00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world By The
00:00:05 → 00:00:08 Voice โดยทั่วไปครอบครัวเนี่ยจะเห็นว่า
00:00:08 → 00:00:10 ไม่ว่าลูกจะเติบโตแค่ไหนก็ตามหรือเปลี่ยน
00:00:11 → 00:00:13 สถานะไปกี่หนเช่นแต่งงานแล้วย่าย่าแล้ว
00:00:13 → 00:00:15 แต่งงานเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรก็แล้วแต่
00:00:15 → 00:00:18 นนะคะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยก็คือ
00:00:18 → 00:00:20 ความสัมพันธ์ในครอบครัวโดยเฉพาะกับพ่อแม่
00:00:21 → 00:00:23 เพราะฉะนั้นบางคนมีครอบครัวแล้วเนี่ยพ่อ
00:00:23 → 00:00:25 แม่ก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตคู่ของ
00:00:25 → 00:00:28 ลูกเพราะนั้นก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้พ่อ
00:00:28 → 00:00:30 แม่เนี่ยไม่อยากปล่อยมือจากชีวิติลูกแล้ว
00:00:30 → 00:00:33 ก็แม้ว่าลูกจะเติบโตไปแค่ไหนก็ตามก็ยัง
00:00:33 → 00:00:36 ไม่อยากปล่อยมือแล้วก็ยังมีอีกเยอะที
00:00:36 → 00:00:38 เดียวที่สาเหตุหลักเนี่ยนะคะมันก็เลยมา
00:00:38 → 00:00:41 จากบุคลิกภาพและปมปัญหาในชีวิตของพ่อแม่
00:00:41 → 00:00:44 เองหรือความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพ่อ
00:00:44 → 00:00:47 แม่ลูกในปัจจุบันก็
00:00:47 → 00:00:51 ได้ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:51 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 This Is tha PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:58 → 00:01:01 คุณผู้ฟังวันนี้เราจะคุยกันถึงในเรื่อง
00:01:01 → 00:01:06 หัวข้อนี้นะคะน่าจะตรงใจสำหรับในบาง
00:01:06 → 00:01:10 ครอบครัวบางคู่ด้วยนะคะว่าทำไมครอบครัว
00:01:10 → 00:01:14 ของอ่าแต่ละฝ่ายเนี่ยนะคะมีผลต่อชีวิตคู่
00:01:14 → 00:01:18 ของเรานะในรูปแบบอาจจะแตกต่างกันออกไปนะ
00:01:18 → 00:01:20 คะแต่ว่าแน่นอนว่าเขาก็จะต้องมาเกี่ยว
00:01:20 → 00:01:23 อะไรกับในชีวิตของเอ่อความมีคู่ของเราบาง
00:01:23 → 00:01:27 คนเขาก็เลยบอกว่าแต่งงานแล้วออกไปอยู่คน
00:01:27 → 00:01:29 เดียวไปสร้างครอบครัวเองดีกว่าหรืออะไร
00:01:29 → 00:01:31 อย่างเงี้ยนะะนะคะเรื่องนี้เดี๋ยวคุยกับ
00:01:31 → 00:01:33 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท์วิภาดิลก
00:01:33 → 00:01:35 สัมพันธ์ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏ
00:01:35 → 00:01:38 บ้านสมเด็จเจ้าพระยาผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:01:38 → 00:01:40 สัมพันธ์และครอบครัวค่ะสวัสดีค่ะอาจารย์
00:01:40 → 00:01:43 ขาสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะท่านผู้ฟังทุกท่าน
00:01:43 → 00:01:47 ค่ะอืมเรื่องของครอบครัวเนาะเราก็อ่ะกว่า
00:01:47 → 00:01:51 จะมาได้ตกลงปลงใจแต่งงานกันมีชีวิตคู่มี
00:01:51 → 00:01:54 ครอบครัวเป็นของตัวเองก็ปรากฏว่าไม่ฝ่าย
00:01:54 → 00:01:57 ใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้ง 2 ฝ่ายก็จะต้องมามี
00:01:57 → 00:02:02 ส่วนเกี่ยวคือถ้าในในเชิงที่แบบทำให้
00:02:02 → 00:02:03 ครอบครัวเขาคเข้มแข็งขึ้นหรือช่วย
00:02:04 → 00:02:06 ซัพพอร์ตอันนี้ก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะอาจารย์
00:02:06 → 00:02:10 แต่บางบางกรณีเนี่ยที่เคยเห็นในข่าวบ้าง
00:02:10 → 00:02:13 เนาะหรือว่าอาจจะแบบจากเพื่อนเองเนี่ยค่ะ
00:02:13 → 00:02:16 ก็จะมีปัญหาเรื่องแบบว่าบางทีเหมือนถูก
00:02:16 → 00:02:20 แทรกแซงอือฮึอ่าอาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะไม่
00:02:20 → 00:02:22 โอเคนะทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวมันอาจ
00:02:22 → 00:02:26 จะแบบมีปัญหาได้อย่างเงี้ยค่ะค่ะนะคะก็
00:02:26 → 00:02:30 อยากจะปูพื้นให้ท่านผู้ฟังทุกท่านเข้าใจ
00:02:30 → 00:02:33 ก่อนนะฮะว่าทำไมครอบครัวเอาเป็นว่าพ่อ
00:02:33 → 00:02:36 ครอบครัวนี้คือพ่อแม่แล้วกันนะคะพ่อแม่
00:02:36 → 00:02:39 เนี่ยมีอิทธิพลกับตัวเด็กหรือลูกเนี่ยนะ
00:02:39 → 00:02:43 คะอทุกมิติเลยนะคะตั้งแต่เรื่องของการ
00:02:43 → 00:02:46 เลี้ยงดูการกินอยู่หลับนอนการมีทัศนคติ
00:02:46 → 00:02:50 การเป็นแบบอย่างแลก็อื่นๆมีผลยังไงมีผล
00:02:50 → 00:02:53 ทั้งทางบวกและทางลบต่อเรื่องอะไรก็ได้นะ
00:02:53 → 00:02:57 คะอันนี้เป็นปูพื้นฐานก่อนเนาะนะฮะแลนอก
00:02:57 → 00:02:58 จากนั้นเนี่ยครอบครัวเนี่ยมันยังมีเรื่อง
00:02:58 → 00:03:00 ของสายสัมพันธ
00:03:00 → 00:03:04 นะฮะสายสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกนะคะเอ่อแล้ว
00:03:05 → 00:03:07 ก็วัฒนธรรมของแต่ละครอบครัวซึ่งมันไม่
00:03:07 → 00:03:10 เหมือนกันค่ะนะคะคำว่าวัฒนธรรมของ
00:03:10 → 00:03:12 ครอบครัวที่มันไม่เหมือนกันเนี่ยยกตัว
00:03:12 → 00:03:15 อย่างนะคะขอยกตัวอย่างว่าครอบครัวเนี้ย
00:03:15 → 00:03:17 สมมุติครอบครัวที่ 1 เนี่ยมีครอบครัวที่
00:03:17 → 00:03:21 มีลูก 4 คนแต่มีลูกคนนึงเนี่ยที่ใครๆก็
00:03:21 → 00:03:25 ต้องยอมคนเนี้ยนึกออกมั้ยฮะแต่จากจะ
00:03:25 → 00:03:28 เนื่องจากอะไรอันนี้แล้วแต่นะฮะแล้วแต่
00:03:28 → 00:03:30 แต่ว่าทำไมทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่ทั้งน้อง
00:03:30 → 00:03:33 ต้องยอมไอ้คนๆเนี้ยอยู่คนเดียวทั้งๆที่คน
00:03:33 → 00:03:35 นี้ไม่ใช่คนโตนะอาจจะเป็นลูกคนที่ 3 แต่
00:03:36 → 00:03:38 มันจะมีวัฒนธรรมของครอบครัวที่ทำไมเาจะ
00:03:38 → 00:03:41 ต้องมาเอาอกเอาใจคนนี้กันอยู่คนเดียวอออื
00:03:41 → 00:03:44 นึกออกมั้ยคะซึ่งอันเนี้ยอย่าไปสนใจ
00:03:44 → 00:03:46 สาเหตุเลยนะฮะแต่มันเป็นวัฒนธรรมของ
00:03:46 → 00:03:50 ครอบครัวอนะคะอแล้ววิถีวัฒนธรรมคือ
00:03:50 → 00:03:53 วัฒนธรรมที่ต่างเชื้อชาติกันมีส่วนมั้ยคะ
00:03:53 → 00:03:56 อย่างเช่นออย่างของครอบครัวของรีเนี่ยก็
00:03:56 → 00:03:59 เป็นแบบทางจีนค่อนข้างเยอะอ่าแล้วสมมุตไป
00:03:59 → 00:04:02 แต่งกับอทางฝั่งไทยหรืออะไรอย่างเงี้ยที่
00:04:02 → 00:04:04 แบบเป็นพ่อแม่คนไทยอย่างเงี้ยใช่ค่ะชัด
00:04:04 → 00:04:07 เจนชัดเจนหมดอ่ะค่ะอ่ะอย่างสมมุติว่า
00:04:07 → 00:04:11 ครอบครัวทั่วไปคนจีนอย่างที่คุณสุรีพรว่า
00:04:11 → 00:04:13 ค่ะอันนี้วัฒนธรรมครอบครัวนี้ก็จะให้ความ
00:04:13 → 00:04:16 สำคัญกับลูกชายใช่ถูกมั้ยคะใช่อะไรอย่าง
00:04:16 → 00:04:18 นี้เป็นต้นนึกออกมั้ยฮะเพราะฉะนั้น
00:04:18 → 00:04:20 อันเนี้ยมันเป็นวัฒนธรรมมของแต่ละ
00:04:20 → 00:04:24 ครอบครัวนะคะซึ่งพอคน 2 คนเี่สมมติอันนี้
00:04:24 → 00:04:26 วัฒนธรรมของคนที่ 1 อันนี้วัฒนธรรมของคน
00:04:26 → 00:04:29 ที่ 2 แล้วจาก 2 ครอบครัวเนี้ยมาเจอกัน
00:04:29 → 00:04:32 เป็นชายหนุ่มหญิงสาวที่มาแต่งงานกันอืแต่
00:04:32 → 00:04:35 ละคนก็จะมีวัฒธรรมของครอบครัวตัวเองแล้ว
00:04:35 → 00:04:38 ต้องมีความเลือกของสายสัมพันธ์นะแล้วเรา
00:04:38 → 00:04:40 พูดกันเสมอว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของ
00:04:40 → 00:04:42 โคดร 2
00:04:42 → 00:04:47 โคตรอันนี้จำได้นะคะเพราะฉะนั้นที่นี้อัน
00:04:47 → 00:04:49 ต่อไปนะฮะอันนี้พื้นฐานก่อนนะคะเพื่อให้
00:04:49 → 00:04:51 ท่านผู้ฟังทุกท่านได้เข้าใจพื้นฐานเพราะ
00:04:51 → 00:04:53 ว่าเดี๋ยวนี้เราครอบครัวเรามาจากครอบครัว
00:04:53 → 00:04:56 เล็กๆๆๆเยอะซึ่งเทียบกับสมัยก่อนอย่าง
00:04:56 → 00:04:59 จันทวิพาเนี่ยมาจากเบบี้บูม
00:04:59 → 00:05:02 ครอบครที่เป็นครอบครใหญนะคะเพราั้นเราจะ
00:05:02 → 00:05:06 เห็นปู่ตายยายทวดเทียดอยู่ด้วยกันหมดอะไร
00:05:06 → 00:05:09 อย่าเงี้นะคะค่ะทีนี้พอมาปัจจุบันเนี่ยนะ
00:05:09 → 00:05:12 คะเอ่อโดยทั่วไปครอบครัวเนี่ยจะเห็นว่า
00:05:12 → 00:05:15 ไม่ว่าลูกจะเติบโตแค่ไหนก็ตามหรือเปลี่ยน
00:05:15 → 00:05:18 สถานะไปกี่หนเช่นแต่งงานแล้วยยแล้วแต่ง
00:05:18 → 00:05:20 งานเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอะไรก็แล้วแต่เนะ
00:05:20 → 00:05:23 คะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยก็คือความ
00:05:24 → 00:05:26 สัมพันธ์ในครอบครัวโดยเฉพาะกับพ่อแม่ไม่
00:05:26 → 00:05:30 สามารถไปตัดขาดอะไรได้นะเออมีภรรยาเนี่ยเ
00:05:30 → 00:05:33 บอกเหมือนเสื้อผ้าถอดทิ้งไปเปลี่ยนชุด
00:05:33 → 00:05:36 ใหม่หมดและความสัมพันธ์ณบัดนั้นแต่พ่อแม่
00:05:36 → 00:05:38 เนี่ยมันตัดกันไม่ได้พ่อแม่ลูกอ่ะนะฮะ
00:05:38 → 00:05:41 เพราะฉะนั้นบางคนมีครอบครัวแล้วเนี่ยพ่อ
00:05:41 → 00:05:43 แม่ก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อชีวิตคู่ของ
00:05:43 → 00:05:46 ลูกนะคะซึ่งอาจจะส่งผลดีอย่างที่คุณ
00:05:46 → 00:05:49 สุรีพรบอกเชวเหนือเกื้อกูลกันหรือบั่นทอน
00:05:49 → 00:05:53 ชีวิตคู่ของลูกก็ได้นะคะค่ะซึ่งเดี๋ยวเรา
00:05:53 → 00:05:57 มาดูกันต่อไปนะฮะพ่อแม่จำนวนไม่น้อยเลย
00:05:57 → 00:05:59 ค่ะที่รู้สึกไม่มั่นคงเมื่อลูกชายหรือ
00:05:59 → 00:06:02 หรือลูกหญิงเนี่ยออกเรือนไปหรือมีชีวิต
00:06:02 → 00:06:05 คู่ไปถามว่ายินดีมั้ยดีใจนะลูกฉันขายออก
00:06:05 → 00:06:09 ลูกฉันได้มีวันแต่งงานได้อยู่ในงานแต่ง
00:06:09 → 00:06:14 งานที่สบายใจนะฮะแต่ในขณะเดียวกันมันก็ใจ
00:06:14 → 00:06:17 หายอ่ะนะฮะที่ลูกเนี่ยไปมีคนอื่นและไปมี
00:06:17 → 00:06:20 ครอบครัวใหม่และความสัมพันธ์ของเราจะเป็น
00:06:20 → 00:06:24 ไงล่ะนะฮะอ่าอย่างงี้เป็นต้นเพราะนั้นก็
00:06:24 → 00:06:26 มีหลายสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่เนี่ยไม่อยาก
00:06:26 → 00:06:30 ปล่อยมือจากชีวิตลูกนะคะแล้วก็แม้ว่าลูก
00:06:30 → 00:06:32 จะเติบโตไปแค่ไหนก็ตามก็ยังไม่อยากปล่อย
00:06:33 → 00:06:37 มืออืนะคะแล้วก็ยังมีอีกเยอะทีเดียวที่
00:06:37 → 00:06:39 สาเหตุหลักเนี่ยนะคะมันก็เลยมาจาก
00:06:39 → 00:06:42 บุคคลิกภาพและปมปัญหาในชีวิตของพ่อแม่เอง
00:06:42 → 00:06:45 อืนะคะหรือความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่าง
00:06:45 → 00:06:48 พ่อแม่ลูกในปัจจุบันก็ได้นึกออกมั้ยคะค่ะ
00:06:48 → 00:06:51 อ่ะตัวเนี้ยก็คือภูมิหลังของพ่อแม่แล้วก็
00:06:51 → 00:06:54 ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกนะฮะซึ่งอัน
00:06:54 → 00:06:57 นี้ยกตัวอย่างแล้วกันนะฮะจะได้เห็นภาพชัด
00:06:57 → 00:07:00 ๆเช่นซับซ้อนว่าลูกเนี่ยเป็นลูกที่เกิด
00:07:00 → 00:07:03 จากภรรยาที่ 1 หรือที่ 2 อ่าหรือพ่อกับ
00:07:03 → 00:07:06 แม่ต่างคนต่างมีครอบครัวมาแล้วแล้วมาแต่ง
00:07:06 → 00:07:10 งานกันกันใหม่แล้วก็มามีลูกนี่ลูกเธอกับ
00:07:10 → 00:07:15 ลูกฉันกำลังรังแกลูกเรานึกอะไรอย่างเนี้ย
00:07:15 → 00:07:18 นะคะมันอันนี้คือความซับซ้อนของแต่ละ
00:07:18 → 00:07:20 ครอบครัวซึ่งไม่เหมือนกันในเรื่องของความ
00:07:20 → 00:07:23 สัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกนะคะค่ะซึ่งมีงาน
00:07:23 → 00:07:26 วิจัยชิ้นนึงที่น่าสนใจมากเลยของเอเชีย
00:07:26 → 00:07:29 เนี่ยเพบว่าสาเหตุที่ชีวิตคู่ล้มเหลว
00:07:29 → 00:07:33 เนี่ยนะคะมาจากส่วนนึงนะไม่ใช่ทั้งหมดนะ
00:07:33 → 00:07:36 มาจากการที่พ่อแม่เรบกวนความสัมพันธ์ของ
00:07:36 → 00:07:41 ลูกมากเกินไปอืนะคซึ่งปัญหาของชีวิตคู่
00:07:41 → 00:07:43 เนี่ยไม่ได้มาจากคน 2 คนนะบางทีมันมาจาก
00:07:43 → 00:07:47 คนที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 อะไรก็แล้วแต่นะฮะ
00:07:47 → 00:07:50 รวมทั้งพ่อแม่และคนในครอบครัวด้วยนะคะอัน
00:07:50 → 00:07:53 นี้เป็นผลงานวิจัยที่พบคือที่ที่ยกอันนี้
00:07:53 → 00:07:56 มาเพราะว่าคนไทยเราก็เป็นหนึ่งในเอเชีย
00:07:56 → 00:07:59 ถูกมั้ยคะที่เราจะมีไม่ว่าจะเป็นเ่อเอ่อ
00:07:59 → 00:08:03 ไทยจีนญี่ปุ่นเวียดนามเกาหลี
00:08:03 → 00:08:07 พม่าลาวมันก็จะมีประเพณีที่คล้ายคึงกัน
00:08:08 → 00:08:12 ทางตะวันออกนะฮะชอบชอบคำว่ามีอ่ารบกวนชรบ
00:08:12 → 00:08:16 กวนชีวิตคู่ค่ะนะฮะซึ่งแต่นี้จารวิภาได้
00:08:16 → 00:08:18 สรุปประเด็นมาให้ 3 กลุ่มด้วยกันนะคะ
00:08:18 → 00:08:22 สำหรับการที่ทำไมครอบครัวหรือพ่อแม่เนี่ย
00:08:22 → 00:08:24 จะมีผลกับลูกมันเกิดขึ้นได้ยังไงอะไรยัง
00:08:24 → 00:08:29 ไงนะคะลองมาฟังดูนะคะอันที่ 1 ก็คือใน
00:08:29 → 00:08:32 เรื่องของสิทธิของความเป็นพ่อแม่ค่ะนะฮะ
00:08:32 → 00:08:35 แน่นอนพ่อแม่เนี่ยมีปมีสิทธิในเรื่องของ
00:08:35 → 00:08:38 การตักเตือนติชมแนะนำนะฮะให้กับลูกอยู่
00:08:38 → 00:08:41 เสมอเพราะฉะนั้นมันเป็นปัญหาที่เาใช้คำ
00:08:41 → 00:08:43 ว่าเป็นปัญหาที่คลาสสิคมากนะฮะสำหรับคน
00:08:43 → 00:08:47 แถบเอเชียที่พบว่าครอบครัวเนี่ยจะมี
00:08:47 → 00:08:50 ลักษณะเป็นครอบครัวขยายแต่งแล้วก็ยังอยู่
00:08:50 → 00:08:53 บ้านเดียวกันนะคะบางทีเป็นลักษณะของ
00:08:53 → 00:08:55 ครอบครัวใหญ่นะคะซึ่งยังมีอยู่ในหลายๆ
00:08:55 → 00:08:58 ประเทศเนี่ยนะเพราะฉะนั้นเส้นแบ่งอ่ะค่ะ
00:08:58 → 00:09:01 คุณศรีพรเส้นแบ่งระหว่างความเป็นพ่อแม่
00:09:01 → 00:09:05 กับชีวิตส่วนตัวของคู่สมรสเนี่ยค่ะมันบาง
00:09:05 → 00:09:07 เบามากอ๋อเพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกันมัน
00:09:07 → 00:09:10 ยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันมันมันเรือนลางอ่ะ
00:09:10 → 00:09:12 มันเรือนลางอ่ะนะฮะแล้วก็บวกกับความรู้
00:09:12 → 00:09:16 สึกของความเป็นพ่อแม่ที่มีความเชื่อในตน
00:09:16 → 00:09:22 เองว่ามีสิทธิ์ที่จะแสดงความหวังดีนะฮะ
00:09:22 → 00:09:25 กับลูกซึ่งในบางครั้งไอ้การแสดงความหวัง
00:09:25 → 00:09:28 ดีเหล่านั้นน่ะมันก็ล้ำเซ้นเกินไปเข้าใจ
00:09:28 → 00:09:31 ตรงนี้มั้ยคะค่ะมันล้ำเซ้นเกินไปจนเกิน
00:09:31 → 00:09:33 เกินเกินขอบเขตแล้วอย่าลืมว่ามันไม่ใช่
00:09:33 → 00:09:36 แค่ลูกเราเท่านั้นมันเป็นลูกสะใภ้หรือบาง
00:09:36 → 00:09:40 ทีลูกสาวเราแต่มันมีลูกเขยด้วยนะฮะเพราะ
00:09:40 → 00:09:43 ฉะนั้นเนี่ยการว่ากล่าวตักเตือนด้วยความ
00:09:43 → 00:09:46 ห่วงใยเป็นเรื่องดีค่ะแต่ถ้าการว่ากล่าว
00:09:46 → 00:09:48 ตักเตือนนั้นมันอาจจะไปก้าวก่ายชีวิตคู่
00:09:48 → 00:09:52 ของลูกก็ได้นะฮะยกตัวอย่างเช่นเอาเคสไหน
00:09:52 → 00:09:57 ดีอ่ะที่ทำงานที่มหาลัยแล้วกันนะฮะเค้า
00:09:57 → 00:10:00 แต่งงานกันแล้วปรากฏว่าเอ่อสามีก็ไปออกรถ
00:10:00 → 00:10:03 เก๋งมาคันนึงนะฮะเดิมมีมอเตอร์ไซค์อยู่
00:10:03 → 00:10:06 แล้วแล้วก็ไปออกรถเก๋งมาทำไปทำมาปรากฏว่า
00:10:06 → 00:10:09 ให้ภรรยาเนี่ยขับรถเก๋งไปทำงานคือที่ทำ
00:10:09 → 00:10:12 งานแยกกันนึกออกมั้ยคะก็เลยให้รถยนไปค่ะ
00:10:12 → 00:10:15 สามีย้ายงานจากจากที่มหาวิลัยไปอยู่
00:10:15 → 00:10:18 ทำเนียบเงี้ยนะคะก็ให้ภรรยาขับรถแต่ตัว
00:10:18 → 00:10:21 เองก็กลับไปขี่มอเตอร์ไซค์เหมือนเดิมนะคะ
00:10:21 → 00:10:24 พอแม่สามีมาเห็นเข้าก็ไม่พอใจตำหนิลูก
00:10:24 → 00:10:29 สะใภ้ว่าทำไมลูกชายผ่อนรถแล้วภรรยาเอาไป
00:10:29 → 00:10:33 ขับแทนที่ลูกชายฉันจะได้นั่งสบายก็ตำหนิ
00:10:33 → 00:10:35 ก่อนแล้วว่าก่อนและอโดยที่ไม่ได้เข้าใจ
00:10:35 → 00:10:39 แล้วว่ามันเป็นข้อตกลงระหว่างเขาเพราะว่า
00:10:39 → 00:10:42 ผู้ชายเนี่ยขี่ไปทำงานสะดวกกว่าที่จอดรถ
00:10:42 → 00:10:45 สบายส่วนผู้หญิงเี่ต้องอยู่เวรบางทีอยู่
00:10:45 → 00:10:47 20:00 น 21:00 นแล้วขับรถกลับบ้านคน
00:10:47 → 00:10:50 เดียวถ้าจะให้ไปรถอื่นหรือขี่มอเตอร์ไซค์
00:10:50 → 00:10:53 กลับมันอันตรายมั้ยล่ะผู้หญิงอ่ะอฮถูก
00:10:53 → 00:10:55 มั้ยฮะเพราะนั้นเคก็เป็นข้อตกลงกันซึ่ง
00:10:55 → 00:10:57 อย่างเนี้ยไปตำหนิแล้วทำให้ลูกสะใพ้นี่
00:10:57 → 00:11:01 อึดอัดแล้วก็ลำบากอค่ะใช่มั้ยคะอันนี้คือ
00:11:01 → 00:11:04 ล้ำเส้นะพ่อแม่ล้ำเส้นะอือฮึนะคะเพราะ
00:11:04 → 00:11:07 ฉะนั้นสิทธิ์เนี้ยค่ะพ่อแม่ส่วนใหญ่เนี่ย
00:11:07 → 00:11:11 ไม่เคยหายไปไหนนะคะแล้วก็ต้องเข้าใจว่า
00:11:11 → 00:11:14 บางทีการเราต้องลดบทบาทลงตามกาลเวลาถึง
00:11:15 → 00:11:17 แม้ว่าอันเนี้ยมันจะมีสิทธิ์ของเราจริงใน
00:11:17 → 00:11:20 การตักเตือนลูกเพราะยังไงลูกคือลูกแต่บาง
00:11:20 → 00:11:23 ครั้งมันอาจจะไปก้าวก่าชีวิตคู่เเกินไปก็
00:11:23 → 00:11:26 ได้อืถูกมั้ยคะอันนี้คือประเด็นที่ 1 ที่
00:11:26 → 00:11:29 ที่เราวิเคราะห์ออกมานะคะประเด็นที่ 2
00:11:29 → 00:11:32 ค่ะนะฮะกรณีของพ่อแม่ที่มีแผลทางใจแล้ว
00:11:33 → 00:11:36 ไม่มีการปล่อยวางแผลทางใจแผลทางใจของพ่อ
00:11:36 → 00:11:39 แม่นะฮะมียังไงคะ
00:11:39 → 00:11:45 เอ่อไม่ว่าไม่ว่าเอ่อเราไม่ว่าเราจะมาจาก
00:11:45 → 00:11:48 เอ่อแผลทางใจเนี่ยนะฮะที่พ่อแม่มีเนี่ยนะ
00:11:48 → 00:11:51 อาจจะมาจากคนรักในอดีตหรือคู่ชีวิตในอดีต
00:11:51 → 00:11:54 นะฮะที่หรือคู่ชีวิตในปัจจุบันที่ทำให้
00:11:54 → 00:11:56 พ่อแม่เนี่ยไม่มีความสุขกับชีวิตคู่เอา
00:11:56 → 00:12:00 งงี้แล้วกันนะคะพ่อแม่ก็เลยเลยเอาความคาด
00:12:00 → 00:12:03 หวังของตนเนี่ยค่ะมาใส่ในความสัมพันธ์ของ
00:12:03 → 00:12:08 ลูกโดยไม่รู้ตัวหรือรู้ตัวก็ได้แต่ก็ฉัน
00:12:08 → 00:12:10 ก็อยากให้มันสมบูรณ์แบบอ่ะไม่ได้เหมือน
00:12:10 → 00:12:12 ที่ฉันเจอมาอใช่ใช่ใช่นะฮะเพราะฉะนั้นก็
00:12:13 → 00:12:16 เลยแต่แสดงออกยังไงแสดงออกโดยการตั้งคำ
00:12:16 → 00:12:20 ถามหรือวิพากษ์วิจารณ์คู่ของลูกนะฮะเช่น
00:12:20 → 00:12:24 โอเงินเดือนเงินเดือนออกแล้วน่ะเค้าไม่
00:12:24 → 00:12:27 ช่วยหนูเลยเหรอเค้าไม่ช่วยออกอะไรในบ้าน
00:12:27 → 00:12:30 เลยเหรอหรืออ่ะเคไม่ให้เงินเดือนหนูทุก
00:12:30 → 00:12:32 เดือนเหรออะไรอย่างเงี้ยเพราะตัวเองเคย
00:12:32 → 00:12:36 ไม่ได้ไงอันนี้ก็เรียกว่าจุดชนวนมากเลยนะ
00:12:36 → 00:12:39 ฮะอะไรอย่างเงี้เป็นต้นนะคะก็คือเอาเอา
00:12:39 → 00:12:41 สิ่งที่ตัวเองอยากได้ไงในอดีตอ่ะแต่ไม่
00:12:41 → 00:12:45 ได้ไงก็มาใส่กับลูกเออนึกออกมั้ยคะว่า
00:12:45 → 00:12:46 ทำไมลูกถึงไม่เป็นอย่างงั้นอย่างงี้อย่าง
00:12:47 → 00:12:50 งี้อย่างงั้นนะฮะหรืออาจจะมีความห่วงใยปน
00:12:50 → 00:12:53 อยู่ลึกๆนะคะเช่นพ่อแม่เนี่ยอาจจะต้องการ
00:12:53 → 00:12:57 สิ่งนั้นจากชีวิตคู่แต่ไม่เคยได้นะคะ
00:12:57 → 00:12:59 เมื่อไม่ได้ไม่ได้ก็เลยมา
00:12:59 → 00:13:04 ให้ลูกเนี่ยนะคะเอ่อไม่ยอมรับในในคู่ครอง
00:13:04 → 00:13:06 ของลูกที่เป็นลักษณะเหมือนแบบนั้นน่ะที่
00:13:06 → 00:13:09 ตัวเคยผ่านมาแล้วอ่ะอือนะฮะตอนนี้ก็มี
00:13:09 → 00:13:11 ละครที่เป็นแบบนี้อยู่นะคะค่ะเพราะฉะนั้น
00:13:12 → 00:13:15 พ่อแม่บางคนเนี่ยเอ่อมันเลยยากอ่ะค่ะที่
00:13:15 → 00:13:17 จะยอมรับว่าลูกเนี่ยมีความคิดและความ
00:13:17 → 00:13:20 ต้องการหรือมีสิ่งที่เามองเห็นคุณค่าน่ะ
00:13:20 → 00:13:23 แตกต่างจากตัวเองค่ะนึกออกมั้ยคะนั่นก็
00:13:23 → 00:13:26 คือตัวเองอยากได้อะไรเก็มาคิดว่าตรงนั้น
00:13:26 → 00:13:28 น่ะลูกคงอยากได้เหมือนเราแต่จริงๆมันไม่
00:13:28 → 00:13:30 ใช่เราคิดว่ามันถูกต้องแล้วก็ต้องทำแบบ
00:13:30 → 00:13:34 นี้ใช่มอนะคะมาประเด็นกลุ่มที่ 3 ก็คือ
00:13:34 → 00:13:37 พ่อแม่เนี่ยใช้คำว่าโตไม่ทันลูกโตไม่ทัน
00:13:37 → 00:13:41 ลูกค่ะนะฮะหมายความว่ายังไงก็คือพ่อแม่
00:13:41 → 00:13:45 ลืมคิดไปว่าลูกอ่ะตอนที่เราเป็นผู้ใหญ่นะ
00:13:45 → 00:13:48 อยู่ในวัยทำงานแล้วลูกเยังเล็กๆอยู่นะคะเ
00:13:48 → 00:13:51 เป็นเด็กน้อยอืเราชี้อะไรเราบอกอะไรเรา
00:13:51 → 00:13:55 สอนสั่งอะไรเค้าก็เป็นไปตามนั้นแต่ณวัน
00:13:55 → 00:13:58 นี้ลูกเรากำลังขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัว
00:13:58 → 00:14:01 ค่ะนะคะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดูแลตัวเอง
00:14:01 → 00:14:04 ได้แล้วนะฮะแต่เราก็ยังมองว่าลูกเป็นเด็ก
00:14:04 → 00:14:07 น้อยอยู่นั่นแหละนึกออกมยคะคือแม่พ่อแม่
00:14:07 → 00:14:10 ไม่ยอมโตไปกับลูกคำว่าโตคือพ่อแม่ต้องมา
00:14:10 → 00:14:13 แก่แลถูกมั้ยคะแล้วแล้วในขณะที่ลูกเป็น
00:14:13 → 00:14:15 หัวหน้าครอบครัวพ่อแม่ต้องมาฟังลูกแล้ว
00:14:15 → 00:14:18 แหละอือฮึนะฮะเพราะเคเป็นเป็นรายได้หลัก
00:14:18 → 00:14:21 ของครอบครัวอย่างี้เป็นต้นแต่พ่อแม่ก็ยัง
00:14:21 → 00:14:24 ไปจำภาพว่าลูกเนี่ยยังเป็นเด็กเล็กๆอยู่
00:14:24 → 00:14:27 ไปจำภาพว่ายังต้องการการดูแลต้องการคำ
00:14:27 → 00:14:32 ปรึกษานะฮะไปยึดติดนะคะแล้วก็ไปไม่รับรู้
00:14:32 → 00:14:34 อ่ะว่าลูกเราเนี่ยผ่านร้อนผ่านหนาวมี
00:14:34 → 00:14:37 ประสบการณ์ชีวิตมาขนาดไหนและมองทีไรก็ยัง
00:14:38 → 00:14:40 เด็กกว่าเราอยู่นั่นแหละไม่เคยคิดอะไรถูก
00:14:40 → 00:14:43 เลยเราถูกเสมออย่างเงี้ยนะคะอเพราะฉะนั้น
00:14:43 → 00:14:45 จึงไม่ค่อยยอมรับการตัดสินใจหรือการเลือก
00:14:45 → 00:14:48 ของลูกนะคะเพราะเชื่อว่าลูกเนี่ยมักจะผิด
00:14:48 → 00:14:51 พลาดส่วนพ่อแม่เนี่ยรู้ดีกว่าประสบการณ์
00:14:51 → 00:14:57 ดีกว่าเสมอนะคะคจึงอาจใช้วิธีแนะนำบ้าง
00:14:57 → 00:15:01 เกลี้ยกล่อมบ้างควบคุมคุมบงการบ้างนะใน
00:15:01 → 00:15:04 บางคนนะคะทำให้ลูกรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำ
00:15:04 → 00:15:08 น่ะผิดเลือกผิดโดยเฉพาะคู่ครองนี่แหละนะ
00:15:08 → 00:15:10 ฮะมันก็ทำให้เกิดความขัดแย้งในชีวิตคู่
00:15:10 → 00:15:13 ได้นึกออกมั้ยคะคือไม่เคยเลือกได้ดี
00:15:13 → 00:15:17 เหมือนเราจะดีก็คือคนที่เราเลือกให้นึก
00:15:17 → 00:15:19 ออกมั้ยคะอะไรอย่างเงี้ยก็ตั้งป้อมไว้
00:15:19 → 00:15:21 ตั้งแต่ต้นแล้วะเนี่ยค่ะ 3 กลุ่มเที่เป็น
00:15:21 → 00:15:25 กลุ่มของปัญหาใหญ่ๆนะคะอย่างงี้แสดงว่า
00:15:25 → 00:15:28 ตอนที่คบหากันอยู่เนี่ยยังไม่ได้แต่งเข้า
00:15:28 → 00:15:29 บ้าน
00:15:29 → 00:15:32 ใครสักคนนึงเลยเนี่ยเอ่อพ่อแม่ยังไม่ได้
00:15:32 → 00:15:35 ออกมามีบทบาทหรือแอคชั่นอะไรเยอะจนทำให้
00:15:35 → 00:15:39 รู้สึกว่าไม่ไม่ไม่แต่งได้เลยหรก็อาจจะ
00:15:39 → 00:15:41 ไม่ชอบตั้งแต่ต้นแล้วล่ะค่ะหรือมีข้อแม้
00:15:41 → 00:15:46 ตั้งแต่ต้นและแต่ลูกรักอ่ะแล้วคนสมัยนี้
00:15:46 → 00:15:49 เขาคก็จะเลือกเองถูกมั้ยคะก็ยอมให้แต่ง
00:15:49 → 00:15:52 แต่ยอมให้แต่งก็ด้วยความไม่ไม่ได้พอใจนัก
00:15:52 → 00:15:55 หนามันก็ยังมีข้ออย่างเงี้ยค่ะหรือแม้แต่
00:15:55 → 00:15:59 บางคนชอบนะไม่ใช่ไม่ชอบนะชอบมากเลยสพคน
00:15:59 → 00:16:01 เนี้ยเขยคนเนี้ยแต่พอเข้ามาแล้วก็อดไม่
00:16:01 → 00:16:04 ได้ที่จะใช้ไอ้ไอ้ความรู้สึกของความเป็น
00:16:04 → 00:16:06 พ่อแม่อย่างที่บอกเนี่ยไม่ว่าจะเป็น
00:16:06 → 00:16:10 เรื่องของสิทธิการเป็นพ่อแม่หรือการที่
00:16:10 → 00:16:13 ไม่ยอมรับว่าลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือว่า
00:16:13 → 00:16:16 พ่อแม่เองก็มีปมในใจมีบาดแผลทางใจมาก่อน
00:16:16 → 00:16:20 ก็มาใช้กับลูกอืนึกออกมั้ยฮะโดยที่ไม่ได้
00:16:20 → 00:16:23 มองว่าชีวิตของเค้านะฮะเขาต้องเลือกของ
00:16:23 → 00:16:26 เขาเองแล้วเต้องปรับตัวของเขาเองไปเรื่อย
00:16:26 → 00:16:30 ๆพ่อแม่ควรจะมีส่วนในเรื่องของการซับรค่ะ
00:16:30 → 00:16:34 แต่ไม่ใช่เข้าไปล้ำเส้นในเรื่องของชีวิต
00:16:34 → 00:16:37 คู่นี้พอการล้ำเส้นเนี่ยคนที่อึดอัดที่
00:16:37 → 00:16:39 สุดก็คือลูกถูกมั้ยฮะที่เป็นลูกของเรานี่
00:16:39 → 00:16:42 แหละไม่ว่าจะลูกสาวหรือลูกชายนะฮะมันก็
00:16:42 → 00:16:46 เลยมีผลนะฮะบางครอบครัวก็ใช้วิธีการที่
00:16:46 → 00:16:49 เรียกว่าแยกกันไปเลยอ่าแยกบ้านแยกแยกบ้าน
00:16:49 → 00:16:52 ไปเลยแล้วก็ไม่ต้องมาเจอกันให้จำเป็นเท่า
00:16:52 → 00:16:55 นั้นจึงมาเจอกันอะไรอย่างเงี้ยนะคะแต่บาง
00:16:55 → 00:16:58 คนก็ทำแบบนั้นไม่ได้อะไรอย่างเงี้ยมันก็
00:16:58 → 00:17:00 ขึ้นอยู่กกับแต่ละครอบครัวมันก็ทำให้
00:17:00 → 00:17:02 ปัญหามันมากขึ้นมากขึ้นมากขึ้นยิ่งถ้า
00:17:02 → 00:17:05 เกิดว่าเป็นความสัมพันธ์เอ่อเป็นเชิง
00:17:06 → 00:17:08 เลี้ยงเดี่ยวอย่างเงี้ยค่ะมันจะยิ่งปัญหา
00:17:08 → 00:17:11 เยอะกว่ากว่าเดิมมั้ยคะเพราะว่าเท่าที่
00:17:11 → 00:17:13 ฟังดูแล้วเนี่ยเหมือนคนที่ความที่เราเป็น
00:17:13 → 00:17:16 เพศแม่มันจะค่อนข้างที่จะเอ่อมีความใส่ใจ
00:17:16 → 00:17:19 มีความนู่นนี่นั่นเยอะกว่าแบบผู้ชายอะไร
00:17:19 → 00:17:23 เงี้ยอค่ะห่วงกับหวงเนี่ยมันไม่เอกตัว
00:17:23 → 00:17:27 เดียวนะคะคุณสุรีพรใช่จริงมั้ยคะบางทีพ่อ
00:17:27 → 00:17:31 แม่บอกว่าห่วงอ่ะแต่ลึกๆแล้วคุณแม่หวงอ่ะ
00:17:31 → 00:17:34 อืๆๆนะฮะเพราะฉะนั้นตรงเนี้ยมันทำใจได้
00:17:34 → 00:17:38 ยากอยู่หน่อยโดยเฉพาะคุณแม่ที่อ่าเป็นแม่
00:17:38 → 00:17:40 เลี้ยงเดี่ยวแล้วมีลูกชายคนเดียวที่ใช้
00:17:40 → 00:17:44 ชีวิตกับลูกมาตลอดนึกออกมั้ยคะณวันนึงก็
00:17:45 → 00:17:48 เจอผู้หญิงคนนึงซึ่งตัวเองก็ชอบนะผู้หญิง
00:17:48 → 00:17:52 คนนี้ก็ดีนะแต่มันอดไม่ได้อ่ะที่จะหวงอด
00:17:52 → 00:17:56 ไม่ได้ที่จะน้อยอกน้อยใจอดไม่ได้ที่จะรู้
00:17:56 → 00:18:00 สึกว่าเอ๊ะฉันถูกทอดทิ้งนึกออกมั้ยคะมัน
00:18:00 → 00:18:03 เป็นความรู้สึกอย่างที่บอกตอนแรกเลยตอน
00:18:03 → 00:18:06 ต้นของของที่เราเริ่มต้นพูดขึ้นมาเนี่ยบ
00:18:06 → 00:18:09 มันเป็นความรู้สึกที่เค้ามีแฟนที่ดีเราก็
00:18:09 → 00:18:12 ชอบนะเมีคู่ที่ดีเราก็ชอบนะแต่มันใจหาย
00:18:12 → 00:18:15 อ่ะอืนะฮะว่าเราเคยเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียว
00:18:15 → 00:18:19 ในดวงใจเแต่ในขณะนี้มีผู้หญิงอื่นมาแทรก
00:18:19 → 00:18:23 อยู่ในดวงใจเขาด้วยโดยที่ไม่เข้าใจว่าการ
00:18:23 → 00:18:25 รักแม่กับรักเมียมันต่างกันมันเหมือนไม่
00:18:25 → 00:18:29 เหมือนกันนะถูกมั้ยคะใช่ที่รักเมียหรือ
00:18:29 → 00:18:33 รักแฟนก็ไม่ได้ทำให้รักแม่น้อยลงมันคนละแ
00:18:33 → 00:18:36 นึกออกมั้ยคะแต่ถ้ามองในมุมมองใหม่ซึ่งจ
00:18:36 → 00:18:39 พิภาจะบอกกับญาติๆบางคนนะคะที่เ้าหวงลูก
00:18:39 → 00:18:45 ชายแบบเนี้ยออจนุภาบอกว่าเราควรจะคิดบวก
00:18:45 → 00:18:48 แทนที่เราจะบอกว่าเราเสียลูกชายไปเราได้
00:18:48 → 00:18:51 ลูกสาวเพิ่มมาอีกคนนึงอือฮึที่พร้อมจะรัก
00:18:51 → 00:18:54 และเอาใจเราอ่ะแต่เราเปิดใจให้เค้ามาเอา
00:18:54 → 00:18:58 ใจเรามั้ยเปิดใจให้เค้ารักเรามั้ยนะฮะ
00:18:58 → 00:19:00 ซึ่งอันเนี้ยการพูดคุยตรงเนี้ยได้ผลนะคะ
00:19:00 → 00:19:03 กับพี่สะใภ้คนนึงตั้งแต่ย้อนหลังไปสัก 30
00:19:04 → 00:19:07 ปีที่แล้วนะคะแกก็หวงลูกชายมากเลยอแล้ว
00:19:07 → 00:19:11 ปรากฏว่าแกก็ต่อต้านลูกสะใภ้ทุกวิถีทางโอ
00:19:11 → 00:19:13 อ่าเสร็จแล้วเราก็พอพูดอย่างนี้ให้แกฟัง
00:19:13 → 00:19:17 ให้แกเข้าใจอ่ะว่าแกได้บวกนะแกไม่ได้ลบนะ
00:19:17 → 00:19:19 แกไม่ได้เสียลูกชายแต่แกได้ลูกสาวมาอีกคน
00:19:19 → 00:19:22 ใช่มาอยู่ในบ้านตัวเองเอออ่านะคะก็ทำให้
00:19:22 → 00:19:24 ในที่สุดแกค่อยๆเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยน
00:19:24 → 00:19:28 ทัศนคติอ่ะค่ะอย่างงั้นแสดงว่าในมุมความ
00:19:28 → 00:19:30 รู้สึกแบบเนี้ยมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับ
00:19:30 → 00:19:34 เรื่องของเจนหรือว่าในยุคสมัยอะไรเลยใช่ม
00:19:34 → 00:19:39 ค่ะคุณศิริพรย้อนไปดูเมื่อ 70 80 ปีที่
00:19:39 → 00:19:43 แล้วปัญหานี้ก็เกิดใช่มั้ยคะออพ่อผัวแม่
00:19:43 → 00:19:46 ผัวลูกสะใภ้อ่าๆพ่อตาแม่ยายลุกเขย
00:19:46 → 00:19:51 ปัจจุบันมีมั้ยคะมีอนาคตอีก 100 ปีก็มี
00:19:51 → 00:19:53 ค่ะมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจนแต่มัน
00:19:54 → 00:19:57 เกี่ยวข้องกับความรู้สึกของผู้คนความ
00:19:57 → 00:20:00 สัมพันธ์ของครอบครัวนอกจากว่าอีกหน่อย
00:20:00 → 00:20:03 เนี่ยเราผสมแล้วไม่ได้คลอดออกมาจากมนุษย์
00:20:03 → 00:20:07 อ่ะไม่มีความูกเหมือนในหนังที่มันเป็นมด
00:20:07 → 00:20:11 รูปแมชีนอะไรเงี้นะคะน่ากลัวมากเลยเออไม่
00:20:11 → 00:20:14 นะคะแต่ดราบใดที่คนมันมีสายใยของความผูก
00:20:14 → 00:20:17 พันนะค่ะแล้วมนุษย์ก็คือมนุษย์น่ะค่ะคุณ
00:20:17 → 00:20:20 ศรีพรมนุษย์ทุกคนจะมีความรู้สึกรักตัวเอง
00:20:20 → 00:20:24 ก่อนคนอื่นอเห็นแก่ตัวอืซึ่งถามว่าผิด
00:20:24 → 00:20:28 มั้ยก็ไม่ดีแต่ไม่ผิดค่ะถูกมั้ยคะใครไม่
00:20:28 → 00:20:31 เห็นแก่ตัวก็ไม่ใช่คนแล้วอนั้นก็มนุษย์
00:20:31 → 00:20:35 อ่ะเนาะอ่าแต่ว่ามันอยู่ที่เราทำใจอยู่
00:20:35 → 00:20:38 ที่เราเนี่ยมองให้มันเป็นบวกเหมือนกับที่
00:20:38 → 00:20:40 อจารย์วิภาบอกว่าอย่าไปมองว่าเราเสียลูก
00:20:40 → 00:20:43 ชายให้มองว่าเราได้ลูกสาวเพิ่มเผลอๆ
00:20:43 → 00:20:45 เดี๋ยวไล่หลานมาอีกเยอะแยะอพอได้หลานนี้
00:20:45 → 00:20:48 เปลี่ยนเลยนะถูกมั้ยคะเพราะฉะนั้นมันอยู่
00:20:48 → 00:20:50 ที่เราคิดบวกเราเปลี่ยนโลกไม่ได้เปลี่ยน
00:20:50 → 00:20:53 คนอื่นไม่ได้คนที่เราเปลี่ยนได้คือใจเรา
00:20:53 → 00:20:57 อืนะฮะมีนักจิตวิทยาคนนึงค่ะที่เชี่ยวชาญ
00:20:57 → 00:20:59 เรื่องด้านเพศสำเอ่อความสัมพันธ์ใน
00:20:59 → 00:21:02 ครอบครัวเนี่ยมากเลยนะคะท่านอธิบายบอกว่า
00:21:02 → 00:21:05 ความรักและการเลี้ยงดูของพ่อแม่เนี่ยจะ
00:21:05 → 00:21:07 ส่งผลต่อชีวิตรักของลูกเื่อเติบโตขึ้น
00:21:07 → 00:21:10 เป็นผู้ใหญ่ไม่มากกว่าน้อยค่ะเพราะว่าคน
00:21:10 → 00:21:13 เราเนี่ยจะเรียนรู้วิธีที่จะรักใครสักคน
00:21:13 → 00:21:16 เนี่ยนะฮะก็จากการที่เราได้รับความรักจาก
00:21:16 → 00:21:20 พ่อแม่อืสั่งสมมานั่นเองเพราะฉะนั้นเราจะ
00:21:21 → 00:21:24 เห็นเลยว่าเอ่อเราจะยึดตัวแบบของพ่อแม่
00:21:24 → 00:21:27 หรือยึดสิ่งที่พ่อแม่เให้กับเรามาเช่นนะ
00:21:27 → 00:21:30 คะผู้หญิงบางคนเนี่ยในสังคมเราก็มีทนทนๆ
00:21:31 → 00:21:34 กับผู้ชายเลวๆอ่ะที่มาเป็นสามีอ่ะคนที่ 1
00:21:34 → 00:21:37 ก็แล้วคนที่ 2 ก็แล้วคนที่ 3 ก็แล้วค่ะ
00:21:37 → 00:21:41 บอกอย่างงี้อย่ามีดีมั้ยนะฮะแต่เาถูกสอน
00:21:41 → 00:21:45 หรือว่าเห็นแบบอย่างมาตลอดว่าผู้หญิงต้อง
00:21:45 → 00:21:48 มีผู้ชายคุ้มครองเอาเหรเอานึกออกมั้ยฮะ
00:21:48 → 00:21:51 ต้องมีผู้ชายที่ดูแลเช่นเคสอย่างเงี้ย
00:21:51 → 00:21:53 อาจารย์วิภาเจอเยอะนะคะยกตัวอย่างเช่นคน
00:21:53 → 00:21:56 ที่คิดว่าเป็นสมมติว่าย่าร้างกับสามีไป
00:21:56 → 00:21:59 หรือสามีตายก็ตามแล้วมีลูก
00:21:59 → 00:22:02 ต้องหาสามีใหม่ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้มี
00:22:02 → 00:22:05 ปัญหาการเงินไม่ได้มีอะไรต่ออะไรนะคะอแต่
00:22:05 → 00:22:07 ต้องหาคนมาแต่ต้องหาคนมาเพราะมีความเชื่อ
00:22:07 → 00:22:11 ว่าผู้หญิงต้องมีผู้ชายดูแลเสร็จแล้วไอ้
00:22:11 → 00:22:15 คนๆเนี้ยมันก็มาวุ่นวายกับลูกอีกนึกออก
00:22:15 → 00:22:18 มั้ยคะลูกที่ไม่ยอมรับพ่อใหม่หรือไม่ดี
00:22:18 → 00:22:21 กับลูกอีกก็เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายเพราะ
00:22:21 → 00:22:24 ทัศนคติของแกที่คิดว่าผู้หญิงต้องแต่งงาน
00:22:24 → 00:22:27 น่ะอยู่เป็นโสดไม่ได้อ่ะอือันนี้ถามว่ามา
00:22:27 → 00:22:30 จากไหนก็มาจากจากการสั่งสมของทัศนคติของ
00:22:30 → 00:22:33 ครอบครัวหรือผู้หญิงบางคนอ่ะเอาตัวอย่าง
00:22:33 → 00:22:38 อะไรดีเอ่อเคยเคยถูกเลี้ยงดูมาหรือได้รับ
00:22:38 → 00:22:42 ความรักจากพ่อพ่อเนี่ยเอ่อแสดงความรักกับ
00:22:42 → 00:22:46 ลูกโดยการให้ของให้ของขวัญที่มีแพงๆหน่อย
00:22:46 → 00:22:49 เอางี้ะกันนะฮะพอแต่งงานมาปั๊บก็มีความ
00:22:49 → 00:22:53 รู้สึกว่าทำไมแฟนไม่ให้อ่ะมแสดงว่าแฟนไม่
00:22:53 → 00:22:55 รักเลยอ่ะเพราะพ่อฉันให้อะไรฉันก็จะบอก
00:22:55 → 00:22:59 ว่าเนี่ยพ่อรักหนูนะพ่อให้หนูนะออแต่สามี
00:22:59 → 00:23:02 เป็นคนที่ไม่ได้ให้ให้ของขวัญแบบเนี้ยค่ะ
00:23:02 → 00:23:05 แต่เขาให้การดูแลใส่ใจก็เลยบอกสามีไม่รัก
00:23:05 → 00:23:08 เลยอ่ะเข้าใจมั้ยคะนั่นคือการสั่งสม
00:23:08 → 00:23:12 ทัศนติของเขามาเพราะฉะนั้นว่าแม้ว่าเราจะ
00:23:12 → 00:23:14 เปลี่ยนคำสอนหรือวิธีการที่พ่อแม่แสดง
00:23:14 → 00:23:16 ความรักต่อเราไม่ได้เพราะมันคืออดีตมา
00:23:16 → 00:23:19 แล้วถูกมั้ยคะแต่เรารู้เท่าทันสิ่งเหล่า
00:23:19 → 00:23:22 นี้ว่ามันมีอิทธิพลต่อชีวิตรักและความคาด
00:23:22 → 00:23:26 หวังในคู่คู่สมรสของเราเนี่ยนะคะก็จะช่วย
00:23:26 → 00:23:29 ให้เราเลือกแสดงความสัมพันธ์ของคู่ของกับ
00:23:29 → 00:23:32 คู่ของเราได้อย่างเหมาะสมแล้วก็เลือกที่
00:23:32 → 00:23:34 จะบังคับครองชีวิตให้ยั่งยืนเพราะฉะนั้น
00:23:34 → 00:23:36 ตรงนี้อาจารย์วิภาจึงบอกว่ามันจึงเป็น
00:23:36 → 00:23:38 ความจำเป็นที่เราต้องเรียนรู้ครอบครัวของ
00:23:38 → 00:23:42 กันและกันไงคะคุณสุรีพรว่าฝ่ายทั้ง 2
00:23:42 → 00:23:44 ฝ่ายเนี่ยมีวัฒนธรรมครอบครัวอย่างไรเแสดง
00:23:44 → 00:23:47 ความรักอย่างไรอย่างบ้านจันทร์วิภาเนี่ยอ
00:23:47 → 00:23:50 เราแสดงความรักกันด้วยกันแต่ต้องสัมผัส
00:23:50 → 00:23:54 กันตั้งแต่เด็กเช่นกอดกันอะไรกันนะฮะเอ่อ
00:23:54 → 00:23:56 พี่น้องกันเนี่ยพี่น้องจวิภาแก่กันป่า
00:23:56 → 00:24:00 เนี้ยเจอกันปั๊บจะจะลากันปั๊บก็กอดกันกอด
00:24:00 → 00:24:03 กันนะงฮะเสร็จแล้วพี่สาวไปแต่งงานกับพี่
00:24:03 → 00:24:06 เขยซึ่งบ้านเขาไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวกัน
00:24:06 → 00:24:09 เลยนึกออกมั้ยฮะตอนสมัยก่อนเนี่ยเขาคก็จะ
00:24:09 → 00:24:12 มองบ้านเราแบบประหลาดอ่ะทำไมพี่น้องไป
00:24:12 → 00:24:16 เดินด้วยกันจูงมือกันแต้เลยเราจวิภากับ
00:24:16 → 00:24:18 พี่ชายเนี่ยเดินเดินไปเที่ยวกันก็เดินจูง
00:24:18 → 00:24:22 มือกันอะไรอย่างเงี้ยค่ะซึ่งบ้านเขาไม่มี
00:24:22 → 00:24:24 นะฮะแต่พอเราเรียนรู้เราก็เข้าใจเค้าก็
00:24:24 → 00:24:26 เริ่มเริ่มเรียนรู้ว่าเออมันต้องมีการ
00:24:26 → 00:24:29 สัมผัสนะอะไรอย่างงี้
00:24:29 → 00:24:32 ออย่าอันนี้เป็นแค่เล็กๆนะคะเพราะฉะนั้น
00:24:32 → 00:24:35 ก็เรียนรู้กันแลกันค่ะส่วนสำหรับพ่อแม่ก็
00:24:35 → 00:24:39 อยากจะฝากไว้ว่าทุกคนรักตัวเองได้ค่ะนะฮะ
00:24:39 → 00:24:42 ไม่มามากก็น้อยแต่อย่างน้อยที่สุดเนี่ย
00:24:42 → 00:24:47 อย่านำการอ้างสิทธิมาบงกชีวิตลูกของความ
00:24:47 → 00:24:49 เป็นพ่อแม่นะคะแล้วก็อย่าให้กระทบกับ
00:24:49 → 00:24:52 ชีวิตลูกมากเกินไปต้องเข้าใจว่าชีวิตเขา
00:24:52 → 00:24:55 คือชีวิตเขาชีวิตเราคือชีวิตเรานะคะแล้ว
00:24:55 → 00:24:59 ก็ไม่ว่าความรักแบบไหนจะเป็นคู่ชีวิตหรือ
00:24:59 → 00:25:02 ความรักของพ่อแม่ครอบครัวเป็นสิ่งที่
00:25:02 → 00:25:05 เหมือนกันนะฮะของความรักทั้ง 2 แบบก็คือ
00:25:05 → 00:25:08 เราเรียนรู้ที่จะรักและปล่อยวางเพราะว่า
00:25:08 → 00:25:11 ไม่มีใครก็ตามเป็นเจ้าของใครอย่างแท้จริง
00:25:11 → 00:25:14 ถูกมั้ยคะค่ะแล้วก็ความสัมพันธ์ที่
00:25:14 → 00:25:17 เหนี่ยวร้างกันไว้เนี่ยบางทีมันก็ทำร้าย
00:25:18 → 00:25:21 กันมากกว่าที่จะเอ่อทำให้เกิดความ
00:25:21 → 00:25:23 สัมพันธ์ที่ดีเพราะฉะนั้นเนี่ยมันต้องมี
00:25:23 → 00:25:27 ช่องว่างนะการเว้นวรรคอืบ้างนะคะแล้วก็
00:25:27 → 00:25:32 ให้ต่างคนต่างเติบโตขึ้นไปนะคะนั่นก็คือ
00:25:32 → 00:25:36 ให้เข้าใจว่าณบัดนาวเนี่ยลูกเไม่ใช่ของ
00:25:36 → 00:25:39 เราอีกแล้วเยังมีครอบครัวของเขาที่เขา
00:25:39 → 00:25:42 ต้องเดินหน้าต่อไปสร้างครอบครัวของเขาเอง
00:25:42 → 00:25:45 เราจะไม่ยึดรั้งเขาไว้เนี่ยไม่ได้แต่เรา
00:25:45 → 00:25:49 รั้งเด้วยความรักได้แต่มองอยู่ห่างๆอย่าง
00:25:49 → 00:25:52 ห่วงๆนะคะถ้าเขาไม่ได้เอยยปากอะไรก็อย่า
00:25:53 → 00:25:55 ล้ำเซ่นนะฮะแต่การที่จะเข้าไปช่วยดูแล
00:25:55 → 00:25:58 หลานมาอะไร่างก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
00:25:58 → 00:26:00 นะฮะที่อยากจะเข้าเป็นทาสในเรือนเบี้ย
00:26:00 → 00:26:03 เค้ามั้ยก็เป็นอีกเรื่องนึงนะเพราะหลายคน
00:26:03 → 00:26:05 นะคนแก่ติดหลานแล้วไปไหนไม่รอดอะไรเงี้
00:26:06 → 00:26:09 เป็นต้นนะฮะเพราะฉะนั้นการที่เราเห็นแก่
00:26:09 → 00:26:11 ตัวที่บอกเนี่ยนะคะไม่ใช่ว่าไม่ดีนะเป็น
00:26:11 → 00:26:15 เรื่องธรรมดาแต่ระวังค่ะตัวสำคัญคือขอใช้
00:26:15 → 00:26:19 คำว่าอะไรปปฏิกิริยาแบบออโตเมติกนะคะเช่น
00:26:19 → 00:26:21 เห็นอะไรปั๊บวิจารณ์ทันทีเห็นอะไรปั๊บ
00:26:21 → 00:26:25 ตำหนิทันทีเห็นอะไรปั๊บพูดทันทีอันนี้ไม่
00:26:25 → 00:26:29 โอเคนะฮะต้องฝึกออันนี่ฝึกนะนะฮะต้องใช้
00:26:29 → 00:26:33 คำว่าต้องขีดเส้นใต้ 3 เส้นนะคะฝึกที่จะ
00:26:33 → 00:26:37 อยู่นิ่งๆบ้างนะฮะแล้วทุกอย่างจะเบาลงนะ
00:26:37 → 00:26:41 ถึงแม้มันจะยากนะคะแต่ก็ต้องพยายามค่ะนะ
00:26:41 → 00:26:43 คะแล้วก็มีการสื่อสารกันไม่ว่าจะระหว่าง
00:26:43 → 00:26:45 คู่ครองด้วยกันเองเนี่ยมีอะไรพูดกันอึด
00:26:45 → 00:26:48 อัดอะไรพูดกันเพราะคนกลางเนี่ยจะลำบากที่
00:26:48 → 00:26:53 สุดนะคะแล้วก็ส่วนพ่อแม่ก็ต้องฝึกนะฮะที่
00:26:53 → 00:26:56 จะคิดอะไรไม่ถูกใจอะไรอย่าเพิ่งพูดอย่า
00:26:56 → 00:26:59 เพิ่งตำหนิอย่าเพิ่งว่าอืฟังกว่าเกิดอะไร
00:26:59 → 00:27:02 ขึ้นแล้วทุกอย่างมันจะเบาลงความสัมพันธ์
00:27:02 → 00:27:06 มันจะดีขึ้นนะคะค่ะนี้ก็ฝากไว้เพื่อความ
00:27:06 → 00:27:07 สงบสุขใน
00:27:07 → 00:27:10 ครอบครัวเป็นเรื่องของโคตร 2 โคตรแต่ก็
00:27:10 → 00:27:13 อยู่ด้วยกันได้จ้าขอบคุณอาจารย์จันวิภา
00:27:13 → 00:27:16 ค่ะสสยินดีค่ะหมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้ฟังพบ
00:27:16 → 00:27:19 กันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรงหมอไทย PBS
00:27:19 → 00:27:22 podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:27:22 → 00:27:25 This Is tha PBS podcast อาการอะไร
00:27:25 → 00:27:27 ของโรคลมพิษถือว่าอันตรายถึงชีวิตต้องรีบ
00:27:27 → 00:27:31 พบแพทยนายแพจรวเชวเฉลิมศรีจากศูนย์การ
00:27:31 → 00:27:34 แพทย์ปัญญานันทภิกขุชลประทานมหาวิทยาลัย
00:27:34 → 00:27:38 ศรีนครินทร์วิโรธมาเล่าให้ฟังครับก็โรคลม
00:27:38 → 00:27:41 พิษเนี่ยเป็นลักษณะของคนไข้ที่มีผื่นอ่า
00:27:41 → 00:27:44 ลักษณะของผื่นของลมพิษเนี่ยคือเป็นผืนที่
00:27:44 → 00:27:48 เป็นนูนแดงนะครับเนาะเป็นปื้นๆนะครับเนาะ
00:27:48 → 00:27:52 ยิ่งเกายิ่งลามมากขึ้นนะครับและมักจะมี
00:27:52 → 00:27:55 อาการคันเด่นมากๆครับบางคนเป็นเยอะผื่น
00:27:55 → 00:27:58 อาจจะเป็นลามทั้งตัวได้อหรืออาจจะมีหน้า
00:27:58 → 00:28:01 บวมตาบวมปากบวมร่วมด้วยได้ด้วยครับเกิด
00:28:01 → 00:28:04 ได้หลายสาเหตุมากๆเลยครับเวลาการแพ้จริงๆ
00:28:04 → 00:28:07 มันมีอาการได้หลายระบบมากๆไม่ใช่แค่ผิว
00:28:07 → 00:28:10 หนังนะครับและการแพ้แพ้จริงๆอ่ะเราจะแบ่ง
00:28:10 → 00:28:12 เป็นการแพ้ฉับพันธ์กับไม่ฉับพันธอีก
00:28:12 → 00:28:15 ลักษณะของผื่นลมพิษเนี่ยเวลาเราเป็นมักจะ
00:28:15 → 00:28:17 เป็นการแพ้ฉับพันธ์เช่นเรารับประทานอาหาร
00:28:17 → 00:28:19 ไปเนี่ยภายใน 6 ช่วโมงเรามักจะเกิดถ้าเรา
00:28:19 → 00:28:22 แพ้อาหารชนิดนั้นและในนี้สำคัญมากๆเพราะ
00:28:22 → 00:28:24 ว่าเวลาไปเจอคุณหมอเนี่ยคุณหมอจะซัก
00:28:24 → 00:28:27 ประวัติละเอียดมากและอยากให้คนไข้เนี่ยทบ
00:28:27 → 00:28:29 ทวนอาหารทั้งทั้งหมดที่รับประทานด้วยนะ
00:28:29 → 00:28:32 ครับทีนี้นะครับระบบอื่นๆของการแพ้มันมี
00:28:32 → 00:28:35 ได้เหมือนกันนะครับอย่างเช่นหายใจไม่ออก
00:28:35 → 00:28:38 หลอดลมตีบแล้วก็อาจจะมีความดันตกช็อกเลย
00:28:38 → 00:28:40 ได้ถ้ารุนแรงบางรายอาจจะมีถ่ายเร็วเยอะๆ
00:28:40 → 00:28:43 ปวดท้องมากๆได้พวกเถ้ามีอาการ 2 ใน 4
00:28:43 → 00:28:46 ระบบอาการทางผิวหนังอาการทางระบบทางเดิน
00:28:46 → 00:28:49 หายใจอาการทางระบบทางเดินอาหารแล้วก็
00:28:49 → 00:28:51 อาการทางระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ความดัน
00:28:51 → 00:28:54 ตกนะครับวูปหมดสติพวกเยนะครับถ้ามี 2 ใน 4
00:28:54 → 00:28:56 ระบบถือว่าเป็นอาการแพ้รุ่นแรงซึ่งถึง
00:28:56 → 00:28:58 ชีวิตได้ครับ
00:28:58 → 00:29:00 [เพลง]
00:29:00 → 00:29:03 This Is Thai PBS
00:29:03 → 00:29:06 podcast ติดตามรายการของ tha PBS
00:29:06 → 00:29:08 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:08 → 00:29:23 www.thaipbs.or.th
00:29:23 → 00:29:28 [เพลง]
00:29:28 → 00:29:31 อ