00:00:00 → 00:00:06 [เพลง]
00:00:22 → 00:00:26 คุณหมอคะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะแล้วก็สวัสดี
00:00:26 → 00:00:29 นะคะเพื่อนๆทางบ้านนะคะชาว Legacy ทุกๆคน
00:00:29 → 00:00:32 นะคะวันนี้นะคะเราก็จะมาเจอกันอีกแล้วนะ
00:00:32 → 00:00:36 คะกับรายการนะคะคุยทุกสุขภาพบายคุณหมอ
00:00:36 → 00:00:38 ป๊อปนะคะนายแพทย์ธนศักดิ์ยิ้มเกิดนะคะ
00:00:38 → 00:00:41 เจ้าของเพจไดเอทด็อกเตอร์ไทยแลนด์นะคะเรา
00:00:41 → 00:00:44 เจอกันนะคะอย่าลืมทุกวันศุกร์นะคะแรกแล้ว
00:00:44 → 00:00:47 ก็สุขสุดท้ายของเดือนนะคะเจอกันได้ที่
00:00:47 → 00:00:50 แฟนเพจนะคะรีบอร์น Story by Infinite
00:00:50 → 00:00:53 หรือไม่ก็ที่ YouTube นะคะ Legacy Club
00:00:53 → 00:00:56 official นะคะแล้วนุ่นนะคะคุณหมอไปเจอบท
00:00:56 → 00:01:01 ความมาว่าแบบเอาจริงๆเราต้องหิวคือถ้าหิว
00:01:01 → 00:01:04 ปุ๊บอ่ะเราจะยิ่งสุขภาพดีมันก็เลยยิ่งสับ
00:01:04 → 00:01:06 สนใหญ่เลยอ่ะว่าสรุปแล้วอ่ะคือเราต้องหิว
00:01:06 → 00:01:09 ป่ะก็เลยอยากจะมาถามคุณหมออ่ะค่ะว่าคุณ
00:01:09 → 00:01:11 หมอมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับบทความนี้
00:01:11 → 00:01:15 ว่ายิ่งหิวยิ่งสุขภาพดีเวลาที่ร่างกายถาม
00:01:15 → 00:01:18 แล้วว่าบอกเราว่าต้องการอะไรนะครับมันมี
00:01:18 → 00:01:20 สิ่งที่ร่างกายต้องการเพื่อทำให้เรามี
00:01:20 → 00:01:22 สุขภาพที่ดีหรือมีชีวิตอยู่ได้
00:01:22 → 00:01:25 หลักๆก็จะมีอยู่ 2 ประเภทอันดับแรกคือ New
00:01:25 → 00:01:28 dent หรือสารอาหารสารอาหารสารอาหารคือ
00:01:28 → 00:01:31 สิ่งที่ร่างกายเอาไปซ่อมสร้างโครงสร้าง
00:01:31 → 00:01:34 ของร่างกายและก็ช่วยในการที่ทำให้ร่างกาย
00:01:34 → 00:01:37 เราสามารถทำงานได้อย่างเป็นปกตินะครับ
00:01:37 → 00:01:40 ส่วนประเด็นที่ 2 ที่ร่างกายต้องการก็คือ
00:01:40 → 00:01:43 พลังงานเพราะโครงสร้างร่างกายจะมีชีวิต
00:01:43 → 00:01:46 อยู่ได้ร่างกายจำเป็นที่ต้องเผาผลาญเชื้อ
00:01:46 → 00:01:49 เพลิงให้มีให้กลายเป็นพลังงานงั้นสิ่งที่
00:01:49 → 00:01:51 ร่างกายต้องการจริงๆคือจะทำให้เราหิวก็
00:01:51 → 00:01:53 ต่อเมื่อ 1 สารอาหารไม่พอ 2 ก็คือพลังงาน
00:01:54 → 00:01:57 ไม่พอซึ่งไอ้พลังงานไม่พอที่เป็นไปได้ยาก
00:01:57 → 00:02:00 ร่างกายของเราในยุคปัจจุบันเนี่ยมันมีการ
00:02:00 → 00:02:03 สะสมพลังงานไว้เยอะใช่ไหมครับว่าเยอะดัง
00:02:03 → 00:02:05 นั้นผมมองว่าการหิวที่เกิดจากการขาดพลัง
00:02:05 → 00:02:08 งานเนี่ยดูจากเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
00:02:08 → 00:02:11 ในยุคปัจจุบันยกเว้นเราอยู่ในประเทศซึ่ง
00:02:11 → 00:02:14 มีเด็กที่ขาดสารอาหารโอเคนะฮะแล้วก็มี
00:02:14 → 00:02:17 ปัญหาเรื่องการขาดพลังงานด้วยซึ่งเป็น
00:02:17 → 00:02:20 ประเทศที่อาจจะหาอาหารทานได้ยากยากจนหรือ
00:02:20 → 00:02:22 มีวิกฤตเรื่องสงครามเรื่องอะไรต่างๆเหล่า
00:02:22 → 00:02:23 นี้
00:02:23 → 00:02:26 ดังนั้นเวลาที่เราหิวจริงๆเนี่ยส่วนมากใน
00:02:26 → 00:02:29 ปัจจุบันเนี่ยผมมักจะโฟกัสไปที่การขาดสาร
00:02:29 → 00:02:30 อาหาร
00:02:30 → 00:02:33 ซึ่งถ้าเราพูดถึงเรื่องการขาดสารอาหารผม
00:02:33 → 00:02:36 มักจะโฟกัสไปในเรื่องของโปรตีนเพราะร่าง
00:02:36 → 00:02:39 กายเรามองโปรตีนเป็นสารอาหาร
00:02:39 → 00:02:42 ดังนั้นการหิว 2 ประเภทหลักเป็นการหิวที่
00:02:42 → 00:02:45 ร่างกายมีความต้องการจริงๆก็คือต้องการ
00:02:45 → 00:02:49 โปรตีนหรือต้องการพลังงาน
00:02:49 → 00:02:51 ส่วนการหิวประเภทที่ 3 เราจะเห็นบางคนนะ
00:02:51 → 00:02:55 กินอาหารอิ่มแล้วแต่ก็ยังอยากกินอย่าง
00:02:55 → 00:02:57 อื่นได้อีก
00:02:57 → 00:03:00 ถ้าเราอิ่มแล้วนะครับเราก็ไม่ควรจะทาน
00:03:00 → 00:03:03 อย่างอื่นได้ทำไมมันมีบางอย่างที่ทำให้
00:03:03 → 00:03:05 เราต้องไปหากินได้เพิ่มอีกท่านที่เราอิ่ม
00:03:05 → 00:03:08 แล้วการหิวประเภทที่ 3 เนี่ยเราเรียกว่า
00:03:08 → 00:03:11 การเสพติดอาหาร
00:03:11 → 00:03:14 เสพติดอาหารมันมีอาหารบางอย่างนะครับที่
00:03:14 → 00:03:17 ทางอุตสาหกรรมอาหารผลิตออกมาเพื่อให้เรา
00:03:17 → 00:03:19 เสพติดลักษณะของอาหารที่เราทำให้เราเสพ
00:03:19 → 00:03:23 ติดได้เนี่ยเราจะสังเกตได้ง่ายยกตัวอย่าง
00:03:23 → 00:03:26 เช่นเวลาที่เราไปทานอาหารร้านบุฟเฟ่ต์
00:03:26 → 00:03:29 แล้วเราก็ทาน Main
00:03:29 → 00:03:32 อย่างเนื้อย่าง
00:03:32 → 00:03:34 เนื้อย่างชิ้นสุดท้ายเรากินไม่ลง
00:03:34 → 00:03:38 ไม่ไหวแล้วร่างกายต่อต้านเลยถ้ากินคนอื่น
00:03:38 → 00:03:40 ประเด็นก็คือว่าแต่เรายังไปตักขนมหวาน
00:03:40 → 00:03:43 ไอศครีมทานได้ดังนั้นเนี่ยเราจะเห็นอย่าง
00:03:43 → 00:03:46 นึงเลยว่ามันมีบางอย่างเราสามารถทานได้
00:03:46 → 00:03:49 ทั้งนั้นที่เราอิ่มแล้วแล้วมันก็กระตุ้น
00:03:49 → 00:03:51 ถ้าเราเห็นเนี่ยกระตุ้นให้ต้องเดินไปตัก
00:03:51 → 00:03:53 ด้วยนะ
00:03:53 → 00:03:55 เพราะว่าอาหารเหล่านี้มันจะส่งผลต่อ
00:03:55 → 00:03:58 ประเด็นแรกมันจะทำให้ศูนย์ที่ควบคุมความ
00:03:58 → 00:04:00 หิวอิ่มที่อยู่ในไฮโปทาลามัสเราที่อยู่ใน
00:04:00 → 00:04:04 สมองเนี่ยไม่สามารถทำงานได้นอกเหนือจาก
00:04:04 → 00:04:06 นั้นคุณนุ่นมันยังกระตุ้นการหลั่งสารเคมี
00:04:06 → 00:04:09 บางอย่างในสมองที่เรียกว่า Domain
00:04:09 → 00:04:13 คือเหมือนความสุขใช่ไหมคะรู้สึกว่าเรามี
00:04:13 → 00:04:15 ความสุข Happy นะครับ
00:04:15 → 00:04:18 การที่เราแฮปปี้มันก็จะต้องการมากขึ้น
00:04:18 → 00:04:20 เรื่อยๆ
00:04:20 → 00:04:25 ดังนั้นการที่อาหารชนิดนี้ไปปิดบังศูนย์
00:04:25 → 00:04:28 ความอิ่มในสมองเราแล้วก็ทำให้เรามีความ
00:04:28 → 00:04:30 สุขมันทำให้เราต้องการมากขึ้น
00:04:30 → 00:04:34 รอบหน้าฉันก็รู้สึกว่าฉันอยากได้แล้วก็
00:04:34 → 00:04:36 มันก็จะถี่ขึ้นด้วยแบบนี้มันเป็นประเภท
00:04:36 → 00:04:38 อาหารที่เราต้องการมากขึ้นนอกเหนือจาก
00:04:38 → 00:04:41 นั้นเราทานเข้าไปมันก็ไม่ได้ทำให้เราอิ่ม
00:04:41 → 00:04:43 ดังนั้นอาหารประเภทนี้ทำให้เรารับประทาน
00:04:43 → 00:04:47 มากจนเกินปกติเกินไปเรามักจะสังเกตอาหาร
00:04:47 → 00:04:49 เหล่านี้มักจะเป็นอาหารที่มีพลังงานสูง
00:04:49 → 00:04:51 แต่ไม่ค่อยมีสารอาหาร
00:04:51 → 00:04:55 อย่างเช่นอาหารในรูปแบบที่เราเอา
00:04:55 → 00:05:00 แป้งหรือน้ำตาลมาผสมกับไขมันและก็อาจจะมี
00:05:00 → 00:05:03 เกลือเข้าไปนิดหน่อยนะครับลักษณะอาหาร
00:05:03 → 00:05:06 เหล่านี้มันครบองค์ประกอบ 3 อย่างถ้าอยู่
00:05:06 → 00:05:11 รวมกันจะทำให้เราอิ่มได้ยากมาก
00:05:11 → 00:05:13 แล้วก็น้ำตาล
00:05:14 → 00:05:17 ที่อยู่ในกลุ่มด้วยกันแล้วก็จะมีไขมัน
00:05:17 → 00:05:20 เช่นโดนัทแบบนี้ไหมคะ
00:05:20 → 00:05:23 เราจะเห็นว่าเวลาที่เรารวมอาหารที่มีพลัง
00:05:23 → 00:05:26 งานสูงเข้าด้วยกันแล้วก็โปรตีนต่ำอาหาร
00:05:26 → 00:05:29 เหล่านี้จะทำให้เราอิ่มได้ยากมากแล้วก็ทำ
00:05:29 → 00:05:31 ให้เรามีความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นดัง
00:05:31 → 00:05:34 นั้นพอเรากลับมาดูว่าเอ๊ะการหิวในสุขภาพ
00:05:34 → 00:05:38 ดีไหมผมมองว่าเมื่อไหร่ที่เราหิวแสดงว่า
00:05:38 → 00:05:41 ร่างกายเรามีความต้องการอะไรบางอย่างแต่
00:05:41 → 00:05:43 การหิวที่ถูกต้องมันต้องต้องการสารอาหาร
00:05:43 → 00:05:46 กับต้องการพลังงานแต่ร่างกายเราจริงๆมัน
00:05:46 → 00:05:47 ไม่ได้ขาดพลังงาน
00:05:47 → 00:05:50 เพราะทุกคนมีไขมันสะสมไว้ทั้งสิ้น
00:05:50 → 00:05:53 ในมุมมองผมอาหารในปัจจุบันเนี่ยเป็นอาหาร
00:05:53 → 00:05:57 ที่มีปัญหาก็คือสารอาหารต่ำมีโปรตีนที่
00:05:57 → 00:06:01 ต่ำสารอาหารที่ช่วยในการเผาผลาญต่ำทำให้
00:06:01 → 00:06:04 เราเนี่ยได้รับสารอาหารที่น้อยเกินไปการ
00:06:04 → 00:06:06 หิวที่เราเผชิญในปัจจุบันที่เป็นการหิว
00:06:06 → 00:06:09 จริงๆเนี่ยมันจะเป็นความหิวที่เกิดจากการ
00:06:09 → 00:06:11 ขาดสารอาหารเพราะเราไม่ค่อยขาดพลังงาน
00:06:11 → 00:06:14 หรอกแล้วอาหารที่ให้พลังงานที่เรากินตลอด
00:06:14 → 00:06:17 เวลาเนี่ยกลายเป็นอาหารที่มีพลังงานสูง
00:06:17 → 00:06:19 ที่ประกอบด้วยแป้งและน้ำตาลและไขมันอยู่
00:06:19 → 00:06:20 ร่วมกัน
00:06:20 → 00:06:23 ทำให้เราเกิดการเสพติดอาหารที่มีพลังงาน
00:06:23 → 00:06:27 สูงนั่นคือหมายว่าเรา Over พลังงานแต่เรา
00:06:27 → 00:06:30 ขาดสารอาหารนั้นในมุมมองผมเนี่ยความหิว
00:06:30 → 00:06:34 เป็นตัวที่เตือนเราอย่างหนึ่งนะว่าตอนนี้
00:06:34 → 00:06:36 เราหิวเพราะเราขาดสารอาหารแต่เราไปกิน
00:06:36 → 00:06:39 อาหารที่ทำให้เราเสพติดจริงๆตอนนี้บางคน
00:06:39 → 00:06:42 ก็จะพูดว่าอยากกินโปรตีนเยอะสารอาหาร
00:06:42 → 00:06:44 โปรตีนอยากกินเนื้อสัตว์เยอะเพราะว่า
00:06:44 → 00:06:47 เดี๋ยวจะทำให้ร่างกายทำงานหนักเดี๋ยวทำ
00:06:47 → 00:06:50 ให้เกิดแบบเป็นมะเร็งอะไรอย่างนี้ค่ะใน
00:06:50 → 00:06:52 ความคิดเห็นคุณหมอจริงๆแล้วอ่ะเรา Over
00:06:52 → 00:06:55 โปรตีนก็คือกินเยอะเกินไปในปัจจุบันคนโดย
00:06:55 → 00:06:58 ทั่วไปนะคะหรือเรา Under โปรตีนคือกิน
00:06:58 → 00:07:02 น้อยเกินไปในความคิดเห็นคุณหมอค่ะในมุม
00:07:02 → 00:07:04 มองผมโปรตีนเป็นสารอาหารที่ร่างกาย
00:07:04 → 00:07:07 ต้องการถ้าเราไปดูองค์ประกอบของร่างกาย
00:07:07 → 00:07:09 ที่มีความแข็งแรงมันจะต้องมีองค์ประกอบ
00:07:09 → 00:07:14 ประมาณ 60-65% ร่างกายจะเป็นน้ำเป็นหลัก
00:07:14 → 00:07:16 แต่ถ้าเรารับองค์ประกอบที่เป็นโครงสร้าง
00:07:16 → 00:07:19 ร่างกายจริงๆที่เยอะรองจากน้ำนะฮะก็คือ
00:07:19 → 00:07:21 โปรตีน
00:07:21 → 00:07:25 น้ำหนักตัวของเราเนี่ยในคนที่สุขภาพดี
00:07:25 → 00:07:28 จริงๆควรจะมีโปรตีนเป็นปริมาณของน้ำหนัก
00:07:28 → 00:07:31 ตัวประมาณ 20-25% ถึง 25 แล้วก็อาจจะเก็บ
00:07:31 → 00:07:33 ไขมันแค่ประมาณสัก 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ก็
00:07:33 → 00:07:35 เพียงพอแล้ว 10 กว่าเปอร์เซ็นต์นี่เห็น
00:07:35 → 00:07:39 ซิกแพคเลยนะ
00:07:39 → 00:07:42 ซึ่งในลักษณะนี้เราจะเห็นว่าโปรตีนเป็น
00:07:42 → 00:07:45 อะไรที่สำคัญมากพออยู่ในสัดส่วนที่รองจาก
00:07:45 → 00:07:46 น้ำเท่านั้นเอง
00:07:46 → 00:07:50 ถามว่าทำไมเราหิวบ่อยขึ้นทำไมเราหิวบ่อย
00:07:50 → 00:07:52 ขึ้นเพราะว่าอาหารที่เรากินคุณนุ่นสังเกต
00:07:52 → 00:07:55 นะครับในปัจจุบันเนี่ยคุณนุ่นคิดว่าอาหาร
00:07:55 → 00:07:57 ที่เราทานเนี่ยสัดส่วนของโปรตีนในอาหาร
00:07:57 → 00:08:00 จานนี้ปกติหรือพลังงานเยอะกว่ากันพลังงาน
00:08:00 → 00:08:03 อยู่แล้วยกตัวอย่างราดหน้าใช่ๆมีแต่เส้น
00:08:03 → 00:08:07 เนาะมีแต่เส้น
00:08:07 → 00:08:10 เป็นหลักนะครับซึ่งจริงคาร์โบไฮเดรตเป็น
00:08:10 → 00:08:14 อาหารซึ่งร่างกายเราถือเป็นพลังงานร่าง
00:08:14 → 00:08:16 กายเรามีกระบวนการที่ใช้คาร์โบไฮเดรตใน
00:08:16 → 00:08:19 รูปแบบของสารอาหารน้อยมากดังนั้นเราจะ
00:08:19 → 00:08:22 เห็นว่าพวกคาร์โบไฮเดรตที่เราผ่านการแปร
00:08:22 → 00:08:24 รูปจนเหลืองเหลือคาร์บอเนตที่เพียวๆเลย
00:08:24 → 00:08:26 เนี่ยที่เราเรียกว่า process
00:08:26 → 00:08:28 คาร์โบไฮเดรตอย่างเช่นน้ำตาลอย่างนี้คือ
00:08:28 → 00:08:31 แบบแปรรูปไปแล้วขัดสีไปแล้วทำไมเราเรียก
00:08:31 → 00:08:33 มันว่า emc แคลอรี่
00:08:33 → 00:08:35 จริงๆมันมีแคลเยอะเนาะแต่มันไม่มีสาร
00:08:35 → 00:08:38 อาหารใช่ไหมคะ
00:08:38 → 00:08:42 เป็นแคลอรี่ที่ empty
00:08:42 → 00:08:45 นิวเดียนตี้แปลว่าไม่มีเลยก็คือไม่มีสาร
00:08:45 → 00:08:47 อาหารดังนั้นเราจะสังเกตว่าเวลาที่เราทาน
00:08:47 → 00:08:49 อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตที่เป็นแอนตี้
00:08:49 → 00:08:52 แคลอรี่เยอะเนี่ยเรามักจะกลับไปหิวเร็ว
00:08:52 → 00:08:54 มาก
00:08:54 → 00:08:57 แล้วก็ต้องการกินเพราะร่างกายจะกระตุ้น
00:08:57 → 00:08:59 ให้เราหิวจนกว่ามันจะได้โปรตีนหรือสาร
00:08:59 → 00:09:02 อาหารในเพียงพอเห็นภาพแต่ว่าถ้าเราไม่
00:09:02 → 00:09:04 เข้าใจว่าร่างกายต้องการอะไรเราอ่าน
00:09:04 → 00:09:08 สัญญาณมันผิดเราก็หยิบไอ้ที่เราเห็นอยู่
00:09:08 → 00:09:10 ข้างหน้านี่แหละทางใช่ไหมแล้วเราก็ไม่
00:09:10 → 00:09:12 สั่งเราบางทีเราไม่ได้สนใจเลยเพราะว่าทุก
00:09:12 → 00:09:15 คนก็เป็นเหมือนกันเลยนะทาน 2-3 ชั่วโมงมี
00:09:15 → 00:09:18 อาหารว่าง 2-3 ชั่วโมงมีอาหารว่างเราก็
00:09:18 → 00:09:20 เลยคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้มันเป็น
00:09:20 → 00:09:23 พฤติกรรมที่ปกติในมุมมองผมหรือมองว่าการ
00:09:23 → 00:09:27 ที่เราหิวบ่อยจนมีเกินไปแต่เราอยู่ในยุค
00:09:27 → 00:09:29 ที่เราเห็นว่ามันมีอาหารพร้อมเราเลยสุข
00:09:29 → 00:09:32 เป็นเรื่องปกติแต่จริงๆถ้ามองในแง่ของ
00:09:32 → 00:09:33 วิวัฒนาการของเราผมว่ามันเป็นเรื่องที่
00:09:33 → 00:09:37 ไม่ค่อยถูกต้องบ่อยจนเกินไปดังนั้นเนี่ย
00:09:37 → 00:09:39 ถ้าเราเข้าใจในเรื่องวัดร่างกายต้องการ
00:09:39 → 00:09:42 อะไรแล้วเราทานได้ถูกต้องสังเกตว่าคุณ
00:09:42 → 00:09:44 นุ่นลองสังเกตว่าถ้าเราทานอาหารที่มี
00:09:44 → 00:09:47 โปรตีนสูงได้อย่างเพียงพอเราจะไม่หิวบ่อย
00:09:47 → 00:09:50 นะครับเพราะว่าร่างกายได้โปรตีนเพียงพอ
00:09:50 → 00:09:54 จากเพียงแค่อาหารมื้อเดียวที่เราทาน
00:09:54 → 00:09:55 ตั้งคำถามที่คุณนุ่นถามผมเมื่อกี้ก็คือ
00:09:55 → 00:09:58 ว่าอ้าวแล้วเราจะทานโปรตีนเยอะเกินไปไหม
00:09:58 → 00:10:01 ถ้าเราสังเกตถ้าเราทานโปรตีนจริงๆเนี่ย
00:10:01 → 00:10:05 คุณนุ่นเวลาเราสั่งขนมหวานบางทีเราก็อยาก
00:10:05 → 00:10:08 ลองทุกอย่างในร้านนะจริงทุกเมนูเอามาบ่น
00:10:08 → 00:10:12 เลยแล้วเราก็รู้สึกว่ากินได้แหละนะครับ
00:10:12 → 00:10:14 แต่ถ้าคุณนุ่นไปสั่งสเต็กเรายังไม่สั่ง
00:10:15 → 00:10:17 จานได้ 2 เผื่อไว้จริงๆเพราะว่าเราไม่รู้
00:10:17 → 00:10:19 ว่าเราจะผ่านจานแรกได้ไหมดังนั้นโดยปกติ
00:10:19 → 00:10:23 เราสังเกตเลยว่าร่างกายหรือสมองเราในส่วน
00:10:23 → 00:10:26 ไฮโปทามะมันจะบอกเราเลยว่าตอนนี้มันได้
00:10:26 → 00:10:27 สิ่งที่มันต้องการแล้วมันจะเบรกเราไม่
00:10:27 → 00:10:30 สามารถทานสเต็กชิ้นที่ 2 ได้เห็นภาพไหม
00:10:30 → 00:10:33 ครับแต่มันแตกต่างจากการที่เราทานอาหาร
00:10:33 → 00:10:36 ที่เป็นออกไปทางเอ็มตี้แคลอรี่คือ empty
00:10:36 → 00:10:39 herry คือพลังงานที่มีสารอาหารต่ำเรา
00:10:39 → 00:10:41 สังเกตว่าเฮ้ยเรายังกินได้อีกเพราะอะไรฮะ
00:10:41 → 00:10:44 ร่างกายมันรู้สึกว่ามันยังได้สารอาหารโดย
00:10:44 → 00:10:47 เฉพาะโปรตีนยังไม่มากพอมันก็กระตุ้นให้
00:10:47 → 00:10:50 เราหิวดังนั้นในมุมมองของผมเนี่ยท่านจะ
00:10:50 → 00:10:50 บอกว่า
00:10:50 → 00:10:53 การที่เราหิวเนี่ยเป็นตัวที่บ่งบอกว่าเรา
00:10:53 → 00:10:56 สู่สภาพดีไหมผมก็บอกว่าเฮ้ยการที่เราหิว
00:10:56 → 00:10:58 เร็วหิวบ่อยมันไปอาจจะเป็นตัวที่บ่งบอก
00:10:58 → 00:11:00 ว่าเรากินอาหาร
00:11:00 → 00:11:05 ร่างกายกำลังโหยหาสารอาหารแต่ว่าเราดัน
00:11:05 → 00:11:07 ไม่ให้เพราะฉะนั้นจะบอกว่าตอนนั้นเรา
00:11:07 → 00:11:10 สุขภาพดีก็ไม่ใช่นะครับการที่ดังนั้นความ
00:11:10 → 00:11:14 เห็นเป็นอะไรที่บอกเราว่าร่างกายต้องการ
00:11:14 → 00:11:17 อะไรสักอย่างปัญหาคือคำตอบที่อยู่ในใจและ
00:11:17 → 00:11:19 อะไรสักอย่างที่ร่างกายต้องทำมันคืออะไร
00:11:19 → 00:11:19 กันแน่
00:11:19 → 00:11:23 ในคนที่เรามีไขมันสะสมมากพอเราจะเห็นเลย
00:11:23 → 00:11:27 ว่าเราต้องโฟกัสโปรตีนก่อนถ้าเราหิว
00:11:27 → 00:11:31 ตรงกันข้ามให้อีกกลุ่มหนึ่งอย่างเช่นนัก
00:11:31 → 00:11:34 กีฬาที่เราเห็นซิกแพคเห็นรายกล้ามเนื้อ
00:11:34 → 00:11:38 นักกล้ามที่แข่งบนเวทีเพิ่งได้รางวัลที่ 1
00:11:38 → 00:11:41 2 3 ลงมานะครับกลุ่มนี้จะเห็นว่าเขามี
00:11:41 → 00:11:45 พลังงานสะสมที่น้อยนะครับดังนั้นกลุ่มนี้
00:11:45 → 00:11:47 สังเกตคุณนุ่นเขาหิวบ่อยเหมือนกัน
00:11:47 → 00:11:52 แต่ว่าผิวพลังงานแล้ว
00:11:52 → 00:11:55 กลุ่มนี้นักกีฬากลุ่มนี้ที่เขาเพาะกายจะ
00:11:55 → 00:11:57 มี 9 ส่วนมากจะทานโปรตีนเยอะ
00:11:57 → 00:12:01 ทานโปรตีนเยอะสารอาหารได้ละ
00:12:01 → 00:12:05 แต่การที่เขามีไขมันสะสมที่น้อยเกินไป
00:12:05 → 00:12:08 กลุ่มนี้ถามว่าการหิวบ่อยของเขาเนี่ยเป็น
00:12:09 → 00:12:13 เพราะเขาพยายามที่จะทำให้ไขมันสะสมน้อยทำ
00:12:13 → 00:12:15 ให้ร่างกายมีความโหยหาพลังงานจากภายนอก
00:12:15 → 00:12:18 มากขึ้นดังถ้าจะถามว่าอ้าวแล้วกลุ่มที่
00:12:18 → 00:12:20 สามารถหิวได้จากการขาดพลังงานควบคุมงาน
00:12:20 → 00:12:23 เราต้องโฟกัสไปที่กลุ่มนักกีฬาที่มี
00:12:23 → 00:12:26 เปอร์เซ็นต์ไขมันที่ต่ำกลุ่มนี้อาจจะ
00:12:26 → 00:12:47 เลือกในการเติมพลัง
00:12:47 → 00:13:11 [เพลง]
00:13:27 → 00:13:30 พลังงานเราจะเห็นว่าคนอ้วนมักจะเป็นคนที่
00:13:30 → 00:13:32 กินอาหารที่ทำให้เสพติดที่มีพลังงานสูง
00:13:32 → 00:13:34 แต่ขาดสารอาหารที่ช่วยทำให้เขาเผาผลาญ
00:13:34 → 00:13:38 พลังงานเห็นภาพนะครับแล้วเวลาเขากลับไป
00:13:38 → 00:13:40 กินอาหารเขายังคงกินอาหารที่มีพลังงานสูง
00:13:40 → 00:13:44 และขาดสารอาหารมันก็เลยเกิดข้อจำกัดที่ทำ
00:13:44 → 00:13:46 ให้คนกลุ่มนี้ร่างกายเขาถึงจะมีพลังงาน
00:13:46 → 00:13:49 เยอะแต่เขาไม่สามารถเผาผลาญพลังงานได้
00:13:49 → 00:13:52 เพราะขาดสารอาหารที่จะช่วยในการที่ทำให้
00:13:52 → 00:13:54 ร่างกายเขาเผาพลังงานได้เหมือนกับรถยนต์
00:13:54 → 00:13:59 ที่มีน้ำมันเต็มถังไงแต่แบตเตอรี่หมด
00:13:59 → 00:14:02 เราก็สตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อเอาน้ำมันมา
00:14:02 → 00:14:05 ใช้เป็นพลังงานไม่ได้ถูกๆเขาจะต้องไปเติม
00:14:05 → 00:14:07 แบตเตอรี่ไม่ใช่ไปเติมน้ำมัน
00:14:07 → 00:14:09 [เพลง]
00:14:09 → 00:14:13 เต็มแต่แบตเตอรี่หมดสตาร์ทยังไงก็สตาร์ท
00:14:13 → 00:14:14 ไม่ติด
00:14:15 → 00:14:17 อ๋อเมื่อกี้คุณหมอบอกแล้วว่าส่วนใหญ่ถ้า
00:14:17 → 00:14:20 เรากินสารอาหารที่เรียกว่าคาร์โบไฮเดรต
00:14:20 → 00:14:23 มันจะได้เป็นพลังงานมากกว่าการที่ได้เป็น
00:14:23 → 00:14:26 สารอาหารซะส่วนใหญ่ใช่ครับจริงๆน้ำมัน
00:14:26 → 00:14:29 หรือไขมันโดยหลักๆก็จะเป็นพลังงานเป็น
00:14:29 → 00:14:31 หลักเป็นพลังงานด้วยฉันก็ไม่ควรกินเยอะ
00:14:31 → 00:14:32 ด้วยเช่นเดียวกัน
00:14:32 → 00:14:35 ถ้าเราทานไขมันธรรมชาติมันก็จะมีพวก
00:14:35 → 00:14:37 วิตามินที่ละลายในไขมันที่ช่วยในการเผา
00:14:37 → 00:14:41 ผลาญได้ด้วยแต่ถ้าเราไปทานเป็นน้ำมันน้ำ
00:14:41 → 00:14:43 มันนี่คือถ้าเรามองว่าน้ำตาลก็คือเป็น
00:14:43 → 00:14:47 process คาร์โบไฮเดรตจริงๆน้ำมันก็คือ
00:14:47 → 00:14:50 process ของ Fat หรือไขมันดังนั้นเนี่ย
00:14:50 → 00:14:53 น้ำมันเนี่ยเป็นไขมันที่จริงไม่ควรจะ
00:14:53 → 00:14:56 บริโภคเยอะมากจนเกินไปเพราะว่าส่วนมากเรา
00:14:56 → 00:14:59 มาใช้แค่ทำให้อาหารสุกเท่านั้นเองเราควร
00:14:59 → 00:15:01 จะทานไขมันธรรมชาติที่ประกอบด้วยวิตามิน
00:15:01 → 00:15:03 เกลือแร่ที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานได้
00:15:03 → 00:15:05 ตัวพลังงานไม่ว่าจะเป็นไขมันหรือ
00:15:05 → 00:15:07 คาร์บอเนตถ้าเราแปรรูปให้มันกลายเป็น
00:15:07 → 00:15:11 เอ็มซี่แคลอรี่เราทานยังไงก็จะใช้ได้ยาก
00:15:11 → 00:15:14 เราจึงเกิดกลุ่มคนที่โอ้โหรู้สึกเราเก็บ
00:15:15 → 00:15:18 พลังงานไว้เยอะแต่ทำไมหิวบ่อยเพราะเขาไป
00:15:18 → 00:15:20 เติมผิดไงมันเหมือนรถยนต์ที่น้ำมันเต็ม
00:15:20 → 00:15:22 ถังแต่สตาร์ทเครื่องไม่ติดแต่ยังพยายาม
00:15:22 → 00:15:24 เติมน้ำมันเข้าไปอีก
00:15:24 → 00:15:26 แต่เอาจริงๆนะคุณหมอถ้าเขาเข้าใจตรงนี้
00:15:26 → 00:15:29 นิดเดียวอ่ะแล้วเขาปลดล็อคแล้วก็เอาพลัง
00:15:29 → 00:15:32 งานพวกนั้นมาใช้ได้ปุ๊บอ่ะเขาจะผอมเร็ว
00:15:32 → 00:15:35 มากหรือเขาก็จะสามารถที่จะแบบหุ่นเล็กลง
00:15:35 → 00:15:37 ได้เลยนะคะเพราะส่วนมากคนที่เก็บน้ำหนัก
00:15:37 → 00:15:40 ไว้เยอะเกินเกี่ยวไขมันเยอะเกินเนี่ยมัก
00:15:40 → 00:15:44 จะเป็นคนที่ใช้พลังงานที่เก็บไม่ได้นะ
00:15:44 → 00:15:47 ครับนั่นคือเหตุผลที่เราทำให้เราเกิดโรค
00:15:47 → 00:15:50 อ้วนเยอะขึ้นในปัจจุบันก็ถ้าอันแรกหิว
00:15:50 → 00:15:52 เพราะว่าเกิดนิวเคลียร์แล้วอันที่ 2 อยาก
00:15:52 → 00:15:56 จะเอาพลังงานเก่ามาใช้ก็ต้องกินของที่มี
00:15:56 → 00:15:59 สารอาหารปุ๊บจริงๆ 1 กับ 2 อ่ะเหมือนกับ
00:15:59 → 00:16:01 ปฏิบัติเหมือนกันเลยนะคะอันดับแรกในมุม
00:16:01 → 00:16:05 มองผมนะฮะเราควรเวลาเราทานอาหารแต่ละมื้อ
00:16:05 → 00:16:08 ประเด็นแรกเราควรจะโฟกัสเรื่องของโปรตีน
00:16:08 → 00:16:09 และสารอาหาร
00:16:09 → 00:16:12 ส่วนมากถ้าเราโฟกัสปกติและสารอาหารถ้าเรา
00:16:12 → 00:16:16 ไปแยกสารอาหารเนี่ยมันยากมากที่นบีวันผม
00:16:16 → 00:16:18 มองว่าเราพยายามจะกินสารอาหาร
00:16:18 → 00:16:21 แต่จริงๆอาหารมันจะประกอบด้วยสารอาหาร
00:16:21 → 00:16:23 หลายอย่างใช่ไหมฮะที่พร้อมที่จะเผาผลาญใน
00:16:23 → 00:16:25 ร่างกายเราเป็นองค์ประกอบที่เราเหมือนกับ
00:16:25 → 00:16:29 เราซื้อรถมาคันนึงอ่ะมันมีองค์ประกอบทุก
00:16:29 → 00:16:31 อย่างที่เป็นรถอ่ะถ้าเราไม่มีความรู้
00:16:31 → 00:16:33 เรื่องรถเราไปเลือกประกอบเอง
00:16:33 → 00:16:36 สารอาหารเหมือนเราไปเรียกล้อมาเลือกเองมา
00:16:36 → 00:16:38 เองล้อรถที่เราเลือกอาจจะไม่ตรงกับไซส์
00:16:38 → 00:16:41 ตัวถังที่มันควรจะเป็นก็ทำให้ศูนย์ถ่วง
00:16:41 → 00:16:44 ไม่ดีแบตเตอรี่ไซส์เราเลือกมาก็อาจจะ
00:16:44 → 00:16:47 ปริมาณของไฟอาจจะไม่เพียงพอกับระบบทั้ง
00:16:47 → 00:16:50 หมดในรถดังนั้นถ้าเราไปแยกทางสารอาหารแต่
00:16:50 → 00:16:53 ละอย่างระหว่างว่ามันจะเพียงพอบางทีมัน
00:16:53 → 00:16:56 สัดส่วนไม่เหมาะสมเวลาเราทานอาหารเราควร
00:16:57 → 00:17:00 จะทานอาหารที่เป็นอาหารที่เป็นเรียวฟู้ด
00:17:00 → 00:17:03 ที่เป็นอาหารจริงๆที่ผ่านการแต่เรารูปให้
00:17:03 → 00:17:06 น้อยที่สุดอย่างเช่นถ้าเราจะทานโปรตีน
00:17:06 → 00:17:09 เนี่ยโฟกัสที่ปกติธรรมชาติก่อนอย่างเช่น
00:17:09 → 00:17:16 เนื้อสัตว์ที่มาตามธรรมชาติ
00:17:16 → 00:17:19 ที่เราไม่รู้ว่ามันมีอยู่ออกมาด้วยอันดับ
00:17:19 → 00:17:23 แรกโฟกัสโปรตีนและสารอาหารนะครับเมื่อเรา
00:17:23 → 00:17:25 โฟกัสปกตินักสารอาหารแล้วนะครับประเด็น
00:17:25 → 00:17:28 ที่ 2 เราก็มาเลือกวันนี้ถ้าเราไม่มี
00:17:28 → 00:17:31 ปัญหาเรื่องโรคอ้วนเราตัวลีนเราก็เรียก
00:17:31 → 00:17:33 ได้ว่าเฮ้ยวันนี้เราอยากจะใช้คาวบอยเดท
00:17:33 → 00:17:35 หรือที่เราอยากจะใช้ไขมันถ้าอยากใช้
00:17:35 → 00:17:37 คาร์บอเนตก็เติมคาร์โบไฮเดรตมันเหมือนใน
00:17:37 → 00:17:40 วันนี้มีรสดีเซลกับรถเบนซินวันนี้อยากจะ
00:17:40 → 00:17:43 เอารถเบนซ์ดีเซลออกไปใช้หน่อยหรือวันนี้
00:17:43 → 00:17:46 เราอาจจะเอา BM เบนซินออกไปใช้เราก็
00:17:46 → 00:17:49 สามารถเลือกเชื้อเพลิงได้นะครับทานโปรตีน
00:17:49 → 00:17:52 ไม่พอเลือกพลังงานให้เหมาะสมที่อยากจะใช้
00:17:52 → 00:17:56 นะครับนั่นคือจุดหลักที่จะทำให้เราเนี่ย
00:17:56 → 00:17:58 เมื่อเราสามารถที่จะเติมโปรตีนได้มากพอ
00:17:58 → 00:18:02 เราจะไม่หิวบ่อยเมื่อเราไม่หิวบ่อยเราก็
00:18:02 → 00:18:04 สามารถใช้พลังงานได้
00:18:04 → 00:18:07 ดังนั้นการที่พลังงานในร่างกายเราที่ถูก
00:18:07 → 00:18:09 เก็บสามารถนำมาใช้ได้ไม่สะสมเยอะเกินไป
00:18:09 → 00:18:11 แล้วก็ไม่ขาดแคลนเพราะเราสามารถจัดการได้
00:18:11 → 00:18:14 จะไม่ทำให้เราเกิดความรู้สึกที่ต้องกลับ
00:18:14 → 00:18:17 มาหิวเร็วมากเกินไปนะครับหรือว่าแบบต้อง
00:18:17 → 00:18:21 กินตลอดเวลาใช่คนที่กินตลอดเวลาที่ต้อง
00:18:21 → 00:18:23 สงสัยตัวเองนะว่าถ้าเราอยู่ในยุคที่มัน
00:18:23 → 00:18:26 ไม่ได้มีตู้เย็นไม่ถึงมีสารอาหารเหมือน
00:18:26 → 00:18:28 บรรพบุรุษเราเราจะอยู่ได้ยังไงโอเคเลย
00:18:28 → 00:18:31 จริงๆแล้วมันก็เป็นข้อปฏิบัติที่เรา
00:18:31 → 00:18:34 สามารถทำได้ง่ายๆถ้าเราเข้าใจหลักการนะคะ
00:18:34 → 00:18:37 ซึ่งในวันนี้นุ่นว่าเพื่อนๆทุกๆคนน่ะก็
00:18:37 → 00:18:40 ได้ความรู้ในเรื่องของว่าอะไรที่จะทำให้
00:18:40 → 00:18:44 เราอ่ะหิวหิวไม่ฉี่แล้วกันอ่ะพูดอย่างนี้
00:18:44 → 00:18:46 ก็คืออิ่มนานขึ้นนะคะแต่มันก็จะมีหัวข้อ
00:18:46 → 00:18:51 นะคะที่ตอนนี้ทุกคนก็จะพูด If คืออะไรมัน
00:18:51 → 00:18:54 แตกต่างยังไงกับ Time Resident feeding
00:18:54 → 00:18:57 fasting มันควรจะทำไหมแล้วเมื่อกี้พอเรา
00:18:57 → 00:18:59 พูดถึงเรื่องของหิวปุ๊บอ่ะมันก็จะมี
00:18:59 → 00:19:02 เรื่องของว่าแล้วมันควรถ้าเราอิ่มนานเรา
00:19:02 → 00:19:04 ควรที่จะแบบไม่กินไปนานแค่ไหนถึงจะเป็นผล
00:19:04 → 00:19:07 ดีต่อเราซึ่งนุ่นว่า topic เหล่านี้ก็
00:19:07 → 00:19:10 เป็นอะไรที่คุณหมอเป็นกูรูนะคะแต่วันนี้
00:19:10 → 00:19:13 เวลาหมดแล้วนะคะเพราะฉะนั้นใน EP ถัดไป
00:19:13 → 00:19:16 หนูจะขออนุญาตถามต่อนะคะเรื่องเกี่ยวกับ
00:19:16 → 00:19:20 is pasting feeding ว่าเราควรที่จะ
00:19:20 → 00:19:22 ต้องรู้สึกยังไงทำตัวยังไงนะคะแล้วนุ่น
00:19:22 → 00:19:25 มั่นใจแน่เลยว่าทั้ง EP นี้แล้วก็ EP
00:19:25 → 00:19:28 หน้านะคะก็จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆแน่
00:19:28 → 00:19:31 นอนนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยฝากติดตามพวกเรา 2
00:19:31 → 00:19:34 คนด้วยนะคะแล้วก็มารับฟังความรู้อีกครั้ง
00:19:34 → 00:19:37 นึงค่ะอย่างไงวันนี้นะคะนุ่นขอบคุณคุณหมอ
00:19:37 → 00:19:41 มากเลยค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะ