00:00:00 → 00:00:02 [เพลง]
00:00:02 → 00:00:06 หมอคุยข่าวสนับสนุนโดยวีต้นวัตกรรมเพื่อ
00:00:06 → 00:00:09 ความกระจ่างใสที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา
00:00:09 → 00:00:11 ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจาก
00:00:11 → 00:00:13 ประเทศ
00:00:13 → 00:00:27 [เพลง]
00:00:27 → 00:00:30 เกาหลีช่วงหมอคุยข่าของเราค่ะคุณผู้ชมขา
00:00:31 → 00:00:33 สนับสนุนโดยอีเต้นวัตกรรมเพื่อความกระจาก
00:00:33 → 00:00:36 ใสจากประเทศเกาหลี
00:00:36 → 00:00:41 ปิ๊งอยากโชว์แก้มใสๆผิวใสๆมีออร่านะคะให้
00:00:41 → 00:00:44 อีเต้ดูแล้วเพราะว่าตัวนี้ออมาจากเกาหลี
00:00:44 → 00:00:48 นะคะมาค่ะเรื่องราวที่จะชวนคุณหมอคุยวัน
00:00:48 → 00:00:50 นี้นี่ต้องเป็นประโยชน์กับคุณผู้ชมทุกคน
00:00:50 → 00:00:53 เลยแหละเพราะถ้าเราสังเกตนะคะว่าปัจจุบัน
00:00:54 → 00:00:57 นี้เนี่ยผลิตภัณฑ์ใดๆบนเชลนะค่ะไม่ว่าจะ
00:00:57 → 00:01:00 เป็นเครื่องดื่มขนมอาาหารอะไรอย่าเงี้ยเ
00:01:00 → 00:01:03 มักจะแบบน้ำตาล 0% เพราะว่าไม่ใส่น้ำตาล
00:01:03 → 00:01:07 แต่ไปใส่สารให้ความหวานทดแทนซึ่งล่าสุด
00:01:07 → 00:01:09 องค์การอนามัยโลกหรือว่าฮูเนี่ยเขาประกาศ
00:01:09 → 00:01:13 อย่างเป็นทางการแล้วว่าเจ้าแอสปาแตมซึ่ง
00:01:13 → 00:01:16 เป็นสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลเนี่ยนะคะ
00:01:16 → 00:01:18 มีความเป็นไปได้ที่จะก่อมะเร็งต้องดู
00:01:18 → 00:01:22 เหมือนเกั๊กๆนิดนึงค่ะเพราะเขาพูดว่าแต่
00:01:22 → 00:01:25 ถึงเช่นนั้นเรายังบริโภคได้อย่างปลอดภัย
00:01:25 → 00:01:27 หากอยู่ในปริมาณที่กำหนดซึ่งเรามาดู
00:01:27 → 00:01:30 ปริมาณที่เกำหนดนะคะว่าเยังแนะนำให้พวก
00:01:30 → 00:01:33 เราเนี่ยบริโภคแอสปาแตมต่อวันคือไม่เกิน
00:01:33 → 00:01:38 40 มกรต่อน้ำหนักตัว 1 กกปริมาณที่จะมี
00:01:38 → 00:01:40 ความเสี่ยงกว่าการเกิดมะเร็งถ้าเปรียบ
00:01:40 → 00:01:42 เทียบเป็นเครื่องดื่มกระป๋องเนี่ยก็
00:01:42 → 00:01:45 ประมาณ 9-14 กระป๋องต่อวันวันนี้ก็เลย
00:01:45 → 00:01:48 ต้องชวนคุณหมอคุยเรื่องนี้มาทำความรู้จัก
00:01:48 → 00:01:51 กับเจ้าสาแอสปาแตมเรามาชี้ให้เห็นกัน
00:01:51 → 00:01:54 หน่อยดีกว่าว่ามันเป็นยังไงถ้าเป็นกลุ่ม
00:01:54 → 00:01:56 ของสารที่ทดแทนความหวานจริงๆมันก็เป็นสาร
00:01:56 → 00:01:59 ที่เขาผลิตขึ้นมาเพื่อที่จะเอามาเติมรส
00:01:59 → 00:02:01 ชาติให้กับเกิดความหวานให้กับอาหารให้กับ
00:02:01 → 00:02:03 เครื่องดื่มให้กับขนมหรืออะไรก็แล้วแต่
00:02:03 → 00:02:06 แทนน้ำตาลที่เป็นธรรมชาติค่ะเพราะว่ามัน
00:02:06 → 00:02:09 ให้พลังงานหรือให้แคลอรี่ต่ำหรือบางทีคือ
00:02:09 → 00:02:12 ไม่มีแคลอรี่เลยเพราะฉะนั้นเนี่ยก็มีความ
00:02:13 → 00:02:16 เชื่อว่าออพวกนี้แหละเอามาช่วยในการลดการ
00:02:16 → 00:02:18 เกิดเบาหวานหรือเอามาช่วยในการลดความอ้วน
00:02:18 → 00:02:21 อ่าแต่ว่าจริงๆแล้วสารให้ความหวานเนี่ยมี
00:02:21 → 00:02:25 อีกหลายตัวที่เรารู้จักกันคุ้นๆกันก็จะ
00:02:25 → 00:02:29 เป็นสตีเวียออ่าสีวยหวานเหรอย้าหวานคือ
00:02:29 → 00:02:32 เป็นสที่สกัดมาจากหญ้าหวานอ่านะคะซึ่งอัน
00:02:32 → 00:02:34 นี้เนี่ยให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายได้
00:02:34 → 00:02:37 เป็น 200-300 เท่าเลยคือค่อนข้างที่จะสูง
00:02:37 → 00:02:40 มากๆนอกจากนี้ก็จะังมีกลุ่มพวกแซคคารินนะ
00:02:40 → 00:02:45 นทมนะคะพวกสาโรสนะคะได้ยินอ่าใช่เคยได้
00:02:45 → 00:02:48 ยินกันอยู่นะคกลุ่มพวกนี้ก็ต้องบอกว่ามัน
00:02:48 → 00:02:49 มี
00:02:49 → 00:02:54 อันตรายซ่อนอยู่ใช่คือเราเข้าใจว่าอ่ะเรา
00:02:54 → 00:02:58 ทานน้ำตาลเทียมเพราะว่ามันไม่มีแคลอรี่
00:02:58 → 00:03:01 งั้นเราก็เข้าใจว่าไม่อ้วนอ้าไม่อ้วนแต่
00:03:01 → 00:03:03 อันนี้คือเขามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า
00:03:03 → 00:03:06 จริงๆแล้วการดื่มเครื่องดื่มในสูตรที่
00:03:06 → 00:03:09 เป็นสูตรไดเอตช่วยลดความอ้วนในระยะยาวใน
00:03:09 → 00:03:11 กลุ่มคนไข้ผู้สูงอายุเนี่ยพบว่ามันมีการ
00:03:11 → 00:03:15 เพิ่มขึ้นของค่าดัชนีมวลกายสูงขึ้นอแล้ว
00:03:15 → 00:03:17 ก็ไปเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะอ้วน
00:03:17 → 00:03:19 หลงผุงหรือ metabolic Syndrome ก็คือ
00:03:19 → 00:03:22 เพิ่มระดับไขมันเพิ่มไตรกีซาไลน์ทำให้
00:03:22 → 00:03:25 เกิดภาวะความนันโลหิตสูงทำให้เกิดภาวะน้ำ
00:03:25 → 00:03:28 ตาลสูงทำให้เกิดภาวะเบาหวานจริงๆแล้วมัน
00:03:28 → 00:03:30 ไม่ได้ลดเลยมันกลับไปเพิ่มด้วย้ำค่ะบาง
00:03:30 → 00:03:34 งานวิจัยเพบว่าการบริโภคน้ำตาลเทียมเนี่ย
00:03:34 → 00:03:38 จริงๆแล้วทำให้หิวมากกว่าเดิมอยากของหวาน
00:03:38 → 00:03:41 มากขึ้นกว่าเดิมและทำให้เราควบคุมระดับ
00:03:41 → 00:03:44 น้ำตาลในเลือดได้ยากขึ้นนอกจากนี้แล้ว
00:03:45 → 00:03:48 เนี่ยมันจะเป็นตัวที่ทำให้ไปส่งผลต่อการ
00:03:48 → 00:03:52 เปลี่ยนภาวะสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้เรา
00:03:52 → 00:03:55 พูดกันอยู่บ่อยๆว่าน้ำตาลเนี่ยไปทำให้ตัว
00:03:55 → 00:03:58 ไมโครไบโอมในลำไส้ของเราหรือภาวะสมดุลของ
00:03:58 → 00:04:01 แบคทีเรียในลำไส้เราเสียไปใช่มั้ยคะเรา
00:04:01 → 00:04:04 ไม่ให้บริโภคน้ำตาลหรือของหวานค่ะแต่ว่า
00:04:04 → 00:04:07 อันเนี้ยหนักกว่าอืคือกับกลายเป็นว่าไอ้
00:04:07 → 00:04:10 ตัวน้ำตาลเทียมเนี่ยจะไปทำปฏิกิริยาของ
00:04:10 → 00:04:12 แบคทีเรียในลำไส้ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจาก
00:04:12 → 00:04:16 น้ำตาลจริงแต่กลับพบว่ามันไม่ได้ไปช่วย
00:04:16 → 00:04:18 เสริมนะคุณแนนมันไปช่วยลดทอนสมดุล
00:04:18 → 00:04:22 แบคทีเรียตัวดีอืออกไปค่ะมันก็เลยกลาย
00:04:22 → 00:04:24 เป็นอันตรายต่อลำไส้อีกนั้นคุณไข้ก็อาจจะ
00:04:24 → 00:04:28 มีภาวะท้องอืดหรือมีภาวะอื่นๆที่เสีย
00:04:28 → 00:04:31 สมดุลของไมโครบโอมในลำไส้แล้วนอกจากนี้เ
00:04:31 → 00:04:33 ยังพบว่ามันไปเพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อการ
00:04:33 → 00:04:35 เกิดพวกหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมองอีก
00:04:35 → 00:04:40 แล้วแถมเยังพบว่ามันมีโอกาสที่จะกลายเป็น
00:04:40 → 00:04:43 ตัวที่กระตุ้นสารกอมเร็งอีกอ่านี่แหละค่ะ
00:04:43 → 00:04:46 ก็จากที่เราฟังคุณหมอพูดตลอดเวลาน้ำตาล
00:04:46 → 00:04:49 คือยาพิษต้องบอกว่าความหวานเนี่ยคือยาพิษ
00:04:50 → 00:04:52 พิก็คือเลี่ยงหวานเลี่ยงหวานในทุกรูปแบบ
00:04:52 → 00:04:56 ที่มันจะมาเครื่องดื่มขนมอาหารผลไม้ทุก
00:04:56 → 00:05:01 จิ่งว่าความหวานทำให้ร่างกายอักเสบ
00:05:01 → 00:05:05 อ่านี้ขดีๆอย่าลืมดูแลสุขภาพนะ
00:05:05 → 00:05:09 [เพลง]
00:05:09 → 00:05:12 คะ