00:00:00 → 00:00:02 โทรหาคุณคือคนนึงที่อยากผอมอย่างยั่งยืน
00:00:02 → 00:00:06 นะครับนี่คือ 5 สิ่งที่คุณไม่ควรทำนะครับ
00:00:06 → 00:00:09 สวัสดีครับผม 1 Healthy กิโลนะครับเมื่อ
00:00:09 → 00:00:13 คุณชมคลิปนี้จบคุณจะทราบเลยว่า 5 สิ่งที่
00:00:13 → 00:00:16 คุณไม่ควรทำเลยถ้าคุณอยากจะผอมอย่างยั่ง
00:00:16 → 00:00:19 ยืนด้วยนะครับมีอะไรบ้างแต่ก่อนอื่นนะ
00:00:19 → 00:00:21 ครับเพื่อไม่ให้คุณพลาดความรู้ดีๆจากหมอ
00:00:21 → 00:00:23 หนึ่งนะครับหากคุณชมว่าหนึ่งจาก YouTube
00:00:23 → 00:00:26 สามารถกดติดตามกดสับครับทางด้านล่างได้
00:00:26 → 00:00:29 เลยนะครับและหาคุณติดตามมาหนึ่งจากทาง
00:00:29 → 00:00:31 Facebook อย่าลืมกดไลค์กดแชร์คลิปนี้นะ
00:00:31 → 00:00:34 ครับแล้วก็กดติดตามเพจมา 1 แถวดีโลดจะได้
00:00:34 → 00:00:37 ไม่พลาดความรู้ดีๆในการดูแลสุขภาพและดู
00:00:37 → 00:00:39 กลางของคุณนะครับข้อนี้ย้อนกลับมาในสิ่ง
00:00:39 → 00:00:42 ที่เราจะคุยกันนะครับก็คือ 5 สิ่งที่คุณ
00:00:42 → 00:00:45 ไม่ควรทำเลยเพื่อที่จะทำให้คุณเนี่ยผอม
00:00:45 → 00:00:47 ได้อย่างยั่งยืนถ้าไม่มา 1 ถึงต้องพูด
00:00:47 → 00:00:50 เรื่องนี้นะครับเพราะว่าหลายคนเนี่ยเคยลด
00:00:50 → 00:00:52 น้ำหนักแล้วก็กลับไปอ้วนอีกลดแล้วก็กลับ
00:00:52 → 00:00:55 ไปอ้วนอีกแบบนี้เรื่อยๆสุดท้ายก็ไม่ยั่ง
00:00:55 → 00:00:57 ยืนสักทีนะครับคุณลองนึกดูว่าคุณเป็นแบบ
00:00:57 → 00:00:59 นี้หรือเปล่าถ้าคุณเป็นแบบนี้เหมือนกัน
00:00:59 → 00:01:02 คลิปนี้เธอคือคำตอบของคุณนะครับคันนี้ใน 5
00:01:02 → 00:01:05 สิ่งนั้นมีอะไรบ้างอย่างแรกข้อที่ 1
00:01:05 → 00:01:09 สำคัญที่สุดเลยนะครับก็คือคุณต้องเลิกมอง
00:01:09 → 00:01:11 หาตัวช่วยก่อนเพราะว่าในหลายๆครั้งตัว
00:01:11 → 00:01:14 ช่วยที่คุณเอามาใช้เอามาทานเป็นอาหาร
00:01:14 → 00:01:17 เสริมเป็นยาทั้งหลายเนี่ยนอกจากจะทำให้
00:01:17 → 00:01:20 คุณลดน้ำหนักได้ไม่ยั่งยืนแล้วยังจะทำให้
00:01:20 → 00:01:23 คุณลดน้ำหนักได้ช้าลงอีกด้วยโดยเฉพาะพวก
00:01:23 → 00:01:26 ยาและอาหารเสริมที่ชอบเคลมว่าลดน้ำหนัก
00:01:26 → 00:01:29 ได้เร็วมากๆลดน้ำหนักได้เยอะมากๆพวกนี้
00:01:29 → 00:01:32 เนี่ยต้องระวังมากๆนะครับเพราะว่าเขามัก
00:01:32 → 00:01:34 จะใส่สารบางอย่างมาโดยที่คุณอาจจะไม่รู้
00:01:34 → 00:01:37 ก็ได้บางอันมักจะบอกว่าช่วยคุณเนี่ย
00:01:37 → 00:01:40 กระตุ้นระบบเผาผลาญได้ดีเพราะคุณทานเข้า
00:01:40 → 00:01:42 ไปแล้วก็เฮ้ยรู้สึกว่าเหงื่อแตกเหงื่อออก
00:01:42 → 00:01:45 เยอะซึ่งกูน่าจะเข้าใจเองว่านั่นคืออาการ
00:01:45 → 00:01:48 ของการที่ระบบเผาผลาญคุณดีขึ้นแต่แต่เขา
00:01:48 → 00:01:51 อาจจะผสมยาที่เป็นไทรอยด์มาก็ได้ซึ่งจะทำ
00:01:51 → 00:01:54 ให้ร่างกายของคุณเนี่ยไทรอยด์ทำงานมาก
00:01:54 → 00:01:57 กว่าปกติทำให้เหมือกออกใจสั่นระบบเผาผลาญ
00:01:57 → 00:01:59 เยอะขึ้นแต่มันเป็นการเยอะขึ้นแบบผิด
00:01:59 → 00:02:02 ธรรมชาติก็เพราะฉะนั้นคุณอาจจะได้ไทรอยด์
00:02:02 → 00:02:05 เป็นพิษหรือเป็นโรคไทรอยด์ตามมาโดยที่คุณ
00:02:05 → 00:02:08 ไม่รู้ตัวก็ได้หรือบางอันเขาจะใส่พวกสาร
00:02:08 → 00:02:11 ที่เป็นสารไซบูทรามีนนะครับสารพวกนี้
00:02:11 → 00:02:14 เนี่ยปัจจุบันเขาไม่ให้ใช้แล้วนะครับซึ่ง
00:02:14 → 00:02:17 ถามว่ามันมีส่งผลยังไงกำลังกายของคุณก็จะ
00:02:17 → 00:02:19 ทำให้คุณอิ่มก็นั้นบางยี่ห้อหรือบางอาหาร
00:02:19 → 00:02:22 เสริมบางอย่างเขาจะบอกว่าสำหรับคนที่กิน
00:02:22 → 00:02:25 ไม่หยุดนะคะลองทานอันนี้ดูแล้วจะทำให้คุณ
00:02:25 → 00:02:28 อิ่มได้ตลอดทั้งวันกินลดลงเพราะคุณทานไป
00:02:28 → 00:02:30 แล้วกูรู้สึกแบบนั้นเฮ้ยทำไมมันได้ฝนแต่
00:02:30 → 00:02:34 นั่นคือจุดเริ่มต้นของร่างกายคนที่สุขภาพ
00:02:34 → 00:02:36 จะเสียเพราะว่าสารตัวนี้ทำให้คุณหัวใจไว้
00:02:36 → 00:02:39 ได้ดังนั้นเห็นคำว่าพวกยาทั้งหลายหรือว่า
00:02:39 → 00:02:43 อาหารเสริมทั้งหลายเนี่ยมันไม่ใช่วิธีแก้
00:02:43 → 00:02:46 ต้นเหตุที่ทำให้คุณอ้วนขึ้นและมันจะทำให้
00:02:46 → 00:02:49 สุขภาพคุณแย่ลงด้วยดังนั้นคุณต้องเลิกมอง
00:02:49 → 00:02:52 หาพวกตัวช่วยพวกนี้ก่อนเพราะสุดท้ายแล้ว
00:02:52 → 00:02:54 จริงๆคุณจะผอมลงได้คุณต้องไปแก้ที่สาเหตุ
00:02:54 → 00:02:57 ถูกไหมซึ่งสาเหตุของการที่คุณอ้วนขึ้นนี่
00:02:57 → 00:02:59 มันเกิดจากการที่คุณใช้ระบบพลังงานในร่าง
00:02:59 → 00:03:02 กายนี้เนี่ยไม่ถูกนะครับร่างกายของคุณมัน
00:03:02 → 00:03:05 มีระบบพลังงานอยู่ 2 อย่างคือใช้น้ำตาลก็
00:03:05 → 00:03:07 ใช้ไขมันง่ายๆเลยก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:03:07 → 00:03:09 คุณทานอาหารเข้าไปแล้วมันย่อยเป็นน้ำตาล
00:03:09 → 00:03:12 มันก็จะใช้น้ำตาลก่อนซึ่งแน่นอนว่าคุณคง
00:03:12 → 00:03:14 ไม่ได้ทานอะไรที่มันเป็นน้ำตาลเนี่ยใน
00:03:14 → 00:03:16 ปริมาณที่พอดีอยู่แล้วเธอไหมแต่ก่อนคุณก็
00:03:16 → 00:03:19 จะทันเยอะมากกินน้ำตาลเยอะกินแป้งเยอะสุด
00:03:19 → 00:03:21 ท้ายเนี่ยพอมันเปลี่ยนเป็นน้ำตาลย่อยแล้ว
00:03:21 → 00:03:24 ร่างกายของคุณเอาไปใช้หมดมันก็เลยต้องออก
00:03:24 → 00:03:27 ไปเก็บไปสะสมในร่างกายซึ่งจริงๆมันสะสม
00:03:27 → 00:03:29 ได้ 2 แบบอันที่หนึ่งน้ำตาลของคุณจะ
00:03:29 → 00:03:32 เปลี่ยนไปเป็นแป้งก่อนเอาไปเก็บตามตับตาม
00:03:32 → 00:03:34 กล้ามเนื้อนะครับนะและก่อนที่สองคือเอาไป
00:03:34 → 00:03:36 เก็บในรูปของไขมันซึ่งอันนี้มันเก็บได้
00:03:36 → 00:03:39 ไม่จำกัดเลยถูกไหมเอาไปเก็บอยู่ตามหน้า
00:03:39 → 00:03:43 ตามคอตามตับไตไส้พุงของคนเก็บได้หมดเลยนะ
00:03:43 → 00:03:45 ครับเพราะฉะนั้นเนื่องจากสาเหตุมันเกิด
00:03:45 → 00:03:47 จากการที่คุณใช้ระบบพลังงานได้ไม่ถูกต้อง
00:03:47 → 00:03:50 ดังนั้นวิธีแก้คุณก็ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ
00:03:50 → 00:03:53 คุณกินแป้งกินน้ำตาลเยอะเลยเอาไปเปลี่ยน
00:03:53 → 00:03:55 เป็นไขมันคุณก็ต้องลดการกินแป้งกับน้ำตาล
00:03:55 → 00:03:57 ลงเพื่อที่จะไปเอาไขมันเก่าออกมาใช้อัน
00:03:57 → 00:04:00 นี้คือการแก้ที่ต้นเหตุที่แท้จริงดังนั้น
00:04:00 → 00:04:01 และเมื่อคุณเข้าใจตรงนี้คุณจะไม่จำเป็น
00:04:01 → 00:04:04 ต้องใช้อาหารเสริมหรือว่าพวกยาที่จะทำให้
00:04:04 → 00:04:07 คุณอันตรายอีกเลยตลอดชีวิตเท่านั้นอันนี้
00:04:07 → 00:04:10 ข้อที่ 1 นะครับข้อที่สองสิ่งที่คุณควรทำ
00:04:10 → 00:04:15 ก็คือคุณควรจะต้องเลิกใช้วิธีการกินน้อย
00:04:15 → 00:04:18 ออกกำลังกายหนักๆแล้วเพราะว่าการที่คุณ
00:04:18 → 00:04:21 พานน้อยแล้วออกกำลังกายหนักนั่นจะยิ่งทำ
00:04:21 → 00:04:24 ให้ร่างกายของคุณนั้นหวงไขมันขึ้นไป
00:04:24 → 00:04:26 เรื่อยๆและสุดท้ายคุณจะโยโย่เอฟเฟคเนื่อง
00:04:26 → 00:04:28 จากสาเหตุนะครับและคนที่จะไม่เคยเข้าใจ
00:04:28 → 00:04:31 เรื่อง Yoyo effect เลยนะลองฟังนะครับใน
00:04:31 → 00:04:34 คนที่ทานน้อยเนี่ยวันๆไม่ค่อยทานเลยนะ
00:04:34 → 00:04:37 ครับร่างกายจะได้สารอาหารไม่เพียงพอจนสุด
00:04:37 → 00:04:40 ท้ายเนี่ยร่างกายของคุณก็จะมองว่าเฮ้ยไม่
00:04:40 → 00:04:43 มีอาหารทำยังไงดีก็จำเป็นที่จะต้องลด
00:04:43 → 00:04:46 ระดับเผาผลาญร่างกายของคุณลงซึ่งง่ายที่
00:04:46 → 00:04:48 สุดก็คืออะไรบ้างที่ใช้พลังงานเยอะต้อง
00:04:48 → 00:04:51 ตัดออกให้หมดและสังเกตว่าคนที่อดอาหารจะ
00:04:51 → 00:04:54 ดูขอมดูสู้มากๆเลยเพราะว่าร่างกายเนี่ย
00:04:54 → 00:04:56 สลายกล้ามเนื้อออกมาเพื่อเอาไปใช้เป็น
00:04:56 → 00:04:59 พลังงานสำรองก่อนนะครับในช่วงที่คุณกด
00:04:59 → 00:05:02 อาหารก็เพราะฉะนั้นคุณจะดูสู้มากผอมลงแต่
00:05:02 → 00:05:05 เป็นการผอมลงแบบที่ดูไม่ดีเลยอ่ะใครเคยทำ
00:05:05 → 00:05:07 แบบนี้นะครับนะเดี๋ยวลองมาแบ่งปัน
00:05:07 → 00:05:08 ประสบการณ์กันได้นะแต่ว่ามันเป็นแบบนั้น
00:05:08 → 00:05:11 จริงๆแล้วพอถึงจุดหนึ่งที่คุณทนไม่ไหว
00:05:11 → 00:05:14 แล้วแล้วคุณกลับไปกินเยอะขึ้นทำยังไงล่ะ
00:05:14 → 00:05:17 ทีนี้ในเมื่อร่างกายของคุณเนี่ยไอ้เจ้า
00:05:17 → 00:05:19 ตัวกล้ามเนื้อมันเปรียบเสมือนเตาเผาพลัง
00:05:19 → 00:05:22 งานการนี้คุณมีกล้ามเนื้อเยอะคุณก็จะเผา
00:05:22 → 00:05:24 ผลาญพลังงานได้มากแต่พอคุณอดอาหารร่างกาย
00:05:24 → 00:05:26 เอากล้ามเนื้อไปใช้เป็นพลังงานหมดแล้ว
00:05:26 → 00:05:29 ย่อยหายไปหมดเลยดังนั้นของคุณกลับมากิน
00:05:29 → 00:05:31 เยอะตอนนี้เตาเผาพลังงานของคุณเล็กละนะ
00:05:31 → 00:05:34 ครับก็จะเกิดการโยโย่เอฟเฟคขึ้นร่างกาย
00:05:34 → 00:05:36 กินแล้วก็ก็ไม่สามารถจะเผาผลาญได้เยอะเอา
00:05:37 → 00:05:38 ไปเก็บเป็นไขมันเก็บเป็นไขมันน้ำหนักคุณ
00:05:38 → 00:05:41 ก็เลยขึ้นได้เร็วมากเพราะฉะนั้นสิ่งที่
00:05:41 → 00:05:43 คุณไม่ควรทำเลยก็คือการกินน้อยแล้วออก
00:05:43 → 00:05:45 กำลังกายหนักๆเพราะนั่นจะทำให้คุณเกิดโย
00:05:45 → 00:05:49 โย่เอฟเฟคได้และถัดไปนะครับข้อที่ 3 นะ
00:05:49 → 00:05:52 ครับข้อที่สามสิ่งที่หมอหนึ่งจะพูดอาจจะ
00:05:52 → 00:05:54 ขัดกับสิ่งที่หลายๆคนเคยได้ยินมานะครับก็
00:05:55 → 00:05:58 คือถ้าคุณอยากจะผอมอย่างยั่งยืนคุณควรจะ
00:05:58 → 00:06:01 เลิกนับแคลอรี่ได้ก็เพราะว่าร่างกายของ
00:06:01 → 00:06:04 คุณมันไม่ใช่เครื่องคิดเลขนะครับสิ่ง
00:06:04 → 00:06:06 สำคัญจริงๆร่างกายของคุณไม่ได้มานั่ง
00:06:06 → 00:06:08 คำนวณว่ากินเข้าไปแล้วมันได้พลังงานเท่า
00:06:09 → 00:06:12 ไหร่เพราะในบรรดาสารอาหารที่คุณทานเข้าไป
00:06:12 → 00:06:14 แล้วมาให้พลังงานและมีทั้งหมด 3 อย่าง
00:06:14 → 00:06:17 ด้วยกันคือโปรตีนคาร์โบไฮเดรตและไขมันพวก
00:06:17 → 00:06:20 โปรตีนก็ได้แก่พวกเนื้อสัตว์นมไข่ถั่ว
00:06:20 → 00:06:23 หรือพวกเวย์โปรตีนทั้งหลายโปรตีนผงจาก
00:06:23 → 00:06:26 ถั่วพวกนี้นะครับคือโปรตีนอันถัดมาคือ
00:06:26 → 00:06:28 คาร์โบไฮเดรตคือพวกข้าวแป้งเผือกมันน้ำ
00:06:28 → 00:06:32 ตาลฝากผลไม้นะครับพวกนี้แล้วก็อันที่สาม
00:06:32 → 00:06:35 ไขมันก็พวกไขมันกันน้ำมันนั่นแหละครับใน
00:06:35 → 00:06:37 บรรดา 3 ตัวนี้ให้พลังงานทั้งหมดก็จริง
00:06:37 → 00:06:39 ที่เราเรียนมาแต่มันมาหนึ่งบอกไปแล้วว่า
00:06:39 → 00:06:42 ร่างกายของคุณใช้พลังงานหลักจากแค่ 2
00:06:42 → 00:06:45 อย่างคือน้ำตาลหรือข่าวแต่แหละกับใครมั่น
00:06:45 → 00:06:49 ส่วนโปรตีนให้พลังงานก็จริงนะแต่ร่างกาย
00:06:49 → 00:06:51 ของคุณจะไม่เอามันมาใช้เป็นพลังงานก่อน
00:06:51 → 00:06:54 เนื่องมาจากว่าร่างกายของคุณมองโปรตีน
00:06:54 → 00:06:56 เป็นสารอาหารที่เอาไว้ซ่อมแซมส่วนที่สึก
00:06:56 → 00:06:58 หรอของร่างกายตามที่พวกเราเคยได้ยินกันมา
00:06:58 → 00:07:01 นะครับดังดังนั้นการที่เรามานั่งคำนวณ
00:07:01 → 00:07:04 แคลอรี่จากประมวลเดชโปรตีนไขมันในปริมาณ
00:07:04 → 00:07:07 ที่เท่ากันแล้วก็คูณว่าให้พลังงานเท่า
00:07:07 → 00:07:09 ไหร่มันจึงไม่ถูกต้องซะทีเดียวเพราะว่า
00:07:09 → 00:07:11 โปรตีนของคุณและร่างกายไม่ได้มองว่าเอามา
00:07:11 → 00:07:14 เป็นพลังงานหลักและในคนสองคนที่น้ำหนัก
00:07:14 → 00:07:17 เท่ากันใช้พลังงานเท่าๆกันกินอาหาร
00:07:17 → 00:07:21 แคลอรี่เท่าๆกันแต่ถ้าคนนึงกินแป้งเยอะ
00:07:21 → 00:07:25 อีกคนนึงกินไขมันเยอะร่างกายก็จะสะสมไข
00:07:25 → 00:07:27 มันไม่เหมือนกันนะครับเห็นไหมเพราะฉะนั้น
00:07:27 → 00:07:29 มันไม่ได้เกี่ยวว่าคุณกินแคลอรี่เท่าไหร่
00:07:29 → 00:07:32 แต่มันขึ้นอยู่กับว่าฮูเนี้ยกินสารอาหาร
00:07:32 → 00:07:35 อะไรดังนั้นก็จะย้อนกลับไปนะครับว่าสิ่ง
00:07:35 → 00:07:37 ที่คุณควรทำไม่ใช่การนั่งนับแคลอรี่ไม่
00:07:37 → 00:07:40 ใช่เพราะมันลำบากแต่เพราะว่าจริงๆแล้วถ้า
00:07:40 → 00:07:42 คุณนับแคลอรี่ไปแต่สารอาหารคุณไม่เหมาะสม
00:07:42 → 00:07:45 มันก็ไม่ได้ผลดังนั้นคุณก็โฟกัสเลยว่า
00:07:45 → 00:07:48 เฮ้ยตอนนี้ระบบพลังงานเรามี 2 อย่างถ้า
00:07:48 → 00:07:50 เรากินแป้งกับน้ำตาลเยอะมันก็จะออกไปสะสม
00:07:50 → 00:07:52 เป็นไขมันแล้วตอนนี้เรากินแป้งน้อยลงได้
00:07:52 → 00:07:55 มั้ยเลยยังลดน้ำตาลได้ไหมเปลี่ยนพวก
00:07:55 → 00:07:57 เครื่องดื่มทั้งหลายเป็นน้ำเปล่าเป็นชาย
00:07:57 → 00:07:59 ที่ไม่หวานเป็นกาแฟดำได้ไหมเพื่อที่จะลด
00:07:59 → 00:08:02 น้ำตามีการเข้าร่างกายของคุณลดอาหารที่
00:08:02 → 00:08:04 เป็นจำพวกแป้งได้ไหมเพื่อที่จะทำให้ร่าง
00:08:04 → 00:08:07 กายได้รับน้ำตาลน้อยลงเห็นภาพนะครับเนอะ
00:08:07 → 00:08:09 เพราะคุณเข้าใจตรงนี้คุณจะแทบไม่ต้องนับ
00:08:09 → 00:08:11 แคลอรี่เลยเพราะว่านักเรียนในคอร์สลดน้ำ
00:08:11 → 00:08:14 หนักของหมอ 15, 6,000 เขาไม่มีใครนับ
00:08:14 → 00:08:16 แคลอรี่เลยมันให้เขาเลิกนัดเธอรีบไปแล้ว
00:08:16 → 00:08:19 เพราะว่ามันไม่จำเป็นดังนั้นถ้าคุณอยากจะ
00:08:19 → 00:08:21 ผอมอย่างยั่งยืนคุณต้องเปลี่ยนความเชื่อ
00:08:21 → 00:08:23 ใหม่ก่อนว่าไอ้ที่เราเคยได้ยินกันมาว่า
00:08:23 → 00:08:25 มันต้องนับแคลอรี่เนี่ยมันถูกแค่ส่วน
00:08:25 → 00:08:27 เดียวเท่านั้นแต่สิ่งสำคัญจริงที่คุณควร
00:08:27 → 00:08:30 จะโฟกัสคุณกินอะไรเข้าไปนะฮะนะครับส่วน
00:08:31 → 00:08:34 ข้อที่ 4 นะครับคุณควรจะต้องมีช่วงเวลา
00:08:34 → 00:08:37 ของการหยุดทานบ้างคุณไม่ควรที่จะต้องกิน
00:08:37 → 00:08:40 จุกจิกตลอดเวลาคือก่อนหน้านี้จะมีหลายคน
00:08:40 → 00:08:43 ออกมาพูดว่าถ้าคุณอยากจะให้ระบบเผาผลาญดี
00:08:43 → 00:08:46 นะครับคุณควรจะต้องกินจำนวนมื้อเยอะๆแต่
00:08:46 → 00:08:48 กินในปริมาณน้อยๆกินทีละนิดทีละนิดทีละ
00:08:48 → 00:08:51 นิดแล้วระบบเผาผลาญจะดีซึ่งจริงๆแล้วถ้า
00:08:51 → 00:08:55 มองในแง่ของสาเหตุที่ทำให้คุณอ้วนคุณอ้วน
00:08:55 → 00:08:58 เกิดจากการที่ร่างกายของคุณมันมีน้ำตาล
00:08:58 → 00:09:01 เข้าไปในกระแสเลือดตลอดก็ถูกแม้จะได้น้ำ
00:09:01 → 00:09:03 ตาลได้น้ำตาลเข้าไปคู่ลองนึกภาพแล้วคุณ
00:09:03 → 00:09:07 จริงๆนะกินเช้าสายเที่ยงบ่ายเย็นค่ำน้ำ
00:09:07 → 00:09:10 ตาลเข้าร่างกายตลอดเวลาเลยใช้หมดก็หมดใช้
00:09:10 → 00:09:13 ไม่หมดก็ไปสะสมเป็นไขมันใช่ไหมดังนั้นถ้า
00:09:13 → 00:09:15 คุณพาลไม่เป็นเวลาเลยร่างกายของคุณจะไม่
00:09:15 → 00:09:18 มีโอกาสได้เอาไขมันเก่าใช้เลยนะครับดัง
00:09:18 → 00:09:21 นั้นคุณควรจะต้องมีช่วงเวลาของการอยู่ฐาน
00:09:21 → 00:09:23 บ้างระหว่างมื้อมีช่วงให้ร่างกายได้พัก
00:09:23 → 00:09:26 ย่อยอาหารเอาไปใช้เป็นพลังงานเอาไปเก็บ
00:09:26 → 00:09:28 ช่วงที่ไม่ได้กินระหว่างมื้อเอาของเก่ามา
00:09:28 → 00:09:31 ใช้บ้างแบบนี้ร่างกายของคุณจะมีความสมดุล
00:09:31 → 00:09:33 ระหว่างการใช้น้ำตาลเวลาที่คุณกินอาหาร
00:09:33 → 00:09:36 เข้าไปแล้วช่วงที่คุณหยุดทานมีการเอาไข
00:09:36 → 00:09:38 มันเก่าออกมาใช้แบบนี้มันจะสมดุลกันและก็
00:09:39 → 00:09:41 เริ่มต้นง่ายๆนะครับก็คือให้คุณเริ่มต้น
00:09:41 → 00:09:44 ในหนึ่งวันให้มีช่วงเวลาของการหยุดทานให้
00:09:44 → 00:09:47 ได้มากกว่า 12 ชั่วโมงคุณเริ่มกิน 8:00 น
00:09:47 → 00:09:50 ก็หยุดกินก่อน 8:00 นแค่นั้นเองนะครับก็
00:09:50 → 00:09:52 จะช่วยให้คุณเนี่ยมีช่วงเวลาของการที่ได้
00:09:52 → 00:09:55 หยุดทานให้ร่างกายได้ใช้ไขมันเก่าน่ะมาก
00:09:55 → 00:09:57 ขึ้นซึ่งจริงตรงนี้มันคือพื้นฐานของการทำ
00:09:57 → 00:09:59 intermittent fasting หรือการทำ i s
00:09:59 → 00:10:02 นั่นแหละถ้าใครที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน
00:10:02 → 00:10:04 เดี๋ยวลองไปดูในคลิป 3 ขั้นตอนลดไขมันที่
00:10:04 → 00:10:05 คุณเอาสุดท้ายในชีวิตนะครับวันนี้เนี่ย
00:10:05 → 00:10:08 อธิบายไว้อยู่เนาะแล้วก็ข้อสุดท้ายนะครับ
00:10:08 → 00:10:11 คือข้อที่ห้าในหลายๆคนนะครับที่ปรับการ
00:10:11 → 00:10:14 ทานได้ดีแล้วแล้วก็ลดน้ำหนักได้ดีด้วยแต่
00:10:14 → 00:10:17 แป๊บเดียวพอกลับไปกินผิดปกตินิดเดียวนะ
00:10:17 → 00:10:18 ครับกับว่ากินแป้งเยอะนิดเดียวกับไอ้อ้วน
00:10:18 → 00:10:22 ขึ้นง่ายมากๆด้วยเหตุผลที่ว่าเขาบอกกำลัง
00:10:22 → 00:10:25 กายตามใจเพราะฉะนั้นข้อที่ 5 คือคุณต้อง
00:10:25 → 00:10:28 ไม่ออกกำลังกายตามใจเขาออกกำลังกายตามใจ
00:10:28 → 00:10:30 คือบางคนชอบ Cardio ชอบวิ่งฉันก็จะวิ่ง
00:10:30 → 00:10:33 มาราธอนวิ่งอย่างเดียวเลยนะครับไม่ได้บอก
00:10:33 → 00:10:36 ว่ามันไม่ดีนะครับมันดีต่อสุขภาพแน่ๆแต่
00:10:36 → 00:10:38 ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักเพื่อทำให้มันยัง
00:10:38 → 00:10:41 ยืนคุณจะต้องออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้าม
00:10:41 → 00:10:43 เนื้อเป็นหลักเพราะกล้ามเนื้อเปรียบ
00:10:43 → 00:10:46 เสมือนเตาเผาพลังงานของร่างกายของคุณดัง
00:10:46 → 00:10:48 นั้นถ้าคุณมีมวลกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น
00:10:48 → 00:10:51 หนาแน่นขึ้นเวลาคุณทานเยอะขึ้นหลังจากคุณ
00:10:51 → 00:10:54 จะเผาผลาญได้ดีขึ้นสังเกตนะครับพวกที่
00:10:54 → 00:10:56 เป็นรับกรรมที่กล้ามใหญ่ๆเขากินบุฟเฟ่กิน
00:10:56 → 00:10:58 เท่าไหร่เขาก็ไม่ค่อยอ้วนนอนเพราะว่าระบบ
00:10:58 → 00:11:00 ก็ผ่านเค้าว่าดีกล้ามเนื้อเขาเยอะนี้นะ
00:11:00 → 00:11:02 ครับแต่นั้นคุณจะต้องออกกำลังกายที่สร้าง
00:11:02 → 00:11:05 กล้ามเนื้อบ้างหากคุณออกแบบ Cardio ควรจะ
00:11:05 → 00:11:08 ต้องมีการออกแบบที่หนักสลับเบาบ้างนะครับ
00:11:08 → 00:11:10 หรือที่หลายคนเคยรู้จักว่าเป็นการออก
00:11:10 → 00:11:13 กำลังกายแบบการทำ Hit High intensity
00:11:13 → 00:11:16 interval Training นะครับและบางคนอาจจะ
00:11:16 → 00:11:18 ไม่ออกแบบนี้แต่ไปออกแบบการทำเวทเทรนนิ่ง
00:11:18 → 00:11:21 ก็ได้นะครับเวทเทรนนิ่งก็คือการออกที่ได้
00:11:21 → 00:11:25 มีแรงต้านเช่นการทำ Squad ทำเฉพาะเฉยๆก็
00:11:25 → 00:11:27 คือบอดี้เวทนะครับเป็นการใช้น้ำหนักร่าง
00:11:27 → 00:11:30 กายของเราในการต้านหรือบางคนจะถือดัมเบล
00:11:30 → 00:11:33 ไปด้วยก็ได้นะครับเนาะพวกนี้คือ
00:11:33 → 00:11:35 เวทเทรนนิ่งหมดเลยแพงทิ้งพรุ่งนี้ก็เป็น
00:11:35 → 00:11:37 เวทเทรนนิ่งอะไรที่ใช้กล้ามเนื้อเยอะๆ
00:11:37 → 00:11:39 หรือแม้กระทั่งการเต้นตามคลิป YouTube
00:11:39 → 00:11:42 บางคลิปที่โหถ้าเขาทำไมปวดกล้ามเนื้อจัง
00:11:42 → 00:11:44 เลยพวกนั้นแหละได้ใช้กล้ามเนื้อหมดเลยนะ
00:11:44 → 00:11:46 ครับก็จะช่วยให้คุณเนี่ยกล้ามเนื้อแข็ง
00:11:46 → 00:11:49 แรงขึ้นเตาเผาพลังงานของคุณแข็งแรงขึ้น
00:11:49 → 00:11:52 เวลาคุณกลับไปทานมากขึ้นคุณก็จะกลับไป
00:11:52 → 00:11:55 อ้วนได้อยากมากๆนะครับดังนั้นลองเช็คดูดี
00:11:55 → 00:11:58 ๆนะครับถ้าคุณเป็นคนนึงที่ลดน้ำหนักแล้ว
00:11:58 → 00:12:00 ดีขึ้นแล้วแล้วกลับไปอ้วนอีกด้วยอีกเเล้ว
00:12:00 → 00:12:02 กับไอ้อ้วนอีกมาเช็ค 5 ข้อดีๆข้อที่ 1
00:12:02 → 00:12:05 หยุดใช้ตัวช่วยได้แล้วนะครับเพราะมันอาจ
00:12:05 → 00:12:08 จะไม่ช่วยคุณเลยก็ได้นะครับข้อที่ 2 ให้
00:12:08 → 00:12:11 หยุดกินน้อยแล้วออกกำลังกายหนักๆเด็ดขาด
00:12:11 → 00:12:13 เลยเพราะมันจะทำให้คุณ Yo Yo ให้กลับมา
00:12:13 → 00:12:16 กินให้มากขึ้นนะครับออกกำลังกายพอเหมาะ
00:12:16 → 00:12:19 เท่าที่เราไหวนะครับดีที่สุดในจุดที่ทำ
00:12:19 → 00:12:21 ได้ไม่จำเป็นต้องออกโหต้อง 1 ชั่วโมงเลย
00:12:21 → 00:12:24 หรอพี่ออกไม่ได้ไม่ออกดีกว่าจริงไม่ใช่
00:12:24 → 00:12:26 แบบนั้นนะครับ 10-15 นาทีมีเวลาเท่าไหร่
00:12:26 → 00:12:29 ออกเท่าที่เราทำได้นะครับข้อที่ 3 คุณควร
00:12:29 → 00:12:32 จะหยุดโฟกัสที่แคลอรี่ได้แล้วแล้วบ่โฟกัส
00:12:32 → 00:12:35 ที่สารอาหารว่าจริงๆแล้วตอนนี้เราทานแป้ง
00:12:35 → 00:12:37 มากไปไหมแล้วทานโปรตีนเพียงพอหรือเปล่านะ
00:12:37 → 00:12:41 ครับแล้วข้อที่ 4 คือเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:12:41 → 00:12:43 คุณกินจุกจิกตลอดทั้งวันร่างกายของคุณก็
00:12:43 → 00:12:46 จะเก็บน้ำตาลไปสะสมเป็นไขมันดังนั้นสิ่ง
00:12:46 → 00:12:49 ที่คุณควรทำคือต้องมีช่วงเวลาของการหยุด
00:12:49 → 00:12:52 ทานบ้างมีช่วงห่างระหว่างมือบ้างและใน
00:12:52 → 00:12:54 หนึ่งวันคุณควรจะมีช่วงเวลาของการอยู่ทาง
00:12:54 → 00:12:57 ให้มากกว่า 12 ชั่วโมงนะครับแต่ข้อสุด
00:12:57 → 00:13:00 ท้ายข้อที่ห้าก็คือต้องไม่ออกอย่าไปตามใจ
00:13:00 → 00:13:03 นะครับเราจะต้องออกกำลังกายคาร์ดิโอบ้าง
00:13:03 → 00:13:05 เวทเทรนนิ่งบ้างใครที่ไม่เคยออก
00:13:05 → 00:13:06 เวทเทนนิ่งเลยเพราะว่าไม่ชอบเพราะมันปวด
00:13:06 → 00:13:09 กล้ามเนื้อนั่นแหละครับคือสิ่งที่จะช่วย
00:13:09 → 00:13:12 ให้คุณเนี่ยลดน้ำหนักได้ยั่งยืนเพราะๆ
00:13:12 → 00:13:14 กล้ามเนื้อของคุณแข็งแรงขึ้นทุกอย่างมัน
00:13:14 → 00:13:17 จะดีขึ้นนะครับดังนั้นวันแรกๆอาจจะรู้สึก
00:13:17 → 00:13:19 ฝืนนิดนึงกับสิ่งที่เคยทำนะครับแต่เชื่อ
00:13:19 → 00:13:20 มาหนึ่งคำว่ามันจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้
00:13:20 → 00:13:23 ยังยืนก็ลองเอาเทคนิคดีๆในวันนี้ไปปรับ
00:13:23 → 00:13:26 ใช้ดูนะครับสำหรับใครที่อยากลดน้ำหนักแบบ
00:13:26 → 00:13:29 ยั่งยืนนะครับสามารถไปชมได้ที่คลิป 3
00:13:29 → 00:13:31 ขั้นตอนลดไขมันที่ทุนครั้งสุดท้ายในชีวิต
00:13:31 → 00:13:33 นะครับก็ลองเอาความรู้ดีๆในวันนี้ไปปรับ
00:13:33 → 00:13:38 ใช้กันดูนะครับอ่ะ
00:13:38 → 00:13:41 ม.ค