00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีทุกคนนะครับยินดีต้อนรับเข้าสู่
00:00:02 → 00:00:04 พอร์ต Cash เรื่องเล่าจากร่างกายแล้วครับ
00:00:04 → 00:00:07 กับผมอ๋อเร็วในแพทย์เฉพาะ 7 กระจอนธารา
00:00:07 → 00:00:10 ครับหม้อแขวน 5 สวัสดีค่ะวันนี้หัวข้อที่
00:00:10 → 00:00:12 เราจะคุยกันนะครับก็เป็นหัวข้อคำถามแบบ
00:00:12 → 00:00:15 basic basic ๆก็คือว่าทำไมมนุษย์เนี่ย
00:00:15 → 00:00:18 ถึงทำอาหารให้สุกก่อนกินพ่อใช่ค่ะเพราะ
00:00:18 → 00:00:21 จริงๆแล้วอ่ะในธรรมชาติเนี่ยสัตว์แน่
00:00:21 → 00:00:23 อย่างถ้าสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์ด้วยการ
00:00:23 → 00:00:25 เวลาเค้าล่างปก็กินเลยดีๆหรือว่าสัตว์ที่
00:00:25 → 00:00:28 กินพืชเองเนี่ยก็คือหักต้นไม้ใบหญ้าอะไร
00:00:28 → 00:00:30 มาก็เขียวกันกับๆเลยเนี่ยไม่ต้องมาแบบ
00:00:30 → 00:00:34 ชาบูสุกี้แบบเราใช่เราเราเป็นคนเป็นสิ่ง
00:00:34 → 00:00:37 ที่ช่วยที่คือวัฒนธรรมในการปรุงอาหารอ้า
00:00:37 → 00:00:41 ที่ซับซ้อนมากเราใช้ความร้อนทำอาหารคำถาม
00:00:41 → 00:00:43 ก็คือว่าไอ้พฤติกรรมแบบนี้มันเป็น
00:00:43 → 00:00:46 ธรรมชาติเป็นสัญชาตญานจริงๆที่เป็น
00:00:46 → 00:00:49 ธรรมชาติของมนุษย์หรือว่าจริงๆเป็นแค่
00:00:49 → 00:00:53 วัฒนธรรมมันก็คำถามอย่างนี้เนาะเต็มขั้น
00:00:53 → 00:00:55 ตอบเลยนั้นคือขอตอบมั่งแต่ตอนนี้พี่โสด
00:00:55 → 00:00:58 เลยก็คือว่าคำตอบคือมนุษย์เนี่ยการทำ
00:00:58 → 00:01:00 อาหารของมนุษย์เนี่ยไม่ใช่แค่วัฒนธรรมไม่
00:01:00 → 00:01:03 ใช่แค่ทำปลาต่อกันมาแต่มันเป็นความ
00:01:03 → 00:01:05 ต้องการของร่างกายเลยเป็นธรรมชาติของ
00:01:05 → 00:01:08 มนุษย์เป็นสั้นจำเป็นเป็นสัญชาตญานที่
00:01:08 → 00:01:12 จำเป็นใช่แล้วสิ่งที่มนุษย์ได้กลับมาจาก
00:01:12 → 00:01:13 การทำอาหารที่สุกเนี่ยส่วนนั้นก็เป็น
00:01:14 → 00:01:16 เรื่องของวิวัฒนาการของสมองที่ทำให้สมอง
00:01:16 → 00:01:18 ของมนุษย์เนี่ยมันมีขนาดใหญ่แล้วก็ทรง
00:01:18 → 00:01:21 พลังอย่างที่เรามีอยู่ทุกวันนี้นะคะเรา
00:01:21 → 00:01:24 คุยกันในตอนที่แล้วตอนที่เราคุยกันเรื่อง
00:01:24 → 00:01:27 ร้านนี่ apices นะว่าสมองมนุษย์เนี่ยถ้า
00:01:27 → 00:01:29 เกิดว่าเทียบกับขนาดร่างกายแล้วเนี่ยใหญ่
00:01:29 → 00:01:32 กว่ากว่าลิงอยู่ในถึง 5 เท่า
00:01:32 → 00:01:35 ที่นี้ผัวข้อนี้จริงๆก็บอกว่าเป็นหัวข้อ
00:01:35 → 00:01:37 ที่พี่เคยเขียนไว้หนังสือเล่มหนึ่งเป็น
00:01:37 → 00:01:39 หนังสือเล่มแรกที่เขียนก็คือครบ 10 ปีพอ
00:01:39 → 00:01:41 ดีชื่อหนังสือว่าเรื่องเล่าจากร่างกาย
00:01:41 → 00:01:45 แล้วก็อยากจะเอาเรื่องนี้มามาพูดอีกทีนึง
00:01:45 → 00:01:47 เพราะว่าบันหนังสือเล่มอย่างไรคือมันครบ
00:01:47 → 00:01:50 รอบ 10 ปีและที่ 2 เราก็จะพิมพ์ซ้ำครั้ง
00:01:50 → 00:01:53 หนึ่งก็คือสรุปว่าฉลองตัวแทนดีอะนิเวอร์
00:01:53 → 00:01:57 เซลลี่โดยการเอามาทำแขนอ่ะเลยเอามาพูดถึง
00:01:57 → 00:02:00 ซะหน่อยแล้วพิมพ์มาทั้งมากินเล่นนะคะก็
00:02:00 → 00:02:04 เอาที่จะตัวเลขไม่ได้นะแต่ว่ารอบนี้ก็จะ
00:02:04 → 00:02:07 แปดหมื่นกว่าเล่มก็ถ้าใครสนใจก็ลองลองติด
00:02:07 → 00:02:09 ตามดูได้นะครับก็ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่
00:02:09 → 00:02:11 เหมือนกันแต่กำลังทำอยู่โอเคกลับมาที่หัว
00:02:11 → 00:02:14 ข้อของเราก็ต่อคำถามและก็คือว่ารู้ได้ยัง
00:02:14 → 00:02:17 ไงว่ามนุษย์จะกินอาหารดิบเหมือนสัตว์อื่น
00:02:17 → 00:02:22 ไม่ได้คำตอบในก็คือมันมาจาก 2 ก็บอกว่ามา
00:02:22 → 00:02:25 จาก 2 แหล่งด้วยกันอย่างแรกมันมาจากการ
00:02:25 → 00:02:28 สังเกตน้อยอย่างที่สองมาจากการทดลองนคร
00:02:28 → 00:02:31 เริ่มจากเรื่องของการสังเกตเกาะนแต่มัน
00:02:31 → 00:02:33 เป็นคือนักวิจัยในคนที่เขาสนใจเรื่องพวก
00:02:33 → 00:02:35 นี้เข้าไปศึกษาในคนที่กิน Raw Food Diet
00:02:35 → 00:02:38 นะฮะก็ขายที่บายค่ะนิดนึง Raw Food Diet
00:02:38 → 00:02:40 ในก็คือการที่เรารับประทานอาหารที่มัน
00:02:40 → 00:02:43 ผ่านความร้อนน้อยที่สุดนะเดี๋ยวไม่ทัน
00:02:43 → 00:02:46 ความร้อนหรือไม่ผ่านขั้นตอนเลยยิ่งดีจริง
00:02:46 → 00:02:49 ๆเขาไม่ถ้าไม่ไม่ทำเลยก็กินดิบเลยนะฮะ
00:02:49 → 00:02:51 แล้วยังไงต่อค่ะดีเขากินเพราะว่าดีกับ
00:02:51 → 00:02:55 บ้างก็มันเป็นแนวพวกอาหารสุขภาพแนวนึง
00:02:55 → 00:02:57 จริงๆก็คือส่วนหนึ่งเขาบอกว่าแบบมันดีก็
00:02:57 → 00:03:01 สุขภาพและที่สองคือมันจะลดความอ้วนได้
00:03:01 → 00:03:04 ซึ่งก็โอเคถ้าว่ากันตามตรงละเท่าไปดูราย
00:03:04 → 00:03:06 ละเอียดในก็คือผมคงไม่ผู้เรียนเอ้อแต่ว่า
00:03:06 → 00:03:09 ถ้าไปดูในรนด์จริงมันก็คือเป็นวิธีการกิน
00:03:09 → 00:03:12 ที่ต้องออกคนใช้เขากินพืชผักและคือกินผัก
00:03:12 → 00:03:15 กินผลไม้นี้เป็นหลักแล้วก็ก็กินดิเนี่ย
00:03:15 → 00:03:18 ส่วนใหญ่กก็เขาก็ไม่ได้กินอาหารว่าพวก
00:03:18 → 00:03:20 เนื้อสัตว์ที่มันดิบอาจจะมีกินไข่ดิบบ้าง
00:03:20 → 00:03:25 มีกินนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์บ้าง
00:03:25 → 00:03:27 นะแต่ว่าคนพรุ่งนี้ส่วนใหญ่ก็คือกินต้อง
00:03:27 → 00:03:29 บอกว่ากินเป็นแผ่นเบสเป็นหลักก็คือกินพวก
00:03:29 → 00:03:32 พืชผักเป็นหลักกินนะสัตว์น้อยที่นี่
00:03:32 → 00:03:35 เนื่องจากว่าเพื่อนนี้คนที่กินแบบนี้อยู่
00:03:35 → 00:03:37 แล้วเนี่ยคนที่สนใจว่ามนุษย์จะกินอาหาร
00:03:37 → 00:03:40 ที่ไปหรือเปล่าเขาก็ศึกษาในคนๆนี้นะเพื่อ
00:03:40 → 00:03:42 ดูรายละเอียดก็เพราะว่าอย่างแรกเลยก็คือ
00:03:42 → 00:03:46 ว่าคนส่วนใหญ่เนี่ยเอ่อบางทีจับคนเขา
00:03:46 → 00:03:48 จำกัดเพราะคนส่วนใหญ่เค้าได้กินอาหารดิบ
00:03:48 → 00:03:51 100% หลายคนเขาก็แบบโอเคกินพรุ่งนี้เป็น
00:03:51 → 00:03:53 ทหารดิบพืชผักให้กินอาหารดิบจริงไม่อยาก
00:03:53 → 00:03:56 กินอาหารดิบเช่นไข่ดิบแต่พอเขากินเนื้อ
00:03:56 → 00:03:58 สัตว์เขาก็รู้ก็ต้องกินเนื้อสัตว์เสริม
00:03:58 → 00:04:00 เขาก็มันจะเอาทำเน้นเนื้อสัตว์เนื้อไป
00:04:00 → 00:04:02 ผ่านความร้อนบ้างเพราะฉะนั้นประมาณสักแปด
00:04:02 → 00:04:05 สิบเปอร์เซ็นเป็นอาหารดิบออกอีกประมาณ 20%
00:04:06 → 00:04:08 เนี่ยเป็นอาหารที่ผ่านความร้อนเช่นพวก
00:04:08 → 00:04:10 เนื้อสัตว์หรือปลาต่างๆแต่ยังไงก็แล้วแต่
00:04:10 → 00:04:13 ว่าเข้าไปศึกษานะครับเพราะว่าการกินแบบ
00:04:13 → 00:04:15 นี้นะจริงๆถ้าบอกมันช่วยลดความอ้วนได้
00:04:15 → 00:04:18 ค่อนข้างดีพอสมควรเลยนั่นเป็นอย่างแรกแต่
00:04:18 → 00:04:22 พ่อไปดูในคนที่ไม่อ้วนคือเป็นคนที่แบบ
00:04:22 → 00:04:24 และมีน้ำหนักค่อนข้างพอดีพอดีน้ำหนักไม่
00:04:24 → 00:04:27 เกินแต่ว่าอยากจะกินเพื่อสุขภาพใช่เข้าไป
00:04:27 → 00:04:29 ศึกษาคนคนนั้นเนี่ยครับเพราะว่า
00:04:29 → 00:04:32 คนที่กินอาหารแบบเนี้ยมันมีแนวโน้มที่จะ
00:04:32 → 00:04:35 ไม่สามารถคุมน้ำหนักไว้ได้คือแบบทำให้ผอม
00:04:35 → 00:04:39 เงินไปใช่กำลังจำนงจะผอมแล้วจะมีบางคนที่
00:04:39 → 00:04:41 จะขณะที่เพราะคิดไปเรื่อยๆผู้หญิงโดย
00:04:41 → 00:04:44 เฉพาะผู้หญิงเนี้ยก็จะผ่อนกระทั่งประจำ
00:04:44 → 00:04:47 เดือนเนี่ยหยุดมันก็แค่ค่าอาหารเหมือนกัน
00:04:47 → 00:04:49 ขาดอาหารจนประจำเดือนอยู่ใช่คือร่างกาย
00:04:49 → 00:04:51 มันก็จะเหมือนก็ปิดระบบสืบพันธุ์พร้อม
00:04:51 → 00:04:54 เหมือนกับร่างกายมันรับรู้ว่านี่เป็นนี่
00:04:54 → 00:04:57 คือภาวะแรงและแรงงานไม่พอซึ่งไม่บอกกัน
00:04:57 → 00:04:59 ตั้งครรภ์ถ้าทั้งหมดนี้ก็คือให้สะท้อนให้
00:04:59 → 00:05:02 เห็นเล่าให้ฟังสั้นๆว่าว่าสะท้อนให้เห็น
00:05:02 → 00:05:05 ว่าการกินอาหารดิบเป็นจริงมันมีความยากใน
00:05:05 → 00:05:07 คนที่เค้ากินจริงๆก็คือต้องมีพวกความรู้
00:05:07 → 00:05:10 ทางโภชนาการพอสมควรแล้วก็ต้องดูราย
00:05:10 → 00:05:13 ละเอียดเยอะแล้วก็ที่น่าสนจะอย่างนั้นก็
00:05:13 → 00:05:15 คือว่ามันจะใช้เวลาในการกินอาหารค่อนข้าง
00:05:15 → 00:05:18 นานว่าอาหารดิบเดี๋ยวนี้เชื้อราเขียวนาน
00:05:18 → 00:05:22 ซึ่งอันนี้จริงๆก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่
00:05:22 → 00:05:24 พิเศษของรู้อย่างหนึ่งเพราะว่าเราไปศึกษา
00:05:24 → 00:05:27 พวกลิงจะคุณต่างๆเนี่ยมันใช้เวลาไปกับการ
00:05:27 → 00:05:30 เคี้ยวอาหารกินอาหารเนี่ยนานมากเมื่อร่าง
00:05:30 → 00:05:32 ยังรอดูอย่างพวกสัตว์พวกสัตว์แหลมหญ้า
00:05:32 → 00:05:35 เท่าไรและสัตว์เชื่องมันเหมือนอัดลมกิน
00:05:35 → 00:05:37 กันทั้งวัน The ไหมเข้าใจนะอันนี้
00:05:37 → 00:05:39 ประสบการณ์ตรงเลยคือถ้าเกิดว่าเอาแค่ง่าย
00:05:39 → 00:05:42 ๆแค่กินสลัดอ่ะเฮ้ยกินแบบเป็นแบบชั่วโมง
00:05:42 → 00:05:44 อ่ะแต่ว่าถ้าเกิดว่าสมุดข้าวมันไก่แบบนี้
00:05:44 → 00:05:46 5 นาทีจบช่วยเพราะว่าอาหารที่มันพอเศษ
00:05:46 → 00:05:49 มันมีการมันเคี้ยวง่ายกว่านุ่มกว่าเหมือน
00:05:49 → 00:05:51 กันอย่างเช่นในกรณีล่าในเช่นบัญชีเหนือจะ
00:05:51 → 00:05:54 ใช้เวลาในการกินอาหารได้มากกว่ามนุษย์มัน
00:05:54 → 00:05:57 ต้องชนะกินนานกว่าโอเคคราวนี้มาพูดถึง
00:05:57 → 00:06:00 หลักฐานที่เค้ารู้จักการทดลองกันบ้างที่
00:06:00 → 00:06:03 นี่ก่อนจะเล่าให้ฟังนิดนึงๆต้องบอกว่า
00:06:03 → 00:06:05 ต้องอัดขออธิบายเรื่องเกี่ยวกับเกาะระบบ
00:06:05 → 00:06:07 การย่อยอาหารของร่างกายมนุษย์สั้นๆนิดนึง
00:06:07 → 00:06:11 ได้ฮะก็คืออาหารหลักๆที่เรากินเข้าไปและ
00:06:11 → 00:06:13 มีพลังงานนั้นก็คงจะมีด้วยกัน 3 อย่างใช่
00:06:13 → 00:06:16 ไหมคะก็คืออย่างแรกเลยโปรตีนครับพอดินก็
00:06:16 → 00:06:18 จะสลายหลักๆในกระเพาะอาหารนะคะเดี๋ยวตรวจ
00:06:18 → 00:06:22 ในกฎในว่าหานะคะแล้วก็ต่อไปก็จะเป็นคำแม่
00:06:22 → 00:06:24 เกศกับไขมันซึ่งจะถูกย่อยในลำไส้เล็กเป็น
00:06:24 → 00:06:27 หลักนะคะส่วนลำไส้ใหญ่ไม่ค่อยจะทำหน้าที่
00:06:27 → 00:06:29 ทางการย่อยละส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของ
00:06:29 → 00:06:32 แบคทีเรียต่างๆมากกว่าที่อยู่ในลำไส้ที่
00:06:32 → 00:06:35 จะช่วยเรื่องการย่อยเพิ่มเติมนิดหน่อยสวย
00:06:35 → 00:06:37 ก็คือลำไส้ใหญ่เหมือนเป็นบ้านของพวก
00:06:37 → 00:06:39 จุลินทรีย์ต่างๆโดยซึ่งจุลินทรีย์มันก็จะ
00:06:39 → 00:06:41 มีประโยชน์กับร่างกายมนุษย์ละอย่างแล้วก็
00:06:41 → 00:06:44 ก็จะเป็นแค่ดูดน้ำและเกลือแร่กลับแต่ว่า
00:06:44 → 00:06:47 การย่อยอาหารหลักๆมันจบที่ลำไส้เล็กโอเค
00:06:47 → 00:06:49 อันนี้เป็นความรู้พื้นฐานให้ที่ต้องรู้
00:06:49 → 00:06:51 เนี่ยเพราะว่าคืออย่างนี้เขาก็เลยบอกว่า
00:06:51 → 00:06:56 ถ้าเรานะไปดักรอที่ปลายของลำไส้เล็กและดู
00:06:56 → 00:06:59 ซิว่าอาหารเนี่ยที่ย่อยออกมาแล้วมันย่อย
00:06:59 → 00:07:02 หมดแค่ไหนเราก็จะรู้ว่ามนุษย์ย่อยอาหาร
00:07:02 → 00:07:03 ติดได้มากน้อยแค่ไหน
00:07:03 → 00:07:07 คือถ้าเป็นทำการชะลอไปเดียวเลยก็คือให้คน
00:07:07 → 00:07:09 เป็นคนเป็น 2 กลุ่มกลุ่มหนึ่งกินอาหารดิบ
00:07:09 → 00:07:11 อย่างเดียวให้คุณกินอาหารที่ผ่านความร้อน
00:07:11 → 00:07:14 ฉันจะไปดูที่ลำไส้เล็กๆ
00:07:14 → 00:07:17 ณเซ็นทรัลฟังดูก็ไม่เราต้องผ่าท้องเข้าไป
00:07:17 → 00:07:19 ใช่ไหมแล้วไปดูที่ทำเส้นเล็กแต่พอดีว่าใน
00:07:19 → 00:07:22 ทางการแพทย์มันจะมีการผ่าตัดที่เขาเรียก
00:07:22 → 00:07:25 ว่าไอ้ออสโตมีก็คือคนไข้ที่ต้องผ่าตัดลำ
00:07:25 → 00:07:27 ไส้เล็กเนี่ยพอดีก็คือเอาปลายของลำไส้
00:07:27 → 00:07:31 เล็กนะมาต่อกันนะท้องแล้วให้มันก็ว่า
00:07:31 → 00:07:33 อาหารต่างๆที่ยังที่จริงๆกับอุจจาระอะนะ
00:07:33 → 00:07:35 คะอุจจาระที่มันยังเป็นน้ำหน้าอยู่เนี่ย
00:07:35 → 00:07:38 ออกมาทางหน้าท้องพอดีซึ่งคนที่ต้องผ่าตัด
00:07:38 → 00:07:41 ต่อไปออโตมีมันก็จะมีหลายสาเหตุใช่ไหม
00:07:41 → 00:07:46 เช่นในคนที่เป็นต่อได้เช่นเป็นมะเร็งของ
00:07:46 → 00:07:48 ลำไส้ใหญ่สมมติแล้วมีการผ่าตัดลำไส้ใหญ่
00:07:48 → 00:07:52 แล้วก็มีการตัดต่อที่ในช่วงที่ที่ต่อแผล
00:07:52 → 00:07:54 ลำไส้เนี่ยตอนนั้นจะไม่อยากให้อาหารมัน
00:07:54 → 00:07:58 ผ่านไม่อยากให้มานำสั้นเกือบตัวมากเราก็
00:07:58 → 00:08:00 จะเหมือนกับเอาลำไส้เล็กเนี่ยมาแปะไว้ที่
00:08:00 → 00:08:03 หน้าท้องคือกินแล้วก็ผ่านลำไส้เล็กเพื่อ
00:08:03 → 00:08:05 ประกอบทางหน้าท้องก็คือเหมือนได้ท้าลำไส้
00:08:05 → 00:08:08 ใหญ่ไปให้ลำไส้ใหญ่ก็ได้พักจะมีผลอะไรก็
00:08:08 → 00:08:11 ตามที่เดือนแล้วจะมีบางคนจริงที่ต้องตัด
00:08:11 → 00:08:13 ลำไส้ใหญ่ทิ้งใช่มาเส้นเส้นเช่นตัวอย่าง
00:08:13 → 00:08:17 โลกของพวกเราขอให้ขอลำไส้อักเสบบางอย่าง
00:08:17 → 00:08:19 ซึ่งเป็นอักเสบรุนแรงมากๆนะกินยาอย่าง
00:08:19 → 00:08:20 อื่นไม่ช่วยแล้วเนี่ยค่อนข้างไม่ต้องตัด
00:08:20 → 00:08:23 ลำไส้ทิ้งไปเลยก็จะมีการเอาที่ลำไส้เล็ก
00:08:23 → 00:08:26 มาเปิดที่หน้าท้องอย่างถาวรเขาก็ฉลาดแล้ว
00:08:26 → 00:08:29 ก็ไม่ศึกษาของคนไข้กลุ่มนี้พอดีจอยก็คือ
00:08:29 → 00:08:33 มันก็มีคนที่พร้อมอยู่แล้วก็ไปศึกษาแล้ว
00:08:33 → 00:08:35 ก็ให้คนกลุ่มนี้เขากินอาหาร 2 แบบเทียบ
00:08:35 → 00:08:38 กันก็คือกินอาหารดิบรอบนึงกิน / สุขรอบ
00:08:38 → 00:08:41 นึงแล้วก็ไปดูตัวไปลำไส้เล็กนะว่าอาหาร
00:08:41 → 00:08:43 ที่กินแล้วเนี่ยมันย่อยได้มากน้อยแค่ไหน
00:08:43 → 00:08:46 คำตอบสั้นๆก็คือว่าเขาเพราะว่าไม่ว่าจะ
00:08:46 → 00:08:48 เป็นอาหารที่เป็นพวกพืชผักเนื้อสัตว์ก็
00:08:48 → 00:08:51 คือทั้งหมดและทั้งโปรตีนคาร์โบไฮเดรตไทย
00:08:51 → 00:08:55 มาเนี่ยถ้าเป็นแบบลักษณะปะติดๆมันจะย่อย
00:08:55 → 00:08:57 ได้น้อยกว่าอาหารที่สุกแล้วอยากเห็นได้
00:08:57 → 00:09:00 ชัดที่นี่โดยสรุปทั้งหมดเนี่ยมันจะเห็น
00:09:00 → 00:09:03 ได้เห็นว่าให้ทางระบบทางเดินอาหารของเรา
00:09:03 → 00:09:05 คือต้องตัดปากกระเพาะลำไส้เล็กทั้งหลาย
00:09:05 → 00:09:08 แล้วเนี่ยมันไม่ได้มีความสามารถในการย่อย
00:09:08 → 00:09:11 อาหารได้ 100% คือตอนที่มันสุดท้ายและนำ
00:09:11 → 00:09:14 ก็จะมีเหลือของสารอาหารเหลืออยู่บ้างเรา
00:09:14 → 00:09:16 ก็ถ้าขอขายที่สุกมันจะย่อยได้ดีกว่าดูด
00:09:16 → 00:09:20 ซึมอาหารได้ดีกว่าอันนี้ก็เป็นหลักฐานจาก
00:09:20 → 00:09:22 การทดลองแล้วที่มันมีหลักฐานในการหนึ่ง
00:09:22 → 00:09:26 ซึ่งต้องเป็นหลักฐานพร้อมก็คือเป็นมาจาก
00:09:26 → 00:09:28 การศึกษาเทียบกันระหว่างลิ้นสายพานโดนตา
00:09:28 → 00:09:32 ก็อย่างนี้คือปกติถ้าเราเทียบระบบทางเดิน
00:09:32 → 00:09:34 อาหารทั้งหมดนะขึ้นมาถึงว่าในภาพรวมคือ
00:09:34 → 00:09:37 ทั้งความยาวทั้งขนาดเนี่ยมันจะแปรผันกับ
00:09:37 → 00:09:40 ขนาดของร่างกายหมายความว่าลิงสายพันธุ์
00:09:40 → 00:09:42 ที่เล็กๆกดทางเดินหามันก็จะค่อนข้างสั้นๆ
00:09:42 → 00:09:45 หน่อยเอาไว้ว่าย่อยหามาจะเล็กนิดนึงถ้า
00:09:45 → 00:09:48 ลิงใช้พันธุ์ใหญ่ก็มีน้องจะใหญ่ขึ้นแต่
00:09:48 → 00:09:50 มนุษย์เนี่ยมีระบบทางเดินอาหารที่ค่อน
00:09:50 → 00:09:54 ข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของร่างกายตัว
00:09:54 → 00:09:56 อย่างเช่นนั้นเข้าอย่างกระเพาะอาหารของ
00:09:56 → 00:09:59 มนุษย์เนี่ยถ้าเทียบกับลิงผื่นเนี่ยก็จะ
00:09:59 → 00:10:01 มีขนาดของกระเพาะอาหารในๆกว่าที่เป็นอยู่
00:10:01 → 00:10:05 ที่เรามีอยู่ในประมาณ 3 เท่าแล้วก็ในแง่
00:10:05 → 00:10:07 ของทางเดินอาหารโดยรวมเม็ดคือลำไส้ต่างๆ
00:10:07 → 00:10:11 ก็มีขณะที่ค่อนข้างสั้นด้วยไม่ใช่แค่นี้
00:10:11 → 00:10:14 นะคะคือนอกจากกระเพาะกับลำไส้แล้วค่ะต่อ
00:10:14 → 00:10:17 ทั้งดีหรือป่าขากรรไกรฟันของเราเนี่ยก็มี
00:10:17 → 00:10:20 แรงบทแรงเคี้ยวไม่เท่ากันอื่นอีกยิ่งทำ
00:10:20 → 00:10:23 ให้ประสิทธิภาพการย่อยในมันลงอีกจะมีคำ
00:10:23 → 00:10:25 ถามที่น่าสนใจก็คือว่าทำไมมนุษย์ถึง
00:10:25 → 00:10:28 วิวัฒนาการมีระบบทางเดินอาหารเป็นอย่าง
00:10:28 → 00:10:29 นั้น
00:10:29 → 00:10:32 คำตอบนะแบบสรุปรอบครัวเปรี้ยวเลยนะก็คือ
00:10:32 → 00:10:36 เขาบอกว่าจริงๆต้องบอกว่าไอ้ปลักษณะการ
00:10:36 → 00:10:39 กินแบบนี้คือกินอาหารที่มีต้องทำอาหาร
00:10:39 → 00:10:42 ก่อนกินเนี่ยมันไม่ได้เกิดตอนสมัยของ
00:10:42 → 00:10:44 โมเสสเปลี่ยนจริงๆแล้วอาจจะเกิดใน
00:10:44 → 00:10:46 บรรพบุรุษมนุษย์ก่อนที่จะเป็นโฮโมเซเปียน
00:10:46 → 00:10:49 ช่วย 3 ก็ช่วยว่าการเปลี่ยนแปลงของการกิน
00:10:49 → 00:10:50 อาหารเนี่ยมันจะเกิดขึ้นสองครั้งด้วยกัน
00:10:50 → 00:10:53 อย่างแรกก็คือตอนที่บรรพบุรุษของมนุษย์
00:10:53 → 00:10:55 เนี่ยเปลี่ยนจากการกินแค่พืชหรือผลไม้
00:10:55 → 00:10:58 เนี่ยมันเริ่มกินเนื้อสัตว์ซึ่งในช่วงแรก
00:10:58 → 00:11:02 จะวิถีชีวิตประจำการที่คือว่าเป็นล่าพวก
00:11:02 → 00:11:05 ซากสัตว์เป็นสาวเอนเจอร์ก็หมายถึงว่าก็
00:11:05 → 00:11:08 คือไปกินพวกซากสัตว์ที่สัตว์อื่นและล่า
00:11:08 → 00:11:09 ที่เมื่อไว้ว่าจะเป็นเรื่องของสิงโต
00:11:09 → 00:11:12 เรื่องของมาในก็นึกภาพว่าเป็นเหมือนกับ
00:11:12 → 00:11:16 มนุษย์วานรขอยังก็เริ่มเดินเป็นละแล้วก็
00:11:16 → 00:11:19 ค่อยมองท้องฟ้าว่ามีอีแร้งบินวนอยู่แถว
00:11:19 → 00:11:22 ไหนแล้วก็วิ่งไปตรงนั้นแล้วก็ไปกินเนื้อ
00:11:22 → 00:11:25 สัตว์ที่เหลืออยู่ซึ่งต้องบอกว่าส่วนที่
00:11:25 → 00:11:29 ชอบที่สุดก็คือส่วนที่เป็นใครกระดูกเพราะ
00:11:29 → 00:11:31 ว่าจะมีร่องรอยของการใช้เครื่องมือหิน
00:11:31 → 00:11:35 เนี่ยหักกระดูกหรือว่าฝานกระดูกเพื่อที่
00:11:35 → 00:11:38 จะกินไข่ที่พังในซึ่งมีไขมันสูงก็คือซึ่ง
00:11:38 → 00:11:40 ปัจจุบันนั่นมันก็ยังเหลือตรงนี้น่าจะมี
00:11:41 → 00:11:43 คนยังชอบกินไข่กระดูกอยู่เนาะมันจะดูมันๆ
00:11:44 → 00:11:47 มากเลยเฉยเพราะลูกชายก็อร่อยดีด้วยนะพลัง
00:11:47 → 00:11:49 งานก็น่าจะเยอะน่าดูที่นี่เมื่อบรรพบุรุษ
00:11:50 → 00:11:51 ของมนุษย์เนี่ยเปลี่ยนมากินเนื้อสัตว์และ
00:11:51 → 00:11:54 ก็ไขมันเพิ่มขึ้นเนี่ยถ้าในแง่ของอาหาร
00:11:54 → 00:11:57 ต้องใช้คำว่ามีคุณภาพมากขึ้นมีคุณภาพดี
00:11:57 → 00:12:00 ขึ้นที่ว่ามีคุณภาพดีขึ้นมาถึงให้พลังงาน
00:12:00 → 00:12:03 ที่สูงขึ้นในประมาณที่ไม่มากซึ่งพลังงาน
00:12:03 → 00:12:06 ส่วนมันทำให้เหมือนก็เป็นเชื้อเพลิงที่นำ
00:12:06 → 00:12:08 ไปให้สมองสามารถวิวัฒนาการมีขนาดใหญ่ขึ้น
00:12:08 → 00:12:11 ได้เพราะว่าสมองของมนุษย์เนี่ยเป็นอวัยวะ
00:12:11 → 00:12:15 ที่กินพลังงานสูงมากน้องปกติเวลามีผัด
00:12:15 → 00:12:17 ปกติในเครือว่าเบสก็ไม่ทำเล็กๆเนี่ยสมอง
00:12:17 → 00:12:20 ได้กินพลังงานประมาณ 20% อันนั้นเป็นการ
00:12:20 → 00:12:23 เปลี่ยนแปลงของอาหารอย่างแรกการเปิดไปที่
00:12:23 → 00:12:25 2 เกิดขึ้นตอนที่มนุษย์เริ่มใช้ความร้อน
00:12:25 → 00:12:28 ทำอาหารเขาเพราะว่าการใช้ความร้อนมาทำ
00:12:28 → 00:12:30 อาหารเนี่ยมันเคยทำลายสภาพธรรมชาตินิดนึง
00:12:30 → 00:12:33 ทำให้มันสามารถที่จะดูดซึมได้ดีขึ้นย่อย
00:12:33 → 00:12:36 ได้ง่ายขึ้นดูเส้นได้ดีขึ้นมันเลยทำให้
00:12:36 → 00:12:40 ความจำเป็นที่จะมีทางเดินอาหารที่ยาวและ
00:12:40 → 00:12:44 ใหญ่ลดลงที่นี่เขาก้บอย่างหนึ่งว่าพอ
00:12:44 → 00:12:47 เริ่มมีการใช้ไฟทำอาหารมันตรงกับช่วงที่
00:12:47 → 00:12:50 สมองเด็กจะเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นมันก็เลยมี
00:12:50 → 00:12:53 สวัสดีฐานว่าจริงๆแล้วเนี่ยการที่ทางเดิน
00:12:53 → 00:12:56 อาหารเนี่ยมันสั้นลงเนี่ยมันทำให้สามารถ
00:12:56 → 00:12:59 ประหยัดพลังงานส่วนไปได้แล้วนำไปใช้สร้าง
00:12:59 → 00:13:02 สมองหรือวิวัฒนาการสมองให้มีขนาดที่ใหญ่
00:13:02 → 00:13:06 ขึ้นและทรงพลังมากขึ้นได้มันมีทิสต์ทฤษฎี
00:13:06 → 00:13:09 นี้สมมติฐานในวันนี้ชื่อว่า x เป็นเศษ
00:13:09 → 00:13:12 ทิชชู่ให้เพาะ The sez ก็ x เป็น 4 คัน
00:13:12 → 00:13:14 นี้ก็คือที่แปลว่าแพงเนาะทิศถูกครับที่
00:13:14 → 00:13:17 โอ้แม่เนื้อเยื่อก็คือไอเดียมันก็เหมือน
00:13:17 → 00:13:19 กับว่าเราประหยัด
00:13:19 → 00:13:22 มีพลังงานที่ไปใช้สร้างลำไส้ทางเดินอาหาร
00:13:22 → 00:13:25 เนี่ยเราไปใช้กับสมองซึ่งมีราคาแพงกว่า
00:13:25 → 00:13:28 เป็นระยะที่แพงกว่าแล้วอีกอย่างหนึ่งก็
00:13:28 → 00:13:30 คือที่เหมือนที่คุยไปก่อนนะก็คือว่าพอเรา
00:13:30 → 00:13:33 ทำอาหารให้มันสุกเนี่ยมันทำให้เวลาในการ
00:13:33 → 00:13:36 กินของมนุษย์น้อยลงซึ่งมาเที่ยวกับใน
00:13:36 → 00:13:39 ชินบัญ C หรือกอลิล่าเนี่ยซึ่งอย่างที่
00:13:39 → 00:13:41 คุยไปก่อนๆก็คือมันเช็คอินนานมากอย่า
00:13:41 → 00:13:43 กอลิล่าเนี่ยเขาบอกว่ากินทีประมา 8 จะแบบ
00:13:43 → 00:13:46 ประมาณของครึ่งนึงของเวลาที่ตื่นอะไร
00:13:46 → 00:13:49 ประมาณเนี้ยซึ่งก็โอเคเวลาส่วนและมันทำ
00:13:49 → 00:13:52 ให้มันครับเปิดช่องว่างให้มนุษย์สามารถ
00:13:52 → 00:13:54 หรือว่าวันพระผมด้วยตอนนั้นเนี่ยสามารถ
00:13:54 → 00:13:56 เวลาทำอย่างอื่นได้ถ้าเป็นอย่างสัตว์อื่น
00:13:56 → 00:13:59 ต้องใช้เวลากินนานๆมันไม่มีช่องเวลารู้
00:13:59 → 00:14:03 เปิดช่องให้สามารถที่จะพัฒนาทักษะนอื่นๆ
00:14:03 → 00:14:05 ในช่วงเวลาที่ว่างก็ไม่ได้ในทางตรงข้ามพอ
00:14:05 → 00:14:08 บรรพบุรุษของมนุษย์มีเวลาว่าเนี่ยมันก็มี
00:14:08 → 00:14:10 โอกาสเที่ยวถึงแม้ที่จะทำให้เกิดการเรียน
00:14:10 → 00:14:13 รู้ทักษะต่างๆเกิดวัฒนธรรมและก็ทำต่อๆกัน
00:14:13 → 00:14:16 มาได้นอกจากนี้ขอนไว้ว่าอีกมุมหนึ่งของ
00:14:16 → 00:14:19 การที่ทำอาหารให้สุกหรือว่าผ่านความร้อน
00:14:19 → 00:14:22 มีแต่มันก็ยังเป็นการช่วยเราทางอ้อมในการ
00:14:22 → 00:14:25 ที่จะแบบฆ่าเชื้อโรคหรือว่าฆ่าพยาธิอะไร
00:14:25 → 00:14:28 นี้ด้วยหรือเปล่าเอวก็อาจจะนั่นก็คือหมาย
00:14:28 → 00:14:31 ถึงว่าคนที่มีวัฒนธรรมในการทำอาหารด้วย
00:14:31 → 00:14:34 ความร้อนเนี่ยก็จะมีสุขภาพที่ดีกว่าอะพ่อ
00:14:34 → 00:14:37 นะมีพวกปรสิตในร่างกายน้อยกว่าก็จะหมาย
00:14:37 → 00:14:40 ถึงว่าเพิ่มโอกาสในการสืบพันธุ์ได้มาก
00:14:40 → 00:14:41 กว่าเพราะว่าเรามีประสิทธิ์ภาพมากๆถือว่า
00:14:41 → 00:14:44 ได้ธรรมชาติซึ่งในชุดที่มีพวกพยาธิมีประ
00:14:44 → 00:14:46 สิทธิ์ตัวมากๆเนี่ยมันจะมีสุขภาพที่ไม่
00:14:47 → 00:14:49 ค่อยดีมากนักซึ่งมันก็จะมาเป็นรถโอกาสที่
00:14:49 → 00:14:52 จะสืบพันธุ์ก็และส่งต่อพันธุกรรมไปได้ก็
00:14:52 → 00:14:55 อาจจะเป็นไปได้แต่ว่าสุดท้ายนี้ก็ต้องบอก
00:14:55 → 00:14:58 ว่าไอ้ไอเดียเนี่ยที่เราว่าไอ้เซนเทรดที่
00:14:58 → 00:15:00 ช่วยภาคพิเศษเสียมันก็เหมือนกับ
00:15:00 → 00:15:03 สมมุติฐานทั่วๆไปเนอะในง่ายวิทยาศาสตร์ก็
00:15:03 → 00:15:05 ปัจจุบันต้องถือว่าเป็นทฤษฎีที่คนค่อน
00:15:05 → 00:15:09 ข้างยอมรับแหละแต่ก็เหมือนทุกที่คดีในวง
00:15:09 → 00:15:11 การวิทยาศาสตร์ก็คือว่ามันไม่มีอะไรร้อย
00:15:11 → 00:15:14 เปอร์เซ็นต์ก็เว้นแต่กรณีที่เราถ้าเรามี
00:15:14 → 00:15:16 ไทม์แมชชีนสามารถนั่งย้อนเวลากลับไปได้
00:15:16 → 00:15:19 เนี่ยเราไปเห็นด้วยตานะมันถึงจะถือว่า
00:15:19 → 00:15:21 เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ว่าทฤษฎีพรุ่งนี้
00:15:21 → 00:15:24 มันก็ตั้งอยู่บนหลักฐานต่างๆที่ประกอบ
00:15:24 → 00:15:27 เข้ามาด้วยกันเหมือนต่อจิ๊กซอแล้วก็เห็น
00:15:27 → 00:15:30 ภาพดังๆว่าเป็นแบบนี้แน่นอนมันก็มีจุด
00:15:30 → 00:15:32 อ่อนนะมีข้อแย้งเมืองอย่างอายุจากก็อย่าง
00:15:32 → 00:15:34 ที่บอกก็คืออันนี้ตัวเป็นปัจจุบันก็ถือ
00:15:34 → 00:15:36 ว่าค่อนข้างเชื่อว่าเนี่ยเป็นเหมือนกับคำ
00:15:36 → 00:15:39 อธิบายหลักแล้วเรื่องทั้งหมดก็มีประมาณ
00:15:39 → 00:15:42 นี้นะครับจบแล้วโหแต่ว่าจริงๆพอฟังตอนนี้
00:15:43 → 00:15:46 แล้วอ่ะทำให้นึกถึงพ่อแคชอันเรื่องเดิม
00:15:46 → 00:15:49 ที่เราเคยทำเรื่องการวิ่งระยะไกลเหมาะกับ
00:15:49 → 00:15:50 ร่างกายมนุษย์หรือเปล่าเนี่ยรู้สึกว่า
00:15:50 → 00:15:52 จริงแล้วนะฮะมันมีความสัมพันธ์กันมากเลย
00:15:52 → 00:15:55 ใช่ปัญหามันใกล้เคียงกันนะฮะก็คือจริงๆ
00:15:55 → 00:15:58 แล้วกับว่าสมุดละอ่ะใครฟังตอนนี้แล้วสนุก
00:15:58 → 00:16:01 เลยเนี่ยติดใจว่าจะได้รายละเอียดอะไรมาก
00:16:01 → 00:16:05 ขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอ่าจากการ
00:16:05 → 00:16:07 เป็นลิงเป็นมนุษย์อะไรแบบนี้นะคะก็อยาก
00:16:07 → 00:16:10 ให้ฟังตอนนั้นด้วยโอเคได้เพราะมันก็จะมี
00:16:10 → 00:16:13 ความเกี่ยวข้องกันค่ะอ่ะนะคะวันนี้เนี่ย
00:16:13 → 00:16:15 ก็คงมีเท่านี้นะครับก็คงเช่นเดิมเหมือน
00:16:15 → 00:16:18 กันก็คือก่อนที่จะจากกันไปนะครับถ้าชอบก็
00:16:18 → 00:16:21 ก็อยากให้ช่วยกดไลค์กดแชร์นะครับกด
00:16:21 → 00:16:23 Subscribe เป็นครับในจังคำสั่งในยูทิวบ์
00:16:23 → 00:16:25 เขียนคอมเมนต์แล้วรีวิวให้หน่อยนะครับจะ
00:16:25 → 00:16:27 ได้มีคนติดตามฟังกันมากขึ้นหรือว่าเป็น
00:16:27 → 00:16:30 แนะนำหรือชักชวนคนอื่นให้มาฝากมากขึ้นฉัน
00:16:30 → 00:16:32 ว่าวันนี้เราสองคนก็ขอลาไปก่อนนะครับ
00:16:32 → 00:16:36 สวัสดีครับสวัสดีค่าา
00:16:36 → 00:16:40 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:02 ก็สวัสดีทุกคนนะครับยินดีต้อนรับเข้าสู่
00:00:02 → 00:00:04 พอร์ต Cash เรื่องเล่าจากร่างกายแล้วครับ
00:00:04 → 00:00:07 กับผมอ๋อเร็วในแพทย์เฉพาะ 7 กระจอนธารา
00:00:07 → 00:00:10 ครับหม้อแขวน 5 สวัสดีค่ะวันนี้หัวข้อที่
00:00:10 → 00:00:12 เราจะคุยกันนะครับก็เป็นหัวข้อคำถามแบบ
00:00:12 → 00:00:15 basic basic ๆก็คือว่าทำไมมนุษย์เนี่ย
00:00:15 → 00:00:18 ถึงทำอาหารให้สุกก่อนกินพ่อใช่ค่ะเพราะ
00:00:18 → 00:00:21 จริงๆแล้วอ่ะในธรรมชาติเนี่ยสัตว์แน่
00:00:21 → 00:00:23 อย่างถ้าสัตว์ที่กินเนื้อสัตว์ด้วยการ
00:00:23 → 00:00:25 เวลาเค้าล่างปก็กินเลยดีๆหรือว่าสัตว์ที่
00:00:25 → 00:00:28 กินพืชเองเนี่ยก็คือหักต้นไม้ใบหญ้าอะไร
00:00:28 → 00:00:30 มาก็เขียวกันกับๆเลยเนี่ยไม่ต้องมาแบบ
00:00:30 → 00:00:34 ชาบูสุกี้แบบเราใช่เราเราเป็นคนเป็นสิ่ง
00:00:34 → 00:00:37 ที่ช่วยที่คือวัฒนธรรมในการปรุงอาหารอ้า
00:00:37 → 00:00:41 ที่ซับซ้อนมากเราใช้ความร้อนทำอาหารคำถาม
00:00:41 → 00:00:43 ก็คือว่าไอ้พฤติกรรมแบบนี้มันเป็น
00:00:43 → 00:00:46 ธรรมชาติเป็นสัญชาตญานจริงๆที่เป็น
00:00:46 → 00:00:49 ธรรมชาติของมนุษย์หรือว่าจริงๆเป็นแค่
00:00:49 → 00:00:53 วัฒนธรรมมันก็คำถามอย่างนี้เนาะเต็มขั้น
00:00:53 → 00:00:55 ตอบเลยนั้นคือขอตอบมั่งแต่ตอนนี้พี่โสด
00:00:55 → 00:00:58 เลยก็คือว่าคำตอบคือมนุษย์เนี่ยการทำ
00:00:58 → 00:01:00 อาหารของมนุษย์เนี่ยไม่ใช่แค่วัฒนธรรมไม่
00:01:00 → 00:01:03 ใช่แค่ทำปลาต่อกันมาแต่มันเป็นความ
00:01:03 → 00:01:05 ต้องการของร่างกายเลยเป็นธรรมชาติของ
00:01:05 → 00:01:08 มนุษย์เป็นสั้นจำเป็นเป็นสัญชาตญานที่
00:01:08 → 00:01:12 จำเป็นใช่แล้วสิ่งที่มนุษย์ได้กลับมาจาก
00:01:12 → 00:01:13 การทำอาหารที่สุกเนี่ยส่วนนั้นก็เป็น
00:01:14 → 00:01:16 เรื่องของวิวัฒนาการของสมองที่ทำให้สมอง
00:01:16 → 00:01:18 ของมนุษย์เนี่ยมันมีขนาดใหญ่แล้วก็ทรง
00:01:18 → 00:01:21 พลังอย่างที่เรามีอยู่ทุกวันนี้นะคะเรา
00:01:21 → 00:01:24 คุยกันในตอนที่แล้วตอนที่เราคุยกันเรื่อง
00:01:24 → 00:01:27 ร้านนี่ apices นะว่าสมองมนุษย์เนี่ยถ้า
00:01:27 → 00:01:29 เกิดว่าเทียบกับขนาดร่างกายแล้วเนี่ยใหญ่
00:01:29 → 00:01:32 กว่ากว่าลิงอยู่ในถึง 5 เท่า
00:01:32 → 00:01:35 ที่นี้ผัวข้อนี้จริงๆก็บอกว่าเป็นหัวข้อ
00:01:35 → 00:01:37 ที่พี่เคยเขียนไว้หนังสือเล่มหนึ่งเป็น
00:01:37 → 00:01:39 หนังสือเล่มแรกที่เขียนก็คือครบ 10 ปีพอ
00:01:39 → 00:01:41 ดีชื่อหนังสือว่าเรื่องเล่าจากร่างกาย
00:01:41 → 00:01:45 แล้วก็อยากจะเอาเรื่องนี้มามาพูดอีกทีนึง
00:01:45 → 00:01:47 เพราะว่าบันหนังสือเล่มอย่างไรคือมันครบ
00:01:47 → 00:01:50 รอบ 10 ปีและที่ 2 เราก็จะพิมพ์ซ้ำครั้ง
00:01:50 → 00:01:53 หนึ่งก็คือสรุปว่าฉลองตัวแทนดีอะนิเวอร์
00:01:53 → 00:01:57 เซลลี่โดยการเอามาทำแขนอ่ะเลยเอามาพูดถึง
00:01:57 → 00:02:00 ซะหน่อยแล้วพิมพ์มาทั้งมากินเล่นนะคะก็
00:02:00 → 00:02:04 เอาที่จะตัวเลขไม่ได้นะแต่ว่ารอบนี้ก็จะ
00:02:04 → 00:02:07 แปดหมื่นกว่าเล่มก็ถ้าใครสนใจก็ลองลองติด
00:02:07 → 00:02:09 ตามดูได้นะครับก็ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่
00:02:09 → 00:02:11 เหมือนกันแต่กำลังทำอยู่โอเคกลับมาที่หัว
00:02:11 → 00:02:14 ข้อของเราก็ต่อคำถามและก็คือว่ารู้ได้ยัง
00:02:14 → 00:02:17 ไงว่ามนุษย์จะกินอาหารดิบเหมือนสัตว์อื่น
00:02:17 → 00:02:22 ไม่ได้คำตอบในก็คือมันมาจาก 2 ก็บอกว่ามา
00:02:22 → 00:02:25 จาก 2 แหล่งด้วยกันอย่างแรกมันมาจากการ
00:02:25 → 00:02:28 สังเกตน้อยอย่างที่สองมาจากการทดลองนคร
00:02:28 → 00:02:31 เริ่มจากเรื่องของการสังเกตเกาะนแต่มัน
00:02:31 → 00:02:33 เป็นคือนักวิจัยในคนที่เขาสนใจเรื่องพวก
00:02:33 → 00:02:35 นี้เข้าไปศึกษาในคนที่กิน Raw Food Diet
00:02:35 → 00:02:38 นะฮะก็ขายที่บายค่ะนิดนึง Raw Food Diet
00:02:38 → 00:02:40 ในก็คือการที่เรารับประทานอาหารที่มัน
00:02:40 → 00:02:43 ผ่านความร้อนน้อยที่สุดนะเดี๋ยวไม่ทัน
00:02:43 → 00:02:46 ความร้อนหรือไม่ผ่านขั้นตอนเลยยิ่งดีจริง
00:02:46 → 00:02:49 ๆเขาไม่ถ้าไม่ไม่ทำเลยก็กินดิบเลยนะฮะ
00:02:49 → 00:02:51 แล้วยังไงต่อค่ะดีเขากินเพราะว่าดีกับ
00:02:51 → 00:02:55 บ้างก็มันเป็นแนวพวกอาหารสุขภาพแนวนึง
00:02:55 → 00:02:57 จริงๆก็คือส่วนหนึ่งเขาบอกว่าแบบมันดีก็
00:02:57 → 00:03:01 สุขภาพและที่สองคือมันจะลดความอ้วนได้
00:03:01 → 00:03:04 ซึ่งก็โอเคถ้าว่ากันตามตรงละเท่าไปดูราย
00:03:04 → 00:03:06 ละเอียดในก็คือผมคงไม่ผู้เรียนเอ้อแต่ว่า
00:03:06 → 00:03:09 ถ้าไปดูในรนด์จริงมันก็คือเป็นวิธีการกิน
00:03:09 → 00:03:12 ที่ต้องออกคนใช้เขากินพืชผักและคือกินผัก
00:03:12 → 00:03:15 กินผลไม้นี้เป็นหลักแล้วก็ก็กินดิเนี่ย
00:03:15 → 00:03:18 ส่วนใหญ่กก็เขาก็ไม่ได้กินอาหารว่าพวก
00:03:18 → 00:03:20 เนื้อสัตว์ที่มันดิบอาจจะมีกินไข่ดิบบ้าง
00:03:20 → 00:03:25 มีกินนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์บ้าง
00:03:25 → 00:03:27 นะแต่ว่าคนพรุ่งนี้ส่วนใหญ่ก็คือกินต้อง
00:03:27 → 00:03:29 บอกว่ากินเป็นแผ่นเบสเป็นหลักก็คือกินพวก
00:03:29 → 00:03:32 พืชผักเป็นหลักกินนะสัตว์น้อยที่นี่
00:03:32 → 00:03:35 เนื่องจากว่าเพื่อนนี้คนที่กินแบบนี้อยู่
00:03:35 → 00:03:37 แล้วเนี่ยคนที่สนใจว่ามนุษย์จะกินอาหาร
00:03:37 → 00:03:40 ที่ไปหรือเปล่าเขาก็ศึกษาในคนๆนี้นะเพื่อ
00:03:40 → 00:03:42 ดูรายละเอียดก็เพราะว่าอย่างแรกเลยก็คือ
00:03:42 → 00:03:46 ว่าคนส่วนใหญ่เนี่ยเอ่อบางทีจับคนเขา
00:03:46 → 00:03:48 จำกัดเพราะคนส่วนใหญ่เค้าได้กินอาหารดิบ
00:03:48 → 00:03:51 100% หลายคนเขาก็แบบโอเคกินพรุ่งนี้เป็น
00:03:51 → 00:03:53 ทหารดิบพืชผักให้กินอาหารดิบจริงไม่อยาก
00:03:53 → 00:03:56 กินอาหารดิบเช่นไข่ดิบแต่พอเขากินเนื้อ
00:03:56 → 00:03:58 สัตว์เขาก็รู้ก็ต้องกินเนื้อสัตว์เสริม
00:03:58 → 00:04:00 เขาก็มันจะเอาทำเน้นเนื้อสัตว์เนื้อไป
00:04:00 → 00:04:02 ผ่านความร้อนบ้างเพราะฉะนั้นประมาณสักแปด
00:04:02 → 00:04:05 สิบเปอร์เซ็นเป็นอาหารดิบออกอีกประมาณ 20%
00:04:06 → 00:04:08 เนี่ยเป็นอาหารที่ผ่านความร้อนเช่นพวก
00:04:08 → 00:04:10 เนื้อสัตว์หรือปลาต่างๆแต่ยังไงก็แล้วแต่
00:04:10 → 00:04:13 ว่าเข้าไปศึกษานะครับเพราะว่าการกินแบบ
00:04:13 → 00:04:15 นี้นะจริงๆถ้าบอกมันช่วยลดความอ้วนได้
00:04:15 → 00:04:18 ค่อนข้างดีพอสมควรเลยนั่นเป็นอย่างแรกแต่
00:04:18 → 00:04:22 พ่อไปดูในคนที่ไม่อ้วนคือเป็นคนที่แบบ
00:04:22 → 00:04:24 และมีน้ำหนักค่อนข้างพอดีพอดีน้ำหนักไม่
00:04:24 → 00:04:27 เกินแต่ว่าอยากจะกินเพื่อสุขภาพใช่เข้าไป
00:04:27 → 00:04:29 ศึกษาคนคนนั้นเนี่ยครับเพราะว่า
00:04:29 → 00:04:32 คนที่กินอาหารแบบเนี้ยมันมีแนวโน้มที่จะ
00:04:32 → 00:04:35 ไม่สามารถคุมน้ำหนักไว้ได้คือแบบทำให้ผอม
00:04:35 → 00:04:39 เงินไปใช่กำลังจำนงจะผอมแล้วจะมีบางคนที่
00:04:39 → 00:04:41 จะขณะที่เพราะคิดไปเรื่อยๆผู้หญิงโดย
00:04:41 → 00:04:44 เฉพาะผู้หญิงเนี้ยก็จะผ่อนกระทั่งประจำ
00:04:44 → 00:04:47 เดือนเนี่ยหยุดมันก็แค่ค่าอาหารเหมือนกัน
00:04:47 → 00:04:49 ขาดอาหารจนประจำเดือนอยู่ใช่คือร่างกาย
00:04:49 → 00:04:51 มันก็จะเหมือนก็ปิดระบบสืบพันธุ์พร้อม
00:04:51 → 00:04:54 เหมือนกับร่างกายมันรับรู้ว่านี่เป็นนี่
00:04:54 → 00:04:57 คือภาวะแรงและแรงงานไม่พอซึ่งไม่บอกกัน
00:04:57 → 00:04:59 ตั้งครรภ์ถ้าทั้งหมดนี้ก็คือให้สะท้อนให้
00:04:59 → 00:05:02 เห็นเล่าให้ฟังสั้นๆว่าว่าสะท้อนให้เห็น
00:05:02 → 00:05:05 ว่าการกินอาหารดิบเป็นจริงมันมีความยากใน
00:05:05 → 00:05:07 คนที่เค้ากินจริงๆก็คือต้องมีพวกความรู้
00:05:07 → 00:05:10 ทางโภชนาการพอสมควรแล้วก็ต้องดูราย
00:05:10 → 00:05:13 ละเอียดเยอะแล้วก็ที่น่าสนจะอย่างนั้นก็
00:05:13 → 00:05:15 คือว่ามันจะใช้เวลาในการกินอาหารค่อนข้าง
00:05:15 → 00:05:18 นานว่าอาหารดิบเดี๋ยวนี้เชื้อราเขียวนาน
00:05:18 → 00:05:22 ซึ่งอันนี้จริงๆก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่
00:05:22 → 00:05:24 พิเศษของรู้อย่างหนึ่งเพราะว่าเราไปศึกษา
00:05:24 → 00:05:27 พวกลิงจะคุณต่างๆเนี่ยมันใช้เวลาไปกับการ
00:05:27 → 00:05:30 เคี้ยวอาหารกินอาหารเนี่ยนานมากเมื่อร่าง
00:05:30 → 00:05:32 ยังรอดูอย่างพวกสัตว์พวกสัตว์แหลมหญ้า
00:05:32 → 00:05:35 เท่าไรและสัตว์เชื่องมันเหมือนอัดลมกิน
00:05:35 → 00:05:37 กันทั้งวัน The ไหมเข้าใจนะอันนี้
00:05:37 → 00:05:39 ประสบการณ์ตรงเลยคือถ้าเกิดว่าเอาแค่ง่าย
00:05:39 → 00:05:42 ๆแค่กินสลัดอ่ะเฮ้ยกินแบบเป็นแบบชั่วโมง
00:05:42 → 00:05:44 อ่ะแต่ว่าถ้าเกิดว่าสมุดข้าวมันไก่แบบนี้
00:05:44 → 00:05:46 5 นาทีจบช่วยเพราะว่าอาหารที่มันพอเศษ
00:05:46 → 00:05:49 มันมีการมันเคี้ยวง่ายกว่านุ่มกว่าเหมือน
00:05:49 → 00:05:51 กันอย่างเช่นในกรณีล่าในเช่นบัญชีเหนือจะ
00:05:51 → 00:05:54 ใช้เวลาในการกินอาหารได้มากกว่ามนุษย์มัน
00:05:54 → 00:05:57 ต้องชนะกินนานกว่าโอเคคราวนี้มาพูดถึง
00:05:57 → 00:06:00 หลักฐานที่เค้ารู้จักการทดลองกันบ้างที่
00:06:00 → 00:06:03 นี่ก่อนจะเล่าให้ฟังนิดนึงๆต้องบอกว่า
00:06:03 → 00:06:05 ต้องอัดขออธิบายเรื่องเกี่ยวกับเกาะระบบ
00:06:05 → 00:06:07 การย่อยอาหารของร่างกายมนุษย์สั้นๆนิดนึง
00:06:07 → 00:06:11 ได้ฮะก็คืออาหารหลักๆที่เรากินเข้าไปและ
00:06:11 → 00:06:13 มีพลังงานนั้นก็คงจะมีด้วยกัน 3 อย่างใช่
00:06:13 → 00:06:16 ไหมคะก็คืออย่างแรกเลยโปรตีนครับพอดินก็
00:06:16 → 00:06:18 จะสลายหลักๆในกระเพาะอาหารนะคะเดี๋ยวตรวจ
00:06:18 → 00:06:22 ในกฎในว่าหานะคะแล้วก็ต่อไปก็จะเป็นคำแม่
00:06:22 → 00:06:24 เกศกับไขมันซึ่งจะถูกย่อยในลำไส้เล็กเป็น
00:06:24 → 00:06:27 หลักนะคะส่วนลำไส้ใหญ่ไม่ค่อยจะทำหน้าที่
00:06:27 → 00:06:29 ทางการย่อยละส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของ
00:06:29 → 00:06:32 แบคทีเรียต่างๆมากกว่าที่อยู่ในลำไส้ที่
00:06:32 → 00:06:35 จะช่วยเรื่องการย่อยเพิ่มเติมนิดหน่อยสวย
00:06:35 → 00:06:37 ก็คือลำไส้ใหญ่เหมือนเป็นบ้านของพวก
00:06:37 → 00:06:39 จุลินทรีย์ต่างๆโดยซึ่งจุลินทรีย์มันก็จะ
00:06:39 → 00:06:41 มีประโยชน์กับร่างกายมนุษย์ละอย่างแล้วก็
00:06:41 → 00:06:44 ก็จะเป็นแค่ดูดน้ำและเกลือแร่กลับแต่ว่า
00:06:44 → 00:06:47 การย่อยอาหารหลักๆมันจบที่ลำไส้เล็กโอเค
00:06:47 → 00:06:49 อันนี้เป็นความรู้พื้นฐานให้ที่ต้องรู้
00:06:49 → 00:06:51 เนี่ยเพราะว่าคืออย่างนี้เขาก็เลยบอกว่า
00:06:51 → 00:06:56 ถ้าเรานะไปดักรอที่ปลายของลำไส้เล็กและดู
00:06:56 → 00:06:59 ซิว่าอาหารเนี่ยที่ย่อยออกมาแล้วมันย่อย
00:06:59 → 00:07:02 หมดแค่ไหนเราก็จะรู้ว่ามนุษย์ย่อยอาหาร
00:07:02 → 00:07:03 ติดได้มากน้อยแค่ไหน
00:07:03 → 00:07:07 คือถ้าเป็นทำการชะลอไปเดียวเลยก็คือให้คน
00:07:07 → 00:07:09 เป็นคนเป็น 2 กลุ่มกลุ่มหนึ่งกินอาหารดิบ
00:07:09 → 00:07:11 อย่างเดียวให้คุณกินอาหารที่ผ่านความร้อน
00:07:11 → 00:07:14 ฉันจะไปดูที่ลำไส้เล็กๆ
00:07:14 → 00:07:17 ณเซ็นทรัลฟังดูก็ไม่เราต้องผ่าท้องเข้าไป
00:07:17 → 00:07:19 ใช่ไหมแล้วไปดูที่ทำเส้นเล็กแต่พอดีว่าใน
00:07:19 → 00:07:22 ทางการแพทย์มันจะมีการผ่าตัดที่เขาเรียก
00:07:22 → 00:07:25 ว่าไอ้ออสโตมีก็คือคนไข้ที่ต้องผ่าตัดลำ
00:07:25 → 00:07:27 ไส้เล็กเนี่ยพอดีก็คือเอาปลายของลำไส้
00:07:27 → 00:07:31 เล็กนะมาต่อกันนะท้องแล้วให้มันก็ว่า
00:07:31 → 00:07:33 อาหารต่างๆที่ยังที่จริงๆกับอุจจาระอะนะ
00:07:33 → 00:07:35 คะอุจจาระที่มันยังเป็นน้ำหน้าอยู่เนี่ย
00:07:35 → 00:07:38 ออกมาทางหน้าท้องพอดีซึ่งคนที่ต้องผ่าตัด
00:07:38 → 00:07:41 ต่อไปออโตมีมันก็จะมีหลายสาเหตุใช่ไหม
00:07:41 → 00:07:46 เช่นในคนที่เป็นต่อได้เช่นเป็นมะเร็งของ
00:07:46 → 00:07:48 ลำไส้ใหญ่สมมติแล้วมีการผ่าตัดลำไส้ใหญ่
00:07:48 → 00:07:52 แล้วก็มีการตัดต่อที่ในช่วงที่ที่ต่อแผล
00:07:52 → 00:07:54 ลำไส้เนี่ยตอนนั้นจะไม่อยากให้อาหารมัน
00:07:54 → 00:07:58 ผ่านไม่อยากให้มานำสั้นเกือบตัวมากเราก็
00:07:58 → 00:08:00 จะเหมือนกับเอาลำไส้เล็กเนี่ยมาแปะไว้ที่
00:08:00 → 00:08:03 หน้าท้องคือกินแล้วก็ผ่านลำไส้เล็กเพื่อ
00:08:03 → 00:08:05 ประกอบทางหน้าท้องก็คือเหมือนได้ท้าลำไส้
00:08:05 → 00:08:08 ใหญ่ไปให้ลำไส้ใหญ่ก็ได้พักจะมีผลอะไรก็
00:08:08 → 00:08:11 ตามที่เดือนแล้วจะมีบางคนจริงที่ต้องตัด
00:08:11 → 00:08:13 ลำไส้ใหญ่ทิ้งใช่มาเส้นเส้นเช่นตัวอย่าง
00:08:13 → 00:08:17 โลกของพวกเราขอให้ขอลำไส้อักเสบบางอย่าง
00:08:17 → 00:08:19 ซึ่งเป็นอักเสบรุนแรงมากๆนะกินยาอย่าง
00:08:19 → 00:08:20 อื่นไม่ช่วยแล้วเนี่ยค่อนข้างไม่ต้องตัด
00:08:20 → 00:08:23 ลำไส้ทิ้งไปเลยก็จะมีการเอาที่ลำไส้เล็ก
00:08:23 → 00:08:26 มาเปิดที่หน้าท้องอย่างถาวรเขาก็ฉลาดแล้ว
00:08:26 → 00:08:29 ก็ไม่ศึกษาของคนไข้กลุ่มนี้พอดีจอยก็คือ
00:08:29 → 00:08:33 มันก็มีคนที่พร้อมอยู่แล้วก็ไปศึกษาแล้ว
00:08:33 → 00:08:35 ก็ให้คนกลุ่มนี้เขากินอาหาร 2 แบบเทียบ
00:08:35 → 00:08:38 กันก็คือกินอาหารดิบรอบนึงกิน / สุขรอบ
00:08:38 → 00:08:41 นึงแล้วก็ไปดูตัวไปลำไส้เล็กนะว่าอาหาร
00:08:41 → 00:08:43 ที่กินแล้วเนี่ยมันย่อยได้มากน้อยแค่ไหน
00:08:43 → 00:08:46 คำตอบสั้นๆก็คือว่าเขาเพราะว่าไม่ว่าจะ
00:08:46 → 00:08:48 เป็นอาหารที่เป็นพวกพืชผักเนื้อสัตว์ก็
00:08:48 → 00:08:51 คือทั้งหมดและทั้งโปรตีนคาร์โบไฮเดรตไทย
00:08:51 → 00:08:55 มาเนี่ยถ้าเป็นแบบลักษณะปะติดๆมันจะย่อย
00:08:55 → 00:08:57 ได้น้อยกว่าอาหารที่สุกแล้วอยากเห็นได้
00:08:57 → 00:09:00 ชัดที่นี่โดยสรุปทั้งหมดเนี่ยมันจะเห็น
00:09:00 → 00:09:03 ได้เห็นว่าให้ทางระบบทางเดินอาหารของเรา
00:09:03 → 00:09:05 คือต้องตัดปากกระเพาะลำไส้เล็กทั้งหลาย
00:09:05 → 00:09:08 แล้วเนี่ยมันไม่ได้มีความสามารถในการย่อย
00:09:08 → 00:09:11 อาหารได้ 100% คือตอนที่มันสุดท้ายและนำ
00:09:11 → 00:09:14 ก็จะมีเหลือของสารอาหารเหลืออยู่บ้างเรา
00:09:14 → 00:09:16 ก็ถ้าขอขายที่สุกมันจะย่อยได้ดีกว่าดูด
00:09:16 → 00:09:20 ซึมอาหารได้ดีกว่าอันนี้ก็เป็นหลักฐานจาก
00:09:20 → 00:09:22 การทดลองแล้วที่มันมีหลักฐานในการหนึ่ง
00:09:22 → 00:09:26 ซึ่งต้องเป็นหลักฐานพร้อมก็คือเป็นมาจาก
00:09:26 → 00:09:28 การศึกษาเทียบกันระหว่างลิ้นสายพานโดนตา
00:09:28 → 00:09:32 ก็อย่างนี้คือปกติถ้าเราเทียบระบบทางเดิน
00:09:32 → 00:09:34 อาหารทั้งหมดนะขึ้นมาถึงว่าในภาพรวมคือ
00:09:34 → 00:09:37 ทั้งความยาวทั้งขนาดเนี่ยมันจะแปรผันกับ
00:09:37 → 00:09:40 ขนาดของร่างกายหมายความว่าลิงสายพันธุ์
00:09:40 → 00:09:42 ที่เล็กๆกดทางเดินหามันก็จะค่อนข้างสั้นๆ
00:09:42 → 00:09:45 หน่อยเอาไว้ว่าย่อยหามาจะเล็กนิดนึงถ้า
00:09:45 → 00:09:48 ลิงใช้พันธุ์ใหญ่ก็มีน้องจะใหญ่ขึ้นแต่
00:09:48 → 00:09:50 มนุษย์เนี่ยมีระบบทางเดินอาหารที่ค่อน
00:09:50 → 00:09:54 ข้างเล็กเมื่อเทียบกับขนาดของร่างกายตัว
00:09:54 → 00:09:56 อย่างเช่นนั้นเข้าอย่างกระเพาะอาหารของ
00:09:56 → 00:09:59 มนุษย์เนี่ยถ้าเทียบกับลิงผื่นเนี่ยก็จะ
00:09:59 → 00:10:01 มีขนาดของกระเพาะอาหารในๆกว่าที่เป็นอยู่
00:10:01 → 00:10:05 ที่เรามีอยู่ในประมาณ 3 เท่าแล้วก็ในแง่
00:10:05 → 00:10:07 ของทางเดินอาหารโดยรวมเม็ดคือลำไส้ต่างๆ
00:10:07 → 00:10:11 ก็มีขณะที่ค่อนข้างสั้นด้วยไม่ใช่แค่นี้
00:10:11 → 00:10:14 นะคะคือนอกจากกระเพาะกับลำไส้แล้วค่ะต่อ
00:10:14 → 00:10:17 ทั้งดีหรือป่าขากรรไกรฟันของเราเนี่ยก็มี
00:10:17 → 00:10:20 แรงบทแรงเคี้ยวไม่เท่ากันอื่นอีกยิ่งทำ
00:10:20 → 00:10:23 ให้ประสิทธิภาพการย่อยในมันลงอีกจะมีคำ
00:10:23 → 00:10:25 ถามที่น่าสนใจก็คือว่าทำไมมนุษย์ถึง
00:10:25 → 00:10:28 วิวัฒนาการมีระบบทางเดินอาหารเป็นอย่าง
00:10:28 → 00:10:29 นั้น
00:10:29 → 00:10:32 คำตอบนะแบบสรุปรอบครัวเปรี้ยวเลยนะก็คือ
00:10:32 → 00:10:36 เขาบอกว่าจริงๆต้องบอกว่าไอ้ปลักษณะการ
00:10:36 → 00:10:39 กินแบบนี้คือกินอาหารที่มีต้องทำอาหาร
00:10:39 → 00:10:42 ก่อนกินเนี่ยมันไม่ได้เกิดตอนสมัยของ
00:10:42 → 00:10:44 โมเสสเปลี่ยนจริงๆแล้วอาจจะเกิดใน
00:10:44 → 00:10:46 บรรพบุรุษมนุษย์ก่อนที่จะเป็นโฮโมเซเปียน
00:10:46 → 00:10:49 ช่วย 3 ก็ช่วยว่าการเปลี่ยนแปลงของการกิน
00:10:49 → 00:10:50 อาหารเนี่ยมันจะเกิดขึ้นสองครั้งด้วยกัน
00:10:50 → 00:10:53 อย่างแรกก็คือตอนที่บรรพบุรุษของมนุษย์
00:10:53 → 00:10:55 เนี่ยเปลี่ยนจากการกินแค่พืชหรือผลไม้
00:10:55 → 00:10:58 เนี่ยมันเริ่มกินเนื้อสัตว์ซึ่งในช่วงแรก
00:10:58 → 00:11:02 จะวิถีชีวิตประจำการที่คือว่าเป็นล่าพวก
00:11:02 → 00:11:05 ซากสัตว์เป็นสาวเอนเจอร์ก็หมายถึงว่าก็
00:11:05 → 00:11:08 คือไปกินพวกซากสัตว์ที่สัตว์อื่นและล่า
00:11:08 → 00:11:09 ที่เมื่อไว้ว่าจะเป็นเรื่องของสิงโต
00:11:09 → 00:11:12 เรื่องของมาในก็นึกภาพว่าเป็นเหมือนกับ
00:11:12 → 00:11:16 มนุษย์วานรขอยังก็เริ่มเดินเป็นละแล้วก็
00:11:16 → 00:11:19 ค่อยมองท้องฟ้าว่ามีอีแร้งบินวนอยู่แถว
00:11:19 → 00:11:22 ไหนแล้วก็วิ่งไปตรงนั้นแล้วก็ไปกินเนื้อ
00:11:22 → 00:11:25 สัตว์ที่เหลืออยู่ซึ่งต้องบอกว่าส่วนที่
00:11:25 → 00:11:29 ชอบที่สุดก็คือส่วนที่เป็นใครกระดูกเพราะ
00:11:29 → 00:11:31 ว่าจะมีร่องรอยของการใช้เครื่องมือหิน
00:11:31 → 00:11:35 เนี่ยหักกระดูกหรือว่าฝานกระดูกเพื่อที่
00:11:35 → 00:11:38 จะกินไข่ที่พังในซึ่งมีไขมันสูงก็คือซึ่ง
00:11:38 → 00:11:40 ปัจจุบันนั่นมันก็ยังเหลือตรงนี้น่าจะมี
00:11:41 → 00:11:43 คนยังชอบกินไข่กระดูกอยู่เนาะมันจะดูมันๆ
00:11:44 → 00:11:47 มากเลยเฉยเพราะลูกชายก็อร่อยดีด้วยนะพลัง
00:11:47 → 00:11:49 งานก็น่าจะเยอะน่าดูที่นี่เมื่อบรรพบุรุษ
00:11:50 → 00:11:51 ของมนุษย์เนี่ยเปลี่ยนมากินเนื้อสัตว์และ
00:11:51 → 00:11:54 ก็ไขมันเพิ่มขึ้นเนี่ยถ้าในแง่ของอาหาร
00:11:54 → 00:11:57 ต้องใช้คำว่ามีคุณภาพมากขึ้นมีคุณภาพดี
00:11:57 → 00:12:00 ขึ้นที่ว่ามีคุณภาพดีขึ้นมาถึงให้พลังงาน
00:12:00 → 00:12:03 ที่สูงขึ้นในประมาณที่ไม่มากซึ่งพลังงาน
00:12:03 → 00:12:06 ส่วนมันทำให้เหมือนก็เป็นเชื้อเพลิงที่นำ
00:12:06 → 00:12:08 ไปให้สมองสามารถวิวัฒนาการมีขนาดใหญ่ขึ้น
00:12:08 → 00:12:11 ได้เพราะว่าสมองของมนุษย์เนี่ยเป็นอวัยวะ
00:12:11 → 00:12:15 ที่กินพลังงานสูงมากน้องปกติเวลามีผัด
00:12:15 → 00:12:17 ปกติในเครือว่าเบสก็ไม่ทำเล็กๆเนี่ยสมอง
00:12:17 → 00:12:20 ได้กินพลังงานประมาณ 20% อันนั้นเป็นการ
00:12:20 → 00:12:23 เปลี่ยนแปลงของอาหารอย่างแรกการเปิดไปที่
00:12:23 → 00:12:25 2 เกิดขึ้นตอนที่มนุษย์เริ่มใช้ความร้อน
00:12:25 → 00:12:28 ทำอาหารเขาเพราะว่าการใช้ความร้อนมาทำ
00:12:28 → 00:12:30 อาหารเนี่ยมันเคยทำลายสภาพธรรมชาตินิดนึง
00:12:30 → 00:12:33 ทำให้มันสามารถที่จะดูดซึมได้ดีขึ้นย่อย
00:12:33 → 00:12:36 ได้ง่ายขึ้นดูเส้นได้ดีขึ้นมันเลยทำให้
00:12:36 → 00:12:40 ความจำเป็นที่จะมีทางเดินอาหารที่ยาวและ
00:12:40 → 00:12:44 ใหญ่ลดลงที่นี่เขาก้บอย่างหนึ่งว่าพอ
00:12:44 → 00:12:47 เริ่มมีการใช้ไฟทำอาหารมันตรงกับช่วงที่
00:12:47 → 00:12:50 สมองเด็กจะเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นมันก็เลยมี
00:12:50 → 00:12:53 สวัสดีฐานว่าจริงๆแล้วเนี่ยการที่ทางเดิน
00:12:53 → 00:12:56 อาหารเนี่ยมันสั้นลงเนี่ยมันทำให้สามารถ
00:12:56 → 00:12:59 ประหยัดพลังงานส่วนไปได้แล้วนำไปใช้สร้าง
00:12:59 → 00:13:02 สมองหรือวิวัฒนาการสมองให้มีขนาดที่ใหญ่
00:13:02 → 00:13:06 ขึ้นและทรงพลังมากขึ้นได้มันมีทิสต์ทฤษฎี
00:13:06 → 00:13:09 นี้สมมติฐานในวันนี้ชื่อว่า x เป็นเศษ
00:13:09 → 00:13:12 ทิชชู่ให้เพาะ The sez ก็ x เป็น 4 คัน
00:13:12 → 00:13:14 นี้ก็คือที่แปลว่าแพงเนาะทิศถูกครับที่
00:13:14 → 00:13:17 โอ้แม่เนื้อเยื่อก็คือไอเดียมันก็เหมือน
00:13:17 → 00:13:19 กับว่าเราประหยัด
00:13:19 → 00:13:22 มีพลังงานที่ไปใช้สร้างลำไส้ทางเดินอาหาร
00:13:22 → 00:13:25 เนี่ยเราไปใช้กับสมองซึ่งมีราคาแพงกว่า
00:13:25 → 00:13:28 เป็นระยะที่แพงกว่าแล้วอีกอย่างหนึ่งก็
00:13:28 → 00:13:30 คือที่เหมือนที่คุยไปก่อนนะก็คือว่าพอเรา
00:13:30 → 00:13:33 ทำอาหารให้มันสุกเนี่ยมันทำให้เวลาในการ
00:13:33 → 00:13:36 กินของมนุษย์น้อยลงซึ่งมาเที่ยวกับใน
00:13:36 → 00:13:39 ชินบัญ C หรือกอลิล่าเนี่ยซึ่งอย่างที่
00:13:39 → 00:13:41 คุยไปก่อนๆก็คือมันเช็คอินนานมากอย่า
00:13:41 → 00:13:43 กอลิล่าเนี่ยเขาบอกว่ากินทีประมา 8 จะแบบ
00:13:43 → 00:13:46 ประมาณของครึ่งนึงของเวลาที่ตื่นอะไร
00:13:46 → 00:13:49 ประมาณเนี้ยซึ่งก็โอเคเวลาส่วนและมันทำ
00:13:49 → 00:13:52 ให้มันครับเปิดช่องว่างให้มนุษย์สามารถ
00:13:52 → 00:13:54 หรือว่าวันพระผมด้วยตอนนั้นเนี่ยสามารถ
00:13:54 → 00:13:56 เวลาทำอย่างอื่นได้ถ้าเป็นอย่างสัตว์อื่น
00:13:56 → 00:13:59 ต้องใช้เวลากินนานๆมันไม่มีช่องเวลารู้
00:13:59 → 00:14:03 เปิดช่องให้สามารถที่จะพัฒนาทักษะนอื่นๆ
00:14:03 → 00:14:05 ในช่วงเวลาที่ว่างก็ไม่ได้ในทางตรงข้ามพอ
00:14:05 → 00:14:08 บรรพบุรุษของมนุษย์มีเวลาว่าเนี่ยมันก็มี
00:14:08 → 00:14:10 โอกาสเที่ยวถึงแม้ที่จะทำให้เกิดการเรียน
00:14:10 → 00:14:13 รู้ทักษะต่างๆเกิดวัฒนธรรมและก็ทำต่อๆกัน
00:14:13 → 00:14:16 มาได้นอกจากนี้ขอนไว้ว่าอีกมุมหนึ่งของ
00:14:16 → 00:14:19 การที่ทำอาหารให้สุกหรือว่าผ่านความร้อน
00:14:19 → 00:14:22 มีแต่มันก็ยังเป็นการช่วยเราทางอ้อมในการ
00:14:22 → 00:14:25 ที่จะแบบฆ่าเชื้อโรคหรือว่าฆ่าพยาธิอะไร
00:14:25 → 00:14:28 นี้ด้วยหรือเปล่าเอวก็อาจจะนั่นก็คือหมาย
00:14:28 → 00:14:31 ถึงว่าคนที่มีวัฒนธรรมในการทำอาหารด้วย
00:14:31 → 00:14:34 ความร้อนเนี่ยก็จะมีสุขภาพที่ดีกว่าอะพ่อ
00:14:34 → 00:14:37 นะมีพวกปรสิตในร่างกายน้อยกว่าก็จะหมาย
00:14:37 → 00:14:40 ถึงว่าเพิ่มโอกาสในการสืบพันธุ์ได้มาก
00:14:40 → 00:14:41 กว่าเพราะว่าเรามีประสิทธิ์ภาพมากๆถือว่า
00:14:41 → 00:14:44 ได้ธรรมชาติซึ่งในชุดที่มีพวกพยาธิมีประ
00:14:44 → 00:14:46 สิทธิ์ตัวมากๆเนี่ยมันจะมีสุขภาพที่ไม่
00:14:47 → 00:14:49 ค่อยดีมากนักซึ่งมันก็จะมาเป็นรถโอกาสที่
00:14:49 → 00:14:52 จะสืบพันธุ์ก็และส่งต่อพันธุกรรมไปได้ก็
00:14:52 → 00:14:55 อาจจะเป็นไปได้แต่ว่าสุดท้ายนี้ก็ต้องบอก
00:14:55 → 00:14:58 ว่าไอ้ไอเดียเนี่ยที่เราว่าไอ้เซนเทรดที่
00:14:58 → 00:15:00 ช่วยภาคพิเศษเสียมันก็เหมือนกับ
00:15:00 → 00:15:03 สมมุติฐานทั่วๆไปเนอะในง่ายวิทยาศาสตร์ก็
00:15:03 → 00:15:05 ปัจจุบันต้องถือว่าเป็นทฤษฎีที่คนค่อน
00:15:05 → 00:15:09 ข้างยอมรับแหละแต่ก็เหมือนทุกที่คดีในวง
00:15:09 → 00:15:11 การวิทยาศาสตร์ก็คือว่ามันไม่มีอะไรร้อย
00:15:11 → 00:15:14 เปอร์เซ็นต์ก็เว้นแต่กรณีที่เราถ้าเรามี
00:15:14 → 00:15:16 ไทม์แมชชีนสามารถนั่งย้อนเวลากลับไปได้
00:15:16 → 00:15:19 เนี่ยเราไปเห็นด้วยตานะมันถึงจะถือว่า
00:15:19 → 00:15:21 เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ว่าทฤษฎีพรุ่งนี้
00:15:21 → 00:15:24 มันก็ตั้งอยู่บนหลักฐานต่างๆที่ประกอบ
00:15:24 → 00:15:27 เข้ามาด้วยกันเหมือนต่อจิ๊กซอแล้วก็เห็น
00:15:27 → 00:15:30 ภาพดังๆว่าเป็นแบบนี้แน่นอนมันก็มีจุด
00:15:30 → 00:15:32 อ่อนนะมีข้อแย้งเมืองอย่างอายุจากก็อย่าง
00:15:32 → 00:15:34 ที่บอกก็คืออันนี้ตัวเป็นปัจจุบันก็ถือ
00:15:34 → 00:15:36 ว่าค่อนข้างเชื่อว่าเนี่ยเป็นเหมือนกับคำ
00:15:36 → 00:15:39 อธิบายหลักแล้วเรื่องทั้งหมดก็มีประมาณ
00:15:39 → 00:15:42 นี้นะครับจบแล้วโหแต่ว่าจริงๆพอฟังตอนนี้
00:15:43 → 00:15:46 แล้วอ่ะทำให้นึกถึงพ่อแคชอันเรื่องเดิม
00:15:46 → 00:15:49 ที่เราเคยทำเรื่องการวิ่งระยะไกลเหมาะกับ
00:15:49 → 00:15:50 ร่างกายมนุษย์หรือเปล่าเนี่ยรู้สึกว่า
00:15:50 → 00:15:52 จริงแล้วนะฮะมันมีความสัมพันธ์กันมากเลย
00:15:52 → 00:15:55 ใช่ปัญหามันใกล้เคียงกันนะฮะก็คือจริงๆ
00:15:55 → 00:15:58 แล้วกับว่าสมุดละอ่ะใครฟังตอนนี้แล้วสนุก
00:15:58 → 00:16:01 เลยเนี่ยติดใจว่าจะได้รายละเอียดอะไรมาก
00:16:01 → 00:16:05 ขึ้นเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอ่าจากการ
00:16:05 → 00:16:07 เป็นลิงเป็นมนุษย์อะไรแบบนี้นะคะก็อยาก
00:16:07 → 00:16:10 ให้ฟังตอนนั้นด้วยโอเคได้เพราะมันก็จะมี
00:16:10 → 00:16:13 ความเกี่ยวข้องกันค่ะอ่ะนะคะวันนี้เนี่ย
00:16:13 → 00:16:15 ก็คงมีเท่านี้นะครับก็คงเช่นเดิมเหมือน
00:16:15 → 00:16:18 กันก็คือก่อนที่จะจากกันไปนะครับถ้าชอบก็
00:16:18 → 00:16:21 ก็อยากให้ช่วยกดไลค์กดแชร์นะครับกด
00:16:21 → 00:16:23 Subscribe เป็นครับในจังคำสั่งในยูทิวบ์
00:16:23 → 00:16:25 เขียนคอมเมนต์แล้วรีวิวให้หน่อยนะครับจะ
00:16:25 → 00:16:27 ได้มีคนติดตามฟังกันมากขึ้นหรือว่าเป็น
00:16:27 → 00:16:30 แนะนำหรือชักชวนคนอื่นให้มาฝากมากขึ้นฉัน
00:16:30 → 00:16:32 ว่าวันนี้เราสองคนก็ขอลาไปก่อนนะครับ
00:16:32 → 00:16:36 สวัสดีครับสวัสดีค่าา
00:16:36 → 00:16:40 [เพลง]