00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:06 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:06 → 00:00:10 >> สวัสดีครับหลายคนที่กินโลคขาบหรือ LCHF
00:00:10 → 00:00:14 เนี่ยคงเคยมีโมเมนที่แบบใจหแวบกับขนตรวจ
00:00:14 → 00:00:17 เรียดกันใช่ไหมั้ครับโดยเฉพาะเมื่อเห็น
00:00:17 → 00:00:20 ค่าครีตินีนที่มันดูสูงขึ้นวันนี้เราจะมา
00:00:20 → 00:00:23 ถอดรหัสกันครับว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไร
00:00:23 → 00:00:27 ขึ้นกันแน่แล้วคำถามใหญ่เลยนะที่หลายคน
00:00:27 → 00:00:30 กังวลใจก็คือเฮ้ยการกินแบบนี้เนี่ยมัน
00:00:30 → 00:00:33 กำลังทำร้ายไตของเราอยู่หรือเปล่าคือ
00:00:33 → 00:00:36 เรื่องนี้เนี่ยนะเจอบ่อยมากเลยครับโดย
00:00:36 → 00:00:39 เฉพาะในกลุ่มที่กิน LCHF แล้วก็ใช้น้ำมัน
00:00:39 → 00:00:42 พืชสกัดเย็นเป็นพลังงานหลักพอไปตรวจเลือด
00:00:42 → 00:00:45 ปุ๊บโอ้โหค่าเคลียรนินพุ่งสูงปรี๊ดเลยทำ
00:00:46 → 00:00:49 ให้อัตราการกรองของไตหรือค่า EGFR เนี่ย
00:00:49 → 00:00:52 มันดูต่ำลงจนน่าตกใจซึ่งแน่นอนว่าสร้าง
00:00:52 → 00:00:55 ความกังวลใจอย่างมากเลยทีเดียวเอาล่ะครับ
00:00:55 → 00:00:58 ก่อนที่เราจะไปกันไกลกว่านี้เนี่ยนะเรามา
00:00:58 → 00:01:01 ทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่าไอ้เจ้า
00:01:01 → 00:01:04 คราตินที่เราพูดกันอยู่นี่มันคืออะไรกัน
00:01:04 → 00:01:07 แน่ครินเนี่ยนะครับพูดง่ายๆมันก็คือของ
00:01:07 → 00:01:10 เสียที่เกิดจากการใช้พลังงานในกล้ามเนื้อ
00:01:10 → 00:01:12 ของเรานี่แหละครับแล้วร่างกายก็จะขับมัน
00:01:12 → 00:01:15 ออกทางไตเพราะฉะนั้นปริมาณของมันที่ยัง
00:01:15 → 00:01:18 ค้างอยู่ในเลือดเนี่ยเขาเลยเอามาใช้เพื่อ
00:01:18 → 00:01:22 ประมาณการทำงานของไตกันและจุดที่สำคัญที่
00:01:22 → 00:01:25 สุดอยู่ตรงนี้เลยครับการวัดค่าเครียทินใน
00:01:25 → 00:01:27 เลือดเนี่ยมันเป็นการตรวจวัดการทำงานของ
00:01:27 → 00:01:31 ไตแบบทางอ้อมนะครับย้ำว่าทางอ้อมเท่านั้น
00:01:31 → 00:01:33 มันไม่ได้เป็นการวัดสุขภาพไตโดยตรงเลยและ
00:01:33 → 00:01:36 นี่แหละครับคือหัวใจของความเข้าใจผิดที่
00:01:36 → 00:01:39 เกิดขึ้นทั้งหมดเลยทีนี้เรามาเจาะลึกกัน
00:01:39 → 00:01:42 ดีกว่าว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ค่า
00:01:42 → 00:01:46 เคลียรทินมันสูงปลอมๆขึ้นมาได้คือสูงขึ้น
00:01:46 → 00:01:49 โดยที่ไตเราไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนะโดย
00:01:49 → 00:01:52 เฉพาะในกลุ่มคนที่กินโลคาฟนี่แหละไถ่ว่า
00:01:52 → 00:01:55 กันหลักๆเลยนะมันมีอยู่ 4 ข้อครับ 1 เลย
00:01:55 → 00:01:58 คือการมีมวลกล้ามเนื้อเยอะซึ่งเป็นเรื่อง
00:01:58 → 00:02:01 ปกปกติมากๆสำหรับคนรักสุขภาพใช่ไหมครับพอ
00:02:01 → 00:02:04 มีกล้ามเนื้อเยอะค่าเครียตนินมันก็สูง
00:02:04 → 00:02:07 กว่าคนทั่วไปเป็นธรรมดา 2 คือภาวะขาดน้ำ
00:02:08 → 00:02:10 หรือว่าดื่มน้ำน้อยเกินไป 3 คือการกิน
00:02:10 → 00:02:13 โปรตีนจากเนื้อแดงเยอะๆก่อนที่จะไปตรวจ
00:02:13 → 00:02:16 เลือดและ 4 ข้อสุดท้ายก็คือการออกกำลัง
00:02:16 → 00:02:18 กายที่มันหนักหน่วงหรือหักโหมเกินไปนั่น
00:02:18 → 00:02:21 เองครับปัจจัยทั้งหมดเแหละครับที่มันทำ
00:02:21 → 00:02:23 ให้เครียตินินถูกปล่อยออกมาในเลือดเยอะ
00:02:23 → 00:02:26 ขึ้นแต่เป็นการเยอะขึ้นแบบชั่วคราวนะครับ
00:02:26 → 00:02:29 พอเราเข้าใจแล้วว่าเออเออค่าที่มันสูง
00:02:29 → 00:02:31 เนี่ยอาจจะไม่ได้มาจากไตที่มีปัญหาก็ได้
00:02:31 → 00:02:34 งั้นเรามาดูกันต่อดีกว่าครับว่าเราจะมี
00:02:34 → 00:02:38 วิธีดูแลไตของเราให้ดีขึ้นไปอีกได้ยังไง
00:02:38 → 00:02:40 โดยเฉพาะเรื่องการเลือกไขมันซึ่งถือเป็น
00:02:40 → 00:02:44 หัวใจของแนวทาง LCHF เลยถ้าเรามาดูตาราง
00:02:44 → 00:02:46 เปรียบเทียบอันนี้นะครับจะเห็นภาพชัดขึ้น
00:02:46 → 00:02:49 เยอะเลยถ้าเราเลือกไขมันดีจากพืชอย่างพวก
00:02:49 → 00:02:51 น้ำมันสกัดเย็นเนี่ยนะร่างกายเราจะเข้า
00:02:51 → 00:02:54 สู่ภาวะคีโตซิสได้เร็วแล้วก็นานกว่าได้
00:02:55 → 00:02:57 พลังงานที่เขาเรียกว่าเป็นคีโตนที่สะอาด
00:02:57 → 00:03:00 นะครับสัญญาณการซ่อมแซมร่างกายก็จะมาแบบ
00:03:00 → 00:03:04 ค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกับช้าๆได้พรเล่มงาม
00:03:04 → 00:03:07 แล้วฮอร์โมนต่างๆก็จะนิ่งมากๆแต่ในทาง
00:03:07 → 00:03:09 กลับกันถ้าเราเน้นไขมันจากสัตว์เป็นหลัก
00:03:10 → 00:03:13 อย่างเนยกีหรือกีเนี่ยร่างกายมันจะเข้า
00:03:13 → 00:03:16 ออกคอกภาวะคีโตซิสบ่อยกว่าพลังงานคีโตน
00:03:16 → 00:03:19 ที่ได้เขาก็จะเรียกว่าเป็นแบบ dirty คือ
00:03:19 → 00:03:21 มันอาจจะมีของเสียจากการเผาผลญานที่ไม่
00:03:21 → 00:03:23 สมบูรณ์เท่าไหร่มันเลยไปกระตุ้นสัญญาณ
00:03:23 → 00:03:26 ซ่อมแซมให้เร็วขึ้นก็จริงแต่ก็ไม่ค่อยจะ
00:03:26 → 00:03:28 แน่นอนเท่าไหร่เพราะว่าฮอร์โมนมันอาจจะ
00:03:28 → 00:03:31 แกว่งได้ง่ายกว่านั่นเองครับมาถึงตอนนี้
00:03:31 → 00:03:33 หลายคนอาจจะเริ่มสบายใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ
00:03:34 → 00:03:36 แต่ถ้ายังมีความกังวลใจอยู่ลึกๆแล้วก็
00:03:36 → 00:03:39 อยากได้ความชัดเจนแบบ 100% เลยเราจะตรวจ
00:03:39 → 00:03:42 สอบให้แน่ใจได้ยังไงล่ะคือการเข้าใจ
00:03:42 → 00:03:45 สาเหตุพวกนี้เนี่ยมันก็ช่วยให้สบายใจขึ้น
00:03:45 → 00:03:48 ได้เยอะเลยนะแต่ลึกๆแล้วมันก็อาจจะยังมี
00:03:48 → 00:03:52 คำถามคาใจอยู่ว่าแล้วเราจะมั่นใจได้ยังไง
00:03:52 → 00:03:56 แบบเต็ม 100% เลยนะว่านี่ไม่ใช่สัญญาณ
00:03:56 → 00:04:00 เตือนจากไปของเราจริงๆวิธีการก็คือต้องมี
00:04:00 → 00:04:02 การตรวจเพิ่มเติมครับเพื่อที่จะแยกภาวะ
00:04:02 → 00:04:06 สูงปลอมออกจากภาวะไตเสื่อมจริงๆซึ่งก็มี
00:04:06 → 00:04:09 การตรวจหาโปรตีนที่รั่วออกมาในปัสสาวะการ
00:04:09 → 00:04:12 ทำอัตต้าซาวด์ดูที่ไตโดยตรงหรือในบางเคส
00:04:12 → 00:04:14 เนี่ยอาจจะต้องไปตรวจค่าที่เรียกว่า
00:04:14 → 00:04:17 Serumซatin C ซึ่งตัวนี้จะให้ผลที่แม่นยำ
00:04:17 → 00:04:20 กว่ามากเลยครับในการประเมินการทำงานของไต
00:04:20 → 00:04:23 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีมวลกล้ามเนื้อ
00:04:23 → 00:04:26 เยอะๆเพราะฉะนั้นแล้วนะครับสิ่งที่สำคัญ
00:04:26 → 00:04:28 ที่สุดเนี่ยมันอาจจะไม่ใช่การตื่นตระหนก
00:04:28 → 00:04:31 กับตัวเลขที่เราเห็นแต่มันคือการทำความ
00:04:31 → 00:04:33 เข้าใจที่มาที่ไปของมันแล้วก็เริ่มต้น
00:04:33 → 00:04:36 ตั้งคำถามที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของ
00:04:36 → 00:04:39 เราแล้ววันนี้เราพร้อมที่จะเริ่มตั้งคำ
00:04:39 → 00:04:43 ถามเหล่านั้นกันแล้วหรือยังครับ
00:04:43 → 00:04:46 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับสู่การเจาะลึกข้อ
00:04:46 → 00:04:49 มูลชุดใหม่ของเรานะคะวันนี้เราจะมาคุยกัน
00:04:49 → 00:04:53 ในประเด็นที่เอ่อหลายคนน่าจะกำลังคิดหรือ
00:04:53 → 00:04:56 อาจจะกังวลอยู่ก็ได้ค่ะโดยเฉพาะคนที่สนใจ
00:04:56 → 00:05:00 หรือกำลังกินอาหารแนวคาร์โบไฮเดรตต่ำหรือ
00:05:00 → 00:05:03 ที่เรียกกันติดปากว่า low car p หรือ
00:05:03 → 00:05:04 LCF นะค่ะ
00:05:04 → 00:05:08 >> ครับผมคำถามสำคัญเลยคือกินแบบนี้แล้วไตจะ
00:05:08 → 00:05:12 พังจริงไหมยิ่งพอไปตรวจสุขภาพแล้วเจอค่า
00:05:12 → 00:05:15 เครียตนีนหรือเครียตนีนสูงขึ้นกว่าเดิม
00:05:15 → 00:05:18 นี่อืมยิ่งใจเสียกันไปใหญ่เลยนะครับ
00:05:18 → 00:05:21 >> ใช่เลยค่ะเรื่องค่าเครียทีนินสูงนี่เป็น
00:05:21 → 00:05:24 เหมือนเอ่อจุดสะดุดเลยที่ทำให้คนไม่กล้า
00:05:24 → 00:05:27 เริ่มหรือบางทีก็เลิกกิน LCF ไปเลยก็มีนะ
00:05:27 → 00:05:28 คะ
00:05:28 → 00:05:29 >> ครับ
00:05:29 → 00:05:31 >> ทั้งๆที่จริงๆแล้วเนี่ยมันอาจจะไม่ได้น่า
00:05:31 → 00:05:34 กลัวอย่างที่คิดเสมอไปนะคะวันนี้เราจะมา
00:05:34 → 00:05:36 เจาะลึกกันว่าทำไมค่าเครียทีนินถึงสูง
00:05:36 → 00:05:40 ขึ้นได้แล้วก็ที่สำคัญคือค่าที่สูงขึ้น
00:05:40 → 00:05:43 นั้นนะครับอาจจะเป็นแค่ค่าสูงปลอมก็ได้
00:05:43 → 00:05:45 ซึ่งไม่ได้บอกว่าไตกำลังมีปัญหาโดยตรง
00:05:45 → 00:05:49 เสมอไปอ๋อน่าสนใจมากๆเลยค่ะงั้นเรามา
00:05:49 → 00:05:51 เริ่มแกะรอยเรื่องนี้กันเลยนะคะเป้าหมาย
00:05:51 → 00:05:55 ของเราวันนี้ก็คือทำความเข้าใจต้นตอของ
00:05:55 → 00:05:58 ค่าครีทินีนที่อาจจะสูงขึ้นในกลุ่มคนกิน
00:05:58 → 00:05:59 คาฟต่ำนะคะครับ
00:06:00 → 00:06:03 >> แนวทาง LCHF เนี่ยมันส่งผลต่อกลไกในร่าง
00:06:03 → 00:06:06 กายเราต่างกันยังไงโดยเฉพาะในมุมที่อาจจะ
00:06:06 → 00:06:09 ไม่ใช่เรื่องไตเสื่อมอย่างที่เรากังวลกัน
00:06:09 → 00:06:10 >> ครับผม
00:06:10 → 00:06:13 >> ข้อมูลที่เราจะคุยกันวันนี้ก็มาจากแหล่ง
00:06:13 → 00:06:16 ข้อมูลที่ได้รับมานะคะซึ่งเน้นเรื่องผล
00:06:16 → 00:06:21 กระทบของ LCHF ต่อค่าเครินการแปลผลแล้วก็
00:06:21 → 00:06:23 ทางเลือกของไขมันโดยตรงเลยค่ะ
00:06:23 → 00:06:26 >> ได้เลยครับงั้นเพื่อให้เข้าใจตรงกันเรา
00:06:26 → 00:06:29 ควรเริ่มจากพื้นฐานกันก่อนดีไหมครับว่า
00:06:29 → 00:06:32 จริงๆแล้วเครียินมันคืออะไรกันแน่แล้ว
00:06:32 → 00:06:35 ทำไมถึงถูกนำมาใช้ประเมินการทำงานของไต
00:06:35 → 00:06:38 >> ดีเลยค่ะเอาแบบเข้าใจง่ายๆก่อนนะคะ
00:06:38 → 00:06:41 ครีทินีนเนี่ยโดยพื้นฐานแล้วมันก็คือของ
00:06:41 → 00:06:44 เสียชนิดหนึ่งที่เกิดจากการใช้งานการสลาย
00:06:44 → 00:06:47 ตัวของสารที่ชื่อว่าครีเอทีนน่ะค่ะ
00:06:47 → 00:06:49 >> ครับครีทีนในกล้ามเนื้อ
00:06:49 → 00:06:52 >> ใช่ค่ะซึ่งเป็นสารสำคัญที่อยู่ในกล้าม
00:06:52 → 00:06:55 เนื้อของเรานี่เองพอพอกล้ามเนื้อมันทำงาน
00:06:55 → 00:06:57 มันก็มีของเสียตัวนี้ออกมาแล้วร่างกายก็
00:06:57 → 00:06:59 จะพยายามขับมันทิ้งออกไปทางไตเป็นหลักถูก
00:06:59 → 00:07:00 ต้องมั้คะ
00:07:00 → 00:07:03 >> ถูกต้องเลยครับและนั่นคือเหตุผลที่ทางการ
00:07:03 → 00:07:06 แพทย์นำค่าคริตินีนในเลือดมาใช้เป็นตัว
00:07:06 → 00:07:09 เอ่อประมาณการอัตราการกรองของไตหรือที่
00:07:09 → 00:07:12 เรียกว่า EGFR estimated glomeral or
00:07:12 → 00:07:14 filtration rate นะครับ
00:07:14 → 00:07:15 >> อื้อ
00:07:15 → 00:07:17 >> คำว่า estimated หรือประมาณการนี่สำคัญ
00:07:17 → 00:07:20 มากนะครับเพราะมันคือการวัดทางอ้อมไม่ใช่
00:07:20 → 00:07:22 การวัดประสิทธิภาพการกรองของไตโดยตรงเป๊ะ
00:07:23 → 00:07:23 ๆ
00:07:23 → 00:07:24 >> อ๋อค่ะ
00:07:24 → 00:07:27 >> มันเหมือนกับการเอ่อดูปริมาณขยะที่รอรถ
00:07:27 → 00:07:30 ขยะมาเก็บเพื่อประเมินว่ารถขยะทำงานดีแค่
00:07:30 → 00:07:33 ไหนแต่จริงๆแล้วปริมาณขยะมันอาจจะมาจาก
00:07:33 → 00:07:35 ปัจจัยอื่นก็ได้ไม่ใช่แค่ประสิทธิภาพของ
00:07:35 → 00:07:37 รถขยะอย่างเดียวนึกออกมั้ยครับ
00:07:37 → 00:07:40 >> อ้าเข้าใจเลยค่ะการเปรียบเทียบเห็นภาพชัด
00:07:40 → 00:07:43 เจนมากนั่นแปลว่าต่อให้ค่าคริตินีนใน
00:07:43 → 00:07:46 เลือกสูงขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าไตเรา
00:07:46 → 00:07:49 กำลังแย่เสมอไปต้องดูปัจจัยอื่นประกอบ
00:07:49 → 00:07:49 ด้วย
00:07:49 → 00:07:53 >> ใช่ครับนี่คือหัวใจสำคัญเลยครับค่า
00:07:53 → 00:07:56 กรีตินีนที่สูงอาจจะมาจากสาเหตุอื่นๆที่
00:07:56 → 00:07:59 ไม่ใช่ความเสื่อมของไตโดยตรงแหล่งข้อมูล
00:07:59 → 00:08:01 ที่เรามีเนี่ยนะครับให้เหตุผลที่ทำให้
00:08:01 → 00:08:05 เกิดภาวะที่เรียกว่าค่าีอตtininีนินสูง
00:08:05 → 00:08:07 ปลอมหรือ false high creatinin ไว้หลาย
00:08:07 → 00:08:08 ข้อเลยทีเดียวครับ
00:08:08 → 00:08:11 >> มีอะไรบ้างคะลองแจกแจงให้ฟังหน่อยค่ะ
00:08:11 → 00:08:14 เผื่อหลายคนกำลังเจอสถานการณ์นี้อยู่พอดี
00:08:14 → 00:08:17 >> ได้ครับปัจจัยแรกที่สำคัญมากก็คือเรื่อง
00:08:17 → 00:08:19 มวลกล้ามเนื้อครับผม
00:08:19 → 00:08:20 >> มวลกล้ามเนื้อ
00:08:20 → 00:08:23 >> ใช่ครับคนที่มีมวลกล้ามเนื้อเยอะเยอะโดย
00:08:23 → 00:08:26 ธรรมชาติหรือคนที่ออกกำลังกายแบบ training
00:08:26 → 00:08:29 สร้างกล้างเนื้อเป็นประจำพวกนักกีฬานัก
00:08:29 → 00:08:31 เพาะกายเนี่ยนะครับร่างกายเขาก็จะมี
00:08:31 → 00:08:34 เหมือนโรงงานผลิตครีอทีนีนเยอะกว่าคนทั่ว
00:08:34 → 00:08:35 ไปอยู่แล้ว
00:08:35 → 00:08:36 >> อ้อค่ะ
00:08:36 → 00:08:38 >> ทำให้ค่าเครียินในเลือดสูงกว่าเกณฑ์
00:08:38 → 00:08:41 มาตรฐานได้โดยที่ไตยังทำงานได้ปกติดีทุก
00:08:41 → 00:08:44 อย่างนะครับเหมือนมีวัตถุดิบให้สร้างของ
00:08:44 → 00:08:46 เสียเยอะแต่ระบบกำจัดยังทำงานได้ดีอยู่
00:08:47 → 00:08:49 >> อันนี้สมเหตุสมผลมากเลยค่ะเหมือนกับว่า
00:08:49 → 00:08:51 ถ้าเราเพิ่งเริ่มออกกำลังกายสร้างกล้าม
00:08:51 → 00:08:52 เนื้ออย่างจริงจัง
00:08:52 → 00:08:55 ค่านี้ก็อาจจะขยับขึ้นได้โดยที่ไตไม่ได้
00:08:55 → 00:08:56 เป็นอะไรเลย
00:08:56 → 00:09:00 >> มีความเป็นไปได้สูงครับผมปัจจัยต่อมาคือ
00:09:00 → 00:09:03 ภาวะขาดน้ำหรือดีไฮรRชนะครับ
00:09:03 → 00:09:05 >> อืมการขันน้ำ
00:09:05 → 00:09:08 >> ครับถ้าเราดื่มน้ำน้อยเกินไปในช่วงก่อน
00:09:08 → 00:09:11 ตรวจเลือดหรือร่างกายสูญเสียน้ำเยอะเช่น
00:09:11 → 00:09:14 เหงื่อออกมากจากการออกกำลังกายหรือแม้แต่
00:09:14 → 00:09:17 อากาศร้อนจัดเลือดก็จะมีความเข้มข้นสูง
00:09:17 → 00:09:18 ขึ้นชั่วคราว
00:09:18 → 00:09:19 >> ค่ะ
00:09:19 → 00:09:21 >> ทำให้ค่าเครียตนีนที่วัดได้ดูสูงกว่าเป็น
00:09:22 → 00:09:24 ความจริงพอดื่มน้ำเพียงพอระดับความเข้ม
00:09:24 → 00:09:27 ข้นเลือดกลับมาปกติค่าครีตินีนก็จะลดลงมา
00:09:28 → 00:09:28 เองได้ครับ
00:09:29 → 00:09:31 >> เรื่องการดื่มน้ำนี่สำคัญจริงๆนะคะแล้ว
00:09:31 → 00:09:35 เรื่องอาหารการกินล่ะคะมีผลโดยตรงมั้ยโดย
00:09:35 → 00:09:37 เฉพาะคนที่เน้นโปรตีนสูงๆอ่ะค่ะ
00:09:37 → 00:09:40 >> มีผลแน่นอนครับโดยเฉพาะการกินโปรตีน
00:09:40 → 00:09:43 ปริมาณมากๆในช่วงก่อนวันตรวจเลือดนะครับ
00:09:43 → 00:09:44 >> อ๋อ
00:09:44 → 00:09:47 >> โดยเฉพาะโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์บกเช่น
00:09:47 → 00:09:49 เนื้อวัวเนื้อหมูหรือแม้แต่เวโปรตีนที่
00:09:49 → 00:09:51 นักออกกำลังกายนิยมกินกันถ้าบริโภคเข้าไป
00:09:51 → 00:09:54 ในปริมาณสูงๆเนี่ยอาจจะทำให้ระดับ
00:09:54 → 00:09:56 ครีตินีนในเลือดสูงขึ้นชั่วคราวได้ในวัน
00:09:56 → 00:09:59 รุ่งขึ้นทำให้ผลตรวจคลาดเคลื่อนไปจากพื้น
00:09:59 → 00:10:00 ฐานปกติได้ครับ
00:10:00 → 00:10:04 >> อย่างี้นี่เองใครที่จัดหนักมื้อสเต็กหรือ
00:10:04 → 00:10:07 ดื่มเวโปรตีนแก้วใหญ่ก่อนไปเจาะเลือดก็
00:10:07 → 00:10:10 อาจจะต้องคำนึงถึงประเด็นนี้ด้วยนะคะว่า
00:10:10 → 00:10:12 ค่าที่สูงอาจจะไม่ได้สะท้อนการทำงานของไต
00:10:12 → 00:10:14 จริงๆในขณะนั้น
00:10:14 → 00:10:17 >> ถูกต้องครับควรจะหลีกเลี่ยงการกินโปรตีน
00:10:17 → 00:10:20 มื้อใหญ่มากๆในคืนก่อนวันตรวจเลือดจะดี
00:10:20 → 00:10:23 กว่าครับอีกปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ
00:10:23 → 00:10:25 ไลฟ์สไตล์ของหลายๆคนโดยเฉพาะคนที่เพิ่ง
00:10:25 → 00:10:29 เริ่มหันมาดูแลสุขภาพหรือเข้าสู่โปรแกรม
00:10:29 → 00:10:32 LCHF ที่มักจะควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
00:10:33 → 00:10:35 ก็คือการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงครับ
00:10:35 → 00:10:37 Stranguous Exercise
00:10:37 → 00:10:39 >> ออกกำลังกายหนักๆ
00:10:39 → 00:10:43 >> ใช่ครับการออกแรงที่หนักเกินไปหักโหมหรือ
00:10:43 → 00:10:45 ทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อมากๆอย่างต่อ
00:10:45 → 00:10:49 เนื่องเช่นวิ่งมาราธอนยกน้ำหนักหนักๆเป็น
00:10:49 → 00:10:50 เวลานาน
00:10:50 → 00:10:52 จะทำให้เกิดการสลายตัวของกล้ามเนื้อแล้ว
00:10:52 → 00:10:55 ก็ปล่อยครีตินีนออกมาในกระแสเลือดมากกว่า
00:10:55 → 00:10:59 ปกติในช่วงเวลาสั้นๆหลังออกกำลังกายทำให้
00:10:59 → 00:11:01 ค่าที่วัดได้สูงขึ้นชั่วคราวได้เหมือนกัน
00:11:01 → 00:11:02 ครับ
00:11:02 → 00:11:05 >> โอนี่แค่เรื่องไลฟ์สไตล์กับอาหารก็มีหลาย
00:11:05 → 00:11:08 ปัจจัยแล้วนะคะเนี่ยยังไม่หมดใช่มั้ยคะ
00:11:08 → 00:11:11 >> ยังมีอีกครับอีกกลุ่มปัจจัยคือยาบางชนิด
00:11:11 → 00:11:14 ที่อาจส่งผลต่อระดับครีทินีนในเลือดได้นะ
00:11:14 → 00:11:14 ครับ
00:11:14 → 00:11:15 >> ยา
00:11:15 → 00:11:19 >> ครับข้อมูลระบุว่ายาบางตัวเช่นtrมทิมซึ่ง
00:11:19 → 00:11:22 เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาการติดเชื้อทาง
00:11:22 → 00:11:26 เดินปัสสาวะบ่อยๆนะครับหรือยาลดกรดใน
00:11:26 → 00:11:30 กระเพาะบางชนิด Methypa ยาลดความดันหรือ
00:11:30 → 00:11:35 กลุ่มยา FR ยาลดไขมันไทรลีเซอรดรวมถึงยา
00:11:35 → 00:11:37 ในกลุ่มสเตรอยด์ที่นักกีฬาหรือนักเพราะ
00:11:37 → 00:11:40 กายบางคนอาจใช้เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
00:11:40 → 00:11:43 >> อืหญ้าเหล่านี้บางตัวไม่ได้ทำให้ไตแย่ลง
00:11:43 → 00:11:47 โดยตรงแต่ไปมีผลรบกวนกระบวนการขับ
00:11:47 → 00:11:49 เคลียร์ทินออกจากท่อไต
00:11:49 → 00:11:51 ทำให้ครีทินค้างอยู่ในเลือดสูงขึ้นกว่า
00:11:51 → 00:11:52 ปกติได้ครับ
00:11:52 → 00:11:55 >> ชัดเจนขึ้นเยอะเลยค่ะว่าค่าครีอาทีินสูง
00:11:55 → 00:11:58 นี่มันมีผู้ต้องสงสัยหรือปัจจัยร่วมเยอะ
00:11:58 → 00:12:01 มากไม่ใช่แค่เรื่องตายอย่างเดียวทีนี้เรา
00:12:01 → 00:12:04 ลองโฟกัสไปที่กลุ่มคนที่กิน LCHF โดย
00:12:04 → 00:12:06 เฉพาะหน่อยค่ะในข้อมูลมีข้อสังเกตว่า
00:12:06 → 00:12:09 กลุ่มนี้มักจะเจอปัญหานี้ได้บ่อยโดยเฉพาะ
00:12:09 → 00:12:11 คนที่เน้นใช้น้ำมันพืชสกัดเย็นเป็นพลัง
00:12:11 → 00:12:15 งานหลักในมื้อแรกทำไมถึงเป็นแบบนั้นคะ
00:12:15 → 00:12:17 หรือมันมีกลไกอะไรที่เชื่อมโยงกันไอ้
00:12:17 → 00:12:21 กลุ่มที่กิน LCHF อย่างเข้มข้นคือลดาฟลง
00:12:21 → 00:12:25 มากๆแล้วก็เพิ่มไขมันดีเข้าไปแทนเนี่ย
00:12:25 → 00:12:27 ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเมบอลึม
00:12:27 → 00:12:29 ครั้งใหญ่เลยครับคือเปลี่ยนจากการใช้
00:12:29 → 00:12:33 กลูโคสเป็นพลังงานหลักการเผาผลาญไขมันแทน
00:12:33 → 00:12:36 ซึ่งกระบวนการนี้จะสร้างสารพลังงานที่
00:12:36 → 00:12:39 เรียกว่าคีโตนขึ้นมาเกิดเป็นภาวะที่เรียก
00:12:39 → 00:12:41 ว่าคีโตis
00:12:41 → 00:12:42 >> ค่ะคีโตis
00:12:42 → 00:12:45 >> ทีนี้การเปลี่ยนแปลงนี้เองอาจจะส่งผล
00:12:45 → 00:12:48 กระทบต่อปัจจัยที่เราคุยกันไปก่อนหน้าได้
00:12:48 → 00:12:51 เช่นบางคนพอเริ่มกิน LCHF อาจจะรู้สึกมี
00:12:51 → 00:12:54 แรงมากขึ้นเลยไปออกกำลังกายหนักขึ้นหรือ
00:12:54 → 00:12:57 ในช่วงแรกๆของการปรับตัวร่างกายอาจจะมี
00:12:57 → 00:13:00 การเปลี่ยนแปลงสมดุลของน้ำและเกลือแร่
00:13:00 → 00:13:03 ซึ่งอาจส่งผลต่อภาวะขาดน้ำเล็กน้อยได้
00:13:03 → 00:13:05 หรือแม้แต่การกินโปรตีนที่อาจจะสูงขึ้น
00:13:05 → 00:13:08 กว่าเดิมในบางคนปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผล
00:13:08 → 00:13:10 ต่อค่าครีตินีนได้ทั้งสิ้นครับ
00:13:10 → 00:13:14 >> เข้าใจแล้วค่ะมันเหมือนกับว่า LCHF ไม่
00:13:14 → 00:13:16 ใช่สาเหตุโดยตรงแต่การเปลี่ยนแปลงวิถี
00:13:16 → 00:13:20 ชีวิตที่มักจะมาพร้อมกับการกิน LCHF อาจ
00:13:20 → 00:13:22 จะไปกระทบปัจจัยที่ทำให้ค่าครีเอทีนีนิน
00:13:22 → 00:13:23 สูงปลอมได้นั่นเอง
00:13:23 → 00:13:26 >> ใช่ครับประมาณนั้นเลยครับมีแนวคิดและการ
00:13:27 → 00:13:29 ศึกษาบางส่วนที่ชี้ให้เห็นว่าการปรับ
00:13:29 → 00:13:32 โภชนาการไปเป็นแบบคาร์โบไฮเดรตต่ำอย่าง
00:13:32 → 00:13:34 เหมาะสมและถูกหลักการอาจจะมีประโยชน์ต่อ
00:13:34 → 00:13:37 ผู้ที่มีปัญหาโรคไตเรื้อรังหรือ CKD ใน
00:13:37 → 00:13:39 บางระยะได้จริงครับ
00:13:39 → 00:13:40 >> อ๋อเหรอคะ
00:13:40 → 00:13:42 >> แต่ต้องเน้นย้ำนะครับว่านี่เป็นเรื่องที่
00:13:42 → 00:13:45 ละเอียดอ่อนมากต้องทำภายใต้การดูแลอย่าง
00:13:45 → 00:13:47 ใกล้ชิดของผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผู้ดูแล
00:13:47 → 00:13:50 เท่านั้นไม่ใช่ว่าทุกคนที่เป็นโรคไตทำ
00:13:50 → 00:13:53 LCHF ได้หรือทำแล้วจะได้ผลดีเหมือนกัน
00:13:53 → 00:13:56 หมดนะครับบริบทของแต่ละคนสำคัญมากๆ
00:13:56 → 00:13:59 >> นั่นสิคะมันคงไม่ใช่สูตรสำเร็จสำหรับทุก
00:13:59 → 00:14:01 คนแต่ก็น่าสนใจที่มันมีอีกมุมมองหนึ่ง
00:14:01 → 00:14:04 อยู่ทีนี้ในข้อมูลที่เรามียังลงลึกไปถึง
00:14:04 → 00:14:08 เรื่องการเลือกชนิดของไขมันที่กินใน LCHF
00:14:08 → 00:14:11 ด้วยว่ามันส่งผลต่อกลไกการซ่อมแซมร่างกาย
00:14:11 → 00:14:14 ซึ่งอาจจะรวมถึงไตด้วยต่างกันอันนี้น่าสน
00:14:14 → 00:14:16 ใจมากค่ะช่วยขยายความหน่อยหน่อยได้มั้คะ
00:14:17 → 00:14:20 >> ครับตรงนี้เป็นประเด็นที่ซับซ้อนขึ้นไป
00:14:20 → 00:14:23 อีกระดับและน่าสนใจมากเลยครับจากข้อมูล
00:14:23 → 00:14:26 ที่ให้มามีการเปรียบเทียบผลของการใช้ไข
00:14:26 → 00:14:30 มันดีจากแหล่งที่ต่างกันคือไขมันดีจากพืช
00:14:30 → 00:14:33 เทียบกับไขมันดีจากสัตว์ในบริบทของผลต่อ
00:14:33 → 00:14:36 กระบวนการซ่อมแซมในร่างกายนะครับ
00:14:36 → 00:14:39 >> เริ่มจากไขมันพืชก่อนเลยค่ะอย่างพวกน้ำ
00:14:39 → 00:14:42 มันมะกอกน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันพืชสกัด
00:14:42 → 00:14:45 เย็นอื่นๆที่นิยมเอามาทำน้ำสลัดหรือใส่ใน
00:14:45 → 00:14:49 ตาแฟดำมันส่งผลต่อร่างกายในแนวทาง LCHF
00:14:49 → 00:14:52 ยังไงบ้างคะตามข้อมูลที่ว่ามา
00:14:52 → 00:14:55 >> ข้อมูลระบุว่าการใช้ไขมันดีจากพืชกลุ่ม
00:14:55 → 00:14:58 นี้เป็นหลักโดยเฉพาะในมื้อแรกของวันมีแนว
00:14:58 → 00:15:01 โน้มที่จะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิส
00:15:01 → 00:15:04 ได้เร็วและต่อเนื่องยาวนานกว่าเมื่อเทียบ
00:15:04 → 00:15:06 กับการใช้ไขมันสั่นนะครับ
00:15:06 → 00:15:08 >> เร็วกว่าแล้วก็ต่อเนื่องกว่า
00:15:08 → 00:15:12 >> ใช่ครับนอกจากนี้ยังมีการใช้คำเปรียบเปลย
00:15:12 → 00:15:15 ว่าให้พลังงานจากสิ่งที่เรียกว่าคีตโตน
00:15:15 → 00:15:19 สะอาด Clean คีตซึ่งแหล่งข้อมูลเชื่อว่า
00:15:19 → 00:15:23 สภาวะคีโตซิสแบบนี้อาจจะเอื้อต่อการซ่อม
00:15:23 → 00:15:26 แซมส่วนต่างๆของร่างกายรวมถึงไต้ได้ดี
00:15:26 → 00:15:27 กว่าครับ
00:15:27 → 00:15:30 >> คำว่าคีโตนสะอาดนี่มันมีความหมายทางชีวะ
00:15:30 → 00:15:32 เคมีเฉพาะเจาะจงมั้คะหรือเป็นแค่การ
00:15:32 → 00:15:33 เปรียบเปรย
00:15:33 → 00:15:36 >> อ่อน่าจะเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นภาพมาก
00:15:36 → 00:15:39 กว่านะครับอาจจะหมายถึงภาวะคีโตซิสที่
00:15:39 → 00:15:42 เกิดขึ้นอย่างมีเสถียรภาพมีระดับคีโตนที่
00:15:42 → 00:15:45 ค่อนข้างคงที่ไม่ผันผวนมากซึ่งอาจส่งผล
00:15:45 → 00:15:47 ให้เกิดผลพลอยได้หรือผลข้างเคียงที่ไม่
00:15:47 → 00:15:49 ต้องการน้อยลง
00:15:49 → 00:15:49 >> อื
00:15:49 → 00:15:52 >> และข้อมูลยังชี้ต่อไปอีกว่าไขมันพืชกลุ่ม
00:15:52 → 00:15:55 นี้มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นสัญญาณชีวภาพตัว
00:15:55 → 00:15:59 หนึ่งที่ชื่อว่า Mtrro ในระดับที่ปกติถึง
00:15:59 → 00:16:02 น้อย MTRO นี่เปรียบเสมือนสวิตช์หลักที่
00:16:02 → 00:16:05 ควบคุมการเติบโตและการซ่อมแซมของเซลล์นะ
00:16:05 → 00:16:05 ครับ
00:16:05 → 00:16:06 >> ค่ะ MTRO
00:16:06 → 00:16:09 >> การกระตุ้นที่ไม่มากเกินไปนี้ทำให้กระบวน
00:16:09 → 00:16:12 การซ่อมแซมเป็นไปในลักษณะช้าๆแต่ชัวร์คือ
00:16:12 → 00:16:15 ค่อยเป็นค่อยไปแต่มีความมั่นคงครับผม
00:16:15 → 00:16:18 >> อืมแล้วมันมีผลต่อระบบฮอร์โมนด้วยใช่มั้
00:16:18 → 00:16:20 คะเห็นพูดถึงอินซูลินคอร์ติโซล
00:16:20 → 00:16:23 >> ใช่ครับจุดสำคัญอีกอย่างคือการใช้ไขมัน
00:16:23 → 00:16:25 พืชลักษณะนี้มักจะทำให้ฮอร์โมนที่เกี่ยว
00:16:25 → 00:16:28 กับการเผาผลาญและระดับน้ำตาลอย่าง
00:16:28 → 00:16:30 อินซูลินและฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความ
00:16:30 → 00:16:32 เครียดอย่างคอร์ติซอลมีความนิ่งและเสถียร
00:16:32 → 00:16:33 มากกว่าครับ
00:16:33 → 00:16:35 >> อ๋อฮอร์โมนนิ่ง
00:16:35 → 00:16:38 >> ครับซึ่งสภาวะที่ฮอร์โมน 2 ตัวนี้นิ่งถือ
00:16:38 → 00:16:41 เป็นเรื่องดีมากเพราะมันจะเปิดโอกาสให้
00:16:41 → 00:16:43 ฮอร์โมนกลุ่มที่ทำหน้าที่ส่งเสริมการ
00:16:43 → 00:16:47 เจริญเติบโตและการซ่อมแซมโดยตรงเช่น IGF1
00:16:47 → 00:16:50 กลูและไทรรอยด์ฮอร์โมนสามารถทำงานได้
00:16:50 → 00:16:53 อย่างเต็มประสิทธิภาพไม่ถูกรบกวนครับ
00:16:53 → 00:16:56 >> ฟังดูเป็นสภาวะที่ร่างกายอยู่ในโหมดซ่อม
00:16:56 → 00:16:59 แซมได้อย่างราบรื่นเลยนะคะช้าแต่ชัวร์
00:16:59 → 00:17:02 ฮอร์โมนนิ่งแล้วถ้าเทียบกับฝั่งไขมันดี
00:17:02 → 00:17:05 จากสัตว์ล่ะคะอย่างเช่นน้ำมันหมูน้ำมัน
00:17:05 → 00:17:09 วัวเนยหรือกีเนยใสมันต่างกันอย่างไรตาม
00:17:09 → 00:17:10 ข้อมูลที่ให้มาคะ
00:17:10 → 00:17:13 >> ตามข้อมูลที่ให้มานะครับการใช้ไขมันดีจาก
00:17:13 → 00:17:16 สัตว์เป็นแหล่งพลังงานหลักใน LCHF อาจจะ
00:17:16 → 00:17:20 ทำให้การเข้าสู่ภาวะคีโตสช้ากว่าและมี
00:17:20 → 00:17:21 ความต่อเนื่องน้อยกว่า
00:17:21 → 00:17:23 >> ช้ากว่าไม่ต่อเนื่อง
00:17:23 → 00:17:26 >> ใช่ครับคืออาจจะมีลักษณะที่เคออกๆภาวะ
00:17:26 → 00:17:29 คีโตสได้บ่อยกว่าไม่ได้คงที่ยาวนานเหมือน
00:17:29 → 00:17:32 กรณีไขมันพืชบางชนิดและมีการใช้คำเปรียบ
00:17:32 → 00:17:35 เปลยในทางตรงกันข้ามว่าให้พลังงานจากสิ่ง
00:17:35 → 00:17:37 ที่เรียกว่าคีโตนแบบ dirty ครับ
00:17:37 → 00:17:40 >> dirty คีตonesนี่ก็เป็นการเปรียบเปรยอีก
00:17:40 → 00:17:42 เหมือนกันอาจจะหมายถึงภาวะคีโตสที่ไม่
00:17:42 → 00:17:45 ค่อยเสถียรหรือมีผลกระทบอื่นร่วมด้วย
00:17:45 → 00:17:49 >> น่าจะเป็นความหมายนั้นครับอาจจะหมายถึง
00:17:49 → 00:17:52 สภาวาที่ระดับคีโตนมีความผันผวนมากกว่า
00:17:52 → 00:17:55 หรืออาจจะมีสารอื่นๆเกิดขึ้นร่วมด้วยใน
00:17:55 → 00:17:58 กระบวนการเผาผลาญที่แตกต่างออกไปนอกจาก
00:17:58 → 00:18:01 นี้ข้อมูลยังระบุว่าไขมันสัตว์มีแนวนอม
00:18:01 → 00:18:05 ที่จะกระตุ้นสัญญาณ MTRO มากกว่าไขมันพืช
00:18:05 → 00:18:06 นะครับ
00:18:06 → 00:18:08 >> อ๋อกระตุ้น Mtro มากกว่า
00:18:08 → 00:18:11 >> ครับซึ่งนำไปสู่การซ่อมแซมที่อาจจะเกิด
00:18:11 → 00:18:14 ขึ้นเร็วแต่มีความไม่ชัวร์แฝงอยู่
00:18:14 → 00:18:17 >> ทำไมถึงบอกว่าไม่ค่อยชัวร์ล่ะคะการซ่อม
00:18:17 → 00:18:19 แซมเร็วๆไม่ดีหรอคะ
00:18:19 → 00:18:22 >> คำว่าไม่ค่อยชวนในที่นี้อาจจะหมายถึงว่า
00:18:22 → 00:18:26 การกระตุ้น MTOO ที่แรงแล้วเร็วเกินไปอาจ
00:18:26 → 00:18:29 จะทำให้เซลล์เร่งแบ่งตัวและซ่อมแซมก็จริง
00:18:29 → 00:18:31 แต่ถ้าสภาวแวดล้อมอื่นๆในร่างกายไม่เอื้อ
00:18:31 → 00:18:35 อำนวยเช่นฮอร์โมนไม่สมดุลการซ่อมแซมนั้น
00:18:35 → 00:18:38 อาจจะไม่สมบูรณ์หรืออาจมีความผิดพลาดเกิด
00:18:38 → 00:18:39 ขึ้นได้ง่ายกว่า
00:18:39 → 00:18:40 >> อื
00:18:40 → 00:18:43 >> ที่สำคัญคือมีความเสี่ยงเสียงที่ฮอร์โมน
00:18:43 → 00:18:45 อินซูลินและคอร์ติซอลจะไม่นิ่งเท่ากรณี
00:18:45 → 00:18:48 ที่ใช้ไขมันพืชพอฮอร์โมน 2 ตัวนี้เกิดการ
00:18:48 → 00:18:51 แกว่งหรือไม่เสถียรมันก็อาจจะไปขัดขวาง
00:18:51 → 00:18:54 หรือเบรคการทำงานของฮอร์โมนกลุ่มซ่อม
00:18:54 → 00:18:57 สร้างอย่าง IGF1 กลูคารอนและไทรรอยด์ได้
00:18:57 → 00:19:01 ทำให้กระบวนการซ่อมแซมโดยรวมอาจจะติดขัดๆ
00:19:01 → 00:19:03 หรือไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็นครับ
00:19:03 → 00:19:06 >> โอ้โหนี่มันลงลึกถึงระดับกลไกเซลล์และ
00:19:06 → 00:19:09 ฮอร์โมนเลยนะคะแสดงว่าแค่เราเลือกกินไข
00:19:09 → 00:19:12 มันต่างชนิดกันภายใต้หลักการ LCH CHF
00:19:12 → 00:19:15 เหมือนกันผลลัพธ์ต่อกระบวนการภายในร่าง
00:19:15 → 00:19:17 กายก็อาจจะต่างกันได้มากขนาดนี้เลย
00:19:17 → 00:19:20 >> ถูกต้องครับมันสะท้อนว่า LCHF ไม่ใช่แค่
00:19:20 → 00:19:23 เรื่องของการตัดแป้งลดน้ำตาลเราจะเหมือน
00:19:23 → 00:19:25 กันหมดนะครับแต่มันมีรายละเอียดปลีกย่อย
00:19:25 → 00:19:28 อีกมากโดยเฉพาะเมื่อเรามองในมุมของผล
00:19:28 → 00:19:31 กระทบต่อสุขภาพในระยะยาวหรือการปรับใช้
00:19:31 → 00:19:33 LCHF เพื่อเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมาก
00:19:33 → 00:19:36 ขึ้นเช่นการฟื้นฟูร่างกายหรือการจัดการ
00:19:36 → 00:19:39 กับภาวะบางอย่างการเลือกแหล่งพลังงานหลัก
00:19:39 → 00:19:40 จึงมีความสำคัญไม่น้อยกว่าสัดส่วน
00:19:40 → 00:19:42 มาโครนิวนิวตรนเลยครับ
00:19:42 → 00:19:44 >> เข้าใจความแตกต่างและรายละเอียดมากขึ้น
00:19:44 → 00:19:47 เยอะเลยค่ะทีนี้ขอกลับมาที่ประเด็นเรื่อง
00:19:47 → 00:19:50 ค่าเครียตนินสูงอีกครั้งนะคะสมมุติว่าเรา
00:19:50 → 00:19:53 กิน LCHF แล้วไปตรวจเลือดพบว่าค่า
00:19:53 → 00:19:55 ครีตินินสูงจริงแต่เราก็เริ่มสงสัยแล้ว
00:19:56 → 00:19:59 ว่าเอ๊ะหรือมันจะเป็นค่าสูงปลอมจากปัจจัย
00:19:59 → 00:20:01 ต่างๆที่เราคุยกันไปเช่นเราอาจจะเพิ่งออก
00:20:01 → 00:20:04 กำลังกายหนักมาหรืออาจจะดื่มน้ำน้อยไป
00:20:04 → 00:20:06 หน่อยหรือเรามีมวลกล้ามเนื้อเยอะอยู่แล้ว
00:20:07 → 00:20:10 เราควรจะทำยังไงต่อดีคะคุณจะกังวลแค่ไหน
00:20:10 → 00:20:13 >> นี่เป็นสถานะสการที่พบบ่อยและเป็นจุดที่
00:20:13 → 00:20:15 ต้องจัดการอย่างเหมาะสมเลยครับอย่างแรก
00:20:15 → 00:20:18 คือไม่ควรด่วนสรุปว่าไตเสื่อมทันทีเพราะ
00:20:18 → 00:20:21 อย่างที่เราคุยกันมันมีสาเหตุอื่นที่เป็น
00:20:21 → 00:20:22 ไปได้เยอะมาก
00:20:22 → 00:20:23 >> ค่ะ
00:20:23 → 00:20:26 >> แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรนิ่งนอนใจหรือ
00:20:26 → 00:20:28 ปัดตกความกังวลไปเลยเช่นกันนะครับสิ่งที่
00:20:29 → 00:20:31 ควรทำคือการปรึกษาแพทย์และอาจจะต้องมีการ
00:20:31 → 00:20:34 ตรวจเพิ่มเติมเพื่อช่วยแยกแยะให้ชัดเจน
00:20:34 → 00:20:36 ขึ้นว่าค่าที่สูงนั้นมาจากสาเหตุอะไรกัน
00:20:36 → 00:20:40 แน่เป็นแค่ค่าสูงปลอมชั่วคราวหรือเป็น
00:20:40 → 00:20:42 สัญญาณเริ่มตนของปัญหาไตจริงๆ
00:20:42 → 00:20:44 >> แล้วการตรวจเพิ่มเติมที่ว่านี้มีอะไรบ้าง
00:20:44 → 00:20:47 ค่ะที่พอจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
00:20:47 → 00:20:50 >> การตรวจที่มักจะแนะนำเพิ่มเติมเพื่อดูการ
00:20:50 → 00:20:52 ทำงานของไตในมิติอื่นๆนอกเหนือจากค่า
00:20:52 → 00:20:55 ครีเอทีนินก็คือการตรวจปัสสาวะเพื่อหา
00:20:55 → 00:20:59 โปรตีนรั่วยูรีนโปรตีนครับ
00:20:59 → 00:21:01 >> ตรวจโปรตีนรั่วในปัสสาวะ
00:21:01 → 00:21:04 >> ใช่ครับโดยปกติแล้วไตที่แข็งแรงจากกรอง
00:21:04 → 00:21:07 โปรตีนเก็บไว้ในร่างกายไม่ปล่อยให้ออกมา
00:21:07 → 00:21:11 กับปัสสาวะหรือออกมาน้อยมากมากถ้าตรวจพบ
00:21:11 → 00:21:13 ว่ามีโปรตีนรั่วออกมาในปัสสาวะในปริมาณ
00:21:13 → 00:21:16 ที่ผิดปกติก็เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างบ่งชี้
00:21:16 → 00:21:19 ได้ชัดเจนกว่าว่าอาจจะมีการทำงานที่ผิด
00:21:19 → 00:21:23 ปกติเกิดขึ้นที่หน่วยกรองของไตครับ
00:21:23 → 00:21:25 >> อันนี้เหมือนเป็นการเช็คคุณภาพของตะแกรง
00:21:25 → 00:21:27 กรองของไตโดยตรงเลย
00:21:27 → 00:21:30 >> ประมาณนั้นเลยครับเป็นการดูว่าตัวกรองยัง
00:21:30 → 00:21:33 ทำงานได้ดีอยู่มั้ยอีกอย่างที่อาจช่วยได้
00:21:33 → 00:21:36 คือการทำultraซาวoundultraซาวoundไตนะ
00:21:36 → 00:21:38 ครับ
00:21:38 → 00:21:41 >> ครับการตรวจตรวจนี้จะช่วยให้เห็นภาพโครง
00:21:41 → 00:21:44 สร้างทางกายภาพของไต่ได้โดยตรงเช่นขนาด
00:21:44 → 00:21:48 รูปร่างลักษณะเนื้อไต่มีก้อนมีซีสหรือมี
00:21:48 → 00:21:51 ภาวะบวมน้ำหรือไม่ซึ่งอาจช่วยหาสายเอดของ
00:21:51 → 00:21:53 ปัญหาได้ในบางกรณีครับ
00:21:53 → 00:21:56 >> แล้วมีวิธีตรวจเลือดตัวอื่นอีกมั้คะที่
00:21:56 → 00:21:59 เจอช่วยประเมินการทำงานของไตได้แม่นยำ
00:21:59 → 00:22:02 ขึ้นหรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่เราคุย
00:22:02 → 00:22:06 กันน้อยลงเห็นในข้อมูลพูดถึงซีรั่มซิซี
00:22:06 → 00:22:07 ด้วยค่ะ
00:22:07 → 00:22:11 >> ใช่ครับการตรวจตรวจซีรั่มซิซีเป็นอีกทาง
00:22:11 → 00:22:14 เลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการประเมินการทำ
00:22:14 → 00:22:18 งานของไตครับซิาตินซีเป็นโปรตีนอีกชนิด
00:22:18 → 00:22:20 หนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นในอัตราที่ค่อน
00:22:20 → 00:22:23 ข้างคงที่และถูกกรองทิ้งที่ไตเหมือน
00:22:23 → 00:22:25 คราทีีนครับ
00:22:25 → 00:22:26 >> อ๋อเหมือนกัน
00:22:26 → 00:22:29 >> แต่ข้อดีที่สำคัญคือระดับของซิสตาตินซีใน
00:22:29 → 00:22:32 เลือดไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัจจัยอย่าง
00:22:32 → 00:22:35 มวลกล้ามเนื้อหรือปริมาณโปรตีนที่กินเข้า
00:22:35 → 00:22:37 ไปเหมือนกับครีทินีนครับ
00:22:37 → 00:22:39 >> อืมอันนี้น่าสนใจ
00:22:39 → 00:22:42 >> ดังนั้นในบางสถานการณ์โดยเฉพาะในคนที่มี
00:22:42 → 00:22:45 มวลกล้ามเนื้อเยอะหรือน้อยผิดปกติหรือใน
00:22:45 → 00:22:48 คนที่เพิ่งกินโปรตีนมาเยอะๆการวัดค่า
00:22:48 → 00:22:52 ซิตาตินซีอาจจะให้ภาพการทำงานของไต EGFR
00:22:52 → 00:22:56 ที่คำนวณจากซิาตินซีที่แม่นยำกว่าหรือ
00:22:56 → 00:22:58 อย่างน้อยก็ใช้เป็นข้อมูลประกอบการ
00:22:58 → 00:23:01 พิจารณาร่วมกับค่าเครียineนและ EGFR เดิม
00:23:01 → 00:23:04 ได้ช่วยให้การวินิจฉัยรอบคอบมากขึ้นครับ
00:23:04 → 00:23:07 >> ถ้าค่าเคลียรทินสูงอย่าเพิ่งตื่นตระหนก
00:23:07 → 00:23:10 ลองพิจารณาปัจจัยร่วมอื่นๆและสิ่งสำคัญ
00:23:10 → 00:23:12 คือปรึกษาแพทย์แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ
00:23:12 → 00:23:16 ไลฟ์สไตล์อาหารการกินยาที่ใช้และอาจจะ
00:23:16 → 00:23:18 ต้องมีการตรวจเพิ่มเติมเหล่านี้เพื่อยืน
00:23:18 → 00:23:21 ยันหรือหาข้อมูลประกอบให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
00:23:21 → 00:23:22 นะคะ
00:23:22 → 00:23:24 >> ถูกต้องครับการสื่อสารกับแพทย์อย่างเปิด
00:23:24 → 00:23:27 อกให้ข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับวิถีชีวิต
00:23:27 → 00:23:30 ของเราไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการออก
00:23:30 → 00:23:33 กำลังกายหรือยาและอาหารเสริมที่ใช้เป็น
00:23:33 → 00:23:36 สิ่งสำคัญอย่างยิ่งเลยครับที่จะช่วยให้
00:23:36 → 00:23:37 แพทย์สามารถวินิจฉัย
00:23:37 → 00:23:40 และแปลผลเลือดได้อย่างแม่นยำและให้คำแนะ
00:23:40 → 00:23:42 นำที่เหมาะสมกับเราได้ครับ
00:23:42 → 00:23:45 >> เอาล่ะค่ะวันนี้เราได้เจาะลึกกันไปหลาย
00:23:45 → 00:23:48 แง่มุมเลยตั้งแต่ต้นตอของค่าเครียนไปจน
00:23:48 → 00:23:51 ถึงความแตกต่างของไขมันใน LCHF ดิฉันว่า
00:23:52 → 00:23:54 น่าจะคลายข้อสงสัยให้หลายๆคนได้พอสมควร
00:23:54 → 00:23:57 เลยก่อนจะสรุปปิดท้ายอยากให้ช่วยย้ำ
00:23:57 → 00:23:59 ประเด็นสำคัญที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้
00:23:59 → 00:24:00 อีกครั้งได้มั้คะ
00:24:00 → 00:24:03 >> ได้แน่นอนครับประเด็นหลักที่อยากให้จดจำ
00:24:03 → 00:24:07 ไว้คือข้อแรกค่าเครียตินีนในเลือดสูงไม่
00:24:07 → 00:24:10 ได้แปลว่าไต่ผังเสมอไปนะครับโดยเฉพาะใน
00:24:11 → 00:24:14 ผู้ที่กิน LCHF มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจ
00:24:14 → 00:24:17 ทำให้เกิดค่าสูงปลอมได้เช่นม้วนกล้าง
00:24:17 → 00:24:20 เนื้อที่มากภาวะขาดน้ำชั่วคราวการกิน
00:24:20 → 00:24:23 โปรตีนสูงก่อนตรวจการออกกำลังกายหนักและ
00:24:23 → 00:24:25 ผลจากยาบางชนิดครับ
00:24:25 → 00:24:26 >> ค่ะ
00:24:26 → 00:24:29 >> ข้อ 2 การเลือกชนิดของไขมันในแนวทาง LCHF
00:24:30 → 00:24:33 อาจส่งผลต่อกลไกภายในร่างกายต่างกันจาก
00:24:33 → 00:24:36 ข้อมูลที่ได้มานะครับไขมันพืชสกัดเย็นบาง
00:24:36 → 00:24:39 ชนิดอาจส่งเสริมภาวะคีโตสที่เสถียงที่
00:24:39 → 00:24:42 แหล่งข้อมูลเรียกว่า Clean Ketones
00:24:42 → 00:24:45 เอื้อต่อการซ่อมแซมแบบช้าแต่ชัวร์และทำ
00:24:45 → 00:24:49 ให้ฮอร์โมนสำคัญอินซูลินคอร์ตินิ่งกว่าใน
00:24:49 → 00:24:52 ขณะที่ไขมันจากสัตว์อาจนำไปสู่ภาวะคีโตส
00:24:53 → 00:24:56 ที่ผันผวนกว่า Dirty คีตonesกระตุ้นการ
00:24:56 → 00:24:59 ซ้อมแซมที่เร็วแต่ไม่ชัวร์และอาจส่งผลต่อ
00:24:59 → 00:25:02 ความเสถียรภาพของฮอร์โมนมากกว่าซึ่งอัน
00:25:02 → 00:25:04 นี้ก็เป็นมุมมองที่น่าสนใจจากแหล่งข้อมูล
00:25:04 → 00:25:05 นะครับ
00:25:05 → 00:25:06 >> อืมค่ะ
00:25:06 → 00:25:10 >> และข้อ 3 เมื่อพบค่าเครียตนินสูงควร
00:25:10 → 00:25:13 ปรึกษาแพทย์และอาจพิจารณาตรวจเพิ่มเติม
00:25:13 → 00:25:17 เช่นโปรตีนในปัสสาวะอัลตรซาวไตหรือซีรั่ม
00:25:17 → 00:25:20 ซิสตาตินซีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่รอบด้าน
00:25:20 → 00:25:22 และวินิจฉัยได้แม่นยำครับผม
00:25:22 → 00:25:25 >> และความเข้าใจทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้เรา
00:25:25 → 00:25:28 สามารถแปลผลการตรวจสุขภาพของเราได้อย่าง
00:25:28 → 00:25:31 มีสติไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุนะคะสามารถพูด
00:25:31 → 00:25:34 คุยกับคุณหมอได้อย่างมีข้อมูลและตัดสินใจ
00:25:34 → 00:25:37 เลือกแนวทางกินแอล CHF หรือปรับเปลี่ยน
00:25:37 → 00:25:40 วิถีชีวิตโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพไต
00:25:40 → 00:25:42 และกลไกอื่นๆในร่างกายได้อย่างเหมาะสมมาก
00:25:42 → 00:25:43 ขึ้น
00:25:43 → 00:25:46 >> ใช่เลยครับเป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับ
00:25:46 → 00:25:49 ตัวเองเพื่อดูแลสุขภาพในระยะยาวครับ
00:25:49 → 00:25:52 >> ยอดเยี่ยมมากค่ะเป็นข้อมูลที่ทั้งลึกและ
00:25:52 → 00:25:55 นำไปปรับใช้ได้จริงทีนี้ก่อนจะจบการสนทนา
00:25:55 → 00:25:58 ของเราในวันนี้มีประเด็นไหนที่อยากจะฝาก
00:25:58 → 00:26:01 ให้ผู้ฟังลองนำไปขบคิดหรือสำรวจต่อยอดจาก
00:26:01 → 00:26:03 สิ่งที่เราคุยกันไปมั้ยคะ
00:26:03 → 00:26:06 >> นี่ครับเป็นคำถามที่ต่อยอดจากเรื่องที่
00:26:06 → 00:26:09 เราเพิ่งคุยกันไปเรื่องชนิดของไขมันกับ
00:26:09 → 00:26:12 ภาวะคีโตสนะครับนอกเหนือจากผลต่อค่า
00:26:12 → 00:26:15 ีอทินีนหรือกลไกการซ่อมแซมที่เราพูดถึง
00:26:15 → 00:26:18 แล้วสิ่งที่น่าขบคิดต่อไปคือความแตกต่าง
00:26:18 → 00:26:21 ของประเภทภาวะคีโตสที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะ
00:26:21 → 00:26:23 เป็นแบบที่แหล่งข้อมูลเรียกว่า clean
00:26:23 → 00:26:26 หรือ dirty แบบที่คงที่ยาวนานหรือแบบที่
00:26:26 → 00:26:29 ผันผวนเข้าๆออกๆซึ่งดูเหมือนจะสัมพันธ์
00:26:29 → 00:26:31 กับชนิดของไขมันที่เราเลือกกินเป็นหลัก
00:26:31 → 00:26:32 นั้น
00:26:32 → 00:26:33 >> ค่ะ
00:26:33 → 00:26:36 >> มันอาจจะส่งผลกระชบต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ
00:26:36 → 00:26:38 หรือกระบวนการเผาผลาญอื่นๆในระยะยาวอย่าง
00:26:38 → 00:26:42 ไรบ้างเช่นผลต่อระบบภูมิคุ้มกันการอักเสบ
00:26:42 → 00:26:45 เรื้อรังในร่างกายหรือแม้แต่สุขภาพสมอง
00:26:45 → 00:26:47 อันนี้เป็นคำถามที่ยังเปิดกว้างนะครับและ
00:26:47 → 00:26:49 อาจจะต้องการการศึกษาทำความเข้าใจเพิ่ม
00:26:49 → 00:26:52 เติมในอนาคตว่ารายละเอียดเล็กๆน้อยๆในการ
00:26:52 → 00:26:55 เลือกไขมันของเราเนี่ยมันส่งผลประภาพรวม
00:26:55 → 00:26:57 สุขภาพที่ใหญ่กว่าได้อย่างไรบ้างครับ
00:26:57 → 00:27:00 >> เป็นคำถามที่ชวนให้คิดตามและสำรวจต่อจริง
00:27:00 → 00:27:02 ๆค่ะว่ารายละเอียดในการกินของเรามันอาจจะ
00:27:03 → 00:27:05 มีระลอกคลื่นส่งผลกระทบไปไกลกว่าที่เรา
00:27:05 → 00:27:08 คิดไว้ก็ได้ขอบคุณมากนะคะสำหรับข้อมูล
00:27:08 → 00:27:10 เชิงลึกและการสนทนาที่เข้มข้นในวันนี้ค่ะ
00:27:10 → 00:27:13 >> ยินดีเสมอครับผม
00:27:13 → 00:27:31 [เพลง]