00:04:49 → 00:04:55 สวัสดีค่ะ
00:04:55 → 00:05:00 วสวัสดีทุกคนนะคะสำหรับวันอาทิตย์นะอ่า
00:05:00 → 00:05:04 ผ่านกันวันเด็กกันไปเมื่อวานนี้พอดีเนี่ย
00:05:04 → 00:05:07 ตอนนี้น่าจะมีปัญหาเรื่องเสี่ยงนิดหน่อย
00:05:07 → 00:05:11 ลองช่วยหมอเอิ้นเช็คนิดนึงนะคะเพราะ
00:05:11 → 00:05:15 เหมือนเสียงจะไม่ค่อยไม่ค่อยเข้าในหูฟัง
00:05:15 → 00:05:18 เท่าไหร่นะอ่าพวกเราลองเช็คกันนิดนึงนะคะ
00:05:18 → 00:05:21 ว่าเสียงเป็นยังไงนะแล้วเมื่อตะกี้เนี้ย
00:05:21 → 00:05:23 จริงๆแล้วเปิดเพลงให้ฟังนะได้ยินกันหรือ
00:05:23 → 00:05:27 เปล่าอ่าใครอยู่ในนี้นะคะลองคอมเมนต์เข้า
00:05:27 → 00:05:32 มาให้ดูหน่อยนะ
00:05:32 → 00:05:35 คอมเมนต์เข้ามาหน่อยนะคะพี่เอรายงานตัวนะ
00:05:35 → 00:05:40 คะบเลยนะใครเข้ามาแล้วรายงานตัวกันหน่อย
00:05:40 → 00:05:46 เร็นะคะแล้วก็ยังไงช่วยเช็คนะเสียงให้
00:05:46 → 00:05:49 หน่อยนะว่าเป็นยังไงบ้างนะได้ยินมยนะคะ
00:05:49 → 00:05:51 แล้วเมื่อกี้เนี้ยเปิดเพลงได้ยินกันหรือ
00:05:51 → 00:05:56 เปล่านะเปิดเพลงให้ฟังนะรักที่ถูกลืมนะคะ
00:05:56 → 00:05:59 วันนี้เนี่ยเราคุยกันในเรื่องการสื่อสาร
00:05:59 → 00:06:05 นะนะเออคิดว่าปีเนี้ยน่าจะนะเป็นปีที่เรา
00:06:05 → 00:06:08 เองเนี่ยจะได้ใช้เรื่องนี้เยอะมากๆเลยนะ
00:06:08 → 00:06:11 คะแล้วก็น่าจะเป็นเครื่องมือสำคัญเลยล่ะ
00:06:11 → 00:06:14 ที่จะทำให้เรามีความสุขเพลงไม่ได้ยินหรอ
00:06:14 → 00:06:16 คะ
00:06:16 → 00:06:21 ว้าแต่เสียงที่คุยชัดเจนนะคะโอขอบคุณ
00:06:21 → 00:06:25 มากเมื่อกี้นี้เนี่ยเปิดเพลงให้ฟังกันนะ
00:06:25 → 00:06:27 ไม่ได้แบบว่าหายไปเฉยๆแสดงว่าเพลงไม่เข้า
00:06:27 → 00:06:31 เนาะโอเคค่ะค่ะเดี๋ยวครั้งหน้านะเดี๋ยว
00:06:31 → 00:06:36 แก้ตัวว่าเราจะเช็คนะระบบกันยังไงนะคะคุณ
00:06:36 → 00:06:38 นพวบอก
00:06:38 → 00:06:42 ว่าได้ยินนะคะอืแต่ว่าเมื่อกี้ไม่ได้ยิน
00:06:42 → 00:06:47 เสียงเพลงนะคก็ถ้างั้นเนี่ยต้องยิ่ง
00:06:47 → 00:06:50 ขอบคุณพวกเราทุกคนเลยนะแม้ว่าจะเห็นหน้า
00:06:50 → 00:06:53 จอเปล่าๆไม่ได้ยินเสียงเพลงก็ยังไม่หนีไป
00:06:53 → 00:07:00 ไหนนะยังมาคุยกันอยู่ตรงนี้นะคะอ่าโอเค
00:07:00 → 00:07:04 อ่าใครมาแล้วรายงานตัวหน่อยนะนี่มาแล้วนะ
00:07:04 → 00:07:10 คะคุณก้อยนะคะบอกเสียงหมอเอิ้นฟังชัดดีนะ
00:07:10 → 00:07:11 คะ
00:07:11 → 00:07:17 อ่านพวันก็บอกได้ยินดีนะคะขอบคุณมากๆนะคะ
00:07:17 → 00:07:22 อ่าถ้างั้นเนี่ยเดี๋ยวเราวันนี้นะอยากชวน
00:07:22 → 00:07:27 พวกเราคุยในเรื่องของการสื่อสารแหละนะคะ
00:07:27 → 00:07:29 เพราะเอ่อ
00:07:29 → 00:07:33 เมื่อวานนี้นะหมอเองก็ได้มีโอกาสนะคะไป
00:07:33 → 00:07:36 ร่วมนะ creative Talk One Stage นะคะ
00:07:36 → 00:07:39 ซึ่งต้องบอกว่าเป็นรูปแบบนะของ creative
00:07:39 → 00:07:41 Talk ในยุคแรกๆเลยนะพี่โจ๊พี่เก่งเล่า
00:07:41 → 00:07:44 ให้ฟังอย่างนั้นอ้าคุณตองมา
00:07:44 → 00:07:49 แล้วนะอ้าวันนี้ทุกคนจะเห็นน้องเสือหายไป
00:07:49 → 00:07:55 นะะมีน้องกระต่ายนะมาอยู่ด้านหลังไอปีนี้
00:07:55 → 00:07:58 ปีกระต่ายใช่มั้ยคะนะปีที่แล้วคุณตองให้
00:07:58 → 00:08:01 เสือมานะปีนี้เป็นน้องกระต่ายแถมสีชมพู
00:08:01 → 00:08:05 น่ารักอีกต่างหากนะคะอก็เ๋ส่วนน้องเสือ
00:08:05 → 00:08:08 ไม่ได้หายไปไหนนะน้องเสืออยู่ข้างๆเอ่ะ
00:08:08 → 00:08:11 น้องเสืออยู่อยู่อยู่ด้านหลังน้องเสือ
00:08:11 → 00:08:15 อยู่อีกด้านนึงนะคะอ่าสวัสดีคุณซันด้วยนะ
00:08:15 → 00:08:19 คะคุณกิตติพัฒน์ด้วยนะคะอ่ะกลับเข้ามานะ
00:08:19 → 00:08:22 ว่าเมื่อกี้เนี่ยเราพูดถึงเมื่อวานเนี้ย
00:08:22 → 00:08:26 หมอไป 2 งาน้วกันนะอันแรกก็คืองาน
00:08:26 → 00:08:29 creative Talk One state นะคะซึ่งเรา
00:08:29 → 00:08:34 พูดถึงความลับของการค้นหาตัวเองนะมีทั้ง
00:08:34 → 00:08:37 พี่เวงด้วยนะมีทั้งคุณโทมัสนะเจ้าของ
00:08:37 → 00:08:40 แอนิเทคนะแล้วก็มีหมอเอิ้นด้วยนะคะก็ร่วม
00:08:40 → 00:08:43 พูดคุยกันนะคะก็เราก็พูดถึงในเรื่องของ
00:08:43 → 00:08:47 การที่เราจะค้นหาตัวเองอย่างไรเนเราจะทำ
00:08:47 → 00:08:50 ความรู้จักตัวเองอย่างไรซึ่งเมื่อวานนี้
00:08:50 → 00:08:54 นะคะหมอก็ให้เครื่องมือสำคัญเนี่ย 3
00:08:54 → 00:08:57 อย่างไปด้วยกันนะในการที่เราจะเรียนรู้ใน
00:08:57 → 00:09:01 การเอ่อรู้จักตัวเองเองนะมองเห็นตัวเองก็
00:09:01 → 00:09:04 คือเรื่องของ Self awareness ใช่่มยการ
00:09:04 → 00:09:09 ตระหนักรู้นะคะในเรื่องของการมี S Talk
00:09:09 → 00:09:12 หรือการที่เราพูดคุยกับตัวเองได้นะอย่าง
00:09:12 → 00:09:15 สร้างสรรค์และตั้งคำถามที่ดีให้กับตัวเอง
00:09:15 → 00:09:18 ได้แล้วก็เรื่องของ Deep Listening นะ
00:09:18 → 00:09:22 การฟังอย่างลึกซึ้งงั้นเห็นมั้ยคะว่าแม้
00:09:22 → 00:09:25 กระทั่งในเรื่องของการค้นหาตัวเองเนี่ย
00:09:26 → 00:09:29 เราก็ยังต้องใช้เครื่องมือซึ่งมีการสื่อ
00:09:29 → 00:09:32 สารอยู่ตรงนั้นแต่จะเป็นการสื่อสารกับตัว
00:09:32 → 00:09:34 เองนะอย่างเช่นเรื่องของ Self Talk
00:09:34 → 00:09:36 เนี่ยมันก็เป็นการที่เราคุยกับตัวเองให้
00:09:36 → 00:09:39 เป็นถูกป่ะอ่าแล้วก็เรื่องของ Deep
00:09:39 → 00:09:41 Listening เนี่ยก็คือการฟังตัวเองให้
00:09:41 → 00:09:44 เป็นการฟังตัวเองให้ได้การฟังตัวเองให้
00:09:44 → 00:09:50 เข้าใจตัวเองมากกว่านะคำพูดหรือแค่ความ
00:09:50 → 00:09:53 คิดที่ผุดขึ้นมาอืต้องบอกว่าพวกเราเนี่ย
00:09:53 → 00:09:56 นะอย่าหลงกลตัวเองเลยนะว่าเวลาที่เรามี
00:09:56 → 00:09:59 ความคิดอะไรผุดขึ้นเนี่ยมันคือจริงตลอด
00:09:59 → 00:10:03 มันคือใช่ตลอดนะเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกแบบ
00:10:03 → 00:10:06 นั้นนะหรือเราคิดว่าไอ้สิ่งที่พุดขึ้นมา
00:10:06 → 00:10:09 เนี่ยนะฉันอาจจะต้องโพ่งออกไปนี่แหละคือ
00:10:09 → 00:10:13 วิธีการแสดงความจริงใจอันสุดซึ้งเออันนี้
00:10:13 → 00:10:15 ก็ต้องระวังเหมือนกันนะคะเพราะว่าไอ้ความ
00:10:15 → 00:10:18 คิดและความรู้สึกเนี่ยหลอกเราได้ง่ายมากๆ
00:10:18 → 00:10:22 เลยงั้นแม้กระทั่งเราเรียนรู้ตัวเองนะก็
00:10:22 → 00:10:25 คือเราก็ยังจะต้องใช้เครื่องมือของการ
00:10:25 → 00:10:30 สื่อสารูมอ่าแต่รู้มคะว่าถ้านอกจากการที่
00:10:30 → 00:10:32 เราต้องเรียนรู้ตัวเองยังใช้เครื่องมือ
00:10:32 → 00:10:34 ของการสื่อสารแต่เราสื่อสารกับตัวเอง
00:10:34 → 00:10:38 เนี่ยเวลาเราอยู่กับคนอื่นเนี่ยเครื่อง
00:10:38 → 00:10:41 มือสำคัญเลยที่จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้
00:10:41 → 00:10:44 อย่างมีความสุขและที่สำคัญก็นำมาซึ่งความ
00:10:44 → 00:10:46 สัมพันธ์ที่ดีแล้วความสัมพันธ์ที่ดีเนี่ย
00:10:46 → 00:10:49 มันคือความสุขที่ยั่งยืนที่สุดเลยนะแล้ว
00:10:49 → 00:10:55 ไม่ต้องใช้เงินะไม่ต้องใช้การลงทุนไม่
00:10:55 → 00:10:57 ต้องใช้ความสำเร็จแต่ใช้คุณค่าของความ
00:10:57 → 00:11:00 เป็นมนุษย์ของเรานี่แหละซึ่งเฮ้ยมันเป็น
00:11:00 → 00:11:04 ความสุขที่แสนพิเศษเลยนะอ่าก็ยังต้องใช้
00:11:04 → 00:11:07 เครื่องมือเรื่องการสื่อสารอยู่ดีเช่นกัน
00:11:07 → 00:11:10 นะคะยิ่งเรารู้สึกว่าเราแตกต่างกันมากเรา
00:11:10 → 00:11:13 อยู่คน Generation เรามีช่องว่างกันเท่า
00:11:13 → 00:11:17 ไหร่นะเรามีช่องว่างในครอบครัวเท่าไหร่
00:11:17 → 00:11:22 เรายิ่งต้องใช้เครื่องมือของการสื่อสารนะ
00:11:22 → 00:11:26 แต่ทุกคนก็รู้ใช่มยว่าการสื่อสารที่ดี
00:11:26 → 00:11:29 เนี่ยมีประโยชน์มากๆนะแต่หลายคนเนี่ยก็
00:11:29 → 00:11:32 อาจจะไม่รู้ว่าเออตัวเองกำลังมีปัญหา
00:11:32 → 00:11:35 เรื่องนี้อยู่นะหรือบางคนก็เริ่มรู้นะว่า
00:11:35 → 00:11:38 ตัวเองก็มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แหละแต่ไม่
00:11:38 → 00:11:42 รู้ว่าเราเนี่ยจะเริ่มต้นปรับปรุงตัวเอง
00:11:42 → 00:11:45 ยังไงนะคะแล้วก็หลายๆครั้งนะที่หมอเห็น
00:11:46 → 00:11:48 เลยเนี่ยถ้าเกิดว่าเป็นการสื่อสารที่มัน
00:11:48 → 00:11:51 เป็นการเรียนรู้เรื่องการโน้มน้าวใจคน
00:11:51 → 00:11:57 อื่นนะการพูดเอาชนะคนอื่นการ
00:11:57 → 00:12:00 เอ่อได้ใจคนคนอื่นอะไรอย่างเงี้ยนะมันจะ
00:12:00 → 00:12:06 สนใจกันมากๆเลยแต่พอเอาจริงๆเนี่ยก็กลาย
00:12:06 → 00:12:10 เป็นว่าเราอ่ะไปเรียนรู้เรื่องของการจูง
00:12:10 → 00:12:14 ใจการโน้มเ้าใจนู่นนั่นนี่ใช่มยแต่กลาย
00:12:14 → 00:12:18 เป็นทักษะเหล่าเนี้ยทำไมนะหลายๆครั้ง
00:12:18 → 00:12:22 เนี่ยมันไม่ใช่เค้าเรียกว่ามันไม่ใช่สิ่ง
00:12:22 → 00:12:26 ที่ทำให้เราใช้มันได้ยาวนานอเพราะสุดท้าย
00:12:26 → 00:12:30 เนี่ยกลายเป็นว่าคนก็อาจจะมองว่าเราอ่ะ
00:12:30 → 00:12:34 สื่อสารด้วยความไม่จริงใจนะงั้นสิ่งสำคัญ
00:12:34 → 00:12:37 เนี่ยกับเรื่องเนี้ยมันก็คือการที่เราเอง
00:12:38 → 00:12:42 นะไม่ใช่การปรับวิธีการสื่อสารในแบบ
00:12:43 → 00:12:47 outside in ก็คือการประดิษฐ์คำพูดข้าง
00:12:47 → 00:12:51 นอกนะเพื่อให้ได้ผลประโยชน์อะไรบางอย่าง
00:12:51 → 00:12:54 ไอ้นี่อยู่ไม่นานนะคะแต่การสื่อสารที่จะ
00:12:54 → 00:12:57 ทำให้เราเนี่ยสร้างความสุขให้กับตัวเอง
00:12:57 → 00:13:01 ให้กับคนอื่นนะแล้วไอ้เรื่องความสำเร็จ
00:13:01 → 00:13:05 ไอ้เรื่องงานไอ้เรื่องประโยชน์อะไรต่างๆ
00:13:05 → 00:13:07 เนี่ยอันนี้มันเมันจะเป็นผลพอยได้เอง
00:13:07 → 00:13:11 อันเนี้ยอันนี้เป็นสิ่งที่เราเองต้องกลับ
00:13:11 → 00:13:14 กระบวนการนะงั้นต้องกลับกระบวนการคือเรา
00:13:14 → 00:13:17 ต้องกลับมากบวนการเป็น Inside Out คือ
00:13:17 → 00:13:21 เราต้องกลับมามองที่ใจและนทัศนคติของเรา
00:13:21 → 00:13:24 อ่ะกับเรื่องของการสื่อสารก่อนนะเออก่อน
00:13:24 → 00:13:29 ที่เราเนี่ยจะไปตกตะกอนไปประดิษฐ์ไปเรียบ
00:13:29 → 00:13:33 เรียงคำพูดนะคะงั้นอันเนี้ยมันจะทำให้คน
00:13:33 → 00:13:37 ฟังเนี่ยเค้ารู้สึกเชื่อใจนะรู้สึกสัมผัส
00:13:37 → 00:13:41 ได้ถึงความจริงใจมากกว่านะคราวนี้เรา
00:13:41 → 00:13:45 เนี่ยจะมาปรับความคิดนั้นอย่างไรอ้า
00:13:45 → 00:13:51 เดี๋ยววันนี้เราจะมาค่อยๆไล่เรียงกันนะคะ
00:13:51 → 00:13:56 อ่าเอาล่ะขออนุญาตกลับมาทักทายชาวคณะอีก
00:13:56 → 00:14:00 สักนิดนึงนะก่อนที่เราเนี่ยจะไปเล่นอะไร
00:14:00 → 00:14:03 สนุกๆกันอ่ะแน่นอนไลฟ์กับหมอเอิ้นนะเรียน
00:14:03 → 00:14:08 รู้กับหมอเอิ้นเนี่ยไม่ใช่ว่าหมอเอิ้นจะ
00:14:08 → 00:14:12 พูดคนเดียวนะเอ่อใส่แต่ข้อมูลข้อมูลนะ
00:14:12 → 00:14:15 สิ่งสำคัญคือจริงๆอ่ะชวนพวกเราเนี่ยให้
00:14:15 → 00:14:18 ย้อนให้ทบทวนให้เรียนรู้จากตัวเองนี่แหละ
00:14:18 → 00:14:22 นะจริงๆชีวิตเราเนี่ยเป็นคัมภีร์ที่สำคัญ
00:14:22 → 00:14:27 ที่สุดนะมากกว่าหนังสือเล่มไหนๆนะคะอ่า
00:14:27 → 00:14:30 เดี๋ยวขออนุญาตทักทายนะนะอ่าเพื่อนๆที่
00:14:30 → 00:14:33 เข้ามาแล้วก็มาคอมเมนต์ในนี้แต่ว่าเรายัง
00:14:33 → 00:14:36 ไม่ได้ทักทายสวัสดีพี่พักนะคะเมื่อวานนี้
00:14:36 → 00:14:41 ก็เจอกันนะพี่พักนะพี่พักคุณตองคุณขวัญเ
00:14:41 → 00:14:44 เราก็เจอกันนะเอ่อไม่รู้คุณขวัญนั่งอยู่
00:14:44 → 00:14:50 ข้างคุณตองหรือเปล่านะสวัสดีคุณทิทิพรใช่
00:14:50 → 00:14:53 มั้ยคะอ่าใครเข้ามาแล้วเนี่ยทักทายกัน
00:14:53 → 00:14:57 เข้ามาหน่อยนะคะทักทายกันเข้ามาหน่อยนะอ
00:14:57 → 00:15:01 หมอเอิ้นจะได้รู้นะคะตอนนี้ฟังไลฟ์กัน
00:15:01 → 00:15:04 อยู่ที่ไหนคะอืแต่ละคนเนี่ยฟังไลฟ์กัน
00:15:04 → 00:15:05 อยู่ที่ไหน
00:15:06 → 00:15:11 เอ่ยก่อนที่เดี๋ยวเราจะเข้าในคำถามนะต้อง
00:15:11 → 00:15:14 บอกว่าก่อนที่เราจะไปรู้ไมเซตเนี่ยขอ
00:15:14 → 00:15:17 อนุญาตถามคำถามพวกเราทุกคนก่อนอ่าคุณ
00:15:17 → 00:15:23 เบียร์สวัสดีนะคะนะคะอ่าแต่ละคนนะคะทัก
00:15:23 → 00:15:28 ทายกันมาจากที่ไหนเอ่ยโอมีทักค่ะนะคะอทัก
00:15:28 → 00:15:32 ค่ะฟังที่บ้านจ้านะคะทักทายกันจากที่ไหน
00:15:32 → 00:15:36 นะอ่าที่บ้านนะบ้านอยู่ที่ไหนกันนะคะอ่า
00:15:36 → 00:15:41 ทักมาจากขอนแก่นนะนะคะอ่าเพื่อนๆคนอื่นๆ
00:15:41 → 00:15:46 ล่ะคะนะเราทักทายกันมาจากที่ไหนฟังวันที่
00:15:46 → 00:15:50 นอนเลยนะแหแหม 2 ครั้งหลังนี่คุณชลพรนี่
00:15:50 → 00:15:52 รู้สึกว่าจะติดที่นอนจังนะจ๊ะ
00:15:52 → 00:15:57 อทักจากที่นอนเนี่ยคราวที่แล้วหมอจำได้แ
00:15:57 → 00:16:00 จำดีมนะต้องเป็นเรื่องสตอรี่อย่างเงี้ยจำ
00:16:00 → 00:16:06 ได้ดีเลยนะอ่าคุณพรกมลบอกว่าจากกทมนะคะ
00:16:06 → 00:16:11 อื้อนะเห็นมตอนนี้นะในเรื่องของโซเชียล
00:16:11 → 00:16:13 เนี่ยถ้าเราใช้มีประโยชน์ก็มีประโยชน์
00:16:13 → 00:16:18 เนาะนี่เราอยู่คนละที่นะแต่ในแต่ละที่แต่
00:16:18 → 00:16:22 อพี่พักบอกว่าทักจากโซฟา
00:16:22 → 00:16:26 เลิศอันนี้ไม่ค่อยต่างจาก
00:16:26 → 00:16:29 เอ่อทักจากที่นอนเท่าไหร่นะนี่ทักจากโซฟา
00:16:29 → 00:16:32 เลยนะ
00:16:32 → 00:16:38 อ่านะคะโอเค
00:16:38 → 00:16:40 นะ
00:16:40 → 00:16:46 เออเนี่เดี๋ยวก่อนคำถามแรกที่ชวนคุยขอ
00:16:46 → 00:16:47 อนุญาต
00:16:47 → 00:16:52 แชร์แชร์เพจก่อนนะอ่าเดี๋ยววันนี้นะถ้า
00:16:52 → 00:16:55 เราคิดถึงเพื่อนๆนะคะหรือใครที่คิดว่าน่า
00:16:55 → 00:16:58 จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็คือเรื่องของ
00:16:58 → 00:17:01 เราเนี่ยจะมีความคิดแบบไหนจะทำให้เรา
00:17:01 → 00:17:04 เนี่ยเป็นนักสื่อสารเพื่อความสุขได้นะคะ
00:17:04 → 00:17:07 สวัสดีคุณสุภกิจด้วยนะ
00:17:07 → 00:17:13 คะก็แชร์นะหรือแท็กให้กับเพื่อนที่คิดว่า
00:17:13 → 00:17:16 น่าจะเป็นประโยชน์นะคะเนี่ยเดี๋ยวหมอ
00:17:16 → 00:17:19 เอิ้นก็ขออนุญาตแชร์แป๊บนึงแล้วก็แท็กคุณ
00:17:19 → 00:17:23 สามีด้วยเพราะว่าจะได้รู้ว่าพรยาทำงาน
00:17:23 → 00:17:24 อยู่นะ
00:17:24 → 00:17:29 จ๊ะไม่ได้หนีไปไหน
00:17:29 → 00:17:32 นี่ต้องบอกว่าเนี่ยคนใกล้ตัวเนี่ยนะสื่อ
00:17:32 → 00:17:36 สารยากที่สุดเลยนะคะอ่าสื่อสารยากที่สุด
00:17:36 → 00:17:38 เลยเป็นขั้นกว่านะเป็นขั้นกว่าเพราะ
00:17:38 → 00:17:41 ฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดเรารู้สึกเราคุยกับคน
00:17:42 → 00:17:44 ข้างๆลำบากไม่รู้เรื่องไม่เป็นไรเลยนะไม่
00:17:44 → 00:17:49 เป็นไรเลยโอเคแชร์แล้วเรียบ
00:17:49 → 00:18:00 ร้อยเช็คนิดนึงอืเสียงภาพดูชัดดีเนาะออ
00:18:00 → 00:18:05 เอาล่ะถ้างั้นเนี่ยเรามาสู่นะก่อนที่เรา
00:18:05 → 00:18:10 จะไปถึงในเรื่องของการทบทวนความคิดที่จะ
00:18:10 → 00:18:13 ทำให้เรากลายเป็นนักสื่อสารเพื่อความสุข
00:18:13 → 00:18:15 ได้มากขึ้นนะความสุขนี้เนี่ยต้องบอกว่า
00:18:15 → 00:18:19 ไม่ใช่แค่ตัวเรานะคนอื่นด้วยนะคะเรามาลอง
00:18:19 → 00:18:24 ทบทวนนะกันนิดนึงนะอยากชวนพวกเรานะลอง
00:18:24 → 00:18:27 ตั้งคำถามกับตัวเองเราลองเ Talk นะต้อง
00:18:27 → 00:18:29 บอกว่า sess นี้มันเหมือนกับว่าเราฝึกใน
00:18:29 → 00:18:32 การ S talk to Self love นะเ่อคุยกับ
00:18:32 → 00:18:34 ตัวเองให้เป็นเนี่ยเราจะได้รักตัวเองให้
00:18:34 → 00:18:38 ได้รักตัวเองเนี่ยไม่ใช่เห็นแก่ตัวนะอ่า
00:18:38 → 00:18:43 ไม่เหมือนกันนะนะคะอ้ามาที่อันแรกนะอยาก
00:18:43 → 00:18:48 ให้พวกเราลองทบทวนดูนะคะว่าเราเนี่ยนะใน
00:18:48 → 00:18:54 ครอบครัวของเราเนี่ยนะมีลักษณะการสื่อสาร
00:18:54 → 00:18:55 ใน
00:18:55 → 00:18:58 ครอบครัวเป็นอย่างไร
00:18:58 → 00:19:04 นะอ่ะคำถามนะเรามีลักษณะการสื่อสารใน
00:19:04 → 00:19:06 ครอบครัวเป็นอย่าง
00:19:06 → 00:19:10 ไรงงมยใครงงกด
00:19:10 → 00:19:17 1 นะใครงงกด 1 นะใครไม่งงกด 2 ใครไม่งง
00:19:17 → 00:19:21 กด
00:19:21 → 00:19:26 2 ครอบครัวของเรามีลักษณะการสื่อสารเป็น
00:19:26 → 00:19:28 อย่างไร
00:19:28 → 00:19:33 อ่ะงงงงมีคน
00:19:33 → 00:19:37 งงคุณพรกมลบอกงงนะอ่ะครอบครัวของเรามี
00:19:37 → 00:19:40 ลักษณะการสื่อสารเป็นอย่างไรหมอยกตัว
00:19:40 → 00:19:43 อย่างนะอ่ามีคนไม่งงด้วยอ้ามีคนงงด้วย
00:19:43 → 00:19:48 แล้วก็มีคนไม่งงโหแต่รู้สึกว่างงจะเยอะ
00:19:48 → 00:19:52 กว่าอ้าคุณสุกิจบอกว่าการสื่อสารทางเดียว
00:19:52 → 00:19:55 ถูกมการสื่อสารทางเดียวอ่ะอันนี้ก็ใช่การ
00:19:55 → 00:19:57 สื่อสารทางเดียวอาจจะเป็นเหมือนกับว่าคุณ
00:19:57 → 00:20:00 พ่อคุณแม่เนี่ยเป็นคนพูดเยอะเนาะแล้วก็
00:20:00 → 00:20:02 เราก็รู้สึกว่าเค้าไม่ได้ฟังเราเพราะ
00:20:02 → 00:20:04 ฉะนั้นเนี่ยเราเนี่ยก็เลยกลายเป็นคนที่
00:20:04 → 00:20:08 เงียบๆอ่ะเพราะงั้นอ่ะหมอยกตัวอย่างนะคือ
00:20:08 → 00:20:12 บางบ้านเนี่ยเวลาเข้าไปในบ้านหลังเยนะคือ
00:20:12 → 00:20:17 เอ๊ะทำไมเคเถียงกันตลอดเวลาเลยเคือต่างคน
00:20:17 → 00:20:21 ต่างพูดต่างคนต่างพูดต่างคนอยากให้เอ่อ
00:20:21 → 00:20:24 อีกฝ่ายเนี่ยฟังแล้วก็ได้ยินนะนแต่ว่า
00:20:24 → 00:20:27 จริงๆเขาไม่ได้ทะเลาะกันนะอ่าโดยเฉพาะหมอ
00:20:27 → 00:20:29 เห็นหลายครั้งเนี่ยเนี่ยเอ่อครอบครัวที่
00:20:30 → 00:20:35 ใช้ความคิดใช้เหตุผลกันเยอะๆอ่า
00:20:35 → 00:20:41 เอ่อพี่เอ๋บอกว่างงเดี๋ยวนะพี่เอ๋บอกว่า
00:20:41 → 00:20:44 งงจะได้อธิบายเพมความเข้าใจไม่เข้าใจไป
00:20:44 → 00:20:49 เองโอ้โหเธอมาเหนือเมฆมากนะคะพี่เอ๋มา
00:20:49 → 00:20:54 เหนือเมฆมากนะอืงั้นหลอกให้หมอได้อธิบาย
00:20:54 → 00:20:59 เพิ่มใช่มยอ่าโอเคอ่ะเมื่อตะกี้เเนี่ยอ
00:20:59 → 00:21:02 คุณศุภกิจบอกว่าสื่อสารทางเดียวใช่มอ่า
00:21:02 → 00:21:04 เมื่อกี้หมอยกตัวอย่างเนอย่างเช่นเออบาง
00:21:04 → 00:21:08 ครอบครัวเนี่ยเราเนี่ยเป็นคนต่างครอบครัว
00:21:08 → 00:21:11 นะเดินเข้าไปในครอบครัวนี้โอ้โหเหมือนเขา
00:21:11 → 00:21:13 เถียงกันตลอดเวลาแต่จริงๆเขาไม่ได้เถียง
00:21:13 → 00:21:16 กันหรอกนะเขาแค่เขาพูดกันนี่แหละแต่เขา
00:21:16 → 00:21:18 กลัวอีกฝ่ายไม่ได้ยินเขาก็แล้วกลัวอีก
00:21:18 → 00:21:21 ฝ่ายไม่ฟังกลัวอีกฝ่ายเนี่ยไม่เข้าใจเหตุ
00:21:21 → 00:21:24 ผลของตัวเองก็แย่งๆกันพูดใช่มอ่ะบาง
00:21:24 → 00:21:27 ครอบครัวเนี่ยคุณแม่จะพูดเก่งมากเลยนะคุณ
00:21:27 → 00:21:31 พ่อเนี่ยอาจจะเงียบๆมากเลยนะแล้วเราก็เลย
00:21:31 → 00:21:35 เป็นฝ่ายนะฟังรับฟังอย่างเดียวนะ
00:21:35 → 00:21:41 หรือบางครอบครัวเนี่ยไม่คุยเลยนะคือคือ
00:21:41 → 00:21:44 คุยกับเรื่องจำเป็นเท่านั้นนะคะบาง
00:21:44 → 00:21:49 ครอบครัวไม่ค่อยคุยไม่ค่อยถามอ่าเ่อแต่
00:21:49 → 00:21:54 ว่าอาจจะเหมือนใช้ในเรื่องของเอ่อ
00:21:55 → 00:21:58 physical เนาะเรื่องของร่างกายอ่ะมีการ
00:21:58 → 00:22:02 การโอบกอดกันอ่ะการหอมแก้มกันการแสดงความ
00:22:02 → 00:22:05 รักกันอ่ะเป็นเรื่องปกติธรรมชาติแต่บาง
00:22:05 → 00:22:08 ครอบครัวเนี่ยนะไม่เคยเลยนะหมอเคยเจอนะ
00:22:09 → 00:22:13 ไม่เคยกอดไม่เคยสัมผัสเออตอนเด็กๆเนี่ยก็
00:22:14 → 00:22:16 อาจจะต้องการนะแต่พอหลังโตขึ้นน่ะก็เลย
00:22:16 → 00:22:21 ไม่ต้องการและเพราะว่าเออก็ก็ถ้าเกิด
00:22:21 → 00:22:24 ต้องการเนี่ยก็เจ็บใช่ป่ะอ่างั้นก็ไม่
00:22:24 → 00:22:27 ต้องการนะแล้วพอช่วงวัยเนี่ยที่เริ่มโต
00:22:27 → 00:22:31 ขึ้นเริ่มสนใจคนข้างนอกมากขึ้นก็ความ
00:22:31 → 00:22:34 ต้องการในเรื่องของการโอบกอดการแสดงออก
00:22:34 → 00:22:38 ทางด้านเอ่อการสื่อสารทางด้านร่างกาย
00:22:38 → 00:22:42 เนี่ยมันก็น้อยลง nonverbal มันน้อยลงแต่
00:22:42 → 00:22:45 ว่าพอคนอื่นเนี่ยจะมาแสดงออกกับตัวเอง
00:22:45 → 00:22:48 เนี่ยเออมันก็ทำให้เรารู้สึกกลัวนะอันนี้
00:22:48 → 00:22:51 ยกตัวอย่างนะนะคะ
00:22:51 → 00:22:58 อ่ามีหลายคนเบอกว่าพูดเก่งไม่ฟังกันอนะ
00:22:58 → 00:23:02 พูดเก่งไม่ฟังกัน
00:23:02 → 00:23:08 อ่าบอกฟังครับแต่พอพูดไรไปผิดหมดอ่าในวง
00:23:08 → 00:23:13 เล็บเมื่อก่อนนะคะอ่าดีใจด้วยนะอ่าบ้าน
00:23:13 → 00:23:17 ไม่ค่อยก่อนนะคะพอโตมาก็จะเขินๆเวลากอด
00:23:17 → 00:23:20 กันสักทีนึงอ่านะคะเพราะงั้นเนี่ยการสื่อ
00:23:20 → 00:23:24 สารเนี่ยในในบ้านเนี่ยมันมีทั้งในเรื่อง
00:23:24 → 00:23:28 ของการที่เราใช้ภาษาใช่มยการที่เราใช้ใน
00:23:28 → 00:23:32 เรื่องของภาษากายนะคะอ่าการอบกอดการแสดง
00:23:32 → 00:23:35 ความรักการทำนู่นทำนี่ให้นะอ่าคราวนี้
00:23:35 → 00:23:40 คราวนี้เราก็จะสังเกตเนาะว่าคนที่มี
00:23:40 → 00:23:44 อิทธิพลในบ้านอ่ะเราลองนึกดูนะว่าตอนที่
00:23:44 → 00:23:48 เราเนี่ยโตขึ้นมาเนี่ยนะโดยเฉพาะในช่วง
00:23:48 → 00:23:52 ก่อนที่เราถึงวัยรุ่นเนี่ยนะใครบ้างคือคน
00:23:52 → 00:23:56 ที่เรานิยามคำว่าเค้าเนี่ยก็คือครอบครัว
00:23:56 → 00:24:00 เนาะอ่าแล้วเค้าแต่ละคนเนี่ยมีวิธีมีวิธี
00:24:00 → 00:24:02 การสื่อสารยังไงอ่ะเมื่อตะกี้เนี่ยอย่าง
00:24:02 → 00:24:05 ที่ยกตัวอย่างเนาะคุณพ่อเนี่ยอาจจะเป็น
00:24:05 → 00:24:10 แบบนึงคุณแม่อาจจะเป็นแบบนึงคนที่ถือกุม
00:24:10 → 00:24:13 อำนาจในครอบครัวบางครอบครัวก็อาจจะเป็น
00:24:13 → 00:24:18 คุณแม่ใชมั้บางครอบครัวก็อาจจะเป็นคุณพ่อ
00:24:18 → 00:24:24 แล้วก็ีนี้เราเนี่ยในฐานะคนที่อยู่ตรง
00:24:24 → 00:24:31 กลางคนที่อุ๊ยเราเพิ่งเห็นโลกใบเนี้ยนะ
00:24:31 → 00:24:35 เติบโตแล้วก็ยังงงๆกับโลกอยู่เนี่ยอ่าคำ
00:24:35 → 00:24:40 ถามคือพอเราอ่ะอยู่ในสภาพแวดล้อมกับ
00:24:40 → 00:24:43 ครอบครัวที่มีการสื่อสารแบบ
00:24:43 → 00:24:49 นี้มันมีผลกับการสื่อสารของตัวเราอย่างไร
00:24:49 → 00:24:54 อ้าสำคัญมากเลยนะอืพอเราเติบโตมากับ
00:24:54 → 00:24:58 ครอบครัวที่มีลักษณะการสื่อสารแบบนี้พ่อ
00:24:58 → 00:25:01 สื่อสารแบบนี้เงียบๆแม่พูดเยอะเหลือเกิน
00:25:01 → 00:25:06 ขี้บ่นพี่น้องไม่ค่อยฟังอะไรอย่าเงี้ยนะ
00:25:06 → 00:25:12 มันมีผลกับลักษณะการสื่อสารของเราอย่างไร
00:25:12 → 00:25:15 เอาล่ะตอบมาเลย
00:25:15 → 00:25:16 [เพลง]
00:25:16 → 00:25:17 [ปรบมือ]
00:25:17 → 00:25:19 [เพลง]
00:25:19 → 00:25:22 จ้าตอบมาเลย
00:25:22 → 00:25:27 จ้าเอ๊ะเหมือนเข้าคลาสเลยเนาะเหมือนเข้า
00:25:27 → 00:25:31 คลาสเลยนะเออที่บ้านเป็นทั้งกอดทั้งหอม
00:25:31 → 00:25:35 ได้ทุกสถานที่เจอโควิดอดทุกอย่าง
00:25:35 → 00:25:42 ออเหมือนกันเลยนะบ้านหมอก็เหมือนกันนะคะ
00:25:42 → 00:25:48 อ่ะไหนตอบมาหน่อยแชร์มาหน่อยนะว่ามันมีนะ
00:25:48 → 00:25:53 อิทธิพลกับลักษณะการสื่อสารของเราอย่างไร
00:25:53 → 00:25:55 นะ
00:25:55 → 00:26:03 คะรอเพื่อนแป๊บนึง
00:26:03 → 00:26:07 ซึ่งบอกเลยนะสิ่งนี้เนี่ยนะทำไมคำถามนี้
00:26:07 → 00:26:12 นะมันเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะว่ามันเป็น
00:26:12 → 00:26:17 สิ่งที่มันอาจจะไปอยู่ในกระบวนการคิดโดย
00:26:17 → 00:26:21 อัตโนมัติของเราอ่ะวันนี้หัวข้อของเราคือ
00:26:21 → 00:26:26 อะไรนะหัวข้อของเราก็คือเราเนี่ยจะมี
00:26:26 → 00:26:29 กระบวนการคิดนะหรือวิธีการคิดคิดแบบไหน
00:26:29 → 00:26:32 ที่จะทำให้เราเป็นนักสื่อสารที่สร้างความ
00:26:32 → 00:26:35 สุขได้ถูกมยเพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งสำคัญเลย
00:26:35 → 00:26:37 ไม่ใช่ว่าหมอจะต้องบอกว่าคุณคิดอย่างงั้น
00:26:37 → 00:26:39 นะคุณคิดอย่างนี้นะคุณต้องเป็นอย่างงั้น
00:26:39 → 00:26:45 No นะมันมันใช้ไม่ได้นะกับทุกคนทุกอย่าง
00:26:45 → 00:26:48 หรอกสิ่งสำคัญคือทุกคนต้องเริ่มต้นจาก
00:26:48 → 00:26:51 ความคิดเดิมที่ตัวเองมีอยู่นั่นแหละอ่า
00:26:51 → 00:26:54 แล้วเราเนี่ยจะได้รู้ว่ามันเป็นปัญหาตรง
00:26:54 → 00:26:58 ไหนเออแล้วเราจะปรับยังไงนะคะอันนี้คือ
00:26:58 → 00:27:01 สิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่ามาแล้วนะอ่ะคำ
00:27:01 → 00:27:05 ตอบมาแล้วะมาดิมาดูคำตอบของเพื่อนๆกันต่อ
00:27:05 → 00:27:08 มาก็เลยสื่อสารเฉพาะที่สำคัญที่อยากจะบอก
00:27:08 → 00:27:14 หรือต้องปรึกษาอืนะ
00:27:14 → 00:27:18 คะเพราะว่าคือที่บ้านอาจจะไม่ค่อยได้สื่อ
00:27:18 → 00:27:22 สารกันใช่มเพราั้นเนี่ยโตมาเราก็เลยนะ
00:27:22 → 00:27:25 เวลาเราจะสื่อสารคือก็จะสื่อสารที่ที่คิด
00:27:25 → 00:27:28 ว่าสุดๆแล้วเท่านั้นนะอ่าที่บ้านคุยกัน
00:27:28 → 00:27:32 ตรงๆนะคะไม่อ้อมค้อมกลายเป็นเรา
00:27:32 → 00:27:39 อยู่กับคนอื่นแบบพูดอเอออันนี้
00:27:40 → 00:27:44 เด็ดนะเอ่อที่บ้านง่ายๆไงเออพูดตรงๆนะไม่
00:27:44 → 00:27:47 ดราม่านะเพราะะนั้นพอติดออกไปข้างนอกกลาย
00:27:47 → 00:27:51 เป็นเรากลายเป็นดูปากไวซะงั้นนะอ่าอนี้
00:27:51 → 00:27:56 เป็นของคุณชลพรนะอืน่าสนใจน่าสนใจนะอ้า
00:27:56 → 00:27:59 เพื่อนๆคนอื่นๆนะเออถ้าเกิดไม่ได้ขับรถ
00:27:59 → 00:28:03 อยู่นะคะก็นะลองลองตกตะกอนแล้วก็ลองลอง
00:28:03 → 00:28:05 แชร์มานะเพราะว่านี่แหละคือคือประโยชน์
00:28:05 → 00:28:09 ที่เราจะได้ฟังด้วยกันโอเคเพราะั้นเนี่ย
00:28:09 → 00:28:15 เราก็จะเห็นเลยนะว่าเอ่ออิทธิพลนะคะของ
00:28:15 → 00:28:19 ของการสื่อสารในบ้านของเราหรือคนที่เรา
00:28:19 → 00:28:23 เติบโตมาด้วยเนี่ยเออจริงๆแล้วอ่ะมันก็มี
00:28:23 → 00:28:27 ผลกับวิธีคิดของเราในเรื่องของการสื่อสาร
00:28:27 → 00:28:30 เหมือนกันอย่างเมื่อกี้คุณชลพรก็บอกว่าออ
00:28:30 → 00:28:34 ที่บ้านก็คือตรงๆเลยนะคิดอะไรอะไรก็พูดนะ
00:28:34 → 00:28:37 พูดเสร็จก็จบนะนั้นก็เลยทำให้บางทีตัวเอง
00:28:38 → 00:28:41 พอไปอยู่นอกบ้านอาจจะดูเป็นคนปากไวอ่าใน
00:28:41 → 00:28:45 ขณะบ้านอีกหลังนึงเนี่ยบอกว่าไม่ค่อยพูด
00:28:45 → 00:28:48 นะเออแม้กระทั่งโอบกอดกันเนี่ยก็ไม่ค่อย
00:28:48 → 00:28:51 เลยเพราะฉะนั้นเนี่ยโตมาจะทำก็เขินอาย
00:28:51 → 00:28:55 งั้นก็จะอ่าอะไรที่พูดคือคือเอาเฉพาะ
00:28:55 → 00:28:58 สำคัญเท่านั้นหรือต้องปรึกษาเท่านั้นอื
00:28:58 → 00:29:02 อันเนี้ยสิ่งถ้าเป็นในกรณีนี้เนี่ยความ
00:29:02 → 00:29:06 คิดต้องระวังคืออะไรเพราะว่าคือบางทีอ่ะ
00:29:06 → 00:29:11 ไอ้สิ่งที่เราคิดว่าเอออันเนี้ยคือสำคัญ
00:29:11 → 00:29:13 ต้องสื่อสาร
00:29:13 → 00:29:16 นะเนี่ยอันเนี้ยมันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด
00:29:16 → 00:29:19 เรื่องที่เราคิดว่ามันไม่สำคัญหรอกนะหรือ
00:29:20 → 00:29:22 ไม่ต้องพูดหรอกไม่ต้องสื่อสารหรอกมันอาจ
00:29:22 → 00:29:26 จะเป็นข้อความที่คนรอบข้างเค้ากำลังรอคอย
00:29:26 → 00:29:29 ก็ได้ใช่มยเจะกำลังรอคอยว่าเราจะเมื่อ
00:29:29 → 00:29:31 ไหร่เราจะพูดนะเมื่อไหร่เราจะเคลียร์
00:29:32 → 00:29:36 เมื่อไหร่เราจะบอกนะอืแต่พอเรามีมาตวัดนะ
00:29:36 → 00:29:41 มีเกณฑ์ของคำว่าสำคัญเกิดขึ้นเนาหรือโอ
00:29:41 → 00:29:44 ต้องอดรนทนไม่ได้เท่านั้นเกิดขึ้นเนี่ย
00:29:44 → 00:29:46 อ่อต้องบอกว่าไอ้ตัวเนี้ยความสำคัญตัว
00:29:46 → 00:29:50 เนี้ยในแต่ละคนเก็จะไม่เหมือนกันนะคะ
00:29:50 → 00:29:54 อ่าต่อมานะอ่ะพี่พักบอกว่าไม่เห็นคุณพ่อ
00:29:54 → 00:29:58 คุณแม่คุยกันเยอะผมก็อาจจะสื่อแค่เรืื่อง
00:29:58 → 00:30:00 สำคัญำคัญนะคะ
00:30:01 → 00:30:03 อ่าซึ่งจริงๆแล้วเนี่ยก็เป็นเรื่องที่ดี
00:30:04 → 00:30:07 นะคะงั้นเราเราคิดว่าสำคัญเนี่ยโอเคเราก็
00:30:07 → 00:30:10 ต้องสื่อสารแต่อย่างที่บอกนะมันก็กลาย
00:30:10 → 00:30:12 เป็นว่าสิ่งที่เราต้องระวังก็คือว่าความ
00:30:12 → 00:30:15 สำคัญของแต่ละคนไม่เหมือนกันอย่างเช่น
00:30:15 → 00:30:19 เรื่องนี้คนข้างๆกายเราเจะรู้สึกว่าสำคัญ
00:30:19 → 00:30:22 แต่เรามองว่ามันไม่สำคัญน่ะมันไม่ต้องพูด
00:30:22 → 00:30:26 เพคนข้างๆก็จะรู้สึกว่าเอ๊ะทำไมแบบไม่
00:30:26 → 00:30:28 เคลียร์เลยอ่ะเออทำไมเรื่องนี้ไม่บอกนะ
00:30:28 → 00:30:31 หรือว่าบอกว่าตอนที่แบบอาจจะเอ่อรู้สึก
00:30:31 → 00:30:34 ว่ามันช้าเกินไปมยอะไรอย่างเงี้ยนะ
00:30:34 → 00:30:38 คะคุณสุภกิจบอกว่าถ้าเป็นแม่นะจะช่างพูด
00:30:38 → 00:30:43 ช่างคุยนะคะถ้าคุณพ่อก็เงียบๆขึมๆนะคะอ่า
00:30:43 → 00:30:47 งั้นลูกก็จะคุยเก่งหรือเงียบๆครับนะคะอ่ะ
00:30:47 → 00:30:49 อันนี้ก็จริงๆแล้วก็เป็นลักษณะวัฒนธรรม
00:30:49 → 00:30:52 ของบ้านเราก็จะส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้นะ
00:30:52 → 00:30:57 คะคุณแม่ก็จะพูดเก่งหน่อยอ่ะต่อมานะคะต่อ
00:30:57 → 00:31:00 มาเนี่ย
00:31:00 → 00:31:06 เอ่อเราลองมาดูนะว่านะเราลองมาดูว่าอย่าง
00:31:06 → 00:31:10 เมื่อกี้เราคุยกันไปแล้วนะคะว่าเออมันก็
00:31:10 → 00:31:13 เลยทำให้ตัวเราอาจจะมีลักษณะของการสื่อ
00:31:13 → 00:31:17 สารอย่างไรแต่ไอ้การที่เรามีลักษณะการ
00:31:17 → 00:31:20 สื่อสารอย่างไรเนี่ยจริงๆเนี่ยมันก็จะมา
00:31:21 → 00:31:24 จากความเชื่อหรือความคิดในเรื่องของการ
00:31:24 → 00:31:28 สื่อสารของเราครานี้หมาเอิ้นรวบรวมมาให้
00:31:28 → 00:31:34 ละกันนะเราลองมาเช็คดูนะเราลองมาเช็คดูนะ
00:31:34 → 00:31:37 คะอัน
00:31:37 → 00:31:40 นี้ทัศนคติในเรื่องของการสื่อสารเนี่ย
00:31:40 → 00:31:44 ต้องบอกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นเลยนะที่เรา
00:31:44 → 00:31:51 เองเนี่ยจะมีวิธีการสื่อสารอย่าง
00:31:51 → 00:31:56 ไรเรามาดูกระบวนการคิดแรกแล้วะกันนะที่
00:31:56 → 00:32:01 ถ้าเรามีกระบวนการคิดแบบนี้เนี่ยน่าจะ
00:32:01 → 00:32:05 ช่วยให้เราเนี่ยเป็นผู้สื่อสารที่ดีได้
00:32:05 → 00:32:08 มากขึ้นนะอันแรกก็คือ
00:32:08 → 00:32:13 ว่าเรามีมยที่เราเชื่อนะว่ามนุษย์ทุกคน
00:32:13 → 00:32:18 เนี่ยนะมีความกรุณาเป็นพื้น
00:32:18 → 00:32:23 ฐานเราจะได้ยินคำว่าเมตตาใช่ไมยคะเมตตา
00:32:23 → 00:32:27 คือความปรารถนาดีเนความกรุณาเนี่ยก็คือ
00:32:27 → 00:32:31 คือการที่มีความปรารถนาที่อยากจะช่วย
00:32:31 → 00:32:34 เหลือให้คนอื่นดี
00:32:34 → 00:32:38 ขึ้นเออทำไมนะความเชื่อนี้เนี่ยถึงสำคัญ
00:32:38 → 00:32:41 กับการสื่อสารทำไมความเชื่อนี้ถึงสำคัญ
00:32:41 → 00:32:44 กับการสื่อสารมันสำคัญเพราะว่าอะไรถ้าเรา
00:32:44 → 00:32:51 สังเกตดีๆนะคือเวลาที่เราอ่ะไปบอกไปพูดไป
00:32:51 → 00:32:54 อะไรใครซักคนเนี่ยก็คือส่วนใหญ่อ่ะมันก็
00:32:54 → 00:32:57 เป็นเพราะว่าเอ่อเราก็หวังดีแหละใช่มยเรา
00:32:57 → 00:33:00 ก็หวังดีเราก็อยากเตือนเราก็อยากบอกนะ
00:33:00 → 00:33:07 ซึ่งคนอื่นเนี่ยเขาก็คิดว่าการ่อฟีดแบค
00:33:07 → 00:33:13 การเตือนการบอกเนี่ยมันก็เป็นวิธีการหนึง
00:33:13 → 00:33:18 ในการที่จะช่วยเหลือเช่นกันนะคะแต่
00:33:18 → 00:33:22 ประเด็นสำคัญเนี่ยก็คือว่าคนเราอ่ะเรามี
00:33:22 → 00:33:26 ทักษะในการใช้คำพูดไม่เหมือนกันดังนั้น
00:33:26 → 00:33:30 เนี่ยเวลาที่บางคนนะเค้ามาพูดมาบอกมา
00:33:30 → 00:33:34 เตือนเนี่ยเราไปไม่ถึงความกรุณาเค้าหรอกเ
00:33:34 → 00:33:37 เคจะเราจะรู้สึกแบบควันออกหูทันทีเลยนะ
00:33:37 → 00:33:39 โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่เนี่ยคนใกล้ตัวเนี่ย
00:33:39 → 00:33:42 โอ้ถ้าบอกเ้าเตือนเนี่ยเอ้ยบางทีมันมี
00:33:42 → 00:33:45 อารมณ์กึ๊ดขึ้นมาได้ทันทีเลย
00:33:45 → 00:33:49 นะแล้วเราก็ลืมไปเลยว่าเพราะอะไรเขาถึง
00:33:49 → 00:33:53 พูดใช่มยอ่ะเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดว่า
00:33:53 → 00:33:55 เราเนี่ยมีความเชื่อนะเป็นพื้นฐานเลยว่า
00:33:55 → 00:33:59 เออนะคนเราเนี่ยเนี่ยนะจริงๆแม้กระทั่ง
00:33:59 → 00:34:02 ตัวเราเองเนี่ยเราก็มีความกรุณาเนี่ยเป็น
00:34:02 → 00:34:05 พื้นฐานเเราก็มีความปรารถนาดีอยากช่วยคน
00:34:05 → 00:34:08 อื่นนะคุณพ่อคุณแม่ก็มีความปรารถนาดีอยาก
00:34:08 → 00:34:12 จะช่วยเราหัวหน้านะเพื่อนเก็มีความ
00:34:12 → 00:34:16 ปรารถนาดีนะที่อยากจะเตือนเราอยากจะให้
00:34:16 → 00:34:20 เราเก่งขึ้นนะเพรางั้นเค้าอาจจะมีปัญหาใน
00:34:20 → 00:34:24 เรื่องของการใช้คำพูดโอเคมันอาจจะไม่
00:34:24 → 00:34:28 คล่องหูแล้วเราก็อาจจะแบบรู้สึก
00:34:28 → 00:34:32 อยากจะมีความรู้สึกเกิดขึ้นได้แต่เมื่อ
00:34:32 → 00:34:34 ไหร่เราเห็นความกรุณาและความปรารถนาดีเรา
00:34:34 → 00:34:39 จะสงบใจได้เร็วขึ้นนะจ๊ะ
00:34:39 → 00:34:42 อื
00:34:42 → 00:34:44 [เพลง]
00:34:44 → 00:34:47 อ่าอันที่ 2 นะ
00:34:47 → 00:34:49 คะ
00:34:49 → 00:34:59 การสื่อสารที่ดีจะเริ่มต้นที่เจตนาที่ดี
00:34:59 → 00:35:02 อันนี้ก็จะคล้ายๆเมื่อตะกี้นี้เหมือนกัน
00:35:02 → 00:35:06 นะอ่าแต่ว่าอันนี้เนี่ยก็คือจะโฟกัสไป
00:35:06 → 00:35:12 หน่อยนะว่าการสื่อสารที่ดีจะเริ่มต้นจาก
00:35:12 → 00:35:14 เจตนาที่
00:35:14 → 00:35:18 ดีงั้นเมื่อไหร่ก็ตามนะอันนี้ก็คือเป็น
00:35:18 → 00:35:21 ข้อสังเกตว่าเมื่อไรก็ตามที่ถ้าเกิดว่า
00:35:21 → 00:35:25 เราเนี่ยรู้สึกว่า
00:35:25 → 00:35:28 แฉันจะต้อง
00:35:28 → 00:35:34 พูดให้เธอรู้สำนึกให้ได้เลยเออนะต้องให้
00:35:34 → 00:35:39 เธอรู้ตัวนะอืเธอต้องรู้สึกผิดกับสิ่งนี้
00:35:39 → 00:35:43 นะเธอจะได้จำนะจำแล้วจะได้ไม่ต้องทำผิด
00:35:43 → 00:35:47 อีกนะเมื่อไรที่เนี่ยมันมีความคิดอย่าง
00:35:47 → 00:35:51 นี้ผุดขึ้นนะขอความกรุณาเลยว่าอย่าเพิ่ง
00:35:51 → 00:35:55 พูดนะเพราะว่าจริงๆอ่ะคำพูดที่เกิดจาก
00:35:55 → 00:35:59 ม่านหมอกของอารมณ์แบบเนี้ยอ่ะมักจะเป็นคำ
00:35:59 → 00:36:03 พูดที่ไม่ได้สร้างสรรค์เสมออ่ะแต่ถ้าเรา
00:36:03 → 00:36:07 เนี่ยนะสามารถที่จะสงบสึกของม่านหมอกไอ้
00:36:07 → 00:36:12 ความรู้สึกนี้ได้นะแล้วเราก็ค่อยๆมองมัน
00:36:12 → 00:36:16 เนี่ยเออทำไมเราถึงอยากให้เค้าอ่ะรู้ล่ะ
00:36:16 → 00:36:19 ว่าสิ่งนี้นี้มันผิดนะทำไมเราถึงอยากให้
00:36:19 → 00:36:23 เค้าเนี่ยสำนึกแล้วก็ไม่ต้องผิดอีกนะเออ
00:36:23 → 00:36:25 เพราะฉนั้นจริงๆเนี่ยเราก็ไม่อยากให้มัน
00:36:25 → 00:36:27 เกิดความผิดพลาดไม่อยากให้เค้าผิดพลาดใช่
00:36:27 → 00:36:32 งั้นเนี่ยคือเราต้องมีสติกับอารมณ์ก่อนนะ
00:36:32 → 00:36:36 จนกระทั่งเราเกิดเจตนาที่ดีก่อนนะเราถึง
00:36:36 → 00:36:40 จะสื่อสารถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนะคะ
00:36:40 → 00:36:43 เพราะงั้นเนี่ยถ้าเกิดเรามี mindset ใน
00:36:43 → 00:36:47 เรื่องของการอยากเอาคืนการอยากเอาชนะการ
00:36:47 → 00:36:50 อยากทำให้ใครคนนึงรู้สึกผิดรู้สึกสำนึกนะ
00:36:50 → 00:36:55 คะรู้ไว้เลยนะถ้าคุณพูดไปอาจจะเกิดปัญหา
00:36:55 → 00:37:00 ตามมาได้นะคะแต่แต่ถ้าเกิดว่าเราสงบสึกนะ
00:37:00 → 00:37:04 จนกระทั่งมองเห็นเจตนาที่ดีของตัวเองก่อน
00:37:04 → 00:37:07 ที่เราจะสื่อสารแม้ว่าเรื่องนั้นนะมันจะ
00:37:07 → 00:37:10 เป็นเรื่องที่เาเองไม่อยากฟังที่สุดแต่
00:37:10 → 00:37:12 เชื่อสิคะว่ามันจะได้ประโยชน์ที่สุดนะคะ
00:37:13 → 00:37:14 กับเรื่องนั้น
00:37:14 → 00:37:16 นะ
00:37:16 → 00:37:23 อ่าต่อมานะคะก็คือ
00:37:23 → 00:37:31 อ่าการคิดว่าทำยังไงคนฟังจะเชื่อเราแต่
00:37:31 → 00:37:37 ไม่อยากรู้ว่าเค้าคิดยังไงเป็นการเอ่อ
00:37:37 → 00:37:43 เป็นความคิดที่อันตรายต่อการสื่อสาร
00:37:43 → 00:37:46 อ่าการที่นะ
00:37:46 → 00:37:54 เอ่อเราเนี่ยอยากที่จะให้เค้าฟังฟังเรา
00:37:54 → 00:37:58 โดยที่เราเองเนี่ยไม่ได้แบบมีพื้นที่ใน
00:37:58 → 00:38:03 การที่จะอยากฟังเาด้วยคือเธอต้องฟังฉัน
00:38:03 → 00:38:09 นะเธอต้องรับฟังสิ่งนี้จากฉันเท่านั้นนะ
00:38:09 → 00:38:13 โดยที่เราไม่ได้เปิดพื้นที่เลยที่จะฟังเ
00:38:13 → 00:38:17 หรือทำความเข้าใจเค้านะคะเอออันเนี้ยก็
00:38:17 → 00:38:20 คือเป็นความคิดที่อันตรายนะอ่างั้นเป็น
00:38:20 → 00:38:24 เป็น Minds ที่เราเองอาจจะต้องรู้ไว้นะคะ
00:38:24 → 00:38:29 อต่อมา
00:38:29 → 00:38:34 การที่เรามีพลังบวกในชีวิตนะเป็นต้นทุน
00:38:34 → 00:38:36 ของการสื่อสารที่
00:38:36 → 00:38:38 ดี
00:38:38 → 00:38:42 ทำไมการที่เราเนี่ยมีความเชื่อแบบนี้ถึง
00:38:42 → 00:38:46 สำคัญนะเราสังเกตสิอ่ะถ้าสมมุตินะเรา
00:38:46 → 00:38:50 เนี่ยนะอยู่ในสภาวะของความเศร้านะการสื่อ
00:38:50 → 00:38:54 สารของเราจะเป็นยังไงคะบางทีนะเราแค่มอง
00:38:54 → 00:38:57 ตาเอ่อคนอื่นเนี่ยเอเขาก็สัมผัสได้แล้ว
00:38:57 → 00:39:01 ใช่มยเอ่อหรือว่าเอ่อบางทีนะคำพูดก็อาจจะ
00:39:01 → 00:39:05 เป็นนะหลายๆครั้งเนี่ยเราก็จะเป็นลักษณะ
00:39:05 → 00:39:09 ของความไม่มั่นใจไม่มั่นใจตัวเองไม่มั่น
00:39:09 → 00:39:13 ใจคนอื่นไม่มั่นใจถึงความปลอดภัยของโลกใบ
00:39:13 → 00:39:15 นี้นะคะงั้น
00:39:15 → 00:39:19 เอ่อหรือบางทีการที่เราเนี่ยมีความ
00:39:19 → 00:39:22 เหนื่อยล้านะความเหนื่อยล้าเนี่ยนะมันทำ
00:39:23 → 00:39:26 ให้เราเกิดอะไรความวุนอิดใจนะความเหนื่อย
00:39:26 → 00:39:29 ล้าเนี่ยทำทำให้เราแบบรู้สึกอารมณ์มัน
00:39:29 → 00:39:33 เปราะบางมากนะเพรางั้นเนี่ยเราก็อาจจะแบบ
00:39:33 → 00:39:37 มีความคิดอะไรที่มันอาจจะไม่จริงนะเอจะ
00:39:37 → 00:39:39 เป็นความคิดในแง่ลบได้ง่ายแล้วก็สามารถ
00:39:39 → 00:39:42 ที่จะพุ่งคำพูดนั้นออกไปหาคนอื่นได้ง่าย
00:39:42 → 00:39:46 เพราะฉะนั้นเนี่ยการที่เราเองนะคะรักษานะ
00:39:46 → 00:39:49 ในเรื่องของพลังงานชีวิตของเราไม่ว่าจะ
00:39:49 → 00:39:52 เป็นการดูแลร่างกายที่ดีเออไม่น่าเชื่อ
00:39:52 → 00:39:55 ใช่มยอืแต่มันเป็นอย่างงั้นจริงๆนะการที่
00:39:55 → 00:39:58 เราดูแลร่างกายที่ดีนะการที่เรานอนหลับดี
00:39:58 → 00:40:02 นอนหลับเพียงพอนะคะการที่เราได้ออกกำลัง
00:40:02 → 00:40:06 กายการที่เราได้แบ่งเวลาสักเล็กน้อยนะคะ
00:40:06 → 00:40:10 ทำสิ่งที่เรารู้สึกว่าเรามีความสงบสุข
00:40:10 → 00:40:13 อันเนี้ยมันจะเป็นแบบพื้นฐานในการที่เรา
00:40:13 → 00:40:15 รักษาอารมณ์แล้วก็เวลาที่เราจะต้องสื่อ
00:40:15 → 00:40:19 สารโดยเฉพาะเรื่องสำคัญเรื่องยากๆแล
00:40:19 → 00:40:21 เรื่องที่เราจะต้องแบบอาจจะเป็นเรื่องที่
00:40:21 → 00:40:23 เราต้องฟีดแบคนะหรือเราเรื่องต้องพูด
00:40:23 → 00:40:28 เรื่องลำบากใจเนี่ยเออมันจะเป็นสภาวะที่
00:40:28 → 00:40:32 มันเหมาะสมในการพูดนะแล้วก็คำพูดของเรา
00:40:32 → 00:40:34 เนี่ยแม้ว่ามันจะเป็นลบนะคำพูดของเรา
00:40:34 → 00:40:37 เนี่ยมันก็ทำให้อีกฝ่ายนึงเนี่ยเขาฟังได้
00:40:37 → 00:40:40 แล้วก็เป็น Positive ได้เช่นกันนะคะอ่า
00:40:40 → 00:40:43 อันนี้อันนั้นก็แชร์เลยนะว่าจริงๆแล้วอ่ะ
00:40:44 → 00:40:47 หมอเอิ้นเนี่ยก็คือเป็นคนนึงเลยนะที่เอ่อ
00:40:47 → 00:40:51 บรรจุในเรื่องของการดูแลตัวเองไม่ว่าจะ
00:40:51 → 00:40:55 เป็นเรื่องของเวลานอนอืเพราะว่าเราอ่ะรู้
00:40:55 → 00:40:59 จริตของตัวเราเป็นคนที่ชอบทำนู่นทำนี่มี
00:41:00 → 00:41:03 ความเอ่อมันรู้สึกดีอ่ะเวลาที่เรา
00:41:03 → 00:41:08 เอ่อคิดนะทำนู่นทำนี่แล้วมันเกิดผลอ่า
00:41:08 → 00:41:11 แล้วก็มีผลกับคนอื่นอะไรอย่างเงี้ยคือไม่
00:41:11 → 00:41:14 งั้นเราก็จะเจ้าโปรเจคไปเรื่อยๆเพงั้น
00:41:14 → 00:41:16 สิ่งสำคัญก็คือว่ามันก็ทำให้เราเหนื่อยนะ
00:41:16 → 00:41:19 เออคือไยคนแบบเมันมันเหนื่อยอ่ะเพราะมัน
00:41:19 → 00:41:22 หาเรื่องให้ตัวเองตลอดเลยเออไม่หยุดสักที
00:41:22 → 00:41:26 เลยนะแต่ว่าพอเรามาทำงานด้านเยค่ะเรามาทำ
00:41:26 → 00:41:28 งานในเรื่องของการสื่อสารกับคนนะการทำ
00:41:28 → 00:41:32 ความเข้าใจคนการทำให้เคเข้าใจตัวเองทำให้
00:41:32 → 00:41:36 เค้าเข้าใจกันอะไรอย่างเงี้ยนะเอ่อการที่
00:41:36 → 00:41:40 พลังงานชีวิตเราเนี่ยต้องเรียกว่าเป็น
00:41:40 → 00:41:44 ธรรมชาติเป็นปกติอืไม่ดราม่ากับความคิด
00:41:44 → 00:41:47 ไม่ดราม่ากับอารมณ์เนี่ยเป็นสิ่งสำคัญสูง
00:41:47 → 00:41:51 สุดเลยเพราะั้นเนี่ยก็เลยกลายเป็นว่าเออ
00:41:51 → 00:41:55 เราเนี่ยนะจะไปทำนู่นทำนี่เพื่อวิ่งหา
00:41:55 → 00:41:58 ความสำเร็จกับโลกภายนอกอย่างเดียวเนี่ย
00:41:58 → 00:42:00 ไม่ได้เพราะว่าถ้าทำแบบนั้นเนี่ยตัวเองจะ
00:42:00 → 00:42:04 ทำงานแบบนี้ไม่ได้ั้นสิ่งที่หมอเอิ้นทำ
00:42:04 → 00:42:08 เพื่อที่จะให้ตัวเองเนี่ยยังคงเอ่อความ
00:42:08 → 00:42:11 สามารถในเรื่องของการสื่อสารและก็การที่
00:42:11 → 00:42:15 เราสามารถดูแลจิตใจคนอื่นได้ก็คือการที่
00:42:15 → 00:42:19 ระบุนะในเรื่องของการดูแลตัวเองไว้เป็น
00:42:19 → 00:42:23 ส่วนนึงเลยเป็นส่วนสำคัญของงานเลยนะคะอ่า
00:42:23 → 00:42:27 ยังไงนะเราก็ต้องนอนเพียงพอนะยกเว้นว่า
00:42:27 → 00:42:30 ว่าในกรณีที่ช่วงนั้นเนี่ยมันเป็นช่วงที่
00:42:30 → 00:42:33 ไคริจริงๆที่เราจะต้องทำโปรเจคทำเรื่อง
00:42:33 → 00:42:36 นั้นละเเสร็จแต่เรารู้ว่าเนี่ยเราจะต้อง
00:42:36 → 00:42:41 อดทนนะหรือว่าต้องเอ่อทรมานร่างกายตัวเอง
00:42:41 → 00:42:44 ไปอีกนานเท่าไหนอ่าหรือว่าการที่เราต้อง
00:42:44 → 00:42:47 แบ่งเวลาในการออกกำลังกายการที่เราต้อง
00:42:47 → 00:42:50 แบ่งเวลาในการที่สร้างความสงบสุขให้กับ
00:42:50 → 00:42:53 ตัวเองนะกับกิจกรรมบางอย่างอย่างเงี้ย
00:42:53 → 00:42:56 เป็นต้นนะก็คือระบุไว้ในเรื่องของงานใน
00:42:56 → 00:42:58 เรื่องของการใช้ในชีวิตเลยนะคะอันนี้ก็
00:42:58 → 00:43:02 เป็นเป็นเทคนิคเลยนะของตัวเองเลย
00:43:02 → 00:43:04 นะ
00:43:04 → 00:43:07 อ่าต่อมานะคะ
00:43:07 → 00:43:12 อืก็คือการที่เราอาจจะต้องรู้ว่าในเบื้อง
00:43:12 → 00:43:15 หลังนะการกระทำหรือคำ
00:43:15 → 00:43:17 พูด
00:43:17 → 00:43:21 ของแต่ละคนนะไม่ว่าจะเป็นตัวเรานะหรือว่า
00:43:21 → 00:43:25 คนที่เรากำลังสื่อสารด้วยเนี่ยนะเค้า
00:43:25 → 00:43:27 ล้วนแต่
00:43:27 → 00:43:33 แบบมีสิ่งที่ซ่อนอยู่เนี่ยอ่าล้วนเดี๋ยว
00:43:33 → 00:43:35 นะขอ
00:43:35 → 00:43:40 อนุญาตอันนี้ก็เขียนเองนะเขียนเองก็อ่าน
00:43:40 → 00:43:44 ไม่ออกเองเออือันนี้อาจจะเป็นแบบพอเอ่อ
00:43:44 → 00:43:49 ใช้ลายมือดีไปหน่อยนะเบื้องหลังการกระทำ
00:43:49 → 00:43:52 และคำพูดนะอ่าล้วนเป็นการตอบสนองความ
00:43:52 → 00:43:57 ต้องการเชิงลึกบางอย่างอืนั้น
00:43:57 → 00:44:02 เพราะฉะนั้นเนี่ยสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นถ้า
00:44:02 → 00:44:05 เรารู้เรื่องนี้เนาว่าเออบางทีคำพูดนะ
00:44:05 → 00:44:09 หรือการกระทำเนี่ยนะเฮ้ยมันไม่ได้มันไม่
00:44:09 → 00:44:10 ได้
00:44:10 → 00:44:15 แปลแบบนั้นนะตรงตัวแบบนั้นเสมอๆหรอกนะมัน
00:44:15 → 00:44:19 อาจจะมีความหมายที่ซ่อนอยู่หรือมันอาจจะ
00:44:19 → 00:44:22 มีอะไรที่มันลึกซึ้งกว่านั้นงั้นเมื่อ
00:44:22 → 00:44:25 ไหร่ที่เรารู้แบบนี้นะเมื่อไหร่ที่เรารู้
00:44:25 → 00:44:28 แบบนี้นะสิ่งที่จะเกิดขึ้นนะเราต้องทำก็
00:44:29 → 00:44:34 คือว่าเราก็ต้องช้ากับการที่จะตอบสนองให้
00:44:34 → 00:44:39 มันช้าลเราสังเกตนะพอเวลาที่ใครอาจจะมา
00:44:39 → 00:44:43 เอ่อพูดนะหรือคุณพ่อคุณแม่จะมาเตือนเรานะ
00:44:43 → 00:44:46 หัวหน้าจะเตือนเราเนี่ยคือมันอาจจะง่าย
00:44:46 → 00:44:49 มากเลยกับการที่เราเองเนี่ยจะมีคำพูดที่
00:44:49 → 00:44:53 สวนกลับทันทีเลยนะหรือตอบสนองต่อเสียงที่
00:44:53 → 00:44:57 มากระทบของเราเนี่ยได้ทันทีเลยนะคะ
00:44:57 → 00:45:02 งั้นการที่เราเร็วเกินไปแบบนั้นนะคะมันจะ
00:45:02 → 00:45:06 ทำให้ตัวเราเองเนี่ยยังไม่ทันได้พิจารณา
00:45:06 → 00:45:08 นะหรือว่า
00:45:08 → 00:45:13 เอ่อหยุดแล้วก็ลองมองดูถึงความหมายที่
00:45:13 → 00:45:17 ซ่อนอยู่อย่างเช่นเออเค้าอาจจะพูดคำเนี้ย
00:45:18 → 00:45:20 นะหรือว่าแสดงออกแบบเนี้ยด้วยความเป็น
00:45:20 → 00:45:24 ห่วงนะด้วยความเป็นห่วงเพรางั้นอันนี้ที่
00:45:24 → 00:45:28 เราจะสังเกตได้ง่ายๆเลยนะสในครอบครัวแบบ
00:45:28 → 00:45:33 ไทยๆเราอ่ะในยุคเจน x Gen Y อ่ะคือใน
00:45:33 → 00:45:35 ลักษณะการเติบโตของพวกเราจะไม่ค่อยแตก
00:45:35 → 00:45:39 ต่างนะถ้าเป็นเด็กๆสมัยเนี้ยการเติบโตเขา
00:45:39 → 00:45:42 จะแตกต่างะเพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ก็รตี้มาก
00:45:42 → 00:45:46 ๆนะสื่อโซเชียลก็รตี้มากๆแต่รุ่นใน Gen X
00:45:46 → 00:45:48 Gen Y อย่างเราเนี่ยก็คือรุ่นไดออก
00:45:48 → 00:45:52 เนี่ยกึ่งกลางดิจิตอลเนี่ยคือในแพทเทิร์น
00:45:52 → 00:45:55 ของการเลี้ยงดูเนี่ยอย่างเช่นเอ่อคุณพ่อ
00:45:55 → 00:45:57 คุณแม่เนี่ยอยากจะให้กำลังใจหบางทีเนี่ยเ
00:45:57 → 00:46:02 จะใช้คำพูดว่าไงเออเนี่ยทำไมพี่ทำได้นะ
00:46:02 → 00:46:06 ทำไมน้องทำได้ทำไมเอ่อคนข้างบ้านทำได้
00:46:07 → 00:46:10 อะไรอย่างเงี้ยนะอาจจะใช้คำพูดในเชิงของ
00:46:10 → 00:46:16 ความกดดันนะหรืออ้อเอ่อเแค่นี้เลเรงหรอ
00:46:16 → 00:46:18 อะไรอย่างเงี้ยหรือการที่อาจจะไม่ได้ให้
00:46:18 → 00:46:21 กำลังใจเงี้ยเป็นต้นเเพรางั้นคำพูดอย่าง
00:46:21 → 00:46:24 เงี้ยถ้าเกิดเราตัดสินปุ๊บเนี่ยคืออะไร
00:46:24 → 00:46:28 คือน้อยใจในทันทีเลยแต่แต่ว่าจริงๆอ่ะมัน
00:46:28 → 00:46:31 อาจจะเกิดจากการที่เค้าอ่ะรู้สึกว่า
00:46:31 → 00:46:35 เออเฮ้ยดีแล้วแต่ว่าพยายามได้มากกว่านี้
00:46:35 → 00:46:40 ก็ดีนะอ่าหรือความเป็นห่วงนะคะเอออยากให้
00:46:40 → 00:46:42 ลูกมั่นคงอยากให้ลูกประสบความสำเร็จ
00:46:42 → 00:46:44 อันเนี้ยเป็นแพทเทิร์นนึงเนาะอยากให้ลูก
00:46:44 → 00:46:47 มั่นคงอยากให้ลูกประสบความสำเร็จเนี่ยโอ้
00:46:47 → 00:46:53 โหยกระบวนการที่เอ่อจะเรียกว่าสร้างแรงกด
00:46:53 → 00:46:56 ดันให้ลูกเนี่ยโอมีหลากหลายกระบวนการมาก
00:46:56 → 00:46:59 นะนั้นไม่ว่าจะเป็นคำพูดการเปรียบเทียบ
00:46:59 → 00:47:02 ต่างๆงั้นเราจะสังเกตนะสิ่งเหล่านี้เนี่ย
00:47:02 → 00:47:05 มักจะมีเบื้องหลังอยู่เสมอนะคะมีเบื้อง
00:47:05 → 00:47:07 หลังอยู่เสมอเพราะงั้นเวลาที่เราได้ยิน
00:47:07 → 00:47:10 ได้ฟังแล้วเรารู้สึกจึ๊กแบบเเนี่ยคือให้
00:47:11 → 00:47:14 เราเนี่ยลองช้าลงนิดนึงงั้นการช้าลงเนี่ย
00:47:14 → 00:47:19 ให้เราลองดูสิว่าไอ้คำพูดหรือสิ่งที่เขา
00:47:19 → 00:47:24 สื่อสารมาเนี่ยนะมันมีความหมายหรือมันมี
00:47:24 → 00:47:28 อะไรเบื้องลึกที่มันซ่อนอยู่ในคำพูดนี้
00:47:28 → 00:47:31 หรือเปล่ายิ่งคำพูดไหนนะหมอบอกเลยนะยิ่ง
00:47:31 → 00:47:34 คำพูดไหนที่มันสะเทือนหัวใจเรามากเท่า
00:47:34 → 00:47:39 ไหร่มันหมายความว่ามันไม่สะกิดแผลบาง
00:47:39 → 00:47:44 อย่างในใจเรางั้นมันจะมาสะกิดแผลในใจเรา
00:47:44 → 00:47:48 ได้เนี่ยแสดงว่าคำนั้นเนี่ยมันสำคัญมัน
00:47:48 → 00:47:52 อาจจะบอกอะไรเราอยู่ก็ได้นะคะนั้นอันนี้
00:47:52 → 00:47:55 ให้เราช้าลงเนาะอ่างั้นเนี่ยย้ำนะก็คือ
00:47:55 → 00:47:59 ทุกคำพูดทุกการกระทำนะล้วนแล้วแต่มี
00:47:59 → 00:48:06 เบื้องลึกนะบางอย่างนะที่ซ่อนอยู่เสมอนะ
00:48:06 → 00:48:11 คะ
00:48:11 → 00:48:16 อือ่าต่อมานะคะก็
00:48:16 → 00:48:18 คือความคิดที่
00:48:18 → 00:48:25 ว่าความเงียบก็มีประโยชน์อืมนะเราสังเกต
00:48:25 → 00:48:28 นะหลายครั้งเนี่ยมันก็ลิงกับเมื่อตะกี้
00:48:28 → 00:48:31 เหมือนกันน่ะเวลาที่ใครพูดอะไรเข้ามา
00:48:31 → 00:48:36 เนี่ยเราก็หลายครั้งเราจะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:48:36 → 00:48:40 ฉันต้องตอบอะไรดีต้องตอบทันทีมยนะหรือบาง
00:48:40 → 00:48:43 บางคนเนี่ยก็คือเอ่อด้วยความที่ไม่อยาก
00:48:44 → 00:48:49 ที่จะแบบให้มันมี Dead Air ก็พูดนะคิด
00:48:49 → 00:48:54 อะไรขึ้นมาก็พูดๆๆๆๆๆๆๆไปเลยนะเพราะว่า
00:48:54 → 00:48:57 กลัวว่าเอ้ยพอความเงียบแล้วมันอึดอัดอ่ะ
00:48:57 → 00:49:01 นะบอกความเงียบแล้วมันแบบอืมันต้องทำอะไร
00:49:01 → 00:49:05 สักอย่างนะคะซึ่งอันเนี้ยนะการกลัวความ
00:49:05 → 00:49:08 เงียบเนี่ยต้องบอกเลยว่ามันเป็นปัญหาใน
00:49:08 → 00:49:11 เรื่องของการสื่อสารเหมือนกันนะคะแล้ว
00:49:11 → 00:49:13 เนี่ยในทางกลับกันนะในทางกลับกันน่ะถ้า
00:49:13 → 00:49:17 เราอ่ะรู้ว่าจริงๆแล้วอ่ะความเงียบเองก็
00:49:17 → 00:49:21 มีประโยชน์อืงั้นเนี่ยเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:49:21 → 00:49:23 เรารู้ว่าความเงียบมีประโยชน์เนี่ยนะเวลา
00:49:23 → 00:49:26 ที่เราสื่อสารกับใครบางคนแล้วต่างคนต่าง
00:49:26 → 00:49:32 เงียบอ่ะโอเคเพงั้นถ้าเราจะสังเกตนะเวลา
00:49:32 → 00:49:35 ที่เราต่างคนต่างเงียบอ่ะมันเกิดกระบวน
00:49:35 → 00:49:39 การอะไรในตัวเราอ้ามันก็ทำให้แต่ละคนก็
00:49:39 → 00:49:42 ได้ตกตะกอนใช่มยเราอาจจะเห็นสิ่งที่เรา
00:49:42 → 00:49:46 อยากพูดเราอาจจะเห็นสิ่งที่เราอยากจะเอ่อ
00:49:46 → 00:49:49 สื่อสารไปก่อนแต่ว่า
00:49:49 → 00:49:53 เออสักพักนึงถ้าเราไม่รีบร้อนจนเกินไปเรา
00:49:53 → 00:49:57 อาจจะพบว่าเออว่ะคำพูดเนี้ยไม่มีประโยชน์
00:49:57 → 00:50:01 เลยยิ่งพูดยิ่งพังเนหรือคำพูดเนี้ยมันมา
00:50:01 → 00:50:06 จากคำโกรธแมันมีจากความหงุดหงิดแฮะเออมัน
00:50:06 → 00:50:09 ไม่ได้มาจากแบบความจริงที่เราควรจะพูด
00:50:09 → 00:50:14 ด้วยกันแฮะนะคะั้นเนี่ยความเงียบเนี่ยไม่
00:50:14 → 00:50:17 ได้แปลว่ามันไม่ดีนะความเงียบเนี่ยบางที
00:50:17 → 00:50:20 มันเป็นสิ่งที่ดีงั้นเนี่ยแล้วเราก็ควร
00:50:20 → 00:50:24 ที่จะเริ่มต้นที่จะพูดหรือสนทนากันเมื่อ
00:50:24 → 00:50:27 ความรู้สึกของเราพร้อมหรือเราตกตกรได้ดี
00:50:27 → 00:50:31 มากพอว่าไอ้สิ่งที่เราพูดเนี่ยนะมันจะดี
00:50:31 → 00:50:33 และเป็นประโยชน์งั้นคำว่าดีและเป็น
00:50:33 → 00:50:37 ประโยชน์เนี่ยไม่ใช่ว่าเอ่อเค้าฟังเราเรา
00:50:37 → 00:50:39 ฟังเค้าแล้วก็เกิดการแอชอะไรบางอย่างเท่า
00:50:39 → 00:50:42 นั้นนะเรื่องบางเรื่องเนี่ยความดีและมี
00:50:42 → 00:50:44 ประโยชน์เนี่ยบางทีมันก็คือแค่การที่เรา
00:50:44 → 00:50:47 เนี่ยได้เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน
00:50:47 → 00:50:50 หรือการที่เราเนี่ยได้ระบายความอัดอั้น
00:50:50 → 00:50:52 ตันใจบางอย่างอย่างสร้างสรรค์แค่นั้นเอง
00:50:53 → 00:50:55 นะคะ
00:50:55 → 00:51:00 อ่าอามาสุดท้ายแล้วนะก็
00:51:00 → 00:51:03 คือยิ่งเรื่อง
00:51:03 → 00:51:07 สำคัญยิ่งคน
00:51:07 → 00:51:12 สำคัญยิ่งต้องใช้เวลาทบทวน
00:51:12 → 00:51:19 ความรู้สึกอย่างแท้จริงก่อนการสื่อสารนะ
00:51:19 → 00:51:25 อยิ่งเรื่องสำคัญยิ่งคนสำคัญยิ่งต้องใช้
00:51:25 → 00:51:32 เวลาทบควรนะตกตะกอนนะก่อนที่เราจะสื่อสาร
00:51:32 → 00:51:34 นะคะ
00:51:34 → 00:51:40 เอองั้นหลายๆครั้งนะเราจะรู้สึกว่าเฮ้ย
00:51:40 → 00:51:45 เรื่องนี้สำคัญต้องคุยเลยต้องพูดเลยต้อง
00:51:45 → 00:51:50 เดี๋ยวนี้เลยเออแล้วเรื่องเนี้ยเชื่อมย
00:51:50 → 00:51:53 ว่ามีปัญหาบ่อยมากโดยเฉพาะในเรื่องของ
00:51:53 → 00:51:56 ความสัมพันธ์นะเรื่องคู่ชีวิตั้น
00:51:56 → 00:51:59 คาแรคเตอร์นี้เนี่ยจะเกิดกับอะไรส่วนใหญ่
00:51:59 → 00:52:02 เนี่ยผู้หญิงจะชอบอยากเคลียร์เลยงั้นไม่
00:52:02 → 00:52:04 เข้าใจกันต้องเคลียร์กันตอนนี้ต้องคุยกัน
00:52:04 → 00:52:09 ตอนนี้ต้องเอาให้จบเธออย่าเดินหนีสิเออนะ
00:52:09 → 00:52:13 งั้นในขณะที่นะบางทีเนี่ยอีกฝ่ายนึงก็รู้
00:52:13 → 00:52:16 สึกว่าเอ้ยเดี๋ยวเอาไว้ก่อนแบบหรือเอ้ย
00:52:16 → 00:52:19 ตอนนี้คุณกำลังของขึ้นมากๆเลยนะเพูดไปตอน
00:52:19 → 00:52:23 นี้เนี่ยอาจจะไม่ดีอะไรอย่างเงี้ยนะงั้น
00:52:23 → 00:52:26 บางทีเขาก็ไม่พูดนะเก็เดินไปเลยใช่มเดิน
00:52:26 → 00:52:28 ไปไปเลยโอ้ความหงุดหงิดเกิดขึ้นได้ทันที
00:52:28 → 00:52:31 เลยนะเพรางั้นสิ่งที่เราต้องระวังก็คือ
00:52:31 → 00:52:33 ว่าเฮ้ยเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าเฮ้ยต้อง
00:52:33 → 00:52:37 พูดทันทีนะต้องพูดเดี๋ยวนี้ไม่เดี๋ยวนี้
00:52:37 → 00:52:40 ไม่ได้แล้วเรื่องนั้นน่ะมันมันเป็นเรื่อง
00:52:40 → 00:52:43 ที่สำคัญและเรากำลังจะคุยกับคนที่ใกล้ตัว
00:52:43 → 00:52:48 คนสำคัญบอกเลยนะแสดงว่าไอ้ความรู้สึกนั้น
00:52:48 → 00:52:54 น่ะเอาไว้ก่อนเอาไว้ก่อนนะคือมาอยู่ใน
00:52:54 → 00:52:58 พื้นที่ที่เป็นเซฟโซนนะที่เป็นพื้นที่
00:52:58 → 00:53:04 สบายใจของตัวเองก่อนนะมาตั้งสติกับตัวเอง
00:53:04 → 00:53:09 ก่อนนะคะเราอาจจะมีช่วงเวลาได้ว่าเรา
00:53:09 → 00:53:15 เนี่ยจะคุยเรื่องเนี้ยช้าที่สุดเมื่อไหร่
00:53:15 → 00:53:18 นะแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราอย่างที่บอกอ่ะ
00:53:19 → 00:53:21 มีความรู้สึกว่าเอ้ยต้องเคลียร์ทันที
00:53:21 → 00:53:24 เดี๋ยวนี้เลยเนี่ยอ่ะอันเนี้ยก็คือแสดง
00:53:24 → 00:53:27 ว่าเป็นสิ่งที่เราจะต้องยงไวแสดงว่า
00:53:27 → 00:53:30 อารมณ์เนี่ยฉุดลั้งเราไปแล้วถ้าเกิดใน
00:53:30 → 00:53:34 เรื่องสำคัญหมายความว่าสติสำคัญที่สุดและ
00:53:34 → 00:53:39 ยิ่งถ้าเกิดเป็นคนสำคัญหมายความว่าการให้
00:53:39 → 00:53:43 เกียรติกันในเรื่องการสื่อสารสำคัญที่สุด
00:53:43 → 00:53:48 นะงั้นคนใกล้ตัวเนี่ยเรายิ่งต้องให้
00:53:48 → 00:53:51 เกียรติกันค่ะในเรื่องของการสื่อสารเพราะ
00:53:51 → 00:53:55 สุดท้ายความขัดแย้งที่ใหญ่หลวงที่สุดแลมี
00:53:55 → 00:53:58 ผลกับใจเราที่สุดก็คือความขัดแย้งกับคน
00:53:58 → 00:54:02 ใกล้ตัวนั่นแหละไม่เชื่อนะเราก็ลองสังเกต
00:54:02 → 00:54:07 ตัวเองดูนะคะอ่าโอเคนะแล้วนี่นะก็เป็นใน
00:54:07 → 00:54:08 เรื่องของ
00:54:08 → 00:54:13 เอ่อเราอาจจะต้องตั้งนะความคิดแบบไหนนะ
00:54:13 → 00:54:16 หรือว่ามีความคิดในแบบไหนก่อนนะถ้าเกิด
00:54:16 → 00:54:20 ว่าเราเนี่ยอยากเริ่มต้นเป็นผู้สื่อสารใน
00:54:20 → 00:54:22 เรื่องของความสุขนะเพราะฉะนั้นเนี่ยเมื่อ
00:54:22 → 00:54:24 ไหร่ก็ตามที่เราปรับเรื่องของ mindset
00:54:24 → 00:54:28 ของตัวเรานะปรับในใจของเราแล้วเนี่ยไอ้คำ
00:54:28 → 00:54:32 พูดต่างๆอ่ะค่ะนะ 1 พอเรามีสติเนาะเราก็
00:54:32 → 00:54:35 จะเริ่มมี Space นะเราจะมีช่องว่างในการ
00:54:35 → 00:54:39 ไม่เป็นไปตามอัตโนมัตินะไม่ีชทันทีใช่มย
00:54:39 → 00:54:43 เราก็จะมีพื้นที่ในการชะลอเในเรื่องของ
00:54:43 → 00:54:45 การที่เราเองเนี่ยจะเรียบเรียงนะการจัด
00:54:46 → 00:54:48 การอารมณ์ของตัวเองนะให้เป็นปกติให้เป็น
00:54:48 → 00:54:52 กลางนะให้เป็นเลนสที่ใสไม่ขุ่นมัวถูกมย
00:54:52 → 00:54:56 อ่าแล้วเราก็จะมีคำพูดที่ตรงกับความ
00:54:56 → 00:55:00 ปรารถนาของจิตใจเราให้มากที่สุดและเป็นคำ
00:55:00 → 00:55:02 พูดที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันงั้นสติ
00:55:02 → 00:55:04 เนี่ยทำให้เรามี Space ในการที่เราจัดการ
00:55:04 → 00:55:06 เรื่องนี้นะเสร็จแล้วเนี่ยเราก็สามารถ
00:55:06 → 00:55:10 เลือกสิ่งที่เราจะพูดเราจะสื่อสารได้ใช่
00:55:10 → 00:55:13 มั้ยคะเราก็ค่อยๆสื่อสารมันออกไปั้นเนี่ย
00:55:13 → 00:55:21 การการที่เรามีหัวใจที่มีสตินะอืและมีการ
00:55:21 → 00:55:23 ให้เกียรติซึ่งกันและกันนะไม่ว่าจะเป็น
00:55:23 → 00:55:26 กับตัวเองหรือว่าคนที่เราสนทนาด้วยแล้ว
00:55:26 → 00:55:29 การมีความเชื่อเนาะว่าเราทุกคนเนี่ยต่าง
00:55:29 → 00:55:33 มีความปรารถนาดีมีความเมตตากรุณาต่อกันนะ
00:55:33 → 00:55:38 การที่เราเองนะสามารถที่จะเอ่อแบ่งพื้น
00:55:38 → 00:55:41 ที่ให้กับความเงียบให้กับการที่ต่างคน
00:55:41 → 00:55:45 ต่างใช้สติได้นะคะสิ่งเหล่านี้นะมันจะไม่
00:55:45 → 00:55:48 จำเป็นเลยค่ะที่เราจะต้องสร้างไดอะล็อก
00:55:48 → 00:55:52 ที่วินิมาลาในการที่จะสื่อสารกับใครบางคน
00:55:52 → 00:55:56 เนางั้นตัวสติเนี่ยจะเป็นการเรียบเรีย
00:55:56 → 00:55:59 ความคิดนะหรือสิ่งที่เราจะสื่อสารออกไป
00:55:59 → 00:56:03 เองนะคะแล้วคนที่เขาฟังเราเนี่ยเขาก็จะ
00:56:03 → 00:56:07 เริ่มสัมผัสได้นะคแล้วเวลาที่การสื่อสาร
00:56:07 → 00:56:11 เรื่องยากๆเนี่ยมันกลายเป็นเรื่องที่ต่าง
00:56:11 → 00:56:14 คนต่างเข้าใจกันง่ายรู้มว่าโมเมนนั้นน่ะ
00:56:14 → 00:56:17 มันเป็นโมเมนของความสุขที่เกิดขึ้นทันที
00:56:17 → 00:56:22 เลยนะโมเมนของการที่เราเข้าใจกันโมเมนของ
00:56:22 → 00:56:25 การที่เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายเกิด
00:56:25 → 00:56:29 ขึ้นได้ทันทีเลยนะคะอันเนี้ยก็คือไม่ใช่
00:56:29 → 00:56:33 แค่เฉพาะเวลาที่เราคุยกับคนที่อยู่ใกล้
00:56:33 → 00:56:37 เราเท่านั้นนะเวลาที่เราคุยเราสื่อสารกับ
00:56:37 → 00:56:41 คนนอกๆนะกับคนในที่ทำงานหรือแม้กระทั่ง
00:56:41 → 00:56:44 การประชุมหรือแม้กระทั่งการที่เราพูดใน
00:56:44 → 00:56:49 ที่สาธารณะถ้าเรามีใจที่มีสติแบบนี้เป็น
00:56:49 → 00:56:52 กลางแบบนี้นะคะเอ่อมีความเชื่อมีความให้
00:56:52 → 00:56:56 เกียรติกันและกันแบบนี้เชื่อนะคะว่าไอ้
00:56:56 → 00:56:58 การสื่อสารนั้นน่ะจะเป็นการสื่อสารที่ดี
00:56:58 → 00:57:01 และสร้างความสุขให้กับคนที่ได้ฟังเสมอนะ
00:57:01 → 00:57:05 คะ
00:57:05 → 00:57:09 วโอเคแล้วก็นี่นะคะก็เป็นเนื้อหาของวัน
00:57:09 → 00:57:11 นี้เนาะอ่าก็
00:57:11 → 00:57:17 เอ่อเป็นไงคะพวกเรานะอือยู่กันเหนียวแน่น
00:57:17 → 00:57:19 เลยนะ
00:57:19 → 00:57:24 เอ่อใครมีคำถามอะไรมั้ยคะอ่ะก่อนที่
00:57:24 → 00:57:27 เดี๋ยวเราจะกนทกันแล้วนะนะ
00:57:27 → 00:57:33 คะอืใครหลับบ้างฟังหมอเอิ้ลแล้วหลับละยัง
00:57:33 → 00:57:37 ไม่ทันได้กนทเลยไปก่อนซะละ
00:57:37 → 00:57:41 อ่ะอ่ามี
00:57:41 → 00:57:44 มั้ยใครมีคำถามอะไรบ้างคะอ่าไม่งั้น
00:57:44 → 00:57:49 เดี๋ยวเราจะทักทายเพื่อนๆนะคะเราจะทักทาย
00:57:49 → 00:57:52 อ่าสวัสดีคุณขวัญนะคะ
00:57:52 → 00:57:56 วเข้ามานะ
00:57:56 → 00:58:00 สวัสดีคุณกีรติกรนะคะอ่าใครมีคำถามนะคะ
00:58:00 → 00:58:04 ถามเข้ามาเลยนะคอมเมนต์มาในแชทเลยนะ
00:58:04 → 00:58:09 คะอืคุณชมพรขอบคุณที่แบ่งปันนะคะขอบคุณ
00:58:09 → 00:58:14 คุณชมพรที่มาฟังหนเช่น
00:58:14 → 00:58:19 กันโอเคฟังแล้วทำให้มีสติเลยค่ะความหมาย
00:58:19 → 00:58:22 ที่ซ่อนอยู่ในคำพูดให้เราช้าในการตอบสนอง
00:58:22 → 00:58:27 โอ้ดีใจจังเลย้
00:58:27 → 00:58:31 อ่านั่นไงคะพี่พักนะคะมีคนหลับไปละ 1 น้ำ
00:58:31 → 00:58:35 ลายไหลยังไม่ทันได้แบบว่ากนทกันเลยใช่มย
00:58:35 → 00:58:37 นะ
00:58:37 → 00:58:42 อ่ายังไม่ไปแต่ฟังเพลินดีค่ะนะคะ
00:58:42 → 00:58:46 อ่าสวัสดีนะคะคุณ
00:58:46 → 00:58:50 วรรณภาเป็นไงไม่ได้เจอกันนานเลยนะอ้ามี
00:58:50 → 00:58:55 มั้ยคะมีใครมีคำถามอะไรยเอ่ยอ่าหรือมี
00:58:55 → 00:58:58 สถานการอะไรยากๆในการสื่อสารตอนนี้ที่
00:58:58 → 00:59:02 อยากให้หมอเอิ้นช่วยนะคะอ่ะลองพิมพ์เข้า
00:59:02 → 00:59:08 มาได้นะนะคะอ่าในระหว่างนี้ก็ขออนุญาตนะ
00:59:08 → 00:59:12 ที่จะสรุปเผื่อคนที่เข้ามาช้านะเมื่อ
00:59:12 → 00:59:16 ตะกี้นี้เนี่ยก็คือเอ่อเราก็ได้ชวนกันนะ
00:59:16 → 00:59:19 ทบทวนในเรื่องของเอ่อการสื่อสารใน
00:59:19 → 00:59:22 ครอบครัวของเรานะคะว่าเนี่ยแต่ละคนเนี่ย
00:59:22 → 00:59:27 เรามีเอ่อพื้นฐานครอบครัวนะที่มีการสื่อ
00:59:27 → 00:59:30 สารเป็นในลักษณะไหนบ้างคุณพ่อคุณแม่เป็น
00:59:30 → 00:59:33 ยังไงนะคะเอ่อภาพรวมในการสื่อสารใน
00:59:33 → 00:59:35 ครอบครัวเป็นยังไงและสิ่งเหล่านั้นมี
00:59:35 → 00:59:39 อิทธิพลกับตัวเราอย่างไรนะซึ่งอันเนี้ยก็
00:59:39 → 00:59:42 จะทำให้เราเข้าใจพื้นฐานก่อนเนาะว่าเรา
00:59:42 → 00:59:44 อาจจะมีความคิดความเชื่ออัตโนมัติใน
00:59:45 → 00:59:49 เรื่องของการสื่อสารยังไงนะคะแล้วก็เราก็
00:59:49 → 00:59:52 มาชวนคุยกันนะในเรื่องของ mindset นะหรือ
00:59:52 → 00:59:54 ความคิดที่อาจจะดีต่อการสื่อสารแต่เราอาจ
00:59:54 → 00:59:59 จะมองข้ามไปนะคะอืไม่ว่าจะเป็นการที่เรา
00:59:59 → 01:00:01 เนี่ยจะต้องมีความเชื่อนะว่าทุกคนเนี่ย
01:00:01 → 01:00:05 เราก็ต่างมีความเมตตากรุณานะคะันเยมันก็
01:00:05 → 01:00:09 จะทำให้เราเนี่ยให้เกียรติกันมการที่เอ่อ
01:00:09 → 01:00:12 เราการสื่อสารที่เราต้องให้ความสำคัญกับ
01:00:12 → 01:00:16 เจตนานะคือ mindset ของตัวเราก่อนนะก่อน
01:00:16 → 01:00:19 ที่เราจะไปประดิษฐ์นะคะคำพูดนะเพราะว่า
01:00:19 → 01:00:21 สุดท้ายแล้วเนี่ยไอ้สิ่งเนี้ยมันอาจจะใช้
01:00:21 → 01:00:25 ไม่ได้นานแต่การที่เรามีการสื่อสารจากใจ
01:00:25 → 01:00:28 ที่บบรสุดและปรารถนาดีมีความเมตตามีความ
01:00:28 → 01:00:31 กรุณาต่างหากนะคะที่จะทำให้การสื่อสาร
01:00:31 → 01:00:34 นั้นเป็นการสื่อสารที่สร้างความสุขมรวม
01:00:34 → 01:00:39 ถึงการที่เอ่อเราเองเนี่ยต้องระวังความ
01:00:39 → 01:00:43 คิดนะของตัวเองด้วยนะว่าการสื่อสารที่ดี
01:00:43 → 01:00:45 เนี่ยไม่ใช่ว่าคนฟังเนี่ยเขาต้องฟังความ
01:00:45 → 01:00:47 คิดของเราเท่านั้นเราต้องแบ่งพื้นที่ที่
01:00:47 → 01:00:50 จะฟังความคิดของคนอื่นด้วยใชมยต่อมาก็คือ
01:00:50 → 01:00:53 เรื่องของการที่เราต้องมีการเก็บสะสมพลัง
01:00:53 → 01:00:56 งานนะการเก็บสะสมพลังงานพลังงานชีวิตที่
01:00:56 → 01:01:00 ดีเนี่ยสำคัญกับการสื่อสารนะอ่าอย่างไม่
01:01:00 → 01:01:04 น่าเชื่อเลยนะคะแล้วก็ให้เรานะต่อมาก็คือ
01:01:04 → 01:01:05 ให้เราเข้าใจว่า
01:01:05 → 01:01:09 เอ่อในทุกๆคำพูดในทุกๆการกระทำเนี่ยนะมัน
01:01:09 → 01:01:13 มีบางสิ่งบางอย่างนะอ่าที่ซ่อนอยู่เสมอ
01:01:13 → 01:01:16 เพราะฉะนั้นเนี่ยไม่ต้องรีบนะไม่ต้องรีบ
01:01:16 → 01:01:21 ้วการที่จะไปตัดสินไปพิพากษาอ่าคำพูดนะ
01:01:21 → 01:01:23 หรืออินหรือเชื่อสิ่งเหล่านั้นเร็วจนเกิน
01:01:24 → 01:01:27 ไปนะให้ใช้สติในการผิดพิจารณานะคะอ่าแล้ว
01:01:27 → 01:01:31 ก็ความเงียบก็เป็นประโยชน์นะนะคะแล้วก็
01:01:31 → 01:01:34 ที่สำคัญที่สุดเลยนะยิ่งเรื่องสำคัญยิ่ง
01:01:34 → 01:01:38 คนสำคัญยิ่งต้องใช้เวลานะคะไม่ใช่เรื่อง
01:01:38 → 01:01:42 ที่เราจะต้องรีบพูดรีบคุยรีบเคลียร์กันใน
01:01:42 → 01:01:46 ทันที
01:01:46 → 01:01:49 อ่าเย้
01:01:49 → 01:01:55 เชนมพรบอกว่างานเข้าอดฟังต่ออ้อจบแล้วค่ะ
01:01:55 → 01:01:59 จบแล้วโอ้โหตอนนี้ยังมีงานเข้าอยู่หรอนะ
01:01:59 → 01:02:08 คะคุณซันบอกว่าอยากให้คุณหมอพูดเรื่อง
01:02:08 → 01:02:10 เอ่อ
01:02:10 → 01:02:14 เอ่ออยากให้คุณหมอพูดเรื่องทาง sectional
01:02:14 → 01:02:18 analysis ในโอกาสต่อไปครับอืนะคะเอ่ออัน
01:02:18 → 01:02:21 นี้ไม่รับปากนะคะคุณ
01:02:21 → 01:02:25 สันเพราะว่าเรื่องไหนเนี่ยที่ไม่ถนัดเนาะ
01:02:26 → 01:02:29 หรือไม่ได้มีประสบการณ์หรือจะเป็นเรื่อง
01:02:29 → 01:02:33 ที่อาจจะอ่านได้อ่ะเออแต่ว่าต้องอ่าน
01:02:33 → 01:02:36 เพื่อที่จะมาสื่อสารเนี่ยอันนี้ก็จะเป็น
01:02:37 → 01:02:40 เรื่องที่หมอเองก็จะไม่ค่อยที่จะอยากสื่อ
01:02:40 → 01:02:42 สารเท่าไหร่นะนั้นสิ่งที่จะสื่อสารส่วน
01:02:42 → 01:02:45 ใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่เราเองเนี่ยมี
01:02:45 → 01:02:49 ประสบการณ์ตรงเนาะนะคะงั้นเนี่ยถ้าโอเค
01:02:49 → 01:02:53 ถ้าเกิดวันไหนนะเริ่มรู้สึกว่านะมั่นใจใน
01:02:53 → 01:02:56 ประสบการณ์ของตัวเองในเรื่องนี้ก็ก็อย๋จะ
01:02:56 → 01:03:00 มาแชร์ให้พวกเราฟังนะคะโอเคค่ะสำหรับวัน
01:03:00 → 01:03:04 นี้นะคะก็ถ้าไม่มีใครถามอะไรแล้วนะก็หวัง
01:03:04 → 01:03:07 ว่าอิอาทิตย์นี้นะเดี๋ยวเ่อวันนี้วัน
01:03:07 → 01:03:10 อาทิตย์ใช่มอ่าแล้วพรุ่งนี้ก็วันจันทร์
01:03:10 → 01:03:13 ทุกคนต้องทำงานแล้วใช่มั้ยคะก็หวังว่านะ
01:03:13 → 01:03:18 เ่อในอาทิตย์หน้านะจะเป็นอาทิตย์ที่ดีของ
01:03:18 → 01:03:22 พวกเราทุกคนนะคะแล้วก็ไม่ว่านะเราจะเจอ
01:03:22 → 01:03:28 ปัญหาอะไรยังไงเหนื่อยใจเหนื่อยกายหรือ
01:03:28 → 01:03:31 ไม่เหนื่อยก็ได้นะมีกำลังใจนะเราก็มาเจอ
01:03:31 → 01:03:34 กันแบบนี้นะในวันอาทิตย์นะคะ 20:00 นมา
01:03:34 → 01:03:37 เติมกำลังใจให้กันมารับฟังกันนะมาแลก
01:03:37 → 01:03:42 เปลี่ยนกันนะคะก็มีอะไรก็คอมเมนต์เข้ามา
01:03:42 → 01:03:44 ตรงนี้นะคะหรือว่าอยากให้หมอเอื้อนเนี่ย
01:03:44 → 01:03:47 พูดคุยในเรื่องประเด็นไหนก็นะคอมเมนต์
01:03:47 → 01:03:50 เข้ามานะฝากก็มันจะเป็นเรื่องที่พวกเรา
01:03:50 → 01:03:54 เนี่ยจะเป็นประโยชน์มากกว่านะอ่าแล้วก็
01:03:54 → 01:03:56 สมมุติว่าถ้าเกิดว่าใครนะคะอยากจะเรียน
01:03:56 → 01:04:01 รู้อ่าในเรื่องของการสื่อสารเชิงลึกเลยนะ
01:04:01 → 01:04:03 ต้องบอกว่าเดือนหน้านะกุมภาพันธ์นะคะวัน
01:04:03 → 01:04:07 ที่ 10 11 กุมภาพันธ์นะคะหมอเอิ้ลมี
01:04:07 → 01:04:10 Class workshop นะต้องบอกว่าอันนี้เข้ม
01:04:10 → 01:04:12 ข้นมากนะเพราะว่ามันมาเหมือนเป็นการเข้า
01:04:12 → 01:04:15 ค่ายเลยนะเพื่อฝึกนะในเรื่องของ get
01:04:15 → 01:04:18 Communication นะซึ่ง get เนี่ย G ก็คือ
01:04:18 → 01:04:21 มาจากการที่เราต้องมี Great mindset อ่ะ
01:04:21 → 01:04:24 ก็คือเรื่องของทัศนคตินะ mindset ใน
01:04:24 → 01:04:27 เรื่องของการสื่อสารนะงั้นอันนี้เนี่ยเรา
01:04:27 → 01:04:31 ก็จะมาพูดคุยให้ฟังคร่าวๆใช่มยแต่ว่าเอ่อ
01:04:31 → 01:04:33 ในในเรื่องของการ workshop ก็อาจจะต้อง
01:04:33 → 01:04:36 เข้มข้นมากขึ้นกว่านั้นนะคะอย่างเช่นอาจ
01:04:36 → 01:04:40 จะต้องพาไปให้เห็นน่ะว่าจริงๆแล้วตอนเนี้
01:04:40 → 01:04:42 มันมี mindset อะไรนะที่ล็อกเราอยู่นะ
01:04:42 → 01:04:45 แล้วเราจะปรับเรื่องของไยังไงนะคะอ่า g
01:04:45 → 01:04:49 นะ E ก็คือ empathy empathy ก็คือว่า
01:04:49 → 01:04:51 เวลาที่เราเนี่ยรู้สึกว่าคนข้างหน้าเรา
01:04:51 → 01:04:54 กำลังรู้สึกแบบเนี้ยนะอ่าหรือเราอยากจะ
01:04:54 → 01:05:00 เช็คนะเราอยากจะเอ่อแสดงความเห็นอกเห็นใจ
01:05:00 → 01:05:04 กับเค้าเนี่ยวิธีการที่เราจะสื่อสารหรือ
01:05:04 → 01:05:06 วิธีการที่เราจะ empathy หรือสร้าง
01:05:06 → 01:05:08 empathy ให้กับตัวเองเนี่ยเอ่อจริงๆแล้ว
01:05:08 → 01:05:11 เนี่ยมันมีกระบวนการยังไงนะอ่าซึ่ง
01:05:11 → 01:05:13 อันเนี้ยมันต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องของ
01:05:13 → 01:05:17 ประสบการณ์ที่เราต้องฝึกอะนะคะแล้วก็อ่ะ
01:05:17 → 01:05:19 ที่สำคัญก็คือ T นะ T คือ transparent
01:05:19 → 01:05:23 Communication นะงั้นบางทีเนี่ย
01:05:23 → 01:05:26 เรื่องที่มันเป็นอารมณ์เชิงบวกเนี่ยบางที
01:05:26 → 01:05:30 มันไม่ได้ยากนะแต่แค่บางทีเราไม่สื่อสาร
01:05:30 → 01:05:33 กันนะคะแต่ว่าเวลาที่มันมีอารมณ์เชิงลบ
01:05:33 → 01:05:35 เนี่ยเพราะนี้มันเป็นอารมณ์เชิงลบอย่าง
01:05:35 → 01:05:40 เช่นโกรธหงุดหงิดนะหรือว่าอยู่ในวิกฤต
01:05:40 → 01:05:43 อยู่ในใครสิหรือเราต้องฟีดแบคกันเนี่ยเออ
01:05:43 → 01:05:46 ไอ้เรื่องเหล่าเเนี่ยเราจะพูดยังไงอ่ะให้
01:05:46 → 01:05:51 คนฟังเนี่ยเขาฟังได้นะแล้วก็เขาสัมผัสถึง
01:05:51 → 01:05:56 เอ่อหัวใจสำคัญในสิ่งที่เราอยากจะสื่อสสา
01:05:56 → 01:06:00 ได้ด้วยความสั้นกระชับและเข้าใจและจริงใจ
01:06:00 → 01:06:03 นะคะก็จะเป็น get Communication เอันนี้
01:06:03 → 01:06:05 เราก็ต้องมาฝึกกันเนาะเพนั้นก็ต้องฝึก
01:06:05 → 01:06:09 ทั้งการฟังฝึกทั้งการพูดแล้วฝึกทั้งในภาค
01:06:09 → 01:06:12 ปฏิบัติด้วยนะคะก็เลยจำเป็นมากนะที่ต้อง
01:06:12 → 01:06:16 ใช้ชีวิตด้วยกันนะต้องบอกว่า 3 คืน 2 วัน
01:06:16 → 01:06:20 เลยทีเดียวนะคะก็ถ้าเกิดใครสนใจนะก็คือ
01:06:20 → 01:06:23 วันที่ 10 กุมภาพันธ์นะคะอ่ะเดี๋ยวก็จะ
01:06:23 → 01:06:27 แปะลิงก์ไว้ให้ในคอมเมนต์นะคะหรืออาจจะ
01:06:27 → 01:06:31 แอดมาใน LINE OA ก MC ก็ได้นะเอาล่ะ
01:06:31 → 01:06:38 สำหรับวันนี้นะคะฝันดีลาตีสวัสดิ์นะบ๊าย
01:06:38 → 01:06:44 บายอ้าบ๊ายบายหน่อยบ๊ายบายด้วยการกดหัวใจ
01:06:44 → 01:06:54 ก็ได้
01:06:54 → 01:06:57 นะ L