00:00:00 → 00:00:02 อาจารย์คะเนี่ยค่ะหยกเลยอยากจะขอความรู้
00:00:02 → 00:00:04 อาจารย์ค่ะเรื่องของการรักษาแบบแนวทางการ
00:00:04 → 00:00:07 รักษาแบบประคับประคองทำไมมันถึงมาจุดนี้
00:00:07 → 00:00:10 ค่ะเพราะปกติเนี่ยการรักษาของเรามันก็
00:00:10 → 00:00:12 เรียกว่าก้าวหน้าไม่ว่าจะเป็นการรักษาผ่า
00:00:12 → 00:00:15 ตัดมีทั้งผ่าตัดเล็กผ่าตัดใหญ่ใช้ยาแบบ
00:00:15 → 00:00:18 พุ่งเป้าทุกอย่างมาหมดทำไมเราถึงต้องหัน
00:00:18 → 00:00:21 มาเรียนรู้วถึงการรักษาแบบประคับประคองคะ
00:00:21 → 00:00:24 อาจารย์ครับผมคิดว่าหลักการง่ายๆก็คือว่า
00:00:24 → 00:00:27 เราไม่สามารถจะเอาชนะทุกโรคได้อยู่แล้วนะ
00:00:27 → 00:00:30 ครับงั้นมันก็จะมีโรคซึ่งบางบางครั้ง
00:00:30 → 00:00:32 เนี่ยการเป้าหมายของการรักษาก็คงไม่ใช่
00:00:32 → 00:00:34 ให้หายขาดนะครับเพราะว่าผมเชื่อว่าอย่าง
00:00:34 → 00:00:36 โรคที่เกิดจากความเสื่อมซึ่งเป็นโรค
00:00:36 → 00:00:38 ปัจจุบันเนี่ยเช่นโรค ncd หรือว่า non
00:00:38 → 00:00:40 communicable disease เนี่ยมันก็เป็น
00:00:40 → 00:00:43 โรคซึ่งทุกคนก็พ่ายแพ้กับเวลานะครับเพราะ
00:00:43 → 00:00:45 งั้นมันก็จะมีโอกาสซึ่งสุดท้ายเราก็จะ
00:00:45 → 00:00:49 เสื่อมลงเรื่อยๆนะครับเอ่อแต่ถามว่าจุด
00:00:49 → 00:00:51 ประสงค์หลักของเราที่เราจะให้การรักษาคน
00:00:51 → 00:00:54 ไข้เนี่ยนะครับเราเรามีจุประสงค์หลัก
00:00:54 → 00:00:57 เพื่ออะไรผมคิดว่าถ้าเราถามตัวเองจริง
00:00:57 → 00:00:59 แล้วมันก็ทำยังไงให้เราอยู่ให้ดีๆให้นาน
00:00:59 → 00:01:02 ที่ที่สุดนะครับค่ะเราคงไม่ได้นับแค่ว่า
00:01:02 → 00:01:03 ให้อยู่ให้นานอย่างเดียวแต่คงต้องเป็นการ
00:01:03 → 00:01:06 อยู่ซึ่งมีคุณภาพชีวิตด้วยนก็เป็นคำตอบ
00:01:06 → 00:01:09 ที่สำคัญว่าการรักษาแบบประคับประคองเนี่ย
00:01:09 → 00:01:12 มันเป็นการรักษาซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยมันมี
00:01:12 → 00:01:15 มานานแล้วนะฮะแต่ว่าเรามาพูดถึงกันมากใน
00:01:15 → 00:01:18 ช่วงนี้ก็เพราะว่ามันเริ่มมีวิธีการรักษา
00:01:18 → 00:01:21 หรือแนวคิดหรือว่าการจัดสถานที่ซึ่งจะ
00:01:21 → 00:01:24 ช่วยให้คนไข้เนี่ยทำยังไงก็มีคุณภาพชีวิต
00:01:24 → 00:01:27 มากที่สุดเมื่อถึงจุดนึงการรักษาโรคเเอง
00:01:27 → 00:01:29 ก็อาจจะไม่ได้ประโยชน์ละเราก็จะไปรักษา
00:01:29 → 00:01:31 ที่ตัวคนหรือผู้ป่วยมากกว่าอะไรอย่าง
00:01:31 → 00:01:34 เงี้ยก็เป็นทำนองเครับว่ามันเป็นการรักษา
00:01:34 → 00:01:36 ซึ่งมุ่งเน้นที่การจะเพิ่มคุณภาพชีวิต
00:01:36 → 00:01:41 เอ่อในในคนไซึ่งมีโรคโรคอยู่อ่ะครับค่ะ
00:01:41 → 00:01:43 อาจารย์คะทีนี้อย่างอย่างเงี้ยค่ะโยกกับ
00:01:43 → 00:01:46 โอ๊ก็คงสงสัยว่าเอ๊ะทำไมเวลานั้นน่ะค่ะ
00:01:46 → 00:01:49 การรักษาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตแต่ทีนี้
00:01:49 → 00:01:52 ว่ามันเท่ากับว่าเราเพิกเฉยหรือเปล่าหรือ
00:01:52 → 00:01:55 ว่าเรารักษาแบบไหนความจำเป็นพอดีหรือว่า
00:01:55 → 00:01:58 มันเหมาะแบบว่าเอาล่ะคนเแหละมันสิ้นสุด
00:01:58 → 00:02:00 และเหมือนสิ้นสุดทางเรื่องนะค่ะอาจารย์ไป
00:02:00 → 00:02:03 ไม่ทาไปไม่ได้ะได้แค่นี้อะไรอย่างเงี้ย
00:02:03 → 00:02:05 ค่ะอาจารย์อันนี้อันนี้ก็จะเป็นความคิด
00:02:05 → 00:02:07 ซึ่งแต่ก่อนมันอย่างงี้ฮะเหมือนกับว่าเรา
00:02:07 → 00:02:10 เนี่ยพยายามรักษาทุกอย่างเต็มที่ะแล้วเรา
00:02:10 → 00:02:13 บอกว่าพอเราหมดทางรักษานะครับเช่นเราเอ่อ
00:02:13 → 00:02:15 ไม่มีทางข้ามมาเดนแล้วก็บอกโอ้ยก็หยุดะ
00:02:15 → 00:02:18 แล้วก็แล้วก็ไปประคับประคองนะครับซึ่ง
00:02:18 → 00:02:21 จริงๆแล้วแนวคิดเี่มันก็ไม่ถูกละเพราะเรา
00:02:21 → 00:02:24 เชื่อว่าการรักษาประคับประคองเนี่ยจริงๆ
00:02:24 → 00:02:27 มันมีบทบาทตั้งแต่เราเริ่มต้นเป็นโรคร้าย
00:02:27 → 00:02:30 แรงหรือโรคเรื้อรังนะครับเพียงแต่ว่าใน
00:02:30 → 00:02:32 ช่วงแรกๆของโลกอ่ะนะครับเช่นเราเป็น
00:02:32 → 00:02:34 มะเร็งช่วงแรกเราก็ยังให้ยาทุกอย่างเต็ม
00:02:34 → 00:02:37 ที่ขณะเดียวกันเนี่ยการให้ยามันก็ทำให้
00:02:37 → 00:02:40 เกิดความทุกข์ทรมานทั้งการที่ให้การรักษา
00:02:40 → 00:02:43 ประคับประคองควบคู่กันไปด้วยเนี่ยก็ทำให้
00:02:43 → 00:02:45 คนไข้ได้ทั้งการรักษาเฉพาะขณะเดียวกันมัน
00:02:45 → 00:02:48 ก็มีการรักษาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตตัว
00:02:48 → 00:02:50 อย่างเช่นเราให้ยา่ามะเร็งในระยะแรกใช่
00:02:50 → 00:02:54 มั้ยครับก็ทำให้มะเร็งมันอาจจะลดลงเราก็
00:02:54 → 00:02:56 มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นแต่การให้ยาฆ่า
00:02:56 → 00:02:58 มะเร็งเนี่ยมันก็มีผลทุกข์ทรมานกับร่าง
00:02:58 → 00:03:01 กายตรงเนี้ยการรักษาแบบประคับประคองเนี่ย
00:03:01 → 00:03:04 มันไม่ได้เริ่มตอนระยะสุดท้ายเท่านั้นมัน
00:03:04 → 00:03:06 ก็จะเริ่มมาตั้งแต่ระยะซึ่งเรามีโรคที่
00:03:06 → 00:03:08 ร้ายแรงเราก็ให้การรักษาประคับประคอง
00:03:08 → 00:03:12 เนี่ยควบคู่ไปกับการรักษาเฉพาะด้วยนะครับ
00:03:12 → 00:03:14 แต่ว่าแน่นอนนะครับเมื่อเรามีโรคซึ่งมัน
00:03:14 → 00:03:17 ค่อยๆเป็นมากขึ้นเช่นถึงจุดนึงเราก็เรีย
00:03:17 → 00:03:20 ว่าการรักษามะเร็งเนี่ยยามันก็ถ้าเรา
00:03:20 → 00:03:22 รักษาหายขาดได้ก็ดีเชเราตัดออกได้หมดค่ะ
00:03:22 → 00:03:25 แต่เมื่อเราให้ยาไปปรากฏว่ามะเรงก็ยังโต
00:03:25 → 00:03:28 ขึ้นก็จะเห็นว่าบทบาทของการรักษาตัวโรค
00:03:28 → 00:03:31 เนี่ยมันเริ่มค่อยๆน้อยลงเพว่าผลที่ได้
00:03:31 → 00:03:33 แต่มันมีความทุกข์ทรมาจากการรักษาและจาก
00:03:33 → 00:03:36 จากโรคเมากขึ้นตงเนี้ความรักษาประคับปก
00:03:36 → 00:03:38 ครองก็จะมีบทบาทค่อยๆเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น
00:03:38 → 00:03:41 จนกระทั่งถึงจุดนึงเรารู้ว่ารักษาโรคไปก็
00:03:41 → 00:03:44 ไม่ได้ประโยชน์ละก็เราก็จะเน้นการรักษา
00:03:44 → 00:03:46 ประคับประคองเต็มที่ั้นจะเห็นว่ามันไม่
00:03:46 → 00:03:50 ใช่บอกว่าเราหยุดการรักษาแล้วไปเริ่มการ
00:03:50 → 00:03:52 รักษาประคับปกครองแล้วหยุดทุกอย่างจริงๆ
00:03:52 → 00:03:56 แล้วมันค่อยๆผสมกลมกลืนกันไปแล้วเมื่อโรค
00:03:56 → 00:03:58 มันถึงระยะซึ่งเป็นมากๆการรักษาประคับ
00:03:58 → 00:04:01 ประคองเนี่ยก็จะมีบทบาทมากขึ้นครับค่ะ
00:04:01 → 00:04:04 อาจารย์คะคือเมื่อกี้อาจารย์พูดถึงมะเร็ง
00:04:04 → 00:04:06 อ่ะค่ะมันชัดเจนว่าแบบโอเคอย่างเรารู้
00:04:06 → 00:04:10 แล้วว่าอืม 4 ก็ไปต่อไม่ได้โหมหนักไปทั้ง
00:04:10 → 00:04:13 เซลล์ดีเซลล์ร้ายก็ไปเราไปพร้อมกันคือ
00:04:13 → 00:04:16 อยู่ก็อยู่ด้วยกันแต่ทีนี้อย่างโรคเรื้อ
00:04:16 → 00:04:18 รังล่ะคะอาจารย์เพื่อแบบชี้ให้คนเห็นภาพ
00:04:18 → 00:04:21 บางคนบอกว่าอ้าวเบาหวานความดันก็ทานยา
00:04:21 → 00:04:23 เข้าไปสิมันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรอะไรอย่าง
00:04:23 → 00:04:25 เงี้ยค่ะแต่ว่าความเสื่อมของร่างกายที่
00:04:25 → 00:04:28 มันชัดเจนหรือมันเห็นได้ชัดว่าอืมเราควร
00:04:28 → 00:04:31 ประคองแล้วล่ะมันคือระยะไหนหรือโรคดำเนิน
00:04:31 → 00:04:35 ถึงขั้นไหนคะครับอันนี้ก็เป็นคำถาที่ดี
00:04:35 → 00:04:37 มากเลยครับพแต่ก่อนเนี่ยเราพูดถึงประคับ
00:04:37 → 00:04:39 ประคองเนี่ยเราก็จะนึกถึงโมเดลของโรค
00:04:39 → 00:04:42 มะเร็งเป็นหลักเราจะคคิดว่าโรคมะเร็งเป็น
00:04:42 → 00:04:44 โรคซึ่งสุดท้ายมันก็จะค่อยๆแย่ลงแต่จริงๆ
00:04:44 → 00:04:46 แล้วปัจจุบันเคนใครที่เป็นโรคเรื้อรัง
00:04:46 → 00:04:48 ส่วนหนึ่งมีความทุกข์ทรมานมากกว่ามะเร็ง
00:04:48 → 00:04:50 นะครับค่ะอย่างเช่นลองพูดที่ว่าเราเป็น
00:04:50 → 00:04:52 เบาหวานเนี่ยแน่นอนช่วงแรกรักษาดีก็ไม่มี
00:04:52 → 00:04:54 อาการอะไรแต่ว่าพอเบาหวานเริ่มมีโรคแทรก
00:04:54 → 00:04:58 ซ้อนใช่มั้ยครับเริ่มมีไตวายเริ่มมีหัวใจ
00:04:58 → 00:05:02 วายเริ่มมีภาวะเอ่อเช่นเลือกสมองตีบอาพาด
00:05:02 → 00:05:04 กลายเป็นภาวะติดเตียงคนไข้กลุ่มเนี้มี
00:05:05 → 00:05:07 ความทุกทรมานซึ่งไม่ได้ไม่ได้ด้อยไปกว่า
00:05:07 → 00:05:10 เอ่อโรคมะเร็งเลยแล้วบางครั้งเนี่ยทุกข
00:05:10 → 00:05:13 ทรมานมากกว่าเพราะว่าพอเราเป็นโรคเบาหวาน
00:05:13 → 00:05:16 เป็นโรคเอ่อหัวใจการรักษาแบบประคับประคอง
00:05:16 → 00:05:19 หรือบรเทาอาการเนี่ยก็จะได้น้อยกว่าคไข้
00:05:19 → 00:05:21 ที่เป็นมะเร็งนะเพราะว่ามันเหมือนกับว่า
00:05:21 → 00:05:23 พอเรามีอาการป่วดจากมะเร็งเนี่ยคุณหมอก็
00:05:23 → 00:05:26 จะสั่งมอร์ฟีนสั่งอะไรให้ค่ะแต่ว่าพอเรา
00:05:26 → 00:05:27 เป็นเบาหวานเนี่ยการรักษาก็จะเน้นที่การ
00:05:27 → 00:05:31 รักษาตัวเบาหวานคตัวเบาหวานแต่ว่าไม่ได้
00:05:31 → 00:05:33 คยค่อยคำนึงถึงอาการหรือความทุกข์ทรมาน
00:05:34 → 00:05:36 เพราะงั้นมันก็จะมียะของโรค่ะครับว่าถ้า
00:05:36 → 00:05:40 ถึงจุดนึงเช่นคนไข้บหวานะมันมีอวัยวะล้ม
00:05:40 → 00:05:43 เหลวเขาช่วยตัวเองไม่ได้เขเริ่มมีอาการ
00:05:43 → 00:05:47 ที่ติดเียงมีอัมพาตหัวใจวายซึ่งเรารู้ว่า
00:05:47 → 00:05:50 แก้ไขหรือว่าให้ยาไปเนี่ยโอกาสที่จะดี
00:05:50 → 00:05:52 ขึ้นก็น้อยมากั้นการรักษาแบบประคับประคอง
00:05:52 → 00:05:55 ก็จะเริ่มมีบทบาทเมื่อเขามีภาวะซึ่งมี
00:05:55 → 00:05:59 ความทุกข์ทรมานจากผลกระทบจากโรคมากขึ้นนะ
00:05:59 → 00:06:02 ครับแน่นอนนะครับทุกอย่างเนี่ยเราพยายาม
00:06:02 → 00:06:04 รักษาเพื่อทำให้เรากลับมาเป็นอสิให้ได้
00:06:04 → 00:06:07 ก่อนนั้นคือคือแนวคิดหลักแต่ว่าเมื่อถึง
00:06:07 → 00:06:10 จุดนึงที่ึเราคิดว่าเรักษาแล้วเนี่ยตัว
00:06:10 → 00:06:13 โรคมันไม่มีทางกลับมาดีขึ้นเราก็จะเน้น
00:06:13 → 00:06:16 ที่การทำยังไงให้เขามีอาการให้น้อยที่สุด
00:06:16 → 00:06:19 ก็เหมือนว่าเป้าหมายครับมันเปลี่ยนไปจาก
00:06:19 → 00:06:22 การที่พยามจะรักษาเพื่อให้อยู่ให้นานที่
00:06:22 → 00:06:25 สุดรักษาโรคให้กลับเป็นปกติกลายเป็นทำยัง
00:06:25 → 00:06:28 ไงเอยู่ให้สบายที่สุดซึ่งตรงเนี้มันก็จะ
00:06:28 → 00:06:31 เป็นการเ้นที่การรักษาคนมากกว่ารักษาโรค
00:06:32 → 00:06:33 เพราะเรารู้ว่าโรคเนี่ยเราอาจะรักษาไม่
00:06:33 → 00:06:37 ได้ครับอืครับพูดถึงรักษาคนมากกว่ารักษา
00:06:37 → 00:06:40 โรคนะคะคนแบบว่าบางคนอาจจะแบบอ้าทุกทีเรา
00:06:40 → 00:06:44 ก็รักษานี่นะอ๋อรักษาคนคือรักษาคนให้ดี
00:06:44 → 00:06:48 อยู่ให้สบายคนมันคนมันไม่ใช่เป็นแค่ผ
00:06:48 → 00:06:51 เลือดนะฮะคนนี่หมายถึงกายใจสังคมจิต
00:06:52 → 00:06:54 วิญญาณความเชื่อความคาดหวังอะไรอย่าง
00:06:54 → 00:06:56 เงี้ยครับเพราะฉะนั้นมันก็จะเราก็จะโฟกัส
00:06:56 → 00:06:59 ที่ว่าเมื่อเราเอาชนะโรกไม่ได้เนี่ยหน้า
00:06:59 → 00:07:01 ที่เราคือทำยังไงให้คุณภาพชีวิตของคนไข้
00:07:01 → 00:07:03 เ่อในเวลาที่เหลืออยู่เนี่ยดีที่สุดแล้ว
00:07:03 → 00:07:07 ก็เน้นที่การไม่ไปยื้อชีวิตว่าเอ่อเหมือน
00:07:07 → 00:07:09 กับว่าไม่ต้องอยู่ให้นานที่สุดแลถ้าการ
00:07:09 → 00:07:11 อยู่เนี่ยคุณภาพชีวิตไม่ดีเนี่ยเราพยายาม
00:07:11 → 00:07:14 ทำเวลาที่เหลืออยู่เนี่ยให้ดีที่สุดแล้ว
00:07:14 → 00:07:17 ทุกอย่างก็เป็นไปตามวิถีธรรมชาตินะครับอ
00:07:17 → 00:07:19 อาจารย์คะพูดพูดอย่างงี้ค่ะสำหรับคนที่
00:07:19 → 00:07:22 แบบเป็นชนป๋วยปี่แปกหรือลูกกตัญญูทั้ง
00:07:22 → 00:07:24 หลายเบอกโอ้โหฉันก็ทำใจไม่ได้เพราะส่วน
00:07:24 → 00:07:28 ใหญ่คนใช่ใช่มั้ยคะอาจารย์คนส่วนใหญ่เอก็
00:07:28 → 00:07:31 อันนี้ก็เป็นประเด็นนะครับผมคิดว่าอันนี้
00:07:31 → 00:07:33 ก็เป็นประเด็นซึ่งจริงๆอ่ะเราก็เป็น
00:07:33 → 00:07:36 ประเด็นของทางโดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเรา
00:07:36 → 00:07:39 เน้นว่าเอ่อเราก็มีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ให้
00:07:39 → 00:07:42 เต็มที่ใช่มยครับแล้วก็เราคงต้องพยายามทำ
00:07:42 → 00:07:44 ให้ท่านอยู่ให้นานับอยู่กับเราให้นานที่
00:07:44 → 00:07:48 สุดค่ะแต่ว่าอันเนี้ยมันมันต้องเน้นว่า
00:07:48 → 00:07:51 ทางการแพทย์เนี่ยการทำทุกอย่างหรือการให้
00:07:51 → 00:07:53 อยู่ให้นานที่สุดเนี่ยมันอาจจะไม่ได้เป็น
00:07:53 → 00:07:56 ผลดีกคนไข้เสมอไปใช่มั้ครับเราก็เห็นแล้ว
00:07:56 → 00:07:58 บางครั้งเนี่ยคนไข้บางคนอยู่อย่างไม่มี
00:07:58 → 00:08:01 คุณภาชีวิิแต่เราก็พยายามยื้อเอยู่กับเรา
00:08:01 → 00:08:04 ให้นานเพราะเราคิดว่าเราต้องทำทุกอย่าง
00:08:04 → 00:08:06 เอ่อเพื่อให้เขอยู่ให้นานที่สุดแต่จริงๆ
00:08:06 → 00:08:08 แล้วถ้าถามคนไข้เนี่ยก็อาจจะไม่ต้องการ
00:08:08 → 00:08:11 อย่างนั้นถามตัวเองก็ได้ก็ง่ายๆครับว่า
00:08:11 → 00:08:13 ถ้าถึงจุดนึงถ้าถึงจุดอย่างงั้นเนี่ยเรา
00:08:13 → 00:08:16 อยากให้ลูกทำกับเรายังไงมันจะทำให้เราตอ
00:08:16 → 00:08:19 ง่ายกว่าที่จะถามว่าเราต้องทำอะไรให้พ่อ
00:08:19 → 00:08:22 แม่เพราะว่าความรู้สึกของลูก่ะครับก็รู้
00:08:22 → 00:08:25 สึกว่าเ่อการทำทุกอย่างเนี่ยเป็นเป็นหน้า
00:08:25 → 00:08:28 ที่ของเราแต่ผมคิดว่าจริงๆอ่ะหน้าที่ของ
00:08:28 → 00:08:31 เราคือทำสิ่งซึ่งเราคิดว่าคนไข้ได้
00:08:31 → 00:08:33 ประโยชน์และคนไข้ต้องการเนี่ยจะมีความ
00:08:33 → 00:08:35 สำคัญมากกว่าก็ต้องเรียนว่าผมต้องเรียน
00:08:35 → 00:08:38 ว่าแนวคิดที่สำคัญที่สุดนะครับต้องเน้น
00:08:38 → 00:08:41 ว่าการรักษาแต่ประคับประคองเนี่ยไม่ได้
00:08:41 → 00:08:43 เป็นการหยุดการรักษานะครับค่ะเราไม่เคย
00:08:43 → 00:08:46 หยุดการรักษาเลยเพียแต่ว่าการรักษาเนี่ย
00:08:46 → 00:08:48 มันเปลี่ยนไปเป็นเป้าหมายซึ่งมันเหมาะสม
00:08:48 → 00:08:51 เป้าหมายที่ึสมเหตุผลคือเป้าหมายอาจจะไม่
00:08:51 → 00:08:53 ได้เน้นที่การให้อยู่ให้นานที่สุดละแต่
00:08:53 → 00:08:56 เป็นเน้นที่การให้มีกายจิตวิญญาณให้ดีที่
00:08:56 → 00:08:59 สุดในเวลาที่เหลืออยู่จะเห็นว่าเราเราเรา
00:08:59 → 00:09:03 ไม่เคยเราไม่เคยบอกว่ามันมันหมดทางรักษา
00:09:03 → 00:09:05 หรือว่าหยุดการรักษาเพงหรือว่าเราเปลี่ยน
00:09:05 → 00:09:08 เป้าหมายไปให้เหมาะสมกับบริบทในขณะนั้นนะ
00:09:08 → 00:09:12 ครับอืค่ะครับอืประคับประคองกำลังอาจารย์
00:09:13 → 00:09:15 ขยขยายความพอดีผมกำลังจะถามว่าประคับ
00:09:15 → 00:09:18 ประคองมันมีประคับประคองในด้านไหนกายใจ
00:09:18 → 00:09:23 เอ่อความรู้สึกหรือว่าโอ้โหมันก็คือต้อง
00:09:23 → 00:09:25 เรียนเลยว่าอันนี้เป็นคำถามซึ่งดีมากเลย
00:09:25 → 00:09:28 ครับว่าประคับประคองเนี่ยจะรู้ได้ยังไง
00:09:28 → 00:09:31 อันนี้เราต้องต้องบอกว่าเป็นเป็นสิ่งึ่ง
00:09:31 → 00:09:33 ถ้าเราถามคนไข้ได้จะดีที่สุดคืออะไรก็ตาม
00:09:33 → 00:09:36 เราก็จะเน้นแน่นอนนะครับพื้นฐานสำคัญ
00:09:36 → 00:09:40 เนี่ยกายต้องสบายพอสมควรก่อนเช่นไม่มี
00:09:40 → 00:09:43 ความเจ็บปวดที่มากเกินไปคือคือถึงจุดนึง
00:09:43 → 00:09:45 ที่โรคเป็นเยอะๆครับจะให้ไม่ให้เจ็บปวด
00:09:46 → 00:09:49 เลยมันคงเป็นไปไม่ได้แต่ทำยังไงเสามารถจะ
00:09:49 → 00:09:52 มีความเจ็บปวดซึ่งเราให้ยาบรรเทาให้ดีนะ
00:09:52 → 00:09:55 ครับเไม่มีอาการหอบเหนื่อยมากเกินไปนะ
00:09:55 → 00:10:00 ครับหรือว่าเอสามารถจะพอมีกิจกรรมได้ได้
00:10:00 → 00:10:03 แล้วก็พอเรื่องกายเนี่ยมันดีขึ้นระดับนึง
00:10:03 → 00:10:06 แล้วก็เรื่องใจว่าเมีอะไรซึ่งไม่สบายใจมี
00:10:06 → 00:10:10 อะไรค้างคาในใจเ่อเขาต้องการยังไงเมีความ
00:10:10 → 00:10:12 เชื่อยังไงมันก็จะเริ่มขึ้นไปถึงเรื่อง
00:10:12 → 00:10:15 จิตวิญญาณและบางคนก็อาจจะต้องการเอ่อไป
00:10:15 → 00:10:18 สู่ภพภูมิที่ดีเราจะวางแผนตรงนี้ยังไงนะ
00:10:18 → 00:10:21 ครับแล้วก็เอ่อเขาเคยมีปัญหาขัดแย้งกับ
00:10:21 → 00:10:25 ใครเอยากจะให้มันมีการเ่อมีมาเจอใครตอน
00:10:25 → 00:10:28 นี้ผมก็มีคนใขบางคนซึ่งชีวิตก็ไม่เคยกอด
00:10:28 → 00:10:31 ลูกไม่เคยบอกว่ารักลูกแล้วก็ได้มากรอบลูก
00:10:31 → 00:10:35 ครับแล้วก็ครอบครัวก็ได้มามาได้มีการ
00:10:35 → 00:10:38 พัฒนาหรือว่ามีการเติบโตไปด้วยกันในช่วง
00:10:38 → 00:10:41 ซึคนไข้ป่วยแล้วเป็นระยะสุดท้ายอครับอื
00:10:41 → 00:10:43 นั้นผมคิดว่าตนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะว่า
00:10:43 → 00:10:46 ถ้าเราไปโฟกัสเฉพาะการรักษาโรคจะเอาแต่
00:10:46 → 00:10:49 รักษามะเร็งเปลี่ยนยาไปเรื่อยๆพยายามไปหา
00:10:49 → 00:10:52 ยาเพื่อสร้างความหวังใหม่ๆแต่ไม่ได้ไป
00:10:52 → 00:10:55 เน้นเรื่องจิตวิญญาหรือคุณภาพชีวิตเลยบาง
00:10:55 → 00:10:58 ครั้งเราก็จะเสียโอกาสที่ที่ทำทำส่วนนี้
00:10:58 → 00:11:02 ไปครับออืมค่ะอาจารย์คะอยากให้อาจารย์ยก
00:11:02 → 00:11:04 ตัวอย่างสักหน่อยนึงอ่ะค่ะว่าเวลาแบบมัน
00:11:05 → 00:11:08 เคยมีมยคะแบบว่าที่แบบยื้อทรมานแล้วเคุณ
00:11:08 → 00:11:11 หมอเองต้องคุยกับญาติยังไงญาติยังไงถึงจะ
00:11:11 → 00:11:13 ปล่อยอะไรอย่างเงี้ยค่ะรวมถึงตัวคนไข้เอง
00:11:13 → 00:11:16 เรู้สึกยังไงเพราะว่าอาจารย์น่าจะตอบคำ
00:11:16 → 00:11:18 ถามได้ดีอย่างยกกับโอ๊กประสบการณ์อาจจะ
00:11:18 → 00:11:19 ยัง
00:11:19 → 00:11:23 น้อยครับคือผมว่าเรื่องเนี้ยครับยิ่งเรา
00:11:23 → 00:11:27 วางแผนไว้ด้วยกันเอ่อมันจะช่วยให้เรื่อง
00:11:27 → 00:11:30 พวกนี้มันคุยกันง่ายขึ้นเป็นที่มาว่าถ้า
00:11:30 → 00:11:33 เราพอจะมีการคุยกันได้เลยว่าแนวคิดของคน
00:11:33 → 00:11:36 ไข้หรือคนป่วยกับญาติเนี่ยคนไข้เขต้องการ
00:11:36 → 00:11:39 ยังไงผมคิดว่าเราก็อาจจะเคยได้ยินนะว่า
00:11:39 → 00:11:42 เวลาเราไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลบางที
00:11:42 → 00:11:46 ยาตใหบอกว่าอุ้ยเนี่ยขเจาะคอคุณลุงอ่ะถ้า
00:11:46 → 00:11:48 เป็นพ่อถ้าเป็นแม่อย่าทำกับแม่อย่างงนี้
00:11:48 → 00:11:51 นะให้แม่ไปสบายๆให้แม่ได้อยู่ที่บ้านอะไร
00:11:51 → 00:11:53 อย่าเงี้อย่าไปอย่าเอาแม่ไปทรมานอย่างง
00:11:53 → 00:11:56 นี้ผมคิดว่ามีคนเนี่ยเคยเคยกล่าวอันนี้
00:11:56 → 00:11:58 แล้วก็ต้องเคยมีคนที่มีญาติผู้ใหญ่พูด
00:11:58 → 00:12:01 อย่างอย่างนี้อันนี้เป็นสิ่งสำคัญว่ามัน
00:12:01 → 00:12:04 เป็นการแสดงเจตจำนงว่าบางครั้งเถึงจุด
00:12:04 → 00:12:06 นั้นเนี่ยคนไข้เองอาจจะไม่มีโอกาสตัดสิน
00:12:06 → 00:12:09 ใจใช่มั้ครับเพฉนั้นการที่เราได้คุยในแนว
00:12:09 → 00:12:12 คิดกันไว้ก่อนนะว่าเฮ้ยเราไม่ต้องการไอ้้
00:12:12 → 00:12:14 อะไรที่มันเป็นการยื้อชีวิตเมื่อไหร่ก็
00:12:14 → 00:12:17 ตามซึ่งเราก็มีคุณภาพชีวิตเนี่ยก็ไม่ต้อง
00:12:17 → 00:12:19 ยื้อมากแต่ก็ไม่ได้เร่งให้ต้องเน้นนะครับ
00:12:19 → 00:12:21 ว่าเ่อการประคับประคองนี้ไม่ใช่การเร่ง
00:12:22 → 00:12:25 ให้เสียชีวิตเร็วขึ้นเช่นียาให้ตายแต่ไม่
00:12:25 → 00:12:27 ไม่ใช่คอนเซปนั้นเพียงแต่ว่าเรารู้ว่า
00:12:27 → 00:12:30 เมื่อชีวิตอยู่ต่อไม่ไหวเนี่ยการจะไปยื้อ
00:12:30 → 00:12:34 ชีวิตเช่นให้เครื่องไปประคองชีวิตไปใส่
00:12:34 → 00:12:37 เครื่องช่วยหายใจโดยที่ไม่มีความหวังที่
00:12:37 → 00:12:39 จะกลับมาดีหรือว่ามีคุณภาพที่ดีอย่างที่
00:12:39 → 00:12:43 คนไข้ต้องการได้เนี่ยบางครั้งเราก็อาจจะ
00:12:43 → 00:12:45 ไม่ต้องไปทำสิ่งเหล่านั้นแต่ว่าเน้นการ
00:12:45 → 00:12:48 ประคับประคองให้ยางั้นผมคิดว่าเรื่องนี้
00:12:48 → 00:12:50 เป็นเรื่องที่เราต้องต้องคุยกับญ่าให้ดี
00:12:50 → 00:12:52 ว่าเอ่อประเด็นของเราเนี่ยการทำทุกอย่าง
00:12:52 → 00:12:56 เนี่ยมันอจะได้สิ่งที่ดีเสมอไปคต้องตั้ง
00:12:56 → 00:12:59 เป้าหมายก่อนนะครับว่าเอ่อในช่วงเนี้ยการ
00:12:59 → 00:13:02 รักษาเรามีความหวังยังไง้าที่มีความหวัง
00:13:02 → 00:13:05 ว่าโอเคเราลองดูก่อนให้โอกาสเเต็มที่แต่
00:13:05 → 00:13:07 ถ้ามันไม่เป็นตั้งใจไว้เราจะว่าโอเคการ
00:13:07 → 00:13:10 ศึษาเดูเหมือนว่าทำให้ทุกข์ทรมานมากขึ้น
00:13:10 → 00:13:12 เราจะเน้นเรื่องการประคับประคองเต็มที่
00:13:12 → 00:13:15 แล้วก็คุยกับญาตินั้นการคุยกันการสื่อสาร
00:13:15 → 00:13:18 กันแลยิ่งถ้าเกิดคนไข้เคยแสดงเกียตจำนง
00:13:18 → 00:13:20 ไว้แล้วว่าอย่างเเไม่ต้องการมันช่วยให้
00:13:20 → 00:13:23 การตัดสินใจเนี่ยมันเป็นทีมแล้วก็หวังว่า
00:13:23 → 00:13:26 เราจะเลือกสิ่งซึ่งซึ่งดีที่สุดกับคนไข้
00:13:26 → 00:13:29 ผมต้องเน้นนะว่าคำว่าดีที่สุดไม่ทำทุกท
00:13:29 → 00:13:32 อย่างดีที่สุดไม่ใช่อยู่นานที่สุดดีที่
00:13:32 → 00:13:34 สุดคือสิ่งที่ต้องใครต้องการแล้วก็ทำให้
00:13:34 → 00:13:37 เค้ามีคุณภาพที่ดีที่สุดนะครับอืค่ะทีนี้
00:13:37 → 00:13:40 แต่คนส่วนใหญ่ค่ะอาจารย์ไม่ค่อยแบบคือคน
00:13:40 → 00:13:43 ทุกคนก็จะบอกว่าอย่าเพิ่งสิ้นหวังอย่า
00:13:43 → 00:13:46 เพิ่งหมดหวังถ้ามีโอกาสสักกี่เปอร์เซ็นต์
00:13:46 → 00:13:49 บางครั้งบอก 1% เผื่อมีปาฏิหาริย์เราควร
00:13:49 → 00:13:53 เชื่อ 1% อันนั้นมั้ยหรือเราควรเชื่อเจ
00:13:53 → 00:13:55 จำนงของคนไข้ไปก่อนเพราะว่าบางคนบอกอาใส่
00:13:55 → 00:13:59 ทิ้วแล้วอเดี๋ยวเผื่อเขากลับมาได้อจคออืเ
00:13:59 → 00:14:01 กลับมาได้มันทุกคนจะชอบคิดอย่างเงี้ค่ะ
00:14:01 → 00:14:04 มันมีโอกาสกลับมาได้มคะอาจารย์ผมคิดว่า
00:14:04 → 00:14:07 ทุกทุครั้งมันมีโอกาสนะครับเพียงแต่ว่า
00:14:07 → 00:14:09 เอ่อคือคือเราก็ต้องคุยกันให้ดีว่าเอ่อ
00:14:10 → 00:14:13 สิ่งที่หมอคาดหวังไว้มันเป็นยังไงแต่แน่
00:14:13 → 00:14:16 นอนนะครับคือในหลายๆกรณีซึ่งแพทย์จะรู้
00:14:16 → 00:14:18 ว่าอย่างเงี้ยใส่ไปแล้วเนี่ยโอกาสจะถอด
00:14:18 → 00:14:20 เนี่ยมันเรียกว่าใกล้ศูนยอย่างเงี้เราอาจ
00:14:20 → 00:14:23 จะคุยกันให้ชัดเจนไปเลยว่าเรายังคิดว่า
00:14:23 → 00:14:25 อย่างเงี้ยไม่ควรจะต้องไปยื้อชีวิตไว้
00:14:25 → 00:14:28 เพราะว่าบางจะทางเข้าไปสู่วงจรซึ่งคงจะ
00:14:28 → 00:14:31 ไม่ได้กลับออกจาก ICU อีกแต่แน่นอนนะครับ
00:14:31 → 00:14:34 ถ้าคนไข้หรือว่าญายไม่ค่อยมั่นใจบางครั้ง
00:14:34 → 00:14:37 เราก็มีวิธีการเหมือนกันคืออลองใส่ดูแล้ว
00:14:37 → 00:14:39 เราให้เวลาว่าสัก 3-4 วันถ้าไม่ดีขึ้น
00:14:39 → 00:14:41 เนี่ยบางครั้งเราก็จะคุยว่าเ้าทั้การ
00:14:42 → 00:14:43 รักษาไหนมันไม่ได้ประโยชน์แล้วก็ไม่ต้อง
00:14:43 → 00:14:46 ไปให้ต่อนะครับก็จะเป็นแนวคิดซึ่งแพทย์ก็
00:14:46 → 00:14:48 จะคุยว่าโอเคอาจจะลองดูก่อนในช่วงเวลา
00:14:48 → 00:14:51 สั้นๆแต่ว่าช่วงที่ให้ก็ต้องให้ย้ายเไม่
00:14:51 → 00:14:54 ทุกทรมานนะครับเสร็จแล้วถ้ามันดีขึ้นก็
00:14:54 → 00:14:56 โอเคถือว่าเป็นโชคดีตัดสินใจถูกแล้วก็
00:14:56 → 00:14:58 ค่อยๆเอาเครื่องช่วยออกแต่ถ้าเกิดสมมติ
00:14:58 → 00:15:00 ว่าไม่ดีขึ้นเราบอก้ถ้าอย่างงั้นถ้า
00:15:00 → 00:15:02 เครื่องไม่ได้ประโยชน์เนี่ยการรักษาซึ่ง
00:15:02 → 00:15:03 ไม่ได้ประโยชน์เนี่ยมันก็ไม่ใช่หน้าที่
00:15:04 → 00:15:06 ที่แพทย์หรือว่าลูกหลานจะไปให้คนไข้ต่อ
00:15:06 → 00:15:08 เราก็าจะใช้วิธีการหยุดการรักษานั้นแล้ว
00:15:08 → 00:15:11 ก็ประคับประคองเต็มที่สิ่งเหล่าเการสื่อ
00:15:11 → 00:15:14 สารกันในช่วงระยะเวลานี้เนี่ยมันมีความ
00:15:14 → 00:15:18 สำคัญผมต้องเน้นนะครับว่าเวลาที่คนไข้มี
00:15:18 → 00:15:21 ภาวะซึ่งคๆว่าโรคเป็นเยอะการตัดสินใจ
00:15:21 → 00:15:23 เนี่ยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแพทย์อย่าง
00:15:23 → 00:15:25 เดียวะมันขึ้นอยู่กับว่าทางครอบครัวและ
00:15:25 → 00:15:28 ญาติเนี่ยมีความประสงค์ยังไงตอนนั้นอืถ้า
00:15:28 → 00:15:31 เป็นยะเช่นการติดเชื้อรุนแรงเงี้ยผมรู้
00:15:31 → 00:15:32 ว่าต้องให้ยาฆ่าเชื้ออะไรมันไม่ต้องคุย
00:15:32 → 00:15:34 มากแล้วเขก็จะบอกว่ามันตอนนี้การรักษาให้
00:15:34 → 00:15:36 ดีที่สุดเป็นอย่างนี้เพื่อให้เรอดชีวิตไป
00:15:36 → 00:15:39 ได้อะไรเงี้ยแต่ถถ้าเป็นช่วงระยะที่โรค
00:15:39 → 00:15:41 เป็นเยอะเราประคับประคองเนี่ยจริงๆแล้ว
00:15:41 → 00:15:44 การพูดคุยกันแล้วก็ตกลงร่วมกันมีความ
00:15:44 → 00:15:48 สำคัญมากอืค่ะแต่ไอตกลงร่วมกันเนี่ยค่ะ
00:15:48 → 00:15:50 บางครั้งก็อาจจะมีมวยในระหว่างญาติเพราะ
00:15:50 → 00:15:53 บางคนก็สมมุติถ้าลูกเยอะอ่ะค่ะอาจารย์มคะ
00:15:53 → 00:15:56 บบางคนก็บอกว่าเอาล่ะอยากให้แม่อยู่อย่าง
00:15:56 → 00:16:00 งี้เต็มที่สิแล้วสังเกตเห็นคนว่าทุ่มสุด
00:16:00 → 00:16:04 เนื้อสุดตัวเพื่อคนที่เรารักคือจะมีบ้าน
00:16:04 → 00:16:07 ก็แทบไปจำนองคืออันนี้แบบเคยเห็นจริงๆว่า
00:16:07 → 00:16:09 เป็นแบบนั้นแต่ว่าแล้วท้ายสุดอ่ะค่ะมัน
00:16:09 → 00:16:12 ควรถึงขั้นนั้นไหมว่าการรักษาที่ดีที่สุด
00:16:12 → 00:16:15 คือเราเลือกสิ่งที่แพงที่สุดยาที่ดีที่
00:16:15 → 00:16:18 สุดเอาจัดหนักจัดเต็มจะให้ยากระตุ้นความ
00:16:18 → 00:16:22 ดันกี่หนปั๊มหัวใจกี่รอบใส่ท่อนานแค่ไหน
00:16:22 → 00:16:25 ก็ได้มันควรถึงขนาดนั้นไคะคือผมอย่าที่
00:16:25 → 00:16:28 ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายครับคือการย
00:16:28 → 00:16:31 ชีวิตเนี่ยมันทำได้อยู่ะแต่คำถามคือยื้อ
00:16:31 → 00:16:33 ไปแล้วเนี่ยจะมีโอกาสกลับมามีชีวิตที่มี
00:16:33 → 00:16:35 คุณภาพหรือไม่เป็นคำถามที่สำคัญกว่านะ
00:16:35 → 00:16:38 ครับถทำไปแล้วว่าโอเคเยังมีโอกาสสู้เผม
00:16:38 → 00:16:40 คิดว่าเราควรจะต้องสู้แล้วจริงๆแล้วโดย
00:16:40 → 00:16:42 พื้นฐานเนี่ยแพทย์เองก็ควรจะให้โอกาสถ้า
00:16:42 → 00:16:45 มันถ้าคนไข้มีโอกาสที่จะกลับมาได้แล้วใน
00:16:45 → 00:16:48 ระบบการสาสุขของเราเองเราเองก็มีระบบซึ่ง
00:16:48 → 00:16:52 ช่วยดูคนไข้ไม่ให้ต้องมาล่มจมเพราะการ
00:16:52 → 00:16:55 รักษาที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วแต่ที่ที่เรา
00:16:55 → 00:16:58 เจอก็จะเป็นแบบว่าเอ่อจุดประสงเนี่ยของเ
00:16:58 → 00:17:01 คือเคิดว่าการษาให้ดีที่สุดคือการทำให้
00:17:01 → 00:17:04 อยู่ให้นานที่สุดอันนั้นคือจุดประสงค์ที่
00:17:04 → 00:17:06 ถ้าเป็นจุดประสงค์นี้ก็แสดงว่าเรามีเป้า
00:17:06 → 00:17:08 หมายซึ่งอาจจะไม่ค่อยตรงกันแลเราก็ต้อง
00:17:08 → 00:17:11 คุยครับว่าเป็นสิ่งซึ่งคิดว่าทางผู้ป่วย
00:17:11 → 00:17:13 ต้องการจริงหรือเปล่าผมคิดว่าอันนี้มัน
00:17:13 → 00:17:16 ได้มีความสำคัญว่าถ้าผู้ป่วยเขได้แสดงเ
00:17:16 → 00:17:20 จำนงไว้หรือพูดคุยไว้นะครับก็อาจจะเป็น
00:17:20 → 00:17:23 สิ่งซึ่งช่วยเป็นวิธีการที่จะช่วยชี้แนะ
00:17:23 → 00:17:27 ของญาติๆให้ได้ก็เลยมีเป็นที่มาของคำว่า
00:17:27 → 00:17:30 เอ่อหนังสือแสดงงหรือเราเรียกว่าพินัยกร
00:17:30 → 00:17:34 ชีวิตไม่บเคยได้ยินใชมที่เราเรียก
00:17:34 → 00:17:36 ว่าอ่าค่ะเคยได้ยินค่ะแต่จริงๆมันก็ไม่
00:17:36 → 00:17:38 ใช่พินัยกรรมนะครับเพราะว่าพินัยกรรม
00:17:38 → 00:17:41 เนี่ยมันจะมีผลเมื่อเราเสียชีวิตแล้วแต่
00:17:42 → 00:17:44 ว่า Living will เนี่ยมันเป็นสิ่งซึ่ง
00:17:44 → 00:17:47 เกิดขึ้นในช่วงระยะท้ายของชีวิตที่จะบอก
00:17:47 → 00:17:51 ให้คนที่ดูแลเนี่ยมีแนวทางว่าจะดูแลเรา
00:17:51 → 00:17:57 อย่างไรครับอือืครับเอ่อแสดงว่าจริงๆแล้ว
00:17:57 → 00:18:00 การรักษาแบบประคับประคองเเองเนี่ยเอ่อคน
00:18:00 → 00:18:04 อาจจะต้องเข้าใจอีกมุมนึงก็คือไม่ได้ไม่
00:18:04 → 00:18:07 ได้เปลี่ยนไม่ได้ไม่ได้ทิ้งการรักษาแต่ก็
00:18:07 → 00:18:10 คืออยู่ในการดูแลของแพทย์เหมือนเดิมแหละ
00:18:10 → 00:18:13 แต่เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบให้คนไข้เอง
00:18:13 → 00:18:16 เนี่ยหรือว่าคนที่ป่วยเองเนี่ยเอ่อมีความ
00:18:16 → 00:18:19 นึกถึงความสบายใจของเขามากกว่าที่จะเ่อ
00:18:19 → 00:18:22 ใช้วิธีการรักษาที่แบบมันหนักๆหลังจาก
00:18:23 → 00:18:25 นั้นใช่มั้ฮะคุณหมอจริงๆมันเกิดมันเกิด
00:18:25 → 00:18:28 คู่กันได้นะครับผมเรียนว่าิดแกเนี่ยไม่
00:18:28 → 00:18:32 ได้มีเสษการรักษาที่จะเอ่อช่วยรักษาโรค
00:18:32 → 00:18:35 เพียงแต่ว่าเมื่อถึงจุดนึงนะฮะเมื่อถึง
00:18:35 → 00:18:37 จุดนึงที่เรารู้การรักษาอะไรซึ่งไม่ได้
00:18:37 → 00:18:39 ประโยชน์แล้วเนี่ยเราก็จะหยุดตรงนั้นแล้ว
00:18:40 → 00:18:42 ก็ให้การรักษาแบบคับปกครองเนี่ยทำหน้าที่
00:18:42 → 00:18:45 มันให้ดีที่สุดแต่เราไม่เคยปฏิเสธบอกว่า
00:18:45 → 00:18:47 เฮ้ยประคับประครก็ต้องหยุดทุกอย่างไม่ใช่
00:18:47 → 00:18:49 อย่างงั้นเลยนะครับจริงๆมันเกิดคู่ขนาน
00:18:49 → 00:18:52 กันได้ผมคิดว่าที่สำคัญคือมันมีการตั้ง
00:18:52 → 00:18:54 เป้าหมายร่วมกันนะครับว่าขณะเนี้ยการรัก
00:18:54 → 00:18:56 ศึษาเนี่ยเรามีเป้าหมายอย่างไรแล้วก็
00:18:56 → 00:18:59 อย่างที่งเรียนว่ามันไม่ได้เริ่มว่าเฮ้ย
00:18:59 → 00:19:00 ต้องหยุดทุกอย่างแล้วไปเริ่มประคับประคอง
00:19:01 → 00:19:02 ไม่ใช่อย่างงั้นคนก็จะมีความรสึกว่าเอ้ย
00:19:02 → 00:19:04 จะหยุดการรักษาเหรอเราไม่ได้หยุดนะครับ
00:19:04 → 00:19:07 เพียงแต่ว่าเป้าหมายมันค่อยๆเริ่มเปลี่ยน
00:19:07 → 00:19:11 ไปนะครับแล้วก็มันก็เออาศัยที่เราทำทุก
00:19:11 → 00:19:14 อย่างเนี่ยก็คืออย่างที่ผมเรียนว่าเน้น
00:19:14 → 00:19:16 ที่สิ่งซึ่งคนไข้ได้ประโยชน์นะครับแล้วก็
00:19:17 → 00:19:19 เป็นสิ่งคนไข้คต้องการอะไรอย่าเงี้ยนะ
00:19:19 → 00:19:21 ครับงั้นการทำ Living View เนี่ยมันเป็น
00:19:21 → 00:19:24 การจริงๆแล้วมันมีเหมือนเป็นกุสโลบายให้
00:19:24 → 00:19:27 ทางครอบครัวเนี่ยได้มีการคุยกันเวลาที่ทำ
00:19:27 → 00:19:29 Living Wheel ครับผมไม่ต้องการให้เแค่
00:19:29 → 00:19:33 มาทำกับผมอ่ะนะครับเรทางญาติเนี่ยกรรมกร
00:19:33 → 00:19:36 ที่จะเข้าโรงพยาบาลใช่มั้ยคะคุยกันเลยว่า
00:19:36 → 00:19:38 เนี่ยพ่อแม่เฮ้ยเนี่ยเราคุยกันคือคนไทยใน
00:19:38 → 00:19:40 ประเด็นคือเราคุยเรื่องความตายกันน้อยมาก
00:19:40 → 00:19:43 เลยนะครับแต่จริงๆแล้วเนี่ยมันน่าจะมีจุด
00:19:43 → 00:19:45 บางจุดซึ่งเราคุยกันเอ้ยต้องการยังไงอะไร
00:19:45 → 00:19:48 ก็บอกแล้วที่สำคัญคือใน Living Wheel นะ
00:19:48 → 00:19:50 ครับเมื่อเราทำแล้วเนี่ยเราก็แจ้งญาติ
00:19:50 → 00:19:52 แจ้งแพทย์ว่ามี Living Wheel อยู่นะแล้ว
00:19:52 → 00:19:54 เราสามารถจะบอกได้นะครับว่าคือ Living
00:19:54 → 00:19:56 Wheel เนี่ยมันจะมีประโยชน์ตอนเดียวคือ
00:19:56 → 00:19:59 ตอนที่เราตัดสินใจไม่ได้อเพว่าตอนพูดไม่
00:19:59 → 00:20:03 ได้แล้วจะยังไงตอนนั้นเนี่ยยก็ต้องเอา
00:20:03 → 00:20:05 เป็นเป็นหลักแต่ว่าถ้าเราไม่มั่นใจนะครับ
00:20:05 → 00:20:07 มันมีวิธีการที่ว่าใน Living Wheel จะ
00:20:07 → 00:20:09 เขียนไว้้เลยว่าถ้าเขาตัดสินใจไม่ได้
00:20:09 → 00:20:12 เนี่ยเราจะเลือกญาติคนไหนให้ตัดสินใจแทน
00:20:12 → 00:20:15 เราเราก็ต้องเลือกคนซึ่งรู้จักเราดีพอดู
00:20:16 → 00:20:18 แลเรามานานไม่ใช่ว่าอยู่ไกลๆแล้วก็ไม่
00:20:18 → 00:20:20 เข้าใจสถานการณ์ก็จะมาตัดสินใจด้วยอารมณ์
00:20:20 → 00:20:23 อย่างเงี้ยก็จะทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน
00:20:23 → 00:20:26 อะไรอย่างเงี้ครับอ๋อก็คือว่าแม้ว่าเป็น
00:20:26 → 00:20:29 ญาติสายตรงแต่ว่าให้คนที่ใกล้คิดดูแล
00:20:29 → 00:20:32 เพื่อให้ตรงงใจเรามากที่สุดใช่มั้ยคะใช่
00:20:32 → 00:20:34 ครับคือต้องเรียนว่าการตัดสินใจของญาติ
00:20:34 → 00:20:37 เนี่ยมันมันไม่ใช่เหมือนกับการเอ่อรับ
00:20:37 → 00:20:40 มรดกหรือว่าที่จะต้องมีเบอร์ 1 2 3 ทุก
00:20:40 → 00:20:42 คนเนี่ยมีสิทธิ์ออกความเห็นได้เหมือนกัน
00:20:42 → 00:20:45 หมดเราเองไม่เคยฟังคนใดคนหนึ่งยกเว้นว่า
00:20:45 → 00:20:48 คนนั้นเป็นคนซึ่งผู้ป่วยได้สั่งไว้หรือ
00:20:48 → 00:20:51 ว่าทำมอบหมายว่าให้ตัดสินใจแทนเคอย่าง
00:20:51 → 00:20:54 เงี้ยคนๆนั้นก็จะมีจะมีเอ่อโอกาสซึ่งจะ
00:20:55 → 00:20:57 ตัดสินใจแล้วก็เป็นคนซึ่งอาจจะเราจะฟัง
00:20:57 → 00:20:59 มากแต่สุดท้ายครับครับเรื่องพวกนี้เราก็
00:20:59 → 00:21:01 ไม่เคยหักหานะครับทางการแพทย์เองก็มักจะ
00:21:01 → 00:21:04 ต้องรับฟังทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าทุก
00:21:04 → 00:21:06 คนเนี่ยเข้าใจสถานการณ์แล้วก็ไม่เกิดความ
00:21:06 → 00:21:09 ขัดแย้งกันในช่วงที่เป็นเวลาที่ผมว่ามัน
00:21:09 → 00:21:12 มีค่าครับช่วงนั้นค่ะอาจารย์คะรบอาจารย์
00:21:12 → 00:21:15 คะน้องโอ๊กคุณผู้ฟังรบกวนสอบถามแบบนี้ค่ะ
00:21:15 → 00:21:17 อาจารย์เนี่ยค่ะเขาถามมาเลยค่ะว่าเอกสาร
00:21:17 → 00:21:19 เรื่องของ Living Wheel เนี่ยค่ะควรเอา
00:21:19 → 00:21:21 ไปตั้ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลเลยมยคะกรณี
00:21:21 → 00:21:23 สมมุติว่าถ้าคนไข้มาคนเดียวอะไรอย่าง
00:21:23 → 00:21:26 เงี้ยค่ะหรือว่าให้มาให้ตอนยังมีสติอยู่
00:21:26 → 00:21:29 อะไรอย่างเงี้ยค่ะกับคุณหมอหถึงว่าให้คน
00:21:29 → 00:21:32 ไข้ทำเหรอครับหมายถึงว่าถ้าทำแล้วค่ะควร
00:21:32 → 00:21:34 ยื่นไปตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลใช่ครับคุจะ
00:21:34 → 00:21:36 ต้องติดตัวไว้เลยแล้วก็จริงๆเนี่ย
00:21:36 → 00:21:38 ปัจจุบันนี้มาตรฐานเนี่ยก็ควรจะต้องมีการ
00:21:39 → 00:21:41 ถามทุกครั้งที่คนไข้เโรงพยาบาลเคเคยทำ
00:21:41 → 00:21:43 รวิวไวหรือไม่จริงๆเราแนะนำว่าที่โรง
00:21:43 → 00:21:46 พยาบาลเองเที่เขาดูประจำเนี่ยคจะมีกอปี้
00:21:46 → 00:21:48 ไว้เลยหรือว่าคุณหมอที่เป็นคุณหมอเจ้าของ
00:21:48 → 00:21:50 ไดูประจำก็ควรจะต้องเข้าใจบริบทอันนี้
00:21:50 → 00:21:53 ครับอแล้วก็แล้วก็จริงๆแล้วมีติดตัวไว้
00:21:53 → 00:21:55 จริงๆเราไม่ได้บอกว่าจะต้องใช้เสมอไปนะ
00:21:55 → 00:21:57 ครับเพราะว่าเรองวิวมันจะมีมันจะมันจะใช้
00:21:57 → 00:21:59 กัน 2 เรื่องนั่นเองคือตอนที่คนไข้สสินใจ
00:22:00 → 00:22:02 ไม่ได้อืมหรือว่าเขหมดสติหรอันที่มันก็
00:22:02 → 00:22:04 ต้องอันที่ 2 คือต้องเป็นช่วงซึ่งเป็น
00:22:04 → 00:22:06 ระยะสุดท้ายของชีวิตจริงๆเช่นเรารู้ว่า
00:22:06 → 00:22:08 ตอนนี้สถานการณ์เนี้ยยังไงก็ตามเคงมี
00:22:08 → 00:22:11 โอกาสเสียชีวิตสูงมากงั้นอย่างเงี้ยมันก็
00:22:11 → 00:22:13 จะบอกเลยว่าอ่ะไม่ต้องไปปั๊มหัวใจนะก็
00:22:13 → 00:22:15 อยากจะให้ไปตามวิถีธรรมชาติดูแลเค้าให้ดี
00:22:15 → 00:22:18 ที่สุดหรือถ้ามีปัญหาให้ถามญาติคนนี้นะคน
00:22:18 → 00:22:20 เเป็นคนที่รู้ใจเอะไรอย่างเงี้ยครับอ่า
00:22:21 → 00:22:23 ค่ะนี่สอบถามในคุณผู้ฟังทางบ้านถามมาแบบ
00:22:23 → 00:22:26 นี้เลยค่ะครอบครัวใหญ่มากคนก็มากความความ
00:22:26 → 00:22:29 เห็นต้องคือว่าให้คนนั้นเขียนไปเลยใช่ไหม
00:22:29 → 00:22:32 คะในใน Living Wheel ว่าให้ฟังคนนี้เป็น
00:22:32 → 00:22:34 หลักนะเขียนไปเลยอย่างงั้นเลยมคะเขียนได้
00:22:34 → 00:22:36 เลยครับอันนั้นจะดีที่สุดเลยครับเพราะว่า
00:22:36 → 00:22:39 แต่อย่างที่เรียนนะครับต่อให้เรามอบหมาย
00:22:39 → 00:22:41 ไทยให้เป็นคนทำเนี่ยส่วนใหญ่แพทย์เองก็
00:22:41 → 00:22:45 โอเคจะรับฟังความเห็นจากคนที่เถูกมอบหมาย
00:22:45 → 00:22:47 ให้แต่ว่าเราเองก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะรับ
00:22:47 → 00:22:50 ฟังญาคนอื่นนะครับแต่ผมคิดว่าสิ่งที่เรา
00:22:50 → 00:22:52 ต้องต้องให้ชัดเจนคือว่าสิ่งที่เราให้
00:22:52 → 00:22:55 ญาติตัดสินใจเนี่ยเราทำเพราะว่าเราคิดว่า
00:22:55 → 00:22:59 ญาติน่ะรู้ใจผู้ป่วยอืให้ตัดสินใจในหมวก
00:22:59 → 00:23:02 ของญาตินะครับบอกว่าคุณเป็นคุณต้องถามตัว
00:23:02 → 00:23:05 เองถามตอนแรกว่าถ้าเราเป็นคนไข้อ่ะเรา
00:23:05 → 00:23:08 ต้องการให้ญาติทำอะไรให้เราออันนั้นคือ
00:23:08 → 00:23:11 สำคัญแต่ว่าเราเองักจะค่อนข้างจะด้วยด้วย
00:23:11 → 00:23:13 ความที่เรามีความกตัญญูเยอะอะไรอย่าเงี้ย
00:23:13 → 00:23:15 ครับบางทีเราก็อยากจะทดแทนคุณพ่อคุณแม่
00:23:16 → 00:23:18 เรากลัวบาปเรากลัวว่าจะเป็นการปล่อยท่าน
00:23:18 → 00:23:21 ไปหรือเปล่าผมก็ต้องเน้นนะครับว่าหลักการ
00:23:21 → 00:23:23 ประคับประคองเนี่ยไม่ใช่เป็นการเร่งให้
00:23:23 → 00:23:26 เสียชีวิตเร็วขึ้นแต่ว่าเราจะไม่ยื้อให้
00:23:26 → 00:23:29 ทรมานนานเราจะทำให้ยังไงให้ตนี้ให้มันเมี
00:23:29 → 00:23:32 คุณภาพชีวิตให้ดีที่สุดนะครับค่ะแล้วแนว
00:23:32 → 00:23:34 ทางการรักษาแบบประคับประคองอย่างเงี้ยค่ะ
00:23:34 → 00:23:37 อาจารย์ตอทุกวันเนี้ยค่ะความเข้าใจของคน
00:23:37 → 00:23:39 หรือแม้กระทั่งคุณหมอเองเพราะว่าบางครั้ง
00:23:39 → 00:23:42 ปัญหาการฟ้องร้องคนก็กลัวนะคะคุณหมอที่ทำ
00:23:42 → 00:23:45 รักษาก็กลัวคนไข้ก็กลัวไม่เต็มที่ทุกวัน
00:23:45 → 00:23:48 นี้ความเข้าใจทั้งคนไข้กับคุณหมอเป็นยัง
00:23:48 → 00:23:50 ไงคะแล้วแนวทางการเนี้ยเราเริ่มใช้มาก
00:23:50 → 00:23:53 ขึ้นหรือยังคะครับผมเข้าใจว่าคือแต่เดิม
00:23:53 → 00:23:55 อ่ะครับเราพูดถึงเรื่องนี้กันน้อยเพราะ
00:23:55 → 00:23:58 เราเชื่อว่าเอ่อหน้าที่แพทย์คือทำยังไงเ
00:23:58 → 00:24:00 ก็อยู่ให้นานที่สุดั้สมัยผมเรียนหนังสือ
00:24:00 → 00:24:03 เนี่ยก็มีการพูดเรื่องพช care หรือว่า
00:24:03 → 00:24:05 ประคับประคองเอยๆเราก็จะเน้นเรื่องทำยัง
00:24:05 → 00:24:07 ไงใอยู่ให้นานทำอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าพอ
00:24:07 → 00:24:10 ถึงจุดนี้รู้ว่าสุดท้ายเนี่ยการหน้าที่
00:24:10 → 00:24:12 ของแพทย์มันไม่ใช่ให้คนไข้หายไวอย่าง
00:24:12 → 00:24:15 เดียวมันต้องให้คนไข้อยู่สบายแล้วก็ตายดี
00:24:15 → 00:24:17 ด้วยนั่นคือสิ่งสำคัญแต่ไม่ใช่ตายไวนะ
00:24:17 → 00:24:21 ครับหายไวหายไวอยู่สบายแล้วก็ถ้าจะจากไป
00:24:21 → 00:24:24 จากไปอย่างดีั้นตอนนี้ผมคิดว่าเอ่อองค์
00:24:24 → 00:24:26 ความรู้เนี่ยเราก็เริ่มตอนนี้ทุกที่ครับ
00:24:26 → 00:24:29 ว่าถ้าเราไปดูเอ่อเอ่อแพทย์สภาที่ออกออก
00:24:30 → 00:24:32 กำหนดว่าคุณสมบัติของแพทย์ที่ที่จบมาซึ่ง
00:24:32 → 00:24:35 เพิ่งออกมาเดือนนี้เองอนะครับค่ะการดูแล
00:24:35 → 00:24:38 ประคับประคองเนี่ยเป็นเป็นปัจจัยที่เต้อง
00:24:38 → 00:24:41 รู้ให้ดีอยู่ในคล้ายๆกับว่าเป็น outcome
00:24:41 → 00:24:43 ของการเป็นแพทย์ของไทยแล้วว่าจบโรงเรียน
00:24:44 → 00:24:46 แพทย์เนี่ยต้องรู้จักเรื่องนี้เลยแลตอน
00:24:46 → 00:24:48 นี้เราก็มีการบรรจุไว้ในหลักสูตรละแล้ว
00:24:48 → 00:24:50 ตอนนี้ผมคิดว่าภาคประชาสังคมเนี่ยภาค
00:24:50 → 00:24:54 ประชาชนเนี่ยมีความตื่นตัวจากจากเอ่อการ
00:24:54 → 00:24:57 ให้ความรู้จากองค์กรต่างๆทั้งมีภาคเอกชน
00:24:57 → 00:25:01 มีการพูดถึงเรื่องนี้มีทั้งเอ่อทางศาสนา
00:25:01 → 00:25:04 เองพระหลายรูปก็ทำเรื่องนี้ก็ทำให้ผมคิด
00:25:04 → 00:25:06 ว่าในในแง่ประชาสังคมเนี่ยก็เริ่มมีความ
00:25:06 → 00:25:09 เข้าใจนี้กันเยอะขึ้นแต่เดียวกันเนี่ยกฎ
00:25:09 → 00:25:11 หมายเองก็มีเรื่อง Living View มาแต่ก็
00:25:11 → 00:25:15 อาจยังมีกฎหมายที่ผมเชื่อว่ายังมียังมี
00:25:15 → 00:25:17 ช่องที่จะพัฒนากฎหมายเให้ตามทันได้แต่ว่า
00:25:17 → 00:25:19 ผมว่าตอนนี้มีความตื่นตัวเรื่องนี้เกิด
00:25:19 → 00:25:22 ขึ้นมีความเข้าใจกันมากขึ้นแล้วก็คิดว่า
00:25:22 → 00:25:25 ขณะนี้เองในกระทรวงเองเกระทรวงสาสุขเองก็
00:25:25 → 00:25:28 จัดระบบระบบประคับประคองซึ่งมีชื่อว่า
00:25:28 → 00:25:31 ระบบชีวาภิบาลนะครับก็คือว่าดูแลชีวิตน่ะ
00:25:31 → 00:25:35 ชีวาแล้วก็อภิบาลนะครับก็คือการเป็นหนึ่ง
00:25:35 → 00:25:39 ในเ่อเเรียกว่าเป็นเป็นการรักษาที่ทุกๆ
00:25:39 → 00:25:42 ที่ต้องมีการเตรียมตรงนี้ไว้เพื่อให้คน
00:25:42 → 00:25:45 ไข้ได้ได้มีการดูแลอย่างเหมาะสมทั้งใน
00:25:45 → 00:25:48 ระดับโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปรงไป
00:25:48 → 00:25:51 ถึงชุมชนที่บ้านนะครับซึ่งอันเนี้ยก็จะ
00:25:51 → 00:25:55 เป็นตัวสำคัญซึ่งจะช่วยทำให้เราสามารถจะ
00:25:55 → 00:26:00 ดูแลสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นนะครับอือค่ะก็
00:26:00 → 00:26:03 นะคะเห็นเป็นแนวทางนะคะนี่นี่พอดีไปค้นใน
00:26:03 → 00:26:06 เว็บไซต์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยบอกว่า
00:26:06 → 00:26:09 มีวิชาแบบตายอย่างมีคุณภาพด้วยวิชาตายที่
00:26:09 → 00:26:11 ต้องเรียนก่อนตายอันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคน
00:26:11 → 00:26:13 ไม่จำเป็นเฉพาะคุณหมอเท่านั้นหรือคนทั่ว
00:26:13 → 00:26:16 ไปก็ควรรู้ด้วยใช่มั้ยคะอาจารย์ครับมัน
00:26:16 → 00:26:18 เป็นเรื่องซึ่งเราหลีกเรี่ยงไม่ได้เลย
00:26:18 → 00:26:21 ครับเรารู้เรื่องเกิดเรารู้เรื่องโตแก่
00:26:21 → 00:26:24 เจ็บตายมันเป็นสิ่งซึ่งซึ่งเกิดขึ้นแน่ๆ
00:26:24 → 00:26:26 อยู่แล้วอก็มีคำพูดที่ผมชอบมากเลยนะเราก็
00:26:26 → 00:26:29 ไม่รู้จริงๆนะว่าเอ่อพรุ่งนี้กับชาติหน้า
00:26:29 → 00:26:33 อะไรจะมาก่อนค่ะนะครับงั้นผมว่าเราก็ต้อง
00:26:33 → 00:26:36 เตรียมตัวเราก็ต้องเตรียมตัวแล้วก็ผมคิด
00:26:36 → 00:26:39 ว่าการตายดีเนี่ยเป็นสิทธ์ขั้นพื้นฐานเลย
00:26:39 → 00:26:42 นะครับว่าทำยังไงจะให้เสามารถจะจากไปคำ
00:26:42 → 00:26:44 ว่าตายดีจะมีนิยามหลายหลากแล้วแต่คนนะ
00:26:45 → 00:26:47 ครับแล้วแต่ความเชื่อแต่มันก็มันก็จะต้อง
00:26:47 → 00:26:50 มีพื้นฐานหลักๆเช่นไม่ทุกข์ทรมานโดยไม่
00:26:50 → 00:26:53 จำเป็นไม่มีการยืจนมากเกินไปกลายเป็นการ
00:26:53 → 00:26:56 ยื้อชีวิตขณะเดียวกันก็ต้องให้เร่งผมยัง
00:26:56 → 00:26:58 ไม่เชื่อคอนเซปเรื่องการที่จะไปทำการดุใน
00:26:58 → 00:27:02 ค่าหรือเร่งให้ตายเร็วขึ้นนะครับก็ก็แล้ว
00:27:02 → 00:27:05 ก็แล้วก็ผมที่ต้องมีระบบพื้นฐานเพราะว่า
00:27:05 → 00:27:07 การดูแลเรื่องเรื่องประคับประครองเนี่ย
00:27:07 → 00:27:10 มันต้องมีระบบที่ช่วยให้เขาดูแลได้แล้วก็
00:27:11 → 00:27:13 ถ้าคนไข้อยากอยู่ที่บ้านเนี่ยก็ควรจะมี
00:27:13 → 00:27:16 ระบบที่เอื้อให้เค้าอยู่ที่บ้านได้สจากไป
00:27:16 → 00:27:19 อย่างอย่างดีที่บ้านอะไรอย่างเงี้ยครับอื
00:27:19 → 00:27:24 นะคะครับเออเพราะว่าแต่ละคนน่ะค่ะก็จะแบบ
00:27:24 → 00:27:26 มีวิธีไม่เหมือนกันอย่างความเชื่อของคน
00:27:26 → 00:27:28 อีสานเขาจะบอกว่าเคยไปเจอคุณหมอที่ที่
00:27:28 → 00:27:30 เป็นคุณหมออีสานนะคะเขาบอกว่าเนี่ยถ้าคน
00:27:30 → 00:27:32 ไข้หนักแล้วเอากลับบ้านเถอะครับส่วนใหญ่
00:27:32 → 00:27:35 คนไข้ทุกคนญาติคนไข้โอ๊ยถ้าเกลับมาแล้ว
00:27:35 → 00:27:38 สมมุติเ้ามาเสียชีวิตคามือคาอกเราเราทำใจ
00:27:38 → 00:27:40 ไม่ได้อะไรอย่างเงี้ยค่ะส่วนใหญ่จะเป็น
00:27:40 → 00:27:44 ลักษณะแบบนั้นอืแต่ก็ผมว่าปัจจุบันเครับ
00:27:44 → 00:27:46 ถ้าเรามีการดูแลแล้วก็ช่วยดูแลส่งต่อถึง
00:27:47 → 00:27:49 บ้านมีทีมไปเยี่ยมบ้านแล้วก็อยากให้เค้า
00:27:49 → 00:27:53 ไปเราก็เคยมีนะบางทีคนไข้บอกสมัยก่อนนะผม
00:27:53 → 00:27:56 จำได้เลยเนี่ยคนไข้บอกจะเอาเอคนไข้กลับ
00:27:56 → 00:27:57 บ้านนะไม่อยากอยู่โรงบาลปรากฏว่าเอาไปไว้
00:27:57 → 00:28:02 สออบอกโอหอย่างงี้มันก็ก็ไม่ใช่การจากไป
00:28:02 → 00:28:06 ที่ดีนะครับการการดูแลเพื่อจะให้มีทีมไป
00:28:06 → 00:28:08 ช่วยดูที่บ้านแล้วก็ต้องให้มั่นใจว่าถ้าเ
00:28:08 → 00:28:10 กลับบ้านน่ะเขาจะไม่ทุกข์ทรมานโดยไม่
00:28:10 → 00:28:14 จำเป็นมีการให้ยาช่วยอาการมีการประคับประ
00:28:14 → 00:28:15 ครองแล้วถ้าไม่ไหวให้กินก็ต้องกลับมาโรง
00:28:15 → 00:28:19 พยาบาลแต่คิดว่ามันต้องมีสถานที่เฉพาะ
00:28:19 → 00:28:21 เพราะไม่อย่างงั้นนะครับโรงพยาบาลที่เรา
00:28:21 → 00:28:25 ถูกดีไซน์มาเป็นการช่วยชีวิตเป็นการดูแล
00:28:25 → 00:28:28 แบบเฉียบพันธให้เดีขึ้นแล้วก็แล้วก็กลับ
00:28:28 → 00:28:31 บ้านได้เนี่ยก็จะมีการใช้โรงพยาบาลเนี่ย
00:28:31 → 00:28:34 ไปดูแลคนไข้ระยะสุดท้ายซึ่งซึ่งอาจจะไม่
00:28:34 → 00:28:36 ทำให้โรงพยาบาลเนี่ยคล้ายๆกับว่าแทนที่คน
00:28:36 → 00:28:39 ที่อาการหนักๆแล้วจะมีอาการดีขึ้นได้เข้า
00:28:39 → 00:28:41 มาก็จะมีประเด็นเรื่องเปียงไม่พออะไรอย่า
00:28:41 → 00:28:44 เงี้ยก็ต้องมีการสร้างระบบการดูแลเพื่อจะ
00:28:44 → 00:28:47 ช่วยดูแลคนไข้ที่แประคับประครองเให้ดีที่
00:28:47 → 00:28:50 สุดให้อยู่ในสังคมหรืออยู่ใกล้บ้านหรือ
00:28:50 → 00:28:53 อยู่มีสาพยาบาลเฉพาะปัจจุบันนี้ก็จะมีศาล
00:28:53 → 00:28:56 มีการรับรองคุณภาพเรื่องการดูแลประคับประ
00:28:56 → 00:29:00 ครองโดยเอ่อเอ่อกสสูนย์บริการอ่ะนะครับ
00:29:00 → 00:29:03 ซึ่งก็จะช่วยทำให้ของพยาบาลเช่น nursing
00:29:03 → 00:29:05 Home อะไรอย่าเงี้ยมีศักยภาพในการดูแล
00:29:05 → 00:29:07 ประคับประครองเนี่ยได้เหมาะสมขึ้นนะครับ
00:29:07 → 00:29:10 ค่ะแล้วสถานชีวพิบาลกับเนิ Home คล้ายกัน
00:29:10 → 00:29:12 มยคะการดูแลมันต่างกับโรงพยยาบาลไม่ด้วย
00:29:12 → 00:29:15 มั้ยคะอาจารย์คืออย่างงี้ครับผมต้องเรียน
00:29:15 → 00:29:19 ว่ามันคือผมเชื่อว่าการดูแลแบบที่ nursing
00:29:19 → 00:29:21 Home เนี่ยมันเป็นเราเรียกเป็นการดูแล
00:29:21 → 00:29:23 แบบ long ter care ก็คือเอาคนไข้ซึ่ง
00:29:23 → 00:29:26 อยู่ในภาวะพึ่งพิงเนี่ยมาดูแลที่ nursing
00:29:26 → 00:29:29 Home แต่ ning Home เนี่ยสมัยก่อนนะ
00:29:29 → 00:29:31 ครับพอคนนไข้เริ่มอาการหนักลงเนี่ยเขาจะ
00:29:31 → 00:29:34 รีบส่งโรงพยาบาลเลยเพราะเขาไม่อยากจะให้
00:29:34 → 00:29:37 คนไข้ที่เซึ่งก็แสดงว่า nursing home ใน
00:29:37 → 00:29:40 เดิมเนี่ยจะดูแลแค่ long ter care แต่ย
00:29:40 → 00:29:43 ยังไม่สามารถจะเอาแนวคิดเรื่อง prive
00:29:43 → 00:29:45 care เข้าไปเข้าไปประยุกต์ใน nursing
00:29:45 → 00:29:48 Home ให้ได้ว่าเควรจะดูแลองเทอมดูคนไข้
00:29:48 → 00:29:50 ซึ่งอยู่ภาวะเพึ่งพิงแล้วเมื่อถึงแลสุด
00:29:51 → 00:29:53 ท้ายเนี่ยถ้าคนไข้คุณเนไม่ต้องการไปโรง
00:29:53 → 00:29:56 พยาบาลเนี่ยควรจะมีระบบที่ช่วยให้เขาจาก
00:29:56 → 00:29:58 ไปอย่างดีที่เิ Home ได้
00:29:58 → 00:30:00 ตรงนี้ก็เลยคิดว่าใน ning Home เนี่ยเรา
00:30:00 → 00:30:03 ควรจะต้องมีการอ่าส่งเสริมให้มีการดูแลแ
00:30:03 → 00:30:06 ประคับประครองเนี่ยอย่างถูกต้องเนี่ยเข้า
00:30:06 → 00:30:08 ไปในทุก ning Home เลยเพราะไม่งั้นมันจะ
00:30:08 → 00:30:11 กลายเป็นว่า ning Home ดูแลแค่ให้อาหาร
00:30:11 → 00:30:14 ป้องกันแผลกรดทัพกายภาพเฉพะเกิดอาการหนัก
00:30:14 → 00:30:16 จะจะจะถึงระยะสุดท้ายก็ก็ส่งมาอยู่โรง
00:30:16 → 00:30:18 พยาบาลหรือว่าทำให้คนไข้เนี่ยไม่รู้จะไป
00:30:18 → 00:30:22 ไหนเ่าในปัจจุบันนี้ก็เิ Home กรุงเทพฯอ
00:30:22 → 00:30:24 ครับซึ่งมีอยู่ประมาณ 300 แห่งในขณะนี้
00:30:24 → 00:30:28 เนี่ยก็เริ่มมีความสนใจที่จะพัฒนาให้
00:30:28 → 00:30:30 ศักยภาพในการดูแลประเข้าประครองด้วยก็ก็
00:30:30 → 00:30:34 ก็มีการติดต่อว่าจะเข้ามาเทรนเรื่องพี
00:30:34 → 00:30:38 care เนี่ยก็ก็จำนวนไม่น้อยเลยนะครับ 90
00:30:38 → 00:30:40 แห่งอะไรอย่าเงี้ยก็แสดงว่าอันนี้เป็นแนว
00:30:40 → 00:30:42 คิดที่ดีว่าดูแลแบบ ning Home แล้วถ้า
00:30:42 → 00:30:45 เราสามารถจะเสริมสยภาพเเรื่องประคับ
00:30:45 → 00:30:47 ประคองไปด้วยก็ทำให้เขสามารถดูแลคแอย่าง
00:30:47 → 00:30:49 ต่อเนื่องได้จนกระทั่งถึงวลสุดท้ายของ
00:30:49 → 00:30:53 ชีวิตนะครับอืนะคะค่ะวันนี้ก็แบบเป็น
00:30:53 → 00:30:56 เรื่องราวที่เรานำเสนอกันนะคะแบบเป็นการ
00:30:56 → 00:30:58 ปูพื้นฐานให้คนทุกคน
00:30:58 → 00:31:00 ทำไมวันนี้มาคุยกันเรื่องตายไม่ดีเลยอะไ
00:31:00 → 00:31:02 อย่างเงี้ยแต่ว่าทุกคนก็ต้องเป็นเรื่อง
00:31:02 → 00:31:04 ที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างที่อาจารย์บอไม่
00:31:04 → 00:31:06 อยากไม่อยากผมอยากจะให้พวกเรามองถึงความ
00:31:06 → 00:31:09 ตายอย่างอย่างสดชื่นแล้วก็แล้วก็เข้าใจ
00:31:09 → 00:31:12 ว่ามันเป็นสิ่งที่ถ้าเราดีไซน์ได้นะครับ
00:31:12 → 00:31:15 ถ้าเราวางแผนได้เนี่ยมันจะทำให้มันเป็น
00:31:15 → 00:31:17 การตายซึ่งเป็นอย่างที่เราต้องการแต่ถ้า
00:31:17 → 00:31:19 เราไม่เคยคิดเราหลีเรี่ยงจะพูดถึงมัน
00:31:19 → 00:31:22 เนี่ยมันก็จะทำให้บางครั้งเนี่ยมันเกิด
00:31:22 → 00:31:25 ความเข้าใจไม่ตรงกันแล้วก็ผมผมคิดว่ามัน
00:31:25 → 00:31:27 เป็นเรื่องซึ่งเราควรจะต้องคุยกันนะครับ
00:31:27 → 00:31:29 เป็นเรื่องเป็นเรื่องซึ่งเป็นเรื่องปกติ
00:31:29 → 00:31:31 มากๆเลยเหมือนเราพูดเรื่องเกิดแก่เจ็บ
00:31:31 → 00:31:33 แล้วก็พูดถึงความตายว่าเราต้องการยังไง
00:31:33 → 00:31:35 แล้วก็แลกเปลี่ยนกันแต่ต้องเน้นนะครับว่า
00:31:35 → 00:31:38 คำว่าประคับประคองเนี่ยไม่ใช่ a of Life
00:31:38 → 00:31:40 care อย่างเดียวประคับประคองเนี่ยประคับ
00:31:40 → 00:31:42 ประคองได้ตั้งนานเลยแต่ว่ามันเมื่อถึงจุด
00:31:42 → 00:31:45 สุดท้ายเรียกว่าเป็นระยะสุดท้ายของชีวิต
00:31:45 → 00:31:47 คือเก็เป็นส่วนหนึ่งของการประคับประคองใน
00:31:47 → 00:31:50 ระยะสุดท้ายค่ะประคับประคองเนี่ยเเราบอก
00:31:50 → 00:31:52 ว่าเ้ยประคับประคองทุกคนสงใจว่าใกล้ตาย
00:31:52 → 00:31:54 แล้วไม่ใช่นะครับประคับประครองเนี่มันมี
00:31:54 → 00:31:58 หลายหลายสจในระยะแรกก็ประคับประครองถ้า
00:31:58 → 00:32:00 เราประคับองแต่แรกเราคุยกันนานๆเนี่ยพอ
00:32:00 → 00:32:02 ถึงระยะสุดท้ายมันจะง่ายขึ้นงั้นงั้นใน
00:32:02 → 00:32:05 ทีมไแเนี่ยจะเป็นทีมซึ่งจริงๆแล้วช่วยดู
00:32:05 → 00:32:08 คู่ขนานไปกับทีมซึ่งดูแลท่านอยู่นะครับ
00:32:08 → 00:32:10 เหมือนกับว่าเป็นทีมซึ่งมาช่วยกันแต่ว่า
00:32:10 → 00:32:14 แน่นอนว่าพอโรคท่านเป็นเยอะๆขึ้นละเอ่อบท
00:32:14 → 00:32:16 บาทของทีมพีแครหรือว่าประคับประคองเนี่ย
00:32:16 → 00:32:19 ก็จะมีบทบาทซึ้นค่อยๆมากขึ้นมากขึ้นแลสุด
00:32:19 → 00:32:21 ท้ายเนี่ยก็อาจจะเป็นทีมหลักซึ่งดูแลท่าน
00:32:21 → 00:32:25 เลยครับอืนะคะนี่ก็เป็นรูปแบบหรือแนวทาง
00:32:25 → 00:32:28 การรักษานะคะไม่ว่าคุณจะเป็นโรคเรืหรือ
00:32:28 → 00:32:30 คุณจะเป็นโรคที่แบบเอาล่ะมันใกล้และมัน
00:32:30 → 00:32:33 ใกล้ถึงเวลาแต่มันจะมีข้อจำกัดหรือข้อบ่ง
00:32:33 → 00:32:35 บอกถ้าเราคุยกันเราจะไม่ทะเลาะกันและให้
00:32:35 → 00:32:37 การจากลาเป็นสิ่งสวยงามนะคะวันนี้ต้อง
00:32:37 → 00:32:40 ขอบพระคุณอาจารย์มากเลยนะคะยินดีขอบพระ
00:32:40 → 00:32:43 คุณที่ให้เกียรตินะครับคขอบพระคุณค่ะ
00:32:43 → 00:32:46 อาจารย์หลายคนแซวว่าวันนี้เอาผู้ว่ามาจัด
00:32:46 → 00:32:48 หรือ
00:32:48 → 00:32:51 เปล่าผู้ว่าก็สนใจนะครับตต้องเรียนว่าตอน
00:32:51 → 00:32:53 นี้กทมก็มีโครงการดีๆเกี่ยเรื่องนี้เยอะ
00:32:53 → 00:32:55 มากเลยนะครับโดยเฉพาะที่โรงพยาบาลราชต้น
00:32:55 → 00:32:59 แบบครับคก็ช่วยได้เยอะขอบคุณมากเลยครับ
00:32:59 → 00:33:01 ค่ะขอบพระคุณนะคะอาจารย์ขอบคุณอาจารย์
00:33:01 → 00:33:05 ครับค่ะสวัสดีค่ะสสวัสดีค่ะสวัสดีครับ
00:33:05 → 00:33:07 อาจารย์ครับอ่านะคะที่จบไปนะคะรอง
00:33:07 → 00:33:09 ศาสตราจารย์นายแพทย์ฉันชายสิทธิพันธุ์นะ
00:33:09 → 00:33:11 คะผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
00:33:11 → 00:33:14 มหาวิทยาลัยค่ะ