00:00:00 → 00:00:03 สำหรับคนที่มีภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปร
00:00:03 → 00:00:06 ปรวนในบ้านโอเคผมว่าความสำคัญมันอยู่ที่
00:00:06 → 00:00:10 คนรอบข้างอืคุณ
00:00:10 → 00:00:14 อมรคลิปนี้ผมอยากให้แนะนำคนที่อยู่ร่วม
00:00:14 → 00:00:17 กับคนที่มีอารมณ์แปรปรวนมีสัญญาณเตือน
00:00:17 → 00:00:21 อะไรเคควรจะปฏิบัติตัวยังไงผมเชื่อว่านี่
00:00:21 → 00:00:24 เป็นโจทย์ใหญ่มากที่คนไม่รู้ว่าจะต้องทำ
00:00:24 → 00:00:27 ตัวยังไงอะไรคือสิ่งที่สมควรอาจจะไม่บอก
00:00:27 → 00:00:31 ว่าถูกต้องนะฮะอ
00:00:31 → 00:00:35 เราต้องเน้นเลยว่าการสร้างพื้นที่ปลอดภัย
00:00:35 → 00:00:37 ที่ดีที่สุดก็คือการสร้างพื้นที่รับฟัง
00:00:37 → 00:00:41 อ่า 1 พื้นที่รับฟังครับแต่ว่าการสร้าง
00:00:41 → 00:00:43 พื้นที่รับฟังเนี่ยเราต้องเข้าใจวิธีการ
00:00:43 → 00:00:47 ฟังที่จะดีที่สุดด้วยหวิธีการฟังที่ดีที่
00:00:47 → 00:00:51 สุดใช่ครับผมผมให้เป็น 3 สอ่ะครับที่เรา
00:00:51 → 00:00:53 สามารถใช้ได้ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย 3
00:00:53 → 00:00:57 2 ครับผม 3 สก็คือ 1 เลยก็คือสอดส่องมอง
00:00:57 → 00:01:00 หาคอยดูก่อนว่าเดี๋ยวเดี๋ยวผมจะเล่าให้
00:01:00 → 00:01:02 ฟังว่าเราจะสอดสองมองหายังไงได้บ้างแต่ 3
00:01:02 → 00:01:05 สอก็คือสอดซองมองหาดูก่อนว่าคนที่อยู่รอบ
00:01:05 → 00:01:08 ข้างตอนเนี้ยมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปมมี
00:01:08 → 00:01:11 การใช้คำพูดที่เปลี่ยนไปมมีการทำอะไรที่
00:01:11 → 00:01:15 สุ่มเสี่ยงต่อตัวเองมากขึ้นมแปลว่าเขอาจ
00:01:15 → 00:01:18 จะมีความเครียดสูงแล้วเราอาจจะต้องไปช่วย
00:01:18 → 00:01:20 เหลือเขาคแล้วการช่วยเหลือของเขาที่ก็มา
00:01:20 → 00:01:23 ที่ 2 ที่สอที่ 2 นั่นก็คือใส่ใจรับฟัง
00:01:24 → 00:01:26 เราจะไปรับฟังเขาได้ยังไงเพื่อที่จะดูว่า
00:01:26 → 00:01:28 เเครียดเรื่องอะไรเขาต้องการความช่วย
00:01:29 → 00:01:31 เหลือด้านไหนหรือเขามีอะไรที่ว่าเขากำลัง
00:01:31 → 00:01:33 หนักใจอยู่หรือเปล่านั่นคือการใส่ใจรับ
00:01:33 → 00:01:37 ฟังสอที่ 3 ก็คือส่งต่อรักษาถ้าเรารู้
00:01:37 → 00:01:41 แล้วว่าคนๆนี้เนี่ยอาจจะเป็นอันตรายต่อ
00:01:41 → 00:01:44 ตัวเองเราจะเชื้อชวนเขาให้เขาเข้าสู่
00:01:44 → 00:01:48 กระบวนการรักษายังไงได้บ้างผมว่าสิ่ง
00:01:48 → 00:01:51 สำคัญเลยคือจำ 3 สอนี้ไว้ก็คือสอดสอมองหา
00:01:51 → 00:01:55 ใส่ใจรับฟังส่งต่อรักษาแต่ว่าก่อนที่เรา
00:01:55 → 00:01:57 จะทำตรงนี้ได้ถ้าเป็นภาษาอังกฤษอ่ะเขาจะ
00:01:57 → 00:02:00 ตั้งชื่อว่า Look Listen Link Look
00:02:00 → 00:02:03 คือมองหา Listen คือฟัง Link ก็คือส่งต่อ
00:02:03 → 00:02:06 รักษาตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดอ่ะครับก็
00:02:06 → 00:02:08 คือเรื่องของว่าอ่ะเรามองเห็นแล้วว่าเมี
00:02:08 → 00:02:12 ปัญหาอยู่เวลาเราฟังเนี่ยสิคือจุดที่ยาก
00:02:12 → 00:02:16 เพราะว่าหลายๆคนก็คิดว่าก็ก็ฟังเก่งอยู่
00:02:16 → 00:02:19 แล้วก็ฟังได้ก็ไปนั่งฟังเาเองก็จบแต่หลาย
00:02:19 → 00:02:21 ๆครั้งเวลาเราฟังเนี่ยเราจะใช้สมองของเรา
00:02:21 → 00:02:24 ในการฟังอครับคือเวลาเราใช้สมองของเราใน
00:02:24 → 00:02:26 การฟังสิ่งที่ผมหมายถึงก็คือว่าเราจะฟัง
00:02:26 → 00:02:30 แล้วเราจะวิเคราะห์ไปด้วยว่าไอ้คนๆนี้
00:02:30 → 00:02:32 ทำไมมันเป็นอย่างนี้วะมันเรื่องเล็กๆมัน
00:02:32 → 00:02:33 เครียดอะไรอยู่วะเราจะเริ่มวิเคราะห์ใน
00:02:34 → 00:02:36 สมองไปด้วยแล้วระหว่างที่เราวิเคราะห์เรา
00:02:36 → 00:02:39 ก็คิดว่าเออๆๆมันเครียดอยู่งั้นเดี๋ยว
00:02:39 → 00:02:41 เดี๋ยวเราตอบแบบนี้ดีกว่ามันจะได้รู้สึก
00:02:41 → 00:02:43 ดีหรือเราตอบอย่างนี้ดีกว่ามันจะได้รู้
00:02:43 → 00:02:45 สึกว่าเราเป็นที่พึ่งพาให้มันได้เราเลย
00:02:45 → 00:02:47 อาจจะฟังเขาคแค่ครึ่งๆกลางๆเพราะเราเริ่ม
00:02:47 → 00:02:50 วิเคราะห์แล้วว่าจะทำยังไงให้รู้สึกว่า
00:02:50 → 00:02:52 เราตอบเขาได้เราช่วยเหลือเขาได้เราทำให้
00:02:53 → 00:02:55 เขารู้สึกว่าเราเก่งได้โดยที่ว่าเราไม่
00:02:55 → 00:02:57 ได้เอาตัวเขาเป็นตัวตั้งเอหรือว่าเราจะทำ
00:02:57 → 00:03:00 ยังไงเพื่อที่ว่าจะหาวิธีการแก้ปัญหาให้
00:03:00 → 00:03:03 เขาแต่ณเวลานั้นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คิด
00:03:03 → 00:03:06 การแก้ปัญหาจากมุมมองของเราจากวิธีการที่
00:03:06 → 00:03:09 เราจะแก้ปัญหาแบบนี้แล้วไปบอกเขาว่าคุณ
00:03:09 → 00:03:11 ต้องแก้ปัญหาแบบนี้อย่างเช่นเอาาง่ายๆเลย
00:03:11 → 00:03:13 ตอนโควิดมาครับที่คนบอกว่าอยู่บ้านอยู่
00:03:13 → 00:03:17 บ้านอยู่บ้านคนที่ว่าเป็นคนอยู่ฐานรากอ่ะ
00:03:17 → 00:03:19 ครับเขาจะบอกว่าอยู่บ้านได้ไงอ่ะแล้วฉัน
00:03:19 → 00:03:22 จะหากินยังไงอ่ะคือไอ้คนที่คิดการแก้
00:03:22 → 00:03:25 ปัญหาคือคนที่ว่าเาคิดจากมของเแล้วบอกว่า
00:03:25 → 00:03:28 ทุกคนต้องอยู่บ้านแต่ไอ้คนที่บอกว่าฉัน
00:03:28 → 00:03:29 ไม่มีบ้านให้อยู่หรือว่าฉันอยู่บ้านไม่
00:03:29 → 00:03:31 เพราะงานของเ้ามันต้องไปอยู่ข้างนอกอ่ะ
00:03:31 → 00:03:33 แล้วฉันจะแก้ปัญหาได้ยังไงแปลว่าคุณไม่
00:03:33 → 00:03:36 เข้าใจปัญหาของฉันเลยพอมันเกิดสิ่งๆนั้น
00:03:36 → 00:03:37 ปุ๊บอ่ะมันก็จะกลายเป็นว่าคนที่เครียด
00:03:37 → 00:03:39 อยู่ณเวลานั้นก็บอกเออะไปเถอะฉันไม่อยาก
00:03:39 → 00:03:42 คุยด้วยละแกไม่เข้าใจฉันหรอกฉันไปดีกว่าอ
00:03:42 → 00:03:45 ออโอเคแต่ถ้าเราฟังจากใจอ่ะครับสิ่งที่
00:03:45 → 00:03:48 เราจะทำณเวลานั้นเลยก็คือว่าเราจะเอาตัว
00:03:48 → 00:03:51 เขาเป็นตัวตั้งเราจะเอาความรู้สึกของเขา
00:03:51 → 00:03:54 เป็นตัวตั้งเวลาเขาเล่าอะไรมาให้เราฟัง
00:03:54 → 00:03:56 เนี่ยแทนที่เราจะไปตอบเขาจากมุมมองของเรา
00:03:56 → 00:03:59 อ่ะครับเราจะสะท้อนความรู้สึกของเขากลับ
00:03:59 → 00:04:00 ไปหาเขา
00:04:00 → 00:04:02 อย่างเช่นถ้าวันนี้หมอบิ๊กกลับมาบ้านแล้ว
00:04:02 → 00:04:04 ก็ผมอยู่บ้านหมอบิ๊กสมมุติเราเป็นพี่น้อง
00:04:04 → 00:04:06 กันอยู่บ้านเดียวกันอย่างเงี้ยแล้วหมอ
00:04:06 → 00:04:09 บิ๊กบอกวันนี้คอตเหนื่อยเลยว่ะวันนี้โดน
00:04:09 → 00:04:12 คนไข้มาเยอะมากเลยแล้วก็ต้องไปนั่งประชุม
00:04:12 → 00:04:14 อีกแล้วก็โดนต่อว่าโดนอะไรเยอะมากเลยว่ะ
00:04:14 → 00:04:17 ไม่รู้จะทำอะไรเครียดก็เครียดแล้วถ้าผม
00:04:17 → 00:04:19 ตอบว่าเออน่ะหมอคนอื่นๆเขาก็คงเครียดกัน
00:04:19 → 00:04:21 แหละก็อยู่ในห้องประชุมกันเขาก็ดูแลอย่า
00:04:21 → 00:04:24 ไปเครียดเลยเออน่ะไปไปอับน้ำไปอาบท่าซะ
00:04:24 → 00:04:26 ไม่ต้องไปเครียดหรอกคนอื่นก็เป็นหมอบิ๊ก
00:04:26 → 00:04:29 ก็จะบอกว่าไม่เห็นเข้าใจฉันเลยฉันเครียด
00:04:29 → 00:04:33 อยู่หน้าเวเวาฉันอยากจะบ่นอใช่มยทำไมแก
00:04:33 → 00:04:35 ไม่เข้าใจฉันเลยไม่ต้องมาพูดอะไรก็ได้แต่
00:04:35 → 00:04:37 ถ้าผมรับมาแล้วผมว่าหืดูเหมือนกับว่าวัน
00:04:37 → 00:04:40 นี้เป็นวันที่แบบมันเหนื่อยมากเลยเนาะน่า
00:04:40 → 00:04:42 จะเจอคนไข้มาเยอะด้วยแล้วประชุมก็เห็นว่า
00:04:42 → 00:04:44 เออประชุมนานมากเลยได้กินข้าวหรือเปล่า
00:04:44 → 00:04:47 หรือได้ทำอะไรที่รู้สึกสบายใจได้ยไหเอา
00:04:47 → 00:04:49 งี้สิพี่ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนมแล้วเดี๋ยว
00:04:49 → 00:04:51 เรามากินข้าวด้วยกันแล้วก็อาจจะมาพูดคุย
00:04:51 → 00:04:54 กันต่อก็ได้อย่างน้อยผมรับความเครียดของ
00:04:54 → 00:04:57 หมอบิ๊กมาแล้วผมสะท้อนกลับไปก่อนว่าผม
00:04:57 → 00:05:00 เข้าใจนะว่าวันนี้เป็นวันที่ยาวมากก็คือ
00:05:00 → 00:05:03 การสะท้อนอันที่ 1 คือสะท้อนไป 1 อย่า
00:05:03 → 00:05:06 เพิ่งรีบตอบใช่ฟังเสร็จแล้วแสดงความเห็น
00:05:06 → 00:05:09 อกเห็นใจความเข้าใจก่อนใช่หรือว่าถ้าผม
00:05:09 → 00:05:11 ตอบอย่างนี้ไปปุ๊บผมก็บอกว่าเออวันนี้
00:05:11 → 00:05:13 เป็นวันที่ยาวมากเลยเห็นว่าประชุมเยอะ
00:05:13 → 00:05:15 ด้วยแล้วน่าจะเป็นเรื่องที่เครียดมากเลย
00:05:15 → 00:05:18 อ่ะอันนี้เราเข้าใจถูกต้องใช่ไหมอ่ะอย่าง
00:05:18 → 00:05:21 น้อยให้คนที่เล่าปัญหาให้เราฟังอ่ะเป็น
00:05:21 → 00:05:23 เจ้าของเนื้อเรื่องโดยการถามเขาว่าเรา
00:05:23 → 00:05:26 เข้าใจถูกมมันดูเฟกมสำหรับบางคนบอกเอ้ย
00:05:26 → 00:05:30 มันดูเฟกป่ะผมว่าถ้าเราทำจากจจริงอ่ะอืๆ
00:05:30 → 00:05:34 เราจะรู้เลยว่าเราเป็นห่วงเขาจริงๆแล้ว
00:05:34 → 00:05:36 อีกฝ่ายนึงก็จะรู้ว่าเราเป็นห่วงเขาจริงๆ
00:05:36 → 00:05:39 เพราะว่าอโหลายๆครั้งคนที่เครียดอ่ะเค้า
00:05:39 → 00:05:43 ต้องการแค่มามาปล่อยขยะที่มันอยู่ในความ
00:05:43 → 00:05:45 รู้สึกของเขาหรือมาปล่อยความเครียดของเขา
00:05:45 → 00:05:48 หรือถ้าเป็นภาษาอังกฤษก็พูดแบบว่าเอารี่
00:05:48 → 00:05:50 ของเขามาทิ้งตรงนี้ออโอเคเพื่อที่ว่าจะ
00:05:50 → 00:05:53 แบบว่าเขาจะได้เดินต่อไปได้ครับแต่ถ้ามัน
00:05:53 → 00:05:55 ไม่มีพื้นที่ปลดปล่อยให้เขาคอ่ะมันก็จะ
00:05:55 → 00:05:57 เป็นเหมือนลูกโป่งอ่ะความเครียดของเขาจะ
00:05:57 → 00:05:59 มันสะสมสะสมแล้ววันไหนถ้ามีอะไรอะไรมา
00:05:59 → 00:06:02 จิ้มทีมันก็จะระเบิดครับแต่สิ่งที่ผู้ฟัง
00:06:02 → 00:06:05 กำลังทำอยู่ก็คือค่อยๆเอาลมออกจากรูกโบ่ง
00:06:05 → 00:06:07 นั้นมาเรื่อยๆจะได้ลูกโป่งไม่ใหญ่จนเกิน
00:06:07 → 00:06:10 ไปที่ว่ามันเหมือนแจลที่ว่ามีอะไรมาก็ที่
00:06:10 → 00:06:13 ให้มันแตกได้ไปอาบน้ำมาเสร็จกลับมาอ่า
00:06:13 → 00:06:16 กลับมาอาจจะสบายตัวละแล้วก็มาคุยกันฮะอัน
00:06:16 → 00:06:19 นี้คือวิธีการที่เราใส่ใจรับฟังเาอ่ะแล้ว
00:06:19 → 00:06:21 เวลาคุยอ่ะเวลาคุยเวลาคุยอ่ะครับก็คือว่า
00:06:21 → 00:06:26 เราจะไม่เอาไม่เอาไม่เอาความคิดของเรา
00:06:26 → 00:06:30 เป็นตัวตั้งอ่าเราจะลองคุยกับเก่อนสะท้อน
00:06:30 → 00:06:32 ทุกอย่างแล้วก็ถามเขาว่าเาเข้าใจถูกมย
00:06:32 → 00:06:35 แล้วก็ถ้าเราอยากจะแชร์ประสบการณ์ของเรา
00:06:35 → 00:06:37 อยแชถ้าเราอยากจะแชร์ความรู้สึกของเราก็
00:06:37 → 00:06:40 ถามเว่าเอองั้นเราขอแชร์ได้มั้ยว่าเราคิด
00:06:40 → 00:06:43 อะไรหรือว่าขอแชร์ได้มั้ยว่าถ้าเราอยู่ใน
00:06:43 → 00:06:45 ที่นั้นเราจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงอืแล้วดู
00:06:46 → 00:06:49 ว่าเตอบรับหรือไม่ตอบรับอืถ้าเตอบรับว่า
00:06:49 → 00:06:51 เออๆไหนลองแชร์หน่อยดิเราก็แชร์ไปก็คือ
00:06:51 → 00:06:55 ถามก่อนอ่าก็คือสรุปคียอยู่ที่ว่าแทนที่
00:06:55 → 00:06:58 เราจะตู้มไปพูดเลย่ฟังเค้าเสร็จก็คือถาม
00:06:58 → 00:07:02 ก่อนว่าเ้เธอเรามีเรามีมุงมองอย่างงี้เรา
00:07:02 → 00:07:05 มีความเข้าใจอย่างงี้เราขอเสนอได้มั้ยเรา
00:07:05 → 00:07:08 ขอพูดได้มั้ยใช่ใช่ครับเพราะการที่เราพูด
00:07:08 → 00:07:11 อย่างนี้มันก็ทำให้เา้ารู้สึกว่าเอออย่าง
00:07:11 → 00:07:13 น้อยว่าเราให้เกลียดเค้าละเราให้เกลียด
00:07:13 → 00:07:16 เค้าแล้วก็เราก็จะได้ดูด้วยว่าคนคนนี้
00:07:16 → 00:07:19 ต้องการด้วยหรือเปล่าอ้าอันนี้สำคัญเพราะ
00:07:19 → 00:07:23 ว่าบางครั้งเราให้ไปขอโทษนะถ้าผมใช้คำแบบ
00:07:23 → 00:07:26 กูไม่ได้อยากจะรู้อะไรเลยกูแค่อยากจะมาบด
00:07:26 → 00:07:28 เฉยๆใช่ไม่ได้อยากจะรู้เลยว่าจะต้องทำ
00:07:28 → 00:07:30 อะไรเพราะใจจริงรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร
00:07:30 → 00:07:33 แต่แค่อยากจะบ่นอ่าอย่างน้อยเราก็จะได้
00:07:33 → 00:07:36 ไม่ต้องไปทำให้เขารู้สึกว่าแบบเหมือนกับ
00:07:36 → 00:07:38 ว่าเออฉันไม่อยากจะเล่าละเพราะว่าบาง
00:07:38 → 00:07:41 ครั้งอย่างน้อยเราขออนุญาตเก็คือ 1 แบบ
00:07:41 → 00:07:43 ที่หมอบอกว่าให้เกลียดให้เกลียดเา 2 ก็
00:07:43 → 00:07:46 คือถามดว่าต้องการมั้ยถ้าไม่ต้องการก็
00:07:46 → 00:07:49 ผ่านจะได้ผ่านไปไม่ต้องให้จริงๆมีจริงอัน
00:07:49 → 00:07:51 นี้มีจริงเพว่าถ้าหากว่าเราเป็นคนฟังแล้ว
00:07:51 → 00:07:54 ก็รอให้เขาความคิดของเราไปแล้วเไม่รับเรา
00:07:54 → 00:07:57 เองก็จะรู้สึกแย่ว่าเนี่ยบอกแล้วไงว่าให้
00:07:57 → 00:07:59 แก้อย่างงี้แล้วทำไมถึงไม่ยอมแก้แบบนั้น
00:07:59 → 00:08:02 จริงแกไม่ฟังฉันเองจริงๆใช่มมแต่ก็เก็จะ
00:08:02 → 00:08:05 บอกกูไม่ได้ต้องการฟังตั้งแต่แล้วกใช่ม
00:08:05 → 00:08:08 ครับนี่ก็คือการฟังด้วยใจคือเราเอาเขา
00:08:08 → 00:08:11 เป็นตัวตั้งแหละเราเห็นอกเห็นใจเแล้วเรา
00:08:11 → 00:08:14 ขออนุญาตเขาว่าเราขอแชร์ความคิดเห็นของ
00:08:14 → 00:08:18 เราได้ไหมก่อนทีนี้มันยากนะสำหรับพ่อแม่
00:08:18 → 00:08:22 บางทีเนี่ยมันก็รู้อยู่ว่าอืเด็กมันหรือ
00:08:22 → 00:08:25 ว่าวัยรุ่นมันทำมันไปทางผิดอ่ะใช่ครับแต่
00:08:25 → 00:08:28 ถ้าจะไม่แชร์หรือจะไม่พูดเลยพ่อแม่นะบาง
00:08:28 → 00:08:30 ทีก็รักอ่ะเราก็ไม่ได้โตมาแบบเราต้องมา
00:08:30 → 00:08:33 นั่งคัดกรองต้องมานั่งมีกำแพงหลายชั้นน่ะ
00:08:33 → 00:08:37 เขาก็ตุ้มอ่ะคือถ้าในฐานะพ่อแม่อครับบาง
00:08:37 → 00:08:39 ครั้งเราอาจจะต้องเราอาจจะต้องดูก่อนด้วย
00:08:39 → 00:08:42 ว่าเราโกรธเด็กคนนี้เพราะเด็กคนนี้ไปทำ
00:08:42 → 00:08:45 ผิดอือแต่เราอาจจะต้องหาวิธีในการตั้งสติ
00:08:45 → 00:08:48 ว่าเราไม่รู้ว่าเขาไปทำผิดเพราะอะไร
00:08:48 → 00:08:51 ปัจจัยอะไรทำให้เขาไปทำสิ่งๆนั้นอะไรที่
00:08:51 → 00:08:54 ทำให้เขาต้องไปทำในสิ่งที่ว่าเราเห็นว่า
00:08:54 → 00:08:56 มันเป็นสิ่งที่ผิดเด็กคนนี้คิดด้วยหรือ
00:08:56 → 00:08:58 เปล่าว่าสิ่งๆนั้นเป็นสิ่งที่ผิดทำความ
00:08:58 → 00:09:01 เข้าใจเด็กก่อนก่อนแล้วถ้าหากว่าเรา
00:09:01 → 00:09:03 สังเกตได้เลยครับว่าเมื่อไหร่กระช่างที่
00:09:03 → 00:09:05 เราตูมใส่เด็กไปเลยว่าเด็กไปเลยหรืออะไร
00:09:05 → 00:09:07 หลายๆครั้งเนี่ยเด็กจะเริ่มเหมือนกับไม่
00:09:07 → 00:09:09 ฟังเราไม่แคร์เราเป็นเด็กอาจจะกลายเป็น
00:09:09 → 00:09:11 เด็กที่ก้าวร้าวและเป็นเด็กที่เหมือนกับ
00:09:11 → 00:09:13 ว่าไม่ได้ต้องการฟังพ่อแม่แล้วเป็นเด็ก
00:09:13 → 00:09:16 ที่ออกห่างจากพ่อแม่ไปเลยแต่ถ้าพ่อแม่เ็ง
00:09:16 → 00:09:18 สร้างพื้นที่ให้เด็กรู้สึกว่าปลอดภัยมา
00:09:18 → 00:09:20 เล่าเรื่องอะไรได้มันจะเป็น relationship
00:09:20 → 00:09:23 ที่ค่อนข้างเหมือนกับว่าสมบูรณ์แบบใน
00:09:23 → 00:09:25 เรื่องที่ว่าเด็กพร้อมมาคุยเรื่องนี้กับ
00:09:25 → 00:09:27 เราโดยที่ว่าไม่มีความกลัวว่าเราจะว่า
00:09:27 → 00:09:30 เพราะว่าเรู้สึกว่าเราจะรับฟังเแล้วให้เ
00:09:30 → 00:09:32 ความคิดเห็นที่เขาต้องการหรือว่าความคิด
00:09:32 → 00:09:34 เห็นที่เรารู้สึกดีที่สุดแล้วเขาอาจจะรับ
00:09:34 → 00:09:36 ไปอืแต่ว่าถ้าหากว่าเราสร้างเป็นกำแพงที่
00:09:36 → 00:09:38 เราพูดเรื่อง Generation G ตอนแรกเรา
00:09:38 → 00:09:41 สร้างเป็นกำแพงเลยบอกว่าเนี่ยเป็นเด็กผิด
00:09:41 → 00:09:44 นี่ไงแกไปทำอย่างงี้โดยที่เราไม่ฟังเด็ก
00:09:44 → 00:09:47 เลยอ่ะเด็กก็อาจจะแบบว่าอืก็มีกำแพงไปเลย
00:09:47 → 00:09:49 ฉันอยู่ฝั่งนี้ของบ้านแกก็ไปอยู่ฝั่งนของ
00:09:49 → 00:09:50 บ้านฉันไม่อยากจะฟังแกแล้วแกก็ไม่ต้องมา
00:09:50 → 00:09:53 ฟังฉันฉันก็จะทำสิ่งนี้ไปเรื่อยๆมันก็จะ
00:09:53 → 00:09:56 กลายเป็นเหมือนกับว่าเรามีกำแพงมีบอเดอร์
00:09:56 → 00:09:59 มีมีเป็นเหมือนเส้นที่แบ่งแยกในตัวบ้าน
00:09:59 → 00:10:02 อยู่อครับองั้นถ้าถ้าสรุปถึงจุดนี้สำหรับ
00:10:02 → 00:10:06 ผู้อยู่ร่วมกับคนที่อาจจะมีภาวะอารมณ์แปร
00:10:06 → 00:10:10 ปรวนเนี่ยหรือเริ่มมีภาวะเข้าสู่ภาวะ
00:10:10 → 00:10:13 เครียดหรือซึมเศร้าเนี่ยอันที่ 1 ก็คือ
00:10:13 → 00:10:16 ปล่อยพื้นที่ให้เระบายก่อนใช่ 2 ก็คือ
00:10:16 → 00:10:21 เวลาเระบายอย่าเพิ่งรีบเสนออือ 3 ถามเ้า
00:10:21 → 00:10:26 ก่อนเอยากได้ข้อเสนอหรือมุมมองมยแล้วก็ 4
00:10:26 → 00:10:31 สำคัญที่สุดก็คือพยายามถามที่มาที่ไปของ
00:10:31 → 00:10:34 พฤติกรรมหรือความรู้สึกนั้นก่อนอให้เขาค
00:10:34 → 00:10:37 เหมือนกับสะท้อนงั้นถ้าถ้าจะสรุป 4 หัว
00:10:37 → 00:10:41 ข้อเนี่ยจริงๆมันคนที่อยู่ใกล้เคียงคือทำ
00:10:41 → 00:10:44 หน้าที่เป็นกระจกสะท้อนอย่างเดียวใช่ใช่
00:10:44 → 00:10:47 เลยยังไม่ใช่บทบาทที่จะต้องไปออกความคิด
00:10:47 → 00:10:51 เห็นใช่สะท้อนให้เา้ารู้สึกว่าเค้าเห็น
00:10:51 → 00:10:55 ปัญหาอืแล้วเมื่อไหร่เขาเห็นละค่อยถามเขา
00:10:55 → 00:10:59 ว่าเาอยากจะแบ่งปันทางออกในมุมมองของเรา
00:11:00 → 00:11:02 หรือไม่ใช่งั้นคีย์เวิร์ดอยู่ที่สะท้อน
00:11:02 → 00:11:04 ใช่มยใช่่ครับ reflective Listening เลย
00:11:04 → 00:11:06 ก็คือคำเลยว่า Active and reflective
00:11:06 → 00:11:08 Listening Active and การฟังอย่าง
00:11:08 → 00:11:11 สะท้อนว่าเราจะสะท้อนแล้วการฟังอย่าง
00:11:11 → 00:11:13 สะท้อนมันไม่ได้เป็นแค่คำคำพูดหรือว่า
00:11:14 → 00:11:17 วิธีการตอบแต่ว่าน้ำเสียงถ้าวันนั้นคนๆ
00:11:17 → 00:11:19 นั้นมาแล้วก็
00:11:19 → 00:11:22 เดามากอยู่แต่ว่าน้ำเสียงของเราแบบเฮฮา
00:11:22 → 00:11:26 มากอยู่อ่าคนๆนั้นก็จะรู้สึกว่าเราเราเรา
00:11:26 → 00:11:29 ลองคิดสภาพเป็นกราฟนะถ้าหากว่าเราตกต่ำ
00:11:29 → 00:11:31 อยู่และเค้ามาด้วยน้ำเสียงที่สูงแบบ
00:11:31 → 00:11:33 ประมาณว่าวันนี้ฉันเครียดมากเลยเฮ้ยอย่า
00:11:33 → 00:11:35 เครียดเลยน่ะไม่เป็นไรมาเดี๋ยวเราช่วย
00:11:35 → 00:11:37 เหลืออะไรได้เราอยู่สูงความรู้สึกของคน
00:11:37 → 00:11:39 ที่เครียดคิดว่าฉันจะต้องไ่ระดับไปให้ข้อ
00:11:40 → 00:11:41 สูงเลยเพื่อที่ว่าจะไปอยู่ในความสุขหรือ
00:11:41 → 00:11:44 ความรู้สึกระดับเดียวกับเธอให้ได้แต่ถ้า
00:11:44 → 00:11:47 หากว่าเรามาด้วยเครียดอยู่แล้วเราอ่ะก็
00:11:47 → 00:11:49 ไม่ไปน้ำน้ำเสียงที่ดุมนะแบบว่าวันนี้ฉัน
00:11:49 → 00:11:51 เครียดมากเลยอ่ะฉันรู้สึกแบบไม่ดีเลยไม่
00:11:51 → 00:11:54 รู้ว่าฉันจะทำเฮ้ยแกอย่าเครียดแบบนั้นนะ
00:11:54 → 00:11:56 ไม่เอาไม่เอาไม่ดีกลายเป็นว่าไอ้คนที่
00:11:56 → 00:11:58 เครียดอยู่แล้วอ่ะก็จะรู้สึกยิ่งเครียดไป
00:11:58 → 00:12:01 อีกว่าเ้าทำให้คนคนนั้นแบบตกต่ำไปด้วยอ
00:12:01 → 00:12:02 ใช่มั้ยครับสิ่งที่ดีที่สุดคือเอาน้ำ
00:12:02 → 00:12:06 เสียงให้อยู่ปานกลางอ่าอ่าโอเคหัวข้อที่ 5
00:12:06 → 00:12:08 คือเช็คน้ำเสียงตัวเองด้วเครียดหรอไม่
00:12:08 → 00:12:11 เป็นไรมาเดี๋ยวๆดี๋มีปัญหาอะไเรามาช่วยหา
00:12:11 → 00:12:14 วิธีแก้ไขกันเองมาลองเล่าให้เราฟังหน่อย
00:12:14 → 00:12:16 อย่างน้อยไอ้คนที่เครียดก็จะไม่ต้องรู้
00:12:16 → 00:12:18 สึกเหนื่อยกับการที่ว่าไปแมทชอารมณ์ของ
00:12:18 → 00:12:20 อีกฝ่ายหนึ่งด้วยหรือไม่รู้สึกเครียดที่
00:12:20 → 00:12:22 ว่าไอ้คนนั้นมันก็ดิ่งตามเราไปด้วยอ่ะ
00:12:22 → 00:12:25 ครับเลยน้ำเสียงอารมณ์เอาให้มันเหมือน
00:12:25 → 00:12:27 ค่อนข้างแมตชถ้าเราถ้าเราเคยเข้าคลินิก
00:12:27 → 00:12:30 ของเอ่อนักจิตวิทยาหรืออะไรอย่างเงี้ยเรา
00:12:30 → 00:12:32 จะเห็นเลยว่าโหนักจิตนี้ทำไมแบบนังเสียง
00:12:32 → 00:12:34 ของเขานุ่มนวลจังเลยอ่ะเพราะว่าเขาจะ
00:12:34 → 00:12:37 พยายามทำให้มันเป็น environment ที่รู้
00:12:37 → 00:12:39 สึกเซฟที่สุดสำหรับคนที่มีภาวะเครียดอ่ะ
00:12:39 → 00:12:44 ครับผมอโอเคโอเคผมว่าผมผมเห็นภาพแล้วผม
00:12:44 → 00:12:46 ว่าหลายคนคงเอาไปใช้ได้จริงนะคนที่รู้
00:12:46 → 00:12:50 อยู่แล้วก็คอมเมนต์เพิ่มได้ทีนี้อ่ะอัน
00:12:50 → 00:12:53 นี้คือสำหรับคนที่เากลับมาบ้านแล้วเบอก
00:12:53 → 00:12:56 ว่าเค้ารู้สึกไม่ดีเมีอารมณ์แปรปรวน
00:12:56 → 00:12:59 อารมณ์ไม่ดีสัญญาณเตือนอะไรที่ที่สำหรับ
00:12:59 → 00:13:02 คนที่ปากแข็งหรือไม่ชอบพูดอ่ะอย่างผมไม่
00:13:02 → 00:13:05 ค่อยพูดไม่ไม่ค่อยไม่ค่อยพูดอารมณ์ครับ
00:13:05 → 00:13:07 สัญญาณอะไรที่คนในบ้านดูได้เลยว่า
00:13:07 → 00:13:10 อันเนี้ยเขาเริ่มมีอารมณ์ที่เปลี่ยนไป
00:13:10 → 00:13:15 หรือหรืออาจจะเสี่ยงต่อเข้าภาวะเอ่อซึม
00:13:15 → 00:13:18 เศร้านะฮะสัญญาณเกินอะไรบ้างเราเราเราก็
00:13:18 → 00:13:22 จะดูง่ายๆเลยว่าอย่างนี้หมอมาการนอนคนๆ
00:13:22 → 00:13:27 นั้นนอนน้อยหรือนอนมากเกินไปมากปกติใช่
00:13:27 → 00:13:30 เพราะว่าเวลาเราเป็นโรคซึมเศร้าอ่ะครับ
00:13:30 → 00:13:34 symptom นึงเลยก็คือ an อ่า an เอ่อเป็น
00:13:34 → 00:13:36 เรื่องของการที่ว่าเราไม่อยากจะทำอะไร
00:13:36 → 00:13:39 Lazy ไม่อยากจะทำอะไรผมผมจำชื่อภาษา
00:13:39 → 00:13:42 อังกฤษไม่ได้มันพันอยู่ในปากแต่ว่าคนๆ
00:13:42 → 00:13:45 นั้นอาจจะหนนอนมากเกินไปหรือนอนน้อยมากคน
00:13:45 → 00:13:48 คนนั้นอาจจะไม่รักษาไฮจีนตัวเองเลยคือแ
00:13:48 → 00:13:51 ว่าม่อมแมมทำตัวแบบปล่อยตัวมมไม่ดูแล
00:13:51 → 00:13:53 สุขลักษณะเออสุขอนามัยของตัวเองใช่ของตัว
00:13:53 → 00:13:56 เองเลยอาจจะไม่ค่อยอัพนะไม่ค่อยสะมไม่
00:13:56 → 00:13:58 ค่อยตะเล็บไม่ค่อยดูแลตัวเองแต่งตัวก็แบบ
00:13:58 → 00:14:02 อาจจะแบบผิดปกติไปเลยมแมมเซอๆใช่ครับ
00:14:02 → 00:14:05 เรื่องของความคิดอาจจะมีความหลงๆลืมๆมย
00:14:05 → 00:14:09 อาจจะมีการคิดแบบทื่อื่อมยอาจจะมีความคิด
00:14:09 → 00:14:12 ที่รู้สึกเหมือนมันตันๆมพูดอะไรพูดไม่ออก
00:14:12 → 00:14:13 อาจจะมีการเดินที่เหมือนกับว่าแบบ
00:14:13 → 00:14:16 floating อ่ะครับเป็นการลอยไปลอยมาเพราะ
00:14:16 → 00:14:20 ว่าใจไม่อยู่กับตัวมอาจจะมีการพูดถึงอะไร
00:14:20 → 00:14:23 ที่เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง
00:14:23 → 00:14:27 มยหรือสุมเสี่ยงต่อกันอาจจะอยากหเ้อ
00:14:28 → 00:14:29 เดี๋ยวนี้เครียดหว่าเชันไม่อยากอยู่แล้ว
00:14:29 → 00:14:33 อ่ะฉันเบื่อแล้วฉันไม่อยากอยู่แล้วหรือ
00:14:33 → 00:14:35 ว่าอาจจะมีการพฤติกรรมอะไรที่สุ่มเสี่ยง
00:14:35 → 00:14:38 มั้ยอย่างเช่นดื่มแอลกอฮอลมากกว่าปกติอื
00:14:38 → 00:14:42 การใช้สารเสพติดผิดปกติอือหรือว่าการทำ
00:14:42 → 00:14:44 อะไรที่ว่ามันสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตขับรถ
00:14:44 → 00:14:47 เร็วเกินไปทำอะไรที่มันสร้างความสุ่ม
00:14:47 → 00:14:49 เสี่ยงให้ชีวิตเพื่อที่ว่าอาจจะไม่ต้อง
00:14:49 → 00:14:53 อยู่แล้วแบบนั้นเป็นต้นนะครับหรือว่าอาจ
00:14:53 → 00:14:56 จะเป็นเรื่องของการว่ามีความกวงกระวาย
00:14:56 → 00:15:01 กังวลกวายที่ว่าใจอยู่มิ่งตัวสั่นอะไร
00:15:01 → 00:15:02 อย่างเงี้ครับมันเป็น symptom ของ
00:15:02 → 00:15:04 depression แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าถ้า
00:15:04 → 00:15:06 มีวัน 2 วันแล้วแปลว่าเป็น depress นะ
00:15:06 → 00:15:09 หรือว่าเป็นซึมเศร้าปกติเราจะดูกันระยะ
00:15:09 → 00:15:12 ประมาณ 14 วันอือถ้าความรู้สึกเหล่านี้
00:15:12 → 00:15:15 เนี่ยมันอยู่เกิน 14 วันอ่ะครับแปลว่าน่า
00:15:15 → 00:15:18 จะเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าแล้วก็ควรไปพบ
00:15:18 → 00:15:21 จิตแพทย์ที่โรงพยาบาลครับผมก็เลยอยากจะ
00:15:21 → 00:15:24 ให้ดูว่าเออคนๆนี้เามีความเครียดที่ผิด
00:15:24 → 00:15:27 ปกติมั้ยความเครียดนี้เรื้อรังเกิน 14
00:15:27 → 00:15:37 วันมมีนอนผ
00:15:37 → 00:15:39 ลืมๆหรือความพูดอะไรที่เป็นความพูดลอยๆ
00:15:39 → 00:15:41 จิตใจไม่อยู่กับตัวไหสิ่งเหล่านี้เป็น
00:15:41 → 00:15:47 สิ่งสำคัญที่จะต้องดูครับสุดยอดสุด
00:15:47 → 00:15:51 ยอดสมัยนี้ความสุขมันหายากขึ้นใช่ครับถ้า
00:15:51 → 00:15:55 จะหาให้ง่ายทำยังไงครับเรียนที่
00:15:55 → 00:15:58 จะผมว่าสิ่งที่ง่ายที่สุดเลยนะอย่างหนึ่ง
00:15:58 → 00:16:00 ที่ทำให้ความสุขมันยากอ่ะครับเพราะว่าเรา
00:16:00 → 00:16:04 พยายามจะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเพราะว่า
00:16:04 → 00:16:06 เราคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตาม
00:16:06 → 00:16:09 ความคิดของเราแล้วพอเราพยายามจะควบคุมทุก
00:16:09 → 00:16:11 สิ่งทุกอย่างนั่นหมายความว่าเราพยายามจะ
00:16:11 → 00:16:12 ควบคุมในสิ่งที่เราไม่สามารถจะควบคุมได้
00:16:13 → 00:16:15 ด้วยแล้วพอเราควบคุมในสิ่งที่เราไม่
00:16:15 → 00:16:18 สามารถจะควบคุมได้อ่ะมันจะเกิดการเฟลขึ้น
00:16:18 → 00:16:21 แล้วพอมันเกิดการเฟลขึ้นมันก็คือเป็นการ
00:16:21 → 00:16:24 ที่ว่าเราก็จะทุกข์ไปด้วยกับความเฟลนั้น
00:16:24 → 00:16:27 อยากจะให้ทุกถ้าถ้าวันนี้ผมให้ทุกคน
00:16:27 → 00:16:30 เอิ่ม 2 อย่างที่ที่ที่สามารถจะทำได้นะ
00:16:30 → 00:16:34 ครับ 1 เลยก็คือการตั้งสติการตั้งสติเวลา
00:16:34 → 00:16:36 ที่เราเริ่มคิดเฟ้อคิดมั่วซั่วคิดอะไร
00:16:36 → 00:16:40 แล้วเยให้ตั้งสติโดยการที่ว่าใช้ใช้คำพูด
00:16:40 → 00:16:43 ง่ายๆเลย 54321 โดยการที่ว่าเราใช้เป็น
00:16:43 → 00:16:46 ระบบภาสาของเรานี่แหละมาช่วย 5432 1 ก็
00:16:46 → 00:16:49 คือลองดูซิว่าเมื่อใดที่เราเริ่มคิดผิด
00:16:49 → 00:16:51 ปกติแล้วเมื่อใดที่เรารู้สึกว่าจิตไม่
00:16:51 → 00:16:54 อยู่กับตัวแล้วลองมองหา 5 สิ่งที่เรามอง
00:16:54 → 00:16:58 เห็นรอบตัวเราลองพยายามฟังเสียง 4 อย่าง
00:16:58 → 00:17:01 ที่เราได้ยินอยู่ณเวลานี้ลองพยายามหา
00:17:01 → 00:17:04 กลิ่น 3 กลิ่นที่เราได้ยินอยู่ได้ได้
00:17:04 → 00:17:07 กลิ่นอยู่ณเวลานี้ลองพยายามจับ 2 สิ่งที่
00:17:07 → 00:17:09 อยู่รอบข้างเราแล้วลองพยายามลิ้มรด 1
00:17:09 → 00:17:12 สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราอย่างน้อยแทนที่ว่า
00:17:12 → 00:17:13 จะเอาใจเราไปอยู่กับที่อื่นจิตเราไปอยู่
00:17:13 → 00:17:15 กับที่อื่นน่ะเราเอาให้มันกลับมาอยู่กับ
00:17:15 → 00:17:18 เซนส์ของเราระบบประสาทของเราประสาทสัมผัส
00:17:18 → 00:17:20 ของเราเพื่อที่ว่าจะได้มาเห็นว่าสิ่งหน้า
00:17:20 → 00:17:22 เราณเวลานี้มันคืออะไรบ้างอย่างน้อยมันจะ
00:17:22 → 00:17:26 ได้หยุดวงจรความคิดที่เป็นความคิดที่คือ
00:17:26 → 00:17:28 ดึงความรู้สึกกลับมาใช่ครับกับประสาท
00:17:28 → 00:17:31 สัมผัสที่เรามีอยู่ใช่อีกอย่างนึงที่อยาก
00:17:31 → 00:17:33 จะให้ทุกคนลองฝึกกันดูอ่ะครับเราเรียกกัน
00:17:33 → 00:17:36 ว่าวงล้อมแห่งความควบคุม Circle of
00:17:36 → 00:17:38 control เพราะว่าอย่างที่ผมบอกว่าความ
00:17:38 → 00:17:40 สุขของเราเนี่ยมัน External ไปหมดแล้วเรา
00:17:40 → 00:17:43 ไปยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้วแล้ว
00:17:43 → 00:17:44 หลายสิ่งหลายอย่างเนี่ยมันเป็นสิ่งที่เรา
00:17:44 → 00:17:47 ไม่สามารถควบคุมได้ให้ตายยังไงเราก็ควบ
00:17:47 → 00:17:49 คุมไม่ได้แต่พอเราควบคุมไม่ได้เราไปทุกข์
00:17:49 → 00:17:51 กับการที่เราควบคุมมันไม่ได้แต่สิ่งที่
00:17:51 → 00:17:53 เราสามารถทำได้ก็คือวงกลมเนี่ยวาดเลย 2
00:17:53 → 00:17:57 วงวงเล็กอยู่ในวงใหญ่วงใหญ่เนี่ยเราลอง
00:17:57 → 00:18:00 ลิสเลยว่าอะไรบ้างที่ที่ว่ามันอยู่เหนือ
00:18:00 → 00:18:03 นอกคนอกการควบคุมของเราออความรู้สึกของคน
00:18:03 → 00:18:06 อื่นความคิดของคนอื่นการกระทำของคนอื่น
00:18:06 → 00:18:08 อะไรต่ออะไรเนี่ยมันเป็นสิ่งที่ว่ามัน
00:18:08 → 00:18:10 อยู่นอกเหนือความควบคุมของเราหมดเราทำยัง
00:18:10 → 00:18:13 ไงเราก็ไม่สามารถไปควบคุมได้แต่ณเวลานี้
00:18:13 → 00:18:15 เนี่ยอะไรบ้างที่อยู่ในความควบคุมของเรา
00:18:15 → 00:18:19 อืสิ่งที่เราจะทำวันพรุ่งนี้กิจวัตรประจำ
00:18:19 → 00:18:21 วันที่เราจะทำวันนี้อาหารที่เราจะกินวัน
00:18:21 → 00:18:25 นี้การดูแลจิตใจของเราณวันนี้การทำงานของ
00:18:25 → 00:18:28 เราณวันนี้การดูแลตัวเองณวันนี้สิ่งเหล่า
00:18:28 → 00:18:30 นี้มันเป็นความควบคุมของเราเราจะทำยังไง
00:18:30 → 00:18:33 ให้มันกลับมาอยู่ที่ตัวเองให้ได้มากที่
00:18:33 → 00:18:35 สุดแล้วพอมันทำสิ่งๆนั้นได้แล้วเราค่อยๆ
00:18:35 → 00:18:38 กาออกไปทีละอย่างที่เราควบคุมไทยอ่ะมันจะ
00:18:38 → 00:18:41 เป็นวินอืมันจะเป็นวินของเรามันจะเป็นชัย
00:18:41 → 00:18:44 ชนะของเราแล้วพอมันมีชัยชนะสิ่งเหล่านี้
00:18:44 → 00:18:46 เกิดขึ้นน่ะเราจะรู้เลยว่าทุกครั้งที่เรา
00:18:46 → 00:18:49 มีชัยชนะกับตัวเองมันจะเป็นความสุขที่เรา
00:18:49 → 00:18:51 หาได้แต่ไม่ได้บอกว่ามันจะง่ายนะครับ
00:18:52 → 00:18:54 เพราะทุกๆวันนี้เพราะว่าโลกของเรามันค่อย
00:18:54 → 00:18:56 ค่อนข้างเล็กลงแล้วมันอยู่ในมือถือของเรา
00:18:56 → 00:18:59 หมดแล้วอ่ะมันแปลว่าเรายังจะมีผลกระทบกับ
00:18:59 → 00:19:01 สิ่งรอบกายเข้ามาแหละแต่จะทำยังไงที่เรา
00:19:01 → 00:19:05 จะค่อยๆตัดบทสิ่งกระทบเหล่านั้นออกมาและ
00:19:05 → 00:19:07 ให้มันเป็นแค่สิ่งที่เราสามารถควบคุมได้
00:19:07 → 00:19:11 คือสิ่งสำคัญนะครับถ้าสรุปสั้นๆ
00:19:11 → 00:19:16 1 หาความสุขที่ง่ายที่สุดก็คืออยู่กับ
00:19:16 → 00:19:19 สติทั้ง 5 เอ้ยเข Sor อยู่กับประสาท
00:19:19 → 00:19:24 สัมผัสทั้ง 5 ประาอันที่ 2 คือฝึกเขียน
00:19:24 → 00:19:29 เขียนอย่างที่คุณอมรบอกวาดไว้ว่าอะไรที่
00:19:29 → 00:19:33 อยู่ภายใต้การควบคุมของเราและอะไรอยู่ที่
00:19:33 → 00:19:37 เหนือการการแค่ฝึกปฏิบัติเล็กๆ 2 ข้อนี้
00:19:37 → 00:19:41 เนี่ยผมว่ามันก็เหมือนกับเติมกระปุกวันละ
00:19:41 → 00:19:43 นิดวันละหน่อยให้เราฝึกมีความสุขนะครับ
00:19:43 → 00:19:48 ใช่ครับขอบคุณมากขอบคุณมากวันนี้วันนี้ผม
00:19:48 → 00:19:52 ว่าผมได้ได้เรียนรู้ตัวผมเองได้เรียนรู้
00:19:52 → 00:19:56 อะไรมากมายนะครับแล้วก็ได้ได้ต่อยอดใน
00:19:57 → 00:19:59 สิ่งที่ตัวเองเคยคิดและคคยเคยเข้าใจมา
00:19:59 → 00:20:03 ตลอดแล้วก็ได้เปิดมุมมองว่า
00:20:03 → 00:20:07 เอ้ยมันมีคนที่เก่งกว่าเราอีกเยอะซึ่งคุณ
00:20:07 → 00:20:10 อมรคือคนที่เก่งมากคนนึงนะครับก็ผมว่า
00:20:10 → 00:20:13 เป็นเกียรติของพแสผมนะฮะเป็นเกียรติอย่าง
00:20:13 → 00:20:17 สูงเลยนะฮะที่คุณอมรเนี่ยออกมาเปิดเผย
00:20:17 → 00:20:21 ความรู้สึกเปิดเผยมุมมองในหลายๆอย่างที่
00:20:21 → 00:20:24 ผมเชื่อว่าเขาอยากจะแสดงให้เห็นว่าจริงๆ
00:20:24 → 00:20:28 มันไม่ได้เป็นเป็นเป็นทบูหรือว่าภาษา
00:20:28 → 00:20:31 เรียกว่าอะไรนะเป็นตราบาปเป็นตราบาปนะฮะ
00:20:31 → 00:20:34 กับสังคมปัจจุบันการที่เราออกมาพูดหรือ
00:20:34 → 00:20:36 ออกมาเปิดเผยเรื่อง mental Health หรือ
00:20:36 → 00:20:40 สุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ที่ใครๆก็ควรจะยอม
00:20:40 → 00:20:42 รับนะ
00:20:42 → 00:20:46 ครับคิดว่า podcast แค่นี้คงไม่พออาจจะ
00:20:46 → 00:20:50 ต้องมีตอนต่อไปวันไหนนะครับอาจจะคือทฤษฎี
00:20:50 → 00:20:53 ความสุขนี่มันไปได้อีกไกลเลยนะครับคุณอมร
00:20:53 → 00:20:57 อยากจะทิ้งท้ายให้กับคนรุ่นใหม่ยังไงฮะ
00:20:57 → 00:21:03 ที่กำลังพึ่งจะออกเริ่มจะติดปีกสั้นๆว่า
00:21:03 → 00:21:06 ถ้าไม่อยากพลาดไม่อยากตกไปอยู่ในหลุม
00:21:06 → 00:21:09 เทคนิคที่คุณอวรอยากกลับไปเตือนรุ่นน้อง
00:21:09 → 00:21:13 คืออะไรครับผมว่าสิ่งสำคัญเลยที่ว่าเรา
00:21:13 → 00:21:15 อาจจะลืมไปแล้วอ่ะครับก็คือการสร้างขอบ
00:21:15 → 00:21:18 เขตให้ตัวเองขอบเขต
00:21:18 → 00:21:21 ที่แข็งแรงให้กับตัวเองนั่นก็คือ Healthy
00:21:21 → 00:21:23 boundary ให้กับตัวเองเพราะว่าหลายๆ
00:21:23 → 00:21:25 ครั้งเราคิดว่าการสร้างขอบเขตเป็นสิ่งที่
00:21:25 → 00:21:28 ไม่ดีเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ถ้าถ้าวัน
00:21:28 → 00:21:31 นี้เราเหนื่อยเราไม่ต้องการทำอะไรเราบอก
00:21:31 → 00:21:33 ไปเลยว่าวันนี้เราเหนื่อยเราไม่ไหวถ้าหาก
00:21:33 → 00:21:35 ว่าวันนี้เรารู้สึกเครียดมากเรารับงานไม่
00:21:35 → 00:21:36 ได้เราบอกไปเลยว่าเราเครียดมากเรารับงาน
00:21:37 → 00:21:39 ไม่ไหวอยู่วันนี้ถ้าวันนี้เรารู้สึกว่า
00:21:39 → 00:21:42 เราต้องการความช่วยเหลือเราไปขอความช่วย
00:21:42 → 00:21:44 เหลือเลยเพราะเราต้องการความช่วยเหลือผม
00:21:44 → 00:21:47 ว่าการที่ว่าเราสามารถสร้างขอบเขตให้กับ
00:21:48 → 00:21:50 ตัวเองได้เนี่ยเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะว่า
00:21:50 → 00:21:52 มันจะทำให้ว่าเรารู้เลยว่าหน้าที่ของเรา
00:21:52 → 00:21:54 เนี่ยมันไปสุดได้แค่ที่ไหนเกินนั้นแล้ว
00:21:54 → 00:21:56 เราจะไม่สามารถทำได้เพราะถ้าทำมันจะเป็น
00:21:56 → 00:22:00 ภัยต่อตัวเองด้วยนั้นก็อยากจะให้ทุกคน
00:22:00 → 00:22:03 ลองไปฝึกตัววงล้อมของการควบคุมดูลองหาดู
00:22:03 → 00:22:07 ว่าอะไรบ้างที่เราสามารถควบคุมได้ในสมการ
00:22:07 → 00:22:09 ของเราแล้วมันจะช่วยสร้างความสุขให้กับ
00:22:09 → 00:22:12 เราได้นั่นก็คือเริ่มที่ตัวเองก่อนความ
00:22:12 → 00:22:14 สุขเริ่มที่ตัวเองถ้าวันนี้เราสามารถทำ
00:22:14 → 00:22:17 ให้ตัวเองมีความสุขได้เราเองก็จะสามารถไป
00:22:17 → 00:22:19 เป็นที่พึ่งพาให้กับคนอื่นแล้วก็ช่วยให้
00:22:19 → 00:22:20 เขามีความสุขได้
00:22:20 → 00:22:24 ด้วยอย่างนึงที่ผมจะใช้ตลอดเลยก็คือว่า
00:22:24 → 00:22:26 ถ้าเราไปว่ายน้ำแล้วเราเห็นคนๆนึงจมน้ำ
00:22:26 → 00:22:28 อยู่อ่ะแล้วเราว่ายน้ำไม่เป็นน่ะเรา
00:22:28 → 00:22:32 กระโดดไปในน้ำมันจมทั้งคู่แต่ถ้าหากว่าคน
00:22:32 → 00:22:34 ๆนึงกำลังจมน้ำอยู่เราว่ายน้ำไม่เป็นแต่
00:22:35 → 00:22:36 เราใส่เสื้อชูชีพเอาไว้หรือว่าเราว่ายนำ
00:22:37 → 00:22:40 เป็นลงไปยังมีโอกาสรอดแล้ววันนี้กลับมาดู
00:22:40 → 00:22:42 ที่ตัวเองก่อนถ้าเราต้องการไปทำอะไรที่
00:22:42 → 00:22:45 มันเป็นอยู่ในมหาภาพที่ใหญ่โตอย่างน้อย
00:22:45 → 00:22:47 เริ่มที่ตัวเองก่อนทำให้ตัวเองแข็งแรง
00:22:47 → 00:22:49 ทั้งสุขภาพกายและจิตก่อนก่อนที่เราจะ
00:22:49 → 00:22:52 สามารถไปดูรอบด้านได้ว่าเราจะต้องทำอะไร
00:22:52 → 00:22:56 ต่อครับขอบคุณมากครับขอบคุณเป็นอย่างสูง
00:22:56 → 00:23:00 สำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหาหรือคิดว่ามี
00:23:00 → 00:23:04 ความเสี่ยงนะครับผมคิดว่า podcast นี้น่า
00:23:04 → 00:23:09 จะเป็นเพียงแค่จุดประกายให้เราอยากจะเข้า
00:23:09 → 00:23:14 ใจแล้วก็เปิดประตูไปสู่วิธีหรือว่าทางออก
00:23:14 → 00:23:19 ของปัญหาสุขภาพจิตเรานะฮะหนึ่งในหนึในแอป
00:23:19 → 00:23:22 ก็คือสติแอปคือต้องยอมรับนะอันนี้เราผม
00:23:22 → 00:23:24 ไม่ได้รับโฆษณาอะไรนะถ้าใครรู้จักผมจริงๆ
00:23:24 → 00:23:28 อวันนี้ไม่ใช่นะครับแต่ว่าถ้าคิดว่าแนี้
00:23:28 → 00:23:31 มีประโยชน์ลองเข้าไปโหลดดูลองใช้ดูได้นะ
00:23:31 → 00:23:34 ครับผมเองก็จะลองเข้าไปโหลดดูผมไม่เคยใช้
00:23:34 → 00:23:38 เลยนะครับจำเป็นมว่าจะต้องเป็นคนที่มีถึง
00:23:38 → 00:23:41 ขั้นต้องแบบไม่ครับคือคนอารมณ์ทั่วไปก็
00:23:41 → 00:23:44 ได้มวันนี้วันนี้แค่ถ้าหากว่าอกหัก
00:23:44 → 00:23:46 ต้องการคนรับฟังก็มาได้ถ้าวันนี้รู้สึก
00:23:46 → 00:23:48 ว่าไปเรียนแล้วเครียดก็ติดต่อมาได้ถ้าวัน
00:23:48 → 00:23:50 นี้รู้สึกว่าไปทำงานแล้วเครียดสิ่งที่เรา
00:23:50 → 00:23:53 ต้องการทำก็คือว่าถ้าเครียดอย่าปล่อยให้
00:23:53 → 00:23:56 ความเครียดนั้นมันกลายเป็นภาวะที่ผิดปกติ
00:23:56 → 00:23:58 ถ้าเครียดอย่างน้อยปล่อยวางมันให้ได้ได้
00:23:58 → 00:24:00 ก่อนแล้วถ้าปล่อยวางเองไม่ได้อย่างน้อยหา
00:24:00 → 00:24:03 พื้นที่รับฟังช่วยปล่อยวางอครับครับก็
00:24:03 → 00:24:07 ภาวนาครับขอให้แอปนี้ได้ได้ต่อยอดแล้วก็
00:24:07 → 00:24:11 ส่งเสริมสุขภาพทางจิตนะครับแล้วก็เป็นแอป
00:24:11 → 00:24:16 ที่ที่พึ่งพาของสังคมให้ได้นะครับหมอชวน
00:24:16 → 00:24:21 คุยอาทิตย์นี้ก็จบไปได้สวยนะครับแล้วก็คน
00:24:21 → 00:24:25 ต่อไปจะเป็นใครลองติดตามตอนต่อไปนะปคสหมอ
00:24:25 → 00:24:30 ชวนคุยปัญหาสังคมปัญหาสุขภาพที่ไร้ขอบเขต
00:24:30 → 00:24:34 ไม่ใช่มีแค่หมอแต่มีทั้งคนที่มองสุขภาพใน
00:24:34 → 00:24:37 วงกว้างนะครับมาพูดในภาษาบ้านๆภาษาชาว
00:24:37 → 00:24:42 บ้านให้กับเราทุกคนในสังคมขอให้โชคดีครับ
00:24:42 → 00:24:44 สวัสดีครับ
00:24:44 → 00:24:52 [เพลง]