00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีทุกคนนะครับวันนี้ก็จะเป็นตอนที่
00:00:02 → 00:00:04 8 แล้วนะครับของซีรีส์สมัยโคร Bio ที่
00:00:04 → 00:00:07 เราคุยกันอยู่นะครับพวกข้อในวันนี้นะครับ
00:00:07 → 00:00:09 จะคุยเรื่องของจุลินทรีย์นะนมไส้นะครับ
00:00:09 → 00:00:12 ว่ามันไปมีผลต่ออารมณ์และก็สมองของเรายัง
00:00:12 → 00:00:15 ไงนะครับหรือในชื่อภาษาอังกฤษก็คือว่ากัด
00:00:15 → 00:00:18 เวร access ผมอยากจะขอเริ่มด้วยคำถามนะ
00:00:18 → 00:00:20 ครับว่าเคยรู้กันนะครับว่าจุลินทรีย์ที่
00:00:20 → 00:00:22 อยู่ในลำไส้ของเราเนี่ยมันสามารถที่จะไป
00:00:22 → 00:00:25 มีผลต่ออารมณ์หรือว่ามีผลต่อนิสัยใจคอของ
00:00:25 → 00:00:28 คนเราได้ด้วยการค้นพบปรากฏการณ์ที่น่าสน
00:00:28 → 00:00:30 ใจนี้นะครับมันเป็นเรื่องที่แปลกมากนะ
00:00:30 → 00:00:33 ครับและในผสมนี้เราจะมาคุยเรื่องราวนี้
00:00:33 → 00:00:35 กันนะครับก็คือว่าการค้นพบเรื่องนี้มัน
00:00:35 → 00:00:37 เกิดขึ้นได้ยังไงแต่ก่อนที่เราจะเข้า
00:00:37 → 00:00:41 เนื้อหาของอภิษฏดีกันนะครับผมจะขอพูดถึง
00:00:41 → 00:00:44 ผู้สะสมซีรีส์ Micro ไปโอนเราคนก่อนนะ
00:00:44 → 00:00:46 ครับก็คือบริษัทมดกัดนะครับเพราะฉันหมด
00:00:46 → 00:00:49 การ์ดเป็นใครพระธรรมกายนะครับเป็นบริษัท
00:00:49 → 00:00:51 ที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ
00:00:51 → 00:00:53 ด้านเทคโนโลยีไม่ค่อยโอมนะครับจับ
00:00:53 → 00:00:55 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
00:00:55 → 00:00:58 บางมดด้วยทั้งหมดการเนี่ยเขาเปิดให้
00:00:58 → 00:01:00 บริการตรวจนะครับก็วิเคราะห์ตัว C ในลำ
00:01:00 → 00:01:03 ไส้กับคนทั่วไปเพื่อคุณนะครับหรือว่า
00:01:03 → 00:01:05 จุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้เนี่ยอยู่ใน
00:01:05 → 00:01:08 สภาวะแบบไหนก็คือมีไปช่วยตัวไหนมากมาไป
00:01:08 → 00:01:10 หรือเปล่านะครับหรือว่าน้อยเกินไปหรือ
00:01:10 → 00:01:12 เปล่าหรือว่าขาดชีวิต 4 ตัวไหนนอกจากนี้
00:01:12 → 00:01:14 นะครับทั้งหมดกันก็จะมีนักโภชนาการครับ
00:01:14 → 00:01:16 ที่จะคอยให้คำแนะนำเรื่องของการกินด้วยนะ
00:01:16 → 00:01:19 ครับโดยธรรมแนะนำว่าจะกินอะไรเนี่ยมันจะ
00:01:19 → 00:01:21 ยิงมาจากผลการตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ของ
00:01:21 → 00:01:24 เราเพื่อให้อาหารที่กินเข้าไปเนี่ยไปทำ
00:01:24 → 00:01:26 ให้ระบบนิเวศน์ในลำไส้ของเราในแข็งแรง
00:01:26 → 00:01:30 ขึ้นตามสโลแกนของบริษัทมดกัดก็คือว่ามด
00:01:30 → 00:01:32 กับสิ่งเล็กๆที่สร้างชีวิตให้เราต่างกัน
00:01:33 → 00:01:35 สำหรับท่านใดนะครับที่สนใจและอยากได้ข้อ
00:01:35 → 00:01:37 มูลจะหมดกายเพิ่มเติมนะครับผมจะใส่ลิงค์
00:01:37 → 00:01:39 ไว้ใน Description หรือในคอมเม้นนะครับ
00:01:39 → 00:01:42 สามารถเข้าไปดูได้โอเคมาเข้าเนื้อหาใน
00:01:42 → 00:01:45 พิเศษดีของเรากันนะครับเรื่องราวนะครับ
00:01:45 → 00:01:47 หรือว่าประสาทของการค้นพบว่าจุลินทรีย์ใน
00:01:47 → 00:01:50 ลำไส้มันสามารถไปมีผลกับสมองแล้วก็รวมของ
00:01:50 → 00:01:53 เราได้เนี่ยมันอาจจะพอเราแยกได้เป็น 2
00:01:53 → 00:01:56 ส่วนใหญ่ๆด้วยกันนะครับส่วนแรกเนี่ยมันจะ
00:01:56 → 00:01:58 เป็นเรื่องของการค้นพบว่าทางเดินอาหารโดย
00:01:58 → 00:02:01 เฉพาะลำไส้ของเราเนี่ยถ้ามันมีอะไรหลายๆ
00:02:01 → 00:02:04 อย่างที่คล้ายกับสมองถึงขนาดที่ว่ามีนัก
00:02:04 → 00:02:06 เรียนศาสตร์แห่งบอกว่าลำไส้เนี่ยเปรียบ
00:02:06 → 00:02:09 เหมือนกับเป็นสมองที่สองของร่างกายของเรา
00:02:09 → 00:02:12 สำหรับคำอธิบายว่าทำไมลำไส้ทิ้งได้เป็น
00:02:12 → 00:02:14 สมองที่ 2 ได้เดี๋ยวเราจะมาคุยกันนะครับ
00:02:14 → 00:02:16 เนื้อหาส่วนที่ 2 เนี่ยมันจะเป็นเรื่อง
00:02:16 → 00:02:18 ที่เราคุยกันเรื่องของการค้นพบว่า
00:02:18 → 00:02:20 จุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่เนี่ยมันไปมีผลต่อ
00:02:20 → 00:02:23 การทำงานของสมองของเราได้ยังไงเราจะไปคุย
00:02:23 → 00:02:25 อย่างงานวิจัยบางงานวิจัยที่น่าสนใจกัน
00:02:25 → 00:02:28 เรามาเริ่มต้นที่เรื่องส่วนแรกกันก่อนนะ
00:02:28 → 00:02:31 ครับก็คือการคนเพราะว่าลำไส้ของเราเนี่ย
00:02:31 → 00:02:37 เปรียบได้กับการเป็นสมองที่สองของร่างกาย
00:02:37 → 00:02:40 มันคงจะบอกย่างนะครับว่าใครเป็นคนแรกนะ
00:02:40 → 00:02:42 ครับที่สังเกตว่าลำไส้กับสมองบันทำงาน
00:02:42 → 00:02:44 เกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดนะครับเพราะมัน
00:02:44 → 00:02:47 ชัดมากๆพูดง่ายๆก็คือว่าคนที่สังเกตุนะคง
00:02:47 → 00:02:50 จะพิมพ์เยอะมากนะครับคงจะทำให้ถ้วนแล้วก็
00:02:50 → 00:02:52 พอจะเดาได้ว่าตั้งแต่ยุคหินในก็คงมีคน
00:02:52 → 00:02:54 สังเกตนะครับอาจจะไม่ได้เป็นคำว่าสมองโดย
00:02:54 → 00:02:56 ตรงนะครับแต่ว่ามีคนสังเกตมานานว่าอารมณ์
00:02:56 → 00:02:59 กับทางเดินอาหารเนี่ยมันทำงานสัมพันธ์กัน
00:02:59 → 00:03:01 อย่างใกล้ชิดเธอคนนี้ก็คงจะเห็นนะครับว่า
00:03:01 → 00:03:03 เวลาเรามีความเจ็บป่วยของทางเดินอาหาร
00:03:03 → 00:03:05 เนี่ยมันทำไม่มีผลต่ออารมณ์และความคิดของ
00:03:05 → 00:03:09 เราได้มากมากกว่าการเจ็บป่วยของ oiy ตื่น
00:03:09 → 00:03:11 ในทางการฆ่านะครับเวลาที่เรามีความรู้สึก
00:03:11 → 00:03:13 เครียดนะครับรู้สึกกลัวจะกังวลนะครับหรือ
00:03:13 → 00:03:16 ว่ามีความรักนะครับเราก็จะรู้สึกปั่นป่วน
00:03:16 → 00:03:19 ในท้องได้นะครับเมื่อสักมวนๆท้องในแง่ของ
00:03:19 → 00:03:21 การย่อยก็ผิดปกติไปด้วยก็คือหลายคนจะรู้
00:03:21 → 00:03:23 สึกว่าเธอท้องมือถือมากขึ้นหลังการขับ
00:03:23 → 00:03:25 ถ่ายเนี้ยเปลี่ยนไปนะครับบางคนอาจจะเป็น
00:03:25 → 00:03:28 ท้องผูกมันคนละจะเป็นลักษณะของการถ่ายไว้
00:03:28 → 00:03:30 ขึ้นซึ่งก็คงมีคนสังเกตเรื่องพวกนี้มานาน
00:03:30 → 00:03:33 แล้วต่อมาเนี่ยเมื่อเริ่มมีบันทึกนะครับ
00:03:33 → 00:03:35 ของหมอเกิดขึ้นหมอสมัยโบราณเนี่ยตั้งแต่
00:03:35 → 00:03:38 สมัยยุคแรกๆนะครับก็มีการเขียนเรื่องนี้
00:03:38 → 00:03:40 ไว้ตัวอย่างเช่นนะครับตั้งแต่สมัยที่
00:03:40 → 00:03:42 progress นะครับซึ่งถือได้ว่าเป็นบิดา
00:03:42 → 00:03:45 ของการแพทย์โดนตบเนี่ยก็เขียนเหมือนกันนะ
00:03:45 → 00:03:48 ครับว่าเราต้องต่างๆรวมถึงโรคของสมอง
00:03:48 → 00:03:50 เนี่ยน่าจะมีจุดเริ่มต้นมาจากในทางเดิน
00:03:50 → 00:03:53 อาหารค่ำในช่องท้องอย่างไรก็ตามนะครับไม่
00:03:53 → 00:03:55 ว่าจะมีการบันทึกปลายในมาโดยตลอดนะคะไม่
00:03:55 → 00:03:57 ประสาทตาเหมือนกับไม่เคยมีการศึกษาแบบ
00:03:57 → 00:04:00 จริงจังนะครับที่เราคุ้นเคยกันเนี่ยนะมี
00:04:00 → 00:04:02 การพิสูจน์ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกันยัง
00:04:02 → 00:04:05 ไงนะครับจนกระทั่งประมาณศตวรรษที่ 18 นะ
00:04:05 → 00:04:07 ครับก็มีนักกายวิภาคชาวรังเศสนะครับที่
00:04:07 → 00:04:10 ว่ามาลีฟังสวนซาเลีย Richard นะครับซึ่ง
00:04:10 → 00:04:13 ตัวเขาเองเดี๋ยวก็ศึกษาด้วยการผ่าศพนะ
00:04:13 → 00:04:15 ครับผ่าศพผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้วเนี่ย
00:04:15 → 00:04:17 เราก็ศึกษาเราเพราะว่าระบบทางเดินอาหาร
00:04:17 → 00:04:20 ของมนุษย์เนี่ยมันจะมีเส้นประสาทในอยู่
00:04:20 → 00:04:24 อย่างหนาแน่นมากเขาได้เขียนว่ามันมีเส้น
00:04:24 → 00:04:26 ประสาทมากจนมันก็ว่ามันมีระบบประสาทของ
00:04:26 → 00:04:28 ตัวมันเองที่แยกจากระบบประสาทส่วนกลาง
00:04:28 → 00:04:32 ซึ่งก็คือหมายถึงระบบประสาทของสมองแล้วก็
00:04:32 → 00:04:34 ต้องใครสันหลังและวิชาเนี่ยเขาก็ยังเชื่อ
00:04:34 → 00:04:37 ด้วยนะครับว่าระบบประสาทที่อยู่แถวในท้อง
00:04:37 → 00:04:39 นะครับที่มีแรงแห่กันมากมายเนี่ยโดยเฉพาะ
00:04:39 → 00:04:42 ช่วงเช้าที่อยู่ตรงนี้ใกล้ปีเนี้ยมันคือ
00:04:42 → 00:04:44 คำอธิบายว่าทำไมเวลาที่เรามีอารมณ์อย่าง
00:04:44 → 00:04:47 ที่ว่าไปนะครับขึ้นตื่นเต้นกลัวนะครับขอ
00:04:47 → 00:04:50 รู้สึกรักหรือบนสับอกหักเนี่ยมาเลยรู้สึก
00:04:50 → 00:04:52 ปั่นป่วนในท้องได้แต่ว่าสิ่งที่วิชาพบนะ
00:04:52 → 00:04:54 ครับแล้วก็เขียนเอาไว้เนี่ยมันเหมือนกับ
00:04:54 → 00:04:56 เกินยุคสมัยนะครับเพราะว่าในตอนนั้นเนี่ย
00:04:56 → 00:04:58 มันไม่มีเครื่องมือหรือเทคโนโลยีอื่นที่
00:04:58 → 00:05:01 จะมาศึกษาเรื่องเนี้ยถ้าเติมคำว่าจอด
00:05:01 → 00:05:03 เลือกมากขึ้นดังนั้นสิ่งเขียนถึงเอาไว้
00:05:03 → 00:05:06 เดี๋ยวมันก็เลยถูกลืมไปจนกระทั่งอีก
00:05:06 → 00:05:08 ประมาณ 300 ปีต่อมาเนี่ยก็คือประมาณ
00:05:08 → 00:05:11 คริสต์ศักราช 1998 นะครับเพื่อประมาณสัก
00:05:11 → 00:05:14 20 ปีที่แล้วนะครับก็มีรักระยะสาดคนนึง
00:05:14 → 00:05:16 นะครับที่ว่ามั้ยเข้าเคอร์ชั่นนะครับที่
00:05:16 → 00:05:18 พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างจริงใจครั้ง
00:05:18 → 00:05:20 หนึ่งโดยเขาเขียนออกมาเป็นหนังสือเล่มนึง
00:05:20 → 00:05:22 นะครับชื่อหนังสือเนี่ยก็ค่อนข้างชัดเจน
00:05:22 → 00:05:24 เขียนว่าชั้นหนังสือก็คือเดอะแซคส์กัน
00:05:24 → 00:05:26 Brain นะครับหรือว่าสมองที่ 2 โดยเนื้อ
00:05:26 → 00:05:28 หาในหนังสือเนี่ยเขาพยามจะโน้มน้าวให้คน
00:05:28 → 00:05:31 อ่านนะครับรู้สึก Toy ตามว่าให้ทางเดิน
00:05:31 → 00:05:33 อาหารนะครับโดยเฉพาะลำไส้นะมันมีอะไรหลาย
00:05:33 → 00:05:37 ๆอย่างนะครับที่คล้ายคลึงกับสมองมากจนอาจ
00:05:37 → 00:05:39 จะเล็กได้ว่าลำไส้เหมือนก็เป็นสมองที่สอง
00:05:39 → 00:05:41 ของร่างกายคำถามก็คือว่าทำไมเขาถึงเชื่อ
00:05:41 → 00:05:43 ว่าลำไส้เนี่ยเป็นเหมือนสมองที่สองของ
00:05:43 → 00:05:45 ร่างกายเราอย่างแรกสุดเลยนะครับต้องเข้า
00:05:45 → 00:05:47 ใจว่าตอนที่เขาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
00:05:47 → 00:05:49 นะครับในเวลานั้นเนี่ยวงการวิทยาศาสตร์
00:05:49 → 00:05:51 ระหว่างการแพทย์จะมองว่าระบบทางเดินอาหาร
00:05:51 → 00:05:54 และเมื่อก็คือระบบท่อยาวท่อนึงนะครับจะ
00:05:54 → 00:05:56 เป็นท่อที่เหมือนกับทำหน้าที่ย่อยอาหาร
00:05:56 → 00:05:59 ได้ดูดซึมอาหารได้ในการย่อยอาหารนะครับก็
00:05:59 → 00:06:02 จะแม้ว่ามันจะเป็นการเอาสารเคมีนะครับมา
00:06:02 → 00:06:05 ผสมกับอาหารค่ะมาไลน์อาหารแล้วก็ตัวลำไส้
00:06:05 → 00:06:07 ก็ทำหน้าที่เหมือนกับ BB บทๆนะครับก็จะ
00:06:07 → 00:06:09 มันเครื่องบดอาหารทั่วไปจนกระทั่งอาหาร
00:06:09 → 00:06:12 เนี่ยนิ่มขึ้นเหลวขึ้นหรือว่ามีขนาดเล็ก
00:06:12 → 00:06:15 ลงนะครับแล้วก็ดูดซึมอาหารเข้าไปในเลือด
00:06:15 → 00:06:16 หรือพูดง่ายๆก็คือว่ามันไว้เป็นเครื่อง
00:06:16 → 00:06:19 ที่เหมือนกับบีบดบดอาหารธรรมดานะครับแต่
00:06:19 → 00:06:22 สิ่งที่เกิดช่อนเขาเฮ็ดก็คือเขาสังเกตว่า
00:06:22 → 00:06:24 ระบบทางเดินอาหารในมันมีจำนวนของเซลล์
00:06:24 → 00:06:27 ประสาทในอยู่เยอะมากๆนะครับต้องเลยจาก
00:06:27 → 00:06:29 เซลล์ประสาทแล้วเนี่ยพวกเสี่ยวภาษาเรา
00:06:29 → 00:06:31 เนี่ยก็จะมีเส้นประสาทที่คอยเชื่อมเธอ
00:06:31 → 00:06:33 ประสาทนะเข้าด้วยกันเป็นเน็ตเวิร์กที่หนา
00:06:33 → 00:06:35 แน่นมากๆซึ่งรวมแล้วเนี่ยเซลล์ประสาทที่
00:06:35 → 00:06:37 อยู่ในทางเดินอาหารเนี่ยมันมากกว่าที่พบ
00:06:37 → 00:06:41 ในใครสันหลังด้วยซ้ำพวกง่ายก็คือว่าให้
00:06:41 → 00:06:42 เซลล์ประสาทและใยประสาทที่มันหนาแน่น
00:06:42 → 00:06:46 เนี้ยมันเยอะกว่าที่พบในหอยยวะที่เรา
00:06:46 → 00:06:48 เรียกว่าเป็นอวัยวะในระบบประสาทซะอีกดัง
00:06:48 → 00:06:50 นั้นถ้าเรามองแค่ฮาร์ดแวร์นะครับคือมอง
00:06:50 → 00:06:52 แค่นี้แค่ดูว่ากะอยู่ข้างเป็นอย่างไร
00:06:52 → 00:06:54 เนี่ยก็เหมือนกับมันบอกให้เห็นแล้วว่า
00:06:54 → 00:06:56 อวัยวะเนี่ยมันไม่ใช่แค่ทอดธรรมดาธรรมดา
00:06:56 → 00:06:58 แน่ๆคารมเนี่ยถ้าจะเทียบนะครับอาจจะไม่
00:06:58 → 00:07:00 ครับว่าสมัยก่อนเนี่ยเราต่อเนื่องจากว่า
00:07:00 → 00:07:03 ลำไส้มันเป็นท่อ PVC นะครับท่อน้ำสู่ซ้าย
00:07:03 → 00:07:06 อาบน้ำธรรมดาทั่วๆไปแต่ละวันนึงแล้วเกิด
00:07:06 → 00:07:08 ไปเพราะว่าตัวท่อ PVC ที่ว่าเนี่ยมันมี
00:07:08 → 00:07:11 พวกแผงวงจรนะคะมีชิปเซ็ตเหมือนที่พบใน
00:07:11 → 00:07:13 คอมพิวเตอร์นะครับแล้วพบในมือถือมันก็อด
00:07:13 → 00:07:16 ตั้งคำถามได้ว่าทำไมท่อน้ำเนี่ยที่มันก็
00:07:16 → 00:07:19 ทำหน้าที่พื้นเนี่ยมันต้องมีชิปเซ็ตผม
00:07:19 → 00:07:22 อยู่ด้วยทำให้เกิดตั้งข้อสงสัยกันว่าให้
00:07:22 → 00:07:24 การทำงานของมันจะต้องซับซ้อนไปที่เรารู้
00:07:24 → 00:07:26 แน่ๆอย่างที่ 2 นะครับก็คือระบบทางเดิน
00:07:26 → 00:07:28 อาหารเนี่ยมันสามารถที่จะสร้างสารสื่อ
00:07:28 → 00:07:31 ประสาทได้ด้วยและไม่ใช่แค่สร้างได้นะครับ
00:07:31 → 00:07:33 แต่สารสื่อประสาทบางตัวนะครับที่พบในทาง
00:07:33 → 00:07:35 เดินอาหารเนี้ยมันเยอะกว่าที่พบในสมอง
00:07:35 → 00:07:38 ด้วยที่นิสารสื่อประสาทในคืออะไรนะครับ
00:07:38 → 00:07:41 จริงๆก็คือแค่สารเคมีนะครับหรือเป็นของ
00:07:41 → 00:07:43 เหลวที่เซลล์ประสาทเนี่ยมันใช้สื่อสาร
00:07:43 → 00:07:46 ระหว่างกันตัวอย่างของสารสื่อประสาทนะ
00:07:46 → 00:07:48 ครับที่ว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อนะ
00:07:48 → 00:07:51 ครับก็เช่นโชเนินนะครับขอดูปลามีนะครับ
00:07:51 → 00:07:53 กลับบ้านนะครับแล้วก็อื่นๆอีกนะครับก็คือ
00:07:53 → 00:07:56 พวกสารพวกนี้เราด้วยการค้นพบเหล่านี้นะ
00:07:56 → 00:07:58 ครับทำให้ต่อมาเนี่ยมันเกิดคำว่า n trick
00:07:58 → 00:08:00 Nova System ขึ้นมานะครับอารยะวะ
00:08:00 → 00:08:03 แนทนะครับเขาเอ็นเท้าเอกนะมันแปล
00:08:03 → 00:08:05 ว่าลำไส้นะครับแล้วก็ทางเดินอาหารส่วน
00:08:05 → 00:08:08 Nova System ในก็คือระบบประสาทพูดง่าย
00:08:08 → 00:08:10 ก็คือไปตรงตัวก็คือเป็นระบบประสาทที่อยู่
00:08:10 → 00:08:13 ภายในทางเดินอาหารส่วนชื่อย่อของมันเนียน
00:08:13 → 00:08:15 S เดี๋ยวขึ้นก็มีก็เป็นชื่อย่อที่ล้อกับ
00:08:15 → 00:08:18 ระบบประสาทส่วนกลางนะครับที่ยาวว่า
00:08:18 → 00:08:20 ซีเอ็นเอสนะครับซึ่งก็คือตัวสมองแล้วก็
00:08:20 → 00:08:22 ตัวใครสันหลังของเราแล้วด้วยเหตุผลเหล่า
00:08:22 → 00:08:24 นี้นะครับเคชั่นนี้ก็เลยบอกว่าเหมือนกับ
00:08:24 → 00:08:27 ร่างกายคนเราทำมันมีสมองอยู่ 2 กรได้กัน
00:08:27 → 00:08:29 นะครับสมองที่บนหัวเล่านะครับก็สมองที่
00:08:29 → 00:08:31 สองก็คือทางเดินอาหารหรือลำไส้และเขาก็
00:08:31 → 00:08:34 ยังพบด้วยว่าให้สมองข้างบนข้างล่างเนี่ย
00:08:34 → 00:08:37 มันมีการสื่อสารและทำงานระหว่างกันได้
00:08:37 → 00:08:40 อย่างใกล้ชิดด้วยก็เลยมาส่งคำถามทักไปนะ
00:08:40 → 00:08:42 ครับก็คือว่าให้สมองด้านบนค่ะสมองด้าน
00:08:42 → 00:08:44 ล่างเนี่ยหรือว่าทางเดินอาหารกับสมองเรา
00:08:44 → 00:08:49 เนี่ยะมันสื่อสารกันได้ยังไง
00:08:49 → 00:08:53 วิธีการที่ลำไส้ของเราจะสื่อสารกับสมองนะ
00:08:53 → 00:08:56 ครับหลักๆจะมีอยู่ 3 วิธีด้วยกันวิธีแรก
00:08:56 → 00:08:58 ของการสื่อสารผ่านระบบประสาทก็คือการใช้
00:08:58 → 00:09:01 สารสื่อประสาทน่ากลัวไปกับการสื่อสารผ่าน
00:09:01 → 00:09:04 เส้นประสาทวิธีที่ 2 เพื่อการสื่อสารผ่าน
00:09:04 → 00:09:07 ระบบภูมิคุ้มกันนะครับว่าจะมีสารเคมีขอ
00:09:07 → 00:09:09 พูดที่เรียกว่าไซโตไคน์เสมือนเป็นตัวกลาง
00:09:09 → 00:09:10 ในการสื่อสาร
00:09:10 → 00:09:13 วิธีที่ 3 คือการสื่อสารผ่านสังเฆหนิก
00:09:13 → 00:09:15 ชนิดนึงนะครับที่เราเรียกว่าเป็นฮอร์โมน
00:09:15 → 00:09:17 ที่เรามาดูรายละเอียดของแต่ละวิธีการชัก
00:09:17 → 00:09:20 น้อยนะครับแล้วจากวิธีการสื่อสารแบบผ่าน
00:09:20 → 00:09:23 ระบบประสาทนะครับคือปกติเซลล์ต่างๆในร่าง
00:09:23 → 00:09:25 กายของมนุษย์เนี่ยมันจะต้องมีวิธีการที่
00:09:25 → 00:09:28 จะคุยกันมันจะทำงานร่วมกันได้ดีสำหรับ
00:09:28 → 00:09:30 เซลล์ประสาทวิธีการหนึ่งที่เซลล์ประสาท
00:09:30 → 00:09:33 ใช้ก็คือเรื่องของการใช้สารเคมีก็เป็นของ
00:09:33 → 00:09:36 เหลวในการสื่อสารระหว่างกันซึ่งก็คือสาร
00:09:36 → 00:09:38 สื่อประสาทที่เราเพิ่งคุยกันไปในตอนต้น
00:09:38 → 00:09:40 คลิปนะครับแต่ว่าสารสื่อประสาทที่สร้าง
00:09:40 → 00:09:43 ขึ้นในทางเดินอาหารเลยในลำไส้เนี่ยมันไม่
00:09:43 → 00:09:45 สามารถที่จะขึ้นไปมีผลต่อสมองได้โดยตรง
00:09:45 → 00:09:48 เพราะว่าปกติสมองของเราเนี่ยมันจะมีมันก็
00:09:48 → 00:09:50 เป็นด่านหรือว่ากำแพงกันอยู่นะครับเพื่อ
00:09:50 → 00:09:52 ป้องกันให้สารเคมี vishay โรคที่หลุด
00:09:52 → 00:09:54 ออนไลน์เข้าไปในเลือดเนี่ยมันสามารถที่จะ
00:09:54 → 00:09:57 เข้าไปสู่สมองง่ายๆแต่ที่น่าสนใจก็คือว่า
00:09:57 → 00:10:00 แม้ว่าสารสื่อประสาทที่
00:10:00 → 00:10:02 ดีขึ้นในลำไส้และในทางเดินอาหารเนี่ยมัน
00:10:02 → 00:10:04 จะไม่สามารถเข้าไปที่เลือดแล้วก็เข้าไป
00:10:04 → 00:10:07 ขึ้นไปที่สมองได้แต่มันสามารถมีผลต่อการ
00:10:07 → 00:10:09 ทำงานของสมองได้มันทำได้ยังไงเนี่ยอันนี้
00:10:10 → 00:10:12 ต้องบอกว่าคนกันจริงๆยังไม่รู้แน่ชัดนะ
00:10:12 → 00:10:14 ครับแต่เชื่อว่าน่าจะผ่านเช่นประสาทเส้น
00:10:14 → 00:10:16 นึงที่มีชื่อว่าเส้นประสาท Vegas เส้น
00:10:16 → 00:10:18 ประสาทเส้นนี้นะครับจะเป็นเส้นประสาทที่
00:10:18 → 00:10:20 มีความยาวที่สุดในร่างกายของมนุษย์นะครับ
00:10:20 → 00:10:23 แล้วมันก็จะวิ่งจากสมองเนี้ยลากยาวนะครับ
00:10:23 → 00:10:26 ผ่านปลอดภัยหัวใจนะครับผ่านช่องออกเนี่ย
00:10:26 → 00:10:28 แล้วก็ทะลุกระบังลมแล้วเข้าไปในช่องท้อง
00:10:28 → 00:10:32 ระหว่างทางมันก็มีการแตกแขนงเป็นเป็นแขนง
00:10:32 → 00:10:34 ย่อยเนี่ยไปเลี้ยงส่วนต่างของอวัยวะที่
00:10:34 → 00:10:36 มันวิ่งผ่านนะครับที่พูดไปเมื่อกี้รวมถึง
00:10:36 → 00:10:39 เรื่องของทางเดินอาหารส่วนต่างๆมากมายนวด
00:10:39 → 00:10:41 ไปเรื่องของตัวหลอดอาหารครับตัวกระเพาะ
00:10:41 → 00:10:44 แล้วก็ตัวลำไส้ต่างๆคำว่าเวทการเสนอนะ
00:10:44 → 00:10:46 ครับจริงๆก็มีรากศัพท์มาจากคำที่แปลว่า
00:10:46 → 00:10:48 ไหมครับร่อนเร่พเนจรนะครับซึ่งจริงๆก็
00:10:48 → 00:10:51 บรรยายลักษณะของเส้นประสาทเส้นอีที่เป็น
00:10:51 → 00:10:54 ภาษาที่วิ่งยาวแล้วก็มันก็แวะตรงนู้นที
00:10:54 → 00:10:56 ตรงนี้ทีนะครับกว่าที่จะลงมาถึงที่เรนทาง
00:10:56 → 00:10:58 เดินอาหารและเมื่อเราศึกษารายละเอียดของ
00:10:58 → 00:11:00 ตัวเส้นประสาทเนี่ยมันก็น่าสนใจขึ้นได้
00:11:00 → 00:11:05 อีกเพราะว่าส่วนใหญ่คือประมาณสัก 89% 90%
00:11:05 → 00:11:07 ของเศรษฐศาสตร์ในตัวเซลล์ประสาทในการเสนอ
00:11:07 → 00:11:10 เนี่ยมันจะเป็นประสาทที่ส่งสัญญาณจากลำ
00:11:10 → 00:11:13 ไส้ขึ้นมาที่สมองซึ่งก็เหมือนเป็นการบอก
00:11:13 → 00:11:15 ใบ้ให้เรารู้ว่าลำไส้เนี่ยมันมีอิทธิพล
00:11:15 → 00:11:17 ต่อการที่เหมือนสมองมากก็คือมันมีการส่ง
00:11:17 → 00:11:20 สัญญาณขึ้นไปที่สมองเรียนจำนวนมากแล้ว
00:11:20 → 00:11:22 หนึ่งใดสัญญาณที่ส่งขึ้นไปเนี่ยก็เชื่อ
00:11:22 → 00:11:25 ว่ามาจากตวาสารสื่อประสาทที่ว่าไปนะครับ
00:11:25 → 00:11:27 ก็คือว่าลำไส้เนี่ยเซลล์ประสาทในซ้ายมือ
00:11:27 → 00:11:30 สร้างสารสื่อภาษาขึ้นมา 30 ประสาทมันก็
00:11:30 → 00:11:33 ต้องเส้นประสาทในก๊าซได้มันก็ไม่มีสามารถ
00:11:33 → 00:11:36 ไปมีผลต่อการทำงานของสมองได้สำหรับวิธี
00:11:36 → 00:11:38 การสื่อสารแบบที่สอนนะครับก็คือการสื่อ
00:11:38 → 00:11:41 สารผ่านระบบภูมิคุ้มกันฉันว่าวิธีการนี้
00:11:41 → 00:11:44 จริงๆมันก็ 3 กับที่เราเคยคุยกันไปแล้วนะ
00:11:44 → 00:11:46 ครับแม่พิสูจน์กันก่อนหน้านะครับหรือว่า
00:11:46 → 00:11:48 ตอนที่เราคุยเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันนะ
00:11:48 → 00:11:50 ครับซึ่งเราพูดถึงสารเคมีนะครับที่มีชื่อ
00:11:50 → 00:11:53 เรียกรวมๆว่าใส่ตัวคล้ายนะครับก็คือเป็น
00:11:53 → 00:11:55 การเคมีที่พกเซลล์ในระบบคู่กันเนี่ยมัน
00:11:55 → 00:11:58 ใช้สื่อสารระหว่างกันแล้วใส่ต่อขายทีหลัง
00:11:58 → 00:12:00 เอามาในลำไส้เรานี่นะครับอ่ะก็สามารถที่
00:12:00 → 00:12:03 เป็นกระตุ้นประสาทมิกาเซ่เช่นกันแต่นั้น
00:12:03 → 00:12:05 อะไรก็ตามนะครับที่เป็นครับต้นหรือว่าก่อ
00:12:05 → 00:12:07 ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกัน
00:12:07 → 00:12:09 นะครับที่เป็นการต้นและยามการทำงานของ
00:12:09 → 00:12:11 ระบบภูมิคุ้มกันและมีการหลั่งสารเคมีพวก
00:12:11 → 00:12:14 นี้ออกมาเนี่ยมันก็สามารถอยู่ส่งสัญญาณ
00:12:14 → 00:12:16 ขึ้นไปที่สมองได้เหมือนกันฉบับ dd3 นะ
00:12:16 → 00:12:19 ครับเพื่อการสื่อสารผ่านทางสารเคมีที่จะ
00:12:19 → 00:12:22 ปรับฮอร์โมนนะครับด้วย Hormone ที่ว่าใน
00:12:22 → 00:12:24 หลักๆก็คือจะเป็นฮอร์โมนที่หลังมาจากสมอง
00:12:24 → 00:12:26 นะครับก็คือกำลังจะสมองที่มีชื่อว่าให้โป
00:12:26 → 00:12:29 ธารามัสนะครับแล้วก็ส่งที่ที่สมองส่วนที่
00:12:29 → 00:12:32 ชื่อว่า pic จะวิกแรกนะครับแล้วก็จากนั้น
00:12:32 → 00:12:34 เนี่ยพิจาริ Grand เนี่ยตอบมันเป็นต่อม
00:12:34 → 00:12:36 ใต้สมองเลยก็จะหลั่งฮอร์โมนออกมาแล้วก็
00:12:36 → 00:12:39 ส่งมาที่ต่อมหมวกไตแล้วแต่หมดไปในก็จะ
00:12:39 → 00:12:41 หลั่งฮอร์โมนไปทีนึงซึ่งจะมีผลต่อส่วน
00:12:41 → 00:12:43 ต่างของร่างกายนะครับเครื่องจะลงไปถึง
00:12:43 → 00:12:46 ระบบทางเดินอาหารด้วยสำหรับในการหลั่ง
00:12:46 → 00:12:48 ฮอร์โมนจากสมองเที่ยวไฮโปทาลามัสนะครับ
00:12:48 → 00:12:50 พี่จรี Grand นะครับและวันที่ต่อมหมวกไต
00:12:50 → 00:12:53 นี้นะครับเอามันเป็นระบบที่มีชื่อย่อว่า S
00:12:53 → 00:12:56 P asx นะครับซึ่งตอนนี้ผมไม่อยากให้สน
00:12:56 → 00:12:58 ใจมากครับคืออยากจะเล่าให้ฟังผ่านเฉยๆนะ
00:12:58 → 00:13:01 ครับคือได้จริงๆเค้าอีกครั้งแรกไว้แต่ว่า
00:13:01 → 00:13:03 ตอนที่เราคุยเรื่องของข้อมูลต่างๆเราจะมา
00:13:03 → 00:13:05 คุยเรื่องระบบนี้กันอีกทีนะครับเพราะว่า
00:13:05 → 00:13:08 มันมีความสำคัญกับร่างกายค่อนข้างมากให้
00:13:08 → 00:13:10 ฮอร์โมนที่หลั่งมาจากต่อมหมวกไตนะครับที่
00:13:10 → 00:13:11 เราไม่จะนิยมเรียกกันเจ้าได้เป็นข้อมูล
00:13:11 → 00:13:14 เครียดนะครับหรือว่าคอร์ติซอลเนี่ยมัน
00:13:14 → 00:13:16 สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้ก็คือมันมีสามารถ
00:13:16 → 00:13:19 ที่จะย้อนกลับไปมีผลต่อสมองทำให้เกิดความ
00:13:19 → 00:13:21 รู้สึกซึมเศร้าได้นะคะว่าเกิดความรู้สึก
00:13:21 → 00:13:24 วิตกกังวลได้ซึ่งถ้าเป็นมากๆเนี่ยก็จะถึง
00:13:24 → 00:13:27 ขั้นที่เรียกว่ามีอาการวิตกกังวลเนี้ยถึง
00:13:27 → 00:13:30 ขั้นเรียกว่าผิดปกติได้ต่อเนื่องจากนี้นะ
00:13:30 → 00:13:32 ครับพอหมดตัวนี้ข้อที่เศร้าเนี่ยมันจะไป
00:13:32 → 00:13:34 กดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันด้วยเพราะ
00:13:34 → 00:13:36 เห็นกันแล้วนะครับว่าร่างกายในมันมีช่อง
00:13:36 → 00:13:39 ทางประมาณ 3 ช่องทางเนี่ยนะครับที่ทำให้
00:13:39 → 00:13:41 สมองด้านบนกับตัวลำไส้หรือว่าสมองด้าน
00:13:41 → 00:13:43 ล่างเนี่ยจะบอกที่ 2 เนี่ยมันสามารถที่จะ
00:13:43 → 00:13:46 สื่อสารกันได้ทำให้สมองบนสมองล่างเนี่ย
00:13:46 → 00:13:49 มันทำงานสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดและนี่ก็
00:13:49 → 00:13:51 คือคำอธิบายนะครับว่าทำไมเวลามีความผิด
00:13:51 → 00:13:54 ปกติของระบบทางเดินอาหารนะครับมันสามารถ
00:13:54 → 00:13:56 ที่จะไปมีผลต่ออารมณ์หรือมีผลต่อความคิด
00:13:56 → 00:13:59 ของเราได้มากและเช่นเดียวกันนะครับในทาง
00:13:59 → 00:14:02 กลับอยู่ในก็คือว่าอารมณ์ของเราเนี่ยก็
00:14:02 → 00:14:04 สามารถมีผลต่อการทำงานของระบบทางเดิน
00:14:04 → 00:14:06 อาหารได้มากเช่นกันโดยเฉลิมนะครับที่คุย
00:14:07 → 00:14:09 กันมาในส่วนได้นะครับจะเห็นว่าอันนี้คือ
00:14:09 → 00:14:11 กรอบความคิดใหม่ของช่วงเวลานั้นนะครับก็
00:14:11 → 00:14:14 คือประมาณปีค.ศ 2000 นะครับซึ่งก็คือจะ
00:14:14 → 00:14:17 เห็นว่าลำไส้ในมันมีความซับซ้อนกว่าที่
00:14:17 → 00:14:19 คิดนะครับแล้วก็มีความสามารถที่จะสื่อสาร
00:14:19 → 00:14:22 ใกล้ชิดและทำมันใกล้ชิดกับสมองแล้วในช่วง
00:14:22 → 00:14:24 เวลานั้นเนี่ยมันเป็นช่วงเวลาที่ความรู้
00:14:24 → 00:14:26 เกี่ยวกับใบครบไบโอมนะครับหรือว่า
00:14:26 → 00:14:28 จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเรา
00:14:28 → 00:14:30 เนี่ยมันยังไม่ค่อยเริ่มต้นสักเท่าไหร่
00:14:30 → 00:14:33 ถ้านี้เราจะมาดูเนื้อหาส่วนที่ 2 ของอภิ
00:14:33 → 00:14:35 ษฏนี้นะครับก็คือว่าเมื่อจุลินทรีย์ในลำ
00:14:35 → 00:14:38 ไส้ในมันๆกับเปิดตัวนะครับเข้ามาในวงการ
00:14:38 → 00:14:39 นักวิทยาศาสตร์ลูกแต่ว่าเรื่องของ
00:14:39 → 00:14:42 จุลินทรีย์ในร่างกายของเราในมากขึ้นและ
00:14:42 → 00:14:44 พญาสาดก็เริ่มเรียนรู้ว่าจุลินทรีย์ในลำ
00:14:44 → 00:14:47 ไส้ของเราเนี่ยมันมีผลต่อการทำงานของสมอง
00:14:47 → 00:14:52 เนี่ยเป็นอย่างมากด้วย
00:14:52 → 00:14:55 สปริงดาวในส่วนที่สองนะครับมันเริ่มต้น
00:14:55 → 00:14:58 ขึ้นในประมาณปีค.ศ 2004 นะครับโดยนัก
00:14:58 → 00:15:01 วิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น 2 คนอยู่ในช่วง
00:15:01 → 00:15:03 เวลานั้นนะครับเรื่องของไมโครไปโอเคนะ
00:15:03 → 00:15:04 ครับหรือว่า choosy ที่อาศัยอยู่ในลำไส้
00:15:04 → 00:15:07 ใหญ่ของเราเนี่ยมันก็เป็นเรื่องคิดในวง
00:15:07 → 00:15:09 การวิทยาศาสตร์นะครับแล้วก็มีนัก
00:15:09 → 00:15:12 วิทยาศาสตร์จำนวนมาเนี่ยสนใจแล้วก็เป็น
00:15:12 → 00:15:13 ที่รู้กันทั่วไปแล้วด้วยว่าจุลินทรีย์ใน
00:15:13 → 00:15:16 ลำไส้ใหญ่ของเราเนี่ยมันมีผลต่อการทำงาน
00:15:16 → 00:15:20 ของร่างกายในระบบต่างๆมากมายซึ่งเป็น
00:15:20 → 00:15:21 เรื่องที่เราคุยกันไปแล้วในหลายๆพี่โสด
00:15:21 → 00:15:24 ก่อนหน้านะครับทีนี้นักวิทยาศาสตร์
00:15:24 → 00:15:27 ญี่ปุ่นสำคัญนั้นก็คือโนโบยูกิสุดกนะครับ
00:15:27 → 00:15:30 ก็อยู่ในจิชิด่าเนี่ยเขาก็เกิดอยากจะรู้
00:15:30 → 00:15:34 ว่าให้จุนสินำไส้เนี่ยมันมีผลต่อสมองได้
00:15:34 → 00:15:36 หรือเปล่าเคยมีผลต่อส่วนอื่นของร่างกาย
00:15:36 → 00:15:39 แล้วเนี่ยมันจะมีผลต่อสมองบักมากน้อยแค่
00:15:39 → 00:15:42 ไหนแต่ถ้าเราพวกเค้านะครับก็เหมือนกับการ
00:15:42 → 00:15:44 ทะเลาะคนอื่นก็คือทำในหนูปลอดเชื้อด้วย
00:15:44 → 00:15:46 พวกเขาได้แบ่งการทดลองแล้วเป็น 2 เฟสด้วย
00:15:46 → 00:15:49 กันเฟซใครเนี่ยจะเป็นการทดลองเพื่อตอบคำ
00:15:49 → 00:15:52 ถาม basic เลยนะครับก็คือว่าหนูที่ปลอด
00:15:52 → 00:15:54 เชื้อเนี่ยเมื่อมันไปอยู่ในสถานการณ์ที่
00:15:54 → 00:15:58 มันน่ากลัวนะครับสมองของมันเนี่ยจะตอบ
00:15:58 → 00:16:00 สนองนะครับเราจะสร้างข้อมูลเครียดที่ต่าง
00:16:00 → 00:16:03 ไปจากหนูปกติหรือเปล่าการทดลองเนี่ยก็
00:16:03 → 00:16:05 ค่อนข้างตรงไปตรงมานะครับก็คือเข้าค่ะนำ
00:16:05 → 00:16:08 หนูปลอดเชื้อเนี่ยไปใส่ไว้ในท้องแค่ที่
00:16:08 → 00:16:10 ปิดเอาไว้นะครับซึ่งปกติสิ่งแวดล้อมแบบ
00:16:10 → 00:16:13 นี้มันจะสร้างความกลัวนะเค้าให้กับหนูจะ
00:16:13 → 00:16:15 นั้นเขาก็วัดข้อมลเครียดที่หลังวันใน
00:16:15 → 00:16:18 เลือดดูว่าพอโมไนมันมีความต่างจมูกปกติ
00:16:18 → 00:16:21 หรือเปล่าสิ่งที่พวกเขาปคือว่าหนูปลอด
00:16:21 → 00:16:22 เชื้อเนี่ยมันจะมีการหลั่งฮอร์โมนเครียด
00:16:22 → 00:16:25 ออกมามากกว่าหนูปกติเนี่ยประมาณ 2 เท่า
00:16:25 → 00:16:27 ด้วยกันจากนั้นเข้าสูตรที่ได้จากการทดลอง
00:16:27 → 00:16:30 เฟสใช้ก็คือว่าการที่หนูไม่มีจุลินทรีย์
00:16:30 → 00:16:33 ในลำไส้เนี่ยมันคงจะมีผลบางอย่างนะครับ
00:16:33 → 00:16:36 กับสมองทำให้หนูเรียนมีความเครียดได้ง่าย
00:16:36 → 00:16:39 กว่านะความเพศที่เพิ่มขึ้นมันไม่ใช่แค่
00:16:39 → 00:16:41 เห็นจากการวัดค่าคอมโอนที่อยู่ในเรื่อยๆ
00:16:41 → 00:16:44 นะครับถ้าไม่แสดงออกมาทางพฤติกรรมหูด้วย
00:16:44 → 00:16:47 ก็คือว่าหนูปลอดเชื้อเนี่ยมันดูมีความ
00:16:47 → 00:16:49 กังวลนะครับฤดูมีลักษณะเหมือนกับตัวเนี่ย
00:16:49 → 00:16:52 มากกว่าหนูปกติจากนั้นพวกเขาก็ทำการทดลอง
00:16:52 → 00:16:55 ในเฟสที่ 2 นะครับคือเศษถัดมาก็คือเขายัง
00:16:55 → 00:16:58 จะแก้ไขให้ภาวะนี้นะครับก็คือเพราะว่า
00:16:58 → 00:17:00 ความเคลื่อนที่มากเกินไปเนี่ยมีวิธีการ
00:17:00 → 00:17:03 แก้ก็คือการพยายามใส่จุลินทรีย์เนี่ยเข้า
00:17:03 → 00:17:05 ไปหนูปลอดเชื้อก็จะดูว่าเมื่อหนูเนี่ยมี
00:17:05 → 00:17:07 จุลินทรีย์ในร่างกายแล้วเนี่ยมี
00:17:07 → 00:17:09 จุลินทรีย์อยู่ในลำไส้แล้วเนี่ยมันจะตอบ
00:17:09 → 00:17:12 สนองต่อความเครียดหรือความกลัวเนี้ยน้อย
00:17:12 → 00:17:13 ลงหรือเปล่าก็คือมีความใกล้เคียงกับผู้
00:17:13 → 00:17:16 ปกติมากขึ้นหรือเปล่าผลปรากฏว่านะครับ
00:17:16 → 00:17:17 เมื่อให้จนสิครับแล้วเนี่ยมันก็ได้ช่วย
00:17:17 → 00:17:20 อะไรอยู่ดีนะครับก็การตอบสนองต่อความ
00:17:20 → 00:17:22 เครียดมันก็ยังเหมือนเดิมพวกเขาก็เลยตั้ง
00:17:22 → 00:17:25 คำถามต่อว่าเป็นไปได้ไหมว่าการให้
00:17:25 → 00:17:28 จุลินทรีย์ตอนที่หนูเนี่ยโตแล้วเนี่ยก็
00:17:28 → 00:17:30 คือสมองของหนูเนี่ยมันพัฒนาเกินไปแล้ว
00:17:30 → 00:17:33 เนี่ยมันไม่สามารถที่ไปเปลี่ยนได้ถ้าอยาก
00:17:33 → 00:17:35 จะได้ผลอาจจะต้องให้จุลินทรีย์ตั้งแต่ตอน
00:17:35 → 00:17:37 ที่หนูยังเป็นเด็กๆเลยก็คือว่าเหมือนกับ
00:17:37 → 00:17:40 ข้อเรามาได้ไม่นานเนี่ยเราให้จุลินทรีย์
00:17:40 → 00:17:42 เข้าไปไอเดียนี้มันก็เป็นไอเดียเรื่องของ
00:17:42 → 00:17:44 Brain Plus City นะครับก็คือเรื่องของ
00:17:44 → 00:17:47 ว่าที่เรารู้กันๆทั่วไปว่าสมองของเด็กได้
00:17:47 → 00:17:49 มันจะมีความยืดหยุ่นเนี่ยมากกว่าสมองผู้
00:17:49 → 00:17:51 ใหญ่ก็คือว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงง่าย
00:17:51 → 00:17:54 กว่าแต่เมื่อโตแล้วเนี่ยมันก็จะมีการ
00:17:54 → 00:17:56 เปลี่ยนแปลงได้ยากกว่าแล้วเพื่อทดสอบ
00:17:56 → 00:17:58 สมมติฐานในนะครับขอนักปัญญาศาสตร์สองคน
00:17:58 → 00:18:01 นี้นะครับเขาก็จะมาอีกครั้งหนึ่งโดยรอบ
00:18:01 → 00:18:02 นี้เนี่ยเข้านำหรือปลอดเชื้อในมาหลายตัว
00:18:02 → 00:18:05 ด้วยกันโดยที่หนูแต่ละตัวในจะมีอายุต่างๆ
00:18:05 → 00:18:08 กันไปก็คือมีตั้งแต่หนูแรกเกิดเลยนะครับ
00:18:08 → 00:18:10 แล้วก็หนูที่มีอายุหา 1 สัปดาห์ 2
00:18:10 → 00:18:13 สัปดาห์นะครับขอมาหลายตัวด้วยกันเสร็จ
00:18:13 → 00:18:15 แล้วเนี่ยก็พยายามที่จะแก้ไขความเครียด
00:18:15 → 00:18:18 เนี่ยด้วยการให้จุลินทรีย์เข้าไปก็คือจะ
00:18:18 → 00:18:20 ดูว่าหนูแต่ละวัยเนี่ยเมื่อได้จุลินทรีย์
00:18:20 → 00:18:22 ครับแล้วในมันสามารถที่จะแก้ไขได้ต่างกัน
00:18:22 → 00:18:24 ไหมคราวนี้เนี่ยเพราะว่าต่างครับแล้วก็
00:18:24 → 00:18:27 เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้ก็คือว่าอายุที่
00:18:27 → 00:18:29 ได้รับจุลินทรีย์เนี่ยมันจะมีผลต่อการตอบ
00:18:29 → 00:18:32 สนองของความเครียดจริงๆก็คือถ้าหนูปลอด
00:18:32 → 00:18:34 เชื้อได้รับจุลินทรีย์ตั้งแต่อายุในน้อย
00:18:34 → 00:18:36 นะครับก็คือเพิ่งเกิดสมองของหนูเนี่ยมัน
00:18:36 → 00:18:39 จะสามารถที่จะตอบสนองต่อความเครียดเนี่ย
00:18:39 → 00:18:41 ใกล้เคียงกับหนูปกติแต่เมื่อยิ่งอยู่อายุ
00:18:41 → 00:18:43 มากขึ้นเนี่ยกันให้จุลินทรีย์เข้าไปเนี่ย
00:18:43 → 00:18:46 มันจะมีผลช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเนี่ย
00:18:46 → 00:18:48 น้อยลงเรื่อยๆก็ลองนี้นะครับถึงได้ว่า
00:18:48 → 00:18:50 เป็นการเปิดประตูบานใหม่นะคะที่ทำให้เห็น
00:18:50 → 00:18:54 ว่าจน C ในลำไส้เนี่ยมันมีผลนะครับเรามี
00:18:54 → 00:18:57 ที่พลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาของสมอง
00:18:57 → 00:19:00 ของสารเรย์นมโดยเฉพาะในการและนี่ก็คือใน
00:19:00 → 00:19:03 หนูนะครับแล้วก็เป็นไปได้ว่ามันจะมีผล
00:19:03 → 00:19:06 ลักษณะคล้ายๆกันเนี่ยในสิ่งมีชีวิตอยู่
00:19:06 → 00:19:08 ด้วยซึ่งก็รวมไปถึงในคนด้วยแล้วจากนั้นนะ
00:19:08 → 00:19:11 ครับก็มีนักเรียนศาสตร์ที่สนใจนะคะมาทำไม
00:19:11 → 00:19:13 วิจัยเก็บว่าเรื่องมากขึ้นและยิ่งมีงาน
00:19:13 → 00:19:15 วิจัยออกมามากขึ้นเนี่ยก็ยิ่งเห็นอะไร
00:19:15 → 00:19:18 หลายๆอย่างที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นตัวอย่าง
00:19:18 → 00:19:20 เช่นมีงานวิจัยที่เพราะว่าจุลินทรีย์ในลำ
00:19:20 → 00:19:22 ไส้เนี่ยมันสามารถที่มีผลต่อพฤติกรรมของ
00:19:22 → 00:19:25 สัตว์ได้นะครับโดยเฉพาะเรื่องของพฤติกรรม
00:19:25 → 00:19:28 ว่าสัตว์เนี่ยจะกินอาหารแบบไหนคือชอบกิน
00:19:28 → 00:19:30 อาหารแบบไหนเช่นถ้ามีจุลินทรีย์แบบนึง
00:19:30 → 00:19:33 เนี่ยสัตว์ในก็จะชอบกินอาหารแบบหนึ่งแต่
00:19:33 → 00:19:34 ถ้าเราเปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ของมัน
00:19:34 → 00:19:37 เนี่ยมันก็จะชอบมาหานี่แบบหนึ่งซึ่งอัน
00:19:37 → 00:19:40 นี้เป็นการทดลองที่ทำในต่อคำเป็นแมลงหวี่
00:19:40 → 00:19:42 นะครับคำถามที่น่าสนใจก็คือว่าจุลินทรีย์
00:19:42 → 00:19:45 ที่อยู่ในลำไส้เนี่ยมันเป็นมีผลต่อความ
00:19:45 → 00:19:48 ชอบอาหารได้ยังไงนะครับว่ามีผลต่อเรื่อง
00:19:48 → 00:19:50 ของนิสัยและการเลือกกินของสัตว์เนี่ยก็
00:19:50 → 00:19:54 ยังไง
00:19:54 → 00:19:57 เรื่องของจุลินทรีย์เนี่ยที่มันมีผลต่อ
00:19:57 → 00:20:00 พฤติกรรมการกินเนี่ยฟังดูเนี่ยเพื่อนๆดู
00:20:00 → 00:20:02 เหมือนจะแปลกนะครับแต่ถ้าคิดดูจริงๆแล้ว
00:20:02 → 00:20:04 เนี่ยมันก็ต้องบอกว่ามันก็สามารถที่จะ
00:20:04 → 00:20:06 เข้าใจได้ไม่ยากนะครับเพราะจริงๆมันใกล้
00:20:06 → 00:20:09 ตัวเรามากตัวอย่างเช่นนะครับเราในคุ้นเคย
00:20:09 → 00:20:11 กันดีว่าในคนที่ตั้งครรภ์นะครับคือตั้ง
00:20:11 → 00:20:15 ท้องเนี่ยความชอบอาหารในจะเปลี่ยนไปก็คือ
00:20:15 → 00:20:17 ว่าอาหารบางอย่างนะครับที่จะเกาะนะเคยชอบ
00:20:17 → 00:20:19 ในก็กลับชอบมากขึ้นได้หรือบางอย่างที่
00:20:19 → 00:20:21 เกิดกลายเป็นของโปรดนะครับเพราะตั้งครรภ์
00:20:21 → 00:20:23 ขึ้นมาเนี่ยก็จากการเป็นของที่ไม่ชอบก็
00:20:23 → 00:20:26 ได้ลืมเม้นสิ่งนั้นไปก็ได้ซึ่งทั้งหมดนี้
00:20:26 → 00:20:27 มันก็เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ Hormone
00:20:27 → 00:20:31 ในร่างกายหรือในตัวเราเองนะครับไม่ต้องคน
00:20:31 → 00:20:33 ท้องก็ได้นะครับบางวันนี้อ่ะบางคนจะ
00:20:33 → 00:20:35 สังเกตว่าวันที่เราคลิกเครียดนะครับคนที่
00:20:35 → 00:20:38 เหนื่อยเนี่ยว่านอนไม่ค่อยพอเนี่ยความ
00:20:38 → 00:20:40 อยากอาหารพวกเราเนี่ยมันจะเปลี่ยนไปซึ่ง
00:20:40 → 00:20:41 ทั้งหมดนี้มันก็เกิดขึ้นจากการเปลี่ยน
00:20:41 → 00:20:43 แปลงของฮอร์โมนเช่นกันนะครับว่าเฉพาะพวก
00:20:43 → 00:20:46 ข้อมูลเครียดต่างๆแล้วในตอนแรกเราคุยกัน
00:20:46 → 00:20:48 ไปนะครับในช่วงต้นทองที่โสดแล้วก็คุยกัน
00:20:48 → 00:20:50 ว่าลำไส้เนี่ยมันสามารถที่จะสื่อสารเนี่ย
00:20:50 → 00:20:53 ขึ้นไปที่สมองได้นะครับแล้วก็มีผลให้เกิด
00:20:53 → 00:20:56 การหลั่งฮอร์โมนต่างๆออกมาจากสมองดังนั้น
00:20:56 → 00:20:58 นะครับจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้เนี่ยมัน
00:20:58 → 00:21:00 ก็สามารถที่จะสื่อสารก็ก็บอกได้เหมือนกัน
00:21:00 → 00:21:02 แล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ Hormone
00:21:02 → 00:21:05 ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน
00:21:05 → 00:21:07 ได้แล้วนะก็เป็นแค่หนึ่งในกลไกหนึ่งที่
00:21:07 → 00:21:10 เป็นไปได้นะครับมันยังมีอีกวิธีนึงนะครับ
00:21:10 → 00:21:12 ที่อาจจะเป็นไปได้นะครับแล้วก็เป็นวิธี
00:21:12 → 00:21:14 การที่เรียกได้ว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ของ
00:21:14 → 00:21:17 เราเนี่ยมันสามารถที่จะสื่อสารและคุยกับ
00:21:17 → 00:21:20 สมองของเราได้โดยตรงเลยก็อย่างนี้ครับจำ
00:21:20 → 00:21:22 สารเคมีที่เรียกว่าสารสื่อประสาททั้งหลาย
00:21:22 → 00:21:24 ได้ไหมครับที่เราพูดถึงว่ามีเซโรโทนินนะ
00:21:24 → 00:21:27 ครับก็มีเงินกลับบ้านฯลฯนะครับที่จริง
00:21:27 → 00:21:29 แล้วสารสื่อประสาทแล้วเนี้ยไม่ได้มีแต่
00:21:29 → 00:21:31 เซลล์ของมนุษย์เท่านั้นที่สร้างขึ้นมาได้
00:21:31 → 00:21:34 สารสื่อประสาทเหล่าเนี้ยมันยังพบในสิ่งมี
00:21:34 → 00:21:36 ชีวิตอื่นอีกมากมายนะครับว่าเป็นเรื่อง
00:21:36 → 00:21:39 ของพืชนะครับสัตว์ต่างๆหรือว่ากระทั่งพวก
00:21:39 → 00:21:41 จุลินทรีย์นะครับยนต์เรื่องของไปชะเลีย
00:21:41 → 00:21:43 เฌอร่าเนี่ยก็สามารถจะสร้างสารเคมีเรา
00:21:43 → 00:21:46 เนี่ยมาได้เช่นกันหรืออาจจะมองๆว่าจนสิ่ง
00:21:46 → 00:21:49 ลำไส้ของเราเนี่ยมันสามารถที่จะสร้างสาร
00:21:49 → 00:21:51 เคมีที่สามารถที่จะสื่อสารกับสมองของเรา
00:21:51 → 00:21:54 เนี่ยได้โดยกล่องแล้วสารเคมีเหล่านี้นะ
00:21:54 → 00:21:56 ครับว่าจะเป็นเรื่องของโซนอินโดมีนะครับ
00:21:56 → 00:21:59 ผมก็สามารถที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมเปลี่ยน
00:21:59 → 00:22:02 อารมณ์หรือดีความชอบของเราได้ยกตัวอย่าง
00:22:02 → 00:22:04 เล่นนะครับสมมติว่าเรากินอาหารชนิดหนึ่ง
00:22:04 → 00:22:06 เข้าไปนะครับและอาหารเนี่ยมันไปทำให้จน C
00:22:06 → 00:22:08 ในลำไส้ของเราเนี่ยสร้างสรรค์ดูปลามีน
00:22:08 → 00:22:11 ซึ่งเป็นสารความสุขมามากขึ้นให้ฉันความ
00:22:11 → 00:22:13 สุขนี้มันก็จะทำให้สมองของเราเนี่ยชอบกิน
00:22:13 → 00:22:15 อาหารนั้นจะรู้สึกอยากจะกินอาหารนั้นอีก
00:22:15 → 00:22:18 นะครับอยากกินบ่อยๆที่นี่จะเห็นว่าตัวที่
00:22:18 → 00:22:20 สร้างเราก็มีขึ้นมานะมันไม่ใช่สมองของเรา
00:22:20 → 00:22:22 ได้ทราบนะคะมันเป็นจุลินทรีย์นะสร้างขึ้น
00:22:22 → 00:22:24 มามันก็เลยไม่ค่อยจุลินทรีย์นะเนี่ยมัน
00:22:24 → 00:22:27 สามารถที่จะควบคุมสมองเขาได้นะครับจะให้
00:22:27 → 00:22:29 เราเขียนอาหารนั้นบ่อยขึ้นหรือว่ากิน
00:22:29 → 00:22:32 อาหารตามความชอบของจูเลียน 4 ในพิศลย์นี้
00:22:32 → 00:22:34 เราก็คุยกันไปเยอะนะครับทั้งนั้นก่อนที่
00:22:34 → 00:22:36 จะจบพิศวาสเดี๋ยวเรามาสรุปเรื่องทั้งหมด
00:22:36 → 00:22:38 ที่เราคุยกันไปสักรอบนะครับท่านๆนะครับ
00:22:38 → 00:22:41 อย่างแรกสุดนะครับข้อที่ 1 ก็คือเราเปิด
00:22:41 → 00:22:43 ที่สดนี้นะครับที่ประสาทของการค้นพบว่าลำ
00:22:43 → 00:22:46 ไส้เนี่ยมันเป็นหน่วยวัดที่มีอะไรหลายๆ
00:22:46 → 00:22:49 อย่างคล้ายกับสมองมากถึงขนาดที่มีนัก
00:22:49 → 00:22:51 เรียนสะอาดชื่อว่าใหม่เข้าคชั่นเนี่ยเสนอ
00:22:51 → 00:22:53 ว่าลำไส้ในเป็นเหมือนสมองที่สองของร่าง
00:22:53 → 00:22:56 กายข้อที่ 2 นะครับก็คือสมองบนนะครับสมอง
00:22:56 → 00:22:58 ร่างก็คือขนมทรายเนี่ยวันนี้การทำงานที่
00:22:58 → 00:23:02 สัมพันธ์กันอย่างไรที่ผ่านการสื่อสารด้วย
00:23:02 → 00:23:04 หลายวิธีการนะครับเช่นผ่านทางคอมโอนครับ
00:23:04 → 00:23:07 ผ่านสารเคมีที่สร้างให้จากระบบภูมิคุ้ม
00:23:07 → 00:23:09 กันผ่านสารสื่อประสาทนะครับที่มาจากทาง
00:23:09 → 00:23:11 เดินอาหารแล้วก็ที่สำคัญคือผ่านเส้น
00:23:11 → 00:23:14 ประสาทที่ช่วงการเสนอนะครับซึ่งตัวเส้น
00:23:14 → 00:23:16 ประสาทในการสอนทำหน้าที่เหมือนเป็นทาง
00:23:16 → 00:23:18 ด่วนเชื่อมระหว่างลำไส้กับสมองดังนั้นไร
00:23:18 → 00:23:21 ก็ตามที่เกิดขึ้นกับสมองนะครับก็สามารถลง
00:23:21 → 00:23:24 ไปมีผลต่อหลักการเมืองของลำไส้ได้และเช่น
00:23:24 → 00:23:26 เดียวกันอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับลำไส้
00:23:26 → 00:23:27 เนี่ยก็สามารถที่จะขึ้นไปมีผลต่อพัฒนาการ
00:23:27 → 00:23:31 ของสมองได้โดยตรงข้อที่ 3 นะครับก็คือใน
00:23:31 → 00:23:33 เวลาต่อมาเนี่ยนักเรียนศาสตร์ก็เริ่มรู้
00:23:33 → 00:23:35 จักเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า Micro Bio
00:23:35 → 00:23:36 นะครับก็คือจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ใน
00:23:36 → 00:23:38 เรื่องการของเราแล้วก็เพราะว่าจุลินทรีย์
00:23:38 → 00:23:41 ต่างๆที่อาศัยอยู่ในลำไส้เนี่ยก็สามารถ
00:23:41 → 00:23:43 ที่จะมีผลต่อพัฒนาการของสมองแหละอย่างมาก
00:23:43 → 00:23:45 ด้วยเช่นกันและจากนั้นนะครับวงการ
00:23:45 → 00:23:47 วิทยาศาสตร์ก็พบมากได้เรื่อยๆนะครับว่า
00:23:47 → 00:23:50 จุลินทรีย์ในลำไส้เนี่ยมาเกี่ยวข้องกับ
00:23:50 → 00:23:52 ขนาดของสมองโดยเริ่มตั้งแต่การเจริญเติบ
00:23:52 → 00:23:55 โตและพัฒนาการของสมองเลยตั้งเลยจากนั้น
00:23:55 → 00:23:57 เนี่ยจุลินทรีย์ก็ยังมีผลนะครับต่ออารมณ์
00:23:57 → 00:24:00 และครับเอาพฤติกรรมนะครับมีผลถ้าชอบของ
00:24:00 → 00:24:03 สัตว์ทดลองได้ด้วยซึ่งก็พอจะมีหลักฐาน
00:24:03 → 00:24:05 บ้างว่าในมนุษย์เนี่ยจะมีลักษณะที่ใกล้
00:24:05 → 00:24:08 เคียงกันแล้วเราก็ปิดท้ายพี่โสดนะครับว่า
00:24:08 → 00:24:10 เมื่อจนชินในลำไส้เนี่ยสามารถมีผลต่อ
00:24:10 → 00:24:13 พัฒนาการของสมองได้มากขนาดนี้มันก็เป็นไป
00:24:13 → 00:24:16 ได้ว่าจุลินทรีย์ต่างๆในลำไส้เนี่ยมัน
00:24:16 → 00:24:18 สามารถมีผลต่อการทำงานของสมองในลักษณะที่
00:24:18 → 00:24:20 ผิดปกติได้ด้วยซึ่งก็จะเป็นรุ่นที่เราคุย
00:24:20 → 00:24:23 กันต่อไปในสองอันสดหน้าครับแล้วทั้งหมด
00:24:23 → 00:24:25 นี้นะครับที่คุยกันมานั้นก็คิดว่าน่าจะพอ
00:24:25 → 00:24:28 เห็นภาพกันมากขึ้นนะครับว่าสมองของเรานะ
00:24:28 → 00:24:30 ครับลำไส้แล้วก็จุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ใน
00:24:30 → 00:24:32 ลำไส้ของเราเนี่ยมันมีการทำงานที่เกี่ยว
00:24:32 → 00:24:35 ข้องหรือว่าใกล้ชิดกันมากแค่ไหนแต่ที่คุย
00:24:35 → 00:24:37 กันมาเนี่ยก็บอกว่าเป็นระดับแค่เหมือน
00:24:37 → 00:24:39 พื้นฐานเท่านั้นนะครับเป็นโชว์นะครับจริง
00:24:39 → 00:24:41 ๆยังมีความซับซ้อนและมีอะไรที่น่าสนใจอีก
00:24:41 → 00:24:44 มากนะครับและความรู้ด้านเนี้ยต้องบอกว่า
00:24:44 → 00:24:46 มันเพิ่งเริ่มต้นนะครับผมชื่อว่าในอนาคต
00:24:46 → 00:24:49 เนี่ยมันจะมีการค้นพบลายที่น่าสนใจและก็
00:24:49 → 00:24:52 แปลกๆมากมายสำหรับเนื้อหาในพิศวาสหน้านะ
00:24:52 → 00:24:54 ครับที่เราจะคุยกันเนี่ยมันก็ยังอยู่ใน
00:24:54 → 00:24:56 เรื่องเดิมนะครับเราก็ยังคุยเรื่องของจู
00:24:56 → 00:25:00 ชินนำไส้กับสมองอยู่แต่ว่าเราจะพูดถึง Pro
00:25:00 → 00:25:02 นะครับโดยเฉพาะโรคนึงนะครับซึ่งเป็นโรค
00:25:02 → 00:25:04 ที่ปัจจุบันเนี่ยเพราะว่ามีเด็กป่วยโรค
00:25:04 → 00:25:06 เนี้ยเพิ่มขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆนะครับเพิ่ม
00:25:06 → 00:25:09 ขึ้นเร็วด้วยตรงนี้เป็นโรคที่เกี่ยวข้อง
00:25:09 → 00:25:12 กับการเจริญและการพัฒนาของสมองแล้วก็มี
00:25:12 → 00:25:15 ข้อมูลมากได้ด้วยนะครับว่าการพัฒนาที่ผิด
00:25:15 → 00:25:17 ปกติเนี้ยน่าจะเกี่ยวข้องกับการเสียสมดุล
00:25:17 → 00:25:20 ของจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วยครบที่ว่าเนี่ย
00:25:20 → 00:25:24 ก็คือโรคคอที่เสริมนะครับแต่ก่อนจะจากกัน
00:25:24 → 00:25:26 ไปนะครับก่อนที่จะจบไปพี่โสดนี้นะครับก็
00:25:26 → 00:25:29 ได้เวลาที่เราจะมาพูดถึงผู้สะสมซีรีส์ใส่
00:25:29 → 00:25:32 ครบในองค์ของเรากันนะครับบริษัทหมดการ์ด
00:25:32 → 00:25:34 ครับช่วงเวลาที่สัญญากันไว้นะครับก็คือจะ
00:25:34 → 00:25:37 เล่าเกี่ยวกับผู้สับสน Series ใน Chrome
00:25:37 → 00:25:39 ไอโอมของเรานะครับบริษัทมดกัดนะครับ
00:25:39 → 00:25:42 บริษัทนนทกานต์นะครับเป็นบริษัทที่ก่อ
00:25:42 → 00:25:43 ตั้งขึ้นโดยนักวิจัยนะคะเป็นทีมนะคะ
00:25:43 → 00:25:45 ยศาสตร์ที่เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยี
00:25:45 → 00:25:47 Micro Bio นะครับจากมหาวิทยาลัย
00:25:47 → 00:25:50 เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบางมดนะครับ
00:25:50 → 00:25:53 โดยทางทีมของนักเรียนศาสตร์ของ
00:25:53 → 00:25:55 มหาวิทยาลัยนะครับของบางบอนนะครับได้ร่วม
00:25:55 → 00:25:58 มือกับภาคเอกชนก็คือบริษัทไบโอเทค Global
00:25:58 → 00:26:01 Version นะครับต่อไปสมัยขึ้นมานะครับ
00:26:01 → 00:26:03 แล้วก็ให้ชื่อว่าเป็นบริษัทมดกัดนะครับ
00:26:03 → 00:26:07 เขาหมดเนี่ยมาจากคำว่าบางมดนะครับสกัดนะ
00:26:07 → 00:26:09 ครับจะอยู่ที่กัดเนี่ยเป็นคำในภาษาอังกฤษ
00:26:09 → 00:26:12 นะครับที่นิยมใช้ในทางการแพทย์จะมีความ
00:26:12 → 00:26:14 หมายว่าลำไส้จะนี่บริษัทมดกัดทำอะไรนะ
00:26:14 → 00:26:16 ครับทางวัดการ์ดเนี่ยก็คือเปิดให้บริการ
00:26:16 → 00:26:19 นะครับตรวจแล้วก็วิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำ
00:26:19 → 00:26:22 ไส้แก่คนทั่วไปเพื่อให้คนที่ไปตรวจนะครับ
00:26:22 → 00:26:24 หรือตัวคุณเนี้ยได้รู้ว่าสภาวะของ
00:26:24 → 00:26:26 จุลินทรีย์นำไส้ของตัวเองเนี่ยอยู่ใน
00:26:26 → 00:26:29 สภาวะแบบไหนสำหรับท่านไหนนะครับที่สนใจ
00:26:29 → 00:26:31 แล้วก็อยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
00:26:31 → 00:26:34 บริษัทมดกัดนะครับเช่นประโยชน์ที่จะได้
00:26:34 → 00:26:36 จากการตัวนั้นมีอะไรบ้างนะครับแล้วก็ใน
00:26:36 → 00:26:38 การตรวจยังมีรายละเอียดอะไรบ้างยังไงบ้าง
00:26:38 → 00:26:41 นะครับหรือว่าขั้นตอนในการตรวจมันดีไป
00:26:41 → 00:26:43 เรียกอะไรบ้างผมจะแปะลิงค์ไว้ใต้
00:26:43 → 00:26:45 Description นะครับหรือว่าเอาไว้ในช่อง
00:26:45 → 00:26:48 คอมเม้นต์นะครับใครสนใจในก็ลองติดต่อไป
00:26:48 → 00:26:50 คุยเพิ่มเติมดูได้นะครับเพราะว่าถ้าบอก
00:26:50 → 00:26:52 ความรู้ทางด้านนี้มันเปลี่ยนเร็วมากนะ
00:26:52 → 00:26:54 ครับท่านที่มาดูคลิปเนี่ย 3 เดือน 6
00:26:54 → 00:26:56 เดือนแล้วว่าปีหนึ่งจากที่ผมโพสหรือว่าลง
00:26:56 → 00:26:59 คลิปไว้เนี่ยก็จะมีความรู้ใหม่ๆเนี้ยที่
00:26:59 → 00:27:02 ต่างไปจากเดิมไหมออกมามากมายนะครับถ้าสน
00:27:02 → 00:27:05 ใจก็ลองติดต่อดูนะครับมดกัดนะครับสิ่ง
00:27:05 → 00:27:07 เล็กๆที่สร้างให้ชีวิตเราต่างกันสำหรับ
00:27:07 → 00:27:10 วันนี้ผมขอลาไปเกาะนะครับว่าเรามาพบกัน
00:27:10 → 00:27:12 ใหม่ในโซนหน้านะครับมีซีรีส์ของไม่ค่อย
00:27:12 → 00:27:16 โอมส่วนนี้ครับอ่า