ทำไมแพทย์ถึงแนะนำให้ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรกินเค็ม

อาหารรสเค็มกับความดัน อันตรายจริงหรือไม่ by Rebalance Clinic (รีบาลานซ์ คลินิกกายภาพบำบัด)

จากช่อง : Rebalance Physical Therapy ปวดที่ไหนให้เราดูแล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:00 แต่

00:00:0000:00:06 [เพลง]

00:00:0600:00:09 ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจความหมายของคำ

00:00:0900:00:12 ว่าเค็มและเกลือในความหมายของแพทย์เกาะ

00:00:1200:00:16 ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงหลายท่านคงเคย

00:00:1600:00:19 ได้รับคำถามจากแพทย์ว่าชอบกินเค็มหรือไม่

00:00:1900:00:23 หรือเคยได้รับคำแนะนำจากแพทย์ว่าไม่ควร

00:00:2300:00:24 กินเค็ม

00:00:2400:00:28 คำว่าเกลือหรือที่นักวิชาการบางท่านอาจ

00:00:2800:00:31 ใช้คำว่าเกลือแกงนั้นหมายถึงสารที่มีชื่อ

00:00:3200:00:35 ทางวิทยาศาสตร์ว่าโซเดียมคลอไรด์ซึ่งคน

00:00:3500:00:38 ทั่วไปใช้ปรุงอาหารเพื่อให้รสเค็ม

00:00:3800:00:43 เกลือโซเดียมนี่เองที่มีผลทำให้ความดัน

00:00:4300:00:46 โลหิตสูงขึ้นและยังเกาะเกิดผลเสียอื่นๆ

00:00:4600:00:49 ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดของเราด้วยดัง

00:00:4900:00:52 นั้นเมื่อแพ้แนะนำว่าไม่ควรกินเค็มจึงมี

00:00:5200:00:54 ความหมายให้ผู้ป่วยลดปริมาณการบริโภค

00:00:5400:00:57 เกลือลงนั่นเอง

00:00:5700:01:00 [เพลง]

00:01:0000:01:02 แต่

00:01:0200:01:05 โดยทั่วไปเมื่อเราอายุมากขึ้นความดัน

00:01:0500:01:08 โลหิตของเราก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตาม

00:01:0800:01:11 อายุดังนั้นจะเห็นได้จากผู้ป่วยที่มีความ

00:01:1100:01:14 ดันโลหิตสูงเป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่

00:01:1400:01:18 มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปการศึกษาวิจัย

00:01:1800:01:20 ทางการแพทย์จากหลายประเทศได้แสดงให้เห็น

00:01:2100:01:24 ชัดเจนว่ายิ่งเรากินเค็มมากก็จะยิ่งส่ง

00:01:2400:01:26 เสริมให้ความดันโลหิตเพิ่มมากขึ้นด้วย

00:01:2600:01:29 หรือเพิ่มโอกาสต่อการเป็นโรคความดันโลหิต

00:01:2900:01:31 สูงนั่นเอง

00:01:3100:01:35 การกินเค็มนอกจากจะทำให้ความดันโลหิตสูง

00:01:3500:01:38 ขึ้นแล้วยังทำให้อัตราการเสียชีวิตจากโรค

00:01:3800:01:41 หัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นตามไปด้วยทาง

00:01:4100:01:44 ตรงกันข้ามการติดตามในประชากรที่ไม่ใช้

00:01:4400:01:47 เคลียร์ในการปรุงอาหารเลยพบว่าความดัน

00:01:4700:01:50 โลหิตของประชากรกลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น

00:01:5000:01:53 ตามอายุดังในประชากรทั่วไปแสดงให้เห็นว่า

00:01:5300:01:56 การกินเค็มเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลส่ง

00:01:5600:02:00 เสริมให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง

00:02:0000:02:03 การศึกษาวิจัยในระยะศ.มายังพบอีกว่าการ

00:02:0300:02:06 กินเค็มก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมาก

00:02:0600:02:09 กว่าเพียงทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นการกิน

00:02:0900:02:13 เค็มยังส่งผลกระทบต่อหัวใจตายและมีผลต่อ

00:02:1300:02:16 ประสิทธิภาพในการใช้ยาลดความดันโลหิตด้วย

00:02:1600:02:22 [เพลง]

00:02:2200:02:26 การกินเค็มส่งเสริมให้ความดันโลหิตสูง

00:02:2600:02:29 ขึ้นและการลดการกินเค็มมีผลช่วยลดระดับ

00:02:2900:02:32 ความดันโลหิตประสิทธิภาพของการลดความดัน

00:02:3200:02:35 โลหิตนี้จะยิ่งมากขึ้นถ้าปฏิบัติร่วมกับ

00:02:3500:02:38 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอื่นๆด้วยเช่นการ

00:02:3800:02:41 ลดน้ำหนักในผู้ป่วยที่อ้วนการออกกำลังกาย

00:02:4100:02:45 อย่างสม่ำเสมอการสูบบุหรี่เป็นต้น

00:02:4500:02:49 2 การกินเค็มมีผลทำให้ผนังกล้ามเนื้อหัว

00:02:4900:02:52 ใจห้องล่างซ้ายนะตัวขึ้นโดยอาจไม่

00:02:5200:02:54 สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิต

00:02:5400:02:58 หรือกล่าวง่ายๆก็คือคนที่กินเค็มแม้จะไม่

00:02:5800:03:01 ทำให้เกิดโรคความดันผู้ผลิตสูงแต่ก็อาจทำ

00:03:0100:03:04 ให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวได้ซึ่ง

00:03:0400:03:07 ก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งต่อการ

00:03:0700:03:09 เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

00:03:0900:03:13 3 การกินเค็มมีผลทำให้อัตราการกรองของ

00:03:1300:03:16 เสียพันธุ์ไปเพื่อขับถ่ายออกทางปัสสาวะ

00:03:1600:03:20 มากขึ้นหรือกล่าวง่ายๆคือทำให้ไตต้องทำ

00:03:2000:03:24 งานมากขึ้นนั่นเองนอกจากนี้ยังมีผลทำให้

00:03:2400:03:27 อัตราการขับโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายที่

00:03:2700:03:31 มีชื่อว่าอัลบูมินออกทางปัสสาวะมากขึ้น

00:03:3100:03:35 ซึ่งการตรวจพบปริมาณอัลบูมินที่มากขึ้นใน

00:03:3500:03:38 ปัสสาวะถือเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะไตเสื่อม

00:03:3800:03:42 ในระยะแรกทั้งจากโรคความดันโลหิตสูงและ

00:03:4200:03:45 โรคเบาหวานผลกระทบต่อการทำงานของไตดัง

00:03:4500:03:48 กล่าวนี้เกิดขึ้นได้แม้ความดันโลหิตจะไม่

00:03:4800:03:51 ได้สูงขึ้นเช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงที่

00:03:5100:03:52 หัวใจ

00:03:5200:03:58 [เพลง]

00:03:5800:04:01 การลดการกินตัวเกมถือเป็นหนึ่งในวิธีการ

00:04:0100:04:05 รักษาโรคความดันโลหิตสูงโดยไม่ใช้ยาผู้

00:04:0500:04:07 ป่วยโรคความดันโลหิตสูงไม่ควรบริโภคเกลือ

00:04:0700:04:10 เกิน 6 กรัมต่อวันหรือเทียบเท่ากับ 1

00:04:1000:04:14 ช้อนชา 4 Age นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจาก

00:04:1400:04:17 การศึกษาวิจัยทางการแพทย์ที่แสดงให้เห็น

00:04:1700:04:20 ว่าการลดการกินเกลือลงต่ำกว่าระดับที่แนะ

00:04:2000:04:24 นำกันในปัจจุบันคือลดลงเหลือเพียง 3 กรัม

00:04:2400:04:27 ต่อวันก็ยิ่งมีประโยชน์ในการช่วยลดระดับ

00:04:2700:04:29 ความดันโลหิตและป้องกันการเกิดภาวะแทรก

00:04:2900:04:33 ซ้อนจากโรคความดันโลหิตสูงได้ดีกว่าการลด

00:04:3300:04:36 ลงเหลือ 6 ลำต่อวันดังที่แนะนำกันใน

00:04:3600:04:37 ปัจจุบัน

00:04:3700:04:42 [เพลง]

00:04:4200:04:45 อาหารธรรมชาติมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบ

00:04:4600:04:49 อยู่ด้วยแทบทุกชนิดโดยทั่วไปอาหารประเภท

00:04:4900:04:54 เนื้อนมไข่มักจะมีปริมาณโซเดียมมากกว่า

00:04:5400:04:55 ผักและผลไม้

00:04:5500:04:59 ปรุงรสชนิดต่างๆมักมีโซเดียมอยู่เป็น

00:04:5900:05:01 ปริมาณมากร้าน

00:05:0100:05:06 อาหารแปรรูปได้แก่อาหารกระป๋องอาหารหมัก

00:05:0600:05:09 ดองอาหารปากแห้งก็มักมีโซเดียมอยู่เป็น

00:05:0900:05:13 ปริมาณมากเช่นกันเราสามารถทราบปริมาณ

00:05:1300:05:16 โซเดียมในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เราจะบริโภค

00:05:1600:05:20 ได้จากการอ่านฉลากโภชนาการดังนั้นเราควร

00:05:2000:05:24 ทำความรู้จักกับฉลากโภชนาการ

00:05:2400:05:28 ฉลากโภชนาการคือฉลาดที่แสดงข้อมูล

00:05:2800:05:31 โภชนาการของอาหารนั้นอยู่ในกรอบสี่

00:05:3100:05:34 เหลี่ยมข้างผลิตภัณฑ์เช่นด้านหลังของถุง

00:05:3400:05:38 ด้านข้างของขวดเป็นต้นซึ่งจะระบุราย

00:05:3800:05:41 ละเอียดของชนิดและปริมาณสารอาหารที่มีใน

00:05:4100:05:42 อาหารอันไว้

00:05:4200:05:47 วิธีการอ่านฉลากโภชนาการเริ่มจาก 1 หน่วย

00:05:4700:05:51 บริโภคนั่นก็คือปริมาณการกินต่อครั้งซึ่ง

00:05:5100:05:54 เมื่อรับประทานเท่านี้แล้วจะได้รับสาร

00:05:5400:05:58 อาหารตามที่ระบุไว้ในฉลากต่อมาก็คือจำนวน

00:05:5800:06:02 หน่วยบริโภคต่อนะฮะบรรจุหมายถึงเมื่อรับ

00:06:0200:06:05 ประทานครั้งละ 1 หน่วยบริโภคอาหารขอนี้

00:06:0500:06:10 ถุงนี้กระป๋องนี้รับประทานได้กี่ครั้งและ

00:06:1000:06:13 ส่วนต่อมาก็คือคุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่ง

00:06:1300:06:17 หน่วยบริโภคหมายถึงเมื่อกินตามปริมาณที่

00:06:1700:06:20 ระบุในหนึ่งหน่วยบริโภคแล้วจะได้พลังงาน

00:06:2000:06:24 เข้าใดสารอาหารอะไรบ้างในปริมาณเท่าใดและ

00:06:2400:06:27 คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ของปริมาณที่ควรได้

00:06:2700:06:31 รับต่อวันตัวอย่างการอ่านถ้ารับประทาน

00:06:3100:06:34 อาหารชนิดนี้ 1 ส่วน 3 ถ้วยตวงจะได้

00:06:3400:06:39 โซเดียม 230 มิลลิกรัมหรือคิดเป็นร้อยละ

00:06:3900:06:41 10 ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

00:06:4100:06:47 [เพลง]

00:06:4700:06:51 หนึ่งการกินเค็มมีผลทำให้ระดับความดัน

00:06:5100:06:55 โลหิตสูงขึ้นและทำให้เกิดผลเสียอื่นๆต่อ

00:06:5500:06:59 ร่างกายด้วยเช่นทำให้ผนังของหัวใจหนาตัว

00:06:5900:07:03 ขึ้นทำให้การทำงานมากขึ้นเป็นต้น 2 การลด

00:07:0300:07:06 การกินเค็มในประชากรที่ยังไม่เป็นโรคความ

00:07:0600:07:10 ดันโลหิตสูงมีผลช่วยป้องกันการเกิดโรคและ

00:07:1000:07:13 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว

00:07:1300:07:17 มีผลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

00:07:1700:07:20 3 ไม่ควรบริโภคเกลือมากกว่า 6 กรัมต่อ

00:07:2000:07:24 วันและมีข้อมูลทางการแพทย์ที่แสดงให้เห็น

00:07:2400:07:27 ว่าการลดการบริโภคเกลือลงเหลือเพียง 3

00:07:2700:07:30 กรัมต่อวันก็ยิ่งมีประโยชน์ในการช่วยลด

00:07:3000:07:33 ความดันโลหิตและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

00:07:3300:07:36 และหลอดเลือดได้ดียิ่งขึ้น 4 ข้อแนะนำ

00:07:3600:07:39 เพื่อลดการกินเค็มหลีกเลี่ยงการกินอาหาร

00:07:3900:07:44 ที่มีรสเค็มจัดเช่นไข่เค็มปลาเค็มกะปิ

00:07:4400:07:46 เป็นต้น

00:07:4600:07:50 หลีกเลี่ยงการเติมเกลือน้ำปลาซีอิ๊วหรือ

00:07:5000:07:53 ซอสปรุงรสในอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วเนื่อง

00:07:5300:07:56 จากในอาหารนั้นก็มีโซเดียมอยู่แล้วหลีก

00:07:5600:08:00 เลี่ยงของขบเคี้ยวอาหารแปรรูปที่โอ้โห

00:08:0000:08:03 เยี่ยมสูงค่อยๆต่อเปลี่ยนนิสัยการบริโภค

00:08:0300:08:05 ให้รับประทานจืดลง

00:08:0500:08:19 [เพลง]