00:00:06 → 00:00:07 ก็
00:00:07 → 00:00:12 สวัสดีค่ะทุกคนวันนี้นะคะหมอจะไม่มาพูด
00:00:12 → 00:00:18 เรื่องตาแล้วก็ไม่มาพูดเรื่องโควิชหรอแต่
00:00:18 → 00:00:22 ว่าจะมาพูดเรื่องของสมองของคนเราค่ะหมอ
00:00:22 → 00:00:25 เชื่อว่าช่วงนี้ทุกคนกำลังแบบเครียดกับ
00:00:25 → 00:00:27 สิ่งที่เกิดขึ้นนะคะไม่ว่าจะเป็น
00:00:27 → 00:00:31 สถานการณ์บ้านเมืองอะไรต่างๆก็แล้วแต่วัน
00:00:31 → 00:00:34 นี้เลยอยากจะเอาเรื่องแบบเหมือนกับ
00:00:34 → 00:00:40 การทำยังไงให้สมองเราเนี่ยมีพลังเพิ่ม
00:00:40 → 00:00:45 ขึ้นกว่าเดิมถึง 12 เท่านะคะเดี๋ยววันนี้
00:00:45 → 00:00:47 ไปฟังกันค่ะ
00:00:47 → 00:00:53 เอ่อเอ่อ K
00:00:53 → 00:00:55 ม.ค
00:00:56 → 00:00:57 โน้ท
00:00:57 → 00:01:01 ค่ะวันนี้เป็นไงบ้างคะแบบเอ่อไลฟ์สวยไหม
00:01:01 → 00:01:05 เป็นการจัดแสงที่ชอบมากเลยนะคะตอนแรก
00:01:05 → 00:01:09 เนี่ยเธอก็คิดว่าทำไมแบบเวลาที่เราไลน์
00:01:09 → 00:01:12 ป่ะอันนี้นอกเรื่องนิดนึงนะคือแสงมันแบบ
00:01:12 → 00:01:15 เหลืองปรากฏว่าไฟห้องเราอ่ะมันเป็นสี
00:01:15 → 00:01:18 เหลืองตั้งนั้นแสงที่ตกลงมาก็เลยเป็นสี
00:01:18 → 00:01:21 เหลืองอันนี้เชื่อไหมคะว่าปิดไฟห้องพอปิด
00:01:21 → 00:01:25 ไฟห้องแล้วก็ใช้ไฟแบบเกิดจากกับไฟจับสอบ
00:01:25 → 00:01:28 บอกอ้ะมันก็ทำให้แบบเหมือนหน้าเราเนี้ย
00:01:28 → 00:01:31 โอเคขึ้นแล้วก็ใส่ที่มันแบบเหลืองๆเนี่ย
00:01:31 → 00:01:35 เออดูดีขึ้นเนาะเนี่ยก็เลยแบบได้แบบ
00:01:35 → 00:01:40 เทคนิคใหม่กับการร้ายเลยนะคะโอเค
00:01:40 → 00:01:44 ก็คือเรื่องของเรื่องที่หมอไปศึกษาเกี่ยว
00:01:44 → 00:01:48 กับสมองเนี่ยะก็เพราะว่ามีวันนึงไม่ใช่
00:01:48 → 00:01:52 วันนึงหรอกก็คือทุกครั้งที่ผ่านมาเนี่ย
00:01:52 → 00:01:55 หมอเป็นคนที่ชอบลืมมากนะคะเออล่าสุดเนี่ย
00:01:55 → 00:01:59 มีคุณน้านะคะจะฝากของกลับมาที่กรุงเทพฯ
00:01:59 → 00:02:04 ต่างจังหวัดและที่เนี้ยเราก็คุยกันแบบนาน
00:02:04 → 00:02:07 มากประมาณ 3-4 ครั้งสุดท้ายเธอเราก็ลืม
00:02:07 → 00:02:11 จริงเนาะก็เลยแบบเอ้ทำไมเราถึงแบบเป็นคน
00:02:11 → 00:02:14 ขี้ลืมอีกอย่างนึงนะคะก็คือชอบนึงประจำก็
00:02:14 → 00:02:17 คือที่จอดรถเวลาไปห้างหรือว่าไปอะไรเนี่ย
00:02:17 → 00:02:20 ก็ต้องถ่ายรูปไว้เสมอขนาดที่จอดรถที่
00:02:20 → 00:02:24 คอนโดมีประมาณ 3 ชั้นหมอยังลืมเลยนะคะบาง
00:02:24 → 00:02:28 ทีเนี่ยเออเราเนี่ยสมมติเราไปจอดเสร็จใช่
00:02:28 → 00:02:30 ไหมตอนเช้าแล้วตื่นขึ้นมาลืมแล้วเอาว่า
00:02:30 → 00:02:32 เราจอดไว้ที่ไหนอะไรแบบเนี้ยมีใครเป็น
00:02:32 → 00:02:33 บ้างไหม
00:02:33 → 00:02:42 นี้ขี้ลืมมากนะคะก็แล้วก็อีกอย่างนึง
00:02:42 → 00:02:45 และอีกอย่างนึงคือคนไข้ต้อหินนะคะเหมาะ
00:02:45 → 00:02:47 สังเกตว่า
00:02:47 → 00:02:51 ถ้าชอบลืมอยากหย่ากันทุกคนเหมือนกันตอน
00:02:51 → 00:02:54 แรกเนี่ยเราก็คิดว่าเออคงอายุมากขึ้นละ
00:02:54 → 00:02:58 มั้งคนไข้ต้อหินฮะก็จะมีแต่คนแบบอายุมาก
00:02:58 → 00:03:01 ใช่ไหมคะกับ 70 80 เนี้ยก็อาจจะลืมได้
00:03:01 → 00:03:05 เป็นธรรมดาตามอายุแต่ที่เนี้ยมันก็จะมีคน
00:03:05 → 00:03:08 อีกกลุ่มนึงอ่ะที่ไม่เคยลืมที่จะหยอดอย่า
00:03:08 → 00:03:12 เลยเป็นเวลาแบบสิบสิบปีเขาก็ไม่เคยลืมแม้
00:03:12 → 00:03:15 แต่วันเดียวอ่ะเออทั้งๆที่เค้าก็อายุแบบ
00:03:15 → 00:03:18 อายุมากแล้วเหมือนกันนะเนี่ยมันเป็นอะไร
00:03:18 → 00:03:22 ที่แบบเฮ้ยเกิดอะไรขึ้นทำไมบางคนถึงลืม
00:03:22 → 00:03:24 ทำไมบางคนถึงไม่ลืมถ้างั้นอ้ะมันจะเกี่ยว
00:03:25 → 00:03:27 กับค่ะยุจริงหรือเปล่าสมองเราเกี่ยวกับ
00:03:27 → 00:03:29 อายุจริงหรือเปล่าที่อายุมากแล้วเราจะ
00:03:29 → 00:03:32 ต้องลืมหมอก็เลยเป็นที่มาให้ออกไปศึกษา
00:03:32 → 00:03:36 ข้อมูลนี้มาแล้วก็ข้อมูลนี้นะคะเป็นข้อ
00:03:36 → 00:03:38 มูลที่เจ๋งมากเนี่ยเดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง
00:03:38 → 00:03:41 นะคะ
00:03:41 → 00:03:45 แต่ที่นี้สมองมันเป็นอวัยวะเดียวที่จะไม่
00:03:45 → 00:03:49 เปลี่ยนแปลงตามอายุอย่างเช่นตาเนี่ยเมื่อ
00:03:49 → 00:03:51 อายุ 40 ปีจะมองใกล้ไม่ชัดแล้วใช่ไหมคะ
00:03:51 → 00:03:56 อันเนี้ยแน่นอนเป็นพายุข้อเข่าก็จะเสื่อม
00:03:56 → 00:04:00 ตามอายุแต่สมองไม่เสื่อมน้ำอายุค่ะมีข้อ
00:04:00 → 00:04:04 มูลจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน University
00:04:04 → 00:04:07 ของประเทศสหรัฐอเมริกาถ้าจะไม่ผิดนะ
00:04:07 → 00:04:12 เขาอ่ะศึกษาแล้วเขาก็ตีพิมพ์เกี่ยวกับ
00:04:12 → 00:04:19 เรื่องของสมองว่าตัวสมองเนี่ยสามารถที่จะ
00:04:19 → 00:04:24 อาลี New อารีนิวก็คือตัวเซลล์ของสมองหา
00:04:24 → 00:04:27 สามารถที่จะเกิดขึ้นมาใหม่ได้
00:04:27 → 00:04:31 โอ้โห้โหเจ๋งมากก็เลยเป็นที่มาว่าทำไม
00:04:31 → 00:04:35 เมื่อเราอายุมากสมองเราถึงไม่เสื่อมจะไป
00:04:35 → 00:04:38 ด้วยเออ
00:04:38 → 00:04:43 บ่เคยเห็นไหมคะคนที่เป็นนักธุรกิจที่เขา
00:04:43 → 00:04:47 อายุเยอะๆยังมีชาร์จแบนสั้นเขาก็อายุแบบ
00:04:47 → 00:04:50 70 ล้อม 70 ประมาณ 700 แต่ว่าเขาก็ยังมี
00:04:50 → 00:04:55 ความคิดมีสมองมีไอเดียที่แบบบรรเจิดอยู่
00:04:55 → 00:04:57 ตลอดเวลานักธุรกิจเมืองไทยหลายคนก็เหมือน
00:04:57 → 00:05:00 กันนะคะเจ้าสัวต่างๆที่เขาเยอะๆแล้วอ้า
00:05:00 → 00:05:02 แต่เขาก็ยังทำงานสามารถที่จะคิดอะไรได้
00:05:02 → 00:05:05 ดังนั้นอันนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันมากๆนะคะ
00:05:05 → 00:05:13 ว่าสมองอ่ะมันไม่ได้เสื่อมตามอายุนะ
00:05:13 → 00:05:18 ณที่นี้กระบวนการที่เราใช้จำกับกระบวนการ
00:05:18 → 00:05:20 ที่เราใช้คิดสร้างสรรค์เนี่ยมันอาจจะมี
00:05:20 → 00:05:23 การเอ่อแตกต่างกันนิดหน่อยนะคะความคิด
00:05:23 → 00:05:25 สร้างสรรค์หรือว่าความคิดใหม่ๆไอเดียใหม่
00:05:25 → 00:05:29 ๆที่เราเกิดขึ้นอ้ะมันเกิดจากการที่เส้น
00:05:29 → 00:05:33 ประสาทมันเชื่อมมันเชื่อมกันพอมีการ
00:05:33 → 00:05:36 เชื่อมกันเสร็จปุ๊บเนี่ยเราก็จะสามารถที่
00:05:36 → 00:05:39 จะคิดไอเดียใหม่ได้ซึ่งการที่เราจะทำให้
00:05:39 → 00:05:43 เชื่อมกันบางทีเราต้องฝึกฝนไม่ใช่เออไม่
00:05:43 → 00:05:46 ได้อยู่ดีๆแล้วเราก็จะเป็นได้นะคะเขาขบวน
00:05:46 → 00:05:49 การนี้มันสามารถที่จะฝึกได้ให้เรามี
00:05:49 → 00:05:52 ไอเดียที่แบบบันจึงได้
00:05:52 → 00:05:56 อีกทีนะถังการที่สมองออกใหม่กับการแบบ
00:05:56 → 00:05:59 เหมือนเอ่อสมองมันมีไอเดียคิดอ่ะอันนี้
00:05:59 → 00:06:02 มันสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเลยเรา
00:06:02 → 00:06:05 สามารถที่ฝึกได้เกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา
00:06:05 → 00:06:09 นะคะเป็นอะไรที่ 7 มากๆ
00:06:09 → 00:06:10 รอ
00:06:10 → 00:06:13 นานนิดนึงนะครับ
00:06:13 → 00:06:15 ม.ค
00:06:15 → 00:06:16 ดู
00:06:16 → 00:06:22 สินี้แต่ทำไมบางคนน่ะลืมแต่ทำไมบางคนไม่
00:06:22 → 00:06:26 ลืมบางคนคิดไอเดียได้บางคนคิดไม่ได้เขาพบ
00:06:26 → 00:06:31 ว่ามี 4 ปัจจัยนะคะที่ทำให้สิ่งเหล่านั้น
00:06:31 → 00:06:36 ที่ทำให้สมองเราแตกต่างกันค่ะมีปัจจัยแรก
00:06:36 → 00:06:38 นะคะคือ
00:06:38 → 00:06:41 และสิ่งแวดล้อม
00:06:41 → 00:06:43 พ.ย
00:06:43 → 00:06:45 และสิ่งแวดล้อม
00:06:45 → 00:06:48 อยู่ในขี้เนี่ยไม่ได้หมายถึงแต่แบบ
00:06:48 → 00:06:51 ภูมิศาสตร์ไม่ได้หมายถึงห้องที่เราอยู่
00:06:51 → 00:06:55 อากาศที่เราสูดเข้าไปนะคะแต่หมายถึง
00:06:55 → 00:06:58 โซเชียลมีเดีย
00:06:58 → 00:06:58 มี
00:06:58 → 00:07:02 การเสพ Social Media
00:07:02 → 00:07:07 เธอคนที่อยู่รอบตัวครอบครัวอันเนี้ยจะทำ
00:07:07 → 00:07:10 ให้
00:07:10 → 00:07:13 แต่ลาว่ะ
00:07:13 → 00:07:16 เธอมีเขาแล้วอะไรอ่ะทำให้คนเราไม่เหมือน
00:07:16 → 00:07:19 กันเพราะว่าเราเสร็จต่างกันค่ะอย่างเช่น
00:07:19 → 00:07:22 โซเชียลมีเดียชัดเจนมากเวลาที่จะเขียน
00:07:22 → 00:07:25 ข่าวเขาจะเขียนที่ข่าวที่มันแบบไม่ค่อย
00:07:25 → 00:07:27 เดียวเขาถึงค่ะได้แล้วเนี้ยอันนี้ก็ไม่
00:07:27 → 00:07:30 ได้ว่านะเท่าที่สังเกตดูคนตามธรรมชาติของ
00:07:30 → 00:07:33 มนุษย์อ่ะอาจจะชอบความที่เป็นแบบข่าว -
00:07:33 → 00:07:36 อยู่แล้วที่นี้พอเราเสร็จข่าวลบเยอะๆสิ่ง
00:07:36 → 00:07:38 ที่เราอ่ะจะคิดอ่ะก็คือเราไม่สามารถ
00:07:38 → 00:07:41 Control อะไรได้เลยแล้วเราก็จะมีความคิด
00:07:41 → 00:07:43 ที่แบบ
00:07:43 → 00:07:46 เอ่อเอ่อเออเหมือนกับ
00:07:46 → 00:07:48 More in Security อังกฤษอ่ะพิเศษก็คือ
00:07:48 → 00:07:51 ไม่ปลอดภัยอะไรอย่างซึ่งความไม่ปลอดภัย
00:07:51 → 00:07:55 เนี่ยเป็นที่มาบอกระดับความอยู่ในร่างของ
00:07:55 → 00:07:58 สมองทำให้เราแบบคิดอะไรไม่ออกคิดอะไรไม่
00:07:58 → 00:08:01 ได้นะคะทีนี้
00:08:01 → 00:08:06 และนอกจากนี้ก็มีอีก 3 ปัจจัยได้แก่
00:08:06 → 00:08:10 มีการกินอาหารก็มีส่วนหนึ่งที่ทำให้เรา
00:08:10 → 00:08:13 คิดออกไม่ออกนะการกิน
00:08:13 → 00:08:18 มีความเครียดเราก็อารมณ์เป็น 4 อย่าง
00:08:18 → 00:08:19 มี
00:08:19 → 00:08:23 อารมณ์กับคำเครียดเนี่ยค่อนข้างที่ชัดเจน
00:08:23 → 00:08:26 มากๆนะคะเพราะว่าลองสังเกตตัวเองดูก็ได้
00:08:26 → 00:08:30 เอิ่มอ๋อก็สังเกตประจำช่วงที่หมอลืมที่
00:08:30 → 00:08:33 จอดรถอ่ะมันประมาณ 2 3 เดือนก่อนที่ผ่าน
00:08:33 → 00:08:35 มานะคะอันนี้หลังจากนั้นอ้ะก็ไม่เป็นอีก
00:08:35 → 00:08:39 เลยนะเธอก็ลองคิดทบทวนดูสรุปว่าเราอาจจะ
00:08:39 → 00:08:41 มีความเครียดสะสมที่เราไม่รู้ตัวอยู่ได้
00:08:41 → 00:08:45 ทำให้เราแบบลืมนะคะหลังๆมาเนี่ยไม่ลืมเลย
00:08:45 → 00:08:52 อ่ะ
00:08:52 → 00:08:55 ก็คือเวลาที่
00:08:55 → 00:08:58 มีอารมณ์เราไม่ดีหรือว่าอารมณ์เรา
00:08:58 → 00:09:00 หงุดหงิดหมอเป็นบ่อยชอบหงุดหงิดเวลายิ่ง
00:09:00 → 00:09:03 เวลาทำงานผ่าตัดอะไรแบบเนี้ยผู้ช่วยช่วย
00:09:03 → 00:09:06 ไม่ถูกใจอะไรนี้เราก็หงุดหงิดแต่ตอนนี้
00:09:06 → 00:09:09 เราจะต้องพยายามแบบควบคุมอารมณ์ของเราค่ะ
00:09:09 → 00:09:12 ไม่ให้เกิดอารมณ์แบบเหล่านั้นน่ะเพราะว่า
00:09:12 → 00:09:14 ถ้าเกิดเราแบบหงุดหงิดหรือว่าเราเอา
00:09:14 → 00:09:18 อารมณ์แบบควบคุมไม่ได้ไม่นิ่งแล้วก็เอ่อ
00:09:18 → 00:09:22 อยู่ในอยู่ในฟูที่มันเป็นอารมณ์ลบๆแผลทุก
00:09:22 → 00:09:25 คนคงจะเข้าใจนะอารมณ์ประมาณนั้นอ่ะเออ
00:09:25 → 00:09:28 อารมณ์ที่เป็นเผือกนะมันจะทำให้สมองเรา
00:09:28 → 00:09:31 ไม่เล่นเลยลองสังเกตดูกับตัวเองก็ได้ค่ะ
00:09:31 → 00:09:36 นะก็เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด 1 เรา
00:09:36 → 00:09:40 จะต้องรู้สึกว่าเราปลอดภัยและเราจะต้อง
00:09:40 → 00:09:44 ควบคุมอารมณ์ของเราให้อยู่ในโคที่ปกติที่
00:09:44 → 00:09:51 สุดให้ได้มากที่
00:09:51 → 00:09:56 ณที่นี้หมอเลยได้ไปหาข้อมูลนะคะเกี่ยวกับ
00:09:56 → 00:09:59 ว่าจะทำยังไงดีให้สมองเราน่ะแบบเหมือน
00:09:59 → 00:10:03 เอ่อมีความแบบคิดรถเล่นมีความคิดที่แบบ
00:10:03 → 00:10:05 บรรเจิดมีไอเดียบรรเจิดไรเงี้ยะเพราะเรา
00:10:05 → 00:10:09 ต้องใช้สมองแบบเยอะมากโดยเฉพาะในช่วงนี้
00:10:09 → 00:10:13 นะคะเอ่อก็พบกูดูได้สมองคนนึงนะคะชื่อ Jim
00:10:13 → 00:10:14 คุย
00:10:14 → 00:10:17 ลอง search ดูก็ได้นะคะเขาเป็นที่ปรึกษา
00:10:17 → 00:10:20 ของ CEO แบบเยอะมากเธออย่างเช่นแบบ
00:10:20 → 00:10:23 Richard Branson นะคะไม่เช็คอีออนมัก
00:10:23 → 00:10:27 อะไรแบบเนี้ยหลายคนเลยที่ดังๆค่ะเขาก็
00:10:27 → 00:10:30 เป็นกูดูระดับโลกนะคะ
00:10:30 → 00:10:35 นะคุณจิ้มก๋วยเตี๋ยวเนี้ยสมัยก่อนเขาเคย
00:10:35 → 00:10:38 ตอนเด็กประมาณ 5 ขวบเขาเคยได้รับ
00:10:38 → 00:10:40 อุบัติเหตุทางสมอง
00:10:40 → 00:10:43 คะโดยถูกรถชนหลังจากนั้นอ่ะเขาไม่สามารถ
00:10:43 → 00:10:45 เรียนได้เออ
00:10:45 → 00:10:49 ที่สุดยอดเขาก็เลยเป็นพรหมได้ตลอดมาว่า
00:10:49 → 00:10:52 เพื่อนๆทุกคนเขาเรียนตามไม่ทันเลยเพื่อนๆ
00:10:52 → 00:10:55 ทุกคนแบบเธอก็ก็เหมือนบอกว่าเค้าเนี่ย
00:10:55 → 00:10:59 เรียนไม่ได้อ่านไม่ได้จนวันนึงนะคะเขาไป
00:10:59 → 00:11:03 เหมือนเจอเพื่อนกับไปเจอกับคุณพ่อเพื่อน
00:11:03 → 00:11:06 ซึ่งเป็นแบบทำอะไรสักอย่างจะทำให้เขาแบบ
00:11:06 → 00:11:09 เปลี่ยนไปเขาสามารถจับเรียนรู้ได้แล้วเขา
00:11:09 → 00:11:12 ก็เรียนรู้ได้แบบเร็วมากจนเป็นแบบกูรู
00:11:12 → 00:11:15 ด้านสมองแล้วก็หมกมุ่นกับการรับเว้ยทำยัง
00:11:15 → 00:11:18 ไงให้เขาแบบเรียนได้เร็วอะไรแบบเนี้ยเออ
00:11:18 → 00:11:22 จนแบบเขาเปลี่ยนแล้วก็ทำสร้างรับธุรกิจ
00:11:22 → 00:11:25 เกี่ยวกับด้านของการเป็นกูรูด้านสมอง
00:11:25 → 00:11:27 ระดับโลกค่ะลองไปเซิทประวัติเขาดูได้นะ
00:11:27 → 00:11:29 อันเนี้ย
00:11:29 → 00:11:33 คุณพี่หมอจะพูดวันนี้หมอก็มาจากเขาอ่ะคะ
00:11:33 → 00:11:37 เล็กเฟอร์เรนมาจากเขาก็คือการทำ Reset
00:11:37 → 00:11:40 Brain Reset แปลว่าอะไรทุกคนรู้ไหมคะ
00:11:40 → 00:11:43 น่าจะดูกันดีมากอย่างสมมติว่าคอมเราแฮงค์
00:11:43 → 00:11:46 เหล้าทําไงคะเราต้องรีเซ็ตมือถือเราพัง
00:11:46 → 00:11:50 แล้วต้องทำไง Reset ลีทำอีกครั้งหนึ่งเซต
00:11:50 → 00:11:53 ก็คือแบบเหมือนติดตั้ง Set แบบ set up
00:11:53 → 00:11:57 ติดตั้งอีกครั้งนึงอ่ะเออ Reset ก็คือการ
00:11:57 → 00:12:00 ทำ 3 อีกครั้งหนึ่งการปรับการเปลี่ยนการ
00:12:00 → 00:12:05 แบบสูญนับ 0 ไปเลยกับสมองเราเขาได้บอก 5
00:12:05 → 00:12:10 วิธีที่เราเนี่ยจะ Reset สมองเพื่อที่
00:12:10 → 00:12:15 สมองเรานะคะจะได้มีพลังแล้วก็มีไอเดียคิด
00:12:15 → 00:12:18 อะไรอื่นๆได้เนาะเหมือนคอมพิวเตอร์เลยวัน
00:12:18 → 00:12:21 นี้นะคะยาหมอจะมาแชร์ให้ทุกให้ฟังว่าหา
00:12:21 → 00:12:29 วิธีนั้นมีอะไรบ้าง
00:12:29 → 00:12:31 เอ่ออ่ะ
00:12:31 → 00:12:35 และ Reset Reset สมองใช่ไหมคะ Reset นี่
00:12:35 → 00:12:37 มาจาก
00:12:37 → 00:12:39 มีตัว R
00:12:39 → 00:12:41 โป้ญี
00:12:41 → 00:12:45 a s
00:12:45 → 00:12:50 ม.ค
00:12:50 → 00:12:55 ผมขอเขียนไหม
00:12:55 → 00:13:01 We Are
00:13:01 → 00:13:06 a s
00:13:06 → 00:13:07 อีกที
00:13:07 → 00:13:12 5 เทคนิคของการรีเซ็ตสมองก็คือตัว Reset
00:13:12 → 00:13:17 R E S E T นะคะ R
00:13:17 → 00:13:21 เรามาเริ่มกันนะที่ R ตัว R
00:13:21 → 00:13:25 มีตัว R คืออะไรรู้ไหมคะคือ
00:13:25 → 00:13:32 อาโลทีน
00:13:32 → 00:13:41 ม.ค
00:13:41 → 00:13:44 โน้ท
00:13:44 → 00:13:48 อ่าลูทีนแปลว่ากิจวัตรประจำวันค่ะเขาบอก
00:13:48 → 00:13:53 ว่าให้เรา Stick with your Routine
00:13:53 → 00:13:58 การที่หมกมุ่นอยู่กับกิจวัตรประจำวัน oho
00:13:58 → 00:14:03 นี่คือการแบบพิเศษสมองเนี้ยเทคนิคเนี้ย
00:14:03 → 00:14:07 ก็จะบอกว่าเออ
00:14:07 → 00:14:11 ขอโฟกัสในสิ่งที่เราทำกิจวัตรประจำวันและ
00:14:11 → 00:14:15 ทำมันเป็นเล็กรึ regular ทำมันเป็นแบบ
00:14:15 → 00:14:19 ประจำเออเราก็อย่าอยากขาด
00:14:19 → 00:14:23 นะถ้าเราทำได้อย่างเงี้ยมันจะเปลี่ยนแปลง
00:14:23 → 00:14:27 สมองได้ให้สมองเราดีขึ้นความคิดเราดีขึ้น
00:14:27 → 00:14:32 นะคะหมออ่านเจอหลายคนละแล้วก็ดูหลายคนละ
00:14:32 → 00:14:35 คนที่ประสบความสำเร็จหลายคนเขาก็บอกว่า
00:14:35 → 00:14:40 สิ่งที่ต้องทำก็คือการดูว่ารูที่เราทำ
00:14:40 → 00:14:41 อะไรแล้วทำยังไง
00:14:41 → 00:14:45 โดยที่ไม่ขาดแม้แต่วันเดียวนะคะที่นี้
00:14:45 → 00:14:49 สำหรับใครที่ยังไม่มีแบบการออกแบบกิจวัตร
00:14:49 → 00:14:52 ประจำวันแต่ละวันเราทำให้เหมือนกันคุณ
00:14:52 → 00:14:55 จริงคุยกับเขาก็ได้แนะนำของกิจวัตรประจำ
00:14:55 → 00:14:58 วันเขานะคะอย่างเช่นตอนเช้าเนี่ยเอ่อตื่น
00:14:58 → 00:15:02 มาทำอะไรบ้างนะมี
00:15:02 → 00:15:07 เพียงดื่มน้ำดื่มกินอาหารกินชาแล้วก็เขา
00:15:07 → 00:15:10 ก็จะตัดออกกำลังกายประมาณ 3 นาทีอันนี้
00:15:10 → 00:15:12 ค่ะแล้วหลังจากนั้นน่ะเขาก็จะมีเวลาของ
00:15:12 → 00:15:16 เขาเลยว่าตอนเที่ยงเขาทำอะไรเออตอนเย็น
00:15:16 → 00:15:17 เขาทำอะไร
00:15:17 → 00:15:21 บางคนที่เป็นแบบเหมือนคนที่ประสบความ
00:15:21 → 00:15:24 สำเร็จที่เหมาะเจอเขาจะให้ความสำคัญกับ
00:15:24 → 00:15:27 ความสุขนอนมากบางคนเขาก็จะมาเขียนเป้า
00:15:27 → 00:15:31 หมายของเขาในตอนตื่นนอนดื่มน้ำนา 200 300
00:15:32 → 00:15:36 ลิตรออกกำลังกายแล้วก็เก็บที่นอนเป็นสิ่ง
00:15:36 → 00:15:40 ที่สำคัญฝึกสุดๆเพราะว่าสมองเนี่ยชอบความ
00:15:40 → 00:15:42 สะอาดชอบความมีระเบียบ
00:15:42 → 00:15:47 ใครคิดอะไรไม่ออกนะคะลองแบบเหมือนเอาของ
00:15:47 → 00:15:50 เขาไปทำดูก็ได้ตื่นนอนออกกำลังกาย 3 นาที
00:15:50 → 00:15:54 เก็บที่นอนทำอย่างนี้ทุกวันเนื้อเราก็ลอง
00:15:54 → 00:15:57 แบบคิดที่จะกำกิจวัตรประจำวันต่อตอน
00:15:57 → 00:16:00 เที่ยงตอนเย็นว่าทำอะไรกินข้าวกี่โมงเอ่ย
00:16:00 → 00:16:02 ทำงานกี่โมง
00:16:02 → 00:16:05 ออกบ้านมาแล้วจะทำอะไรในตอนเย็นให้คิด
00:16:05 → 00:16:09 อย่างนี้นะคะอันแรกคือข้อแรกคือการ
00:16:09 → 00:16:13 อี Siri with your Routine ทำกิจวัตร
00:16:13 → 00:16:17 ประจำวันอย่างหมกมุ่นหมกมุ่นอยู่กับ
00:16:17 → 00:16:21 กิจวัตรประจำวันของตนเองต้องจดด้วยนะว่า
00:16:21 → 00:16:26 ทำอะไรบ้างอ่ะ
00:16:26 → 00:16:38 ติดต่อมาคือตัว E นะคะคือคำว่าวิทย์
00:16:38 → 00:16:42 เอ่อ Emotion Emotion ก็คืออารมณ์ใช่ไหม
00:16:42 → 00:16:46 คะเอออารมณ์เนี่ยเขาบอกว่าให้รับรู้
00:16:46 → 00:16:49 อารมณ์มาค่ะแล้วก็ยอมรับอารมณ์ไม่ต้องไป
00:16:49 → 00:16:53 ปฏิเสธนะฮะให้รู้แล้วก็ให้สังเกตว่าเรา
00:16:53 → 00:16:56 ตอนนั้นเรามีอารมณ์ยังไงหลังจากนั้นอ่ะ
00:16:56 → 00:17:00 ให้เราแบบเหมือนพูดออกไปกับเพื่อนถ้าเรา
00:17:00 → 00:17:01 มีอารมณ์
00:17:01 → 00:17:05 มีอารมณ์อะไรให้พูดกับค่ะให้พูดออกไปกับ
00:17:05 → 00:17:07 เพื่อนอย่างเช่นหมอก็เคยทำนะคะแบบ
00:17:07 → 00:17:12 หงุดหงิดตอนนั้นอ่ะหมดหงิดมากเราก็เหมาะ
00:17:12 → 00:17:14 นั่งมองตัวเองนะว่าเราบอกพูดผิดเออเรามี
00:17:14 → 00:17:16 อารมณ์หงุดหงิดเพราะเรารู้เสร็จอะเราก็
00:17:16 → 00:17:22 เหมือนบอกกับคนที่เราหมดพิษด้วยเออว่าตับ
00:17:22 → 00:17:25 ขอเชิญเราขอโทษนะเราแบบเออวันนี้เรามี
00:17:25 → 00:17:27 อะไรเนี่ยเหมือนกับเป็นการยอมรับอารมณ์
00:17:27 → 00:17:31 ตัวเองลองทำไปทุกอารมณ์นะคะแล้วก็บอกว่า
00:17:31 → 00:17:35 อันนี้มันจะดีมากจะทำให้เรารู้ทันคือบาง
00:17:35 → 00:17:39 ทีพอเราพอเรารู้ว่าเราแบบเริ่มจะมีอารมณ์
00:17:39 → 00:17:45 แบบโกรธละเราก็หยุดได้อ้ะมันจะเหมือนทัน
00:17:45 → 00:17:47 อารมณ์มากขึ้นนะครับถ้าเรารู้จักบัตร
00:17:47 → 00:17:51 สังเกตในการจะมองอารมณ์ตัวเองเราจะไม่แบบ
00:17:51 → 00:17:55 เหมือนหลุดเข้าไปกับอรมโกรธนั้นนานๆเนี้ย
00:17:55 → 00:18:00 เราก็จะตัดตัดใจเร็วนะคะคะอันนี้จริงๆอัน
00:18:00 → 00:18:02 นี้มันเหมือนเป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา
00:18:02 → 00:18:05 เหมือนกันเนาะในเรื่องของการแบบเออดู
00:18:05 → 00:18:06 อารมณ์
00:18:06 → 00:18:07 อายะ
00:18:07 → 00:18:12 ถ้าใครศึกษาพกสาดเนี้ยจะรู้ว่า
00:18:12 → 00:18:15 ก็อ่านไปอ่านมาหรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับ
00:18:15 → 00:18:17 เรื่องแบบนี้เยอะเรื่องการพัฒนาตัวเอง
00:18:17 → 00:18:21 เรื่องปรัชญาศาสนาจะรู้ว่ามันเป็นเรื่อง
00:18:21 → 00:18:24 เดียวกันแม้แต่วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการ
00:18:24 → 00:18:27 เลี้ยงสมองค่ะมันเป็นเรื่องเดียวกันหมด
00:18:27 → 00:18:30 หรือ
00:18:30 → 00:18:36 เอามาเอามาต่อกันนะคะต่อมาตัว s
00:18:36 → 00:18:46 a s หมายถึง
00:18:46 → 00:18:52 มีการตัด
00:18:52 → 00:18:55 มีการตัดค่ะ
00:18:55 → 00:18:58 ก็ตัดอะไรตัดสื่อออนไลน์แล้วก็ Social
00:18:58 → 00:18:59 Media
00:18:59 → 00:19:01 R1
00:19:01 → 00:19:03 ก็ตัดได้ไหม
00:19:03 → 00:19:07 ฮะโอเค
00:19:07 → 00:19:12 แต่ถ้าใครตัดไม่ได้นะลองเออ
00:19:12 → 00:19:16 อ่าอันนี้ในนี้เลยอะไรในของคุณจริงคุยกะ
00:19:16 → 00:19:18 เขาแนะนำให้ดูหนังเรื่องโซเชียลได้เล่น
00:19:18 → 00:19:21 มากพี่หมอดูแล้วค่อนข้างดีอ่ะมันเป็น
00:19:21 → 00:19:26 เหมือนกับจะบอกว่าตัวโซเชียลอ่ะมันเนี่ย
00:19:26 → 00:19:30 กอริธึม algorithm ก็คือภาษาไทยว่าอะไร
00:19:30 → 00:19:34 อ้ะเค้าลึกขึ้นคือไม่รู้ว่า
00:19:34 → 00:19:39 เต็มรูปแบบมันมีรูปแบบที่จะตกจำคนคนนั้น
00:19:39 → 00:19:45 ในการดูโซเชียลอย่างเช่นคุณ
00:19:45 → 00:19:47 ถ้าคุณ aor นี้ไม่ได้เลย For Rent ใคร
00:19:47 → 00:19:53 หน่ะเป็นเป็นนามสมมุตินะคุณกไก่คุณกไก่
00:19:53 → 00:19:54 เนี่ย
00:19:54 → 00:19:57 ถ้าชอบเล่นโซเชียลเกี่ยวกับเรื่องใด
00:19:57 → 00:20:01 เรื่องหนึ่งอาเชียนเรื่องการดูเพชรคนต่อ
00:20:01 → 00:20:05 ไก่ก็จะได้รับการโฆษณาเรื่องของเพชรมา
00:20:05 → 00:20:08 ตลอดเลยอันนี้เรียกว่าก่อนขึ้นของ
00:20:08 → 00:20:11 Facebook YouTube Instagram ทุกอย่าง
00:20:11 → 00:20:16 ถ้าคุณสนใจเรื่องอะไรมันพยายามจะถัก
00:20:16 → 00:20:20 เรื่องนั้นอ่ะเข้ามาใส่ตาคุณเข้ามาใส่ใน
00:20:20 → 00:20:24 โซเชียลคุณมันมี AI คอยจับอยู่
00:20:24 → 00:20:26 คะดังนั้นนะคะเวลาที่คุณอ่ะดู
00:20:26 → 00:20:30 โซเชียลมีเดียของคุณคุณก็จะไม่เหมือนกับ
00:20:30 → 00:20:34 ของเพื่อนเพราะความสนใจจะไม่เหมือนกันเรา
00:20:34 → 00:20:37 โลกของคุณที่สร้างจากโซเชียลมีเดียเดี๋ยว
00:20:37 → 00:20:43 คุณมันก็จะเป็นเป็นโรคของคุณแล้วคุณก็จะ
00:20:43 → 00:20:48 ก็เหมือนกับหลุดเข้าไปในโลกนั้นโดยที่
00:20:48 → 00:20:51 ถ้าคุณไม่รู้ตัวแล้วก็ไม่รู้ว่าโลกจริงๆ
00:20:51 → 00:20:53 แล้วมันไม่ได้เป็นนั้น
00:20:53 → 00:20:56 หมอเขาเรียกว่าลูกเสมอจริงลองไปดูโซเชียล
00:20:56 → 00:21:01 ได้เลยมากนะคะดีมากบอกเลยว่า
00:21:01 → 00:21:05 ก็ต้องดูอ่ะคือมันเป็นหนังสารคดีที่เอาคน
00:21:05 → 00:21:08 ที่ทำงานในโซเ****ลมีเดียทำงานใน Facebook
00:21:08 → 00:21:12 Google อะไรเยอะแยะจะไม่ได้ทวิตเตอร์
00:21:12 → 00:21:16 เฟซเธอมอิซาแกรมทุกๆคนนะคะที่เขาทำงาน
00:21:16 → 00:21:19 แล้วเขาลาออกไปแล้วเขาเอามาพูดเกี่ยวกับ
00:21:19 → 00:21:23 เรื่องของ Social Media อ่ะขอสรุปอ่ะ
00:21:23 → 00:21:26 ต้องมีเวลาตักอย่าเล่นตลอดเวลา
00:21:26 → 00:21:30 แล้วก็รับรู้ไว้ด้วยนะคะว่ามันมีอะไรอะ
00:21:30 → 00:21:34 ตอนนี้ขึ้นอะไรแบบนี้ซึ่งสมองอ่ะของเราก็
00:21:34 → 00:21:36 จะมีอาการดีขึ้นเดียวกับ Facebook เลยนะ
00:21:36 → 00:21:39 สมมุติว่าเราสนใจเรื่องอะไรสมองมันก็จะ
00:21:39 → 00:21:40 แบบ
00:21:40 → 00:21:46 จะพยายามหาวิธีการอ่ะเออมาทำให้เราได้เจอ
00:21:46 → 00:21:49 เรื่องที่เราคิดอยู่ในหัวให้ได้เหมือนกัน
00:21:49 → 00:21:52 ทุกอย่างอันเนี้ยจิมปุยเค้าเขียนว่าอย่าง
00:21:52 → 00:21:55 นี้เลยว่าสมองกับ Facebook กับ cory ชุด
00:21:55 → 00:21:59 เดียวกันดังนั้นอะไรที่อยู่ในหัวคุณเยอะๆ
00:21:59 → 00:22:04 คุณจะต้องปรับเป็นให้มันเป็นสิ่งที่ดีใน
00:22:04 → 00:22:06 งานน่ากลัวอันตรายนะคะ
00:22:06 → 00:22:13 เอ่ออ่ะตัดเนาะ
00:22:13 → 00:22:16 มีแต่ว่าเทคโนโลยีจริงมันก็ไม่ได้สิ่งที่
00:22:16 → 00:22:18 ไม่ดีนะคะสมมุติว่าเรามองหาสิ่งที่เป็น
00:22:18 → 00:22:20 ประโยชน์สิ่งที่เป็นประโยชน์ก็จะพังพูห์
00:22:20 → 00:22:24 เข้ามาหาเราเราต้องพยายามใช้เทคโนโลยีไม่
00:22:24 → 00:22:27 ใช่ให้เทคโนโลยีมาใช้เราเราจะไม่เป็น
00:22:27 → 00:22:29 เครื่องมือของเทคโนโลยีเด็กค่ะเครื่อง
00:22:29 → 00:22:32 เทคโนโลยีมันต้องเป็นเครื่องมือให้เรานะ
00:22:32 → 00:22:36 คะดังนั้นอยากเป็นทาสมันอ่ะเอ่ออ่ะต่อมา
00:22:36 → 00:22:44 มาถึงตัวที่สี่แล้วตัวที่สี่คือตัว E
00:22:44 → 00:22:48 teekm8 ปอค่ะ
00:22:48 → 00:22:50 น.ส
00:22:50 → 00:22:54 เอ่อเ***โป็คือการค้นหานะคะ x ปอยที่เขา
00:22:54 → 00:22:57 อ่ะให้หาก็คือ passion หรือสิ่งที่เรา
00:22:57 → 00:23:00 ปรารถนานะคะ
00:23:00 → 00:23:03 แต่สิ่งที่เราทำให้เราแบบเหมือนฟูฟิวทำ
00:23:03 → 00:23:07 ให้เราแบบภูมิใจทำให้เราสบายใจทำให้เรา
00:23:07 → 00:23:11 เรามีความสุขเราทำแล้วมีความสุขเราอยากทำ
00:23:11 → 00:23:14 มันอะไรแบบเนี้ยเอ่อเนาะอันนั้นคือแพชั่น
00:23:14 → 00:23:19 แต่ว่า passion อย่างเดียวมันไม่พอมัน
00:23:19 → 00:23:22 ต้องมีคำว่า purpose ก็คือจุดมุ่งหมาย
00:23:22 → 00:23:24 ด้วย passion น้ำมันหมายถึงตัวเราคนเดียว
00:23:24 → 00:23:28 ค่ะแต่ purpose หมายถึงการทำอะไรจุดมุ่ง
00:23:28 → 00:23:33 หมายคือการทำอะไรให้เราเพื่อคนอื่นมันจะ
00:23:33 → 00:23:36 มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องนะคะอย่างยกตัว
00:23:36 → 00:23:39 อย่างเช่นคุณจิมก๋วยเตี๊ยว passion เขาก็
00:23:39 → 00:23:43 คือการเรียนการเรียนรู้เพราะว่าเขาสมอง
00:23:43 → 00:23:46 แบบไม่ดีมาตั้งแต่เด็กใช่ป่ะเออเขาก็มี
00:23:46 → 00:23:48 passion ว่าคะว่าจะต้องเรียนให้ได้จะ
00:23:48 → 00:23:50 ต้องเรียนรู้ให้ได้เขาจะไม่ยอมเป็นคนสมอง
00:23:50 → 00:23:53 ไม่ดีแต่ฉันคืออันนี้แต่แต่จุดมุ่งหมาย
00:23:53 → 00:23:57 purpose ก็คือการที่ทำยังไงก็ได้ให้คนนะ
00:23:57 → 00:24:00 มีความสามารถในการเรียนรู้นะเนี่ยจุดมุ่ง
00:24:00 → 00:24:03 หมายมันจะเหมือนกันมันจะส่งผลต่อคนอื่น
00:24:03 → 00:24:07 ด้วยให้ลองหา passion กับโพสต์ในชีวิตของ
00:24:07 → 00:24:10 ตัวเองค่ะว่าตัวเองมีแฟชั่นกับเธอพูดอะไร
00:24:10 → 00:24:14 นะ
00:24:14 → 00:24:23 ถ้าเราก็พอเรามีนะเราก็จะเจอ
00:24:23 → 00:24:24 ม.ค
00:24:24 → 00:24:27 แต่ถ้าพยายามบักมองหาบ่อยๆมันจะเป็นฝึก
00:24:27 → 00:24:32 ฝึกให้สมองมันคิดเราคิดด้วยอ่ะค่ะว่าเรา
00:24:32 → 00:24:34 เออเออจะมีคำถามว่าทำไมเราทำไปเพื่ออะไร
00:24:34 → 00:24:37 อะไรแบบเนี้ยเออมันเป็นการฝึกสมองอย่าง
00:24:37 → 00:24:40 หนึ่งเป็นการรีเซ็ตเบนซ์อย่างนี้นะคะต่อ
00:24:40 → 00:24:45 มาข้อสุดท้ายนะคะก็คือตัว T
00:24:45 → 00:24:49 เจ็บปวดทีแล้วเธอคำว่า Sync คิด
00:24:49 → 00:24:54 แต่ก็
00:24:54 → 00:24:55 ข้อคิด
00:24:55 → 00:25:00 ถ้าผิดก็คือคิดถึงแบบความฝันจินตนาการค่ะ
00:25:00 → 00:25:04 เราจะต้องมีนะคะคิดให้ใหญ่คิดถึงความฝัน
00:25:04 → 00:25:07 ฝันไปเลยว่าเราจะอยากเป็นอะไรอ่ะมีอะไรนะ
00:25:07 → 00:25:11 คะแล้วก็คิดไปเลยอันนี้ก็จะเป็นการฝึก
00:25:11 → 00:25:14 สมองเหมือนกันทั้งหมดก็เป็น 5 เทคนิคนะคะ
00:25:14 → 00:25:18 ถ้าใครอ่ะอยากจะไปดูหรือว่าไปศึกษาความ
00:25:18 → 00:25:20 จริงคุยกับเขามีแบบข้อมูลแบบเยอะมากมี
00:25:20 → 00:25:24 หนังสือเธอที่เขียนมาออกมาเยอะมากค่ะน่า
00:25:24 → 00:25:27 สนใจแบบทั้งนั้นเลยนะคะเดี๋ยวถ้าหมอเจอ
00:25:27 → 00:25:29 อะไรที่น่าสนใจเราจะเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ
00:25:29 → 00:25:33 ฟังทินนะ
00:25:33 → 00:25:36 แต่อันเนี้ยทั้งหมด 5 อันน่ะ
00:25:36 → 00:25:42 พี่ติ๋งเดี๋ยวเขียนให้ก่อนนะ
00:25:42 → 00:25:45 พี่ติ๊งบิ๊ก
00:25:45 → 00:25:48 You can Dream
00:25:48 → 00:25:53 เอาอันนี้ออกดรีมนะ Dream ฝันฝันให้ไกลไป
00:25:53 → 00:25:55 ให้ถึงเหมือนเพลงและอย่าง
00:25:56 → 00:25:58 เสื้อ Play
00:25:58 → 00:26:01 ข้อ 5 ข้อไม่ต้องทำทุกข้อนะคะให้เลือกเอา
00:26:01 → 00:26:05 เลือกเอาวันหนึ่งนั้น 10 วิตโยธินตั้ง
00:26:05 → 00:26:09 ง่าย Emotion ก็ง่ายหรือว่าใครจะทำลายข้อ
00:26:09 → 00:26:13 ก็ได้นะคะไม่ไม่แปลกอ้ะหือทำได้เลยนะ
00:26:13 → 00:26:16 ฮะโอเค
00:26:16 → 00:26:20 ถ้าชอบปรัชญาของคุณจริงควิกอย่างนึงอ่ะ
00:26:20 → 00:26:23 ค่ะเขาบอกว่า
00:26:23 → 00:26:27 ก็คือถ้าความรู้เนี่ยคือ Power การเรียน
00:26:27 → 00:26:28 รู้
00:26:28 → 00:26:31 ก็คือ Super Power
00:26:31 → 00:26:35 อยู่แล้วยิ่งเทคทักษะในปัจจุบันที่เราจะ
00:26:35 → 00:26:40 ต้องเมียก็คือทักษะการเรียนรู้นะคะเรียน
00:26:40 → 00:26:42 รู้อย่างไรให้เร็วเรียนรู้อย่างไรให้
00:26:42 → 00:26:45 ประสิทธิภาพอยากจะเชิญชวนทุกคนมาแบบฝึก
00:26:45 → 00:26:49 ทักษะอันนี้กันถ้าใครกำลังอยู่ในช่วงแบบ
00:26:49 → 00:26:52 กัดตัวหรือว่าใครอยู่ในช่วงที่
00:26:52 → 00:26:55 เวิร์คคอมโพม
00:26:55 → 00:26:58 ล็อคดาวอะไรก็แล้วแต่ค่ะลองมาหาทักษะใหม่
00:26:58 → 00:27:02 ๆเพิ่มให้กับตัวเองนะคะพอหลังจาก 14 วัน
00:27:02 → 00:27:06 เราเปลี่ยนเป็นคนใหม่ไปเลยเอ้ออันนี้ก็
00:27:06 → 00:27:10 เป็นการรีเซ็ตสมองนะคะที่หมอมาฝากทุกคนนะ
00:27:10 → 00:27:13 คะเพื่อที่จะให้ผู้คนมีสมองที่ของมาตรคิด
00:27:13 → 00:27:21 อะไรก็ได้มีสมองที่ปลอดโปร่งนะคะโอเค
00:27:21 → 00:27:22 อา
00:27:22 → 00:27:26 เกาะวันนี้สมควรแก่เวลา
00:27:26 → 00:27:30 อาฮิหลายไฟไล่ไปนานมากแต่พึ่ง 27 นาที
00:27:30 → 00:27:34 โอเคถ้าอย่างนั้นวันนี้หมอลาไปก่อนนะคะ
00:27:34 → 00:27:42 สวัสดีค่ะเจอกันใหม่บ๊ายบาย
00:27:42 → 00:27:45 ม.ค