00:00:00 → 00:00:04 สมองของเรานะทำงานยังไงกินอะไรเป็นอาหาร
00:00:04 → 00:00:07 ทำงานกัน 24 ชั่วโมงไม่มีพักเลยอึดจริงๆ
00:00:07 → 00:00:10 เดี๋ยววันนี้ไปเจาะลึกกันครับ
00:00:10 → 00:00:15 สนับสนุนโดยโรซ่า Family Food เชื่อมรส
00:00:15 → 00:00:17 ชาติความสุขของครอบครัวมาแล้วครับความลับ
00:00:18 → 00:00:20 ของร่างกายนะครับสำหรับในวันนี้เราจะพา
00:00:20 → 00:00:22 คุณผู้ฟังคุณผู้ชมไปเจาะลึกเกี่ยวกับสมอง
00:00:22 → 00:00:26 นั่นเองกับคุณหมอปัญญาครับสวัสดีครับมา
00:00:26 → 00:00:29 แล้วครับสมองคนเราเนี่ยครับเป็นตัวสำคัญ
00:00:29 → 00:00:34 มากๆเลยบางคนคือกับพูดว่าสมองเป็นนายใหญ่
00:00:34 → 00:00:38 ของร่างกายมนุษย์แต่คนที่เป็นม.หัวใจก็
00:00:38 → 00:00:41 บอกว่าหัวใจนี่เป็นนายใหญ่ต่างคนต่างก็
00:00:41 → 00:00:44 บอกว่าที่ตัวเองอยากจะเชี่ยวชาญเป็นนาย
00:00:44 → 00:00:47 ใหญ่ของร่างกายแต่ความเป็นจริงแล้วไม่ว่า
00:00:47 → 00:00:50 จะเป็นสมองเป็นหัวใจเป็นปอดล้วนแล้วแต่ทำ
00:00:50 → 00:00:53 งานร่วมมือกันให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
00:00:53 → 00:00:59 เป็นสุขดีตลอดนะครับขาดใดๆหนึ่งไม่ได้เลย
00:00:59 → 00:01:03 สวัสดีครับหัวใจหยุดก็ตายแล้วเรียบร้อย
00:01:03 → 00:01:06 ทำได้ๆนะครับสมองก็เหมือนกันนะครับสมอง
00:01:06 → 00:01:09 เป็นความต้องการได้บางอย่างแต่ก็ช่วยเรา
00:01:09 → 00:01:13 ให้คิดเป็นรับความรู้สึกได้ขยับแขนขาอะไร
00:01:13 → 00:01:16 แต่งกายปรารถนาเล่นกีฬาได้อย่างเสียใจ
00:01:16 → 00:01:18 ปรารถนาเขียนหนังสือได้วิจัยศาสนาด้วย
00:01:18 → 00:01:21 สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เป็นพรสวรรค์ของ
00:01:21 → 00:01:24 อวัยวะเหล่านี้ถูกธรรมชาติสร้างมาอย่าง
00:01:24 → 00:01:28 ดีเลิศสมองคือเป็นสิ่งที่ท่านสนใจนะครับ
00:01:28 → 00:01:31 ถ้าท่านสนใจเราเข้ามาฟังกันนะครับสมองมัน
00:01:31 → 00:01:34 คืออะไรกันน้อสำหรับวันนี้ครับคุณพ่อเรา
00:01:34 → 00:01:36 จะไปเริ่มเจาะลึกกันนะครับที่ว่าสมอง
00:01:36 → 00:01:39 เนี่ยดูเหมือนว่าเป็นก้อนอะไรสักอย่างนึง
00:01:39 → 00:01:43 ที่คอยประมวลผลเก็บข้อมูลรับข้อมูลส่งข้อ
00:01:43 → 00:01:47 มูลควบคุมการทำงานของคนทั้งร่างกายเลยที
00:01:47 → 00:01:49 เดียวถ้าอย่างงั้นไปเริ่มที่พื้นฐานกัน
00:01:49 → 00:01:52 ก่อนดีกว่าครับจริงๆแล้วสมองคืออะไรกัน
00:01:52 → 00:01:56 แน่ครับสมองคือเซลล์เซลล์สมองมีลักษณะ
00:01:56 → 00:01:57 เฉพาะครับ
00:01:57 → 00:01:59 เดี๋ยวทั่วๆไป
00:01:59 → 00:02:04 รักษาก้อนกลมๆตรงกลางมีจุดดำๆที่เรียกว่า
00:02:04 → 00:02:06 นิวเคลียสไม่ต้องจับครับแต่ให้รู้ว่ามัน
00:02:06 → 00:02:10 กลมๆส่วนใหญ่
00:02:10 → 00:02:13 เส้นสมองไม่เหมือนชาวบ้านเขาเลยเป็นเซลล์
00:02:13 → 00:02:18 ที่มีรูปร่างเป็นแบบมีแขนมีขาโยงใยงอกจาก
00:02:18 → 00:02:20 เซลล์ตัวเอง
00:02:20 → 00:02:24 สมองจึงมีตัวที่ใช้เชื่อมโยงกับเซลล์อื่น
00:02:24 → 00:02:27 ๆข้างเคียงทั้งในสมองจะมีข้อเซลล์เป็นพัน
00:02:27 → 00:02:30 ล้านตัวแต่ละตัวนั้นจะมีแขนขาโยงใยออกไป
00:02:30 → 00:02:33 เพื่อส่งข้อมูลไปเชื่อมกับเซลล์นั้น
00:02:33 → 00:02:35 เชื่อมกับเซลล์นี้เที่ยงกว่าเซลล์โน้น
00:02:35 → 00:02:38 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลให้เรารู้สึกได้ว่า
00:02:38 → 00:02:43 คิดยังไงรู้สึกยังไงเจ็บปวดไหมต่างๆเหล่า
00:02:43 → 00:02:46 นี้ครับข้อมูลมาแล้วก็แชร์ไปเหมือนกับที่
00:02:46 → 00:02:48 เราจะทำงานกันอยู่ปัจจุบันนี้แหละครับ
00:02:48 → 00:02:51 เครื่องสมรภูมิที่พัฒนาตัวเองได้สูงสุด
00:02:51 → 00:02:54 ดังระดับหนึ่งทีเดียวนะเกิดสมองนั้น
00:02:54 → 00:02:59 ต้องการอาหารที่สำคัญมากๆ 3 อย่างอันนี้
00:02:59 → 00:03:01 ก็กลายเป็นสิบๆแต่คืออาการได้ขาดไม่ได้
00:03:01 → 00:03:06 เลยคือ 1 ออกซิเจนครับที่เราหายใจเข้าไป
00:03:06 → 00:03:09 เนี่ยนะครับนี่คือหนึ่งในอาหารของสมองที่
00:03:09 → 00:03:12 สมองอยากได้มากๆถ้าถามว่าในร่างกายมนุษย์
00:03:12 → 00:03:15 มีเซลล์อะไรที่มันขาดออกซิเจนได้สั้นที่
00:03:15 → 00:03:17 สุดน้อยที่สุด
00:03:17 → 00:03:21 สั้นที่สุดนานกว่านี้ไม่ได้ก็คือสมอง
00:03:21 → 00:03:25 ต้องการมากๆเลยนะ
00:03:25 → 00:03:31 ไม่ไหวแล้วได้แค่ 4 นาทีสมองจะขาดออกซิ
00:03:31 → 00:03:34 ได้แค่ 4 นาทีเท่านั้นนะครับถ้าเกิดนี้ไป
00:03:34 → 00:03:38 เจอสมองจะตายหรือทำงานไม่สมบูรณ์แบบ
00:03:38 → 00:03:42 เหมือนเก่าความจำเลอะเลือนรู้สึกตัวไม่
00:03:42 → 00:03:46 ได้รู้สึกเป็นต้นไม้นอนเฝ้าพระเฉยๆเป็น
00:03:46 → 00:03:50 ตัวอย่างนะครับเพราะฉะนั้นอาหาร
00:03:50 → 00:03:55 สำคัญของสมองอันที่ 2 ก็คือต่างๆ
00:03:55 → 00:03:58 น้ำตาลที่เราบอกว่ากินเข้าไปกินเยอะแล้ว
00:03:58 → 00:04:01 มันอ้วนแต่กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่สมองชอบ
00:04:01 → 00:04:06 กินถ้าไม่มีสมองจะใช้พลังงานไม่ได้เธอ
00:04:06 → 00:04:08 สมองจะมีรูปร่างแปลกๆที่เพราะเล่าให้ฟัง
00:04:08 → 00:04:12 แล้วเมื่อสักครู่นี้ต้องการออกซิเจนและ
00:04:12 → 00:04:16 อาหารก็คือกลูโคสน้ำตาลกลูโคสต์
00:04:16 → 00:04:20 เห็นไหมครับมันมีความเฉพาะเจาะจงมันถึง
00:04:20 → 00:04:22 เซลล์พิเศษอย่างหนึ่งที่ช่วยเราคิดช่วย
00:04:22 → 00:04:25 เราทำงานทั้งคืนทั้งวันแต่นะครับอาหาร
00:04:25 → 00:04:26 เหล่านี้
00:04:26 → 00:04:29 อย่างอื่นก็ต้องการเหมือนกันนะแต่ต้องการ
00:04:29 → 00:04:33 น้อยกว่าหรือไม่รีบร้อนเท่ากับเซลล์สมอง
00:04:33 → 00:04:37 มีเวลาจำกัดตัวเองและอีกตัวหนึ่งก็คือ
00:04:37 → 00:04:41 คอเลสเตอรอลโอ้โหตัวที่ 3 นี่เป็นสิ่งที่
00:04:41 → 00:04:44 เราหลายคนเวลาไปตรวจร่างกายตรวจประจำปี
00:04:44 → 00:04:48 ต่างๆเวลาค่าคอเลสเตอรอลขึ้นเนี่ยแล้วขน
00:04:48 → 00:04:50 หัวลุกแล้วครับคุณพ่อไม่ชอบคอเลสเตอรอล
00:04:50 → 00:04:54 เยอะนี่ไม่เอาเลยแต่คุณพ่อบอกว่านี่คือ 1
00:04:54 → 00:04:58 ในอาหารที่สมองต้องการใช้ 3 ตัวนะครับ
00:04:58 → 00:05:03 ออกซิเจนหายเข้าไปนะฮะ 2 กลูโคสคือเจ้า
00:05:03 → 00:05:08 น้ำตาล 3 คือคอเลสเตอรอลอันนี้มันคือ 3
00:05:08 → 00:05:10 อย่างที่สมองชอบกลิ่น
00:05:10 → 00:05:13 คล้ายๆกันหรือว่าโคเลสเตอรอลและเป็นผู้
00:05:13 → 00:05:17 ร้ายต้องการให้มีระดับของมันเนี่ยต่ำๆ
00:05:17 → 00:05:20 เยอะมากไม่ได้คุณหมอก็ไม่ชอบคนไข้เองก็
00:05:20 → 00:05:25 ไม่ชอบแต่ถ้าไม่มีเลยก็ไม่ได้นะเพราะ
00:05:25 → 00:05:26 เซลล์สมองนั้น
00:05:26 → 00:05:30 ส่วนประกอบสำคัญมันคือโคเลสเตอรอล
00:05:30 → 00:05:33 ถ้าขาดความรู้สึกสมองจะซ่อมตัวเองไม่ได้
00:05:33 → 00:05:36 เลยก็มีปัญหากับการเติบโตของการใช้งานไม่
00:05:36 → 00:05:40 ยั่งยืนเพราะฉะนั้น 3 ตัวหลักคือออกซิเจน
00:05:40 → 00:05:44 น้ำตาลกลูโคสและคอเลสเตอรอลเป็นโครงสร้าง
00:05:44 → 00:05:46 ของเซลล์เพื่อให้ซ่อมซ่อมแซมตัวเอง
00:05:47 → 00:05:49 ต้องการใช้อย่างยิ่ง
00:05:49 → 00:05:59 สิ่งปกติแล้วล่ะครับ
00:05:59 → 00:06:04 น้ำก็ไม่เอาเลยแต่สมองบอกว่ามาๆๆๆอ่า
00:06:04 → 00:06:09 ประเด็นคือต้องมาในขณะที่พอดีๆนะถ้าสูง
00:06:09 → 00:06:12 เกินไปท่านก็ไม่ไหวเหมือนกันรับไม่ไหวอัน
00:06:12 → 00:06:15 นี้คือสิ่งที่มีความสำคัญกับสมองแถมสมอง
00:06:15 → 00:06:20 นั้นหน้าที่หลักๆก็คือรับความรู้สึกเจ็บ
00:06:20 → 00:06:23 ปวดร้อนหนาวเย็น
00:06:23 → 00:06:27 นี่แสดงว่าในสมองเนี่ยนะครับนอกจากจะมี
00:06:27 → 00:06:31 การประมวลผลเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆของร่าง
00:06:31 → 00:06:35 กายแล้วเขายังมีศูนย์ต่างๆด้วยที่คอยควบ
00:06:35 → 00:06:36 คุมร่างกายใช่ไหมครับ
00:06:36 → 00:06:40 เวลาเอามือไปจับแก้น้ำร้อน
00:06:40 → 00:06:44 เรารู้สึกร้อนเลยนะครับอันนี้คือสิ่งที่
00:06:44 → 00:06:48 สมองแปลผลให้นะมันเร็วเลยจากที่ปลายนิ้ว
00:06:48 → 00:06:52 เนี่ยสัญญาณตกตามเส้นวกกลับไปหาสมองสมอง
00:06:52 → 00:06:56 แปลว่าร้อนลบลบดิ
00:06:56 → 00:07:01 ครับหรือเอาเข็มไป 20 ปลายนิ้วเราจะเจาะ
00:07:01 → 00:07:06 เลือดปลายนิ้วเลยครับ
00:07:06 → 00:07:09 การเจ็บปวดเหล่านี้เองครับเกิดจากสมอง
00:07:09 → 00:07:13 เป็นคนแปลผลว่ามีของแหลมมาจิ้มต้องพยายาม
00:07:13 → 00:07:15 ดึงนิ้วหนีซะให้ได้เร็วๆตอนนี้เหมือนกัน
00:07:15 → 00:07:17 ในแผลใหญ่
00:07:17 → 00:07:20 ความเจ็บปวดต่างๆทั้งร้อนทั้งหนาวทั้ง
00:07:20 → 00:07:28 เย็น
00:07:28 → 00:07:32 นั้นดำเนินชีวิตตามปกติได้ตามธรรมชาติ
00:07:32 → 00:07:37 เราสัมผัสกันก็จะรู้สึกว่าเราเจ็บรู้หนาว
00:07:37 → 00:07:40 เย็นแล้วร้อนรู้นะครับเพื่อปกป้องตัวเอง
00:07:40 → 00:07:43 รอดพ้นจากนั้นนอกจากนั้นสมองยังสั่งงานลง
00:07:43 → 00:07:47 ไปก็จะรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวดร้าวต่างๆ
00:07:47 → 00:07:49 แล้วเนี่ยจากงานลงไปเพื่อให้มีการเคลื่อน
00:07:49 → 00:07:51 ไหวกล้ามเนื้อ
00:07:51 → 00:07:55 ตัวร่างกายอ่าครับหรือเล่นกีฬาตามทักษะ
00:07:55 → 00:07:59 ของกีฬาเหล่านั้นเห็นไหมครับว่าสมองมี
00:07:59 → 00:08:02 ภารกิจที่สำคัญ 2 อันแล้วนะหนึ่งคือรับ
00:08:02 → 00:08:06 ความรู้สึกรับเข้ามาว่าคนนั้นเย็นร้อน
00:08:06 → 00:08:09 หนาวเจ็บปวดแล้วก็สั่งกาวไปให้มีการขยับ
00:08:09 → 00:08:13 ตามที่ต้องการเพื่อให้เราใช้แขนขามือวิ่ง
00:08:13 → 00:08:17 ใจปรารถนาบวกกับเดี๋ยวก่อนนะครับจะมีอัน
00:08:17 → 00:08:20 สำคัญมากคือทำให้คนนั้นมีความเป็นมนุษย์
00:08:20 → 00:08:26 มีสัญชาตญาณมีความรู้สึกว่าชอบไม่ชอบโกรธ
00:08:26 → 00:08:29 ไม่โกรธอันนี้เป็นตัวอย่างนะครับอยากดี
00:08:29 → 00:08:32 อยากได้ต่างๆเป็นสิ่งที่สมองทำหน้าที่
00:08:32 → 00:08:35 เหล่านี้ทั้งสิ้นเห็นไหมครับว่ามันมี
00:08:35 → 00:08:37 ภารกิจตั้งเยอะเลยทั้งรับความรู้สึกต่างๆ
00:08:37 → 00:08:41 เข้ามาตลอด 24 ชั่วโมงแต่การที่มีการขยับ
00:08:41 → 00:08:44 ร่างกายทั่วร่างกายตลอด 24 ชั่วโมงไม่มี
00:08:44 → 00:08:47 ใครยกเว้นรวมทั้งปรับเรื่องความคิดเรื่อง
00:08:47 → 00:08:51 ต่างๆได้ดีการทำงานเหล่านี้ที่มันซับซ้อน
00:08:51 → 00:08:53 มากๆเหล่านี้ครับ
00:08:53 → 00:08:56 ความรักความห่วงใยความผูกพันต่างๆก็ถูก
00:08:56 → 00:09:01 แปลผลด้วยสมองด้วยใช่แล้วถูกต้องแถลงให้
00:09:01 → 00:09:04 เห็นว่าแต่ละคนจะมีบุคลิกอย่างไรเฉพาะติด
00:09:04 → 00:09:07 ตัวมาตั้งแต่เกิดก็เพราะสมองเหมือนกันนะ
00:09:08 → 00:09:11 ครับคุณพ่อแต่ละคนมีท่าทางการเดินไม่
00:09:11 → 00:09:13 เหมือนกันคุณพ่อเดินแบบนึงกอล์ฟเดินแบบ
00:09:13 → 00:09:16 หนึ่งท่าทางการเดินที่คุณพ่อบอกว่าสมอง
00:09:16 → 00:09:18 สั่งการออกไปให้กล้ามเนื้อเนี่ยมันมีการ
00:09:18 → 00:09:21 ขยับได้กระฉับกระเฉงได้ถ้าเดินของเราที่
00:09:21 → 00:09:23 ต่างกันเนี่ยเป็นเพราะสมองเราสั่งต่างกัน
00:09:23 → 00:09:26 หรือเปล่าครับด้วยครับแต่สมองนั้นสั่งการ
00:09:26 → 00:09:29 ประเด็นนี้สั่งเพื่อให้ร่างกายเราทุกชิ้น
00:09:29 → 00:09:33 ส่วนทุกส่วนเนี่ยทำงานได้ลงตัว
00:09:33 → 00:09:37 แต่ว่าแขนขาคนเดียวคนไม่เท่ากันความแข็ง
00:09:37 → 00:09:40 แรงไม่เท่ากันแต่ละส่วนฉะนั้นเมื่อประมวล
00:09:40 → 00:09:43 ผลเสร็จแล้วเนี่ยสมองใสให้เดินท่านี้แหละ
00:09:43 → 00:09:47 ครับคนที่เป็นโรคเท้าแบนก็จะเดินท่าหนึ่ง
00:09:47 → 00:09:51 เฉพาะเจาะจงไปเลยมีอาการเจ็บปวดอยู่ปวด
00:09:51 → 00:09:54 หลังอยู่ก็จะเดินแบบนึงเป็นการชดเชยเพื่อ
00:09:54 → 00:09:59 ให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
00:09:59 → 00:10:03 เห็นไหมครับว่าสมองนั้นทำงานหลากหลายซับ
00:10:03 → 00:10:05 ซ้อนแล้วก็ละเมียดละมัย
00:10:05 → 00:10:07 แม้กระทั่งความรัก
00:10:07 → 00:10:12 พ่อรักลูกลูกสาวลูกชายหรือที่รักความรัก
00:10:12 → 00:10:15 ที่เขาเกิดขึ้นในสมองของพ่อครับจากเซลล์
00:10:15 → 00:10:17 สมองเป็นคนแปลผลแล้วก็ปรับให้เกิดเป็น
00:10:17 → 00:10:20 ความรักการเรียนรู้ที่เราเรียนจากชั้น
00:10:20 → 00:10:23 มัธยมประถมต่างขึ้นมาถึงมหาวิทยาลัยก็
00:10:23 → 00:10:27 เซลล์สมองของคนรับรู้เรียนรู้ต่างๆทุก
00:10:27 → 00:10:30 วิชาการเข้ามาแล้วก็จดจำ
00:10:30 → 00:10:34 ภารกิจที่น่าจะหล่อเหล่านี้มากมายขนาดนี้
00:10:34 → 00:10:36 นะครับสมองเป็นคนทำรับหน้าที่เหล่านี้เอง
00:10:36 → 00:10:40 จากเราจากพ่อแม่ให้มาเพราะฉะนั้นการที่
00:10:40 → 00:10:42 เราต้องดูแลหมอให้ดีนะครับสมองจึงเป็นตัว
00:10:42 → 00:10:47 ที่เราอ่อนแล้วก็แถบกับบอบบางด้วย
00:10:47 → 00:10:49 กระทบกระเทือน
00:10:49 → 00:10:53 ต่อสมองได้นะครับ
00:10:53 → 00:10:56 ถ้าสมองเนี่ยนะครับมันต้องเรียนรู้ตลอด
00:10:56 → 00:10:59 อายุของคนคนนึงเลยเนี่ย
00:10:59 → 00:11:01 ถึง 70 80 90 บางคนอยู่เป็นร้อยๆปี
00:11:01 → 00:11:04 เนี่ยหน่วยความจำของสมองเนี่ยมันไม่เต็ม
00:11:04 → 00:11:08 บ้างเหรอครับมันฉลาดที่ใช้วิธีการฝาก
00:11:08 → 00:11:11 เมมโมรี่ไว้เป็นหัวข้อของไฟล์
00:11:11 → 00:11:14 ส่วนรายละเอียดนั้นกระจายไปไว้ที่อื่น
00:11:14 → 00:11:18 ทั่วสมองเวลาจะใช้งานก็ใช้วิธีการเรียก
00:11:18 → 00:11:20 ไฟล์ให้มาแล้วก็เอาไฟล์เล็กๆเข้ามาประกอบ
00:11:20 → 00:11:22 กันตรงนั้นครบเรื่อง
00:11:23 → 00:11:26 ไม่ได้เก็บข้อมูลเต็มๆไว้ที่เดียว
00:11:26 → 00:11:31 จำหัวข้อจำถ้าเกิดว่าอยู่ในสไลด์เวลาพวก
00:11:31 → 00:11:34 เราสอนนักศึกษาก็จะมีเป็นเหล็กเป็นหัวข้อ
00:11:34 → 00:11:37 เล็กๆย่อยนี่คือสิ่งที่สมองจะแล้วเมื่อ
00:11:37 → 00:11:41 อยากจะรู้ใต้ไหนก็จะมีเนื้อหาต่างๆที่เขา
00:11:41 → 00:11:44 ไปฝากไว้ในที่ที่มันเหมาะสมเนี่ยเขาจะ
00:11:44 → 00:11:46 เรียกกลับเข้ามาคลุกเคล้ารวมกันประมวลผล
00:11:46 → 00:11:50 แล้วก็สามารถที่จะขายทอดออกไปได้
00:11:50 → 00:11:53 มีโอกาสเต็ม
00:11:53 → 00:11:56 มีแต่ตอนอายุมากขึ้นจะเริ่มเลือนลางไป
00:11:56 → 00:11:59 บ้างในบางอย่างที่จำไว้นานแล้ว
00:11:59 → 00:12:01 จำไม่ค่อยได้แล้วนี่เป็นตัวอย่างนะครับ
00:12:01 → 00:12:05 นาฬิกาที่สมองนั้นจะปรับตัวตามวัยก็ต้อง
00:12:05 → 00:12:08 มีด้วยเป็นธรรมดานะครับแต่ถ้าเกิดมีการ
00:12:08 → 00:12:10 กระทบกระเทือนกระทบกระทั่งต่างๆเกิดขึ้น
00:12:10 → 00:12:14 ปัญหาจะเกิดขึ้นสมองได้ง่ายเกี่ยวกับใน
00:12:14 → 00:12:17 ประเด็นแรกเลยเห็นไหมครับว่าสมองนั้นทำ
00:12:17 → 00:12:19 หน้าที่ละเอียดอ่อนโดยที่เริ่มความจำ
00:12:19 → 00:12:22 เพราะต้องจำเรื่องเยอะมากเลยตั้งแต่สมัย
00:12:22 → 00:12:26 โบร่ำโบราณกลับมาปัจจุบันนี้และก็ต้องใช้
00:12:26 → 00:12:31 ไปถึงแก่ถึงเท่าทีเดียวนะครับอวัยวะที่ทำ
00:12:31 → 00:12:34 หน้าที่จนจบสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตของคน
00:12:34 → 00:12:37 ทุกคนก็คือหูครับ
00:12:38 → 00:12:43 สื่อสารเชื่อมโยงกับสมองตลอดเวลา
00:12:43 → 00:12:48 ทำงานอยู่เลยนะครับอาจจะบอกว่าเอ่อก่อนจะ
00:12:48 → 00:12:51 ถึงสิ้นใจอ่ะโบราณเขาจะบอกว่าคิดถึงพระ
00:12:51 → 00:12:53 รัตนตรัยนะถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์นะ
00:12:54 → 00:12:56 ครับ
00:12:56 → 00:13:59 [เพลง]
00:13:59 → 00:14:02 จนกระทั่งสมองมันคุ้นเคยสมองมีพรสวรรค์
00:14:02 → 00:14:04 อย่างหนึ่งคือถ้าเมื่อไหร่คุ้นเคยจะมี
00:14:04 → 00:14:07 ความสามารถสูงขึ้นสูงขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ
00:14:07 → 00:14:11 เช่นการฝึกสติ
00:14:11 → 00:14:15 การรู้สึกตัวถ้ารู้เท่าทันถ้าเราไม่ฝึก
00:14:15 → 00:14:19 เลยมันก็จะเฉื่อยช้าจะทำงานช้าไม่ทัน
00:14:20 → 00:14:23 ช่วยป้องกันเราแต่ถ้าเราฝึกรู้สึกตัวตลอด
00:14:23 → 00:14:29 เวลาไม่ใจลอยไปทำตาฟ้องเผลอๆคิดจะเลือก
00:14:29 → 00:14:32 คือของที่สำคัญมากที่สุดก่อนครับเพราะ
00:14:32 → 00:14:35 ฉะนั้นเราจะจำได้ไปยาวนานเลยแล้วจำเรื่อง
00:14:35 → 00:14:39 ใดเยอะๆโดยที่ไม่ลืมง่ายๆในการฝึกต่างๆ
00:14:39 → 00:14:42 นั้นสมองเป็นอวัยวะหนึ่งที่รับการฝึกฝน
00:14:42 → 00:14:46 ได้ดีมากๆแล้วก็พัฒนาคุณภาพตัวเองด้วย
00:14:46 → 00:14:48 วิธีการฝึกคล้ายๆกับกล้ามเนื้อเหมือนกัน
00:14:48 → 00:14:51 นะครับทำได้ก็พัฒนาเป็นการ
00:14:51 → 00:14:55 ทำอันนี้ก็มีคำถามมีกิจกรรมอยู่หลากหลาย
00:14:55 → 00:14:57 เหมือนกันนะครับคุณพ่อที่ใช้ในการฝึกได้
00:14:57 → 00:15:01 ยกตัวอย่างอย่างเช่นคิดเลขในใจไปร้านค้า
00:15:01 → 00:15:04 แทนที่จะกดมือถือบวกลบคูณหารไปซื้อของ
00:15:04 → 00:15:08 จ่ายตังค์เท่านั้นทอนเงินเท่านี้หรือแม้
00:15:08 → 00:15:11 กระทั่งไปทานข้าวเราจ่ายเงินไปเราเป็น
00:15:11 → 00:15:15 สมาชิกลด 10% เราคิดเลขในใจพวกนี้ถือเป็น
00:15:15 → 00:15:18 การฝึกสมองได้ไหมใช่แล้วครับแต่มีการเต้น
00:15:18 → 00:15:22 ประเด็นหนึ่งที่สมองเขาเรียนรู้โดยใช้
00:15:22 → 00:15:25 จินตนาการประกอบด้วย
00:15:25 → 00:15:29 การที่เราคิดเลขในใจคิดเงินทอนในการซื้อ
00:15:29 → 00:15:33 ของให้ไปครั้งนี้บาทราคาของอันนี้ก็เท่า
00:15:33 → 00:15:36 ไหร่เนี่ยคนที่ทอนเก่งๆคิดตังค์เก่งๆ
00:15:36 → 00:15:38 เหล่านี้นอกจากเห็นภาพของเหรียญทั้งนั้น
00:15:38 → 00:15:39 แหละ
00:15:39 → 00:15:43 เพราะ 20 บาทมีแบงค์ 20 บาท
00:15:43 → 00:15:48 พอลบไป 17 17 บาทก็เสนอ 3 ใบไง
00:15:48 → 00:15:52 เขาใช้จินตนาการเข้าไปช่วยในการทำในการ
00:15:52 → 00:15:56 คิดเลขเร็วคิดเลขในใจซึ่งก่อนเด็กๆตอนพ่อ
00:15:56 → 00:15:58 เรียนประถมนะคุณครูก็สอนให้คิดเลขในใจ
00:15:58 → 00:16:01 แล้วก็นะครับก่อนจะกลับบ้านตอนมันเป็น
00:16:01 → 00:16:04 เย็นก็จะท่องสูตรคูณคิดเลขในใจกันอะไรใน
00:16:04 → 00:16:07 ห้องเรียนให้เด็กๆพูดกันเพราะฉะนั้นการ
00:16:07 → 00:16:11 ที่เราฝึกเหล่านี้ครับเป็นสิ่งที่วิชาการ
00:16:11 → 00:16:13 ที่เราเรียนรู้มันก็จะมาสอนเราว่าเฮ้ย
00:16:13 → 00:16:19 ความจำถ้าใช้จินตนาการเห็นภาพด้วยสร้าง
00:16:19 → 00:16:22 ภาพร่วมด้วยจะจำได้เก่งได้เร็วแล้วก็ได้
00:16:22 → 00:16:25 นานด้วยนะครับมันก็หมายความว่าจากที่คุณ
00:16:25 → 00:16:27 พ่อเล่ามาเนี่ยนะครับลองๆดูๆพี่อาจจะดู
00:16:27 → 00:16:29 อยู่เนี่ยนะฮะถ้าอยากอ่านหนังสือสอบและ
00:16:29 → 00:16:32 อยากจะจำให้ได้ง่ายๆจำให้ได้เร็วๆนั่นก็
00:16:32 → 00:16:34 แสดงว่าเราต้องอ่านไปแล้วก็คิดจินตนาการ
00:16:34 → 00:16:37 เป็นภาพตามไปด้วยจะช่วยให้จำได้แม่นยำเอา
00:16:37 → 00:16:40 ไปทำข้อสอบเนี่ยห้องได้ง่ายขึ้นถูกต้อง
00:16:40 → 00:16:43 แล้วครับตอนข้อสอบเข้าเรียนแพทย์เนี่ยข้อ
00:16:43 → 00:16:47 สอบที่สอบเข้าเรียนแพทย์ข้อสอบ Entrance
00:16:47 → 00:16:48 มาก่อนนี่เองครับ
00:16:48 → 00:16:52 พอเห็นภาพก็เลยว่าคำถามออกมาให้ว่าเส้น
00:16:52 → 00:16:54 เลือดของปลา
00:16:54 → 00:16:56 โครงสร้างมันเป็นยังไงแล้วเส้นเลือดเป็น
00:16:57 → 00:16:59 ตัวเลขยังไงปล่อยภาพเลยโอ้ย
00:16:59 → 00:17:03 เส้นเลือดตาทั้งตัวลอยขึ้นมาเลย
00:17:03 → 00:17:07 ในการทำอะไรต่างๆนะครับการใช้จินตนาการ
00:17:07 → 00:17:11 ใช้ภาพพจน์ประกอบด้วยจะทำให้เราให้สมอง
00:17:11 → 00:17:15 ได้ดีสมองจะกลับมาทำงานได้แจ๋วขึ้นแต่โดย
00:17:15 → 00:17:18 เฉพาะอย่างยิ่งสมองนั้นทำงานเป็นการสร้าง
00:17:18 → 00:17:21 ศาลขึ้นมาใช้งานเองนะ
00:17:21 → 00:17:35 เชื่อมโยงเหล่านี้ครับ
00:17:35 → 00:17:39 ผัดกระเพราเหมือนเวลาที่เราเพียงแค่เห็น
00:17:39 → 00:17:44 มะนาวหรือเป็นรูปของมะนาวและก็คิดอ๋อนี่
00:17:44 → 00:17:47 คือมะนาวแล้วเรารู้สึกเปรี้ยวปากอันนี้ก็
00:17:47 → 00:17:49 สมองเหมือนกัน
00:17:49 → 00:17:52 ถ่ายภาพจินตนาการในใจเป็นตัวประกอบนะครับ
00:17:52 → 00:17:55 รายได้จากนั้นนะครับสมองก็สร้างศาลที่มา
00:17:55 → 00:17:58 ใช้เพื่อการสื่อสารเหล่านี้ด้วยเพื่อทำ
00:17:58 → 00:18:01 งานที่ซับแบบนี้ด้วยเราเรียกว่าสารสื่อ
00:18:01 → 00:18:03 ประสาท
00:18:03 → 00:18:07 มีหลายตัวสมองสร้างขึ้นไปใช้เองนะถ้า
00:18:07 → 00:18:10 เชื่อมโยงสื่อสารกับเซลล์ข้างเคียงเปรียบ
00:18:10 → 00:18:14 เสมือนกับคลื่นโทรศัพท์มือถือเราซื้อมือ
00:18:14 → 00:18:16 ถือมาก็มันก็เซลล์สมองแต่ละตัวแต่ละตัว
00:18:16 → 00:18:19 มันเชื่อมโยงกันโทรหากันได้ก็เพราะว่ามี
00:18:19 → 00:18:23 ตัวสัญญาณที่ให้บริการต่างๆเข้ามาเชื่อม
00:18:23 → 00:18:26 ฉันได้จากนั้นศาลสื่อประสาทก็เปรียบ
00:18:26 → 00:18:29 เสมือนสัญญาณมือถือที่เชื่อมเครื่อง
00:18:29 → 00:18:30 โทรศัพท์เรากับเครื่องโทรศัพท์ของคนข้าง
00:18:30 → 00:18:33 เคียงอีกคนนึงให้เราพูดคุยกันได้นั่นเอง
00:18:33 → 00:18:35 ครับศาลเศรษฐศาสตร์จึงมีความสำคัญในสมอง
00:18:35 → 00:18:40 มากตัวอย่างเช่นเวลาตกใจตกใจกลัวตื่นเต้น
00:18:40 → 00:18:42 ก็จะมีศาลฮอร์โมนตัวนึงออกมาจากต่อมหมวก
00:18:42 → 00:18:43 ไต
00:18:43 → 00:18:49 กลัวตื่นเต้นเร่งเหงื่อออกนะครับแม้
00:18:49 → 00:18:52 กระทั่งช่วงที่มีความสุขเป็นกีฬาชัยชนะก็
00:18:52 → 00:18:58 ใช้ศาลที่ชื่อว่าเป็นดอกฝิ่นอ้อนะครับ
00:18:58 → 00:19:01 เขายังใช้สารหลายตัวบางตัวก็เป็นฮอร์โมน
00:19:01 → 00:19:05 พอตัวเป็นสารสื่อประสาทมาประกอบทำให้สมอง
00:19:05 → 00:19:07 นั้นมีคุณภาพลึกซึ้งมากมายนะครับแล้วก็
00:19:07 → 00:19:10 สมองเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนก็ต้องอาศัย
00:19:10 → 00:19:13 สิ่งมาช่วยกันครับเป็นพวกฮอร์โมนพวกสาร
00:19:13 → 00:19:15 สติปัฏฐานที่ช่วยในการทำงานด้วยนะครับ
00:19:15 → 00:19:18 ด้วยการที่เขารองรับรับรองการทำงานหน้า
00:19:18 → 00:19:22 ที่หลากหลายมากๆอย่างนี้จึงเป็นส่วนหนึ่ง
00:19:22 → 00:19:23 หรือเปล่าครับคุณพ่อที่สมองต้องแบ่งหน้า
00:19:24 → 00:19:26 ที่การเต้นหลายๆส่วนส่วนหน้าส่วนกลางส่วน
00:19:26 → 00:19:29 หลังกอล์ฟจำได้ตอนสมัยอ่านหนังสือสอบถูก
00:19:29 → 00:19:32 ต้องแล้วครับเมื่อมันมีงานภารกิจเยอะบาง
00:19:32 → 00:19:36 ทีอาจจะสับสนจึงแบ่งเป็นหลายๆส่วนของสมอง
00:19:36 → 00:19:38 นะครับส่วนด้านหน้าเกี่ยวกับความรู้สึก
00:19:39 → 00:19:42 ความเป็นตัวของตัวเองบุคลิกภาพต่างๆสมอง
00:19:42 → 00:19:46 สุดๆกลางๆก็จะเป็นศูนย์ศูนย์ความจำศูนย์
00:19:46 → 00:19:49 การเรียนรู้ศูนย์การมองเห็นหรือการได้ยิน
00:19:49 → 00:19:53 แยกเป็นศูนย์ศูนย์หมดเลยเพื่อไม่ให้สับสน
00:19:53 → 00:19:58 กันแต่หมอจึงซับซ้อนมากครับก็ซับซ้อนแล้ว
00:19:58 → 00:20:00 ก็ทำงานแล้วก็ซอสตามไปด้วยให้ประโยชน์กับ
00:20:00 → 00:20:03 เราได้คุ้มเหลือเกินในการที่จะดูแลถนอม
00:20:03 → 00:20:07 มันให้ดีที่สุดไปได้นะครับการนอนให้เต็ม
00:20:07 → 00:20:10 อิ่มผู้ใหญ่ต้องได้ 7 ชั่วโมงต่อคืนนะ
00:20:10 → 00:20:13 ครับอายุน้อยกว่านี้ลงไปเช่นวัยรุ่นก็
00:20:13 → 00:20:17 ต้องการ 8-9 ชั่วโมงต่อวันเด็กเล็กๆกว่า
00:20:17 → 00:20:20 นั้นอีก 6-7 ขวบ 8 ขวบอาจ 10 ชั่วโมงก็
00:20:20 → 00:20:23 ได้ในการนอนหลับตอนนี้เราจะเป็นอาหาร
00:20:23 → 00:20:26 สำคัญที่ช่วยมาดูให้สมองนั้นทำงานได้
00:20:26 → 00:20:29 สมบูรณ์แบบประชาธิปัตย์ปรารถนาแล้วก็มี
00:20:29 → 00:20:31 การพัฒนาขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆเก่งขึ้น
00:20:31 → 00:20:34 เรื่อยๆจำได้ดีขึ้นเรื่อยๆสั่งการต่างๆ
00:20:34 → 00:20:36 ตามทักษะได้ดีขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วยนะครับ
00:20:36 → 00:20:40 อ๋อนี่สมองก็ทำงานคล้ายๆร่างกายเลยแต่แยก
00:20:40 → 00:20:43 ส่วนกันความชอบแตกต่างกันถ้าเกิดว่ากล้าม
00:20:43 → 00:20:46 เนื้อเราก็ต้องมีการกินโปรตีนเข้าไป
00:20:46 → 00:20:48 กระดูกก็มีการกินแคลเซียมเข้าไปถึงเวลา
00:20:48 → 00:20:51 เขาใช้สิ่งเหล่านั้นเป็นการซ่อมแซมแล้วก็
00:20:51 → 00:20:54 ซ่อมตอนนอนแต่ในส่วนของสมองเราก็ต้องมี 3
00:20:54 → 00:20:57 อย่างที่คุณพ่อบอกไปตอนต้นนั่นก็คือเจ้า
00:20:57 → 00:20:58 อากาศออกซิเจน
00:20:59 → 00:21:02 กลูโคสนะครับแล้วสุดท้ายก็คือคอเลสเตอรอล
00:21:02 → 00:21:05 3 ตัวนี้เราต้องมีไว้แล้วช่วงที่เรานอน
00:21:06 → 00:21:09 หลับร่างสมองได้พักผ่อนเขาก็จะเอาสาร 3
00:21:09 → 00:21:12 ตัวนี้แหละไปกินแล้วก็จัดการซ่อมแซมสมอง
00:21:12 → 00:21:15 ของเราให้ตื่นมาสดชื่นสดใสพร้อมจะทำงาน
00:21:15 → 00:21:18 ต่อๆไปได้ด้วยนะครับวงจรเราจะเป็นวงจรที่
00:21:18 → 00:21:22 ต้องการใช้ทุกวันนะครับเพราะสมองนั้นไม่
00:21:22 → 00:21:23 หยุดทำงาน
00:21:23 → 00:21:28 เราจะต้องมีการใช้ความคิดความจำบุคลิกภาพ
00:21:28 → 00:21:30 ต่างๆต้องออกมาเลยครับเป็นตัวของตัวเอง
00:21:30 → 00:21:33 ตลอดเวลาเพราะมีความสำคัญอย่างหนึ่งที
00:21:33 → 00:21:35 เดียวที่ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องการกิน
00:21:35 → 00:21:39 อาหารที่เหมาะสมวิเคราะห์พูดไปแล้วนะครับ
00:21:39 → 00:21:43 การออกกำลังกายสมองก็ต้องฝึกคิดฝึกจำฝึก
00:21:43 → 00:21:47 มองนู่นนี่นั่นส่วนราชการที่อาศัยสมอง
00:21:47 → 00:21:52 เป็นตัวช่วยแปลผลของภาพจากดวงตาสองข้าง
00:21:52 → 00:21:57 ก็ได้รวมทั้งลิ้นรสชาติอาหารต่างประเทศ
00:21:57 → 00:21:59 นะครับ
00:21:59 → 00:22:03 โอเคเลยนะครับการทำงานที่น่าพิศวงของสมอง
00:22:03 → 00:22:06 เนี่ยทำให้ร่างกายของเรามีกิจกรรมในชีวิต
00:22:06 → 00:22:09 ประจำวันได้อย่างราบรื่นนะครับมีคำถามข้อ
00:22:09 → 00:22:11 สุดท้ายก่อนจะจากไปในวันนี้ครับคุณพ่อ
00:22:11 → 00:22:15 เวลาหิวเนี่ยสมองเป็นคนสั่งด้วยหรือเปล่า
00:22:15 → 00:22:17 ครับแน่นอนครับ
00:22:17 → 00:22:21 สร้างสรรค์มาหลายตัวตัวที่ทำให้เราหิวก็
00:22:21 → 00:22:24 จะไปกระตุ้นที่กระเพาะอาหารให้มีการหลั่ง
00:22:24 → 00:22:32 ถ้าเราได้ยินไหม
00:22:32 → 00:22:37 ครับอินพอกินอิ่มแล้วสมองก็บอกหยุดพอแล้ว
00:22:37 → 00:22:41 มันเต็มกระเพาะแล้วถึงคอแล้วนะ
00:22:41 → 00:22:46 ไม่อยากกินต่อแล้วพอดีกว่าแล้วก็สั่งให้
00:22:46 → 00:22:48 บริการง่วงนอนหลังอกหลังกินอาหารเต็มที่
00:22:48 → 00:22:50 แล้วเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนสักทีกินไป
00:22:51 → 00:22:52 ตั้งเยอะแล้วนะอะไรงี้เป็นตัวอย่างนะครับ
00:22:52 → 00:22:56 ถ้าเกิดคุณหมอสร้างสรรค์บางอย่างออกมาที่
00:22:56 → 00:22:58 มีชื่อภาษาแพทย์ทั้งสิ้นไม่ต้องสั่งก็ได้
00:22:58 → 00:23:02 นะครับแต่ไปกระตุ้นให้เกิดความหิวฉันรู้
00:23:02 → 00:23:05 สึกอิ่มรู้สึกอยากง่วงนอนพี่ก็ผนังท้อง
00:23:05 → 00:23:10 ตึงหนังตาเริ่มหย่อนนั่นเองนะครับ
00:23:10 → 00:23:14 แต่ติดตามกันนะครับความลับของร่างกายเรา
00:23:14 → 00:23:16 สองพ่อลูกจะมาพูดคุยกันครับเกี่ยวกับการ
00:23:16 → 00:23:19 ทำงานระบบต่างๆของร่างกายที่น่าสนใจมากๆ
00:23:19 → 00:23:23 บางระบบนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าโอ้ยมีการทำ
00:23:23 → 00:23:26 งานแบบนี้ซับซ้อนซ้อนเงินจริงๆเพราะเขาทำ
00:23:26 → 00:23:28 งานอยู่เบื้องหลังแล้วคอยช่วยให้ร่างกาย
00:23:28 → 00:23:31 ของเราได้ทำกิจกรรมต่างๆอย่างราบรื่นใน
00:23:31 → 00:23:34 ชีวิตประจำวันนะครับสำหรับวันนี้ก็ประมาณ
00:23:34 → 00:23:37 นี้ครับคงจะได้ภาพรวมความเข้าใจเกี่ยวกับ
00:23:37 → 00:23:40 เรื่องการทำงานของสมองนะครับติดตามอุ่นใจ
00:23:40 → 00:23:42 ใกล้คุณหมอในท้องเรื่องของความลับของร่าง
00:23:42 → 00:23:44 กายได้ในครั้งต่อไปสำหรับวันนี้ลาไปก่อน
00:23:44 → 00:23:46 นะครับสวัสดีครับสวัสดีครับ
00:23:46 → 00:23:57 [เพลง]