00:00:01 → 00:00:05 5 ข้อระวังสำหรับคนดื่มกาแฟต้องบอกก่อน
00:00:05 → 00:00:09 เลยนะว่ากาแฟอ่ะจริงๆแล้วในงานวิจัยหลาย
00:00:09 → 00:00:13 งานมากคอเฟิร์มชัดเจนบอกไว้แล้วว่ากาแฟมี
00:00:13 → 00:00:17 ประโยชน์จริงสามารถช่วยลดโอกาสความเสี่ยง
00:00:17 → 00:00:19 การเกิดโรคร้ายต่างๆได้จริงอย่างเช่นโรค
00:00:20 → 00:00:23 อะไรบ้างโรคหัวใจโรคสมองเสื่อมโรคหลอด
00:00:23 → 00:00:27 เลือดสมองโรคมะเร็งบางชนิดได้แน่นอนได้
00:00:27 → 00:00:30 อยู่แล้วหมอเฟิร์นเคยมีไลฟ์นึงบอกไปแล้ว
00:00:30 → 00:00:33 เนาะว่าประโยชน์กาแฟมีอะไรบ้างซึ่งแน่นอน
00:00:33 → 00:00:37 ว่ากาแฟก็เป็นอาหารชนิดหนึ่งเป็นเครื่อง
00:00:37 → 00:00:41 ดื่มชนิดนึงซึ่งมีทั้งข้อดีข้อเสียแน่นอน
00:00:41 → 00:00:44 เพราะบนโลกใบเนี้ยไม่มีอาหารชนิดไหนที่
00:00:44 → 00:00:47 ให้ประโยชน์ 100% แล้วก็ไม่มีอาหารชนิด
00:00:47 → 00:00:51 ไหนที่ให้โทษคุณ 100% ดังนั้นวันนี้
00:00:51 → 00:00:54 สำหรับคนที่เป็นคอกาแฟอย่างหมอเฟิร์นอยู่
00:00:54 → 00:00:57 แล้วซึ่งได้หาข้อมูลมาให้ตัวเองด้วยแล้ว
00:00:57 → 00:00:59 ก็เอามาแบ่งปันให้คุณด้วยเพื่อเป็นความ
00:00:59 → 00:01:02 รู้ว่าคุณดื่มกาแฟเนี่ยดื่มได้นะแต่ถ้า
00:01:02 → 00:01:05 คุณดื่มมากๆจนเกินไปหรือดื่มติดต่อกัน
00:01:05 → 00:01:10 หลายๆวันในระยะเวลาที่นานๆเนี่ยอาจส่งผล
00:01:10 → 00:01:13 เสียให้กับบางคนได้เรามาเริ่มข้อแรกกัน
00:01:13 → 00:01:16 ว่ากาแฟเนี่ยถ้าดื่มบ่อยๆดื่มเยอะๆจะมี
00:01:16 → 00:01:19 ข้อเสียอะไรเกิดขึ้นบ้างข้อ 1 บอกให้คุณ
00:01:19 → 00:01:24 ระวังไว้แล้วะกันอาจทำให้ความดันของบางคน
00:01:24 → 00:01:28 เนี่ยสูงขึ้นชั่วคราวได้ไม่ได้สูงตลอด
00:01:28 → 00:01:31 ทั้งวันนะสูงเฉพาะแค่ในช่วงที่คุณดื่ม
00:01:31 → 00:01:34 กาแฟเข้าไปหรือมีสารคาเฟอีนเข้าไปนั่นเอง
00:01:34 → 00:01:38 ดังนั้นในบางคนที่เป็นผู้ป่วยโรคความดัน
00:01:38 → 00:01:41 โลหิตสูงอยู่แล้วถ้าคุณดื่มกาแฟคุณควร
00:01:41 → 00:01:43 ระวังไว้ว่าอาจส่งผลให้ความดันของคุณ
00:01:43 → 00:01:46 เนี่ยสูงขึ้นได้นะแต่ว่าไม่ได้สูงขึ้น
00:01:46 → 00:01:48 เยอะไม่กี่มิลลิเมตรตลอดเท่านั้นแต่คุณ
00:01:48 → 00:01:52 รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้อ่าข้อ 2 ข้อ 2 ไปเลย
00:01:52 → 00:01:56 แล้วกันข้อ 2 ทำให้บางคนเนี่ยมีอาการหัว
00:01:56 → 00:02:00 ใจสั่นนะมือสั่นได้เพราะอะไรเพราะว่ากาแฟ
00:02:00 → 00:02:03 เนี่ยมันมีสารคาเฟอีนแน่นอนถ้าดื่มเข้าไป
00:02:03 → 00:02:07 เยอะๆคุณอาจใจสั่นมือสั่นได้ซึ่งส่งผลอาจ
00:02:07 → 00:02:11 ส่งผลนะทำให้บางคนไปรบกวนการทำงานของ
00:02:11 → 00:02:14 เขาค้าบางคนเขาอาจจะเป็นคนที่ต้องใช้มือ
00:02:14 → 00:02:17 ในการทำงานต้องใช้สมาธิมือต้องนิ่งแต่ถ้า
00:02:17 → 00:02:20 คุณดื่มกาแฟเข้าไปเยอะๆแล้วมือสั่นใจสั่น
00:02:20 → 00:02:23 คุณก็ทำงานไม่ได้นั่นไงดังนั้นให้ระวัง
00:02:23 → 00:02:26 ไว้ในคนที่จำเป็นจะต้องใช้สมาธิหรือบางคน
00:02:26 → 00:02:28 ดื่มเยอะเกินไปก็ให้ลดปริมาณนานลงเพราะ
00:02:28 → 00:02:31 ว่าเค้าก็เป็นสัญญาณเตือนแล้วเนาะร่างกาย
00:02:31 → 00:02:33 เวลาที่ดื่มอะไรเข้าไปทานอะไรเข้าไปแล้ว
00:02:33 → 00:02:36 มันเกิดอาการอย่างี้แปลว่ามันมากเกินไป
00:02:36 → 00:02:38 หรือเปล่าให้คุณกลับไปสำรวจดูอันนี้ก็
00:02:38 → 00:02:42 ง่ายมากๆข้อ 2 ผ่านไปละเร็วเร็วมาก 2
00:02:43 → 00:02:46 นาทีผ่านไป 2 ข้อข้อ 3 ข้อ 3 ก็ง่ายข้อ 3
00:02:47 → 00:02:50 เนี่ยหลายคนอาจเคยเป็นดื่มกาแฟบ่อยๆดื่ม
00:02:50 → 00:02:53 เยอะๆทำให้คุณบางคนเนี่ยรู้สึกกระวน
00:02:53 → 00:02:56 กระวายใจจังเลยไม่รู้วันนี้เป็นอะไรอยู่ๆ
00:02:56 → 00:02:59 ก็รู้สึกว่ามันวิตกกังวลมากเป็นพิเศษรู้
00:02:59 → 00:03:02 สึกอะไรก็กระวนกระวายใจไปหมดหมอเฟิร์นเคย
00:03:02 → 00:03:05 เป็นนะตอนที่ดื่มกาแฟที่มากเกินไปดังนั้น
00:03:05 → 00:03:07 คุณก็กลับไปสำรวจตัวเองถ้าคุณเป็นคนนั้น
00:03:07 → 00:03:12 อยู่แนะนำให้ลดปริมาณคาเฟอีนต่อวันลงนิด
00:03:12 → 00:03:16 นึงก็จะช่วยได้ละเนาะอ่ามาข้อ 4 ข้อ 4
00:03:16 → 00:03:19 ข้อ 4 สำคัญเหมือนกันการดื่มกาแฟเยอะๆ
00:03:19 → 00:03:24 เนี่ยทำให้บางคนมีอาการนอนไม่หลับได้ซึ่ง
00:03:24 → 00:03:27 ต้องบอกก่อนเลยว่าการดื่มกาแฟดื่มได้นะ
00:03:27 → 00:03:30 แต่คุณควรดื่มในช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย
00:03:30 → 00:03:34 ถ้าจะให้แนะนำให้ดีเลยไม่ควรดื่มหลังช่วง
00:03:34 → 00:03:38 เวลา 14:00 น.ลงไปนะเพราะอะไรเพราะว่า
00:03:38 → 00:03:42 ฤทธิ์ของกาแฟกาแฟมีคาเฟอีนกาคาเฟอีนทำให้
00:03:42 → 00:03:45 เราตื่นตัวและฤทธิ์ของคาเฟอีนเนี่ยมันจะ
00:03:45 → 00:03:48 หมดช้าลงเรื่อยๆมันจะค่อยๆลดขนาดฤทธิ์ลง
00:03:48 → 00:03:50 แต่ถ้าคุณดื่มหลัง 14:00 น.ถ้าคุณจะต้อง
00:03:51 → 00:03:52 นอน 21:00 น. 22:00 น.คุณนอนไม่หลับแน่
00:03:53 → 00:03:55 นอนเพราะว่าสารคาเฟอีนยังอยู่ในร่างกาย
00:03:55 → 00:03:57 อยู่ดังนั้นแนะนำถ้าจะดื่มให้ดื่มช่วง
00:03:57 → 00:04:01 เช้าก่อนทำงานก็จะทำให้คุณเนี่ยทำงานมี
00:04:01 → 00:04:03 ประสิทธิภาพมากขึ้นถ้าจะดื่มออกกำลังกาย
00:04:03 → 00:04:05 ก็แนะนำเลยเพราะว่าจะทำให้การออกกำลังกาย
00:04:05 → 00:04:08 เนี่ยมีประสิทธิภาพมากขึ้นพูดง่ายๆคุณจะ
00:04:08 → 00:04:11 ออกกำลังกายได้นานขึ้นแน่แล้วถ้าใครที่
00:04:11 → 00:04:14 กำลังลดน้ำหนักอยู่คุณก็จะลดน้ำหนักได้ดี
00:04:14 → 00:04:17 ขึ้นถ้าคุณดื่มกาแฟก่อนออกกำลังกาย 1
00:04:17 → 00:04:19 ช่โมงอันนี้เป็นทริกเล็กๆน้อยๆที่เอามา
00:04:19 → 00:04:23 ฝากเนาะข้อ 4 จบไปมาข้อ 5 เลยใครเข้ามา
00:04:23 → 00:04:25 ใหม่ก็ทักทายกันได้หรือว่าแชร์ให้ 1 แชร์
00:04:25 → 00:04:29 ก็ได้เนาะข้อ 5 ข้อสุดท้ายที่ควรระวัง
00:04:29 → 00:04:32 สำหรับคอกาแฟนะข้อนี้สำคัญขอขึ้นงานวิจัย
00:04:33 → 00:04:36 ก่อนข้อนี้เป็นข้อที่มีงานวิจัยเนาะข้อ
00:04:36 → 00:04:40 นี้สำคัญมากข้อ 5 ก็คือเค้าพบว่าคนที่
00:04:40 → 00:04:44 ดื่มกาแฟเนี่ยอ่าเค้าเชื่อว่ามันอาจจะไป
00:04:44 → 00:04:48 เพิ่มโอกาสที่คุณเนี่ยจะเป็นโรคต้อหินใน
00:04:48 → 00:04:50 อนาคตได้ต้อหินหลายคนในที่นี้อาจจะยังไม่
00:04:50 → 00:04:53 รู้จักหมอเฟิร์นจะอธิบายแบบให้เข้าใจง่าย
00:04:53 → 00:04:58 เนาะต้อหินก็คือโรคที่เราเนี่ยมีแรงดันมี
00:04:58 → 00:05:01 ความดันในลูกตาสูงขึ้นส่งผลทำให้น้ำในตา
00:05:01 → 00:05:04 เนี่ยเพิ่มมากขึ้นและก็พอน้ำในตาเพิ่ม
00:05:04 → 00:05:08 ขึ้นเนี่ยส่งผลทำให้ตาของคุณน่ะมัวมอง
00:05:08 → 00:05:10 เห็นไม่ค่อยชัดซึ่งถ้าร้ายแรงถ้าความดัน
00:05:11 → 00:05:14 สูงขึ้นเยอะๆเนี่ยก็จะส่งผลทำให้บางคนอาจ
00:05:14 → 00:05:17 ถึงขั้นตาบอดได้แต่ว่าคุณอย่าเพิ่งกลัวนะ
00:05:17 → 00:05:21 งานวิจัยเนี้ยเขาทดสอบในคนที่เป็นโรคต้อ
00:05:21 → 00:05:23 หินอยู่แล้วหรือว่าเป็นคนที่มีความดันใน
00:05:23 → 00:05:25 ลูกตาสูงอยู่แล้วพอดื่มเข้าไปเนี่ยมันส่ง
00:05:25 → 00:05:29 ผลทำให้แรงดันในลูกตาเพิ่มขึ้นก็จริงอยู่
00:05:29 → 00:05:32 แต่สำหรับใครที่ยังไม่ได้เป็นเนี่ยก็แค่
00:05:32 → 00:05:36 ให้ระวังไว้ว่าไม่ควรทานเยอะนะถ้าใครที่
00:05:36 → 00:05:40 อ่ะสรุปง่ายๆถ้าใครที่กลัวว่าถ้าฉันดื่ม
00:05:40 → 00:05:42 กาแฟแบบเนี้ยแล้วกลัวจะเป็นโรคต้อหินใน
00:05:42 → 00:05:44 อนาคตแล้วฉันจะตาบอดหรือเปล่าหมอเฟิร์น
00:05:44 → 00:05:47 ให้คำแนะนำง่ายๆอย่างนี้เลยมันก็เลยนำไป
00:05:47 → 00:05:50 สู่ว่าเราบอกข้อเสียคุณไปแล้วดังนั้นหมอ
00:05:50 → 00:05:52 เฟิร์นก็เคยให้ How to คำแนะนำง่ายๆว่า
00:05:52 → 00:05:55 จะทำยังไงให้ดื่มแล้วปลอดภัยเนาะใบไผ่บอก
00:05:55 → 00:05:58 สวัสดีครับหมอโอ้โหมาซะแบ๊วเขียวสวัสดี
00:05:58 → 00:06:01 ค่ะใบไผ่คำแนะนำง่ายๆที่หมอเฟิร์นจะบอก
00:06:01 → 00:06:04 สำหรับใครที่กลัวข้อเสียของกาแฟทั้งหลาย
00:06:04 → 00:06:09 แหล่นะง่ายๆคุณก็ไปค้นหาดูสิว่าแล้วฉัน
00:06:10 → 00:06:13 เนี่ยควรจะดื่มกาแฟต่อวันเท่าไหร่เราก็
00:06:13 → 00:06:15 เพราะว่าเขาก็ทำสแตนดารดมาแล้วว่ากาแฟ
00:06:15 → 00:06:18 เนี่ยควรบริโภคเท่าไหร่ต่อวันหมอเฟิร์นก็
00:06:18 → 00:06:22 หามาให้ละเป็นของ FD DA เนาะคล้ายๆกับ
00:06:22 → 00:06:25 หน่วยงานอย.เพราะบ้านเราอ่ะอาหารและยา
00:06:25 → 00:06:28 อย่างเงี้ยเนาะเอ่อเปลี่ยนบ้างสวัสดีค่ะ
00:06:28 → 00:06:31 บ่อยแล้วเออน่ารักดีเปลี่ยนก็ได้เนาะ
00:06:31 → 00:06:34 สวัสดีค่ะคุณหมอเฟิร์นอ้าคุณดอกเตมาอีก
00:06:35 → 00:06:37 แล้วสวัสดีค่ะเราเจอกันทุกคืนเลยเนาะหมอ
00:06:37 → 00:06:40 เพินก็มาอย่างี้ทุกคืนเลยมาเราเรามาบอก
00:06:40 → 00:06:43 ข้อแรกก่อนข้อความระวังสำหรับคนที่ชอบ
00:06:43 → 00:06:47 ดื่มกาแฟ FDA เนี่ยเขาก็บอกแล้วว่าถ้าให้
00:06:47 → 00:06:50 เซฟเลยนะเซฟก็คือให้ปลอดภัยต่อวันเลยไม่
00:06:50 → 00:06:53 ควรดื่มคาเฟอีนเกินเท่าไหร่ก็คือ 400
00:06:53 → 00:06:57 มลกรัต่อวัน 400 มลกรัมต่อวันแล้วมันเท่า
00:06:57 → 00:06:59 ไหร่ล่ะหมอเฟิร์นมันกะไม่ถูกเราก็หาข้อ
00:07:00 → 00:07:02 มูลมาให้คนละก็ประมาณ
00:07:02 → 00:07:05 3-5 แก้วแก้วเล็กนะแก้ว 8 ออนซถ้าในที่
00:07:05 → 00:07:07 นี้แต่ละแต่ว่าเราให้เห็นภาพชัดๆหมอ
00:07:07 → 00:07:10 เฟิร์นหามาให้ละ 400 มลกรัเท่ากับเท่า
00:07:10 → 00:07:13 ไหร่นี่ถ้าเป็นแก้วช็อตเล็กๆใสๆเหมือน
00:07:13 → 00:07:16 แก้วเป๊กบ้านเราอ่ะแก้วเป๊กคนดื่มดื่ม
00:07:16 → 00:07:20 เหล้าขาวอ่ะประมาณ 5 แก้วอ่า 5 แก้วช็อต
00:07:20 → 00:07:22 ก็คือ 400 มลกรัคาเฟอีนใน
00:07:22 → 00:07:26 หรือถ้าเป็นแก้วคับแบบกาแฟดำธรรมดาก็
00:07:26 → 00:07:28 ประมาณ
00:07:28 → 00:07:31 4 แก้วครึ่งอ่ะ 4 คัครึ่งอ่ะแต่ถ้าเป็น
00:07:31 → 00:07:34 เครื่องดื่มชูกำลังอื่นๆ 400 มลกรั
00:07:34 → 00:07:37 คาเฟอีนก็คือประมาณ 5 กระป๋องเล็กกระป๋อง
00:07:37 → 00:07:41 เล็กก็คือกระป๋อง 250 มลต.เนาะอ่าก็
00:07:41 → 00:07:44 ประมาณนี้ให้คุณรู้ไว้ว่าดื่มกาแฟดื่มได้
00:07:44 → 00:07:49 นะแต่ไม่ควรดื่มเกิน 400 มลกรัมต่อวัน
00:07:49 → 00:07:51 ซึ่งเค้าก็เปรียบเทียบแล้วว่าประมาณกี่
00:07:51 → 00:07:55 แก้วต่อวันก็ง่ายๆตีคร่าวๆประมาณ 4-5
00:07:55 → 00:07:57 แก้วไม่ควรเกินนั้นแก้วช็อตนะคุณไม่ใช่
00:07:57 → 00:08:00 แก้วใหญ่ๆนะที่เราพูดถึงคือแก้วขนาดเท่า
00:08:00 → 00:08:03 นี้นะใครเข้าใจพิมพ์เข้าใจพิมพ์ 400 มา
00:08:03 → 00:08:06 ว่าเข้าใจว่าโอเคฉันดื่มกาแฟฉันดื่มไม่
00:08:06 → 00:08:10 เกินเท่านี้ก็สบายใจละเพราะว่าหน่วยงาน
00:08:10 → 00:08:12 คล้ายๆกับอย.บ้านเราเนี่ยเขาก็กำหนดไว้
00:08:12 → 00:08:15 แล้วอันนี้ก็เป็นสากลเนาะ FDA กำหนดไว้ละ
00:08:15 → 00:08:18 ว่าไม่ควรเกินเท่านี้ซึ่งถ้าคุณเป็นคนนึง
00:08:18 → 00:08:21 ที่กลัวกลัวว่าจะเป็นต้อหินหรือกลัวว่าจะ
00:08:21 → 00:08:24 เป็นโรคอะไรต่างๆที่ถ้าเราดื่มเยอะเกิน
00:08:24 → 00:08:26 น่ะจะมีผลข้างเคียงอะไรหมอเฟิร์นก็จะแนะ
00:08:26 → 00:08:29 นำต่อว่าเค้ากำหนด 4-5 แก้วต่อวันก็จริง
00:08:29 → 00:08:32 แต่คุณไม่จำเป็นต้องตามนั้นก็ได้นะถ้าที่
00:08:32 → 00:08:35 หมอเฟิร์นแนะนำก็คือไม่ควรเกิน 1-2 แก้ว
00:08:35 → 00:08:39 ต่อวันก็พอแล้ว 1 2 ถึง 1-2 แก้วเล็กนะ
00:08:39 → 00:08:42 กาแฟดำเท่านั้นถ้าที่หมอเฟิร์นพูดถึงหมอ
00:08:42 → 00:08:44 เฟิร์นจะไม่พูดถึงกาแฟที่เป็น inone หรือ
00:08:45 → 00:08:48 ว่ากาแฟสำเร็จรูปหรือว่ากาแฟอะไรที่ใส่นม
00:08:48 → 00:08:51 ใส่น้ำตาลไม่พูดถึงเราจะพูดถึงแต่กาแฟดำ
00:08:51 → 00:08:55 อ่าก็ 1-2 แก้วพอแล้วอย่าเยอะกว่านี้เลย
00:08:55 → 00:08:57 เพื่อลดโอกาสความเสี่ยงที่คุณจะได้ข้อ
00:08:57 → 00:09:01 เสียมากกว่าข้อดีนั่นไงอ่ะคำแนะถ้าใครที่
00:09:01 → 00:09:05 กลัวมากๆก็คือ 2 นี้สำคัญนะถ้าคุณจะดื่ม
00:09:05 → 00:09:09 กาแฟคุณไม่ควรจะเติมน้ำตาลไม่ควรเติมครีม
00:09:09 → 00:09:12 เทียมไม่ควรเติมนมแม้กระทั่งนมก็ไม่ควร
00:09:12 → 00:09:16 เติมนะเพราะอะไรเพราะการเติมสิ่งพวกเนี้ย
00:09:16 → 00:09:18 แทนที่คุณจะดื่มกาแฟแล้วได้ประโยชน์ไป
00:09:18 → 00:09:21 ช่วยลดโอกาสความเสี่ยงเกิดโรคต่างๆกลาย
00:09:21 → 00:09:24 เป็นว่าไปเพิ่มโอกาสที่คุณจะอาจจะเป็นโรค
00:09:24 → 00:09:27 เบาหวานโรคอ้วนแล้วก็นำไปสู่โรคอื่นอีก
00:09:27 → 00:09:30 มากมายแล้วการเติมน้ำตาลหรือครีมเทียม
00:09:30 → 00:09:34 หรือสารใดๆก็ตามเนี่ยมันเป็นสารที่ร่าง
00:09:34 → 00:09:36 กายไม่ได้ต้องการแล้วก็ไม่ได้ชื่นชอบดัง
00:09:36 → 00:09:39 นั้นถ้าคุณดื่มเข้าไปทานเข้าไปเยอะๆเนี่ย
00:09:39 → 00:09:42 เซลล์เซลล์ข้างในคุณเนี่ยจะอักเสบมากกว่า
00:09:42 → 00:09:45 แล้วพอมันอักเสบเยอะๆแน่นอนเซลล์เสื่อม
00:09:45 → 00:09:48 เซลล์ทำงานผิดปกติก็อาจจะทำงานได้ไม่ดี
00:09:48 → 00:09:51 แล้วที่สำคัญสำหรับคนที่ชะลอวัยอย่างเรา
00:09:51 → 00:09:55 ก็จะไปเพิ่มโอกาสให้คุณเนี่ยน่าแก่เร็ว
00:09:55 → 00:09:58 อีกเออดังนั้นเราไม่ควรเติมสิ่งใดเพิ่ม
00:09:58 → 00:10:02 ถ้าจะดื่มกาแฟแนะนำเป็นกาแฟดำจะดีที่สุด
00:10:02 → 00:10:05 ใครเข้าใจพิมพ์กาแฟดำมดื่มกาแฟดำไว้ทุกคน
00:10:06 → 00:10:09 ท่องไว้กาแฟดำใครที่ไม่กล้าไม่เคยลองให้
00:10:09 → 00:10:13 คุณลองดูก็ไม่เสียหายแต่สมมุติคนดื่มหรือ
00:10:13 → 00:10:17 ใครที่กำลังปรับอยู่กำลังปกติดื่มกาแฟ
00:10:17 → 00:10:20 หวานปกติก็ให้คุณค่อยๆปรับก็ได้กลายเป็น
00:10:20 → 00:10:23 หวานหวานน้อยแล้วก็หวานน้อยมากๆเงี้ยค่อย
00:10:23 → 00:10:26 ๆปรับไปแล้วเดี๋ยวลิ้นคุณจะชินเองแรกๆอาจ
00:10:26 → 00:10:29 จะตกใจว่าปกติทานหวานแล้วมาทานไม่หวานน่ะ
00:10:29 → 00:10:31 ตกใจเพราะว่าลิ้นเราอ่ะจริงๆต้องบอกว่า
00:10:31 → 00:10:35 ลิ้นเราเปลี่ยนรสชาติได้นะแค่คุณค่อยๆลด
00:10:35 → 00:10:39 เค้าหรืออย่างงี้ถ้าปกติหมอเฟิร์นเป็นคน
00:10:39 → 00:10:41 ที่ทานหวานมากเหมือนกันแล้วทำสิ่งนี้ได้
00:10:41 → 00:10:44 แล้วก็จะเอามาแชร์เราแค่ค่อยๆเปลี่ยนพอ
00:10:45 → 00:10:47 เราทำแบบนี้ได้ประมาณ 21 วันลิ้นเราจะ
00:10:47 → 00:10:50 เปลี่ยนละเราเราจะกลายเป็นคนที่ไม่ทาน
00:10:50 → 00:10:52 หวานขนาดนั้นอย่างรสเค็มก็ได้ใครที่ทาน
00:10:52 → 00:10:56 เค็มปี๊เลยเค็มแบบว่าไม่ไหวละให้คุณค่อยๆ
00:10:56 → 00:10:59 ลดขนาดเกลือลงมาแล้วเดี๋ยวลิ้นของคุณจะ
00:10:59 → 00:11:01 เปลี่ยนเองแล้วคุณก็จะกลายเป็นคนทานจืด
00:11:01 → 00:11:03 แบบหมอเฟิร์นได้ทานจืดอย่างเดียวเลย
00:11:03 → 00:11:06 เดี๋ยวทุกวันนี้ไม่ค่อยปรุงไม่ใส่อะไรเลย
00:11:06 → 00:11:10 อ่าข้อ 2 ยาวจังมาข้อ 3 ที่หมอเฟิร์นจะ
00:11:10 → 00:11:14 แนะนำให้ง่ายๆกาแฟมีประโยชน์ก็จริงแต่คุณ
00:11:14 → 00:11:17 ควรตั้งคำถามเสมอนะว่าคุณจะดื่มไปเพื่อ
00:11:17 → 00:11:21 อะไรแน่นอนว่าหลายคนก็จะตอบว่าดื่มแล้ว
00:11:21 → 00:11:23 สมองเล่นดื่มแล้วทำให้แคทีอ่ะแล้วหมอ
00:11:23 → 00:11:26 เฟิร์นก็จะถามคุณกลับไปว่าแล้ววันไหนที่
00:11:26 → 00:11:29 คุณไม่ทำงานคุณจะดื่มไปเพื่ออะไรอันนี้
00:11:29 → 00:11:32 คุณต้องตอบเองนะดังนั้นวันไหนอย่างเช่น
00:11:32 → 00:11:35 เสาร์อาทิตย์ถ้าคุณทำงานจันทร์ถึงศุกร์นะ
00:11:35 → 00:11:38 คุณไม่จำเป็นต้องดื่มกาแฟก็ได้คุณสามารถ
00:11:38 → 00:11:41 เปลี่ยนเป็นเครื่องดื่มอื่นได้อย่างเช่น
00:11:41 → 00:11:43 ชาเขียวที่ต้องยกตัวอย่างชาเขียวเพราะ
00:11:43 → 00:11:46 อะไรเพราะชาเขียวยังคงให้สารคาเฟอีนกับ
00:11:46 → 00:11:50 คุณอยู่นะแต่ให้น้อยกว่ากาแฟนิดนึงแล้วชา
00:11:50 → 00:11:54 เขียวยังมีสารสำคัญอย่างgที่เป็นตัวต้าน
00:11:54 → 00:11:58 การอักเสบช่วยทำให้ลดโอกาสการเกิดโรค
00:11:58 → 00:12:00 เรื้อรังโรคสมองเสื่อมแล้วทำให้คุณเนี่ย
00:12:00 → 00:12:02 ช่วยชะลอไวได้ด้วยคุณก็เปลี่ยนไปดื่มชา
00:12:02 → 00:12:05 เขียวแทนก็ได้หรือใครอาจจะเปลี่ยนเป็น
00:12:05 → 00:12:07 ดื่มอะไรเลยดื่มน้ำเพิ่มขึ้นก็ได้หรือจะ
00:12:07 → 00:12:10 ดื่มน้ำผลไม้ก็ได้คุณไม่จำเป็นต้องดื่ม
00:12:10 → 00:12:13 กาแฟทุกวันอ่าดังนั้นถ้าคุณไม่ได้ทำงาน
00:12:13 → 00:12:15 คุณก็เปลี่ยนเป็นดื่มเครื่องดื่มอื่นจะดี
00:12:15 → 00:12:18 ที่สุดเพื่อป้องกันข้อเสียที่อาจจะตามมา
00:12:18 → 00:12:19 ใน
00:12:19 → 00:12:23 อนาคตแต่ต่อไปเป็นข้อแถมแล้วกันหมอเฟิร์น
00:12:23 → 00:12:28 เอามาให้ก็คือเป็นเทคนิคแวานซเลยใครที่
00:12:28 → 00:12:30 แบบไหนๆก็ดื่มกาแฟอยู่ละอย่างหมอเฟิร์น
00:12:30 → 00:12:32 เนี่ยตอนที่เรียนอยู่ออสเตรเลียเนาะอยู่
00:12:32 → 00:12:34 เมลเบิ้ลเป็นเมืองที่กาแฟอร่อยมากแล้วเรา
00:12:34 → 00:12:37 ก็ดื่มกาแฟจากตรงนั้นแล้วเราก็ชื่นชอบ
00:12:37 → 00:12:41 กาแฟดื่มแล้วเรามีไอเดียเราได้ทำงานอย่าง
00:12:41 → 00:12:44 เต็มที่มีประสิทธิภาพเราเลยยังคงดื่มกาแฟ
00:12:45 → 00:12:48 อยู่แต่ว่าไม่ได้ดื่มทุกวันละซึ่งพอเรา
00:12:48 → 00:12:51 แน่นอาจจะติดกาแฟนิดหน่อยอ่ะอย่างน้อยเรา
00:12:51 → 00:12:55 ก็ดื่ม 5 ครั้ง 5 วันต่อสัปดาห์ละดังนั้น
00:12:55 → 00:12:58 เราก็คิดว่าถ้าเราต้องดื่มแบบเนี้ยไปตลอด
00:12:58 → 00:13:02 หลายๆปี 5 ปี 10 ปี 20 ปีแบบเนี้ยมันก็
00:13:02 → 00:13:04 เหมือนเป็นการสะสมละถ้าต้องดื่มกาแฟทุก
00:13:04 → 00:13:08 วันเนี่ยแล้วจะดื่มยังไงนะก็ไปคิดหาว่า
00:13:08 → 00:13:10 แล้วเราจะดื่มแบบเนี้ยมันจะมีผลเสียต่อ
00:13:10 → 00:13:13 สุขภาพมั้ยหรือว่าจะดื่มยังไงให้ได้ข้อดี
00:13:13 → 00:13:16 มากที่สุดหมอเฟิร์นก็ไปหาอ่านงานวิจัยไป
00:13:16 → 00:13:20 ดูหลายๆอย่างอ่านหนังสือมาเยอะๆพบว่า
00:13:20 → 00:13:22 เทคนิคที่เราจะดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ที่
00:13:22 → 00:13:25 สุดนะมันมีไม่กี่ข้อเท่านั้นแหละมี 3 ข้อ
00:13:25 → 00:13:28 ที่จะเอามาบอกคุณวันนี้ข้อแรกเลยคือดูจาก
00:13:28 → 00:13:32 การคั่วของกาแฟนั้นนะซึ่งกาแฟใครหลายคน
00:13:32 → 00:13:35 อาจจะยังไม่รู้แต่แน่นอนบางคนก็รู้ว่า
00:13:35 → 00:13:39 กาแฟมีขั้วขั้วอยู่ 3 ระดับนะก็คือขั้ว
00:13:39 → 00:13:42 อ่อนขั้วกลางขั้วเข้มอันนี้ไล่ให้คุณฟัง
00:13:42 → 00:13:45 เลยซึ่งขั้วแน่นอนว่าแต่ละขั้วเนี่ยใช้
00:13:45 → 00:13:49 ระยะเวลาไม่เท่ากันยิ่งขั้วเข้มก็ยิ่งใช้
00:13:49 → 00:13:52 ระยะเวลานานเนาะดังนั้นถ้าคุณอยากดื่ม
00:13:52 → 00:13:55 เป็นสายรักสุขภาพจริงๆนะกาแฟคืออะไรกาแฟ
00:13:55 → 00:13:58 ก็คือผลไม้ชนิดหนึ่งแน่นอนว่าผลไม้ชนิด
00:13:58 → 00:14:01 หนึ่งถ้านำเอาไปผ่านความร้อนโดนความร้อน
00:14:01 → 00:14:05 นานๆสารสำคัญพวกวิตามินต่างๆมันก็จะหายไป
00:14:05 → 00:14:08 สูญสลายไปตามความร้อนอยู่แล้วดังนั้น
00:14:08 → 00:14:12 เทคนิคแรกคือให้เลือกกาแฟที่ขั้ว
00:14:12 → 00:14:16 อ่อนถ้าคุณจะเป็นสายhealthตี้นะเลือกขั้ว
00:14:16 → 00:14:19 อ่อนแต่ถ้าใครอยากชอบขั้วกลางขั้วเข้มไม่
00:14:19 → 00:14:22 ว่ากันคุณดื่มได้แต่ถ้าใครเล็งเห็น
00:14:22 → 00:14:25 ประโยชน์ของวิตามินเกลือแร่สารสำคัญ
00:14:25 → 00:14:28 ประโยชน์ต่างๆในกาแฟหมอเฟิร์นก็จะเชียร์
00:14:28 → 00:14:31 ให้คุณดื่มขั้วอ่อนอืมข้อ 2 ก็คือฟันธง
00:14:31 → 00:14:35 ตรงนี้เลยข้อ 2 ก็คือวิธีการชงอ่าหลายคน
00:14:35 → 00:14:39 อาจยังไม่รู้ว่าชงก็มีผลหรอเมเฟิลคุณรู้ม
00:14:40 → 00:14:43 ว่าวิธีการชงกาแฟมีเยอะมากมีทั้งเป็นพอมี
00:14:43 → 00:14:46 ทั้งเป็นส่วนใหญ่ที่เราดื่มกันก็กด
00:14:46 → 00:14:49 เครื่องชงมาก็เป็น es เนาะแต่หมอเฟิร์น
00:14:49 → 00:14:52 เนี่ยดื่มแบบดิฟการชงแบบดิฟก็คือค่อยๆใส่
00:14:52 → 00:14:55 น้ำร้อนแล้วก็จะมีดิฟเนี่ยข้อดีของมันก็
00:14:55 → 00:14:57 คือมันจะมีกระดาษกรองกระดาษกรองในที่นี้
00:14:58 → 00:15:00 มันมีประโยชน์ยังไงมีประโยชน์มากมันจะ
00:15:00 → 00:15:05 ช่วยกรองน้ำมันที่อยู่ในกาแฟของเราออกไป
00:15:05 → 00:15:09 ได้อาจจะไม่ได้ 100% แต่ก็ 90% อัพอ่ะคุณ
00:15:09 → 00:15:11 ซึ่งเพราะว่าหมอเฟิร์นไปเจองานวิจัยหนึ่ง
00:15:11 → 00:15:14 ที่เขาบอกว่าน้ำมันในกาแฟเนี่ยถ้าเราไม่
00:15:14 → 00:15:17 กองออกไปเ้าพบว่ามันอาจส่งผลต่อระดับ
00:15:17 → 00:15:20 คอเลสเตอรอลในเลือดของเราได้ทำให้บางคน
00:15:20 → 00:15:23 เนี่ยมีคอเลสเตอรอลสูงขึ้นจากการดื่มกาแฟ
00:15:23 → 00:15:25 แต่ไม่เยอะหรอกแต่หมอเฟิร์นแค่ไม่ได้อยาก
00:15:25 → 00:15:27 ได้ส่วนนี้เพิ่มไงหมอเฟิร์นก็เลยเลือก
00:15:28 → 00:15:31 วิธีการดื่มกาแฟแบบดิฟนั่นเองถ้าคุณเป็น
00:15:31 → 00:15:34 คนรักสุขภาพเหมือนหมอเเฟิร์นคุณก็พิจารณา
00:15:34 → 00:15:37 วิธีการชงแบบดิฟได้เหมือนกันคุณจะซื้อ
00:15:37 → 00:15:39 ยี่ห้อไหนก็ได้หรือซื้อมาทำเองที่บ้าน
00:15:39 → 00:15:43 เหมือนหมอเฟิร์นก็ได้ข้อ 3 ข้อนี้แวานซ
00:15:43 → 00:15:45 มากจริงๆนะต้องบอกก่อนไม่ใช่ทุกคนที่จะ
00:15:46 → 00:15:48 อินกับเรื่องนี้แต่ตัวเราเนี่ยเป็นหมอที่
00:15:48 → 00:15:51 สุดไงถ้าจะรักตัวเองรักสุขภาพงั้นเราก็
00:15:51 → 00:15:53 เลือกเลยว่ามันมีอะไรดีที่สุดเราก็เลือก
00:15:53 → 00:15:57 นั้นข้อ 3 ก็คือให้เลือกที่เขียนไว้ว่า
00:15:57 → 00:16:00 ออร์แกนิคเอจำไว้นะว่าออร์แกนิคออร์แกนิค
00:16:00 → 00:16:03 สำคัญยังไงหลายคนอาจจะบอกว่าออร์แกนิค
00:16:03 → 00:16:06 แล้วไงอ่ะมันแพงกว่าซื้อกาแฟธรรมดาก็ได้
00:16:07 → 00:16:09 หรือเปล่าเออเดี๋ยวหมอเฟิร์นบอกว่าหลายคน
00:16:09 → 00:16:11 อาจจะไม่ยังไม่เข้าใจคำว่าออร์แกนิคจริงๆ
00:16:11 → 00:16:14 นะต้องบอกคุณในไลฟ์เนี่แหละคำว่า
00:16:14 → 00:16:17 ออร์แกนิคนะไม่ว่าจะเป็นกาแฟหรืออาหาร
00:16:17 → 00:16:21 ชนิดใดก็ตามที่เขียนว่าออร์แกนิคไม่ได้
00:16:21 → 00:16:24 หมายความว่าสิ่งนั้นเนี่ยทำมาจากธรรมชาติ
00:16:24 → 00:16:27 100% อย่างเดียวนะคำว่าออร์แกนิคมีความ
00:16:27 → 00:16:31 หมายลึกซึ้งกว่านั้นลึกซึ้งกว่านั้นคำว่า
00:16:31 → 00:16:34 ออร์แกนิคคือการที่สิ่งนั้นๆเนี่ยควบคุม
00:16:34 → 00:16:39 คุณภาพทุกขั้นตอนเลยนะตั้งแต่ดินน้ำเมล็ด
00:16:39 → 00:16:42 พันธุ์เชื้อราสารปนเปื้อนทุกกระบวนการ
00:16:42 → 00:16:46 ผลิตทั้งหลายเลยตั้งแต่เตรียมดินการปลูก
00:16:46 → 00:16:49 การดูคัดเมล็ดการเก็บเกี่ยวจนถึงขั้นตอน
00:16:49 → 00:16:52 การผลิตเลยนะซึ่งเพราะอะไรเขาถึงต้องทำ
00:16:53 → 00:16:56 แบบนั้นเพราะว่าเขาจะทำให้ผลไม้อย่างกาแฟ
00:16:57 → 00:17:00 เนี่ยมันมีคุณภาพดีที่สุดสูงที่สุดและยัง
00:17:00 → 00:17:03 คงคุณประโยชน์ให้กับผู้บริโภคมากที่สุด
00:17:03 → 00:17:06 นี่คือความหมายลึกซึ้งของออร์แกนิคเลย
00:17:06 → 00:17:10 แล้วที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือเค้าจะไม่
00:17:10 → 00:17:13 คืออ่ะสิ่งใดก็ตามที่ได้รับตาออร์แกนิค
00:17:13 → 00:17:17 แบบได้รับรองมาแล้วนะก็คือจะผ่านการทดสอบ
00:17:17 → 00:17:21 แล้วว่าไม่มีสารเคมีหรือมีน้อยมากๆ 99
00:17:21 → 00:17:25 แบบนิดเดียวอ่ะก็คือผ่านเกณฑ์ว่าร่างกาย
00:17:25 → 00:17:27 เนี่ยจะได้รับสารเคมีน้อยที่สุดหรือไม่
00:17:27 → 00:17:31 ได้รับเลยดังนั้นสิ่งนี้สำคัญว่าเราจะ
00:17:31 → 00:17:33 เลือกทานอะไรถ้าเป็นไปได้ให้เลือกจากคำ
00:17:33 → 00:17:37 ว่าออร์แกนิคซึ่งคำว่าออร์แกนิคมันมีหลาย
00:17:37 → 00:17:40 รูปแบบบางคนก็แค่เขียนว่าออร์แกนิคไม่ใช่
00:17:40 → 00:17:42 นะคุณต้องดูว่า
00:17:42 → 00:17:46 ว่าถ้าอ่ะให้ทิกถ้าแหล่งเพาะปลุกนั้นน่ะ
00:17:46 → 00:17:48 ได้รับรองว่าเป็นออร์แกนิคจริงหรือโรงงาน
00:17:48 → 00:17:50 นั้นได้รับรองว่าเป็นออร์แกนิคจริงเาค้า
00:17:50 → 00:17:55 จะมีตาเล็กๆสีเขียวรับรองไว้อย่างถ้าเป็น
00:17:55 → 00:17:59 ของสากลก็จะเป็นตาที่เขียนว่า USDA เนาะ
00:17:59 → 00:18:02 เป็นสีเขียวการันตีไว้แล้วก็มีฉลากแปะมี
00:18:02 → 00:18:05 ใบรับรองลองเรียบร้อยที่ผลิตภัณฑ์เนาะถ้า
00:18:05 → 00:18:08 ขอดูใบรับรองก็จะมีให้ที่ผลิตภัณฑ์ก็จะมี
00:18:08 → 00:18:12 แปะตาเล็กๆว่าออร์แกนิค