00:00:00 → 00:00:03 เจาะลึกปัญหาระบบย่อยๆทิศตั้งแต่กรดไหล
00:00:03 → 00:00:06 ย้อนท้องอึดท้องเฟ้อลำไส้แปรปรวดพร้อม
00:00:06 → 00:00:08 เทียบข้อดีข้อเสียของยาแผนปัจจุบันกับยา
00:00:08 → 00:00:12 สมุนไพรไทยไปติดตามในรายการวันใหม่ไกลโรค
00:00:12 → 00:00:19 วันโร
00:00:19 → 00:00:23 สืบทอดภูมิปัญญาไทยใส่ใจคุณภาพยาร้าน
00:00:23 → 00:00:28 เจริญสุขโอสถ
00:00:28 → 00:00:31 นครปฐมสวัสดีสดีค่ะนี่คือรายการวันใหม่
00:00:31 → 00:00:34 ไกลโลกค่ะรายการใหม่ของช่องแดงเองนะคะราย
00:00:34 → 00:00:36 การทลโชว์สุขภาพดีที่จะพาคุณไปเปิดมุมมอง
00:00:37 → 00:00:39 เกี่ยวกับยาแล้วก็สมุนไพรไทยเพื่อคนไทย
00:00:39 → 00:00:42 สุขภาพดีเพราะทุกวัยเริ่มใหม่ได้เสมอกับ
00:00:42 → 00:00:45 วันใหม่ไกลโลกนะคะวันนี้ไม่ได้มาพูดคน
00:00:45 → 00:00:48 เดียวนะคะเชิญแขกรับเชิญที่เชี่ยวชาญ
00:00:48 → 00:00:50 เกี่ยวกับเรื่องของยาแล้วก็สมุนไพรไทยมา
00:00:50 → 00:00:52 พูดเดี๋ต้องขอเล่าก่อนว่าทำไมถึงต้องเป็น
00:00:52 → 00:00:54 อาจารย์ท่านนี้นะคะคือแดงอ่ะรู้จักกับ
00:00:54 → 00:00:56 อาจารย์มาหลายปีและจากการที่เคยเรียน
00:00:56 → 00:00:58 แพทย์แผนไทยที่สถาบันนึงแล้วประทับใจมาก
00:00:59 → 00:01:00 เพราะว่าอาจารย์น่ะเป็นเภสัชกรแผน
00:01:00 → 00:01:03 ปัจจุบันค่ะแต่มีความสนใจมีความรักในภูมิ
00:01:03 → 00:01:06 ปัญญาแผนไทยแล้วก็ไปเรียนแพทย์แผนไทย
00:01:06 → 00:01:09 เรียนเภสัชกรรมไทยก็ได้มาสอนนะคะแล้วถ้า
00:01:09 → 00:01:11 เกิดไปแบบเสิร์ชดูเกี่ยวกับพวกยาหอมหรือ
00:01:11 → 00:01:13 ตำรับยาไทยนะคะเชื่อว่าต้องเจอชื่อ
00:01:13 → 00:01:15 อาจารย์แน่นอนเพราะว่าอาจารย์ทำงานวิจัย
00:01:15 → 00:01:18 เกี่ยวกับยาแผนไทยเยอะมากๆเลยแล้วพอแดงมี
00:01:18 → 00:01:19 ความคิดว่าแดงอยากจะทำรายการให้ความรู้
00:01:19 → 00:01:21 เกี่ยวกับยาแผนไทยเนี่ยอาจารย์เป็นคนแรก
00:01:21 → 00:01:24 ที่แดงนึกถึงแล้วพอยกหูบอกอาจารย์อาจารย์
00:01:24 → 00:01:26 น่ารักมากๆยินดีที่จะมาเป็นแขกรับเชิญใน
00:01:26 → 00:01:28 รายการของเราเพราะฉะนั้นวันนี้อาจารย์
00:01:28 → 00:01:30 นั่งอยู่กับเราแล้วนะคะขอต้อนรับอาจารย์
00:01:30 → 00:01:35 รุ่งรวีค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะขอบคุณมาก
00:01:35 → 00:01:38 เลยค่ะอาจารย์ที่ให้เวลากับเราในวันนี้นะ
00:01:38 → 00:01:41 คะอาจารย์ปัจจุบันก็สอนอยู่ที่คณะศาสตร์
00:01:41 → 00:01:43 ที่ม.ธรรมศาสตร์ด้วยใช่ยังสอนอยู่ค่ะอื
00:01:43 → 00:01:45 อาจารย์สอนเกี่ยวกับอะไรคะสอนเกี่ยวกับ
00:01:46 → 00:01:49 ทางด้านพืชสมุนไพรคือให้รู้จักพืชสมุนไพร
00:01:49 → 00:01:53 แล้วก็เรื่องของการใช้ยาสมุนไพรค่ะอืมตรง
00:01:53 → 00:01:56 ประเด็นมากๆต้องขอบอกในฐานะคนเคยเรียนกับ
00:01:56 → 00:01:58 อาจารย์นะคะเห็นอย่างี้อาจารย์อาจารย์สอน
00:01:58 → 00:02:00 เก่งมากจริงๆเดี๋ยววันนี้เทปแรกคือคือราย
00:02:00 → 00:02:02 การเต้องบอกเล่าให้ฟังก่อนว่าจะมาเจอกับ
00:02:02 → 00:02:05 คุณผู้ชมเป็นประจำนะคะทุกวันจันทร์ก็จะ
00:02:05 → 00:02:08 เป็นหัวข้อต่างๆแต่หัวข้อแรกเนี่ยที่อยาก
00:02:08 → 00:02:10 จะนำมาพูดกันเลยจะเป็นหัวข้อหลักของช่อง
00:02:10 → 00:02:13 แดงเลยค่ะอาจารย์ก็คือปัญหาเกี่ยวกับระบบ
00:02:13 → 00:02:15 ย่อยนะคะคือเราต้องกินกันทุกวันน่ะค่ะ
00:02:15 → 00:02:17 อาจารย์ว่าง่ายๆปัญหากดไหลย้อนระบบย่อย
00:02:17 → 00:02:20 ไม่ค่อยดีช่วงนี้ท้องอืดท้องเฟ้อมันมาจาก
00:02:20 → 00:02:23 อะไรแล้วคำถามที่ 2 ตามมาก็คือยาสมุนไพร
00:02:23 → 00:02:26 ใช้ไม่เป็นแล้วพอเราอยากไปพึ่งธรรมชาติผง
00:02:26 → 00:02:28 กล้วยดิบเอยผงกระเจี๊ยบเอยผงกระมิ้นชัน
00:02:28 → 00:02:31 เอยใช้ยังไงก็ใช้ไม่เป็นอีกเพราะฉะนั้น
00:02:31 → 00:02:33 วันนี้ทุกอย่างเดี๋ยวจะมาไข่ข้อข้องใจกับ
00:02:33 → 00:02:35 อาจารย์นะคะเพราะฉะนั้นให้อาจารย์เริ่ม
00:02:35 → 00:02:37 เลยว่าอาจารย์กดไหล่ย้อนเนี่ยเอาจริงๆมัน
00:02:37 → 00:02:39 มันเป็นปัญหาเกี่ยวกับอะไรแล้วมันเริ่มมา
00:02:39 → 00:02:42 จากอะไรคะเอ่อเอ่อกรดไหลย้อนเนี่ยชื่อผม
00:02:42 → 00:02:45 ก็ตรงตัวนะฮะก็คือกรดมันไหลย้อนขึ้นมาคือ
00:02:45 → 00:02:48 ตามปกติเนี่ยเวลาเรากินข้าวไปนะฮะหรือกิน
00:02:48 → 00:02:51 อาหารอะไรเข้าไปเนี่ยมันก็จะมีกรดอยู่ที่
00:02:51 → 00:02:53 กระเพาะอาหารซึ่งกระเพาะอาหารเนี่ยก็จะมี
00:02:53 → 00:02:57 ความหนาอยู่ของมันเพื่อที่ให้ทนกรดเพราะ
00:02:57 → 00:02:59 ว่ากรดพวกนี้เอามาเพื่อย่อยอาหารทีนี้บาง
00:02:59 → 00:03:02 คนเนี่ยปัจจุบันเนี้ยด้วยพฤติกรรมการกิน
00:03:02 → 00:03:05 ที่เปลี่ยนไปนะฮะเรากินเยอะนะหลายคนไปกิน
00:03:05 → 00:03:08 บุฟเฟ่ต์นะฮะแล้วก็จะต้องกินเยอะเพื่อที่
00:03:08 → 00:03:12 จะให้มันเอ่อเรียกว่าอะไรคุ้มนะฮะแล้วก็
00:03:12 → 00:03:14 จริงๆแล้วมันก็อาจจะไม่คุ้มกับชีวิตกับ
00:03:14 → 00:03:17 สุขภาพก็ได้นะคะลองฟังไปดูแล้วก็จะรู้ว่า
00:03:17 → 00:03:21 เอ่อทำไมพี่ถึงพูดอย่างนี้นะฮะเอ่อการกิน
00:03:21 → 00:03:23 เยอะเกินไปเนี่ยทำให้ร่างกายมันย่อยไม่
00:03:23 → 00:03:26 ทันนะคะพอย่อยไม่ทันเนี่ยกรดมันก็จะอาจจะ
00:03:26 → 00:03:29 ทนขึ้นมาเพราะว่าแก๊สในกระเพาะเนี่ยมันจะ
00:03:29 → 00:03:33 มีแรงดันเยอะมากนะถ้าคนที่ตัวเค้าเรียก
00:03:33 → 00:03:37 ว่าสฟริงเตอร์หรือจะเรียกว่าอะไรนะูดอ่า
00:03:37 → 00:03:40 หูรูดกล้ามเนื้อหูรูดตรงบริเวณที่ระหว่าง
00:03:40 → 00:03:43 กระเพาะกับตัวหลอดอาหารน่ะค่ะนะปกติมันก็
00:03:43 → 00:03:46 จะเปิดลงทางเดียวนะคะในนี้ถ้าทุกคนที่กิน
00:03:47 → 00:03:50 เยอะไม่ย่อยมีแก๊สเยอะมันจะถูกดันขึ้นนะ
00:03:50 → 00:03:53 ดันขึ้นผิดทางมันดันแบบเนี้ยค่ะแบบดันผิด
00:03:53 → 00:03:56 ทางพอดันผิดทางเนี่ยกรดก็จะไหลขึ้นบนอื
00:03:56 → 00:03:59 นั่นคือสาเหตุที่เขา้าเรียกว่ากรดไหลย้อน
00:03:59 → 00:04:04 ค่ะนะการเกิดตรงนี้เนี่ยอาจจะเกิดด้วย 1
00:04:04 → 00:04:07 กินเยอะเกินและอาหารไม่ย่อยหรืออันที่ 2
00:04:07 → 00:04:10 เนี่ยพฤติกรรมการกินเสร็จแล้วนอนนอนนะคะ
00:04:10 → 00:04:12 เพราะเวลานอนเนี่ยนอนปั๊บเนี่ยกรดเนี่ย
00:04:12 → 00:04:15 มันเป็นของเหลวมันก็ไหลยนย้อนขึ้นบนได้
00:04:15 → 00:04:19 อย่างที่พูดตอนต้นนะคะตัวกรดมันอยู่ข้าง
00:04:19 → 00:04:21 ล่างอยู่ในกระเพาะมันไม่ทำอะไรกับกระเพาะ
00:04:21 → 00:04:25 เพราะว่าผนังกระเพาะมันหนานะฮะแต่พอย้อน
00:04:25 → 00:04:27 ขึ้นมาข้างบนเนี่ยไอ้ท่อหลอดอาหารเนี่ย
00:04:27 → 00:04:29 มันไม่ได้เตรียมไว้สำหรับเจอกรดเพราะ
00:04:29 → 00:04:31 ฉะนั้นพอเจอกรดปั๊บเนี่ยมันก็จะทำให้มี
00:04:31 → 00:04:34 การอักเสบและเป็นแผลที่ทางเดินตรงหลอด
00:04:34 → 00:04:37 อาหารนี่คือสาเหตุที่ทำให้เรามีอาการแบบ
00:04:37 → 00:04:40 ผอืดพอมให้สบายปวดท้องเพราะว่ามันมีอาการ
00:04:40 → 00:04:43 แผลอยู่ตรงนี้ส่วนนึงแล้วก็มีแผลอยู่ตรง
00:04:43 → 00:04:45 กระเพาะอาหารอีกส่วนนึงเพราะงั้นการรักษา
00:04:45 → 00:04:49 ก็จะดูตั้งแต่ต้นเหตุอย่าถึงการรักษา
00:04:49 → 00:04:51 อาการต้นเหตุก็คืออะไรถ้าเรารู้ว่ากิน
00:04:51 → 00:04:54 เยอะอ่ะเราก็กินให้น้อยลงนะคะแต่นี้บางคน
00:04:54 → 00:04:57 เผลอไปแล้วทำไงเผลอกินเยอะไปแล้วแล้วเป็น
00:04:57 → 00:04:59 อยู่แล้วอ่ะแล้วแน่ใจว่านั่นเราก็หายา
00:04:59 → 00:05:03 ช่วยย่อยอืนะฮะในในการรักษากรดไหลย้อน
00:05:03 → 00:05:05 เนี่ยมันก็ต้องรักษาตามอย่างเงี้ยค่ะถ้า
00:05:05 → 00:05:08 เราหาได้ก็คือเราก็จะรักษาที่ต้นเหตุได้
00:05:08 → 00:05:10 ก็เริ่มต้นจากเอาที่ว่าถ้าเกิดเป็นเพราะ
00:05:10 → 00:05:13 กินเยอะเราก็กินให้น้อยลงอ่าเรากินน้อยลง
00:05:13 → 00:05:16 แล้วถ้าเกิดเป็นไปแล้วทำไงมันมียาไทยอยู่
00:05:16 → 00:05:19 ตัวนึงค่ะซึ่งสามารถจะช่วยย่อยได้แล้วก็
00:05:19 → 00:05:22 ย่อยได้เร็วด้วยอืน่าสนใจมีชื่อเค้าเรียก
00:05:22 → 00:05:24 ว่าชื่อสามัญนะคะอันนี้ต้องต้องบอกว่า
00:05:24 → 00:05:28 ชื่อสามัญก็คือถ้าคนที่อยู่ในวงการแผน
00:05:28 → 00:05:30 ปัจจุบันเก็จะรู้ว่าชื่อยามันจะมี 2 ชื่อ
00:05:30 → 00:05:33 คือชื่อสามัญและชื่อการค้านะคะอ่าอย่างยก
00:05:33 → 00:05:37 ตัวอย่างพาราเซตามอลนะคะชื่อการอันนี้คือ
00:05:37 → 00:05:39 ชื่อสามัญแล้วชื่อการค้าก็จะมีเยอะแยะไป
00:05:39 → 00:05:41 หมดเลยแต่ทุกคนก็จะรู้ว่าชื่อการค้าเนี้ย
00:05:41 → 00:05:45 คือพาราเซตอลอ่ะตัวเดียวกันเจตพังคี่
00:05:45 → 00:05:47 เนี่ยมันเป็นชื่อสามัญค่ะเพราะว่ามัน
00:05:47 → 00:05:50 ประกาศอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาตินะคะอัน
00:05:50 → 00:05:53 นี้เป็นยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและ
00:05:53 → 00:05:56 ยาเนี่ยได้จัดทำขึ้นนะคะแล้วก็เป็นบัญชี
00:05:56 → 00:05:58 ที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติทำให้ทุกคน
00:05:58 → 00:06:01 ได้รู้จักสูตรแล้วก็ใช้ได้ตัวนี้ช่วยได้
00:06:01 → 00:06:04 ดีค่ะอาจารหมอแดงถ้ากินปั๊บมันก็จะลด
00:06:04 → 00:06:07 อาการลงเลยทำไมมันถึงคือจริงๆยาช่วยย่อย
00:06:07 → 00:06:08 เนี่ยมีคนถามแดงมาอยู่กันมั้ค่ะว่าเออ
00:06:08 → 00:06:11 แล้วในแผนไทยอ่ะมีมั้ยยาช่วยย่อยอาจารย์
00:06:11 → 00:06:13 บอกว่าประสาทเจตพังคีนี่แหละคือยาช่วย
00:06:13 → 00:06:15 ย่อยแบบแพ้แผนไทยมันช่วยย่อยได้ยังไงคะ
00:06:15 → 00:06:17 อาจารย์คือจริงๆต้องต้องพูดถึงว่ามันจะ
00:06:17 → 00:06:21 ต่างจากพวกมาจสโตของฝรั่งนะมาตของฝรั่ง
00:06:21 → 00:06:24 เนี่ยเค้าใช้เอนไซมนะคะคมิซึมก็จะเป็น
00:06:24 → 00:06:26 เอนไซมเหมือนกันแต่ว่าตัวเนี้ยมันไม่ใช้
00:06:26 → 00:06:28 เอนไซมค่ะมันแตกต่างกันตรงที่ว่ามันใช้
00:06:28 → 00:06:32 ความร้อนของมันในการช่วยย่อยนะฮะซึ่งตรง
00:06:32 → 00:06:35 เนี้ยถ้าถามอธิบายแบบแผนปฏิบัติยังอธิบาย
00:06:35 → 00:06:37 ไม่ได้ชัดเจนว่ามันช่วยย่อยได้ยังไงแต่ผล
00:06:37 → 00:06:39 มันอยู่ที่ว่าเอ่อเมื่อเรากินเข้าไปแล้ว
00:06:39 → 00:06:41 เนี่ยอาหารมันจะยุบทันควันเลยเพราะฉะนั้น
00:06:41 → 00:06:44 อาการท้องอืดอึดอัดก็จะลดลงทันทีอืถ้า
00:06:44 → 00:06:47 เกิดในทางแผนไทยก็จะอธิบายเป็นว่ามันไป
00:06:47 → 00:06:50 เพิ่มไฟย่อยใช่อ่าเพราะว่าอาหารที่มันอืด
00:06:50 → 00:06:52 อยู่ในท้องเนี่ยพอมันย่อยไม่ได้มันก็เกิด
00:06:52 → 00:06:54 เป็นลมขึ้นมาแล้วก็ดันขึ้นมาแต่พอยา
00:06:54 → 00:06:57 ประสาทภัณฑีมันมีตำรับมันมีความร้อนของ
00:06:57 → 00:06:59 มันอยู่มันก็ไปเพิ่มไฟแล้วก็ช่วยให้ไฟ
00:06:59 → 00:07:02 ย่อยทำงานได้ดีขึ้นค่ะคืออย่างงี้ค่ะเวลา
00:07:02 → 00:07:06 เราพูดถึงการขับลมหรือการแก้ท้องอื่นท้อง
00:07:06 → 00:07:08 เฟ้อในแผนไทยเนี่ยเอ่อหลายคนอาจจะเข้าใจ
00:07:08 → 00:07:11 ว่าก็แค่เอาแก๊สออกจริงๆแล้วมันมี 2 ส่วน
00:07:11 → 00:07:14 ค่ะส่วนนึงคือเพิ่มไฟย่อยกับอีกส่วนนึง
00:07:14 → 00:07:17 คือเอาแก๊สออกนะคะมันมันออกฤทธิ์ไม่
00:07:17 → 00:07:19 เหมือนกันแล้วตัวยามันเป็นคนละตัวกันในยา
00:07:19 → 00:07:22 ไทยเนี่ยจะมีอยู่ 2 ตัวที่เอ่อใช้อย่าง
00:07:22 → 00:07:25 นี้แต่ก็คือประสาทพังคีจะช่วยย่อยนะคะอีก
00:07:25 → 00:07:28 ตัวนึงที่ดีมากแต่ตอนนี้ไม่มีคนผลิตคือ
00:07:28 → 00:07:31 วิสัมภยาใหญ่นะคะอันนั้นเนี่ยมันจะเหมาะ
00:07:31 → 00:07:34 สำหรับคนที่เอ่อไม่ค่อยมีน้ำกรดน้ำกรด
00:07:34 → 00:07:37 ย่อยยากไม่ค่อยหลังหรือมีน้อยก็จะใช้
00:07:37 → 00:07:39 วิสัมภยาใหญ่แต่ตอนเนี้ยหาไม่ค่อยได้
00:07:39 → 00:07:42 เพราะงั้นก็เลยใช้7ตพังคีไปก่อนอาจจะหา
00:07:42 → 00:07:44 ได้ในบางคลินิกนะคะอันนี้ถ้าสนใจก็ไปตาม
00:07:44 → 00:07:47 คลินิกแพทย์แผ่นไทยนะคะเอ่อเมื่อกี้เรา
00:07:47 → 00:07:49 พูดกันว่าเค้าเกิดจากอาการที่เขา้าเอ่อ
00:07:50 → 00:07:52 กินเยอะไม่ย่อยนะคะแต่คราวนี้มันก็จะมี
00:07:52 → 00:07:55 บางคนที่ปรับพฤติกรรมแล้วแหละแต่มันก็ยัง
00:07:55 → 00:07:58 ไม่หายอ่ะใช่ถูกค่ะอาจารย์นะครับสาเหตุ
00:07:58 → 00:08:00 เกิดจากที่เมื่อกี้บอกค่ะว่ากรดมันย้อน
00:08:00 → 00:08:02 ขึ้นมาข้างบนนะคะพอกรดย้อนขึ้นข้างบนเกิด
00:08:02 → 00:08:05 การอักเสบอยู่ตรงบริเวณทางเดินอาหารนะคะ
00:08:05 → 00:08:08 แล้วปกติปติเขาก็จะบอกว่ามันก็หายไปเอง
00:08:08 → 00:08:10 แหละจริงๆมันก็หายเองนะแต่มันนานแล้วก็
00:08:10 → 00:08:12 มักจะกลับมาเป็นอีกถ้าเมื่อไหร่ที่ย้อน
00:08:12 → 00:08:15 ขึ้นไปอีกก็กลับมาเป็นอีกเอ่อตรงนี้เนี่ย
00:08:15 → 00:08:18 เ่อพี่ก็เลยไปดูเรื่องของหลักการของแพทย์
00:08:18 → 00:08:21 แผนไทยนะคะก็พบว่ามันมียาอยู่ตัวนึงซึ่ง
00:08:21 → 00:08:24 เราใช้กันอยู่คือขมิ้่นอ่าขมิ้นชันนะคะ
00:08:24 → 00:08:27 เราใช้ในการรักษาแผลคือขมิ้นชันเนี่ยเวลา
00:08:27 → 00:08:31 ดูในในตำราก็จะให้ทั้งใช้ภายนอกใช้ภายใน
00:08:31 → 00:08:33 ได้หมดเลยใช่มันอยู่ในหลายตำรับเลยทีนี้
00:08:33 → 00:08:36 หลายคนก็เลยแย้งว่าเอ๊ะก็ฉันก็กินขมิ้น
00:08:36 → 00:08:38 ด้วยนะไม่เห็นหายเลยนะคะที่จริงการกิน
00:08:38 → 00:08:41 ขมิ้นเนี่ยมันมีหลักการมันมีทริกอยู่ซึ่ง
00:08:41 → 00:08:44 หลายคนอาจจะไม่รู้ถ้าเรากินขมิ้นแบบผงแบบ
00:08:44 → 00:08:47 แคปซูลน่ะมันก็ลงไปแล้วไปแตกตัวที่
00:08:47 → 00:08:49 กระเพาะเพราะฉะนั้นไอ้ตรงทางเดินเนี่ยมัน
00:08:49 → 00:08:51 ก็ไม่ได้รักษาอืถูกมั้คะมันก็มันก็ผ่าน
00:08:52 → 00:08:54 น่ะตรงทางเดินหลอดอาหารเนี่ยเป็นอะไรที่
00:08:54 → 00:08:56 ต้องใช้ยาน้ำคมิชันแคปซูลอาจจะไม่เวิร์ค
00:08:56 → 00:08:58 ไม่ได้เไม่เวิร์คค่ะไม่เวิร์คใช้ไม่ได้
00:08:58 → 00:09:01 เลยเพราะฉะนั้นทำไงด้วยหลักของว่าสารใน
00:09:01 → 00:09:05 ขมิ้นฉันเนี่ยมันละลายในน้ำมันมันไม่ได้
00:09:05 → 00:09:07 ละลายน้ำเพราะถ้าเราเอาไปต้มน้ำเหมือน
00:09:07 → 00:09:10 หนังเวลาเราแกงเนี่ยมันทำให้ท้องหูกเพราะ
00:09:10 → 00:09:13 มันฝาดเพราะมันฝาดถ้าจะกินขมิ้นชันในการ
00:09:13 → 00:09:16 รักษาเรื่องกรดไหลย้อนแผลหรือการอักเสบ
00:09:16 → 00:09:18 ทางทางเดินอาหารหลอดอาหารเนี่ยให้กินโดย
00:09:18 → 00:09:21 การใส่น้ำมันแต่ทีนี้เราจะกลืนน้ำมันไปอื
00:09:21 → 00:09:26 ไม่ดีเนาะก็ให้ละลายนมก่อนอ่าให้ละลายนม
00:09:26 → 00:09:28 โดยที่เอานมเนี่ยไปอุ่นก่อนนมอะไรก็ได้
00:09:29 → 00:09:31 ใช่มั้คะอาจารย์นมอะไรก็ได้ค่ะนมวัวอะไร
00:09:31 → 00:09:34 ก็ได้อ่าก็อย่าเอานมพร่องไขมันเนยเท่า
00:09:34 → 00:09:37 นั้นเองเพราะ
00:09:37 → 00:09:41 อลมันช่วยได้การละลายก็น้อยลงให้นมอุ่น
00:09:41 → 00:09:45 ก่อนค่ะแล้วก็ถอดแคปซูล 1 แคปซูลเท่านั้น
00:09:45 → 00:09:47 นะคะข้อกำหนดที่เขาบอกให้ใช้ถึง 2 แคปซูล
00:09:47 → 00:09:49 ไม่ต้องเลยค่ะถ้าละลายเนี่ยใช้แค่ 1
00:09:49 → 00:09:52 แคปซูลเท่านั้นเองนะคะ 1 แคปซูล 400 มกั
00:09:52 → 00:09:54 ก็ได้ 500 มลกรัก็ได้เพราะว่าขมิ้นมันมี
00:09:54 → 00:09:58 ทั้ง 2 แบบก็ถอดแคปซูลออกให้ใส่ลงไปในนม
00:09:58 → 00:10:01 ร้อนๆนะฮะแล้วก็คนทิ้งจนกระทั่งว่ามัน
00:10:01 → 00:10:04 เป็นสีเหลืองละแล้วก็ทิ้งระยะนึงให้ตะกอน
00:10:04 → 00:10:06 มันอยู่ที่ก้นอ่าต้องตกตะกอนก่อนให้ตก
00:10:06 → 00:10:09 ตะกอนก่อนหลังจากนั้นค่อยดื่มเฉพาะนมแต่
00:10:09 → 00:10:11 นี้ถ้าดื่มนมได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นไม่
00:10:11 → 00:10:15 จำเป็นต้องเอานมหมดกล่องนะคะนมแค่เอ่อ
00:10:15 → 00:10:18 น้อยๆก็ได้นะคะอันนี้เนี่ยมีคนทำเป็น
00:10:18 → 00:10:22 ลักษณะนมขมิ้่นขายซึ่งการใช้นมขมิ้นที่
00:10:22 → 00:10:25 ขายอยู่ตามร้านสะดวกซื้อเนี่ยมักจะมีขนาด
00:10:25 → 00:10:27 ที่ต่ำกว่าขนาดที่ใช้รักษาเพราะฉะนั้นไม่
00:10:27 → 00:10:30 แนะนำแนะนำให้ทำเองแบบนี้อ่ะบางคนบอกว่า
00:10:30 → 00:10:34 อ่าแล้วเป็นเอ่อพวกมังสาวิรัสเป็นวีแกนจะ
00:10:34 → 00:10:37 เอานมอะไรนะคะน้ำเต้าหู้ได้ค่ะอ๋อนมถั่ว
00:10:37 → 00:10:40 เหลืองนมถั่วเหลืองได้เลยค่ะสามารถจะใช้
00:10:40 → 00:10:42 นมถั่วเหลืองและทำโดยวิธีเดียวกันใช้แทน
00:10:42 → 00:10:45 ไม่เกิน 3 วันค่ะอืแล้วกินยังไงคะอาจารย์
00:10:45 → 00:10:48 เช้ากลางวันเย็นอ่าใช้เช้ากลางวันเย็น
00:10:48 → 00:10:51 ก่อนมื้ออาหารต้องให้ท้องว่างเพราะว่ากิน
00:10:51 → 00:10:53 เพื่อให้มันเคลือบไอ้ตรงทางเดินอืนะคะ
00:10:53 → 00:10:56 เท่านั้นเองประมาณ 3 วันค่ะอาจารย์จะดี
00:10:56 → 00:10:59 ขึ้นนะคะแล้วก็ปรับพฤติกรรมอย่านอนหลัง
00:10:59 → 00:11:02 จากกินเนาะหลังจากกินปั๊บเนี่ยห้ามนอน 2
00:11:02 → 00:11:04 ช่โมงเนี่ยต้องนั่งตัวตรงก่อนนะคะคนที่
00:11:04 → 00:11:06 เคยเป็นแล้วก็อย่ากินเยอะเกินไปเพราะ
00:11:06 → 00:11:09 ฉะนั้นคนที่คือแดงจะเจอบ่อยเลยว่าแสบคอ
00:11:09 → 00:11:11 ไม่หายเดี๋ยวกินเข้าไปแล้วก็เนี่ยกดรู้
00:11:11 → 00:11:14 สึกกดมันทนขึ้นมาใช้วิธีของอาจารย์น่าจะ
00:11:14 → 00:11:16 เวิร์คกว่าการกินขมิ้นเป็นเรื่องเป็นราว
00:11:16 → 00:11:20 ใช่ค่ะอืโออันนี้ให้กินแบบนี้ 3 เวลาเลย
00:11:20 → 00:11:22 ค่ะ 3 เวลาเลยอาจารย์มันไม่เพียงแต่
00:11:22 → 00:11:24 ขมิ้่นค่ะพอคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับโรค
00:11:24 → 00:11:26 กระเพาะเนี่ยมันจะมีอย่างอื่นอีกสมุนไพร
00:11:26 → 00:11:29 ผงกระเจี๊ยบผงกล้วยดิบมันมันช่วยมั้คะ
00:11:29 → 00:11:31 อาจารย์เอ่อผงกระเจี๊ยบกับผงกล้วยดิบ
00:11:31 → 00:11:35 เนี่ยมีรายงานนะคะว่าทำให้มีการหายของแผล
00:11:35 → 00:11:38 คือเวลาเราพูดถึงเรื่องแผลในทางเดินอาหาร
00:11:38 → 00:11:40 เนี่ยมันจะมีอยู่ 2 ฤทธิ์ที่เราจะต้องไป
00:11:40 → 00:11:44 ดูนะคะก็คือเรื่องของฤทธิ์ลดอาการอักเสบ
00:11:44 → 00:11:47 กับฤทธิ์ที่ทำให้ตัวแผลเนี่ยมันมีการ
00:11:47 → 00:11:50 กระเตื้องหรือมีการฟื้นฟูเร็วขึ้นนะคะใน
00:11:50 → 00:11:51 ภาษาอังกฤษเราเรียกว่า w healing
00:11:51 → 00:11:53 effectect ซึ่งตรงนี้เนี่ยทั้งกระเจี๊ยบ
00:11:53 → 00:11:55 และกล้วยเนี่ยมีทั้งคู่เลยอืนะคะมีทั้ง
00:11:55 → 00:11:58 คู่เลยแต่ข้อเสียของกล้วยดิบอันนี้ต้อง
00:11:58 → 00:12:01 ต้องพูดถึงข้อดีข้อเสียก่อนเพราะว่าเท่า
00:12:01 → 00:12:03 ที่เคยเห็นคนใช้มาเนี่ยทั้ง 2 ชนิดใช้ได้
00:12:03 → 00:12:05 ทั้งคู่ค่ะนะคะเอ่อแต่สำหรับกระเจี๊ยบ
00:12:05 → 00:12:08 เนี่ยใช้อย่างสดดีกว่าถ้าสดแล้วเอาไปต้ม
00:12:08 → 00:12:11 มาแล้วก็เคี้ยวกลืนเนี่ยประมาณสัก 3-4
00:12:11 → 00:12:14 ฝักต่อมื้อเนี่ยดีกว่าค่ะแล้วก็กินไม่ยาก
00:12:14 → 00:12:17 ฝักกระเจี๊ยบเอาไปต้มพอต้มเสร็จเอามากัด
00:12:17 → 00:12:19 กินได้เลยใช่ค่ะต้มๆแล้วก็เคี้ยวได้เลย
00:12:19 → 00:12:22 ค่ะนะคะเพราะมันจะมีเมือกตัวกระเจี๊ยบ
00:12:22 → 00:12:23 เนี่ยไอ้ตัวที่ออกฤทธิ์อ่ะค่ะมันเป็น
00:12:23 → 00:12:26 เมือกซึ่งเมือกตัวเนี้ยมันเป็นลักษณะที่
00:12:26 → 00:12:28 เราเรียกว่าโพลีซคาไลด์ซึ่งเป็นคล้ายๆกับ
00:12:28 → 00:12:31 แป้งแต่ไม่เหมือนแป้งนะคะปกติเนี่ยแป้ง
00:12:31 → 00:12:33 มันจะถูกเอนไซมในตัวเราย่อยได้แต่
00:12:33 → 00:12:36 โพลิซักคคาไลด์พวกนี้จะไม่ถูกย่อยนะคะ
00:12:36 → 00:12:37 เพราะฉะนั้นก็จะเข้าไปเคลือบแล้วในขณะ
00:12:38 → 00:12:40 เดียวกันสารที่มันออกมาอยู่ตรงเนี้ยก็จะ
00:12:40 → 00:12:42 ไปช่วยจัดการที่เครื่องแผลให้ได้ดีขึ้น
00:12:42 → 00:12:45 แต่ทีนี้กลุ่มกระเจี๊ยบเนี่ยก็ต้องระวัง
00:12:45 → 00:12:48 ว่ามันอาจจะขัดขวางการดูดซึมพวกวิตามิน
00:12:48 → 00:12:52 ที่ละลายในไขมันใช้นานๆไปเนี่ยก็จะไม่ดี
00:12:52 → 00:12:54 แล้วตามประสบการณ์จริงๆสู้ขมิ้นไม่ได้นะ
00:12:55 → 00:12:57 ฮะได้ผลดีแต่สู้ขมิ้นไม่ได้ก็เหมาะสำหรับ
00:12:57 → 00:13:00 คนที่ไม่ชอบกลิ่นขมิ้นทำยังไงทำยังไงก็
00:13:00 → 00:13:02 กลั้นใจกลืนขมิ้นไม่ได้อ่ะไปกินกระเจี๊ยบ
00:13:02 → 00:13:06 แทนก็ได้ค่ะนะคะส่วนกล้วยดิบเนี่ยกล้วย
00:13:06 → 00:13:09 ดิบเนี่ยมันก็เป็นแบบเนี้ยเหมือนกันนะคะ
00:13:09 → 00:13:11 แต่ปัญหาของกล้วยดิบอยู่ที่ว่ามันทำให้
00:13:11 → 00:13:14 ท้องผูกได้ง่ายอืแล้วก็ในตัวคนทุกคนเนี่ย
00:13:14 → 00:13:17 เราไม่ควรให้ท้องผูกนะคะเพราะฉะนั้นถ้าจะ
00:13:17 → 00:13:19 กินกล้วยดิบก็ต้องระมัดระวังเรื่องท้อง
00:13:19 → 00:13:23 ผูกท้องอื่นก็ต้องหายาอื่นตามมาทีหลังอัน
00:13:23 → 00:13:25 นี้ก็อ่ารู้เอาไว้เรียนเรียนรู้เอาไว้นะ
00:13:25 → 00:13:27 คะว่าเวลาเรากินยาพวกเนี้ยมันเป็นยา
00:13:27 → 00:13:30 เดี่ยวนะเพราะฉะนั้นยังไงก็ตามมันมีสิ่ง
00:13:30 → 00:13:31 ที่เราเรียกว่าอาการค้างข้างเขียงเราก็
00:13:31 → 00:13:34 ต้องช่วยกันแก้อาการข้างเคียงต่อค่ะ
00:13:34 → 00:13:37 อาจารย์เดี๋ยวเนี้ยหนูจะเห็นว่ามันมีเป็น
00:13:37 → 00:13:39 แคปซูลเลยค่ะอาจารย์แล้วก็ผสมทุกผงเลยค่ะ
00:13:39 → 00:13:42 อาจารย์ผงกล้วยดิบผงขมิ้นชันผงกระเจี๊ยบ
00:13:42 → 00:13:44 แล้วก็มีอีกหลายผงเลยค่ะอาจารย์อยู่ใน
00:13:44 → 00:13:46 เป็นแคปซูลเลยอ่ะอาจารย์ว่ามันช่วยมั้คะ
00:13:46 → 00:13:50 คือปัญหาของการผสมหลายอย่างเนี่ยนะคะตาม
00:13:50 → 00:13:53 หลักแผนไทยอ่ะดีนะคะแต่ว่าพอมาดูไอ้เนี่ย
00:13:53 → 00:13:55 มันไม่ใช่หลักแผนไทยละมันเป็นหลักแผน
00:13:55 → 00:13:57 ปัจจุบันคือเอาตัวที่มันออกฤทธิ์เหมือน
00:13:57 → 00:14:00 กันมาไว้ด้วยกันแต่อย่าลืมว่ากระเจี๊ยบ
00:14:00 → 00:14:03 เมือกนะคะเป็นเมือกกล้วยก็เป็นเมือกนะฮะ
00:14:03 → 00:14:05 พอเวลาเข้าไปเนี่ยพวกนี้มันจะฉาบกระเพาะ
00:14:05 → 00:14:08 ก่อนนะฉาบผนังก่อนพอฉาบผนังเนี่ยขมิ้นชัน
00:14:08 → 00:14:10 อย่าหวังว่าจะแทรกเข้าไปเพราะฉะนั้นเวลา
00:14:11 → 00:14:12 ใช้พวกนี้เข้าไปเนี่ยมันมีแค่ตัวเดียวที่
00:14:12 → 00:14:14 ออกฤทธิ์ผสมไปเหอะแต่ตัวเดียวเท่านั้นน่ะ
00:14:14 → 00:14:17 ตัวแรกที่สามารถจะฉาบตรงนั้นได้ตัวนั้น
00:14:17 → 00:14:19 ออกฤทธิ์เท่านั้นเพราะงั้นการผสมพวกเนี้ย
00:14:19 → 00:14:21 จะไม่มีประโยชน์เท่าที่ควรคือถ้าไม่รู้
00:14:21 → 00:14:23 หลักการตรงเนี้ยผสมไปเนี่ยมันทำให้เรา
00:14:23 → 00:14:25 เสียของเพราะฉะนั้นแดงว่าจริงๆง่ายสุดเลย
00:14:25 → 00:14:27 ขมิ้นชันเนี่ยถ้าเกิดคุณเป็นแผลเนาะเอา
00:14:27 → 00:14:29 เอาเน้นว่าเป็นแผลก่อนนะไม่ใช่แค่ทองอืด
00:14:29 → 00:14:31 ทองเฟืธรรมดาแต่ว่าเป็นแผลด้วยการกิน
00:14:31 → 00:14:33 ขมิ้นชันผสมกับนมอุ่นๆอย่างที่อาจารย์บอก
00:14:33 → 00:14:35 น่าจะเวิร์คนะคะแล้วก็กินระยะสั้นหายแล้ว
00:14:35 → 00:14:38 ก็หยุดกินนะคะคราวนี้มันจะมีอีกอันไหนๆพอ
00:14:38 → 00:14:40 เราพูดเรื่องระบบพลินอาหารเลยอยากจะพ่วง
00:14:40 → 00:14:42 มาที่มันฮิตมากในปัจจุบันก็คือโปรไบโอติก
00:14:42 → 00:14:45 ค่ะอาจารย์เออมันมันควรมั้คะคือบางคนกิน
00:14:45 → 00:14:47 มาเป็นปีละเพราะเพราะมีความไม่เชื่อมั่น
00:14:47 → 00:14:49 ว่าลำไส้เรามันจะย่อยได้เองมั้อย่างเงี้ย
00:14:49 → 00:14:52 ค่ะจริงๆแล้วเนี่ยนะคะโปรไบอติกเนี่ยกิน
00:14:52 → 00:14:55 ได้ค่ะเพราะว่ามันเป็นหลักการของเค้า
00:14:55 → 00:14:58 เรียกว่าอะไรนะเป็นการหลักการปรับสมดุล
00:14:58 → 00:15:01 ของเชื้อในตัวเรานะคะเพราะเดี๋ยวนี้เนี่ย
00:15:01 → 00:15:04 เรื่องของทฤษฎีเรื่องเชื้อต่อผลต่อสุขภาพ
00:15:04 → 00:15:07 เนี่ยมันมาแรงเพราะว่ามันจะมีผลหมดเลยมี
00:15:07 → 00:15:10 ผลตั้งแต่เบาหวานความดันไขมันพวกนี้มีนะ
00:15:10 → 00:15:13 คะเดี๋ยวนี้มีการผลิตโปรไบติกประเภทที่
00:15:13 → 00:15:15 ช่วยในเรื่องของการลดไขมันลดเบาหวานน้ำ
00:15:15 → 00:15:17 ตาลแม้กระทั่งลดความอ้วนเพราะมันมีงาน
00:15:17 → 00:15:19 วิจัยค่ะว่าคนอ้วนกับคนผอมเนี่ยใช้มี
00:15:19 → 00:15:22 เชื้อไม่เหมือนกันนะคะเพราะงั้นหลักการ
00:15:22 → 00:15:25 ของโปรไบโอติกก็คือเอาเชื้อเข้าไปปรับ
00:15:25 → 00:15:29 สมดุลในนั้นนะคะทีนี้การกินได้ค่ะแต่อย่า
00:15:29 → 00:15:32 กินนานเพราะว่าเชื้อแม้จะเป็นเชื้อดีนะพอ
00:15:32 → 00:15:36 กินนานๆมันหยิ่งผยองอ่ะมันขยายตัวได้เยอะ
00:15:36 → 00:15:39 อ่ะมันทำลายเชื้อเชื้อเชื้อไม่ดีไปเยอะก็
00:15:39 → 00:15:42 ตามตัวมันขยายตัวมันก็ไม่ดุลอีกนะฮพอมัน
00:15:42 → 00:15:45 ไม่ดุลมันเกิดอะไรขึ้นเอ่อปัญหาของ
00:15:45 → 00:15:48 โปรไบติกที่เคยเจอถ้ากินเยอะๆนานๆเนี่ยก็
00:15:48 → 00:15:51 เจอว่ามันก็จะไอเศษเซลล์ทั้งหลายมันก็อาจ
00:15:51 → 00:15:54 จะซึมเข้ามาในในลำไส้เข้าไปกระแสเลือด
00:15:54 → 00:15:57 แล้วก็มีอาการอันนึงซึ่งเคยเจอกับคนไข้
00:15:57 → 00:15:59 หลายคนเหมือนกันก็คือว่าเป็นผืนขึ้น
00:15:59 → 00:16:02 เหมือนผื่นแผพอให้หยุดกินโปรโบติกหายค่ะ
00:16:02 → 00:16:05 นะฮะเพราะนั้นอันที่พูดไม่ใช่แปลว่า
00:16:05 → 00:16:08 โปรไบติกไม่ดีนะคะแต่แปลว่าถ้าจะกินอะไร
00:16:08 → 00:16:11 เพื่อปรับสมดุลเนี่ยให้กินระยะสั้นพอเห็น
00:16:11 → 00:16:13 ว่าดีแล้วเลิกค่ะไม่ต้องไปกินต่อแล้วก็
00:16:13 → 00:16:16 ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่อาหารแล้วสามารถจะกิน
00:16:16 → 00:16:19 ต่อได้เป็นเดือนเป็นปีค่ะอย่างเก่งเดือน 2
00:16:19 → 00:16:22 เดือนก็ต้องหยุดแล้วค่ะนะคะอาจารย์มีคำ
00:16:22 → 00:16:24 ถามนึงที่แดงได้รับมาโดยส่วนตัวเยอะมากก็
00:16:24 → 00:16:26 คือถ้าเรากินยาแผนปัจจุบันอยู่เช่นเรากิน
00:16:26 → 00:16:28 ยารดกดอยู่บางทีคุณหมอปัจจุปัจุบันสั่ง
00:16:28 → 00:16:30 เนี่ยให้เรากินเป็นเดือนเลยอ่ะแล้วเรา
00:16:30 → 00:16:33 อยากกินยาสมุนไพรหรือยาแผนไทยร่วมด้วย
00:16:33 → 00:16:35 อย่างเงี้ยเราควรหยุดยาปัจจุบันก่อนหรือ
00:16:35 → 00:16:36 เปล่าหรือเรากินไปด้วยกันด้วยกันได้อัน
00:16:36 → 00:16:39 นี้ต้องดูเป็นเรื่องๆไปค่ะนะอย่างกรณียา
00:16:39 → 00:16:41 รดกรดเนี่ยยาลดกรดนี่มันเป็นยาที่เคลือบ
00:16:41 → 00:16:43 กระเพาะเพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะกินอะไร
00:16:43 → 00:16:46 เข้าไปไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบันหรือยา
00:16:46 → 00:16:48 แผนไทยถ้ากินไปในเวลาเดียวกันปั๊บเนี่ย
00:16:48 → 00:16:51 มันก็จะไม่ถูกดูดซึมเท่ากับเราเสียเปล่า
00:16:51 → 00:16:54 นะฮะเพราะงั้นก็ต้องดูเป็นกรณีและเอ่อ
00:16:54 → 00:16:57 อย่างกรณีนี้พอหมอแดงพูดปั๊บก็นึกขึ้น
00:16:57 → 00:16:59 เนื้อได้ว่าอย่างกินขมิ้่นเนี่ยจะมีปัญหา
00:16:59 → 00:17:02 กับยาตัวนึงที่เราเรียกว่าซิมวาสตติตtin
00:17:02 → 00:17:05 คือคือยาลดไขมันนะคะซึ่งหลายท่านที่กินยา
00:17:05 → 00:17:07 ลดไขมันที่ชื่อว่าซิมวาสตtinก็คงรู้นะคะ
00:17:07 → 00:17:10 รู้ตัวเองว่าตัวเองกินอยู่แล้วถ้าจะมากิน
00:17:10 → 00:17:12 ขมิ้นเนี่ยนะคะให้รู้ว่าให้กินไม่เกิน 3
00:17:12 → 00:17:16 วันนะคะเพราะว่ามันจะทำาถ้าถ้า 3 วัน
00:17:16 → 00:17:19 เนี่ยมันจะทำให้ไอระดับของซิมวัเซตินสูง
00:17:19 → 00:17:21 ขึ้นเนื่องจากว่าตัวขมิ้นเนี่ยมันยับยั้ง
00:17:21 → 00:17:25 การย่อยหรือการสลายตัวของซิมวาสตtinซึ่ง
00:17:25 → 00:17:27 จริงๆถามว่าดีมั้ยจริงๆดีค่ะทำให้เราไม่
00:17:27 → 00:17:29 ต้องกินซิมวัสเซตินเยอะแต่เนื่องจากเรา
00:17:29 → 00:17:32 ไม่รู้ว่าเอ่อมันกินเข้าไปเท่าไหร่แล้วทำ
00:17:32 → 00:17:34 ให้ซิมวัเซตินมันคงอยู่ในร่างกายนานเท่า
00:17:34 → 00:17:37 ไหร่แต่ถ้ามีอาการมันก็คือปวดเมื่อยกล้าม
00:17:37 → 00:17:39 เนื้อเพราะว่าเป็นพิษจากซิมวัสตินที่มัน
00:17:39 → 00:17:42 เกินแต่ไม่ต้องกลัวนะคะหยุดซิมวัสเตินค่ะ
00:17:42 → 00:17:45 หยุดประมาณ 1-2 วันหายค่ะแล้วค่อยกลับมา
00:17:45 → 00:17:48 ใหม่ไม่ต้องกลัวไม่มีปัญหาค่ะไขมันยาไข
00:17:48 → 00:17:51 มันเนี่ยลืมไปมั่งก็ไม่ได้เดือดร้อนมาก
00:17:51 → 00:17:54 ถึงขนาดที่รุนแรงนะคะอันนี้ก็ให้ให้มอง
00:17:54 → 00:17:56 ว่าปฏิกิริยาระหว่างกันเนี่ยถ้าเรามอง
00:17:57 → 00:17:59 แล้วเรารู้ทันมันเนี่ยเราก็สามารถจะปรับ
00:17:59 → 00:18:02 ได้ถ้าไม่มั่นใจจริงๆก็ไปปรึกษาไปสหกรณ์
00:18:02 → 00:18:04 แผนปัจจุบันที่อยู่ตามร้านขายยาก็ได้ค่ะ
00:18:04 → 00:18:07 เมื่อกี้กดไหลย้อนแผลในพนอาหารมีอีกอัน
00:18:07 → 00:18:09 นึงยอดฮิตเหมือนกันค่ะอาจารย์ลำไส้แปร
00:18:09 → 00:18:11 ปรวนคือมันไม่ปกติค่ะอาจารย์เดี๋บางวันก็
00:18:12 → 00:18:14 ท้องอืดบางวันก็ท้องผูกบางวันก็ท้องเสีย
00:18:14 → 00:18:16 แล้วมันก็สัมพันธ์กับความเครียดด้วยถ้ามี
00:18:16 → 00:18:18 อาการอย่างเงี้ยถ้ามาแผนไทยปุ๊บอาจารย์จะ
00:18:18 → 00:18:22 แนะนำยังไงดีคะคือปกติอ่ะลำไส้แปรปรวนมัน
00:18:22 → 00:18:24 มีได้หลายสาเหตุเยอะแยะอย่างที่ว่านะคะ
00:18:24 → 00:18:27 แต่ปกติถ้าเราคุยกันเนี่ยเนี่ยเราก็จะมอง
00:18:27 → 00:18:30 ไปทีละอาการอย่างเช่นตอนช่วงเนี้ยเค้า
00:18:30 → 00:18:33 ท้องเสียเอาท้องเสียก่อนเพราะส่วนใหญ่พวก
00:18:33 → 00:18:35 เนี้ยจะท้องเสียก่อนแล้วค่อยมาหานะฮะแล้ว
00:18:36 → 00:18:38 ก็ท้องอื่นตามหลังส่วนใหญ่พี่ก็ใช้วิธี
00:18:38 → 00:18:40 ปรับปรับเรื่องเชื้อเอ่อปรับเรื่องเชื้อ
00:18:40 → 00:18:43 ปรับยังไงก็คือปรับด้วยยาไทยค่ะคือยาไทย
00:18:43 → 00:18:46 เนี่ยจะแตกต่างจากคอนเซปตของฝรั่งคอนเซป
00:18:46 → 00:18:48 ฝรั่งปรับเรื่องก็คือใส่เชื้อเข้าไปแต่ยา
00:18:48 → 00:18:51 ไทยเนี่ยเราใช้ยาฆ่าเชื้ออืเราใช้ยาฆ่า
00:18:51 → 00:18:55 เชื้อก็คือยาที่ว่าคือปราสาทการพลูค่ะออ
00:18:55 → 00:18:58 เพราะฉะนั้นกลุ่มพวกนี้พอลำไส้แปรนมาเรา
00:18:58 → 00:19:01 ก็เราจะถามช่วงไหนที่เขาท้องเสียเราให้
00:19:01 → 00:19:03 กินปราสาการพลูแต่ไม่ให้กินตลอดนะคะ
00:19:04 → 00:19:06 ประสาทการพลูให้กินแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น
00:19:06 → 00:19:09 เองหลักการของเราก็คือแค่ยับยั้งมันนะคะ
00:19:09 → 00:19:12 แล้วให้มันเอ่อเรียกว่าอะไรให้เชื้อดีมัน
00:19:12 → 00:19:15 สามารถจะงงหัวขึ้นเองให้สามารถที่จะขยาย
00:19:15 → 00:19:17 ตัวขึ้นเองอันนี้คือหลักการของเราเลยนะ
00:19:17 → 00:19:19 หลักการของไทยกับฝรั่งต่างกันตรงที่ว่า
00:19:19 → 00:19:22 ของไทยเนี่ยเราใช้วิธีถ่ายออกแล้วก็ปรับ
00:19:22 → 00:19:25 เชื้อที่มีอยู่ให้ดีขึ้นเพราะพี่เคยส่ง
00:19:25 → 00:19:27 ประสาทอาจารย์ครูเคยคุยกับอาจารย์ท่านนึง
00:19:27 → 00:19:30 ที่เขาทำวิจัยแล้วก็ทำวิจัยเสนอแนะให้เขา
00:19:30 → 00:19:33 ทำวิจัยสิ่งที่ได้รับก็คือเขาวิ่งมาบอก
00:19:33 → 00:19:36 ว่าอาจารย์มันดีจังเลยภาษาการพลูเนี่ยมัน
00:19:36 → 00:19:39 ไม่ฆ่าเชื้อดีเลยมันฆ่าแต่เชื้อเลวเอออัน
00:19:39 → 00:19:42 นี้ทำให้เรารู้สึกเอ๊ะแล้วเ้ารู้ได้ไงคือ
00:19:42 → 00:19:44 ไอ้ตัวยาที่มันฆ่าเชื้อสมุนไพรแต่ละชนิด
00:19:44 → 00:19:47 เนี่ยมันจะค่อนข้างจะแตกต่างกันอันเนี้ย
00:19:47 → 00:19:49 จะก็จะเป็นแบบนี้นี่นี่คือหลักการอันนึง
00:19:49 → 00:19:52 อันที่ 2 ก็คือถ้าเค้าท้องผูกก็ให้เกินยา
00:19:52 → 00:19:55 ยาไทยตัวนึงที่ดีคือตีผลาค่ะไม่ต้องไปใช้
00:19:55 → 00:19:58 ยาที่บีบลำไส้เลยใช้ยาตรีผลาเพราะตรีผลา
00:19:58 → 00:20:00 เนี่ยมันมีงานวิจัยอีกเหมือนกันของ
00:20:00 → 00:20:02 อินเดียเพราะตีผลาตรีผลานี่อินเดียใช้
00:20:02 → 00:20:04 เยอะเอ่องานวิจัยของอินเดียเค้าบอกว่ามัน
00:20:04 → 00:20:06 สามารถปรับเชื้อได้นะฮะมันปรับปรุงตัว
00:20:06 → 00:20:09 เชื้อได้เพราะฉะนั้นตีผลาใช้ในตอนที่
00:20:09 → 00:20:13 เขา้าท้องผูกนะพอเ้าท้องเสียก็ใช้อุปสการ
00:20:13 → 00:20:16 พลูคือเราไม่รักษาแบบไปตามอาการเขาในกรณี
00:20:16 → 00:20:19 เค้าปวดท้องมากๆอันนั้นน่ะก็จะใช้นะคะถ้า
00:20:20 → 00:20:23 เขามีอาการปวดท้องเกร็งพี่ใช้อยู่ 2 ตัว
00:20:23 → 00:20:26 ก็คือพี่เคยใช้พวกพวกชายชงรังจืดรักษา
00:20:26 → 00:20:29 อาการอักเสบที่ตรงข้างล่างอีกตัวนึงก็คือ
00:20:29 → 00:20:31 นมขมิ้นเนี่แหละค่ะก็นมขมิ้นนี่มันสามารถ
00:20:31 → 00:20:35 รักษาอาการอักเสบได้คือถ้าปวดท้องแล้วมี
00:20:35 → 00:20:38 ขมิ้นก็สามารถใช้ได้กิตรงกับนมอย่างที่
00:20:38 → 00:20:40 เมื่อกี้อาจารย์บอกหรือชาชงลังจืดก็ลด
00:20:40 → 00:20:44 อาการปวดทองได้ก็เน้นก็คือว่าพวกนี้ไม่
00:20:44 → 00:20:46 จำเป็นต้องกินเยอะอย่างที่พี่บอกครั้งละ 1
00:20:46 → 00:20:49 แคปซูลพอพอละลายไปปั๊บเนี่ยสารละลายออกมา
00:20:49 → 00:20:51 มันเกินพอแล้วค่ะเพราะฉะนั้นก็คือในการ
00:20:51 → 00:20:54 รักษาลำไส้แปรปรวนเราไปเน้นในการปรับ
00:20:54 → 00:20:57 เชื้อถ้าคุณท้องเสียอยู่ใช้ประสาทการพลู
00:20:57 → 00:20:59 ในการฆ่าเชื้อมันก็จะหยุดทายเองพอมัน
00:20:59 → 00:21:02 สมดุลเนาะแต่ถ้าคุณท้องผูกก็ใช้ตีผลา
00:21:02 → 00:21:04 เพราะว่ามันก็เป็นเหมือนกับตำรับเบาๆที่
00:21:04 → 00:21:06 มีรสทั้งเปรี้ยวทั้งฝาดช่วยในการปรับ
00:21:06 → 00:21:08 สมดุลลำไส้ข้างในโอดีค่ะอาจารย์แล้วอยาก
00:21:08 → 00:21:10 พวกนี้ก็หาซื้อมาติดบ้านไปได้เลยได้เลย
00:21:10 → 00:21:13 ค่ะตีผลาเนี่ยจริงๆมันมีทั้งประเภทแคปซูล
00:21:14 → 00:21:16 กับประเภทยาน้ำเนาแต่พี่อ่ะเสนอว่าควรจะ
00:21:16 → 00:21:19 ใช้ยาน้ำนะมันจะดีกว่าแล้วก็ไม่ใช่กิน
00:21:19 → 00:21:21 ครั้งเดียวนะตีผลามันไม่ใช่ยาระบายแบบ
00:21:21 → 00:21:23 ประเภทกินเข้าไปวันเดียวแล้วก็ออกเลยไม่
00:21:23 → 00:21:27 ใช่ประมาณสัก 2-3 วันนะทานตอนเช้าถ้าผูก
00:21:27 → 00:21:30 มากๆก็อาจจะเช้ากลางวันเย็นได้นะคะหรือ
00:21:30 → 00:21:33 ถ้าไม่มากเราก็กินแค่วันละครั้งตอนเช้า
00:21:33 → 00:21:36 สัก 3 วันก็จะเริ่มถ่ายละพอเริ่มถ่ายดีก็
00:21:36 → 00:21:39 ปรับละให้อยู่อย่างี้คือถ้าถ้าคุณทำอย่าง
00:21:39 → 00:21:41 นี้ได้เนี่ยลำไส้จะแข็งแรงเพราะกลุ่มลำ
00:21:41 → 00:21:44 ไส้แปรปรวนเนี่ยคือลำไส้ไม่แข็งแรงแล้ว
00:21:44 → 00:21:47 มักจะมีการอักเสบได้ง่ายอืแล้วหนูว่าลำ
00:21:47 → 00:21:49 ไส้เขาตกใจด้วยอ่ะหมายถึงว่ามันแปรปรวน
00:21:49 → 00:21:51 บ่อยเหลือเกินจากปัจจัยภายนอกแล้วพอเราไป
00:21:51 → 00:21:54 ใช้ยาอ่ะสมมุติยาสมุดเอ่อยายาปัจจุบันใน
00:21:54 → 00:21:56 บางประเภทก็จะไปจี้ตรงอาการเลยแล้วเป็นก็
00:21:56 → 00:21:58 กินเป็นก็กินมันเหมือนกับเค้าก็ทำตัวไม่
00:21:58 → 00:21:59 ถูกเหมือนกันแต่ว่าแผนไทยมันเหมือนกับว่า
00:22:00 → 00:22:02 อ่ะไปค่อยๆปรับตรงเชื้อให้มันสมดุลนะคะ
00:22:02 → 00:22:04 พวกที่ยาที่อาจารย์พูดมาตำรับยาแผนไทยคะ
00:22:04 → 00:22:07 กินก่อนอาหารซะเป็นส่วนใหญ่ถูกต้องมั้คะ
00:22:07 → 00:22:10 กินก่อนอาหารส่วนใหญ่ค่ะนะคะแต่ก็ให้
00:22:10 → 00:22:12 ระวังว่าบางอันถ้ามันกินเข้าไปแล้วระคาย
00:22:13 → 00:22:16 เคืองรู้สึกว่าคลื่นไส้หรือท้องอืดอะไร
00:22:16 → 00:22:18 เงี้ยก็หันมากินหลังอาหารได้ค่ะอืคือมัน
00:22:18 → 00:22:21 ไม่ได้ฟิกเป๊ะขนาดนั้นค่ะยกเว้นว่าอย่าง
00:22:21 → 00:22:23 อย่างตัวขมิ้นชัน
00:22:23 → 00:22:25 เรากินเพื่อเคลือบเพราะฉะนั้นเนี่ยเรา
00:22:25 → 00:22:28 จำเป็นต้องหาเวลาที่ท้องว่างนะฮะอันเนี้
00:22:28 → 00:22:31 ให้คิดว่าเวลาที่เราจะกินเนี่ยมันจะไป
00:22:31 → 00:22:33 เกิดฤทธิ์หรือเกิดที่ตำแหน่งไหนอย่างไร
00:22:34 → 00:22:36 ตอนไหนนะคะสามารถนั่นได้แล้วก็ไม่จำเป็น
00:22:36 → 00:22:39 ต้องไปยึดติดว่าต้องอย่างงั้นต้องอย่าง
00:22:39 → 00:22:41 งี้ตลอดเวลาค่ะโอโอเคค่ะอาจารย์วันนี้รู้
00:22:41 → 00:22:44 สึกว่าได้ความรู้ครบถ้วนมากๆเกี่ยวกับ
00:22:44 → 00:22:46 อาการเกี่ยวกับระบบย่อยนะคะแล้วก็สิ่งที่
00:22:46 → 00:22:49 อาจารย์แนะนำเนี่ยแดงว่ามันมีอยู่ในครัว
00:22:49 → 00:22:52 เรือนนี่เองแล้วก็เป็นยาพื้นฐานที่จริงๆ
00:22:52 → 00:22:54 ถ้าถ้าเกิดไปตามร้านขายยาหลายๆร้านเดี๋ยว
00:22:54 → 00:22:56 นี้ก็มีจำหน่ายแล้วซื้อมาติดบ้านไว้เพียง
00:22:56 → 00:22:58 แต่ว่าหลายๆครั้งที่เจอก็คือซื้อมาติด
00:22:58 → 00:23:00 บ้านไว้แล้วล่ะแต่ใช้ไม่เป็นวันนี้ก็จะ
00:23:00 → 00:23:03 ได้มีคู่มือตรงนี้นะคะลองนำไปปรับใช้กัน
00:23:03 → 00:23:05 ดูนะคะวันนี้ก็ต้องขอบคุณอาจารย์มากๆเลย
00:23:05 → 00:23:09 เดี๋ยวครั้งต่อไปนะคะมาพบกับอีกอาการอีก
00:23:09 → 00:23:12 มากมายน่าสนใจอีกเช่นเคยนะคะมาพบกันทุก
00:23:12 → 00:23:14 วันจันทร์นะคะใครที่คนใกล้ตัวมีปัญหา
00:23:14 → 00:23:16 เรื่องของกดไลย่อระบบย่อยอยู่ก็อย่าลืม
00:23:16 → 00:23:18 ส่งคลิปนี้ให้เา้าดูกันจะได้เป็นวิทยาทาน
00:23:18 → 00:23:20 ด้วยนะคะแล้วเดี๋ยวครั้งต่อไปก็กลับมาพบ
00:23:20 → 00:23:23 กันใหม่นะคะในรายการวันใหม่ไกลโรค่ะวัน
00:23:23 → 00:23:25 นี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:23:25 → 00:23:44 [เพลง]