00:00:00 → 00:00:03 บนโซเชียลแชร์เตือนว่าพบข้อมูลการศึกษา
00:00:03 → 00:00:05 ล่าสุดการนอนหลับแบบหงายท้องเสี่ยงสมอง
00:00:05 → 00:00:08 เสื่อมอัลไซเมอร์ 73%
00:00:08 → 00:00:13 หือชัวร์หรอ
00:00:13 → 00:00:15 เรื่องนี้ถ้าจริงก็น่าตกใจและควรรีบบอก
00:00:15 → 00:00:17 เตือนกันครับแต่ก่อนจะแชร์ต่อต้องเช็คให้
00:00:17 → 00:00:20 ถูกชัวร์ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์สำนักข่าวไทย
00:00:20 → 00:00:22 อสมท.สอบถามกับอาจารย์แพทย์สาขาวิชา
00:00:22 → 00:00:25 อายุศาสตร์การนอนหลับภาควิชาอายุศาสตร์
00:00:25 → 00:00:27 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
00:00:27 → 00:00:30 มหาวิทยาลัยมหิดลครับนอนหงายท้องเสี่ยง
00:00:30 → 00:00:31 อัลไซเมอร์จริงเหรอครับ
00:00:31 → 00:00:35 >> จริงไม่หมดครับคือจริงตรงที่งานวิจัยเมี
00:00:35 → 00:00:36 อยู่จริงนะครับแต่ว่าสิ่งที่ไม่จริงก็คือ
00:00:36 → 00:00:39 ว่าเขาเอาคนไข้ที่เป็นโรคสมองเสื่อมไม่
00:00:39 → 00:00:41 ว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์หรือว่าพารคonอยู่
00:00:41 → 00:00:43 แล้วแล้วมาดูว่าวิธีการนอนของกลุ่มคนไข้
00:00:43 → 00:00:45 เหล่าเนี้ยนอนยังไงปรากฏว่าคนไข้เหล่า
00:00:45 → 00:00:47 เนี้ยนอนหงายเยอะกว่าประชากรทั่วไปที่ไม่
00:00:47 → 00:00:49 ได้เป็นโรคเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วการนอน
00:00:49 → 00:00:51 หงายไม่ได้เป็นเหตุอาจจะเป็นสิ่งที่ตามมา
00:00:51 → 00:00:52 ซะมากกว่า
00:00:52 → 00:00:54 >> ด้านอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่
00:00:54 → 00:00:56 สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุภาควิชา
00:00:56 → 00:00:59 อายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
00:00:59 → 00:01:02 รามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลก็ยืนยันเช่น
00:01:02 → 00:01:02 กัน
00:01:02 → 00:01:05 >> เท่าที่อาจารย์รู้เรื่องแล้วก็จัดการดูแล
00:01:05 → 00:01:08 เกี่ยวกับไข้สมองเสื่อมมาเนี่ยไม่มีใคร
00:01:08 → 00:01:10 พูดถึงความเสี่ยงนี้ในทางการแพทย์นะคะ
00:01:10 → 00:01:13 >> ที่แชร์กันเขาอ้างอิงงานวิจัยเป็นการสื่อ
00:01:13 → 00:01:15 สารแบบตัดขวางคือไม่ได้ตั้งต้นจากคนปกติ
00:01:15 → 00:01:18 ที่เป็นนอนหงายแล้วตามไปเรื่อยๆจนกระทั่ง
00:01:18 → 00:01:20 เป็นโรคสมองเสื่อมถ้าอย่างงั้นอาจจะตอบ
00:01:20 → 00:01:22 ได้ว่านอนหงายเป็นเหตุแต่สิ่งที่กลับกัน
00:01:22 → 00:01:23 ก็คือว่าเขาเอาคนเป็นโรคมาอยู่แล้วแล้วมา
00:01:23 → 00:01:26 ดูว่านอนหงายหรือนอนท่าไหนเป็นพิเศษครับ
00:01:26 → 00:01:28 เพราะฉะนั้นรูปแบบงานวิจัยไม่เหมาะสมที่
00:01:28 → 00:01:31 จะใช้ตอบโจทย์อันนั้นได้ตัวงานวิจัยอาจจะ
00:01:31 → 00:01:34 ถูกต้องแต่ว่าการตีความว่าถ้านอนหงายเป็น
00:01:34 → 00:01:35 เหตุเนี่ยไม่ถูกต้องครับ
00:01:35 → 00:01:38 >> ผลจากงานวิจัยนี้ทำให้สมมุติฐานเรื่องการ
00:01:38 → 00:01:40 นอนหลับหงายท้องเสี่ยงอัลไซเมอร์มีน้ำ
00:01:40 → 00:01:41 หนักมากขึ้นมั้ครับ
00:01:42 → 00:01:44 >> ไม่เลยเพราะว่าโดยธรรมชาติแล้วกลุ่มคนไข้
00:01:44 → 00:01:46 ที่เป็นโรคสมองเสื่อมเขามีการขยับร่างกาย
00:01:46 → 00:01:49 น้อยกว่าคนปกติอยู่แล้วเขาก็มักจะนอนใน
00:01:49 → 00:01:52 ท่าที่สบายและไม่ค่อยขยับตัวถ้าแปลง่ายๆ
00:01:52 → 00:01:54 ก็คือว่าโรคสมองเสื่อมอ่ะมีแนวโน้มที่จะ
00:01:54 → 00:01:57 ส่งผลต่อท่านอนมากกว่าไม่ใช่ท่านอนเป็น
00:01:57 → 00:01:58 เหตุให้เกิดโรค
00:01:58 → 00:02:01 >> ถามว่าการนอนกับเรื่องของสมองเสื่อมเนี่ย
00:02:01 → 00:02:05 มันเกี่ยวข้องกันมยเราพบว่าในคนไข้ที่นอน
00:02:05 → 00:02:08 แล้วมีการหยุดหายใจขณะนอนพวกที่นอนกรนพวก
00:02:08 → 00:02:11 เนี้ยเพบว่ามันจะมีความเสียหายจริงๆเสีย
00:02:11 → 00:02:14 หายก่อนของการนอนกลัวหัวใจและหลอดเลือด
00:02:14 → 00:02:17 เราพบว่าพวกเนี้ยต่อๆไปเนี่ยความดันโลหิต
00:02:17 → 00:02:20 เขาจะค่อนข้างสูงคนไข้จะผลหลับง่ายในที่
00:02:20 → 00:02:23 ที่สบายๆเช่นอยู่ในที่เงียบๆนั่งสบายๆ
00:02:23 → 00:02:25 เย็นๆจะผอยหลับไปเลยหรือนั่งรถเมล์หรือ
00:02:25 → 00:02:27 ว่านั่งคุยๆกันอยู่ทั้งหลายแหล่เค้า
00:02:27 → 00:02:29 เรื่องไม่น่าสนใจคนไข้ก็หลับไปเลยนะคะ
00:02:29 → 00:02:31 แสดงว่าเมื่อคืนเนอนไม่ดีและเราพบว่ามัน
00:02:31 → 00:02:33 มีความเสี่ยงกับเรื่องของหัวใจและหลอด
00:02:33 → 00:02:36 เลือดถ้ามันทำให้หลอดเลือดไม่ดีสมองมันก็
00:02:36 → 00:02:38 จะไม่ดีต่อไปด้วยเพราะว่าสมองมันต้องการ
00:02:38 → 00:02:40 เลือดไปเลี้ยงถ้าหากว่าหลอดเลือดไม่ดีมัน
00:02:40 → 00:02:43 ก็จะมีเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอนะคะเพราะ
00:02:43 → 00:02:45 ฉะนั้นอันนี้ก็จะเป็นความรู้ที่เรามีอัน
00:02:45 → 00:02:48 นึงนะว่าการหยุดหายใจขณะนอนบ่อยครั้งหยุด
00:02:48 → 00:02:51 นานหยุดช่วงยาวมีผลต่อเรื่องของหัวใจและ
00:02:51 → 00:02:52 หลอดเลือด
00:02:52 → 00:02:54 >> ยิ่งนอนไม่พอยิ่งเสี่ยงต่อการทำงานของ
00:02:54 → 00:02:55 สมอง
00:02:55 → 00:02:58 >> อันที่ 2 มันมีผลกับเรื่องของความจำนะคะ
00:02:58 → 00:03:00 เราพบว่าในกลุ่มคนพวกเนี้ยถ้าหากว่าเมื่อ
00:03:00 → 00:03:04 วานนี้เรียนรู้อะไรมาพอถึงเวลาการนอนไม่
00:03:04 → 00:03:07 ดีเราจะไม่สามารถจะเก็บความจำของเมื่อวาน
00:03:07 → 00:03:09 เนี่ยได้ดีเท่าที่ควรจะเป็นเพราะฉะนั้น
00:03:09 → 00:03:12 ถ้าเราต้องการความจำที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
00:03:12 → 00:03:15 ให้กลายเป็นความจำถาวรมันจะเกิดขึ้นดีแต่
00:03:15 → 00:03:18 เมื่อคนไข้นอนดีๆนอนดีๆแปลว่าหลับดีๆไม่
00:03:18 → 00:03:20 ไม่ใช่ว่าหลับไปแล้วต้องสะดุ้งตื่นเพราะ
00:03:20 → 00:03:22 ว่าหยุดหายใจและร่างกายจะต้องหายใจเฮือก
00:03:22 → 00:03:26 ขึ้นมาประมาณนั้นนะคะและมันมีหลักฐาน 2
00:03:26 → 00:03:30 ชิ้นที่พูดถึงเรื่องว่าถ้านอนน้อยกว่า 5
00:03:30 → 00:03:33 หรือ 6 ชมงอันนึงเนี่ยข้อมูลมาจากทางฝั่ง
00:03:33 → 00:03:35 อังกฤษพูดถึงว่าคนที่ทำงานนั่งโต๊ะเนี่ย
00:03:35 → 00:03:38 ค่ะแล้วก็เ้านอนน้อยกว่า 5 ช่โมงกับคนที่
00:03:38 → 00:03:40 นอนมากกว่า 5 ช่โมงคนที่นอนน้อยกว่า 5
00:03:40 → 00:03:43 ช่โมงเนี่ยความสามารถในความจำของเขาเนี่ย
00:03:43 → 00:03:46 เสียหายไปมากกว่าทางอเมริกาบอกว่า 6 ชมง
00:03:46 → 00:03:49 ค่ะมีความเสี่ยงต่ออ่าปัญหาของเรื่องของ
00:03:49 → 00:03:51 ความสามารถสมองต่อไปข้างหน้ามากกว่าคน
00:03:51 → 00:03:54 ทั่วไปเพราะฉะนั้นนอนน้อยมีปัญหากับ
00:03:54 → 00:03:56 เรื่องของความจำแล้วก็น่าจะมีปัญหาใน
00:03:56 → 00:03:59 อนาคตถ้ายังคงเป็นลักษณะอย่างนั้นต่อไป
00:03:59 → 00:04:02 แต่ว่านอนหงายเนี่ยไม่มีรายงานออกมาแบบ
00:04:02 → 00:04:02 นั้น
00:04:02 → 00:04:05 >> เขายังพูดถึงกระบวนการล้างพิษในสมองขณะ
00:04:05 → 00:04:06 นอนหลับเป็นยังไงหรอครับ
00:04:06 → 00:04:09 >> เนื่องจากว่าโรคหยุดหายใจขณะหลับโดยส่วน
00:04:09 → 00:04:11 มากท่านอนหงายเนี่ยจะเป็นท่าที่หยุดหายใจ
00:04:11 → 00:04:13 ได้มากขึ้นเนื่องจากว่ากล้ามเนื้อของลิ้น
00:04:13 → 00:04:16 ตกตามแรงล้มถ่วงของโลนะครับไปอุดทางเดิน
00:04:16 → 00:04:18 หายใจส่วนบนได้มากกว่าท่านอนนอนตะแคแล้ว
00:04:18 → 00:04:20 ก็ความสัมพันธ์ของโรคหยุดหายใจขณะหลับก็
00:04:20 → 00:04:23 ไปส่งผลให้คุณภาพของการนอนไม่ดีก็จะทำให้
00:04:23 → 00:04:25 การชะล้างของเสียเช่นสารพิษที่เรียกว่า
00:04:26 → 00:04:28 เบต้าอไมอยด์ออกจากสมองได้ไม่ดีอันนี้ก็
00:04:28 → 00:04:31 จะเป็นแค่สมมติฐานแล้วก็มีระดับแค่การทด
00:04:31 → 00:04:33 ลองนะครับยังไม่สามารถนำมาใช้ในชีวิตจริง
00:04:34 → 00:04:37 ได้การทดลองนั้นก็คือให้คนลองนอนท่าตะแคง
00:04:37 → 00:04:39 แล้วดูว่าหลอดเลือดดำใหญ่ที่คอเนี่ยมัน
00:04:39 → 00:04:41 กว้างขึ้นหรือเปล่านะครับผลปรากฏว่าอาจจะ
00:04:41 → 00:04:43 กว้างขึ้นเมื่อเทียบกับท่านอนหงายเท่า
00:04:43 → 00:04:46 นั้นเองตัวหลอดเลือดดำเนี่ยก็ในสมมติฐาน
00:04:46 → 00:04:49 เนี่ยก็เชื่อว่าถ้ามันขยายได้มากกว่ามัน
00:04:49 → 00:04:51 ก็จะลำเรียงของเสียออกจากสมองได้มากกว่า
00:04:51 → 00:04:54 อย่างไรก็ตามท่านอนตะแคงก็อาจจะไม่ได้ส่ง
00:04:54 → 00:04:57 ผลกระทบที่มากต่อประชากรทั่วไป
00:04:57 → 00:05:00 >> แต่คุณภาพการนอนอาจข้องมากกว่า
00:05:00 → 00:05:03 >> เรื่องท่านอนจะไม่ได้ส่งผลต่อสมองเสื่อม
00:05:03 → 00:05:05 สักเท่าไหร่นักอยู่แล้วแต่มีปัจจัยอื่น
00:05:05 → 00:05:08 ที่ส่งผลได้มากกว่าก็คือคุณภาพของการนอน
00:05:08 → 00:05:11 ก็มีทฤษฎีของความเชื่อว่าถ้าคุณภาพการนอน
00:05:11 → 00:05:14 ดีด้วยวิธีอะไรก็ได้โดยไม่สนใจท่านอนอัน
00:05:14 → 00:05:16 นั้นต่างหากที่จะช่วยให้ลำเลียงของเสีย
00:05:16 → 00:05:19 ออกมาได้ดีกว่ามากเนื่องจากว่าถ้าคุณภาพ
00:05:19 → 00:05:22 การนอนดีเนี่ยหลับลึกจะเกิดขึ้นค่อนข้าง
00:05:22 → 00:05:25 มากเองตามธรรมชาติอยู่แล้วช่วงหลับลึกจะ
00:05:25 → 00:05:27 เป็นช่วงที่ช่องว่างรอบๆเส้นเลือดที่เอา
00:05:27 → 00:05:30 ไว้ลำเลียงของเสียโดยตรงออกจากสมองได้เขา
00:05:30 → 00:05:32 ก็เชื่อว่าถ้ามันขยายมันก็จะรองรับ
00:05:32 → 00:05:35 ลำเลียงของเสียออกจากสมองได้ง่ายกว่า
00:05:35 → 00:05:37 >> แล้วจริงๆทุกคนจำเป็นต้องพยายามนอนตะแคง
00:05:37 → 00:05:39 เพื่อลดความเสี่ยงสมองเสื่อมมั้ยครับ
00:05:39 → 00:05:42 >> ไม่ทุกคนครับเฉพาะคนที่สงสัยว่าจะมีโรค
00:05:42 → 00:05:45 หยุดหายใจขณะหลักก็อาจจะนอนตะแคงในขณะที่
00:05:45 → 00:05:48 ประชากรอื่นอื่นนะครับที่ไม่ได้มีโรคนี้
00:05:48 → 00:05:50 สามารถนอนท่าไหนก็ได้ดังนั้นไม่ต้อง
00:05:50 → 00:05:51 เครียดเรื่องท่านอน
00:05:52 → 00:05:54 >> นอนท่าไหนก็ได้ที่ขอให้สบายจะตะแคงก็ได้
00:05:54 → 00:05:57 นอนหงายก็ได้ถ้ากังวลเกินไปเรื่องท่านอน
00:05:57 → 00:06:00 ก็จะส่งผลในทางไม่ดีทำให้คุณภาพการนอนไม่
00:06:00 → 00:06:02 ดีอันนั้นต่างหากที่จะส่งผลต่อโรคสมอง
00:06:02 → 00:06:03 เสื่อมได้ง่ายกว่า
00:06:03 → 00:06:05 >> ควรจริงจังเรื่องคุณภาพการนอน
00:06:05 → 00:06:08 >> จริงๆแล้วคุณภาพของการนอนเป็นระบบสมดุล
00:06:08 → 00:06:10 ของร่างกายอยู่แล้วนะครับเพียงแต่ว่าเรา
00:06:10 → 00:06:13 แค่พยายามอย่าให้ปัจจัยรบกวนทั้งภายในและ
00:06:13 → 00:06:16 ภายนอกมารบกวนคุณภาพการนอนปัจจัยของภาย
00:06:16 → 00:06:19 นอกเช่นสิ่งแวดล้อมเช่นเสียงแสงที่มารบ
00:06:19 → 00:06:21 กวนทำให้คุณภาพการนอนปิดเพี้ยนไปหรือไม่
00:06:21 → 00:06:24 ดีหรือปัจจัยภายในยกตัวอย่างเช่นมีโรคของ
00:06:24 → 00:06:26 การนอนหลับโดยเฉพาะเช่นโรคหยุดหายใจขณะ
00:06:26 → 00:06:29 หลับอันนี้จะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการนอน
00:06:29 → 00:06:32 หรือโรคอื่นๆเช่นโรคนอนหลับยากต่อให้หลับ
00:06:32 → 00:06:34 แล้วคุณภาพการนอนก็ไม่ดีหรือบางโรคที่อาจ
00:06:34 → 00:06:37 จะเจอได้น้อยหน่อยแต่ก็ส่งผลต่อคุณภาพการ
00:06:37 → 00:06:39 นอนเช่นเรียกว่าโรคขาอยู่ไม่สุกนะครับอัน
00:06:39 → 00:06:41 นี้พอหลับแล้วก็จะมีขากระตุกที่จะทำให้รบ
00:06:42 → 00:06:44 กวนคุณภาพการนอนได้ค่อนข้างชัดเจนหรือว่า
00:06:44 → 00:06:47 ทั้งๆที่ชั่วโมงนอนเพียงพอแล้วแต่ว่าก็
00:06:47 → 00:06:49 ยังมีอาการอ่อนเพลียหรือว่าง่วงในเวลา
00:06:49 → 00:06:51 กลางวันถ้ามีอาการเหล่านี้นะครับก็อาจจะ
00:06:51 → 00:06:52 ต้องพบแพทย์ครับ
00:06:52 → 00:06:54 >> แต่สรุปแล้วที่แชร์เตือนว่านอนหงายเสียง
00:06:54 → 00:06:56 อัลไซเมอร์นี่เป็นยังไงครับ
00:06:56 → 00:06:59 >> บทความนี้ถ้าสรุปภาพใหญ่ไม่จริงครับไม่
00:06:59 → 00:06:59 ควรแชร์ต่อ
00:07:00 → 00:07:03 >> อันนี้ตอบยากตอนนี้ข้อมูลไม่เพียงพอ
00:07:03 → 00:07:07 >> คงไม่สรุปนะครับว่าท่านอนหงายนำไปสู่โรค
00:07:07 → 00:07:10 สมองเสื่อมจริงๆอยากจะให้โฟกัสที่ท่านอน
00:07:10 → 00:07:12 ที่สบายมากกว่าไม่ว่าจะนอนหงายหรือนอน
00:07:12 → 00:07:16 ตะแคงก็ได้เพื่อจะทำให้คุณภาพการนอนดีลึก
00:07:16 → 00:07:19 ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจธรรมชาติลดความกังวล
00:07:19 → 00:07:21 ที่ไม่จำเป็นนะครับส่งเรื่องน่าสงสัยแจ้ง
00:07:21 → 00:07:23 เตือนภัยข้อมูลเท็จเพียงแอด Line
00:07:23 → 00:07:25 ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ไว้นะครับเข้าไปที่
00:07:25 → 00:07:28 เพิ่มเพื่อนแล้วค้นหา@ชัวร์ and Share
00:07:28 → 00:07:30 ยังมีอีกหลายเรื่องน่าสงสัยบนสังคม
00:07:30 → 00:07:33 ออนไลน์หากได้รับอะไรมาอย่าเพิ่งแชร์ต่อ
00:07:33 → 00:07:35 ร่วมตรวจสอบไปด้วยกันกับชั่วก่อนแชร์
00:07:35 → 00:07:38 เนี่ย