00:00:00 → 00:00:03 ครับคุณหมอครับเรื่องของอาการชาตามนิ้ว
00:00:03 → 00:00:08 มือนิ้วเท้าเนี่ยมันสามารถเกิดขึ้นได้กับ
00:00:08 → 00:00:12 ใครวัยไหนยังไงได้บ้างไหมครับคุณหมอครับ
00:00:12 → 00:00:14 คุณมันก็เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุนะครับ
00:00:14 → 00:00:16 ก็เกิดได้กับคนทุกๆวัยนะครับขึ้นอยู่กับ
00:00:16 → 00:00:20 ว่าสาเหตุมันเป็นอะไรนะครับ
00:00:20 → 00:00:24 สาเหตุหลักๆที่มันทำให้เกิดอาการชาตาม
00:00:24 → 00:00:27 นิ้วมือนิ้วเท้าครับคุณหมอให้มันมันเกิด
00:00:27 → 00:00:34 จากอะไรได้บ้างครับคุณหมอครับ
00:00:35 → 00:00:39 ซึ่งซึ่งรับตำแหน่งเนี่ยถ้าเกิดว่ามัน
00:00:39 → 00:00:41 เกิดพยาธิสภาพที่แต่ละตำแหน่งก็ทำให้มี
00:00:41 → 00:00:44 อาการชาในรูปแบบที่แตกต่างกันนะครับเอ่อ
00:00:44 → 00:00:46 ถ้าเป็นในกรณีที่เป็นลักษณะของอาการชา
00:00:46 → 00:00:48 ปลายมือปลายเท้านะครับส่วนใหญ่สาเหตุที่
00:00:48 → 00:00:51 เกิดขึ้นก็จะเกิดจากความผิดปกติของเส้น
00:00:51 → 00:00:55 ประสาทส่วนปลายนะครับซึ่งซึ่งในจากข้อมูล
00:00:55 → 00:00:58 เนี่ยในในคนทั่วๆไปเนี่ยสาเหตุที่เจอได้
00:00:58 → 00:01:01 บ่อยที่สุดคือปลาวาฬนั้นนะครับแล้วก็รอง
00:01:01 → 00:01:03 ลงมาก็อาจจะเกิดจากโรคประจำตัวอย่างเช่น
00:01:03 → 00:01:06 อาจจะเป็นเรื่องของตัวขาดสารอาหารเช่นบาง
00:01:06 → 00:01:09 คนทานมังสวิรัติทานเจก็มีภาวะการขาด
00:01:09 → 00:01:12 วิตามินนะครับหรืออาจจะเพราะอย่างอื่น
00:01:12 → 00:01:16 เช่นโรคไตโรคไทรอยด์หรือว่าอาจจะเป็นจาก
00:01:16 → 00:01:21 โลกของตัวเอ่อ
00:01:21 → 00:01:24 อย่างอื่นเช่นโรคภูมิคุ้มกันนะครับก็จะมี
00:01:24 → 00:01:26 รูปก็จะมีสาเหตุที่ค่อนข้างแตกต่างกันไป
00:01:26 → 00:01:28 ครับ
00:01:28 → 00:01:32 คุณหมอครับเรื่องของอาการที่บอกว่าชาเอา
00:01:32 → 00:01:35 ท่ายกกรณีของปลายนิ้วมือนิ้วเท้าเนี่ย
00:01:35 → 00:01:38 ลักษณะของคำที่เรียกว่าชาเนี่ยมันมันจะ
00:01:38 → 00:01:41 อธิบายให้มันเห็นภาพเนี่ยมันต้องชาแบบไหน
00:01:41 → 00:01:46 ลักษณะยังไงครับคุณหมอครับ
00:01:46 → 00:01:51 ค่อนข้างกว้างมากนะครับ
00:01:51 → 00:01:55 นะคนไข้ก็ถือว่าเหมือนหนาๆที่ปลายมือปลาย
00:01:55 → 00:01:58 เท้านะครับ
00:01:58 → 00:02:01 รู้สึกไม่ค่อยรู้สึกสัมผัสไม่ดีอะไร
00:02:01 → 00:02:04 ประมาณนี้นะครับแต่จริงๆกับการของเส้น
00:02:04 → 00:02:06 ประสาทนอกจากอาการชาก็จะมาเรียกการเรื่อง
00:02:06 → 00:02:10 ของปวดได้หรือว่าอาการแบบยุบยิบเหมือนว่า
00:02:10 → 00:02:12 ตายอะไรพวกนี้ก็ได้เหมือนกันนะครับไม่ใช่
00:02:12 → 00:02:15 แค่การใช้อย่างเดียวนะครับถ้าเกิดว่าเป็น
00:02:15 → 00:02:17 มากๆอาจจะมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วยได้นะ
00:02:17 → 00:02:18 ครับ
00:02:18 → 00:02:19 [เพลง]
00:02:19 → 00:02:22 อาการทักคืออาการชาเนี่ยค่ะอาจารย์คือ
00:02:22 → 00:02:25 ต้องแบบชาตลอดเวลาหรือบ่อยครั้งหรือเป็น
00:02:25 → 00:02:28 ช่วงเวลาไหนคะที่มันจะถึงว่าอันนี้ไม่ดี
00:02:28 → 00:02:32 แล้วล่ะเราจะต้องมาพบคุณหมอแล้วค่ะ
00:02:32 → 00:02:35 ถ้ามันก็ขึ้นอยู่กับระยะของโลกแล้วความ
00:02:35 → 00:02:37 รุนแรงนะครับถ้าเกิดว่าในช่วงที่เริ่ม
00:02:37 → 00:02:40 เป็นแรกๆนะครับอาการชามันจะไม่ชัดเจนคน
00:02:40 → 00:02:44 ไข้รู้สึกมีอาการชาเป็นๆนะครับซึ่งถ้ามัน
00:02:44 → 00:02:47 เป็นมากขึ้นหรือมันเป็นถี่ขึ้นเป็นบ่อย
00:02:47 → 00:02:49 ขึ้นซึ่งมันดูชัดเจนมากขึ้นอันนั้นก็น่า
00:02:49 → 00:02:52 จะต้องมาตรวจหาสาเหตุนะครับ
00:02:52 → 00:02:55 คือเวลาชาเนี่ยครับคุณหมอครับตามปลายนิ้ว
00:02:55 → 00:02:58 มือนิ้วเท้าเนี่ยมันจะต้องเป็นกันทั้ง 5
00:02:58 → 00:03:01 นิ้วไหมหรือว่ามันจะเกิดได้เฉพาะแค่บาง
00:03:01 → 00:03:04 นิ้วหรือว่านิ้วไหนที่มันมักจะมีอาการกัน
00:03:04 → 00:03:06 ได้บ่อยๆ
00:03:06 → 00:03:11 มันขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งแล้วก็สาเหตุของ
00:03:11 → 00:03:13 การทานมันเกิดจากอะไรนะครับซึ่งจริงๆแล้ว
00:03:13 → 00:03:16 ถ้าเราไปลงรายละเอียดแล้วเนี่ยเรื่อง
00:03:16 → 00:03:18 อาการชาของเส้นประสาทส่วนปลายก็เกิดได้
00:03:18 → 00:03:20 จากฝ่ายสาเหตุนะครับเช่นถ้าเกิดว่าเกิด
00:03:20 → 00:03:22 จากโรคทางกายเช่นเบาหวานยกตัวอย่างเบา
00:03:22 → 00:03:24 หวานที่จะได้บริสุทธิ์นะครับพวกนี้ก็จะมี
00:03:24 → 00:03:27 อาการชาที่ปลายเท้าก่อนนะครับเป็น 2 ข้าง
00:03:27 → 00:03:30 พร้อมกันนะครับแล้วก็ตัวที่เริ่มมีอาการ
00:03:30 → 00:03:32 ชาเนี่ยปลายมือก็ยังจะไม่ค่อยมีอาการอะไร
00:03:32 → 00:03:35 เท่าไหร่ปกติอยู่นะครับพออาการชาที่ปลาย
00:03:35 → 00:03:37 เท้ามันเป็นมากขึ้นมันลุกลามมากขึ้นเช่น
00:03:37 → 00:03:39 มันลามขึ้นจากหมดอ่ะปลายเท้ามาที่ข้อเท้า
00:03:39 → 00:03:42 มาที่ใต้เข่านะครับคนไข้อาจจะรู้ว่ามี
00:03:42 → 00:03:44 อาการชามือเข้ามานะครับซึ่งลักษณะนี้จะ
00:03:44 → 00:03:48 เป็นชา 2 ข้างพอๆกันนะฮะแต่ถ้าเกิดถ้า
00:03:48 → 00:03:50 เป็นจากโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจาก
00:03:50 → 00:03:54 การกดทับเช่นที่เราพอรู้กันของตัวพังผืด
00:03:54 → 00:03:56 ทับเส้นประสาทหรือคาป้อมเทนเนอร์ซินโดรม
00:03:56 → 00:03:59 นะครับนะอันนี้ก็จะเป็นการกดทับเส้นสะบัด
00:03:59 → 00:04:01 เฉพาะเส้นประสาทเฉพาะที่ที่เส้นประสาท
00:04:01 → 00:04:04 มีเดียนที่ปลายนิ้วมือนะครับพวกนี้ก็จะมี
00:04:04 → 00:04:06 อาการชาที่นิ้วโป้งนิ้วชี้นิ้วกลางเป็น
00:04:06 → 00:04:09 หลักนะครับโดยที่เท้าปกตินะครับนิ้วก้อย
00:04:09 → 00:04:12 ปกตินะครับหรือว่าบางคนชอบนั่งเท้าศอกเอา
00:04:12 → 00:04:15 ศอกเท้าโต๊ะอะไรพวกนี้นานๆนะพวกนี้ก็จะมี
00:04:15 → 00:04:17 การกดรับของเส้นประสาทคราวหน้าที่บริเวณ
00:04:17 → 00:04:20 ข้อศอกก็อาจจะมีอาการชาเฉพาะปลายนิ้วก้อย
00:04:20 → 00:04:23 ได้นะครับหรือบางคนชอบแบบนั่งไขว่ห้างนะ
00:04:23 → 00:04:26 ครับนะเอาเท้าไขว้กันนะครับมันก็จะมีการ
00:04:26 → 00:04:28 กดทับเส้นประสาทที่เราเรียกว่าเป็น
00:04:28 → 00:04:31 peronial ที่ Rain ที่ตรงข้อเท้าที่ตรง
00:04:31 → 00:04:34 บริเวณใต้เขาบริเวณนะครับตรงนี้ก็จะมี
00:04:34 → 00:04:38 อาการชาที่เท้าได้นะครับข้างๆที่ถูกกดทับ
00:04:38 → 00:04:39 นะครับ
00:04:39 → 00:04:41 เพราะฉะนั้นก็ค่อนข้างหลากหลายเลยครับ
00:04:41 → 00:04:44 สำหรับอาการของโรคไตประสานครับ
00:04:44 → 00:04:46 มีความหลากหลายมากๆนะครับคุณหมอคือถ้า
00:04:46 → 00:04:51 อย่างช่วงวัยที่คุณหมอมักจะเจอคนที่มาขอ
00:04:51 → 00:04:54 รับการรักษามาขอคำปรึกษาเยอะๆเนี่ยส่วน
00:04:54 → 00:04:58 ใหญ่จะเป็นคนในวัยไหนซะมากอ่ะครับคุณหมอ
00:04:58 → 00:05:02 ครับส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ที่สูงอายุที่มี
00:05:02 → 00:05:04 อายุแล้วนะครับเพราะว่าถ้าดูตามข้อมูลนี้
00:05:04 → 00:05:07 สำหรับโลกของเส้นประสาทส่วนทรายทั่วๆไปนะ
00:05:07 → 00:05:09 ครับก็คือเกิดจากโรคเบาหวานนั้นจะได้หวาน
00:05:09 → 00:05:12 ที่สุดนะครับซึ่งก็ซึ่งก็ส่วนใหญ่มันก็จะ
00:05:12 → 00:05:13 เป็นผู้ที่สูงอายุแล้วนะครับแต่ก็ต้องยอม
00:05:13 → 00:05:16 รับว่าบางทีเราก็มีเบาหวานบางประเภทที่
00:05:16 → 00:05:18 เจอในผู้ป่วยอายุน้อยใช่ไหมฮะที่มีน้ำตาล
00:05:18 → 00:05:23 สูงสุรินทร์พวกนี้ถ้าคุณไม่ดีนะครับแล้ว
00:05:23 → 00:05:24 ก็เป็นเบาหวานมาเป็นระยะเวลานานก็มีอาการ
00:05:24 → 00:05:27 ชาได้เหมือนกันเหมือนหลายครั้งแล้วก็เจอ
00:05:27 → 00:05:29 คนไข้ที่มีอาการชาปลายมือปลายเท้าป่วย
00:05:29 → 00:05:31 อายุน้อยได้เหมือนกันนะครับแล้วก็จริงๆก็
00:05:31 → 00:05:34 มีสาเหตุอื่นๆอีกนะครับซึ่งอาจจะไม่ได้
00:05:34 → 00:05:37 เจอในคนอายุน้อยเจอในโทษทีอาจจะไม่ได้เจอ
00:05:37 → 00:05:39 โดยเฉพาะผู้สูงอายุอาจจะเจอในคนอายุน้อย
00:05:39 → 00:05:40 ก็ได้นะครับ
00:05:40 → 00:05:44 อายุน้อยก็มีก็เจอเหมือนกันนะครับคุณหมอ
00:05:44 → 00:05:46 คุณหมอครับอย่างกรณีการชาที่นิ้วมือนิ้ว
00:05:46 → 00:05:49 เท้าเนี่ยอย่างที่คุณหมอได้เล่าได้อธิบาย
00:05:49 → 00:05:52 มาเนี่ยคือส่วนใหญ่มันก็มักจะมีเรื่องของ
00:05:52 → 00:05:56 โรคภัยไข้เจ็บสะสมอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว
00:05:56 → 00:05:59 นะมันก็เลยแสดงอาการเหล่านั้นออกมาได้แต่
00:05:59 → 00:06:02 ว่าถ้าอย่างกรณีที่อยู่ๆมันก็ชาขึ้นมา
00:06:02 → 00:06:05 ครับคุณหมอครับเหล่านี้เนี่ยมันจะมี
00:06:05 → 00:06:10 ลักษณะแบบไหนชากันมากน้อยยังไงถึงจะเป็น
00:06:10 → 00:06:13 การบ่งบอกได้ว่าบางทีในร่างกายของเรา
00:06:13 → 00:06:17 เนี่ยมันอาจจะมีโรคภัยไข้เจ็บแอบซุกซ่อน
00:06:17 → 00:06:19 อยู่ในตัวของเราไหม
00:06:19 → 00:06:22 ครับก็ยกตัวอย่างอย่างโรคเบาหวานนะครับ
00:06:22 → 00:06:24 อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ยกได้บ่อยคือถ้า
00:06:24 → 00:06:25 เป็นเบาหวานเนี่ยมันก็เกิดจากการที่เรา
00:06:25 → 00:06:28 เป็นเบาหวานมานานแล้วนะครับพวกนี้เนี่ย
00:06:28 → 00:06:29 มันเกิดจาก
00:06:29 → 00:06:32 มันเป็นเบาหวานน้ำตาลสูงมันเป็นระยะเวลา
00:06:32 → 00:06:35 พัฒนาการช้าเราก็จะค่อยเป็นค่อยๆไปนะครับ
00:06:35 → 00:06:37 ตรงนี้ความรุนแรงเนี่ยมันก็จะไม่รุนแรง
00:06:37 → 00:06:40 มากนะครับแต่ว่ามันก็มีโรคบางโรคนะครับ
00:06:40 → 00:06:43 เช่นโลกปลายประสาทอักเสบเอ่ออักเสบอย่าง
00:06:43 → 00:06:46 เช่นพวกเกมโดมแล้วนะครับที่อาจจะเคยได้
00:06:46 → 00:06:49 ยินมาก่อนนะครับพวกนี้ก็อาจจะมีอาการปลาย
00:06:49 → 00:06:51 ประสาทอักเสบแบบเฉียบพลันนะครับก็จะเริ่ม
00:06:51 → 00:06:54 ด้วยการชามเหมือนกันนะครับแต่ว่าอาการชา
00:06:54 → 00:06:57 เขาเนี่ยก็จะเป็นแทนที่จะนานๆเป็นทีเป็น
00:06:57 → 00:06:59 ไปในห่านมันก็จะเป็นการชาตลอดแล้วก็ชา
00:07:00 → 00:07:02 เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนะครับแล้วก็ร่วมกับ
00:07:02 → 00:07:05 เอ่ออาจจะมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วยหรืออาจ
00:07:05 → 00:07:08 จะมีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนอื่น
00:07:08 → 00:07:10 ร่วมด้วยเช่นการกลืนอะไรพวกนี้นะครับ
00:07:10 → 00:07:12 เพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็ต้องสังเกตแล้วก็ดู
00:07:12 → 00:07:16 การดำเนินโลกเป็นหลักว่าว่าว่าว่าลักษณะ
00:07:16 → 00:07:18 การเป็นอย่างไรนะครับถ้าอย่างเป็นเบาหวาน
00:07:18 → 00:07:20 อย่างที่เรียนไปก่อนหน้านี้
00:07:20 → 00:07:25 ไม่ได้แย่ลงเร็วนะปีนี้กับปีถัดไปอาการชา
00:07:25 → 00:07:27 จะใกล้เคียงกันอาจจะไม่แตกต่างกันมากนัก
00:07:27 → 00:07:30 นะครับแต่ถ้าเกิดเป็นอย่างโรคเส้นประสาท
00:07:30 → 00:07:31 อักเสบ
00:07:31 → 00:07:35 แบบเฉียบพลันนะครับพวกนี้อาการมันก็จะ
00:07:35 → 00:07:39 เป็นมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็วนะครับก็ส่วน
00:07:39 → 00:07:42 ใหญ่ก็เอ่อภายใน 1 เดือนนะครับเพราะ
00:07:42 → 00:07:44 ฉะนั้นถ้าเริ่มมีอาการที่มันดูเหมือนว่า
00:07:44 → 00:07:47 มันผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆนะครับทั้งอาการ
00:07:47 → 00:07:50 ชานะครับหรือว่าเรื่องของอาการอ่อนแรงก็
00:07:50 → 00:07:53 ต้องรีบมาพบแพทย์นะครับ
00:07:53 → 00:07:56 อ่าอาจารย์คะมีคำถามค่ะสนใจอยากจะถาม
00:07:56 → 00:07:59 อาจารย์แบบนี้นิดนึงค่ะอาจารย์ค่ะว่าที่
00:07:59 → 00:08:01 อาจารย์บอกว่าชาปลายมือปลายเท้าส่วนนึง
00:08:01 → 00:08:03 อ่ะค่ะมาจากแบบปลายประสาทซึ่งมาจากแบบเบา
00:08:03 → 00:08:06 หวานมันมีปัจจัยที่มาจากเรื่องของค่าน้ำ
00:08:06 → 00:08:08 ตาลหรือว่ามันมาจากอะไรอ่ะคะที่ทำให้แบบ
00:08:08 → 00:08:13 เออมันถึงเกิดการชาหรือการเอ่ออักเสบหรือ
00:08:13 → 00:08:16 ว่าที่ทำให้เกิดการชาที่ปลายมือปลายเท้า
00:08:16 → 00:08:18 อ่ะค่ะอาจารย์
00:08:18 → 00:08:21 สูงเป็นระยะเวลานานด้วยนะครับมันก็จะทำ
00:08:21 → 00:08:22 ให้
00:08:22 → 00:08:25 เขาเรียกว่ามันมีกลไกเมตาบอลิซึมของเส้น
00:08:25 → 00:08:28 ประสาทที่มันผิดปกติไปนะครับแล้วก็ไม่ให้
00:08:28 → 00:08:30 มีพวกสารอนุมูลอนุมูลอิสระมันเยอะมากกว่า
00:08:30 → 00:08:33 ปกติก็เลยส่งผลให้เส้นประสาทเสื่อมนะครับ
00:08:33 → 00:08:35 อันนี้เป็นปัจจัยหนึ่งนะครับอีกอันหนึ่ง
00:08:35 → 00:08:38 ก็เป็นเรื่องของตัวน้ำตาลสูงเองก็ทำให้
00:08:38 → 00:08:41 ภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทเนี่ย
00:08:41 → 00:08:44 มันผิดปกติมันหนาตัวนะครับก็ทำให้เลือดไป
00:08:45 → 00:08:46 เลี้ยงเส้นประสาทน้อยลงก็เป็นหลายๆปัจจัย
00:08:46 → 00:08:49 รวมร่วมกันทำให้เส้นประสาทฟันเสื่อมเร็ว
00:08:49 → 00:08:51 กว่าปกตินะครับเพราะฉะนั้นในคนที่เป็นเบา
00:08:51 → 00:08:54 หวานเหมือนๆกันอย่างเช่นมีฝาแฝดเป็นเบา
00:08:54 → 00:08:56 หวานเหมือนกันคนสามารถคุมน้ำตาลได้ดีอยู่
00:08:56 → 00:08:59 ในระดับเลยอยู่ในเกณฑ์ปกติอีกคนนึงไม่คุม
00:09:00 → 00:09:03 น้ำตาลเลยปล่อยตัวน้ำตาลไม่น้ำตาลสูงไม่
00:09:03 → 00:09:05 รักษาอะไรพวกนี้นะครับคนเหล่านี้ก็มี
00:09:05 → 00:09:08 โอกาสที่จะเป็นเอ่อปลายประสาทเสริมแล้วจะ
00:09:08 → 00:09:10 มีภาวะแทรกซ้อนจากเรื่องของตัวเบาหวานได้
00:09:10 → 00:09:13 มากกว่าคนอื่นไปครับอาจารย์คะถ้าสมมุติ
00:09:13 → 00:09:15 ว่าเราแก้ปัญหาที่น้ำตานะคะจะทำให้แบบ
00:09:15 → 00:09:18 ปลายประสาทของเรากลับมาดีขึ้นได้ใช่ไหมคะ
00:09:18 → 00:09:22 อ๋อจากข้อมูลก็ส่วนใหญ่ก็คืออาจจะคงที่
00:09:22 → 00:09:24 แต่ว่าไม่แย่ลงนะครับแต่ว่าบางส่วนก็อาจ
00:09:24 → 00:09:27 จะดีขึ้นได้บ้างนะครับ
00:09:27 → 00:09:31 อาจารย์ค่ะแล้วถ้าสมมุติว่าการเกิดการ
00:09:31 → 00:09:34 ปลายประสาทเกิดแบบอาจารย์บอกว่าเสื่อม
00:09:34 → 00:09:36 หรือว่าเกิดอะไรอย่างนี้ค่ะอย่างกรณีอัน
00:09:36 → 00:09:38 นี้ยกๆเป็นกรณีนะคะถ้าสมมุติว่าเกิดจาก
00:09:38 → 00:09:40 เบาหวานเองเนี่ยเราต้องทานยาให้ครบหรือ
00:09:40 → 00:09:43 เราต้องแก้ยังไงแล้วถ้าเกิดเกิดจากปลาย
00:09:43 → 00:09:45 ประสาทของเรามันเกิดการเสื่อมตามวัยเรา
00:09:45 → 00:09:49 ต้องแก้ยังไงคะอาจารย์
00:09:49 → 00:09:52 ยกตัวอย่างแรกก่อนนะครับถ้าเป็นถ้าคนไข้
00:09:52 → 00:09:55 เป็นเบาหวานนะครับแล้วก็จะป้องกันไม่ให้
00:09:55 → 00:09:57 เรามีปัญหาเรื่องของตัวเส้นประสาทเสื่อม
00:09:57 → 00:09:59 จากเบาหวานยังไง
00:09:59 → 00:10:02 นะครับหนึ่งก็คือต้องคุมระดับน้ำตาลให้ดี
00:10:02 → 00:10:06 นะครับแล้วก็ 2 ก็คือเอ่อ 2 ก็คือต้อง
00:10:06 → 00:10:08 พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น
00:10:08 → 00:10:10 ที่อาจจะทำให้เหมือนกับเป็นแบบ
00:10:11 → 00:10:14 ซ้ำซ้อนที่ทำให้เรื่องของเส้นประสาทเรา
00:10:14 → 00:10:16 บาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นนะครับเช่นอะไรบ้าง
00:10:16 → 00:10:19 หนึ่งก็เช่นเรื่องของสารอาหารนะครับอย่าง
00:10:19 → 00:10:22 วิตามินเนี่ยทางวิตามินบี 1 อะไร
00:10:23 → 00:10:26 ของเส้นประสาทนะครับซึ่งปีหนึ่งก็จะมีใน
00:10:26 → 00:10:29 อาหารอะไรไปบ้างก็มีในพวกอาหารพวกข้าวพวก
00:10:29 → 00:10:32 ธัญพืชอะไรพวกนี้นะครับถ้าเป็นบีบ 2 นี่
00:10:32 → 00:10:34 ก็เป็นเนื้อสัตว์เพราะเราก็ทานอาหารครบ 5
00:10:34 → 00:10:36 หมู่นะครับนะแล้วก็พักผ่อนให้เต็มที่นะ
00:10:36 → 00:10:39 ครับแล้วก็ศาลบางอย่างหรือยาหลายๆอย่าง
00:10:39 → 00:10:41 เนี่ยนะครับก็อาจจะส่งผลต่อเส้นประสาทได้
00:10:41 → 00:10:44 นะครับซึ่งบางครั้งจะหลีกเลี่ยงได้ยากแต่
00:10:44 → 00:10:47 ยังศาลบางอย่างเช่นเหล้าอะไรแบบนี้นะครับ
00:10:47 → 00:10:50 นะเหล้าเนี่ยก็ส่งผลต่อเส้นประสาทได้
00:10:50 → 00:10:52 เหมือนกันมันก็ไม่ควรจะหลีกเลี่ยงสารหรือ
00:10:52 → 00:10:54 ยาที่อาจจะส่งผลทำให้เส้นประสาทมันเสื่อม
00:10:54 → 00:10:57 ได้มากขึ้นนะครับอันนี้ก็คงต้องทำหุ้นไป
00:10:57 → 00:11:02 นะครับแล้วก็จริงๆแล้วการที่เราเอ่ออยู่
00:11:02 → 00:11:05 ในวัย 1.1 นะครับซึ่งการตรวจสุขภาพใช่ไหม
00:11:05 → 00:11:07 ครับเขาก็แนะนำว่าให้ตรวจเบาหวานทุกปี
00:11:07 → 00:11:09 อยู่แล้วนะครับเพราะว่าตรงเนี้ยเป็นการ
00:11:09 → 00:11:10 ที่ว่า
00:11:10 → 00:11:14 จะได้รู้ว่าเรามีน้ำตาลแล้วน้ำตาลสูงแล้ว
00:11:14 → 00:11:16 เป็นเบาหวานแล้วเราจะได้คุมระดับน้ำตาล
00:11:16 → 00:11:19 เราให้ดีได้เร็วยิ่งขึ้นนะครับหลายๆคนก็
00:11:19 → 00:11:22 เออปีนี้น้ำตาลสูงไม่เป็นไรยังไม่รักษา
00:11:22 → 00:11:25 ไม่ทันจะปีหน้าว่ากันระหว่างนี้มันก็มี
00:11:25 → 00:11:27 ปัญหาไปเรื่อยเพราะฉะนั้นจริงๆแล้วก็ถ้า
00:11:27 → 00:11:29 พบว่ามีความเป็นจริงแล้วก็แนะนำว่าให้
00:11:29 → 00:11:32 ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลอยู่นะครับว่าควรจะทำ
00:11:32 → 00:11:34 การรักษาอย่างไรอย่าปล่อยทิ้งไว้นานนะ
00:11:34 → 00:11:34 ครับ
00:11:34 → 00:11:36 อาจารย์
00:11:36 → 00:11:40 ระดับน้ำตาลในไหนนะคะระดับไหนที่จะคิดว่า
00:11:40 → 00:11:42 แบบมีส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทนะคะอาจารย์
00:11:42 → 00:11:46 ต้องฆ่าน้ำตาลประมาณเท่าไหร่ครับ
00:11:46 → 00:11:50 แต่ว่าถ้าถ้าเราดูตามระดับการวินิจฉัย
00:11:50 → 00:11:53 ประวัติในคนปกติน้ำตาลก็ไม่ควรจะเกิน 16
00:11:53 → 00:11:55 นะครับถ้ามันเกิน 106 อันนี้หมายถึง Fast
00:11:55 → 00:11:58 ซึ่งปัจจุบันหมายถึงว่าเรางดอาหารงดน้ำ
00:11:58 → 00:12:00 แล้วมันก็ตอนเช้านะครับเป็นคนปกติไม่ควร
00:12:00 → 00:12:03 จะเกิน 106 นะครับในคนเกิดที่เป็นเบาหวาน
00:12:03 → 00:12:05 เนี่ยก็เป็นคนถ้าเกิด 126 ใช่ไหมครับถ้า
00:12:05 → 00:12:07 เกิดเป็นเกิน 126 ก็เป็นเบาหวานเพราะ
00:12:07 → 00:12:10 ฉะนั้นเราก็ต้องข่มให้อยู่ต่ำกว่าค่าที่
00:12:10 → 00:12:13 ค่าที่ค่าที่เอ่อ 126 กันนะครับหรือ 130
00:12:13 → 00:12:14 นะครับ
00:12:15 → 00:12:17 เพราะบางครั้งก็คงต้องคุมกลางๆไม่ได้มี
00:12:18 → 00:12:20 ตัวเลขที่แบบชัดเจนว่าต้องคุมต่ำเท่าไหร่
00:12:20 → 00:12:22 เพราะบางทีการที่คุมน้ำตาลต่ำเกินไปก็อาจ
00:12:22 → 00:13:40 จะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้เหมือนกัน
00:13:40 → 00:13:44 ผมต้องมาให้แพทย์ตรวจแล้วก็ดูอีกทีนึงว่า
00:13:44 → 00:13:46 อาการปวดดังกล่าวเนี่ยมันน่าจะเป็นจากตัว
00:13:46 → 00:13:49 รอยโรคที่ลากประสาทที่บริเวณตรงคอเช่นที่
00:13:49 → 00:13:51 เราเจอบ่อยก็คือหมอนรองกระดูกทับเส้น
00:13:51 → 00:13:54 ประสาทหรืออาจจะเป็นจากตัวพังผืดทับเส้น
00:13:54 → 00:13:57 ประสาทที่ข้อมือเช่นพวกเขาเพราะถนนอะไร
00:13:57 → 00:13:59 พวกนี้นะครับซึ่งซึ่งจากการซักประวัติ
00:13:59 → 00:14:01 ตรวจร่างกายก็อาจจะพอแยกกันได้อยู่ครับ
00:14:01 → 00:14:04 อ๋อก็คือลักษณะอาการถ้าอย่างที่คุณผู้ฟัง
00:14:04 → 00:14:07 ท่านนี้สอบถามมาเนี่ยแนะนำว่าไปพบแพทย์ดี
00:14:07 → 00:14:10 กว่าเพื่อว่าจะได้วินิจฉัยได้จับได้ตรวจ
00:14:10 → 00:14:12 กันให้มันละเอียดมากยิ่งขึ้นใช่ไหมครับ
00:14:12 → 00:14:13 คุณหมอครับ
00:14:13 → 00:14:17 เพราะว่าบางทีโรคคนละตำแหน่งกันจะมาด้วย
00:14:17 → 00:14:20 อาการคล้ายๆกันได้นะครับ
00:14:20 → 00:14:24 คุณหมอครับมีอะไรคุณผู้ฟังทางบ้านก็แสดง
00:14:24 → 00:14:25 ความเห็นมาเหมือนกันเรื่องของการนอนหลับ
00:14:25 → 00:14:28 ถ้าทับแขนตัวเองแล้วแบบมันมีอาการชาเนี่ย
00:14:28 → 00:14:31 แล้วอยู่ๆมันก็หายไปแต่ว่าถ้ามันเกิดใน
00:14:31 → 00:14:35 ลักษณะแบบนี้บ่อยๆขึ้นเนี่ยมันจะนำพาไป
00:14:35 → 00:14:37 สู่เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้บ้าง
00:14:37 → 00:14:39 ไหมครับ
00:14:39 → 00:14:42 ส่วนใหญ่ก็ตรงนี้เนี่ยมันก็ขึ้นอยู่กับ
00:14:42 → 00:14:45 ระยะเวลาการกดทับด้วยนะครับซึ่งถ้าการกด
00:14:45 → 00:14:47 ทับไปเนี่ยนานก็ไม่ดีนะครับอย่างเช่นยก
00:14:47 → 00:14:50 ตัวอย่างอย่างคนไข้ที่กินเหล้าแล้วเมา
00:14:50 → 00:14:52 แล้วหลับอย่างที่เราเคยเห็นกันที่แบบ
00:14:52 → 00:14:55 นะครับพอนึกภาพออกใช่มั้ยฮะ
00:14:55 → 00:14:58 แขนก็ยืดไปพลาดไปกับขอบโต๊ะนะครับแล้วก็
00:14:58 → 00:15:00 หลับคาโต๊ะไปเลยซึ่งบางทีก็หลับตั้งแต่
00:15:00 → 00:15:03 เที่ยงคืนยัน 6 โมงเช้าอะไรประมาณนี้นะ
00:15:03 → 00:15:07 ครับตื่นมาก็จะมีแบบประมาณข้อมือตกนะครับ
00:15:07 → 00:15:09 อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของการที่เส้นประสาท
00:15:09 → 00:15:14 ถูกกดทับนานเกินไปนะครับซึ่งถ้ามันถูกกด
00:15:14 → 00:15:17 ทับไม่นานแล้วก็พอเราพอเราพอเราตื่นมาเรา
00:15:17 → 00:15:20 เปลี่ยนบทนะครับอาการ
00:15:20 → 00:15:22 แล้วการชาหรืออาการอ่อนแรงมันก็จะดีขึ้น
00:15:22 → 00:15:25 ได้ในเวลาเร็วรวดเร็วนะครับแต่ถ้าเกิดว่า
00:15:25 → 00:15:28 เป็นกดทับนานๆมากเนี่ยบางทีมันใช้เวลา
00:15:28 → 00:15:30 เป็นสัปดาห์เป็นเดือนในกว่าจะฟื้นตัวนะ
00:15:30 → 00:15:33 ครับหรือว่าบางทีอาจจะไม่ไม่ปกตินะครับ
00:15:33 → 00:15:36 นึกถึงนึกถึงอาการก็อย่างเช่นเวลาเราไป
00:15:36 → 00:15:39 นั่งไหว้พระสวดมนต์
00:15:39 → 00:15:43 นั่งขัดสมาธินะครับเวลาเรานั่งสวดมนต์สัก
00:15:43 → 00:15:44 ครึ่งชั่วโมงเราจะเริ่มเป็นแบบเป็นชาเรา
00:15:45 → 00:15:47 จะต้องพยายามและใช่มั้ยฮะอันนั้นก็คือ
00:15:47 → 00:15:50 เส้นประสาทเริ่มส่งสัญญาแล้วว่ามันถูกกด
00:15:50 → 00:15:53 ทับนานเกินไปละนะครับซึ่งบางทีเราแบบเอ่อ
00:15:53 → 00:15:56 ต้องสำรวมมากๆแล้วก็เราไม่สามารถขยับไป
00:15:56 → 00:15:59 เปลี่ยนท่าได้เลยบางทีพอเสร็จเสร็จสวด
00:15:59 → 00:16:01 มนต์เสร็จแล้วเราจะลุกเนี่ยบางทีมันชา
00:16:01 → 00:16:05 แล้วบางทีขาเราแข็งขยับลำบากเลยใช่มั้ยฮะ
00:16:05 → 00:16:08 อันนั้นคือคือการที่มันมีอาการปวดอาการ
00:16:08 → 00:16:10 ชาเลนคืออาการเตือนซึ่งเป็นคนปกติเนี่ย
00:16:10 → 00:16:14 ถ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องของตัวการใช้ยานอน
00:16:14 → 00:16:16 หลับหรือว่าเรื่องของตัวเขาเรียกอะไรนะ
00:16:16 → 00:16:19 ทานเหล้าเมาจนไม่รู้สึกตัวเลยเนี่ยเราก็
00:16:19 → 00:16:22 จะมีการเปลี่ยนท่าทางเปลี่ยนอิริยาบถตลอด
00:16:22 → 00:16:24 เวลานะครับ
00:16:24 → 00:16:27 ครับแต่ว่าบางทีเราแบบทานยาที่มีฤทธิ์
00:16:27 → 00:16:29 ง่วงหรือว่าทานเหล้าเนี่ยบางทีมันก็หลับ
00:16:29 → 00:16:31 อยู่ในท่าเดินมานานเนี่ยอันนี้มันก็ทำให้
00:16:31 → 00:16:33 เกิดปัญหาของเส้นประสาททุกคนทำได้ซึ่ง
00:16:33 → 00:16:36 ความรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการกด
00:16:36 → 00:16:38 ทับ
00:16:38 → 00:16:41 ไปนานๆมันจะเป็นพังผืดนะคะอาจารย์
00:16:41 → 00:16:44 มันไม่ได้เป็นพังผืดครับเราก็ลองนึกถึง
00:16:45 → 00:16:48 เราลองนึกถึงรากต้นไม้นะครับเวลาเราอินไป
00:16:48 → 00:16:51 ทับมันใช่ไหมครับถ้าเรายกขึ้นมาเร็วๆมัน
00:16:51 → 00:16:53 ก็ฟื้นตัวได้แต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:16:53 → 00:16:56 ทิ้งมันไว้นานๆเป็นสัปดาห์แล้วเราค่อยเอา
00:16:56 → 00:16:58 มายกมันขึ้นมาเนี่ยบางทีเวลาเรากลับมารด
00:16:58 → 00:17:01 น้ำใส่ปุ๋ยใหม่มันก็อาจจะไม่ได้เจริญงอก
00:17:01 → 00:17:03 งามดีเหมือนเดิมนะครับเส้นประสาทก็เหมือน
00:17:03 → 00:17:06 กันบางทีถ้ามันกดทับนานมากอะไรพวกนี้นะ
00:17:06 → 00:17:10 ครับนะมันก็ทำให้เส้นประสาทขาดเลือดเส้น
00:17:10 → 00:17:12 ประสาทใยประสาทที่อยู่ในเส้นประสาทเนี่ย
00:17:12 → 00:17:13 มันก็ถูกทำลายไป
00:17:13 → 00:17:16 อาการชาอาการอ่อนแรงมันอาจจะดีขึ้นได้
00:17:16 → 00:17:39 100% นะครับ
00:17:39 → 00:17:42 คือถ้ามีพฤติกรรมในลักษณะแบบนี้กันอยู่
00:17:42 → 00:17:46 มันต้องบ่อยขนาดไหนมันจะนำพาไปสู่เรื่อง
00:17:46 → 00:17:49 ของอาการไม่พึงประสงค์ที่มันจะตามมาได้ฮะ
00:17:49 → 00:17:54 คุณหมอฮะ
00:17:54 → 00:17:57 ขอแค่ครั้งเดียวถ้ามันนานพอนี่มันก็จะนำ
00:17:57 → 00:18:00 ไปสู่เรื่องของโรคได้เลยล่ะครับหมอหมอ
00:18:00 → 00:18:03 ถูกต้องครับ
00:18:03 → 00:18:06 เผื่อว่าวันใดวันหนึ่งผมอาจจะเกิดความผิด
00:18:06 → 00:18:09 พลาดตรงนี้ขึ้นมาว่ามันอาจจะต้อง
00:18:09 → 00:18:11 คิดถึงขนาดไหนเผื่อว่าจะได้บอกคนรอบข้าง
00:18:12 → 00:18:14 ให้ให้ปลุกผมให้อะไรอย่างเงี้ยเปลี่ยนท่า
00:18:14 → 00:18:17 ทางการนอนได้บ้างครับคุณหมอฮะเราก็ไม่ควร
00:18:17 → 00:18:20 นอนในท่าที่มันที่มันผิดสุขลักษณะที่มี
00:18:20 → 00:18:24 การลักษณะการกดทับนะครับอย่างเช่นก็ยัง
00:18:24 → 00:18:25 จากท่าดังกล่าวที่พบกับโต๊ะอะไรพวกนี้นะ
00:18:25 → 00:18:26 ครับ
00:18:26 → 00:18:29 ถ้าจะช่วยเพื่อนสักนิดนึงก็จับให้เขานอน
00:18:29 → 00:18:31 ในท่าปกตินะครับ
00:18:31 → 00:18:34 ถ้ามีใครช่วยดีก็คือให้นอนปกติไม่ต้องแบบ
00:18:34 → 00:18:44 ตะแคงอะไรนานเกินไปนอนราบนั่นเอง
00:18:44 → 00:18:49 แต่ว่า
00:18:49 → 00:18:52 ก็เลยกลัวไว้ก่อนครับคุณหมอครับบางทีนะฮะ
00:18:52 → 00:18:57 คืนวันเสาร์ต่อเช้าวันอาทิตย์
00:18:57 → 00:19:02 เรื่องของอาการชาครับคุณหมอฮะคือคุณผู้
00:19:02 → 00:19:05 ฟังถามว่าคือมันต้องชาจนถึงขั้นไหนที่เรา
00:19:05 → 00:19:09 ควรจะต้องรู้สึกตัวได้แล้วว่าควรจะต้องไป
00:19:09 → 00:19:14 พบแพทย์ได้แล้วครับคุณหมอฮะครับ
00:19:14 → 00:19:17 เพราะจริงๆด้วยธรรมชาติคนเรานะครับเอ่อ
00:19:17 → 00:19:20 ชอบชอบ
00:19:20 → 00:19:23 ให้เกิดการกดทับอ่ะนะครับซึ่งพวกเนี้ย
00:19:23 → 00:19:26 เวลาเราเปลี่ยนถ้าเราจะปลดแล้วเนี่ยอาการ
00:19:26 → 00:19:28 ชามันก็จะดีขึ้นหรือหายไปนะครับเพราะ
00:19:28 → 00:19:30 ฉะนั้นเนี่ยอาจจะไม่น่ากังวลมากแต่ขอคน
00:19:30 → 00:19:33 ต้องระมัดระวังว่าควรจะหลีกเลี่ยงถ้าถ้า
00:19:33 → 00:19:36 ที่ก่อให้เกิดการกดทับนะครับแต่อาการชา
00:19:36 → 00:19:38 จากเดิมที่มันเป็นไปในหายๆดูแบบไม่ชัดเจน
00:19:38 → 00:19:42 อะไรพวกนี้นะครับแล้วก็มันกลายเป็นว่าชา
00:19:42 → 00:19:45 ตลอดหนาวตลอดนะครับอันนี้ก็น่าจะรีบมาพบ
00:19:45 → 00:19:47 แพทย์ได้แล้วนะครับถึงแม้มันจะมีแค่การ
00:19:47 → 00:19:49 ใช้อย่างเดียวเพราะว่าบางทีถ้าเราค้นหา
00:19:49 → 00:19:51 สาเหตุได้เร็วให้การรักษาที่ถูกต้องอาการ
00:19:51 → 00:19:54 ชาดังกล่าวก็อาจจะหายไปได้นะครับ
00:19:54 → 00:19:58 วิธีการ Test จะแนะนำว่าวิธีการเทสว่าเรา
00:19:58 → 00:20:01 จะ Test อาการชาด้วยของเรายังไงเพราะว่า
00:20:01 → 00:20:04 จริงๆอาการชาเนี่ยมันค่อนข้างภาษาไทยมัน
00:20:04 → 00:20:07 กว้างมากเลยนะครับบางทีไปออกกำลังกายเล่น
00:20:07 → 00:20:09 กีฬาอันดับ 7 ฟุตบอลดังๆมาแล้วก็รู้สึก
00:20:09 → 00:20:11 แบบปวดกล้ามเนื้อมันก็รู้สึกแบบเหมือนตึง
00:20:11 → 00:20:14 ๆเข้ามาแบบได้ด้วยอาการแบบชาอะไรกินไม่
00:20:14 → 00:20:17 ช้าเป็นแค่ปวดกล้ามเนื้อเฉยๆนะครับพี่เคท
00:20:17 → 00:20:20 ง่ายๆคือเราก็ต้องมาพิจารณาก่อนว่าตอนนี้
00:20:20 → 00:20:23 เรามีอาการชาที่ตำแหน่งไหนถูกมั้ยฮะเช่น
00:20:23 → 00:20:26 เส้นอย่างเราช้ารู้สึกว่าเราชาร์จที่มือ
00:20:26 → 00:20:29 ด้านซ้ายนะครับเราก็อาจจะใช้มือเราเรียน
00:20:29 → 00:20:32 รูปสัมผัสเทียบด้านทางด้านขวาเพราะว่า
00:20:32 → 00:20:35 อาการชาเนี่ยมันไม่สามารถตรวจวัดได้มัน
00:20:35 → 00:20:36 เป็นสิ่งที่คนไข้
00:20:36 → 00:20:40 รู้สึกและประเมินแล้วแจ้งเราถูกไหมฮะ
00:20:40 → 00:20:41 เพราะฉะนั้นเราต้องเทียบค่าที่มันปกติ
00:20:41 → 00:20:44 เช่นรู้สึกว่าข้างซ้ายผิดปกติหนาๆก็เอา
00:20:44 → 00:20:47 มือรูปข้างซ้ายดูซิว่ารู้สึกยังไงแล้วก็
00:20:47 → 00:20:50 เทียบกับลูกกับข้างขวาดูรั่วความรู้สึก
00:20:50 → 00:20:52 มันแตกต่างกันไหมอะไรประมาณนี้นะครับหรือ
00:20:52 → 00:20:54 ว่าไม่งั้นอาจจะใช้อุปกรณ์ที่ใกล้ตัว
00:20:54 → 00:20:56 อย่างเช่นไม้จิ้มฟันนะครับจิ้มเบาๆที่มือ
00:20:56 → 00:20:58 ซ้ายทีทิ่มมือขวาทีเดียวตำแหน่งเดียวกัน
00:20:58 → 00:21:00 นะครับเชื่อว่าการรับความรู้สึกมันแตก
00:21:00 → 00:21:03 ต่างกันไหมนะครับถ้ามันถ้ามันชาหรือมี
00:21:03 → 00:21:06 ความรู้สึกน้อยลงเนี่ยอย่างเช่นข้างขวาจะ
00:21:06 → 00:21:08 รู้สึกแหลมปกติใช่มั้ยฮะแต่ข้างซ้ายแทน
00:21:08 → 00:21:11 ที่จะรู้สึกแบบก็อาจจะรู้สึกแบบหนาๆนะ
00:21:11 → 00:21:13 อะไรประมาณเนี้ยหรือไม่รู้สึกเลยนะครับ
00:21:13 → 00:21:17 หรือว่าการรับรู้อุณหภูมิมันผิดปกติไป
00:21:17 → 00:21:20 อย่างเช่นถ้าซีกซ้ายเวลาเราอาบน้ำข้างสระ
00:21:20 → 00:21:23 ข้างขวาก็ยังปกติแต่ข้างซ้ายอาจจะไม่รู้
00:21:23 → 00:21:25 สึกถึงอุณหภูมิที่มันเย็นอะไรประมาณนี้นะ
00:21:25 → 00:21:29 ครับก็ต้องเทียบกับต้องดูคนอื่นเราต้อง
00:21:29 → 00:21:32 ประเมินว่าตรงไหนปกตินะครับแล้วก็เทียบ
00:21:32 → 00:21:33 กับอีกข้างนึงนะครับ
00:21:33 → 00:21:37 ที่มันครับในตำแหน่งเดียวกันครับอันนี้ก็
00:21:37 → 00:21:39 เป็นการประเมินด้วยตัวเองคร่าวๆนะครับ
00:21:39 → 00:21:42 อ๋อเบื้องต้นก่อนก็คือไม่ว่าจะเป็นตาม
00:21:42 → 00:21:45 นิ้วมือหรือว่านิ้วเท้านั่นก็คือควรจะ
00:21:45 → 00:21:48 ต้องเปรียบเทียบกันของทั้งสองข้างข้างนึง
00:21:48 → 00:21:50 อาจจะเป็นข้างนึงอาจจะไม่เป็นว่ามันมี
00:21:50 → 00:21:53 ความแตกต่างกันขนาดไหนแบบนี้ใช่ไหมฮะคุณ
00:21:53 → 00:21:57 หมอใช่ครับถ้าเกิดเป็นโรคของปลายประสาทชา
00:21:57 → 00:21:59 ทั้งปลายมือปลายเท้าของท่านจะเช็คยังไง
00:21:59 → 00:22:01 ใช่ไหมครับตรงนี้ก็เช็คตำแหน่งที่ปลาย
00:22:01 → 00:22:04 นิ้วมือกับส่วนที่ต้นเส้นต้นแขนหรือต้นขา
00:22:04 → 00:22:07 อะไรประมาณนี้นะครับเทียบกันแต่จริงๆ
00:22:07 → 00:22:09 เพราะจริงๆแล้วเส้นประสาทเนี่ยที่บริเวณ
00:22:09 → 00:22:11 ปลายมือปลายเท้าจะมีเยอะกว่าปกติจริงการ
00:22:11 → 00:22:13 รับความรู้สึกที่ปลายมือปลายเท้าจะดีกว่า
00:22:13 → 00:22:16 ต้นแขนต้นขาอยู่แล้วนะครับแต่ถ้าเราไม่
00:22:16 → 00:22:19 ถ้าเรามีปัญหาจริงๆเพราะฉะนั้นเราเอามา
00:22:19 → 00:22:21 ที่ fantast ปลายมือเท่านั้นนะครับแต่พอ
00:22:21 → 00:22:23 เวลาจิ้มที่ต้นแขนก็รู้สึกว่ามันแรงตอน
00:22:23 → 00:22:25 นี้นะครับอันนี้ก็เป็นการประเมินตัวเอง
00:22:25 → 00:22:29 คร่าวๆนะครับอ่าค่ะใช่
00:22:29 → 00:22:34 คุณหมอครับอาการเรื่องของชาตามนิ้วมือ
00:22:34 → 00:22:38 นิ้วเท้าเนี่ยคุณหมอฮะรักษาแล้วเนี่ยมัน
00:22:38 → 00:22:41 สามารถหายขาดได้เลยไหมครับหรือว่ามันมัน
00:22:41 → 00:22:46 แค่ประคองอาการไม่ให้มันมีอาการชาบ่อยมาก
00:22:46 → 00:22:49 ยิ่งขึ้นนะฮะจริงๆขึ้นอยู่กับสาเหตุมาก
00:22:49 → 00:22:51 กว่าครับถ้าเกิดเป็นเบาหวานและอย่างเช่น
00:22:51 → 00:22:53 เป็นเบาหวานมานานแล้วเป็นเบาหวานมา 10 ปี
00:22:53 → 00:22:57 แต่ไม่คุ้มเลยพอเริ่มมีอาการชาพอถึงแม้จะ
00:22:57 → 00:22:58 ไปรักษาเบาหวานให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
00:22:59 → 00:23:03 มันก็อาจจะช่วยแค่ว่าไม่ทำให้ตัวโรคเนี่ย
00:23:03 → 00:23:04 เป็นมากขึ้นคือช้ามากขึ้นเริ่มมีอาการ
00:23:04 → 00:23:07 อ่อนแรงในอนาคตซึ่งในข้อมูลต่างประเทศก็
00:23:07 → 00:23:09 เพราะว่าอาจจะดีขึ้นบ้างนิดหน่อยนะครับ
00:23:09 → 00:23:11 แต่คงไม่ได้หายผิดปกติใช่ไหมครับแต่ถ้า
00:23:11 → 00:23:14 เกิดว่าเราเกิดภาวะเช่นเราขาดสารอาหาร
00:23:14 → 00:23:16 อะไรประมาณนี้นะครับเช่นกินเจกิน
00:23:16 → 00:23:19 มังสวิรัติตลอดเลยนะครับก็ขายวิตามินบี 12
00:23:19 → 00:23:24 นี่ไม่ได้ใช่มั้ยฮะเราพบได้เร็วอะไรพวก
00:23:24 → 00:23:27 นี้แล้วเราสามารถเอ่อแก้ไขปัญหาเช่นกลับ
00:23:27 → 00:23:29 มากินเนื้อสัตว์เหมือนเดิมรวมถึงทาง
00:23:29 → 00:23:32 วิตามินบี 2 ทดแทนเรื่องนี้นะครับอาการก็
00:23:32 → 00:23:34 อาจจะกลับมาเป็นปกติได้นะครับหรือเส้น
00:23:34 → 00:23:37 ประสาทอักเสบถ้าได้รับการรักษาถูกต้องก็
00:23:37 → 00:23:40 อาจจะมีโอกาสที่จะอาการอ่อนแรงหรืออาการ
00:23:40 → 00:23:42 ชากลับมาใกล้เคียงของเดิมได้นะครับ
00:23:42 → 00:23:45 ใช้คำว่าแค่ใกล้เคียงของเดิมแสดงว่ามันก็
00:23:45 → 00:23:49 ยังหายไม่ขาดใช่ไหมครับคุณหมอครับบางที
00:23:49 → 00:23:52 บางโรคมันก็อาจจะไม่ได้หาย 100% อาจจะมี
00:23:52 → 00:23:54 รอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่บ้างอาจทำให้มี
00:23:54 → 00:23:57 ความผิดปกติลงหรืออยู่บ้างเพราะฉะนั้นก็
00:23:57 → 00:23:59 อย่างที่อย่างที่อย่างที่เรียนก็คือว่า
00:23:59 → 00:24:01 ไม่เป็นโรคดีที่สุดนะครับ
00:24:01 → 00:24:04 ที่อาจารย์ยกตัวอย่างว่าเราเอากระถางต้น
00:24:04 → 00:24:07 ไม้ไปทับรากใช่ไหมคะสมมุติว่าถ้าเกิดราก
00:24:07 → 00:24:10 ต้นไม้ถูกทับแม้ว่าเราจะเอาอิฐเอาหินหรือ
00:24:10 → 00:24:12 ว่าเอากระถางอะไรตรงอื่นออกไปแล้วแต่ว่า
00:24:12 → 00:24:14 รากอันนั้นมันก็ไม่สามารถเติบโตได้อย่าง
00:24:14 → 00:24:16 เต็มที่ใช่ไหมคะ
00:24:16 → 00:24:19 ใช่ครับ
00:24:19 → 00:24:23 เป็นภาษาสวนละเวลามันฟื้นตัวใหม่จะไม่
00:24:23 → 00:24:24 100% นะครับ
00:24:24 → 00:24:27 อืมถ้าอย่างนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วกินดี
00:24:27 → 00:24:32 12 บีรวมก็ไม่ช่วย
00:24:32 → 00:24:34 ถ้าเกิดว่าเป็นเบาหวานไปกินวิตามินบี
00:24:34 → 00:24:35 อย่างเดียว
00:24:35 → 00:24:38 ถูกไหมครับจริงๆแล้วอยากจะเน้นให้มาตรวจ
00:24:39 → 00:24:41 วินิจฉัยหาสาเหตุแล้วก็แก้ไขตรงสาเหตุมาก
00:24:41 → 00:24:45 กว่านะครับ
00:24:45 → 00:24:48 รบกวนถามอาจารย์แบบนี้เพราะว่าเมื่อกี้
00:24:48 → 00:24:51 ที่อาจารย์บอกว่ามียาบางชนิดที่กินแล้วจะ
00:24:51 → 00:24:54 ทำให้เกิดอาการชาได้ก็เลยอยากทราบว่ายา
00:24:54 → 00:24:56 อะไรบ้างคะที่กินมากไปแล้วมันจะทำให้เกิด
00:24:56 → 00:24:58 อาการชานะคะ
00:24:58 → 00:25:01 อ๋อจริงๆอันนี้พบได้น้อยนะครับยาที่มี
00:25:01 → 00:25:03 ปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นพวกยาเคมีบำบัดนะครับ
00:25:03 → 00:25:06 อยากจะเป็นเหมือนที่เรารักษาพวกคนไข้ที่
00:25:06 → 00:25:10 เป็นมะเร็งนะครับเพราะตรงนี้เนี่ยก็ต้อง
00:25:10 → 00:25:12 ยอมรับว่าเซลล์ประสาทเนี่ยมันห้าง
00:25:12 → 00:25:16 sensitive แล้วก็ยาพวกยาที่รักษามะเร็ง
00:25:16 → 00:25:19 บางตัวไม่ใช่ทุกตัวนะครับบางตัวนะครับก็
00:25:19 → 00:25:21 อาจจะไปทำลายเซลล์ประสาทที่รับความรู้สึก
00:25:21 → 00:25:24 กับถ้าทำให้มีอาการชาได้นะครับตรงนี้นะ
00:25:24 → 00:25:26 ครับ
00:25:26 → 00:25:28 คุณหมอครับมีคุณผู้ฟังสงสัยเหมือนกันว่า
00:25:28 → 00:25:32 ถ้าหากเป็นอาการเหล่านี้ขึ้นมาเนี่ยค่า
00:25:32 → 00:25:34 รักษาเกี่ยวกับเรื่องของ
00:25:34 → 00:25:39 ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้าเนี่ยมันแพงไหมครับ
00:25:39 → 00:25:41 จริงๆมันขึ้นอยู่กับสาเหตุมากกว่านะครับ
00:25:41 → 00:25:44 ซึ่งจริงบางครั้งการรักษาก็คือแค่จริงๆ
00:25:44 → 00:25:46 เราก็คุมอย่างง่ายๆเลยเขียนประวัตินะครับ
00:25:46 → 00:25:49 รักษาไปได้ดีอะไรมากมายคือเราคุมน้ำตาล
00:25:49 → 00:25:51 ที่อยู่ในเกณฑ์ปกตินะครับกินอาหารครบ 5
00:25:51 → 00:25:53 หมู่พักผ่อนออกกำลังกายให้เต็มที่เท่า
00:25:53 → 00:25:55 นั้นเองนะครับจึงมันอาจจะไม่ได้มีค่าใช้
00:25:55 → 00:25:57 จ่ายอะไรเพิ่มเติมเลยก็ได้นะครับในส่วน
00:25:57 → 00:26:01 นี้นะครับแต่ว่าจะเห็นว่าผมพยายามจะเน้น
00:26:01 → 00:26:02 ว่าอะไรที่มันไม่ดีต่อร่างกายเราก็พยายาม
00:26:02 → 00:26:05 หลีกเลี่ยงไปอย่างเช่นเต้าหู้บุหรี่ซึ่ง
00:26:05 → 00:26:07 มันไม่ดีอย่างนี้นะครับนะเพราะว่ามันไม่
00:26:07 → 00:26:09 ได้ทำให้เกิดปัญหาแค่เส้นประสาทอย่าง
00:26:09 → 00:26:11 เดียวมันอาจจะทำให้เกิดตับแข็งเกิดมะเร็ง
00:26:11 → 00:26:13 ตับเกิดมะเร็งปอดเกิดเส้นเลือดสมองตีบ
00:26:13 → 00:26:16 อะไรพวกเนี้ยนะครับในพวกนี้เราเป็นสิ่ง
00:26:16 → 00:26:19 ที่มันไม่ดีต่อร่างกายเราควรจะหลีกเลี่ยง
00:26:19 → 00:26:22 ไปกว่าจะควรจะป้องกันมากกว่าคืออย่างที่
00:26:22 → 00:26:25 อย่างที่จับใจความที่ผมพูดได้บางทีเป็น
00:26:25 → 00:26:30 แล้วมันเวลารักษาหายไป 100% แล้วจริงหรือ
00:26:30 → 00:26:32 สิ่งที่ผมอยากจะเน้นมากกว่าคือการป้องกัน
00:26:32 → 00:26:35 ไม่ให้การเกิดโรคมากกว่านะครับ
00:26:35 → 00:26:39 คือเพราะฉะนั้นเข้ามา
00:26:39 → 00:26:41 คือฉะนั้นแล้วช่วงท้ายครับคุณหมอถ้าคุณ
00:26:41 → 00:26:42 หมอบอกว่า
00:26:42 → 00:26:45 ไอ้การรักษาถ้าเป็นแล้วเนี่ยต่อให้รักษา
00:26:45 → 00:26:49 กันดีกันถี่เก่งขนาดไหนก็ไม่สามารถกลับมา
00:26:49 → 00:26:52 ได้ 100% วิธีการป้องกันก็คือไม่เป็นเลย
00:26:52 → 00:26:54 จะดีที่สุดเพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากไม่อยาก
00:26:54 → 00:26:58 จะมีอาการลักษณะอย่างที่คุณหมอได้อธิบาย
00:26:58 → 00:27:01 ให้เราฟังวิธีการในการที่จะป้องกันครับ
00:27:01 → 00:27:03 อย่าให้คุณหมอเน้นย้ำกันอีกสักครั้งหนึ่ง
00:27:03 → 00:27:07 เรื่องของการที่จะทำตัวอย่างไรให้ห่างไกล
00:27:07 → 00:27:10 จากอาการชาตามนิ้วมือนิ้วเท้าจนนำไปสู่
00:27:10 → 00:27:12 เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บหรือว่าอาการที่
00:27:12 → 00:27:15 มันอาจจะหนักหนาสาหัสตามมามากกว่านี้ฮะ
00:27:15 → 00:27:19 ครับก็วันนี้ก็อาจจะพูดในเฉพาะในประเด็น
00:27:19 → 00:27:21 ของเส้นประสาทแล้วกันนะครับเส้นประสาท
00:27:21 → 00:27:23 เนี่ยก็เราก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรม
00:27:23 → 00:27:26 ที่มันทำให้เกิดการกดรับของเส้นประสาท
00:27:26 → 00:27:30 เช่นเราชอบนั่งเอ่อเอากรอกเท้าโต๊ะไปพัก
00:27:30 → 00:27:32 ตามนู้นตามนี้ใช่ไหมครับนั่งไขว่ห้างนะ
00:27:32 → 00:27:35 ครับคือว่าการที่เราต้องใช้งานข้อมือเยอะ
00:27:35 → 00:27:38 ๆนะครับมีการหาข้อมูลเยอะๆตรงนี้มันจะ
00:27:38 → 00:27:40 กระตุ้นให้เกิดเขาเรียกว่าเป็นพังผืดทับ
00:27:40 → 00:27:43 เส้นพังผืดบรรดาตัวที่ข้อมือเกิดการกดทับ
00:27:43 → 00:27:45 เส้นประสาทหรือขับออฟโรดนะฮะอันนี้เราก็
00:27:45 → 00:27:47 ต้องพยายามหลีกเลี่ยงนะครับแล้วก็สาเหตุ
00:27:47 → 00:27:49 ของโรคตัวโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เจอได้
00:27:49 → 00:27:51 บ่อยที่สุดนะครับในความ
00:27:51 → 00:27:54 เพราะฉะนั้นเราก็ควรต้องตรวจเช็คสุขภาพ
00:27:54 → 00:27:57 ประจำปีแล้วก็ทานของหวานแต่พอเหมาะนะครับ
00:27:57 → 00:28:00 แล้วก็ถ้ามีเบาหวานก็ควรจะรักษาซะนะครับ
00:28:00 → 00:28:03 แล้วก็การออกกำลังกายก็ดีต่อสุขภาพอยู่
00:28:03 → 00:28:05 แล้วใช่ไหมครับแล้วก็อีกอันหนึ่งคือ
00:28:05 → 00:28:07 วิตามินบีเนี่ยอย่างเช่น B1 หรือปี 12
00:28:07 → 00:28:10 เนี่ยนะครับน้ำมันมีความจำเป็นต่อการทำ
00:28:10 → 00:28:12 งานของเส้นประสาทนะครับซึ่งมันจะมีอะไร
00:28:12 → 00:28:15 บ้างนะครับจริงๆก็มีอยู่ในข้าวที่เป็นพวก
00:28:15 → 00:28:17 ธัญพืชอะไรพวกนี้นะครับข้าวที่แบบซ้อมมือ
00:28:17 → 00:28:20 อะไรพวกนี้นะครับรวมถึงเนื้อสัตว์ต่างๆ
00:28:20 → 00:28:22 ด้วยนะครับเพราะฉะนั้นก็เห็นว่าผมจะเน้น
00:28:22 → 00:28:24 เรื่องของตัวทานอาหารครบ 5 หมู่อะไร
00:28:24 → 00:28:27 ประมาณนี้นะครับให้ครบให้ครบถ้วนนะครับ
00:28:27 → 00:28:31 แล้วก็หลีกเลี่ยงยาหรือว่าอ่าหรือสิ่งที่
00:28:31 → 00:28:33 อาจจะส่งผลต่อร่างที่ไม่ดีต่อร่างกายไป
00:28:33 → 00:28:37 ทั้งเหล้าทั้งบุหรี่นะครับครับการทาน
00:28:37 → 00:28:40 วิตามินเสริมเนี่ยมันๆจะตอนที่เราอาจจะ
00:28:40 → 00:28:43 ยังไม่เป็นยังไม่มีอาการเนี่ยมันพอจะช่วย
00:28:43 → 00:28:46 บรรเทาถ้าหากมันเกิดได้บ้างไหมครับคุณหมอ
00:28:46 → 00:28:50 ฮะเอ่อจริงๆมันอาจจะไม่ได้ช่วยเลยถ้าเรา
00:28:50 → 00:28:52 ทานอาหารครบ 5 หมู่อยู่แล้วเราไม่ได้มี
00:28:52 → 00:28:55 ภาวะเรื่องของการขาดแคลนอาหารทำไปได้
00:28:55 → 00:28:57 ไม่ได้ไม่ได้ช่วยอะไรตรงในจุดนั้นนะครับ
00:28:57 → 00:29:00 อันธารวิตามินอาจจะเหมาะสำหรับคนไข้บาง
00:29:00 → 00:29:02 กลุ่มอย่างเช่นคนไข้ที่มีแนวโน้มจะขาด
00:29:02 → 00:29:05 เอ่อเขาเรียกอะไรค่ะสารอาหารอยู่แล้ว
00:29:05 → 00:29:08 อย่างเช่นคนไข้บางคนเขาด้วยด้วยด้วย
00:29:08 → 00:29:11 วัฒนธรรมด้วยอะไรก็ต้องกินเจต้องกินแบบ
00:29:11 → 00:29:14 เป็นเม็ดที่เป็นอะไรมันมังสวิรัติใช่ไหม
00:29:14 → 00:29:17 ฮะกินแบบไม่ทานเนื้อสัตว์เลยไม่ทาน
00:29:17 → 00:29:21 ผลิตภัณฑ์จากจากสัตว์เลยทั้งไข่ทั้งนม
00:29:21 → 00:29:23 ทั้งเนยทั้งชีสอะไรพวกนี้นะครับซึ่งอัน
00:29:23 → 00:29:25 นี้เขามีแนวโน้มจะเกิดภาวะการขาด
00:29:25 → 00:29:28 วิตามินบี 12 ค่อนข้างสูงนะครับตรงนี้ก็
00:29:28 → 00:29:30 ต้องกันตรงนี้การใช้วิตามินเนี่ยจะช่วย
00:29:30 → 00:29:33 หรือว่าคนไข้บางกลุ่มอย่างเช่นคนไข้ที่
00:29:33 → 00:29:37 ยังคนไข้ที่เป็นคนงานที่ออกเป็นในเอ่อทำ
00:29:37 → 00:29:37 งานใน
00:29:37 → 00:29:41 ในเดือนประมงอะไรพวกนี้นะครับว่าการขาด
00:29:41 → 00:29:43 วิตามินบี 1 นะครับเพราะฉะนั้นการทาน
00:29:43 → 00:29:45 วิตามินบี 1 เสริมหรืออาจจะช่วยสังคมใช้
00:29:45 → 00:29:47 กลุ่มพวกนี้ที่มีแนวโน้มที่จะขาดสารอาหาร
00:29:47 → 00:29:50 อยู่แล้วแต่ในคนทั่วไปที่แข็งแรงดีที่ไม่
00:29:50 → 00:29:52 มีภาวะปัญหาเรื่องของตัวประกันขาดวิตามิน
00:29:52 → 00:29:55 การขายเป็นเสริมอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรนะ
00:29:55 → 00:29:58 ครับแล้วก็บางครั้งเนี่ยการทานวิตามินบี
00:29:58 → 00:30:00 ที่อาจจะเยอะเกินไปก็อาจจะส่งผลต่อเส้น
00:30:00 → 00:30:02 ประสาทได้เหมือนกันนะครับ
00:30:02 → 00:30:04 อืมนะคะ
00:30:04 → 00:30:07 คุณหมอผมขอความรู้นิดนึงของไทยครับมีคน
00:30:07 → 00:30:10 มักจะพูดให้ผมฟังว่าการทานวิตามินบีเนี่ย
00:30:10 → 00:30:14 มันจะทำให้เราทานเยอะขึ้นง่วงนอนง่ายมาก
00:30:14 → 00:30:16 ยิ่งขึ้นนี่ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงนี่มัน
00:30:16 → 00:30:18 ยังไงคุณหมอพอจะอธิบายได้มั้ยฮะอันนี้อัน
00:30:18 → 00:30:20 นี้ก็เคยเล่นคนไข้
00:30:20 → 00:30:23 ไม่มีหลักฐานชัดเจน
00:30:23 → 00:30:25 อ๋ออาจจะรู้สึกไปเองอะไรอย่างนี้ประมาณ
00:30:25 → 00:30:27 นี้นะคุณหมอฮะ
00:30:27 → 00:30:32 ขอวิตามินเพื่อให้เจริญอาหาร
00:30:32 → 00:30:34 ครับเวลาทานวิตามินบีมันจะกินเยอะขึ้น
00:30:34 → 00:30:39 อะไรอย่างนี้ก็ทานได้แต่ก็ทานอย่างเหมาะ
00:30:39 → 00:30:41 สมนะครับแล้วก็ไม่ต้องทานตัวสูงมากเกินไป
00:30:41 → 00:30:45 ทานตามตัวมาตรฐานครับอ๋อโอเคได้ครับวัน
00:30:45 → 00:30:49 นี้ต้องขอขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับที่มา
00:30:49 → 00:30:51 ให้ความรู้กับเรานะครับเรื่องของอาการชา
00:30:51 → 00:30:53 ตามด้วยมือนิ้วเท้าเนาะเป็นปัญหาหรือว่า
00:30:53 → 00:30:56 สัญญาอะไรที่ค่อนข้างน่ากังวลมากมีคำถาม
00:30:56 → 00:30:59 เพิ่มเติมนะครับอันนี้ไม่อันนี้เป็น
00:30:59 → 00:31:01 เรื่องเกี่ยวกับไตอ๋อโอเคงั้นเดี๋ยวเรา
00:31:01 → 00:31:02 เก็บไว้ไว้ครั้งหน้าแล้วกันเนาะให้อย่าง
00:31:02 → 00:31:04 นั้นนะครับผมโอเควันนี้ต้องขอขอบพระคุณ
00:31:04 → 00:31:06 คุณหมอมากๆนะครับที่มาให้ความรู้กับเราใน
00:31:06 → 00:31:08 ค่ำคืนวันนี้นะครับคุณหมอครับ
00:31:08 → 00:31:13 ขอบคุณครับขอบคุณมากๆนะครับสวัสดีครับ