00:00:00 → 00:00:01 อาการปวดเรื้อรัง
00:00:01 → 00:00:03 ผมบอกเลยว่าอาการปวดเรื้อรัง
00:00:03 → 00:00:05 คนเป็นกันเยอะมากๆ ครับ
00:00:05 → 00:00:08 มีการวิจัยชาวอเมริกันร้อยล้านคน
00:00:08 → 00:00:13 1 ใน 4 ของคนกลุ่มนี้ มีอาการปวดเรื้อรังเยอะมากๆ
00:00:13 → 00:00:17 เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเรารักษามันได้ รู้สาเหตุมันได้
00:00:17 → 00:00:20 รู้วิธีแก้ไขมันได้ ชีวิตเราก็จะขึ้นมากครับ
00:00:28 → 00:00:29 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:29 → 00:00:31 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:31 → 00:00:34 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:35 → 00:00:40 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง อาการปวดเรื้อรัง
00:00:40 → 00:00:42 ผมบอกเลยครับว่าอาการปวดเรื้อรัง
00:00:43 → 00:00:47 คนเป็นกันเยอะมากๆ เยอะจนท่านจะตกใจเลยครับ
00:00:47 → 00:00:50 มีการวิจัยก็คือเก็บข้อมูลเลยว่า
00:00:50 → 00:00:52 ผู้ป่วยหรือคนอเมริกันทั้งหมดดีกว่า
00:00:52 → 00:00:55 ชาวอเมริกันทั้งหมดเป็นร้อยล้านคนนะครับ
00:00:55 → 00:01:00 1 ใน 4 ของคนกลุ่มนี้ มีอาการปวดเรื้อรังเยอะมากๆ
00:01:00 → 00:01:03 มีอาการปวดเรื้อรัง 1 ใน 4 ของคนทั้งหมด
00:01:03 → 00:01:05 เพราะฉะนั้นแล้วอาการปวดเรื้อรัง
00:01:05 → 00:01:09 ถ้าเรารักษามันได้ รู้สาเหตุมันได้ รู้วิธีแก้ไขมันได้
00:01:09 → 00:01:11 ชีวิตเราก็จะขึ้นมากครับ
00:01:11 → 00:01:13 แล้ววันนี้เรามาดูกันว่า
00:01:13 → 00:01:17 5 สิ่งที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง
00:01:17 → 00:01:20 และจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ
00:01:21 → 00:01:22 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:01:22 → 00:01:24 กด Subscribe และกดกระดิ่งครับ
00:01:24 → 00:01:28 ก่อนที่เราจะไปคุยกัน ใครรีบ ใครเวลาน้อย
00:01:29 → 00:01:31 ไปดูที่ 3 นาทีหลัง จะมีสรุปให้
00:01:31 → 00:01:33 แล้วมีเวลาค่อยกลับมาดูในรายละเอียดกันครับ
00:01:33 → 00:01:35 ถ้าใครมีเวลาก็ไปพร้อมๆ กันเลยนะครับ
00:01:35 → 00:01:37 คือก็ต้องบอกว่า 1 ใน 4 ของชาวอเมริกัน
00:01:38 → 00:01:42 มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดไหล่
00:01:42 → 00:01:45 ปวดหลัง ปวดนู่น ปวดนี่ เยอะมากๆ นะครับ
00:01:45 → 00:01:48 แล้วก็ไม่ใช่แบบปวดวันสองวันแล้วก็หาย
00:01:48 → 00:01:52 ปวดกันเป็นเดือน ปวดกันเป็นปี บางคนปวดเป็น 10 ปี
00:01:52 → 00:01:54 เพราะฉะนั้นเรามาดูกันครับว่า
00:01:54 → 00:01:58 มันมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังนี้บ้าง
00:01:58 → 00:02:02 ข้อแรก เพศหญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชาย
00:02:02 → 00:02:05 อันนี้คือการเก็บข้อมูล แล้วเราก็จะรู้สึกว่า
00:02:05 → 00:02:09 เราลองไปดูสิ จริงๆ แล้วผู้ป่วยที่เป็นเพศหญิง
00:02:09 → 00:02:13 ซึ่งผมพบเจอมาก็จะมีอาการปวดเรื้อรังมากกว่าเพศชาย
00:02:13 → 00:02:15 ซึ่งสาเหตุก็คงจะมีจากหลายอย่าง
00:02:15 → 00:02:16 จากฮอร์โมนบ้าง
00:02:16 → 00:02:19 จากกล้ามเนื้อเราอาจจะแข็งแรงไม่เท่าผู้ชายบ้าง
00:02:19 → 00:02:21 สรีระต่างๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ
00:02:21 → 00:02:23 ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงจะเป็นทุกคนนะครับ
00:02:23 → 00:02:27 เพียงแต่ว่ามีโอกาสที่จะเป็นมากกว่าเพศชายเท่านั้นเอง
00:02:27 → 00:02:34 ต่อมาข้อที่ 2 การพักไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด
00:02:35 → 00:02:40 ปกติทุกท่านจะรู้สึกว่าถ้าปวดหัว ปวดเมื่อย ปวดคอ
00:02:40 → 00:02:43 ปวดไหล่ ปวดหลัง การพักน่าจะทำให้ท่านหายดีใช่ไหมครับ
00:02:43 → 00:02:49 แต่ต้องบอกว่าการพักผ่อนหรือว่าพักไม่ขยับส่วนที่เจ็บ
00:02:49 → 00:02:52 ไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด ถามว่าเพราะอะไรครับ
00:02:52 → 00:02:55 คือก็ต้องบอกว่าการปวด การเมื่อยต่างๆ
00:02:55 → 00:02:57 โดยส่วนใหญ่ เช่น มันก็จะเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เป็นต้น
00:02:57 → 00:02:59 หรือเกี่ยวกับกระดูก เป็นต้น
00:02:59 → 00:03:01 และอาการปวดทั้งหลายแหล่เหล่านี้
00:03:01 → 00:03:06 มักจะมีต้นเหตุมาจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง
00:03:06 → 00:03:08 กล้ามเนื้อหดเกร็งเข้ามาล็อคกันอยู่
00:03:08 → 00:03:11 คราวนี้เวลาเราหดเกร็งแล้ว
00:03:11 → 00:03:15 จะทำให้กล้ามเนื้อเราหายป่วย เราจะต้องยืดมันออกครับ
00:03:15 → 00:03:19 ยืดใยกล้ามเนื้อออกจากกัน อาการปวดถึงจะดีขึ้น
00:03:19 → 00:03:21 เพราะฉะนั้นถ้าเราพักอยู่เป็นยังไงครับ
00:03:21 → 00:03:24 เราไม่ยอมขยับกล้ามเนื้อเลย เราไม่ยอมขยับเลย
00:03:24 → 00:03:26 กล้ามเนื้อเราก็จะยิ่งหดๆ เข้าไป
00:03:26 → 00:03:29 ก็จะยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วไม่หายสักทีครับ
00:03:29 → 00:03:32 เพราะฉะนั้นการพักจึงไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด
00:03:33 → 00:03:34 แล้วการรักษาที่ดีที่สุดคืออะไร
00:03:35 → 00:03:38 ก็คือการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีนะครับ
00:03:38 → 00:03:42 ไม่ใช่ไปออกแบบเต็มที่ ไปออกแบบรุนแรง ไม่ใช่
00:03:42 → 00:03:43 ต้องออกให้ถูกวิธีนะครับ
00:03:43 → 00:03:47 ซึ่งที่แนะนำก็คือการออกกำลังกายแบบยืดเหยียด
00:03:47 → 00:03:49 ในกล้ามเนื้อฝั่งตรงกันข้าม
00:03:50 → 00:03:54 คือพยายามที่จะออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนตรงนี้
00:03:54 → 00:03:55 สมมุติว่าเราตึงตรงนี้ใช่ไหมครับ
00:03:56 → 00:03:58 ตึงต้นคอนะครับ กล้ามเนื้อเราจะหด
00:03:58 → 00:04:00 พอเราหด เราก็จะเป็นแบบนี้ ไม่ค่อยขยับ
00:04:00 → 00:04:03 เพราะฉะนั้นการที่เราอยากจะหายเราต้องยืด
00:04:03 → 00:04:04 ยืดมันนะครับ
00:04:05 → 00:04:09 หมุนอย่างนี้ก็ได้ ให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ยืดแล้วค้างเอาไว้
00:04:09 → 00:04:13 นับ 1-20 แล้วค้างเอาไว้ แล้วปล่อย ทำ 3-5 ครั้ง
00:04:13 → 00:04:16 แบบนี้จะทำให้อาการปวดหรือเมื่อยตรงนี้ดีขึ้น
00:04:16 → 00:04:18 เพราะว่ากล้ามเนื้อที่หดเกร็งมันคลายตัวครับ
00:04:18 → 00:04:22 ก็มีการวิจัยเลยว่าการที่ออกกำลังกาย
00:04:22 → 00:04:24 หรือการทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง
00:04:24 → 00:04:28 จะทำให้อัตราการกินยาหรือต้องฉีดยาแก้ปวด
00:04:28 → 00:04:31 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
00:04:31 → 00:04:33 มาต่อกันที่ข้อที่ 3 ครับ
00:04:33 → 00:04:37 เรื่องที่ท่านมักจะไม่รู้เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง
00:04:37 → 00:04:45 ข้อที่ 3 ก็คือ ภาวะวัยทองจะทำให้ท่านมีอาการปวดส่วนต่างๆ
00:04:45 → 00:04:50 ในร่างกายมากกว่าในช่วงอายุอื่นเลย
00:04:50 → 00:04:55 ก็คือช่วงก่อนจะหมดประจำเดือนนะครับ
00:04:55 → 00:04:58 มันจะมีร้อนวูบวาบตามหน้า ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง
00:04:58 → 00:05:01 แต่ก็ต้องบอกว่าผู้ชายก็มีวัยทองเหมือนกัน
00:05:01 → 00:05:03 แต่ว่าน้อยกว่าผู้หญิงนะครับ
00:05:03 → 00:05:07 คือผู้หญิงจะโดดเด่นมากเลย โดยเฉพาะก่อนหมดประจำเดือน
00:05:07 → 00:05:10 จะแบบเร้าอารมณ์มากช่วงนี้นะครับ
00:05:10 → 00:05:15 จะร้อนวูบวาบที่หน้า แล้วก็จะมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย
00:05:15 → 00:05:17 เกิดเต็มไปหมดเลย และอาการปวดนี่แหละ
00:05:17 → 00:05:20 เป็นอาการอันหนึ่งที่เด็ดขาดมาก
00:05:20 → 00:05:23 โดยเฉพาะปวดหัวไมเกรนครับ
00:05:23 → 00:05:25 ผู้หญิงในภาวะก่อนหมดประจำเดือน
00:05:25 → 00:05:32 จะมีภาวะการเป็นไมเกรนสูงมากกว่าคนปกติอย่างชัดเจน
00:05:32 → 00:05:34 แล้วก็มีอาการปวดมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก
00:05:34 → 00:05:39 ก็ต้องบอกว่ามันเป็นภาวะที่ค่อนข้างที่จะทุกข์ทรมารพอสมควร
00:05:39 → 00:05:42 ซึ่งเราก็จะมีวิธีการรักษาหลายอย่างเพื่อให้อาการดีขึ้น
00:05:42 → 00:05:45 เช่น การกินยา การเสริมฮอร์โมน
00:05:45 → 00:05:48 การลดความเครียด เช่น การนั่งสมาธิ
00:05:48 → 00:05:51 การฝังเข็ม หรือการนวดกดจุด หรืออะไรก็ได้ครับ
00:05:51 → 00:05:55 ซึ่งก็สามารถจะช่วยลดอาการปวดพวกนี้ได้เป็นอย่างดี
00:05:55 → 00:05:59 สำหรับกลุ่มวัยใกล้หมดประจำเดือน
00:05:59 → 00:06:02 หรือวัยรุ่นช่วงปลายแล้วกันนะ
00:06:02 → 00:06:05 มาต่อกันที่ข้อที่ 4 ครับ
00:06:05 → 00:06:12 ข้อที่ 4 ก็คือว่า มีการรักษาเกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังมากมาย
00:06:12 → 00:06:18 และบางสิ่งบางอย่างอาจจะได้ผลมากกว่าการกินยาซะด้วยซ้ำ
00:06:18 → 00:06:21 มีอะไรบ้างครับ เช่น การฝังเข็ม
00:06:21 → 00:06:26 การฝังเข็มผมบอกเลยว่า มันเป็นศาสตร์ที่มาจากทางประเทศจีน
00:06:26 → 00:06:28 แล้วก็มีผลการวิจัยรองรับเลยว่า
00:06:28 → 00:06:31 สำหรับการปวดหัวไมเกรนบ้าง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้่อบ้าง
00:06:31 → 00:06:33 โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ นะครับ
00:06:33 → 00:06:36 การฝังเข็มได้ผลดีมากๆ เลยครับ
00:06:36 → 00:06:39 ก็ใครที่ทานยาเป็นประจำแล้วอยากจะลดยา
00:06:39 → 00:06:41 หรือทานยาแล้วไม่หาย ฝังเข็มอาจจะช่วยท่านได้
00:06:41 → 00:06:42 ลองดูนะครับ
00:06:43 → 00:06:45 หรืออาจจะเป็นการนวดกดจุด
00:06:45 → 00:06:47 การนวด การกดจุดต่างๆ
00:06:47 → 00:06:51 ก็อาจจะทำให้อาการปวดเมื่อย ผ่อนคลายดีขึ้น
00:06:51 → 00:06:56 อาการปวดจามจุดต่างๆ ดีขึ้น กล้ามเนื้อยืดขยายได้ดีขึ้น
00:06:56 → 00:06:58 เพราะว่าการกดลงไปตามกล้ามเนื้อ
00:06:58 → 00:07:00 หรือตามกลุ่มกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็ง
00:07:00 → 00:07:02 เวลาเรากดนานๆ แล้วเราปล่อยออกมา
00:07:02 → 00:07:05 กล้ามเนื้อที่แข็งต่างๆ จากที่มันหด
00:07:06 → 00:07:08 ในภาวะที่เรากดไปนานๆ แล้วปล่อย
00:07:08 → 00:07:09 มันอาจจะเกิดการคลายตัวได้
00:07:09 → 00:07:13 ซึ่งจะทำให้อาการปวดลดลงอย่างชัดเจน
00:07:13 → 00:07:15 ต่อมา โยคะ ครับ
00:07:15 → 00:07:18 โยคะก็เป็นวิธีช่วยที่ดีมากพอสมควรเลย
00:07:18 → 00:07:22 การยืดเหยียดส่วนต่างๆ ยืดเหยียดแขนนะครับ
00:07:23 → 00:07:24 ยกขึ้นไปอย่างนี้นะครับ
00:07:25 → 00:07:27 คอ หมุน หมุน
00:07:27 → 00:07:30 หลังยืด ยืดไปอย่างนี้นะครับ
00:07:30 → 00:07:33 จะทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งในส่วนต่างๆ
00:07:33 → 00:07:37 เช่น เราออกกำลังกายมาหนัก หรือว่านั่งดูโทรทัศน์นานๆ
00:07:37 → 00:07:40 ก้มหน้านานๆ ก้มคอนานๆ แบบนี้ช่วยได้ดีมากๆ เลยครับ
00:07:40 → 00:07:42 สำหรับโยคะครับ
00:07:42 → 00:07:45 มาต่อกันที่ข้อที่ 5 และเป็นข้อสุดท้ายครับ
00:07:46 → 00:07:51 อาหารหลายๆ ชนิด ช่วยทั้งทำให้ท่านหายปวด
00:07:51 → 00:07:53 และทำให้ท่านปวดมากขึ้นได้ครับ
00:07:53 → 00:07:55 มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างนะครับ
00:07:55 → 00:07:58 สำหรับอาหารที่จะช่วยทำให้ท่านหายปวดได้
00:07:58 → 00:08:01 ผมจะยกตัวอย่างสัก 3 อย่างครับ
00:08:01 → 00:08:03 อันแรก น้ำเชอร์รี่
00:08:03 → 00:08:07 น้ำเชอร์รี่มีวิจัยจากต่างประเทศบอกว่า
00:08:07 → 00:08:10 สามารถที่จะบรรเทาอาการอักเสบ
00:08:10 → 00:08:15 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบได้
00:08:15 → 00:08:16 ก็เป็นโรคข้ออักเสบ
00:08:16 → 00:08:20 แล้วก็พวกน้ำเชอร์รี่มันจะมีพวกสารต้านอนุมูลอิสระ
00:08:20 → 00:08:24 หรือสารกลุ่มพวกลดการอักเสบ
00:08:24 → 00:08:27 ก็จะทำให้การอักเสบในกลุ่มนี้ลดลงได้
00:08:27 → 00:08:29 เป็นการวิจัยจากฮาร์วาร์ดเลยทีเดียวนะครับ
00:08:29 → 00:08:34 คือแนะนำให้ดื่มวันละ 2 ครั้ง นานติดต่อกัน 6 สัปดาห์
00:08:34 → 00:08:36 เทียบผู้ป่วยที่ทานกับไม่ได้ทาน
00:08:36 → 00:08:40 อาการปวด อาการอักเสบ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
00:08:40 → 00:08:45 ต่อมาอาหารชนิดที่ 2 ก็เป็นกลุ่มพวกปลาน้ำลึก
00:08:45 → 00:08:49 และมีไขมันสูง เช่น ปลาซาดีน ปลาแซลมอน
00:08:49 → 00:08:52 ปลาทูน่า ปลาแมกเคอเรลนะครับ
00:08:52 → 00:08:55 กลุ่มพวกนี้จะมีสารที่เรียกว่า โอเมก้า 3
00:08:55 → 00:09:01 ซึ่งโอเกก้า 3 จะลดการอักเสบในร่างกายได้เป็นอย่างดี
00:09:01 → 00:09:04 ซึ่งการอักเสบในร่างกายถ้าเราลดลงได้
00:09:04 → 00:09:06 อาการปวดต่างๆ ก็จะลดลงครับ
00:09:07 → 00:09:11 อาหารชนิดที่ 3 น้ำมันมะกอก
00:09:11 → 00:09:15 เป็นน้ำมันชั้นดี เป็นน้ำมันที่ให้ไขมันขนิดดี
00:09:15 → 00:09:21 ซึ่งพวกนี้มีการวิจัยเลยว่าการทานน้ำมันมะกอกเป็นประจำ
00:09:21 → 00:09:27 มีผลลดปวดคล้ายคลึงกับกินยาแก้ปวดที่มีชื่อว่าไอบูโพรเฟน
00:09:28 → 00:09:31 ซึ่งผมว่าการทานน้ำมันมะกอกเทียบกับทานยาแก้ปวด
00:09:31 → 00:09:34 ทานน้ำมันมะกอกน่าจะดีกว่า
00:09:34 → 00:09:39 เพราะว่าการทานยาแก้ปวดก็จะมีผลข้างเคียงของมัน
00:09:39 → 00:09:41 เช่น ปวดแสบกระเพาะ หรือกระเพาะทะลุได้
00:09:41 → 00:09:44 แล้วก็ไม่ควรทานนานสำหรับยาแก้ปวด
00:09:44 → 00:09:48 แนะนำให้ทานไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว
00:09:49 → 00:09:53 คราวนี้มาดูอาหารที่ทำให้ท่านปวดมากขึ้น
00:09:53 → 00:09:55 ก็จะแนะนำ 3 อย่างเช่นกันครับ
00:09:55 → 00:10:00 อย่างแรกครับ น้ำที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูงมากๆ
00:10:00 → 00:10:04 เช่น น้ำอัดลม น้ำหวานต่างๆ หรือน้ำผลไม้ที่หวานมากๆ
00:10:04 → 00:10:08 ก็มีวิจัยเลยว่าน้ำที่มีน้ำตาลสูงมากๆ
00:10:08 → 00:10:11 จะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายมากกว่า
00:10:11 → 00:10:13 แล้วก็ทำให้เกิดอาการปวดมากกว่า
00:10:13 → 00:10:15 อันนี้ก็เป็นวิจัยของฮาร์วาร์ดอีกอันหนึ่งเช่นกัน
00:10:16 → 00:10:19 ต่อมาอาหารชนิดที่ 2 ครับ
00:10:19 → 00:10:23 ก็คือเนื้อหรือเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้่อแดง
00:10:23 → 00:10:31 เนื้อแดงมีอะไรบ้าง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ
00:10:31 → 00:10:35 แต่เนื้อไก่เราไม่ถือว่าเป็นเนื้อแดงที่แดงมากเกินไปนัก
00:10:35 → 00:10:40 เพราะฉะนั้นเนื้อวัว เนื้่อหมู เนื้อแกะ กลุ่มพวกนี้
00:10:40 → 00:10:44 หรือไส้กรอก อาหารแปรรูป แฮมพวกนี้นะครับ
00:10:45 → 00:10:50 จะมีผลทำให้เกิดภาวะข้ออักเสบสูงขึ้นมากกว่า
00:10:50 → 00:10:53 คนที่ไม่ได้ทานเป็นประจำหรือว่าทานน้อย
00:10:53 → 00:10:55 คือกลุ่มคนที่ทานอาหารพวกนี้มากๆ
00:10:55 → 00:10:58 จะมีภาวะข้ออักเสบมากกว่าคนที่ไม่ค่อยได้ทาน
00:10:58 → 00:11:00 อันนี้ก็เป็นวิจัยจากฮาร์วาร์ดเช่นเดียวกัน
00:11:00 → 00:11:06 ต่อมากลุ่มแป้งขัดสีก็คือขนมปังขาวหรือว่าข้าวขาว
00:11:07 → 00:11:08 พวกนี้ก็จะทำให้
00:11:08 → 00:11:15 เขาเรียกว่ามีสารทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
00:11:15 → 00:11:17 อยู่ในเลือดสูงขึ้นนะครับ
00:11:17 → 00:11:19 เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคข้ออักเสบ
00:11:19 → 00:11:21 หรือว่าอักเสบตามกล้ามเนื้อต่างๆ มากขึ้น
00:11:21 → 00:11:26 เพราะฉะนั้นถ้าให้แนะนำ ผมแนะนำเป็นกลุ่มพวกข้าวกล้อง
00:11:26 → 00:11:31 หรือว่าไรซ์เบอร์รี่ หรือว่าเป็นขนมโฮลวีท
00:11:31 → 00:11:34 พวกนี้ก็เป็นพวกกลุ่มไม่ขัดสีซึ่งทำให้อิ่มนาน
00:11:34 → 00:11:38 ลดน้ำหนักได้ดี มีใยอาหาร ลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
00:11:38 → 00:11:41 ซึ่งก็ดีมากๆ ผมก็ชอบทานนะเป็นข้าวกล้อง
00:11:41 → 00:11:43 ถ้าสำหรับท่านใดที่ไม่ถนัดทานข้าวกล้อง
00:11:43 → 00:11:47 ช่วงแรกเอาข้าวกล้องผสมข้าวขาวแล้วหุงอย่างละครึ่ง
00:11:47 → 00:11:48 อร่อยมากๆ เลย ลองดูนะครับ
00:11:48 → 00:11:52 และนี่ก็คือ 5 อย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้
00:11:52 → 00:11:55 เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังครับ
00:11:55 → 00:11:59 ผมขออนุญาตสรุป 5 ข้อนะครับ
00:11:59 → 00:12:05 5 ข้อที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบเกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง
00:12:05 → 00:12:09 ข้อแรก เพศหญิงมักเป็นมากกว่าเพศชาย
00:12:09 → 00:12:11 อันนี้ก็เป็นการเก็บข้อมูลเก็บการวิจัย
00:12:11 → 00:12:13 ก็เพศหญิงก็จะเป็นมากกว่านะครับ
00:12:13 → 00:12:16 อันนี้คงเลือกเกิดไม่ได้เนาะ
00:12:16 → 00:12:18 เป็นผู้หญิงเกิดมาก็อาจจะปวดมากกว่า
00:12:18 → 00:12:20 เป็นผู้ชายก็อาจจะปวดน้อยกว่า
00:12:20 → 00:12:26 ต่อมาข้อที่ 2 การพักผ่อนไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด
00:12:26 → 00:12:29 การพักผ่อนบางครั้งอาจจะทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งนั้น
00:12:29 → 00:12:31 ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่
00:12:31 → 00:12:34 การรักษาที่ดีที่สุดที่แนะนำในปัจจุบัน
00:12:34 → 00:12:37 น่าจะเป็นการออกกำลังกายให้เหมาะสม
00:12:37 → 00:12:38 หรือการยืดเหยียดให้เหมาะสม
00:12:38 → 00:12:43 เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือว่าอาการปวดในจุดต่างๆ คลายตัว
00:12:43 → 00:12:45 ซึ่งแต่ละอย่างก็คงจะมีรายละเอียดไป
00:12:45 → 00:12:47 ค่อยลงลึกกันทีหลังนะครับ
00:12:47 → 00:12:55 ต่อมาข้อที่ 3 ช่วงเข้าสู่วัยทอง
00:12:55 → 00:12:58 ก็จะมีอาการปวดหัวมากกว่าปกติ
00:12:58 → 00:13:01 โดยเฉพาะไมเกรนเป็นมากกว่าเดิมหลายเท่าเลย
00:13:01 → 00:13:03 บางทีเพราะว่ามากกว่า 60%
00:13:03 → 00:13:06 ของคนที่เทียบกับคนที่ยังไม่เข้าภาวะวัยทอง
00:13:06 → 00:13:09 เป็นเยอะมาก อาการปวดรุนแรงมาก
00:13:09 → 00:13:14 เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าท่านใดเริ่มใกล้หมดประจำเดือน
00:13:14 → 00:13:18 การเสริมยาฮอร์โมนบางอย่าง หรือว่าการรักษาบางอย่าง
00:13:18 → 00:13:23 หรือว่าการลดความเครียด หรือว่าการรักษาโดยรวมทั่วไป
00:13:23 → 00:13:26 รักษาสุขภาพให้แข็งแรงก็จะช่วยให้อาการปวดเหล่านี้ลดลง
00:13:26 → 00:13:28 แล้วก็ทำใจเย็นๆ
00:13:28 → 00:13:30 ต่อมาข้อที่ 4 ครับ
00:13:30 → 00:13:34 ข้อที่ 4 ก็คือว่าการรักษาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับยาแก้ปวด
00:13:34 → 00:13:37 ที่ไม่ใช่ยาแก้ปวดมีมายมากและได้ผลดีด้วย
00:13:37 → 00:13:41 เช่น การฝักเข็ม การนวดกดจุด หรือว่าการเล่นโยคะ
00:13:41 → 00:13:43 ก็ได้ผลดีมากๆ นะครับ
00:13:43 → 00:13:46 ต่อมาข้อที่ 5 มีอาหารหลายอย่างครับ
00:13:46 → 00:13:50 ที่จะทำให้ท่านปวดน้อยลงและปวดมากขึ้น
00:13:50 → 00:13:56 ถ้าปวดน้อยลง เช่น น้ำเชอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ
00:13:56 → 00:13:59 ปลาจากทะเลลึก ปลาซาดีน ปลาแซลม่อน
00:13:59 → 00:14:03 ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล พวกนี้มีโอเมก้า 3
00:14:03 → 00:14:05 ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
00:14:05 → 00:14:09 ต่อมาน้ำมันมะกอกได้ผลดีมากๆ
00:14:09 → 00:14:12 อาการปวดลดลงได้พอสมควรเลยครับ
00:14:12 → 00:14:17 มีการวิจัยว่าได้ผลใกล้เคียงกับการทานยาไอบูโพรเฟนเลย
00:14:17 → 00:14:24 ซึ่งได้ผลลดปวดดีกว่าและมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่า
00:14:24 → 00:14:25 ก็ลองทานกันดูได้
00:14:25 → 00:14:27 แล้วต่อมาดูอาหารอีก 3 อย่าง
00:14:27 → 00:14:30 ที่ทำให้อาการปวดท่านมากขึ้นนะครับ
00:14:30 → 00:14:33 1. น้ำที่มีน้ำตาลสูงมากๆ
00:14:33 → 00:14:35 จะทำให้การอักเสบในร่างกายมากขึ้น
00:14:35 → 00:14:40 ต่อมา 2. เนื้อแดงต่างๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ
00:14:40 → 00:14:44 หรือว่าอาหารแปลรูปต่างๆ เช่น แฮม ไส้กรอก
00:14:44 → 00:14:46 ก็จะทำให้การอักเสบในร่างกายมากขึ้น
00:14:46 → 00:14:50 และอาหารชนิดสุดท้ายชนิดที่ 3 ที่ทำให้ปวดมากขึ้น
00:14:50 → 00:14:52 ก็คือพวกกลุ่มแป้งที่ขัดสีนะครับ
00:14:52 → 00:14:55 เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว
00:14:55 → 00:14:58 ก็แนะนำให้กินเป็นพวกกลุ่มไม่ขัดสี
00:14:58 → 00:15:01 เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หรือว่าขนมปังโฮลวีทแทน
00:15:01 → 00:15:03 ก็จะทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นครับ
00:15:03 → 00:15:06 และนี่ก็คือ 5 ข้อที่น่าจะทำให้ชีวิตท่านดีขึ้น
00:15:06 → 00:15:09 แล้วอาการปวดเรื้อรังของท่านลดลงครับ
00:15:09 → 00:15:10 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:15:10 → 00:15:12 กด Subscribe และกดกระดิ่ง
00:15:12 → 00:15:13 สวัสดีครับ
00:00:00 → 00:00:01 อาการปวดเรื้อรัง
00:00:01 → 00:00:03 ผมบอกเลยว่าอาการปวดเรื้อรัง
00:00:03 → 00:00:05 คนเป็นกันเยอะมากๆ ครับ
00:00:05 → 00:00:08 มีการวิจัยชาวอเมริกันร้อยล้านคน
00:00:08 → 00:00:13 1 ใน 4 ของคนกลุ่มนี้ มีอาการปวดเรื้อรังเยอะมากๆ
00:00:13 → 00:00:17 เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเรารักษามันได้ รู้สาเหตุมันได้
00:00:17 → 00:00:20 รู้วิธีแก้ไขมันได้ ชีวิตเราก็จะขึ้นมากครับ
00:00:28 → 00:00:29 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:29 → 00:00:31 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:31 → 00:00:34 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:35 → 00:00:40 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง อาการปวดเรื้อรัง
00:00:40 → 00:00:42 ผมบอกเลยครับว่าอาการปวดเรื้อรัง
00:00:43 → 00:00:47 คนเป็นกันเยอะมากๆ เยอะจนท่านจะตกใจเลยครับ
00:00:47 → 00:00:50 มีการวิจัยก็คือเก็บข้อมูลเลยว่า
00:00:50 → 00:00:52 ผู้ป่วยหรือคนอเมริกันทั้งหมดดีกว่า
00:00:52 → 00:00:55 ชาวอเมริกันทั้งหมดเป็นร้อยล้านคนนะครับ
00:00:55 → 00:01:00 1 ใน 4 ของคนกลุ่มนี้ มีอาการปวดเรื้อรังเยอะมากๆ
00:01:00 → 00:01:03 มีอาการปวดเรื้อรัง 1 ใน 4 ของคนทั้งหมด
00:01:03 → 00:01:05 เพราะฉะนั้นแล้วอาการปวดเรื้อรัง
00:01:05 → 00:01:09 ถ้าเรารักษามันได้ รู้สาเหตุมันได้ รู้วิธีแก้ไขมันได้
00:01:09 → 00:01:11 ชีวิตเราก็จะขึ้นมากครับ
00:01:11 → 00:01:13 แล้ววันนี้เรามาดูกันว่า
00:01:13 → 00:01:17 5 สิ่งที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง
00:01:17 → 00:01:20 และจะทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ
00:01:21 → 00:01:22 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:01:22 → 00:01:24 กด Subscribe และกดกระดิ่งครับ
00:01:24 → 00:01:28 ก่อนที่เราจะไปคุยกัน ใครรีบ ใครเวลาน้อย
00:01:29 → 00:01:31 ไปดูที่ 3 นาทีหลัง จะมีสรุปให้
00:01:31 → 00:01:33 แล้วมีเวลาค่อยกลับมาดูในรายละเอียดกันครับ
00:01:33 → 00:01:35 ถ้าใครมีเวลาก็ไปพร้อมๆ กันเลยนะครับ
00:01:35 → 00:01:37 คือก็ต้องบอกว่า 1 ใน 4 ของชาวอเมริกัน
00:01:38 → 00:01:42 มีอาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ปวดไหล่
00:01:42 → 00:01:45 ปวดหลัง ปวดนู่น ปวดนี่ เยอะมากๆ นะครับ
00:01:45 → 00:01:48 แล้วก็ไม่ใช่แบบปวดวันสองวันแล้วก็หาย
00:01:48 → 00:01:52 ปวดกันเป็นเดือน ปวดกันเป็นปี บางคนปวดเป็น 10 ปี
00:01:52 → 00:01:54 เพราะฉะนั้นเรามาดูกันครับว่า
00:01:54 → 00:01:58 มันมีอะไรที่เราไม่รู้เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังนี้บ้าง
00:01:58 → 00:02:02 ข้อแรก เพศหญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าเพศชาย
00:02:02 → 00:02:05 อันนี้คือการเก็บข้อมูล แล้วเราก็จะรู้สึกว่า
00:02:05 → 00:02:09 เราลองไปดูสิ จริงๆ แล้วผู้ป่วยที่เป็นเพศหญิง
00:02:09 → 00:02:13 ซึ่งผมพบเจอมาก็จะมีอาการปวดเรื้อรังมากกว่าเพศชาย
00:02:13 → 00:02:15 ซึ่งสาเหตุก็คงจะมีจากหลายอย่าง
00:02:15 → 00:02:16 จากฮอร์โมนบ้าง
00:02:16 → 00:02:19 จากกล้ามเนื้อเราอาจจะแข็งแรงไม่เท่าผู้ชายบ้าง
00:02:19 → 00:02:21 สรีระต่างๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ
00:02:21 → 00:02:23 ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงจะเป็นทุกคนนะครับ
00:02:23 → 00:02:27 เพียงแต่ว่ามีโอกาสที่จะเป็นมากกว่าเพศชายเท่านั้นเอง
00:02:27 → 00:02:34 ต่อมาข้อที่ 2 การพักไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด
00:02:35 → 00:02:40 ปกติทุกท่านจะรู้สึกว่าถ้าปวดหัว ปวดเมื่อย ปวดคอ
00:02:40 → 00:02:43 ปวดไหล่ ปวดหลัง การพักน่าจะทำให้ท่านหายดีใช่ไหมครับ
00:02:43 → 00:02:49 แต่ต้องบอกว่าการพักผ่อนหรือว่าพักไม่ขยับส่วนที่เจ็บ
00:02:49 → 00:02:52 ไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด ถามว่าเพราะอะไรครับ
00:02:52 → 00:02:55 คือก็ต้องบอกว่าการปวด การเมื่อยต่างๆ
00:02:55 → 00:02:57 โดยส่วนใหญ่ เช่น มันก็จะเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ เป็นต้น
00:02:57 → 00:02:59 หรือเกี่ยวกับกระดูก เป็นต้น
00:02:59 → 00:03:01 และอาการปวดทั้งหลายแหล่เหล่านี้
00:03:01 → 00:03:06 มักจะมีต้นเหตุมาจากกล้ามเนื้อหดเกร็ง
00:03:06 → 00:03:08 กล้ามเนื้อหดเกร็งเข้ามาล็อคกันอยู่
00:03:08 → 00:03:11 คราวนี้เวลาเราหดเกร็งแล้ว
00:03:11 → 00:03:15 จะทำให้กล้ามเนื้อเราหายป่วย เราจะต้องยืดมันออกครับ
00:03:15 → 00:03:19 ยืดใยกล้ามเนื้อออกจากกัน อาการปวดถึงจะดีขึ้น
00:03:19 → 00:03:21 เพราะฉะนั้นถ้าเราพักอยู่เป็นยังไงครับ
00:03:21 → 00:03:24 เราไม่ยอมขยับกล้ามเนื้อเลย เราไม่ยอมขยับเลย
00:03:24 → 00:03:26 กล้ามเนื้อเราก็จะยิ่งหดๆ เข้าไป
00:03:26 → 00:03:29 ก็จะยิ่งปวดมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วไม่หายสักทีครับ
00:03:29 → 00:03:32 เพราะฉะนั้นการพักจึงไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด
00:03:33 → 00:03:34 แล้วการรักษาที่ดีที่สุดคืออะไร
00:03:35 → 00:03:38 ก็คือการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีนะครับ
00:03:38 → 00:03:42 ไม่ใช่ไปออกแบบเต็มที่ ไปออกแบบรุนแรง ไม่ใช่
00:03:42 → 00:03:43 ต้องออกให้ถูกวิธีนะครับ
00:03:43 → 00:03:47 ซึ่งที่แนะนำก็คือการออกกำลังกายแบบยืดเหยียด
00:03:47 → 00:03:49 ในกล้ามเนื้อฝั่งตรงกันข้าม
00:03:50 → 00:03:54 คือพยายามที่จะออกกำลังกายเพื่อให้กล้ามเนื้อส่วนตรงนี้
00:03:54 → 00:03:55 สมมุติว่าเราตึงตรงนี้ใช่ไหมครับ
00:03:56 → 00:03:58 ตึงต้นคอนะครับ กล้ามเนื้อเราจะหด
00:03:58 → 00:04:00 พอเราหด เราก็จะเป็นแบบนี้ ไม่ค่อยขยับ
00:04:00 → 00:04:03 เพราะฉะนั้นการที่เราอยากจะหายเราต้องยืด
00:04:03 → 00:04:04 ยืดมันนะครับ
00:04:05 → 00:04:09 หมุนอย่างนี้ก็ได้ ให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ยืดแล้วค้างเอาไว้
00:04:09 → 00:04:13 นับ 1-20 แล้วค้างเอาไว้ แล้วปล่อย ทำ 3-5 ครั้ง
00:04:13 → 00:04:16 แบบนี้จะทำให้อาการปวดหรือเมื่อยตรงนี้ดีขึ้น
00:04:16 → 00:04:18 เพราะว่ากล้ามเนื้อที่หดเกร็งมันคลายตัวครับ
00:04:18 → 00:04:22 ก็มีการวิจัยเลยว่าการที่ออกกำลังกาย
00:04:22 → 00:04:24 หรือการทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง
00:04:24 → 00:04:28 จะทำให้อัตราการกินยาหรือต้องฉีดยาแก้ปวด
00:04:28 → 00:04:31 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
00:04:31 → 00:04:33 มาต่อกันที่ข้อที่ 3 ครับ
00:04:33 → 00:04:37 เรื่องที่ท่านมักจะไม่รู้เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง
00:04:37 → 00:04:45 ข้อที่ 3 ก็คือ ภาวะวัยทองจะทำให้ท่านมีอาการปวดส่วนต่างๆ
00:04:45 → 00:04:50 ในร่างกายมากกว่าในช่วงอายุอื่นเลย
00:04:50 → 00:04:55 ก็คือช่วงก่อนจะหมดประจำเดือนนะครับ
00:04:55 → 00:04:58 มันจะมีร้อนวูบวาบตามหน้า ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิง
00:04:58 → 00:05:01 แต่ก็ต้องบอกว่าผู้ชายก็มีวัยทองเหมือนกัน
00:05:01 → 00:05:03 แต่ว่าน้อยกว่าผู้หญิงนะครับ
00:05:03 → 00:05:07 คือผู้หญิงจะโดดเด่นมากเลย โดยเฉพาะก่อนหมดประจำเดือน
00:05:07 → 00:05:10 จะแบบเร้าอารมณ์มากช่วงนี้นะครับ
00:05:10 → 00:05:15 จะร้อนวูบวาบที่หน้า แล้วก็จะมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย
00:05:15 → 00:05:17 เกิดเต็มไปหมดเลย และอาการปวดนี่แหละ
00:05:17 → 00:05:20 เป็นอาการอันหนึ่งที่เด็ดขาดมาก
00:05:20 → 00:05:23 โดยเฉพาะปวดหัวไมเกรนครับ
00:05:23 → 00:05:25 ผู้หญิงในภาวะก่อนหมดประจำเดือน
00:05:25 → 00:05:32 จะมีภาวะการเป็นไมเกรนสูงมากกว่าคนปกติอย่างชัดเจน
00:05:32 → 00:05:34 แล้วก็มีอาการปวดมากกว่าเดิมค่อนข้างมาก
00:05:34 → 00:05:39 ก็ต้องบอกว่ามันเป็นภาวะที่ค่อนข้างที่จะทุกข์ทรมารพอสมควร
00:05:39 → 00:05:42 ซึ่งเราก็จะมีวิธีการรักษาหลายอย่างเพื่อให้อาการดีขึ้น
00:05:42 → 00:05:45 เช่น การกินยา การเสริมฮอร์โมน
00:05:45 → 00:05:48 การลดความเครียด เช่น การนั่งสมาธิ
00:05:48 → 00:05:51 การฝังเข็ม หรือการนวดกดจุด หรืออะไรก็ได้ครับ
00:05:51 → 00:05:55 ซึ่งก็สามารถจะช่วยลดอาการปวดพวกนี้ได้เป็นอย่างดี
00:05:55 → 00:05:59 สำหรับกลุ่มวัยใกล้หมดประจำเดือน
00:05:59 → 00:06:02 หรือวัยรุ่นช่วงปลายแล้วกันนะ
00:06:02 → 00:06:05 มาต่อกันที่ข้อที่ 4 ครับ
00:06:05 → 00:06:12 ข้อที่ 4 ก็คือว่า มีการรักษาเกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังมากมาย
00:06:12 → 00:06:18 และบางสิ่งบางอย่างอาจจะได้ผลมากกว่าการกินยาซะด้วยซ้ำ
00:06:18 → 00:06:21 มีอะไรบ้างครับ เช่น การฝังเข็ม
00:06:21 → 00:06:26 การฝังเข็มผมบอกเลยว่า มันเป็นศาสตร์ที่มาจากทางประเทศจีน
00:06:26 → 00:06:28 แล้วก็มีผลการวิจัยรองรับเลยว่า
00:06:28 → 00:06:31 สำหรับการปวดหัวไมเกรนบ้าง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้่อบ้าง
00:06:31 → 00:06:33 โดยเฉพาะกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ นะครับ
00:06:33 → 00:06:36 การฝังเข็มได้ผลดีมากๆ เลยครับ
00:06:36 → 00:06:39 ก็ใครที่ทานยาเป็นประจำแล้วอยากจะลดยา
00:06:39 → 00:06:41 หรือทานยาแล้วไม่หาย ฝังเข็มอาจจะช่วยท่านได้
00:06:41 → 00:06:42 ลองดูนะครับ
00:06:43 → 00:06:45 หรืออาจจะเป็นการนวดกดจุด
00:06:45 → 00:06:47 การนวด การกดจุดต่างๆ
00:06:47 → 00:06:51 ก็อาจจะทำให้อาการปวดเมื่อย ผ่อนคลายดีขึ้น
00:06:51 → 00:06:56 อาการปวดจามจุดต่างๆ ดีขึ้น กล้ามเนื้อยืดขยายได้ดีขึ้น
00:06:56 → 00:06:58 เพราะว่าการกดลงไปตามกล้ามเนื้อ
00:06:58 → 00:07:00 หรือตามกลุ่มกล้ามเนื้อที่แข็งเกร็ง
00:07:00 → 00:07:02 เวลาเรากดนานๆ แล้วเราปล่อยออกมา
00:07:02 → 00:07:05 กล้ามเนื้อที่แข็งต่างๆ จากที่มันหด
00:07:06 → 00:07:08 ในภาวะที่เรากดไปนานๆ แล้วปล่อย
00:07:08 → 00:07:09 มันอาจจะเกิดการคลายตัวได้
00:07:09 → 00:07:13 ซึ่งจะทำให้อาการปวดลดลงอย่างชัดเจน
00:07:13 → 00:07:15 ต่อมา โยคะ ครับ
00:07:15 → 00:07:18 โยคะก็เป็นวิธีช่วยที่ดีมากพอสมควรเลย
00:07:18 → 00:07:22 การยืดเหยียดส่วนต่างๆ ยืดเหยียดแขนนะครับ
00:07:23 → 00:07:24 ยกขึ้นไปอย่างนี้นะครับ
00:07:25 → 00:07:27 คอ หมุน หมุน
00:07:27 → 00:07:30 หลังยืด ยืดไปอย่างนี้นะครับ
00:07:30 → 00:07:33 จะทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งในส่วนต่างๆ
00:07:33 → 00:07:37 เช่น เราออกกำลังกายมาหนัก หรือว่านั่งดูโทรทัศน์นานๆ
00:07:37 → 00:07:40 ก้มหน้านานๆ ก้มคอนานๆ แบบนี้ช่วยได้ดีมากๆ เลยครับ
00:07:40 → 00:07:42 สำหรับโยคะครับ
00:07:42 → 00:07:45 มาต่อกันที่ข้อที่ 5 และเป็นข้อสุดท้ายครับ
00:07:46 → 00:07:51 อาหารหลายๆ ชนิด ช่วยทั้งทำให้ท่านหายปวด
00:07:51 → 00:07:53 และทำให้ท่านปวดมากขึ้นได้ครับ
00:07:53 → 00:07:55 มาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างนะครับ
00:07:55 → 00:07:58 สำหรับอาหารที่จะช่วยทำให้ท่านหายปวดได้
00:07:58 → 00:08:01 ผมจะยกตัวอย่างสัก 3 อย่างครับ
00:08:01 → 00:08:03 อันแรก น้ำเชอร์รี่
00:08:03 → 00:08:07 น้ำเชอร์รี่มีวิจัยจากต่างประเทศบอกว่า
00:08:07 → 00:08:10 สามารถที่จะบรรเทาอาการอักเสบ
00:08:10 → 00:08:15 ในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบได้
00:08:15 → 00:08:16 ก็เป็นโรคข้ออักเสบ
00:08:16 → 00:08:20 แล้วก็พวกน้ำเชอร์รี่มันจะมีพวกสารต้านอนุมูลอิสระ
00:08:20 → 00:08:24 หรือสารกลุ่มพวกลดการอักเสบ
00:08:24 → 00:08:27 ก็จะทำให้การอักเสบในกลุ่มนี้ลดลงได้
00:08:27 → 00:08:29 เป็นการวิจัยจากฮาร์วาร์ดเลยทีเดียวนะครับ
00:08:29 → 00:08:34 คือแนะนำให้ดื่มวันละ 2 ครั้ง นานติดต่อกัน 6 สัปดาห์
00:08:34 → 00:08:36 เทียบผู้ป่วยที่ทานกับไม่ได้ทาน
00:08:36 → 00:08:40 อาการปวด อาการอักเสบ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
00:08:40 → 00:08:45 ต่อมาอาหารชนิดที่ 2 ก็เป็นกลุ่มพวกปลาน้ำลึก
00:08:45 → 00:08:49 และมีไขมันสูง เช่น ปลาซาดีน ปลาแซลมอน
00:08:49 → 00:08:52 ปลาทูน่า ปลาแมกเคอเรลนะครับ
00:08:52 → 00:08:55 กลุ่มพวกนี้จะมีสารที่เรียกว่า โอเมก้า 3
00:08:55 → 00:09:01 ซึ่งโอเกก้า 3 จะลดการอักเสบในร่างกายได้เป็นอย่างดี
00:09:01 → 00:09:04 ซึ่งการอักเสบในร่างกายถ้าเราลดลงได้
00:09:04 → 00:09:06 อาการปวดต่างๆ ก็จะลดลงครับ
00:09:07 → 00:09:11 อาหารชนิดที่ 3 น้ำมันมะกอก
00:09:11 → 00:09:15 เป็นน้ำมันชั้นดี เป็นน้ำมันที่ให้ไขมันขนิดดี
00:09:15 → 00:09:21 ซึ่งพวกนี้มีการวิจัยเลยว่าการทานน้ำมันมะกอกเป็นประจำ
00:09:21 → 00:09:27 มีผลลดปวดคล้ายคลึงกับกินยาแก้ปวดที่มีชื่อว่าไอบูโพรเฟน
00:09:28 → 00:09:31 ซึ่งผมว่าการทานน้ำมันมะกอกเทียบกับทานยาแก้ปวด
00:09:31 → 00:09:34 ทานน้ำมันมะกอกน่าจะดีกว่า
00:09:34 → 00:09:39 เพราะว่าการทานยาแก้ปวดก็จะมีผลข้างเคียงของมัน
00:09:39 → 00:09:41 เช่น ปวดแสบกระเพาะ หรือกระเพาะทะลุได้
00:09:41 → 00:09:44 แล้วก็ไม่ควรทานนานสำหรับยาแก้ปวด
00:09:44 → 00:09:48 แนะนำให้ทานไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว
00:09:49 → 00:09:53 คราวนี้มาดูอาหารที่ทำให้ท่านปวดมากขึ้น
00:09:53 → 00:09:55 ก็จะแนะนำ 3 อย่างเช่นกันครับ
00:09:55 → 00:10:00 อย่างแรกครับ น้ำที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลสูงมากๆ
00:10:00 → 00:10:04 เช่น น้ำอัดลม น้ำหวานต่างๆ หรือน้ำผลไม้ที่หวานมากๆ
00:10:04 → 00:10:08 ก็มีวิจัยเลยว่าน้ำที่มีน้ำตาลสูงมากๆ
00:10:08 → 00:10:11 จะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายมากกว่า
00:10:11 → 00:10:13 แล้วก็ทำให้เกิดอาการปวดมากกว่า
00:10:13 → 00:10:15 อันนี้ก็เป็นวิจัยของฮาร์วาร์ดอีกอันหนึ่งเช่นกัน
00:10:16 → 00:10:19 ต่อมาอาหารชนิดที่ 2 ครับ
00:10:19 → 00:10:23 ก็คือเนื้อหรือเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้่อแดง
00:10:23 → 00:10:31 เนื้อแดงมีอะไรบ้าง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ
00:10:31 → 00:10:35 แต่เนื้อไก่เราไม่ถือว่าเป็นเนื้อแดงที่แดงมากเกินไปนัก
00:10:35 → 00:10:40 เพราะฉะนั้นเนื้อวัว เนื้่อหมู เนื้อแกะ กลุ่มพวกนี้
00:10:40 → 00:10:44 หรือไส้กรอก อาหารแปรรูป แฮมพวกนี้นะครับ
00:10:45 → 00:10:50 จะมีผลทำให้เกิดภาวะข้ออักเสบสูงขึ้นมากกว่า
00:10:50 → 00:10:53 คนที่ไม่ได้ทานเป็นประจำหรือว่าทานน้อย
00:10:53 → 00:10:55 คือกลุ่มคนที่ทานอาหารพวกนี้มากๆ
00:10:55 → 00:10:58 จะมีภาวะข้ออักเสบมากกว่าคนที่ไม่ค่อยได้ทาน
00:10:58 → 00:11:00 อันนี้ก็เป็นวิจัยจากฮาร์วาร์ดเช่นเดียวกัน
00:11:00 → 00:11:06 ต่อมากลุ่มแป้งขัดสีก็คือขนมปังขาวหรือว่าข้าวขาว
00:11:07 → 00:11:08 พวกนี้ก็จะทำให้
00:11:08 → 00:11:15 เขาเรียกว่ามีสารทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
00:11:15 → 00:11:17 อยู่ในเลือดสูงขึ้นนะครับ
00:11:17 → 00:11:19 เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคข้ออักเสบ
00:11:19 → 00:11:21 หรือว่าอักเสบตามกล้ามเนื้อต่างๆ มากขึ้น
00:11:21 → 00:11:26 เพราะฉะนั้นถ้าให้แนะนำ ผมแนะนำเป็นกลุ่มพวกข้าวกล้อง
00:11:26 → 00:11:31 หรือว่าไรซ์เบอร์รี่ หรือว่าเป็นขนมโฮลวีท
00:11:31 → 00:11:34 พวกนี้ก็เป็นพวกกลุ่มไม่ขัดสีซึ่งทำให้อิ่มนาน
00:11:34 → 00:11:38 ลดน้ำหนักได้ดี มีใยอาหาร ลดอัตราเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
00:11:38 → 00:11:41 ซึ่งก็ดีมากๆ ผมก็ชอบทานนะเป็นข้าวกล้อง
00:11:41 → 00:11:43 ถ้าสำหรับท่านใดที่ไม่ถนัดทานข้าวกล้อง
00:11:43 → 00:11:47 ช่วงแรกเอาข้าวกล้องผสมข้าวขาวแล้วหุงอย่างละครึ่ง
00:11:47 → 00:11:48 อร่อยมากๆ เลย ลองดูนะครับ
00:11:48 → 00:11:52 และนี่ก็คือ 5 อย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้
00:11:52 → 00:11:55 เกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรังครับ
00:11:55 → 00:11:59 ผมขออนุญาตสรุป 5 ข้อนะครับ
00:11:59 → 00:12:05 5 ข้อที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบเกี่ยวกับอาการปวดเรื้อรัง
00:12:05 → 00:12:09 ข้อแรก เพศหญิงมักเป็นมากกว่าเพศชาย
00:12:09 → 00:12:11 อันนี้ก็เป็นการเก็บข้อมูลเก็บการวิจัย
00:12:11 → 00:12:13 ก็เพศหญิงก็จะเป็นมากกว่านะครับ
00:12:13 → 00:12:16 อันนี้คงเลือกเกิดไม่ได้เนาะ
00:12:16 → 00:12:18 เป็นผู้หญิงเกิดมาก็อาจจะปวดมากกว่า
00:12:18 → 00:12:20 เป็นผู้ชายก็อาจจะปวดน้อยกว่า
00:12:20 → 00:12:26 ต่อมาข้อที่ 2 การพักผ่อนไม่ใช่การรักษาที่ดีที่สุด
00:12:26 → 00:12:29 การพักผ่อนบางครั้งอาจจะทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งนั้น
00:12:29 → 00:12:31 ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่
00:12:31 → 00:12:34 การรักษาที่ดีที่สุดที่แนะนำในปัจจุบัน
00:12:34 → 00:12:37 น่าจะเป็นการออกกำลังกายให้เหมาะสม
00:12:37 → 00:12:38 หรือการยืดเหยียดให้เหมาะสม
00:12:38 → 00:12:43 เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือว่าอาการปวดในจุดต่างๆ คลายตัว
00:12:43 → 00:12:45 ซึ่งแต่ละอย่างก็คงจะมีรายละเอียดไป
00:12:45 → 00:12:47 ค่อยลงลึกกันทีหลังนะครับ
00:12:47 → 00:12:55 ต่อมาข้อที่ 3 ช่วงเข้าสู่วัยทอง
00:12:55 → 00:12:58 ก็จะมีอาการปวดหัวมากกว่าปกติ
00:12:58 → 00:13:01 โดยเฉพาะไมเกรนเป็นมากกว่าเดิมหลายเท่าเลย
00:13:01 → 00:13:03 บางทีเพราะว่ามากกว่า 60%
00:13:03 → 00:13:06 ของคนที่เทียบกับคนที่ยังไม่เข้าภาวะวัยทอง
00:13:06 → 00:13:09 เป็นเยอะมาก อาการปวดรุนแรงมาก
00:13:09 → 00:13:14 เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าท่านใดเริ่มใกล้หมดประจำเดือน
00:13:14 → 00:13:18 การเสริมยาฮอร์โมนบางอย่าง หรือว่าการรักษาบางอย่าง
00:13:18 → 00:13:23 หรือว่าการลดความเครียด หรือว่าการรักษาโดยรวมทั่วไป
00:13:23 → 00:13:26 รักษาสุขภาพให้แข็งแรงก็จะช่วยให้อาการปวดเหล่านี้ลดลง
00:13:26 → 00:13:28 แล้วก็ทำใจเย็นๆ
00:13:28 → 00:13:30 ต่อมาข้อที่ 4 ครับ
00:13:30 → 00:13:34 ข้อที่ 4 ก็คือว่าการรักษาอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับยาแก้ปวด
00:13:34 → 00:13:37 ที่ไม่ใช่ยาแก้ปวดมีมายมากและได้ผลดีด้วย
00:13:37 → 00:13:41 เช่น การฝักเข็ม การนวดกดจุด หรือว่าการเล่นโยคะ
00:13:41 → 00:13:43 ก็ได้ผลดีมากๆ นะครับ
00:13:43 → 00:13:46 ต่อมาข้อที่ 5 มีอาหารหลายอย่างครับ
00:13:46 → 00:13:50 ที่จะทำให้ท่านปวดน้อยลงและปวดมากขึ้น
00:13:50 → 00:13:56 ถ้าปวดน้อยลง เช่น น้ำเชอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระ
00:13:56 → 00:13:59 ปลาจากทะเลลึก ปลาซาดีน ปลาแซลม่อน
00:13:59 → 00:14:03 ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล พวกนี้มีโอเมก้า 3
00:14:03 → 00:14:05 ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
00:14:05 → 00:14:09 ต่อมาน้ำมันมะกอกได้ผลดีมากๆ
00:14:09 → 00:14:12 อาการปวดลดลงได้พอสมควรเลยครับ
00:14:12 → 00:14:17 มีการวิจัยว่าได้ผลใกล้เคียงกับการทานยาไอบูโพรเฟนเลย
00:14:17 → 00:14:24 ซึ่งได้ผลลดปวดดีกว่าและมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่า
00:14:24 → 00:14:25 ก็ลองทานกันดูได้
00:14:25 → 00:14:27 แล้วต่อมาดูอาหารอีก 3 อย่าง
00:14:27 → 00:14:30 ที่ทำให้อาการปวดท่านมากขึ้นนะครับ
00:14:30 → 00:14:33 1. น้ำที่มีน้ำตาลสูงมากๆ
00:14:33 → 00:14:35 จะทำให้การอักเสบในร่างกายมากขึ้น
00:14:35 → 00:14:40 ต่อมา 2. เนื้อแดงต่างๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ
00:14:40 → 00:14:44 หรือว่าอาหารแปลรูปต่างๆ เช่น แฮม ไส้กรอก
00:14:44 → 00:14:46 ก็จะทำให้การอักเสบในร่างกายมากขึ้น
00:14:46 → 00:14:50 และอาหารชนิดสุดท้ายชนิดที่ 3 ที่ทำให้ปวดมากขึ้น
00:14:50 → 00:14:52 ก็คือพวกกลุ่มแป้งที่ขัดสีนะครับ
00:14:52 → 00:14:55 เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว
00:14:55 → 00:14:58 ก็แนะนำให้กินเป็นพวกกลุ่มไม่ขัดสี
00:14:58 → 00:15:01 เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หรือว่าขนมปังโฮลวีทแทน
00:15:01 → 00:15:03 ก็จะทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นครับ
00:15:03 → 00:15:06 และนี่ก็คือ 5 ข้อที่น่าจะทำให้ชีวิตท่านดีขึ้น
00:15:06 → 00:15:09 แล้วอาการปวดเรื้อรังของท่านลดลงครับ
00:15:09 → 00:15:10 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:15:10 → 00:15:12 กด Subscribe และกดกระดิ่ง
00:15:12 → 00:15:13 สวัสดีครับ