00:00:00 → 00:00:01 you are what you eat กินอะไรเข้าไป
00:00:01 → 00:00:03 ก็เป็นอย่างนั้นแหละสุดท้ายแล้วมันอยู่
00:00:03 → 00:00:05 ที่การวางแผนน่ะแต่ทำไมชีวิตไม่เหมือนกัน
00:00:05 → 00:00:07 เพราะเขามีความรู้ที่ถูกต้องเพราะเขาวาง
00:00:07 → 00:00:11 แผนได้ดีเพราะเขาตั้งใจใช้ชีวิตดีๆชีวิต
00:00:11 → 00:00:14 ที่ดีคือชีวิตที่เราต้องดีไซน์ถ้าเราไม่
00:00:14 → 00:00:16 ดีไซน์ชีวิตคนอื่นจะดีไซน์ชีวิตให้เราเอง
00:00:16 → 00:00:19 อาหารที่ดีที่สุดในครั้งแรกของวันที่เรา
00:00:19 → 00:00:21 กินนะแต่เรากินอาหารที่มันแบบ hopeless
00:00:21 → 00:00:23 เข้าไปสิ้นหวังอ่ะร่างกายเราก็สิ้นหวัง
00:00:23 → 00:00:24 เหมือนอาหารที่เรากินนรน้ำตาลเนี่ยคือ
00:00:24 → 00:00:27 สิ่งเสพติดที่เราไม่รู้นะเราไม่รู้ตัวว่า
00:00:27 → 00:00:29 เราเสพติดน้ำตาลเราจะสุขภาพดีจากการทาน
00:00:29 → 00:00:31 น้ำตาลเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วมันมีแต่แย่ลง
00:00:32 → 00:00:34 แย่ลงแย่ลงเรื่อยๆเพราะว่าพวกของหวานหรือ
00:00:34 → 00:00:37 พวกขนมเนี่ยร่างกายเราไม่นับว่าเป็นสาร
00:00:37 → 00:00:40 อาหารที่ที่ดีต่อชีวิตนะฮะกาแฟที่คุณภาพ
00:00:40 → 00:00:43 ดีที่สุดคือกาแฟดำเมื่อไหร่ก็ตามที่เติม
00:00:43 → 00:00:45 อย่างอื่นเข้ามามันไม่ใช่กาแฟครับมันคือ
00:00:45 → 00:00:48 ขนมหวานครับถ้าเรารู้จักอาหารธรรมชาติเี่
00:00:48 → 00:00:50 นอกนั้นก็คืออาหารแปรรูปถ้าเราต้องคิดว่า
00:00:50 → 00:00:52 มันทำมาจากอะไรเนี่ยแปร
00:00:52 → 00:00:57 รูปเกลาแก้โรคเกลานิสัยห่างไกล
00:00:57 → 00:01:01 โรคสวัสดีค่ะสวัสดีครับสวัสดีครับยินดี
00:01:01 → 00:01:03 ต้อนรับคุณหมอท็อปนะคะเข้าสู่รายการเกลา
00:01:03 → 00:01:06 แก้โรคค่ะครับยินดีครับยินดีมากครับผมอ่า
00:01:06 → 00:01:09 วันนี้ค่ะเราจะมาคุยกันเรื่องสุขภาพค่ะ
00:01:09 → 00:01:12 คุณหมอคำถามแรกค่ะหนูอยากรู้ว่าอาหารเช้า
00:01:12 → 00:01:15 อ่ะค่ะจริงๆอ่ะมันยังจำเป็นอยู่ยคะคำว่า
00:01:15 → 00:01:18 Breakfast เนี่ยมาจาก 2 คำรวมกันคือเค
00:01:18 → 00:01:21 กับ Fast เบรคแปลว่าหยุดถูกต้องมเคหยุด
00:01:21 → 00:01:25 Fast ก็คือเรื่องของการหยุดการทานอาหาร
00:01:25 → 00:01:27 fasting คือภาวะที่เราไม่ทานอาหาร
00:01:27 → 00:01:30 feeding แปลว่าช่วงที่เราทานอาหารอเพราะ
00:01:30 → 00:01:31 ฉะนั้นคำว่า Breakfast หมายความว่า
00:01:32 → 00:01:34 Breakfast เนี่ยก็คือการหยุดการทำ
00:01:34 → 00:01:36 fasting อืเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราหยุด
00:01:36 → 00:01:39 การทำ fasting เวลาไหนนั่นเรียกว่า
00:01:39 → 00:01:41 Breakfast อืเพราะฉะนั้นอาหารที่สำคัญ
00:01:42 → 00:01:44 ที่สุดไม่ใช่อาหารเช้าอาหารที่สำคัญที่
00:01:44 → 00:01:47 สุดคืออาหารมื้อแรกที่เรากินเราจะกิน 800
00:01:47 → 00:01:51 นก็ไม่ผิดกินได้เราจะกิน 10:00 นก็ไม่ผิด
00:01:51 → 00:01:53 เราจะกินเที่ยนก็ไม่ผิดเราจะกิน 15:00 น
00:01:53 → 00:01:56 ก็ไม่ผิดเราจะกิน 18:00 นก็ไม่ผิดในมื้อ
00:01:56 → 00:01:58 แรกของเราจะผิดก็ต่อเมื่ออาหารมื้อแรกของ
00:01:58 → 00:02:02 เรามีแป้งสูงและน้ำตาลสูบอืและไม่ตั้งใจ
00:02:02 → 00:02:05 กินให้มันดีๆอาหารที่ดีที่สุดในครั้งแรก
00:02:05 → 00:02:07 ของวันที่เรากินนะแต่เรากินอาหารที่มัน
00:02:07 → 00:02:10 แบบ hopeless เข้าไปอ่ะสิ้นหวังอ่ะร่าง
00:02:10 → 00:02:11 กายเราก็สิ้นหวังเหมือนอาหารที่เรากินน่ะ
00:02:11 → 00:02:13 แหละฮะค่ะแต่ถ้าเราเลือกอาหารมื้อแรกได้
00:02:14 → 00:02:16 ดีซึ่งเทคนิคการเลือกอาหารมื้อแรกได้ดี
00:02:16 → 00:02:19 คืออาหารที่มีโปรตีนธรรมชาติสูงเช่นไข่
00:02:19 → 00:02:23 ต้ม 2-3 ฟองหนูอยากได้คำแนะนำค่ะว่าอ่า
00:02:23 → 00:02:26 ถ้าเป็นบางคนที่มีวิถีชีวิตเร่งรีบอาจจะ
00:02:26 → 00:02:28 เป็นพนักงานออฟฟิศอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้ว
00:02:28 → 00:02:30 อาหารมื้อแรกของวันหาซื้อได้ง่ายๆคุณหมอ
00:02:30 → 00:02:32 แนะนำเป็นอะไรบ้างคะสุดท้ายแล้วมันอยู่
00:02:32 → 00:02:35 ที่การวางแผนอ่ะอ่าพนักงานออฟฟิศอ้วนทุก
00:02:35 → 00:02:38 คนเหรอไม่จริงบางคนมันก็หุ่นดียังกับนาย
00:02:38 → 00:02:42 แบบนางแบบบางคนก็อื้อหือตึ๊บจริงมั้ยค่ะ
00:02:42 → 00:02:44 ก็ถามบอกว่า 2 คนนี้มีเวลาเท่ากันมั้ยอื
00:02:44 → 00:02:46 มันก็มีเวลาเท่ากันจริงอ่ะทุกอย่างเหมือน
00:02:47 → 00:02:49 กันหมดเลยแต่ทำไมชีวิตไม่เหมือนกันเพราะ
00:02:49 → 00:02:52 เขามีความรู้ที่ถูกต้องเพราะเขาวางแผนได้
00:02:52 → 00:02:55 ดีอันนี้สำคัญเพราะเขาตั้งใจใช้ชีวิตดีๆ
00:02:55 → 00:02:58 สมมุติเราบอกว่าเราไม่มีเวลาเตรียมอาหาร
00:02:58 → 00:02:59 ก็แน่นอนอยู่แล้วแค่ตื่นก็แทบจะไม่ทำทัน
00:03:00 → 00:03:01 อยู่แล้วรติดต่างหากแล้วตอนเย็นไม่มีเวลา
00:03:01 → 00:03:04 เตรียมอาหารเหรอถ้าเรามีไข่ต้มสัก 10 ฟอง
00:03:04 → 00:03:07 แกะเปลือกแล้วแล้วอยู่ในตู้เย็นมีสลัดผัก
00:03:07 → 00:03:09 ที่เราเตรียมวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดเรา
00:03:09 → 00:03:12 อยู่ 7 กล่องแล้วก็มีน้ำสลัดที่เราคัด
00:03:12 → 00:03:16 เลือกแล้วว่าน้ำตาลต่ำมีโปรตีนต่างๆไม่
00:03:16 → 00:03:18 ว่าจะเป็นหมูเห็ดเป็ดไก่ที่เป็นเนื้อ
00:03:18 → 00:03:20 สัตว์จากธรรมชาติที่เราเตรียมไว้อยู่ที่
00:03:20 → 00:03:23 ดีอยู่แล้วในระดับหนึ่งหรือว่าถั่วเปลือก
00:03:23 → 00:03:25 แข็งที่เราเตรียมไว้อยู่แล้วอยู่ในบ้าน
00:03:25 → 00:03:28 แล้วเราสามารถ Mix แอน Mat เป็นอาหารเช้า
00:03:28 → 00:03:31 เตรียมปุ๊บหยิบไปกินบางคนบอกไม่มีเวลากิน
00:03:31 → 00:03:34 ถ้าท่านไม่มีเวลาที่จะทานอาหารให้มันดี
00:03:34 → 00:03:37 ต่อชีวิตของท่านท่านก็ไปทานตอนเที่ยงก็
00:03:37 → 00:03:40 ข้ามมื้อเช้าไปไม่เห็นจะเป็นไรมันก็ย้อน
00:03:40 → 00:03:43 กลับมาในเรื่องเดิมครับว่าอาหารที่ดีที่
00:03:43 → 00:03:48 สุดคืออาหารมื้อแรกของวันดังนั้นถ้ามัน
00:03:48 → 00:03:52 ไม่ดีก็อย่าไปกินชีวิตที่ดีคือชีวิตที่
00:03:52 → 00:03:56 เราต้องดีไซนถ้าเราไม่ดีไซน์ชีวิตคนอื่น
00:03:56 → 00:03:59 จะดีไซน์ชีวิตให้เราเองอยู่ที่การจัดการ
00:03:59 → 00:04:01 อยู่ที่วินัยของเราในการที่จะแบบอยากให้
00:04:01 → 00:04:03 ชีวิตเราเป็นยังไงถ้าเราเห็นคุณค่าชีวิต
00:04:03 → 00:04:06 แบบที่คุณหมอบอกก็คือก็ใส่ใจหน่อยอาหาร
00:04:06 → 00:04:09 การกินถูกต้องค่ะแล้วทีเค่ะเราสามารถกิน
00:04:10 → 00:04:12 อาหารตามวัยให้เหมาะสมได้ยังไงบ้างคะเช่น
00:04:12 → 00:04:15 วัยเรียนวัยทำงานแล้วก็ผู้สูงอายุจริงๆ
00:04:15 → 00:04:17 อาหารทุกวัยอ่ะแทบจะไม่ได้แตกต่างกันมาก
00:04:17 → 00:04:21 ครับอือฮึเพียงแต่ว่าเราพยายามไปเ่อเา
00:04:21 → 00:04:24 เรียกว่าไปคิดเยอะอ่ะจริงๆมัน Easy ฮะ
00:04:24 → 00:04:27 ธรรมชาติคำนี้สำคัญที่สุดธรรมชาติ
00:04:27 → 00:04:30 ปัจจุบันมาถึงเอ้ยอาหารเสริมอะไรดีดีสุด
00:04:30 → 00:04:33 ผมถามเฮ้ยๆอาหารธรรมชาติอ่ะทานดียังถ้า
00:04:33 → 00:04:34 ยังทานอาหารธรรมชาติไม่ดีเนี่ยยังไม่ต้อง
00:04:34 → 00:04:37 เสริมอาหารเสริมเลยนะคือตัวหลักยังไม่ได้
00:04:37 → 00:04:39 จะเอาตัวรองงี้ไม่ถูกต้องแต่ถ้าเราทาน
00:04:39 → 00:04:42 เต็มที่แล้วแต่ว่าเรายังขาดอยู่การจะ
00:04:42 → 00:04:45 เสริมวิตามินการจะเสริมโปรไบโอติกการจะ
00:04:45 → 00:04:48 เสริมอ่าน้ำมันสกัดเย็นการจะเสริมสาร
00:04:48 → 00:04:51 อาหารบางอย่างผมไม่ได้ห้ามมันก็ไม่ใช่
00:04:51 → 00:04:55 เรื่องแย่แต่ว่าอย่าเอาไปแทนของหลักแล้ว
00:04:55 → 00:05:00 บางคนค่ะคุณหมอที่ติดนิสัยชอบปรุงอ่าเช่น
00:05:00 → 00:05:02 ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วต้องปรุงไม่ปรุงไม่ได้
00:05:02 → 00:05:06 ไม่ชิมก่อนด้วยนะอ่าแบบเนี้ยการปรุงมีผล
00:05:06 → 00:05:08 เสียต่อร่างกายยังไงบ้างคแน่นอนอยู่แล้ว
00:05:08 → 00:05:10 ฮะแค่ mindset ก็ผิดเรียบร้อยแล้วครับ you
00:05:10 → 00:05:12 are what you eat กินอะไรเข้าไปก็
00:05:12 → 00:05:13 เป็นอย่างนั้นแหละเราก็มักจะคิดว่าเรา
00:05:13 → 00:05:15 ต้องปรุงถึงอร่อยที่เราอร่อยเนี่ยเราไม่
00:05:15 → 00:05:17 ได้อร่อยจากก๋วยเตี๋ยวนะเราจะอร่อยจาก
00:05:17 → 00:05:21 ส่วนใหญ่ก็น้ำตาลน้ำปลาคือเราอร่อยจาก
00:05:21 → 00:05:24 เครื่องปรุงเพราะว่ารสมันชาติมันจัดไงเรา
00:05:24 → 00:05:28 ติดรสชาติติดความหวานเราติดชีปโดปามีนน่ะ
00:05:28 → 00:05:30 โดปามีนราคาถูกอ่ะเราเลยตักใส่ตักใส่ตัก
00:05:31 → 00:05:34 ใส่แล้วเราขาดสติในการกินไงอย่างเช่น
00:05:34 → 00:05:36 ก๋วยเตี๋ยวส่วนประกอบในก๋วยเตี๋ยวส่วน
00:05:36 → 00:05:38 ใหญ่เป็นเส้นคราวนี้เส้นทุกชนิดอ่ะยกเว้น
00:05:38 → 00:05:40 พวกเส้นบุกอ่าเส้นบุกมันก็จะไม่ค่อยมี
00:05:40 → 00:05:42 แป้งอะไรงี้ใช่มั้ยครับแคลอรี่มันก็ต่ำ
00:05:42 → 00:05:45 อันเงี้โอเคแต่ถ้าเป็นเส้นเล็กเส้นมีเส้น
00:05:45 → 00:05:47 ใหญ่เส้นหมี่กรอบเส้นอะไรพวกเนี้ยคือมัน
00:05:47 → 00:05:50 แป้งมันสูงมากแล้วมันเป็น process Food
00:05:50 → 00:05:52 ส่วนหนึ่งอ่ะมันจะทำให้ร่างกายของเรา
00:05:52 → 00:05:56 เนี่ยมีอิซูลิน sping สูงกว่าอย่างอื่น
00:05:56 → 00:05:58 เพราะฉะนั้นเนี่ยผมจะไม่ค่อยทานแต่ว่าผม
00:05:58 → 00:06:01 จะทานเกาเหลาแล้วใส่ผักเพิ่มพิเศษคี่อีก
00:06:01 → 00:06:04 อันนึงคือน้ำในเกาเหลาอ่ะสั่งอ่ะสั่ง
00:06:04 → 00:06:06 เกาเหลาน้ำเพราะว่าถ้าสั่งเกาเหลาแห้ง
00:06:06 → 00:06:09 เนี่ยเขาจะปรุงมาให้อืน้ำตาลกระจายอร่อยิ
00:06:09 → 00:06:12 อร่อยใช่มยอ่ามันอร่อยอยู่แล้วมันหวานไง
00:06:12 → 00:06:14 เออแต่ถ้าเราสั่งเกาเหลาน้ำอ่ะเสร็จแล้ว
00:06:14 → 00:06:17 เนี่ยเรากินเนื้อให้เยอะแต่กินน้ำให้น้อย
00:06:17 → 00:06:20 เพราะอะไรคือเราไปสั่งแม่ค้าไม่ได้หรอกไป
00:06:20 → 00:06:23 สั่งร้านก๋วยเตี๋ยวบอกไม่ใส่ผงชูรสคือน้ำ
00:06:23 → 00:06:25 ต้มเขาใส่ผงชรสตั้งแต่แรกแล้วไม่ใส่ผงชรส
00:06:25 → 00:06:27 เค้าเอรเเก็ต้องเทน้ำทิ้งทำให้ใหม่เหรอ
00:06:27 → 00:06:29 มันทำไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วอ่าเก็บอก
00:06:29 → 00:06:32 ไม่ใส่นี่ไงไม่ใส่เพิ่มกับไม่ใส่มันต่าง
00:06:32 → 00:06:35 กันนะคือเขาไม่ใส่เพิ่มให้เราเห็นแต่เขา
00:06:35 → 00:06:39 ใส่อยู่แล้วป่ะอ่าซึ่งก็ไม่ว่ากันไงคือ
00:06:39 → 00:06:41 เราก็ไม่รู้อาจจะไม่ใส่ก็ได้เนาะเราก็ไม่
00:06:41 → 00:06:44 รู้อะไรอย่างเงี้ยซึ่งเา้าเรียกว่าผงชูรส
00:06:44 → 00:06:46 เนี่ยการกระตุ้นอินซูลินเนี่ยมันสูงกว่า
00:06:46 → 00:06:49 น้ำตาลอืมเพราะฉะนั้นบางคนบอกไม่กินน้ำ
00:06:49 → 00:06:52 ตาลแต่กินผงชูรสกระชากเลยขึ้นฟ้าไปเลย
00:06:52 → 00:06:55 เพราะฉนั้นสุดท้ายก็ถ้าเรากินผงชูรสเยอะๆ
00:06:55 → 00:06:57 มันก็จะเกิดเหตุการณ์พวกนี้เช่นกันก็ต้อง
00:06:57 → 00:07:00 ระมัดระวังอ่าคือเวลาที่ผมพูดเนี่ยบางคน
00:07:00 → 00:07:02 จะบอกโอ้ยังงั้นก็กินอะไรไม่ได้เลยผมบอก
00:07:02 → 00:07:06 เวลาเราจะทำอะไรกับชีวิตเราเได้ 80%
00:07:06 → 00:07:09 เนี่ยเก่งแล้วอีก 20% ก็พลาดได้ผมก็กินไป
00:07:09 → 00:07:12 กับลูกสาวไปกับครอบครัวเขากินขนมผมก็กิน
00:07:12 → 00:07:16 ไม่ได้มีปัญหาอะไรเากินของทอดผมก็กินแต่
00:07:16 → 00:07:19 เรากินให้มันเป็นปริมาณน้อยหรือว่าเรากิน
00:07:19 → 00:07:22 เป็นลำดับให้ถูกต้องเช่นปกติเนี่ยการทาน
00:07:22 → 00:07:24 อาหารต้องเรียงลำดับให้ถูกต้องค่ะเริ่ม
00:07:24 → 00:07:28 ต้นด้วยน้ำสัก 1 แก้วเพื่อให้ร่างกาย
00:07:28 → 00:07:29 เนี่ยโดนกระตุ้นก่อนว่าเดี๋ยวเดี๋ยวเราจะ
00:07:29 → 00:07:32 ทานอาหารและตามด้วยผักใบเขียวแป้งต่ำ
00:07:32 → 00:07:34 เพื่อให้ร่างกายได้ไฟเบอร์ให้เต็มที่เรา
00:07:34 → 00:07:36 ไปกินผักทีหลังเนี่ยเราอิ่มเราก็ไม่กิน
00:07:36 → 00:07:38 แล้วไงอือ่าเราก็ต้องกินอะไรที่มันแบบเรา
00:07:38 → 00:07:41 ไม่ค่อยจะกินก่อนน่ะกินไปก่อนเสร็จแล้ว
00:07:41 → 00:07:44 ค่อยตามด้วยโปรตีนธรรมชาติบวกกับไขมันดี
00:07:44 → 00:07:46 พอเราเริ่มอิ่มเนี่ยอ้าเราอยากจะกินแป้ง
00:07:47 → 00:07:49 สักนิดคาร์โบไฮเดรตสักนิดจะกินข้าวจะกิน
00:07:49 → 00:07:52 อะไรนิดนึงเราก็ตบไว้ตอนท้ายอีกซะหน่อย
00:07:52 → 00:07:54 นึงอืแล้วพวกขนมหวานเนี่ยที่กระชาก
00:07:54 → 00:07:57 อินซูลินสูงๆเนี่ยเราก็เอาไว้ท้ายสุดเลย
00:07:57 → 00:07:59 พอเราอิ่มในระดับนึงแล้วไอ้นี่เราเสิเไป
00:07:59 → 00:08:01 สักนิดสักหน่อยพอจบสุดท้ายปุ๊บเราไปเดิน
00:08:01 → 00:08:05 อีก 10 นาทีน้ำตาลจะไม่กระชากจริงๆสิ่ง
00:08:05 → 00:08:08 ที่เราโตมาค่ะสังคมไทยคือการกินข้าวกับ
00:08:08 → 00:08:11 กับข้าวอ่าอ่าอย่างนี้ก็คือผิดลำดับเลย
00:08:11 → 00:08:14 ใช่มั้ยคะในแต่ก่อนเนี่ยเวลาที่เราทาน
00:08:14 → 00:08:18 จริงๆเนี่ยอาหารที่คนแก่คนเฒ่าที่อายุยืน
00:08:18 → 00:08:21 เราทานเนี่ยเขาไม่ได้กินอาหารที่ปรุงแต่ง
00:08:21 → 00:08:24 จากน้ำตาลเยอะขนาดนั้นอืเขาอาจจะกินข้าว
00:08:24 → 00:08:26 ซึ่งมาจากอาหารธรรมชาติอันนี้ไม่ผิดเขา
00:08:26 → 00:08:29 กินข้าวกับผักต้มกินกับน้ำพริกกินกับปลา
00:08:29 → 00:08:34 ทูอและอาหารก็เป็นธรรมชาติดูเป็นอะไรที่
00:08:34 → 00:08:37 ค่อนข้างไกลจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
00:08:37 → 00:08:39 การกินของคนสมัยนี้มากเลยอ่ะเอ่าก็เรื่อง
00:08:39 → 00:08:42 ธรรมดาเพราะว่าสมัยนี้เราเดินไปไหนมันก็
00:08:42 → 00:08:44 จะมีแต่สิ่งที่กระตุ้นให้ให้เราอยากกิน
00:08:44 → 00:08:47 เนาะก็คือทุกคนเาทำค้าขายใช่มั้ยอือถ้า
00:08:47 → 00:08:49 เขาไม่กระตุ้นให้เราอยากกินเเจะขายอะไร
00:08:49 → 00:08:52 อ่ะเขาก็ขายไม่ได้ใช่มั้ยครับแล้วของที่
00:08:52 → 00:08:56 ทำให้เราอยากกินซ้ำกินตลอดเวลาคือของหวาน
00:08:56 → 00:08:58 อืมค่ะขนมหวานเนี่ยกินแล้วมันหยุดไม่ได้
00:08:58 → 00:09:01 เนาะค่ะดูดชานมไข่มุกอึกเดียวอยู่ได้มย
00:09:01 → 00:09:03 ไม่กำลังเคี้ยวสนุกเลยมีไข่มุกด้วยเออมัน
00:09:03 → 00:09:06 ไม่ได้มันต้องดูดดูดแล้วดูดไปเรื่อยๆอรู้
00:09:06 → 00:09:08 สึกว่าโอชีวิตนี้มันดีจริงๆเลยนะการที่
00:09:08 → 00:09:10 เรามีชานมไข่มุกอยู่บนโต๊ะทำงานมันช่าง
00:09:11 → 00:09:13 แบบเฮ้ยชีวิตมันต้องอย่างงี้สิใช่มยอ่า
00:09:13 → 00:09:15 อารมณ์มันเป็นอย่างงี้เคยกินอ่าพวกมัน
00:09:15 → 00:09:18 ฝรั่งอบกรอบในถุงใช่มั้ยฮะอ่า Potato ชิส
00:09:18 → 00:09:22 กิน 3 ชิ้นได้มั้ยไม่มันเพลินอค่ะถุงเล็ก
00:09:22 → 00:09:24 ก็หมดบอกเอ้ยอย่างั้นถ้าเปิดถุงใหญ่แล้ว
00:09:24 → 00:09:26 กินเท่าถุงเล็กได้มยถุงใหญ่ก็หมดเหมือน
00:09:26 → 00:09:30 กันเพราะว่าเขาดีไซน์มาว่าอยังไงก็ตามมัน
00:09:30 → 00:09:33 หยุดไม่ได้จนกว่าจะหมดแต่แตกต่างจากอาหาร
00:09:33 → 00:09:36 สุขภาพนะค่ะให้นึกภาพบางคนชอบนับแคลอรี่
00:09:36 → 00:09:40 ใช่มยเอาไอศครีมไอศครีมซัก 2-3 ลูก 300
00:09:40 → 00:09:44 กลแควเนาะถ้าเป็นปลาแซลมอนก็ 2 ชิ้นถ้า
00:09:44 → 00:09:48 เป็นไข่ต้มก็ซักอ่า 3-4 ฟองถ้าเรากินไข่
00:09:48 → 00:09:51 ต้ม 3-4 ฟองเนี่ยเราอิ่มมยอิ่มนะคะอ่าแต่
00:09:51 → 00:09:53 กินไอติม 2 ลูกเนี่ยยังกินเพิ่มได้อีกนะ
00:09:53 → 00:09:56 อือเพราะว่าพวกของหวานหรือพวกขนมเนี่ย
00:09:56 → 00:09:59 ร่างกายเราไม่นับว่าเป็นสารอาหารที่ที่ดี
00:09:59 → 00:10:01 ต่อชีวิตฮะมันก็เลยกินได้เรื่อยๆมันไม่มี
00:10:01 → 00:10:03 คำว่าอิ่มมันกระโดดข้ามศูนย์ความอิ่มไป
00:10:03 → 00:10:06 เลยถ้าเราไม่เข้าใจว่าไอ้ของหวานหรือขนม
00:10:06 → 00:10:09 ต่างๆเนี่ยมันกระโดดข้ามศูนย์ความอิ่มเรา
00:10:09 → 00:10:11 ได้เนี่ยเราจะกินไปเรื่อยๆโดยไม่หยุดอัน
00:10:11 → 00:10:13 นี้ก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างอันตรายก็ต้อง
00:10:13 → 00:10:16 คอยเตือนตัวเองไว้ใช่การกิน 1 คำหรือ 1
00:10:17 → 00:10:19 ครั้งเนี่ยร่างกายของเราเนี่ยจะมีน้ำตาล
00:10:19 → 00:10:22 พุ่งขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นคือเขาเรียกจะ
00:10:22 → 00:10:24 เกิดภาวะอินซูลิน spiking ครับอินซูลินจะ
00:10:24 → 00:10:27 กระชากอพอกระชากปุ๊บจังหวะที่อินซูลิน
00:10:27 → 00:10:29 กระชากเนี่ยร่างกายจะหยุดเผาผลาญไขมัน
00:10:29 → 00:10:31 เพราะฉะนั้นคนเราก็เลยบอกว่าเอ้ยทำไมเรา
00:10:32 → 00:10:34 มีไขมันสะสมตลอดเลยก็เพราะว่าอินซูลินเรา
00:10:34 → 00:10:37 กระชากตลอดเวลาเรากินทั้งวันเลยฟังรู้
00:10:37 → 00:10:39 แล้วก็คือเหมือนเป็นพฤติกรรมที่เราอาจจะ
00:10:39 → 00:10:42 ไม่ได้เคยไปใส่ใจกับมันมากเพราะเราทำจน
00:10:42 → 00:10:44 เป็นนิสัยเนี่ยเวลาทำงานก็ชอบเคี้ยวหา
00:10:44 → 00:10:46 อะไรกินไปเพลินๆแต่สุดท้ายอินซูลินกระชาก
00:10:46 → 00:10:49 สะสมเป็นไขมันไม่ใช่แค่อ้วนแต่ว่าอันตราย
00:10:49 → 00:10:52 เป็นโรคอื่นๆได้ด้วยใช่คือด้วยภาวะความ
00:10:52 → 00:10:55 เครียดเนี่ยค่ะคือในปัจจุบันงานมันเครียด
00:10:55 → 00:10:59 เนาะรถติดเอยงานยุ่งเอยงานด่วนดนทุกงานใน
00:10:59 → 00:11:02 โลกใบนี้ใช่มั้ยอมันก็แบบเอ้ยนมันไม่ไหว
00:11:02 → 00:11:06 มันแบบถาโถมสิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกหายถา
00:11:06 → 00:11:10 โถมได้เนี่ยก็คือของหวานอืพอเรากินของ
00:11:10 → 00:11:12 หวานไปเราจะอารมณ์ดีใช่ค่ะเพราะมัน
00:11:12 → 00:11:15 กระตุ้นสารที่ชื่อว่าโดปามีนฮะอ่าเพราะ
00:11:15 → 00:11:17 ฉะนั้นร่างกายเราจะเกิดคำว่าโดปามีน
00:11:17 → 00:11:20 addiction ก็คือการเสพติดโดปามีนแต่แบบ
00:11:20 → 00:11:22 นี้เขาเรียกชีปโดปามีนคือโดปามีนราคาถูก
00:11:22 → 00:11:25 ซึ่งแบบนี้ไม่ดีต่อร่างกายโดปามีนราคาถูก
00:11:25 → 00:11:29 เช่นอะไรบ้างเช่นพวกน้ำตาลสารเสพติดพวก
00:11:29 → 00:11:31 พวกเนี้ยเค้าเรียกเป็นโดปามีนราคาถูกแล้ว
00:11:31 → 00:11:33 เราจะดื้อสารตัวนี้ไปเรื่อยๆเราก็ต้องกิน
00:11:33 → 00:11:36 หวานมากขึ้นกินขนมมากขึ้นเสพติดมากขึ้น
00:11:36 → 00:11:38 เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังโดปามีนพวกนี้
00:11:38 → 00:11:41 หนูอยากรู้ว่าแล้วอะไรที่เรียกว่าอาหาร
00:11:41 → 00:11:44 แปรรูปคะถ้าเรารู้จักอาหารธรรมชาติเ่ะนอก
00:11:44 → 00:11:46 นั้นก็คืออาหารแปรรูปอาหารธรรมชาติเดินไป
00:11:46 → 00:11:49 ที่ตลาดสดแล้วมองไก่เป็นไก่หมูเป็นหมู
00:11:49 → 00:11:51 เห็ดเป็นเห็ดไข่เป็นไข่เนื้อเป็นเนื้อปลา
00:11:51 → 00:11:52 เป็นปลานี่เค้าเรียกอาหารธรรมชาติแต่ถ้า
00:11:52 → 00:11:55 เรามองปุ๊บเราเห็นบะหมี่เกืองสำเร็จรูป
00:11:55 → 00:11:57 มั้ยฮะทำมาจากอะไรวะถ้าเราต้องคิดว่ามัน
00:11:57 → 00:11:59 ทำมาจากอะไรเนี่ยแปรรูปเห็นซีเรียลเอมั้ย
00:11:59 → 00:12:01 ซีเรียลอยู่ในกล่องทำมาจากอะไรวะคือถ้าคน
00:12:01 → 00:12:02 รู้อยู่แล้วมันก็รู้อยู่แล้วว่าทำมาจาก
00:12:02 → 00:12:04 อะไรใช่มั้ยฮะแต่ถ้าเกิดคนทั่วไปมองของ
00:12:04 → 00:12:06 ที่อยู่ในหีบเรามองมันเกิดจากอะไรอย่าง
00:12:06 → 00:12:10 เงี้ยอาหารแปรรูปอาหารที่ใส่สารทดแทนความ
00:12:10 → 00:12:13 หวานหรืออาหารที่ใส่น้ำตาลเยอะๆเพื่อให้
00:12:13 → 00:12:15 มีอายุเเรียกว่า shelf Life นานๆพวกนี้
00:12:15 → 00:12:17 ก็นับเป็นอาหารแปรรูปอาหารในร้านสะดวก
00:12:17 → 00:12:19 ซื้อที่อยู่ในถุงทั้งหลายก็นับว่าเป็น
00:12:20 → 00:12:22 อาหารแปรรูปแต่อาหารแปรรูปมันมีทั้งน้อย
00:12:22 → 00:12:25 และมากนิดๆหน่อยๆมันก็ชีวิตปกติมันก็เจอ
00:12:25 → 00:12:27 กันได้มันก็กินกันได้แต่ถ้ามากๆเลยเช่น
00:12:28 → 00:12:30 แบบพวกซีเรียบะหมี่เกิ่งสำเร็จรูปเนี่ย
00:12:30 → 00:12:32 บางคนบอกเอ้ยปลายเดือนมันต้องบะหมี่เกิ่ง
00:12:32 → 00:12:34 สำเร็จรูปผมว่าเดี๋ยวนี้บะหมี่เกิ่ง
00:12:34 → 00:12:36 สำเร็จรูปก็ไม่ถูกนะซองกี่บาทถูกๆก็
00:12:36 → 00:12:38 ประมาณ 7-8 บาท 7 บาทอิ่มเหรอซองเดียวไม่
00:12:38 → 00:12:41 มีหรอกอิ่ม 2-3 ซองเสร็จแล้วบางทีกินของ
00:12:41 → 00:12:44 เกาหลงเกาหลีอีกแพงกว่าเดิมอีก 50 60 70
00:12:44 → 00:12:47 ไม่ถูกแล้ว้าถามบอกว่างั้นถ้าหิวจริงๆกิน
00:12:47 → 00:12:50 ไข่ต้ม 3 ฟองก็ไม่แพงนะอ้าถ้าเกิดแบบ 4
00:12:50 → 00:12:52 บาท 5 บาทไข่ทั่วไปอ่ะก็ 15 บาทต้มน้ำน้ำ
00:12:52 → 00:12:55 เดือดบาทนึงนั่นแหละ 16 บาทไข่ 3 ฟองก็ดี
00:12:55 → 00:12:57 กว่านะคืออะไรก็ตามที่เรามองเห็นเป็น
00:12:57 → 00:12:58 อาหารธรรมชาติอ่ะไม่ใช่อาหารแปรูสมมุติ
00:12:58 → 00:13:01 บอกโปรตีนโปรตีนเป็นผงๆๆๆๆดูออกมั้ยทำมา
00:13:01 → 00:13:03 จากอะไรถ้าเ้าไม่บอกอันนี้โปรตีนนี้ทำมา
00:13:03 → 00:13:05 จากถั่วเหลืองถั่วเขียวถั่วขาวโปรตีนนี้
00:13:05 → 00:13:07 ทำมาจากไอ้นู่นตัดไอนี่ดูไม่ออกทำมาจาก
00:13:07 → 00:13:09 อะไรออย่างงี้เรียกอาหารแปรรูกหรืออาหาร
00:13:09 → 00:13:13 ที่แบบใส่สารกันบูดต่างๆอ่ะหรือว่าแบบพวก
00:13:13 → 00:13:16 ของที่ไม่ว่าจะเป็นเบคอนแฮมไส้กอกอะไร
00:13:16 → 00:13:19 อย่างเงี้ยเต้องใส่ไนเตรตไนไตใส่นู่นใส่
00:13:19 → 00:13:21 นี่เยอะแยะถือเป็นแปรรูปคือที่บอกมาทั้ง
00:13:21 → 00:13:22 หมดเนี้ยคือเราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกมันก็
00:13:22 → 00:13:25 ต้องมีกินบ้างแต่ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตากิน
00:13:25 → 00:13:27 ทุกวันเราก็ต้องพยายามหาอาหารที่มันมาจาก
00:13:27 → 00:13:30 ธรรมชาติเป็นหลักและอย่างอื่นจะกินก็กิน
00:13:30 → 00:13:32 ไม่ได้เป็นอะไรค่ะถ้าสมมุติว่าเราซืวัตถุ
00:13:32 → 00:13:34 ดิบมาที่เป็นวัตถุดิบธรรมชาติแล้วเราเอา
00:13:34 → 00:13:37 มาปรุงอาหารอย่างงี้เรียกแปรรูปหรือยังคะ
00:13:37 → 00:13:40 ไม่งี้เรียกทำอาหารคำว่าแปรรูปคือการถนอม
00:13:40 → 00:13:43 อาหารหมายถึงว่าถนอมอาหารด้วยกระบวนการ
00:13:43 → 00:13:45 วิทยาศาสตร์ที่เราแบบเข้าใจไม่ค่อยได้อ่ะ
00:13:45 → 00:13:48 ไปผ่านเครื่องจักรใส่นู่นใส่นี่ไอติมอ่ะ
00:13:48 → 00:13:50 ทำมาจากอะไรก็มีหลายสูตรอ่าพอพอเรานึกถึง
00:13:50 → 00:13:53 ไอติมเราบางทีเรานึกไม่ออกนะใส่อะไรบ้าง
00:13:53 → 00:13:56 มันถึงแบบออไอติมใส่ไข่ใส่ครีมแล้วครีมทำ
00:13:56 → 00:13:59 มาจากอะไรแล้วไอ้ผงๆอ่ะมันทำมาจากอะไร
00:13:59 → 00:14:01 แล้วทำไมมันรวมกันแล้วมันมาเป็นก้อนๆแล้ว
00:14:01 → 00:14:03 มันหนืดๆได้ถ้าเราพลิกหลังซองแล้วเราจะ
00:14:03 → 00:14:06 เห็นตัว inss W เนี่ยอย่างเงี้ยเรียก
00:14:06 → 00:14:09 อาหารแปลูกครับก็จะได้เอาไปแยกกันถูกใช่
00:14:09 → 00:14:11 แต่อย่างที่บอกคือไม่ได้ห้ามกินก็จะเอา
00:14:11 → 00:14:13 ให้มันน้อยหน่อยแล้วดื่มชากาแฟอ่ะดื่มแค่
00:14:14 → 00:14:16 ไหนที่ดีต่อร่างกายเพราะบางคนน่ะค่ะวัน
00:14:16 → 00:14:18 นึงคือ 3-4 แก้วเลยอ่ะครับคือเราต้องดู 2
00:14:18 → 00:14:21 อย่างแล้วกันปริมาณกับคุณภาพของมันคุณภาพ
00:14:21 → 00:14:24 ของกาแฟเนี่ยไม่ได้บอกว่าโอ้โหคุณจะต้อง
00:14:24 → 00:14:27 ไปบนยอดดอยดอยพิเศษนู่นนี่ไม่ใช่ไม่
00:14:27 → 00:14:30 เกี่ยวคุณภาพคือกาแฟที่คุณภาพดีที่สุดคือ
00:14:30 → 00:14:33 กาแฟดำกาแฟดำสิ่งที่เติมเข้ามาคือสิ่งที่
00:14:33 → 00:14:36 ทำลายคุณภาพของมันอาจจะมีข้อยกเว้นอยู่
00:14:36 → 00:14:39 สักไม่กี่อันอันนึงก็คือพวก mct Oil
00:14:39 → 00:14:41 medium chain ไซไดซึ่งจะทำให้เราเข้า
00:14:41 → 00:14:44 สู่ภาวะคีโตซีสเผาผลาญไขมันมาเป็นพลังงาน
00:14:44 → 00:14:46 ได้ง่ายแต่ก็ไม่ได้แนะนำให้ไปกินเลื่อย
00:14:47 → 00:14:49 เปื่อยต้องมีความวิกเช่นกันเพราะะนั้นถ้า
00:14:49 → 00:14:51 เรายังไม่ได้ศึกษาอะไรให้ดีกาแฟดำเนี่ย
00:14:51 → 00:14:54 คือใช่กาแฟที่โคตรโหดเหมือนจอมโหดกระโดด
00:14:54 → 00:15:00 กัดหูที่สุดแล้วนะคือกาแฟ 3 in one อ่า
00:15:00 → 00:15:04 ง่ายเลยอ้าวง่ายดิป่วยง่ายเลยค่ะเพราะ
00:15:04 → 00:15:07 อะไรกาแฟ 3 in one มีองค์ประกอบอยู่ 3
00:15:07 → 00:15:12 อย่างใน 10 ส่วนของกาแฟมีกาแฟ 1 ส่วนอีก 9
00:15:12 → 00:15:16 ส่วนแบ่งกันอย่างละครึ่งคือครีมเทียมและ
00:15:16 → 00:15:19 น้ำตาลไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลเทพพยดมาจากไหน
00:15:19 → 00:15:22 อ่ะหรือว่าจะเป็นครีมเทียมที่เขาว่าโอ้
00:15:22 → 00:15:25 ไม่อันตรายสุดท้ายมันก็เป็นสิ่งที่ไม่
00:15:25 → 00:15:28 จำเป็นกับชีวิตอ่ะแต่กาแฟดำอ่ะดีมันไม่
00:15:28 → 00:15:30 ว่าจะเป็นเรื่องเรื่องของระบบเผาผลาญไม่
00:15:30 → 00:15:33 ว่าจะเป็นเรื่องของการกระตุ้นให้ร่างกาย
00:15:33 → 00:15:35 เรากระชุ่มกระชวยหรือว่าการที่ทำให้เรา
00:15:35 → 00:15:38 อารมณ์ดีไม่ว่าจะเป็นกลิ่นของมันนะรูปรส
00:15:38 → 00:15:40 กลิ่นเสียงพวกนี้มันก็จะแบบไม่ได้มีปัญหา
00:15:40 → 00:15:43 ถ้าเป็นกาแฟดำจะร้อนจะเย็นก็ได้ไม่ว่ากัน
00:15:43 → 00:15:46 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เติมอย่างอื่นเข้ามา
00:15:46 → 00:15:50 มันไม่ใช่กาแฟครับมันคือขนมหวานครับอที่
00:15:50 → 00:15:54 เรียกว่าลิคิดแคลอรี่อันนี้น่ากลัวมากคือ
00:15:54 → 00:15:57 แคลอรีที่เรากินเป็นประจำเนี่ยเช่นแบบพวก
00:15:57 → 00:15:59 เป็นเนื้อสัตว์อย่างเงี้ยมันจะมีความอิ่ม
00:15:59 → 00:16:02 ท้องแต่ลิควิดแคลอรี่ไม่อิ่มชาไทยขนมหวาน
00:16:03 → 00:16:06 น้ำหวาน 1 แก้ว 500 กลแคลอรี่ไม่อิ่มด้วย
00:16:06 → 00:16:09 นะโอ้อย่าไปพูดถึงความอิ่มยังไม่หายหิว
00:16:09 → 00:16:13 น้ำเลยใช่เอ 2 แก้วปาบก็ยังไม่อิ่มต้องมา
00:16:13 → 00:16:16 อย่างอื่นเติมแต่นี่คือ 1,000 กลแคลอรี่
00:16:16 → 00:16:21 1,000 กลแคลอรี่คือไข่กี่ฟองรู้มั้ย 10
00:16:21 → 00:16:24 กว่าใช่คือไข่ทั้งหมดเนี่ยประมาณซัก 10-15
00:16:24 → 00:16:27 ฟองอ่ะค่ะกินไข่ 15 ฟองได้มั้ยไม่น่าจะ
00:16:27 → 00:16:29 ได้นะเอ่าแบบสมมุติว่าเราไม่กลัวการกิน
00:16:29 → 00:16:31 ไข่เลยกินไก่่ 15 ฟองกินไหวมั้ยอาจจะไหว
00:16:31 → 00:16:33 บางคนเอ่าแต่ก็อย่างที่บอกคือว่ามันโคตร
00:16:33 → 00:16:36 โหดเลยไข่ 15 ฟองกว่าจะได้ 1,000 กล
00:16:36 → 00:16:39 แคลอรี่แต่การดูดน้ำหวาน 2 แก้วเนี่ยมัน
00:16:39 → 00:16:43 โคตรชิวเลยอือ่าเฮ้ยทำไมนับแคลอรี่แล้ว
00:16:43 → 00:16:46 มันไม่รอดอ่ะเพราะเราไม่เข้าใจว่าแคลอรี่
00:16:46 → 00:16:49 ไม่เท่ากับแคลอรี่ไม่เหมือนกันแคลอรี่ของ
00:16:49 → 00:16:53 น้ำหวาน 500 กิโลแคลอรี่ไม่เท่าแคลอรี่
00:16:53 → 00:16:55 กับเนื้อสัตว์จากธรรมชาติ 500 กิโล
00:16:55 → 00:16:59 แคลอรี่คือแคลอรี่เหมือนเขียนเท่ากันแต่
00:16:59 → 00:17:02 ประโยชน์กับคุณภาพของมันแตกต่างกันร่าง
00:17:02 → 00:17:05 กายเรานับนิวเทรียนหรือนับสารอาหารไม่ได้
00:17:05 → 00:17:08 นับแคลอรี่ครับร่างกายเรากินไป 3,000
00:17:08 → 00:17:11 กิโลแคลอรีจากน้ำหวานร่างกายก็ไม่อิ่ม
00:17:11 → 00:17:14 ร่างกายนับสารอาหารคือนิวเทรียนดังนั้น
00:17:14 → 00:17:17 จึงแนะนำให้กิน nutrient dent Food คือ
00:17:17 → 00:17:20 อาหารที่มีความเข้มข้นของสารอาหารที่ดี
00:17:20 → 00:17:23 และเหมาะสมอืโดยเน้นจากธรรมชาติเป็นหลัก
00:17:23 → 00:17:25 เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ผ่าน ess ต่างๆ
00:17:25 → 00:17:29 เนี่ยร่างกายของเราเนี่ยไม่ค่อยชอบพอร่าง
00:17:29 → 00:17:31 กายเราไม่ค่อยชอบก็จะเกิดการอักเสบใน
00:17:31 → 00:17:33 เซลล์ต่างๆทั่วร่างกายแล้วร่างกายเกิดการ
00:17:33 → 00:17:35 อักเสบไปเรื่อยๆสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
00:17:35 → 00:17:38 เซลล์เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาแล้วก็เสี่ยง
00:17:38 → 00:17:41 มะเร็งในอนาคตอืนั่นเองคือไม่ได้บอกว่า
00:17:41 → 00:17:44 กินแล้วจะเป็นมะเร็งแต่บอกว่าสาเหตุของ
00:17:44 → 00:17:48 มะเร็งคือการโดนกระตุ้นแบบเนี้ยบ่อยๆจน
00:17:48 → 00:17:51 เซลล์เปลี่ยนรูปร่างและหน้าตาไม่น่ารักจน
00:17:51 → 00:17:55 กลายเป็นเมล็กค่ะฟังแล้วก็น่าจะอ่ะเอาไป
00:17:55 → 00:17:57 เตือนตัวเองกันนิดนึงอาจจะเหมือนที่คุณ
00:17:57 → 00:17:58 หมอบอกว่ามันไม่สามารถที่จะพลิกจากหน้า
00:17:58 → 00:18:00 หน้ามือเป็นหลังมือได้เลยหรอกแต่ว่าค่อยๆ
00:18:00 → 00:18:02 เตือนตัวเองได้บไปเรื่อยๆมีคำถามนึงค่ะ
00:18:02 → 00:18:06 ที่อยากรู้มากๆคือคนที่ชอบน้ำอัดลมอือติด
00:18:06 → 00:18:08 น้ำอัดลมเขาก็ยังกินอยู่เรื่อยๆเพราะว่า
00:18:08 → 00:18:12 ตรวจสุขภาพแล้วนะก็ปกติดีอ่าแล้วก็กิน
00:18:12 → 00:18:14 เยอะมากเลยกินแทนน้ำเปล่าเลยอ่ะอย่างนี้
00:18:14 → 00:18:17 เป็นอะไรมั้ยคะเวลาที่เรายังไม่เป็นไม่
00:18:17 → 00:18:20 ได้บอกว่าเราจะไม่เป็นคือมันชัดเจนว่าสัก
00:18:20 → 00:18:23 พักนึงอ่ะจะเป็นคือเมื่อไหร่ก็ตามที่เรา
00:18:23 → 00:18:25 มีภาวะดื้ออินซูลินเรื่อยๆสักพักนึงเราจะ
00:18:25 → 00:18:27 เป็นเบาหวานตอนปลายสุดของชีวิตอย่างที่
00:18:27 → 00:18:30 บอกครับว่าตอนเราอายุยังน้อยหรือเราโชคดี
00:18:30 → 00:18:32 มีร่างกายแข็งแรงหรือเรายังออกกำลังกาย
00:18:32 → 00:18:34 บ้างก็ตามหรือใช้ชีวิตได้ดีในระดับหนึ่ง
00:18:34 → 00:18:37 มันก็จะชะลอความเสื่อมหรือว่าการดื้อ
00:18:37 → 00:18:39 อินซูลินได้ในระดับหนึ่งแต่ถ้าเมื่อไหร่
00:18:39 → 00:18:41 ก็ตามที่เราใส่เข้าไปเยอะๆใส่เข้าไปเยอะๆ
00:18:41 → 00:18:44 แล้วร่างกายเราไปถึงจุดนึงที่มันเริ่ม
00:18:44 → 00:18:48 เสื่อมตามวัยเช่นเราเริ่มเข้าอายุ 40 50
00:18:48 → 00:18:50 60 ร่างกายเราไม่แข็งแรงเหมือนเดิมคราว
00:18:50 → 00:18:53 นี้แหละไอ้ที่เราเคยกินไปอ่ะมันก็จะมาออก
00:18:53 → 00:18:56 ฤทธิ์ตอนนี้ละแล้วอย่างที่บอกครับเวลามัน
00:18:56 → 00:18:59 มามันมาเต็มเบาหวานความดันไขมันหลอดเลือด
00:18:59 → 00:19:03 แล้วมันกลับยากอือ่ามาแล้วก็มาเลยตอนนั้น
00:19:03 → 00:19:06 ก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วยตัวเอง
00:19:06 → 00:19:10 แล้วคนที่เป็นสายดื่มร่ะคะสายดื่มสายดริง
00:19:10 → 00:19:13 อย่างเป็นอ่าวัยทำงานออฟฟิศอย่างเงี้ย
00:19:13 → 00:19:15 ต้องมีต้องมีใช่ต้องมีไปกินเลี้ยงกันแล
00:19:15 → 00:19:17 อะไรอย่างเงี้ก็เรื่องธรรมดานะครับคือ
00:19:17 → 00:19:19 เวลาเราจะดูแลสุขภาพเราก็ต้องอยู่ในสังคม
00:19:19 → 00:19:21 ใช่มั้ยเราก็ต้องทำงานนะก็ต้องหาข้าวกิน
00:19:21 → 00:19:24 ถูกต้องมั้ยเออมันก็ต้องไปงานเลี้ยงอะไร
00:19:24 → 00:19:26 ก็ว่าไปตามเรื่องราวสำหรับที่ต้องไปแฮง
00:19:26 → 00:19:29 Out เนี่ยสัปดาห์นึงผมว่า 2 ครั้งนี่คือ
00:19:29 → 00:19:32 ตึงะ 1 ครั้งก็อนุโลมได้กำลังสวยทำให้เรา
00:19:32 → 00:19:34 รีแลกด้วยไม่เครียดมากคราวนี้ต้องเข้าใจ
00:19:34 → 00:19:37 ว่าเวลาเราไปเ่าดื่มแอลกอฮอล์หรืออะไร
00:19:37 → 00:19:39 เนี่ยมันไม่ใช่แค่ไปดื่มแอลกอฮอล์น 1
00:19:39 → 00:19:41 เวลาเราไปดื่มแอลกอฮอล์มีกับแก้มกับแก้ม
00:19:41 → 00:19:44 ส่วนใหญ่จะเป็นของทอดเป็นของหวานเป็นขนม
00:19:44 → 00:19:47 หรือว่าเป็นอะไรชุบแป้งทอดให้สังเกตนะทุก
00:19:47 → 00:19:52 อย่างจะเป็นแป้งน้ำตาลผ่านความร้อนสูงอื
00:19:52 → 00:19:55 มันจะอร่อยและหยุดไม่อยู่ให้สังเกตว่า
00:19:55 → 00:19:57 เวลาเราไปกินของกรอบๆแล้วไปจิ้มอะไรหวานๆ
00:19:57 → 00:20:00 แล้วโรยเค็มๆนึงอ่ะมันจะหยุดไม่อยู่เพราะ
00:20:00 → 00:20:04 ว่ามันดีไซน์มาเพื่อให้เราหยุดไม่อยู่คือ
00:20:04 → 00:20:06 อันเนี้ยมันคือเทคโนโลยีของการสร้างสรรค์
00:20:06 → 00:20:08 อาหารขึ้นมาเพื่อให้เรากินไม่หยุดเพราะ
00:20:08 → 00:20:11 ถ้าเรากินแล้วหยุดเขาก็ขายได้น้อยเขา
00:20:11 → 00:20:13 ดีไซน์มาแล้วครับและแอลกอฮอล์จะทำให้เรา
00:20:13 → 00:20:16 ขาดสติไว้วันหลังก็ได้ลดน้ำหนักอ่ะไว้วัน
00:20:17 → 00:20:19 หลังก็ได้สุขภาพใช่มยอืหลังจากนั้นคือ
00:20:19 → 00:20:22 เวลาเราดื่มฮอยเยอะๆสิ่งที่เกิดขึ้นคือ
00:20:22 → 00:20:25 เราก็จะนอนดึกถูกต้องมยอ่าทุกอย่างมันจะ
00:20:25 → 00:20:28 มาเป็นสเต็ปอ่ะถ้าตื่นเร็วเราก็จะง่วงถ้า
00:20:28 → 00:20:31 ตื่นสายเราก็จะตื่นผิดเวลาคือทุกอย่างมัน
00:20:31 → 00:20:35 จะรวนหมดถ้าเราจะเลือกเช่นก่อนไปกินอาหาร
00:20:35 → 00:20:37 ให้อิ่มเราก็ไม่กินจุกจิกแล้วก็มีลิมิตใน
00:20:37 → 00:20:39 ตัวเรา 2 แก้วบางคนบอก 2 แก้วแล้วเอ้ย
00:20:39 → 00:20:41 แล้วอยู่อีกนายูก็กินน้ำโซดาเป่าๆดิน้ำ
00:20:41 → 00:20:44 โซดาดีใช่มั้ยอ่ากินได้โซดาเวลาผมไปเนี่ย
00:20:44 → 00:20:46 สมมุติมีงานเลี้ยงผมก็อาจจะดื่มแอลกอฮอล์
00:20:47 → 00:20:49 1 แก้วต้องมีน้ำเติมไปอีก 1 แก้วเพื่อทำ
00:20:49 → 00:20:52 ให้แบบเราขับสารต่างๆออกได้ดีถ้าเราอยาก
00:20:52 → 00:20:54 จะแบบดื่มได้ตอแล้วก็กินโซดาเปล่าๆบีบ
00:20:54 → 00:20:56 มะนาวนิดหน่อยมันก็เหมือนแล้วแค่มันไม่
00:20:56 → 00:20:59 เมาเราก็จะกินเพื่อเมาทำไมบางคนบอกออไป
00:20:59 → 00:21:01 กินเที่งานแต่สุดท้ายคือจะกินเอาเมาเงี้
00:21:01 → 00:21:03 มันก็กินเอาเมาแล้วจะมีสุขภาพดีอ๋อเป็นไป
00:21:03 → 00:21:05 ไม่ได้ Impossible อีกหนึ่งอย่างที่เราจะ
00:21:05 → 00:21:08 พูดกันมาโดยตลอดที่คุณหมอบอกก็คือน้ำตาล
00:21:08 → 00:21:10 อ่าแล้วหนูก็เคยได้ยินว่าน้ำตาลน่ะคือยา
00:21:10 → 00:21:13 พิษอืออะไรที่ทำให้น้ำตาลน่ะมันเป็นยาพิษ
00:21:13 → 00:21:16 อ่ะค่ะเวลาเราพูดถึงสิ่งเสพติดเนี่ยยาพิษ
00:21:16 → 00:21:20 มั้ยอ่ะยาพิษอ่ะชัดเจนมั้ยค่ะน้ำตาลเนี่ย
00:21:20 → 00:21:23 คือสิ่งเสพติดที่เราไม่รู้นะอเราไม่รู้
00:21:23 → 00:21:25 ตัวว่าเราเสพติดน้ำตาลถ้าเกิดเรากินอะไร
00:21:25 → 00:21:29 กินขนมหวานแล้วกินอยู่ทุกวันเนี่ยแล้วเรา
00:21:29 → 00:21:31 ไม่ได้กินน่ะเราจะหงุดหงิดถ้าเราขาดน้ำ
00:21:31 → 00:21:33 ตาลเเรียกว่าถ้าน้ำตาลตกเราก็จะหงุดหงิด
00:21:33 → 00:21:34 อย่างนี้เเรียกเสพติดเพราะฉะนั้นสิ่งที่
00:21:34 → 00:21:37 เป็นเศพติดเนี่ยมันก็เป็นยาพิษอยู่แล้วะ
00:21:37 → 00:21:39 ยังไม่พอน้ำตาลทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกาย
00:21:39 → 00:21:41 เราเสียสุดท้ายแล้วเนี่ยพอระบบฮอร์โมนใน
00:21:41 → 00:21:43 ร่างกายเราเสียเนี่ยทุกอย่างมันก็แย่ไป
00:21:43 → 00:21:46 หมดคือจริงๆมนุษย์เราเนี่ยควบคุมด้วยระบบ
00:21:46 → 00:21:48 ฮอร์โมนกันหมดนะให้สังเกตถ้าเป็นคุณผู้
00:21:48 → 00:21:51 หญิงในภาวะมีประจำเดือนช่วงมีประจำเดือน
00:21:51 → 00:21:54 เนี่ยจะเป็นช่วงที่แบบตึงมากมืดมนหน้ามืด
00:21:54 → 00:21:57 เวียนทุกโรคใบนี้มันจะเกิดกับเราได้หมด
00:21:57 → 00:21:59 อ่ะเวลาเราประจำเดือนหรือประจำเดือนผิด
00:21:59 → 00:22:01 ปกติประจำเดือนมามากประจำเดือนมาน้อยอะไร
00:22:01 → 00:22:03 ก็ตามเนี่ยแค่ฮอร์โมนผิดปกติเป็นนิดเดียว
00:22:03 → 00:22:06 เองนะแต่น้ำตาลเนี่ยทำให้ฮอร์โมนเนี่ย
00:22:06 → 00:22:08 ทั้งร่างกายของเราผิดปกติไปเลยอ่ะเพราะ
00:22:08 → 00:22:11 ฉะนั้นเนี่ยโอกาสที่เออเราจะสุขภาพดีจาก
00:22:11 → 00:22:13 การทานน้ำตาลเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วมันมี
00:22:13 → 00:22:15 แต่แย่ลงแย่ลงแย่ลงเรื่อยๆคือทั้งนี้ทั้ง
00:22:15 → 00:22:17 นั้นเนี่ยไม่ได้บอกว่าห้ามทานนะก็ถ้าอยาก
00:22:17 → 00:22:19 สุขภาพดีก็ทานให้มันน้อยๆอ่ะค่ะก็กินได้
00:22:19 → 00:22:22 แต่นิดหน่อยแล้วน้ำตาลก็คือให้รสหวานแล้ว
00:22:22 → 00:22:25 ถ้าสมมุติว่าเป็นคนที่ติดหวานสามารถกินรส
00:22:25 → 00:22:28 อะไรแทนด้วยมั้ยหรือว่ากินสารให้ความหวาน
00:22:28 → 00:22:31 แทนแทนได้มั้ยคะถ้าติดหวานเนี่ยเราควรจะ
00:22:32 → 00:22:35 แก้ไขชีวิตของเรายังไงข้อแรกหาอย่างอื่น
00:22:35 → 00:22:38 มาแทนความหวานข้อที่ 2 แก้นิสัยแย่ๆนี้ไป
00:22:38 → 00:22:41 ซะอืถ้ายั่งยืนก็ต้องแก้นิสัยใช่คือคีย
00:22:41 → 00:22:44 แรกเนี่ยหาอย่างอื่นมาทดแทนเนี่ยมันก็ดี
00:22:44 → 00:22:47 กว่าไม่ทำอะไรอ่าเราก็จะหาสารทดแทนความ
00:22:47 → 00:22:49 หวานมาใช่ไมั้ยครับซึ่งสารทดแทนความหวาน
00:22:49 → 00:22:51 ในปัจจุบันก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆกลุ่ม
00:22:51 → 00:22:54 ที่กระตุ้นอินซูลินกับกลุ่มที่ไม่กระตุ้น
00:22:54 → 00:22:56 อินซูลินกลุ่มที่กระตุ้นอินซูลินก็มักจะ
00:22:56 → 00:22:58 อยู่ในอาหารที่ขายทั้งหลายอ่ะตามร้าน
00:22:58 → 00:23:00 สะดวกซื้อทั้งหลายที่เขียน 0% เนี่ยพวก
00:23:00 → 00:23:02 เนี้ยค่อนข้างจะเป็นกลุ่มสารทดแทนความ
00:23:02 → 00:23:04 หวานที่กระตุ้นอินซูลินไม่ว่าจะเป็นซู
00:23:05 → 00:23:08 คาโรไม่ว่าจะเป็นแอสปาแตมอะไรพวกเนะฮะก็
00:23:08 → 00:23:10 จะกระตุ้นพอสมควรพวกนี้ไม่แตกต่างจากทาน
00:23:10 → 00:23:14 น้ำตาลอืมถึงแม้จะเขียนว่าน้ำตาล 0% ใช่
00:23:14 → 00:23:17 ปัญหาของเบาหวานมีคำเดียวครับภาวะดื้อ
00:23:17 → 00:23:19 อินซูลินทำให้เกิดเบาหวานเมื่อไหร่ก็ตาม
00:23:19 → 00:23:20 ที่เราทานอะไรก็ตามที่กระตุ้นอินซูลิน
00:23:20 → 00:23:23 บ่อยๆแปลว่าคุณกำลังเสี่ยงเบาหวานไม่ว่า
00:23:23 → 00:23:26 จะเป็นน้ำตาลไม่ว่าจะเป็นผงชูรสไม่ว่าจะ
00:23:26 → 00:23:28 เป็นอาหาร ess Food ต่างๆไม่ว่าว่าจะ
00:23:28 → 00:23:30 เป็นอะไรก็ตามอ่ะที่มันกระตุ้นอินซูลิน
00:23:30 → 00:23:32 น่ะมันก็จะทำให้เราเสียงเบาหวานคราวนี้
00:23:32 → 00:23:34 มันก็มีผลิตภัณฑ์ออกมาเนาะสำหรับไม่
00:23:34 → 00:23:37 กระตุ้นอินซูลินไม่ว่าจะเป็นสตีเวียอิอ
00:23:37 → 00:23:41 อินนูลินหล่อฮ้างกล้วยลูโลสพวกเนี้ยไม่
00:23:41 → 00:23:44 กระตุ้นอินซูลินเขาบอกว่าไม่กระตุ้น
00:23:44 → 00:23:47 อินซูลีนค้นขายค่ะซึ่งจากการวิจัยกระตุ้น
00:23:47 → 00:23:50 น้อยกว่าต่างกันนะไม่กระตุ้นกับกระตุ้น
00:23:50 → 00:23:53 น้อยกว่ามันไม่ชัวร์หรอกว่าไม่กระตุ้นแต่
00:23:53 → 00:23:55 มันกระตุ้นน้อยกว่าน้ำตาลแน่ๆดังนั้นใน
00:23:55 → 00:23:57 ช่วงแรกที่ติดหวานอยู่เราเปลี่ยนมาเป็น
00:23:57 → 00:23:59 กลุ่มสารททแทนความหวานที่ไม่กระตุ้น
00:23:59 → 00:24:01 อินซูลินอย่างนี้ยังพอไหวเพราะะนั้นสิ่ง
00:24:01 → 00:24:04 ที่สำคัญที่สุดคือกินให้น้อยลงให้ได้ความ
00:24:04 → 00:24:06 หวานจากธรรมชาติบางคนความหวานจากธรรมชาติ
00:24:06 → 00:24:09 โอน้ำผึ้งอไม่ใช่น้ำผึ้งก็คือน้ำตาลคือ
00:24:10 → 00:24:12 น้ำตาลจากผลไม้คำว่าความหวานจากธรรมชาติ
00:24:12 → 00:24:15 หมายถึงความหวานจากอาหารกลุ่มโปรตีนกลุ่ม
00:24:15 → 00:24:17 เนื้อสัตว์ที่มันมีความหวานซ่อนอยู่กลุ่ม
00:24:17 → 00:24:19 ผักใบเขียวที่มีความหวานซ่อนอยู่ไม่ใช่
00:24:19 → 00:24:22 ความหวานจากน้ำตาลฟรุกโตสเข้มข้นเช่นไม่
00:24:22 → 00:24:24 ว่าจะเป็นเรื่องน้ำผึ้งไม่ว่าจะเป็นน้ำ
00:24:24 → 00:24:26 ผลไม้ที่มันมีความหวานมากจริงๆมัน Easy
00:24:26 → 00:24:29 มากฮะถ้ากินแล้วมันหวานเแปว่าไม่ใช่กิน
00:24:29 → 00:24:32 แล้วหวานหวานเจี๊ยบหวานจังหวานอร่อยเสียง
00:24:32 → 00:24:35 เบาหวานก็ตามชื่อเบาหวานกินหวานกระตุ้น
00:24:35 → 00:24:38 ไม่กระตุ้นอินซูลินขอให้หวานเสี่ยงหมดน้ำ
00:24:38 → 00:24:40 เชื่อมที่เป็นน้ำเชื่อมหญ้าหวานล่ะคะอ่า
00:24:40 → 00:24:42 ก็หญ้าหวานก็คือสตีเวียก็คือกลุ่มไม่
00:24:43 → 00:24:46 กระตุ้นอินซูลินช่วงแรกใช้ได้พยายามลดลง
00:24:46 → 00:24:48 คุณหมอคะหนูมีอีก 1 คำถามอยากรู้ว่าทำไม
00:24:48 → 00:24:51 เวลาที่เรากินอาหารเสร็จอ่ะกลางวันอย่าง
00:24:51 → 00:24:54 เงี้ยบางคนง่วงนอนอ่ามันเกิดจากอะไรคะคือ
00:24:55 → 00:24:57 ให้สังเกตว่าไม่ทุกครั้งหรอกที่เราง่วง
00:24:57 → 00:25:00 นอนแต่ถ้าถเราลองไปเจาะลึกดีๆเนี่ยถ้า
00:25:00 → 00:25:03 เมื่อไหร่อาหารที่เรากินเนี่ยมีน้ำตาลที่
00:25:03 → 00:25:06 สูงมากมีแป้งมีคาร์โบไฮเดรตที่สูงมากเรา
00:25:06 → 00:25:07 จะง่วงคือตอนแรกเนี่ยเรากินน้ำตาลมันจะ
00:25:07 → 00:25:10 พุ่งนะพวกคาร์โบไฮเดรตหรือพวกน้ำตาลเนี่ย
00:25:10 → 00:25:12 อีกสักแป๊บนึงน้ำตาลมันจะตกลงมันจะพุ่งลง
00:25:12 → 00:25:15 มาเลยเาเรียกว่าภาวะเป็นโลอ coaster คือ
00:25:15 → 00:25:18 ภาวะแบบน้ำตาลพุ่งขึ้นลงแบบรถไฟเหาะอ่ะ
00:25:18 → 00:25:21 ตอนขึ้นเราจะมีความสุขมากเลยตอนลงเราจะ
00:25:21 → 00:25:23 แบบง่วงหงาวหาวนอนมากเพราะฉะนั้นให้
00:25:23 → 00:25:26 สังเกตว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินอาหาร
00:25:26 → 00:25:29 ที่มีแป้งและน้ำตาลสูงเรามักมักจะง่วง
00:25:29 → 00:25:31 ซึ่งอันนี้เป็นเทคนิคหนึ่งถ้าเราอยากนอน
00:25:31 → 00:25:34 หลับดีถ้าจะกินนะคาร์โบไฮเดรตเนี่ยให้กิน
00:25:34 → 00:25:36 มื้อเย็นแต่ให้เลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตที่
00:25:36 → 00:25:38 ดีต่อร่างกายเช่นมันหวานญี่ปุ่นผมจะกิน
00:25:38 → 00:25:41 มันหวานญี่ปุ่นแทนขนมตอนมื้อเย็นเพื่อให้
00:25:41 → 00:25:43 ร่างกายเรารีแลกแล้วก็หลับได้ดีแล้วก็
00:25:43 → 00:25:46 เป็นคาร์โบไฮเดรตจากธรรมชาติมีกากใยสูง
00:25:46 → 00:25:48 แล้วก็อร่อยแต่ไม่ใช่กินเยอะเกินไปนะกิน
00:25:48 → 00:25:51 ครึ่งลูกก็พอบางคนบอกโอ้โหมันหวานญี่ปุ่น
00:25:51 → 00:25:53 คุณหมอทอบอกว่าดีซัดไป 3 ลูกไองี้มันก็
00:25:53 → 00:25:56 ไม่ใช่เรื่องต้องต้องเข้าใจหลักการให้ถูก
00:25:56 → 00:25:58 ต้องแล้วหลังจากเราเข้าใจหลักการมีความ
00:25:58 → 00:26:00 ความรู้เนี่ยเราจะทำอะไรหรือเลือกกินอะไร
00:26:00 → 00:26:02 มันก็ง่ายไปหมดแมาที่อีกอย่างนึงค่ะที่
00:26:02 → 00:26:05 หนูว่าเป็นเทรนด์หรือว่าเป็นค่านิยมใหม่
00:26:05 → 00:26:08 เลยก็ได้นะการกินบุฟเฟ่ต์อ่าทุกวันนี้มี
00:26:08 → 00:26:10 โปรออกมาแทบจะทุกร้านหากินง่ายมากใน
00:26:10 → 00:26:13 ประเทศไทยแล้วสายที่ติดกินบุฟเฟ่ต์กิน
00:26:13 → 00:26:16 ต้องเอาจนคุ้มเนี่ยค่ะมีความอันตรายยังไง
00:26:16 → 00:26:19 บ้างอจริงๆเนี่ยบุฟเฟ่ต์เนี่ยเป็นอาหารลด
00:26:19 → 00:26:22 น้ำหนักนะอืแต่สำหรับคนที่มีความรู้นะการ
00:26:22 → 00:26:25 ที่เราเดินเข้าไปในร้านบุฟเฟ่ต์เนี่ยเขา
00:26:25 → 00:26:26 ไม่ได้บังคับให้เรากินอะไรเลยนะมันอยู่
00:26:27 → 00:26:30 ที่สติกับสมองของเรามีแค่นี้แหละถ้าเรา
00:26:30 → 00:26:32 ฉลาดพอที่จะเลือกของในบุฟเฟ่ต์กินเป็น
00:26:32 → 00:26:35 ลำดับได้ถูกต้องอ่ะเราจะผอมแล้วเราจะมี
00:26:35 → 00:26:39 ความสุขมากเพราะอะไร 1 คืออาหารหลากหลาย 2
00:26:39 → 00:26:42 คือเลือกได้ตามใจชอบอิ่มก็เลิกแต่ปัญหา
00:26:42 → 00:26:44 ของเราคืออะไรกินบุฟเฟ่ต์จะเอาคุ้มทำไม
00:26:44 → 00:26:46 เวลาไปกินบุฟเฟ่ต์ต้องเอาคุ้มไม่เห็นมี
00:26:46 → 00:26:48 เหตุผลเลยเราไปกินกินข้าวเพื่ออะไรฮะอิ่ม
00:26:48 → 00:26:51 อร่อยคุ้มนี่ใครได้อะไรมันเป็นจิตใต้
00:26:51 → 00:26:54 สำนึกว่าแบบเราพยายามที่จะไม่ยอมขาดทุน
00:26:54 → 00:26:56 อะไรกับโลกใบนี้เราพยายามที่จะเอาทุกสิ่ง
00:26:56 → 00:26:58 มาเป็นของเรานี่คือนิสัยของมนุษย์ใน
00:26:58 → 00:27:01 ปัจจุบันว่าแบบต้องคุ้มต้องได้ต้องเยอะ
00:27:01 → 00:27:03 มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องยูไปกินข้าว
00:27:03 → 00:27:05 เพื่ออิ่มแฮปปี้มีความสุขได้สารอาหารจบก็
00:27:06 → 00:27:08 พอและอย่างที่ผมเคยบอกไปถ้าเราเลือกสเต็ป
00:27:08 → 00:27:10 อาหารถูกต้องทุกอย่างง่ายเริ่มต้นได้น้ำ 1
00:27:10 → 00:27:13 แก้้วสลัดผักชามใหญ่ๆสดครึ่งสุกครึ่งก็
00:27:13 → 00:27:15 ได้แล้วแต่ไปบุฟเฟ่ต์นี่ตักเท่าไหร่ก็ได้
00:27:15 → 00:27:18 น้ำสลัดอย่าเอาราดเอาเป็นจิ้มจะได้ปลอด
00:27:18 → 00:27:20 ภัยนะครับแบบเนี้ยเพราะว่าเวลาเราราด
00:27:20 → 00:27:22 เนี่ยบางทีมันฉ่ำเลยนะกินเข้าไปหวาน
00:27:22 → 00:27:24 เจี๊ยบเลยแต่เวลาเราจิ้มอย่างเงี้ยจะปลอด
00:27:24 → 00:27:26 ภัยมากกว่ามันจิ้มทีละนิดจิ้มทีละหน่อย
00:27:26 → 00:27:29 หรือบางคนถ้าอยากลดน้ำหนักมากๆเนี่ยเรา
00:27:29 → 00:27:32 ไม่เอาน้ำสลัดแต่ว่าเราใช้ผลไม้สดลงไปไม่
00:27:32 → 00:27:34 ว่าจะเป็นกลุ่มตระกูลเบอร์รี่หรืออะไรก็
00:27:34 → 00:27:36 ตามเนี่ยในบุฟเฟ่ต์มันมีอยู่แล้วส่วนใหญ่
00:27:36 → 00:27:38 เสร็จแล้วเราเลือกกินโปรตีนโปรตีนเนี่ย
00:27:38 → 00:27:40 เนื้อสัตว์เยอะแยะกินไปดิเนื้อสัตว์ติด
00:27:40 → 00:27:42 มันก็กินได้บางคนบอกโหกลัวเนื้อสัตว์ติด
00:27:42 → 00:27:44 มันผมบอกโอ้โหความรู้เข้าไปถึงไหนแล้วโรค
00:27:44 → 00:27:47 ใบนี้เนื้อสัตว์ติดมันเนี่ยคือโปรตีน
00:27:47 → 00:27:49 ธรรมชาติบวกไขมันธรรมชาติกระตุ้นอินซูลิน
00:27:49 → 00:27:52 น้อยกว่าโปรตีนเพียวๆโปรตีนเพียวๆคือ
00:27:52 → 00:27:54 เนื้อสัตว์เช่นอกไก่เทียบกับน่องไก่ติด
00:27:55 → 00:27:56 มันเนี่ยน่องไก่ติดมันกระตุ้นอินซูลิน
00:27:56 → 00:27:59 น้อยกว่าแปลว่าภาวะดื้อสุรินน้อยกว่าฮะ
00:27:59 → 00:28:02 ตรงไปตรงมาค่ะแต่คนส่วนใหญ่จะแบบไปยึดติด
00:28:02 → 00:28:04 กับว่าไข่แดงไม่ดีเนื้อสัตว์ติดมันไม่ดี
00:28:04 → 00:28:09 หนังไม่ดีหนังไก่ดีมยก็อยู่ที่วิธีปรุง
00:28:09 → 00:28:11 ถ้าหนังไก่เราเป็นหนังไก่อบไม่ได้ใส่น้ำ
00:28:11 → 00:28:14 ตาลไม่ได้อะไรหรือทอดด้วยหม้ออบลมร้อนใช้
00:28:14 → 00:28:16 ตัวหนังไก่ทอดตัวเองอย่างนี้ดีเป็นไขมัน
00:28:16 → 00:28:19 ธรรมชาติแต่ถ้าบอกว่าเป็นหนังไก่ทอดในน้ำ
00:28:19 → 00:28:22 มันพืชร้อนๆความร้อนสูงอย่างนี้ไม่ดีสาร
00:28:22 → 00:28:25 เกิดการอักเสบสูงหรือว่าชุบแป้งทอดอย่าง
00:28:25 → 00:28:27 นี้ไม่ดีเพราะว่าแป้งบวกไขมันเจอกันปุ๊บ
00:28:27 → 00:28:29 ทำให้ร่างกายจุดการเผาผ่าาทั้งไขมันและ
00:28:29 → 00:28:30 พลังงานเพราะฉะนั้นเนี่ยเวลาเราเลือก
00:28:30 → 00:28:33 บุฟเฟต์ได้ถูกต้องเนี่ยมันจะกลายเป็นสิ่ง
00:28:33 → 00:28:35 ที่ลดน้ำหนักได้ดีที่สุดเพราะเราสามารถ
00:28:35 → 00:28:38 ที่จะกินโปรตีนชั้นดีไขมันชั้นดีได้ปัญหา
00:28:38 → 00:28:40 ของคนที่กินบุฟเฟต์แล้วอ้วนคือบุฟเฟ่ต์
00:28:40 → 00:28:44 น้ำบุฟเฟ่ต์น้ำหวานบุฟเฟ่ต์แอลกอฮอล์กิน
00:28:44 → 00:28:46 ขนมต้องคุ้มอิ่มแล้วก็ต้องจับยัดเข้าไป
00:28:46 → 00:28:49 เพื่อความคุ้มไม่รู้คุ้มอะไรคุ้มอีกทีไป
00:28:49 → 00:28:51 อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วก็คือว่าปรับ
00:28:51 → 00:28:53 พฤติกรรมของเราอาหารการกินให้ร่างกายเรา
00:28:53 → 00:28:56 เนี่ยมันไม่อักเสบเพราะว่าถ้าอักเสบเนี่ย
00:28:56 → 00:28:58 มันก็นำไปสู่การเป็นมะเร็งได้ใช่ใครที่ดู
00:28:59 → 00:29:01 แล้วเนี่ยมีคำถามสามารถทิ้งเอาไว้ได้นะคะ
00:29:01 → 00:29:03 อย่าลืมกดไลค์กดแชร์กด Subscribe เป็น
00:29:03 → 00:29:05 กำลังใจให้เราด้วยนะถ้ายังไม่จุใจติดตาม
00:29:05 → 00:29:07 ช่องด Top Channel ได้นะคะมีอีกเยอะมากๆ
00:29:08 → 00:29:10 เลยค่ะไปติดตามดูกันได้นะคะวันนี้ขอบคุณ
00:29:10 → 00:29:14 คุณหมอมากๆเลยนะคะขอบคุณค่ะครับสวัสดี
00:29:14 → 00:29:27 [เพลง]
00:29:27 → 00:29:30 ครับ n
00:29:30 → 00:29:35 [เพลง]