00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice สวัสดีครับผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์
00:00:08 → 00:00:12 ดิฉันสุธิราพรปรีเปรมและนี่คือศัลยกรรม
00:00:12 → 00:00:15 ความสุขรายการที่ฟังแล้วทำให้คุณมีความ
00:00:15 → 00:00:22 สุขมากขึ้นมีความทุกข์น้อยลงอืวันนี้อยาก
00:00:22 → 00:00:27 ชวนพี่วีไปทันข้าวกลางวันล้านนึงล้านน
00:00:27 → 00:00:29 แสดงว่าโอหถ้าพี่อ้อยชวนนี่แสดงว่าร้าน
00:00:29 → 00:00:32 นี้ต้องเด็ดขาดแน่นอนเลยใช่มั้ใช่เป็นาน
00:00:32 → 00:00:36 ข้าวแกงฮะเค้าได้ข่าวมาว่าโอโหอาหารอร่อย
00:00:36 → 00:00:40 มากเลยเออๆๆค่ะสไปกับพี่มั้ยคะไปๆๆอ๋อไป
00:00:40 → 00:00:43 หรอค่ะแล้วร้านนี้เค้ามีที่แล้วมีดีอะไร
00:00:43 → 00:00:45 เป็นพิเศษเลยโอ้โหอาหารอร่อยทุกอย่างเลย
00:00:45 → 00:00:49 ค่ะฮะๆแต่ว่าพี่พี่อ้อยก็ไม่แน่ใจนะว่า
00:00:49 → 00:00:52 เดี๋ยวพี่วีจะไปแล้วพี่วีจะเปลี่ยนใจหรือ
00:00:52 → 00:00:55 เปล่าเออเพราะอะไรฮะเพราะว่าร้านเนี้ย
00:00:55 → 00:00:57 ข้าวบูด
00:00:57 → 00:01:02 [เพลง]
00:01:02 → 00:01:06 โหข้าวบูดอาหารอร่อยทุกอย่างตกลงเมื่อกี้
00:01:06 → 00:01:08 นี้ที่พี่อ้อชวนผมเมื่อกี้ผมบอกไปใช่มั้ย
00:01:08 → 00:01:11 พอดีผมนึกขึ้นไม่ได้ผมมีนัดต่อผมไม่
00:01:11 → 00:01:14 ว่างไม่ว่างกระทันหันเลยผมไม่ว่างแล้วเออ
00:01:14 → 00:01:18 ๆอแล้วร้านข้าวแกงแต่ข้าวบูดแล้วจะมีคน
00:01:18 → 00:01:22 กินเหรอพี่อ้อยก็คงไม่ได้บูดทุกมื้อหรอก
00:01:22 → 00:01:26 อ๋อเออแต่ไม่เคยมีคนไปเจอไปเจอใช่มั้ย
00:01:26 → 00:01:28 แล้วพี่ว่าได้เจอตัวเองมั้ยไม่เจอคไม่ได้
00:01:28 → 00:01:30 เจอใช่มั้ยแต่ว่านี้หมายถึงว่ามีคนมาเล่า
00:01:30 → 00:01:33 ให้ฟังหรือว่ามีคนมาเล่าให้ฟังค่ะออแล้ว
00:01:33 → 00:01:35 เกิดอะไรขึ้นเป็นยังไงฮะข้าวบูดเนี่ยถ้า
00:01:35 → 00:01:39 ถ้าพูดถึงจริงๆแล้วเนี่ยข้าวบูดเราไม่กิน
00:01:39 → 00:01:43 แน่อืคนไทยอ่ะต้องกินข้าวแทบจะ 3 มืเนาะ
00:01:43 → 00:01:46 ใช่ๆเป็นคนชอบข้าวเราติดข้าวแต่ว่าถ้า
00:01:46 → 00:01:48 สมมุติว่าเราไปเจอข้าวบูดสักครั้งนึง
00:01:48 → 00:01:52 เนี่ยอืเราไม่เอาและใช่เลิกเลยเลิไม่กล้า
00:01:52 → 00:01:56 เลยอ่ะใช่แล้วมันอยู่ดีๆแล้วสงสัยว่าข้าว
00:01:56 → 00:02:01 บูดนี่นะมันจะมีกลิ่นด้วยนะมันมันมีกลิ่น
00:02:01 → 00:02:05 ค่ะแล้วมันก็จะแฉะๆแล้วกินเข้าไปก็จะท้อง
00:02:05 → 00:02:08 เสียอะไรต่ออะไรอย่างเงี้ยอืแล้วเค้ามา
00:02:08 → 00:02:11 ขายแล้วเวลาเตักเไม่รู้เหรอไม่แน่ใจ
00:02:11 → 00:02:15 เหมือนกันแต่พี่วีรู้มว่าข้าวบูดเนี่ยถ้า
00:02:15 → 00:02:18 เราหุงข้าวพี่วีหุงข้าวเองมั้คะเออเคยหุง
00:02:18 → 00:02:22 ฮออแล้วทิ้งไว้ในหม้อนานมยก็ปกตินะก็
00:02:23 → 00:02:25 สมมุติว่าถ้าเราบางวันที่หุงข้าวเราหุง
00:02:25 → 00:02:29 ตอนเช้าอแล้วเราก็กินไปเบางทีเที่ยงเราก็
00:02:29 → 00:02:32 กินอีกนะใช่แล้วก็หมดจากหม้อใช่มั้ยคะเออ
00:02:32 → 00:02:36 บางทีก็หมดบางทีก็ไม่หมดนะเออถ้าข้าวมัน
00:02:36 → 00:02:40 ค้างอยู่ในหม้อนานเออแล้วอากาศมันร้อนอ๋อ
00:02:40 → 00:02:43 เนี่ยแหละข้าวมันจะบูดอ๋อสาเหตุที่ทำให้
00:02:43 → 00:02:46 ข้าวบูดใช่แล้วแล้วไม่ใช่แค่นั้นนะพี่วี
00:02:46 → 00:02:51 อือหม้อที่หุงข้าวเนี่ยถ้ามันเคยมีข้าว
00:02:51 → 00:02:55 บูดอ่ะแล้วเราล้างแล้วนะเออเราเอาหม้อ
00:02:55 → 00:02:59 นั้นไปหุงข้าวมื้อต่อไปเออมันก็จะบูดง่าย
00:02:59 → 00:03:01 อ๋ออ๋อมันจะเหมือนมีเชื้ออะไรอย่างงี้
00:03:01 → 00:03:04 เหรอไม่แน่ใจแต่คิดว่าคล้ายๆอย่างงั้น
00:03:04 → 00:03:09 เค้าถึงขนาดต้องใช้วิธีเอาน้ำส้มสายชูลง
00:03:09 → 00:03:12 ไปแล้วก็ต้มแบบเหมือนหุงข้าวอ่ะค่ะเดือด
00:03:12 → 00:03:16 ให้มันเดือดอะไรเป็นพิเศษเลยนะในการล้าง
00:03:16 → 00:03:19 อือๆเออคราวนี้อันนี้เราพูดเรื่องข้าว
00:03:19 → 00:03:23 เนาะว่ามันบูดได้ซึ่งเป็นข้าวมีประโยชน์
00:03:23 → 00:03:27 เออแต่ว่าพอถ้าเราทำกระบวนการที่มันไม่ดี
00:03:27 → 00:03:31 อ่ะอืมันก็บูดได้บูดได้เออแล้วพอบูดได้
00:03:31 → 00:03:33 เสร็จปุ๊บเนี่ยเมื่อกี้นี้ผมระหว่างที่
00:03:33 → 00:03:35 พี่อ้อยเล่าให้ฟังนี่ผมเกิดไม่รู้เกิด
00:03:35 → 00:03:38 อะไรขึ้นนะอยู่ๆแวบขึ้นมาว่าค่ะพี่ห้อย
00:03:38 → 00:03:40 บอกว่าถ้าเกิดว่าข้าวมันบูดเนี่ยแล้วพี่
00:03:40 → 00:03:45 ห้อยก็มีสาหมีต้นเหตุว่าทำไมถึงบูดอ๋อมัน
00:03:45 → 00:03:47 ค้างอยู่ในหม้อแล้ววันไหนที่อากาศร้อนๆ
00:03:47 → 00:03:50 มันร้อนเนี่ยมันก็จะบูดใช่มั้ยแต่ว่าพี่อ
00:03:50 → 00:03:54 พูดคำว่าไอ้หม้อหม้อหุงข้าวอันนั้นเนี่ยถ
00:03:54 → 00:03:56 ครั้งนึงมันเคย้าบูดแล้วเนี่ยอือมันมี
00:03:56 → 00:04:00 ความเสี่ยงที่มันจะบูดครั้งต่อไปนะใช่
00:04:00 → 00:04:01 เพราะเหมือนกับมันมีเชื้ออะไรบางอย่าง
00:04:01 → 00:04:04 ซึ่งจะต้องจัดการเนี่ยระหว่างเห่าเนี่ยผม
00:04:04 → 00:04:07 ก็นึกถึงนึกถึงอะไรรู้มั้ยพี่อ้อยนึกถึง
00:04:07 → 00:04:13 อะไรคะนึกถึงคนใช่เลยนึกถึงคนเลยนะว่าคน
00:04:13 → 00:04:17 บูดเใช่ถ้าข้าวบูตนี่ก็คือมันจะไม่เหมาะ
00:04:17 → 00:04:19 ที่จะรับประทานแล้วใช่มั้ยไม่เหมาะที่จะ
00:04:19 → 00:04:24 เอามากินแล้วนะใช่ใช่เออคนคนบูดนี่ก็เออ
00:04:24 → 00:04:28 กินเข้าไปท้องเสียท้องเสียคนบูดก็เหมือน
00:04:28 → 00:04:30 กันใช่คนบูดนี่ก็ก็คือถ้าเกิดคนไม่บูด
00:04:30 → 00:04:33 เนี่ยเราเจอเค้าเราก็จะแบบว่าแล้วก็
00:04:33 → 00:04:36 แฮปปี้มีความสุขใช่มั้ยถ้าเราคบกับเพื่อน
00:04:36 → 00:04:38 ที่ในที่ทำงานหรือใครต่อใครอย่างเงี้ย
00:04:38 → 00:04:43 เป็นคนธรรมดาเหมือนข้าวปกติข้าวข้าวหอม
00:04:43 → 00:04:46 มะลิแต่ถ้าเกิดเจอคนบูดน่ะเออเราก็ไม่
00:04:46 → 00:04:50 แฮปปี้นะไม่แฮปปี้เออพี่วีพูดว่าเมื่อกี้
00:04:50 → 00:04:54 บอกว่าข้าวบูดมันมีกลิ่นด้วยเนาะเออพี่วี
00:04:54 → 00:04:57 ว่าคนบูดมีกลิ่นมั้ย
00:04:58 → 00:05:01 อืมมันเราสัมผัสได้แต่ว่ามันไม่ใช่เป็น
00:05:01 → 00:05:05 กลิ่นใช่เวลาที่คนที่มีอาการบูดนี่นะเรา
00:05:05 → 00:05:08 สังเกตได้อันดับแรกสังเกตอะไรรู้มั้ยพี่
00:05:08 → 00:05:14 หน้าตาเอหน้าตามันแบบไม่หน้าตาไม่หน้าตา
00:05:14 → 00:05:17 ไม่ปกติเออเออมันแปลกดีนะมันสังเกตเห็นนะ
00:05:17 → 00:05:20 ถ้าเกิดคนที่อารมณ์แบบบูดบึ้งอ่ะนะใช่ป่ะ
00:05:20 → 00:05:24 เราสังเกตได้จากอันดับแรกจากหน้าตาจากคำ
00:05:24 → 00:05:29 พูดกิริยาท่าทางเออากาศกิริยาสายตาใช่
00:05:29 → 00:05:32 เห็นได้เลยมันสังเกตได้เออใช่แต่ว่าไม่
00:05:32 → 00:05:36 ได้กลิ่นใช่ค่ะเอถ้าถ้ากลิ่นเปรียบเทียบ
00:05:36 → 00:05:40 ว่าถ้าบูดหนักเนี่ยเออน่าจะแบบมีคำพูดนึง
00:05:40 → 00:05:44 ที่บอกว่ารังสีอมหิตอ่ะอ๋อใช่เจะแผ่รังสี
00:05:44 → 00:05:47 ใช่ใช่คือเดินมาเนี่ยไม่ต้องทำอะไรเลย
00:05:47 → 00:05:51 เนี่ยแต่รู้เรารู้เราเห็นรู้ใช่ๆๆอันนี้
00:05:51 → 00:05:54 เราสัมผัสได้เลยอืแล้วพอเราถ้าเป็นอย่าง
00:05:54 → 00:05:57 งั้นปึ๊บเนี่ยถ้าข้าวบูดเราก็ไม่กินน่ะ
00:05:57 → 00:06:02 อือแต่ถ้าเกิดคนบูดนะเราก็ไม่อยู่ใกล้อื
00:06:02 → 00:06:05 แต่เไม่อยู่ใกล้แล้วไม่ไม่อยากเค้าเรียก
00:06:05 → 00:06:08 ว่าอะไรปฏิสัมพันธ์ด้วยนะเออไม่ไม่ไม่ไม่
00:06:08 → 00:06:10 อยากยุ่งด้วยเลยอ่ะใช่ค่ะแต่เมื่อกี้พี่
00:06:10 → 00:06:11 อ้อยบอกว่าข้าวบูดเป็นเพราะว่าอากาศมัน
00:06:11 → 00:06:14 ร้อนใช่มั้ยอือๆแล้วคนบูดเป็นเพราะ
00:06:14 → 00:06:17 อะไรข้างในมันร้อน
00:06:17 → 00:06:22 อ๋อเออใช่ๆไม่ใช่ข้างนอกร้อนนะเออข้างใน
00:06:22 → 00:06:26 ร้อนใช่เอือใช่แล้วก็เลยก็เลยส่งรังส่ง
00:06:26 → 00:06:29 รังสีอมหิตออกมาใช่มั้ยใใช่ค่ะแล้วประการ
00:06:29 → 00:06:32 ต่อมาอีกเออนี่ที่พี่อ้อยพูดถึงว่าข้าว
00:06:32 → 00:06:36 บูดหม้อข้าวนี่นะค่ะถ้าครั้งนึงมันบูด
00:06:36 → 00:06:38 แล้วนี่นะอือโอกาสที่จะบูดต่อไปเนี่ยมี
00:06:38 → 00:06:43 อือเชื้อๆมันมีเชื้อผมว่านะพี่อ้อยค่ะมัน
00:06:43 → 00:06:47 เหมือนคนบูดเลยอ่ะอืใช่คนที่แบบว่าเป็นคน
00:06:47 → 00:06:51 ที่บูดเนี่ยชอบมีชอบมีอารมณ์เสียสมมุติ
00:06:51 → 00:06:53 เงี้ยหงุดหงิดง่ายหงุดหงิดง่ายเนี่ย
00:06:54 → 00:06:56 เดี๋ยวก็มาอีกนะค่ะแล้วคนแบบนี้ก็จะมา
00:06:56 → 00:06:59 บ่อยๆหมายถึงว่าอาการบุชจะมาอยู่เรื่อย
00:06:59 → 00:07:05 เรื่อยอืมาง่ายๆใช่แล้วคำถามต่อมานะพอผม
00:07:05 → 00:07:10 ฟังปุ๊บผมมีคำถามเต็มเลยหม้อข้าวบูดเนี่ย
00:07:10 → 00:07:15 มันล้างบางทีก็ต้องล้างด้วยสารส้มเอ่อ
00:07:15 → 00:07:20 อะไรนะหรืออะไรพวกที่มันเป็นเค้าเรียก
00:07:20 → 00:07:22 อะไรนะเป็นเป็นน้ำอะไรบางอย่างที่เค้า
00:07:23 → 00:07:25 เรียกว่าอะไรนะเออเมื่อกี้เพิ่งพูดไปลืม
00:07:25 → 00:07:29 ไปแล้วมันน้ำส้มใส่ชูเออน้ำส้มชไม่ใช่สัน
00:07:29 → 00:07:32 ส้มเรียกผิดนะครับขออภัยนะครับคุณผู้ฟัง
00:07:32 → 00:07:37 แล้วก็จะช่วยขจัดคราบหรือว่าเชื้ออะไรบาง
00:07:37 → 00:07:39 อย่างใช่มั้ยแล้วคนบูดเ่ะพี่อ้อยใช้อะไร
00:07:40 → 00:07:46 อ่ะคนบูดใช้อะไรดีน้อน้ำส้มสายชูไม่ได้นะ
00:07:46 → 00:07:51 ไม่ได้ไม่ได้ใช้อะไรอ่ะออืเออผมผมนึกถึง
00:07:51 → 00:07:54 เนี่ยนะคนเนี่ยค่ะคือเอาอย่างงี้ถ้างั้น
00:07:54 → 00:07:57 ต้องมาถามก่อนน้ำส้มใสชูเเนี่ยพี่อ้อยอือ
00:07:57 → 00:08:00 ๆมันจะช่วยล้าเหล่านี้แล้วทำให้เชื้อมัน
00:08:01 → 00:08:02 หายเป็นเพราะ
00:08:02 → 00:08:06 อะไรมันต้องล้างเข้าไปถึงต้นเหตุอ่ะน้ำ
00:08:06 → 00:08:09 ส้มไส่ชูมันจะไปทำปฏกิริยาก็คือมันจะไป
00:08:09 → 00:08:14 กัดเซาะกล่อนอย่างรุนแรงนะที่ที่น้ำยา
00:08:14 → 00:08:17 ล้างจานล้างภาชนะทั่วไปเข้าไม่ถึงเข้าไม่
00:08:17 → 00:08:21 ถึงอือค่ะเนี่ยผมกำลังสืบเสาะว่าแล้วแล้ว
00:08:21 → 00:08:25 คนบูดเนี่ยอะไรคือสิ่งที่มันจะไปกัดเซาะ
00:08:25 → 00:08:29 ซอกซอนเข้าไปในซอกเล็กซอกน้อยออือที่น้ำ
00:08:29 → 00:08:32 ยาล้างจานธรรมดาเข้าไม่ถึงอ่ะอืมันคือ
00:08:32 → 00:08:36 อะไรอ่ะเออคือก่อนอื่นที่จะไปกัดถึงถึง
00:08:36 → 00:08:40 ตรงนั้นกัดซอเนี่ยอือคือเราต้องรู้ถ้า
00:08:40 → 00:08:44 เป็นหม้อถ้าเป็นข้าวบูดแล้วก็เราไม่รู้
00:08:45 → 00:08:49 ว่าหม้ออันเนี้ยมันมีเชื้อเราก็หุงมื้อ
00:08:49 → 00:08:53 ต่อไปอาบูดง่ายอ่ะมื้อต่อไปเอาบูดง่ายบูด
00:08:53 → 00:08:56 ง่ายไปเรื่อยๆเงี้ยเราก็ไม่รู้เราก็เอ๊
00:08:56 → 00:09:00 ทำไมเเ่าไม่รู้ก็แค่ทำไมเอถ้าเรารู้ว่า
00:09:00 → 00:09:04 อ๋อมันเป็นเพราะว่าเราล้างมันไม่ถึงเค้า
00:09:04 → 00:09:07 เรียกว่าอะไรอ่ะไอ้ต้นเหตุอ่ะที่มันเป็น
00:09:07 → 00:09:11 เชื้ออยู่อ่ะเออเราก็ไม่ได้แก้ไขไงแต่ถ้า
00:09:11 → 00:09:14 เรารู้ออมันต้องมีอะไรสักอย่างที่มอบใบ
00:09:14 → 00:09:18 นี้ก็ถึงเอาไปใช้น้ำส้มใสชูในการต้มลงไป
00:09:18 → 00:09:21 ในหม้อะล้างเพราะฉะนั้นครั้งต่อไปข้าวก็
00:09:21 → 00:09:25 จะบุบุดยากโอผมผมผมว่าผมต้องเจอเบาะแส
00:09:25 → 00:09:29 อะไรบางอย่างวพี่เบาะแสก็คือว่าคนบูด
00:09:29 → 00:09:33 เนี่ยนะอือคือถ้าเราจบแค่ว่าไอ้คนเนี้ย
00:09:33 → 00:09:36 มันชอบอารมณ์บูดบึ้งอือนะแล้วเราก็ไม่ชอบ
00:09:36 → 00:09:40 ไม่อยากจะสูงสิ่งด้วยมาหนีได้หนีอะไรอย่า
00:09:40 → 00:09:43 เงี้ยนะแต่ถ้าเกิดเราอยากจะแก้อาการบูด
00:09:43 → 00:09:45 เนี่ยผมคิดว่าจุดเริ่มต้นเนี่ยเราจะต้อง
00:09:45 → 00:09:48 หาเหตุของการอารมณ์บูดเค้าให้เจออ่าใช่
00:09:48 → 00:09:51 ป่ะค่ะเพราะว่าผมเชื่อว่าคนแต่ละคนนะพี่
00:09:51 → 00:09:52 อ้อย
00:09:52 → 00:09:56 อือเวลาที่สิ่งที่เ้าเป็นน่ะไม่ว่าเค้าจะ
00:09:56 → 00:09:58 เป็นยังไงนะเราชอบหรือไม่ชอบไม่รู้นะคือ
00:09:58 → 00:10:00 ผมจะมีความเชื่อว่าว่าทุกสิ่งเนี่ย
00:10:00 → 00:10:03 พฤติกรรมเค้าหรืออะไรก็ตามที mindset
00:10:03 → 00:10:07 วิธีคิดอะไรมีที่มาเสมออใช่ใช่ค่ะถ้าเรา
00:10:07 → 00:10:12 รู้ว่าที่มาของเหล่านั้นเนี่ยอคืออะไรนะอ
00:10:12 → 00:10:15 อือเราก็จะสามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่เรา
00:10:15 → 00:10:18 สามารถที่จะช่วยลดอาการบูดของเขาคได้อ่ะ
00:10:18 → 00:10:23 อืคือยกตัวอย่างเช่นอะไรยกตัวอย่างเช่น
00:10:23 → 00:10:27 เมื่อเมื่อไม่นานเนี่ยพี่อ้อยผมไปเจอไป
00:10:27 → 00:10:30 อ่านอ่านข่าวเจอข่าวข่านึงในต่างประเทศ
00:10:31 → 00:10:34 ค่ะค่ะเรื่องเกี่ยวกับว่า
00:10:34 → 00:10:37 เอ่อสามีคนนึงเนี่ยเขาคเป็นคล้ายๆเหมือน
00:10:37 → 00:10:41 กับภรรยาไม่รู้เลยว่าสามีคนเนี้ยเป็นมี
00:10:41 → 00:10:44 ความผิดปกติทางจิตอือยู่ด้วยกันมาเนี่ย
00:10:44 → 00:10:47 ไม่มีไม่รู้เลยไม่ระแคะระคายเลยอจน
00:10:47 → 00:10:49 กระทั่งวันนึงเขาไปทำความผิดอะไรบางอย่าง
00:10:49 → 00:10:52 แล้วโดนตำรวจจับได้คเรื่องเกี่ยวกับ
00:10:52 → 00:10:54 พฤติกรรมของเขาเนี่ยหลังจากนั้นการสืบสวน
00:10:54 → 00:10:59 ก็ค่อยเริ่มสืบๆๆสืบมาจนกระทั่งสืบมาเยว
00:10:59 → 00:11:01 กระทั่งไปเจอหลักฐานที่เขาเก็บไว้ใน
00:11:01 → 00:11:04 คอมพิวเตอร์เต็มไปหมดเลยอถึงจะรู้ว่าสามี
00:11:04 → 00:11:10 เขาเป็นคนที่มีความผิดปกติทางจิตอืซึ่ง
00:11:10 → 00:11:13 อยู่ด้วยกันไม่รู้เลยพี่อ้อยก็คือมันอยู่
00:11:13 → 00:11:17 ข้างในมันอยู่ข้างในค่ะคราวนี้พอตำรวจสืบ
00:11:17 → 00:11:21 สวนแบบสอบถามภรรยาเค้าไปเรื่อยๆเนี่ยค่ะ
00:11:21 → 00:11:26 ภรรยาเค้าอ่ะก็เลยก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่ามี
00:11:26 → 00:11:31 อยู่ครั้งนึงเค้าเคยพูดพูดตลกอ่ะอืพูด
00:11:31 → 00:11:35 เล่นน่ะอือแต่ว่าสามีเขาโกรธมากเลยแล้ว
00:11:35 → 00:11:39 แบบเสียใจร้องไห้ประมาณว่าคุณคิดว่าผมจะ
00:11:39 → 00:11:42 ทำแบบนั้นจริงๆเหรออะไรอย่างเงี้ยอ่าก็
00:11:42 → 00:11:45 คือคือเค้าไปเค้าภรรยาเค้าเหมือนเป่วย
00:11:46 → 00:11:50 แล้วเคก็เลยไปหาหมอหาหมอเสร็จปุ๊บเอ่อ
00:11:50 → 00:11:52 เค้าก็เลยสงสัยไม่ไม่รู้ตัวเองป่วยเป็น
00:11:53 → 00:11:55 อะไรอยู่ๆวันนึงระหว่างไปหาหมอเนี่ยเค้า
00:11:55 → 00:11:58 ก็เลยพูดเล่นกับสามีเค้าว่าเธอวางยาสลบ
00:11:58 → 00:12:02 ฉันหรือเปล่าเนี่ยอออ๋อแซวแซวไงอือปุ๊บพอ
00:12:02 → 00:12:05 พูดอย่างงี้ออกไปปึ๊บนะสามีแบบโกรธมากเลย
00:12:05 → 00:12:08 แล้วก็ร้องห่มร้องไห้แบบเฮ้ยเธอคิดอย่าง
00:12:08 → 00:12:09 งี้กับฉันได้ยังไงอะไรอย่างเงี้ยเป็นเป็น
00:12:09 → 00:12:13 แค่พูดเรื่องตลกไงแต่ว่าเรื่องตลกนี้
00:12:13 → 00:12:15 เนี่ยแท้ที่จริงแล้วมันเป็นเหมือนอาการ
00:12:15 → 00:12:19 บูดที่มันซ่อนอยู่ข้างในอืแล้วพอได้ยิน
00:12:19 → 00:12:22 เรื่องตลกเนี้ยมันไปสะกิดมันแทงมันแทงค่ะ
00:12:22 → 00:12:25 แล้วเพราะในความเป็นจริงคือเขาวางยาภรรยา
00:12:26 → 00:12:29 เาจริงๆอ๋อเหรอคะเป็นเวลาหลายปีอ้าวแต่
00:12:29 → 00:12:32 ภรรยาไม่เป็นไรไม่รู้ตัวแต่ไม่เป็นไรด้วย
00:12:32 → 00:12:35 รู้ตัวเลยเออใช่เออเนี่ยค่ะก็เลยนึกถึง
00:12:35 → 00:12:39 เลยเพี่อ้อยว่าอาการบูดของคนเนี่ยถ้าเรา
00:12:39 → 00:12:43 รู้สาเหตุเนี่ยอเพราะว่าเวลาที่ตัวเค้า
00:12:43 → 00:12:46 เองเค้าก็ไม่รู้นะบางทีอ่ะอืใช่ๆตัวเคเอง
00:12:46 → 00:12:48 เไม่รู้แล้วมันมีเรื่องบางเรื่องที่เป็น
00:12:48 → 00:12:52 เรื่องตลกที่เราพูดไปเนี่ยอืออ๋อมันอาการ
00:12:52 → 00:12:55 มันออกอาการมันจะออกอืออย่างเงี้ยค่ะนึก
00:12:55 → 00:13:00 ถึงเลยว่าโอ้ถ้าเราจะแก้คนที่เป็นคนบุกนะ
00:13:00 → 00:13:05 อืก็ด้วยความที่เราจะต้องพยายามสืบเสาะหา
00:13:05 → 00:13:09 เหตุหาเหตุแห่งความบูดของเาซึ่งอาจจะเป็น
00:13:09 → 00:13:13 อเรื่องบางเรื่องที่เขาเจอตั้งแต่สมัยเขา
00:13:13 → 00:13:16 เป็นเด็กนั่นน่ะสิคราวนี้ถ้ามันขนาดนั้น
00:13:16 → 00:13:19 เราก็ไม่รู้อ่ะทำไงอ่ะคะเอ่อต้องใช้ต้อง
00:13:19 → 00:13:23 ใช้นักติดวิทยาอืในการเยียวยาเลยนะอเถึง
00:13:23 → 00:13:26 มีการสะกดจิตเพื่อบำบัดพวกนี้ไงพี่อ้อย
00:13:26 → 00:13:29 ค่ะๆหรือผมเคยมีเพื่อนอยู่คนนึงเนี่ยพี่
00:13:29 → 00:13:32 อ้อยค่ะเราก็ไม่เข้าใจพฤติกรรมเค้าจน
00:13:32 → 00:13:35 กระทั่งวันนึงเนี่ยอือก็ไปเจอพี่ชายเ้า
00:13:35 → 00:13:38 อือแล้วพี่ชายเค้าเป็นคนที่เข้าใจน้อง
00:13:38 → 00:13:41 เค้าคนนี้มากที่สุดเลยอืเพราะว่าเค้าก็
00:13:41 → 00:13:43 เล่าให้ฟังว่าจริงๆแล้วเนี่ยเค้าอ่ะเห็น
00:13:43 → 00:13:46 ใจน้องคนนี้มากเพราะเค้ามีพี่น้องหลายคน
00:13:46 → 00:13:49 แล้วน้องชายเค้าคนนี้เนี่ยค่ะตั้งแต่ตอน
00:13:49 → 00:13:52 ที่เกิดมาเนี่ยค่ะความที่แบบมีพี่มีลูก
00:13:52 → 00:13:56 เยอะไงค่ะก็จะต้องส่งลูกคนนึงอ่ะไปให้ย่า
00:13:56 → 00:13:59 ต่างจังหวัดเลี้ยงอ๋อคนนี้คือคนที่ถูกส่ง
00:13:59 → 00:14:03 ไปอ๋อเนี่ยมันกลายเป็นอะไรบางอย่างที่มัน
00:14:03 → 00:14:06 อยู่ข้างในนะพี่น้อยอค่ะแล้วชีวิตเาก็จะ
00:14:06 → 00:14:09 เป็นอย่างงี้ตลอดเวลาเลยค่ะเาก็จะไม่ได้
00:14:09 → 00:14:12 ไปตั้งแต่เด็กๆถูกส่งไปอย่างเงี้ยปึ๊บ
00:14:12 → 00:14:15 กลับมาอหลายปีเกลับมากลับมาเสร็จปุ๊บ
00:14:15 → 00:14:17 เดี๋ยวก็ต้องย้ายไปอยู่ที่นู่นอีกแล้วะ
00:14:17 → 00:14:20 แล้วกลับมาก็ไปนู่นไปนี่ตลอดเวลาเลยมันก็
00:14:20 → 00:14:25 กลายเป็นสาเหตุที่อยู่ลึกมากอ่ะที่ทำให้
00:14:25 → 00:14:28 พฤติกรรมเขาเป็นแบบนั้นอืเหมือนกับเาเป็น
00:14:28 → 00:14:32 คนที่แบบเห็นแก่ตัวอือไม่ค่อยเห็นใจใคร
00:14:33 → 00:14:36 อืออะไรอย่างเงี้ยแต่ว่ามันแก้ยังไงอ่ะคะ
00:14:36 → 00:14:41 ก็คือต้องต้องใช้จิตวิทยาเนี่ยเข้าไปถึงอ
00:14:41 → 00:14:44 ผมเคยเจอมีเพื่อนอีกคนนึงที่เป็นเป็นนัก
00:14:44 → 00:14:48 จิตวิทยาที่สะกดจิตบำบัดนะอืเค้าจะมีวิธี
00:14:48 → 00:14:50 ของเค้าซึ่งเราไม่ได้เราไม่ได้มีความรู้
00:14:50 → 00:14:52 เรื่องพวกนั้นนะแต่ว่าเคก็เคยเล่าให้ฟัง
00:14:52 → 00:14:55 ว่าบางทีเนี่ยผู้ป่วยบางคนเนี่ยเาจะมี
00:14:55 → 00:14:59 กระบวนการของการสะกดจิตบำบัดอ๋อค่ะแล้วก็
00:14:59 → 00:15:03 กระบวนการสะกดจิตปุ๊บพอพาไปถึงวันที่เหตุ
00:15:04 → 00:15:07 นั้นเกิดขึ้นน่ะอืแล้วก็ให้เขารู้ว่าแท้
00:15:07 → 00:15:10 ที่จริงแล้วสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นเพราะอะไร
00:15:10 → 00:15:13 อือๆแล้วเขาจะเข้าใจคนที่อยู่แวดล้อมตอน
00:15:13 → 00:15:18 นั้นลูๆเคยทำใช่มั้ค่ะๆอย่างเงี้ยแล้วเรา
00:15:18 → 00:15:21 ก็เกิดความเคลียร์อ่าใช่มันจะเคลียร์ว่า
00:15:21 → 00:15:23 มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดมันไม่ใช่อย่าง
00:15:23 → 00:15:28 ที่เราฝังใจเออแต่ว่าพอเไปเห็นความจริง
00:15:28 → 00:15:31 เราก็เคียแล้วอ่ะมันมันเหมือนเ้าเรียกว่า
00:15:31 → 00:15:34 ปลดล็อนะปลดล็อคใช่เหมือนกับเด็กคนนึง
00:15:34 → 00:15:37 กรณีอย่างเนี้ยเพื่อนคนเนี้ยเด็กคนเนี้ย
00:15:37 → 00:15:40 ก็คือพอปึ๊บตลอดเวลาเนี่ยเาไม่เคยเข้าไป
00:15:40 → 00:15:43 เคลียร์ปุ๊บเคจะนึกตลอดเวลาว่าพ่อแม่ไม่
00:15:43 → 00:15:46 รักเาอืออย่างเงี้ยอือพอพากลับไปถึงตรง
00:15:46 → 00:15:51 นั้นปึ๊บอ้าวอืไม่ใช่ไม่รักนะแต่ณตอนนั้น
00:15:51 → 00:15:55 คือมันจำเป็นมากใช่ๆแล้วทอไม่ก็ไม่รู้สึก
00:15:55 → 00:15:58 ว่าพ่อแม่ไม่รักอีกอือไอ้นความนั้นหาย
00:15:58 → 00:16:01 ปุ๊บกลายเป็นความเข้าใจแทนใช่ๆก็เข้าใจ
00:16:01 → 00:16:04 พ่อแม่อะไรอย่างเงี้ยค่ะหลังจากนั้น
00:16:04 → 00:16:05 พฤติกรรมเค้าอย่างเงี้ยถ้าเป็นอย่างงั้น
00:16:05 → 00:16:08 นะพฤติกรรมเด็กคนนึงก็จะเปลี่ยนเปลี่ยน
00:16:08 → 00:16:13 ใช่โแต่แต่หลายคนจะบอกว่าการไปพบเอ่อ
00:16:13 → 00:16:16 จิตแพทย์เนาะแพทย์ทางด้านเนี้ยก็ไม่หรือ
00:16:16 → 00:16:20 หรือนักจิตวิทยาเนี่ยก็ไม่ใช่ทุกคนจะไป
00:16:20 → 00:16:24 เจอได้ง่ายๆเออแล้วคนส่วนใหญ่ก็บอกว่าไม่
00:16:24 → 00:16:29 ได้บ้าจะจะไปเจอจิตแพทย์ไม่ใช่อะไรงี้ใช
00:16:29 → 00:16:32 ก็ก็ไม่ไปใช่เออันนี้เป็นเรื่องเรื่อง
00:16:32 → 00:16:34 อย่างเรื่องจิตแพทย์เนี่ยพี่ย่อยเรื่อง
00:16:34 → 00:16:36 เกี่ยวกับจริงๆมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคน
00:16:36 → 00:16:38 บูดอะไนี่นะอือๆก็คือพฤติกรรมเหล่านั้นก็
00:16:38 → 00:16:41 คือคนบูดน่ะก็คืออารมณ์บูดเนี่ยมันมีที่
00:16:41 → 00:16:45 มาเสมอปึ๊บแล้วคนเนี่ยคนไทยเนี่ยจะมีจะมี
00:16:45 → 00:16:48 ทัศนคติที่ไม่ไม่ค่อยถูกต้องนะเกี่ยวกับ
00:16:48 → 00:16:51 เรื่องการไปพบจิตแพทย์ใช่ๆเราจะบอกเฮ้ย
00:16:51 → 00:16:55 ไม่ได้บ้านะคือไม่ต้องบ้าแค่เราถ้าเรา
00:16:56 → 00:16:58 สังเกตแล้วเราไม่เข้าใจตัวเองบางอย่างเอ๊
00:16:58 → 00:17:01 ทำไมเราเป็นอย่างงี้อะไรอย่าเงี้อปึ๊บถ้า
00:17:01 → 00:17:04 เราหาเจอเนี่ยพี่อ้อยรู้มั้ยว่าผมไม่ได้
00:17:04 → 00:17:07 เป็นนักผมไม่ได้ไปพบจิตแพทย์นะค่ะแต่ผม
00:17:07 → 00:17:10 เคยสังเกตตัวเองแล้วผมเคยแก้ไขเรื่อง
00:17:10 → 00:17:13 เรื่องนึงค่ะคือผมสังเกตเห็นว่ามันจะมี
00:17:13 → 00:17:17 ช่วงนึงนะพี่ออยเป็นช่วงประมาณช่วงช่วง
00:17:17 → 00:17:20 ปลายปีเนี่ยค่ะเค้าก็จะเปิดเพลงช่วงปลาย
00:17:20 → 00:17:23 ปีเจะมีเพลงปีใหม่ตามห้างเก็จะเปิดเพลง
00:17:23 → 00:17:26 ใช่มเปิดเพลงต้อนรับปีใหม่อีนี้มันจะมี
00:17:26 → 00:17:30 เพลงเพลงนึงอ่ะที่ค่ะที่คนจะชอบล้อเรียน
00:17:30 → 00:17:33 น่ะเป็นเพลงปีใหม่ของสุนทราภรณ์น่ะที่นัก
00:17:33 → 00:17:36 ร้องร้องเสียงแหลมๆสุอะไรเอาประมาณอย่าง
00:17:36 → 00:17:39 งั้นน่ะมีหลายเพลงนะมีอยู่เพลงนึงเนี่ยก็
00:17:39 → 00:17:42 เป็นอยู่ในกลุ่มนั้นน่ะแต่ผมสังเกตเห็น
00:17:42 → 00:17:43 ว่าเอ๊ะทำไมเราได้ยินเพลงนี้แล้วเรารู้
00:17:43 → 00:17:46 สึกเศร้าๆทุกทีเลยอ้าเหรอคะเออไม่รู้ว่า
00:17:46 → 00:17:48 เกิดอะไรขึ้นแล้วได้ยินเพลงนี้เมื่อไหร่
00:17:48 → 00:17:52 ปุ๊บมันจะมีอารมณ์เศร้าทันทีออืแต่ก็ไม่
00:17:52 → 00:17:55 ได้สงสัยอะไรจนกระทั่งวันนึงเราก็แบบเอ๊
00:17:55 → 00:17:59 สงสัยว่าทำไมอือก็เลยลองฟังเนื้อเพลงอือ
00:17:59 → 00:18:01 ฟังเนื้อเพลงปึ๊บรู้เลยว่าต้องมีอะไรผิด
00:18:01 → 00:18:03 สังเกตละเอ้อค่ะเพราะเนื้อเพลงไม่ได้มี
00:18:03 → 00:18:09 อะไรเศร้าเลยเอ้อเออแล้วก็พูดถึงปีใหม่
00:18:09 → 00:18:12 วันเวลามันก็ผันเปลี่ยนไปแล้วก็นู่นนี่
00:18:12 → 00:18:15 นั่นปีเก่าไปปีใหม่มาอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:18:15 → 00:18:17 ประมาณนั้นเลยเนื้อหาไม่เกี่ยวกับความ
00:18:17 → 00:18:20 เศร้าเลยอืแล้วทำไมพี่วีเศร้านี่ไงผมก็
00:18:20 → 00:18:23 เลยถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นวะอืผมก็ค่อย
00:18:23 → 00:18:27 ๆอยู่กับตัวเองนะพี่อ้อยค่ะแล้วมันคล้ายๆ
00:18:27 → 00:18:29 เหมือนกับจะเรียกว่าเกดจิตตัวเองเก็ไม่
00:18:29 → 00:18:33 รู้อือแต่ว่าเราค่อยๆพาตัวเองกลับไป
00:18:33 → 00:18:38 เรื่อยๆเรื่อยๆๆๆๆๆแล้วอยู่ๆเพี่ห้อยมัน
00:18:38 → 00:18:42 ก็มีภาพภาพนึงเกิดขึ้นอือในระหว่างที่ฟัง
00:18:43 → 00:18:46 เพลงเพลงนี้ออเป็นภาพตอนที่ผมยังเป็นเด็ก
00:18:46 → 00:18:49 มากๆเลยแล้วอยู่ในบ้านที่มันเป็นช่วงเย็น
00:18:49 → 00:18:53 ๆแล้วมันมืดๆอ่ะเออค่ะแบบสิเอ่อเเรียก
00:18:53 → 00:18:55 อะไรไฟมันมืดๆหน่อยค่ะแล้วในระหว่างนั้น
00:18:55 → 00:18:59 เนี่ยผมได้ยินเสียงคนข้าข้างบ้านทะเลาะ
00:18:59 → 00:19:03 กันอืเป็นคนข้างบ้านที่เ้าเป็นเป็นสามี
00:19:04 → 00:19:06 ภรรยากันะแต่ว่าเค้าอแล้วเทะเลาะกัน
00:19:06 → 00:19:10 รุนแรงมากออือแบบเหมือนกับตะโกนลั่นแล้ว
00:19:10 → 00:19:13 มีการทำร้ายร่างกายกันน่ะซึ่งเราเป็นเด็ก
00:19:13 → 00:19:18 กัวเรากลัวออแล้วในระหว่างเหตุการณ์นั้น
00:19:18 → 00:19:22 น่ะพี่อ้อยค่ะมันมีเสียงเพลงนี้อยู่
00:19:22 → 00:19:27 โอ้มันก็เลยมันก็เลยบรรยากาศแบบนั้นเนี่ย
00:19:27 → 00:19:30 มันก็เลยฝังมาอยู่ในความรู้สึกผมที่ผมไม่
00:19:30 → 00:19:33 รู้ตัวมาพร้อมกับเพลงนี้เลยฝั่งจิใต้
00:19:33 → 00:19:36 สำนึกเรียบร้อยฝไปเลยใช่อืแต่ว่าอันเนี้ย
00:19:36 → 00:19:40 กระบวนการนี้มันเหมือนกับเป็นการรักษาโดย
00:19:40 → 00:19:44 โดยอ่าโดยสะกดจิตบำบัดเลยนะอาจารย์เอ่อ
00:19:44 → 00:19:47 พี่วีนี่มีความพิเศษมากนะคะไม่รู้เหมือน
00:19:47 → 00:19:50 กันคือเราก็ค่อยๆสังเกตว่ามันเริ่มเอ๊ะ
00:19:50 → 00:19:54 ก่อนออือเอ๊ะเสร็จปุ๊บเราก็ค่อยๆนึกไป
00:19:54 → 00:19:57 แล้วอยู่ๆอพอฟังเพลงนี้ปุ๊บเนี่ยเราก็
00:19:57 → 00:19:59 ค่อยๆนึกๆเสร็จปุ๊บบรรยากาศนี้มันก็เข้า
00:19:59 → 00:20:03 มาพี่อืเราก็เลยอ๋อมันทำให้เราจำได้ว่า
00:20:03 → 00:20:05 ตอนที่เป็นเด็กๆเี่มันมีเหตุการณ์นี้เกิด
00:20:05 → 00:20:09 ขึ้นอืเด็กแบบเด็กมากก่อนเข้าอนุบาลเลยนะ
00:20:09 → 00:20:13 พี่่าค่ะแล้วมันก็ฝังแต่พอเรารู้ว่าอเอ้า
00:20:13 → 00:20:17 มันไม่เกี่ยวกันอ๋อเข้าใจ
00:20:17 → 00:20:21 เออแล้วก็ไม่ได้หลังจากนั้นฟังเพลงนี้ไม่
00:20:21 → 00:20:24 รู้สึกอะไรอีกเลยอ๋อเหรอค่ะโอแก้ไปเลย
00:20:24 → 00:20:27 เหรอคเอเออมันมันจบเลยว่ามันไม่เกี่ยวกัน
00:20:27 → 00:20:31 อืโอ้สุดยอดเก่งมากเลยนี่ไงจากเรื่องข้าว
00:20:31 → 00:20:35 บูดมาสู่คนบูดเนี่ยแล้วก็แต่ผมคิดว่าอัน
00:20:35 → 00:20:39 นี้น่าสนใจนะก็คือว่าข้าวบูดเราไม่กินเรา
00:20:39 → 00:20:42 ก็แค่ทิ้งนะใช่แต่คนบูดเนี่ยเราทำแบบนั้น
00:20:42 → 00:20:45 กับเค้าไม่ได้ไงคไม่ได้อันนี้เรื่องเล่า
00:20:45 → 00:20:49 ของพี่วีอ่ะพี่อ้อยเอ่อเห็นเรื่องการ
00:20:49 → 00:20:53 สังเกตตัวเองเออแล้วก็การแก้ไขตัวเองแต่
00:20:53 → 00:20:56 ว่าถ้าสมมุติว่ากระบวนการของพี่วีอ่ะมัน
00:20:56 → 00:21:00 มันพิเศษมากเลยว่าลองย้อนนึกไปแล้วก็ไป
00:21:00 → 00:21:04 นึกถึงภาพนั้นซึ่งคนทั่วไปที่พี่อ้อยบอก
00:21:04 → 00:21:06 ว่าพี่วีพิเศษมากเลยคือคนทั่วไปคิดว่าไม่
00:21:06 → 00:21:09 น่าจะทำได้ด้วยตัวเองอืทีนี้มันจะมีวิธี
00:21:09 → 00:21:12 ไหนที่ที่ทำได้ด้วยตัวเองพี่อ้อยก็เลยมอง
00:21:13 → 00:21:15 ว่าเออเรื่องสังเกตเนี่ยเป็นเรื่องที่
00:21:15 → 00:21:20 จำเป็นค่ะสุดๆเลยคุณต้องสังเกตก่อนว่าว่า
00:21:20 → 00:21:24 คุณมีความอะไรก็ตามที่มาสะกิดคุณแล้วทำ
00:21:24 → 00:21:28 ให้คุณใจบูดอืเอ่าพอสพอสังเกตเสร็จแล้ว
00:21:28 → 00:21:32 เนี่ยเอ่อพี่อ้อยอาจจะใช้วิธี
00:21:32 → 00:21:37 ที่ภายนอกเออๆง่ายๆก็คือลองเปลี่ยนถ้า
00:21:37 → 00:21:42 สมมุติว่าตอนนั้นน่ะเราเริ่มคิดว่าทางลบ
00:21:42 → 00:21:46 อืคิดไม่ดีเรื่องนั้นเรื่องนี้หรือใจบูด
00:21:46 → 00:21:50 ก็คือความรู้สึกทางลบไม่ดีอ่ะเราทำยังไงเ
00:21:50 → 00:21:53 ที่เราจะเปลี่ยนไอ้สถานะตรงนั้นน่ะเออถ้า
00:21:53 → 00:21:56 เราคิดเรื่อง a เราลองคิด B ได้มั้ยเออๆ
00:21:56 → 00:21:59 เออคิด C ได้มั้ยอย่าเงี้นะคะอันนี้คือ
00:21:59 → 00:22:02 ความคิดแต่ถ้าความรู้สึกเนี่ยเราเราอยู่
00:22:02 → 00:22:06 ในในสภาวะแวดล้อมตรงนั้นน่ะอือมันทำให้ไป
00:22:06 → 00:22:10 รู้สึกตรงนั้นไม่ดีเออก็พาตัวเองไปที่
00:22:10 → 00:22:14 อื่นออย่างเงี้ยค่ะออันนี้เอ่อใช้ภายนอก
00:22:14 → 00:22:18 เนี่ยมาปรับภายในอืๆโหอันนี้ก็ผมว่านี่
00:22:18 → 00:22:21 เป็นวิธีในภาคปฏิบัติที่ที่ช่วยได้นะในใน
00:22:21 → 00:22:24 ระดับแรกแต่ว่าจุดเริ่มต้นเนี่ยผมคิดว่า
00:22:24 → 00:22:28 สำคัญสุดก็คือเราต้องสังเกตตัวเราเองเพคน
00:22:28 → 00:22:31 ที่อารมณ์บูดเนี่ยตลอดเวลาเนี่ยไม่รู้ตัว
00:22:31 → 00:22:33 นะไม่รู้ตัวถ้าวิธีสังเกตก็คือถ้าถามตัว
00:22:33 → 00:22:37 เราเองว่าณขณะนั้นแบบนั้นเนี่ยนะอือเรา
00:22:37 → 00:22:40 รู้สึกว่าเราแบบใจเรานิ่งเราสงบเราสบาย
00:22:40 → 00:22:43 มั้ยอ่ะอถ้าเราไม่นิ่งไม่สงบเราขุ่นมัว
00:22:43 → 00:22:46 เราอึดอัดนะถามตัวเองว่าเราอยากจะอยู่ใน
00:22:47 → 00:22:50 สภาวะนี้ต่อไปมั้ยอืมค่ะๆถ้าไม่อยากอยู่
00:22:50 → 00:22:53 ในสบะพูดง่ายๆว่าถ้ากางเกงตัวนึงนะพี่
00:22:53 → 00:22:56 อ้อยเราใส่แล้วเรามันโอโหมันแน่นมากแล้ว
00:22:56 → 00:22:59 ปวดท้องมากเลย
00:22:59 → 00:23:02 บางทีเราก็ชินเราก็ไม่รู้ตัวนะอใช่กางเกง
00:23:02 → 00:23:05 ที่เราใส่อยู่นานๆบางทีเราก็ก็ใส่ไปอ่ะ
00:23:05 → 00:23:07 ใช่่ความเคยชินแล้วเราก็เอ๊ะทำไมเราปวด
00:23:07 → 00:23:11 ท้องค่ะพอเปลี่ยนอ้าวหายเออๆความเคยชิน
00:23:11 → 00:23:14 เนี่ยเราสังเกตว่าเราอึดอัดมั้ยถ้าเรารู้
00:23:14 → 00:23:16 สึกว่านั่นปึ๊บแล้วเราบอกเราอยากจะอยู่
00:23:16 → 00:23:18 อย่างงั้นต่อไปนี้ก็คงไม่มีใครช่วยเราได้
00:23:18 → 00:23:22 นะใช่ๆเออแต่ถ้าเราบอกว่าหึไม่เอาเราอยาก
00:23:22 → 00:23:26 จะรู้สึกอือไม่อึดอัดเราอยากจะโปร่งสบาย
00:23:26 → 00:23:30 อยากจะสดใสเราเไม่อยากจะคุมัวเนี่ยนะอื
00:23:30 → 00:23:33 เราก็สังเกตเจอปึ๊บถามตัวเองว่าอะไรทำให้
00:23:34 → 00:23:36 เราเป็นอย่างงั้นอ่าถ้ายังไม่เจอไม่ได้นะ
00:23:36 → 00:23:40 อเปลี่ยนแบบที่พี่อ้อยบอกอ่ะอือออกไปจาก
00:23:40 → 00:23:43 จุดนี้ก่อนเลยอือๆอย่างน้อยเราก็ไม่หนัก
00:23:43 → 00:23:47 ขึ้นค่ะใช่มั้ยฮะแล้วก็ผมก็คิดว่าอันนี้
00:23:47 → 00:23:51 แต่ว่าถ้าเกิดว่าแก้แบบลึกๆเนี่ยคงจะต้อง
00:23:51 → 00:23:54 หลายเคสคงต้องใช้เวลานะพี่อ้อยนะใช้ค่ะ
00:23:54 → 00:23:56 ต้องใช้เวลาแล้วก็ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ
00:23:56 → 00:23:59 ด้วยแต่ณเบื้องต้นที่พี่อ้อยเสนอมาก็คือ
00:23:59 → 00:24:03 ว่าสังเกตตัวเองแล้วรู้ตัวแล้วก็อยากจะ
00:24:03 → 00:24:05 เปลี่ยนแล้วอยากจะเปลี่ยนถ้าอยากจะ
00:24:05 → 00:24:08 เปลี่ยนปึ๊บตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้นะอือ
00:24:08 → 00:24:11 บรรเทาก่อนไม่หนักขึ้นกว่าเดิมก็คือใชเอา
00:24:11 → 00:24:15 ตัวเองออกไปจากสภาวะที่ทำให้เราบูดใช่ๆ
00:24:15 → 00:24:18 มันก็น่าจะช่วยได้แล้วนะครับโอ้โหวันนี้
00:24:18 → 00:24:21 ต้องบอกว่าพี่อ้อยนี่สุดยอดมากเลยนะจาก
00:24:21 → 00:24:25 ข้าวบูดเนี่ยค่ะมันพาเราไปลึกถึงขั้นของ
00:24:25 → 00:24:29 การที่เราจะสามารถช่วยคนที่ที่ขุ่นมวง
00:24:29 → 00:24:32 ตลอดเวลาอแล้วจะทำให้เขามีชีวิตที่สดใส
00:24:32 → 00:24:36 ได้นะครับก็ลองดูนะครับถ้าตอนนี้ยังแก้
00:24:36 → 00:24:39 ไม่ได้ต้องกลับไปอยู่ตอนที่แล้วมาหลายตอน
00:24:39 → 00:24:41 ค่ะเราก็จะค่อยๆแก้เรื่องเกี่ยวกับ
00:24:41 → 00:24:44 mindset เกี่ยวกับวิธีคิดค่ะที่จะทำให้
00:24:44 → 00:24:48 ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้นไม่มีความทุกข์
00:24:48 → 00:24:51 น้อยลงนะครับวันนี้รายการสัตกรรมความสุข
00:24:51 → 00:24:54 ผมพี่วีและพี่อ้อยก็ต้องลาไปก่อนนะครับ
00:24:54 → 00:24:57 สวัสดีครับสวัสดี
00:24:57 → 00:25:01 ค่ะติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอพลิเคชัน
00:25:01 → 00:25:04 ของ Thai PBS podcast spotify
00:25:04 → 00:25:06 soundcloud Google podcast Apple
00:25:06 → 00:25:10 podcast และ YouTube Channel Thai PBS
00:25:10 → 00:25:13 podcast Thai PBS podcast View the
00:25:13 → 00:25:15 world via The Voice
00:25:15 → 00:25:21 [เพลง]