00:00:00 → 00:00:02 เชื่อไหมว่าหลังๆเนี่ยยิ่งตั้งแต่แบบช่วง
00:00:02 → 00:00:04 สัก 2-3 ปี 2 ปีเนี่ย
00:00:04 → 00:00:05 อื
00:00:05 → 00:00:07 พบว่า
00:00:07 → 00:00:11 เป็นอoเว์นะไม่มีใครเชื่อเลยหรอ
00:00:11 → 00:00:15 40 กว่าขวบที่ผ่านมาเนี่ยปอมแป๋มว่ามัน
00:00:15 → 00:00:20 มีกี่ช่วงในชีวิตที่มันเป็นจุดเปลี่ยนที่
00:00:20 → 00:00:21 สำคัญของชีวิตเรา
00:00:21 → 00:00:22 20 30 40
00:00:23 → 00:00:27 งั้น 3 ช่วงชีวิตเลยเนาะแบบ 20 30 40
00:00:27 → 00:00:27 ใช่มั้
00:00:28 → 00:00:32 ผมชอบอีรักผมชอบอีรักผมชอบผมชอบอีหยิบอ้า
00:00:32 → 00:00:36 10 20 30 เวลาถามว่าคุณเป็นใครหา 1 คำ
00:00:36 → 00:00:37 ตอบอ่ะ
00:00:37 → 00:00:41 ซึ่งจริงๆแล้วพบว่าไม่ใช่นิดนะจริงๆหมอก็
00:00:41 → 00:00:44 เหมือนกับเป็นอีกสายตานึงที่มองเข้ามาบอก
00:00:44 → 00:00:46 ให้เราแบบถอยแล้วก็ลองมองมาใหม่ดิ
00:00:46 → 00:00:48 อะไรอย่าเงี้ยแล้วก็พบว่าเออยายมันไม่ใช่
00:00:48 → 00:00:51 ทั้งหมดเราไม่ได้มีโหมดเดียวอ่ะจริงๆ
00:00:51 → 00:00:53 มนุษย์เรามันมีหลายหลายโหมดอ่ะภาระหน้า
00:00:53 → 00:00:56 ที่หรืออะไรเงี้ยในการรับเวลาที่ต่างกัน
00:00:56 → 00:00:58 ตัวตนของเรามันก็มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
00:00:58 → 00:00:59 อยู่ครับ
00:00:59 → 00:01:02 จริงๆป๋มแปะเป็นคนที่โชคดีนะเนี่ย
00:01:02 → 00:01:03 ที่
00:01:03 → 00:01:06 ที่เราได้มีโอกาสโลดแล่นในหลายพื้นที่แบบ
00:01:06 → 00:01:07 มากๆค่ะ
00:01:07 → 00:01:09 เรียกว่าเป็นพื้นที่ในการทำความรู้จักตัว
00:01:09 → 00:01:09 เอง
00:01:09 → 00:01:10 ตัวเองอ
00:01:10 → 00:01:12 ได้หลากหลาย
00:01:12 → 00:01:12 ครับ
00:01:12 → 00:01:13 มากๆ
00:01:13 → 00:01:18 ก็เห็นด้วยค่ะ
00:01:18 → 00:01:23 จูนใจพcสประสบการณ์การจูนใจที่ทำให้เรา
00:01:23 → 00:01:25 ได้พบความสุข
00:01:25 → 00:01:27 เดี๋ขอดิฉันกลับมาอยู่กับลมหายใจแป๊บนึง
00:01:27 → 00:01:28 ได้ค่ะ
00:01:28 → 00:01:30 เพราะว่าคุยกับคนต้องทำใจ
00:01:30 → 00:01:31 ลองหแจ้งของความคิดถื
00:01:31 → 00:01:32 เอ้ย
00:01:32 → 00:01:33 วงอะไร
00:01:33 → 00:01:35 มีสักครั้งในชีวิต
00:01:35 → 00:01:37 เออ
00:01:37 → 00:01:41 ค่ะ
00:01:42 → 00:01:46 อ่ะถึงเวลาไปเพละ
00:01:46 → 00:01:49 สวัสดีคิดถึงจังสบายดีมยคะ
00:01:49 → 00:01:53 สบายสบายดีค่ะทุกคุณถือไมค์ก่อน
00:01:53 → 00:01:55 อ๋อต้องถือไมค์เป็นคนเสียงดังอยู่แล้ว
00:01:55 → 00:01:57 ใช่คุณต้องถือไมค์ก่อนแล้วก็
00:01:57 → 00:01:59 ขออนุญาตได้ผมให้หมอ
00:01:59 → 00:02:06 ได้สั่น
00:02:06 → 00:02:07 อ้ายาย
00:02:07 → 00:02:11 ทั้งหมด 637 บาท
00:02:11 → 00:02:12 ยายคะ
00:02:12 → 00:02:13 เรื่องรึเปล่า
00:02:13 → 00:02:16 อันนั้นเ่อคุณคุณรู้มั้คะว่าคุณมารายการ
00:02:16 → 00:02:17 ชื่ออะไรคะ
00:02:17 → 00:02:19 ก็ดาว่านะคะ
00:02:20 → 00:02:22 เดี๋ยวคุณเราคุยกัน 3 รอบ
00:02:23 → 00:02:26 ใช่อ้าแน่นอนอันนี้คือคุยกับหมอใช่ม
00:02:26 → 00:02:28 คุยกับหมอเอิ้ล
00:02:28 → 00:02:30 แล้วก็เหมือนเรามาพบปะกันอย่างงี้พบหมอ
00:02:31 → 00:02:32 ศิริราช
00:02:32 → 00:02:33 ถูกมั้
00:02:33 → 00:02:34 ไม่ใช่
00:02:34 → 00:02:37 ปัญหาชีวิตและสุขภาพงี้ให้ดิฉันเติมจอห์
00:02:37 → 00:02:38 สักหน่อยมั้ย
00:02:38 → 00:02:40 ไม่
00:02:40 → 00:02:42 เธอเด็กรุ่นใหม่นี่เไม่ทันคุณนะ
00:02:42 → 00:02:46 ก็ทเกตคนรุ่นเก่าอยู่แล้วทarเก็ตเกษียณ
00:02:46 → 00:02:47 สำราญอยู่แล้ว
00:02:47 → 00:02:49 ออ
00:02:49 → 00:02:50 นั่นเองจูนใจไง
00:02:50 → 00:02:53 จูนใจ Oh มาย God ขึ้นเสียงปรบมือเลยนะคะ
00:02:53 → 00:02:56 เออถูกใช่มั้ซึ่งเมื่อกี้ก็เสียสังเกตว่า
00:02:56 → 00:02:58 เสียงจะเบาลงนิดนึงเพราะก็ไม่ค่อยมั่นใจ
00:02:58 → 00:03:03 มากว่าถ้าเกิดว่าเต็มเสียงแล้วผิดก็อาย
00:03:03 → 00:03:05 แต่ว่าถ้าก้อมแก้มแล้วมันถูกก็เดี๋ยวค่อย
00:03:05 → 00:03:05 ยืด
00:03:05 → 00:03:07 โอเค
00:03:07 → 00:03:10 ซึ่งเป็นรายการเกี่ยวกับอะไรนะคะ
00:03:10 → 00:03:14 เป็นเป็นรายการที่เรามาเล่าประสบการณ์
00:03:14 → 00:03:14 อ
00:03:14 → 00:03:18 การจูนใจที่ทำให้เราได้พบความสุขนี่
00:03:19 → 00:03:20 เออมีมั้ยคะ
00:03:20 → 00:03:21 ก็
00:03:22 → 00:03:24 ก่อนอื่นกคำว่าจูนใจนี่คืออะไรนะฮะแปลว่า
00:03:24 → 00:03:29 อะไรเหมือนจูนวิทยุไงใช่มั้อ่าใช่ๆๆบิดไป
00:03:29 → 00:03:32 ที่คลื่น 107 Soft FM
00:03:32 → 00:03:32 เออ
00:03:32 → 00:03:34 98 Smile Radi
00:03:34 → 00:03:36 โอ้โหโหเก่ามากเลย
00:03:36 → 00:03:40 88 Radi No problem โอ๋ออ่ะยังมียัง
00:03:40 → 00:03:40 มี
00:03:40 → 00:03:42 เด็กๆจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่าจูนใช่มั้ย
00:03:42 → 00:03:42 อ่า
00:03:42 → 00:03:46 เพราะจูนเมื่อก่อนมันต้องแบบหมุนใช่มั้
00:03:46 → 00:03:49 นี้เค้ากดเปลี่ยนเอาก็พอไปหาคลื่นที่มัน
00:03:49 → 00:03:52 ตรงใจปรับคลื่นใจ่
00:03:52 → 00:03:53 ให้มันตรงร่อง
00:03:53 → 00:03:54 เออ
00:03:54 → 00:03:55 แล้วก็ชัดเจน
00:03:55 → 00:03:58 อ่ะถูกไม่ได้มีคลื่นของความถี่สั้นของชาว
00:03:58 → 00:03:59 ประมง
00:03:59 → 00:04:01 มาแจ้งว่า
00:04:01 → 00:04:03 ให้รีบเข้าฟังเพราะว่า
00:04:03 → 00:04:05 ตั้งแล้วอะไรอย่างี้เป็นต้น
00:04:05 → 00:04:08 ถูกต้องไม่ใช่ว่าเราฟังเพลงหมอเอิ้ลที่
00:04:08 → 00:04:11 หมอเอิ้ลแต่งแล้วก็มีเสียงบอกว่าเอ้า
00:04:11 → 00:04:14 กลับฟังได้แล้วเพราะว่ามีฝนตั้งอย่างงี้
00:04:14 → 00:04:17 จะไม่มีอันนั้นถือว่ายังจูนใจไม่ตรง
00:04:17 → 00:04:19 อื
00:04:19 → 00:04:20 โอเค
00:04:20 → 00:04:21 จบรายการแต่เพียงเท่านี้
00:04:21 → 00:04:24 จบรายการแต่เพียงเท่านี้ได้คำนิยามความ
00:04:24 → 00:04:25 จูนใจ
00:04:25 → 00:04:25 นั่นเองค่ะ
00:04:25 → 00:04:28 งั้นโอเคเราตั้งลำได้ถูกต้องละ
00:04:28 → 00:04:31 เออถึงแม้ว่าจะกินไวมา 2 แก้ว
00:04:31 → 00:04:31 ถูกต้อง
00:04:31 → 00:04:33 แต่ว่าเราตั้งลำมาถูกต้อง
00:04:33 → 00:04:37 เธอมาทำอะไรกับฉันเธอมาทำอะไรอ๋อมันเห็น
00:04:37 → 00:04:38 โอเค
00:04:38 → 00:04:41 เออๆมันเห็น
00:04:41 → 00:04:44 อันนี้ไม่ได้ตั้งใจโง่จริงค่ะ
00:04:44 → 00:04:45 โอ๊ยตายๆ
00:04:45 → 00:04:47 มันต้องกลับมาจูนใหม่แต่ต้นอีกแล้ว
00:04:47 → 00:04:47 เอ้อ
00:04:47 → 00:04:50 ค่ะอ่ะถือว่าตอนนี้เข้าใจตรงกันว่ามาทำ
00:04:50 → 00:04:50 อะไร
00:04:50 → 00:04:54 ใช่สงสัยอีฉันต้องจูนตัวเองก่อนตอนเนี้ย
00:04:54 → 00:04:58 เออหลายครั้งที่ใจของเรามันอาจจะมีเรื่อง
00:04:58 → 00:05:01 มากระทบเพราะจิตใจของเรามันมีเรื่องมา
00:05:01 → 00:05:02 กระทบตลอดเวลาอยู่แล้ว
00:05:02 → 00:05:05 ซึ่งบางครั้งเมันก็คือจะมีความแตกสารสั้น
00:05:05 → 00:05:06 เซ็น
00:05:06 → 00:05:08 มันอาจจะกระจายไปตรงนู้นบ้างตรงนี้บ้างใน
00:05:08 → 00:05:10 วันเวลาที่เรายุ่งอยู่ตลอดบางครั้งเราอาจ
00:05:10 → 00:05:14 จะลืมเก็บเศษซากที่มันแบบอุ๊ยเอ่อเหมือน
00:05:14 → 00:05:17 ปลาสไลม์ลงพื้นอย่าเงี้ยแบะเงี้ยมันก็จะ
00:05:17 → 00:05:20 แบบว่าแผ่เป็นทรงอื่นๆต่างๆนานาบางทีมัน
00:05:20 → 00:05:23 แพะๆไปเรื่อยๆกว่ามันจะกลับมารวมเข้าไป
00:05:23 → 00:05:26 เป็นก้อนสลับความกลมๆบางทีมันอาจจะต้อง
00:05:26 → 00:05:29 ใช้เวลาซึ่งวันนี้ก็จะเป็นเวลาที่เรานั้น
00:05:29 → 00:05:31 พยายามดึงก้อนสไลม์ของเราที่เขวี้ยงลง
00:05:31 → 00:05:34 พื้นให้มันค่อยๆไหลกลับเข้ามาเป็นก้อนสวย
00:05:34 → 00:05:38 เพื่อจะเก็บใส่ภาชนะแล้วก็เก็บไว้ในกล่อง
00:05:38 → 00:05:42 ของเล่นของลูกของเราได้จูนใจตอนรอให้ลูก
00:05:42 → 00:05:46 สไลม์นั้นกลับมาม้วนตัวเป็นก้อนกลมอีก
00:05:46 → 00:05:47 ครั้งหนึ่ง
00:05:47 → 00:05:50 [เสียงหัวเราะ]
00:05:50 → 00:05:52 ถ้าเทียบคำพระอย่างเงี้ยถ้าเทียบแบบถ้า
00:05:52 → 00:05:55 เทียบอย่างแบบทางอ่าฝั่งเสถียรธรรมสถาน
00:05:55 → 00:05:58 เข้าไปเนี่ยมันจะมีชอจะมีคำว่าใจของจิตใจ
00:05:58 → 00:06:00 ของเราเนี่ยมันจะต้องมีอะไรมากระทบใช่ม
00:06:00 → 00:06:03 ของมันมากระทบเราจะรู้สึกกระแทกแต่เรา
00:06:03 → 00:06:06 ต้องไม่ให้ตัวเรานั้นมันกระเทือนสิ่งที่
00:06:06 → 00:06:09 มันมากระทบมันเกิดขึ้นปกติอยู่แล้วเมื่อ
00:06:09 → 00:06:11 มันมากระทบเราสิ่งที่เรารู้สึกคือเรารู้
00:06:11 → 00:06:13 สึกว่ามีแรงกระแทก
00:06:13 → 00:06:15 แต่เราจะรับแรงกระแทกอย่างไรไม่ให้ใจของ
00:06:15 → 00:06:16 เรานั้นกระเทือน
00:06:16 → 00:06:19 นี่อุ้ยอันนี้ชอบมากถูกต้อง
00:06:19 → 00:06:21 กระทบกระแทกกระเทือนให้กระเทือน
00:06:21 → 00:06:23 กระทบกระแทกแต่อย่าให้กระเทือนสัธรรมถูก
00:06:23 → 00:06:25 มั้หมออ่ะแล้วตอนนี้เราคุยกันเรามีความ
00:06:25 → 00:06:28 แต่เราแต่เราเจอกันตอนที่เธอ
00:06:28 → 00:06:31 ค่อนข้างกระเทือนเยอะ
00:06:31 → 00:06:33 ตอนนั้นมันก็เหตุเหตุปัจจัยหลายอย่างเนาะ
00:06:33 → 00:06:35 ที่แบบเรารู้สึกว่ามันอาจจะทำให้เหมือน
00:06:35 → 00:06:37 เราอาจจะตั้งรับ
00:06:38 → 00:06:40 หรือว่ามันมีเรื่องคาใจที่เรายังไม่ได้ไป
00:06:40 → 00:06:42 มองเห็นมันไปแก้มัน
00:06:42 → 00:06:46 หรือไปเข้าใจมันมันก็เลยมีความสะสมอะไร
00:06:46 → 00:06:46 อย่างงี้
00:06:46 → 00:06:51 เออเพราะงั้นจริงๆหลายคนเนี่ยจะมองปอม
00:06:51 → 00:06:55 แป๋มเอ่อเอ่อหลายคนมองเป็นไอดอลนะหลายคน
00:06:55 → 00:06:57 มองหมอแป๋มเป็นไอคนเจะมองป๋มในแง่ลบ
00:06:57 → 00:06:59 ไม่ใช่
00:06:59 → 00:07:02 คือเขาจะมองหม่ำแป๋มแบบเป็นไอดอลของความ
00:07:02 → 00:07:05 สนุกสนานใช่มั้เป็นไอดอลของความแบบ
00:07:05 → 00:07:07 ครีเอateอะไรต่างๆ
00:07:07 → 00:07:11 ก็เราก็ไม่ได้เถียงเพราะว่าจริงๆเราก็รู้
00:07:11 → 00:07:13 สึกว่าไอ้ไอ้ที่เราสนุกสนานอะไรอย่าง
00:07:13 → 00:07:16 เงี้ยออกไปเราก็ไม่ได้ปลอมนะหรือเราก็ไม่
00:07:16 → 00:07:18 ได้พยายามจะเป็นคนสนุกสนานเพราะเราก็รู้
00:07:18 → 00:07:21 สึกว่าโหมดที่ชัดเจนหรือว่าโหมดที่เราเรา
00:07:21 → 00:07:24 มีอยู่จริงๆก็คือหมดสนุกสนานและคบขันแล้ว
00:07:24 → 00:07:28 ก็ไม่ค่อยได้ take ซีเรียสอะไรกับเรื่อง
00:07:28 → 00:07:30 ต่างๆนานามากอะไรอย่างเงี้ยในวันที่อยู่
00:07:30 → 00:07:33 กับตัวเองมันก็มีพารทอื่นๆ
00:07:33 → 00:07:34 อื
00:07:34 → 00:07:36 ที่ก็ไม่ได้ขบขันขนาดนั้น
00:07:36 → 00:07:41 มันมีตัวตนไหนบ้างที่จริงๆแล้วอ่ะเราอ่ะ
00:07:41 → 00:07:45 เรารู้อยู่ตลอดว่าเนี่ยคือความเป็นตัวฉัน
00:07:45 → 00:07:50 มีมิติไหนบ้างที่คนอื่นเนี่ยอาจจะไม่เคย
00:07:50 → 00:07:54 เห็นแต่เราก็รู้สึกโอเคกับมัน
00:07:54 → 00:07:56 เชื่อมั้ว่าหลังๆเนี่ยยิ่งตั้งแต่แบบช่วง
00:07:56 → 00:07:59 สัก 2-3 ปี 2 ปีเนี่ย
00:07:59 → 00:08:00 อือ
00:08:00 → 00:08:01 พบว่า
00:08:02 → 00:08:05 เป็นอoเวร์tนะไม่มีใครเชื่อเลยหรอ
00:08:06 → 00:08:07 ทุกคนทุกคนเงียบ
00:08:07 → 00:08:09 มันอาจจะไม่ใช่ว่าเป็นเป็นอover์แบบ 100%
00:08:09 → 00:08:12 หรือว่าเป็นตลอดเงี้ยผมว่าตัวเองมีพ
00:08:12 → 00:08:14 introvert มันมาอาจจะอันนี้อาจจะมาพร้อม
00:08:14 → 00:08:16 กับอายุที่เยอะขึ้นหรือเปล่าไม่รู้
00:08:16 → 00:08:21 แต่รู้สึกว่าชอบการนั่งอยู่กับที่ซีรีย์
00:08:21 → 00:08:25 ที่ที่เลือกดูเลือกไปเลือกมาจบที่เฟรน
00:08:25 → 00:08:25 อื
00:08:25 → 00:08:27 ที่ดูมาประมาณแสนรอบอะไรอย่างเงี้ย
00:08:27 → 00:08:28 เออ
00:08:28 → 00:08:31 หรือว่าสมมุติการออกไปเจอใครก็แบบสมมุติ
00:08:31 → 00:08:33 ออกไปเจอเพื่อนฝูงหรือออกไปข้างนอก
00:08:33 → 00:08:35 อะไรอย่าเงี้ยมาสังเกตว่าก็จะเจอแต่
00:08:35 → 00:08:38 เพื่อนกลุ่มเก่าๆและมักจะเป็นที่เดิมๆ
00:08:38 → 00:08:41 ด้วยไอ้เพื่อนกลุ่มเก่าๆเนี่ยส่วนนึงอาจ
00:08:41 → 00:08:44 จะเพราะอิมันพาร introvert แต่อีกส่วนนึง
00:08:44 → 00:08:48 อาจจะเป็นพาร์ทของนิสัยไม่ดีที่ก็มีแต่
00:08:48 → 00:08:52 เท่านี้แหละที่เครื่องคบหายอยู่อื่นๆหน้า
00:08:52 → 00:08:55 ใหม่เ้าก็ไม่เอาเราเป็นเพื่อนฝ่วงแล้วแต่
00:08:55 → 00:08:59 ตรงนั้นข้ามไปรู้สึกสบายใจกับร้านที่เดิม
00:08:59 → 00:09:02 ๆแบบอย่างทุกวันเนี้ยก็คือยังกินวายกิน
00:09:02 → 00:09:05 ยังกินวายอย่างสนุกสนานเหมือนเดิมแต่ว่า
00:09:05 → 00:09:08 แจ้งมาว่าไปร้านอันนี้ที่แบบไม่รู้จัก
00:09:08 → 00:09:10 อะไรอย่างเงี้ยไว้เป็นยังไงไม่รู้ไม่ไป
00:09:10 → 00:09:13 ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่เร็วๆเนี่ยคือขึ้น
00:09:13 → 00:09:16 เวทีอยู่อันนึงหมอจำไม่ได้ว่าไปพูดอะไรจำ
00:09:16 → 00:09:18 ไม่ได้แต่จำได้แค่ว่ามันเป็นเรื่องที่เรา
00:09:18 → 00:09:21 ไม่ได้ไม่ได้ถนัดหนักแล้วเป็นกลุ่มที่เรา
00:09:21 → 00:09:24 ไม่ได้แบบเหมือนไม่ไม่ได้รู้จักมาก่อน
00:09:24 → 00:09:25 อะไรอย่าเงี้ยก่อนขึ้นไปที่ไม่เคยเป็น
00:09:25 → 00:09:27 อย่างี้มาก่อนเลยคือ
00:09:27 → 00:09:31 panic attack มีอาการแบบกลัวสั่นโดย
00:09:31 → 00:09:34 ปกติบุคลิกหลุกลิกอยู่แล้วแต่มันนั้นนแบต
00:09:34 → 00:09:38 นั้นคือหลุกเหมือนเหมือน
00:09:38 → 00:09:39 เป็นคนเส้นกระตุกอ่ะ
00:09:39 → 00:09:40 เออๆ
00:09:40 → 00:09:43 เออแล้วก็รู้สึกต้องใช้พลังงานเยอะมาก
00:09:43 → 00:09:47 แล้วลงจากเวทีมาไม่ได้ทำอะไรแค่พูดอ่ะลง
00:09:47 → 00:09:51 เวทีมาแล้วแบบแล้วก็ขอกลับบ้านไม่ไปไหน
00:09:51 → 00:09:55 ต่อไม่แฮงเอากับทีมผู้จัดงานต่อในช่วง
00:09:55 → 00:09:58 อายุ 40 สักเนี่ยเราจะเริ่มมีอาการ
00:09:58 → 00:10:04 อย่างี้คำถามคืออะไรนะคะตอนที่หมอโทรมา
00:10:04 → 00:10:07 ฝากบอกหมบอกว่าหาน้องคนนึงคอยจดไว้ด้วยนะ
00:10:07 → 00:10:10 ว่าหมอถามอะไรดิฉันมีแนวโน้มจะออกทะเล
00:10:10 → 00:10:13 แล้วจำไม่ได้กันว่าพูดอะไรนั่นเองคำถาม
00:10:13 → 00:10:17 คือผาดที่คนไม่ได้รู้จักใช่มั้ยเออเราอ่ะ
00:10:17 → 00:10:20 ตแบบช่วงช่วงเนี้ยมีพามีความรู้สึกอย่าง
00:10:20 → 00:10:24 นี้แต่รู้สึกว่า enjoy กับความสงบเงียบ
00:10:24 → 00:10:28 enjoy กับความคุ้นเคยในพื้นที่ที่เรา
00:10:28 → 00:10:32 คุ้นเคยไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการไป explore
00:10:32 → 00:10:35 พื้นที่ใหม่ๆอีกต่อไปแล้วอะไรอย่างเงี้
00:10:35 → 00:10:36 อื
00:10:36 → 00:10:40 อืมีบ้างแต่ไม่ได้เยอะเท่าก่อนวันนี้อาจ
00:10:40 → 00:10:44 จะเป็นเทปแรกเลยอ่ะที่เราจะไม่คิดหัวข้อ
00:10:44 → 00:10:44 กันมาก่อน
00:10:44 → 00:10:47 จนจนกระทั่งจนกระทั่งตอนนี้จนกระทั่งตอน
00:10:47 → 00:10:50 นี้แต่ว่าตอนนี้ก็เลยมองเห็นสิ่งที่อยาก
00:10:50 → 00:10:52 จะชวนคุยมากกว่าแล้ว
00:10:52 → 00:10:54 เอออาจจะเป็น coming of age
00:10:54 → 00:10:57 อุ้ย coming of middle age
00:10:57 → 00:11:01 ถ้าเรารู้จักกันมาเนี่ยหมอคิดว่าเอ่อเส้น
00:11:01 → 00:11:06 เรื่องที่มันเป็นเมนหลักของสตอี่ที่ชื่อ
00:11:06 → 00:11:10 ว่าป๋อมแป๋มเนี่ยบอกว่าทุกคนก็เห็นแล้วก็
00:11:10 → 00:11:13 เราก็เห็นเหมือนกันก็คือเฮ้ยเรามีความ
00:11:13 → 00:11:14 สนุกสนาน
00:11:14 → 00:11:18 เราเป็นคนเตอร์นซึ่งเราก็เห็นคนอื่นก็
00:11:18 → 00:11:22 เห็นถ้านอกเหนือจากนั้นเนี่ยคิดว่าในแต่
00:11:23 → 00:11:26 ละช่วงของชีวิตเนี่ยการรับรู้ในความเป็น
00:11:26 → 00:11:27 ตัวตนอาจจะไม่เหมือนกัน
00:11:27 → 00:11:29 ใช่จริง
00:11:29 → 00:11:31 เพราะเพราะเราอยู่กันมานานรู้ว่ามันไม่
00:11:31 → 00:11:32 เหมือนกัน
00:11:32 → 00:11:33 จริ
00:11:33 → 00:11:37 ใช่มั้ยอืแล้วมิติของการรับรู้ตัวตนเนี่ย
00:11:37 → 00:11:39 ดูเหมือนกับมันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆจนเมื่อ
00:11:40 → 00:11:42 ตะกี้นี้เนี่ยสิ่งที่น่าสนใจแล้วก็
00:11:42 → 00:11:46 เซอร์ไพรส์มากๆอย่างนึงก็คือว่าเฮ้ยกลาย
00:11:46 → 00:11:51 เป็นคนที่มีเส้นเรื่องเป็นความ
00:11:51 → 00:11:51 อื
00:11:51 → 00:11:54 แต่ตอนเนี้ยเราได้ตระหนักว่าความสงบและ
00:11:54 → 00:11:56 การอยู่เฉยๆบางทีก็เป็นความสุขของเรา
00:11:56 → 00:11:56 เหมือนกัน
00:11:56 → 00:12:00 ใช่ก็คือไม่ไม่ได้ปฏิเสธว่าจะไม่สนุกหรือ
00:12:00 → 00:12:02 แบว่าจะจะเปลี่ยนคือก็รู้สึกไอ้วันที่ยัง
00:12:02 → 00:12:05 สนุกสนานหรือว่าอะไรเงี้ยเออหรือในวันที่
00:12:05 → 00:12:07 สมมุติเพื่อนฝูงมาอย่างเมื่อกี้ไปเจอไป
00:12:07 → 00:12:10 นั่งคุกับคุณว่าไม่ได้เจอกันนานก็ยังรู้
00:12:10 → 00:12:12 สึกสนุกเหมือนเดิมนะก็ยังแบบไปเรื่อยไป
00:12:12 → 00:12:15 เปื่อยได้เหมือนเดิมแต่ว่าเราเจออีกโหมด
00:12:15 → 00:12:19 โหมดนึงที่แค่รู้สึกว่าเราเจอโหมดที่เอ้ย
00:12:19 → 00:12:23 อยู่เงียบๆอ่ะก็ก็อยู่ได้นี่หว่าแต่เนี่ย
00:12:23 → 00:12:25 อันเนี้ต้องยกประโยชน์ให้เพราะไปเรียนทำ
00:12:25 → 00:12:27 อาหารด้วยแหละซึ่งอันนี้มันก็มีความ
00:12:27 → 00:12:29 เกี่ยวข้องกับเรื่องความแบบ
00:12:29 → 00:12:31 การ mid life crisis ของเรานิดนึง
00:12:31 → 00:12:32 เหมือนกันอะไรอย่าเงี้ย
00:12:33 → 00:12:33 อ่า
00:12:33 → 00:12:34 จะไปเรียนอาหารรู้ใช่มั้นี่คือไปเรียนทำ
00:12:34 → 00:12:36 อาหารใช่มั้ฮะก็คือไปเรียนเริ่มจากทำ
00:12:36 → 00:12:38 อาหารหมาก่อน
00:12:38 → 00:12:39 จริงป่ะเนี่ย
00:12:39 → 00:12:41 ไม่จริงสิ
00:12:41 → 00:12:45 โอเคคุณบอกด้วยนะว่าอันไหนจริงอันไหนไม่
00:12:46 → 00:12:48 ถ้าไม่จริงดิฉันจะพูดไปแล้วจับหูให้หมอ
00:12:48 → 00:12:50 รู้ว่าอันนี้ก็โกหกอยู่คือไปเรียนทำอาหาร
00:12:50 → 00:12:55 ใช่ป่ะแบบทำอาหารคาวก่อนแล้วก็เสร็จจนจบ
00:12:55 → 00:12:58 แบบ 3 คอร์สใหญ่แล้วก็ไม่เรียนอาหารหวาน
00:12:58 → 00:13:01 ซึ่งไม่คิดเลยว่าจะเรียนได้ตอนแรกแบบเอ
00:13:01 → 00:13:04 เขาก็ลองเรียนดูก่อนบางคนเออก็ลากมาจนจบ
00:13:04 → 00:13:07 แล้วก็มาเรียนขนมปังเงี้ยปรากฏว่าการ
00:13:07 → 00:13:11 เรียน 3 อย่างตามลำดับนี้พบความเปลี่ยน
00:13:11 → 00:13:14 แปลงของตัวเองหมอจำได้มั้ตอนที่เจอกัน
00:13:14 → 00:13:17 ครั้งแรกๆที่หมอบอกว่าเออแมแบบโลกอ่ะเป็น
00:13:17 → 00:13:18 คนโลกอ่ะ
00:13:18 → 00:13:19 อื
00:13:19 → 00:13:22 ในช่วงทำอาหารคราวช่วงแรกที่แบบจะบอกว่า
00:13:22 → 00:13:24 เกือบเจ๊งแบบเจ๊งมันไม่รู้กี่หนต่อกี่หน
00:13:24 → 00:13:27 เพราะว่าเรานึกว่าการทำอาหารแบบการเป็น
00:13:27 → 00:13:30 เชฟหรือการทำอาหารมันคือแบบก็หั่นแล้วก็
00:13:30 → 00:13:31 ทำปรุงไงไม่ใช่
00:13:31 → 00:13:33 ชงเชงชงอะไรครู
00:13:33 → 00:13:37 4 หัวเตากลับเขียงข้างหลังเราต้องเนี่ย
00:13:37 → 00:13:41 ใช่ควันเแล้วพื้นเพลโลกอยู่แล้วอ่ะอ่า
00:13:41 → 00:13:45 คุมอะไรไม่ได้เลย 1 เมนูจะต้องทำอะไรไหม้
00:13:45 → 00:13:48 อ่ะอย่างน้อย 1 อย่างเงี้ยเคยแม้แต่แบบ
00:13:48 → 00:13:53 ไม่ใช่อาหารไหม้นะผ้าขนหนูไหม้ก็ทำมา
00:13:53 → 00:13:56 มีเชฟคนนึงอ่ะเค้าก็เห็นพอยิ่งตกประหมา
00:13:56 → 00:13:58 แล้วเรา
00:13:58 → 00:13:59 ใหญ่เลยอ่ะแล้ว
00:13:59 → 00:14:01 แมตช์นั้นน่ะคือมันมีอะไรไม่รู้พลาดแล้ว
00:14:01 → 00:14:03 ก็ยังทำไม่ได้ซักทีอะไรอย่างเงี้ยแล้วมัน
00:14:03 → 00:14:04 ไปมีผลกับ
00:14:04 → 00:14:06 เรื่องหายใจเราอ่ะ
00:14:06 → 00:14:07 อืๆ
00:14:07 → 00:14:09 คือเวลาตั้งใจทำอะไรอย่างนี้เป็นคนชอบ
00:14:09 → 00:14:11 กั้นชอบการหายใจและทำใช่ป่ะ
00:14:11 → 00:14:13 แล้วมันเหมือนต้องเป็นการงานแกะสลักอะไร
00:14:13 → 00:14:16 สักอย่างแล้วมันทำไม่ได้ซะทีอ่ะแล้วปรากฏ
00:14:16 → 00:14:18 ว่ามันกั้นหายใจไปเรื่อยๆจนพอมันหายใจ
00:14:19 → 00:14:21 อย่างเงี้ยแล้วเราก็เราก็เริ่มสั่นละแล้ว
00:14:21 → 00:14:24 เราก็เริ่มลุกผุดขึ้นผุดลงต้องทำอะไรวะ
00:14:24 → 00:14:24 อย่างเงี้ยอย่างเงี้ย
00:14:24 → 00:14:26 นี่เธอเล่นโขนเหรออย่า
00:14:26 → 00:14:27 เงี้ย
00:14:27 → 00:14:27 เออ
00:14:27 → 00:14:31 เชฟแบบมาสะกิดแบบมานี่มานี่มานี่คุณไป
00:14:31 → 00:14:33 ล้างจาน
00:14:33 → 00:14:34 เบอกว่าไปล้างจานไป
00:14:34 → 00:14:37 เออไปล้างจานให้หมดเลยแบบล้างเผื่อคนอื่น
00:14:37 → 00:14:39 ไปด้วยแล้วระหว่างล้างอ่ะก็คิดไปด้วยว่า
00:14:39 → 00:14:42 เดี๋ยวจะทำอะไรต่อพอเสร็จคลาสเรียกไปคุย
00:14:42 → 00:14:43 หน่อยอะไรเงี้ยบอกเออ
00:14:43 → 00:14:46 เมื่อกี้ที่ให้ไปล้างจานนะเพราะว่า
00:14:46 → 00:14:49 เห็นแล้วล่ะว่าคุณกำลัง cruelessly มาก
00:14:49 → 00:14:49 อ่ะ
00:14:49 → 00:14:51 แล้วตกใจอะไรบางอย่างเงี้ย
00:14:51 → 00:14:58 ไปแบบยอมช้าลงสัก 5 นาที 10 นาทีคุณจะได้
00:14:58 → 00:15:01 คืนมาประมาณ 30 นาทีอ่ะแต่ถ้าคุณจะทูซีทำ
00:15:01 → 00:15:03 อ่ะคุณไม่ได้อะไรเลยเราเข้าใจนิดนึงแล้ว
00:15:04 → 00:15:06 ล่ะว่าไอ้ความมีสมาธิมันต้องทำงานยังไง
00:15:06 → 00:15:09 อ่ะมันไม่ใช่ตาถมึงอ
00:15:10 → 00:15:11 ไม่ได้ักทีเลย
00:15:11 → 00:15:14 จนมาเจอตอนทำขนมซึ่งขนมเนี่ยเชฟจะเหียบ
00:15:14 → 00:15:17 แบบเไม่ชอบให้คุยเขาไม่ให้คุยเขาแบบงาน
00:15:17 → 00:15:19 แล้วงานมันจริงๆมันอยู่กับตัวเองงานมัน
00:15:19 → 00:15:21 ต้องโฟกัสอย่างเงี้ย
00:15:21 → 00:15:21 อ่า
00:15:21 → 00:15:24 เรียนเนี่ยมันคือ 8: น. - 19:00 น.นะหมอ
00:15:24 → 00:15:25 โอ้โห
00:15:25 → 00:15:28 11 ชม.ต่อวันอย่างเงี้ยซึ่งมันก็ต้องแบบ
00:15:28 → 00:15:30 โฟกัสอยู่อย่างเงี้ยปรากฏว่าเอ๊ะอยู่ไป
00:15:30 → 00:15:33 เพราะว่ามันเอ้ยมันได้แฮงมีช่วงที่พูดกับ
00:15:33 → 00:15:37 ตัวเองอยู่บ้างปรีว
00:15:37 → 00:15:41 เวลาบีบเวลาบีบเวลาบีบครีมนะถ้าต้องวนก็
00:15:41 → 00:15:46 จะมีเสียงฟิ้วๆฟิ้วๆฟิๆอะไรเงี้ยส่วนเชฟเ
00:15:46 → 00:15:48 ก็เริ่มเลยบอกว่าเธอๆเธอไม่รู้สึกว่า
00:15:48 → 00:15:51 เพื่อนเธอก็จะรำคาญมั้งเลยมันเริ่มอยู่
00:15:51 → 00:15:56 กับเนี่ยเพจที่ชาลงมีจังหวะหายใจที่มัน
00:15:56 → 00:15:59 มันไปพร้อมกับมืออะไรอย่างเงี้ยเออเราพบ
00:15:59 → 00:16:02 ว่ามันอยู่แล้วเวิร์คดีแฮะค่อยๆพอยิ่งต่อ
00:16:02 → 00:16:04 มายิ่งมันเป็นคอร์สแบบขนมปังที่มันต้อง
00:16:04 → 00:16:08 ใช้เวลามันเป็นงานที่ต้อง take time
00:16:08 → 00:16:10 ห้ามใจร้อนอย่างเงี้ย
00:16:10 → 00:16:12 มันมีtimมิ่งของมัน
00:16:12 → 00:16:12 อื
00:16:12 → 00:16:15 เราจะไปเร่งคุณยีสเขาไม่ได้เงี้ย
00:16:15 → 00:16:16 อ่า
00:16:16 → 00:16:18 เราก็เลยค่อนข้างไม่รู้นะอาจจะรู้สึกว่า
00:16:18 → 00:16:21 ด้วยความจำเป็นเหล่านี้ก็เลยได้ซึมซับ
00:16:21 → 00:16:24 ความไม่ต้องรีบความปล่อยบางอย่างไปตามเฟส
00:16:24 → 00:16:25 ของธรรมชาติ
00:16:25 → 00:16:28 เรื่องธรรมชาติของดิฉันก็คือความสุขของ
00:16:28 → 00:16:31 อาหารความขึ้นฟูของยีอะไรอย่างเงี้ยเพราะ
00:16:31 → 00:16:34 ฉะนั้นมันก็เลยเหมือนเออได้เจออีกโหมดนึง
00:16:34 → 00:16:36 ที่วันนี้ไม่มีใครชวนไปไหนอ่ะ
00:16:36 → 00:16:39 ก็ไม่ต้องดัดจริต initiate ว่าเธอจะหาไป
00:16:39 → 00:16:41 จะอะไรเงี้แบบ
00:16:41 → 00:16:45 อ่าการที่เราเรียนทำอาหารเนี่ยตอนนั้นอาจ
00:16:45 → 00:16:48 จะเป็นแบบประสบการณ์สำคัญ
00:16:48 → 00:16:48 ก็คิดว่า
00:16:48 → 00:16:50 ที่เป็นจุดเปลี่ยน
00:16:50 → 00:16:50 ใช่
00:16:50 → 00:16:52 ที่มันเหมือนกับ
00:16:52 → 00:16:55 บังคับโดยอัตโนมัติว่าเราต้องอยู่กับความ
00:16:55 → 00:16:56 ช้า
00:16:56 → 00:16:56 อ
00:16:56 → 00:16:59 เราต้องผ่อนคลายมากขึ้นเราต้องอยู่กับ
00:16:59 → 00:17:00 ปัจจุบันมากขึ้น
00:17:00 → 00:17:02 ก็ของเ้าไม่สุขเราจะไปบังคับให้เค้าไป
00:17:02 → 00:17:04 เร่งให้เค้าสุขไม่ได้
00:17:04 → 00:17:05 อื
00:17:05 → 00:17:08 ใจเราอยากจะทำให้มันเร็วแหละแต่ว่าก็
00:17:08 → 00:17:11 เนื้อเขายังไม่สุกอ่ะเขามีเวลาถ้าจะทำ
00:17:11 → 00:17:13 medium rare มันก็ต้อง 17 นาทีอย่าง
00:17:13 → 00:17:14 เงี้ย
00:17:14 → 00:17:18 ในเส้นเรื่อง 40 กว่าขวบที่ผ่านมาเนี่ย
00:17:18 → 00:17:23 ปอมแป๋มว่ามันมีกี่ช่วงในชีวิตที่มันเป็น
00:17:23 → 00:17:25 จุดเปลี่ยนที่สำคัญ
00:17:25 → 00:17:29 โอเคคิดว่าหลักๆอ่ะน่าจะเป็น 20 30 40
00:17:29 → 00:17:32 จำได้ว่าตอน 20 เนี่ยคือเริ่มทำงานแกมมี่
00:17:32 → 00:17:33 เนี่ยอายุ 20
00:17:33 → 00:17:33 อื
00:17:33 → 00:17:35 เพราะเล่นจบเร็ว
00:17:35 → 00:17:35 อื
00:17:35 → 00:17:39 แล้วก็ไฟแรงมากแบบเหยียบเกียร์หมารู้สึก
00:17:39 → 00:17:42 ว่าเป็นโชคดีที่เจ้านายตอนนั้นเค้าเรียก
00:17:42 → 00:17:46 ว่าเค้าไม่บังคับในเรื่องความคิดเค้าให้
00:17:46 → 00:17:48 ทำอะไรก็ได้
00:17:48 → 00:17:48 เออ
00:17:48 → 00:17:50 ในในแง่ของการงานนะ
00:17:50 → 00:17:50 เออ
00:17:50 → 00:17:53 เออแล้วก็รู้สึกว่าเอ้ยเค้าให้ทดลองทำอัน
00:17:53 → 00:17:54 นู้นอันนี้อะไรอย่างเงี้ยหรือบางอย่างเรา
00:17:54 → 00:17:57 อยากจะทดลองคำเจ้านายเราใจดีมากพี่โอ๋
00:17:57 → 00:18:01 อติชาติพี่ฉอ์พี่ถาตอนนั้นเอนุญาตให้ทด
00:18:01 → 00:18:03 ลองทำอะไรได้หมดอะไรอย่างเงี้ยก็จะเป็น
00:18:03 → 00:18:06 ช่วงที่รู้สึกว่ามีพื้นที่ในการค้นหาตัว
00:18:06 → 00:18:08 เองและได้เงินด้วย
00:18:08 → 00:18:09 อ๋อ
00:18:09 → 00:18:12 เราก็รู้สึกว่าตายดีจังเลยก็เป็นบ้าเป็น
00:18:12 → 00:18:16 บอตื่นมาเข้าห้องตัด 8:00 น.เพื่อเข้าราย
00:18:16 → 00:18:20 การสดตอนเที่นพักแป๊บนึงเข้าห้องตัดเพื่อ
00:18:20 → 00:18:22 ตัดรายการตอนกลางคืนใหม่จนไป 2:00 น.
00:18:22 → 00:18:24 แล้วก็พอ 19 น.
00:18:24 → 00:18:28 ไปฟิตเนสกลับมาเข้ารายการสดตอน 23:00 น.
00:18:28 → 00:18:30 วนอยู่อย่างเงี้ยไม่เหน็ดไม่เหนื่อยรู้
00:18:30 → 00:18:32 สึกว่า
00:18:32 → 00:18:35 ชอบมีความมันเหมือนเป็นพื้นที่ที่ได้วิ่ง
00:18:35 → 00:18:37 เล่นและทำอะไรก็ได้
00:18:37 → 00:18:40 ถ้าที่เทียบกับหมอคือว่าเป็นพื้นที่อลเล่
00:18:40 → 00:18:42 ออ
00:18:42 → 00:18:44 เหมือนกับมันได้ใช้ซอส
00:18:44 → 00:18:46 ของตัวเองอะไรอย่าเงี้ยมา
00:18:46 → 00:18:46 อ่า
00:18:46 → 00:18:50 เออแล้วว่าเปลี่ยนหลักๆก็คือช่วง 30 นิดๆ
00:18:50 → 00:18:52 แล้วคือช่วงที่มาทำเธอไทยยังไงก็ไม่รู้
00:18:53 → 00:18:57 ว่าอยู่ก็มีแบบมีความเป็นคุณยายขึ้นเออมี
00:18:57 → 00:19:00 ภาพใหญ่ขึ้นมาเงี้ยก็คือเริ่มอ่ะพอคนก็
00:19:00 → 00:19:02 เริ่มรู้จักอะไรเงี้ยแล้วก็
00:19:02 → 00:19:03 อ่ะ
00:19:03 → 00:19:06 เออคาแรคเตอร์เราเป็นเนี่ยอย่างงี้เป็น
00:19:06 → 00:19:08 แบบนี้แบบนี้เป็นคนตลกคบขันจึง
00:19:08 → 00:19:10 เหมือนเป็นช่วงที่เราเริ่มมาอยู่หน้า
00:19:10 → 00:19:11 กล้องมากขึ้น
00:19:11 → 00:19:12 ใช่ๆ
00:19:12 → 00:19:16 แล้วก็ person ขันเป็นคนเอ่อเอิกอักหยาบ
00:19:16 → 00:19:18 คาย
00:19:18 → 00:19:20 แล้วก็มีเนี่ยจนเจนนี่เค้าเรียกเรายายเรา
00:19:20 → 00:19:24 ก็มีความเป็นยายของคนดู
00:19:24 → 00:19:24 อ่า
00:19:24 → 00:19:27 มาพักใหญ่มาพักนึงแล้วก็มาช่วง 40 เนี่ย
00:19:27 → 00:19:31 ที่รู้สึกว่าเออไอ้ยายจากแบบยายหน้าจอ
00:19:31 → 00:19:34 เนี่ยกูเริ่มเป็นยายจริงๆละ
00:19:34 → 00:19:37 เริ่มการใส่เสื้อผ้าของเราเราเน้น
00:19:37 → 00:19:39 comfortable
00:19:39 → 00:19:39 เออ
00:19:39 → 00:19:42 เราเน้นกางเกงเอวอย่างยืด
00:19:42 → 00:19:42 เออ
00:19:42 → 00:19:44 แล้วก็เราเน้นเสื้อตัวหลวม
00:19:44 → 00:19:44 เออ
00:19:45 → 00:19:47 ไม่ค่อยแค่เรื่องความสวยงามแล้ว
00:19:47 → 00:19:52 เอองั้น 3 ช่วงชีวิตเลยเนาะแบบ 20 30 40
00:19:52 → 00:19:52 ใช่มั้ย
00:19:52 → 00:19:56 ผมชอบอีรักผมชอบอีรักผมชอบอีสัก์ค่ะผมชอบ
00:19:56 → 00:20:00 อีหยิบอ้า 10 20 30 40
00:20:00 → 00:20:01 ค่ะต่อได้เลย
00:20:01 → 00:20:04 ค่ะจริงๆเราเห็นคาแรคเตอร์ของตัวเองที่
00:20:04 → 00:20:07 เปลี่ยนไปชัดเจนเนาะอย่างการเป็นอลเล่การ
00:20:07 → 00:20:13 เป็นคุณยายแบบทะลึ่งตึงตงสนุกสนานการเป็น
00:20:13 → 00:20:14 คุณยาย
00:20:14 → 00:20:19 อ่านิ่งๆเกษียณที่บ้านเป็นยายเกษียณยายว
00:20:19 → 00:20:21 เออเป็นคุณยายวัยเกษียณอะไรอย่างเงี้ยใน
00:20:21 → 00:20:26 แต่ละบุคลิกหรือการเติบโตเนี่ยมันมีปัญหา
00:20:26 → 00:20:28 อะไรของมันมั้ยอย่างเช่นอย่างตอนที่เป็น
00:20:28 → 00:20:30 อาลาเล่อ่ะความทุกข์ของอาลาเล่คืออะไร
00:20:30 → 00:20:33 นึกไม่ออกเลยตอนนั้นช่วงอาลเล่ไม่ค่อยมี
00:20:33 → 00:20:35 ความทุกข์ไม่
00:20:35 → 00:20:37 ทั้งๆที่จริงๆแล้วอ่ะตอนช่วงที่เป็นอาเล่
00:20:37 → 00:20:39 ฟังดูเหมือนคุณแทบจะไม่ได้นอนเลยนะ
00:20:39 → 00:20:43 จริงใช้ร่างกายหนักมากใช้ทั้งร่างกายและ
00:20:43 → 00:20:45 สมองอย่างหนักมาก
00:20:45 → 00:20:48 ออก็คือทั้งร่างกายทั้งจิตใจ
00:20:48 → 00:20:49 นะทั้งสมอง
00:20:49 → 00:20:52 เรารู้สึกว่ามันสนองนี้ในตัวเราในแง่ที่
00:20:52 → 00:20:54 ว่าไอ้ที่ทำออกมามันเรารู้สึกว่ามันทำออก
00:20:55 → 00:20:59 มาได้ดีไม่ได้เป็นการสนองตัวเองในแง่ความ
00:20:59 → 00:21:02 สนองนี้อ่ะไม่ใช่สนองความต้องการว่าแบบ
00:21:02 → 00:21:05 อุ๊ยนี่แบบนี่คืองานที่ฉันชอบนี่คืองาน
00:21:05 → 00:21:07 ที่ฉันใฝ่ฝันฉันทำแล้วฉันถึงแบบตั้งใจไม่
00:21:07 → 00:21:08 ใช่เลยนะเพราะว่า
00:21:08 → 00:21:10 หรือคนอื่นมาชื่นชมเรา
00:21:10 → 00:21:12 ไม่ใช่แต่เรารู้สึกว่าเราทำได้ดีแล้วเรา
00:21:12 → 00:21:15 แบบเหมือนอุ๊ยจ๊อบต่อไปเราอยากให้แบบดี
00:21:15 → 00:21:17 ขึ้นไปอีกอะไรอย่างเงี้ยมันมันความรู้สึก
00:21:17 → 00:21:19 ท้า challeng ดีกว่าเหมือนเรากำลังแข่ง
00:21:19 → 00:21:21 เกมโชว์
00:21:21 → 00:21:25 ในทุกๆวันอะไรอย่างเงี้ยอืแล้วก็ซึ่งตอน
00:21:25 → 00:21:27 นั้นอ่ะอย่างเดียวในวัย 20 ในช่วงจะบอก
00:21:27 → 00:21:31 ว่า 20-30 ต้นๆเนี่ยเป็นช่วงที่ไม่มีแฟน
00:21:31 → 00:21:39 ด้วยสิ่งที่ไม่มีเลยคือความรักไม่มีสูตคน
00:21:39 → 00:21:40 10 ปีกว่า
00:21:40 → 00:21:42 ช่วงเวลานั้นน่าจะเป็นช่วงเวลาของการทุ่ม
00:21:42 → 00:21:43 เท่
00:21:43 → 00:21:44 ถ้าไม่ป่วยก็คงไม่มีปัญหา
00:21:44 → 00:21:45 ใช่จริง
00:21:45 → 00:21:49 ใช่มั้ยคือทุ่มเทแล้วเราดันทุ่มเทกับสิ่ง
00:21:49 → 00:21:51 ที่เราชอบตัวเอง
00:21:51 → 00:21:55 เออช่วงนั้นคือพี่เบิร์ดแฟนจ่าเนี่ย
00:21:55 → 00:21:55 อ
00:21:55 → 00:21:58 ปกติเขาก็จะให้ครีเอทีทำอ่ะอย่างที่บอก
00:21:58 → 00:22:00 ว่าเจ้านายใจดีเจ้านายเป็นคนเปิดโอกาสพี่
00:22:00 → 00:22:02 ชายบอกว่าออันเนี้ให้น้องลองทำ
00:22:02 → 00:22:03 เจ้านายเราเจ้านายเดียวกัน
00:22:03 → 00:22:07 เออใช่มยพี่ก็บอกว่าให้แบบลองทำให้อันนี้
00:22:07 → 00:22:09 แล้วก็บอกอ่ะปแบบทำดูอะไรอย่างเงี้ยซึ่ง
00:22:09 → 00:22:12 มันแบบอุ๊ยตอนนั้นเราก็ตกประมาทเนาะแบบ
00:22:12 → 00:22:13 ครั้งแรกอ่ะเนาะ
00:22:13 → 00:22:13 อือ
00:22:13 → 00:22:16 แบบกับพี่เบิร์ดอย่างเงี้ยเราก็เอาว่าทำ
00:22:17 → 00:22:20 เอางัดพลังวัดทั้งหมดมาทำอุ๊ยเราก็ทำได้
00:22:20 → 00:22:22 เหมือนกันนี่หว่าอะไรอย่างเงี้ย
00:22:22 → 00:22:25 มันก็เลยทุกวันมันมีความตื่นเต้นกับการ
00:22:25 → 00:22:26 เจอ
00:22:26 → 00:22:26 อื
00:22:26 → 00:22:29 เจอศักยภาพเจอ Value
00:22:29 → 00:22:30 อในตัวเอง
00:22:30 → 00:22:32 เออในตัวเอง
00:22:32 → 00:22:36 ได้พื้นที่ที่เอ่อเราได้จ๊ะเอ๋
00:22:36 → 00:22:36 เออ
00:22:36 → 00:22:37 ใช่มั้ย
00:22:37 → 00:22:38 ถูกใช่ค่ะ
00:22:38 → 00:22:40 กับความเป็นตัวเราถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่
00:22:40 → 00:22:42 เคยรู้ว่ามีมันมาก่อน่
00:22:42 → 00:22:45 สิ่งนึงที่ป๊อปอัพขึ้นมาแบบจากที่บอมแมบ
00:22:45 → 00:22:48 เล่าช่วงเวลานี้นะก็คือไม่คาดหวังก็จะไม่
00:22:48 → 00:22:49 มีช่วงผิดหวังเลย
00:22:49 → 00:22:50 อันนี้ถูกต้องตอนนี้เปลี่ยนไปยังไม่รู้
00:22:50 → 00:22:53 ยังไม่ได้กลับไปสำรวจแต่เมื่อก่อนน่ะถ้า
00:22:53 → 00:22:55 สเตตัสข้างล่าง Facebook อ่ะนี่คือเลยจะ
00:22:55 → 00:22:56 เขียนมาเลยไม่คาดฟังไม่ผิดหวัง
00:22:56 → 00:22:57 จริงป่ะเนี่ย
00:22:57 → 00:22:57 จริง
00:22:57 → 00:22:58 อุ๊ยตายแล้ว
00:22:58 → 00:23:00 จริงแล้วมันอีกอย่างนึงคือด้วยความที่มัน
00:23:00 → 00:23:02 แบบอย่างที่บอกมันทำไม่เป็นใช่ป่ะเวลาลอง
00:23:02 → 00:23:05 อะไรใหม่แล้วมันแบบไม่ได้เงี้ยผิดเงี้ย
00:23:05 → 00:23:07 จะไม่เคยรู้สึกสุขเ้าเสียใจหรือว่าแบบ
00:23:08 → 00:23:09 ไม่ได้ไม่ได้หงอยอ่ะ
00:23:09 → 00:23:12 เพราะว่าเล่าในหลายที่แล้วว่าเป็นคนที่
00:23:12 → 00:23:16 ถูกโดนเสนองานแล้วโดนปัดตกแบบปัดตกประเภท
00:23:16 → 00:23:18 ขอใหม่ทั้งหมดเนี่ยจากพี่ฉอดเนี่ยจริงๆ
00:23:18 → 00:23:19 ไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง
00:23:19 → 00:23:21 โอ๊ย
00:23:21 → 00:23:23 แบบไม่ใช่ในลักษณะแก้ตรงนี้หน่อยนะคะแบบ
00:23:23 → 00:23:26 อ๋อฉันเชื่อค่ะถ้าแก้แล้วแก้ยับเลยค่ะ
00:23:26 → 00:23:29 จนฉันเช็คคำว่าเอ่อพี่คะคือให้แก้ผ้าดี
00:23:29 → 00:23:31 กว่าแก้เพลง
00:23:31 → 00:23:33 ให้ทำใหม่เลยมั้ยคะอย่างเงี้ยแบบไม่ได้
00:23:33 → 00:23:35 ประชดนะแบบแต่แต่ว่าพี่สอบก็แบบอันนี้มัน
00:23:36 → 00:23:37 ไม่ใช่อ่ะหนูแบบ
00:23:37 → 00:23:40 ทำไมเนี่ยรู้สึกว่ามันไม่มีสิทธิ์ไปโกรธ
00:23:40 → 00:23:42 เรามันรู้สึกว่าเราไม่ได้โกรธหรือเราไม่
00:23:42 → 00:23:45 รู้สึกหงอยเลยเพราะมันไม่ได้ว่าทำเป็นต้น
00:23:45 → 00:23:48 ไงถ้ามันผิดมันก็ไม่เป็นไรค่ะก็จะทำใหม่
00:23:48 → 00:23:49 อีกอ่ะค่ะ
00:23:49 → 00:23:52 ช่วงวัยที่เหมือนเดี๋เราได้ค้นหาอ่ะ
00:23:52 → 00:23:55 ผิดก็ไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้น
00:23:55 → 00:23:55 อ
00:23:55 → 00:23:58 ถูกก็ดีใจที่สำคัญได้เงิน
00:23:58 → 00:23:59 เออ
00:23:59 → 00:24:03 มันเหมือนนอกจากที่จะไม่ได้สูญเสียหรือ
00:24:03 → 00:24:06 ไม่ได้ผิดหวังอะไรแบบเรากลายเป็นเหมือน
00:24:06 → 00:24:09 เราได้รางวัลกับตัวเองในทุกๆวันด้วยรวม
00:24:10 → 00:24:12 ทั้งสิ่งที่ทำให้เราดำรงอยู่อย่างเช่น
00:24:12 → 00:24:13 เงินด้วยเนาะใช่
00:24:13 → 00:24:16 เออเพราะฉะนั้นช่วงเวลา
00:24:16 → 00:24:19 นั้นมัน
00:24:19 → 00:24:20 หายไปได้ยังไง
00:24:20 → 00:24:24 เอาจริงๆมันก็ไม่ได้หายแต่ว่าพอมันมาเป็น
00:24:24 → 00:24:28 ช่วงเฟสที่เราเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา
00:24:28 → 00:24:31 เงี้ยใช่ป่ะมันแล้วมันมี person ของคุณ
00:24:31 → 00:24:35 ยายมันเริ่มเข้ามาซึ่งก็เกิดจากที่คนอื่น
00:24:35 → 00:24:37 เขาเรียกอ่ะเนาแต่ในส่วนนึงเราเราเองเรา
00:24:37 → 00:24:39 ก็รู้สึกเราไม่ได้ปฏิเสธ
00:24:39 → 00:24:42 นี้เอ้ยพอมันกลายมาอยู่หน้ากล้องมันก็ทำ
00:24:42 → 00:24:45 เยอะเหมือนเดิมทำเยอะเหมือนเดิมจนเรารู้
00:24:45 → 00:24:49 สึกว่าไอ้คาแรคเตอร์ยายของเราเนี่ยมัน
00:24:49 → 00:24:52 เริ่มอยู่กินกับเราทั้งวันตลอดตลอดเวลา
00:24:52 → 00:24:54 ไม่ใช่แค่ตอนเราอยู่หน้ากล้องนึกออกม
00:24:54 → 00:24:58 อย่างบางมันจะมีช่วงที่เรากลับบ้านไปหรือ
00:24:58 → 00:25:01 เวลาอยู่กับคนใกล้ตัวเราก็ยังแบบเหมือนมี
00:25:01 → 00:25:03 obligation
00:25:03 → 00:25:05 ที่จะต้องทำให้เขาขบขันอย่าเงี้ย
00:25:05 → 00:25:07 เหมือนเป็นภารกิจที่ติดตัวอยู่ตลอด
00:25:07 → 00:25:11 มีภารกิจที่ติดตัวว่าจะต้องขบขันแม้แต่
00:25:11 → 00:25:15 วันที่เรานั้นอ่อมและยมมากเงี้ยทำไมมัน
00:25:15 → 00:25:19 ยังต้องอยู่วะจนกระทั่งถ้าจำไม่ผิดนะวัน
00:25:19 → 00:25:23 ที่ไอ้การบอกว่าสดใสจีจ๊าเธอขนาดเนี้ยไม่
00:25:23 → 00:25:26 ได้ใช้แค่กับคนใกล้ตัวเวลาอยู่นอกกล้อง
00:25:26 → 00:25:27 เท่านั้น
00:25:27 → 00:25:27 อื
00:25:27 → 00:25:32 มันดันมาใช้กับตัวเองตอนที่อยู่กับตัวเอง
00:25:32 → 00:25:34 ปลอมมากตอนนั้นโคตรๆงงตัวเองเหมือนกันแต่
00:25:34 → 00:25:38 จนที่เรารู้สึกว่ามันเอ๊ะไม่ใช่แล้วล่ะ
00:25:38 → 00:25:43 เงี้ยคือวันที่อกหักวันที่แฟนทิ้งเค้า
00:25:43 → 00:25:47 ทิ้งเราตอนเราเราไปเที่ยวยุโรปอ่ะเขาอยู่
00:25:47 → 00:25:50 เมืองไทยใช่ป่ะแล้วอี้าแบบก็อยู่ดีๆเก็
00:25:50 → 00:25:53 เลือกจะแบบไม่เอาฉันไม่คุยกับเธอละก็หาย
00:25:53 → 00:25:58 แบบหายไปแบบเฮ้ยอะไรวะตอนนั้นคือเพลงไม่
00:25:58 → 00:26:00 แน่ใจของนิโคทริโอเนี่ยก็คือดังขึ้นมาเลย
00:26:00 → 00:26:01 ร้องร้องยังไงนะ
00:26:01 → 00:26:05 ไม่ใช่ฉันไม่รู้สึกบอกตรงๆไม่แน่ใจความ
00:26:05 → 00:26:09 เป็นไปของเรายังรักกันบ้างหรือเปล่าทำไม
00:26:09 → 00:26:10 เธอเงียบไป
00:26:10 → 00:26:11 ออ
00:26:11 → 00:26:16 อยากให้เธอมีคำตอบเอ๊ะแทนอาการเฉยชาแทน
00:26:16 → 00:26:19 อาการไม่มองตามีอะไรพูดกันไม่ใช่ฉันไม่
00:26:19 → 00:26:21 รู้สึกหรือไปเที่ยวคนเดียวนะแล้วก็บอกไม่
00:26:21 → 00:26:25 เป็นไรหรอกเอาจจะเอาจจะจนกระทั่งถึงแบบ
00:26:25 → 00:26:29 วันที่เราจับได้แล้วว่าไอ้ทิ้งกูแน่
00:26:29 → 00:26:30 อื
00:26:30 → 00:26:32 ก็ยังจะบอกตัวเองว่าเธอไม่เป็นไรไม่เป็น
00:26:32 → 00:26:35 ไรเดี๋ยวแบบเธอยิ้มไว้วันนี้ฉันเธอมาอยู่
00:26:35 → 00:26:37 ในพื้นที่ที่สวยงาม
00:26:37 → 00:26:38 อ
00:26:38 → 00:26:40 วันที่กลับมาถึงเมืองไทยเลื่อนตั๋วกลับ
00:26:40 → 00:26:42 ให้เร็วขึ้นด้วยนะ
00:26:42 → 00:26:44 เพื่อที่จะกลับมาแบบบอกว่าเออเธอกลับมา
00:26:44 → 00:26:48 แล้วอะไรเงี้ยมาเจอกันหน่อยมาแล้วก็มาและ
00:26:48 → 00:26:50 ก็มาบอกกับเราตรงตรง
00:26:50 → 00:26:50 ว่า
00:26:50 → 00:26:53 เออก็ไม่ไม่คุยต่อดีกว่าอะไรอย่าเงี้ย
00:26:53 → 00:26:58 แล้วหลังจากนั้นคือเชื่อมว่าไม่ร้องไห้
00:26:58 → 00:27:00 เลยสักกะแอะสิ่งที่บอกตัวเองเอ้ยเธอไม่
00:27:00 → 00:27:04 เป็นไรไม่เป็นไรี้เราเข้าใจเค้าอะไรเงี้ย
00:27:04 → 00:27:06 เออเบอกเราอย่างี้แล้วแล้วเข้าใจเราไม่
00:27:06 → 00:27:09 ไม่เป็นไรเธอเข้มเธอเข้มแข็งเธอเข้มแข็ง
00:27:09 → 00:27:09 หรือเธอ
00:27:09 → 00:27:10 อ
00:27:10 → 00:27:12 เดี๋เธอจะต้องไปถ่ายเธอเที่ยวไทยต่อเธอสั
00:27:12 → 00:27:14 ไม่ได้นะจ๊ะเงี้เออ
00:27:14 → 00:27:15 อ
00:27:15 → 00:27:18 คือเราเราจะหยุดเสียใจไม่ได้
00:27:18 → 00:27:19 ยังมีภารกิจ
00:27:19 → 00:27:22 ถูกต้องแล้วรู้สึกว่าเหมือนเสียงยายมัน
00:27:22 → 00:27:23 บอกเราแบบว่า
00:27:23 → 00:27:24 อ่า
00:27:24 → 00:27:28 แต่เธอไม่ได้จ้ะยายนี่สกไม่ได้จ้ะยายต้อง
00:27:28 → 00:27:32 ขบขันจ้ะแต่อยู่คนเดียวเราก็ไม่รอไงหมอจน
00:27:32 → 00:27:35 กระทั่งวันที่รู้สึกว่าอุ๊ยตายละชิบหายละ
00:27:35 → 00:27:38 คือนอนไม่หลับหรือหลับตื่นหลับตื่นเงไม่
00:27:38 → 00:27:39 สามารถหลับได้
00:27:39 → 00:27:39 อ่า
00:27:39 → 00:27:41 เป็นเวลาอยู่สัปดาห์
00:27:41 → 00:27:43 ร่างกายมันบอกแทน
00:27:43 → 00:27:47 มันบอกแทนแล้วก็จนกระทั่งไอ้ช่วงมันมีวัน
00:27:47 → 00:27:50 ที่ร่างกายมันชัดแบบมันเหนื่อยจริงๆอ่ะ
00:27:50 → 00:27:50 อ๋อ
00:27:50 → 00:27:53 มันวันนั้นน่ะถ่ายรายการแบบเช้ากลางวัน
00:27:53 → 00:27:54 เย็น
00:27:54 → 00:27:56 แล้วกลับไปมันไม่ไหวแล้วมันสะสมเงี้ยเรา
00:27:56 → 00:27:58 รู้ตัวว่าเราล้ม
00:27:58 → 00:27:58 อ
00:27:58 → 00:27:59 ไปเลย
00:27:59 → 00:28:00 อื
00:28:00 → 00:28:03 ฝันเหมือนคิดเหมือนหัวมันแล่นน่ะ
00:28:03 → 00:28:04 อื
00:28:04 → 00:28:07 แต่มันไม่ยอมตื่นและตื่นไม่ขึ้น
00:28:07 → 00:28:08 ออ
00:28:08 → 00:28:10 มันเหมือนแบบเหมือนถูก
00:28:10 → 00:28:10 ผีอำ
00:28:10 → 00:28:13 เอออารมณ์คล้ายๆผีอำอะไรอย่างเงี้ยเออ
00:28:13 → 00:28:14 อ
00:28:14 → 00:28:16 แล้วพอตื่นไอ้ไม่ไหวแล้วต้องหาคน
00:28:16 → 00:28:18 ช่วยเออ
00:28:18 → 00:28:22 ก็ฉันมาเจอ
00:28:22 → 00:28:24 ออ
00:28:24 → 00:28:27 ตอนนั้นเนี่ยเราได้เรียนรู้กันว่าเหมือน
00:28:27 → 00:28:30 การเป็นยายเนี่ยคือจริงๆมันเป็นตัวเรานะ
00:28:30 → 00:28:33 มันเป็นตัวเราแต่มันเป็นตัวเราอยู่ภาพนึง
00:28:33 → 00:28:36 ที่มันไปแมตชกับในเรื่องของความคาดหวัง
00:28:36 → 00:28:39 ของผู้คนแล้วเราก็รับมาแล้วเราถอดความคาด
00:28:39 → 00:28:41 หวังนี้ไม่ออกซะด้วย
00:28:41 → 00:28:43 เป็นอย่างงั้น
00:28:43 → 00:28:44 อื
00:28:44 → 00:28:47 ก็เพราะหมอบอกอ่ะเชื่อก็เลยเชื่อแต่ว่า
00:28:47 → 00:28:49 ไม่แต่เราก็รู้สึกอย่างั้นจริงๆพอมามอง
00:28:49 → 00:28:51 ย้อนกลับไปนะเราก็รู้สึกอย่างงั้นจริงๆ
00:28:51 → 00:28:55 เป็นตัวเราเองอ่ะที่ที่เราเองก็เผลอไปรับ
00:28:55 → 00:29:00 ผิดชอบแบบความคาดหวังความสุขความสนุกสนาน
00:29:00 → 00:29:03 ของผู้คนจนกระทั่งลืมความรู้สึกของตัวเอง
00:29:03 → 00:29:03 ไป
00:29:03 → 00:29:06 อใช่
00:29:06 → 00:29:06 เห็นด้วย
00:29:06 → 00:29:11 ใช่มวันนั้นเนี่ยเราจำได้ว่าเราคุยถึง
00:29:11 → 00:29:13 เรื่องความคิดถึงที่มีต่ออาลาเล่
00:29:13 → 00:29:17 เอออาลเล่เนี่ยคือโผล่ขึ้นมาในช่วง
00:29:17 → 00:29:20 ใน 1 sess ตอนนี้มันเหมือนมีปัญหากับยาย
00:29:20 → 00:29:22 อยู่เนาะอะไรอย่าเงี้ย
00:29:22 → 00:29:24 แล้วหมอก็ถามขึ้นมาว่า
00:29:24 → 00:29:26 เอาจริงๆไม่ต้องไม่ต้องคิดแบบว่าอย่าคิด
00:29:26 → 00:29:29 เยอะเลยแบบแต่ถามว่าถ้าจะเป็นอะไรก็ได้
00:29:29 → 00:29:31 เป็นใครก็ได้ในโลกหรืออะไรเงี้ยอยากเป็น
00:29:31 → 00:29:35 ใครก็คือโพรงขึ้นหน่อยว่าอยากเป็นอลเล่
00:29:35 → 00:29:38 เพราะว่าไม่รู้เเล่นขี้ก็ไม่มีใครว่าเ้า
00:29:38 → 00:29:39 อะไรเงี้ย
00:29:39 → 00:29:40 อ่า
00:29:40 → 00:29:42 แล้วก็นั่งร้องไห้เพราะบอกว่าร้องไห้ต้อง
00:29:42 → 00:29:47 อลเเล่นขี้ก็ไม่มีใครวะเออเออจีใต้สำนึก
00:29:48 → 00:29:51 คือฉันอยากเล่นขี้หรอฉันจะแบบเฮ้ยจีใต้
00:29:51 → 00:29:54 สำนึกตอนนี้เหมือนฉันคือฉันอยากเล่นขี้
00:29:54 → 00:29:56 มันคือตัวแดนของการที่เราเป็นอะไรก็ได้
00:29:56 → 00:29:57 อ่ะอ
00:29:57 → 00:30:01 มากกว่าโดยที่ไม่ต้องกลัวไม่ต้องกลัวอะไร
00:30:01 → 00:30:04 ไม่ต้องแบกรับไม่ต้องกลัวใครที่จะจะผิด
00:30:04 → 00:30:05 หวัง
00:30:05 → 00:30:05 อื
00:30:05 → 00:30:09 เออเราเรายอมรับในสิ่งที่เราเป็นได้นะ
00:30:09 → 00:30:09 ครับ
00:30:10 → 00:30:11 จริงๆหมอก็เหมือนกับเป็นอีกสายตานึงที่
00:30:11 → 00:30:15 มองเข้ามาแบบบอกให้เราแบบถอยแล้วก็ลองมอง
00:30:15 → 00:30:17 มาใหม่อะไรอย่างเงี้ยแล้วก็พบว่าเออยาย
00:30:17 → 00:30:19 มันไม่ใช่ทั้งหมด
00:30:19 → 00:30:19 เออ
00:30:19 → 00:30:22 เออยายมันไม่ใช่ทั้งมันไม่ใช่ตัวปลอมเอา
00:30:22 → 00:30:24 จริงๆไม่ได้รู้สึกว่ายายคือตัวปลอม
00:30:24 → 00:30:25 อ่า
00:30:25 → 00:30:26 แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่
00:30:26 → 00:30:28 ไม่ได้เป็นการแบบคือจริงๆมันไม่ใช่ตัวตน
00:30:28 → 00:30:30 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะตอบสนองใครไม่
00:30:30 → 00:30:32 ใช่แต่รู้สึกว่ามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งมัน
00:30:32 → 00:30:36 ยังมีตัวตนอลเล่ห์ที่ไม่ได้ปลุกให้เค้า
00:30:36 → 00:30:39 ตื่นเลยเป็นเวลานาน
00:30:39 → 00:30:40 เออ
00:30:40 → 00:30:43 เออก็เหมือนเราได้ถอยกลับมา
00:30:43 → 00:30:45 เราไม่ได้มีโหมดเดียวอ่ะจริงๆมนุษย์เรา
00:30:45 → 00:30:48 มันมีหลายหลายโหมดอ่ะภาระหน้าที่หรืออะไร
00:30:48 → 00:30:50 อย่าเงี้ยในการรับเวลาที่ต่างกัน
00:30:50 → 00:30:52 ตัวตนของเรามันก็มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
00:30:52 → 00:30:55 อยู่แล้วตอนนี้เราก็คือเราเคยเป็นหมอกับ
00:30:55 → 00:30:57 คนไข้แต่วันนี้เรามากันอเราเป็นเพื่อนกับ
00:30:57 → 00:31:01 เพื่อนี้ใช่ป่ะตอนพูดเท talk เนี่ยประโยค
00:31:01 → 00:31:03 แรกที่ให้เขียนน่ะคือแบบถามว่าคุณเป็นใคร
00:31:03 → 00:31:08 คะเงี้ยให้ในฮอเเขียนว่าคุณเป็นใครคะจนจบ
00:31:08 → 00:31:11 อ่ะให้ลองมาดูคำตอบของตัวเองอ่ะเชื่อม 100
00:31:11 → 00:31:13 ทั้ง 100
00:31:13 → 00:31:17 พยายามงวดหาคำตอบให้ได้ 1 อันเวลาถามว่า
00:31:17 → 00:31:21 คุณเป็นใครไงเราจะตอบพยายามหา 1 คำตอบอ่ะ
00:31:21 → 00:31:21 อ
00:31:21 → 00:31:24 ซึ่งจริงๆเราพบว่าไม่ใช่นี่นะเนี่ยที่หมอ
00:31:24 → 00:31:27 บอกอ่ะเราไม่ได้มี 1 ตัวตนเราก็เลยรู้สึก
00:31:27 → 00:31:30 ว่าไอ้ที่หมอถามว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนหรือ
00:31:30 → 00:31:32 เปล่าเราก็เลยคิดว่าใช่ 1 คือมันมีเวลา
00:31:32 → 00:31:36 พักเรารู้สึกว่าอียายบางคนมันมีเวลาพัก
00:31:36 → 00:31:37 ได้นะจ๊ะ
00:31:37 → 00:31:38 อื
00:31:38 → 00:31:40 อียายอลาเล่เนี่ยมันสามารถที่จะเรียกเขา
00:31:40 → 00:31:44 มาใช้งานได้นะจ๊ะรวมไปถึงเนี่ยพอพอมัน
00:31:45 → 00:31:47 เข้ามาสู่ตอนเรา 40 กว่าใช่ป่ะ
00:31:47 → 00:31:47 อ่า
00:31:48 → 00:31:51 มันก็เลยเพราะว่ามันมีพื้นที่ให้ยายวัย
00:31:51 → 00:31:52 เกษียณอ่ะ
00:31:52 → 00:31:55 ไม่ใช่แค่ป๋อมแป๋มสงสัยหรอกหลายๆคนก็อาจ
00:31:55 → 00:31:58 จะสงสัยเหมือนกันน่ะเอ๊ะทำไมฉันอยู่บ้าน
00:31:58 → 00:32:01 ฉันเป็นคนแบบนี้พอไปที่ทำงานเป็นคนแบบนี้
00:32:01 → 00:32:04 พออยู่กับแฟนก็เป็นคนแบบนี้อะไรอย่าง
00:32:04 → 00:32:06 เงี้ยอยู่กับเพื่อนเป็นอีกแบบนึงอะไร
00:32:06 → 00:32:08 อย่างเงี้ยเอ้ยเราเป็นคนไงกันแน่เราไม่
00:32:09 → 00:32:11 สบายหรือเปล่าเราเป็นคนไหลบุคลิกหรือ
00:32:11 → 00:32:11 เปล่าอะไรอย่างี้
00:32:11 → 00:32:13 หรือเราเป็นคนแบบเราเป็นคนปลอมหรือเปล่า
00:32:13 → 00:32:15 อะไรเงี้ยอืบ้า
00:32:15 → 00:32:19 ทำไมเธอไปอยู่กับเพื่อเธอร่าเริงเธอเฟก
00:32:19 → 00:32:19 หรือเปล่าอะไรอย่าเงี้ย
00:32:19 → 00:32:24 จะเชื่อมว่าฉันเองอ่ะก่อนที่จะมาเรียน
00:32:24 → 00:32:27 หรือจะมาศึกษาเรื่องนี้หรือทำงานด้านนี้
00:32:27 → 00:32:30 จริงๆฉันก็สงสัยเหมือนกันโอ
00:32:31 → 00:32:33 เออฉันสงสัยถึงขนาดว่าไอ้ที่ฉันมีความสุข
00:32:33 → 00:32:34 นะมันสุขจริงเปล่า
00:32:34 → 00:32:35 อื
00:32:35 → 00:32:38 เออหรือถามตัวเองอยู่บ่อยๆเลยว่าเออจริงๆ
00:32:38 → 00:32:40 เราเป็นคนยังไงกันแน่เดี๋ยวก็ใจร้อน
00:32:40 → 00:32:41 เดี๋ยวก็ใจเย็น
00:32:41 → 00:32:45 จริงๆมันก็เป็นสิ่งที่นำพามาให้เรียนรู้
00:32:45 → 00:32:49 แล้วก็เฉพาะทางด้านนี้เหมือนกันนะคะแยก
00:32:49 → 00:32:52 ง่ายๆเลยว่ามันปกติหรือมันไม่ปกติ
00:32:52 → 00:32:52 อือ
00:32:52 → 00:32:55 คือมันแยกจากที่การรู้ตัวนั่นแหละคือตราบ
00:32:55 → 00:32:59 ใดที่เราก็รู้ว่าเออเราเป็นคนแบบนี้เมื่อ
00:32:59 → 00:33:00 อยู่กับคนนี้
00:33:00 → 00:33:00 อือ
00:33:00 → 00:33:04 หรือเราเป็นแบบนี้เอ่อเพราะอยู่ในสังคม
00:33:04 → 00:33:07 แบบนี้คือการรู้ตัวคือสิ่งที่สำคัญที่เรา
00:33:07 → 00:33:10 จะแยกระหว่างความเป็นโรคกับความไม่โรค
00:33:10 → 00:33:11 เออ
00:33:11 → 00:33:13 อันเนี้ยจริงๆมันไม่ใช่มันไม่ได้เป็นความ
00:33:13 → 00:33:16 ผิดปกติอะไรของเคมีอ่ะบางทีมันก็คือแค่
00:33:16 → 00:33:19 ความไม่รู้เพราะฉะนั้นเนี่ยยามันก็เลยไม่
00:33:19 → 00:33:21 ใช่ยาที่เราต้องกินเข้าไป
00:33:21 → 00:33:24 แต่มันคือการที่เรารู้ก็แค่รู้ว่า
00:33:24 → 00:33:27 เออเรามีโหมดอื่นเนาะ
00:33:27 → 00:33:27 อื
00:33:27 → 00:33:30 เรามีความเป็นเด็กแล้วเราก็มีความเป็นผู้
00:33:30 → 00:33:34 ใหญ่อะไรเงี้ยเรามีความผู้ใหญ่ที่เป็นผู้
00:33:34 → 00:33:35 ใหญ่สนุก
00:33:35 → 00:33:38 เราเป็นผู้ใหญ่ที่สงบอะไรอย่างเงี้ยเออ
00:33:38 → 00:33:40 บางทีเราเราก็แค่รู้
00:33:40 → 00:33:43 ใช่คอนเฟิร์มคำพูดของหมอเพราะว่าก่อนหน้า
00:33:43 → 00:33:45 นั้นที่รู้สึกว่ามันเป็นทุกข์เอ้ที่เรา
00:33:45 → 00:33:47 รู้สึกว่าเราเราไม่สบายใจหลายอย่างแล้ว
00:33:47 → 00:33:49 แบบส่งผลต่อ 1 2 3 4 อะไรอย่างเงี้ย
00:33:49 → 00:33:53 พอหมอมาวาดแผ่นภูมิให้ดูวันนั้นน่ะก็ออๆ
00:33:53 → 00:33:56 มันก็คือเก็ตและเหมือนเราได้วารปมามอง
00:33:56 → 00:33:59 เห็นว่าเออฉันก็มีสุดยอดมากเลยจริงๆมัน
00:33:59 → 00:34:00 เกือบ 10 ปีแล้วนะ
00:34:01 → 00:34:04 ใช่นี่ยังจำได้แม่นเลยบอกแล้วว่ามันสำคัญ
00:34:04 → 00:34:07 บอกแต่ว่ามันแมทเทอร์กับชีวิตดิฉันมาก
00:34:07 → 00:34:08 เออ
00:34:08 → 00:34:10 นี่รู้สึกว่ามันไม่ต้องใช้ตลอดนะแบบเอา
00:34:10 → 00:34:13 จริงๆที่ที่ไปเจออีกอย่างคือตอนไปบวชตอน
00:34:13 → 00:34:15 ไปบวชเนี่ยวันแรกๆอ่ะมันจะยังนอนไม่ค่อย
00:34:15 → 00:34:17 หลับเงี้แล้วก็จะชอบออกมานั่งอ่านหนังสือ
00:34:17 → 00:34:19 อยู่ข้างหน้ากุฏิเราเงี้มันมีไฟเงแล้วก็
00:34:19 → 00:34:23 จะชอบเผลอตบยุง
00:34:23 → 00:34:25 โชา
00:34:25 → 00:34:29 เราก็ไปปงอาบัติใช่ป่ะแล้วก็โอ้ยตายแล้ว
00:34:29 → 00:34:33 เงี้ยเรามีอีก 1 ร่างเพิ่มขึ้นมาคือร่าง
00:34:33 → 00:34:35 พระทิตะโก
00:34:35 → 00:34:37 ซึ่งไม่ฉายาธรมะของเรา
00:34:37 → 00:34:38 ออฮะ
00:34:38 → 00:34:39 ชื่ออะไรนะ
00:34:39 → 00:34:40 พระถิตะโกถิตโก
00:34:40 → 00:34:42 แต่พวกเพื่อนๆและลูกน้องอ่ะมันนั่งอยู่
00:34:42 → 00:34:45 ข้างหลังมันได้ยินโกแล้วมันก็เห็นว่าเออ
00:34:45 → 00:34:47 นี่เป็นกระเทยสงสัยชื่อพระ Let it go
00:34:47 → 00:34:50 มั้ง
00:34:50 → 00:34:52 เตรียมจะไปบอกนักข่าวได้เฉยๆต้องทำว่าพระ
00:34:52 → 00:34:55 Let it go ไม่ใช่สิพอไปสักวัน 2 วัน
00:34:55 → 00:34:57 อย่างเงี้ยเราก็จะรู้แล้วว่าเหมือนยุงมา
00:34:57 → 00:35:00 อย่างเงี้ยสัญชยาจะไม่อย่างนี้แล้วเงี้ย
00:35:00 → 00:35:01 มันก็จะแบบ
00:35:01 → 00:35:02 ไป
00:35:02 → 00:35:06 ซึ่งอันเนี้ยเอามาใช้ตอนเป็นมนุษย์ว่าได้
00:35:06 → 00:35:11 เวลาแบบเออเอา Take it back ขอช้าจ้ะ
00:35:11 → 00:35:15 แบบหรืออมจะโหมดจะปลงโหมดจะใดๆอย่างเงี้ย
00:35:15 → 00:35:15 เออ
00:35:15 → 00:35:20 ก็ใช้โหมดตอนเป็นพระที่ตะโกมาดึงมาใช้ได้
00:35:20 → 00:35:20 อยู่
00:35:20 → 00:35:23 จริงๆป๋มแปะเป็นคนที่โชคดีนะเนี่ย
00:35:23 → 00:35:24 ที่
00:35:24 → 00:35:27 ที่เราได้มีโอกาสโลดแล่นในหลายพื้นที่แบบ
00:35:27 → 00:35:28 มากๆ
00:35:28 → 00:35:30 เรียกว่าเป็นพื้นที่ในการทำความรู้จักตัว
00:35:30 → 00:35:31 เอง
00:35:31 → 00:35:32 ตัวเองเออ
00:35:32 → 00:35:33 ได้หลากหลาย
00:35:33 → 00:35:34 ครับ
00:35:34 → 00:35:34 มากๆ
00:35:34 → 00:35:37 ก็เห็นด้วยค่ะพูดมาถึงต้นนี้รู้สึกว่า
00:35:37 → 00:35:41 เป็นโชคดีของเราที่มันแบบ 1 เรามีเจ้านาย
00:35:41 → 00:35:44 เนาะที่จะเริ่มต้นของเราที่เขาเปิดโอกาส
00:35:45 → 00:35:47 ให้เราได้ใช้พื้นที่ของ exercise พื้นที่
00:35:47 → 00:35:48 ของเรา
00:35:48 → 00:35:48 อื
00:35:48 → 00:35:51 พ่อแม่ของเราอันนี้อาจจะไม่ได้โชคดีมาก
00:35:51 → 00:35:51 อื
00:35:51 → 00:35:54 เาแค่อาจจะขี้เกียจเลี้ยง
00:35:54 → 00:35:58 เค้าก็เลยที่จะปล่อยให้เรานั้นปวดตุเป๋
00:35:58 → 00:35:59 ให้อิสระ
00:35:59 → 00:36:02 ใช่ไม่ใช่อีกไม่ได้อย่าเรียกว่าให้อิสระ
00:36:02 → 00:36:04 เค้าค่อนข้างขี้เกียจเรียงพูดดีกว่าพูด
00:36:05 → 00:36:10 อย่างงี้ดีกว่าเค้าเคยเดินมาบอกว่าลูกๆ
00:36:10 → 00:36:13 เนี่ยแม่จะทุบบ้านใหญ่อ่ะแล้วแม่ต้องย้าย
00:36:13 → 00:36:16 เข้ามานอนบ้านเล็กอ่ะคือบ้านของลูกเนี่ย
00:36:16 → 00:36:17 อือ
00:36:17 → 00:36:19 ลูกไปหาอยู่ที่อื่นเออที่อยู่ที่อื่นอยู่
00:36:19 → 00:36:23 ได้มย
00:36:23 → 00:36:24 เจ้า
00:36:24 → 00:36:29 จริงๆแบบมันมี 2 หลังใช 2 หลังในในใน
00:36:29 → 00:36:31 บริเวณไงเราจะหลังใหญ่จะมีพ่อแม่น้องอยู่
00:36:32 → 00:36:34 ด้วยกันหลังหลังเหล็กจะมีเราอยู่คนเดียว
00:36:34 → 00:36:35 เงี้
00:36:35 → 00:36:38 แต่ว่าเขาจะทุบหลังใหญ่แล้วทำใหม่แม่จะไป
00:36:38 → 00:36:39 ทำงานนี่นอนอยู่
00:36:39 → 00:36:43 แนั่งไปเตียงนะลูกเนี่ยแม่จะถูบบ้านที่
00:36:43 → 00:36:46 เราจะถุบบ้านเนี่ยวันนี้เ้าจะเ้าจะมาถุบ
00:36:46 → 00:36:48 แล้วเนี่ยแม่ก็ต้องย้ายมานอนหลังเนี้ย
00:36:48 → 00:36:51 ลูกไปหาที่อยู่ที่อื่นได้มั้ยก็งงแงบอก
00:36:52 → 00:36:55 ว่าเ้าเอิให้ไปเมื่อไหร่ก็เ้าจะมาทุบแล้ว
00:36:55 → 00:37:04 ก็ไปเลยก็ได้เธอฉันไม่ได้รอเล่นแม่ฉันจ้
00:37:04 → 00:37:05 ก็ก็ไม่ก็อื้อหือ
00:37:05 → 00:37:08 เมื่อก่อนเขาก็ที่ทำงานพ่อกับแม่อ่ะ
00:37:08 → 00:37:08 อ่า
00:37:08 → 00:37:09 และโรงเรียนเนี่ย
00:37:09 → 00:37:10 อ่า
00:37:10 → 00:37:13 อยู่อยู่กันแบบนึกภาพ 4 แยกนะหมอ
00:37:13 → 00:37:14 เออ
00:37:14 → 00:37:19 4 แยก 1 อันอ่ะที่ทำงานพ่ออยู่แยกนึงแม่
00:37:19 → 00:37:21 อยู่แยกนึงเราอยู่แยกนึงอ่ะ
00:37:21 → 00:37:22 เออเออ
00:37:22 → 00:37:23 ติดกันด้วยข้ามถนนน่ะ
00:37:23 → 00:37:24 เออ
00:37:24 → 00:37:28 แต่ว่าพ่อเนี่ยแบบขี้เกียจรอลูกเลิกเรียน
00:37:28 → 00:37:31 น่ะหรือว่าลูกเลิกเรียนแล้วแบบขี้เกียจมา
00:37:31 → 00:37:34 นั่งตามมันจะเสร็จเลยเจะไปวิ่งอะไรให้
00:37:34 → 00:37:37 กลับบ้านไม่ต้องก็กลับบ้านเองไปทั้งที่
00:37:37 → 00:37:41 เค้าเดเค้าขับรถน่ะขับข้ามไฟแดงอ่ะถึงโรง
00:37:41 → 00:37:44 เรียนฉันแล้วแต่เคอกลับเองไปฉันโหดแล้ว
00:37:44 → 00:37:48 เมย์ไม่ถึงอ่ะมันใจนิวเกี่ยวอ่ะมันนมัน
00:37:49 → 00:37:52 เกี่ยวได้เฉพาะนิ้วอ่ะแล้วรถมันเบรกอ่ะ
00:37:52 → 00:37:56 ฉันกลิ้งไปแบบฉันลาวดอฟไปจนถึงคนขับเลย
00:37:56 → 00:38:00 อ่ะปุ๊กๆๆๆแต่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรความโชค
00:38:00 → 00:38:03 ร้ายตอนนั้นทำให้เรารู้สึกว่าเราได้
00:38:03 → 00:38:04 explore
00:38:04 → 00:38:07 โอเคในความอิสระหรือความรู้สึกว่าเอ้ย
00:38:07 → 00:38:09 เค้าเค้าปล่อยเรา
00:38:09 → 00:38:10 อือื
00:38:10 → 00:38:12 แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราไม่อยากให้เขา
00:38:12 → 00:38:13 ปล่อยอ่ะนะ
00:38:13 → 00:38:13 เออ
00:38:13 → 00:38:16 ใช่เรารู้สึกว่าด้วยความที่มันไม่ได้มี
00:38:17 → 00:38:20 ใครมาเค้าเรียกมาดัน
00:38:20 → 00:38:22 หรือไม่ได้มาบังคับเราอ
00:38:22 → 00:38:25 ว่าเราต้องซ้ายขวาอะไรเงี้ย
00:38:25 → 00:38:26 อือ
00:38:26 → 00:38:29 เราก็เลยรู้สึกว่าตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจน
00:38:29 → 00:38:32 ถึงช่วงที่เราทำงานมาเนี่ยมันคือช่วงที่
00:38:32 → 00:38:34 ต้องหาเองหมด
00:38:34 → 00:38:35 อื
00:38:35 → 00:38:38 เพราะฉะนั้นอ่ะข้อ 1 เลยเวลาหาอะไรแล้ว
00:38:38 → 00:38:40 เราหาเองแล้วเจอเองอ่ะ
00:38:40 → 00:38:40 อ
00:38:40 → 00:38:44 เราก็จะรู้สึกค่อนข้างภูมิใจกับสิ่งที่
00:38:44 → 00:38:45 เราหาเจอ
00:38:45 → 00:38:46 อ่า
00:38:46 → 00:38:47 ค่อนข้างมาก
00:38:47 → 00:38:48 อื
00:38:48 → 00:38:50 อืทุกอย่างที่ทำอ่ะมั่นใจว่าจำได้เกือบ
00:38:50 → 00:38:53 หมดเพราะรู้สึกว่าภูมิใจกับทุกอันที่ทำ
00:38:53 → 00:38:56 เราก็มักจะเห็นคุณค่ากับสิ่งที่แบบเกิด
00:38:56 → 00:38:58 ขึ้นกับเราอ่ะเนาะเราก็รู้สึกว่าสิ่งที่
00:38:58 → 00:39:02 ทำให้เรานิสัยที่แบบภูมิใจกับตัวเองอีก
00:39:02 → 00:39:04 อย่างคือเรื่องการไม่ take it for
00:39:04 → 00:39:05 granted อ่ะ
00:39:05 → 00:39:06 เออ
00:39:06 → 00:39:08 คือการรู้สึกว่าไอ้เล็กๆน้อยๆในชีวิตใดๆ
00:39:08 → 00:39:11 มันก็ควรค่ากับการให้คุณค่ากับเาอะไเงี้
00:39:11 → 00:39:13 เด็กๆเนี่ยไม่ได้มีเพื่อนเล่น
00:39:13 → 00:39:14 อื
00:39:14 → 00:39:18 พ่อแม่ก็จะปล่อยให้อยู่กับทีวีแล้วก็อ่าน
00:39:18 → 00:39:21 แมกาซีนของแม่ที่บ้านไม่ซื้อของของเล่น
00:39:21 → 00:39:23 ให้นะที่บ้านจะชอบซื้อพวกหนังสือความรู้
00:39:23 → 00:39:24 ชุดอะไรอย่างเงี้ย
00:39:24 → 00:39:26 แต่เราอ่ะ
00:39:26 → 00:39:29 ก็มาสงสัยว่าทำไมมันจำพวกนี้ได้วะเด็กๆ
00:39:29 → 00:39:30 ทำไมเราจะจำ
00:39:30 → 00:39:33 ทำไมเราจะจำละครของพี่นิดอรพันธ์ได้ทุก
00:39:33 → 00:39:33 ฉากหรืออะไรเงี้ย
00:39:34 → 00:39:35 เออๆๆ
00:39:35 → 00:39:37 เราไม่ได้เห็นมันเป็นละครเฉยๆเราเห็นเขา
00:39:37 → 00:39:39 เป็นเพื่อนเรา
00:39:39 → 00:39:42 เริ่มเห็นกับเป็นเพื่อนเราเพราะว่าเเรา
00:39:42 → 00:39:45 ไม่ได้มีเพื่อนเล่นเยอะอย่างเงี้ย
00:39:45 → 00:39:48 มันคือแบบอุ๊ยเราเบื่อจังเราอยากหาเพื่อน
00:39:48 → 00:39:50 เราก็ต้องไปอ่านไอ้ตรงสตีสารภาคพิเศษหรือ
00:39:50 → 00:39:53 ต้องไปเริ่มอ่านนิยายในขวัญเรือนของแม่
00:39:53 → 00:39:55 อะไรเงี้ยขอเป็นเพื่อนเรา
00:39:55 → 00:39:55 อ่า
00:39:55 → 00:40:00 เออมันไม่ใช่แค่จำในเชิงข้อมูลแต่เราจะจำ
00:40:00 → 00:40:01 value มันได้อ่ะ
00:40:01 → 00:40:02 อือ
00:40:02 → 00:40:05 มันถูกจำเพราะ value ไม่ได้ถูกจำเพราะมัน
00:40:05 → 00:40:06 เป็นข้อมูลน่ะอ
00:40:06 → 00:40:06 อื
00:40:06 → 00:40:09 เออก็จะเป็นนิสัยเรารู้สึกว่านี่มันเป็น
00:40:09 → 00:40:09 นิสัยที่เราเติบโต
00:40:09 → 00:40:12 แล้วกลายเป็นว่าเอ่อมันกลายเป็น
00:40:12 → 00:40:14 ประสบการณ์ที่เราได้ใช้
00:40:14 → 00:40:14 ใช่
00:40:14 → 00:40:16 เอ่อรวมถึงงานที่เราทำด้วย
00:40:16 → 00:40:18 ใช่
00:40:18 → 00:40:20 เธอรู้เปล่าว่าเธอพูดถึงเรื่องนี้เนี่ย
00:40:20 → 00:40:22 มันชวนให้ฉันคิดถึงตัวเอง
00:40:22 → 00:40:23 ว่า
00:40:23 → 00:40:25 ในมุมของการเป็นนักแต่งเพลงมากๆ
00:40:25 → 00:40:26 มั้ล่ะ
00:40:26 → 00:40:29 เออเพราะฉันก็ไม่ได้เล่นดนตรีไม่รู้รู้
00:40:29 → 00:40:32 จักทฤษฎีไม่อะไรเลยแต่ว่า
00:40:32 → 00:40:36 คนก็ถามนะว่าแล้วเขียนเพลงได้ยังไง
00:40:36 → 00:40:39 อะไรอย่างเงี้ยเนี่ยทำไมแบบโอ้แบบขอด
00:40:39 → 00:40:42 ประหลาดๆเพลงประหลาดๆอะไรอย่างเงี้ยซึ่ง
00:40:42 → 00:40:43 มันยังไงฮะ
00:40:43 → 00:40:46 มันก็มาจากการที่ไม่มีเพื่อนมั้ง
00:40:46 → 00:40:50 ฟังเออมันฟังแล้วเจอแล้วจังฟังใช่ๆเราลบ
00:40:50 → 00:40:54 เพราะว่าคือเป็นคนที่แม้กระทั่งเรียนใน
00:40:54 → 00:40:57 ห้องอ่ะก็คือเรียนไม่รู้เรื่องอ่ะแต่
00:40:57 → 00:41:00 เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่ในห้องคนเดียวแล้ว
00:41:00 → 00:41:02 เปิดเพลงจะอ่านหนังสือรู้เรื่อง
00:41:02 → 00:41:03 เออๆ
00:41:03 → 00:41:07 แล้วก็จะใช้เวลากับการฟังเพลงแบบเพลงเพลง
00:41:07 → 00:41:11 ทุกอย่างทุกสไตล์ทุกแนวพอเราเขียนเพลงเรา
00:41:11 → 00:41:13 ก็เขียนในฐานะของผู้ฟัง
00:41:13 → 00:41:14 อื
00:41:14 → 00:41:16 ไม่ได้ไม่ได้เขียนเพลงในฐานะของการเป็น
00:41:17 → 00:41:18 นักดนตรี
00:41:18 → 00:41:22 ใช่นี้ก็เป็นครีเอทีรายการทีวีด้วยมุมมอง
00:41:22 → 00:41:23 คนดูเหมือนกัน
00:41:23 → 00:41:23 อื
00:41:24 → 00:41:26 อืก็รู้สึกว่าคนดูเ้าน่าจะดูอย่างี้เพราะ
00:41:26 → 00:41:28 มันจำได้ไงว่าต้องเด็กๆอ่ะ
00:41:28 → 00:41:30 เราดูแล้วเราชอบแบบ
00:41:30 → 00:41:32 รายการนี้มันสนุก
00:41:32 → 00:41:35 เวลาที่ที่เราเรามีปัญหาหรือเรามีปัญหา
00:41:36 → 00:41:37 เรื่องสุขภาพภาพจิตหรือเรื่องอะไรอย่าง
00:41:37 → 00:41:40 เงี้ยบางทีเราจะโทษอดีตอ่ะ
00:41:40 → 00:41:41 อื
00:41:41 → 00:41:45 เราจะโทษอดีตเราจะโทษเอ้ยทำไมฉันเกิดมาใน
00:41:45 → 00:41:48 ครอบครัวแบบนี้สภาพแวดล้อมแบบนี้พ่อเป็น
00:41:48 → 00:41:49 คนแบบนี้
00:41:49 → 00:41:50 ปขุดหาป้ม
00:41:50 → 00:41:53 เออแม่เป็นคนแบบนี้พ่อเป็นคนแบบนี้อะไร
00:41:53 → 00:41:55 อย่างเงี้ยคือ
00:41:56 → 00:41:59 โอเคการที่เรามีทัศนคติกับอดีตก็ไม่ได้
00:41:59 → 00:42:01 ผิดอะไรแต่ว่า
00:42:01 → 00:42:04 การจมอยู่กับทัศนคตินั้นเนี่ยอาจจะเป็น
00:42:04 → 00:42:05 สิ่งที่ต้องระวังเหมือนกันเนาะ
00:42:05 → 00:42:06 อือื
00:42:06 → 00:42:08 คือ
00:42:08 → 00:42:10 อันนี้อาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็แล้วแต่
00:42:10 → 00:42:13 แต่ว่าคือฟังดูของปอมแป๋มเนี่ยมันคือการ
00:42:13 → 00:42:17 ที่โอเคเรารับรู้ว่าเออพ่อแม่ปล่อยฉันใน
00:42:17 → 00:42:19 วันที่ฉันยังไม่อยากให้เขาปล่อยมือเลยอ่ะ
00:42:19 → 00:42:22 ถ้าเรามีทัศนคติว่าเาละเลยเราหรือไม่อยาก
00:42:22 → 00:42:25 เลี้ยงเออถ้าเราจมกับสิ่งนั้น
00:42:25 → 00:42:28 แบบผลผลิตในชีวิตเราเราอาจจะไม่เป็นเราใน
00:42:28 → 00:42:28 วันนี้นะ
00:42:28 → 00:42:29 อก็ถูก
00:42:29 → 00:42:33 แต่อีกมุมนึงก็คือโอเคงั้นฉันก็
00:42:33 → 00:42:33 ก็ได้
00:42:33 → 00:42:36 ดูแลตัวเองอ่าก็ได้งั้นฉันก็ฉันก็เรียน
00:42:36 → 00:42:38 รู้ที่จะดูแลตัวเอง
00:42:38 → 00:42:40 เรียนรู้ที่จะทำเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตัว
00:42:40 → 00:42:41 เอง
00:42:41 → 00:42:44 แล้วมันกลายเป็นว่าพอเราทำเราพึ่งพาตัว
00:42:44 → 00:42:46 เองเราก็รู้สึกดีกับตัวเอง
00:42:46 → 00:42:50 เออเวลามองย้อนกลับไปจะตลกเสมอทำไมไม่รู้
00:42:50 → 00:42:53 นี่มีความรู้สึกว่าเรื่องในอดีตที่มั้ว่า
00:42:53 → 00:42:55 แต่เวลาที่มันบัดซบอย่างไรก็ตามอ่ะเวลา
00:42:56 → 00:42:58 เรากลับไปเล่าอีกทีอ่ะมันจะเป็นเรื่อง
00:42:58 → 00:43:00 สนุกมันจะเป็นเรื่องตลกเสมอ
00:43:00 → 00:43:05 อืบางทีเราอาจจะไม่ได้จำเป็นที่จะต้องค้น
00:43:05 → 00:43:09 หาเนาอาจจะเป็นแบบนั้นอะไรอย่างเงี้ยคือ
00:43:09 → 00:43:13 ว่ามันโอเคมยหรือว่าเอ้ยมันปกติหรือเปล่า
00:43:13 → 00:43:18 อ่ะเราก็สิ่งสำคัญก็คือการที่เรารู้ว่า
00:43:18 → 00:43:20 มุมมองนี้มันมีประโยชน์หรือเปล่าอย่าง
00:43:20 → 00:43:25 อันเนี้ยคือเฮ้ยพอเรามองว่าไอ้สิ่งที่มัน
00:43:25 → 00:43:28 ไม่ได้ดั่งใจตอนนั้นน่ะเออมันก็เป็น
00:43:28 → 00:43:30 เรื่องตลกของวานวานเนาะ
00:43:30 → 00:43:31 ใช่ๆ
00:43:31 → 00:43:33 คือมันไม่ทำร้ายปัจจุบันไง
00:43:33 → 00:43:36 อก็จะให้จบได้สวยสวยตรงนี้ได้เลยนะมันมี
00:43:36 → 00:43:39 โค้ดนึงที่แบบภูมิใจเดี๋เพิ่งไปพูดอีกราย
00:43:39 → 00:43:40 การนึงมา้า
00:43:40 → 00:43:42 คือเมื่อกี้จะสรุปอย่างที่หมอพูดให้ว่า
00:43:42 → 00:43:45 มันไม่ต้องไปหาเอาจริงๆมันอยู่ตรงนั้นมัน
00:43:45 → 00:43:47 เกิดขึ้นและเป็นส่วนหนึ่งเธอเป็นเหมือน
00:43:47 → 00:43:51 ส่วนหนึ่งของฉันมาอยู่แล้วทั้งเรื่องตัว
00:43:51 → 00:43:55 ตนทั้งเรื่องความสุขทั้งเรื่องการให้อดีต
00:43:55 → 00:43:58 มันมีคุณค่าอะไรอย่างเงี้ยเธอไม่ต้องไปหา
00:43:58 → 00:44:02 ให้เจอแต่เธอแค่เห็นเป็นเท่านั้นเอง
00:44:02 → 00:44:03 เอออุ้ย
00:44:03 → 00:44:04 อุ้ย
00:44:04 → 00:44:06 เห็นเห็นแคปชั่นละ
00:44:06 → 00:44:07 เห็นแคปชั่นละ
00:44:07 → 00:44:07 เออ
00:44:07 → 00:44:11 ไม่ต้องหาให้เจอแต่แค่เห็นให้เป็น
00:44:11 → 00:44:14 เสริมให้นิดนึงนะไม่ต้องหาให้เจอแล้วเห็น
00:44:14 → 00:44:16 ให้เป็น
00:44:16 → 00:44:19 แล้วเห็นเป็นจะเจอเอง
00:44:19 → 00:44:22 เออใช่แต่มันจะมีเต็มไปหมดเลย
00:44:22 → 00:44:24 เออเห็นให้เป็นสำคัญมาก
00:44:24 → 00:44:27 หมอให้เราไปนั่งทบทวนรูทีนว่าตั้งแต่ตื่น
00:44:28 → 00:44:30 นอนอะไรเงี้ยเราทำอะไรซึ่งถ้าจำไม่ผิดตอน
00:44:30 → 00:44:31 นั้นจะเป็นเรื่องที่เรารู้สึกเราหงุดหงิด
00:44:31 → 00:44:34 บ่อยใช่มั้ใช่มเราก็พบว่าสิ่งที่เราตื่น
00:44:34 → 00:44:38 มาแล้วทำอย่างแรกคือหยิบโทรศัพท์มาเช็ค
00:44:38 → 00:44:38 Facebook
00:44:38 → 00:44:39 อื
00:44:39 → 00:44:41 ถูกค่ะเออหยิบโทรศัพท์อ่ะมาเช็ค Facebook
00:44:41 → 00:44:43 อะไรเงี้ยแล้วๆๆๆแล้วมันแบบไอ้มัน
00:44:43 → 00:44:47 บางอันน่ะมันไม่ได้มันเห็นมันเห็นปุ๊บอ่ะ
00:44:47 → 00:44:49 ถึงแม้จะได้ความรวดเร็วแต่เราก็แบบแอบเบ้
00:44:49 → 00:44:51 ปากแล้ว
00:44:51 → 00:44:52 อ
00:44:52 → 00:44:56 เฮ้ยเอ้ยกอย่างเงี้ยนึกออกป่ะแล้ว
00:44:56 → 00:44:59 เฮ้ยเอออันนี้เปล่าวะที่มันทำให้เรารู้
00:44:59 → 00:45:02 สึกว่าความสะสมไอ้อารมณ์เหล่าเนี้ยมันไม่
00:45:02 → 00:45:06 ไปไหนก็เลยทดลองที่เราทดลองทำการดีท็อกซ์
00:45:07 → 00:45:07 Facebook
00:45:07 → 00:45:08 อือ
00:45:08 → 00:45:12 ไปสักอาทิตย์นึงแล้วบอกว่าเอ้ยพบว่าเออ
00:45:12 → 00:45:17 1 มันมันไม่มันไม่มันอารมณ์เสียมันน้อย
00:45:17 → 00:45:18 ลงจริง
00:45:18 → 00:45:18 อื
00:45:18 → 00:45:21 ที่สำคัญก็คือพอเราตื่นมาปุ๊บหลังจากที่
00:45:21 → 00:45:24 เราไม่ต้องไปยุ่งกับโทรศัพท์ใช่ป่ะสิ่ง
00:45:24 → 00:45:28 ที่เราจะทำก็คือจะไปดื่มน้ำแล้วเราจะเข้า
00:45:28 → 00:45:29 ส้วม
00:45:29 → 00:45:29 อื
00:45:29 → 00:45:32 เริ่มชงกาแฟอย่างเงี้ยมันดันมันดันมีเวลา
00:45:32 → 00:45:34 ไปโฟกัสกับอย่างอื่นซึ่งเวลาเราเข้าส้วม
00:45:34 → 00:45:36 อ่ะจริงๆทุกวันนี้จะพูดเสมอว่าเวลาเข้า
00:45:36 → 00:45:38 ส้วมตอนชายแล้วเมื่อไหร่ที่เราอึแล้วมัน
00:45:38 → 00:45:40 ออกมาหมดอ่ะ
00:45:40 → 00:45:43 ฉันจะมีความสุขเราจะรู้สึกว่าเออกาแฟมัน
00:45:43 → 00:45:46 อร่อยบางวันนี้เปลี่ยนเมล็ดแล้วมันเออหอม
00:45:46 → 00:45:48 ดีว่ะหอมตั้งแต่ตอนเทลงไปแล้วอะไร
00:45:48 → 00:45:50 เงี้ยบางคนอาจจะรู้สึกว่ามันปล่อยผ่านนะ
00:45:50 → 00:45:52 มันเป็นเรื่องที่มาทุกวันแต่ไม่ว่ะพอเรา
00:45:52 → 00:45:55 ไม่ได้สตาร์ทชีวิตด้วยความหงุดหงิดหรือ
00:45:55 → 00:45:57 ด้วยอารมณ์ของคนอื่น
00:45:57 → 00:46:00 แล้วแล้วพบว่าในช่วงเช้าแค่ครึ่งชั่วโมง
00:46:00 → 00:46:04 ก่อนเราไปทำงานเพราะว่ามีบอกเกิดให้เรา
00:46:04 → 00:46:07 ไอ้กาแฟที่เราตื่นเหมือนดมกลิ่นหอมอ่ะมัน
00:46:07 → 00:46:07 อยู่แล้วทุกวัน
00:46:07 → 00:46:08 ออ
00:46:08 → 00:46:10 แต่เราแบบไม่เห็นเอง
00:46:11 → 00:46:14 ใช่ป่ะเราไม่เห็นเองเราไม่ดมเองอ่ะเราไม่
00:46:14 → 00:46:17 รู้สึกกับคุณเขาเองไม่ต้องหา
00:46:17 → 00:46:18 อะไรใหม่เลย
00:46:18 → 00:46:20 บางทียิ่งค้นหายิ่งไม่เจอ
00:46:20 → 00:46:20 อ
00:46:20 → 00:46:24 การที่พบตัวเองเนี่ยมันเป็นสเต็ปนึงของ
00:46:24 → 00:46:25 ความสุขเหมือนกันนะ
00:46:25 → 00:46:26 จริงครับ
00:46:26 → 00:46:28 แล้วการที่เห็นตัวเองว่าเป็นยังไงแล้วก็
00:46:28 → 00:46:30 ยอมรับเนี่ย
00:46:30 → 00:46:33 แต่ว่าไอ้ความแบบความยากเรื่องนึงก็คือ
00:46:33 → 00:46:38 ว่าการที่เราต้องมีความพอดีอ่ะมีความแบบ
00:46:38 → 00:46:41 อยู่กลางๆคือถ้ากลายเป็นว่าเราตั้งใจที่
00:46:41 → 00:46:44 จะมองหาตั้งใจที่จะค้นหาตัวเองอะไรอย่าง
00:46:44 → 00:46:47 เงี้ยเอ่อเอิ้นพบว่าคนที่ตั้งเป้าแบบ
00:46:47 → 00:46:51 เนี้ยมีความทุกข์เยอะมากเหมือนกัน
00:46:51 → 00:46:52 จริง
00:46:52 → 00:46:55 อืแต่ว่าโอเคเราอาจจะตั้งเป้าหมายได้แต่
00:46:55 → 00:46:59 สิ่งที่เรายังจะสเต็ปแบบในทุกๆวันทุกวัน
00:46:59 → 00:47:00 มันก็ก็คือการเห็น
00:47:00 → 00:47:01 ใช่
00:47:01 → 00:47:05 ที่เราคุยกันในเรื่องของตัวตนของเส้นทาง
00:47:05 → 00:47:07 ชีวิตในแต่ละช่วงอะไรอย่างเงี้ยป๋แหมคิด
00:47:07 → 00:47:11 ว่าถ้าถ้าเราจะสรุปว่าเออป๋อมแป๋มได้พบ
00:47:11 → 00:47:15 อะไรในการที่เราจูนใจตัวเองยังไงให้เรา
00:47:15 → 00:47:16 เจอความสุขในปัจจุบันอะไรเงี้ย
00:47:16 → 00:47:19 นี่รู้สึกว่าความสุขมันอยู่รอบๆอยู่แล้ว
00:47:19 → 00:47:21 มันมีอยู่
00:47:21 → 00:47:21 อือ
00:47:21 → 00:47:23 อยู่แล้วเหอะ
00:47:23 → 00:47:24 อื
00:47:24 → 00:47:28 มันแค่ใส่ใจหรือไม่ใส่ใจเท่านั้นแหละหรือ
00:47:28 → 00:47:32 เอาเขามาสตมป์ไว้ในกระเป๋าสตางค์แบบเห็น
00:47:32 → 00:47:35 เป็นหรือเปล่าเห็นหรือเปล่าเท่านั้นเอง
00:47:35 → 00:47:38 ซึ่งโดยมากถ้าเห็นมันก็จะมันก็จะเก็บไว้
00:47:38 → 00:47:39 เป็น
00:47:39 → 00:47:39 อือ
00:47:39 → 00:47:41 ไว้เป็นเค้าเรียกอะไรนะ
00:47:41 → 00:47:43 ส่วนหนึ่งของฉันอยู่แล้ว
00:47:43 → 00:47:43 อือ
00:47:43 → 00:47:45 เออแล้วเราก็รู้สึกว่าอ่ะอย่างวันเนี้ที่
00:47:45 → 00:47:49 รู้สึกว่าตั้งแต่คุยมามันก็จะมีคำนึง 3-4
00:47:49 → 00:47:51 คำที่มันก็จะมีความเกี่ยวพันกันนคือ
00:47:51 → 00:47:56 เรื่องของสaceตัวตนคุณค่าและความสุขอย่าง
00:47:57 → 00:48:00 เงี้ยรู้สึกว่า 1 ที่รู้สึกว่าถ้าแบบเป็น
00:48:00 → 00:48:05 ความโชคดีจังเลยของเราคือเราได้พรคือการ
00:48:05 → 00:48:06 ให้พื้นที่
00:48:06 → 00:48:07 อ่า
00:48:07 → 00:48:10 จากพ่อแม่เราครอบครัวเราเจ้านายเราเพื่อน
00:48:10 → 00:48:13 ฝูงเราให้เราได้ค้นหา
00:48:13 → 00:48:13 อ
00:48:13 → 00:48:16 คราวนี้ค้นหานั้นค้นหาอะไรมันเราไม่ได้
00:48:16 → 00:48:18 เราไม่ได้ค้นหาด้วยการพยายามไปหานะแต่มัน
00:48:18 → 00:48:20 ก็ทดลองด้วยนะแล้วเราก็เจอสิ่งที่เรา
00:48:21 → 00:48:24 เรียกว่าตัวตนพอเราเจอสิ่งที่เราตัวตนพอ
00:48:24 → 00:48:27 เราได้ตัวตนมาเราเอาตัวตนนี้ไปทำ
00:48:27 → 00:48:27 ประโยชน์
00:48:27 → 00:48:29 ประโยชน์ปุ๊บเราเราก็เลยรู้สึกว่ามันมี
00:48:29 → 00:48:31 คุณค่า
00:48:31 → 00:48:31 อื
00:48:31 → 00:48:33 มันมีคุณค่าทั้งกับสิ่งที่เราได้ทำแล้ว
00:48:34 → 00:48:36 มันก็ย้อนกลับมาว่ามีคุณค่ากับตัวของเราอ
00:48:36 → 00:48:37 อ่า
00:48:37 → 00:48:39 ไอ้คุณค่า Value อันนี้มันก็เลยนำมาสู่
00:48:40 → 00:48:43 ความสุขอย่างที่บอกเองทุกวันนี้ก็มั่นใจ
00:48:43 → 00:48:46 ว่าเป็นคนที่มีความทุกข์อยู่มีความโกรธ
00:48:46 → 00:48:50 อยู่แต่เราก็รู้สึกว่า 80% ของเราหรือถ้า
00:48:50 → 00:48:53 จะให้เรานิยามว่าเราเป็นคนมองเอ่อเป็นคน
00:48:53 → 00:48:54 ที่มีความสุขมีความสุขเราก็รู้สึกว่าเรา
00:48:54 → 00:48:56 เป็น a happy person
00:48:56 → 00:48:58 การมีคุณ
00:48:58 → 00:49:01 จากการที่เราเอาสิ่งที่เราได้เห็นนั้นไป
00:49:01 → 00:49:05 ทำประโยชน์แล้วก็สุดท้ายมาสู่ความสุขโดย
00:49:05 → 00:49:07 ธรรมชาติ
00:49:07 → 00:49:07 ดีมั้
00:49:07 → 00:49:09 ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเราจะจบได้
00:49:09 → 00:49:13 จบได้งดงามเห็นมเชอรรี่เคแบบสอนก็คือว่า
00:49:13 → 00:49:16 แพ้ไปเลยจ้ะ
00:49:16 → 00:49:18 พี่เชอรี่คือว่าแพ้ว่า
00:49:18 → 00:49:21 พี่ขิงไปขิงเทำไม
00:49:21 → 00:49:23 วันนี้รู้มั้ว่าเหมือนไม่เหมือนคุยแต่
00:49:23 → 00:49:25 เรื่องที่เราเคยคุยกันแล้วเงี้ย
00:49:25 → 00:49:25 อื
00:49:25 → 00:49:27 แต่ว่าเนี่ยถามว่ามันได้อะไรใหม่กว่านี้
00:49:27 → 00:49:28 ได้นะ
00:49:28 → 00:49:28 อื
00:49:28 → 00:49:30 ไอ้วันที่เราเคยคุยกับหมอเราอาจจะรู้สึก
00:49:30 → 00:49:32 ว่าอุ๊ยตอนนั้นมันคือเราอยู่ในห้วงแล้ว
00:49:32 → 00:49:32 เนอะ
00:49:32 → 00:49:33 อื
00:49:33 → 00:49:36 แบบแต่พอมองย้อนกลับมาจากวันเนี้ยเรารู้
00:49:36 → 00:49:39 สึกว่าเออมันเห็นรายละเอียดหรือมันเห็น
00:49:39 → 00:49:42 อายวของเราอ่ะตอนนั้นน่ะคือเราใช้อายนี้
00:49:42 → 00:49:43 มองหมดใช่ป่ะ
00:49:43 → 00:49:45 ตอนเนี้ยมันเหมือนเรามีอีกหนึ่งเรามองจาก
00:49:45 → 00:49:48 ข้างหลังเราเห็นหลังเราเราเห็นแขนเราเรา
00:49:48 → 00:49:50 เห็นการขึ้นไวหรืออะไรอย่างเงี้ยไม่หลาย
00:49:50 → 00:49:52 ละเอียดที่รู้สึกว่าเออมันมีอะไรหลายๆ
00:49:52 → 00:49:54 อย่างที่มันเคยตกหล่นมันยังไงมันก็ถึงวัน
00:49:54 → 00:49:57 นี้มันจะกลายเป็นประโยชน์เสมอแล้วถึงยัง
00:49:57 → 00:50:01 ไงเราก็เราก็เป็นคนที่มีความทุกข์อยู่ดี
00:50:01 → 00:50:03 นั่นแหละแต่ว่าเราแค่อยู่กับมันให้เป็น
00:50:03 → 00:50:04 เนาะ
00:50:04 → 00:50:05 ขอบคุณปอมแป๋มมากเลยอ่ะ
00:50:05 → 00:50:06 ขอบคุณเช่นกันครับ
00:50:07 → 00:50:10 ถึงแม้ว่าตอนแรกนะเราคุยกันว่าเราจะมาคุย
00:50:10 → 00:50:14 เรื่องความรักก็ได้ดีไม่ต้องคุยค่ะ
00:50:14 → 00:50:16 ตอนที่เราเจอกันเนี่ยความรักก็เป็นส่วน
00:50:16 → 00:50:17 หนึ่งของความทุกข์เนาะ
00:50:17 → 00:50:18 อื
00:50:18 → 00:50:21 แต่ว่าจากวันเนี้ยที่เราคุยกันเนี่ยการ
00:50:21 → 00:50:24 รักคนอื่นมันอาจจะไม่ใช่แบบส่วนที่เติม
00:50:24 → 00:50:27 เต็มแล้วเพราะว่าตอนเนี้ยเอ่อป๋อมแป๋มเอง
00:50:27 → 00:50:30 อ่ะเติมเต็มให้ตัวเองได้โดยที่ไม่ต้อง
00:50:30 → 00:50:31 ร้องขอ
00:50:31 → 00:50:31 ใช่
00:50:31 → 00:50:33 งั้นความทุกข์ในเรื่องของความรักมันก็
00:50:33 → 00:50:34 เปลี่ยนไป
00:50:34 → 00:50:40 แต่ถ้าจะมาก็คือว่าโอเคนะไม่ได้ว่าปฏิเสธ
00:50:40 → 00:50:46 เออพร้อมที่จะมอบมอบมอบความรักให้เนาะเรา
00:50:46 → 00:50:48 ได้เรียนรู้เลยนะ
00:50:48 → 00:50:50 ก็เป็นการยืนยันอีกเหมือนกันน่ะไม่ใช่ใน
00:50:51 → 00:50:53 มุมของทฤษฎีเป็นมุมของการที่เห็นเหมือน
00:50:53 → 00:50:53 กัน
00:50:53 → 00:50:54 อ
00:50:54 → 00:50:57 ว่าเออเราเราทุกคนเนี่ยเราก็เป็นได้ทุก
00:50:57 → 00:50:57 อย่างแหละ
00:50:58 → 00:50:58 ครับ
00:50:58 → 00:51:02 บางทีการที่เราบอกว่าไม่เป็นมันอาจจะเป็น
00:51:02 → 00:51:03 สิ่งที่เราคิดเอาอ่ะ
00:51:03 → 00:51:03 อื
00:51:03 → 00:51:06 งั้นเราก็เป็นได้ทุกอย่างแล้วทุกอย่างก็
00:51:06 → 00:51:09 อยู่กับเราอยู่แล้วอยู่ที่ว่าเราจะมอง
00:51:10 → 00:51:13 เห็นเค้าหรือเปล่าแล้วเราจะให้โอกาสเค้า
00:51:13 → 00:51:15 ในการทำงานหรือเปล่า
00:51:15 → 00:51:15 อ
00:51:15 → 00:51:20 งั้นไม่มีอะไรที่หายไปในชีวิตเรา
00:51:20 → 00:51:24 อืแค่รอรับรู้แล้วก็มองเห็นเนาะและนี่คือ
00:51:24 → 00:51:26 เคล็ดลับในการจูนใจในฉบับป๊อมแป๋มนะคะ
00:51:26 → 00:51:27 ขอบพระคุณนะคะ
00:51:27 → 00:51:28 สวัสดีค่ะ
00:51:28 → 00:51:31 ขอบพระคุณสำหรับดื่มตลาสิกด้วย
00:51:31 → 00:51:33 ไม่ใช่
00:51:33 → 00:51:37 เผื่อเขาเข้าดูว่ามันมีช่องทาง
00:51:37 → 00:51:41 ขอบคุณน้องกาสิด้วยนะคะ
00:51:41 → 00:51:44 เจะได้รู้ช่องทาง
00:51:44 → 00:51:50 อ๋ออ๋ออย่างงี้ได้ๆโอเคโอเคโอเอาๆ
00:51:50 → 00:51:53 ถ้าจูนใจพcสเป็นประโยชน์กับใจคุณและเพื่อ
00:51:53 → 00:51:57 ความยั่งยืนของจูนใฝากสนับสนุนด้วยการกด
00:51:57 → 00:51:59 ไลค์กดแชร์กด Subscribe และกดกระดิ่ง
00:51:59 → 00:52:02 กลิ้งๆด้วยนะ