00:00:00 → 00:00:02 สวัสดีค่ะหมอแดงแพทย์แผนไทยค่ะวันนี้กลับ
00:00:02 → 00:00:04 มาพบกันนะคะจะบอกว่าช่วงหลังเราอาจจะไม่
00:00:04 → 00:00:06 ได้เจอกันแบบเดี่ยวๆอย่างี้มาพักนึงแล้ว
00:00:06 → 00:00:09 เนาะก็ต้องบอกว่าแดงก็หายไปเรียนนะคะอีก
00:00:09 → 00:00:11 ปีนึงจากนี้ก็ยังคงจะเรียนอยู่นั่นแหละ
00:00:11 → 00:00:14 เกี่ยวกับจิตวิทยาสุขภาพนะคะก็มีอันนึง
00:00:14 → 00:00:16 ที่คิดว่ามีประโยชน์ค่ะพอดีช่วงนี้ทำ
00:00:17 → 00:00:19 วิจัยที่มันเกี่ยวข้องกับความเชื่อความ
00:00:19 → 00:00:21 เชื่อเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองว่ามัน
00:00:22 → 00:00:24 เป็นปัจจัยนึงที่ทำให้เรามี wellbe being
00:00:24 → 00:00:27 หรือว่ามีสุขภาวะทางกายทางใจที่ดีนะคะ
00:00:28 → 00:00:30 แล้วจิตวิทยาสุขภาพเนี่ยเราเรียนเพื่อที่
00:00:30 → 00:00:33 เราจะรู้ค่ะว่าต้นเหตุของอาการพฤติกรรม
00:00:33 → 00:00:35 ต่างๆของคนที่เป็นกันอยู่เนี่ยทีจะทุกข์
00:00:35 → 00:00:37 มั่งสุขมั่งเนี่ยมันมีเบื้องลึกเบื้อง
00:00:37 → 00:00:40 หลังอ่ะมาจากอะไรเรารู้เพื่อที่เราจะไป
00:00:40 → 00:00:42 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อที่เขาจะ
00:00:43 → 00:00:45 ได้มีสุขภาพที่ดีขึ้นเนาะถ้าบางคนสุขภาพ
00:00:45 → 00:00:47 ดีอยู่แล้วจะได้รู้ว่าเออะที่ดีเนี่ย
00:00:47 → 00:00:50 เพราะอะไรสนับสนุนส่งเสริมเพิ่มเติมให้
00:00:50 → 00:00:53 เป็นไปในเป้าหมายที่คนแต่ละคนต้องการได้
00:00:53 → 00:00:55 มยหรือคนที่มีพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่ดีเออ
00:00:56 → 00:00:58 เพราะอะไรล่ะทำไมยังเลิกบุหรี่ไม่ได้ยัง
00:00:58 → 00:01:00 ออกกำลังกายไม่ไม่ได้ยังตื่นเช้าไม่ได้
00:01:00 → 00:01:03 มันเป็นเพราะอะไรแล้วพอเรารู้เนี่ยเราจะ
00:01:03 → 00:01:06 สามารถนำมาดีไซน์ทำให้เขาเนี่ยไปสู่เป้า
00:01:06 → 00:01:09 หมายทางสุขภาพที่เขาต้องการได้นี่คือแก่น
00:01:09 → 00:01:12 ของจิตวิทยาสุขภาพนะคะเพราะฉะนั้นพอแดง
00:01:12 → 00:01:14 เรียนไปแล้วแดงไปอินกับอันนึงที่เป็นหัว
00:01:14 → 00:01:16 ข้อวิจัยของแดงด้วยเนาะก็คือเรื่องของการ
00:01:16 → 00:01:19 รับรู้ความสามารถในตนเองค่ะในทางภาษา
00:01:19 → 00:01:21 จิตวิทยาเขาจะเรียกว่า self efficacy
00:01:21 → 00:01:24 เนาะก็เป็นทฤษฎีสุขภาพอันนึงที่มีมานาน
00:01:24 → 00:01:28 มากและอันเนี้ยมันเป็นสิ่งที่ส่งเสริมได้
00:01:28 → 00:01:30 แดนก็เลยประมูลมวนผลมาค่ะว่าคนเราอ่ะถ้า
00:01:30 → 00:01:33 ป่วยอยู่ไม่ว่าจะทางกายทางใจรู้สึกว่า
00:01:33 → 00:01:35 ช่วงนี้อ่อนเพลียอ่อนแอเหนื่อยง่ายรู้สึก
00:01:35 → 00:01:37 ไม่มีความสุขเหมือนจะเป็นซึมเศร้าหรือ
00:01:37 → 00:01:40 เปล่านะคะลองกลับมาดูถ้าคุณเพิ่ม 2 อย่าง
00:01:40 → 00:01:43 นี้ได้เนี่ยดังคิดว่ามันจะทำให้สุขภาพกาย
00:01:43 → 00:01:46 ใจของเราเนี่ยดีขึ้นนะคะ 1 ก็คือ self
00:01:46 → 00:01:48 efficacy เนาะกับ 2 ก็คือ meaningful
00:01:48 → 00:01:51 ค่ะความหมายในชีวิตจริงๆมันเป็น 2 ทฤษฎี
00:01:51 → 00:01:53 นะอันแรกก็คือเรื่องของ self efficacy
00:01:53 → 00:01:56 จะพูดเรื่องของความเชื่อค่ะ 2 เรื่องของ
00:01:56 → 00:01:58 เป้าหมายก็จะมีทฤษฎีนึงที่เรียนมาคือ
00:01:58 → 00:02:00 โลโกธyเนาะอันเนี้ยก็จะเป็นอันนึงที่
00:02:00 → 00:02:02 เดี๋ยวแดงจะเล่าให้ฟังว่ามันคืออะไรนะคะ
00:02:03 → 00:02:05 อันแรกก่อนเรื่องของความเชื่อค่ะคือ self
00:02:05 → 00:02:08 efficacy อ่ะมันไม่ใช่ความสามารถนะคะมัน
00:02:08 → 00:02:11 คือความเชื่อในความสามารถของตัวเองบางที
00:02:11 → 00:02:13 เราอาจจะยังไม่ได้มีความสามารถนั้นแต่เรา
00:02:13 → 00:02:16 เชื่อว่าเรามีความสามารถนั้นเราสามารถทำ
00:02:16 → 00:02:19 เป้าหมายใดๆให้มันสำเร็จได้เขาถึงเรียก
00:02:19 → 00:02:22 ว่าความเชื่อในความสามารถของตนเองหรือถ้า
00:02:22 → 00:02:24 เกิดไปอ่านงานหลายๆอย่างเขาก็จะมีคำพูด
00:02:24 → 00:02:26 หลากหลายไปในคำภาษาไทยนะคะเช่นการรับรู้
00:02:26 → 00:02:29 ความสามารถในตนเองเป็นต้นแต่ความหมายก็
00:02:29 → 00:02:31 คือเหมือนกันว่ามันเป็นความเชื่ออยู่ในใจ
00:02:31 → 00:02:34 ของเราอ่ะค่ะว่าเราอ่ะมีความสามารถนะที่
00:02:34 → 00:02:37 จะทำสิ่งใดๆให้สำเร็จได้ซึ่งสำคัญมากๆก็
00:02:37 → 00:02:41 คือว่ามันเพิ่มได้ค่ะมันมีแหล่งที่มาอยู่
00:02:41 → 00:02:43 มันมี 4 แหล่งที่มาถ้าเกิดคุณรู้สึกว่า
00:02:43 → 00:02:45 ช่วงนี้คุณรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจคุณ
00:02:46 → 00:02:48 ลองมาเพิ่มความเชื่อตรงนี้ดูมันเพิ่มได้
00:02:48 → 00:02:51 ยังไงมันเพิ่มได้จาก 4 อย่างนะคะ 1 ก็คือ
00:02:51 → 00:02:54 ประสบการณ์ความสำเร็จในอดีตของตัวเองค่ะ
00:02:54 → 00:02:56 เวลาที่เรารู้สึกว่าเออช่วงเนี้ยทำไมเรา
00:02:56 → 00:02:58 ทุกข์จังเลยกับการที่อ่ะสมมุติเราเรียน
00:02:58 → 00:03:00 อยู่แล้วเราแบบเอ้ยทำไมเราเรียนไม่ได้ดี
00:03:00 → 00:03:03 เลยรู้สึกมีอะไรหลายอย่างต้องทำไปหมดเลย
00:03:03 → 00:03:06 ก็ยังสอบได้ไม่ดีก็ยังทำส่งงานได้ไม่ครบ
00:03:06 → 00:03:09 อย่างเงี้ยเราลองนึกย้อนกลับไปไหมว่าเฮ้ย
00:03:09 → 00:03:12 เหตุการณ์ท้าทายในชีวิตอะไรบ้างที่เรา
00:03:12 → 00:03:14 ผ่านมาได้แล้วอ่ะคนเรานะคะสังเกตมว่าถ้า
00:03:14 → 00:03:17 เกิดตอนเนี้เราเจอเรื่องทุกข์อยู่เนาะเรา
00:03:17 → 00:03:19 ก็จะคิดว่าเอ้ยมันทุกข์จังเลยวะแต่พอเวลา
00:03:19 → 00:03:21 ผ่านไปสิคะเราผ่านเรื่องนั้นมาแล้วอ่ะพอ
00:03:21 → 00:03:23 เรามองย้อนกลับไปอ่ะเฮ้ยเรื่องนั้นมันไม่
00:03:23 → 00:03:26 ได้ใหญ่โตมากนะเราก็ผ่านมาแล้วถูกมั้ยคะ
00:03:26 → 00:03:27 เพราะฉะนั้นเวลาที่เราเจอเรื่องท้าทาย
00:03:27 → 00:03:29 อะไรอยู่ให้เราย้อนนึกถึงประสบการณ์ใน
00:03:29 → 00:03:32 อดีตของเรามันเป็นแรงที่ดีที่สุดเลยค่ะใน
00:03:32 → 00:03:35 การที่จะเพิ่มความเชื่อในตัวเองว่าสุด
00:03:35 → 00:03:37 ท้ายอ่ะไม่ว่าเรื่องอะไรในชีวิตอ่ะไม่ว่า
00:03:37 → 00:03:41 เราจะเคยป่วยเคยอะไรมาร่างกายเราไหวเราไป
00:03:41 → 00:03:43 ต่อได้นะคะอันเนี้ยคือแหล่งแรกเนาะแหล่ง
00:03:43 → 00:03:46 ที่ 2 ก็คือการเรียนรู้ประสบการณ์ของคน
00:03:46 → 00:03:49 อื่นค่ะโดยเฉพาะคนที่มีอะไรใกล้เคียงกับ
00:03:49 → 00:03:52 เราว่าเฮ้ยเค้ายังทำได้เลยอ่ะทำไมเรา
00:03:52 → 00:03:54 คล้ายๆกันกับเค้าได้ยังทำไม่ได้เช่นอ่ะ
00:03:54 → 00:03:56 สมมุติในเชิงสุขภาพคนที่อยู่ในช่วงวัย
00:03:56 → 00:03:58 เดียวกันหรือว่าคนที่ป่วยอยู่ในโรคคล้ายๆ
00:03:58 → 00:04:01 กับที่เราเป็นเฮ้ยเค้าผ่านมาแล้วนะ
00:04:01 → 00:04:03 อันเนี้ยแดงคิดว่าสำคัญเลยก็คือเราอ่ะ
00:04:03 → 00:04:06 ต้องหาลingค่ะคนที่เป็นต้นแบบเวลาเราดู
00:04:06 → 00:04:08 สื่ออ่ะสมมุติเรารับสื่อในเชิงลบใช่มย
00:04:08 → 00:04:10 อุ้ยอันนี้ก็ทำไม่ได้อันนี้เขาก็อุ๊ยแย่
00:04:10 → 00:04:13 ไปเลยคนที่พูดอย่างเงี้ยอย่าไปฟังมากค่ะ
00:04:13 → 00:04:16 เออเราควรหาโมเดลิที่ว่าสมมุติอันนี้
00:04:16 → 00:04:19 สมมุตินะคะสมมุติเป็นมะเร็งผ่านมาได้วัน
00:04:19 → 00:04:22 นี้ก็ยังมีชีวิตที่ดีสมมุติว่าก็ยังเป็น
00:04:22 → 00:04:24 อยู่นั่นแหละแต่ว่าโรคสงบอยู่เฮ้ยเค้าดู
00:04:24 → 00:04:26 แลร่างกายจิตใจยังไงเพื่อเพื่อที่เราจะ
00:04:26 → 00:04:29 เอามาเป็นกำลังใจให้ตัวเองเฮ้ยขนาดคนแบบ
00:04:29 → 00:04:31 เนี้ยคนที่เคยไปขนาดเนี้ยปัจจุบันเป็นนัก
00:04:31 → 00:04:35 กีฬาไตรกีฬาจ้าแข็งแรงกว่าเดิมอีกจ้าเค้า
00:04:35 → 00:04:37 ทำอะไรมาได้เพราะฉะนั้นเค้าทำได้เรา
00:04:37 → 00:04:40 เหมือนเค้าเลยอ่ะเราก็น่าจะทำได้อ่าอัน
00:04:40 → 00:04:43 นี้เป็นแหล่งที่ 2 เนาะ 3 ก็คือแรงจูงใจ
00:04:43 → 00:04:47 ทางสังคมค่ะคำชมแล้วอันเนี้ยแสดงว่าคนรอบ
00:04:47 → 00:04:49 ข้างก็สำคัญบางทีเคยเป็นมั้ยเราอยากให้
00:04:49 → 00:04:52 กำลังใจเพื่อนเราพี่เราน้องเราคนใน
00:04:52 → 00:04:56 ครอบครัวเราคำชมตรงเนี้ยมีประโยชน์มากนะ
00:04:56 → 00:04:58 คะมันเป็นกำลังใจค่ะสมมุติว่าเค้าทำตรง
00:04:58 → 00:05:00 นี้ได้ดีเค้าอาจจะยังไม่ได้หายจากโรคที่
00:05:00 → 00:05:02 เค้าเป็นนะแต่เค้าแบบเค้ากินดีขึ้นเค้า
00:05:02 → 00:05:06 เริ่มตื่นมาเดินได้ 5 นาทีเราจะชื่นชม
00:05:06 → 00:05:09 เค้ายังไงเพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้เค้า
00:05:09 → 00:05:11 กับสุดท้ายก็คือสภาวะทางร่างกายแล้วก็จิต
00:05:11 → 00:05:14 ใจของเราค่ะสังเกตว่าเวลาที่เราสภาวะร่าง
00:05:14 → 00:05:17 กายจิตใจไม่ค่อยดีอ่ะเราก็จะไม่ค่อยเชื่อ
00:05:17 → 00:05:19 ว่าเราทำได้อ่ะเพราะฉะนั้นตรงเนี้ยแดง
00:05:19 → 00:05:21 อยากให้เราเข้าใจตัวเองค่ะอ่ะอย่างสมมุติ
00:05:21 → 00:05:23 ผู้หญิงเงี้ง่ายๆเลยเนาะช่วงก่อนประจำ
00:05:23 → 00:05:25 เดือนมาอย่างเงี้ยเราก็จะแบบฮอร์โมนค่อน
00:05:25 → 00:05:27 ข้างรวยใช่มั้บางทีใครมาพูดสะกิดใจให้
00:05:27 → 00:05:30 หน่อยช่วงเวลาปกติไม่โกรธนะแต่ช่วงเนี้ย
00:05:30 → 00:05:33 โอ้โหขึ้นเลยอ่ะหรือว่าแบบสามารถน้ำตาลไล
00:05:33 → 00:05:35 ได้เลยถูกมั้คะแต่ถ้าเราเข้าใจตัวเองว่า
00:05:35 → 00:05:37 เออช่วงนี้เราเป็นแบบนี้แหละเราบอกคนรอบ
00:05:37 → 00:05:40 ข้างว่าเออเมนจะมานะเอออาจจะมีแบบนี้
00:05:40 → 00:05:42 หน่อยนะช่วงนี้เราก็เคลียร์งานตัวเองเรา
00:05:42 → 00:05:44 เข้าใจตัวเองค่ะเวลาที่เกิดเหตุการณ์อะไร
00:05:44 → 00:05:46 ในช่วงเวลาที่เราดาวอ่ะ 1 เราจะไม่โทษตัว
00:05:46 → 00:05:48 เองมากคือเราจะรู้ว่าเออเราเป็นแบบนี้
00:05:48 → 00:05:50 แหละช่วงเนี้ยเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปนะกับ 2
00:05:50 → 00:05:52 ก็คือเวลาที่เราทำผิดพลาดหรือว่ารู้สึก
00:05:52 → 00:05:54 ดาวๆไปในช่วงนั้นน่ะเราจะไม่เอาเหตุการณ์
00:05:54 → 00:05:57 เนี้ยมาตัดสินทางชีวิตของเราค่ะเพราะ
00:05:57 → 00:05:59 ฉะนั้นอันนี้ก็จะเป็น 4 อันในพาร์ทความ
00:05:59 → 00:06:01 เชื่อเนอะแหล่งที่มาที่จะทำให้เรามีความ
00:06:01 → 00:06:03 เชื่อในความสามารถของตัวเองว่าเราอ่ะมี
00:06:03 → 00:06:05 ชีวิตที่ดีได้มีสุขภาพที่ดีได้เราจะผ่าน
00:06:06 → 00:06:08 เรื่องยากๆในตอนนี้ไปได้มันมาจากอะไรเรา
00:06:08 → 00:06:10 ต้องเพิ่มบ่อยๆนะคะตั้งแต่เรายังไม่ได้
00:06:11 → 00:06:13 อาจจะยังไม่ได้มีปัญหานั่นแหละมันเป็นทุน
00:06:13 → 00:06:16 ค่ะยิ่งเพิ่มยิ่งทบต้นยิ่งมีดอกเบี้ยยิ่ง
00:06:16 → 00:06:18 ทำให้เรามีภูมิคุ้มกันในชีวิตที่ดีนะคะ
00:06:18 → 00:06:21 แดงทวนอีกทีเนาะประสบการณ์ความสำเร็จใน
00:06:21 → 00:06:22 อดีตของตัวเราเองเลือกยากกว่านี้เราก็
00:06:22 → 00:06:25 ผ่านมาแล้วเรียนรู้จากคนที่ใกล้เคียงกับ
00:06:25 → 00:06:26 เราเนี่ยเค้าก็ผ่านมาได้แล้วเหมือนกัน
00:06:26 → 00:06:29 ทำไมเราจะทำไม่ได้นะคะ 3 คำชมที่เราให้
00:06:29 → 00:06:32 กับตัวเองจากคนรอบข้างก็ตามแล้วก็การรู้
00:06:32 → 00:06:35 จักสภาวะร่างกายจิตใจของตัวเราเองเราจะ
00:06:35 → 00:06:37 ได้ไม่โทษตัวเองมากเวลาที่เราอาจจะสภาพ
00:06:37 → 00:06:39 ร่างกายจิตใจไม่พร้อมแล้วเราทำอะไรผิด
00:06:39 → 00:06:41 พลาดไปนะคะอันนี้เป็นพาร์ทความเชื่อเนาะ
00:06:41 → 00:06:43 กับอีกอันนึงนะคะที่เราเสริมได้เพื่อให้
00:06:43 → 00:06:45 เรามีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงก็
00:06:45 → 00:06:48 คือเรื่องของความหมายในชีวิตค่ะทฤษฎีทาง
00:06:48 → 00:06:51 จิตวิทยามีอันนึงชื่อว่าโลโกธyเนาะจริงๆ
00:06:51 → 00:06:53 มันเป็นทฤษฎีทางจิตบำบัดนะคะเกี่ยวกับ
00:06:53 → 00:06:56 เรื่องของการให้ความหมายในชีวิตค่ะคนเรา
00:06:56 → 00:06:59 จะมีสุขภาพชีวิตที่ดีถ้าเรารู้ว่าเราอ่ะ
00:06:59 → 00:07:03 มีชีวิตไปเพื่ออะไรนะคะหลายๆคนเคยเห็นไหม
00:07:03 → 00:07:06 ว่าเขาใช้ชีวิตไปเรื่อยๆอ่ะโดยที่เขาไม่
00:07:06 → 00:07:08 รู้ว่าแรงจูงใจภายในการมีชีวิตของเขาเอง
00:07:08 → 00:07:11 อ่ะคืออะไรจนกระทั่งถึงวันนึงอ่ะเาค้าก็
00:07:11 → 00:07:13 ใช้ชีวิตตามปัจจัยภายนอกเลยค่ะอ้าทำงาน
00:07:13 → 00:07:15 ตื่นมาก็ทำไปทำไปโดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกัน
00:07:15 → 00:07:18 อ้าสิ้นเดือนรับเงินเดือนตื่นมาก็ทำมันทำ
00:07:18 → 00:07:21 ให้ชีวิตมันเป็นแบบเนี้ยวนไปเรื่อยๆแล้ว
00:07:21 → 00:07:23 วันนึงเขาจะรู้สึกว่าเขาว่างเปล่าอ่ะบาง
00:07:23 → 00:07:27 ทีเราจะไม่ได้รู้สึกในวันที่เรายังทุก
00:07:27 → 00:07:29 อย่างยังรันไปได้ด้วยดีเนาะแต่ถึงวัยนึง
00:07:29 → 00:07:32 ค่ะโดยเฉพาะช่วงวัยกลางคนแล้วอ่ะมันจะมี
00:07:32 → 00:07:35 คำถามนี้ค่ะว่าเค้ามีชีวิตไปเพื่ออะไร
00:07:35 → 00:07:38 ความหมายความสุขประโยชน์คุณค่าของเขาอ่ะ
00:07:38 → 00:07:41 คืออะไรนะคะเพราะฉะนั้นจะดีกว่าไหมถ้าแต่
00:07:41 → 00:07:44 เนิ่นๆค่ะเราอย่าปล่อยให้ชีวิตพาเราไป
00:07:44 → 00:07:46 เป็นออโต้pพลotไปเลยอย่างเงี้ยนะคะเรา
00:07:46 → 00:07:49 กลับมาเออเราจะทำไปเพื่ออะไรวันนี้เราจะ
00:07:49 → 00:07:51 สร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง
00:07:51 → 00:07:54 [เพลง]
00:07:55 → 00:07:56 ความหมายของชีวิตเนี่ยถ้าฟังแล้วมันอาจจะ
00:07:56 → 00:07:59 ดูนามธรรมนะแสดงว่ามันก็คือสิ่งที่เรา
00:07:59 → 00:08:02 เลือกที่จะให้คุณค่ากับมันนะคะถามตัวเอง
00:08:02 → 00:08:07 บ่อยๆค่ะว่าเราอยากทำอะไรนะคะเรามีคุณค่า
00:08:07 → 00:08:10 เราเลือกที่จะให้คุณค่าในเวลาที่ผ่านไปใน
00:08:10 → 00:08:13 ทุกวันเนี้ยกับอะไรนะคะเริ่มต้นจากสิ่ง
00:08:13 → 00:08:15 ที่เรามีสิ่งที่เราเป็นมองสิ่งที่อยู่ตรง
00:08:15 → 00:08:18 หน้าอย่าไปมองอะไรไกลเกินไปแดงก็เริ่มจาก
00:08:18 → 00:08:20 ตรงนี้แหละค่ะแล้วแดงใช้ชีวิตแบบเนี้มา
00:08:20 → 00:08:22 เรื่อยๆให้แดงรู้สึกเลยว่าเราจะไม่รู้สึก
00:08:22 → 00:08:24 ว่างเปล่าอ่ะเราจะตอบโจทย์ตัวเองได้ว่า
00:08:24 → 00:08:28 เฮ้ยคุณค่าของเราอ่ะมันได้ส่งผ่านไปถึงคน
00:08:28 → 00:08:31 อื่นแล้วมันได้ตอบโจทย์สิ่งที่เรามีเรา
00:08:31 → 00:08:33 เป็นจริงๆหรือเปล่าถ้าเกิดตัดทุกอย่างออก
00:08:33 → 00:08:36 ไปเลยอ่ะเราไม่ได้สิ่งตอบแทนอะไรเลยเรา
00:08:36 → 00:08:39 ยังจะทำอยู่ไหมถ้าเราสามารถตอบคำถามตรง
00:08:39 → 00:08:41 นี้ได้อ่ะค่ะว่าเออถ้าไม่มีอะไรอะไรเลย
00:08:41 → 00:08:43 อ่ะฉันก็จะทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันให้
00:08:43 → 00:08:46 คุณค่านั่นแหละค่ะคือความหมายในชีวิตของ
00:08:46 → 00:08:49 คุณเองแล้วคุณลองทำไปเรื่อยๆอ่ะคุณคุณจะ
00:08:49 → 00:08:52 รู้สึกเลยว่ามันจะอิ่มเอมโดยที่ไม่ต้องมี
00:08:52 → 00:08:56 ใครมาให้ค่าไม่ต้องมีใครมาชื่นชมคุณก็มี
00:08:56 → 00:08:58 ความสุขกับสิ่งที่คุณทำได้นะคะแล้วแดง
00:08:58 → 00:09:01 เชื่อมากๆเลยว่าการทำอะไรที่มันเป็นแบบ
00:09:01 → 00:09:04 เนี้ยเหมือนมันเริ่มมาจากจิตประพัดสอน
00:09:04 → 00:09:06 จริงๆอ่ะ
00:09:06 → 00:09:08 มันไม่สูญเปล่าค่ะมันจะ turn back กลับ
00:09:08 → 00:09:11 มาเป็นอะไรบางอย่างที่มันประเมินค่าไม่
00:09:11 → 00:09:14 ได้นะคะแล้วเนี่ยคือความหมายคุณก็จะมี
00:09:14 → 00:09:16 ความสุขกับอิ่มเอมใจอ่ะกับกับสิ่งที่คุณ
00:09:16 → 00:09:19 ทำในทุกวันแล้วก็ที่คุณให้ออกไปนะค่ะ
00:09:19 → 00:09:21 เพราะฉะนั้นก็เป็นกำลังใจทุกคนนะคะความ
00:09:21 → 00:09:23 เชื่อกับความหมายเนอะวันนี้ 2 เรื่องนี้
00:09:23 → 00:09:26 เนาะที่อยากให้ไปถ้าอยากสุขภาพดีเสริม
00:09:26 → 00:09:28 ความเชื่อตัวเองบ่อยบ่อยความเชื่ออาจจะ
00:09:28 → 00:09:31 ยังไม่ได้เกิดผลในวันนี้แต่มันเป็นสิ่ง
00:09:31 → 00:09:34 ที่จะทำให้เราผ่านทุกความท้าทายไปได้แล้ว
00:09:34 → 00:09:35 ภาพอ่ะมันเกิดมาแล้วอ่ะค่ะอย่างที่เคยบอก
00:09:36 → 00:09:38 ไปภาพมันเกิดในหัวเราเมื่อไหร่อ่ะมันเป็น
00:09:39 → 00:09:41 ความจริงได้เสมอค่ะขอแค่คุณรู้ว่าคุณมี
00:09:41 → 00:09:43 ความเชื่อในความสามารถตัวเองนั่นแหละคุณ
00:09:43 → 00:09:46 ทำได้และนะคะกับ 2 ก็คือเป้าหมายเนาะความ
00:09:46 → 00:09:49 หวังเป้าหมายเรามีเป้าหมายที่ดีมันก็จะทำ
00:09:49 → 00:09:52 ให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่เลื่อนลอยนะคะ 2
00:09:52 → 00:09:55 อย่างเนี้ยจะทำให้คุณผ่านวิกฤตในชีวิต
00:09:55 → 00:09:57 แล้วก็มีกำลังใจที่ดีก้าวไปข้างหน้าอย่าง
00:09:58 → 00:10:00 มีสุขภาวะทางกายทางใจที่ดีได้นะคะก็หวัง
00:10:00 → 00:10:02 ว่าจะเป็นประโยชน์ค่ะแล้วเดี๋ยวครั้งต่อ
00:10:02 → 00:10:05 ไปถ้ามีเวลาก็จะมาอัดคลิปแบบนี้แบ่งปัน
00:10:05 → 00:10:08 กันอีกนะคะขอให้ทุกคนมีความสุขแล้วก็มี
00:10:08 → 00:10:10 สุขภาพกายใจที่แข็งแรงค่ะวันนี้ลาไปก่อน
00:10:10 → 00:10:20 นะคะหมอนาแพนไทยสวัสดีค่ะ
00:10:20 → 00:10:29 [เพลง]