00:00:00 → 00:00:05 สำหรับคนทั่วไป ไม่ได้ช่วยนะครับ ไม่ได้ลดอุบัติการเป็นหวัตหรือพูดง่ายๆก็คือ
00:00:05 → 00:00:11 กินแล้วก็ยังเป็นหวัดได้เหมือนเดิม แต่ลด ระยะเวลาได้เล็กน้อย ในสวีเดนนะครับมีการ
00:00:11 → 00:00:16 ศึกษาในผู้ชายสองหมื่อสามพันกว่าคนที่กิน วิตามินซีขนาด 1,000 มก. จะ
00:00:16 → 00:00:21 เสี่ยงเป็นนิ่วเพิ่มขึ้น 2 เท่า WHO ทำไม ให้น้อยจังอยู่แค่ที่ 45 เองนั่นหมายถึง
00:00:21 → 00:00:28 ว่าถ้าเรากินส้มหรือว่ากีวี่แค่ลูกเดียว อาจจะผลกลางๆหน่อย เราก็จะได้รับวิตามินซี
00:00:28 → 00:00:33 เพียงพอ สวัสดีครับขอต้อนรับเข้าสู่หมออ๊อก บอกเล่า วิตามินซีเป็นวิตามินที่คนใช้กันเยอะ
00:00:33 → 00:00:38 นะครับพูดถึงกันมากในแง่ของการช่วยเสริม สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด หรือว่าเป็น
00:00:38 → 00:00:43 สารต้านอนุมูลอิสระป้องกันมะเร็ง คลิปนี้ หมออ๊อกอยากจะชวนทุกท่านทำความรู้จักกับ
00:00:43 → 00:00:48 วิตามินซีมากขึ้นครับ ว่ากินวิตามินซี 1,000 มก.ดีไหม วิธีกินที่ถูกต้องเนี่ยกิน
00:00:48 → 00:00:54 ยังไง จะใช้วิตามินซีตัวนี้ให้ได้ประโยชน์ มากที่สุดต้องทำแบบไหน แล้วก็ผลข้างเคียง
00:00:54 → 00:01:00 มีอะไรบ้าง คนที่เข้ามาดูเป็นประจำตอนนี้ 89% ยังไม่ได้กดติดตาม ใครที่ยังไม่ได้
00:01:00 → 00:01:06 กดติดตาม รบกวน subscribe กดติดตามเป็น กำลังใจให้หมออ๊อกด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
00:01:06 → 00:01:11 ทุกท่านกินวิตามินซีเสริมกันมั้ยครับ ถ้ากิน กินกี่มก.หรือถ้าไม่กินเพราะอะไร ช่วย
00:01:11 → 00:01:17 เขียนมาบอกกันหน่อยนะครับ วิตามินซีที่ผมจะ พูดถึงในคลิปนี้นะครับ จะเป็นฟอร์มคลาสสิค
00:01:17 → 00:01:22 ก็คือตัว Ascorbic acid วิตามินตัวนี้ เป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ครับ ข้อดีของ
00:01:22 → 00:01:27 วิตามินที่ละลายน้ำก็คือร่างกายเนี่ย สามารถเอาไปใช้ได้ง่ายๆ ไม่เหมือนกับ
00:01:27 → 00:01:33 วิตามินเช่นพวก A D E K ที่ต้องละลายใน ไขมันก่อน ข้อดีอย่างนึงของวิตามินที่ละลาย
00:01:33 → 00:01:39 น้ำนะครับ ก็คือจะไม่สะสมในร่างกายส่วน เกินก็จะถูกขับออกไปทางปัสสาวะได้ วิตามิน
00:01:39 → 00:01:44 ซีเป็นวิตามินที่สัตว์บางชนิดสร้างได้นะ ครับแต่ว่ามนุษย์เราเนี่ยสร้างเองไม่ได้
00:01:44 → 00:01:48 เราก็เลยต้องได้จากอาหารหรือว่าการกิน เสริมเข้าไปเท่านั้น วิตามินซีเป็นวิตามิน
00:01:48 → 00:01:55 ที่จำเป็นมากครับขาดไม่ได้ เพราะว่าจะทำ หน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ และก็ยังทำงานกับ
00:01:55 → 00:01:59 ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย แถมวิตามิน ตัวนี้นะครับยังเป็นปัจจัยร่วมในการทำงาน
00:01:59 → 00:02:05 ของเอนไซม์หลายตัว เช่นในขั้นตอนการสร้าง คอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของ
00:02:05 → 00:02:10 ผิวหนัง กระดูก แล้วก็เส้นเลือด ทำให้ผิวหนัง กระดูก เส้นเลือด มีความแข็งแรง เพราะฉะนั้น
00:02:10 → 00:02:16 ถ้าเราขาดวิตามินซีนะครับ เส้นเลือด เราก็จะเปราะแตกง่าย มีเลือดออกตามไรฟัน
00:02:16 → 00:02:22 แผลหายช้า กระดูกหักง่าย เด็กก็จะโตช้า แล้วก็ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราก็จะทำงานได้
00:02:22 → 00:02:28 ไม่ดี สมัยก่อนที่มีการเดินเรือนะครับอยู่ ในเรือเป็นเวลานานๆคนบนเรือเรือก็จะไม่
00:02:28 → 00:02:34 ได้กินพวกผักสดผลไม้สด ร่างกายเนี่ยก็จะ ขาดวิตามินซีครับ ก็จะมีอาการเหงือกบวมมี
00:02:34 → 00:02:40 เลือดออก ฟันโยก สมัยนั้นคนดัชเนี่ยจะเรียก โรคนี้ด้วยศัพท์ของเขาเองที่หมายถึงโรค
00:02:40 → 00:02:44 ช่องท้องแตก คือมันรุนแรงมากครับ มากจน กระทั่งเส้นเลือดภายในร่างกายเนี่ยเสียหาย
00:02:44 → 00:02:50 จนกระทั่งมีเลือดออกในช่องท้อง หรือว่า บางทีมีเลือดออกในสมองได้ ปัจจุบันภาษา
00:02:50 → 00:02:56 อังกฤษเราใช้คำว่า Scurvy มาจากภาษาอังกฤษ เก่า ที่มาจากรากร่วมภาษานอสโบราณคือคำว่า
00:02:56 → 00:03:02 Scruf หมายถึงผิวหนังที่เป็นสะเก็ดไม่แข็ง แรง ก็คล้ายๆกับภาษาไทยนะครับที่เราใช้คำ
00:03:02 → 00:03:08 ว่าลักปิดลักเปิด ก็เป็นการอธิบายลักษณะ ของผิวหนังเหมือนกันก็คือผิวหนังเป็นแผล
00:03:08 → 00:03:14 เหมือนจะหายแต่ก็เป็นแผลขึ้นอีกไม่หาย สักทีแบบนี้ เพราะว่าร่างกายขาดวิตามินซี
00:03:14 → 00:03:20 ทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรงนั่นเอง เรารู้ว่า วิตามินซีจำเป็นกับร่างกายนะครับและต้อง
00:03:20 → 00:03:25 ได้จากอาหาร เรามาดูกันครับว่าวันนึงเนี่ย เราควรจะกินวิตามินซีเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ
00:03:25 → 00:03:32 และเราจะได้จากอาหารอะไรบ้าง ผมขอยก ตัวอย่างตัวเลขของ WHO แล้วก็ของอเมริกานะ
00:03:32 → 00:03:37 ครับของไทยของยุโรปตัวเลขก็จะใกล้เคียง กับของอเมริกา ตัวเลขจำง่ายๆเลยครับ
00:03:37 → 00:03:44 WHO ตัวเลขจะอยู่ที่ 45 มก.ต่อวัน ส่วน ของอเมริกาเนี่ยตัวเลขก็ 2 เท่าก็คือ
00:03:44 → 00:03:50 ประมาณ 90 มก.ต่อวัน สำหรับคนที่มีน้อง หรือว่าให้นมบุตรอยู่ก็ต้องการเพิ่มขึ้น
00:03:50 → 00:03:55 มากกว่าปกติ คราวนี้เรามาดูกันครับว่าใน ชีวิตประจำวันของเรากินอะไรถึงได้วิตามิน
00:03:55 → 00:04:02 ซีประมาณ 70-90 มก.จากตารางอันเนี้ยนะ ครับก็จะเห็นว่า ผักผลไม้ที่มีวิตามินซี
00:04:02 → 00:04:09 สูงก็อย่างเช่น พริกหวาน ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ บร็อกโคอรี่ ถ้าเรากินพวกนี้แค่
00:04:09 → 00:04:15 100 กรัมนะครับก็จะได้ปริมาณวิตามินซี เพียงพอสำหรับวันนึงแล้ว 100 กรัมก็ไม่
00:04:15 → 00:04:21 ได้เยอะเลยนะครับ สำหรับผักผลไม้อื่นๆก็ ตามนี้เลยนะครับ
00:04:21 → 00:04:27 หรือเราอาจจะกินน้ำส้มประมาณสัก 180 ซีซี ก็คือประมาณเกือบครึ่งขวดชาเขียว หรือว่า
00:04:27 → 00:04:32 อาจจะกินส้มหรือกีวี่ผลกลางๆหน่อยก็จะได้ วิตามินซีใกล้เคียงกับที่ควรได้ต่อวัน
00:04:32 → 00:04:38 แล้วตามมาตรฐานของอเมริกา ทุกคนสังเกตใช่ ไหมครับว่าตัวเลขของ WHO ทำไมให้น้อยจัง
00:04:38 → 00:04:44 อยู่แค่ที่ 45 เองคือประมาณครึ่งนึงของ ตัวเลขของอเมริกาหรือของยุโรปของไทย
00:04:44 → 00:04:49 ตัวเลขเนี้ยมาจากการคำนวณอย่างละเอียดเลย ครับว่าปริมาณวิตามินซีน้อยที่สุดที่ไม่
00:04:49 → 00:04:54 ทำให้เกิดโรคเลือดออกตามไรฟันอยู่ที่เท่าไร เขามีวิธีการคำนวณอย่างละเอียดเลยนะครับ
00:04:54 → 00:05:00 อยู่ในหน้า 135 ผมใส่ไว้ใน reference ในคอมเมนต์แล้วลองตามไปดูได้
00:05:00 → 00:05:05 ก็จะเห็นว่าถ้าเรายึดตามตัวเลขของ WHO นะ ครับนั่นหมายถึงว่า ถ้าเรากินส้มหรือว่า
00:05:05 → 00:05:11 กีวี่แค่ลูกเดียว อาจจะผลกลางๆหน่อย เราก็ จะได้รับวิตามินซีเพียงพอที่ไม่ทำให้เรา
00:05:11 → 00:05:16 เกิดโรคล่ะครับ เอาล่ะครับก็จะเห็นว่าตัว เลขที่เขาแนะนำต่อวันก็ไม่ได้เยอะนะครับ
00:05:16 → 00:05:22 คนทั่วไปก็ไม่ถึง 100 มก.แต่ทำไมเม็ด นึงที่เค้าขายนะครับ ที่เป็นอาหารเสริม
00:05:22 → 00:05:28 เนี่ย 500 บ้าง 1,000 มก.บ้างหรือบาง คนเนี่ยกินถึง 2,000 มก.ต่อวันเลย
00:05:28 → 00:05:33 ที่กินเยอะๆแบบเนี้ยดีหรือว่าไม่ดี ก่อน อื่นผมขอพูดถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิด
00:05:33 → 00:05:38 ขึ้นจากการกินวิตามินซีเสริมปริมาณมากๆ ก่อนนะครับ เรื่องนึงที่ชัดเจนเลยนะครับก็
00:05:38 → 00:05:44 คือเรื่องนิ่วในไต สวีเดนมีการศึกษาใน ผู้ชายสองหมื่นสามพันกว่าคนที่ไม่เคยเป็นนิ่ว
00:05:44 → 00:05:50 ตามไป 11 ปีก็พบว่าคนที่กินวิตามินซี ขนาด 1,000 มก. จะเสี่ยงเป็นนิ่ว
00:05:50 → 00:05:55 เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ กินเลย อีกตัวอย่างนึงนะครับติดตามไป
00:05:55 → 00:06:01 ประมาณสิบเอ็ดปีเหมือนกัน ก็คือผู้ชายสี่หมื่น กว่าคนที่กินวิตามินซีวันละ 500-1,000
00:06:01 → 00:06:06 มก.และถ้ามากกว่า 1,000 มก.ต่อวัน แล้วเราก็มีความเสี่ยงของการเป็นนิว
00:06:06 → 00:06:11 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเลยครับ ส่วนใน ผู้หญิงนะครับไม่ว่าจะกินเท่าไหร่คืออาจ
00:06:11 → 00:06:16 จะกินน้อยกว่า 500 มก. 500-1,000 มก.หรือมากกว่า 1,000 มก. ก็ไม่พบ
00:06:16 → 00:06:21 ว่ามีความเสี่ยงหรือถ้าคล้ายๆว่าจะมี ความเสี่ยง ก็ไม่พบว่ามีนัยยะสำคัญ ที่เป็น
00:06:21 → 00:06:25 อย่างนี้นะครับเพราะว่าผู้หญิงมีปัจจัย ทางชีวภาพภาพต่างกับผู้ชายโดยเฉพาะเรื่อง
00:06:25 → 00:06:32 ของฮอร์โมนที่ทำให้ความเสี่ยงของการเป็น นิ่วน้อยกว่าเยอะมาก แล้วทำไมวิตามิน
00:06:32 → 00:06:36 ซีถึงทำให้เกิดนิ่วได้ ก็เพราะว่าวิตามิน ซีนะครับเมื่อเรากินเข้าไปจะมีการ
00:06:36 → 00:06:40 เปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆในขั้นตอนนึงจะได้สาร ที่ชื่อว่าอ๊อกซาเลต ซึ่งตัวเนี้ยเป็น
00:06:40 → 00:06:46 สาเหตุของนิ่ว และถ้ายิ่งเรากินวิตามินซี เยอะๆนะครับ โดสสูงๆเนี่ยก็มีโอกาส
00:06:46 → 00:06:51 อ๊อกซาเลตเพิ่มมากขึ้นอีก ก็ยิ่งเสี่ยงกับ การเป็นนิ่วเพิ่มขึ้น นอกจากเรื่องความ
00:06:51 → 00:06:56 เสี่ยงเรื่องนิ่วแล้วนะครับ การกินวิตามินซี เสริมเยอะๆการกินโดสสูงๆร่างกายก็เอาไป
00:06:56 → 00:07:02 ใช้ได้ไม่หมดอยู่ดี ตามกราฟอันเนี้ยเลยนะ ครับ ก็จะเห็นว่าถ้าเรากิน 500 มก.
00:07:02 → 00:07:09 เนี่ยเราจะดูดซึมเฉลี่ยได้แค่ 73% ที่ เหลือก็จะถูกขับทิ้งออกไปกับปัสสาวะ
00:07:09 → 00:07:14 ถ้าเราดูอีกกราฟนึงนะครับ อันนี้เปรียบเทียบ ปริมาณวิตามินซีที่เรากินกับระดับวิตามิน
00:07:14 → 00:07:20 ซีในเลือด ก็จะเห็นว่าการกินเยอะๆก็ไม่ได้ เพิ่มระดับวิตามินซีในเลือดไปมากนัก
00:07:20 → 00:07:27 ถึงแม้จะกินถึง 1,000-2,000 มก.คือระดับ อิ่มตัวในเลือดก็จะอยู่ที่ 70-80 ไมโครโมล
00:07:27 → 00:07:32 เท่านั้นล่ะครับ ก็จะอยู่แถวๆนี้ เพราะ ฉะนั้นการกินเยอะก็ไม่ได้เพิ่มระดับ
00:07:32 → 00:07:36 วิตามินซีในเลือดเท่าไหร่ แต่ว่ามันเพิ่ม ความเสี่ยงของผลข้างเคียงอ่ะครับ ส่วน
00:07:36 → 00:07:42 ปริมาณที่เหมาะสมก็จะอยู่ที่ 100-200 มก.ต่อวันก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะกิน 500 มก.
00:07:42 → 00:07:48 อาจจะแบ่งเป็น 250 มก.เช้า 250 มก.กลางวัน คราวนี้ทำไมคนถึงกิน
00:07:48 → 00:07:53 วิตามินซีโดสสูงๆตรงเนี้ยน่าจะเป็นเพราะ ความมั่นใจแล้วก็ความเชื่อว่าจะช่วย
00:07:53 → 00:07:58 เรื่องของสุขภาพได้โดยเฉพาะเรื่องหวัต หรือว่าการป้องกันมะเร็งเรามาดูกันครับ
00:07:58 → 00:08:03 ว่าช่วยได้แค่ไหน ในเรื่องของหวัดนะครับ ความเชื่อเนี่ยมาจากคุณสมบัติของวิตามินซี
00:08:03 → 00:08:08 ที่ว่าจะช่วยให้เยื่อบูทางเดินหายใจแข็งแรง แล้วก็เสริมการทำงานของระบบภูมิ-
00:08:08 → 00:08:13 คุ้มกันได้ แต่จริงๆนะครับ ถ้าเราเป็นหวัด ไปเรียบร้อยแล้ว การกินวิตามินซีไม่ได้
00:08:13 → 00:08:20 ช่วยคือไม่ได้ช่วยให้ระยะเวลาการเป็นสั้นลง หรือว่าความรุนแรงของโรคหวัดลดลงนะครับ
00:08:20 → 00:08:25 แต่ถ้าเรากินเป็นประจำกินในลักษณะป้องกัน การกินวิตามินซีอย่างน้อย 200 มก.ต่อวัน
00:08:25 → 00:08:30 นะครับ กลุ่มคนที่จะช่วยป้องกันการเป็น หวัดได้คือป้องกันได้ถึง 50% เลยก็คือ
00:08:30 → 00:08:35 กลุ่มที่มี oxidative stress หรือว่ามีความ เครียดในร่างกายอยู่แล้ว เช่นกลุ่มนักวิ่ง
00:08:35 → 00:08:41 มาราธอน คนเล่นสกี หรือว่าทหาร คนกลุ่มนี้ จะมีความเครียดทางร่างกายมากและถ้า
00:08:41 → 00:08:46 ยิ่งอยู่ในสภาวะแวดล้อมที่เครียดมากขึ้น เช่นความหนาวเย็น การกินเนี่ยจะช่วย
00:08:46 → 00:08:51 แล้วแบบนี้คนทั่วไปจะช่วยได้มั้ครับ สำหรับคนทั่วไปไม่ได้ช่วยนะครับ
00:08:51 → 00:08:55 ไม่ได้ลดอุบัติการการเป็นหวัตหรือพูด ง่ายๆก็คือกินแล้วก็ยังเป็นหวัตได้เหมือน
00:08:55 → 00:09:02 เดิม แต่ลดระยะเวลาได้เล็กน้อยคือหายเร็ว ขึ้นคือลดระยะเวลาได้ประมาณ 8% ในผู้ใหญ่
00:09:02 → 00:09:07 หรือ 14% ในเด็กเช่นในเด็กแทนที่จะเป็น หวัด 3 วันก็อาจจะเป็นแค่ 2 วันครึ่งแล้ว
00:09:07 → 00:09:12 ก็หาย ผมอยากชวนดูคลิปคุยกับน้องชิวหลาน ผมเอง สอบได้แพทย์ที่ Cambridge ครับ
00:09:12 → 00:09:18 บอกเลยว่าดูแล้วจะได้ทั้งกำลังใจ ความมุ่งมั่น แล้วก็แรงบันดาลใจเชิงบวกแบบจัดเต็มเลย
00:09:18 → 00:09:23 น้องๆนักเรียนหรือผู้ปกครองอย่าพลาดนะ ครับ ต่อมาคือวิตามินซีช่วยป้องกันมะเร็ง
00:09:23 → 00:09:28 ได้ไหม เพราะว่าในวิตามินซีนะครับมี คุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระแล้วก็เป็น
00:09:28 → 00:09:33 ปัจจัยร่วมกับเอนไซม์บางตัวก็เลยทำให้คน คิดว่าวิตามินซีน่าจะมีคุณสมบัติในการ
00:09:33 → 00:09:38 ป้องกันมะเร็งได้ ก็ต้องบอกนะครับถึงแม้ ว่าจะมีงานวิจัยบางงานที่บอกว่าช่วยป้อง
00:09:38 → 00:09:42 กันมะเร็งได้ ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือว่าใช้ร่วมกับวิตามินอื่นป้องกัน
00:09:42 → 00:09:47 มะเร็งลำไส้ได้ แต่ผลก็ยังไม่ชัดเจนเพราะ ฉะนั้นโดยสรุปนะครับเรื่องของวิตามินซีใน
00:09:47 → 00:09:53 การป้องกันมะเร็งต้องบอกว่ายังไม่มีงาน วิจัยทางคลินิกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า
00:09:53 → 00:09:59 ช่วยป้องกันได้ครับ สำหรับโรคที่ต้องระวัง ในการกินวิตามินซีนะครับโดยเฉพาะโดสสูงๆ
00:09:59 → 00:10:05 ก็ได้แก่โรคนิ่วในทางเดินปัสสาว ะนิ่้วพวก แคลเซียมอ๊อกซาเลตหรือว่าโรคไตไตวาย
00:10:05 → 00:10:10 หรือว่าคนที่มีภาวะธาตุเหล็กในเลือดมากจาก ภาวะหรือว่าโรคบางอย่าง ต่อมาเรื่องของ
00:10:10 → 00:10:16 อาหารและยาที่มีผลกับวิตามินซี อาหารที่มี ผลกับวิตามินซีนะครับพวกผักผลไม้อบแห้งนะ
00:10:16 → 00:10:21 ครับอาจจะมีสารโซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ซึ่ง เป็นสารกันหืดแล้วก็กันเสียที่จะทำให้
00:10:21 → 00:10:27 วิตามินซีหมดฤทธิ์ได้ หรือพวกอาหารแปรรูป นะครับเนื้อสัตว์แปรรูปพวกไส้กรอกแฮม
00:10:27 → 00:10:32 เบคอนก็จะมีไนเตรต ไนไตรท์ที่จะทำให้วิตามิน ซีหมดฤทธิ์ได้เหมือนกัน ส่วนยาที่มีผลกับ
00:10:32 → 00:10:38 วิตามินซีนะครับก็อย่างเช่นยาที่ลดการดูด ซึมเช่นพวกยาลดกรดอลูมิเนียมไฮดรอกไซด์
00:10:38 → 00:10:43 หรือว่าพวกยาขับปัสสาวะพวกนี้ก็จะเพิ่ม การขับวิตามินซีออกทางปัสสาวะ หรือว่าพวก
00:10:43 → 00:10:49 ยาคุมกำเนิดนะครับพวกเอสโตรเจนหรือว่าพวก สเตียรอดย์ พวกนี้ก็จะลดระดับ
00:10:49 → 00:10:55 วิตามินซีในเลือดได้ ผมขอจบเรื่อง วิตามินซีเท่านี้นะครับ คลิปนี้ก็คงจะช่วย
00:10:55 → 00:11:00 ให้ทุกท่านได้รู้จักแล้วก็บริหารจัดการ วิตามินซีได้ดีขึ้น รู้ว่าควรจะกินยังไง
00:11:00 → 00:11:05 ขนาดเท่าไหร่แล้วก็ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง คลิปนี้เป็นการเล่าเรื่องพื้นฐานนะครับ
00:11:05 → 00:11:11 เป็นภาพกว้างๆถ้ าท่านที่มีปัญหาในการ เป็นโรคเฉพาะอย่าลืมปรึกษาหมอประจำตัว
00:11:11 → 00:11:15 ก่อนกินวิตามินซีด้วยนะครับ ถ้าเห็นว่า คลิปนี้มีประโยชน์ก็ช่วยแชร์ให้กับคนที่
00:11:15 → 00:11:20 กินวิตามินอยู่ด้วยนะครับ ใครที่มีความเห็น หรือว่าข้อเสนอแนะอะไรก็เขียนเข้ามา
00:11:20 → 00:11:25 คุยกันได้ พบกันใหม่คลิปหน้าครับ สวัสดีครับ
00:11:26 → 00:11:30 [เพลง]