00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:09 >> สวัสดีครับเคยรู้สึกมั้ครับว่าลึกๆแล้วใน
00:00:09 → 00:00:11 ร่างกายของเราเนี่ยมันมีนาฬิกาที่มองไม่
00:00:11 → 00:00:14 เห็นซ่อนอยู่แล้วนาฬิกาเรือนนี้แหละครับ
00:00:14 → 00:00:16 ที่อาจจะเป็นกุญแจสำคัญเลยที่คอยกำหนด
00:00:16 → 00:00:19 สุขภาพของเราในแบบที่เราอาจจะไม่เคยนึก
00:00:19 → 00:00:22 ถึงมาก่อนเลยก็ได้เอาล่ะครับลองมาคิดตาม
00:00:22 → 00:00:25 กันเล่นๆนะครับว่าถ้าเกิดมีคนมาบอกว่า
00:00:25 → 00:00:28 จริงๆแล้วเวลาที่เรากินเนี่ยอาจจะสำคัญ
00:00:28 → 00:00:31 ยิ่งกว่าอะไรที่เรากินซะอีกฟังดูน่าสนใจ
00:00:31 → 00:00:34 ใช่มั้ยครับนี่เป็นคำถามที่แบบว่าท้าทาย
00:00:34 → 00:00:36 ความเชื่อเรื่องโภชนาการเดิมๆของเราไปเลย
00:00:36 → 00:00:38 แล้วก็เป็นจุดเริ่มต้นที่จะพาเราไปรู้จัก
00:00:38 → 00:00:40 ร่างกายของเราให้ลึกซึ้งขึ้นไปอีกขั้นนึง
00:00:41 → 00:00:43 ครับที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าร่างกายของ
00:00:43 → 00:00:47 คนเราเนี่ยมันทำงานตามตารางเวลา 24 ชมง
00:00:47 → 00:00:49 ของมันเองเลยครับหรือที่เราเรียกกันติด
00:00:49 → 00:00:52 ปากว่านาฬิกาชีวภาพนั่นแหละซึ่งทั้งหมด
00:00:52 → 00:00:55 นี้ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนต่างๆที่คอยบอกว่า
00:00:55 → 00:00:58 เฮ้ถึงเวลาทำอันนี้แล้วนะโอเคได้เวลาพัก
00:00:58 → 00:01:01 แล้วอะไรแบบนี้ครับและผู้จัดการหลักที่
00:01:01 → 00:01:03 คอยคุมจังหวะชีวิตประจำวันของเราก็คือ
00:01:03 → 00:01:05 ฮอร์โมน 2 ตัวนี้เลยครับมาทำความรู้จัก
00:01:05 → 00:01:09 กับข้อที่ซ่อและเมลาโทนินกันลองนึกภาพตาม
00:01:09 → 00:01:12 ง่ายๆนะครับฮอร์โมน 2 ตัวนี้ทำงานกันคนละ
00:01:12 → 00:01:15 กะเลยคอิซอลเนี่ยเปรียบเหมือนผู้จัดการกะ
00:01:15 → 00:01:18 เช้าครับระดับของมันจะพุ่งสูงปรี๊ดในตอน
00:01:18 → 00:01:20 เช้าเพื่อปลุกให้เรารู้สึกตื่นตัวกระปิ๊ก
00:01:20 → 00:01:23 กระเป่าพร้อมลุยส่วนเมลาโทนินก็คือผู้ดู
00:01:23 → 00:01:26 แลกะดึกที่จะค่อยๆเพิ่มระดับขึ้นมาในตอน
00:01:26 → 00:01:29 เย็นเพื่อส่งสัญญาณบอกร่างกายว่าเอาล่ะ
00:01:29 → 00:01:32 ได้เวลาพักผ่อนเตรียมตัวเข้านอนได้แล้วพอ
00:01:32 → 00:01:35 เรารู้จักผู้จัดการทั้ง 2 คนแล้วก็มาถึง
00:01:35 → 00:01:37 ส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้กันเลย
00:01:37 → 00:01:40 ครับนั่นก็คือกดทองที่จะช่วยให้เรากิน
00:01:40 → 00:01:43 อาหารได้สอดคล้องกับจังหวะของร่างกายเป็น
00:01:43 → 00:01:46 หลักการง่ายๆเลยครับเกี่ยวกับว่าเราควร
00:01:46 → 00:01:50 กินตอนไหนและควรจะหยุดกินตอนไหนแล้วไอ้กฎ
00:01:50 → 00:01:53 ง่ายๆที่ว่าเนี่ยมันคืออะไรกันแน่เราจะ
00:01:53 → 00:01:56 กินยังไงให้มันตรงเป๊ะกับนาฬิกาของร่าง
00:01:56 → 00:01:59 กายเราได้และนี่คือคำตอบครับกดทอมีแค่ 2
00:01:59 → 00:02:02 ขั้นตอนง่ายๆแค่นี้เอง 1 คือให้เริ่มกิน
00:02:02 → 00:02:04 มื้อแรกก็ต่อเมื่อระดับคอิซอลเริ่มลด
00:02:04 → 00:02:07 ระดับลงมาแล้วหลังจากที่มันขึ้นไปสูงสุดๆ
00:02:07 → 00:02:10 ในตอนเช้าและ 2 คือให้หยุดกินก่อนที่
00:02:10 → 00:02:13 ระดับเมลโทนินจะเริ่มสูงขึ้นในตอนเย็นแค่
00:02:13 → 00:02:15 นี้แหละครับนี่แหละคือกุญแจสัมพันธ์ซึ่ง
00:02:16 → 00:02:18 ถ้าจะให้เห็นภาพชัดขึ้นมาอีกนะครับลองนึก
00:02:18 → 00:02:20 ว่าร่างกายเรามีปุ่มหมุนปรับระดับเสียง
00:02:20 → 00:02:23 ฮอร์โมนอยู่เวลาที่ร่างกายอัregูateเนี่ย
00:02:23 → 00:02:25 ก็เหมือนเราไปเร่งเสียงให้มันดังขึ้นคือ
00:02:25 → 00:02:28 เพิ่มระดับฮอร์โมนนั่นเองส่วน regulate
00:02:28 → 00:02:30 ก็คือการหรี่เสียงลงหรือว่าลดระดับ
00:02:31 → 00:02:33 ฮอร์โมนลงพูดง่ายๆเลยก็คือเราควรกินเมื่อ
00:02:33 → 00:02:36 ร่างกายเริ่มหรี่เสียงข้อที่ 2 และหยุด
00:02:36 → 00:02:38 กินก่อนที่ร่างกายจะเร่งเสียงเมลาโทนิน
00:02:38 → 00:02:41 ขึ้นมานั่นเองครับเอาล่ะครับแล้วพอเราทำ
00:02:41 → 00:02:44 ตามกฎนี้มันเกิดอะไรขึ้นในร่างกายของเรา
00:02:44 → 00:02:46 กันแน่เรื่องนี้มันจะไปเกี่ยวกับกลไกการ
00:02:46 → 00:02:49 เผาผลาญไขมันโดยตรงเลยครับหรือจะเรียกว่า
00:02:49 → 00:02:51 เป็นการทำงานของฮอร์โมน 2 ทีมที่แบบว่าทำ
00:02:51 → 00:02:54 งานตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเลยคือในร่าง
00:02:54 → 00:02:57 กายเราเนี่ยมันจะมีฮอร์โมนอยู่ 2 ทีมใหญ่
00:02:57 → 00:03:01 ๆครับทีมทีมแรกคือทีมสะสมตัวหลักๆก็คือ
00:03:01 → 00:03:04 อินซูลินกับคอิซอหน้าที่ของทีมนี้ก็ตาม
00:03:04 → 00:03:07 ชื่อเลยครับคือเก็บสะสมพลังงานแต่ทีมนี้
00:03:07 → 00:03:09 จะทำงานแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นนะครับส่วน
00:03:09 → 00:03:12 อีกทีมคือทีมเผาผลาญครับทีมนี้มีสมาชิก
00:03:12 → 00:03:15 เยอะแยะเลยหน้าที่ก็คือเอาพลังงานที่สะสม
00:03:15 → 00:03:18 ไว้ออกมาใช้เป็นเชื้อเพลิงและที่สำคัญคือ
00:03:18 → 00:03:21 ทีมนี้จะทำงานเป็นส่วนใหญ่ของวันเลยครับ
00:03:21 → 00:03:24 ลองมาดูไทม์ไลน์การทำงานของฮอร์โมนใน 1
00:03:24 → 00:03:27 วันกันนะครับพอตอนเช้าตรู่ปุ๊บทีมสะสม
00:03:27 → 00:03:30 อย่างคอซอลก็จะออกมาทำงานแป๊บนึงเพื่อ
00:03:30 → 00:03:33 ปลุกเราจากนั้นเกือบทั้งวันเลยครับจะเป็น
00:03:33 → 00:03:36 เวลาของทีมเผาผลาญซึ่งเนี่ยแหละคือช่วง
00:03:36 → 00:03:39 เวลาทองในการเบิร์นไขมันเลยพอตกเย็นทีม
00:03:39 → 00:03:42 สะสมอย่างอินซูลินก็จะกลับมาทำงานอีกรอบ
00:03:42 → 00:03:45 สั้นๆเพื่อจัดการอาหารมื้อสุดท้ายแล้วพอ
00:03:45 → 00:03:47 เราหลับพีมเผาผลาญก็จะกลับมาลุยงานต่ออีก
00:03:47 → 00:03:49 ครั้งเห็นมั้ครับว่าจริงๆแล้วร่างกายเรา
00:03:49 → 00:03:51 มีช่วงเวลาเผาผลาญที่ยาวนานกว่าช่วงสะสม
00:03:52 → 00:03:55 มากๆเลยเพราะฉะนั้นประเด็นสำคัญที่สุดก็
00:03:55 → 00:03:59 คือเป้าหมายของเราคือการยืดช่วงเวลาที่
00:03:59 → 00:04:02 ทีมเผาผลาญได้ทำงานให้ยาวนานที่สุดเท่า
00:04:02 → 00:04:05 ที่จะทำได้และในขณะเดียวกันก็ต้องจำกัด
00:04:05 → 00:04:08 ช่วงเวลาทำงานของทีมสะสมให้สั้นที่สุด
00:04:08 → 00:04:11 ครับแล้วผลลัพธ์ที่ได้ล่ะครับเมื่อเราทำ
00:04:11 → 00:04:13 แบบนี้ได้สำเร็จมันก็คือการปลดล็อค
00:04:13 → 00:04:16 ศักยภาพด้านสุขภาพที่ดีที่สุดของร่างกาย
00:04:16 → 00:04:18 เราออกมานั่นเองครับมาดูกันเลยว่า
00:04:18 → 00:04:20 ประโยชน์ของการกินให้สอดคล้องกับนาฬิกา
00:04:20 → 00:04:23 ชีวิตเนี่ยมันทรงพลังขนาดไหนพอเราปรับ
00:04:23 → 00:04:25 จังหวะการกินของเราได้สำเร็จปุ๊บนะครับ
00:04:25 → 00:04:28 มันเหมือนกับการกดกดปุ่มรีเซตร่างกายใหม่
00:04:28 → 00:04:31 ทั้งหมดเลยระบบต่างๆจะเริ่มกลับมาทำงาน
00:04:31 → 00:04:33 ได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำตาลในเลือด
00:04:33 → 00:04:36 ระดับไขมันที่ดีขึ้นการอักเสบในร่างกายก็
00:04:36 → 00:04:39 จะลดลงความดันโลหิตก็อาจจะกลับมาเป็นปกติ
00:04:39 → 00:04:42 ได้และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือนาฬิกา
00:04:42 → 00:04:45 ชีวภาพของเราจะกลับมาเดินตรงอีกครั้งซึ่ง
00:04:45 → 00:04:47 ทั้งหมดนี้นำเราไปสู่สิ่งที่เรียกว่า
00:04:47 → 00:04:50 Optimal Health หรือภาวะที่สุขภาพดีที่
00:04:50 → 00:04:53 สุดนั่นเองครับดังนั้นหัวใจสำคัญของ
00:04:53 → 00:04:56 เรื่องทั้งหมดก็คือประโยคนี้เลยครับเมื่อ
00:04:56 → 00:04:59 เราเข้าใจความสมดุลของคอร์ติซอลและ
00:04:59 → 00:05:02 เมลาโทนินเราก็จะสามารถปรับจูนนาฬิการ่าง
00:05:02 → 00:05:05 กายของเราใหม่และมีสุขภาพที่ดีที่สุดได้
00:05:05 → 00:05:08 นี่แหละครับคือพลังของการนำความรู้มาปรับ
00:05:08 → 00:05:11 ใช้กับตัวเองจริงๆและสุดท้ายนี้ครับคำถาม
00:05:12 → 00:05:14 สำคัญที่อยากจะทิ้งท้ายไว้ให้เราได้กลับ
00:05:14 → 00:05:18 ไปฉุกคิดกันก็คือทุกวันนี้ร่างกายของเรา
00:05:18 → 00:05:21 กำลังทำงานตามนาฬิกาของมันหรือว่ากำลัง
00:05:21 → 00:05:25 ฝืนนาฬิกาของตัวเองอยู่กันแน่
00:05:25 → 00:05:28 สวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่การเจาะลึก
00:05:28 → 00:05:31 เรื่องน่าสนใจกันอีกครั้งนะครับวันนี้เรา
00:05:31 → 00:05:35 จะมาคุยกันเรื่องเอ่อกลไกในร่างกายเราที่
00:05:35 → 00:05:37 น่าทึ่งมากๆเรื่องหนึ่งครับคือจังหวะการ
00:05:37 → 00:05:40 ทำงานของฮอร์โมนตลอดวันหรือที่เราเรียก
00:05:40 → 00:05:43 กันว่านาฬิกาชีวภาพและที่สำคัญกว่านั้น
00:05:44 → 00:05:47 คือเราจะเอาความรู้นี้มาปรับใช้กับการกิน
00:05:47 → 00:05:50 ของเรายังไงได้บ้างโดยข้อมูลที่เราจะมา
00:05:50 → 00:05:52 แกะดูกันวันนี้ก็มาจากคลิปใน YouTube
00:05:52 → 00:05:55 ช่องช่อง Advance LCHF Long Chevity
00:05:55 → 00:05:59 นะครับชื่อคลิปสรุปและการนำความรู้เรื่อง
00:05:59 → 00:06:01 จังหวะการทำงานของฮอร์โมนไปใช้ในชีวิต
00:06:01 → 00:06:06 จริงดูน่าสนใจทีเดียวครับแค่คิดว่าอ่าการ
00:06:06 → 00:06:09 ปรับเรื่องง่ายๆอย่างเวลากินกับเวลาหยุด
00:06:09 → 00:06:11 กินให้มันเข้ากับจังหวะฮอร์โมนเนี่ยนะมัน
00:06:11 → 00:06:14 อาจจะส่งผลดีต่อสุขภาพได้มากเลย
00:06:14 → 00:06:18 >> ใช่เลยค่ะมันเป็นแมวคิดที่น่าสนใจมากๆ
00:06:18 → 00:06:21 เป้าหมายที่เราจะคุยกันวันนี้ก็คือลองมา
00:06:21 → 00:06:24 สกัดเอาหลักการสำคัญจากในคลิปนี้ดูว่า
00:06:24 → 00:06:26 จริงๆแล้วเนี่ยเราควรจะเริ่มกินเมื่อไหร่
00:06:27 → 00:06:30 แล้วก็หยุดกินตอนไหนดีโดยดูจากสัญญาณของ
00:06:30 → 00:06:33 ฮอร์โมนหลักๆ 2 ตัวที่คลิปเขาเน้นคือ
00:06:33 → 00:06:36 คอร์ติซอลกับเมลาโทนินน่ะค่ะเพื่อให้ระบบ
00:06:36 → 00:06:39 ผลาญในร่างกายเราทำงานได้เอ่อเหมาะสมที่
00:06:39 → 00:06:42 สุดตามแนวทางที่เขานำเสนอไว้นะค่ะ
00:06:42 → 00:06:45 >> เข้าใจครับงั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
00:06:45 → 00:06:48 ครับไอ้แนวคิดที่ว่ากินตามนาฬิกาชีวภาพ
00:06:48 → 00:06:51 เนี่ยถ้าจะอธิบายง่ายๆมันคืออะไรครับ
00:06:51 → 00:06:55 >> อือืมถ้าเอาแบบง่ายที่สุดเลยนะคะก็คือการ
00:06:55 → 00:06:59 พยายามจัดเวลาที่เราจะกินอาหารในแต่ละวัน
00:06:59 → 00:07:01 ให้มันสอดคล้องไปกับวงจรธรรมชาติของ
00:07:01 → 00:07:05 ฮอร์โมนเรานะค่ะซึ่งฮอร์โมนพวกนี้มันก็มี
00:07:05 → 00:07:09 จังหวะขึ้นลงๆของมันอยู่แล้วในรอบ 24 ชมง
00:07:09 → 00:07:12 แทนที่เราจะกินตามใจหรือตามความหิวอย่าง
00:07:12 → 00:07:15 เดียวเราก็ลองหันมาฟังเอ่อสัญญาณจากร่าง
00:07:15 → 00:07:17 กายผ่านฮอร์โมนพวกนี้ดูบ้างค่ะ
00:07:17 → 00:07:20 >> ที่เขาชี้ว่าเอ่อเป็นตัวหลักหรือเป็น
00:07:20 → 00:07:22 กุญแจสำคัญเลยครับในเรื่องการกำหนดเวลา
00:07:22 → 00:07:23 กินเนี่ย
00:07:23 → 00:07:26 >> ในคลิปนี้เ้าโฟกัสไปที่ 2 ตัวหลักเลยค่ะ
00:07:26 → 00:07:29 เหมือนเป็นตัวคุมสัญญาณไฟจราจรเลยนะว่าจะ
00:07:29 → 00:07:32 ให้เริ่มกินหรือให้หยุดกินนั่นก็คือคอซอ
00:07:32 → 00:07:35 กับเมลทonนินค่ะ 2 ตัวนี้เลยที่เขาใช้
00:07:35 → 00:07:37 เป็นหมุดหมายสำคัญ
00:07:37 → 00:07:41 >> cortisal ชื่อนี้คุ้นมากเลยครับได้ยิน
00:07:41 → 00:07:45 บ่อยๆเวลาพูดถึงความเครียดหรือการตื่นตัว
00:07:45 → 00:07:48 แต่ในบริบทของการกำหนดเวลาเริ่มกินนี่
00:07:48 → 00:07:50 เอ่อบทบาทมันเป็นยังไงครับแล้วมันเกี่ยว
00:07:50 → 00:07:51 กับตอนเช้าของเรายังไง
00:07:51 → 00:07:54 >> ใช่ค่ะคนส่วนใหญ่จะรู้จักคอร์ติซอลว่า
00:07:54 → 00:07:58 เป็นฮอร์โมนความเครียดแต่ในภาวะปกติร่าง
00:07:58 → 00:08:00 กายที่ไม่เครียดเนี่ยนะคะมันมีหน้าที่
00:08:00 → 00:08:03 สำคัญคือปลุกเราให้ตื่นตอนเช้าระดับ
00:08:03 → 00:08:05 คอร์ติซอลมันจะค่อยๆสูงขึ้นตั้งแต่เช้า
00:08:05 → 00:08:08 มืดเลยแล้วก็จะพุ่งสูงสุดตอนเราตื่นเพื่อ
00:08:09 → 00:08:11 เตรียมร่างกายให้พร้อมทำกิจกรรมต่างๆที
00:08:11 → 00:08:14 นี้ประเด็นสำคัญข้อแรกจากในคลิปนะคะเขา
00:08:14 → 00:08:17 บอกว่าให้เริ่มกลิ่นมื้อแรกในช่วงที่
00:08:17 → 00:08:20 ระดับคอร์ติซอลเริ่มลดลงแล้วคือหลังจาก
00:08:20 → 00:08:22 ที่มันขึ้นไปพีคสุดตอนเราตื่นน่ะค่ะหรือ
00:08:22 → 00:08:25 ที่เขาใช้คำว่าคอisaldา regulate
00:08:25 → 00:08:28 >> อ๋อเข้าใจแล้วครับคือไม่ใช่ว่าตื่นนอน
00:08:28 → 00:08:32 ปุ๊บคว้าขนมปังเข้าปากปั๊บแต่ควรรอให้ไอ้
00:08:32 → 00:08:35 สัญญาณปลุกเนี่ยที่มันพุ่งแรงตอนแรกให้
00:08:35 → 00:08:38 มันเริ่มส่านลงก่อนแล้วค่อยเริ่มกินเอ๊ะ
00:08:38 → 00:08:41 แต่ปกติเราจะได้ยินว่ามื้อเช้าสำคัญมาก
00:08:41 → 00:08:44 ควรกินเร็วๆหลังตื่นอะไรแบบนั้นอันนี้
00:08:44 → 00:08:46 เหมือนจะต่างไปนิดหน่อยหรือเปล่าครับ
00:08:46 → 00:08:49 >> อืมเป็นข้อสังเกตที่ดีค่ะคือแนวคิดเรื่อง
00:08:49 → 00:08:52 มื้อเช้าสำคัญก็ยังอยู่นะคะแต่สิ่งที่
00:08:52 → 00:08:55 คลิปนี้เขาเน้นคือจังหวัดเวลาที่เหมาะสม
00:08:55 → 00:08:58 ที่สุดในการเริ่มกินมื้อนั้นคือตามมุมมอง
00:08:58 → 00:09:00 ของเขา้าเนี่ยการรอให้คอร์ติซอลที่มัน
00:09:00 → 00:09:03 พุ่งสูงตอนตื่นเริ่มลดลงก่อนมันเหมือน
00:09:03 → 00:09:05 เป็นการเปิดโอกาสให้ระบบอื่นๆในร่างกาย
00:09:05 → 00:09:08 พร้อมรับอาหารได้ดีกว่าแทนที่จะไปเริ่ม
00:09:08 → 00:09:10 ย่อยอาหารตอนที่ร่างกายยังอยู่ในโหมดแบบ
00:09:10 → 00:09:13 ว่าเตรียมพร้อมสู้ที่คอร์ติซอกระต้นไว้
00:09:13 → 00:09:14 อย่างเต็มที่น่ะค่ะ
00:09:14 → 00:09:17 >> น่าสนใจครับเป็นการมองลึกลงไปในเรื่อง
00:09:17 → 00:09:21 จังหวะฮอร์โมนจริงๆโอเคงั้นพอเราจับ
00:09:21 → 00:09:24 สัญญาณเริ่มกินจากคอร์ติแล้วตัวต่อไปคือ
00:09:24 → 00:09:27 เมลาโทนินตัวนี้คือฮอร์โมนนอนหลับใช่ไหม
00:09:27 → 00:09:30 ครับแล้วมันมาเกี่ยวกับการกำหนดเวลาหยุด
00:09:30 → 00:09:31 กินของเราได้ยังไงฮะ
00:09:31 → 00:09:34 >> ถูกต้องค่ะเมลาโทนินก็คือฮอร์โมนที่บอก
00:09:34 → 00:09:38 ร่างกายว่าได้เวลานอนแล้วนะระดับมันจะ
00:09:38 → 00:09:41 เริ่มสูงขึ้นตอนช่วงค่ำๆแล้วก็ไปสูงสุด
00:09:41 → 00:09:43 ตอนกลางดึกเพื่อช่วยให้เราหลับเพราะ
00:09:43 → 00:09:46 ฉะนั้นกฎข้อที่ 2 ที่สำคัญมากๆจากในคลิป
00:09:46 → 00:09:49 ก็คือต้องหยุดกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่
00:09:49 → 00:09:52 ระดับเมลาโทนินจะเริ่มสูงขึ้นหรือที่เขา
00:09:52 → 00:09:55 เรียกว่าin up regulate นะคะซึ่งข้อมูล
00:09:55 → 00:09:58 ในคลิปเขาชี้ว่าช่วงเวลาที่เมลาโทนินมัก
00:09:58 → 00:10:01 จะเริ่มทำงานชัดเจนขึ้นก็คือประมาณ 21:00
00:10:01 → 00:10:03 น. 22:00 น.เป็นต้นไปดังนั้นการหยุดกิน
00:10:03 → 00:10:06 ก่อนเวลานั้นก็เลยเป็นเรื่องสำคัญค่ะ
00:10:06 → 00:10:07 >> อ๋อ
00:10:07 → 00:10:10 ก็คือควรจะกินมื้อเย็นให้เสร็จให้การย่อย
00:10:10 → 00:10:12 มันเริ่มไปก่อนที่ร่างกายจะเข้าโหมด
00:10:12 → 00:10:15 เตรียมตัวนอนเต็มที่ฟังดู make sense นะ
00:10:15 → 00:10:17 ครับเหมือนเคลียร์ทางให้แต่ละระบบทำงาน
00:10:17 → 00:10:18 ตามหน้าที่ของมัน
00:10:18 → 00:10:21 >> ค่ะแล้วก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจเพิ่มจาก
00:10:21 → 00:10:23 ในคลิปด้วยนะคะเรื่องความเชื่อมโยง
00:10:23 → 00:10:26 ระหว่างอินซูลินกับเมลาโทนินคือเขาอธิบาย
00:10:26 → 00:10:29 ว่าก่อนที่เมลาโทนินจะหลั่งออกมาเยอะๆตอน
00:10:29 → 00:10:32 กลางคืนเนี่ยจริงๆแล้วจะมีฮอร์โมนอีกตัว
00:10:32 → 00:10:35 คืออินซูลินที่ระดับจะเพิ่มสูงขึ้นมาก่อน
00:10:35 → 00:10:37 ในช่วงหลังมื้อเย็นหรือมื้อสุดท้ายบทบาท
00:10:38 → 00:10:41 ของอินซูลินตอนนี้คือการพาเอ่อสารอาหาร
00:10:41 → 00:10:43 สำคัญโดยเฉพาะกรดอะมิโนบางตัวอย่าง
00:10:43 → 00:10:46 ทริปโตแฟนจากอาหารมื้อนั้นเข้าไปในสมอง
00:10:46 → 00:10:49 เพื่อให้สมองเอาไปใช้สร้างเซโรโทนินแล้ว
00:10:49 → 00:10:51 ก็เปลี่ยนเป็นเมลาโทนินต่อไปค่ะ
00:10:51 → 00:10:53 >> โหนี่มันซับซ้อนเหมือนกันนะครับเนี่ย
00:10:53 → 00:10:56 อินซูลินช่วยส่งเสบียงให้สมองเตรียมสร้าง
00:10:56 → 00:11:00 ฮอร์โมนนอนหลับสรุปง่ายๆก็คือแหล่งข้อมูล
00:11:00 → 00:11:03 นี้แนะนำให้เราเริ่มกินตอนฮอร์โมนตื่น
00:11:03 → 00:11:06 คอร์ติซอลเริ่มซาลงแล้วก็หยุดกินก่อน
00:11:06 → 00:11:10 ฮอร์โมนนอนเมลาโทนินจะเริ่มมาแล้วการที่
00:11:10 → 00:11:13 เราพยายามทำแบบนี้จัดตารางชีวิตให้เข้า
00:11:13 → 00:11:16 กับจังหวะฮอร์โมน 2 ตัวนี้มันส่งผลดีต่อ
00:11:16 → 00:11:18 ร่างกายในภาพรวมยังไงบ้างครับตามที่คลิป
00:11:19 → 00:11:19 เขาบอก
00:11:19 → 00:11:23 >> ผลดีหลักๆที่เขาเน้นเลยนะคะคือการจัดเวลา
00:11:23 → 00:11:25 แบบเนี้ยจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกายได้ใช้
00:11:25 → 00:11:28 ประโยชน์จากกลุ่มฮอร์โมนที่ทำหน้าที่เผา
00:11:28 → 00:11:31 ผ่านพลังงานเป็นหลักแล้วก็ทำให้ฮอร์โมน
00:11:31 → 00:11:33 กลุ่มนี้มีช่วงเวลาทำงานได้ยาวนานขึ้น
00:11:33 → 00:11:35 ตลอดวันค่ะฮอร์โมนกลุ่มนี้ก็อย่างเช่นพวก
00:11:36 → 00:11:39 ฮอร์โมนไทรรอยด์ที่คุมการเผาผลาญกลูคารอน
00:11:39 → 00:11:42 ที่ดึงพลังงานสำรองมาใช้โสฮอร์โมนที่ช่วย
00:11:42 → 00:11:46 ซ่อมแซมแล้วก็ใช้ไขมันadดรนาลีนแล้วก็พวก
00:11:46 → 00:11:48 ฮอร์โมนเพศอย่างเทสโทสเตอโรนโปรเจสเตอโรน
00:11:48 → 00:11:51 ด้วยค่ะพวกนี้ล้วนเกี่ยวกับการใช้พลังงาน
00:11:51 → 00:11:53 และซ่อมสร้างร่างกาย
00:11:53 → 00:11:55 >> หมายความว่าแทนที่ฮอร์โมนพวกนี้จะได้ทำ
00:11:55 → 00:11:58 งานแป๊บการจำกัดเวลากินเหมือนเป็นการเปิด
00:11:58 → 00:12:00 ทางให้พวกมันทำงานได้เต็มที่ขึ้น
00:12:00 → 00:12:04 >> ใช่ค่ะลองนึกภาพตามนะคะอย่างโกสฮอร์โมน
00:12:04 → 00:12:06 เนี่ยสำคัญมากเรื่องซ่อมแซมเซลล์แล้วก็
00:12:06 → 00:12:09 ดึงไขมันมาใช้โดยเฉพาะตอนที่เราไม่ได้กิน
00:12:09 → 00:12:12 อะไรกับตอนนอนในคลิปเขาชี้ว่าถ้าเราหยุด
00:12:12 → 00:12:16 กินเร็วขึ้นตามสัญญาณเมลาโทนินมันจะทำให้
00:12:16 → 00:12:19 ช่วงที่อินซูลินซึ่งปกติจะไปกดกันหลังโกส
00:12:19 → 00:12:22 ฮอร์โมนอยู่ในระดับต่ำเนี่ยมันยาวนานขึ้น
00:12:22 → 00:12:25 ก็เปิดโอกาสให้โกสฮอร์โมนทำงานได้ดีขึ้น
00:12:25 → 00:12:28 ร่างกายก็ซ่อมแซมตัวเองเผ่าผลไขมันได้ดี
00:12:28 → 00:12:31 ขึ้นตอนกลางคืนค่ะในทางกลับกันการกินตาม
00:12:31 → 00:12:34 จังหวะนี้ก็จะช่วยจำกัดช่วงเวลาทำงานของ
00:12:34 → 00:12:37 ฮอร์โมนกลุ่มที่เน้นการสะสมพลังงานให้
00:12:37 → 00:12:40 สั้นลงโดยเฉพาะอินซูลินแล้วก็คอร์ดิซอล์
00:12:40 → 00:12:43 ในบทบาทอื่นๆนอกจากการปลุกตอนเช้าเช่นที่
00:12:43 → 00:12:45 อาจจะถูกกระตุ้นจากการกินผิดเวลาหรือความ
00:12:45 → 00:12:49 เครียดตามข้อมูลในคลิปเขาประเมินคร่าวๆ
00:12:49 → 00:12:52 ว่าคอร์ติจะทำงานเด่นๆเพื่อปลุกเราแค่
00:12:52 → 00:12:55 ช่วงสั้นๆก่อนตื่นประมาณ 4-6 ชมงแล้ว
00:12:55 → 00:12:57 อินซูลินก็จะทำงานเด่นๆหลังมื้ออาหาร
00:12:57 → 00:13:00 เพื่อจัดการสารอาหารโดยเฉพาะหลังมื้อสุด
00:13:00 → 00:13:03 ท้ายก็อาจจะทำงานสัก 4-6 ช่มงแล้วแต่ว่า
00:13:03 → 00:13:06 กินอะไรกินเยอะแค่ไหนการจำกัดเวลากินไม่
00:13:06 → 00:13:08 ให้มันยืดเยื้อไปทั้งวันก็เลยเป็นการ
00:13:08 → 00:13:11 จำกัดช่วงที่ฮอร์โมนกลุ่มสะสมพวกนี้จะทำ
00:13:11 → 00:13:12 งานเด่นนั่นเองค่ะ
00:13:12 → 00:13:14 >> ฟังดูเหมือนเป็นการปรับสมดุลให้ร่างกาย
00:13:14 → 00:13:17 ใช้เวลาส่วนใหญ่ของวันอยู่ในโหมดใช้พลัง
00:13:17 → 00:13:20 งานซ่องแซมมากกว่าโหมดเก็บสะสมเลยนะครับ
00:13:20 → 00:13:23 ถ้าทำได้แบบนี้จริงๆผลต่อสุขภาพโดยรวมก็
00:13:23 → 00:13:25 น่าจะดีมากๆเลยสิครับในคลิปเขาพูดถึงผล
00:13:25 → 00:13:28 กระทบระยะยาวหรือภาพรวมสุขภาพไว้ยังไง
00:13:28 → 00:13:29 บ้างฮะ
00:13:29 → 00:13:31 >> เขาพูดไว้ค่อนข้างชัดเจนและหนักแน่นเลย
00:13:31 → 00:13:34 ค่ะว่าการปรับสมดุลนาฬิกาชีวิตหรือการจัด
00:13:35 → 00:13:37 จังหวะการกินให้เข้ากับฮอร์โมนตามแนวทาง
00:13:37 → 00:13:40 นี้เนี่ยมันเป็นทางที่นอมไปสู่สภาวะที่
00:13:40 → 00:13:43 เรียกว่าสุขภาพที่ดีที่สุด optimal
00:13:43 → 00:13:46 health ได้ซึ่งคำนี้ในบริบทของวีดีโอไม่
00:13:46 → 00:13:49 ใช่แค่ไม่มีโรคแต่หมายถึงการที่ร่างกายทำ
00:13:49 → 00:13:52 งานได้เต็มที่มีพลังงานดีรู้สึกสดชื่น
00:13:52 → 00:13:55 ระบบต่างๆทำงานประสานกันดีอะไรแบบนั้นค่ะ
00:13:55 → 00:13:58 >> สุขภาพที่ดีที่สุดฟังดูไปเป็นเป้าหมายที่
00:13:58 → 00:14:01 ดีมากเลยครับแล้วมีอะไรที่มันเอ่อจับต้อง
00:14:01 → 00:14:03 ได้มากกว่านั้นมั้ครับสำหรับคนที่มีปัญหา
00:14:03 → 00:14:04 สุขภาพบางอย่างอยู่แล้ว
00:14:04 → 00:14:05 >> มีค่ะ
00:14:05 → 00:14:08 >> อีกประเด็นที่น่าสนใจมากคือในคลิปเขาพูด
00:14:08 → 00:14:11 ถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดสิ่งที่เรียก
00:14:11 → 00:14:14 ว่าการถอยกลับ regression ของปัญหาเรื้อ
00:14:14 → 00:14:17 รังต่างๆที่เกี่ยวกับระบบเผาผลาญซึ่งหมาย
00:14:17 → 00:14:19 ถึงว่าปัญหาเหล่านั้นมีแนวโน้มจะดีขึ้น
00:14:19 → 00:14:22 หรือค่าต่างๆมันปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
00:14:22 → 00:14:25 ได้มากขึ้นตัวอย่างที่เขายกมาก็เช่น
00:14:25 → 00:14:27 เรื่องระดับน้ำตาลในเลือดไขมันในเลือด
00:14:27 → 00:14:30 อย่างไตรกีเซรายหรือภาวะการอักเสบเรื้อ
00:14:30 → 00:14:33 รังในร่างกายหรือแม้แต่ความดันโลหิตคลิป
00:14:33 → 00:14:36 เขาเสนอว่าการปรัดแค่จังหวะเวลาการกินให้
00:14:36 → 00:14:39 ถูกตามนาฬิกาชีวภาพเนี่ยอาจจะเป็นปัจจัย
00:14:39 → 00:14:41 สำคัญที่ช่วยให้ร่างกายเริ่มกระบวนการ
00:14:41 → 00:14:44 เอ่อเยียวยาปรับสมดุลตัวเองจนปัญหาเหล่า
00:14:44 → 00:14:46 นี้ค่อยๆดีขึ้นได้ค่ะ
00:14:46 → 00:14:50 >> โหอันนี้น่าสนใจมากเลยนะครับแค่ปรับเวลา
00:14:50 → 00:14:54 กินยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรที่กินเลยด้วยซ้ำ
00:14:54 → 00:14:56 แต่ตามข้อมูลนี้มันอาจส่งผลได้ถึงระดับ
00:14:56 → 00:14:59 การจัดการปัญหาสุขภาพเรื้อรังบางอย่างได้
00:14:59 → 00:15:02 เลยแต่ก็ต้องย้ำนะครับว่าอันนี้เป็นข้อ
00:15:02 → 00:15:04 มูลจากแหล่งข้อมูลที่เรากำลังคุยกันอยู่
00:15:04 → 00:15:08 >> ใช่ค่ะเป็นมุมมองและข้อเสนอจากวีดีโอช่อง
00:15:08 → 00:15:10 นั้นซึ่งเขาเน้นความสำคัญของจังหวะ
00:15:10 → 00:15:14 ฮอร์โมนมากๆเขามองว่าการทำงานที่ผิด
00:15:14 → 00:15:17 จังหวะของฮอร์โมนเแหละคือรากของปัญหา
00:15:17 → 00:15:20 เมาบอลิคหลายๆอย่างดังนั้นการแก้ที่
00:15:20 → 00:15:22 จังหวะเวลาก่อนก็อาจจะเป็นการปรับทิศต้น
00:15:22 → 00:15:24 ทางสำคัญทางนึงค่ะ
00:15:24 → 00:15:28 >> เข้าใจครับงั้นถ้าจะให้สรุปหัวใจสำคัญ
00:15:28 → 00:15:30 จริงๆที่เรากลั่นออกมาจากคลิปเนี้ยสำหรับ
00:15:30 → 00:15:33 คนที่อยากลองเอาไปปรับใช้นะครับก็คือการ
00:15:33 → 00:15:36 จับสัญญาณ 2 อย่างสัญญาณแรกคือรอให้
00:15:36 → 00:15:40 คอร์ติที่พูดตอนเช้าเริ่มลงก่อนค่อยเริ่ม
00:15:40 → 00:15:42 กินมื้อแรกและสัญญาณที่ 2 คือสังเกตช่วง
00:15:43 → 00:15:45 เวลาที่เมลาโทนินน่าจะเริ่มสูงขึ้นอาจจะ
00:15:45 → 00:15:49 ราวๆนเพื่อหยุดกินมื้อสุดท้ายก่อนเวลา
00:15:49 → 00:15:50 นั้นใช่มั้ครับ
00:15:50 → 00:15:53 >> ถูกต้องค่ะนั่นคือแก่นหลักหรือกลยุทธ์
00:15:53 → 00:15:56 สำคัญที่วีดีโอนี้พยายามจะสื่อออกมาเลย
00:15:56 → 00:15:59 การสร้างหน้าต่างการกิน Eating ที่มันสอด
00:15:59 → 00:16:01 คล้องกับจังหวะขึ้นลงของคอร์ติซอลและ
00:16:01 → 00:16:04 เมลาโทนินคือหัวใจสำคัญตามแนวทางนี้ค่ะ
00:16:04 → 00:16:08 >> เยี่ยมเลยครับชัดเจนขึ้นเยอะเลยงั้นขอทบ
00:16:08 → 00:16:10 ทวนประเด็นสำคัญที่สุดที่เราได้จากการ
00:16:10 → 00:16:13 เจาะลึกข้อมูลในคลิปนี้อีกทีนะครับกุญแจ
00:16:13 → 00:16:15 สำคัญก็ดูเหมือนจะอยู่ที่การกำหนดช่วง
00:16:15 → 00:16:19 เวลาที่กินได้หรือ Eating ในแต่ละวันโดย
00:16:19 → 00:16:21 จุดเริ่มต้นคือเมื่อคอร์ดซเริ่มลดลงหลัง
00:16:21 → 00:16:24 ตื่นนอนและจุดสิ้นสุดคือต้องก่อนที่
00:16:24 → 00:16:27 เมลโทนจะเริ่มสูงขึ้นตอนค่ำการทำแบบนี้
00:16:27 → 00:16:30 ตามข้อมูลที่ได้มาก็จะช่วยส่งเสริมให้
00:16:30 → 00:16:32 ฮอร์โมนกลุ่มเผาผลาญทำงานได้นานขึ้นและ
00:16:32 → 00:16:35 จำกัดการทำงานของฮอร์โมนกลุ่มสะสมพลังงาน
00:16:35 → 00:16:38 ซึ่งอาจจะนำไปสู่สุขภาพที่ดีขึ้นและอาจ
00:16:38 → 00:16:40 ช่วยให้ปัญหาเมตabอลิคบางอย่างดีขึ้นได้
00:16:40 → 00:16:40 ด้วย
00:16:41 → 00:16:44 >> ใช่ค่ะสรุปได้ครบถ้วนดีมากเลยค่ะและเพื่อ
00:16:44 → 00:16:47 เป็นการปิดท้ายการคุยกันวันนี้อยากจะทิ้ง
00:16:47 → 00:16:50 คำถามชวนคิดให้ลองไปพิจารณาต่อยอดดูนะคะ
00:16:50 → 00:16:53 ลองจินตนาการตามดูว่าถ้าเราลองปรับ
00:16:53 → 00:16:56 เปลี่ยนแค่เวลาที่เราเริ่มกินมื้อแรกกับ
00:16:56 → 00:16:58 หยุดกินมื้อสุดท้ายให้มันเข้ากับสัญญาณ
00:16:58 → 00:17:01 คอร์ติและเมลาโทนินตามแนวทางที่คลิปนี้นำ
00:17:01 → 00:17:04 เสนอโดยที่เราอาจจะยังไม่ได้เปลี่ยนชนิด
00:17:04 → 00:17:07 หรือปริมาณอาหารที่เรากินตามปกติเลยนะการ
00:17:07 → 00:17:10 ปรับแค่จังหวะเวลาอย่างเดียวเนี่ยมันอาจ
00:17:10 → 00:17:12 จะส่งผลต่อความรู้สึกมีพลังงานในระหว่าง
00:17:12 → 00:17:15 วันของเราความรู้สึกสดชื่นตอนตื่นหรือ
00:17:15 → 00:17:18 คุณภาพการนอนหลับตอนกลางคืนในแง่มุมอื่นๆ
00:17:18 → 00:17:21 ที่นอกเหนือไปจากเรื่องระบบเผาผลาญโดยตรง
00:17:21 → 00:17:23 หรือตัวเลขสุขภาพที่เราคุยกันไปแล้วนี้
00:17:23 → 00:17:26 ได้อย่างไรบ้างคะนี่อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ
00:17:26 → 00:17:29 ที่น่าสนใจให้ลองนำไปสังเกตแล้วก็สำรวจผล
00:17:29 → 00:17:31 กับตัวเองดูค่ะ
00:17:31 → 00:17:48 [เพลง]