00:00:00 → 00:00:03 เราอายุยืนขึ้นเมื่อก่อนอาจจะ 60 ปีเป็น
00:00:03 → 00:00:07 80 ปีหลังๆเนี่ยก็จะเริ่มมีการตัดต่อยีน
00:00:07 → 00:00:10 เพื่อทำให้อายุยืนยาวขึ้นอยากสุขภาพดี
00:00:10 → 00:00:14 ต้องกินน้อยๆอันเนี้ยจริงมคะถ้าอยากลดไข
00:00:14 → 00:00:17 มันต้องออกกำลังกายโซน 2 Fat Burning
00:00:17 → 00:00:18 Zone เท่านั้น
00:00:19 → 00:00:20 >> พี่นุชไม่เชื่ออยู่แล้ว
00:00:20 → 00:00:23 >> ไม่เชื่อดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนแล้วร่างกาย
00:00:24 → 00:00:26 ผ่อนคลายหลับสบาย
00:00:26 → 00:00:28 >> นอนเร็วจริงแต่พอเอามาดู
00:00:28 → 00:00:30 >> จริงหรอ
00:00:30 → 00:00:32 คนที่เป็นสาย introvert อ่ะเท่ากับว่าคุณ
00:00:32 → 00:00:35 จะมีอายุไขที่มันสั้นกว่า extrovert หรือ
00:00:35 → 00:00:36 เปล่า
00:00:36 → 00:00:39 >> ตกใจนิดนึงเพราะว่ากึ่งๆจะเป็น introvert
00:00:39 → 00:00:39 อยู่
00:00:39 → 00:00:42 >> แล้วถ้าเป็นคนโสดล่ะคะคุณหมอ
00:00:42 → 00:00:47 [เพลง]
00:00:47 → 00:00:51 [ปรบมือ]
00:00:51 → 00:00:55 >> นี่คือ Longbity Lab พcสของคนเมืองนะคะ
00:00:55 → 00:00:57 เราอยากชวนทุกคนมาคุยกันเรื่องสุขภาพไม่
00:00:57 → 00:00:59 ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ใหม่ๆ
00:00:59 → 00:01:01 ประสบการณ์ใหม่ๆที่น่าสนใจเอามาใช้ในการ
00:01:01 → 00:01:04 แก้ปัญหาสุขภาพของคนเมืองโดยเฉพาะเลยตอน
00:01:04 → 00:01:07 นี้อยู่กับนุ่นนะคะพัชญาชาวรัศมีกุลมา
00:01:07 → 00:01:12 เป็นโฮสประจำรายการนี้นะคะ
00:01:12 → 00:01:14 ถ้าเราพูดถึงเรื่องสุขภาพกันแล้วเนี่ยแน่
00:01:14 → 00:01:16 นอนว่าหนึ่งในสิ่งที่มันเป็นเทรนด์ของคน
00:01:16 → 00:01:18 ยุคนี้จริงๆนะหนีไม่พ้นเรื่องของ
00:01:19 → 00:01:21 Longivity ตอนนี้ไม่ว่าจะหันไปที่ไหนก็
00:01:21 → 00:01:24 จะได้เห็นคำเนี้ยกันมากมายเต็มไปหมดเลยนะ
00:01:24 → 00:01:27 แต่ว่านุ่นเชื่อว่าหลายๆคนนะก็ยังไม่ค่อย
00:01:27 → 00:01:31 มีความเข้าใจคำๆนี้ได้ดีเท่าไหร่นักวัน
00:01:31 → 00:01:33 นี้มีแขกรับเชิญพิเศษนะคะคุณหมออิกสวัสดี
00:01:33 → 00:01:34 ค่ะ
00:01:34 → 00:01:35 >> สวัสดีค่ะ
00:01:35 → 00:01:38 >> หมออิกนะคะแพทย์หญิงแพรวพันธ์บุญญตพันธ์
00:01:38 → 00:01:41 ค่ะเชี่ยวชาญทางด้านเอ่อแพทย์ผิวหนังนะคะ
00:01:41 → 00:01:44 แล้วก็จบเวชศาสตร์ป้องกันด้วยทั้งสาขา
00:01:44 → 00:01:47 สาธารณสุขศาสตร์แล้วก็สาขาไลฟส Medicine
00:01:47 → 00:01:48 นะคะ
00:01:48 → 00:01:50 >> อือก็ค่อนข้างตรงกับที่เราจะพูดคุยกันวัน
00:01:50 → 00:01:52 นี้เลยอยากถามคุณหมอแล้วกันว่าอย่างแล้ว
00:01:52 → 00:01:55 คำว่า Longevity อ่ะค่ะคำเนี้นุ่นว่ามัน
00:01:55 → 00:01:57 ค่อนข้างใหม่มากได้รับความนิยมมากไม่ว่า
00:01:58 → 00:02:00 จะเป็นทั้งในไทยหรือต่างประเทศเลยอยากรู้
00:02:00 → 00:02:02 ว่าจริงๆแล้วนิยามของคำว่า Longity มัน
00:02:02 → 00:02:03 คืออะไรคะ
00:02:03 → 00:02:06 >> พี่นุนยังจะเห็นว่าคนเริ่มหันมาดูแล
00:02:06 → 00:02:09 สุขภาพตัวเองมากขึ้นใส่ใจกับในเรื่องของ
00:02:09 → 00:02:13 สุขภาพมากขึ้นจริงๆมันก็มีเหตุผลค่ะว่า
00:02:13 → 00:02:16 ทำไมคนถึงมาพูดถึงเรื่อง Longivity อัน
00:02:16 → 00:02:18 แรกเลยเราอายุยืนขึ้น
00:02:18 → 00:02:19 >> อือ
00:02:19 → 00:02:21 >> จากเมื่อก่อนอาจจะ 60 ปีเดี๋ยวเนี้ยยาว
00:02:22 → 00:02:25 ขึ้นเป็น 80 ปีแล้วก็นอกจากอายุที่ยืน
00:02:25 → 00:02:28 ขึ้นแล้วเนี่ยเรามีเทคโนโลยีใหม่ๆทางการ
00:02:28 → 00:02:32 แพทย์นะคะที่ทำให้เรารู้กระบวนการของการ
00:02:32 → 00:02:36 แก่ชราได้ลึกซึ้งมากขึ้นมีการติดตามใน
00:02:36 → 00:02:39 เรื่องของความแก่ชราได้มากขึ้นนะคะถ้าพูด
00:02:39 → 00:02:43 ถึงอายุมากขึ้นหรือว่าความแก่ชราพี่นุ่น
00:02:43 → 00:02:44 มองเห็นภาพมันยังไงบ้าง
00:02:45 → 00:02:49 >> เอ่อขึ้นไหวช้าอ่ะพลังชีวิตหายไม่แคที
00:02:49 → 00:02:52 หรือว่าเดินไม่ค่อยจะได้กระท่อนกระแท่น
00:02:52 → 00:02:55 >> คิดว่าคนหลายๆคนพอพูดบอกว่าความแก่มัน
00:02:55 → 00:02:57 เป็นยังไงจะเริ่มแบบโอ๊ต้องมีโรคประจำตัว
00:02:57 → 00:02:58 เนาะ
00:02:58 → 00:03:02 >> ต้องกินยาเยอะมากเดินไม่ค่อยไหวแล้วต้อง
00:03:02 → 00:03:06 มีคนมาคอยพยุงต้องพึ่งพาลูกหลานหรือแย่
00:03:06 → 00:03:09 ที่สุดคือนอนติดเตียงซึ่งมันดูเป็นภาพที่
00:03:09 → 00:03:12 แบบน่ากลัวแต่ว่าปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์
00:03:12 → 00:03:16 ค่ะเขามองว่าความชราหรือว่า aging เนี่ย
00:03:16 → 00:03:19 จริงๆมันอาจจะเป็นเหมือนโรคโรคนึงที่เรา
00:03:19 → 00:03:23 สามารถอาจจะรักษามันได้หรือว่าชะลอมันได้
00:03:23 → 00:03:26 โดยอาจจะใช้พวกเทคโนโลยีทางการแพทย์เนี่ย
00:03:26 → 00:03:27 มาช่วยเหลืออ่ะค่ะอ
00:03:27 → 00:03:30 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยเหมือนภาพที่เราจะมอง
00:03:30 → 00:03:33 เรื่องความแก่มันก็คือจะเปลี่ยนไปเลยเป็น
00:03:33 → 00:03:35 ศาสตร์เนี้ย Longivity Medicine แต่จริง
00:03:35 → 00:03:37 ๆเขามีนักวิทยาศาสตร์ที่เขาทำเรื่อง
00:03:37 → 00:03:41 เกี่ยวกับกลไกความชราเนี่ยเขาทำมานานแล้ว
00:03:41 → 00:03:44 เขามีการศึกษาวิจัยเรื่องเกี่ยวกับสาเหตุ
00:03:44 → 00:03:48 ของการแก่เป็น Hall Mark of Aging มี
00:03:48 → 00:03:51 อะไรบ้างที่ทำให้คนเราอ่ะแก่ชราได้พอเรา
00:03:51 → 00:03:55 รู้ว่าอะไรทำให้เราแก่ลงเราก็สามารถหาตัว
00:03:55 → 00:03:58 ไปแก้ปัญหาหาได้มันก็เลยเริ่มมันมีงาน
00:03:58 → 00:04:01 วิจัยเพิ่มมากขึ้นองค์ความรู้มากขึ้นว่า
00:04:01 → 00:04:04 เอ๊ะเราจะเอาอะไรมามิตตอร์ความแก่ชราได้
00:04:04 → 00:04:07 บ้างเอาอะไรมาเป็น intervention หรือ
00:04:07 → 00:04:11 เรียกว่าการแทรกแซงแบบ positive นะคะให้
00:04:11 → 00:04:14 เราแก่ช้าลงหรือว่าเรามีอายุที่ยืนขึ้น
00:04:14 → 00:04:15 >> อ
00:04:15 → 00:04:17 >> แบบมีคุณภาพดี
00:04:17 → 00:04:20 >> เมื่อกี้เราพูดอันแรกละว่าเหตุผลคือเรา
00:04:20 → 00:04:24 อายุยืนขึ้นปัจจัยที่ 2 เนี่ยเราเจอว่า
00:04:24 → 00:04:28 อายุแบบ 40 50 ก็เริ่มมีโรคประจำตัวล่ะ
00:04:28 → 00:04:32 บางคนเป็นเบาหวานความดันไขมันโรคหัวใจคิด
00:04:32 → 00:04:35 ว่าโรคประจำตัวพวกเนี้ยเป็นตัวหนึ่งเลย
00:04:35 → 00:04:39 อ่ะที่จะทำให้เราแก่เร็วสมัยก่อนเ่ะคนอาจ
00:04:39 → 00:04:43 จะมีอายุไขประมาณ 60 ปีเดี๋ยวเนี้ยอายุ
00:04:43 → 00:04:46 เฉลี่ยบ้านเรา 80 นะคะพี่นุ่นเวลาที่พี่
00:04:46 → 00:04:49 นุ่นได้ยินคำว่า longity อ่ะอาจจะได้ยิน
00:04:49 → 00:04:52 คำว่า life span แปลว่าอายุที่คำนวณตั้ง
00:04:52 → 00:04:54 แต่วันที่เราเกิดขึ้นมาจนถึงวันที่เรา
00:04:54 → 00:04:57 เสียชีวิตแต่ว่าคำว่า Health SP นะคะคือ
00:04:57 → 00:05:01 ช่วงเวลาที่เราสุขภาพดีไม่ disability
00:05:01 → 00:05:04 ไม่ต้องการการพึ่งพิงจากใครบางคนเหมือน
00:05:04 → 00:05:08 อายุขาย 80 เริ่มป่วยตั้งแต่ 60 gปมัน 20
00:05:08 → 00:05:11 ปีเลยนะอันนี้ก็เลยเป็นเหตุผลว่าเราเลย
00:05:11 → 00:05:14 ต้องหากระบวนการหรือปัจจัยอะไรก็ได้ที่มา
00:05:14 → 00:05:16 ทำให้เรายืด Heth band ขึ้น
00:05:16 → 00:05:17 >> อือ
00:05:17 → 00:05:19 >> และอันเนี้มันจะล้อไปกับข้อที่ 3
00:05:19 → 00:05:19 >> อือ
00:05:19 → 00:05:23 >> การที่เรามีสุขภาพไม่ดีแต่เราอายุยืนน่ะ
00:05:23 → 00:05:26 ค่าใช้จ่ายมันสูงมากนะคะพี่
00:05:26 → 00:05:29 ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์มันมหาศาล
00:05:29 → 00:05:32 >> นอกจากนั้นแล้วอ่ะมันเป็นภาระของลูกหลาน
00:05:32 → 00:05:35 ด้วยมันก็เลยเป็นแนวคิดทั้งหมดเแหละอีก
00:05:35 → 00:05:37 ว่าเลยทำให้คนพยายามที่จะพูดถึงเรื่อง
00:05:38 → 00:05:41 longevity มากขึ้นมันก็เลยเป็นที่มาแล้ว
00:05:41 → 00:05:44 ก็เป็นเป็นคำที่คนให้ความสนใจมากเนาะ
00:05:44 → 00:05:45 เพราะว่ามันคล้ายๆกับ prenttive คือป้อง
00:05:45 → 00:05:48 กันก่อนที่จะเกิดโรคนอกจากนั้นยังช่วยเซฟ
00:05:48 → 00:05:50 เงินในกระเป๋าเราได้ด้วยแต่ฟังดูแล้วมัน
00:05:50 → 00:05:52 มีคำในนู่นสนใจมากเลยคือคำว่า
00:05:52 → 00:05:54 intervention หรือเรื่องของการแทรกแซง
00:05:54 → 00:05:57 อ่านุ่นอยากรู้ว่าการแทรกแซงในเชิงบวกมัน
00:05:57 → 00:05:59 มีอะไรบ้างคะที่เราสามารถทำได้
00:05:59 → 00:06:01 >> พื้นฐานเลยคือเรื่องของไestyle
00:06:01 → 00:06:02 >> อือ
00:06:02 → 00:06:04 >> ซึ่งมันก็ล้อไปกับ six pillar ของ
00:06:04 → 00:06:07 lifestyle medicine ข้อแรกก็คือเรื่อง
00:06:07 → 00:06:10 กับอาหารเราอาจจะต้องใส่ใจนิดนึงว่าเราจะ
00:06:10 → 00:06:11 ทานอะไร
00:06:11 → 00:06:13 >> อันที่ 2 ในเรื่องของ physical activity
00:06:13 → 00:06:16 หรือว่า exercise เราไม่ใช้คำว่า exercise
00:06:16 → 00:06:20 ตรงๆเพราะจริงๆกิจกรรมทางกายอย่างอื่นที่
00:06:20 → 00:06:22 ทำให้ heart rate rest ขึ้นไปได้เนี่ย
00:06:22 → 00:06:25 ก็ถือว่าเป็น physical activity
00:06:25 → 00:06:29 เอ่อว่ามันช่วยได้เหมือนกันอันที่ 3 นอน
00:06:29 → 00:06:33 อย่างมีคุณภาพอันที่ 4 ก็คือเรื่องกำจัด
00:06:33 → 00:06:34 ความเครียด
00:06:34 → 00:06:36 >> ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เครียดแต่ว่าเราจะ
00:06:36 → 00:06:38 เคลียร์ความเครียดอันเนี้ยออกไปได้เร็ว
00:06:38 → 00:06:41 ได้ยังไงอันที่ 5 คือหลีกเลี่ยงพวกสารเสพ
00:06:42 → 00:06:44 ติดต่างๆแล้วก็อันสุดท้ายเรื่อง Social
00:06:44 → 00:06:47 Connection หรือการมีสัมพันธภาพที่ดีอ่ะ
00:06:47 → 00:06:47 ค่ะอ
00:06:47 → 00:06:50 >> ซึ่งอันเนี้เป็น intervention ง่ายๆทำได้
00:06:50 → 00:06:52 เลยแล้วก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายเยอะด้วย
00:06:52 → 00:06:55 แล้วมันก็เป็นเบสิคของการมี longtivity
00:06:55 → 00:06:55 ด้วย
00:06:55 → 00:06:56 >> อ
00:06:56 → 00:06:59 >> มา intervention ที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง
00:06:59 → 00:07:01 เดี๋ยวนี้มันมีการตรวจเรื่องเกี่ยวกับ
00:07:01 → 00:07:05 Biological Age ก็คือดูอายุทางชีวภาพ
00:07:05 → 00:07:06 >> อื
00:07:06 → 00:07:09 >> ดูว่าอายุจริงๆอ่ะเราเป็นยังไงการทำงาน
00:07:09 → 00:07:13 ของอวัยวะแต่ละอวัยวะเราเป็นยังไงบ้างมัน
00:07:13 → 00:07:17 แมตชกับช่วงอายุไหนจริงๆเพราะว่าบางคน
00:07:17 → 00:07:20 จริงๆอ่ะอาจจะไม่ได้เยอะมากแต่ว่าไม่ค่อย
00:07:20 → 00:07:24 ดูแลสุขภาพตัวเองเลยก็อาจจะดูแก่กว่าอายุ
00:07:25 → 00:07:25 จริง
00:07:25 → 00:07:28 >> ถ้าสนใจอยากจะตรวจอายุชีวภาพเนี่ยนุ่น
00:07:28 → 00:07:30 สามารถทำได้ด้วยวิธีไหนบ้างคะ
00:07:30 → 00:07:33 >> ก่อนอื่นอีถามก่อนพี่นุ่นเคยทายอายุผิด
00:07:33 → 00:07:34 มั้ย
00:07:34 → 00:07:35 >> อบ่อย
00:07:35 → 00:07:38 >> อีก็บ่อยปกติแล้วเวลาก่อนที่คนไข้จะเดิน
00:07:38 → 00:07:40 เข้ามาหาอีกอ่ะอ
00:07:40 → 00:07:43 >> อีจะเห็นชื่อเห็นนามสกุลเห็น
00:07:43 → 00:07:46 >> อายุล่าสุดไปตรวจคนไข้มา
00:07:46 → 00:07:47 >> เขียนแบบว่า 80
00:07:47 → 00:07:50 >> เปิดประตูเข้ามาคนไข้เดินเข้ามาเฉยเลย
00:07:50 → 00:07:54 แล้วก็มานั่งแล้วก็ยังเล่าประวัติจำได้
00:07:54 → 00:07:56 ไม่แบบไม่หลงลืมอะไรเลยแล้วก็บอกวันเนี้ย
00:07:56 → 00:07:58 มาคนเดียวขับรถมาเองด้วย
00:07:58 → 00:07:59 >> โอ
00:07:59 → 00:08:02 >> เพราะฉะนั้นน่ะอีแทบจะทายอายุเไม่ถูกดัง
00:08:02 → 00:08:04 นั้นเนี่ยค่ะมันก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไม
00:08:04 → 00:08:07 เราถึงอยากรู้อายุจริงๆนักวิทยาศาสตร์เขา
00:08:07 → 00:08:10 ก็ develop เพื่อที่จะมาตรวจว่าอายุของ
00:08:11 → 00:08:13 เซลล์เราอ่ะเป็นยังไงฟังก์ชันเป็นยังไง
00:08:13 → 00:08:15 อันนี้เขาเรียกเหมือนแบบเป็น biomarker
00:08:15 → 00:08:18 หรือการ of aging ซึ่งตอนเมันก็มีการ
00:08:18 → 00:08:20 ตรวจที่ลึกหน่อยเขาก็จะตรวจในเรื่องของ
00:08:20 → 00:08:23 epigenetic clock แล้วก็เอามาประเมิน
00:08:23 → 00:08:26 ว่าเอ๊ะถ้าได้เท่าเนี้ยอายุมันน่าจะอยู่
00:08:26 → 00:08:30 ช่วงนี้นะให้มันแม่นยำมากขึ้นแล้วก็
00:08:30 → 00:08:33 สามารถ prediction ได้ด้วยว่าจะมีโอกาสใน
00:08:33 → 00:08:36 การเกิดโรคเรื้อรังหรือความผิดปกติอะไร
00:08:36 → 00:08:37 ต่อไปในอนาคต
00:08:37 → 00:08:40 >> น่าสนใจมากมีศัพท์ใหม่ที่โผล่มาอีกแล้ว
00:08:40 → 00:08:44 Epic Genetic C ใช่มั้คะก็คือการตรวจ
00:08:44 → 00:08:47 วัดอายุทางชีวภาพอ่าอย่างที่คุณหมอบอกว่า
00:08:47 → 00:08:50 มีวิธีตรวจเยอะแยะมากมายถ้านุ่นสนใจอัน
00:08:50 → 00:08:52 นุ่นก็เดินเข้าไปตรวจโรงพยาบาลต่างมีใช่ม
00:08:52 → 00:08:55 คะสำหรับเซอร์สนี้ที่จะรองรับการตรวจ
00:08:55 → 00:08:58 >> ก็อาจจะไม่ได้ครบทุกโรงพยาบาลอาจจะเป็น
00:08:58 → 00:09:02 โรงพยาบาลที่มุ่งเน้นในเรื่องของการprวt
00:09:02 → 00:09:06 หรือว่าการดูแลสุขภาพก่อนที่จะเป็นโรคอ่ะ
00:09:06 → 00:09:08 >> ต่อมา intervention อีกกลุ่มนึงก็คราวนี้
00:09:08 → 00:09:12 ก็จะมีพวก supplement มีพวกยาหลายๆตัวที่
00:09:12 → 00:09:15 เราเรียกพวกแบบเอ่อ pharmacological
00:09:15 → 00:09:18 intervention อันเนี้ก็มีการศึกษาค่ะก็
00:09:18 → 00:09:22 หาว่าเอ๊ะมีสารอะไรมียาอะไรที่สามารถทาน
00:09:22 → 00:09:25 แล้วเรายืดอายุได้บ้างแต่ว่าข้อเนี้อี
00:09:25 → 00:09:30 อยากขอโค้ชไว้สักนิดนึงแล้วกันคือยาหลายๆ
00:09:30 → 00:09:33 ตัวหรือว่าสารหลายๆตัวค่ะมันก็ยังอยู่ใน
00:09:33 → 00:09:36 งานวิจัยอยู่ทั้งในสัตว์แล้วก็ในคนเพราะ
00:09:36 → 00:09:38 ฉะนั้นน่ะอยากให้ปรึกษากับคุณหมอผู้
00:09:38 → 00:09:42 เชี่ยวชาญจริงๆว่าเราจะต้องเสริมตัวไหน
00:09:42 → 00:09:45 เพราะบางทีเนี่ยพวกสารพวกเนี้ยมันก็มีมา
00:09:45 → 00:09:48 อctกับยาของคนไข้เดิมอยู่แล้วหรือว่าบาง
00:09:49 → 00:09:51 คนมีโรคประจำตัวหรืออาจจะไม่ถึงโรคประจำ
00:09:51 → 00:09:54 ตัวแต่มีข้อห้ามอยู่อันเนี้ยค่ะจะได้ให้
00:09:54 → 00:09:57 คุณหมอช่วยดูว่าเราใช้อันไหนได้บ้างแล้ว
00:09:57 → 00:10:00 ก็ถ้าจะพูดอีกอันนึงที่ดู Advance ขึ้นไป
00:10:00 → 00:10:04 หน่อยหลังๆเนี่ยก็จะเริ่มมีพวกจีน
00:10:04 → 00:10:08 เซลล์ therapy อย่างเช่นแบบการตัดต่อยีน
00:10:08 → 00:10:12 เพื่อทำให้อายุยืนยาวขึ้นมีการใช้พวกการ
00:10:12 → 00:10:16 รักษาด้วยใช้เซลล์บางอย่างที่เหมือนมาแก้
00:10:16 → 00:10:19 ไขสิ่งที่เสื่อมไปแล้วแต่พวกเนี้ยส่วน
00:10:19 → 00:10:21 ใหญ่มันก็จะยังอยู่ในงานวิจัยระดับคน
00:10:21 → 00:10:24 ระดับสัตว์อยู่เราอาจจะต้องรอสักนิดนึงใน
00:10:24 → 00:10:27 เรื่องของประสิทธิผลของเขาว่าเป็นยังไง
00:10:27 → 00:10:30 แล้วก็ดูเรื่องSideฟเฟectด้วยระยะสั้นกับ
00:10:30 → 00:10:31 ระยะยาวเป็นยังไง
00:10:31 → 00:10:32 >> อือ
00:10:32 → 00:10:35 >> แต่อีกเชื่อว่ามันเร็วๆนี้แน่ๆค่ะแล้วถ้า
00:10:35 → 00:10:37 เกิดว่าอีกกลุ่มนึงถ้าเป็นคนที่โอไม่ชอบ
00:10:37 → 00:10:40 ตรวจอะไรพวกนี้ไม่อยากจะไปแตะพวกแฟนซี
00:10:40 → 00:10:42 LAAP มันมีวิธีอื่นม
00:10:42 → 00:10:44 >> จริงๆมันก็อยู่ใน anual checkอนะตรวจ
00:10:44 → 00:10:47 สุขภาพประจำปีจริงๆมันก็ยังพอบอกได้บ้าง
00:10:47 → 00:10:51 นะคะอย่างเช่นพวกระดับความดันของเราระดับ
00:10:51 → 00:10:55 ค่าน้ำตาลค่าไขมันค่าตับค่าไตพวกนี้ก็ยัง
00:10:55 → 00:10:57 พอบอกฟังก์ชัน
00:10:57 → 00:11:00 >> ของตัวสุขภาพเราได้เขาเรียกว่า physical
00:11:00 → 00:11:02 biomarker ค่ะหรือว่าถ้าเราอยากรู้
00:11:02 → 00:11:05 เรื่องเกี่ยวกับกล้ามเนื้อว่าแข็งแรงมอาจ
00:11:05 → 00:11:07 จะดูเทสพวกhandนกริบ
00:11:07 → 00:11:08 >> กริบ strength อะไรอย่างเงี้ยค่ะอันนี้ก็
00:11:09 → 00:11:10 พอบอกได้
00:11:10 → 00:11:12 >> กับอีกอันนึงที่เราบอกเรามีเทคโนโลยีเนาะ
00:11:12 → 00:11:15 มากขึ้นเรามี variable device พี่นุ่น
00:11:15 → 00:11:15 ใส่
00:11:15 → 00:11:17 >> อ่าใช่ๆมี Apple Watch มา
00:11:17 → 00:11:20 >> อ่าพี่นุ่นก็จะวัดเรื่องเกี่ยวกับการเต้น
00:11:20 → 00:11:22 ของหัวใจดูได้บ้างอะไรเงี้ยค่ะ
00:11:22 → 00:11:26 >> อเดี๋ยวนี้มันบอกเรื่องการนอนการหายใจพวก
00:11:26 → 00:11:27 เนี้ยเบสิคอ่ะมันทำได้หมด
00:11:27 → 00:11:30 >> ก็อีกอันนึงที่อีกำลังติดอยู่ก็คือเป็น
00:11:30 → 00:11:32 Real Time Continuous Glucose
00:11:32 → 00:11:33 Monitoring
00:11:33 → 00:11:34 >> อือ
00:11:34 → 00:11:37 >> ดูว่ากินอะไรแล้วแบบทำให้เหมือนกับน้ำตาล
00:11:37 → 00:11:38 เรา
00:11:38 → 00:11:38 >> ส
00:11:38 → 00:11:39 >> สปขึ้นมาได้
00:11:39 → 00:11:42 >> อุ๊ยเจ๋งอ่ะติดมาด้วยป่าวันนี้ติดมาตรง
00:11:42 → 00:11:42 นี้
00:11:42 → 00:11:44 >> โอ๊ยหรอดูเป็นแบบ
00:11:44 → 00:11:47 >> นิดเดียวลิงก์กับในแอปเราก็คอยดูคือเรา
00:11:47 → 00:11:49 รู้อยู่แล้วแหละว่าคนเรามีเจนติกไม่
00:11:49 → 00:11:52 เหมือนกันอีคิดว่าอาหารอย่างเดียวกันน่ะ
00:11:52 → 00:11:54 พี่นุ่นกินกับอีกินน่ะน้ำตาลก็คงขึ้นไม่
00:11:54 → 00:11:55 เท่ากัน
00:11:55 → 00:11:58 >> อจะฟังมาทั้งหมดแล้วข้อดีคือนุรู้สึกว่า
00:11:58 → 00:12:01 โลกยุคเนี้ยเรามีตัวช่วยมากขึ้นมีองค์
00:12:01 → 00:12:04 ความรู้ใหม่ๆที่จะทำให้เราอ่ะมีสุขภาพที่
00:12:04 → 00:12:08 ดีอย่างยืนยาวได้แต่มันก็เป็นแค่ตัวช่วย
00:12:08 → 00:12:08 อ่า
00:12:08 → 00:12:12 >> ถูกมถ้าเราเองยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่
00:12:12 → 00:12:14 ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์กินดื่มเหมือนเดิม
00:12:14 → 00:12:16 อ่ะสุดท้ายชีวิตมันก็มันก็ยากที่มันจะดี
00:12:16 → 00:12:18 ขึ้นเนาะอย่างยั่งยืนน่ะค่ะ
00:12:18 → 00:12:21 >> ใช่เพราะว่าจริงๆแล้วลอ่ะก็คือเป็นพื้น
00:12:21 → 00:12:22 ฐาน
00:12:22 → 00:12:22 >> อือ
00:12:22 → 00:12:27 >> ของ longity ถ้าเราไสลไม่ดี Heth span
00:12:27 → 00:12:29 เราก็ไม่เข้าใกล้กับ life span อยู่ดี
00:12:30 → 00:12:30 อ่ะค่ะอ
00:12:30 → 00:12:33 >> แต่ว่าถ้าเรามี Health Span ที่ยืนยาว
00:12:33 → 00:12:35 >> มันก็ทำให้เรามีโอกาสที่จะมี spand ที่
00:12:35 → 00:12:37 ยืนยาวอยู่แล้ว
00:12:37 → 00:12:39 >> จริงๆพี่ว่าหลายๆเรื่องอ่ะเรามันไม่ใช่
00:12:39 → 00:12:41 เรื่องใหม่นะมันเป็นเรื่องที่เราอ่ะรู้มา
00:12:41 → 00:12:44 อยู่แล้วแต่มันก็ยังมีบางประเด็นในโลก
00:12:44 → 00:12:46 โซเชียลนี่แหละที่บางครั้งพี่เห็นพี่ก็
00:12:46 → 00:12:49 เอ๊ะอันนี้มันใช่หรอมาช่วยฟันธงหน่อยซิ
00:12:49 → 00:12:51 ว่าไอ้ความเข้าใจต่างๆจริงไม่จริงใช่ไม่
00:12:51 → 00:12:52 ใช่นะอัน
00:12:52 → 00:12:53 >> รู้สึกหนักใจแล้วนะเนี่ย
00:12:53 → 00:12:55 >> หนักใจมาเรื่องแรกเลยดีกว่าเรื่องการกิน
00:12:56 → 00:12:58 แน่นอนเรื่องนี้สำคัญสุดที่ได้ยินมาคือคน
00:12:58 → 00:13:02 เราอยากสุขภาพดีต้องกินน้อยๆอันเนี้ยจริง
00:13:02 → 00:13:03 มั้คะ
00:13:03 → 00:13:04 >> ฟันธงจริง
00:13:04 → 00:13:05 >> จริงหรอ
00:13:05 → 00:13:08 >> จริงเพราะว่ามันมีงานวิจัยเลยค่ะว่าถ้า
00:13:08 → 00:13:11 เรากินแบบแคลอรี่น้อยๆหรือว่าแคลอic
00:13:11 → 00:13:14 restriction น่ะอันเนี้ยเพิ่ม longevity
00:13:14 → 00:13:18 ได้เขาเจอว่าอ่ะน้ำหนักลดค่าน้ำตาลลด
00:13:18 → 00:13:21 เพราะว่าเพิ่มในเรื่องของเอ่อการทำงานของ
00:13:21 → 00:13:24 ฮอร์โมนอินซูลินทำให้ควบคุมน้ำตาลได้ดี
00:13:24 → 00:13:28 ขึ้นลด Metabolic rate ได้อันเนี้ยเป็น
00:13:28 → 00:13:33 ข้อดีแต่ restriction ทำนานๆมันค่อนข้าง
00:13:33 → 00:13:35 ยากเหมือนกันนะพี่นุ่นด้วย
00:13:35 → 00:13:38 >> เพราะว่าเราต้องตัดแคลอรี่ในการกินน่ะ
00:13:38 → 00:13:41 ซึ่งจริงๆแล้วมันจะประมาณ 20% ของแคลอรี่
00:13:41 → 00:13:42 ที่เราควรจะได้รับ
00:13:43 → 00:13:43 >> อ
00:13:43 → 00:13:45 >> และอีกมุมนึงก็คือมันขึ้นกับว่าพี่นุ่น
00:13:45 → 00:13:49 น่ะเอาแคลอรี่จากไหนเพราะว่าถ้าแคลอรี่
00:13:49 → 00:13:52 จากไส้กรอกกับแคลอรี่จากข้าวโพดอย่าง
00:13:52 → 00:13:54 เงี้ยมันก็ไม่เหมือนกัน
00:13:54 → 00:13:54 >> ใช่
00:13:54 → 00:13:58 >> แล้วก็เวลาที่เราคุมอาหารมากๆอ่ะก็ต้อง
00:13:58 → 00:14:00 ระวังด้วยค่ะในเรื่องของการขาดสารอาหาร
00:14:00 → 00:14:03 ขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางตัว
00:14:03 → 00:14:03 >> ถูก
00:14:03 → 00:14:05 >> เพราะฉะนั้นน่ะเดี๋ยวนี้คนก็เลยมาพูด
00:14:05 → 00:14:07 เรื่อง intermittent fasting
00:14:07 → 00:14:09 >> เยอะมากขึ้นเพราะจริงๆข้อดีของ
00:14:09 → 00:14:11 intermittent fasting ก็ไม่ค่อยได้ต่าง
00:14:11 → 00:14:14 กับ caloric restriction แล้วก็ดู
00:14:14 → 00:14:16 practical มากกว่าด้วย
00:14:16 → 00:14:18 >> เพราะว่ามันเหมือนแบบมีช่วงที่เรายังได้
00:14:18 → 00:14:21 กินอยู่บ้างแต่ก็มีช่วงที่งดแต่ยังไงก็
00:14:21 → 00:14:24 ตามอ่ะอีก็ยังอยากให้เราอ่ะเหมือนเลือก
00:14:24 → 00:14:27 สิ่งที่จะกินในช่วงที่เราจะกินเหมือนกัน
00:14:27 → 00:14:30 >> ใช่พี่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องการนับแควเท่า
00:14:30 → 00:14:33 ไหร่เพราะรู้สึกว่ามันยากจะค่อนข้างเอียน
00:14:33 → 00:14:35 มาทาง IF มากกว่า
00:14:35 → 00:14:36 >> พี่นุ่นทำ IF มั้ย
00:14:36 → 00:14:37 >> เคยทำ
00:14:37 → 00:14:39 >> เป็นยังไงบ้าง
00:14:39 → 00:14:42 >> ดีชอบถ้าเทียบกับการไดเอตทุกอย่างบนโลกใบ
00:14:42 → 00:14:47 นี้ IF คีโตพี่ก็เคยทำโลคพี่ก็ถามพี่ว่า
00:14:47 → 00:14:49 กับโลคะเป็นอะไรที่พี่รู้สึกว่าเออพี่ชอบ
00:14:49 → 00:14:52 แล้วทำได้ส่วนตัวนะชอบและทำได้
00:14:52 → 00:14:53 >> แล้วพี่นุ่น IF ช่วงไหน
00:14:53 → 00:14:57 >> เที่ยงเพราะพี่ออกกำลังกายตอนเช้าแล้วพอ
00:14:57 → 00:14:59 ออกเสร็จปั๊บพี่ก็จะรีบอาบน้ำแต่งตัวทำ
00:14:59 → 00:15:03 งานก็จะไปสตาร์ทแบบเที่ยนจนถึง 18 น.แล้ว
00:15:03 → 00:15:06 อาหารที่กินพี่นุ่นเลือกยังไง
00:15:06 → 00:15:09 >> ไม่ค่อยเลือกกินปกติใช้คำนี้ดีกว่าก็คือ
00:15:09 → 00:15:12 กินปกติเป็นข้าวเป็นมื้อๆไม่ได้อัดไม่ได้
00:15:12 → 00:15:13 แบบจะหยัดทุกอย่างอะไร
00:15:13 → 00:15:15 >> แต่ไม่ได้กินต่อเนื่องๆ
00:15:15 → 00:15:18 >> คือจริงๆ IF อ่ะเขามี study เหมือนกันนะ
00:15:18 → 00:15:22 ถ้าสมมุติว่าเทียบกันระหว่างกินแค่ช่วง
00:15:22 → 00:15:25 แบบ 8:00 น.ถึง 16:00 น.กับอีกกลุ่มนึง
00:15:25 → 00:15:29 อ่ะกินตั้งแต่น.เขาเจอว่าคนที่กินเที่ยน
00:15:29 → 00:15:31 ถึง 20:00 น.อ่ะน้ำหนักไม่ค่อยลด
00:15:32 → 00:15:35 >> ค่าน้ำตาลก็ไม่ค่อยลดค่าคอเลสเตอรอลอ่ะก็
00:15:35 → 00:15:37 ไม่ค่อยลดถ้าเทียบกับอีกกลุ่มนึงที่เขา
00:15:37 → 00:15:40 แบบกินเหมือนพีดเช้า
00:15:40 → 00:15:43 >> เพราะว่าจริงๆ IF อ่ะเราอยากให้ทำตาม CC
00:15:43 → 00:15:47 RH ตามแบบ clock ของเราเพราะว่าจริงๆเรา
00:15:47 → 00:15:51 ควรจะนอนตอนกลางคืนแล้วก็acีระหว่างวัน
00:15:51 → 00:15:51 >> อ
00:15:51 → 00:15:54 >> ถ้าสมมุติคิดสภาพว่าถ้าพี่นุ่นกินจนถึง
00:15:54 → 00:15:56 20:00 น.อ่ะกินเยอะๆแล้วก็แบบอุ๊ยเวลาจะ
00:15:56 → 00:15:59 หมดแล้วฉันจะต้องกินเพราะเดี๋ยวจะไม่ได้
00:15:59 → 00:16:01 กินอีกทีกินอีกทีคือเที่ยงของวันพรุ่งนี้
00:16:01 → 00:16:05 เลยก็ไปกินเยอะๆใกล้นอนก็จะนอนยากนอน
00:16:05 → 00:16:09 ลำบากมันก็จะไปส่งผลกับในเรื่องของ sleep
00:16:09 → 00:16:10 cycle อีก
00:16:10 → 00:16:12 >> อ๋อเพราะว่าอีกหนึ่งข้อที่คนถกเถียงกัน
00:16:12 → 00:16:15 เนี่ยแหละค่ะว่า IF ตอนเช้าเห็นผลกว่าตอน
00:16:15 → 00:16:17 เย็นอันนี้หมอฟันธงว่า
00:16:17 → 00:16:21 >> อาว่าจริงตาม Study ตาม Study นะคือมันก็
00:16:21 → 00:16:24 จะมีคนที่เขาบอกว่าเค้าโอเคกับการที่จะ
00:16:24 → 00:16:28 เริ่มกินตอนเที่ยนแล้วไปจบตอนเย็นอ
00:16:28 → 00:16:31 >> อีว่ามันก็มีค่ะแต่ว่าจาก study อ่ะเขา
00:16:31 → 00:16:34 ลองเทียบกันแล้วอ่ะพีดช่วงเช้าอ่ะดีกว่า
00:16:34 → 00:16:37 >> จริงๆมันก็พอเข้าใจได้นะเพราะว่าคนเรา
00:16:37 → 00:16:39 จริงๆก็ไม่ควรจะต้องกินดึกมากอยู่แล้วไม่
00:16:39 → 00:16:41 งั้นช่วงการนอนมันก็จะมีผลกับการนอนของ
00:16:41 → 00:16:44 เราเรื่องการระบบย่อยอาหารใดๆอีกเหล่านี้
00:16:45 → 00:16:47 ดังนั้นเนี่ยถ้าจะเลือก IF ควรจะเลือก
00:16:47 → 00:16:50 เวลาที่เหมาะกับเราถ้าเป็นช่วงเช้าได้ก็
00:16:50 → 00:16:53 จะดีอีกอันนึงก็คือควรจะเลือกอาหารที่กิน
00:16:53 → 00:16:56 ด้วยถูกมยไม่ใช่กินตามใจปากทุกอย่าง
00:16:56 → 00:16:59 >> ใช่ใช่ค่ะเพราะว่าถ้าสมมุติบอกว่าช่วงที่
00:16:59 → 00:17:03 กินแต่ว่ากินแต่แบบ process food กินแต่
00:17:03 → 00:17:06 กลุ่มน้ำตาลอย่างเงี้ยก็ไม่ค่อยเนาะ
00:17:06 → 00:17:08 >> ใช่ซึ่งอันนั้นมันเป็นเบสิคอยู่แล้วทุกคน
00:17:08 → 00:17:11 รู้อยู่แล้วว่าทานน้ำตาลก็เกิด
00:17:11 → 00:17:14 inflammation เกิดการอักเสบกิน process
00:17:14 → 00:17:16 food เพิ่มเรื่องเกี่ยวกับ cancer risk
00:17:16 → 00:17:20 อะไรอย่างเงี้ยว่าก็ต้องเลือกด้วย IF
00:17:20 → 00:17:23 เนี่ยต้องระวังนะคะในที่เป็นโรคกระเพาะอื
00:17:23 → 00:17:25 >> อาจจะทำให้โรคกระเพาะแย่ลง
00:17:25 → 00:17:27 >> กับอีกอันนึงคนที่มีโรคประจำตัวพวกเบา
00:17:27 → 00:17:30 หวานนะ่ะค่ะโดยเฉพาะใครที่แบบใช้ยาในการ
00:17:30 → 00:17:32 รักษาเบาหวานอยู่อันนี้ต้องระวังเพราะว่า
00:17:33 → 00:17:35 ถ้าทำ IF มันเหมือนเราไม่ได้ทานอาหารอะไร
00:17:35 → 00:17:38 เลยแล้วถ้าเราฉีดยาหรือเรากินยาอาจจะมี
00:17:38 → 00:17:40 ช่วงน้ำตาลต่ำได้อันเนี้น่ากลัว
00:17:40 → 00:17:44 >> อ๋อมันรวมถึงคนที่เป็นโรคกดไหล่ย้อนด้วย
00:17:44 → 00:17:44 มั้ยคะ
00:17:44 → 00:17:48 >> ใช่ค่ะถ้ากดมันหลั่งออกมาเพื่อที่จะย่อย
00:17:48 → 00:17:50 อาหารแล้วเขาไม่ได้ทานอะไรเลยก็จะทำให้
00:17:50 → 00:17:51 อาการเขาแย่ลง
00:17:51 → 00:17:54 >> สิ่งที่คนอื่นทำได้อาจจะไม่เหมาะกับเราก็
00:17:54 → 00:17:54 ได้
00:17:55 → 00:17:55 >> อ่าใช่ค่ะ
00:17:55 → 00:17:59 >> อ่าถ้าออกกำลังกายแล้วไม่เหนื่อยเหงื่อ
00:17:59 → 00:18:01 ไม่ออกอันนั้นไม่นับว่าเป็นการออกกำลัง
00:18:01 → 00:18:02 กายจริงมั้คะ
00:18:03 → 00:18:05 >> ไม่
00:18:05 → 00:18:08 เพราะว่าจริงๆการออกกำลังกายมันมี 4
00:18:08 → 00:18:09 อย่างค่ะพี่นุ่น
00:18:09 → 00:18:12 >> เราจะชอบรู้จักกันแค่ 2 อย่างนะคือ
00:18:12 → 00:18:14 คาร์ดิโอกับ strengthening ใช่ม
00:18:14 → 00:18:18 >> อ่ะเรามีคาร์ดิโอเช่นวิ่งเนาะว่ายน้ำเดิน
00:18:19 → 00:18:21 อะไรเงี้ยค่ะอันเนี้ช่วยเรื่องหัวใจช่วย
00:18:21 → 00:18:24 เรื่องหลอดเลือดต่างๆมี training
00:18:24 → 00:18:25 strengthening อันนี้ช่วยเรื่องกล้าม
00:18:25 → 00:18:29 เนื้อแต่จริงๆมันมี stretching กับ
00:18:29 → 00:18:30 balancing ด้วย
00:18:30 → 00:18:31 >> อื
00:18:31 → 00:18:34 >> ซึ่ง 2 ตัวเนี้ยสำคัญนะคะอย่าง WHO เขามี
00:18:34 → 00:18:38 ไกด์ไลน์มาเลยโดยเฉพาะคนที่อายุเพิ่มมาก
00:18:38 → 00:18:42 ขึ้นเกิน 65 ปีเขาอยากให้ออกกำลังกายแนว
00:18:42 → 00:18:46 บนซิด้วยอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์
00:18:46 → 00:18:46 >> อุ๊ยเยอะนะ
00:18:46 → 00:18:49 >> เพราะว่าเราจะได้ฝึกตัวเองค่ะเพราะว่าพอ
00:18:49 → 00:18:51 เราสูงอายุขึ้นกล้ามเนื้อเราอาจจะไม่ได้
00:18:51 → 00:18:54 แข่งแรงแรงเหมือนเดิมเราต้องมีด้วยค่ะเรา
00:18:54 → 00:18:56 จะได้ไม่ล้มค่ะ
00:18:56 → 00:18:58 >> อือเฮ้ยอันนี้จริงแต่พี่จะบอกนะจริงๆแล้ว
00:18:58 → 00:19:01 ว่าไม่ต้องรอให้ถึง 60 นะทุกวันเเวลาพี่
00:19:01 → 00:19:05 ต้องไปออกท่าที่มันฝึกบาanceซอ่ะยากมากนะ
00:19:05 → 00:19:07 บางครั้งมันยากกว่าการยกเวทด้วยซ้ำเพราะ
00:19:07 → 00:19:09 ว่าเหมือนร่างกายเราไม่คุ้นชินกับการฝึก
00:19:09 → 00:19:12 อ่ะอย่างเช่นท่าง่ายๆถ้าถ้าเกิดอีแค่แบบ
00:19:12 → 00:19:14 หลับตาแล้วยกขาขึ้นน่ะ
00:19:14 → 00:19:16 >> แล้วแบบให้นิ่งที่สุดอ่ะอันนี้คือยากมาก
00:19:16 → 00:19:19 แล้วก็เห็นหลายๆคนในฟิตเนสผู้ชายตัวใหญ่
00:19:19 → 00:19:23 ผู้หญิงหุ่นลีนมาตกม้าตายที่เทสนี้กันหมด
00:19:23 → 00:19:24 เลย
00:19:24 → 00:19:26 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยเราต้องออกทั้ง 4 อย่าง
00:19:26 → 00:19:30 ให้มันครบทั้งหมดทั้งมีทั้งเอ่อคาร์ดิโอ
00:19:30 → 00:19:34 ด้วยมี training ด้วยมีเอ่อ stretching
00:19:34 → 00:19:37 ด้วยแล้วก็มี balancing ด้วยเพราะฉะนั้น
00:19:37 → 00:19:40 โยคะไทชิอะไรอย่างเงี้ยค่ะบางคนจะเห็นแบบ
00:19:40 → 00:19:43 ว่าเออทำไทชิดูแบบไม่เห็นได้อะไรเลยแต่
00:19:43 → 00:19:46 จริงๆมันเป็น exercise ที่ดีและอีกว่าการ
00:19:46 → 00:19:49 ที่เราฝึก string กับ balancing อ่ะมัน
00:19:49 → 00:19:52 ช่วยเรื่องนี้ด้วยนะเหมือน
00:19:52 → 00:19:54 เ Meditation อย่างหนึ่งอ่ะอีกว่า
00:19:54 → 00:19:58 >> จริงๆควรจะใส่ให้เป็นหนึ่งในโปรแกรมหรือ
00:19:58 → 00:19:59 อย่างน้อย
00:19:59 → 00:20:02 >> ออกเสร็จสัก 15 นาทีstrชingได้มั้ย
00:20:02 → 00:20:04 >> อ่ะต้องstrชingก่อนแล้วก็stretchชingหลัง
00:20:04 → 00:20:08 เพราะมันลด injury ลดการอักเสบด้วยแล้ว
00:20:08 → 00:20:10 ยิ่งออกหนักเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งstrชing
00:20:10 → 00:20:12 เยอะมากขึ้นอีก
00:20:12 → 00:20:15 >> ใช่แต่ไม่ทำเลยรู้ป่ะต้องค่อยๆต้องปลูก
00:20:15 → 00:20:17 ฝังต้องบางทีบอกตัวเองเหมือนกันนะว่าต้อง
00:20:17 → 00:20:20 ทำบ้างอะไรอย่างเงี้ยข้อถัดไปถ้าอยากจะลด
00:20:20 → 00:20:24 ไขมันเผาผลาญไขมันต้องออกกำลังกายโซน 2
00:20:25 → 00:20:28 หรือว่าเป็น Fat Burning Zone เท่านั้น
00:20:28 → 00:20:30 >> ถึงจะลดได้
00:20:30 → 00:20:32 >> ขอตอบว่าไม่จริงแล้วกัน
00:20:32 → 00:20:34 >> อ๋อดีค่ะ
00:20:34 → 00:20:35 >> เพราะว่าพี่นุชไม่เชื่ออยู่แล้ว
00:20:35 → 00:20:36 >> ไม่เชื่อเออ
00:20:36 → 00:20:39 >> คำว่าเท่านั้นอีว่ามันไปเอาเริ่มอย่างี้
00:20:39 → 00:20:42 ก่อนที่จะบอกว่าเข้าโซน 2 โซน 2 คืออะไร
00:20:42 → 00:20:46 โซน 2 คือ exercise อะไรก็ได้ที่ทำให้เรา
00:20:46 → 00:20:48 เนี่ยมี heart rate race ขึ้นไปประมาณ
00:20:48 → 00:20:52 60 ถึง 70% ของ maximum heart rate
00:20:52 → 00:20:52 อือ
00:20:52 → 00:20:55 >> ซึ่งถ้าพูดเป็น intensity อ่ะก็คือประมาณ
00:20:55 → 00:20:58 moderate intensity physical activity
00:20:58 → 00:20:58 >> อื
00:20:58 → 00:21:01 >> คราวเนี้ยถ้าเราจะพูดถึง fat burn เนี่ย
00:21:01 → 00:21:04 มันไม่ใช่แค่ดูว่าเป็น intensity อันนี้
00:21:04 → 00:21:04 นะ
00:21:04 → 00:21:05 >> อื
00:21:05 → 00:21:07 >> มันต้องดู duration ด้วยก็คือส่วนใหญ่เขา
00:21:08 → 00:21:10 ก็จะมี recommendation ง่ายๆว่าแบบอาจจะ
00:21:10 → 00:21:13 อยู่ในช่วงที่แบบประมาณต้องออกกำลังกาย
00:21:13 → 00:21:16 ให้ถึงประมาณเอ่อ 20-40 นาทีขึ้นไปเพราะ
00:21:16 → 00:21:19 ว่าช่วงแรกตอนที่เรา exercise อ่ะค่ะเรา
00:21:19 → 00:21:22 จะใช้ตัวไกลโคเจนหรือว่าน้ำตาลที่เขาสะสม
00:21:22 → 00:21:24 อยู่ในกล้ามเนื้อหรือในตับอ่ะออกมาใช้
00:21:24 → 00:21:25 ก่อน
00:21:25 → 00:21:26 >> เป็นหลักอ
00:21:26 → 00:21:29 >> แล้วก็ค่อยๆมาใช้ในเรื่องของแฟชที่เรา
00:21:29 → 00:21:31 สะสมไว้เพราะฉะนั้นมันต้องคู่กันทั้ง
00:21:31 → 00:21:34 Intensity แล้วก็ต้องคู่กันด้วยถึง
00:21:34 → 00:21:35 เรื่อง duration ด้วยค่ะ
00:21:35 → 00:21:36 >> อโอเค
00:21:36 → 00:21:39 >> แล้วก็เรื่อง exercise อ่ะจริงๆมันก็มี
00:21:39 → 00:21:40 เจนติ
00:21:40 → 00:21:43 >> มาควบคุมด้วยนะแต่ละคนไม่เหมือนกันว่าแบบ
00:21:43 → 00:21:45 percentage fat burn burning ของแต่
00:21:45 → 00:21:47 ละคน fat metabolism แต่ละคนก็ไม่เหมือน
00:21:47 → 00:21:49 กันด้วยอือ
00:21:49 → 00:21:52 >> ถ้าอยากจะแฟชเบิรนลดน้ำหนักไม่ใช่
00:21:52 → 00:21:54 exer์ciseอย่างเดียวอาหาร
00:21:55 → 00:21:55 >> ถูกต้อง
00:21:55 → 00:21:57 >> ก็ต้องดูแลด้วยนิดนึง
00:21:57 → 00:21:59 >> อ่ามันต้องทำควบคู่กันไป
00:21:59 → 00:22:01 >> เนาะซึ่งถ้าถ้าพูดให้เห็นภาพส่วนใหญ่
00:22:01 → 00:22:04 กิจกรรมที่คนเลือกทำอ่ะก็มักจะเป็นการ
00:22:04 → 00:22:07 เดินบนลูกความชันสัก 8 สัก 9 เดินสักแบบ
00:22:07 → 00:22:10 ชั่วโมงนึง 40 นาทีชั่วโมงนึงอันเนี้ยถือ
00:22:10 → 00:22:11 ว่าอยู่ในหมวดส่วน 2 ถูกมั้คะถ้าเกิดว่า
00:22:11 → 00:22:14 หัวใจเขาไม่ได้เต้นสูงมาก
00:22:14 → 00:22:16 >> ถ้าเขาเอาไปคำนวณแล้วมันอยู่ช่วงเนี้ย
00:22:16 → 00:22:18 ช่วง range เนี่ยที่เราเรียก
00:22:18 → 00:22:19 Moderate intensity
00:22:19 → 00:22:20 >> อ
00:22:20 → 00:22:23 >> physical activity เพราะฉะนกวาดบ้าน
00:22:23 → 00:22:24 heart rate ก็ขึ้นนะ
00:22:24 → 00:22:26 >> ใช่มเพราะนู่นว่ามันก็มีเรื่องฮิตด้วยใช่
00:22:26 → 00:22:28 มที่ช่วยเผาผ่านไขมัน
00:22:28 → 00:22:31 >> ใช่มันมี study ค่ะว่าไอ้ตัว high
00:22:31 → 00:22:34 intensity interval training เนี่ยมัน
00:22:34 → 00:22:36 มี afterbn เพราะฉะนั้นใครที่เวลาน้อย
00:22:36 → 00:22:39 หน่อยก็อาจจะใช้อันนี้ก็ได้นะ
00:22:39 → 00:22:41 >> ในการช่วยแฟชเบิร์นเช่นคนทำงานอาจจะออก
00:22:41 → 00:22:43 กำลังกายมีเวลา 30 นาที
00:22:44 → 00:22:47 >> ก็เล่นฮิตไปแต่ว่าต้องออกให้มันหนักมากพอ
00:22:47 → 00:22:47 อือ
00:22:47 → 00:22:50 >> ใช่มคะที่จะแบบเออถึงเลเวลที่มันแบบจะไป
00:22:50 → 00:22:51 สู่จุดนั้น
00:22:51 → 00:22:55 >> อ่าโอเคงั้นอันนี้หมอฟันธงว่าไม่เสมอไปทำ
00:22:55 → 00:22:56 ได้หลากหลายวิธี
00:22:56 → 00:22:57 >> อ่าใช่ค่ะ
00:22:57 → 00:23:00 >> แล้วแต่แต่ก็ขึ้นอยู่กับจีนกรรมกรรมเก่า
00:23:00 → 00:23:01 กรรมเก่า
00:23:01 → 00:23:04 >> ว่าเปอร์เซ็นต์แฟที่เดิมมีมันเท่าไหร่
00:23:04 → 00:23:08 ไกลโคเจนที่ฉันเคยสะสมน้ำตาลไว้มันเยอะ
00:23:08 → 00:23:08 หรือเปล่าอะไรเงี้ย
00:23:08 → 00:23:11 >> อือๆจริงๆแล้วออกกำลังกายเยอะๆอ่ะมันส่ง
00:23:11 → 00:23:14 ผลให้เกิดความเครียดกับร่างกายกล้ามเนื้อ
00:23:14 → 00:23:17 แล้วก็จิตใจเราด้วยใช่มั้คะจริงๆคือ
00:23:17 → 00:23:19 เรื่องเครียดเนี่ยมันเป็นมันมีแต่เรื่อง
00:23:19 → 00:23:22 ที่ไม่ดีอย่างเดียวมั้คะหมอมีเหตุผลดีๆ
00:23:22 → 00:23:23 ให้มันหน่อยมั้อ่ะ
00:23:23 → 00:23:28 >> มีเจอ study นึงเขาบอกว่าความเครียดก็ไม่
00:23:28 → 00:23:30 ได้แย่เสมอไปออ
00:23:30 → 00:23:34 >> แต่ว่าแต่ว่าต้องเป็นเครียดน้อยๆและสั้นๆ
00:23:34 → 00:23:37 เเรียกว่า accuse stress เนี่ยได้ถ้าเรา
00:23:37 → 00:23:40 มีความเครียดเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นตื่นเต้น
00:23:40 → 00:23:42 หรือว่ากังวลเล็กๆน้อยๆมันเพิ่ม
00:23:42 → 00:23:43 Performance อ่ะค่ะ
00:23:43 → 00:23:44 >> อ๋อเหรอ
00:23:44 → 00:23:46 >> อย่างเช่นตอนเราจะไปสอบ
00:23:46 → 00:23:48 >> จะไปสัมผัสพลาดงานไปpิชิ่งอย่างเงี้ยพี่
00:23:48 → 00:23:51 นุ่นพวกเมันเหมือนเป็น drive ให้เรา
00:23:51 → 00:23:53 >> เพราะว่าความเครียดอ่ะมันเป็นหนึ่งใน
00:23:53 → 00:23:54 กระบวนการปกติ
00:23:55 → 00:23:58 >> ของร่างกายที่เป็นแบบ fight or flight
00:23:58 → 00:23:59 situation อยู่แล้วอ
00:23:59 → 00:24:00 >> อ๋อ
00:24:00 → 00:24:03 >> แต่ถ้าเครียดเป็น
00:24:03 → 00:24:04 >> อื
00:24:04 → 00:24:07 >> เครียดเยอะๆเครียดยาวๆเครียดไปเรื่อยๆ
00:24:07 → 00:24:09 อันเนี้ยส่งผลต่อสุขภาพ
00:24:09 → 00:24:10 >> ทั้งเรื่องนอน
00:24:10 → 00:24:13 >> เรื่องภูมิคุ้มกัน Performance ต่างๆอันเ
00:24:13 → 00:24:14 นี้ไม่ดี
00:24:14 → 00:24:16 >> อแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าความเครียดระดับ
00:24:16 → 00:24:19 ไหนมันถึงเรียกว่าหนักมันมีอะไรบ่งชี้
00:24:19 → 00:24:20 ฟ้องออกมามั้
00:24:20 → 00:24:23 >> อีว่าง่ายๆเลยนอนเพราะมันคือชีวิตประจำ
00:24:23 → 00:24:24 วัน
00:24:24 → 00:24:24 >> ออ
00:24:25 → 00:24:28 >> ถ้าเราเริ่มนอนไม่ดีไม่เฟรชเพราะว่า
00:24:28 → 00:24:30 เรื่องนอนมันมันรีลทกับเรื่องแบบ mmory
00:24:31 → 00:24:34 มันเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจถ้าพวกนั้น
00:24:34 → 00:24:36 มันดูผิดแปลกไป
00:24:36 → 00:24:38 >> ลองกลับมาถามตัวเองว่าเครียดอยู่หรือ
00:24:38 → 00:24:41 เปล่ามีอะไรที่มาแบบ
00:24:41 → 00:24:42 >> กังวลใจไหมอะไรเงี้ย
00:24:42 → 00:24:45 >> ออุ๊ยอันนี้ดีนะคะเพราะว่าจริงๆแล้วถ้า
00:24:45 → 00:24:47 มันวัดได้ด้วยการนอนเนี่ยมันทำให้เรา
00:24:47 → 00:24:50 เมื่อไหร่ที่นอนไม่ดีนอนแบบตื่นมาทำไมนอน
00:24:50 → 00:24:52 หลับๆตื่นๆหรือนอนหลับยากอ่ะต้องเริ่ม
00:24:52 → 00:24:54 สังเกตตัวเองละว่าเอ๊ะเราเครียดเกินไป
00:24:54 → 00:24:57 หรือเปล่าดีเลยคุณหมอพูดมาอย่างี้นำทางไป
00:24:57 → 00:24:59 สู่ข้อถัดไปเลยค่ะก็อันนี้น่าจะได้ยิน
00:24:59 → 00:25:02 บ่อยๆเป็นคลาสสิคมากเลยปัญหานี้คือเค้า
00:25:02 → 00:25:06 ว่ากันว่าคนเราควรนอนให้ได้อย่างน้อย 8
00:25:06 → 00:25:10 ชม.ทุกวันถึงจะดี
00:25:10 → 00:25:14 >> ก็ไม่เสมอไปอีกว่าการนอนมันมีหลายปัจจัย
00:25:14 → 00:25:18 มีไลฟสไตลด้วยอ่ะค่ะแต่ว่าเขาก็จะมีข้อ
00:25:18 → 00:25:20 คร่าวๆrecommมนคร่าวๆว่าเราควรที่จะนอน
00:25:21 → 00:25:23 ให้ได้ 7-9 ชม.อ
00:25:23 → 00:25:26 >> แต่มันก็จะมีบางคนนะคะที่เขานอนน้อยได้
00:25:26 → 00:25:28 แบบนอนน้อยกว่า 6 ช่โมเขาก็ไม่มีปัญหา
00:25:28 → 00:25:29 สุขภาพอะไร
00:25:29 → 00:25:32 >> เขาก็ไปศึกษากลุ่มเาก็จะมีเจนติกบางอย่าง
00:25:32 → 00:25:35 ที่แตกต่างไปอีอยากจะบอกว่าเวลาที่เราดู
00:25:35 → 00:25:38 เรื่องนอนน่ะอีอยากให้มองเป็นคุณภาพมาก
00:25:38 → 00:25:39 กว่า
00:25:39 → 00:25:39 >> อื
00:25:39 → 00:25:42 >> เอาแบบง่ายๆเลยตื่นมาเฟรชมย
00:25:42 → 00:25:45 >> ระหว่างวันแคทีหรือเปล่ามีปัญหาสุขภาพ
00:25:45 → 00:25:47 อะไรตามมาหรือเปล่า
00:25:47 → 00:25:51 >> อันนี้ก็พอบอกได้แล้วแต่ถ้าจะให้ลงลึกไป
00:25:51 → 00:25:55 หน่อยว่าเอ้นอนอย่างมีคุณภาพควรนอนยังไง
00:25:55 → 00:25:58 >> อันแรกก็ควรนอนตาม circudan rึมเนาะซึ่ง
00:25:58 → 00:25:59 มีแสง
00:25:59 → 00:26:00 >> เป็นตัวกำหนด
00:26:00 → 00:26:00 >> อื
00:26:00 → 00:26:03 >> ชีวิตเรามีนาฬิกาชีวิตอยู่แล้วกลางวันเรา
00:26:03 → 00:26:05 ควรจะแคtive
00:26:05 → 00:26:07 >> กลางคืนเราควรจะนอนเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่า
00:26:07 → 00:26:10 เรานอนกลางคืนได้อันนี้คือนอนที่ดี
00:26:10 → 00:26:10 >> อื
00:26:10 → 00:26:12 >> อีกอันนึงก็คือ
00:26:12 → 00:26:15 >> การนอนอ่ะค่ะเขาเป็นไซคleของเขาเรียก
00:26:15 → 00:26:18 sleep cycle ซึ่งใน 1 คืนที่เรานอน
00:26:18 → 00:26:21 เนี่ยมันมีประมาณ 4-5 ไซเคิล
00:26:21 → 00:26:23 >> เพราะฉะนั้นถ้าเรานอนน้อยพี่นุ่นคิดสภาพ
00:26:23 → 00:26:25 ถ้าพี่นุ่นนอนน้อยอ่ะนอนน้อยชั่วโมงโอกาส
00:26:25 → 00:26:29 ที่มันจะได้ครบหลายไซเคิลอ่ะมันก็ยาก
00:26:29 → 00:26:30 >> ใช่
00:26:30 → 00:26:32 >> ใน 1 cycle ของ sleep cycle อ่ะมันมี
00:26:33 → 00:26:33 part ของมัน
00:26:33 → 00:26:34 >> อือฮึ
00:26:34 → 00:26:38 >> แบ่งง่ายๆคือ rem กับ non rem คือ rapid
00:26:38 → 00:26:39 eye movement
00:26:39 → 00:26:42 >> คือช่วงที่เราฝันมันเป็นช่วงที่musซle
00:26:42 → 00:26:44 ทั้งหมด paralyze หมดเลยยกเว้นmusซleที่
00:26:45 → 00:26:48 ตามันกรอกได้เป็นช่วงที่ร่างกายเรากำลัง
00:26:48 → 00:26:51 ดูเรื่อง mmory นะแล้วก็จัดเก็บพวกข้อมูล
00:26:51 → 00:26:54 ต่างๆซึ่งอันนี้มันเอฟเฟคกับทั้ง emotion
00:26:54 → 00:26:56 ด้วยทั้งการตัดสินใจด้วย
00:26:56 → 00:26:59 >> กับอีกอันนึงคือทุกคนจะพูดถึงแต่เรื่อง
00:26:59 → 00:27:01 Deep Sleep ใช่มย
00:27:01 → 00:27:02 >> ซึ่ง Deep Sleep มันเป็นพารทนึงเองอ่ะ
00:27:02 → 00:27:06 ค่ะในช่วงที่เป็น non REM เพราะฉะนั้น
00:27:06 → 00:27:09 เนี่ยพี่นุ่นคิดสภาพว่าถ้านอนเวลาน้อยๆ
00:27:09 → 00:27:12 อ่ะโอกาสที่จะได้ครบทุกอันน่ะมันก็น้อยลง
00:27:12 → 00:27:15 >> ถูกเมื่อกี้คุณหมอพูดมาน่าสนใจมากเรื่อง
00:27:15 → 00:27:17 Deep E Sleep อย่างเวลาเรามีนาฬิกาทุก
00:27:17 → 00:27:20 คนจะพูดกันเฮ้ยเมื่อคืนนอนหลับดีมยฟleกี่
00:27:20 → 00:27:22 ชั่วโมงมาขิงกันอะไรอย่างเงี้อฉันเยอะ
00:27:22 → 00:27:23 กว่า
00:27:23 → 00:27:25 >> ใช่นู่นเลยอยากรู้เอ๊ะจริงๆแล้ว deep
00:27:25 → 00:27:29 sleep มันเท่ากับการนอนที่มีคุณภาพใช่
00:27:29 → 00:27:29 ไหม
00:27:29 → 00:27:32 >> อาจจะไม่เสมอไปอีกเหมือนกัน Deep Sleep
00:27:32 → 00:27:35 เขาก็มีการศึกษาค่ะว่ามันจะช่วงระยะเวลา
00:27:35 → 00:27:37 ที่เราควรจะมี Deep EP sleep อ่ะมันจะ
00:27:37 → 00:27:40 ประมาณ 20% ของการนอนทั้งหมดอ่ะยกตัว
00:27:40 → 00:27:43 อย่างพี่นุ่นนอน 8 ชม.ก็ควรจะมี Deep EP
00:27:43 → 00:27:44 sleep ประมาณ 2 ช่โมงอ
00:27:44 → 00:27:45 >> อ
00:27:45 → 00:27:47 >> ไม่ได้จำเป็นต้องแบบมี deep EP sleep
00:27:47 → 00:27:49 แบบ 5-6 ชม.อืซึ่งมันอาจจะเป็นไปไม่ได้
00:27:49 → 00:27:50 ด้วยมั้
00:27:50 → 00:27:53 >> มันไม่น่าจะเป็นไปได้พี่นุ้่นเพราะว่า
00:27:53 → 00:27:55 จริงๆในไซเคิลอ่ะค่ะที่เขาบอกว่าให้เรา
00:27:55 → 00:27:58 นอนเร็วหน่อยเพราะว่าช่วงไซเคิลแรกๆอ่ะ
00:27:58 → 00:28:01 เราจะมี deep sleep ที่ยาวแล้วหลังจาก
00:28:01 → 00:28:04 นั้นน่ะช่วงหลังๆอ่ะมันจะเป็นช่วงเร็
00:28:04 → 00:28:07 >> ช่วงที่เราฝันเราเลยชอบฝันกันช่วงแบบใกล้
00:28:07 → 00:28:08 ๆตื่นอ
00:28:08 → 00:28:12 >> หมออิกมีเวลาในการนอนที่เหมาะสมมว่าถ้า
00:28:12 → 00:28:14 เราอยากจะนอนดีเราควรเข้านอนตั้งแต่กี่
00:28:14 → 00:28:17 โมงและควรตื่นกี่โมงที่มันตายตัวชัดๆไป
00:28:17 → 00:28:18 เลยอ่ะ
00:28:18 → 00:28:20 คืออีคิดว่ามันไม่มีอะไรแบบ 100% อ่ะมัน
00:28:20 → 00:28:24 ขึ้นกับไสลด้วยแต่มันก็มีrecomm่าวๆที่
00:28:24 → 00:28:26 เราพูดถึงเราอยากให้มี Deep Sleep มี
00:28:26 → 00:28:29 Gold ฮอร์โมนหลังมาช่วยแบบ Repair ร่าง
00:28:29 → 00:28:30 กายของเรา
00:28:30 → 00:28:32 >> เขาก็จะบอกว่าให้นอนในช่วงแบบ 22:00 น.
00:28:32 → 00:28:35 อ่ะมันก็คือเป็นเหมือนแบบเพfectแต่ว่าโดย
00:28:35 → 00:28:38 ส่วนตัวเวลาคุยกับคนไข้อ่ะก็อาจจะต้องมา
00:28:38 → 00:28:41 ดูในเรื่องของไสไตล์ของเขาด้วยจะ flexible
00:28:41 → 00:28:44 ได้บ้างแต่ว่าอาจจะแบบแนะนำแล้วกันไม่เคย
00:28:44 → 00:28:47 ไม่ควรเกินเที่ยงคืนแต่สิ่งสำคัญของการ
00:28:48 → 00:28:48 นอนน่ะ
00:28:48 → 00:28:50 >> คือรูทีน
00:28:50 → 00:28:54 >> เราต้องเทรนให้ตัวเราอ่ะนอนในเวลาเดิมๆ
00:28:54 → 00:28:56 อันเนี้มันจะทำให้เราอ่ะนอนง่ายอ
00:28:56 → 00:28:56 >> อือ
00:28:57 → 00:28:58 >> นอนได้อย่างมีคุณภาพ
00:28:58 → 00:28:59 >> อื
00:28:59 → 00:29:01 >> พูดถึงการนอนพี่ดินมาว่า
00:29:01 → 00:29:05 >> ดื่มแอลกออฮก่อนนอนแล้วร่างกายผ่อนคลาย
00:29:05 → 00:29:08 หลับสบายดื่มกันสักวันละ 1 แก้ว
00:29:08 → 00:29:11 >> ออพี่นุ่นทำแบบนั้นหรือเปล่า
00:29:11 → 00:29:12 >> มีบ้างเครียดๆ
00:29:12 → 00:29:13 >> นอนเร็วจริง
00:29:13 → 00:29:14 >> อ่ะใช่ๆๆ
00:29:14 → 00:29:17 >> อ่าเอางี้มันมี met analysis
00:29:17 → 00:29:20 >> ก็คือเป็นการรวบรวมเอางานวิจัยหลายๆอัน
00:29:20 → 00:29:23 เนี่ยเอามารวมกันแล้วก็มาวิจัยอีกทีนึง
00:29:23 → 00:29:26 >> เขาเจอว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์อ่ะค่ะ
00:29:26 → 00:29:28 >> นอนได้เร็วจริงอ
00:29:28 → 00:29:30 >> ยิ่งดื่มเยอะก็ยิ่งนอนเร็วอ
00:29:30 → 00:29:34 >> แต่พอเอามาดูการนอนนอนว่าคุณภาพเป็นยังไง
00:29:34 → 00:29:37 เเจอว่าช่วงเรมที่เป็นช่วงที่เราแบบจัด
00:29:37 → 00:29:40 เก็บข้อมูลหรือว่ามีเรื่องเกี่ยวกับความ
00:29:40 → 00:29:42 จำอะไรเงี้ยมันสั้นหลง
00:29:42 → 00:29:42 >> อ่า
00:29:42 → 00:29:45 >> แล้วเขาก็จะว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน
00:29:45 → 00:29:47 น่ะมักจะตื่นระหว่างคืนบ่อย
00:29:48 → 00:29:49 >> ใช่ๆ
00:29:49 → 00:29:52 >> แล้วก็อีกอันนึงแอลกอฮอล์มันไปยุ่งเกี่ยว
00:29:52 → 00:29:54 กับกล้ามเนื้อนะมันทำให้กล้ามเนื้อมัน
00:29:54 → 00:29:55 รีแลก
00:29:55 → 00:29:58 >> แล้วคิดสภาพว่ากล้ามเนื้อแถวๆเนี้ย
00:29:58 → 00:30:00 >> ถ้าเกิดว่าคืนนั้นดื่มแอลกอฮอล์มาคนข้างๆ
00:30:00 → 00:30:02 จะบอกว่าอุรนดังมากเลยนะ
00:30:02 → 00:30:04 >> เออใช่ๆ
00:30:04 → 00:30:07 >> อ่ะเพราะฉะนั้นถ้าใครมีปัญหาเรื่อง Sleep
00:30:07 → 00:30:09 หรือว่าการหยุดหายใจระหว่างการนอนอยู่
00:30:09 → 00:30:12 แล้วอ่ะก็จะแย่ลงค่ะเพราะฉะนั้นโดยส่วน
00:30:12 → 00:30:15 ตัวไม่อยากให้ใช้เป็นshortคutในการช่วย
00:30:15 → 00:30:18 นอนเพราะมันจะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพในระยะ
00:30:18 → 00:30:18 ยาว
00:30:19 → 00:30:19 >> อ๋อจริง
00:30:19 → 00:30:22 >> ไอ้เรื่องแอลกอฮอล์ค่ะมันก็จะแตะๆขาหมวด
00:30:22 → 00:30:23 ที่เป็น substance ที่มันจะเป็นเรื่อง
00:30:24 → 00:30:26 เกี่ยวกับสารเสพติดหรือว่าสารต่างๆที่
00:30:26 → 00:30:28 อยู่ไลน้อมร่างกายเราก็จะได้ยินเรื่อง
00:30:28 → 00:30:32 แอลกอฮอล์บุหรี่มีมาบ่อยมันมีอย่างอื่น
00:30:32 → 00:30:34 อีกมั้ยคะคุณหมอที่มันตกอยู่ในหมวดเนี้ย
00:30:34 → 00:30:37 ที่เราควรที่จะหลีกเลี่ยงอ่ะเวลาที่ไสไตล
00:30:37 → 00:30:39 medicine เขาพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับให้
00:30:39 → 00:30:42 avoอยเหมือนพวก substance ต่างๆก็จะเน้น
00:30:42 → 00:30:44 ในเรื่องของบุหรี่เพราะมันไม่มีประโยชน์
00:30:44 → 00:30:47 ต่อสุขภาพแน่นอนแอลกอฮอล์เราคุยกันไปแล้ว
00:30:47 → 00:30:48 อือ
00:30:48 → 00:30:50 >> โดยส่วนตัวอยากจะเพิ่มเรื่องมลภาวะ
00:30:50 → 00:30:51 >> ออ
00:30:51 → 00:30:54 >> อย่างเช่นมลภาวะทางน้ำกับมลภาวะทางอากาศ
00:30:54 → 00:30:55 >> อื
00:30:55 → 00:30:58 >> โดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศปัญหาหลักบ้านเรา
00:30:58 → 00:31:00 PM 2.5 5
00:31:00 → 00:31:01 >> อ่ะใช่มาทุกปี
00:31:01 → 00:31:04 >> ซึ่งเรารู้อยู่แล้วล่ะ PM 2.5 ไม่ดีต่อ
00:31:04 → 00:31:06 ร่างกายหายใจเข้าไปใช่มั้ยคะไปที่ปอด
00:31:06 → 00:31:10 แทackปอดแน่ๆโดยตรงแล้วก็ยังไปอวัยวะอื่น
00:31:10 → 00:31:14 ๆได้เพราะว่ามันผ่านพวกหลอดเลือดต่างๆไป
00:31:14 → 00:31:18 แล้วก็ไปเหมือนกับทำลายถึงเซลล์เลยทำให้
00:31:18 → 00:31:20 เซลล์เราเสื่อมลง
00:31:20 → 00:31:22 >> แล้วก็อย่างที่เราคุยกันเรื่องepigenนติ
00:31:22 → 00:31:25 ไอ้ตัวนึงที่ทำให้epิติของเราเนี่ยมัน
00:31:25 → 00:31:28 วิ่งเร็วไปทางด้านแก่ก็คือ PM 2.5 นี่
00:31:28 → 00:31:29 แหละ
00:31:29 → 00:31:33 >> แต่นอกจากนั้นความน่ากลัวของเขาไม่ใช่แค่
00:31:33 → 00:31:36 สูดดมเข้าไปอย่างเดียวตัวเขาเล็กมากๆเซึม
00:31:36 → 00:31:38 ผ่านผิวหนังเราได้
00:31:38 → 00:31:41 >> ซึมผ่านรูขุมขนของเราได้เพราะฉะนั้นที่
00:31:41 → 00:31:45 บอกว่าปกป้องตัวเองจาก PM 2.5 ไม่ใช่แค่
00:31:45 → 00:31:48 หน้ากากอย่างเดียวนะคะอาจจะต้องใส่เสื้อ
00:31:48 → 00:31:51 หรือว่าพยายามที่จะเลี่ยงออกไป expose
00:31:51 → 00:31:52 ต่อ PM 2.5 5 ด้วย
00:31:52 → 00:31:55 >> โหขนาดนั้นเลยหรอหมายถึงเราต้องป้องกัน
00:31:55 → 00:31:57 แบบนั้นเลยเรายังไงได้บ้างใส่เสื้อแขนยาว
00:31:57 → 00:32:00 ใส่หมวกใช่หรือว่ารีบเข้ารีบออกมาแล้วก็
00:32:00 → 00:32:02 รีบอาบน้ำอะไรเงี้ย
00:32:02 → 00:32:04 >> อ่ะจริงๆน่ากลัวมากนะคะจริงๆเรื่องเรื่อง
00:32:04 → 00:32:07 ของ PM 2.5 5 ดีมากเลยที่หมอหมออีเอ่ย
00:32:07 → 00:32:10 ขึ้นมาเพราะว่าอย่างบางคนน่ะนุ่นสังเกต
00:32:10 → 00:32:14 ว่าช่วงที่มี PM เยอะอ่ะคนป่วยเยอะมากแต่
00:32:14 → 00:32:17 ว่าคนไม่รู้ว่าป่วยเพราะอะไรอยู่ดีๆวันดี
00:32:17 → 00:32:20 คืนดีวันนึงก็ป่วยอาจจะเป็นเพราะฝุ่นก็
00:32:20 → 00:32:20 ได้นะ
00:32:20 → 00:32:23 >> ใช่แล้วก็บางคนก็จะมาค่ะคืออีฟเป็นหมอผิว
00:32:23 → 00:32:26 หนังด้วยเนาะพี่นุ่นเราก็จะเจอว่าคนไข้
00:32:26 → 00:32:29 ที่เขาเป็นโรคผิวหนังอยู่แล้วอย่างพวกแบบ
00:32:29 → 00:32:33 ผืนผิวหนังอักเสบเicitisเคยได้ยินมั้คะ
00:32:33 → 00:32:35 ที่มันแบบขึ้นเวลาที่ภูมิตกอะไรอย่าง
00:32:35 → 00:32:37 เงี้ยค่ะโอเค
00:32:37 → 00:32:40 >> ก็จะเห่อมากๆช่วงนี้แล้วคนก็จะผิวแห้งอ
00:32:40 → 00:32:41 >> อือ
00:32:41 → 00:32:42 >> ในช่วงที่มีฝุ่น
00:32:43 → 00:32:45 >> เพราะว่าฝุ่นก็จะทำให้ผิวแห้งได้ด้วย
00:32:45 → 00:32:47 >> อ๋ออ๋อแล้วก็ฝ้าดำขึ้นด้วย
00:32:47 → 00:32:49 >> ฝ้ามาเต็มทุกอย่างที่ทำลายผิว
00:32:49 → 00:32:50 >> อ่าใช่
00:32:50 → 00:32:53 >> อ๋อข้อสุดท้ายแล้วค่ะข้อนี้ข้อสำคัญ
00:32:53 → 00:32:55 เหมือนกันเรื่องของ Social Connection
00:32:55 → 00:32:58 อย่างที่หมออี๊กบอกนะว่า 1 ในปัจจัยเออ
00:32:58 → 00:33:00 ไสล Medicine มันมีข้อนี้แหละก็มีคนสงสัย
00:33:00 → 00:33:03 ว่าถ้าอย่างงั้นน่ะคนที่เป็นสาย introvert
00:33:04 → 00:33:06 อ่ะเท่ากับว่าคุณจะเสียเปรียบหรือมีอายุ
00:33:06 → 00:33:09 ไขที่มันสั้นกว่า exovert หรือเปล่าที่
00:33:09 → 00:33:12 เขาพร้อมที่จะแบบ Hell Welcome ทุกคนบน
00:33:12 → 00:33:14 โลกใบนี้เออ
00:33:14 → 00:33:17 >> ฟังแล้วตอนแรกแบบตกใจนิดนึงเพราะว่ากึ่งๆ
00:33:17 → 00:33:20 จะเป็น introvert อยู่เอางี้ก่อน Basic
00:33:20 → 00:33:23 Social Connection เนี่ยเขาเจอว่าถ้า
00:33:23 → 00:33:25 ใครมี Social Connection หรือสัมพันธภาพ
00:33:25 → 00:33:29 ที่ดีกับคนรอบข้างเนี่ยจะมี longevity
00:33:29 → 00:33:30 >> อือ
00:33:30 → 00:33:34 >> คนที่เป็น extrovert เขามีโอกาสที่จะเจอ
00:33:34 → 00:33:36 Social Connection ได้เยอะกว่า
00:33:36 → 00:33:36 >> อ
00:33:36 → 00:33:38 >> แต่มันไม่ได้แปลว่าคนที่เป็น Introvert
00:33:38 → 00:33:41 อ่ะไม่มี Social Connection เลยแต่เขา
00:33:41 → 00:33:45 อาจจะแค่เหมือนสบายใจกับคนบางกลุ่มเท่า
00:33:45 → 00:33:46 นั้นเอง
00:33:46 → 00:33:48 >> มันก็มีการ study ค่ะว่า Social
00:33:48 → 00:33:51 Connection เพื่อ Longevity อ่ะต้องดู
00:33:51 → 00:33:52 ที่ Quality
00:33:53 → 00:33:54 >> อื
00:33:54 → 00:33:56 >> ของ Social Connection นั้นด้วยแล้วก็
00:33:56 → 00:33:59 ต้องดูเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์ของ
00:33:59 → 00:34:02 คนๆนั้นด้วย Quality สำคัญกว่า quantity
00:34:02 → 00:34:02 ค่ะ
00:34:02 → 00:34:04 >> อือถูกเห็นด้วย
00:34:04 → 00:34:06 >> อเพราะฉะนั้นคนที่เป็น introvert อ่ะก็
00:34:06 → 00:34:08 ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มี social
00:34:08 → 00:34:08 connection เลย
00:34:08 → 00:34:11 >> อ่ะถูกต้องจริงๆฟังดูแล้วข้อนี้มันเหมือน
00:34:11 → 00:34:14 จะไปตกอยู่ในขาของสุขภาพใจมั้ฮะ
00:34:14 → 00:34:17 >> อ่ามันก็ช่วยด้วยแล้วคนที่มีสุขภาพใจดีก็
00:34:17 → 00:34:19 มักจะมีสุขภาพกายที่ดีด้วย
00:34:19 → 00:34:22 >> อ่ะถูกๆไม่ว่าคนๆนั้นจะ introvert หรือ
00:34:22 → 00:34:23 extrovert
00:34:23 → 00:34:23 >> อื
00:34:23 → 00:34:26 >> ถูกมยมันอยู่ที่การรับมือเยียวยาก็รับมือ
00:34:26 → 00:34:29 กับปัญหามากกว่าแล้วถ้าเป็นคนโสดล่ะคะคุณ
00:34:29 → 00:34:33 หมอคนโสดนี่มีแนวโน้มที่จะเอ่อมี Quantity
00:34:33 → 00:34:36 ที่ต่ำกว่าคนมีคู่หรือเปล่า
00:34:36 → 00:34:38 >> Social Connection มันไม่ได้ลิมิตอยู่
00:34:38 → 00:34:42 แค่คนที่มีแฟนหรือคนที่แต่งงานนะคะจริงๆ
00:34:42 → 00:34:44 เรามี Social Connection กับคนใน
00:34:44 → 00:34:45 ครอบครัวได้
00:34:45 → 00:34:45 >> อ่าใช่
00:34:45 → 00:34:49 >> กับเพื่อนได้กับเพื่อนร่วมงานก็ได้ด้วย
00:34:49 → 00:34:50 >> กับน้องหมา
00:34:50 → 00:34:53 >> อ่ะก็น้องหมาน้องแมวก็ได้ค่ะใช่
00:34:53 → 00:34:55 >> เราอย่าไปตีความนิยามว่ามันจะต้องเป็น
00:34:55 → 00:34:58 เรื่องของแบบอะไรแบบนั้นอย่างเดียวโอเค
00:34:58 → 00:35:01 อ่ะสุดท้ายแล้วค่ะก่อนจะไปอยากให้หมออี
00:35:01 → 00:35:03 ช่วยทิ้งท้ายหน่อยแล้วกันว่าถ้าอยากมี
00:35:03 → 00:35:07 longevity มีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
00:35:07 → 00:35:10 แล้วก็มีความสุขในทุกๆวันด้วยอ่ะคุณหมอ
00:35:10 → 00:35:12 อยากจะทิ้งทายอะไรให้เขาหน่อยมั้คะ
00:35:12 → 00:35:15 >> ตั้งแต่อีพูดตอนแรกว่าบางคนน่ะจะมองเห็น
00:35:15 → 00:35:17 ว่าความแก่มันดูน่ากลัวเนาะอีอยากให้ปรับ
00:35:17 → 00:35:18 mindซต
00:35:18 → 00:35:18 >> อ
00:35:18 → 00:35:22 >> ว่าความชราเนี่ยมันไม่ได้น่ากลัวอย่าง
00:35:22 → 00:35:25 งั้นให้มองใหม่ว่าการที่เรามีอายุยืน
00:35:25 → 00:35:28 เนี่ยค่ะมันคือเป็นโอกาสของเราที่ทำให้
00:35:29 → 00:35:32 เราเนี่ยได้สามารถทำประโยชน์ให้กับสังคม
00:35:32 → 00:35:36 เราได้สะสมประสบการณ์ต่างๆแล้วบางทีเราก็
00:35:36 → 00:35:40 ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรอบๆได้ด้วย
00:35:40 → 00:35:40 ค่ะ
00:35:40 → 00:35:46 >> อืโอเคแก่อย่างมีคุณภาพอ่ะคำนี้เลยเรา
00:35:46 → 00:35:47 ต้องดูแลทั้งตัวเราเองเมื่อเราดูแลตัวเอง
00:35:48 → 00:35:51 ได้เราก็สามารถดูแลเผื่อแผ่คนรอบข้างได้
00:35:51 → 00:36:04 ด้วย
00:36:04 → 00:36:08 [เพลง]