน้ำตาลต่ำ
00:43:15 → 00:43:18 มันจะกระตุ้นการหลั่งอินซูลินที่มันลดน้ำ
00:43:18 → 00:43:21 ตาลก็ต่อเมื่อน้ำตาลในร่างกายเราสูงอะไร
00:43:21 → 00:43:23 อย่างเงี้ยครับแต่อีกเอฟเฟคนึงก็คือมันทำ
00:43:23 → 00:43:27 ให้เราอิ่มแล้วก็ลดน้ำหนักได้นะครับคือ
00:43:27 → 00:43:30 เราอิ่มภายใต้การที่เราต้องรับประทาน
00:43:30 → 00:43:32 เหมือนกันใช่มั้คะไม่ใช่แบบว่าเออรับ
00:43:32 → 00:43:36 ประทานมันทำให้เราอิ่มเร็วขึ้นค่ะเช่น
00:43:36 → 00:43:39 ฮอร์โมนตัวนี้มันจะออกมาอยู่แล้วแต่การ
00:43:39 → 00:43:42 ใช้ยาเนี่ยมันจะทำให้ฮอร์โมนที่เราหลัง
00:43:42 → 00:43:44 ออกมาเนี่ยมันอยู่นานขึ้นอะไรอย่างเงี้ย
00:43:44 → 00:43:48 ครับค่ะฮอร์โมนอิ่มอยู่นาน
00:43:48 → 00:43:50 ขึ้นมันเหมือนคล้ายๆกระตุ้นฮอร์โมนให้มัน
00:43:50 → 00:43:54 อยู่นานขึ้นอืค่ะเพราะอันเนี้ยคือขวัญ
00:43:54 → 00:43:56 เพิ่งเคยได้ยินจากคุณหมอว่ามันเป็นลักษณะ
00:43:56 → 00:44:00 ยาฉีดเพื่อการเพิ่มฮอร์โมนตัวอิ่มแต่ก่อน
00:44:00 → 00:44:02 หน้านี้เคยได้ยินถึงปากกาลดน้ำหนักบ้าง
00:44:02 → 00:44:04 ล่ะอะไรอย่างี้มันคือตัวเดียวกันครับอ๋อ
00:44:04 → 00:44:09 มันคือตัวเดียวกันคือแต่ว่าเราต้องเข้าใจ
00:44:09 → 00:44:11 ไงคือคนไข้เองก็ต้องเข้าใจด้วยว่ายางมัน
00:44:11 → 00:44:16 ไปออกฤทธิ์อะไรค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยมันไม่
00:44:16 → 00:44:19 ใช่เจิเพที่แบบทุกคนฉีดตัวนี้แล้วน้ำหนัก
00:44:19 → 00:44:22 จะลงไม่ใช่นะครับค่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
00:44:22 → 00:44:25 รู้อยู่แล้วว่ากลไกมันคือทำให้เราอิ่มนาน
00:44:25 → 00:44:28 ขึ้นเพราะฉะนั้นเราก็ต้องไม่กินไม่ใช่ว่า
00:44:28 → 00:44:32 แบบบางคนโกงยานะครับ
00:44:32 → 00:44:35 เช่นพอมันฉีดแล้วมันจะกินพวกข้าวกินอะไร
00:44:35 → 00:44:39 ไม่ได้ก็ไปกินน้ำหวานอ๋ออะไรอย่างเงี้ย
00:44:39 → 00:44:43 คือไม่รู้ไม่รู้ว่าแบบเราต้องปรับร่างกาย
00:44:43 → 00:44:46 ด้วยแล้วก็ปรับการกินเราควบคู่ไปเพราะสุด
00:44:46 → 00:44:49 ท้ายวันนึงเราก็ต้องหยุดยาแล้วเรายาเนี่ย
00:44:49 → 00:44:53 มันก็จะช่วยเหมือนแบบคนเราพอเรากินเท่า
00:44:53 → 00:44:57 เนี้ยไป 6 เดือนอ่ะคุณขวัญค่ะเราใช้
00:44:57 → 00:44:59 ไลฟ์สไตล์อย่างเงี้ยไป 3 เดือน 6 เดือน
00:44:59 → 00:45:02 น่ะมันก็จะเกิดพฤติกรรมใหม่ของเราขึ้นมา
00:45:02 → 00:45:05 ว่าโอเคเรารู้และเรากินแค่นี้เราอยู่ได้
00:45:05 → 00:45:09 เราพอเราแบบวันนี้ฉันกินเยอะมื้อเช้ามื้อ
00:45:09 → 00:45:12 เย็นไม่กินและอะไรอย่างเงี้ยค่ะเย็นจะไป
00:45:12 → 00:45:14 ปาร์ตี้เช้างดและการกินน้อยๆอะไรอย่าง
00:45:14 → 00:45:18 เงี้ยครับอือผมจะใช้คำว่าคือระหว่างที่ผม
00:45:18 → 00:45:21 รักษาคนไข้มันก็เหมือน training อ่ะเป็น
00:45:21 → 00:45:23 เหมือน mindful eating อ่ะเราก็ต้องฝึก
00:45:23 → 00:45:26 เราไปเรื่อยๆเนาะอ่ะหลุดก็ไม่เป็นไรกลับ
00:45:26 → 00:45:28 มาใหม่อะไรอย่างเงี้ยครับออือมันคือ
00:45:28 → 00:45:31 คอนเซปตของปากกาลดน้ำหนักนั่นแหละแต่ว่า
00:45:31 → 00:45:34 สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจหรือว่าการ
00:45:34 → 00:45:37 คุยกับคนไข้เนี่ยอาจจะไม่ได้ลึกซึ้งมากนะ
00:45:38 → 00:45:39 ก็คิดว่าอ่ะฉีดไปเดี๋ก็ลงอะไรอย่างเงี้ย
00:45:39 → 00:45:42 มันไม่ใช่ค่ะเพราะสุดท้ายถ้าเราฉีดแล้ว
00:45:42 → 00:45:45 เราก็ไปกินขนมมันจะมันจะกินเล็กๆน้อยๆได้
00:45:45 → 00:45:49 ครับบางคนกินทุกชั่วโมงเลยโอ้โหอิ่มก็เลย
00:45:49 → 00:45:52 กินทุกชั่วโมงก็มันลงอยู่ดีเบอกว่าใช้
00:45:52 → 00:45:54 ปากกาแล้วก็ไม่เห็นลงเลยออก็คือเราไม่
00:45:54 → 00:45:57 เข้าใจว่าเออยามันเอาไปใช้อะไรไปทำอะไร
00:45:57 → 00:45:59 ต้องเข้าใจ
00:45:59 → 00:46:02 อใช่ค่ะแล้วพอเราเข้าใจอย่างเงี้ยเราคุย
00:46:02 → 00:46:06 ตรงกันโดสก็อาจจะไม่ต้องใช้โดสสูงมากครับ
00:46:06 → 00:46:09 ผมใช้โดสนิดเดียวเองค่ะเป็นเหมือนเป็น
00:46:09 → 00:46:11 เหมือนจุดที่ทำให้คนไข้เข้าก้าวเข้าสู่
00:46:11 → 00:46:16 การลดน้ำหนักได้แค่นั้นเองแล้วพอใช้ไป 3
00:46:16 → 00:46:18 เดือน 6 เดือนเห็นผลระดับนึงหลังจากนั้น
00:46:18 → 00:46:22 คือคนไข้เนี่ยเอ่อปรับพฤติกรรมได้ครับถอย
00:46:22 → 00:46:25 ได้ถอยได้ถอยได้ถอยได้แต่ว่ามันต้องคุย
00:46:25 → 00:46:27 กันมันต้องมันต้องมี under supervision
00:46:27 → 00:46:30 น่ะไม่ใช่ว่า under หมอไม่ใช่ว่าไปซื้อยา
00:46:30 → 00:46:32 แล้วมาฉีดเองตามอินเทอร์เน็ตปลอมบ้างจริง
00:46:32 → 00:46:36 บ้างโอหยาปลอมก็เยอะนะครับอันตรายนะคะอื
00:46:36 → 00:46:40 มันมีขายเยอะแยะไปหมดจนผมแบบแล้วคุณคิด
00:46:40 → 00:46:42 ว่าโรงพยาบาลขายประมาณเนี้ยแล้วอันนั้น
00:46:42 → 00:46:44 น่ะถูกกว่าครึ่งนึงอ่ะแล้วคิดว่ามันจะ
00:46:44 → 00:46:48 เป็นของยังไงหรอแล้วฉีดเข้าตัวเรานะค่ะ
00:46:48 → 00:46:51 เอออะไรอย่างเงี้ยครับบางครั้งมันก็บาง
00:46:51 → 00:46:53 ครั้งคนไข้หลายคนก็ฉีดมันแล้วไม่เห็นเป็น
00:46:53 → 00:46:58 อะไรแต่ผมคุยมานั่งคุยกันมาอะไรกันมาใช้
00:46:58 → 00:47:01 กันนิดเดียวก็ลงกันเป็น 10-20 กลผมว่ามัน
00:47:01 → 00:47:04 ก็บางครั้งมันก็ต้องคุยกันน่ะครับว่า
00:47:04 → 00:47:08 ปัญหาเราอยู่ตรงไหนบางคนก็ตรวจเจอผลเลือด
00:47:08 → 00:47:10 ผิดปกติเช่นเป็นเบาหวานเริ่มต้นอะไรเงี้ย
00:47:10 → 00:47:13 ครับเป็นนู่นเป็นนี่นี่มันก็มีโรคของเขา
00:47:13 → 00:47:16 อยู่ที่เราต้องมาตรวจมาตรวจดูกันต้องมา
00:47:16 → 00:47:19 นั่งคุยกันค่ะคุณหมอคะมีคำถามจากคุณผู้
00:47:19 → 00:47:23 ฟังค่ะว่าเครื่องดื่มที่บอกข้างกระป๋อง
00:47:23 → 00:47:27 หรือว่าข้างาภาชนะนะคะว่าไม่มีน้ำตาล
00:47:27 → 00:47:29 เนี่ยมันลดความอ้วนได้จริงหรือเปล่าเพราะ
00:47:29 → 00:47:33 ว่าที่บ้านเขา้าเนี่ยเอ่อทานเป็นประจำเลย
00:47:33 → 00:47:35 แล้วก็อีกอย่างนึงที่เกิดขึ้นกับตัวเขา
00:47:35 → 00:47:39 เองเนี่ยคือว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยทานอะไร
00:47:39 → 00:47:43 ทานเฉพาะน้ำเต้าหู้ที่มีรสหวานแต่มีอาการ
00:47:43 → 00:47:44 คือ
00:47:44 → 00:47:50 เอ่อมีแต่มีพอคือไม่ค่อยทานอะไรมากมีแค่
00:47:50 → 00:47:52 น้ำเต้าหู้ที่มีรสหวานเสื้อผ้าทุกตัว
00:47:53 → 00:47:56 เนี่ยสวมสวมใส่เนี่ยหลวมหลวมหมดเลยน้ำ
00:47:56 → 00:48:00 หนักก็ลงมาลดลงมาแต่ว่ายังกลับกลายเป็น
00:48:00 → 00:48:04 ว่ามีอาการอ่อนเพลียง่ายถามว่าเค้ากำลัง
00:48:04 → 00:48:07 แบบจะเป็นโรคอะไรหรือเปล่าหรือต้องไปตรวจ
00:48:07 → 00:48:10 อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าอ่ะค่ะไอ้เครื่อง
00:48:10 → 00:48:12 ดื่มที่ไม่มีน้ำตาลเนี่ยมันลดน้ำหนักลด
00:48:12 → 00:48:15 ความอ้วนได้จริงหรือเปล่าครับมอง
00:48:15 → 00:48:20 คือ 1 ก็คือเอานี้ตอบแบบง่ายๆก่อนนะครับ
00:48:20 → 00:48:23 คือมันก็ทำให้เราติดหวานนั่นแหละถึงมันจะ
00:48:23 → 00:48:26 ไม่ใช่น้ำตาลหรอกค่ะเราก็มีความอยากหวาน
00:48:26 → 00:48:28 มากขึ้นอยู่ดีเพราะฉะนั้นเนี่ยจากการ
00:48:28 → 00:48:30 วิจัยแล้วเนี่ยมันไม่ค่อยได้ลดน้ำหนักเรา
00:48:30 → 00:48:33 ได้จริงหรอกครับแต่มันก็ดีกว่าน้ำตาลจริง
00:48:33 → 00:48:36 แต่ว่าถ้าให้ผมแนะนำก็เป็นน้ำตาลธรรมชาติ
00:48:36 → 00:48:39 ดีกว่าเช่นหล่อทั้งกล้วยหญ้าหวานอะไร
00:48:39 → 00:48:43 เงี้ยครับค่ะแต่พวกพวกนั้นมันเป็นน้ำตาล
00:48:43 → 00:48:45 สังเคราะห์เพราะฉะนั้นผลในระยะยาวมันก็
00:48:45 → 00:48:47 อาจจะมีงาน
00:48:47 → 00:48:50 วิจัยออกมาเรื่อยๆว่ามันอาจจะไม่ได้ดีมาก
00:48:50 → 00:48:53 เท่าไหร่มันอาจจะทำให้เราหิวมากขึ้นหรือ
00:48:53 → 00:48:56 อาจจะไปกระตุ้นสารในร่างกายเราบางอย่างทำ
00:48:56 → 00:48:59 ให้เราอ้วนเหมือนกันค่ะเพราะฉะนั้นทานได้
00:48:59 → 00:49:01 ครับแต่อย่าทานเยอะเป็นแบบทุกวันวันละ 2
00:49:01 → 00:49:04 กระป๋องบางคนมันก็ดูเยอะไปเนาะอเยอะไปแต่
00:49:04 → 00:49:06 เค้าก็กินกันอย่างงั้นจริงๆบางคนอะไร
00:49:06 → 00:49:10 เงี้ยครับค่ะอันที่ 2 ก็คือที่บอก
00:49:10 → 00:49:13 ว่าเราอาจจะได้สารอาหารไม่พอไงครับคือ
00:49:14 → 00:49:16 ร่างกายเราต้องการโปรตีนกินน้ำเต้าหู้
00:49:16 → 00:49:18 อย่างเดียวอะไรอย่างเงี้ยโปรตีนไขมันเรา
00:49:18 → 00:49:22 ก็ต้องการนะแต่ต้องการไขมันดีถามว่าดีแค่
00:49:22 → 00:49:25 ไหนก็ไม่ใช่ข้าวขาหมูหรือว่าหมูกรอบทุก
00:49:25 → 00:49:28 มื้ออะไรอย่างเงี้ยครับอาจจะต้องเป็นไข
00:49:28 → 00:49:31 มันจากพืชดีๆบ้างเช่นน้ำมันมะกอกโอลีฟออย
00:49:31 → 00:49:33 อะไรอย่างเงี้ยครับอะโวคาโดอะไรอย่าง
00:49:33 → 00:49:36 เงี้ยครับค่ะคือมันก็ต้องบาanceซเอาว่า
00:49:36 → 00:49:38 เราต้องได้อาหารครบ 5 หมู่นั่นแหละแต่เอา
00:49:38 → 00:49:42 ให้มันเป็นแหล่งจากดีมันก็จะไม่เพลียเรา
00:49:42 → 00:49:45 อาจจะขาดสารอาหารบางอย่างก็ได้อืค่ะเรา
00:49:45 → 00:49:48 เลยมีความอาการอ่อนเพลียแล้วน้ำเต้าหู้ก็
00:49:48 → 00:49:51 คือกินหวาน 0% ก็ดีสุดนะครับเพราะเต้าหู้
00:49:51 → 00:49:54 มันก็หวานอยู่แล้วไม่ต้องใส่น้ำตาลเพิ่ม
00:49:54 → 00:49:58 บางคนที่น้ำตาลน่ากลัวสุด
00:49:58 → 00:50:00 แหมบางครั้งน้ำตาลก็ไม่ถึงกับเป็นผู้ร้าย
00:50:00 → 00:50:03 หรอกค่ะหมออันนี้กำลังแบบว่ากินได้นิดนึง
00:50:03 → 00:50:06 ค่ะเอ่อกินได้ครับแต่ว่าก็ก็ต้องระวังนิด
00:50:06 → 00:50:11 นึงค่ะบางคนคือในช่วงของการควบคุมน้ำหนัก
00:50:11 → 00:50:15 เนี่ยเอ่อรับประทานไข่ขาวเยอะมากอันเนี้ย
00:50:15 → 00:50:22 มีมันมันมีผลข้างเคียงอะไรมั้ยคะ
00:50:22 → 00:50:27 เอ่อไข่ขาวหรอครับค่ะหรือว่าก็ไม่เป็นไร
00:50:27 → 00:50:29 ถ้าไม่ได้กินไข่แดงก็ไม่เกี่ยวข้องกับไข
00:50:29 → 00:50:33 มันก็โอเคผมว่าก็ดูโปรตีนน่ะปกติก็นับ
00:50:33 → 00:50:36 โปรตีนเอาอ่ะครับค่ะโปรตีนเราต้องการวัน
00:50:36 → 00:50:38 ละประมาณ
00:50:38 → 00:50:41 1 กรัมต่อน้ำหนักตัวเช่นหนัก 60 ก็
00:50:41 → 00:50:43 ต้องการ 60
00:50:43 → 00:50:47 กรัมครับค่ะก็ก็ต้องให้ได้ประมาณนั้นส่วน
00:50:47 → 00:50:49 น้ำตาลก็เหมือนกันวันนึงเรากินได้ประมาณ
00:50:49 → 00:50:55 24 กรัมนะครับ 24 กรัม 6 ช้อน 6 ช้อนชา
00:50:55 → 00:50:58 อืประมาณนี้ก็ประมาณนั้นโอ้โหถ้าเพราะ
00:50:58 → 00:51:01 ฉะนั้นเนี่ยมันก็ไม่ได้แย่มากนะมันก็ทาน
00:51:01 → 00:51:03 ได้แต่ว่าเราอย่าลืมว่ามันมีซ่อนอยู่ใน
00:51:04 → 00:51:09 ทุกอย่างนะค่ะในข้าวก็มีผลไม้ก็มีใช่มัน
00:51:09 → 00:51:12 ซ่อนอยู่แล้วถึงเราไม่กินน้ำตาลเดี่ยวๆ
00:51:12 → 00:51:14 มันไม่ใช่ผู้ร้ายหรอกครับแต่ว่าเราต้อง
00:51:14 → 00:51:17 ถ้าเราไปเติมมันอีกอ่ะในธรรมชาติมันก็มี
00:51:17 → 00:51:19 น้ำตาลของมันอยู่แล้วไม่ต้องไปเติมเพิ่ม
00:51:19 → 00:51:22 มากอะไรเงี้ยครับค่ะอย่างกาแฟอย่างเงี้ย
00:51:22 → 00:51:26 บางคนก็แบบไม่กินอะไรเลยกินกาแฟแก้วเดียว
00:51:26 → 00:51:30 Starbucks แบบฉ่ำนึกนึกออกมั้ยครับที่
00:51:30 → 00:51:34 มันฉ่ำๆที่แบบใช่ค่ะแล้วก็มีวิปแก้วไม่
00:51:34 → 00:51:37 ใช่เดี๋ยวจะไปว่าสตาร์เดี๋ไม่ใช่อาหาร
00:51:37 → 00:51:40 กาแฟปั่นใช่ป่ะกาแฟปั่นทั่วๆไปค่ะไม่ไม่
00:51:40 → 00:51:43 ได้จำเพาะทุกร้านเออทุกร้านที่แบบเค้าใส่
00:51:43 → 00:51:47 น้ำตาลเยอะๆครับค่ะค่ะอือันนั้นแหละก็คือ
00:51:47 → 00:51:50 น่ากลัวอืค่ะคุณหมอคะมาในช่วงท้ายของราย
00:51:50 → 00:51:53 การเหลืออีกประมาณสัก 1 นาทีครึ่งเอ่อ
00:51:53 → 00:51:57 สำหรับกรณีของความภาวะอ้วนหรือโรคอ้วนที่
00:51:57 → 00:52:01 คุณหมอบอกว่ารักษายากๆากเนี่ยอยากจะให้
00:52:01 → 00:52:04 แนวทางอะไรกับคุณผู้ฟังที่ฟังอยู่ตอนนี้
00:52:04 → 00:52:09 แล้วพรุ่งนี้ฉันจะลดความอ้วนแล้วล่ะ
00:52:09 → 00:52:12 ก็หาความต้องการของเราก่อนเนาะว่าเราจะลด
00:52:12 → 00:52:14 เพื่ออะไร
00:52:14 → 00:52:16 หากความต้องการแล้วก็แรงบันดาลใจก่อนครับ
00:52:16 → 00:52:20 สำคัญที่สุดเลยอว่าเราจะทำอะไรนะครับลดไป
00:52:20 → 00:52:24 เพื่ออะไรแล้วก็ค่อยๆหาวิธีการทำวิธี
00:52:24 → 00:52:26 ธรรมชาติก่อนก็ได้ค่ะยังไม่ต้องปรึกษาหมอ
00:52:26 → 00:52:28 ก็ได้แต่ถ้ามีโรคแล้วแนะนำให้ไปคุยกับคุณ
00:52:28 → 00:52:31 หมอนะครับแล้วก็ก็รักษาโรคไปด้วยรักษา
00:52:31 → 00:52:35 ความอ้วนไปด้วยนะครับถ้าเราได้ผมเชื่อ
00:52:35 → 00:52:38 เหลือเกินคำทิ้งท้ายก็คือว่าถ้าเรามีเป้า
00:52:38 → 00:52:41 หมายที่ชัดเจนนะค่ะไม่ใช่แบบไม่ใช่เป้า
00:52:41 → 00:52:44 หมายที่แบบฉันจะลดน้ำหนักอะไรอย่างเงี้ย
00:52:44 → 00:52:47 จะลดน้ำหนักเพื่ออะไรอยากได้เท่าไหร่กี่
00:52:48 → 00:52:52 กล้องต้องการให้อะไรดีขึ้นค่ะอะไรนะครับ
00:52:52 → 00:52:55 ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนวิธีการมันก็จะ
00:52:55 → 00:52:59 ตามมาแล้วมันก็จะหายเองว่าซอสไหนยังไงนะ
00:52:59 → 00:53:02 ครับแล้วก็ถ้าเราคิดว่าเรามีโรคหรือว่ามี
00:53:02 → 00:53:05 คนใกล้ตัวที่คิดว่าไม่ไหว
00:53:05 → 00:53:08 ถึงเวลาที่เราต้องมาช่วยกันแล้วก็ลอง
00:53:08 → 00:53:11 ปรึกษาคุณหมอใกล้ตัวดูนะครับค่ะตอนนี้โลก
00:53:11 → 00:53:15 อ้วนก็คิดว่าคุณหมอทุกท่านน่าจะช่วยเรา
00:53:15 → 00:53:17 ได้นะครับแต่ว่าถ้าเป็นไม่ไหวจริงๆเขาก็
00:53:17 → 00:53:21 จะส่งspecialิสนะครับค่ะได้ค่ะทางค่ะ
00:53:21 → 00:53:23 ขอบพระคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ให้เกียรติ
00:53:23 → 00:53:27 กับรายการสุขภาพดี 22:00 น.วันนี้นะคะ
00:53:27 → 00:53:30 ครับสวัสดีครับสวัสดีสวัสดีครับคุณขัน
00:53:30 → 00:53:33 สวัสดีครับสวัสดีค่ะนายแพทย์ปริญญาสมัคร
00:53:33 → 00:53:36 การไถค่ะอายุรศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและ
00:53:36 → 00:53:38 แพทย์ที่ปรึกษา Healthy Wight Center
00:53:38 → 00:53:42 โรงพยาบาลไทยนครินทร์นะคะ