00:00:00 → 00:00:03 [เสียงดนตรี]
00:00:03 → 00:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.
00:00:06 → 00:00:08 Listen for a better life.
00:00:08 → 00:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
00:00:11 → 00:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel
00:00:14 → 00:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:16 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:23 เครียด เศร้า มีความทุกข์ หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะคุยกับใคร
00:00:23 → 00:00:26 อยากให้ทุกคนมาฟังมหิดลแชนแนลพอดแคสต์
00:00:26 → 00:00:29 ที่จะมาช่วยคุณในการจัดการ ปัญหาสุขภาพทางใจ
00:00:29 → 00:00:33 ในรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต สำรวจอารมณ์ความคิด
00:00:34 → 00:00:36 เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:00:36 → 00:00:39 กับผม หมอหลิว นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:00:40 → 00:00:45 จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
00:00:45 → 00:00:49 วันนี้หมออยากจะมาชวนคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ที่มีลูกในบ้านนะครับ
00:00:49 → 00:00:52 ไม่ว่าจะเป็นวัยอนุบาล วัยประถมนะครับ
00:00:52 → 00:00:58 มาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของ เทคนิคการเลี้ยงลูกในยุคที่มีมือถือ
00:00:59 → 00:01:04 และวิธีการที่เราจะห่างไกลมือถืออย่างไร หรือจะอยู่กับมันอย่างไรนะครับ
00:01:05 → 00:01:07 ต้องยอมรับเลยนะครับว่าในยุคปัจจุบัน
00:01:07 → 00:01:12 มือถือเป็นเหมือนอวัยวะที่ 33 ของคนเราเลย
00:01:12 → 00:01:15 คุณพ่อคุณแม่หรือคุณผู้ฟังลองนึกตามนะครับว่า
00:01:15 → 00:01:17 ตื่นมา เราทำอะไรเป็นอย่างแรก
00:01:18 → 00:01:20 อย่าเพิ่งตอบว่าลืมตานะครับ
00:01:20 → 00:01:25 บางคน โอเค ลืมตาแล้วล่ะ แต่กดมือถือก่อน เพราะอะไร
00:01:25 → 00:01:28 เพราะเราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ในมือถือครับ
00:01:28 → 00:01:31 หลังจากนั้นเข้าไปในห้องน้ำ
00:01:31 → 00:01:32 เราแปรงฟัน
00:01:32 → 00:01:37 เราทำธุระส่วนตัว จังหวะนั้น บางคนเล่นมือถือเลยนะ
00:01:37 → 00:01:42 จะบอกว่า มือถือบางคนเล่นนี่ โอ้โฮ ถึงขั้นเป็นริดสีดวงกันได้เลยนะครับ
00:01:42 → 00:01:44 ไม่อยากจะพูดเล่น ๆ ไป
00:01:44 → 00:01:48 ดังนั้น มือถือเป็นสิ่งที่อยู่ใน ชีวิตประจำวันของทุก ๆ คนจริง ๆ
00:01:48 → 00:01:53 ยิ่งในยุคที่มีการเรียนการสอนออนไลน์ เราอยู่ในยุคของ New Normal
00:01:53 → 00:01:57 เรียกได้ว่า เด็ก ๆ ก็ไปเกี่ยวข้องกับมือถือมากยิ่งขึ้น
00:01:57 → 00:01:58 เด็ก ๆ ปัจจุบันนะครับ
00:01:58 → 00:02:01 เขาใช้สื่อสังคมออนไลน์ เก่งกว่าผู้ใหญ่หลาย ๆ คน
00:02:02 → 00:02:03 เขาไปดูรีวิวของเล่น
00:02:04 → 00:02:07 เขาไปดูเรื่องรีวิวเกม คนแคสเกม
00:02:07 → 00:02:09 โลกของเด็กย้ายไปอยู่ในมือถือ
00:02:09 → 00:02:12 โลกของเด็กย้ายไปอยู่ในสมาร์ทโฟน อยู่ในแท็บเล็ต
00:02:13 → 00:02:15 ดังนั้นวันนี้ เราจะมาชวนคุยกันว่า
00:02:15 → 00:02:19 แล้วถ้าไปอยู่ในแท็บเล็ต ไปอยู่ในสมาร์ทโฟน ไปอยู่กับมือถือเยอะ ๆ นี่
00:02:19 → 00:02:21 มันจะเกิดผลกระทบอย่างไร
00:02:21 → 00:02:24 แล้วถ้าเราไม่อยากให้เกิดผลกระทบนั้น
00:02:24 → 00:02:26 เราจะทำอย่างไรกันครับ
00:02:27 → 00:02:29 มาดูกันที่เรื่องผลกระทบนะครับ
00:02:29 → 00:02:32 หมอจะขอแบ่งเป็นทั้งหมด 3 ด้านใหญ่ ๆ นะครับ
00:02:33 → 00:02:35 อันแรกเป็นเรื่องของผลกระทบทางร่างกาย
00:02:35 → 00:02:39 อันที่สอง ผลกระทบต่อเรื่องของ จิตใจและพฤติกรรม
00:02:39 → 00:02:43 อันที่สาม ผลกระทบด้านพัฒนาการการเข้าสังคม
00:02:43 → 00:02:45 ขอไปทีละอย่างนะครับ คุณผู้ฟังทุกท่านครับ
00:02:46 → 00:02:49 อย่างแรกครับ ผลกระทบต่อร่างกาย
00:02:49 → 00:02:52 เอ๊ะพอฟังแบบนี้ ถ้าชวนกันนึกนะครับว่า
00:02:52 → 00:02:55 พวกเรานึกถึงอะไรกันบ้าง
00:02:55 → 00:02:58 เวลาเรากดมือถือ เราต้องใช้อะไรบ้างครับ
00:02:58 → 00:03:01 เราต้องใช้ตาในการดูมือถือใช่ไหมครับ
00:03:01 → 00:03:03 เราต้องใช้มือใช่ไหมครับในการกด
00:03:03 → 00:03:05 กล้ามเนื้อ หัวไหล่ต่าง ๆ นานา
00:03:05 → 00:03:09 ระบบต่าง ๆ ในร่างกายเรา เกี่ยวกับเรื่องของการใช้มือถือทั้งนั้นเลย
00:03:09 → 00:03:13 ดังนั้น อวัยวะเหล่านี้ครับ ที่จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของมือถือ
00:03:13 → 00:03:15 แล้วเกิดผลกระทบเชิงลบออกมานะครับ
00:03:16 → 00:03:20 อันที่พ่อแม่หลาย ๆ คนชอบบอกลูกนะครับ คือเรื่องของสายตาใช่ไหมครับ
00:03:20 → 00:03:22 มีงานวิจัยหลาย ๆ งานพบว่า
00:03:22 → 00:03:27 การใช้มือถือมาก ๆ ส่งผลต่อ ภาวะของกล้ามเนื้อตาอ่อนล้า
00:03:27 → 00:03:31 ส่งผลต่อเรื่องของสายตาที่แห้งลงนะครับ
00:03:31 → 00:03:36 ในขณะเดียวกันจะมีเรื่องของการปวดตา โดยไม่ทราบสาเหตุได้เช่นเดียวกัน
00:03:36 → 00:03:39 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้มือถือที่มากเกินไป ทั้งนั้นเลยนะครับ
00:03:40 → 00:03:44 ระบบที่สองที่ถูกกระทบนะครับ เรื่องของระบบของกล้ามเนื้อและกระดูก
00:03:44 → 00:03:48 เคยมีรายงานที่ฟังดูน่ากลัวมากเลยนะครับ
00:03:48 → 00:03:49 ทางวิจัยบอกว่า
00:03:49 → 00:03:52 เด็กเล่นมือถือ กดเล่นมือถือจนกระทั่ง
00:03:52 → 00:03:56 เส้นเอ็นตรงนี้นะครับ ที่อยู่ตรงมือนี่ขาดเลยนะครับ
00:03:56 → 00:03:58 เพราะว่าใช้เยอะจนเกินไป
00:03:58 → 00:04:00 ต้องมีการผ่าตัดต่อเอ็นตรงนั้นเลย
00:04:00 → 00:04:06 หลาย ๆ คนเป็นเรื่องของ การปวดตามที่ต่าง ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ
00:04:06 → 00:04:09 เพราะอย่าลืมนะครับ เวลาเราเล่นมือถือ ส่วนใหญ่เราก็ก้มหน้าอย่างนี้ใช่ไหมครับ
00:04:09 → 00:04:11 แล้วพอเราก้ม ไหล่เราก็งอเนอะ
00:04:11 → 00:04:13 คอเราก็ย่นลงไป
00:04:13 → 00:04:17 ดังนั้น จะสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องของ การปวดโดยไม่ทราบสาเหตุ
00:04:17 → 00:04:20 ปวดตามที่ต่าง ๆ อย่างเรื้อรังนะครับ
00:04:20 → 00:04:22 ส่งผลต่อเรื่องของคุณภาพชีวิตได้แน่ ๆ นะครับ
00:04:23 → 00:04:27 ระบบถัดมาที่อาจจะเจอคือเรื่องของ ปัญหาการนอนครับคุณพ่อคุณแม่
00:04:27 → 00:04:31 เด็กที่ใช้มือถือเยอะ บางคนจะมีปัญหาเรื่องของนอนไม่หลับ
00:04:31 → 00:04:36 บางคนมีเรื่องของนอนหลับไม่ดี หลับไม่สนิท คุณภาพการนอนไม่ดี
00:04:37 → 00:04:41 เป็นเรื่องของฝันร้ายก็มีเหมือนกัน ถ้าเกิดว่าใช้มือถือมาก ๆ นะครับ
00:04:43 → 00:04:46 อันถัดมาก็คือว่าเด็กที่เล่นมือถือเป็นไงบ้าง เวลาเขานั่งอยู่เฉย ๆ
00:04:47 → 00:04:48 เขาไม่ค่อยลุกไปไหนนะครับ
00:04:48 → 00:04:50 เขานั่งอยู่กับที่
00:04:50 → 00:04:55 หลาย ๆ คนบางบ้านก็ คุณปู่คุณย่า ผู้สูงอายุในบ้านก็เอาอาหารมาเสิร์ฟให้ถึงที่
00:04:55 → 00:04:57 แทบไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
00:04:57 → 00:05:00 การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่เกิดขึ้น
00:05:00 → 00:05:03 ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเด็กวัยนี้ เขาต้องเคลื่อนไหวมาก ๆ
00:05:03 → 00:05:07 ส่งผลต่อเรื่องของระบบการเผาผลาญในร่างกาย
00:05:07 → 00:05:12 ทำให้มีเรื่องของน้ำหนักตัว ที่อาจจะมากกว่าปกติ
00:05:13 → 00:05:15 หรือเราเรียกง่าย ๆ ว่า มันเป็นเรื่องของโรคอ้วนครับ
00:05:16 → 00:05:18 ซึ่งน้ำหนักตัวที่มากกว่าปกติ โรคอ้วนที่เกิดขึ้น
00:05:18 → 00:05:21 หรือการเผาผลาญที่ผิดปกตินี่ครับ
00:05:21 → 00:05:25 น่ากลัวนะครับ มันจะนำไปสู่เรื่องของโรคเบาหวานในเด็ก
00:05:25 → 00:05:26 ด้านที่สองนะครับ
00:05:26 → 00:05:30 เรื่องของผลกระทบต่อจิตใจและพฤติกรรม
00:05:31 → 00:05:33 อยากชวนทุก ๆ ท่านคิดตามนะครับว่า
00:05:34 → 00:05:37 ปัจจุบันเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ คุณผู้ฟังได้ใช้มือถือนี่
00:05:37 → 00:05:41 กดเข้าไปดูตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ส่วนใหญ่เราจะโพสต์รูปอะไรกัน
00:05:42 → 00:05:43 ของกินใช่ไหมครับ
00:05:43 → 00:05:45 สถานที่เที่ยว
00:05:45 → 00:05:49 หรือว่าหน้าตาของเรา ซึ่งเซลฟี่แล้วบางทีก็...
00:05:49 → 00:05:52 ส่วนใหญ่คนก็จะโชว์อะไรที่มันน่าดู
00:05:52 → 00:05:56 น่าดู แล้วก็จะส่งเสริมเรื่องค่านิยม
00:05:56 → 00:05:58 เช่น ผู้หญิงอาจจะต้องมีผิวขาว
00:05:58 → 00:06:01 หน้าต้องเรียว หุ่นต้องผอม
00:06:02 → 00:06:05 ผู้ชายอาจจะต้องถอดเสื้อแล้วมีซิกซ์แพกนะครับ
00:06:05 → 00:06:09 หรือว่าเวลาที่ไปกินอาหารตามที่ต่าง ๆ ไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ
00:06:09 → 00:06:11 ส่วนใหญ่เราก็จะถ่ายรูปที่มันดูดี
00:06:12 → 00:06:16 หมอเชื่อว่า ไม่ค่อยมีใคร เอารูปที่ดูไม่ดีมาลงในโซเชียลมีเดีย
00:06:16 → 00:06:17 ในแพลตฟอร์มออนไลน์
00:06:18 → 00:06:22 ดังนั้นแล้ว เวลาที่เด็กเขาเข้าไปเสพ เนื้อหาเหล่านี้นะครับ
00:06:22 → 00:06:25 เขาจะไปเจอการให้คุณค่าทางสังคม
00:06:25 → 00:06:29 ซึ่งหลาย ๆ คน ปัจจุบันเริ่มมีพูดถึงเรื่อง Beauty Privilege
00:06:29 → 00:06:32 มีเรื่องของพูดถึงเรื่องของ รูปร่างหน้าตาที่เหมาะสม
00:06:32 → 00:06:34 สถานที่เที่ยว คุณค่าการดำเนินชีวิต
00:06:34 → 00:06:35 การให้คุณค่า
00:06:35 → 00:06:39 ซึ่งมันเป็นลักษณะของรูปลักษณ์ภายนอก และสิ่งที่อยู่ภายนอกทั้งหมด
00:06:40 → 00:06:43 แล้วทำให้เวลาที่เด็กเข้าไปเสพมาก ๆ
00:06:43 → 00:06:46 จะเกิดความรู้สึกกลับมาเปรียบเทียบกับตัวเอง
00:06:46 → 00:06:48 บางคนกลับมาเปรียบเทียบ แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า
00:06:49 → 00:06:51 ทำไมบ้านเราถึงไม่มีแบบนี้
00:06:51 → 00:06:54 ทำไมเขาถึงไม่โชคดีเหมือนเพื่อน ๆ
00:06:54 → 00:06:59 ทำไมพ่อแม่ไม่ดูแลพวกเขา แบบที่เพื่อน ๆ เขาได้รับการดูแล
00:06:59 → 00:07:02 ทำไมเขาไม่ได้ไปเล่นในที่ที่ดูดี
00:07:02 → 00:07:05 ไม่มีน้องหมาที่หน้าตาดี เหมือนบ้านนั้นบ้านนี้
00:07:05 → 00:07:07 เกิดการเปรียบเทียบทั้งหมดทั้งมวลเลยครับ
00:07:08 → 00:07:13 การเปรียบเทียบเหล่านี้ หรือสิ่งที่มนุษย์เรา เข้าไปเสาะหาต่าง ๆ เหล่านี้
00:07:13 → 00:07:18 มันจะนำมาซึ่งความรู้สึกที่เราด้อยค่าในตนเอง
00:07:18 → 00:07:23 ส่งผลกระทบต่อเรื่องของความรู้สึก ไม่ภูมิใจในตนเอง
00:07:23 → 00:07:25 ความไม่ภูมิใจในตนเองทำให้เกิดอะไรครับ
00:07:26 → 00:07:29 ทำให้เกิดความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเองครับ
00:07:29 → 00:07:33 ความรู้สึกไม่ภูมิใจ ไม่มีคุณค่าในตนเอง รุนแรงนะครับ
00:07:34 → 00:07:36 เด็ก ๆ เวลาที่เขาขาดเรื่องเหล่านี้
00:07:37 → 00:07:38 จะทำให้เขาสับสน
00:07:38 → 00:07:40 จะทำให้เขารู้สึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า
00:07:41 → 00:07:43 เอ๊ะ แล้วชีวิตเขามีดีอย่างไร
00:07:43 → 00:07:46 เอ๊ะ แล้วเขาจะโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหน
00:07:46 → 00:07:48 เอ๊ะ แล้วเขาเป็นคนอย่างไร
00:07:48 → 00:07:50 เขาตั้งคำถามกับตัวเองตลอด
00:07:50 → 00:07:52 เมื่อไหร่มนุษย์เกิดการตั้งคำถาม กับตัวเองแบบนี้แล้ว
00:07:53 → 00:07:55 กระบวนการทางจิตใจมันจะทำงานครับ
00:07:55 → 00:07:58 มันจะดำรงชีวิตอยู่ ด้วยท่ามกลางความรู้สึกที่ว่า
00:07:59 → 00:08:00 โลกนี้ไม่ปลอดภัยหรือเปล่า
00:08:01 → 00:08:03 โลกนี้มันน่าอยู่สำหรับฉันหรือเปล่า
00:08:03 → 00:08:05 เมื่อไหร่ที่มนุษย์รู้สึกว่าตัวเองไม่มีดี
00:08:05 → 00:08:07 มันจะเกิดคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นนะครับ
00:08:07 → 00:08:09 เมื่อเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นซ้ำ ๆ
00:08:09 → 00:08:12 มันจะเป็นความเครียดที่เยอะขึ้น เยอะขึ้นเรื่อย ๆ
00:08:13 → 00:08:17 แล้วนำมาได้ซึ่งเรื่องของปัญหาทางอารมณ์
00:08:17 → 00:08:20 ซึ่งโรคทางอารมณ์ที่เราพบเจอ
00:08:20 → 00:08:22 แล้วพูดกันบ่อย ๆ ในรายการ Re-Mind ของเรา
00:08:22 → 00:08:25 เช่น เรื่องของโรคซึมเศร้าใช่ไหมครับ ถ้าท่านผู้ฟังจำได้
00:08:25 → 00:08:27 เราพูดเรื่องโรคซึมเศร้ากันไปแล้วว่า
00:08:27 → 00:08:31 ส่งผลรุนแรงถึงขั้นฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเองได้เลยนะครับ
00:08:32 → 00:08:36 ปัจจุบันหมอเองได้พบเจอ ผู้ป่วยที่มีเรื่องของโรคซึมเศร้า
00:08:36 → 00:08:39 หรือเด็กและวัยรุ่นที่เป็นเรื่องของ ความคิดไม่อยากอยู่
00:08:39 → 00:08:41 อยากทำร้ายตัวเองเยอะขึ้นเรื่อย ๆ นะครับ
00:08:42 → 00:08:44 ซึ่งหลาย ๆ ส่วน พอสืบค้นลงไป
00:08:44 → 00:08:48 พบเจอว่าบางทีไปเกี่ยวข้องกับ เรื่องของการใช้มือถือเช่นเดียวกันครับ
00:08:48 → 00:08:51 บางรายเป็นเรื่องของโรควิตกกังวล
00:08:51 → 00:08:56 บางรายพบเจอว่าไปสัมพันธ์กับ เรื่องของโรคไบโพลาร์ก็ได้เหมือนกัน
00:08:57 → 00:08:59 ซึ่งเป็นโรคทางกลุ่มอารมณ์เช่นเดียวกัน
00:08:59 → 00:09:03 บางรายสัมพันธ์กับเรื่องของอาการทางจิต หรือโรคจิตเภทต่าง ๆ
00:09:03 → 00:09:04 นอกจากการติดมือถือนี่
00:09:04 → 00:09:07 เราจะมองว่ามันเป็นพฤติกรรมนี่ มันยังเป็นโรคด้วยนะครับ
00:09:08 → 00:09:12 โรคเสพติดนี่ครับ เช่น โรคเสพติดเกมในมือถือ
00:09:12 → 00:09:14 ถือว่าเป็นโรคที่องค์การอนามัยโลก
00:09:14 → 00:09:18 เพิ่งให้คำจำกัดความมาหมาด ๆ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้นะครับ
00:09:19 → 00:09:24 ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าสมองส่วนของ ติดมือถือหรือว่าติดเกมนี่
00:09:24 → 00:09:26 มันจะเหมือนสมองของคนติดยา
00:09:26 → 00:09:28 ดังนั้น อยากจะชวนคุณพ่อคุณแม่ให้ทราบว่า
00:09:28 → 00:09:33 สิ่งดังกล่าวไม่ใช่แค่พฤติกรรม แต่มันเป็นเรื่องของสมองที่มันเปลี่ยนแปลงไป
00:09:33 → 00:09:35 มือถือไปทำให้โครงสร้างของสมอง
00:09:35 → 00:09:39 ไปทำให้การหลั่งสารเคมีในสมอง เปลี่ยนแปลงไปนะครับคุณผู้ฟัง
00:09:39 → 00:09:40 ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ
00:09:41 → 00:09:43 นอกจากโรคแล้ว ฟังดูอาจจะหนักเกินไป
00:09:43 → 00:09:45 มันส่งผลต่อพฤติกรรมอย่างไรบ้างนะครับ
00:09:46 → 00:09:47 จะบอกว่าอย่างนี้ครับว่า
00:09:47 → 00:09:52 ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองนึกภาพดูล่าสุด ที่เราไปทานอาหารข้างนอกล่าสุดกันมา
00:09:52 → 00:09:55 หรือไปนอกบ้าน ไปห้างกันมา เป็นอย่างไรบ้างเวลาลูกร้องกวน
00:09:56 → 00:09:58 เวลาลูกมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
00:09:58 → 00:10:02 ส่วนใหญ่ หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ ไม่ชอบที่ลูกมีพฤติกรรมแบบนี้ใช่ไหมครับ
00:10:02 → 00:10:04 แลัวเราก็รู้สึกว่าอยากหยุดพฤติกรรม พวกเราทำอะไรกันครับ
00:10:05 → 00:10:06 เราก็หยิบยื่นมือถือให้ลูก
00:10:06 → 00:10:08 หยิบแท็บเล็ตให้ลูก
00:10:08 → 00:10:13 หยิบให้เพราะว่าอะไร เพราะว่าจริง ๆ แล้ว เราอยากจะหยุดพฤติกรรมนั้นของลูก
00:10:13 → 00:10:14 จริง ๆ สิ่งที่ต้องการ
00:10:15 → 00:10:18 ไม่ใช่การที่เรารู้สึกว่า เราอยากจะหยิบยื่นสิ่งไม่ดีให้ลูก
00:10:18 → 00:10:21 แต่ ณ ตอนนั้น คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่ามันวุ่นวาย
00:10:21 → 00:10:24 คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่า หยุดเสียทีได้ไหม มันมากเกินไปแล้ว
00:10:24 → 00:10:26 หรือหลาย ๆ ที มันอาจจะเป็นความรู้สึกว่า
00:10:26 → 00:10:28 อายคนข้าง ๆ
00:10:28 → 00:10:31 ว่าลูกเสียงดัง ฉันเลี้ยงลูกไม่ดีหรือเปล่า ก็เลยหยิบยื่นมือถือให้ลูก
00:10:32 → 00:10:34 แล้วเด็ก ๆ นะครับ สมองเขาเรียนรู้ไวนะครับ
00:10:34 → 00:10:36 เมื่อไหร่ที่เขาเรียนรู้ว่า
00:10:36 → 00:10:39 วิธีดังกล่าว เขาจะได้ของบางอย่างที่เขาต้องการ
00:10:40 → 00:10:41 เขาอาจจะทำเยอะมากขึ้น
00:10:41 → 00:10:43 ซึ่งจะบอกว่าเด็กเขาไม่ได้ตั้งใจทำนะครับ
00:10:44 → 00:10:47 เด็กเขาเป็นของเขาเองอย่างนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ
00:10:47 → 00:10:50 มันคือกระบวนกเรียนรู้ของสมองมนุษย์ครับ
00:10:50 → 00:10:52 ดังนั้น บางทีจะบอกว่า
00:10:52 → 00:10:56 เด็กบางคนที่เล่นมือถือมาก ๆ จะมีพฤติกรรมก้าวร้าว
00:10:56 → 00:10:58 อารมณ์ที่รุนแรง
00:10:58 → 00:11:03 อาละวาด เอาแต่ใจ หงุดหงิด ขี้โมโหมากขึ้นครับ
00:11:04 → 00:11:07 อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองไปดูนะครับ ว่ามีพฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในบ้าน
00:11:07 → 00:11:10 แล้วสัมพันธ์กับการใช้มือถือ ที่มากขึ้นหรือเปล่านะครับ
00:11:11 → 00:11:13 ในขณะเดียวกัน หมอชอบโดนถามอยู่เรื่อย ๆ ว่า
00:11:13 → 00:11:18 เอ...คุณหมอ การใช้มือถือเยอะ ๆ มันทำให้เด็กเป็นสมาธิสั้นไหม
00:11:18 → 00:11:20 หรือทำให้เด็กเป็นออทิสติกไหม
00:11:20 → 00:11:21 จะบอกว่าอย่างนี้ครับ
00:11:21 → 00:11:24 ทั้งโรคออทิสติกและโรคสมาธิสั้นทั้งสองโรคนี้
00:11:25 → 00:11:28 มันเป็นโรคของสมอง พัฒนาการทางสมอง
00:11:28 → 00:11:31 ดังนั้น เด็กที่เขาเป็นโรคเหล่านี้นะครับ
00:11:31 → 00:11:33 เขาจะเป็น เขาก็เป็นอยู่แล้ว
00:11:34 → 00:11:36 ถึงแม้จะเล่นมือถือเยอะก็ไม่ได้ทำให้เป็น
00:11:36 → 00:11:39 ส่วนเด็กที่จะไม่เป็น เขาก็ไม่ได้เป็นอยู่แล้ว
00:11:39 → 00:11:42 เพียงแต่ว่า เวลาทีเด็กเล่นมือถือเยอะ ๆ นี่
00:11:43 → 00:11:46 จะทำให้เด็กมีปัญหาพฤติกรรมบางอย่าง
00:11:46 → 00:11:47 หรือลักษณะที่เด็กแสดงออกมาบางอย่าง
00:11:48 → 00:11:52 ที่ไปคล้ายกับเด็กที่เป็นเรื่องของ โรคสมาธิสั้น
00:11:52 → 00:11:55 หรือพฤติกรรมบางอย่างที่ไปคล้ายกับเด็ก ที่เป็นโรคออทิสติกนะครับ
00:11:55 → 00:11:59 ดังนั้น ต้องแยกกันให้ดี ๆ ว่าอะไรที่ เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องนะครับ
00:12:00 → 00:12:01 อันถัดมาก็จะพบเจอว่า
00:12:01 → 00:12:06 การเล่นมือถือก็จะส่งผลต่อเรื่องของ พัฒนาการต่าง ๆ ของเด็ก เช่น
00:12:06 → 00:12:09 พัฒนาการล่าช้าด้านภาษานะครับ
00:12:09 → 00:12:11 พูดช้านะครับ
00:12:11 → 00:12:14 พูดกับคนบางทีไม่รู้เรื่อง หรือบางทีเป็นลักษณะของพูดต่างดาว
00:12:14 → 00:12:16 คล้าย ๆ กับเด็กที่เป็นออทิสติกนะครับ
00:12:16 → 00:12:18 ดังนั้น จะเกี่ยวข้องกับพัฒนาการนะครับ
00:12:18 → 00:12:20 อันถัดมาสุดท้ายเรื่องผลกระทบนะครับ
00:12:20 → 00:12:22 คือผลกระทบต่อเรื่องของการเข้าสังคม
00:12:22 → 00:12:26 ณ ยุคปัจจุบัน หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ อย่างที่เรียนตอนต้นว่า
00:12:26 → 00:12:29 สังคมเด็ก ไปอยู่ในมือถือจริง ๆ ครับคุณพ่อคุณแม่
00:12:30 → 00:12:31 เด็กบางคนเขาบอกเลยนะครับว่า
00:12:32 → 00:12:34 ถ้าไม่ให้เขาเล่นเกม นี่
00:12:34 → 00:12:36 เขาไปโรงเรียน แล้วเขาจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง
00:12:37 → 00:12:38 ซึ่งจริงครับ
00:12:38 → 00:12:43 เพราะเด็กทุกคนต่างเล่นมือถือ ต่างใช้มือถือ ต่างเล่นเกมที่อยู่ในมือถือทั้งหมด
00:12:43 → 00:12:48 หมอเลยจะบอกว่าจริง ๆ แล้ว พอดแคสต์ตอนนี้เราไม่ได้ทำมาเพื่อจะบอกว่า
00:12:48 → 00:12:49 ให้เลิกเล่นเสียเถอะ
00:12:50 → 00:12:53 หมอรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วมันก็ยากมากจริง ๆ ในยุคปัจจุบัน
00:12:53 → 00:12:55 ที่พ่อแม่ทุกคนก็เล่น เราทุกคนก็ใช้
00:12:56 → 00:13:00 แต่จะทำอย่างไรที่เมื่อลูกคนอื่นก็เล่น เมื่อคนอื่นก็ใช้นี่จะทำอย่างไร
00:13:01 → 00:13:03 หมอคิดว่าในส่วนของการเข้าสังคม
00:13:03 → 00:13:07 ถ้าเพื่อนเขาต้องเล่น หมอคิดว่าก็มีความจำเป็นจะต้องเล่นครับ
00:13:07 → 00:13:09 แต่เพียงแต่ว่าจะต้องเล่นอะไรบ้าง เดี๋ยวจะพูดต่อเนอะ
00:13:09 → 00:13:10 แต่เวลาที่เล่นนี่
00:13:11 → 00:13:14 เราเองนี่ ผู้ใหญ่ที่ต้องลงไปดูนี่
00:13:14 → 00:13:16 คือดูว่า พอเล่นเยอะเกินไปนี่
00:13:16 → 00:13:18 แล้วมันเกิดผลกระทบต่อการเข้าสังคมของเขาไหม
00:13:18 → 00:13:20 เขาเริ่มปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนได้ไหม
00:13:20 → 00:13:23 เขาเริ่มงงไหมว่า เขาจะเชื่อมโยงกับผู้อื่นอย่างไร
00:13:24 → 00:13:26 เขาจะมีกาละเทศะกับผู้ใหญ่ไหม
00:13:26 → 00:13:31 เขาไปไหนต่อไหน เขาจะเข้าสังคม คุยกับคนอื่นต่าง ๆ นานาได้ไหม
00:13:31 → 00:13:36 ถ้าเมื่อไหร่มันเกิดปัญหาว่า ลูกเริ่มไม่ค่อยสบตาคนอื่น
00:13:36 → 00:13:41 ลูกเริ่มเจอหน้าใคร ก็เริ่มก้มหน้ากับมือถือตัวเองโดยไม่สนใจใคร
00:13:41 → 00:13:42 อันนี้ต้องเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า
00:13:42 → 00:13:44 มันเริ่มเกิดผลกระทบ ต่อการเข้าสังคมแล้วหรือเปล่า
00:13:45 → 00:13:48 หน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่กำกับดูแลส่วนนี้ครับ
00:13:48 → 00:13:52 หลาย ๆ ที จะต้องใช้พลังพ่อแม่หลาย ๆ คน
00:13:53 → 00:13:56 ที่มาจัดกิจกรรมร่วมกัน
00:13:56 → 00:13:58 เพื่อให้เด็กได้ไปมีพื้นที่ข้างนอก
00:13:59 → 00:14:01 หรือโรงเรียนก็เป็นส่วนสำคัญนะครับ
00:14:01 → 00:14:03 หลาย ๆ โรงเรียน บางทีในยุคปัจจุบันเรียนออนไลน์
00:14:03 → 00:14:05 บางทีก็สั่งงานผ่านมือถือเยอะ ๆ
00:14:06 → 00:14:08 คุณครูบางทีก็มีส่วนเหมือนกันที่ว่า
00:14:08 → 00:14:10 อาจจะต้องช่วยกันที่จะดึงเด็กออกมาจากมือถือ
00:14:10 → 00:14:12 เพื่อให้เขาเข้าสังคมเป็น
00:14:12 → 00:14:14 เพื่อให้ไม่เกิดผลกระทบต่าง ๆ ทั้งหมดนะครับ
00:14:14 → 00:14:19 เราฟังเรื่องของผลกระทบด้านร่างกาย จิตใจ พฤติกรรมและสังคมไปแล้ว
00:14:19 → 00:14:21 มีคำถาม ที่ถามกันมาเยอะเหลือเกินนะครับว่า
00:14:21 → 00:14:25 เอ...คุณหมอครับ แล้วลูกจะเล่นเกมได้มากแค่ไหน
00:14:25 → 00:14:29 ลูกควรจะเล่นมือถือหรืออะไรอย่างไรได้บ้าง
00:14:29 → 00:14:31 หมอจะบอกอย่างนี้ครับว่า
00:14:31 → 00:14:32 เราอาจจะต้องคิดกันเป็น 2 ประเด็นครับ
00:14:32 → 00:14:36 คือเรื่องของเวลาที่เด็ก จะอยู่กับหน้าจอมือถือนะครับ
00:14:37 → 00:14:42 กับเนื้อหาหรือเรื่องราว ที่อยู่ในหน้าจอมือถือที่เด็กเล่นนะครับ
00:14:43 → 00:14:44 อยากเริ่มอันแรกก่อน
00:14:44 → 00:14:48 คือเรื่องของเรื่องราวหรือว่าคอนเทนต์ ที่อยู่ในหน้าจอมือถือที่เด็กเล่นนะครับ
00:14:49 → 00:14:53 มีคำแนะนำที่ทำโดย ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศไทย
00:14:54 → 00:14:56 ที่แบ่งอายุวัยง่าย ๆ เลยครับคุณพ่อคุณแม่
00:14:56 → 00:14:58 ถ้าน้อยกว่า 6 ปีนะครับ
00:14:58 → 00:15:01 สิ่งที่เด็กจะเสพได้ในมือถือนะครับ
00:15:01 → 00:15:04 คือเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องของพัฒนาการ
00:15:04 → 00:15:07 เกมด้านพัฒนาการที่กระตุ้นสมองต่าง ๆ
00:15:07 → 00:15:09 เกมเกี่ยวกับด้านของการศึกษา
00:15:10 → 00:15:14 เช่น ต่อคำ ใบคำ จิกซอว์อะไรอย่างนี้ ที่เกี่ยวกับการศึกษา
00:15:14 → 00:15:16 หรือเกมที่เกี่ยวกับกีฬา
00:15:16 → 00:15:17 อันนี้เด็กสามารถเล่นได้นะครับ
00:15:17 → 00:15:20 อันดับถัดมา คือถ้าอายุมากกว่า 6 ปีนะครับคุณพ่อคุณแม่
00:15:20 → 00:15:25 เด็กสามารถเล่นได้มากขึ้น เช่น เกมต่อสู้ที่ไม่รุนแรง
00:15:25 → 00:15:29 หรือเกมต่าง ๆ ทั้งหมดที่พูดมา ทั้งหมดของเด็กน้อยกว่า 6 ขวบนะครับ
00:15:29 → 00:15:32 เกมพัฒนาการ เกมการศึกษา เกมกีฬา เด็กมากกว่า 6 ปี เล่นได้ทั้งหมด
00:15:32 → 00:15:37 โดยจะบอกว่าถ้าทุกอย่างเริ่มมีเรื่องของ ต่อสู้ เรื่องความรุนแรงบางอย่างเข้ามา
00:15:37 → 00:15:41 พ่อแม่ต้องคอยกำกับติดตามอย่างใกล้ชิดนะครับ
00:15:42 → 00:15:43 ถ้ามากกว่า 12 ปี
00:15:44 → 00:15:48 เด็กเริ่มเล่นได้มากขึ้นนะครับ ฉากต่อสู้อาจจะมีได้มากขึ้น
00:15:48 → 00:15:53 แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะมีเกม หรือคอนเทนต์เนื้อหาที่เราไม่แนะนำเลย
00:15:53 → 00:15:55 ที่เกี่ยวกับเรื่องของความรุนแรงทางเพศ
00:15:55 → 00:15:57 ความรุนแรงทางภาษา
00:15:57 → 00:16:01 หรือว่าฉากต่อสู้ที่รุนแรงถึงขั้นเลือดสาดนี่
00:16:01 → 00:16:04 ไม่โอเค ไม่แนะนำแม้กระทั่งช่วงวัยใด ๆ ก็ตาม
00:16:04 → 00:16:10 ดังนั้น ส่วนนี้เป็นเรื่องของเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
00:16:10 → 00:16:12 ที่เด็กควรจะใช้ในแต่ละช่วงอายุ
00:16:13 → 00:16:14 ถัดมาคือเรื่องของเวลาครับ
00:16:14 → 00:16:20 มีหลายผู้เชี่ยวชาญพูดเอาไว้ แต่ขอพูดเป็น คร่าว ๆ ให้ผู้ฟังตรงนี้รับทราบร่วมกันคือ
00:16:20 → 00:16:21 เอาง่าย ๆ เลยครับว่า
00:16:21 → 00:16:27 ถ้าในวันธรรมดา เด็กทุกช่วงวัย ไม่ควรใช้สื่อเกิน 1 ชั่วโมงครับ
00:16:27 → 00:16:29 ไม่ควรใช้มือถือเกิน 1 ชั่วโมง
00:16:29 → 00:16:33 แต่ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี่ ไม่ควรใช้มือถือเกิน 2 ชั่วโมงครับ
00:16:34 → 00:16:34 ตัวเลขนี้มาจากไหน
00:16:34 → 00:16:38 เขาก็บอกว่ามันมาจากว่าสัมพันธ์กับ เรื่องของอัตราการติดเกมที่จะเพิ่มขึ้น
00:16:39 → 00:16:42 อัตราการติดมือถือที่จะเพิ่มขึ้น ถ้าเกิดว่าเล่นเกินเวลาที่บอกไว้นะครับ
00:16:43 → 00:16:48 อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญนอกเหนือจาก เวลาและคอนเทนต์ที่อยู่ในนั้นแล้วครับ
00:16:48 → 00:16:51 คือการกำกับติดตามของพ่อแม่ ของผู้ปกครอง
00:16:51 → 00:16:53 บางทีเราต้องลงไปดูลูกครับว่า
00:16:53 → 00:16:54 ลูกเล่นอะไร
00:16:54 → 00:16:55 ลูกใช้อะไร
00:16:55 → 00:17:00 ลูกกำลังเผชิญกับใครอยู่ในโลกออนไลน์ หรือว่าในโลกของมือถือนะครับ
00:17:00 → 00:17:04 ส่วนนี้สำคัญไม่แพ้กับเรื่องของคอนเทนต์ และตัวของระยะเวลาครับ
00:17:04 → 00:17:09 [เสียงดนตรี]
00:17:09 → 00:17:12 4 เทคนิคการเลี้ยงลูกให้ห่างไกลมือถือนะครับ
00:17:12 → 00:17:13 หมอจะไปทีละข้อนะครับ
00:17:14 → 00:17:14 ข้อแรกนะครับ
00:17:15 → 00:17:18 คุณพ่อคุณแม่เป็นคนสำคัญ ต้องเป็นต้นแบบให้ลูกครับ
00:17:18 → 00:17:21 หลาย ๆ ที เราพบเจอว่าพอเวลาไปในที่ต่าง ๆ
00:17:22 → 00:17:23 คนละจอ
00:17:23 → 00:17:26 คุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า อาอึ้ม อากง
00:17:26 → 00:17:29 โอ้โฮ มีคนละจอ เด็กทุกคนมีคนละจอ
00:17:29 → 00:17:35 ดังนั้นไม่แปลกครับ ถ้าเด็กเขาจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กับชีวิตจริง
00:17:35 → 00:17:38 เขาก็จะลงมามือถืออย่างเดียว เพราะทุกคนอยู่ในมือถือ
00:17:38 → 00:17:41 หลาย ๆ บ้านนะครับ เดี๋ยวนี้เวลาเรียกลูกกินข้าวทำอย่างไรครับ
00:17:42 → 00:17:44 พิมพ์แชตนะครับ ตามลูกลงมากินข้าว
00:17:44 → 00:17:46 ถ้านึกถึงสมัยคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็ก ๆ
00:17:46 → 00:17:49 ส่วนใหญ่เราใช้วิธี คุณพ่อคุณแม่เรา ตะโกนเรียกใช่ไหมครับ แล้วก็ลงมาจากบ้าน
00:17:49 → 00:17:52 เดี๋ยวนี้พิมพ์แชตหรือว่าโทรฟรีไปหานะครับ
00:17:52 → 00:17:55 ดังนั้น พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบครับ
00:17:55 → 00:17:56 หมอถึงบอกไงครับว่า
00:17:56 → 00:17:59 เด็กเล็ก ยิ่งเล็กเท่าไหร่ เขายิ่งสังเกตพ่อแม่เป็นหลัก
00:18:00 → 00:18:01 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นยังไงครับ
00:18:02 → 00:18:04 แบบที่สุภาษิตชอบบอกเอาไว้
00:18:05 → 00:18:08 ดังนั้น อยากให้ลูกเป็นอย่างไร ผู้ใหญ่ในบ้านต้องช่วยกันครับ
00:18:09 → 00:18:10 ทำให้เกิดความรู้สึกว่า
00:18:10 → 00:18:12 บ้านเรามีกติกา เริ่มง่าย ๆ ก็ได้นะครับ
00:18:12 → 00:18:16 เช่น อยู่บนโต๊ะอาหาร ทุกคนจะไม่หยิบมือถือวางไว้ข้าง ๆ
00:18:16 → 00:18:17 อันนี้ยกตัวอย่างเฉย ๆ นะครับ
00:18:17 → 00:18:20 แล้วแต่แต่ละบ้านเลยว่า จะไปประยุกต์ใช้อย่างไรนะครับ
00:18:21 → 00:18:26 ถัดมา ข้อที่สองนะครับ คือ เราเพิ่มกิจกรรมออฟไลน์นะครับ
00:18:26 → 00:18:28 กิจกรรมออฟไลน์ที่ว่ามีอะไรบ้าง
00:18:28 → 00:18:32 อย่างที่บอกไปว่า หน้าที่ของเด็กเขาคือ เขามีหน้าที่เล่นครับ
00:18:33 → 00:18:35 ทำอย่างไรครับที่จะทำให้การเล่น
00:18:35 → 00:18:40 โดยพ่อแม่ โดยเพื่อน โดยผู้ใหญ่ สนุกกว่าในเกม
00:18:40 → 00:18:43 หมอเชื่อว่า เหตุผลของ การเข้าไปเล่นเกมออนไลน์
00:18:43 → 00:18:46 เข้าไปใช้คอนเทนต์ออนไลน์ต่าง ๆ นี่
00:18:46 → 00:18:48 เพราะมันสนุกไงครับ เพราะมันจูงใจไงครับ
00:18:48 → 00:18:51 แต่ถ้าเราทำให้ปฏิสัมพันธ์ของคนตรงหน้า
00:18:51 → 00:18:55 กิจกรรมที่อยู่ตรงหน้า มีความสนุกและจูงใจมากกว่า
00:18:56 → 00:18:59 หมอเชื่อว่า เด็กเขาจะเลิกเล่นเกม เด็กเขาจะเลิกเล่นมือถือ
00:18:59 → 00:19:01 แล้วจะหันมาอยู่กับคนตรงหน้านะครับ
00:19:01 → 00:19:03 ปิดหน้าจอแล้วมาเจอหน้ากันอย่างนี้นะครับ
00:19:04 → 00:19:07 เชื่อว่ามันจะทำได้แน่ ๆ แต่หลาย ๆ ทีจะพบเจอว่า
00:19:07 → 00:19:10 ผู้ปกครองไม่รู้จะทำอย่างไร
00:19:10 → 00:19:11 เพราะว่าไม่เคยลอง
00:19:11 → 00:19:13 จะทำให้เด็กเขามีความสุขมากขึ้น
00:19:13 → 00:19:17 หรือลองกลับมาที่เกมง่าย ๆ เหมือนตอนคุณพ่อคุณแม่เป็นเด็กนะครับ
00:19:17 → 00:19:20 เด็กผู้ชายอาจจะเตะบอลอย่างนี้นะ
00:19:20 → 00:19:22 หรือว่าดีดลูกแก้วใช่ไหมครับ
00:19:23 → 00:19:24 เด็กผู้หญิงอาจจะมีอะไรครับ
00:19:24 → 00:19:27 กิ่งก่องแก้ว กระโดดยาง ตบแผะอะไรก็ว่ากันไป
00:19:27 → 00:19:29 ลองเอาเรื่องพวกนี้นะครับกลับมาเล่นกับลูก
00:19:30 → 00:19:36 ลูกอาจจะสนุกกว่าการได้เล่นเกมในมือถือ หรือว่าได้เล่นดูโซเชียลมีเดียในมือถือนะครับ
00:19:37 → 00:19:39 เทคนิคที่สามนะครับ
00:19:39 → 00:19:44 คือเรื่องของกิจกรรม เช่น ดนตรี ศิลปะ
00:19:44 → 00:19:46 กิจกรรม DIY ต่าง ๆ
00:19:46 → 00:19:49 เป็นส่วนที่จะเสริมสร้างทักษะของเด็กครับ
00:19:49 → 00:19:54 คุณพ่อคุณแม่อาจจะเคยได้ยินเรื่องของว่า เราอยากจะฝึกให้ลูกเก่งในบางด้าน
00:19:54 → 00:19:56 อยากจะสอนเขาให้เขาเต้นเป็น ให้เขาวาดรูปเป็น
00:19:56 → 00:19:58 ให้เขาเล่นดนตรีบางอย่างเป็น
00:19:58 → 00:20:00 เพราะสมองมนุษย์ มันมีส่วนที่มันเกี่ยวข้องไงครับ
00:20:00 → 00:20:03 ที่มันเกี่ยวกับเรื่องของความสุนทรีทางอารมณ์
00:20:03 → 00:20:07 ที่มันเกี่ยวกับเรื่องของทักษะ งานฝีมือต่าง ๆ
00:20:07 → 00:20:09 มันมีความฉลาดทางอารมณ์ ด้านนั้นเหมือนกันนะครับ
00:20:10 → 00:20:13 ดังนั้น เด็กบางส่วน เขาจะสนุกมากเลย
00:20:13 → 00:20:16 แล้วเขาก็จะมีกิจกรรที่เพลิดเพลินมากเลย เวลาที่เขาได้ทำลักษณะนี้
00:20:17 → 00:20:20 แล้วยิ่งจะสนุกไปกันใหญ่ ถ้าคนที่เขาทำด้วย
00:20:21 → 00:20:21 เป็นพ่อแม่
00:20:22 → 00:20:24 ถ้าพ่อแม่ลงทำกับเขานะครับ
00:20:24 → 00:20:27 มันจะเกิดคำว่า เวลาคุณภาพ
00:20:27 → 00:20:29 ไม่ว่าจะเป็นเล่นดนตรีด้วยกัน
00:20:29 → 00:20:32 ไปนั่งดูลูกทำงานศิลปะให้ดู
00:20:32 → 00:20:35 ไปนั่งทำอะไรบางอย่างกับลูก
00:20:35 → 00:20:38 ซึ่งเป็นเวลาที่เขารู้สึกว่าเขามีความสุข เขาได้พ่อแม่มาอยู่กับเขา
00:20:39 → 00:20:43 แล้วจะทำให้เด็กเขาใช้มือถือลดลง
00:20:43 → 00:20:45 สารแห่งความสุขเขาจะมากขึ้น
00:20:46 → 00:20:48 สมองเขาจะพัฒนาดีขึ้น
00:20:48 → 00:20:52 และเทคนิคที่ 4 เทคนิคสุดท้ายนะครับ คือเรื่องของ สัมผัสกับธรรมชาติ
00:20:53 → 00:20:56 คุณพ่อคุณแม่ลองนึกตาม เวลาที่เราได้หยุดยาวนะครับ
00:20:56 → 00:20:57 เรานึกถึงอะไรบ้างครับ
00:20:57 → 00:21:00 พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ภูเก็ต
00:21:00 → 00:21:03 โอ้โฮ ขึ้นมาเต็มเลย แค่นึกถึงตอนนี้ก็อยากไปกันแล้วใช่ไหมครับ
00:21:04 → 00:21:05 เด็ก ๆ เหมือนกันครับ
00:21:05 → 00:21:08 เวลาที่เขาได้ไปสัมผัสลงทะเล
00:21:08 → 00:21:11 ได้ไปสัมผัสต้นไม้ ได้ไปดูนก ดูผีเสื้อ
00:21:12 → 00:21:15 เขาจะกลับไปเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
00:21:15 → 00:21:18 บางทีไม่ต้องไปไกลขนาดที่หมอบอกก็ได้นะครับ
00:21:18 → 00:21:19 ลองนึกแค่ว่า
00:21:19 → 00:21:26 ถอดรองเท้าลงไปในพื้นของสนามหญ้า ของคอนโด ของสวนในหมู่บ้าน
00:21:26 → 00:21:28 หรือส่วนที่โรงเรียนก็ได้นะครับ
00:21:29 → 00:21:32 มีนักธรรมชาติวิทยาหลาย ๆ ท่านบอกไว้ว่า
00:21:32 → 00:21:35 มนุษย์เราต้องการพลังจากธรรมชาติ
00:21:35 → 00:21:37 การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
00:21:37 → 00:21:40 กลับไปสู่อ้อมกอดของธรรมชาติ จะช่วยเสริมพลังบวกของมนุษย์
00:21:41 → 00:21:45 มีงานวิจัยมากมายอีกเช่นกันที่บอกว่า เวลาที่เด็กได้สัมผัสสิ่งเหล่านั้น
00:21:45 → 00:21:49 สมองเขาจะหลั่งสารสื่อประสาท แห่่งความสุขมากยิ่งขึ้น
00:21:49 → 00:21:51 สมองเขาจะพัฒนายิ่งขึ้น
00:21:52 → 00:21:53 และในด้านพัฒนาการนะครับ
00:21:53 → 00:21:56 เวลาที่เด็กได้ออกไปวิ่งเล่นตามธรรมชาติ
00:21:56 → 00:21:59 ได้ออกไปสัมผัสแสงแดดต่าง ๆ นานา
00:21:59 → 00:22:03 คุณพ่อคุณแม่เชื่อไหมครับว่า เด็กเขาจะมีพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่
00:22:03 → 00:22:05 กล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
00:22:06 → 00:22:08 เด็กจะมีภูมิคุ้มกันยิ่งขึ้น
00:22:08 → 00:22:10 เขาจะป่วยน้อยลง
00:22:10 → 00:22:12 สัมพันธ์กันหมดเลยเห็นไหมครับ
00:22:12 → 00:22:17 [เสียงดนตรี]
00:22:17 → 00:22:21 จบไปแล้วสำหรับ 4 เทคนิค เรื่องการเลี้ยงลูกอย่างไรให้ห่างไกลมือถือ
00:22:22 → 00:22:26 สำหรับพอดแคสต์ในตอนนี้ตั้งแต่ต้นมา หมอก็ได้พูดถึงเรื่องว่า
00:22:26 → 00:22:30 ผลกระทบของการใช้มือถือที่มากเกินไป
00:22:30 → 00:22:36 ที่ส่งผลต่อเรื่องของร่างกาย จิตใจ พฤติกรรม สังคม
00:22:36 → 00:22:41 หรือว่าคำถามต่าง ๆ ซึ่งได้รับการสอบถาม มามากมายจากผู้ฟังนะครับ
00:22:42 → 00:22:45 รวมทั้งเรื่องของ เทคนิคการเลี้ยงลูกให้ห่างไกลมือถือ
00:22:45 → 00:22:47 ก็จะเห็นได้เลยนะครับว่า
00:22:47 → 00:22:51 ในยุคปัจจุบัน มือถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจริง ๆ ครับ
00:22:52 → 00:22:57 เราใช้มือถือเป็นสื่อในการนำทางความสะดวกสบาย
00:22:57 → 00:23:03 เป็นสื่อในการนำเรื่องของ การใช้ชีวิตในโลกยุค 5G นะครับ
00:23:03 → 00:23:08 หลาย ๆ ที เรามีข้อดีมากมายนะครับ เกี่ยวกับมือถือ เช่น
00:23:08 → 00:23:10 เราสามารถเชื่อมคนคนละซีกโลกได้
00:23:11 → 00:23:15 เราอยู่บ้าน เราสามารถสั่งอาหาร
00:23:15 → 00:23:17 เราสามารถชอปปิง
00:23:17 → 00:23:22 มันต่างจากชีวิตแต่ก่อนมาก ๆ เลยนะครับ ซึ่งเราต้องไปถึงที่ใช่ไหมครับ
00:23:22 → 00:23:23 เดี๋ยวนี้ โอ้โฮ อยู่บ้านทั้งหมด
00:23:23 → 00:23:27 หรือพ่อแม่หลาย ๆ คน ตอนนี้หมอเชื่อว่า ประชุมออนไลน์ก็มานะครับ
00:23:27 → 00:23:28 ทำให้เรานอนดึกกว่าเดิม
00:23:28 → 00:23:32 เพราะบางทีเจ้านายชอบนัดประชุม 2 ทุ่ม 3 ทุ่มนะครับ
00:23:32 → 00:23:33 ตามงานกันได้ตลอดเวลา เพราะมีมือถือนี่แหละ
00:23:34 → 00:23:37 ดังนั้น ความสะดวกสบาย ความรวดเร็วมาโดยตลอด
00:23:37 → 00:23:40 ดังนั้น เห็นได้เลยว่า มือถือ เทคโนโลยี
00:23:40 → 00:23:42 มีความสำคัญกับชีวิตมนุษย์ปัจจุบันจริง ๆ
00:23:43 → 00:23:44 แล้วต้องบอกเลยครับว่า
00:23:44 → 00:23:47 เด็กยุคปัจจุบัน เขาเป็นเด็กที่ออกมากับเทคโนโลยีจริง ๆ ครับ
00:23:48 → 00:23:52 เขาเอง หลาย ๆ ที เขาทำเรื่องราวเกี่ยวกับมือถือ
00:23:52 → 00:23:55 การปิด การเปิดปุ่มต่าง ๆ นี่ เก่งกว่าคุณพ่อคุณแม่นะครับ
00:23:56 → 00:23:57 มีหลายบ้านชอบบอกเหมือนกันครับว่า
00:23:58 → 00:23:59 ลูกรู้หมดทุกรหัสครับ
00:23:59 → 00:24:00 เพราะว่ากดเป็นหมด
00:24:00 → 00:24:02 เพราะว่าเขาเกิดมาในยุคนี้จริง ๆ ครับ
00:24:02 → 00:24:05 ดังนั้น เราต้องดูแลเด็กอย่างไร
00:24:05 → 00:24:08 เราต้องเลี้ยงลูกอย่างไร ให้เขาเติบโตไปกับเทคโนโลยี
00:24:08 → 00:24:10 แล้วเขาเตรียมพร้อมตัวเองได้
00:24:10 → 00:24:13 ให้เขาใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์
00:24:13 → 00:24:19 ให้เขาเป็นคนใช้มือถือ โดยที่ไม่ได้ให้มือถือเป็นคนใช้เขานะครับ
00:24:19 → 00:24:21 สำหรับวันนี้หมดเวลาลงแล้วนะครับ
00:24:22 → 00:24:25 ติดตามรายการ Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต
00:24:25 → 00:24:29 สำรวจอารมณ์ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว
00:24:29 → 00:24:31 ได้ทุกวันจันทร์ เวลา 18.00 น.
00:24:32 → 00:24:33 ที่ Mahidol Channel Podcast
00:24:34 → 00:24:36 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel
00:24:36 → 00:24:38 YouTube Mahidol Channel
00:24:38 → 00:24:39 Apple Podcasts
00:24:39 → 00:24:40 Spotify
00:24:40 → 00:24:41 Anchor
00:24:41 → 00:24:42 และ Blockdit
00:24:42 → 00:24:45 กับผม นายแพทย์สมบูรณ์ หทัยอยู่สุข
00:24:47 → 00:24:49 Re-Mind รู้ทันปัญหาสุขภาพจิต
00:24:49 → 00:24:53 สำรวจอารมณ์ความคิด เข้าใจพฤติกรรมของตนเองและคนใกล้ตัว