00:00:00 → 00:00:02 cm 2.5 มันน่ากลัวกว่าที่หลายคนคิดเยอะ
00:00:02 → 00:00:04 เลยนะครับส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงว่าเออเป็น
00:00:04 → 00:00:07 ภูมิแพ้คันจมูกคันตาน้ำมูกไหลหายใจไม่ได้
00:00:07 → 00:00:09 แต่ตอนนี้ที่เขาเจอกันก็อย่างเช่นมะเร็ง
00:00:09 → 00:00:11 เต้านมในผู้หญิงมะเร็งต่อมลูกหมากมะเร็ง
00:00:11 → 00:00:13 กระเพาะปัสสาวะซึ่งมันไม่ได้อยู่ใกล้ปอด
00:00:13 → 00:00:15 เลยแม้แต่น้อยเดียวทำให้แก่ได้เร็วอีก
00:00:15 → 00:00:17 ต่างหากถ้าเราอยู่ในบริเวณที่มันมีฝุ่น
00:00:17 → 00:00:19 เยอะๆมันเหมือนเราสูบบุหรี่ตลอดเวลาเห็น
00:00:19 → 00:00:22 บอกว่ามีผลสามารถทำให้ยีนหรือว่า
00:00:22 → 00:00:24 พันธุกรรมของเรานี่มันกลายพันธได้เลยลอคะ
00:00:24 → 00:00:29 คุณมออแน่นอนครับเพราะว่านายแพทธนี
00:00:29 → 00:00:32 ธนียวันอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคปอด
00:00:32 → 00:00:35 วิกฤตบำบัดและการปลูกถ่ายปอดจากสหรัฐ
00:00:35 → 00:00:38 อเมริกามีผู้ติดตามใน YouTube กว่า
00:00:38 → 00:00:41 700,000 คนเพราะชื่นชอบที่คุณหมอให้ความ
00:00:41 → 00:00:45 รู้เรื่องสุขภาพแบบตรงไปตรงมามันมีกลไก
00:00:45 → 00:00:48 อะไรมั้ยที่เราจะจัดการกับพวกการอักเสบ
00:00:48 → 00:00:50 ต่างๆในร่างกายก็จะมีคนพยายามคิดว่าอาหาร
00:00:50 → 00:00:53 เสริมมีส่วนไหมหรือการไปทำวิธีต่างๆตาม
00:00:53 → 00:00:56 คลินิกตามเวชศาสตร์ชะลอวัยพอจะมีส่วนช่วย
00:00:56 → 00:00:59 ได้บ้างไหมมมันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่า
00:00:59 → 00:01:04 จะทำได้แน่ๆแต่มันมีการคิดทางทฤษฎีว่าอาจ
00:01:04 → 00:01:06 จะทำได้ซึ่งก็มีคนที่พร้อมที่จะจัอินอยู่
00:01:06 → 00:01:09 แล้วค่ะคุณน้องแน่นอนครับเยอะแยะเลยซึ่ง
00:01:09 → 00:01:10 ก็
00:01:10 → 00:01:15 คือดรชินยะยานากะเป็นคนญี่ปุ่นที่ค้นพบ
00:01:15 → 00:01:18 วิธีในการย้อนไวเซลล์ได้คนแรกแล้วทำได้
00:01:18 → 00:01:22 จริงๆแต่ว่ามันจะต้องใช้ยีน 4 ตัวด้วยกัน
00:01:22 → 00:01:30 1ึในนั้นเป็นยีนมะเร็งด้วยวาย
00:01:30 → 00:01:33 Boost yearn sal Mix แอ Match 1 แถม
00:01:33 → 00:01:37 1 พละได้จะวิตามินหรือสกินแครก็ 1 แถม 1
00:01:37 → 00:01:41 พละได้คละได้กว่า 1,500 รายการลดครั้ง
00:01:41 → 00:01:43 ใหญ่ส่งท้ายปีที่บูสทุกสาขาหรือบูส
00:01:43 → 00:01:46 ออนไลน์ถึง 8 มกราคมนี้ on the way ชม
00:01:46 → 00:01:49 EP นี้นะคะแขกรับเชิญของเรานะคะมาจาก
00:01:49 → 00:01:52 เอ่อเสียงเรียกร้องนะคะของคุณผู้ชมค่ะ
00:01:52 → 00:01:55 เพราะว่าเอ่อมีคุณผู้ชมนะคะมาคอมเมนต์นะ
00:01:55 → 00:01:59 คะว่าอยากให้เชิญคุณหมอธนีมานะคะแสดงว่า
00:01:59 → 00:02:01 คุณหมอนี่ต้องมีแฟนคลับอยู่แล้วแล้วก็
00:02:01 → 00:02:03 ทราบมาว่าตอนนี้เนี่ยคุณหมอก็อยู่เมือง
00:02:03 → 00:02:08 ไทยพอดีนะคะทีมงานก็เลยไปรวบตัวคุณหมอนะ
00:02:08 → 00:02:10 คะมานั่งคุยกับเราในวันนี้ค่ะซึ่งหัวข้อ
00:02:10 → 00:02:13 ที่เราจะคุยในวันนี้นะคะก็แน่นอนค่ะเพราะ
00:02:13 → 00:02:14 คุณหมอเนี่ยก็จะเชี่ยวชาญเรื่องของปอดนะ
00:02:14 → 00:02:17 คะเราก็จะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องของ PM
00:02:17 → 00:02:21 2.5 นะว่าทำให้เราเจ็บป่วยยังไงบ้างแบบ
00:02:21 → 00:02:24 นี้เป็นต้นนะคะนอกจากนี้นะคะเราก็ยังไป
00:02:24 → 00:02:29 แตะถึงเรื่อง nmn นะคะ nr n a นะคะซึ่ง
00:02:29 → 00:02:31 กำลังเป็นสิ่งที่เรียกว่าได้รับความสนใจ
00:02:31 → 00:02:34 มากๆเลยในหมู่สายรักสุขภาพนะคะซึ่งเอ่อใน
00:02:34 → 00:02:38 ทางทฤษฎีเนี่ยมันก็จะมีทั้งประโยชน์แล้ว
00:02:38 → 00:02:40 ก็มีความเสี่ยงที่เป็นไปได้ด้วยวันนี้คุณ
00:02:40 → 00:02:42 หมอก็จะมาแชร์ความรู้เรื่องนี้กันค่ะ
00:02:42 → 00:02:43 อย่างที่บอกเมื่อกี้เลยคะวันนี้สภาพ
00:02:44 → 00:02:46 พิธีกรนะคะเหมาะกับท็อปปิกที่เราจะคุยกัน
00:02:46 → 00:02:50 วันนี้มากเลยก็คือเรื่องฝุ่นเนาะคุณหมอ
00:02:50 → 00:02:52 ครับค่ะกลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้เราเวลาเราจะ
00:02:52 → 00:02:55 ไปไหนมาไหนนะเราเช็คสภาพดินฟ้าอากาศอย่าง
00:02:55 → 00:02:58 เดียวไม่ได้ละต้องเช็คค่าฝุ่นด้วยถูกต้อง
00:02:58 → 00:03:00 เลยครับคุณหมอ
00:03:00 → 00:03:03 ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามาก่อนที่นู่นหนัก
00:03:03 → 00:03:06 เท่าที่นี่มั้ยคะที่นู่นเนี่ย aqi อยู่
00:03:06 → 00:03:09 ที่ 1 หรือ 2 ที่ที่ผมอยู่นะครับค่ะแล้ว
00:03:09 → 00:03:12 มันจะสูงขึ้นมาเฉพาะตอนมีไฟป่าเท่านั้น
00:03:12 → 00:03:13 เองแต่นอกเหนือจากนั้นก็คืออากาศ
00:03:13 → 00:03:17 บริสุทธิ์ค่ะต่างจากมาไทยครับผมค่ะพอพอดี
00:03:17 → 00:03:20 ลงเครื่องบินมาปุ๊บเราก็อ่าทางครอบครัว
00:03:20 → 00:03:22 เขาก็จะรู้สึกเหมือนหายใจได้ปกติเพราะว่า
00:03:22 → 00:03:25 ชินแล้วคกับ aqi ที่ประเทศไทยแต่ผมลงมาก็
00:03:25 → 00:03:28 รู้สึกว่าเอ๊สายตาเรามันมัวหรือเปล่าหรือ
00:03:28 → 00:03:30 เราหายใจแล้วมันแปลกๆนะแต่ว่าปรากฏว่าไม่
00:03:30 → 00:03:32 ใช่มันก็คือค่าฝุ่นที่มันสูงขึ้นนะครับ
00:03:32 → 00:03:35 แล้วผมไปชินเท่านั้นเองค่ะแล้วป่วยมั้ยคะ
00:03:35 → 00:03:37 คุณหมอเออมีเหมือนกันครับเจอฝุ่นไทยไปเจอ
00:03:37 → 00:03:40 ฝุ่นไทยไปบางทีก็มีภูมิแพ้ขึ้นเหมือนกัน
00:03:40 → 00:03:42 อยู่ๆมันก็ขึ้นโดยที่หาสาเหตุไม่เจอก็น่า
00:03:42 → 00:03:44 จะมีอยู่สาเหตุเดียวนี่แหละครับคือไอ้ตัว
00:03:44 → 00:03:47 ฝุ่น PM เนี่ยฮะค่ะมันกลายเป็นเรื่องแบบ
00:03:47 → 00:03:50 ซีซอไปแล้วนะสำหรับ PM 2.5 ของบ้านเรา
00:03:50 → 00:03:52 เงี้ยก็คือพอจะเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวอย่าง
00:03:52 → 00:03:54 เงี้ยมันก็จะต้องมีปรากฏการณ์แบบเนี้ย
00:03:54 → 00:03:57 จริงๆแล้วมันมันมาจากอะไรได้บ้างคะคุณหมอ
00:03:57 → 00:04:00 มาจากการใช้ชีวิตของเราปกติเลยนะครับเช่น
00:04:00 → 00:04:03 ถ้าอยู่ในครัวเรือนในการหุมต้มต่างๆนะฮะ
00:04:03 → 00:04:06 ก็เกิดควันพวกนี้ก็เป็น PM 2.5 เหมือน
00:04:06 → 00:04:08 กันหมายถึงเราผัดกับข้าวอย่างเงี้ก็ฟัน
00:04:08 → 00:04:10 ที่ขึ้นมาก็เป็น PM 2.5 เหรอใช่ทุกอย่าง
00:04:10 → 00:04:11 ก็เป็นหมดเลยครับอ๋อยิ่งเผาไหม้เยอะ
00:04:11 → 00:04:13 สมมุติว่าเราปิ้งเนื้ออย่างเงี้ยฮะอัน
00:04:13 → 00:04:15 นั้นก็เยอะถูกมั้ยฮอุ้ยอย่างงี้เราไปกิน
00:04:15 → 00:04:18 ปิ้งย่างอย่างเงี้ก็ 2.5 คอุ๊ยตายละเออ
00:04:18 → 00:04:21 ความรู้ใหม่แน่นอนรถแน่นอนอันนี้ทุกคนรู้
00:04:21 → 00:04:24 ใช่มครับขับรถมามันก็มีท่อไอเสียออกมาพวก
00:04:24 → 00:04:27 นี้ก็เพียม 2.5 เหมือนกันค่ะสูบบุหรี่ไม่
00:04:27 → 00:04:30 ว่าจะเป็นบุหรี่จริงบุหรี่ไฟฟ้าหรืออะไร
00:04:30 → 00:04:32 ก็แล้วแต่มันก็สามารถทำให้เกิด PM 2.5
00:04:32 → 00:04:36 ขึ้นมาได้ออถ้าต่างจังหวัดก็ที่เขาเผาเผา
00:04:36 → 00:04:39 ไร่พวกนี้ฮะอือคืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้
00:04:39 → 00:04:41 เกิดควันได้ก็ที่มันเป็นการเผาไหม้อ่ะ
00:04:41 → 00:04:44 เนาะใช่เลยครับผมแล้ว PM 2.5 เนี่ยมัน
00:04:44 → 00:04:48 เป็นพาหะที่นำสารพิษเข้าสู่ร่างกายคือ
00:04:48 → 00:04:50 โอเคนอกจากที่เราจะรู้สึกว่าเออเป็นภูมิ
00:04:50 → 00:04:54 แพ้แสบตาเป็นหวาดป่วยมันยังมีอะไรที่มัน
00:04:54 → 00:04:58 อันตรายไปกว่านั้นมั้ยคะเยอะเลยครับอ่อ
00:04:58 → 00:05:01 ต้องขอเล่าก่อนว่า PM 2.5 เนี่ยตามแต่ละ
00:05:01 → 00:05:03 ที่มันจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับแหล่ง
00:05:03 → 00:05:05 กำเนิดมันนะครับเช่นบางแหล่งที่อยู่ใน
00:05:05 → 00:05:08 กรุงเทพฯอย่างเงี้ยมีรถมีอะไรพวกนี้ก็อาจ
00:05:08 → 00:05:10 จะมีโลหะหนักเป็นส่วนประกอบด้วยแต่ถ้า
00:05:10 → 00:05:13 เป็นการเผาเผาต้นไม้เผาอะไรพวกเนี้ยสิ่ง
00:05:14 → 00:05:15 ที่เกิดขึ้นมาก็มักจะเป็นกลุ่มที่เรา
00:05:15 → 00:05:17 เรียกว่าไฮโดรคาร์บอนซะเยอะค่ะดังนั้น
00:05:17 → 00:05:20 ส่วนประกอบของมันก็จะไม่เหมือนกันแต่ว่า
00:05:20 → 00:05:22 ไม่ว่าจะเป็นส่วนประกอบอะไรมันก็อันตราย
00:05:22 → 00:05:25 กับหลายๆอย่างในร่างกายของเราค่ะก็คือ
00:05:25 → 00:05:26 อยู่ที่ว่าไอ้เจ้าฝุ่นเนี้ยมันไปจับกับ
00:05:26 → 00:05:28 อะไรว่างั้นเถอะใช่่มั้ยคะขึ้นอยู่กว่า
00:05:28 → 00:05:30 มันประกอบไปด้วยอะไรอะไรนะครับเพราะว่า PM
00:05:30 → 00:05:33 2.5 นี่คือขนาดของฝุ่นค่ะเล็กกว่า 2.5
00:05:33 → 00:05:37 ไมครอนนะแต่ว่ามันจะมีหลายๆอย่างประกอบ
00:05:37 → 00:05:39 กันในนั้นก็ได้ไม่จำเป็นจะต้องมีสารอย่าง
00:05:39 → 00:05:42 เดียวในนั้นครับอย่างเงี้ยคนที่ทำงานอยู่
00:05:42 → 00:05:45 ท่ามกลาง PM 2.5 ตลอดเวลาจะเช่นเอ่อคุณ
00:05:45 → 00:05:49 ตำรวจที่ต้องโบกรถหรือว่าพี่ๆรปภหรือว่า
00:05:49 → 00:05:51 ใครที่เขาทำงานแล้วแบบสัมผัสอะไรอย่าง
00:05:51 → 00:05:53 เงี้ยแล้วเค้าอาจจะไม่ได้ป่วยไม่ได้เป็น
00:05:53 → 00:05:56 หวัดแล้วไม่ได้รู้สึกแสบตาเพราะว่าเขคชิน
00:05:56 → 00:05:58 กับสภาพแวดล้อมแบบเนี้ที่เขาต้องเจอแต่
00:05:58 → 00:06:01 มันไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้สะสมสารเหล่านี้
00:06:01 → 00:06:04 เข้าไปในร่างกายถูกมคะแล้วมันเกิดอะไรได้
00:06:04 → 00:06:07 บ้างคะคุณหมอถูก็ PM 2.5 เนี่ยถ้าเกิด
00:06:07 → 00:06:09 ว่ามันหายใจเข้าไปปุ๊บเนี่ยมันก็จะเข้า
00:06:09 → 00:06:12 สู่หลอดลมส่วนลึกของปอดได้เลยนะครับตรง
00:06:12 → 00:06:15 ปลายของหลอดลมเนี่ยมันจะเป็นถุงลมนะค่ะ
00:06:15 → 00:06:18 รอบๆถุงลมตรงนั้นเนี่ยมันจะมีเส้นเลือด
00:06:18 → 00:06:21 ฝอยพันอยู่เพื่อที่จะมีการแลกเปลี่ยนก๊าซ
00:06:21 → 00:06:23 แต่ทีเนี้ยการที่มันมีเส้นเลือดฝอยพัน
00:06:23 → 00:06:25 อยู่ตรงถุงลมเนี่ยฝุ่นพอไปถึงตรงนั้น
00:06:25 → 00:06:28 สามารถซึมทะลุเข้าไปในเสตเลือดเราได้เลยอ
00:06:28 → 00:06:32 อืเรานี่มันก็ไปทั้งร่างกายถูกมั้ยครับ
00:06:32 → 00:06:34 ค่ะมันก็แปลว่าฝุ่นเนี่ยสามารถไปได้ทั้ง
00:06:34 → 00:06:37 หมดเลยในร่างกายเราอืแต่จริงๆก็ต้องบอก
00:06:37 → 00:06:40 ว่ามันก็มีสิ่งบางอย่างในร่างกายเพื่อที่
00:06:40 → 00:06:42 จะช่วยไม่ให้ฝุ่นมันสามารถเข้าไปได้นะ
00:06:42 → 00:06:45 ครับส่วนหนึ่งก็คือเป็นพวกอ่าเยื่อเมือก
00:06:45 → 00:06:47 ที่อยู่ในทางเดินหายใจของเราก็จะกรองได้
00:06:47 → 00:06:50 ส่วนหนึ่งของจมูกอย่างเงี้ยนะฮะไปถึงตรง
00:06:50 → 00:06:53 ส่วนปลายของหลอดลมปุ๊บเนี่ยถุงลมตรงนั้น
00:06:53 → 00:06:55 ก็จะมีเซลล์ชื่อว่าแครานะครับพวกนี้มันจะ
00:06:55 → 00:06:58 เป็นเซลล์ที่เอาไว้จับกินสิ่งแปลกปลอม1ึ
00:06:58 → 00:07:01 ในนั้นก็คือ PM 2.5 ค่ะแต่ถ้าเกิดว่ามัน
00:07:01 → 00:07:03 จับแล้วมันเยอะเกินไปจับแล้วทำลายฝุ่น
00:07:03 → 00:07:05 ทิ้งไม่ได้เนี่ยมันไม่ทันเนาะมันไม่ทัน
00:07:05 → 00:07:07 เหมือนเราเอาขยะไปถมสักที่นึงเยอะๆอย่า
00:07:07 → 00:07:09 เงี้ยฮะค่ะมันก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้น
00:07:10 → 00:07:13 มาในร่างกายแล้วก็ฝุ่นที่มันจับไม่ทันก็
00:07:13 → 00:07:15 จะเข้าสู่กระแสเลือดแล้วก็กระจายไปทั้ง
00:07:15 → 00:07:17 หมดเลยมันก็กระจายไปตรงไหนมันก็ไปเกิด
00:07:17 → 00:07:20 inflation ตรงนั้นประมาณนี้ใช่มั้ยคะใช่
00:07:20 → 00:07:22 ครับใช่เลยถ้าเราไล่กันตามอวัยวะเนี่ยนะ
00:07:22 → 00:07:25 ครับมันก็เกิดได้ทุกโรคเช่นท่างสมองก็มี
00:07:25 → 00:07:28 ความเกี่ยวข้องกับการเกิดอ่าอัลไซเมอร์ค
00:07:28 → 00:07:30 ออ
00:07:30 → 00:07:33 ค่ะก็มีส่วนนะฮะความคิดช้าตามอายุบางที
00:07:33 → 00:07:35 อาจจะไม่ใช่แค่อายุอย่างเดียวแล้วแต่อาจ
00:07:35 → 00:07:37 จะมีเรื่องของ PM 2.5 เข้ามาเกี่ยวข้องอ
00:07:37 → 00:07:40 ถ้าเป็นเรื่องของโรคโรคหลอดเลือดกับหัวใจ
00:07:40 → 00:07:42 ค่ะเนื่องจากว่า PM 2.5 เนี่ยสามารถทำ
00:07:42 → 00:07:45 ให้เกิดการอักเสบได้นะฮะเวลาหลอดเลือดมัน
00:07:45 → 00:07:47 อักเสบมันก็จะมีปัญหาต่างๆเช่นเราเป็นโรค
00:07:47 → 00:07:50 กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอันเนี้ยต้องบอก
00:07:50 → 00:07:52 ตรงๆว่าถ้าเราอยู่ในบริเวณที่มันมีฝุ่น
00:07:52 → 00:07:55 เยอะๆมันเหมือนเราสูบบุหรี่ตลอดเวลาเออ
00:07:55 → 00:07:58 น่ากลัวจริงๆใช่มั้ฮะเห็นบอกว่ามีผล
00:07:58 → 00:08:01 สามารถทำให้ยีนหรือว่าพันธุกรรมของเรา
00:08:01 → 00:08:03 เนี่มันกลายพันธได้เลยล่ะคะคุณหมออแน่นอน
00:08:03 → 00:08:06 ครับเพราะว่าการที่มันมีการอักเสบพวก
00:08:06 → 00:08:08 เนี้ยมากๆนะครับร่างกายของเรามันก็ไม่
00:08:08 → 00:08:11 สามารถซ่อมแซมได้ทันพอมันซ่อมแซมไม่ทัน
00:08:11 → 00:08:13 ปุ๊บเนี่ยตัว DNA ของเราบางครั้งมันก็
00:08:13 → 00:08:16 เกิดการกลายพันขึ้นมาก็ทำให้เกิดเป็น
00:08:16 → 00:08:20 มะเร็งอชนิดต่างๆได้แล้วหลายคนอาจจะคิด
00:08:20 → 00:08:21 ว่ามันเป็นได้แค่มะเร็งปอดอย่างเดียว
00:08:21 → 00:08:23 เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับการหายใจถูกมั้ย
00:08:23 → 00:08:25 ฮะค่ะแต่เอาจริงๆเนี่ยอย่างที่เมื่อกี้
00:08:25 → 00:08:27 บอกนะครับมันเข้าไปในกระแสเลือดเราและ
00:08:27 → 00:08:30 กระแสเลือดเราก็ไปทั้งร่างกายมันก็แปลว่า
00:08:30 → 00:08:32 มันทำให้เกิดมะเร็งที่อื่นได้แต่ตอนนี้
00:08:32 → 00:08:34 ที่เขาเจอกันก็อย่างเช่นมะเร็งเต้านมใน
00:08:34 → 00:08:37 ผู้หญิงอ่ามะเร็งต่อมลูกหมากมะเร็ง
00:08:37 → 00:08:39 กระเปาะปัสสาวะซึ่งมันไม่ได้อยู่ใกล้ปอด
00:08:39 → 00:08:41 เลยแม้แต่น้อยเดียวเราไม่ได้หายใจแล้ว
00:08:41 → 00:08:43 เอ้ยมันไปทางเต้านมแล้วได้ยังไงอันนี้
00:08:43 → 00:08:46 แล้วทำไมเขาถึงสามารถเอ่อ detect ย้อนไป
00:08:46 → 00:08:49 ได้ว่ามะเร็งอันเนี้ยมันเกิดจาก PM 2.5
00:08:49 → 00:08:52 เไปดูตรงบริเวณที่มันมีความแตกต่างกัน
00:08:52 → 00:08:54 ระหว่าง PM 2.5 กับที่ที่มันไม่มีเขจะ
00:08:54 → 00:08:56 เจอว่าบริเวณที่มันมีเยอะขึ้นมาไอ้มะเร็ง
00:08:56 → 00:08:58 พวกนี้มันเยอะขึ้นด้วยอืนะฮะอันนี้คือ
00:08:59 → 00:09:01 ส่วนหนึ่งแล้วก็บางทีมันมีการเ่อพยายามไป
00:09:01 → 00:09:03 ดูซิว่าผ่าพิสูจน์ไอ้มะเร็งพวกนี้ออกมา
00:09:03 → 00:09:05 แล้วข้างในมันมีอะไรอยู่ในนั้นบ้างนะครับ
00:09:05 → 00:09:07 เก็ไปเจอบางอย่างที่มันอยู่ในนั้นที่ทำ
00:09:07 → 00:09:09 ให้เขาสงสัยว่าเอ๊ะมันอาจจะมีความเกี่ยว
00:09:09 → 00:09:13 ข้องกันนะครับอืค่ะแล้วทำไมเนี่ยตอนเนี้ย
00:09:13 → 00:09:16 มันมาละทำไมมันชอบมาช่วงเนี้ยคะช่วงจะ
00:09:16 → 00:09:19 เข้าหน้าหนาวใช่ช่วเอ่อมันหลากหลายประการ
00:09:19 → 00:09:22 คือมันจะมีคำคำนึงเรียกว่าอุณหภูมิผกผัน
00:09:22 → 00:09:24 หรือ temperature inversion นะครับโดย
00:09:24 → 00:09:27 ปกติเนี่ยช่วงหน้าหนาวนะครับตอนกลางวัน
00:09:27 → 00:09:30 เนี่ยแดดมันส่องตรงพื้นผินะครับมันก็จะ
00:09:30 → 00:09:32 ร้อนถูกมั้ยครับแต่ว่าตอนกลางคืนเนี่ยมัน
00:09:32 → 00:09:34 เย็นเร็วพอมันเย็นเร็วสิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:09:34 → 00:09:36 คือไอ้ชั้นความร้อนที่มันอยู่ใกล้ๆผิว
00:09:36 → 00:09:39 เนี่ยค่อยๆลอยขึ้นนะครับลอยขึ้นไปช้าๆแต่
00:09:39 → 00:09:41 ว่ามันจะไม่ลอยออกไปเลยมันจะค้างอยู่สัก
00:09:41 → 00:09:45 ที่นึงอุณหภูมิข้างล่างเนี่ยจะเย็นค่ะไอ
00:09:45 → 00:09:46 การที่มันมีอุณหภูมิข้างล่างที่เย็นๆและ
00:09:46 → 00:09:48 ข้างบนที่ร้อนๆเนี่ยมันจะเหมือนเป็นกล่อง
00:09:48 → 00:09:51 ที่เก็บฝุ่นทั้งหมดไว้เลยฝุ่นมันลอยขึ้น
00:09:51 → 00:09:53 ไปถ้าเจอความร้อนปุ๊บมันก็จะชนแต่มันไม่
00:09:53 → 00:09:55 สามารถทะลุความร้อนไปได้ค่ะดังนั้นมันจะ
00:09:55 → 00:09:59 ชนปุ๊บแล้วก็ไปด้านข้างๆนะหน้าหนาวจะเกิด
00:09:59 → 00:10:01 ภาวะนี้บ่อยกว่าแล้วก็เป็นไอ้พดานที่มัน
00:10:01 → 00:10:04 ไปชนความร้อนนี่มันมันประมาณกี่เมตรได้คะ
00:10:04 → 00:10:07 คุณหมออยากรู้ส่วนใหญ่ก็อยู่ประมาณตึกสูง
00:10:07 → 00:10:08 ๆเนี่ยแหละครับแปลว่าเราอยู่ตึกสูงก็หนี
00:10:09 → 00:10:11 ไม่พ้นมันใช่มั้ยคะโอ้ไม่พ้นเลยเออแน่นอน
00:10:11 → 00:10:14 ว่าตอนกลางวันเนี่ยเราเจอแหล่งที่กำเนิด
00:10:14 → 00:10:16 เช่นเราอยู่ตรงถนนที่มันมีฝุ่นเยอะๆอัน
00:10:16 → 00:10:19 นี้ก็โดนแน่ๆนะฮะแต่เวลากลางคืนน่ะคนที่
00:10:19 → 00:10:21 บอกว่าไปอยู่ตรงชานเมืองที่ที่มันไม่มี
00:10:21 → 00:10:24 ปัญหาพวกเนี้ยมันมีปัญหาได้เหตุผลก็เพราะ
00:10:24 → 00:10:27 ว่าสมมุติแหล่งกำเนิดฝุ่นมันอยู่ตรงกลาง
00:10:27 → 00:10:30 เมืองแล้วเกิดภาวะอุณหภูมิวกผันขึ้นมา
00:10:30 → 00:10:32 ปุ๊บสิ่งที่เกิดขึ้นคือฝุ่นพวกเนี้ยถ้า
00:10:32 → 00:10:33 ไม่มีอุณหภูมิวกผันมันควรจะลอยขึ้นมาข้าง
00:10:33 → 00:10:36 บนไปเรื่อยๆแล้วก็กระจายตัวทำให้ความเจือ
00:10:36 → 00:10:39 จังมันลดลงแต่พอมีอุณหภูมิผกผันเนี่ยฝุ่น
00:10:39 → 00:10:41 มันลอยขึ้นไปแล้วว่าติดเพดานค่ะติดเพดาน
00:10:41 → 00:10:44 ไปไหนไม่ได้มันก็ออกข้างๆงออกข้างๆไปไหน
00:10:44 → 00:10:47 ชานเมืองแล้วชานเมืองรอดมั้ยก็ไม่รอดก็
00:10:47 → 00:10:50 อาจจะไม่รอดครับแล้วมันมีความน่ากลัวอะไร
00:10:50 → 00:10:53 ของ PM 2.5 ที่แบบคนไม่เคยรู้มาก่อนมั้ย
00:10:53 → 00:10:57 คะคุณหอผมว่ามันเป็นการที่ทำให้คนที่มี
00:10:57 → 00:11:00 โรคปอดบางโรคเนี่ยหรือคนที่อาจจะรู้ตัว
00:11:00 → 00:11:01 ว่าเป็นโรคปอดบางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป
00:11:01 → 00:11:04 แล้วมันเป็นขึ้นมานะครับยกตัวอย่างเช่น
00:11:04 → 00:11:06 บางคนบอกว่าเฮ้ยเคยเป็นหอบหืดตอนเด็กๆ
00:11:06 → 00:11:09 แล้วโตขึ้นมาหายไปแล้วค่ะพอมาเจอ PM พอมา
00:11:09 → 00:11:11 เจออีกทำไมหายใจไม่ปกติทั้งๆที่เราก็หาย
00:11:11 → 00:11:14 จากห่อหืดไปแล้วนี่มฮะหรือบางคนอายเรื้อ
00:11:14 → 00:11:17 รังแล้วมันไม่หายซักทีค่ะหาสาเหตุก็ไม่
00:11:17 → 00:11:20 เจอไปหาหมอเซเรย์ปอดก็ปกติเซเรย์ปอดปกติ
00:11:20 → 00:11:24 ไม่ได้แปลว่าปอดมันปกตินะฮะอืมหลายคนก็
00:11:24 → 00:11:27 คือบอกไปตรวจกับหมอมากับเซเรย์ปอดเป่าปอด
00:11:27 → 00:11:31 ไม่เห็นมีอะไรเลยแต่แล้วจริงๆมันมีแล้ว
00:11:31 → 00:11:33 มันมันมีอะไรที่ซ่อนอยู่อ่ะคะคุณหมอคือ
00:11:33 → 00:11:36 เวลาเราวินิจฉัยโรคปอดอ่ะฮะเราไม่ได้ใช้
00:11:36 → 00:11:38 การเเรอย่างเดียวค่ะมันต้องมีการถาม
00:11:38 → 00:11:41 ประวัติว่าเออมันเป็นอาการของโรคอะไร
00:11:41 → 00:11:43 เพราะว่าการตรวจเนี่ยถ้าตรวจไม่ตรงโรคมัน
00:11:43 → 00:11:46 ก็ตรวจไม่เจออนะครับบางทีอาจจะต้องมีการ
00:11:46 → 00:11:49 เป่าปอดก็คือเป็นการเป่าลมหายใจเข้าไปใน
00:11:49 → 00:11:52 เครื่องในขณะที่มีอาการถึงจะตรวจมันได้
00:11:52 → 00:11:54 แต่ถ้าไม่มีอาการเป่าไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
00:11:54 → 00:11:57 มันก็จะเป่าได้แบบปกติใช่ถ้าเป็นแบบนั้น
00:11:57 → 00:11:59 เนี่ยบางทีเราอาจจะต้องใช้วิธีเรียกว่า
00:11:59 → 00:12:01 เป็นเป็น Challenge Test คือเราต้องทด
00:12:01 → 00:12:03 ลองให้ศาลบางอย่างรูซิว่าคนไข้ตอบสนองไว
00:12:04 → 00:12:06 กว่าคนทั่วไปมอย่างเงี้ยฮะอมีเรื่องนึงผม
00:12:07 → 00:12:10 ลิมเราอย่างตอนตึก World เทรดถล่มนาย one1
00:12:10 → 00:12:13 อนะคือเพบว่าไอ้ฝุ่นที่เกิดจากการถล่มของ
00:12:13 → 00:12:16 ตึกตัวเนี้ยมันทำให้เกิดโรคบางโรคเพิ่ม
00:12:16 → 00:12:20 มากขึ้นโรคนึงเป็นโรคปอดที่เมืองไทยเริ่ม
00:12:20 → 00:12:22 ผมคิดว่าเคยเคยมีคนเจอบ้างแล้วแหละแต่
00:12:22 → 00:12:23 เมืองนอกจะเจอเยอะกว่ามันจะเป็นโรคชื่อ
00:12:24 → 00:12:26 ว่า sarcoidosis เเจอว่ามันเพิ่มขึ้นกว่า
00:12:26 → 00:12:28 เดิมมหาศาลเลยทีเดียวแต่ก่อนไม่ค่อยมีใคร
00:12:28 → 00:12:32 เขเจอขนาดนี้มันมาจากไอ้ละอองของตึกที่
00:12:32 → 00:12:35 มันถล่มลงมาอย่าเคคิดว่ามันมีความเกี่ยว
00:12:35 → 00:12:37 ข้องกันนะฮะคือโรคนี้มันจะเป็นโรคพิเศษ
00:12:37 → 00:12:39 อย่างหนึ่งคือมันมีความผิดปกติทางด้าน
00:12:40 → 00:12:42 ภูมิคุ้มกันแล้วก็ทำให้ร่างกายเราเนี่ย
00:12:42 → 00:12:45 เกิดการตอบสนองที่ผิดปกติโดยเฉพาะในปอด
00:12:45 → 00:12:47 มันก็จะกลายไปเป็นเหมือนเป็นก้อนเล็กๆ
00:12:47 → 00:12:49 เต็มไปหมดเลยแล้วก้อนพวกนี้มันก็ทำให้
00:12:49 → 00:12:51 เกิดการอักเสบในร่างกายบางคนจะมีอาการ
00:12:51 → 00:12:54 เหนื่อยมากขึ้นหายใจไม่ออกไอเรื้อรังแล้ว
00:12:54 → 00:12:55 มันไม่ได้อยู่แค่ปอดอย่างเดียวมันไปได้
00:12:55 → 00:12:58 ทุกที่เลยมันก็เหมือนมะเร็งเลยอ่ะคุณหมอ
00:12:58 → 00:13:01 คล้ายๆฮะแต่ว่าอมันใชมะเร็งมันพอมียาที่
00:13:01 → 00:13:05 ใชกับมันได้บ้างอ๋อค่ะอยู่แต่ในบ้านปลอด
00:13:05 → 00:13:08 ฝุ่นมั้ยคะก็ขึ้นอยู่กับว่าเราทำยังไงกับ
00:13:08 → 00:13:12 บ้านเราถูกมั้ยฮะเดี๋ยวนี้ทุกคนก็แนะแนะ
00:13:12 → 00:13:14 นำว่าการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับบ้านเราก็
00:13:14 → 00:13:17 ควรจะเป็นเครื่องกรองอากาศค่ะใช่มั้ยครับ
00:13:17 → 00:13:19 แต่เครื่องกรองอากาศเนี่ยมันก็ขึ้นอยู่
00:13:19 → 00:13:21 กับมีอากาศมาใหม่มาเติมมากแค่ไหนถ้าเกิด
00:13:21 → 00:13:23 ว่าเราเปิดหน้าต่างไว้ปุ๊บแล้วเราอยู่ตรง
00:13:23 → 00:13:25 ที่ฝุ่นเยอะมันเติมเยอะเครื่องมันก็ฟ้อง
00:13:25 → 00:13:29 ไม่ทันนะครับเหมือนก็เหมือนเิดอากาศเก่า
00:13:29 → 00:13:31 ค่ะแล้วเราก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าอากาศมัน
00:13:31 → 00:13:34 ไม่ไหลเวียนถ่ายเทที่ดีมันก็จะมีปัญหา
00:13:34 → 00:13:37 ต่างๆตามมาดังนั้นถ้าเราจะอยู่ในบ้านก็
00:13:37 → 00:13:40 บางทีผมยังเคยคิดเลยว่าเออกลางวันบางที
00:13:40 → 00:13:43 เราก็เปิดให้อากาศใหม่มันเข้ามาแต่พอหลัง
00:13:43 → 00:13:47 จากนเเราปิดใช้เครื่องกากาก็กรองเอากรอง
00:13:47 → 00:13:49 อากาศใหม่อันนั้นอีกทีนึงเออหรือว่าบาง
00:13:49 → 00:13:51 หรือว่าบางทีเราต้องทำความสะอาดบ้านบางคน
00:13:51 → 00:13:53 เขาใช้เครื่องดูดฝุ่นอย่างเดียวซึ่งไม่
00:13:53 → 00:13:56 ค่อยดีเพราะว่าดูดปุ๊บบางทีฝุ่นมันฟุ้งอื
00:13:56 → 00:13:59 อาจจะต้องใช้เป็นน้ำถูก่อนให้ฝุ่นมันอยู่
00:13:59 → 00:14:02 กับพื้นก่อนนะครับเพราะถ้าเรากวาดไปเลย
00:14:02 → 00:14:04 หรือว่าใช้เครื่องดูดบางทีมันมันฟุ้ง
00:14:04 → 00:14:06 กระจายแล้วบางทีไอ้ตัวเครื่องดูดฝุ่นของ
00:14:06 → 00:14:09 เราฮะมันไม่ได้ดีไซน์มาเพื่อที่จะเก็บ PM
00:14:09 → 00:14:12 2.5 ไว้ในถุงของที่เก็บฝุ่นมันมันเก็บ
00:14:12 → 00:14:14 ไว้แต่ฝุ่นที่มันใหญ่ๆหรือว่าเส้นผมเศษ
00:14:15 → 00:14:16 อะไรพวกเนี้ยไอ้ฝุ่นพวกนี้มันสามารถเล็ด
00:14:16 → 00:14:19 รอดตัวฟิลเตอร์ออกมาได้ฮะคือมันยากเนาะ
00:14:19 → 00:14:21 ยังไงเราก็หลีกหลีไม่พ้นดังนั้นเราก็ต้อง
00:14:21 → 00:14:25 ลองทำวิธีที่มันรองลงมาก็คืออย่างที่ตอน
00:14:25 → 00:14:27 แรกคุยอฮะว่าเราต้องเช็คฝุ่นแล้วะตอนนี้
00:14:27 → 00:14:29 ออกจากบ้านเราไม่ได้เช็คแค่อย่างอื่นแล้ว
00:14:29 → 00:14:30 เราดูว่าฝุ่นมาหรือเปล่าถ้าวันไหนฝุ่น
00:14:30 → 00:14:33 เยอะเราก็อาจจะต้องใส่หน้ากากที่มันกัน
00:14:33 → 00:14:35 ฝุ่นได้หน่อยคุณหมอตอนเเาจะมีไอ้เนี่ยไอ้
00:14:35 → 00:14:38 เครื่องฟอกอากาศแบบที่มันใส่ที่คออ่ะอ่า
00:14:38 → 00:14:41 ครับผมที่เขาบอกว่ามันจะผลักใช่มั้ยใช่ม
00:14:41 → 00:14:44 หลักการทำงานมันเค้าเาขายเบอกว่าเบอกว่า
00:14:44 → 00:14:47 เหมือนมันจะผักผักฝุ่นออกไปทำให้เราอากาศ
00:14:47 → 00:14:49 ตรงที่เราหายใจตรงนี้นี่มันแบบว่าครับ
00:14:49 → 00:14:53 จริงมั้ยคะเอ่อถ้าถามผมนะไม่ได้ผลเพราะ
00:14:53 → 00:14:57 ว่าคือหลักการของมันก็อาจจะคล้ายอย่าง
00:14:57 → 00:14:58 งั้นแต่จริงๆมันไม่ได้ผลักฝุ่นออกไปไหน
00:14:58 → 00:15:01 หรอกมันจับฝุ่นให้มันตกลงมาสมมุติว่ามัน
00:15:01 → 00:15:04 ปล่อยจุมาได้แค่ประมาณนี้แต่ว่าข้างนอก
00:15:04 → 00:15:06 เราอ่ะฝุ่นมันเยอะแล้วมันพัดมาหาเราตลอด
00:15:06 → 00:15:09 เวลามันยังไงก็ไม่ทันอยู่แล้วอืแต่ถ้าจะ
00:15:09 → 00:15:12 ทำให้มันให้มันได้ผลจริงๆก็โอเคสมมุติเรา
00:15:12 → 00:15:13 นั่งอยู่ในห้องอย่างนี้ไม่มีลมอะไรข้าง
00:15:13 → 00:15:16 นอกเข้ามาลมไม่ได้พัดแรงมีฝุ่นนิดหน่อย
00:15:16 → 00:15:18 เราใช้เครื่องนี้อาจจะได้ผลแต่ถ้าออกไป
00:15:18 → 00:15:21 ข้างนอกก็เหมือนเราใส่แค่สบายใจแล้วจริง
00:15:21 → 00:15:23 มันก็ไม่ได้ไม่ได้เบานะฮะเราใส่อะไไวตรง
00:15:23 → 00:15:26 คอนานๆบางคนอ่ะปวดกระดูกคอเดี๋ยวเป็น
00:15:26 → 00:15:29 กระดูกคอเสื่อมอีกแปลว่าถ้าอยู่อินดออาจ
00:15:29 → 00:15:32 จะพอได้อาจจะพอได้แต่ดีที่สุดคือแต่ถ้าไป
00:15:32 → 00:15:34 ยืนอยู่กลางแยกราชประสงค์แล้วใส่อันเนี้ย
00:15:34 → 00:15:37 ไม่รอดนะไม่รอดไม่รอดเอ่อในต่างประเทศอ่ะ
00:15:37 → 00:15:40 ค่ะคุณหมอเมีการจัดการเรื่อง PM ยังไง
00:15:40 → 00:15:43 บ้างต้องเล่าย้อนไปในช่วงนี่เลยปฏิวัติ
00:15:43 → 00:15:46 อุตสาหกรรมเลยครับแต่ละประเทศในช่วงที่
00:15:46 → 00:15:48 กำลังปฏิวัติใหม่ๆเนี่ยมันมีฝุ่นแบบอย่าง
00:15:48 → 00:15:50 นี้เยอะมากสมัยก่อนเราเรียกว่า smok นะ
00:15:50 → 00:15:53 ครับมันเป็นฝุ่นที่แบบทำให้เมืองทั้ง
00:15:53 → 00:15:55 เมืองมองแล้วเป็นสีเหลืองค่ะนะฮะอย่างที่
00:15:55 → 00:15:58 อเมริกามีลสแองเจลิสในช่วงที่มันแบบฝุ่น
00:15:58 → 00:16:01 ทั้งเมืองเลยแล้วสิ่งที่เค้าทำคือเค้าปิด
00:16:01 → 00:16:03 เมืองเลยอืปิดเลยไม่ให้ทำธุรกิจไม่ให้ทำ
00:16:03 → 00:16:07 อะไรทั้งสิ้นก็จะเหลือไว้เฉพาะพวกที่
00:16:07 → 00:16:09 สำคัญต่อการดำรงชีวิตเช่นโรงพยาบาลอะไร
00:16:09 → 00:16:11 อย่างเงี้ยเป็นต้นแต่ไอ้ใหญ่ๆเนี่ยร้าน
00:16:11 → 00:16:14 ล้วงธุรกิจปิดหมดปิดนานมั้ยคะตัวนี้ผมยัง
00:16:14 → 00:16:16 ไม่แน่ใจว่าเคปิดนานเท่าไหร่ต้องไปดูอีก
00:16:16 → 00:16:18 ทีแต่ว่าปิดจนกว่ามันจะุอันนี้หลายปีหรึ
00:16:18 → 00:16:21 ยังคุณหอนานละนาละหลาย10บปีแล้วฮะพอมัน
00:16:21 → 00:16:23 เป็นแบบนั้นขึ้นมาเนี่ยมันมีคนบางคนที่
00:16:23 → 00:16:26 เขาชินเขาก็ลุยไปแต่คนบางคนก็ป่วยคนเข้า
00:16:26 → 00:16:28 โรงพยาบาลเพิ่มขึ้นแล้วทางรัฐบาลบอกว่า
00:16:28 → 00:16:31 ไม่ได้ละขืนปล่อยไว้อย่างงี้เนี่ยมันจะ
00:16:31 → 00:16:33 สุขภาพไม่ดีแล้วเขาก็ต้องยอมหักกับภาค
00:16:33 → 00:16:35 ธุรกิจเพราะภาคธุรกิจก็ไม่อยากปิดค่ะถูก
00:16:35 → 00:16:38 มั้ยฮะแต่ว่าเนื่องด้วยมันเป็นความสำคัญ
00:16:38 → 00:16:41 ต่อร่างกายของมนุษย์เนาะเขาก็เลยต้องยอม
00:16:41 → 00:16:43 ปิดแล้วหลังจากนั้นนี่ก็มีกฎออกมามากมาย
00:16:43 → 00:16:47 เช่นอ่าถ้ามีรถแล้วมันมี PM 2.5 หรือมี
00:16:47 → 00:16:49 ควันออกมาเยอะเกินเขาจับเลยแล้วก็ไม่ให้
00:16:49 → 00:16:51 วิ่งอีกเลยแล้วก็มีการกำหนดพวกอ่าค่าต่าง
00:16:51 → 00:16:54 ๆที่ปล่อยออกมาจากโรงงานของเสียพวกเนี้ย
00:16:54 → 00:16:56 ก็ต้องดูหมดทุกอย่างครับอืคุณหมอบอกว่า
00:16:56 → 00:17:00 จริงๆแล้วร่างกายของเราเนี่ยมันก็สามารถ
00:17:00 → 00:17:03 ที่จะจัดการกับฝุ่นหรือว่า PM 2.5 ได้
00:17:03 → 00:17:05 แต่ว่าถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มันแบบ
00:17:05 → 00:17:07 ว่าเออมันมันถ่าโถมเข้ามาจริงๆมันก็ไม่
00:17:07 → 00:17:11 ทันอ่ะเนาะทีนี้มันมีวิธีช่วยดีท็อกซ์ PM
00:17:11 → 00:17:13 2.5 ที่ไปเกาะอยู่ในปอดเราในอะไรเราบ้าง
00:17:13 → 00:17:16 มั้ยคะคุณหมอทำอะไรได้บ้างมั้ยคะก็พอได้
00:17:16 → 00:17:19 เหมือนกันคือเวลาที่ของเราเข้าไปในร่าง
00:17:19 → 00:17:21 กายเราเมื่อกี้เราคุยกันถึงวิธีในการลด
00:17:21 → 00:17:23 อย่าให้มันเข้าไปละสมมุติว่าเราลดการที่
00:17:23 → 00:17:26 มีฝุ่นเข้าไปในร่างกายแล้วต่อไปเราเอา
00:17:26 → 00:17:29 วิธีในการขับมันออกให้มันเร็วขึ้นได้มก็
00:17:29 → 00:17:32 วิธีหนึ่งที่มันพอทำได้ก็คือการที่เราทำ
00:17:32 → 00:17:34 ให้เหงื่อออกเช่นถ้าเราไปออกกำลังกายแต่
00:17:35 → 00:17:36 ไม่ได้หมายความว่าไปออกกำลังกายกลางฝุ่น
00:17:36 → 00:17:38 อันนั้นก็ไม่ได้เหมือนกันเพราะเรารับเข้า
00:17:38 → 00:17:40 ไปเยอะใช่มั้ยฮะอาจจะในฟิตเนสหรือในบ้าน
00:17:40 → 00:17:43 เราอย่างเงี้ยถ้าเราเหงื่อออกมันบางทีมัน
00:17:43 → 00:17:45 ขับบางอย่างออกไปทางเหงื่อได้อืหรือการไป
00:17:46 → 00:17:48 ทำซาวน่าค่ะนะครับหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำ
00:17:48 → 00:17:51 ให้เราร้อนขึ้นมาเนี่ยก็สตีมอย่างเงี้ย
00:17:51 → 00:17:55 ยังพอได้นะฮะแช่น้ำร้อนแช่น้ำร้อนก็ได้
00:17:55 → 00:17:57 ค่ะจริงๆมันก็ได้มันบางคนเอ้ยแช่น้ำร้อน
00:17:57 → 00:17:59 มันจะมีเหงื่อแล้วมันมีแต่เราเปียกอยู่
00:17:59 → 00:18:01 แล้วเราก็เลยไม่รู้ใช่มั้ยอ่าแล้วเราก็
00:18:01 → 00:18:03 ไม่รู้ว่ามันอยู่ในน้ำเอค่ะแล้วพวกอาหาร
00:18:04 → 00:18:06 เสริมหรือบนอะไรอย่างเงี้ยคุณหมอมีมั้ยคะ
00:18:06 → 00:18:09 ที่ทานเข้าไปแล้วช่วยแบบล้างพิษออกจากปอด
00:18:09 → 00:18:13 มีมั้ยคะเอตรงๆคือไม่มีฮะไม่มีมันไม่มี
00:18:13 → 00:18:16 อาหารอะไรที่เข้าไปล้างพิษได้เลยนะครับ
00:18:16 → 00:18:18 คือจริงๆตอนนี้เนี่ยก็จะมีคนบอกว่าเอ่อ
00:18:18 → 00:18:22 กินอย่างกระชายขาวกินสมุนไพรต่างๆเพื่อ
00:18:22 → 00:18:24 ที่จะล้างพิษหรือบางทีมีคอร์สล้างพิษอะไร
00:18:24 → 00:18:27 พวกเนี้ยฮะมันก็ถ้ามันล้างได้ก็ดีแต่
00:18:27 → 00:18:29 บังเอิญมันล้างไม่ได้นะฮะออืแล้วพวกนี้
00:18:29 → 00:18:32 เนี่ยมันอ่าค่อนข้างลำบากนิดนึงเนื่องจาก
00:18:32 → 00:18:36 ว่าเค้าก็มักจะอ้างอิงไปถึงประสบการณ์ใน
00:18:36 → 00:18:38 สมัยก่อนว่าเอ้ยสมัยก่อนเขาใช้ของพวกนี้
00:18:38 → 00:18:40 ล้างพิษกันแต่บังเอิญพิษเนี่ยมันเป็นของ
00:18:40 → 00:18:43 ที่ไม่เคยมีการศึกษามาก่อนอือนะครับล้าง
00:18:43 → 00:18:47 ไม่ได้แต่ว่าสิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือเรา
00:18:47 → 00:18:49 รู้ว่ามันไปเกิดการอักเสบในร่างกายมันไป
00:18:49 → 00:18:52 ทำให้เซลล์ของเรากลายพันมันไปทำให้เซลล์
00:18:52 → 00:18:55 ของเรามันแก่ลงเราสามารถไปแก้ไขตรงนี้พอ
00:18:55 → 00:18:57 ได้อย่างเมื่อกี้อ่ะเราลดการที่มันจะเข้า
00:18:57 → 00:18:59 มาในร่างกายละเราขับมันออกไปละถ้ามันยัง
00:18:59 → 00:19:02 อยู่ในร่างกายเราไปลดผลของมันได้มั้ยค่ะ
00:19:02 → 00:19:05 ไอ้ตรงเนี้ยยังพอมีวิธีบ้างมันมีวิธี
00:19:05 → 00:19:08 ธรรมชาติและวิธีที่ไม่ค่อยธรรมชาติอ่ะเอา
00:19:08 → 00:19:10 ธรรมชาติก่อนคุณหมอธรรมชาตินี่ผมว่าทุกคน
00:19:10 → 00:19:12 รู้จักดีอย่างแรกออกกำลังกายนี่ดีอยู่
00:19:12 → 00:19:15 แล้วนะครับเป็นการกระตุ้นภูมิต้านทานให้
00:19:15 → 00:19:17 มันกำจัดไอ้ของพวกนี้ได้เร็วขึ้นนะครับ
00:19:17 → 00:19:20 เราแข็งแรงแน่นอนว่าภูมิของเราก็ต้องต่อ
00:19:20 → 00:19:22 สู้กับสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้นค่ะการที่เรา
00:19:22 → 00:19:25 ไม่ทำให้ร่างกายของเรามันมีปัญหามากขึ้น
00:19:25 → 00:19:28 มากกว่า IPM 2.5 เช่นถ้าเรามี PM 2.5
00:19:28 → 00:19:30 เราพักผ่อนไม่พอเราเครียดด้วยคราวนี้ก็
00:19:30 → 00:19:32 เหมือนปัญหามีมากกว่า 1 อย่างแล้วมันก็
00:19:32 → 00:19:35 ยิ่งแย่แน่นอนการพักผ่อนเพียงพอพวกนี้ก็
00:19:35 → 00:19:38 ลดการอักเสบต่างๆในร่างกายใช่มั้ยครับการ
00:19:38 → 00:19:42 อยู่กับธรรมชาติปัจจุบันเราก็อยู่ในสถาน
00:19:42 → 00:19:46 ที่ที่มันดูดูเป็นเมืองมีเล่นโซเชียลมี
00:19:46 → 00:19:48 อะไรพวกเยก็จะเครียดมากกว่าปกติหรือเรียก
00:19:48 → 00:19:51 ิงพวกอาหารกลุ่มที่มันมีปัญหาทุกคนก็คง
00:19:51 → 00:19:53 รู้อยู่แล้วว่าทานอาหารประเภทไหนแล้วมัน
00:19:53 → 00:19:56 ดีต่อร่างกายค่ะ PM 2.5 มันน่ากลัวกว่า
00:19:56 → 00:19:58 ที่หลายคนคิดเยอะเลยนะครับส่วนใหญ่ก็จะ
00:19:58 → 00:20:01 คิดถึงว่าเออเป็นภูมิแพ้คันจมูกคันตาน้ำ
00:20:01 → 00:20:04 มูกไหลหายใจไม่ได้ก็จะคิดแค่นี้แต่อย่าง
00:20:04 → 00:20:07 เมื่อกี้เล่าอ่ะมีผลต่อสมองเป็นสตกก็ได้
00:20:07 → 00:20:10 เป็นโรคหัวใจก็ได้มันไปที่ไตก็ไตเสื่อม
00:20:10 → 00:20:13 ได้ตับก็มีปัญหาได้เหมือนกันจากโรคเนี้ย
00:20:13 → 00:20:15 ค่ะทำให้แก่ได้เร็วอีกต่างหากอเพราะมันไป
00:20:15 → 00:20:18 เร่งกระบวนการการกลายพันธุ์ของเซลล์พวก
00:20:18 → 00:20:20 นี้แล้วก็ทำให้เซลล์มันมีปัญหาได้เกิดการ
00:20:20 → 00:20:22 อักเสบเยอะก็ยิ่งแก่เร็วเราก็ไม่มีใคร
00:20:22 → 00:20:25 อยากจะแก่กันค่ะอ่ะแล้ววิธีไม่ธรรมชาติ
00:20:25 → 00:20:27 บ้างคุณหมอถ้าไม่ธรรมชาติบ้างอันเนี้ยก็
00:20:27 → 00:20:30 ต้องบอกว่าเขาก็เริ่มไปดูสิว่ามันมีกลไก
00:20:30 → 00:20:33 อะไรมยที่เราจะจัดการกับพวกการอักเสบต่าง
00:20:33 → 00:20:36 ๆในร่างกายก็จะมีคนพยายามคิดว่าถ้าไม่นับ
00:20:36 → 00:20:40 เรื่องอาหารแล้วอาหารเสริมมีส่วนมหรือการ
00:20:40 → 00:20:43 ไปทำวิธีต่างๆตามคลินิกหรือตามเวชศาสตร์
00:20:43 → 00:20:46 ชะลอวัยพอจะมีส่วนช่วยได้บ้างมค่ะต้องบอก
00:20:47 → 00:20:49 ไว้ก่อนว่าวิธีทั้งหมดตรงนี้เนี่ยนะครับ
00:20:49 → 00:20:52 มันยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจะทำได้แน่
00:20:52 → 00:20:57 ๆ่แต่มันมีการคิดทางทฤษฎีว่าอาจจะทำได้
00:20:57 → 00:20:59 ซึ่งก็มีคนที่พร้อมที่จะจะจัอินอยู่แล้ว
00:20:59 → 00:21:02 ค่ะคุณน้องแน่นอนครับเยอะแยะเลยซึ่งก็คือ
00:21:02 → 00:21:04 ยกตัวอย่างตอนนี้เนี่ยที่ดังๆก็มี nad
00:21:04 → 00:21:10 ใช่มั้ย nmn nr ค่ะกับหลายๆตัวกลุ่มยาิิ
00:21:10 → 00:21:13 อย่างเงี้ยนะครับเยอะแยะไปหมดเลยอืซึ่งใน
00:21:13 → 00:21:17 เรื่องของปอดคุณหมอมีประสบการณ์มยที่ว่า
00:21:17 → 00:21:20 เอ่อใช้ควบคู่กับคนไข้อะไรอย่าเงี้ยแล้ว
00:21:20 → 00:21:23 มันแบบว่าเออมันมันมันช่วยตรงนี้นี่ยัง
00:21:23 → 00:21:25 ไม่มีตรงๆเพราะว่าผมจะอธิบายคนไข้ไว้ก่อน
00:21:26 → 00:21:29 ว่าของพวกนี้เนี่ยมันไม่ได้รับการพิสูจน์
00:21:29 → 00:21:32 ค่ะระยะยาวแล้วก็ต่อให้มันพิสูจน์ในระยะ
00:21:32 → 00:21:35 ยาวมันพิสูจน์ในใครค่ะโรคไหนใช่มั้ยฮะแต่
00:21:35 → 00:21:38 ผมก็จะบอกเ้าไปก่อนว่าทางทฤษฎีมันอาจจะดี
00:21:38 → 00:21:43 ก็ได้ถ้าเกิดจะลองก็ได้อ่าเราก็เราก็ต้อง
00:21:43 → 00:21:46 บอกไปตรงๆแบบนี้เพราะตอนนี้รีเสิร์ชส่วน
00:21:46 → 00:21:48 ใหญ่ก็ยังเป็นหนูใช่มั้ยคะคุณหมอมีเริ่ม
00:21:48 → 00:21:51 ในคนบ้างแล้วแต่ว่ามันยังไม่ค่อยถึงขั้น
00:21:51 → 00:21:53 ที่เราสามารถบอกได้ว่ามันดีแน่ๆฮะอือ
00:21:53 → 00:21:55 อย่างศาสตร์พวกนี้ส่วนใหญ่เเอามาใช้ในการ
00:21:55 → 00:21:58 ย้อนไวก่อนใช่มั้ยฮะเริ่มมาจากจริงๆจก็
00:21:58 → 00:22:01 เริ่มจากด David ซิคที่เขาไปค้นพบยีนที่
00:22:01 → 00:22:05 เกี่ยวข้องกับการแก่ตัวนึงชื่อเซนแล้วก็
00:22:05 → 00:22:08 เขาไปลองทำยังไงสักวิธีนึงที่ทำให้ยีนตัว
00:22:08 → 00:22:11 นี้มันทำงานดีขึ้นนะครับเขาบอกว่ามันย้อน
00:22:11 → 00:22:15 ได้เลยนะมันแบบหนูแบบหงอกแล้วก็กลับไปไม่
00:22:15 → 00:22:17 หงอกอะไรอย่างงี้เลยอันนั้นเป็นอีกวิธี
00:22:17 → 00:22:19 นึงครับอ๋อเป็นอีกวิธีนึงเหรอคะใช่อัน
00:22:19 → 00:22:21 นั้นจริงๆมันถ้าคุยอาจจะยาวนิดนึงมันเป็น
00:22:21 → 00:22:25 วิธีอย่างนึงของดรชินยะยานากะเป็นคน
00:22:25 → 00:22:28 ญี่ปุ่นที่ค้นพบวิธีในการย้อนไวเซลล์ได้
00:22:28 → 00:22:31 คนแรกแล้วทำได้จริงๆแต่ว่ามันจะต้องใช้
00:22:31 → 00:22:34 ยีน 4 ตัวด้วยกัน 1 ในนั้นเป็นยีนมะเร็ง
00:22:34 → 00:22:38 ด้วยว้ายอืเทีนี้ดอกซินแคลร์เคไปทำเนี่ยเ
00:22:38 → 00:22:41 ไม่อยากได้ยีนมะเร็งเขาจะเอาแค่ไอ้ 3 ยีน
00:22:41 → 00:22:44 ที่เหลือแล้วก็ต้องไปเ่อปรับปรุงมันอีก
00:22:44 → 00:22:46 นิดนึงเพราะว่าถ้าเราใช้วิธีนี้ย้อนไวเรา
00:22:46 → 00:22:49 กำหนดไม่ได้เลยว่าจะย้อนไปถึงเมื่อไหร่
00:22:49 → 00:22:51 ใช่มั้ยสมมุติว่าเราย้อนไว 40 แล้วกลายไป
00:22:51 → 00:22:54 เป็น 0 ปีอย่างเงี้ยออค่ะใช่มั้ยฮะเราก็
00:22:54 → 00:22:56 ต้องมีการกำหนดได้ว่าเอ้ยเราอยากจะย้อนไป
00:22:56 → 00:22:59 5 ปีไม่มากกว่านั้นคเนี่ยคือสิ่งที่เขา
00:22:59 → 00:23:01 ทำอยู่แต่เรามีความหวังเรามีความหวัง
00:23:01 → 00:23:03 อย่างน้อยก็หวังได้มากกว่าสมัยก่อนครับผม
00:23:04 → 00:23:07 เอออ่ะถ้าอย่างงั้นให้คุณหมออธิบายดีกว่า
00:23:07 → 00:23:11 ว่าแนตคืออะไรคะแล้วมันสำคัญกับร่างกาย
00:23:11 → 00:23:15 ยังไงแล้วทำไมหลายๆคนถึงอยากจะไปอยากจะ
00:23:15 → 00:23:17 เพิ่มอยากจะไปฉีดตัวแนทเนี่ยมันเป็น
00:23:17 → 00:23:21 อนุพันธ์หรือเรียกว่าเพื่อนๆของวิตามิน B3
00:23:21 → 00:23:23 แล้วะกันค่ะสารตัวนี้เนี่ยมันเป็นสารที่
00:23:23 → 00:23:26 มันมีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้วทุก
00:23:26 → 00:23:28 เซลล์อยู่แล้วมันเกี่ยวข้องกับการสร้าง
00:23:28 → 00:23:30 พลังพลังงานให้กับร่างกายกับทุกๆเซลล์ทุก
00:23:30 → 00:23:32 เซลล์เราต้องใช้พลังงานมันก็ต้องใช้ตัว
00:23:32 → 00:23:34 นี้เหมือนกันแต่ว่ามันไม่ได้มีหน้าที่แค่
00:23:34 → 00:23:37 สร้างพลังงานอย่างเดียวมันยังมีหน้าที่ใน
00:23:37 → 00:23:40 การร่วมกับตัวอื่นๆซ่อมแซมเซลล์ที่มัน
00:23:40 → 00:23:43 เสียค่ะอ่าหรือเซลล์ที่มันมี DNA ที่มัน
00:23:43 → 00:23:47 ผิดปกติไปช่วยในการที่ทำให้ตัวโรงงานผลิต
00:23:47 → 00:23:49 พลังงานของเราหรือไมโตคอนเดรียเนี่ยมันมี
00:23:49 → 00:23:50 การสร้างตัวใหม่ขึ้นมาเพราะว่าถ้าโรงงาน
00:23:50 → 00:23:53 มันเก่ามันก็ไม่ค่อยดีเราช่วยให้มันสร้าง
00:23:53 → 00:23:56 ใหม่แล้วก็ลดการอักเสบคือมันแทบจะทุก
00:23:56 → 00:23:58 อย่างเลยที่มันช่วยได้มันฟังดูคือเป็น
00:23:58 → 00:24:02 Miracle มากเลยใช่แล้วปัญหาคือมันจะสูง
00:24:02 → 00:24:05 ที่สุดประมาณอายุแถวๆ 25-30 ปีแล้วหลัง
00:24:05 → 00:24:07 จากนั้นมันลดลงไปเรื่อยๆอ่าอย่างเช่นถ้า
00:24:07 → 00:24:10 อายุ 50 เนี่ยก็จะเหลือสักประมาณครึ่งนึง
00:24:10 → 00:24:13 ของช่วงที่มันพีคสูงสุดอ่ะครับคนก็เลยมี
00:24:13 → 00:24:16 ความคิดว่าเอ๊ะไอ้เพะอย่างงี้หรือเปล่า
00:24:16 → 00:24:18 มันถึงทำให้ร่างกายเรามีปัญหาต่างๆตามมา
00:24:18 → 00:24:21 ตามอายุเพราะว่ามันลดลงไปเรื่อยๆเลยค่ะ
00:24:21 → 00:24:23 แล้วถ้าเราไปเติมมันล่ะมันจะแก้ไขปัญหา
00:24:23 → 00:24:25 ทางด้านความเสื่อมต่างๆของร่างกายหรือโรค
00:24:25 → 00:24:28 ที่มากับอายุได้มเช่นเบาหวานความดันโรค
00:24:28 → 00:24:30 อ้วนไขมันสมองอะไรอย่างเงี้ยฮะเอ่อแล้ว
00:24:30 → 00:24:33 นอกจากอายุแล้วอ่ะค่ะมันมีปัจจัยอะไรมยคะ
00:24:33 → 00:24:37 ที่เอ่อมันทำให้แบบแนตของเรานี่มันยิ่งลด
00:24:37 → 00:24:41 ลงเร็วคืออย่างที่เมื่อกี้บอกนะครับตัวแท
00:24:41 → 00:24:43 เนี่ยมันเป็นตัวที่ต้องประกอบกับอย่าง
00:24:43 → 00:24:45 อื่นเพื่อที่จะใช้ในการทำหน้าที่บางอย่าง
00:24:45 → 00:24:48 เช่นสมมุติว่าอคนเราใช้ชีวิตเจอ PM 2.5
00:24:48 → 00:24:50 ทุกวันร่างกายมีการอักเสบตลอดเวลาเซลล์
00:24:50 → 00:24:53 มันมีปัญหาแล้วมันต้องซ่อมในกระบวนการ
00:24:53 → 00:24:55 ซ่อมเซลล์พวกนี้นะครับมันก็จะต้องทำหน้า
00:24:55 → 00:24:57 ที่ร่วมกับตัวอื่นเช่นมันจะมีเอนไซม์ตัว
00:24:57 → 00:25:00 นึงชื่อ PA rp ค่ะตัวนี้เนี่ยมันจะไปบอก
00:25:00 → 00:25:03 เลยว่าออเซลล์ตรงนี้มันผิดปกติเหมือนเอา
00:25:03 → 00:25:05 สติ๊กเกอร์ไปแปะแล้วไอ้ตัว nid มันก็ต้อง
00:25:06 → 00:25:08 เข้ามาร่วมออค่ะตัวเนเมื่อตะกี้ที่เล่าไป
00:25:08 → 00:25:10 ก็ต้องเข้ามาร่วมกันบอกว่าเฮ้ยเราซ่อมกัน
00:25:10 → 00:25:12 ดีกว่าทีนี้ถ้าเกิดมันมีเซลล์พวกนี้เสีย
00:25:12 → 00:25:16 เยอะๆจะเราเจอแสงเจอ pm5 เรอะๆมันก็ต้อง
00:25:16 → 00:25:19 ใช้แนตเนี่ยเยอะขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆค่ะใคร
00:25:19 → 00:25:22 เจอเยอะมันก็ใช้เยอะมันก็ลดเร็วค่ะถูก
00:25:22 → 00:25:25 มั้ยฮะใครเจอน้อยไม่ค่อยเครียดไม่ค่อยเจอ
00:25:25 → 00:25:27 ปัญหาเรื่อง PM 2.5 มันก็อาจจะไม่ค่อย
00:25:27 → 00:25:30 ต้องใช้เยอะพูดง่ายๆชีวิตใคร extrem
00:25:30 → 00:25:33 หน่อยก็ก็จะไปเร็วก็ก็จะก็จะมีส่วนเหมือน
00:25:33 → 00:25:36 กันครับอือแล้วอย่างเงี้เราจะเติมแนตเข้า
00:25:36 → 00:25:38 สู่ร่างกายด้วยวิธีไหนได้บ้างคะคุณหมอ
00:25:38 → 00:25:40 งั้นวิธีที่ตรงที่สุดในการเอาไปในร่างกาย
00:25:40 → 00:25:42 ก็คือการฉีดเข้าไปเลยมันก็เป็นวิธีหนึ่ง
00:25:42 → 00:25:45 แต่ปัญหาของการฉีดเนี่ยมันก็มีได้หลาก
00:25:45 → 00:25:48 หลายนะครับเพราะว่ามันสามารถมีผลข้าง
00:25:48 → 00:25:51 เคียงระยะสั้นได้และผลข้างเคียงบางอย่าง
00:25:51 → 00:25:53 เป็นผลข้างเคียงทางทฤษฎีแต่ไผลข้างเคียง
00:25:53 → 00:25:55 ทางทฤษฎีเนี่ยมันน่ากลัวอย่างนึงก็คือ
00:25:55 → 00:25:58 มะเร็งอืถ้าเกิดใครที่มีมะเร็งอยู่ในร่าง
00:25:59 → 00:26:00 กายเนี่ยมะเร็งมันเป็นเซลล์ที่มันใช้พลัง
00:26:00 → 00:26:02 งานเยอะมากแล้ว
00:26:02 → 00:26:06 คังที่ไปเพิ่มพลังให้มะเร็งมันก็อาจจะโต
00:26:06 → 00:26:09 ได้ค่ะนี่เป็นทางทฤษฎีเท่านั้นยังไม่ได้
00:26:09 → 00:26:11 มีการพิสูจน์นะครับดังนั้นเราตอบไม่ได้
00:26:11 → 00:26:12 ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือมันอาจจะ
00:26:12 → 00:26:15 เป็นอย่างนั้นไม่จริงก็ได้ค่ะแต่อีกอัน
00:26:15 → 00:26:18 นึงที่เรามีปัญหาก็คือระยะสั้นหมายความ
00:26:18 → 00:26:20 ว่าตอนที่กำลังฉีดเนี่ยถ้าบังเอิญฉีดโดส
00:26:20 → 00:26:23 สูงเกินไปฉีดเร็วเกินไปหรือคนไหนที่เขาไว
00:26:23 → 00:26:26 ต่อไอ้พวกเนี้ยมากๆเช่นคนที่น้ำหนักน้อย
00:26:26 → 00:26:29 เหมือนคนเอเชียไม่ใช่คนฝั่งตัวใหญ่แล้วไป
00:26:29 → 00:26:32 เจอโดสฝรั่งเจอโดสฝรั่งเดโดสให้เร็วๆอยาก
00:26:32 → 00:26:35 จะรีบๆกลับบ้านอะไรเงี้ยอยากให้เร็วๆก็มี
00:26:35 → 00:26:38 ผลข้างเคียงเยอะเลยเช่นปวดหัวนะครับใจ
00:26:38 → 00:26:42 สั่นหน้าแดงตัวแดงนะครับมีตะคริวเกิดขึ้น
00:26:42 → 00:26:45 มาในร่างกายนะครับบางคนรู้สึกเหมือนจะตาย
00:26:45 → 00:26:49 เลยหายใจไม่ออกนะฮะซึ่งอันเนี้ยเราเคยมี
00:26:49 → 00:26:51 ประสบการณ์อยู่แล้วหลายๆคนบางทีฉีดก็เคย
00:26:52 → 00:26:53 เจอแบบนี้บอกว่าเอ้ยครั้งที่สอนไม่เอา
00:26:53 → 00:26:56 แล้วไม่ฉีดละเข็ดเข็ดไม่ไม่ไหวมันเหมือน
00:26:56 → 00:26:59 จะไม่รอดเลยคุณหมอเคยฉีดมั้ยคะอ๋อยังครับ
00:26:59 → 00:27:01 ยังแต่ผมเคยรักษาคนที่เขาฉีดมาแล้วมี
00:27:01 → 00:27:03 ปัญหาอ๋อค่ะที่อเมริกาฉีดได้ใช่มั้ยคะ
00:27:03 → 00:27:06 จริงๆมันก็มีทุกที่แหละครับแต่ว่ามันเรา
00:27:06 → 00:27:08 ไม่พูดถึงเมืองไทยไงเราไม่พูดถึงเมืองไทย
00:27:08 → 00:27:11 ใครที่เคอ่าดูแลกันยังไงแน่นอนว่าทุกที่
00:27:11 → 00:27:14 ก็มีเพราะว่าพวกนี้เมีแบบมาฉีดที่บ้าน
00:27:14 → 00:27:17 ด้วยเอออ่าหรือจะไปฉีดที่คลินิกที่เขาอ่า
00:27:17 → 00:27:20 register ไว้ก็ได้แต่ในสหรัฐนี่ก็คือทำ
00:27:20 → 00:27:23 ได้ใช่มั้ยคะมันก็ทำได้แต่ปัญหามันจะเป็น
00:27:23 → 00:27:25 คือเนื่องจากว่าข้อมูลมันยังไม่ได้ชัดเจน
00:27:25 → 00:27:28 แบบนั้นมันก็จะติดตรงที่ว่าใครเอาอะไรมา
00:27:28 → 00:27:31 โฆษณาแล้วโฆษณาว่าอะไรอืเพราะว่าถ้าโฆษณา
00:27:31 → 00:27:34 ว่า nad สามารถรักษาเบาหวานได้สามารถย้อน
00:27:34 → 00:27:37 ไวได้สามารถทำแบบนี้ได้มันไม่ได้ครับมัน
00:27:37 → 00:27:39 ผิดเพราะว่าเราไม่มีข้อมูลเพื่อที่จะ
00:27:39 → 00:27:41 ซัพพอร์ตคำกล่าวเหล่านั้นดังนั้นจึงไม่
00:27:41 → 00:27:45 สามารถโฆษณาได้แต่บางที่เขาก็อยากจะให้
00:27:45 → 00:27:47 ผู้บริโภคเนี่ยเห็นถึงจุดนี้เยอะๆเขาก็
00:27:47 → 00:27:49 เลยโฆษณาแบบนั้นสุดท้ายก็จะมีปัญหากับทาง
00:27:49 → 00:27:54 fda ของอเมริกาโดนถอนอถามเผื่อคนข้าง
00:27:54 → 00:27:57 บ้านถามเผื่อประเทศอื่นความถี่ในการฉีด
00:27:57 → 00:28:00 ค่ะคุณหมอคือตัว nad เนี่ยโปรโตคอลในการ
00:28:00 → 00:28:03 ฉีดแต่ละโรคไม่เหมือนกันค่ะนะครับบางคนใน
00:28:03 → 00:28:05 ช่วงแรกอาจจะต้องฉีดอาทิตย์ละครั้งถึง 2
00:28:05 → 00:28:08 ครั้งทำอย่างนี้สักเดือนนึงูหลังจากนั้น
00:28:08 → 00:28:10 ก็ค่อยๆห่างขึ้นเช่นกลายเป็นเดือนละครั้ง
00:28:10 → 00:28:13 3 เดือนครั้งอย่างนี้เป็นต้นนะครับแต่
00:28:13 → 00:28:16 ปัญหาคือเดี๋ยวเนี้ยมันมีวิจัยออกมาเพิ่ง
00:28:16 → 00:28:18 ออกมาไม่นานนี้เองมันบอกว่าถ้าเราฉีดมาก
00:28:18 → 00:28:20 จนเกินไปเนี่ยไอ้สารพวกเนี้ยมันกลายไป
00:28:20 → 00:28:24 เป็นสารพิษได้ชื่อ 2 py กับ 4 py เออ
00:28:24 → 00:28:26 สาร 2 ตัวเนี้ยมันทำให้เกิดการอักเสบใน
00:28:26 → 00:28:29 ร่างกายแล้วก็อาจจะก่อให้เกิดโรคหลอด
00:28:29 → 00:28:32 เลือดต่างๆที่เราตอนแรกอยากจะฉีด nid
00:28:32 → 00:28:33 เพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดแต่มันดันเกิด
00:28:33 → 00:28:35 แล้วเหตุผลนึงที่เขาคิดว่ามันเกี่ยวข้อง
00:28:35 → 00:28:38 ก็คือว่าจริงๆแล้วในทางการแพทย์คนที่เป็น
00:28:38 → 00:28:41 โรคไขมันสูงเนี่ยมันจะมียาตัวนึงมาจาก
00:28:41 → 00:28:45 วิตามิน B3 เหมือนกันมันชื่อตัวไอซินอืก็
00:28:45 → 00:28:48 คือเป็นเพื่อนๆของ nad นี่แหละตัวเดียว
00:28:48 → 00:28:52 กันเลยแต่เขาจะให้กินขนาดสูงเช่น 250 5
00:28:52 → 00:28:54 มิลลิกรัมกินเข้าไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:28:54 → 00:28:57 อาการเหมือนตอนที่ฉีดแนทเข้าไปเร็วๆหน้า
00:28:57 → 00:28:58 แดงอะไร
00:28:58 → 00:29:01 แต่ว่ามันเป็นตัวที่โปรไฟลดีมากคือมัน
00:29:01 → 00:29:04 สามารถลด ldl ซึ่งเป็นไขมันไม่ดีได้เพิ่ม
00:29:04 → 00:29:07 hdl ได้ลดไซลายได้ซึ่งมันดูเหมือนน่าจะ
00:29:07 → 00:29:10 ดีมากๆเลยค่ะแต่พอเขาไปดูรวมๆแล้วอ่ะเขา
00:29:10 → 00:29:12 พบว่าเอ๊ะมันไม่เห็นจะช่วยเรื่องของโรค
00:29:12 → 00:29:16 หลอดเลือดเลยนี่ค่ะทำไมจึงเป็นเช่นนั้นคำ
00:29:16 → 00:29:18 ตอบอันนึงซึ่งเขาคิดกันได้ก็คือคุณอาจจะ
00:29:18 → 00:29:21 ให้โดสสูงเกินไปจนมันกลายไปเป็น 2 py
00:29:21 → 00:29:24 กับ 4 py แล้วทำให้เกิดการอักเสบในร่าง
00:29:24 → 00:29:27 กายมันเลยไป offset กับภาวะที่มันควรจะ
00:29:27 → 00:29:31 ช่วยแต่มันดันไม่ช่วยมาที่ nmn กับ nr
00:29:31 → 00:29:33 บ้างค่ะคุณหมอ 2 ตัวนี้เนี่ยมันจะเป็นตัว
00:29:34 → 00:29:36 ที่เรากินเข้าไป nmn เนี่ยนิโคติน mon
00:29:36 → 00:29:39 นลอดนะครับคือมันก็จะมีตัวสาร
00:29:39 → 00:29:41 นิโคตินาไมด์เป็นเป็นก้อนนึงแล้วกันแล้ว
00:29:41 → 00:29:44 ก็ไปบวกกับนิวคลีโอไทด์ซึ่งเป็นสารอีก
00:29:44 → 00:29:47 ชนิดหนึค่ะส่วน nr เนี่ยมันจะไปบวกกับตัว
00:29:47 → 00:29:50 น้ำตาลตัวนึงนะครับ nr คือนิตไบตัวมันจะ
00:29:50 → 00:29:53 เล็กกว่าค่ะ nmn นะครับทั้งหมดเนี่ยสุด
00:29:53 → 00:29:56 ท้ายที่เราต้องการให้เข้าไปอ่ะมันจะไป
00:29:56 → 00:29:58 เพื่อเพิ่ม nad ร่างกาย
00:29:58 → 00:30:01 นะครับตัวที่มันแปลงร่างตรงๆไปเป็น nid
00:30:01 → 00:30:04 ได้เลยก็คือ nmn อื nr เนี่ยก็ได้เหมือน
00:30:04 → 00:30:06 กันแต่ตอนนี้ที่อเมริกาเคมีประเด็นกันก็
00:30:06 → 00:30:09 คือด David sinc เนี่ยเคต้องการทำให้ nmn
00:30:09 → 00:30:12 เนี่ยมันเป็นยาเพราะอะไรอ่ะคุณบอกคือจริง
00:30:12 → 00:30:14 ๆถ้ามันเป็นยาปุ๊บเนี่ยจะมีการควบคุม
00:30:14 → 00:30:19 คุณภาพจากทาง fda นะครับเพราะว่าอาหาร
00:30:19 → 00:30:21 เสริมมันไม่ต้องเข้มขนาดนั้นพอมันไม่เข้ม
00:30:21 → 00:30:24 ขนาดนั้นมันก็ไม่รู้คุณภาพมันดีจริงหรือ
00:30:24 → 00:30:26 เปล่าค่ะแต่ถ้ามันเป็นยาเมื่อแร่เราก็ไม่
00:30:26 → 00:30:28 ว่าจะบริษัทไหนผลิตมันจะมีมาตรฐานของมัน
00:30:28 → 00:30:30 ว่าคุณต้องได้มาตรฐานเท่านั้นไม่งั้นจะ
00:30:30 → 00:30:34 ไม่สามารถวางขายได้อืแล้วเาต้องการเอา nmn
00:30:34 → 00:30:37 เนี่ยมาทดลองจริงๆเพราะว่าเาเคยติดปัญหา
00:30:37 → 00:30:39 อยู่ข้อนึงว่าคนที่เค้ากินน่ะบางทีเบอก
00:30:40 → 00:30:42 ไม่เห็นจะเกิดอะไรขึ้นเลยค่ะทีนี้แล้วจะ
00:30:42 → 00:30:45 รู้ได้ไงที่กินไปมันมีมาตรฐานจริงๆไม่
00:30:45 → 00:30:48 หมายถึงว่ายี่ห้อนี้ที่กินอยู่อะไรอย่าง
00:30:48 → 00:30:49 งี้ใช่มั้ยคะใช่เกิดมันเป็นอันที่ไม่ได้
00:30:50 → 00:30:52 มาตรฐานเช่นมันมีปริมาณต่ำกว่าที่เค้าบอก
00:30:52 → 00:30:54 ไว้อย่าเงี้คหมอเคยกินมั้ยคะครับผมก็เคย
00:30:54 → 00:30:56 กินเล่นที่เราต้องระวังอย่างนึงก็คือว่า
00:30:56 → 00:30:59 ถ้าอันไหนที่มันไม่มี certificate อ่ะอ่า
00:30:59 → 00:31:01 อันนี้ยังไม่ค่อยน่าเชื่อถือยกตัวอย่าง
00:31:01 → 00:31:03 เช่นสมมุติว่าเราจะกิน nmn ตัวนึงของ
00:31:03 → 00:31:06 ยี่ห้ออะไรสักอย่างนึงเราก็ไปดูว่ามันมี
00:31:06 → 00:31:08 หน่วยงานอิสระมาตรวจก็ต้องเป็นเราต้อง
00:31:08 → 00:31:10 เช็คว่าหน่วยงานอิสระนั้นมีตัวตนจริงใช่
00:31:10 → 00:31:13 เออเพราะบางทีอ่ะไปจ้างมาให้ทำอันนี้ก็
00:31:13 → 00:31:16 โดนอีกนะครับพอดูเข้าไปก็ต้องดูว่าปริมาณ
00:31:16 → 00:31:19 ที่เขาวิเคราะห์มาเนี่ยมันถูกจริงหรือ
00:31:19 → 00:31:21 เปล่าเพราะว่าบางทีเขาจะใช้วิธีขี้โกง
00:31:21 → 00:31:24 เช่นเราตรวจเจอ nmn 99% นะแต่สมมุติว่า
00:31:24 → 00:31:28 nmn เม็ด 1 ของเขาเนี่ยคือ 500 มิลกรัม
00:31:28 → 00:31:31 99% มันใช่ 99% ของ 500 มกรหรือเท่าไหร่
00:31:31 → 00:31:34 กันแน่สมมุติว่าในในแคปซูลจริงๆมันมี 100
00:31:34 → 00:31:37 มิลลิกรัมค่ะมันอาจะเจอ 99 มิลลิกรัมก็
00:31:37 → 00:31:38 ได้ก็คือไม่ใช่ 500 มิลลิกรัมอย่างที่เขา
00:31:38 → 00:31:40 บอกอืดังนั้นเนี่ยถ้าเกิดเขาตรวจมาก็ต้อง
00:31:40 → 00:31:44 บอกว่าใน 1 แคปซูลเราเจอทั้งหมด 500
00:31:44 → 00:31:48 มิลกรัมเป็น nmn 99% ถ้าบอกมาอย่างเงี้ย
00:31:48 → 00:31:50 เชื่อได้แล้วก็ต้องไม่แค่นั้นก็ต้องดูว่า
00:31:50 → 00:31:54 เขาบอกอีกไมว่ามันมีสารเจือปนอะไรมเช่นยา
00:31:54 → 00:31:56 ่าแมลงเดี๋ยวนี้ยาค่าแมลงเป็นเรื่องใหญ่
00:31:56 → 00:32:00 มากโลหะหนักตต่างๆถ้าเขาไม่บอกไม่ได้แปล
00:32:00 → 00:32:02 ว่ามันไม่มีแต่เขาไม่ได้ตรวจแล้วก็ต้องดู
00:32:02 → 00:32:04 ว่าตรวจเมื่อไหร่ด้วยแบตไหนถ้าเขาตรวจ
00:32:04 → 00:32:06 เมื่อ 5 ปีที่แล้วเสร้างแบตใหม่ไปแล้วก็
00:32:06 → 00:32:09 ต้องตรวจใหม่อืมันมีข้อดีข้อเสียมั้คะ
00:32:09 → 00:32:12 หมายถึงว่าให้เทียบกันระหว่าง nmn กับ nr
00:32:12 → 00:32:15 ค่ะจริงๆ 2 ตัวนี้เนี่ยถ้าทานเข้าไปด้วย
00:32:16 → 00:32:17 ปริมาณที่เขากำหนดน่ะมันไม่ได้ต่างกัน
00:32:18 → 00:32:21 ขนาดนั้นแต่ตอนเนี้ยเนื่องจากว่าด David
00:32:21 → 00:32:23 sinc เขาจะทำให้ nmn เป็นยามันจะไม่
00:32:23 → 00:32:26 สามารถขายในรูปอาหารเสริมได้ที่อเมริกา
00:32:26 → 00:32:29 งั้นเราจะเจอแต่ nr ที่อเเกาถ้า nmn มี
00:32:29 → 00:32:32 อ่ะมันก็อาจจะแอบขายก็ได้สต๊อกเก่าแล้ว
00:32:32 → 00:32:34 อย่างงี้การเก็บรักษาอย่างเงี้ยค่ะบางคน
00:32:34 → 00:32:38 เป็นสายไปต่างประเทศบางคนไม่ใช่เรานะไป
00:32:38 → 00:32:41 ต่างประเทศแล้วบางทีก็แบบว่าซื้ออาหาร
00:32:41 → 00:32:43 เสริมซื้อซัพวิตามินอะไรอย่างเงี้ยเก็บ
00:32:43 → 00:32:46 ไว้การเก็บรักษามีผลต่อประสิทธิภาพมั้ยคะ
00:32:46 → 00:32:49 มีเลยครับค่ะอย่างตัวพวกเนี้ยร้อนนิด
00:32:49 → 00:32:52 หน่อยมันก็เสียะต้องอยู่ตู้เย็นใช่มั้คุณ
00:32:52 → 00:32:54 บตู้เย็นฮะแล้วเราไม่รู้ว่าขนส่งมายังไง
00:32:54 → 00:32:57 ด้วยเหมือนกันนะครับถ้าเกิดขนส่งมาร้อนๆ
00:32:57 → 00:32:59 ประเทศไทยร้อนๆอย่าเงี้ยเราก็ไม่รู้เเสีย
00:32:59 → 00:33:01 มาอยู่ในโกดังอะไรอย่างเงี้ยอ่าถ้าซื้อมา
00:33:01 → 00:33:04 เยอะๆแล้วเ้าไปเก็บไว้ในโกดังเราก็ไม่รู้
00:33:04 → 00:33:07 เหมือนกันว่าโกดังมันร้อนไม่ร้อนอะไเงี้ย
00:33:07 → 00:33:09 แล้วมันทดสอบเองไม่ได้ด้วยว่ามันเสียแล้ว
00:33:09 → 00:33:11 หรือยังค่ะมันก็อาจจะด้อยประสิทธิภาพลงไป
00:33:11 → 00:33:14 กว่าตอนที่ได้มาใหม่ๆอ่ะครับค่ะคุณหมอบอก
00:33:14 → 00:33:19 ว่า nmn nr เนี่ยเเป็นญาติๆกับวิตามิน B3
00:33:19 → 00:33:21 ใช่มั้ยคะอย่างงี้เรากิน B3 แทนได้มั้ยคะ
00:33:22 → 00:33:24 ปัญหามันอยู่ตรงนี้ร่างกายเราจะเป็นคน
00:33:24 → 00:33:26 เลือกเองว่าจะเปลี่ยนแปลง B3 ไปเป็นอะไร
00:33:26 → 00:33:29 ถ้าเ้าเลือกให้ไปเป็น nad ทีหลังเขาก็จะ
00:33:29 → 00:33:31 ค่อยๆเปลี่ยนของเขไปเองแต่ว่าระหว่างทำง
00:33:31 → 00:33:33 มันเป็นอย่างอื่นได้ด้วยอืมันแปลงไปเป็น
00:33:33 → 00:33:36 อะไรก็ได้ในร่างกายเราที่ร่างกายเรากำหนด
00:33:36 → 00:33:39 นะดังนั้นการกินวิตามิน B3 เข้าไปเนี่ย
00:33:39 → 00:33:41 มันเหมือนเราต้องการเริ่มจากต้นทางให้มัน
00:33:41 → 00:33:43 ไปปลายทางให้ได้ซึ่งมันอาจจะไปทางอื่นก็
00:33:44 → 00:33:47 ได้แต่ถ้าเราเริ่มจาก nr nmn nid นี่
00:33:47 → 00:33:49 มันตรงๆมันมันสั้นกว่าโอกาสที่มันจะกลาย
00:33:49 → 00:33:52 ไปเป็น nid ก็มีสูงกว่าแต่ทีนี้ก็ต้องมา
00:33:52 → 00:33:55 ดูเรื่องของปัจจัยอื่นเช่นมันดูดซึมได้ดี
00:33:55 → 00:33:59 ยค่ะใช่มครับหรือว่าบางคนเอ๊ะมันกินเยอะ
00:33:59 → 00:34:00 ไปหรือเปล่าเพราะเมื่อตะกี้บอกแล้วว่าถ้า
00:34:00 → 00:34:04 เยอะเกินไปในร่างกายมีสารพิษ 2 py 4 py
00:34:04 → 00:34:07 ได้ค่ะแล้วปัญหาอยู่ตรงนี้คือปัจจุบันน่ะ
00:34:07 → 00:34:10 มันไม่มันวัด 2 py กับ 4 py ไม่ได้ห้อง
00:34:10 → 00:34:12 แลบทั่วไปวัดไม่ได้อันนั้นเขาทำในห้อง
00:34:12 → 00:34:15 ปฏิบัติการที่คนทำวิจัยเทำกันถึงวัดได้
00:34:15 → 00:34:18 อ๋อแปลว่าเราไม่สามารถเดินเข้าคลินิกหรือ
00:34:18 → 00:34:19 โรงพยาบาลแล้วก็บอกว่าหาอันนี้ให้หน่อย
00:34:19 → 00:34:22 อะไรอย่างเงี้ยไม่ได้ไม่ได้ครับคือถ้าคิด
00:34:22 → 00:34:26 ให้นอกกรอบมันก็อาจจะพอหาวิธีได้เช่นอ่ะ
00:34:26 → 00:34:28 เราบอกว่าไอ้กลุ่มพวกเเนี่ยเรากินเข้าไป
00:34:28 → 00:34:31 เพื่อที่จะให้ร่างกายเราลดการอักเสบลง
00:34:31 → 00:34:34 หรือว่าย้อนไวได้ดังนั้นเราก็ต้องรู้ซิ
00:34:34 → 00:34:36 ว่าเอ๊ะก่อนกินกหลังที่เรากินไปแล้วเนี่ย
00:34:36 → 00:34:39 ค่าการอักเสบต่างๆของร่างกายเรามันหายไป
00:34:39 → 00:34:41 มยหรือว่าเอ่อสารบางอย่างที่หลั่งออกมา
00:34:41 → 00:34:44 จากเซลล์ซึ่งมันแก่เนี่ยมันลดลงไปมไอ้ตัว
00:34:44 → 00:34:47 พวกเนี้ยอาจจะพอตรวจได้ยกตัวอย่างเช่น
00:34:47 → 00:34:50 High sensitivity crp ตัวเเป็นค่าการ
00:34:50 → 00:34:53 อักเสบโดยรวมก็สามารถตรวจได้ค่ะมันควรจะ
00:34:53 → 00:34:57 ต้องลดลงถูกมั้ยครับอ่าค่า il 6 il 8
00:34:57 → 00:35:01 mcp 1 tnf Alpha ชื่อปหลาดๆพวกเนี้ย
00:35:01 → 00:35:03 มันเป็นตัวที่มันเกี่ยวข้องกับการอักเสบ
00:35:03 → 00:35:06 แล้วก็เซลล์แกมันควรจะต้องดีขึ้นค่ะถ้า
00:35:06 → 00:35:08 เกิดกินเสร็จปุ๊บสัก 2-3 เดือนแล้วเราไป
00:35:08 → 00:35:10 ตรวจก่อนกหลังมันไม่ต่างกันเลยอย่างงี้ก็
00:35:10 → 00:35:12 แปลว่ามันนไม่น่าได้ผลแหะแต่ว่าถ้ามัน
00:35:12 → 00:35:15 เพิ่มขึ้นเนี่ยมันแปลได้ว่าเราอาจจะกิน
00:35:15 → 00:35:18 เยอะไปมั้ยคะจริงๆตอนช่วงแรกมันไม่มันไม่
00:35:18 → 00:35:20 ควรจะกินเยอะเกินไปอยู่แล้วไอ้ที่เยอะ
00:35:20 → 00:35:23 เกินไปเนี่ยมันมักจะมาจากการฉีดก็มากกว่า
00:35:23 → 00:35:25 อืเพราะฉีดมันเข้าเลือด 100% เต็มๆแล้ว
00:35:25 → 00:35:27 มันก็เป็น nad ด้วยมันไม่ได้ฉีด nr ไปแปง
00:35:27 → 00:35:32 เคสคนใกล้ตัวทานโดสเดียวกับ David ซิคอื
00:35:32 → 00:35:35 แต่ว่าลืมไปว่า David ซิคแก่กว่าเราเยอะ
00:35:35 → 00:35:41 ก็เลยมีอาการหน้าแดงร้อนร้อนตลอดเวลาแบบ
00:35:41 → 00:35:44 เหงื่อออกเหมือนร่างกายแบบร้อนอะไรอย่าง
00:35:44 → 00:35:46 เงี้ยก็เหมือนมี information ร้อนในอะไร
00:35:46 → 00:35:48 อย่างเงี้ยค่ะอันนั้นจริงๆมันเป็นผลข้าง
00:35:48 → 00:35:50 เคียงของมันนะก็เหมือนยกตัวอย่างเมื่อ
00:35:50 → 00:35:53 ตะกี้ยาไอซินที่เราใช้กินกับ nid ถ้าฉีด
00:35:53 → 00:35:55 เร็วเกินไปโดสสูงเกินไปก็จะเป็นแบบนั้น
00:35:55 → 00:35:57 ค่ะจรถ้าเป็นแบบนั้นก็ควรจะต้องลดลงลงมา
00:35:57 → 00:36:00 เนาะมันไม่ควรจะทรมานเพราะว่าผมเคยได้ยิน
00:36:00 → 00:36:03 หลายๆครั้งเนี่ยเเบอกว่าถ้าเรากินเข้าไป
00:36:03 → 00:36:06 อย่างสมุนไพรบางตัวเนี่ยมันกำลังล้างพิษ
00:36:06 → 00:36:08 อยู่มันกำลังกำจัดพิษออกเราถึงรู้สึกแบบ
00:36:08 → 00:36:10 นั้นแต่จริงๆมันมันไม่ใช่มันผลข้างเคียง
00:36:10 → 00:36:12 ของมันไอ้นี่ก็เหมือนกันฮะอค่ะหนักไปอัน
00:36:12 → 00:36:14 นั้นอาจารอาจจะเยอะไปอาจจะต้องลดลงมาบาง
00:36:14 → 00:36:16 คนถ้าเพิ่งเริ่มกินใหม่ๆบางคนก็จะมีปวด
00:36:16 → 00:36:20 ท้องท้องเสียได้ก็ก็แปลว่าเราคนลดลงมา
00:36:20 → 00:36:22 ก่อนอย่าเพิ่งไปกินโดสสูงเลยค่ะของคุณหมอ
00:36:22 → 00:36:25 เป็นยังไงบ้างคะประสบการณ์ผมก็ช่วงแรกๆ
00:36:25 → 00:36:28 ที่กินก็รู้สึกว่ามันขึ้นไส้นิดหน่อยแต่
00:36:28 → 00:36:30 กินไม่สัก้าก็โอเคเหมือนเดิมนะอแล้วรู้
00:36:30 → 00:36:33 สึกแบบกระปี้กระเป๋่าอะไรอย่างเงี้มั้ย
00:36:33 → 00:36:35 เปล่าเลยจริงเหรอคะสำหรับผมไม่มีผลอะไร
00:36:35 → 00:36:38 เลยเอองั้นผมก็เลยหยุดกินไปเพราะว่าผม
00:36:38 → 00:36:41 เชื่อว่าของแบบเนี้ยมันดีจริงทางทฤษฎีแต่
00:36:41 → 00:36:44 เวลาที่เรามากินมันต้องวัดผลค่ะใช่มั้ยฮะ
00:36:44 → 00:36:47 ถ้าเราบอกว่าเรากินตามคนอื่นที่เขาว่าดี
00:36:47 → 00:36:49 แล้วเราไม่วัดผลอะไรเลยเราจะรู้ได้ยังไง
00:36:49 → 00:36:51 ว่ามันดีอือ่ะอย่างน้อยๆถ้าเกิดว่าเรากิน
00:36:51 → 00:36:53 เข้าไปแล้วรู้สึกกระปี้กระป่องนอนหลับได้
00:36:53 → 00:36:56 ดีแข็งแรงขึ้นแล้วเราไปตรวจวัดว่าโอ้ไข
00:36:56 → 00:36:59 มันของเราลดลงเบาหวานเราคุมดีขึ้นค่าการ
00:36:59 → 00:37:01 อักเสบลดลงไอ้อย่างเงี้ยผมถึงว่าคุ้มค่า
00:37:02 → 00:37:04 ที่จะใช้ต่ออืแต่ถ้าเกิดผ่านไป 3 เดือน 4
00:37:04 → 00:37:06 เดือนก็แล้ว 6 เดือนก็แล้วเหมือนเดิม
00:37:06 → 00:37:09 เปี๊ยบเลยค่ะอย่างงี้ก็แปลว่าเอ๊ะมันอาจ
00:37:09 → 00:37:11 จะไม่ค่อยคุ้มค่าสำหรับเราแล้วก็ร่างกาย
00:37:11 → 00:37:12 ของคนเรามันไม่เหมือนกันอยู่แล้วดังนั้น
00:37:12 → 00:37:15 บางคนอาจจะได้ผลแล้วบางคนก็อาจจะไม่ได้ผล
00:37:15 → 00:37:18 อืค่ะตอนนี้มันมีงานวิจัยอะไรใหม่ๆที่น่า
00:37:18 → 00:37:20 สนใจเกี่ยวกับแนตบ้างคะคุณหมอตอนเนี้ยคือ
00:37:20 → 00:37:24 เดวิดิคเคกำลังลองเอาไปใช้กับโรคไม่ใช่
00:37:24 → 00:37:26 ใช้กับคนธรรมดาแล้วคนธรรมดาก็เราก็รู้
00:37:26 → 00:37:29 อยู่แล้วเราอยากย้อนไหวใช่มใช่ค่ะแต่ว่า
00:37:29 → 00:37:32 กับโรคจริงๆนะเนี่ยเพราะว่าในเมื่อ nad
00:37:32 → 00:37:35 มันควรที่จะต้องแก้ไขโรคจากความเสื่อมได้
00:37:35 → 00:37:37 ค่ะเขาก็เลยอยากจะเอาไอ้เนี่ยไปทดลองจริง
00:37:37 → 00:37:40 ๆกับคนที่เป็นโรคอะไรักอย่างเช่นมาปอด
00:37:40 → 00:37:42 เป็นพังผืนเงี้เคกำลังทดลองอยู่ตรงนี้เ
00:37:42 → 00:37:45 ต้องรอผลก่อนมันยังไม่ออกมาค่ะไปทดลองกับ
00:37:45 → 00:37:48 คนที่มีโรคเส้นประสาทมันเสียอย่างเงี้ย
00:37:48 → 00:37:50 เพราะว่ามันมันเสียเพราะมันเสื่อมส่วน
00:37:50 → 00:37:53 หนึ่งถ้าเราไปแก้ไขตรงนี้มันจะถอยกลับมา
00:37:53 → 00:37:55 เป็นแบบเดิมได้มยเคกำลังทดลองอยู่ยังไม่
00:37:55 → 00:37:58 ได้มีผลออกมานะฮะค่ะแล้วอย่างนี้เรา
00:37:58 → 00:38:02 สามารถเพิ่มแนตด้วยวิธีการธรรมชาติได้มย
00:38:02 → 00:38:05 คุณหมอก็แน่นอนกลับไปสู่พื้นฐานออกกำลัง
00:38:05 → 00:38:07 กายนี่ช่วยแน่นอนอยู่แล้วจริงๆถ่วยทุก
00:38:07 → 00:38:10 อย่างเลยอาหารปัจจุบันอาหารที่ดีที่สุดก็
00:38:10 → 00:38:13 คือ Balance Diet อแล้วก็จะเน้นพวกผัก
00:38:13 → 00:38:17 อะไรพวกนี้นิดนึงนะครับแล้วก็การพักผ่อน
00:38:17 → 00:38:19 ค่ะเพราะว่าถ้าเรามัวแต่ใช้พลังงานทั้ง
00:38:20 → 00:38:22 วันเราไม่พักเลย nad มันก็ต้องถูกใช้ไป
00:38:22 → 00:38:25 เรื่อยๆถูกมั้ยครับอืเบอกว่า If ก็สามารถ
00:38:25 → 00:38:28 เพิ่ม nad ได้หรอคะคุณหมอมันก็มีส่วนคือไ
00:38:28 → 00:38:31 เนี่ยมันเป็นการบอกร่างกายว่าขณะเนี้ยเรา
00:38:31 → 00:38:33 กำลังไม่มีพลังงานมาเติมในร่างกายแล้วนะ
00:38:33 → 00:38:36 เราอดอาหารอยู่ใช่มั้ยครับพอเราไม่มีพลัง
00:38:36 → 00:38:38 งานร่างกายมันก็ต้องพยายามจะเก็บทุกๆ
00:38:38 → 00:38:41 อย่างไว้ค่ะมันก็จะเกิดกระบวนการต่างๆมาก
00:38:41 → 00:38:43 มายในการเก็บสารพวกนี้ 1 ในนั้นก็คือ
00:38:43 → 00:38:45 กระบวนการที่เรียกว่า autophagy หรือการ
00:38:45 → 00:38:48 ีนลงของร่างกายเรานะฮะคือถ้าเกิดว่าเรามี
00:38:48 → 00:38:50 พลังงานมหาศาลเราจะเอามันไปทำอะไรก็ได้
00:38:50 → 00:38:52 เราไม่ต้องกลัวเราไม่ต้องประหยัดใช้แหลก
00:38:52 → 00:38:54 เลยแต่ถ้าเกิดสมมุติว่าเรามีปริมาณพลัง
00:38:54 → 00:38:56 งานจำกัดเนี่ยร่างกายเรามันก็ต้องเอาของ
00:38:56 → 00:38:59 เก่ามาใช้เส่นสมมุติว่าเรามีเซลล์เก่าๆ
00:38:59 → 00:39:01 อยู่มันไม่ค่อยทำหน้าที่เราย่อยมันทิ้งไป
00:39:01 → 00:39:04 เลยดีกว่าหรือเรามีไมโทคอนเดรียซึ่งมัน
00:39:04 → 00:39:06 เอาไว้ผลิตพลังงานแต่มันแก่แล้วค่ะเรา
00:39:06 → 00:39:08 ย่อยมันทิ้งไปเลยแล้วก็สร้างตัวใหม่ที่
00:39:08 → 00:39:11 มันดีกว่านะครับไทก็อยู่ในกระบวนการนี้
00:39:11 → 00:39:15 ทั้งหมดเหมือนกันนะครับอ่ะสรุปเลยคุณหมอ
00:39:15 → 00:39:17 มีความคิดเห็นยังไงคะเกี่ยวกับการเพิ่ม
00:39:17 → 00:39:20 nad คือสำหรับผมนะครับในเชิงทฤษฎีผมคิด
00:39:21 → 00:39:24 ว่ามันน่าสนใจมีความหวังมันมีความหวังค่ะ
00:39:24 → 00:39:26 นะฮะแต่ว่าก่อนที่เราจะมีความหวังก็ต้อง
00:39:26 → 00:39:29 รู้อันตรายของมันก่อนว่าถ้ามากเกินไปมัน
00:39:29 → 00:39:31 มีสารพิษอย่างเมื่อตะกี้ได้แล้วเรายังไม่
00:39:31 → 00:39:34 มีวิธีในการตรวจมันที่ชัดเจนนะครับถ้าจะ
00:39:34 → 00:39:37 ใช้มันต้องมีการวัดผลไม่ว่าจะเป็นความรู้
00:39:38 → 00:39:41 สึกตัวเองหรือผลเลือดหรือผลการอักเสบผล
00:39:41 → 00:39:43 ของเซลล์แก่ค่ะนะครับเพราะว่าถ้าทำแบบ
00:39:43 → 00:39:45 เนี้ยมันถึงจะได้ประโยชน์สูงสุดกับผู้
00:39:45 → 00:39:48 บริโภคครับอืคุณหมอกินแล้วไม่รู้สึกอะไร
00:39:48 → 00:39:51 เลยหรอคะไม่ได้รู้สึกเลยอืถ้าจะเอาให้ครบ
00:39:51 → 00:39:54 ทุกวงจรของมันเนี่ย nad อย่างเดียวมันก็
00:39:54 → 00:39:56 ไม่ได้ช่มว่าโดสอาจจะไม่ถึงด้วยป่ะคุณหมอ
00:39:56 → 00:39:58 เลยไม่รู้สึกมกินเท่าไหร่คะผมกินตอนแรก
00:39:58 → 00:40:01 เริ่ม 1,000 นก่อนอูอย่างที่บอกว่าบางคน
00:40:01 → 00:40:04 เาตอบสนองดีกว่าบางคนก็อาจจะตอบสนองไม่ดี
00:40:04 → 00:40:07 อย่างผมนี่ก็ไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่จะ
00:40:07 → 00:40:09 อขนาด 1,000 นึงยังไม่ยังไม่ตอบสนองอาจจะ
00:40:09 → 00:40:11 Energy เยอะอยู่แล้วตั้งแต่แรกก็ไม่รู้อ
00:40:11 → 00:40:13 คุณหมอขอโทษนะคะอายุเท่าไหร่คะ 42 อุ๊ย
00:40:13 → 00:40:16 อายุก็พอๆกันทำไมเอเนอจี้ยังไม่ตกออก
00:40:17 → 00:40:20 กำลังกายเยอะครับก็ต้องขอบคุณมากๆเลยนะคะ
00:40:20 → 00:40:22 สำหรับทุกๆคนนะคะตอนนี้ไ dot ของเราเนี่ย
00:40:22 → 00:40:25 ก็มี subscriber นะคะถึง 100,000 ซับแล้ว
00:40:25 → 00:40:28 นะคะก็ขอบคุณค่ะทุกคนที่ที่ติดตามนะคะ
00:40:28 → 00:40:30 อยากจะให้บอกต่อแบบนี้กันไปนะคะให้กับ
00:40:30 → 00:40:33 เพื่อนๆทุกคนนะคะให้มาติดตามกดไลค์กดแชร์
00:40:33 → 00:40:35 กดสกระดิ่งกดทุกอย่างเลยนะคะเพื่อที่เป็น
00:40:35 → 00:40:38 กำลังใจให้กับพวกเรานะคะทีมงานทุกๆคนนะคะ
00:40:38 → 00:40:41 จะได้ผลิตคอนเทนต์ดีๆมีคุณภาพแบบนี้ต่อไป
00:40:41 → 00:40:44 อย่าลืมนะคะ
00:40:44 → 00:40:47 [เพลง]