00:00:00 → 00:00:03 กินอย่างไรให้ไกลมะเร็ง
00:00:03 → 00:00:05 อาหารก่อมะเร็งล่ะมีอะไรที่เราต้องกังวล
00:00:05 → 00:00:07 เป็นพิเศษต้องกังวลมากๆเลยเพราะมักจะเป็น
00:00:08 → 00:00:11 ของที่เราชอบเขาจะมีคำที่บอกว่าน้ำตาลคือ
00:00:11 → 00:00:15 ยาผิดเซลล์มะเร็งมันใช้น้ำตาลเป็นพลังงาน
00:00:15 → 00:00:18 เพราะฉะนั้นการฟีดน้ำตาลให้ร่างกายก็เลย
00:00:18 → 00:00:21 เป็นการเสิร์ฟอาหารอันโอชาให้มะเร็งด้วย
00:00:21 → 00:00:24 เช่นเคมีบำบัดมันเป็นยาก็จริงแต่มัน
00:00:24 → 00:00:27 เหมือนระเบิดปรมณูเนาะ
00:00:27 → 00:00:30 มีหลักฐานว่าอย่างในร่างร่างกายอย่างชัด
00:00:30 → 00:00:30 เจน
00:00:30 → 00:00:33 >> กิน 1 ชิ้นก็ใช่ปะเร็งได้เลยเนื้อสัตว์
00:00:33 → 00:00:35 แปรรูปไส้กรอกเบคอน
00:00:35 → 00:00:37 [เพลง]
00:00:37 → 00:00:40 >> การนอนดึกการทำงานเป็นสักเวลานอนไม่นอน
00:00:40 → 00:00:44 การข้ามเวลานอนตามนาฬิกาชีวิตไปทำให้เรา
00:00:44 → 00:00:47 ข้ามช่วงเวลาการดีท็อกซ์สารพิษของร่างกาย
00:00:47 → 00:00:51 ออกไปเขาบอกว่ากินโปรตีนเยอะมันไปให้
00:00:51 → 00:00:52 อาหารมะเร็งอ่ะ
00:00:52 → 00:00:54 >> เนื่องจากโปรตีนเนี่ยมันมีความสามารถใน
00:00:54 → 00:00:58 การซัพพอร์ตร่างกายในทุกๆระบบซ่อมแซม
00:00:58 → 00:01:01 สร้างเสริมฮอร์โมนมวลต่างๆคุ้มๆกันโอ้โห
00:01:01 → 00:01:04 แบบทั่วไปหมดเลยการป้องกันสำคัญกว่าการ
00:01:04 → 00:01:08 รักษาแน่นอนพฤติกรรมอาหารอะไรก็ตามที่
00:01:08 → 00:01:12 เพิ่มความเสี่ยงลดเถอะนะคะ
00:01:12 → 00:01:15 สวยสอี่พcสกับอุ่มโอลิเวียสวัสดีค่ะราย
00:01:15 → 00:01:18 การที่เราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญตัวจริงใน
00:01:18 → 00:01:20 เรื่องของสุขภาพแล้วก็ความสวยความงามมา
00:01:20 → 00:01:23 พูดคุยกันค่ะวันนี้เนี่ยเราจะคุยในเรื่อง
00:01:23 → 00:01:27 ของกินอย่างไรให้ไกลมะเร็งแล้วถึงแม้ว่า
00:01:27 → 00:01:29 เราเป็นมะเร็งแล้วเนี่ยเราจะสามารถทำยัง
00:01:29 → 00:01:33 ไงได้บ้างให้เราสามารถสวยได้ในทุกๆวันค่ะ
00:01:33 → 00:01:36 วันนี้แขกรับเชิญของเราก็คือคุณหมอจ๋านะ
00:01:36 → 00:01:38 คะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของความสวย
00:01:38 → 00:01:42 ความงามที่ชื่อดังมากๆนะคะแล้วยังเชี่ยว
00:01:42 → 00:01:44 ชาญในเรื่องของมะเร็งด้วยค่ะวันนี้หมอจ๋า
00:01:45 → 00:01:45 สวัสดีค่ะ
00:01:45 → 00:01:47 >> สวัสดีค่ะ
00:01:47 → 00:01:49 >> ขออนุญาตให้หมอจ๋าแนะนำตัวเองนิดนึงได้
00:01:49 → 00:01:49 มั้คะ
00:01:49 → 00:01:51 >> ค่ะหมอจ๋านะคะแพทย์หญิงอัญญวีเกียรติ
00:01:51 → 00:01:54 อภิพงษ์ค่ะเป็นแพทย์เฉพาะทางด้าน
00:01:54 → 00:01:57 เวชศาสตร์ป้องกันสาขาสาธารณสุขค่ะตอนนี้
00:01:57 → 00:02:00 ก็เป็น CM MAO ค่ะ Chief of Medical
00:02:00 → 00:02:03 Estathetic Officer ค่ะที่ Aura
00:02:03 → 00:02:06 Bangkok Clinic ค่ะรวมถึงเป็นผู้ก่อ
00:02:06 → 00:02:08 ตั้ง Happy คีโม Club ด้วยค่ะ
00:02:08 → 00:02:11 >> อ่าสุดยอดมากๆนะคะก็มีความรู้ความเชี่ยว
00:02:11 → 00:02:14 ชาญแบบหลากหลายแล้วก็ครอบคลุมมากๆแล้ว
00:02:14 → 00:02:17 อย่างที่ผมว่านะคะตัวแม่ตัวหม่ำคนนึงเลย
00:02:17 → 00:02:19 ในประเทศไทยต้องถามว่าอ้าแล้วเป็นไงมาไง
00:02:19 → 00:02:21 กับเรื่องของมะเร็งได้
00:02:21 → 00:02:24 >> ก็ที่ผ่านมาเนี่ยค่ะงานหลักเลยก็คืองาน
00:02:25 → 00:02:28 ด้านเอสติกนะคะแต่ว่าพอได้แต่งงานเข้ามา
00:02:28 → 00:02:31 อยู่ในครอบครัวของคุณหมอมะเร็ง
00:02:31 → 00:02:31 >> อ้า
00:02:31 → 00:02:35 >> อ่านะคะก็เลยซึมซับก็คือตั้งแต่สมัยคุณ
00:02:35 → 00:02:37 ปู่ของสามีเนี่ยค่ะก็เป็นคุณหมอมะเร็ง
00:02:37 → 00:02:40 ตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะคะแล้วเขาก็เติบโตมา
00:02:40 → 00:02:43 ในคลินิกมะเร็งของคุณปู่เห็นการทำงานของ
00:02:43 → 00:02:46 คุณปู่เห็นคนไข้ที่เมื่อก่อนเนี่ยเวลาคน
00:02:46 → 00:02:49 ไข้มะเร็งเข้ามาในคลินิกเนี่ยเขาจะไม่สวย
00:02:49 → 00:02:51 ไม่งามเหมือนคนไข้มะเร็งทุกวันเนี้ยค่ะก็
00:02:51 → 00:02:54 คือมีก้อนมาเลยสมมุติถ้าเป็นมะเร็งเต้านม
00:02:54 → 00:02:57 ก็จะมีก้อนที่เต้านมก้อนแตกแตก
00:02:57 → 00:03:01 >> อ่ามีเลือดลใหญ่ดี
00:03:01 → 00:03:03 >> อ่ามีน้ำหนองไหลติดเสื้อผ้ามาอะไรอย่าง
00:03:03 → 00:03:06 เงี้ยค่ะเขาก็รู้สึกว่านี่แหละมันเป็น
00:03:06 → 00:03:09 สิ่งที่เขาต้องสืบทอดจากครอบครัวของเขา
00:03:09 → 00:03:09 >> อื
00:03:09 → 00:03:10 >> ค่ะ
00:03:10 → 00:03:13 >> เขาก็เลยเรียนหมอแล้วก็มุ่งตรงไปเป็นหมอ
00:03:13 → 00:03:17 ศรยแพทย์แล้วก็เรียนต่อด้านมะเร็ง
00:03:17 → 00:03:19 >> แล้วก็เรียนต่อด้านเต้านม
00:03:19 → 00:03:20 >> มะเร็งเต้านมโดยเฉพาะ
00:03:20 → 00:03:22 >> ใช่ค่ะโอห
00:03:22 → 00:03:25 >> ก็เลยกลายเป็นที่มานะคะที่ทำให้ได้แบบซึม
00:03:25 → 00:03:28 ซับแล้วก็ได้เจอผู้ป่วยมะเร็งมากขึ้นมาก
00:03:28 → 00:03:30 ขึ้นแล้วก็กลายเป็นคนที่ใกล้ตัวมากขึ้น
00:03:31 → 00:03:34 พี่อุ๋มใกล้ตัวมากขึ้นเรื่อยๆ
00:03:34 → 00:03:35 >> โอ
00:03:35 → 00:03:36 >> ฟังแล้วขนลุกเนาะ
00:03:36 → 00:03:36 >> ค่ะ
00:03:36 → 00:03:39 >> ว่าแบบว่าเออมันเค้าเรียกว่าอะไรอ่ะมัน
00:03:39 → 00:03:43 ซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆจนโตแล้วก็แบบว่ามา
00:03:43 → 00:03:46 สืบสารตรงนี้ต่อต้องเรียกว่าเป็นสะใภ้ดี
00:03:46 → 00:03:48 เด่น
00:03:48 → 00:03:50 >> ค่ะก็ไม่ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะแบบ
00:03:50 → 00:03:53 ได้เข้ามาสู่วงการมะเร็งอะไรอย่างเงี้ย
00:03:53 → 00:03:55 ค่ะแต่ว่าพอมาอยู่ตรงนี้จริงๆแล้วก็รู้
00:03:55 → 00:03:58 สึกภูมิใจนะแล้วก็รู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่ง
00:03:58 → 00:04:00 ของการทำให้คุณภาพชีวิตนะคะของคนส่วน
00:04:00 → 00:04:04 หนึ่งอ่ะดีขึ้น
00:04:04 → 00:04:07 >> ตอนนี้เนี่ยมันก็ใกล้ตัวกันจนต้องบอกว่า
00:04:07 → 00:04:09 อย่างคุณแม่ผมเนี่ยก็เป็นมะเร็งอยู่เนาะ
00:04:09 → 00:04:11 ต้องมีการให้เคมีบำบัดอะไรเงี้ยด้วยพอ
00:04:11 → 00:04:14 ต้องให้เคมีบำบัดอ่ะชื่อของน้องจ๋าเขึ้น
00:04:14 → 00:04:17 มาในหัวคนแรกเลยอ่ะว่าเอ้ยแล้วฉันควรจะดู
00:04:17 → 00:04:20 แลแม่ไงดีในเรื่องของโภชนาการที่จะช่วย
00:04:20 → 00:04:24 เสริมทำให้เขาอ่ะสามารถผ่านในเฟสนี้ไปได้
00:04:24 → 00:04:26 เพราะว่าการให้เคมีบำบัดเนี่ยร่างก็จะ
00:04:27 → 00:04:28 โทรมมากเนาะ
00:04:28 → 00:04:30 >> คือเคมีบำบัดเนี่ยนะคะจริงๆมันเป็นยาก็
00:04:30 → 00:04:33 จริงแต่มันเหมือนระเบิดปรมณูเนาะนอกจาก
00:04:33 → 00:04:36 ที่มันจะทำลายเซลล์มะเร็งแล้วอ่ะค่ะมันก็
00:04:36 → 00:04:38 ทำลายเซลล์ปกติด้วยโดยเฉพาะเซลล์ที่มัน
00:04:38 → 00:04:39 แบ่งตัวเร็ว
00:04:40 → 00:04:43 >> เพราะว่ามันมีพฤติกรรมคล้ายๆกับเซลล์
00:04:43 → 00:04:44 มะเร็ง
00:04:44 → 00:04:45 >> อ๋อใช่
00:04:45 → 00:04:48 >> อย่างเช่นเซลล์ผิวหนังเซลล์เยื่อบุต่างๆ
00:04:48 → 00:04:51 ในปากในหลอดอาหารในทางเดินอาหารต่างๆนะคะ
00:04:51 → 00:04:53 หรือว่าผิว
00:04:53 → 00:04:54 >> ผม
00:04:54 → 00:04:56 >> ใช่พวกนี้แหละก็จะได้รับผลข้างเคียงไป
00:04:56 → 00:04:59 ด้วยแล้วก็สำคัญอีกอย่างนึงก็คือเซลล์
00:04:59 → 00:05:00 เม็ดเลือดค่ะ
00:05:00 → 00:05:01 >> อื
00:05:01 → 00:05:03 >> จำนวนมันเยอะมากมันแบ่งตัวเร็วมากเพราะ
00:05:03 → 00:05:06 ฉะนั้นมันก็โดนห่างเลขไปด้วยดังนั้นมันก็
00:05:06 → 00:05:09 เลยเกิดผลข้างเคียงเยอะแยะไปหมดเลยหลาย
00:05:09 → 00:05:11 ระบบไปหมดเลยทางร่างกายเวลาที่ผู้ป่วยได้
00:05:12 → 00:05:13 รับเคมีบำบัดค่ะ
00:05:13 → 00:05:15 >> อื
00:05:15 → 00:05:19 >> เราจะดูแลตัวเองยังไงในช่วงที่เราต้องได้
00:05:19 → 00:05:20 รับเคมีบำบัด
00:05:20 → 00:05:23 >> อืเริ่มต้นทำใจก่อน
00:05:23 → 00:05:25 >> ทำใจ
00:05:25 → 00:05:26 >> ญาติก็ต้องทำใจด้วยใช่
00:05:26 → 00:05:29 >> ใช่คือมันเป็นเรื่องของมันไม่ใช่เรื่อง
00:05:29 → 00:05:31 ของคนคนเดียวล่ะค่ะมันเป็นเรื่องของทั้ง
00:05:31 → 00:05:34 สิ่งแวดล้อมทั้งองค์รวมของคนไข้เลยไม่ว่า
00:05:34 → 00:05:38 จะเป็นลูกพ่อแม่ญาติผู้ดูแลนะคะหรือว่า
00:05:38 → 00:05:42 เพื่อนร่วมงานด้วยต้องยอมรับก่อนนะคะว่า
00:05:42 → 00:05:44 สิ่งที่เกิดขึ้นเนี่ยมันเกิดขึ้นแล้วเรา
00:05:44 → 00:05:48 ก็จะต้องดำเนินไปสู่การรักษาด้วยกันทั้ง
00:05:48 → 00:05:50 หมดเลยนะ
00:05:50 → 00:05:52 ทั้งหมดเลยนะนะคะเพราะว่าบางครั้งเนี่ย
00:05:52 → 00:05:54 แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเนี่ยค่ะที่เกิดขึ้น
00:05:54 → 00:05:58 กับอ่าคนๆหนึ่งนะคะก็กระทบไปถึงงานกระทบ
00:05:58 → 00:06:00 ไปถึงผู้ร่วมงานครอบครัวความสัมพันธ์ใน
00:06:00 → 00:06:03 ครอบครัวอะไรมากมายนะคะดังนั้นตาถึงบอก
00:06:03 → 00:06:05 ว่าเราเริ่มต้นจากการ
00:06:05 → 00:06:07 >> ทำใจก่อนนะคะ
00:06:07 → 00:06:11 >> ยอมรับก่อนแล้วก็เปิดใจกับสิ่งที่จะเกิด
00:06:11 → 00:06:15 ขึ้นในขั้นตอนถัดๆไปพอใจเราพร้อมนะเราก็
00:06:15 → 00:06:17 จะมีความแข็งแรงขึ้น
00:06:17 → 00:06:21 >> ในระดับหนึ่งนะคะแล้วก็เปิดใจยอมรับกับ
00:06:21 → 00:06:25 การรักษาอื่นๆต่อทีเนี้ยพอเริ่มเข้าการ
00:06:25 → 00:06:28 รักษาและก็จะต้องเริ่มมีการตรวจร่างกาย
00:06:28 → 00:06:30 เพื่อดูความพร้อมก่อนนะคะ
00:06:31 → 00:06:35 >> ถ้าใครมีต้นทุนดีนะนั่นหมายถึงสุขภาพก็ดี
00:06:35 → 00:06:39 ภาวะโภชนาการก็ดีสภาพจิตใจก็ดีนะคะก็จะ
00:06:39 → 00:06:42 สามารถที่จะเริ่มต้นการให้เคมีบำบัดได้
00:06:42 → 00:06:43 รวดเร็วกว่า
00:06:43 → 00:06:48 >> คนที่มีโรคประจำตัวภาวะโภชนาการไม่ดีหรือ
00:06:48 → 00:06:51 ว่าร่างกายไม่พร้อมอันนี้แหละจะเริ่มเป็น
00:06:51 → 00:06:54 ต้นทุนที่ต่างกันและพอพอเริ่มให้คีโมเท่า
00:06:54 → 00:06:57 นั้นแหละก็จะเริ่มรู้สึกว่าครั้งแรกๆอาจ
00:06:57 → 00:07:00 จะยังไหวอยู่นะพอมาเริ่มครั้งที่ 2 ที่ 3
00:07:00 → 00:07:02 นะคะก็อาจจะ
00:07:02 → 00:07:05 >> เริ่มเข้าสู่ภาวะที่ต้องยอมรับอีกครั้ง
00:07:05 → 00:07:10 นึงว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงนะคะแล้วก็ผล
00:07:10 → 00:07:12 กระทบที่เกิดจากเคมีบำบัดขึ้นมา
00:07:12 → 00:07:14 >> คือในฐานะญาติเนาะเรื่องสูตรเคมีบำบัดก็
00:07:14 → 00:07:17 ต้องแล้วแต่คุณหมอมะเร็งเว่าเขาจะให้เรา
00:07:17 → 00:07:20 ยังไงไอ้เราก็เป็นฝ่ายเสริมอ่ะกำลังใจเรา
00:07:20 → 00:07:24 ก็ให้คราวนี้เนี่ยเรื่องของเอ่อโภชนาการ
00:07:24 → 00:07:28 ต่างๆเราจะดูแลอาหารการกินอาหารเสริมให้
00:07:28 → 00:07:31 เขา้าผ่านจุดเนี้ยไปได้อย่างราบรื่นมาก
00:07:31 → 00:07:32 ยิ่งขึ้น
00:07:32 → 00:07:32 >> ค่ะ
00:07:32 → 00:07:34 >> อ่าต้องดูแลอะไรยังไงบ้าง
00:07:34 → 00:07:38 >> หลักๆเลยค่ะถ้ากินได้มักจะปัญหาน้อย
00:07:38 → 00:07:39 >> อื
00:07:39 → 00:07:43 >> ถ้ายังกินได้นะคะมักจะปัญหาน้อยนะคะ
00:07:43 → 00:07:45 >> แต่เวลาที่เป็นมะเร็งค่ะ
00:07:45 → 00:07:47 >> เจ้าตัวมะเร็งนี่แหละมันจะมีการหลั่งสาร
00:07:47 → 00:07:50 บางอย่างออกมาทำให้เราไม่หิว
00:07:50 → 00:07:52 >> ไอ้ที่เราเรียกว่าเบื่ออาหารน้ำหนักลดกิน
00:07:52 → 00:07:55 ได้น้อยนะคะทั้งๆที่จริงๆแล้วอ่ะเรา
00:07:55 → 00:07:57 ต้องการมากกว่าคนปกติอีก
00:07:57 → 00:07:57 >> อื
00:07:58 → 00:08:00 >> แต่เราดันยังไงคะกินได้น้อยลง
00:08:00 → 00:08:00 >> อือๆ
00:08:00 → 00:08:03 >> ดันไม่อยากกินเนี่ยแหละเป็นจุดที่มันยาก
00:08:03 → 00:08:06 และนะคะว่าจะทำยังไงให้สามารถที่จะ
00:08:06 → 00:08:10 ซัพพอร์ตอาหารเข้าไปได้ให้มันเพียงพอกับ
00:08:10 → 00:08:13 ที่มันจะต้องไปเจอกับเคมีบำบัดอย่างแรก
00:08:13 → 00:08:15 เลยที่สำคัญมากๆแล้วก็เรียกว่าเป็นคีย์
00:08:15 → 00:08:18 นิวตรนของผู้ป่วยที่ต้องการการทำเคมี
00:08:18 → 00:08:20 บำบัดเนี่ยนก็คือ 1 โปรตีนก่อนเลยเนื่อง
00:08:20 → 00:08:23 จากโปรตีนเนี่ยมันมีความสามารถในการ
00:08:23 → 00:08:26 ซัพพอร์ตร่างกายในทุกๆระบบไม่ว่าจะเป็น
00:08:26 → 00:08:29 การซ่อมแซมสร้างเสริมนะคะ
00:08:29 → 00:08:33 >> ฮอร์โมนต่างๆภูมิคุ้มกันโอ้โหแบบทั่วไป
00:08:33 → 00:08:34 หมดเลยนะคะ
00:08:34 → 00:08:37 >> อ๋อแต่ว่าหลายคนนี่นะเขาบอกว่ากินโปรตีน
00:08:37 → 00:08:39 เยอะมันไปเหมือนให้อาหารมะเร็งอ่ะ
00:08:39 → 00:08:43 >> ใช่มแต่เราก็ลืมว่าเราก็ต้องการด้วยนะ
00:08:43 → 00:08:46 คะก็เลยต้องบาanceซคือบางครั้งสุดโต่งไป
00:08:46 → 00:08:49 ทางไหนทางหนึ่งเนี่ยมันก็ทำให้ดูแลกัน
00:08:49 → 00:08:53 ลำบากทั้งระบบนะคะดังนั้นถ้ากินได้พี่
00:08:53 → 00:08:54 อุ๋ม
00:08:54 → 00:08:58 >> ไม่มีปัญหาเลยถ้ากินจากอาหารปกติได้นะคะ
00:08:58 → 00:09:02 ก็เพียงพอทำไมถึงบอกว่าเพียงพอเราต้อง
00:09:02 → 00:09:03 คำนวณค่ะอ
00:09:03 → 00:09:03 >> อื
00:09:03 → 00:09:07 >> อืปกติเราไม่ค่อยคำนวณเพราะเรารู้สึกว่า
00:09:07 → 00:09:09 เราก็มีชีวิตปกติ
00:09:09 → 00:09:11 >> อ่านะคะแล้วเราก็ยังจะสดใสร่าเริงแข็งแรง
00:09:12 → 00:09:14 นะคะแต่พอถึงเวลาจริงๆเราต้องคำนวณและนะ
00:09:14 → 00:09:16 คะโดยเฉพาะเวลาที่เราต้องการโปรตีนเพิ่ม
00:09:16 → 00:09:19 ขึ้นเพราะอะไรเพราะว่าเซลล์เราถูกทำลายไป
00:09:19 → 00:09:22 อย่างมากเลยเราก็เลยจะต้องฟื้นฟูมันอย่าง
00:09:22 → 00:09:26 รวดเร็วเช่นกันเนาะอย่างเวลาที่คุณแม่พี่
00:09:26 → 00:09:28 อุ่มไปให้คีโมเเนี่ยค่ะแต่ละครั้งห่างกัน
00:09:28 → 00:09:29 นานมั้ยคะ
00:09:29 → 00:09:30 >> 3 สัปดาห์
00:09:30 → 00:09:32 >> 3 สัปดาห์ในช่วง 3 สัปดาห์เนี่ยเป็นช่วง
00:09:32 → 00:09:34 ที่ต้องแบบฟื้น
00:09:34 → 00:09:35 >> อื
00:09:35 → 00:09:38 >> อย่างมากถูกมั้ยคะมีเวลาที่จะล็อต่อไป
00:09:38 → 00:09:41 >> ใช่ทีเนี้ยถ้าสมมุติว่าไปตรวจเลือดแล้ว
00:09:41 → 00:09:45 คุณหมอบอกว่าไม่พร้อมแปลว่าจะต้องเว้นการ
00:09:45 → 00:09:48 รักษาออกไปหรือว่าเลื่อนออกไป
00:09:48 → 00:09:51 >> ช่วงนี้แหละก็จะเป็นช่วงที่นอกจากจะเสีย
00:09:51 → 00:09:54 ใจแล้วยังเป็นโอกาสที่จะทำให้มะเร็งมัน
00:09:54 → 00:09:57 เติบโตมากขึ้นอีกนะคะเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:09:57 → 00:10:01 ที่ภาวะโภชนาการดีนะคะโปรตีนถึงนะวิตามิน
00:10:01 → 00:10:04 เกลือแร่พร้อมก็จะทำให้ร่างกายเขาเนี่ย
00:10:04 → 00:10:06 พร้อมที่จะได้รับการรักษาอย่างราบรื่น
00:10:06 → 00:10:08 แล้วก็ต่อเนื่อง
00:10:08 → 00:10:08 >> อ่า
00:10:08 → 00:10:12 >> ม้วนเดียวจบทดเวลาบาดเจ็บ
00:10:12 → 00:10:15 >> แล้วก็ทำให้เขามีกำลังใจค่ะ
00:10:15 → 00:10:15 >> อื
00:10:15 → 00:10:17 >> ครับ
00:10:17 → 00:10:19 >> แล้วปกติอย่างเงี้ยคนเราต้องการโปรตีนกิน
00:10:19 → 00:10:22 เฉลี่ยอยู่ประมาณวันละ 1 กรัมใช่มยต่อ 1
00:10:22 → 00:10:22 กก.
00:10:22 → 00:10:23 >> ใช่นะคะ
00:10:23 → 00:10:26 >> อ่าแล้วพอเป็นมะเร็งให้เคโมอะไรเงี้ยมัน
00:10:26 → 00:10:27 ต้องได้สักประมาณสักเท่าไหร่
00:10:27 → 00:10:31 >> คิดง่ายๆคือ 1 เท่าได้เท่าไหร่คูณไปอีก
00:10:31 → 00:10:33 สักประมาณ 1.2-1.5 ค่ะ
00:10:33 → 00:10:36 >> 1.2- 1.5 เลยเหรอก็เยอะเลยเนาะเหมือน
00:10:36 → 00:10:37 แบบว่าคนออกกำลังกายเลยอ่ะ
00:10:37 → 00:10:40 >> เยอะนะคะเยอะนะคะถึงบอกว่าทั้งๆที่กินไม่
00:10:40 → 00:10:42 ค่อยได้อ่ะแต่ต้องได้เยอะขึ้นกว่าคนอื่น
00:10:42 → 00:10:45 มันก็เลยรู้สึกว่ามันยากขึ้น
00:10:45 → 00:10:46 >> ออ
00:10:46 → 00:10:49 >> นะคะอย่างถ้าสมมุติน้ำหนัก 50 กก.คนทั่ว
00:10:49 → 00:10:51 ไปก็จะต้องกินโปรตีน 50 กรัม
00:10:51 → 00:10:52 >> อื
00:10:52 → 00:10:56 >> อ่าหมู 100 กรัมแบบไม่ติดมันเลยให้โปรตีน
00:10:56 → 00:10:58 ประมาณ 20 แล้วกันคิดง่ายๆแปลว่าก็ต้อง
00:10:58 → 00:11:01 กินประมาณแบบ 300 กรัม
00:11:01 → 00:11:04 >> ต่อวันถ้าเป็นคนไข้มะเร็งเขาจะชอบคิดเป็น
00:11:04 → 00:11:05 ไข่ขาว
00:11:05 → 00:11:05 >> อื
00:11:05 → 00:11:09 >> อืเขาจะคำนวณเป็นไข่ขาวไข่ขาว 1 ฟองให้
00:11:09 → 00:11:11 โปรตีนประมาณ 3.5 กรัมค่ะ
00:11:11 → 00:11:12 >> 3.5 5 กรัม
00:11:12 → 00:11:15 >> ถ้าเกิดว่าไม่ป่วยกลิ่นไข่ขาวอย่างเดียว
00:11:15 → 00:11:15 >> อ๋อ
00:11:15 → 00:11:19 >> ต้องให้ 14 ฟองทีนี้พอเริ่มเป็นมะเร็ง
00:11:19 → 00:11:23 ต้องให้คีโมสมมุติคุณเล่นๆ 1.5
00:11:23 → 00:11:26 >> คือ 1.5 5 เท่าก็แปลว่าบวกอีก 74 บวกจาก
00:11:26 → 00:11:27 21 ฟอง
00:11:27 → 00:11:27 >> ใช่
00:11:27 → 00:11:28 >> เยอะมากอ่ะ
00:11:28 → 00:11:29 >> เยอะเนาะเยอะมาก
00:11:29 → 00:11:31 >> เยอะมากเยอะมาก
00:11:31 → 00:11:32 >> แค่คิดก็เหนื่อยแล้วอ่ะคะ
00:11:32 → 00:11:35 >> มันก็เลยเป็นที่มาของการที่จะต้องมีอะไร
00:11:35 → 00:11:39 ช่วยเขาจากผลการสำรวจนะคะคนที่เป็นมะเร็ง
00:11:39 → 00:11:39 เนี่ย
00:11:39 → 00:11:40 >> อ
00:11:40 → 00:11:44 >> เาค้าจะต้องมีตัวช่วยเกือบ 100%
00:11:44 → 00:11:48 >> จริงเพราะว่ามันไปไม่ถึงหรอกกินไข่ขนาด
00:11:48 → 00:11:49 นั้น
00:11:49 → 00:11:51 >> อ่ามันก็อาจจะต้องมีเป็นพวกโปรตีนเสริม
00:11:51 → 00:11:55 >> ใช่ค่ะเดี๋ยวนี้ก็จะมีเป็นแบบผงทั้งมาจาก
00:11:55 → 00:11:59 อ่านมมาจากพืชนะคะหรือบางทีก็เป็นพวก
00:11:59 → 00:12:00 โปรตีนบาร
00:12:00 → 00:12:01 >> อื
00:12:01 → 00:12:05 >> นะคะก็จะต้องเลือกว่าอันไหนที่มีโปรตีน
00:12:05 → 00:12:08 สูงมีแป้งและน้ำตาลน้อยสมมุติเราเลือก
00:12:08 → 00:12:12 ปรับสูตรที่อร่อยสุดๆไปเลยแต่ในสูตรนั้น
00:12:12 → 00:12:15 มีโปรตีนสมมุติมีโปรตีน 10 กรัมแต่มีแป้ง
00:12:15 → 00:12:16 20 กรัม
00:12:16 → 00:12:16 >> โ
00:12:17 → 00:12:20 >> มีน้ำตาล 20 กรัมกว่าจะกินให้ได้
00:12:20 → 00:12:24 >> 75 กรัมโอ้โหได้น้ำตาลไปมหาศาล
00:12:24 → 00:12:27 >> ก็ไม่ได้นะเพราะว่าอย่างสูตรเคมีที่คุณ
00:12:27 → 00:12:29 แม่ได้อยู่มันจะมีสเตีรอยด์แล้วก็มีปัญหา
00:12:29 → 00:12:31 เรื่องน้ำตาลน่ะสูง
00:12:31 → 00:12:31 >> ค่ะ
00:12:31 → 00:12:33 >> เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราจะกินเสริมก็ต้อง
00:12:33 → 00:12:37 กินรุ่นที่ไม่มีน้ำตาลหรือว่ามีน้อยมากๆ
00:12:37 → 00:12:38 ถูกมั้
00:12:38 → 00:12:41 >> ไม่งั้นจะแบบพังอีกก็เลยเป็นสิ่งที่จะ
00:12:41 → 00:12:43 ต้องเลือกให้ดี
00:12:43 → 00:12:46 >> โปรตีนที่คนออกกำลังกายกับโปรตีนที่คน
00:12:46 → 00:12:48 เป็นมะเร็งกินน่ะเหมือนกันมั้ย
00:12:48 → 00:12:49 >> ไม่ควรเหมือนกัน
00:12:49 → 00:12:50 >> อ้อ
00:12:50 → 00:12:53 >> โปรตีนที่คนออกกำลังกายกินนะคะอาจจะไม่
00:12:53 → 00:12:56 ต้องซีเรียสมากนักเพราะว่าเขากินแล้วเขา
00:12:56 → 00:12:58 ไปออกกำลังกายใช่มั้คะ
00:12:58 → 00:12:58 >> อื
00:12:58 → 00:13:00 >> ดังนั้นเนี่ยถ้าสมมุติว่าเป็นโปรตีนที่
00:13:00 → 00:13:03 ความบริสุทธิ์ไม่มากนักยังมีน้ำตาลในนม
00:13:03 → 00:13:05 ยังมีไขมันในนมเหลืออยู่มากหรือมีการปรุง
00:13:05 → 00:13:08 แต่งอะไรให้มันอร่อยหน่อยก็ไม่เป็นไรเท่า
00:13:08 → 00:13:11 ไหร่เพราะว่ากินแล้วก็ยังไปออกกำลังกาย
00:13:11 → 00:13:13 แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยมะเร็งเาไม่ค่อยออก
00:13:13 → 00:13:14 กำลังกาย
00:13:14 → 00:13:15 >> เออนอนอย่างเดียว
00:13:15 → 00:13:20 >> อ่าดังนั้นเนี่ยยิ่งจะต้องเลือกให้มันลีน
00:13:20 → 00:13:23 ที่สุดมีเปอร์เซ็นต์โปรตีนสูงที่สุด
00:13:23 → 00:13:24 >> ออ
00:13:24 → 00:13:27 >> แล้วก็ไม่มีส่วนผสมที่จะทำให้เป็นส่วน
00:13:27 → 00:13:31 เกินของร่างกายหรือไม่มีน้ำตาลที่มากเกิน
00:13:31 → 00:13:33 ไปแล้วจริงๆแล้วตัวแป้งและน้ำตาลนอกจากจะ
00:13:33 → 00:13:36 มีผลอย่างเงี้ยสูตรที่มีสเตียรอยด์แล้ว
00:13:36 → 00:13:40 มันจะทำให้น้ำตาลสูงก็ไม่ดีโดยรวมแล้วตัว
00:13:40 → 00:13:43 แป้งและน้ำตาลเองอ่ะมันเป็นอันตรายกับแบบ
00:13:43 → 00:13:44 มะเร็งด้วยมั้ย
00:13:44 → 00:13:46 >> เดี๋ยวเนี้ยเขาจะมีคำที่บอกว่าน้ำตาลคือ
00:13:46 → 00:13:47 ยาผิด
00:13:47 → 00:13:50 >> ซึ่งบางคนได้ยินแล้วก็ไม่ชอบแต่จะบอกว่า
00:13:50 → 00:13:53 มันเป็นจริงๆพี่อ๋มอสาเคยทำวิจัยอันนึง
00:13:53 → 00:13:57 ค่ะกับนักวิจัยเภสะเรามีสูตรเหมือนเป็น
00:13:57 → 00:14:02 สูตรอาหารอันนึงที่เราจะไปทดสอบการต้าน
00:14:02 → 00:14:03 อนุมูลอิสระ
00:14:03 → 00:14:03 >> ออ
00:14:03 → 00:14:06 >> แล้วในสูตรแรกมีน้ำตาล
00:14:06 → 00:14:07 >> อื
00:14:07 → 00:14:11 >> ปรากฏว่าฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระต่ำมาก
00:14:11 → 00:14:12 อย่างไม่น่าเชื่อ
00:14:12 → 00:14:13 >> เอาจริง
00:14:13 → 00:14:16 >> อันนี้จากประสบการณ์ตรงเลยนะคะก็เลย
00:14:16 → 00:14:20 >> เข้าใจแล้วว่าคำว่าน้ำตาลคือยาพิชิตอ่ะ
00:14:20 → 00:14:23 มันคืออะไรหลังจากดึงน้ำตาลออกจากสูตรค่ะ
00:14:23 → 00:14:25 แล้วกลับไปทดสอบอีกครั้งนึงฤทธิ์ของการ
00:14:25 → 00:14:28 ต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ
00:14:28 → 00:14:31 สำคัญตั้งแต่วันนั้นมาจเชื่อสนิทใจเลยว่า
00:14:32 → 00:14:35 คำที่อาจารย์พูดว่าน้ำตาลคือยาพิษมันจริง
00:14:35 → 00:14:37 ยิ่งกว่าจริง
00:14:37 → 00:14:40 มันจริงยิ่งกว่าจริงอีกค่ะดังนั้นเนี่ย
00:14:40 → 00:14:43 ถ้าเกิดว่ามาในมุมของผู้ป่วยมะเร็งบ้าง
00:14:43 → 00:14:46 เจ้าน้ำตาลเนี่ยค่ะถ้าบางคนเคยไปเสิร์ชดู
00:14:46 → 00:14:49 ดีๆจะมี war เฟเฟect
00:14:49 → 00:14:50 >> อือื
00:14:50 → 00:14:51 >> เออมันคืออะไร
00:14:51 → 00:14:55 >> มันเป็นกระบวนการใช้พลังงานของเซลล์
00:14:55 → 00:14:59 มะเร็งซึ่งมันใช้น้ำตาลเป็นพลังงานเพราะ
00:14:59 → 00:15:03 ว่ามันง่ายแต่ 1 โมเลกุลของน้ำตาลแทนที่
00:15:03 → 00:15:05 จะให้พลังงานเยอะๆเซลล์มะเร็งมันต้องการ
00:15:05 → 00:15:07 พลังงานเร็วมากมันใช้พลังงานแบบไม่ใช้
00:15:07 → 00:15:09 ออกซิเจนค่ะ
00:15:09 → 00:15:10 >> เพราะฉะนั้น
00:15:10 → 00:15:13 >> การเผาผลานน้ำตาลของมันน่ะค่ะมันให้พลัง
00:15:13 → 00:15:16 งานต่ำมากดังนั้นมันจึงต้องการน้ำตาลใน
00:15:16 → 00:15:19 การทำให้มันมีพละกำลังขึ้นมาเพราะฉะนั้น
00:15:19 → 00:15:22 นั้นการฟีดน้ำตาลให้ร่างกายก็เลยเป็นการ
00:15:22 → 00:15:26 เสิร์ฟอาหารอันโอชาให้มะเร็งด้วยเช่นกัน
00:15:26 → 00:15:29 >> แอบถามนิดนึงว่าแล้วการกินอาหารของเซลล์
00:15:29 → 00:15:32 มะเร็งกับเซลล์ปกติของร่างกายเมันต่างกัน
00:15:32 → 00:15:32 ยังไง
00:15:32 → 00:15:35 >> อมันต่างกันเพราะว่ามันประชากรมันเยอะค่ะ
00:15:35 → 00:15:38 มันจะมาแบบว่าค่อยๆทยอยกินมันไม่ทันเพราะ
00:15:38 → 00:15:41 ฉะนั้นเขาจะมีวิธีการสร้างพลังงานของ
00:15:41 → 00:15:44 เซลล์เขาเนี่ยแบบนี้ก็คือ
00:15:44 → 00:15:47 >> ใช้น้ำตาลจำนวนมากแต่ได้พลังงานนิดเดียวเ
00:15:47 → 00:15:50 ก็เลยจำเป็นที่จะต้องการอีดน้ำตาลให้ตัว
00:15:50 → 00:15:53 เองเยอะๆหลักฐานมาจากไหนรู้ไพี่อุ๋มก็คือ
00:15:53 → 00:15:56 การที่มันมีการตรวจมะเร็งในร่างกายเนี่ย
00:15:56 → 00:15:58 โดยการทำเพชรสแกน
00:15:58 → 00:16:00 >> อ๋อ
00:16:00 → 00:16:00 ค่ะ
00:16:00 → 00:16:00 >> เออ
00:16:00 → 00:16:02 >> เจ้าเพชรสแกนเนี่ยเขาก็จะเอาไว้แบบสแกน
00:16:02 → 00:16:04 ทั้งตัวเลย
00:16:04 → 00:16:06 >> นะคะว่าร่างกายอ่ะมีมะเร็งตรงไหนอ
00:16:06 → 00:16:07 >> อือ
00:16:07 → 00:16:10 >> วิธีก็คือให้คนไข้กินน้ำตาลค่ะ
00:16:10 → 00:16:11 >> อ๋อ
00:16:11 → 00:16:14 >> อ่ากินน้ำตาลแต่ติดฉลากนะที่สามารถที่จะ
00:16:14 → 00:16:18 ตรวจจับได้พอกินเข้าไปปุ๊บไอ้เจ้าน้ำตาล
00:16:18 → 00:16:21 เนี่ยมันก็จะวิ่งไปในที่ที่มีเซลล์มะเร็ง
00:16:21 → 00:16:24 เพราะว่าเซลล์มะเร็งมันชอบมันโหยหามันก็
00:16:24 → 00:16:27 เรียกคลุกคลีอยู่ตรงมันเยอะๆมารวมกลุ่ม
00:16:27 → 00:16:30 อยู่ตรงมันเยอะๆค่ะหลังจากนั้นเมื่อไปใช้
00:16:30 → 00:16:33 การตรวจสอบว่าเจ้าน้ำตาลที่ติดฉลากมันไป
00:16:33 → 00:16:37 อยู่ตรงไหนมันก็เลยรู้ว่าตรงไหนมีเซลล์
00:16:37 → 00:16:38 มะเร็ง
00:16:38 → 00:16:41 >> อ๋อเข้าใจละอันเนี้ยมันยิ่งแบบว่าเหมือน
00:16:41 → 00:16:44 ยืนยันทฤษฎีนี้เลยว่าการกินน้ำตาลเข้าไป
00:16:44 → 00:16:47 คือมันไปฟีดเซลล์มะเร็งก่อนเลยอันดับแรก
00:16:47 → 00:16:50 >> ค่ะอออ๋อแสดงว่าก็ต้องให้คุณแม่รสหวาน
00:16:50 → 00:16:53 ด้วยนะแบบกินขนมหวานอ่ะนางแบบ
00:16:53 → 00:16:55 >> เหมือนต้องกินขนมหวานทุกวัน
00:16:55 → 00:16:56 >> บางทีชื่นใจเนาะ
00:16:56 → 00:16:58 >> เออ
00:16:58 → 00:17:00 >> ไม่ใช่กินไม่ได้เลยพี่อุ๋มเราอย่าไปสุด
00:17:00 → 00:17:02 โต่งอะไรมากเพราะว่าจิตใจก็สำคัญอันนี้
00:17:02 → 00:17:06 เข้าใจอ่าน้ำตาลเอาเป็นว่ากินได้กินแต่พอ
00:17:07 → 00:17:09 ดีวันนึงไม่เกิน 6 ช้อนช้า
00:17:09 → 00:17:12 >> โอน่าจะยากเลยอ่ะคุณแม่แบบมันต้มน้ำตาล
00:17:12 → 00:17:14 ถั่วเขียวตมน้ำตาล
00:17:14 → 00:17:16 >> บางครั้งเนี่ยเราเห็นว่าโยเกิร์ตถ้วยนึง
00:17:16 → 00:17:19 อ่ะมันเป็นของที่มีประโยชน์
00:17:19 → 00:17:19 >> ใช่ๆ
00:17:19 → 00:17:23 >> อ่าสุดน้ำตาลต่ำอย่าลืมพลิกฉลากค่ะอาจจะ
00:17:24 → 00:17:27 มีน้ำตาลอยู่ 10 กรัมหรือ 20 กรัม
00:17:27 → 00:17:28 >> โหก็เป็นได้
00:17:28 → 00:17:32 >> ก็เกือบหมดวันแล้วเนาะหมดโคต้าแล้วค่ะ
00:17:32 → 00:17:34 >> นะคะอะไรแบบเนี้ยค่ะมันเป็นสิ่งเล็กๆน้อย
00:17:34 → 00:17:38 ๆที่เราอาจจะไม่เคยสนใจนะคะแต่ว่าการที่
00:17:38 → 00:17:42 เราใส่ใจมันสักนิดนึงอาจจะทำให้เรา
00:17:42 → 00:17:44 >> เลี้ยงมะเร็งได้น้อยลง
00:17:44 → 00:17:45 >> อื
00:17:45 → 00:17:48 >> จริงค่ะจริงๆแล้วอ่ะสาเหตุของมะเร็งอ่ะ
00:17:49 → 00:17:51 มันมีเยอะมากเนาะตามตำราทางการแพทย์แต่
00:17:51 → 00:17:54 ว่ามันมีอันนึงที่คนไทยชอบแล้วก็ชอบถาม
00:17:54 → 00:17:58 เลยว่าเราสามารถกินอะไรและช่วยลดโอกาสการ
00:17:58 → 00:17:59 เกิดมะเร็งได้มย
00:17:59 → 00:18:01 >> ต้องย้อนกลับไปว่าสาเหตุมันเยอะก็จริงค่ะ
00:18:01 → 00:18:05 แต่สาเหตุอันนึงเลยที่ถูกพูดถึงอย่างมาก
00:18:05 → 00:18:07 ในทุกวันนี้เลยก็คือการอักเสบเรือรัง
00:18:07 → 00:18:10 >> อ่า
00:18:10 → 00:18:12 เกี่ยวกับ aging ด้วยเนาะ process
00:18:12 → 00:18:15 >> ใช่ใช่ค่ะก็คือทำให้แก่นั่นแหละเออแต่มัน
00:18:15 → 00:18:18 ก็เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งด้วยนะคะดัง
00:18:18 → 00:18:22 นั้นเนี่ยอาหารอะไรที่มันลดการอักเสบเรือ
00:18:22 → 00:18:23 รัง
00:18:23 → 00:18:23 >> อื
00:18:23 → 00:18:27 >> มันก็เลยเป็นตัวช่วยลดการเกิดมะเร็งด้วย
00:18:27 → 00:18:31 >> อออยากรู้เลยต้องไล่ายมาเลยมีเยอะมากบาง
00:18:31 → 00:18:34 ทีเนี่ยมันใกล้ตัวซะจนเราอ่ะลืมคิดไปสาร
00:18:34 → 00:18:36 ต้านอนูอิสระตามธรรมชาติเลยถ้าเกิดว่า
00:18:36 → 00:18:38 เป็นอาหารทั่วไปเลยเอาแบบหาง่ายๆในบ้าน
00:18:39 → 00:18:42 เราอย่างแรกก็คือพวกผักผลไม้รู้กันดีอยู่
00:18:42 → 00:18:46 แล้วนะคะอ่าอ่าแต่ว่าจะต้องเป็นผักแบบไหน
00:18:46 → 00:18:49 เป็นผลไม้แบบไหนนี่สิบางทีพอบอกเป็นผัก
00:18:49 → 00:18:52 ผลไม้เราก็คือนั่งกินเต็มที่เลยกินทั้ง
00:18:52 → 00:18:55 วันทั้งคืนปรากฏว่าได้ฟรุโตสไปเต็มที่ได้
00:18:55 → 00:18:58 สารต้านอมุสลนิดเดียวนะคะอันนี้ร่างกายก็
00:18:58 → 00:19:00 จะตกใจอีกนะคะ
00:19:00 → 00:19:01 >> อ่าแล้วควรจะเป็นอะไร
00:19:01 → 00:19:04 >> อย่างแรกเลยก็คืออาหารในกลุ่มเบอร์รี่ค่ะ
00:19:04 → 00:19:07 ผลไม้กลุ่มเบอร์รี่อะไรที่ลงท้ายด้วย
00:19:07 → 00:19:11 เบอร์รี่สตรอเบอร์รี่นะคะเชอรรี่อะไรต่าง
00:19:11 → 00:19:14 ๆนะคะก็จะเป็นกลุ่มที่มีรสเปรี้ยวแล้วก็
00:19:14 → 00:19:18 จะมีวิตามินซีสูงนอกจากนั้นถ้าเป็นกลุ่ม
00:19:18 → 00:19:21 ผักนะก็จะเป็นผักสีต่างๆและที่เขาบอกว่า
00:19:21 → 00:19:24 อ้าวันนึงหาผักให้กินให้ครบ 5 สี
00:19:24 → 00:19:25 >> ออ
00:19:25 → 00:19:28 >> อ่านะคะก็เป็นอีกวิธีนึงที่จะทำให้เราได้
00:19:28 → 00:19:31 สารต้านอนุมูลอิสระเข้ามาในร่างกายมีสี
00:19:31 → 00:19:33 อะไรบ้างอันแรก
00:19:33 → 00:19:33 >> สีส้ม
00:19:33 → 00:19:36 >> สีส้มสีส้มก็จะเป็นกลุ่มเบต้าแคโรทีนค่ะ
00:19:36 → 00:19:37 >> อ่า
00:19:37 → 00:19:40 >> นะคะสีส้มสีเหลืองคือนับเป็นกลุ่มเดียว
00:19:40 → 00:19:44 กันนะคะก็อย่างเช่นพวกมะละกอฟักทอง
00:19:44 → 00:19:45 >> แครอท
00:19:45 → 00:19:48 >> อ่าแครอทใช่แครอทหัวใหญ่ๆเนี่ยก็จะมี
00:19:48 → 00:19:51 เบต้าแคโรทีนประมาณ 10,000 อายูก็เพียงพอ
00:19:51 → 00:19:51 >> เยอะนะ
00:19:51 → 00:19:54 >> อ่าเพียงพอไม่จำเป็นต้องกินทุกวันนะคะ
00:19:54 → 00:19:57 >> แล้วไอ้พวกแบบกินน้ำแครอทอ่ะวันนึงมันก็
00:19:57 → 00:19:58 คือ 1 แท่งอ่ะ
00:19:58 → 00:19:59 >> ก็โอเคนะ
00:19:59 → 00:20:00 >> เยอะไปมั้เนี่ย
00:20:00 → 00:20:02 >> ไม่เป็นไรค่ะ
00:20:02 → 00:20:04 >> ไม่เป็นไรเพราะเราไม่ได้กินทุกวัน
00:20:04 → 00:20:05 >> เออๆอย่ากินทุกวัน
00:20:05 → 00:20:07 >> ถ้ากินทุกวันอาจจะตัวเหลือง
00:20:07 → 00:20:07 >> จริงๆ
00:20:07 → 00:20:08 >> ผิวเหลือง
00:20:08 → 00:20:10 >> เป็นแบบว่าแครโรทินีเมีย
00:20:10 → 00:20:11 >> อ่า
00:20:11 → 00:20:14 >> ไม่กินชาตินี้ป้องกันถึงชาติหน้าไม่ต้อง
00:20:14 → 00:20:18 กินทุกวันกินสลับๆกันไปอ่าสีเหลืองเสร็จ
00:20:18 → 00:20:19 และเหลืองส้มเสร็จและ
00:20:19 → 00:20:20 >> สีเขียว
00:20:20 → 00:20:23 >> สีเขียวนะคะก็โดยทั่วไปผักใบเขียวก็จะมี
00:20:23 → 00:20:24 คลอโรฟิลค่ะ
00:20:24 → 00:20:27 >> พวกนี้ก็เป็นสารต้านอูอิสระประมาณ 1 แต่
00:20:27 → 00:20:30 ตัวที่มีผลงานวิจัยโดดเด่นมากๆสำหรับการ
00:20:30 → 00:20:33 ต้านมะเร็งเลยคือพวกซันฟราเฟน
00:20:33 → 00:20:34 >> อื
00:20:34 → 00:20:35 >> อ่า
00:20:35 → 00:20:37 >> ไอ้เจ้าตัวเนี้ยมันมีเยอะในพวก
00:20:37 → 00:20:40 >> ผักที่มันเป็นหัวๆค่ะที่มันเป็นขยุ่มยุ่ม
00:20:40 → 00:20:42 บร็อกเคอรี่
00:20:42 → 00:20:43 กะหล่ำ
00:20:43 → 00:20:45 >> กะหล่ำถึงแม้มันไม่ค่อยเขียวนะกะหล่ำดอก
00:20:45 → 00:20:45 ก็ได้เหรอ
00:20:45 → 00:20:48 >> อ่าใช่ค่ะเพราะมันเป็นแบบคอลิฟาวอร์ก็คือ
00:20:48 → 00:20:51 แบบเป็นหัวหยักอย่างเงี้ยค่ะประมาณนี้
00:20:51 → 00:20:53 หรือคนคะน้าก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
00:20:53 → 00:20:53 >> ออ
00:20:53 → 00:20:55 >> ไม่แน่ใจว่าอยู่ได้ยังไงเขาอาจจะมีดอกแต่
00:20:55 → 00:20:58 เราไม่เคยเห็นดอกของมันนะคะอ่าประมาณนี้
00:20:58 → 00:21:01 นะคะอันนี้ก็คือกลุ่มสีเขียวต่อไปเป็นสี
00:21:01 → 00:21:01 แดง
00:21:02 → 00:21:02 >> อ่า
00:21:02 → 00:21:04 >> สีแดงก็มีไโคปีนค่ะ
00:21:04 → 00:21:06 >> อ่ามะเขือเทศพริกหวกสีแดง
00:21:06 → 00:21:10 >> ใช่ใช่ค่ะใช่เลยนี่แล้วก็มีสีม่วง
00:21:10 → 00:21:12 สีน้ำเงิน
00:21:12 → 00:21:15 >> สีม่วงน้ำเงินคืออะไรกระปีสีม่วงก็ได้
00:21:15 → 00:21:17 >> มะเขือยาวก็ได้
00:21:17 → 00:21:18 >> อ่า
00:21:18 → 00:21:20 >> สีน้ำเงินอะไรอ่ะเกินอัญชันกันเป็นผัก
00:21:20 → 00:21:22 มั้ยอ่ะไม่รู้นึกไม่ออกแล้วก็
00:21:22 → 00:21:25 >> ก็อาจจะแบบไม่ได้กินเป็นมื้อๆอ่าอาจจะผสม
00:21:25 → 00:21:28 ผสานมาก็ได้ค่ะแต่ว่าสีน้ำเงินเนี่ยมันจะ
00:21:28 → 00:21:32 อยู่ในสีแดงเข้มๆด้วยเช่นองุ่น
00:21:32 → 00:21:32 >> สีม่วง
00:21:32 → 00:21:33 >> ออ
00:21:33 → 00:21:38 >> วายแดง restatal ต่างๆนะคะดังนั้นใครที่
00:21:38 → 00:21:42 อยากจะแบบได้แอลกอฮอล์นิดๆหน่อยๆนะคะก็
00:21:42 → 00:21:45 เปลี่ยนจากกลุ่มเหล้าเบียร์มาเป็นวายแดง
00:21:45 → 00:21:47 ก็จะพอได้ประโยชน์ขึ้นบ้างนะคะ
00:21:47 → 00:21:48 >> อ่าเมื่อเทียบกัน
00:21:48 → 00:21:49 >> ใช่
00:21:49 → 00:21:52 >> แต่ถ้าเกิดกินองุ่นสดกับวายแดงเราก็แนะนำ
00:21:52 → 00:21:53 กินองุ่นสดค่ะ
00:21:54 → 00:21:58 >> สดนะคะต่อไปนะคะสีขาว
00:21:58 → 00:21:59 >> สีขาว
00:21:59 → 00:22:01 >> กะหล่ำปีเหรอไม่
00:22:01 → 00:22:03 >> สีขาวก็จะเป็นพวกแบบเอ่อ
00:22:03 → 00:22:05 >> หัวใช้เท้าหรอ
00:22:05 → 00:22:08 >> อ่าหัวใช้เท้ากระเทียม
00:22:08 → 00:22:09 >> อ๋ออ
00:22:09 → 00:22:12 >> กลุ่มนี้ก็จะมีสารที่เรียกว่าเอลิซินนะคะ
00:22:12 → 00:22:13 แล้วก็พวกเคอ์ซิ
00:22:13 → 00:22:14 >> อ
00:22:14 → 00:22:16 >> ก็จะเป็นสารต้านอมูลอิสระอย่างเช่นถ้าวัน
00:22:17 → 00:22:19 นี้เราเกิดต้องไปกินปิ้งย่าง
00:22:19 → 00:22:19 >> อือ
00:22:19 → 00:22:21 >> รู้อยู่แล้วว่าเต็มไปหมดเลย
00:22:21 → 00:22:25 >> เราก็เลยจำเป็นที่จะต้องกินกระเทียมสด
00:22:25 → 00:22:26 >> อ๋อกระเทียมซ่อม
00:22:26 → 00:22:29 >> ที่มันอยู่ในน้ำจิ้มเข้าไปด้วยจะไม่ให้
00:22:29 → 00:22:32 กินปิ้งย่างเลยก็แบบเดี๋เพื่อนไม่เพื่อน
00:22:32 → 00:22:33 ไม่ครบ
00:22:33 → 00:22:36 >> อเพราะฉะนั้นเราก็ต้องอดทนกินกระเทียม
00:22:36 → 00:22:42 เข้าไปด้วยแบบเค่ะก็จะเป็นอรำ
00:22:42 → 00:22:43 เผชิกับ
00:22:43 → 00:22:47 >> สารอนุมูลอิสระหรือว่าสารก่อมะเร็งเราก็
00:22:47 → 00:22:52 ต้องสู้ด้วยพวกสารต้านอนุญอิสระเข้าไป
00:22:52 → 00:22:55 >> อาหารก่อมะเร็งล่ะพวกอาหารแปรรูปต่างๆ
00:22:55 → 00:22:57 อะไรอย่างเงี้ยค่ะมีอะไรที่เราต้องกังวล
00:22:57 → 00:22:58 เป็นพิเศษมั้ย
00:22:58 → 00:23:00 >> ต้องกังวลมากๆเลยนะคะเพราะมักจะเป็นของ
00:23:00 → 00:23:02 ที่เราชอบ
00:23:02 → 00:23:04 ฟังแล้วสะเทือนใจ
00:23:04 → 00:23:07 >> แต่ก็เป็นแบบ Survival นะสำหรับหมอเงี้ย
00:23:07 → 00:23:10 ไส้กรอกบอกใช่ไวๆอร่อยๆด้วยนะคะแล้วก็หา
00:23:10 → 00:23:12 ซื้อง่ายอะไรอย่างเงี้ยต้องบอกว่าอย่าง
00:23:12 → 00:23:15 งี้ค่ะจริงๆแล้วอ่ะอาหารแปรรูปเนี่ยมันก็
00:23:15 → 00:23:16 มีทั้งแปรแล้วดี
00:23:16 → 00:23:20 >> แปลแล้วไม่ดีอ่านะคะอย่างพวกอาหารแปรรูป
00:23:20 → 00:23:21 เช่นเวโปรตีน
00:23:21 → 00:23:24 >> เขาก็คือแปลเพื่อให้มันมีประโยชน์เพิ่ม
00:23:24 → 00:23:25 ขึ้น
00:23:25 → 00:23:27 >> อ่านะคะกำจัดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับ
00:23:27 → 00:23:30 ร่างกายออกไปอันนี้ก็ถือว่าเป็นแปรรูปที่
00:23:30 → 00:23:34 แบบพอจะอนุโลมได้นะคะแต่ว่าอาหารแปรรูป
00:23:34 → 00:23:38 ที่ทำเพื่ออร่อยเพื่อให้เก็บได้นานนานนะ
00:23:38 → 00:23:40 คะแต่ว่ามีคุณค่าทางอาหารน้อยเนี่ยพวก
00:23:40 → 00:23:44 เนี้ยต้องระวังนะคะอืองค์การอนามัยโลกได้
00:23:45 → 00:23:49 แบ่งค่ะสารก่อมะเร็งออกเป็นชนิดเป็นกลุ่ม
00:23:49 → 00:23:50 >> อ๋อ
00:23:50 → 00:23:54 >> ตามความรุนแรงของการเป็นสารก่อมะเร็ง
00:23:54 → 00:23:56 >> ก็แปลว่าขึ้นกับความเก่งของมันว่ามันจะทำ
00:23:57 → 00:23:58 ให้เราเกิดมะเร็งเก่งแค่ไหน
00:23:58 → 00:24:02 >> ใช่นะคะกลุ่มแรกเลยเป็นตัวจี๊ด
00:24:02 → 00:24:03 >> อ๋อเลขน้อยคือตัวจี๊ด
00:24:03 → 00:24:06 >> เลขน้อยคือตัวจี๊ดมีหลักฐานว่าก่อให้เกิด
00:24:06 → 00:24:08 มะเร็งในร่างร่างกายอย่างชัดเจน
00:24:08 → 00:24:09 >> โห
00:24:09 → 00:24:11 >> และไม่มีปริมาณขั้นต่ำ
00:24:11 → 00:24:12 >> เฮ้ย
00:24:12 → 00:24:14 >> นั่นแปลว่ากินนิดเดียว
00:24:14 → 00:24:16 >> กิน 1 ชิ้นก็ก่อมะเร็งได้เลย
00:24:16 → 00:24:19 >> เพิ่มโอกาสได้เลยไม่ใช่ว่าโอเคกินวันละ
00:24:19 → 00:24:21 ไม่เกินเท่านี้แล้วไม่ก่อใหม่
00:24:21 → 00:24:22 >> อื
00:24:22 → 00:24:25 >> กรุ๊ป 1 เป็นแบบนี้ได้แก่เนื้อสัตว์แปร
00:24:25 → 00:24:29 รูปค่ะที่พี่อุ่มพูดมาไส้กรอบเบคอน
00:24:29 → 00:24:30 >> แหนม
00:24:30 → 00:24:34 >> ใช่ประมาณนี้ทั้งหมดอยู่ในกรุ๊ปนี้เลย
00:24:34 → 00:24:36 >> นะคะแสดงว่าสิ่งที่เรากินเข้า
00:24:37 → 00:24:40 มันนับไอ้พวกแบบเจอี้อะไรงี้ด้วยป่ะ
00:24:40 → 00:24:44 >> ถ้าเกิดว่ามีการแปรรูปทำให้มันอยู่นาน
00:24:44 → 00:24:44 ขึ้น
00:24:45 → 00:24:45 >> ก็ใช่เลย
00:24:46 → 00:24:48 >> แฮมไberิ
00:24:48 → 00:24:49 >> อื
00:24:50 → 00:24:52 >> Everythinger รมควันทั้งหลายแหล่
00:24:53 → 00:24:55 >> แพงด้วยแถมกล่อมรด้วย
00:24:55 → 00:24:58 >> พวกนี้คืออยู่ในกลุ่มหนึ่งนอกจากนั้นยัง
00:24:58 → 00:25:00 มีพฤติกรรมด้วยค่ะ
00:25:00 → 00:25:00 >> อื
00:25:00 → 00:25:04 >> พฤติกรรมการสูบบุหรี่การบริโภคแอลกอฮอล์
00:25:04 → 00:25:05 ก็อยู่ในกลุ่ม 1
00:25:06 → 00:25:10 >> กลุ่มนี้แปลว่าไม่ว่าจะได้รับน้อยแค่ไหนอ
00:25:10 → 00:25:13 >> ก็เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเป็นมะเร็ง
00:25:13 → 00:25:17 โดยมีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนกลุ่ม 2 จะ
00:25:17 → 00:25:18 มี 2A 2B
00:25:19 → 00:25:21 >> น่ารักนะคะเอาเป็นว่า
00:25:21 → 00:25:25 >> มีหลักฐานว่าอาจจะอาจจะเฉยๆ
00:25:25 → 00:25:26 >> อาจจะนะคะ
00:25:26 → 00:25:27 >> รู้สึกบรรเทาลงมา
00:25:27 → 00:25:30 >> บรรเทาลงมาบ้างนะคะเช่นอะไรบ้างเช่นการ
00:25:30 → 00:25:31 นอนดึก
00:25:31 → 00:25:33 >> เฮ้ย
00:25:33 → 00:25:35 >> ตกใจมย
00:25:35 → 00:25:36 การนอนดึก
00:25:36 → 00:25:38 >> จ๋าก็ตกใจเหมือนกันตอนเรียนครั้งแรกทำงาน
00:25:38 → 00:25:40 เป็นกะกลางคืน
00:25:40 → 00:25:41 >> อ้าเหรอ
00:25:41 → 00:25:45 >> เวลานอนไม่นอนมานอนกลางวันทำงานกลางคืน
00:25:45 → 00:25:48 หรือว่าการนอนดึกเป็นประจำบางคนบอกไม่นอน
00:25:48 → 00:25:50 ดึกนอนเช้าเอาด้วย
00:25:50 → 00:25:53 >> นั่นไงเต็มๆแต่ก็อยากรู้เลยว่านอนดึกนี่
00:25:53 → 00:25:55 คือเขามีตัดเลขมยว่ากี่โมง
00:25:55 → 00:25:59 >> ไม่ได้บอกไว้แน่แน่ขนาดนั้นค่ะไม่ได้มี
00:25:59 → 00:26:01 ตัวเลขที่แบบคut off ขนาดนั้นว่า
00:26:01 → 00:26:05 >> เชงคืน 1:00 2:00 น.ไม่ได้แต่ว่าการ
00:26:05 → 00:26:09 อธิบายกลไกว่าการข้ามเวลานอนตามนาฬิกา
00:26:09 → 00:26:13 ชีวิตไปทำให้เราข้ามช่วงเวลาการซ่อมแซม
00:26:13 → 00:26:14 >> อื
00:26:14 → 00:26:18 >> และข้ามช่วงเวลาของการดีท็อกซ์สารพิษของ
00:26:18 → 00:26:20 ร่างกายออกไป
00:26:20 → 00:26:23 >> อ๋อมันไม่ใช่แค่ซ่อมแซมเนาะมันต้อง
00:26:23 → 00:26:25 ดีท็อกซ์ด้วยใช่มีช่วงดีท็อกซ์แสดงว่าเรา
00:26:25 → 00:26:28 ก็นอกจากไม่ซ่อมแซมแล้วเรายังสะสมสารพิษ
00:26:28 → 00:26:29 เอาไว้
00:26:29 → 00:26:30 >> อื
00:26:30 → 00:26:31 >> อย่างสม่ำเสมอ
00:26:31 → 00:26:33 >> อ่าเข้าเข้าใจละเข้าใจละ
00:26:33 → 00:26:35 >> ส่วนกรุ๊ป 3 กรุ๊ป 4 นะคะก็จะเป็นตัวที่
00:26:35 → 00:26:39 แบบยังไม่แน่ชัดนะคะและไม่น่าจะเป็น
00:26:39 → 00:26:39 สาเหตุ
00:26:39 → 00:26:41 >> มิน่าล่ะคนถึงเป็นมะเร็งทั่วบ้านทั่ว
00:26:41 → 00:26:43 เมืองเพราะไอ้นอนดึกนี่แหละ
00:26:43 → 00:26:44 >> เป็นไปได้
00:26:44 → 00:26:45 >> บวกกับอาหาร
00:26:45 → 00:26:46 >> ค่ะ
00:26:46 → 00:26:49 >> เยอะแยะมากมายอ
00:26:49 → 00:26:51 >> เมื่อกี้เราเนื้อแปรรูปแล้วเนาะแล้วเนื้อ
00:26:51 → 00:26:54 แดงเนื้อวัวกับเนื้อปลาอะไรอย่างเงี้ย
00:26:54 → 00:26:55 >> อื
00:26:55 → 00:26:56 >> มันต่างกันมั้ย
00:26:56 → 00:27:01 >> ต้องบอกว่าเนื้อแดงอยู่ในสารก่อมะเร็ง
00:27:01 → 00:27:02 กลุ่ม
00:27:02 → 00:27:03
00:27:03 → 00:27:05 >> เฮ้ยจริงหรอ
00:27:05 → 00:27:05 >> ใช่ค่ะ
00:27:05 → 00:27:10 >> เป็นสัตว์กินเนื้อไม่กินปลาทำไง
00:27:10 → 00:27:13 แต่ว่าพอมันอยู่ในกลุ่ม 2 พี่อุ๋มมันมี
00:27:13 → 00:27:15 ปริมาณที่กินได้
00:27:15 → 00:27:15 >> ออ
00:27:15 → 00:27:18 >> อ
00:27:18 → 00:27:23 >> มันมีขั้นต่ำค่ะนะคะก็คือแนะนำว่าไม่ควร
00:27:23 → 00:27:26 กินเกิน 300 กรัมต่อสัปดาห์
00:27:26 → 00:27:27 >> อ๊ยน้อย
00:27:27 → 00:27:31 >> สดานะคะน้อยมากน้อยมากนะคะก็ถือว่าสัก
00:27:31 → 00:27:31 ประมาณ
00:27:31 → 00:27:35 1 ฝ่ามืออ่ะไม่วันนึงหรือ 2 วันก็ถึง
00:27:35 → 00:27:36 แล้วนะ
00:27:36 → 00:27:39 >> เราก็เลยจะต้องบาแลนซด้วยเนื้อขาวอื่นๆ
00:27:39 → 00:27:43 อาจจะลองเปิดใจกินไก่ดูมยกินปลาดูมย
00:27:43 → 00:27:44 >> เดี๋ยวนะไก่
00:27:44 → 00:27:45 >> ค่ะ
00:27:45 → 00:27:47 >> ไก่นี่คือหมายถึงไก่ทุกส่วนเลยป่ะคะหรือ
00:27:47 → 00:27:48 ว่าต้องอกไก่
00:27:48 → 00:27:52 >> ไก่ทุกส่วนก็คือเนื้อไก่แต่อกไก่มีปริมาณ
00:27:52 → 00:27:55 ไขมันน้อยมีโปรตีนสูงมีสัดส่วนของไขมัน
00:27:55 → 00:27:58 ต่ำก็เลยเป็นที่คิดว่าเอาไว้กินเพิ่ม
00:27:58 → 00:28:01 กล้ามอะไรอย่างงี้นะคะแต่จริงๆกินได้ค่ะ
00:28:02 → 00:28:05 กินได้ทุกส่วนเลยหรือไปลองทานพวกอาหาร
00:28:05 → 00:28:06 ทะเล
00:28:06 → 00:28:09 >> อ่ากุ้งปู้
00:28:09 → 00:28:09 >> อื
00:28:09 → 00:28:13 >> นะคะก็จะเป็นทางเลือกให้กินอาหารได้สนุก
00:28:13 → 00:28:17 ขึ้นนะคะได้รับโปรตีนที่หลากหลายขึ้นนะคะ
00:28:17 → 00:28:19 หรือไม่พี่อุ่มก็ไปทางพืชเลย
00:28:19 → 00:28:21 >> อ่า
00:28:21 → 00:28:23 >> ไปสายนั้นเลยนะคะ
00:28:23 → 00:28:24 >> สายเต้าหู้
00:28:24 → 00:28:28 >> อ่าหรือว่าถั่วเมล็ดแข็งนะเก็บไว้แบบใกล้
00:28:28 → 00:28:29 ๆมือ
00:28:29 → 00:28:32 >> ทำเคสแล้วหิวหิวๆก็แบบว่ากินนิดหน่อย 10
00:28:32 → 00:28:34 เม็ดอะไรอย่างเงี้ย
00:28:34 → 00:28:36 >> ความจริงเราก็อยากจะเข้าไปอีกนิดนึงนะคือ
00:28:36 → 00:28:38 เมื่อก่อนก็เป็นแบบนั้นจะมีถั่วเป็นของ
00:28:38 → 00:28:39 ตัวเองเลย
00:28:39 → 00:28:40 >> ค่ะ
00:28:40 → 00:28:43 >> แต่ว่าเมื่อวันนึงเราแบบมีปัญหาเรื่อง
00:28:43 → 00:28:47 ท้องอื่นมากแล้วก็ต้องไปทำเจาะดู IG อ่ะ
00:28:47 → 00:28:48 >> น่ะ
00:28:48 → 00:28:50 >> แล้วก็ถั่วเทือกนึงอ่ะกินไม่ได้
00:28:50 → 00:28:58 >> อันเนี้ยก็คือเป็นสัญญาณของจิ้งอย่างนึง
00:28:58 → 00:29:00 >> ซึ่งสาก็เป็นค่ะสาก็เป็นเหมือนกันนะคะตอน
00:29:00 → 00:29:03 เด็กๆเดี๋กินถั่วไม่อั้นเลยตอนนี้ก็ได้
00:29:03 → 00:29:04 ปริมาณจำกัดอื
00:29:04 → 00:29:05 >> เหมือนกัน
00:29:05 → 00:29:05 >> อ
00:29:05 → 00:29:08 >> อือยู่กับอะไรนานๆก็ไม่ได้ต้องเปลี่ยน
00:29:08 → 00:29:09 ชนิดถั่ว
00:29:09 → 00:29:12 >> แม่ก็จะเกิด inflammation อีก
00:29:12 → 00:29:16 >> ใช่มาละสิวขึ้นรอบปากท้องอืด
00:29:16 → 00:29:16 >> อือ
00:29:16 → 00:29:19 >> ตัวฉุบวมๆทำไมอ้วนอ้าวเปล่า
00:29:19 → 00:29:21 >> แพ้อาหารแฝงเป็นต้น
00:29:21 → 00:29:22 >> ใช่
00:29:22 → 00:29:24 >> แล้วก็คือก็ต้องเลี่ยงแล้วก็สับไปเรื่อย
00:29:24 → 00:29:28 >> ใช่ค่ะค่อยๆสลับแล้วเจอแล้วนะสาเจอแล้วนะ
00:29:28 → 00:29:30 >> จุดสมดุลของตัวเอง
00:29:30 → 00:29:30 >> อ้าเหรอ
00:29:30 → 00:29:31 >> ใช่
00:29:31 → 00:29:32 >> อันไหนเล่าซิ
00:29:32 → 00:29:36 >> ต่าก็จะกินเวเนาะกินเวเป็นหลักเวโปรตีนนะ
00:29:36 → 00:29:40 คะเพราะว่าเวลาน้อยพี่อุ๋มยิ่งเป็นหมอ
00:29:40 → 00:29:42 อย่างเงี้ยโหทำเคสทั้งวันจะมีเวลามานั่ง
00:29:42 → 00:29:45 แบบเลือกอาหารมันยากเพราะฉะนั้นตอนเช้า
00:29:45 → 00:29:47 จ๋าจะกินเวก่อนเลย
00:29:47 → 00:29:47 >> อื
00:29:47 → 00:29:51 >> อย่างน้อยๆ 20-30 กรัมโปรตีนตอนเช้าต้อง
00:29:51 → 00:29:53 ได้ก่อนสบายใจและเดี๋ยวเราไปกินเพิ่มอีก
00:29:53 → 00:29:57 นิดหน่อยนะคะแต่กินเยอะๆก็ไม่ไหวเหมือน
00:29:57 → 00:30:00 กันจะรู้สึกเลยว่าบางครั้งถ้ากินหนักๆนะ
00:30:01 → 00:30:03 คะหายใจมีกลิ่น
00:30:03 → 00:30:03 >> เอ้า
00:30:03 → 00:30:05 >> ได้กลิ่นลมหายใจตัวเอง
00:30:05 → 00:30:06 >> โปรตีนที่
00:30:06 → 00:30:07 >> ที่ไม่ปกติ
00:30:07 → 00:30:09 >> เป็นแอมโมเนียเงี้ยหรอ
00:30:09 → 00:30:11 >> มันจะเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยเลยค่ะแล้ว
00:30:11 → 00:30:15 เราจะรู้ได้ว่าใจเย็นนะเราต้องพักเวก่อน
00:30:15 → 00:30:16 >> อื
00:30:16 → 00:30:19 >> ก็จะขยับไปกินพืช
00:30:19 → 00:30:20 >> โปรตีนพืช
00:30:20 → 00:30:23 >> โปรตีนพืชต่างๆซึ่งก็จะมีทางเลือกเยอะแยะ
00:30:23 → 00:30:26 เลยอ่ะอาจจะมาจากถั่วเหลืองถั่วรันเตา
00:30:26 → 00:30:29 โปรตีนจากฟักทองโปรตีนข้าวโอ๊ตซึ่งก็ไป
00:30:29 → 00:30:32 ตรวจมาแล้วก็มีดีกรีของ Food Intolerance
00:30:32 → 00:30:33 อยู่
00:30:33 → 00:30:33 >> อ
00:30:33 → 00:30:36 >> ปรากฏว่าทนโปรตีนจากพืชได้น้อยกว่าเวย์
00:30:36 → 00:30:36 อีก
00:30:36 → 00:30:41 >> จริงๆโอมันก็ไม่ได้เอามอนถั่วเหลืองเนี่ย
00:30:41 → 00:30:42 คือไม่ได้
00:30:42 → 00:30:44 >> แต่ก็ต้องสลับไปให้เขานิดนึงเพราะว่าเว
00:30:44 → 00:30:46 ตอนนี้ไม่ไหวอย่างเงี้ยค่ะเราก็จะเริ่ม
00:30:46 → 00:30:49 รู้แล้วว่าโอเคใน 1 สัปดาห์เนี่ยสารับเว
00:30:49 → 00:30:51 ได้ประมาณ 4 วัน
00:30:51 → 00:30:52 >> อื
00:30:52 → 00:30:54 >> แล้วก็เว้น
00:30:54 → 00:30:57 >> แล้วก็มีตัวช่วยด้วยก็คือการกินเอนไซม
00:30:57 → 00:30:58 ด้วย
00:30:58 → 00:30:59 >> ช่วยย่อยอย่างงี้
00:30:59 → 00:31:02 >> ใช่ค่ะเพราะว่ามันขาดมันขาดพวกแบบเอนไซม์
00:31:02 → 00:31:05 ที่จะมาย่อยอะไรบางอย่างที่มันอยู่ในพวก
00:31:05 → 00:31:08 นมวัวหรือว่าในในโปรตีนพืชนู่นนี่นั่นใช่
00:31:08 → 00:31:09 มั้ยคะก็
00:31:09 → 00:31:10 >> กินเอนไซม์เข้าไป
00:31:10 → 00:31:13 >> สู้ชีวิตนะแต่ยังไงเราก็ต้องได้ค่ะโปรตีน
00:31:13 → 00:31:15 เราก็ต้องถึงอ
00:31:15 → 00:31:17 >> ไข่ก็แพ้พี่อุ๋ง
00:31:17 → 00:31:20 >> อ๋อเหมือนกันเลยไข่ขาวตอนนี้ไม่กินไข่มา
00:31:20 → 00:31:22 นานมากไข่เจียวไม่ใช่เมนูอีกต่อไปไข่ดาว
00:31:22 → 00:31:23 ก็ไม่ใช่
00:31:23 → 00:31:26 >> ซึ่งจ๋าชอบกินไข่มากแล้วมันเป็นของที่
00:31:26 → 00:31:29 ง่ายสมมุติว่าหิวนะคะกลับบ้านมาถึงบ้าน
00:31:29 → 00:31:32 เนี่ย 3-400 น.กินไข่คือรู้สึกผิดน้อยสุด
00:31:32 → 00:31:33 เอางี้ดีกว่า
00:31:33 → 00:31:37 >> ก็จะต้มไข่กินนุ่มๆแล้วก็อ่ะนอนไม่รู้สึก
00:31:37 → 00:31:38 ผิดมากเกินไป
00:31:38 → 00:31:41 >> แต่พอกินไข่เยอะๆเอาอีกและ
00:31:41 → 00:31:43 >> ลมหายใจมีกลิ่นอีกและอย่างเงี้ยค่ะเพราะ
00:31:43 → 00:31:46 ฉะนั้นก็จะเริ่มบาanceซตัวเองว่าโอเคเรา
00:31:46 → 00:31:48 รู้แล้วว่าร่างกายเราอ่ะรับอันเนี้ได้
00:31:48 → 00:31:50 ประมาณเท่าไหร่
00:31:50 → 00:31:50 >> อื
00:31:50 → 00:31:54 >> กินไข่ 2 ฟองได้สักกี่วันต่อสัปดาห์
00:31:54 → 00:31:54 >> อื
00:31:54 → 00:31:57 >> อืก็ต้องหาจุดสมดุลของตัวเองแต่ละคนไม่
00:31:57 → 00:32:00 เหมือนกันเลยใช่ค่ะต้องสังเกตตัวเองมากๆ
00:32:00 → 00:32:03 แล้วเราจะรู้ว่าอ๋อจริงๆเราไม่ได้อ้วนนะ
00:32:03 → 00:32:07 เราแค่บวม
00:32:07 → 00:32:10 และอาหารอย่างอื่นอย่างเช่นพวกของหมักดอง
00:32:10 → 00:32:13 ผักดองผักกาดดองกิมจิ
00:32:13 → 00:32:13 >> อค่ะ
00:32:13 → 00:32:14 >> ปลาร้าอ่า
00:32:15 → 00:32:18 >> ขอแยกนะคะเอาเป็นของหมักก่อนของหมักดอง
00:32:18 → 00:32:23 เช่นโยเกิร์ตกิมจินัตโตะถือเป็นอาหารต้าน
00:32:23 → 00:32:25 มะเร็งอย่างนึงนะพี่อุ๋ม
00:32:25 → 00:32:25 >> ออ
00:32:25 → 00:32:26 >> อ้า
00:32:26 → 00:32:27 >> อ่าเป็นสิ่งดี
00:32:27 → 00:32:30 >> เป็นสิ่งดีค่ะเป็นสิ่งดีเนื่องจากว่าของ
00:32:30 → 00:32:33 หมักพวกเนี้ยค่ะมันทำให้เกิดกระบวนการที่
00:32:33 → 00:32:37 สร้างพรีไบโอติกให้กับร่างกาย
00:32:37 → 00:32:37 >> อื
00:32:37 → 00:32:41 >> อ่านะคะแล้วก็เกิดเป็นจุลินทรีย์ที่มี
00:32:41 → 00:32:43 ประโยชน์กับร่างกายก็คือได้ทั้ง
00:32:43 → 00:32:46 พรีไบโอติกแล้วก็โปรไบโอติกให้กับร่างกาย
00:32:46 → 00:32:47 >> อ่าอันนี้ได้ครบ
00:32:47 → 00:32:50 >> ใช่เวลากินเข้าไปปุ๊บนะคะลำไส้ก็จะได้รับ
00:32:50 → 00:32:52 การปรับสมดุลแล้วก็จะไปกระตุ้นให้
00:32:52 → 00:32:54 จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เนี่ยเขาผลิตสาร
00:32:54 → 00:32:58 ที่มีประโยชน์นะคะออกมาซึ่งส่วนหนึ่งก็
00:32:58 → 00:32:59 เป็นสารต้านมะเร็งด้วย
00:32:59 → 00:33:00 >> อื
00:33:00 → 00:33:00 >> อ
00:33:01 → 00:33:03 >> อ่ะเมื่อกี้มีปลาร้าขึ้นมานิดนึง
00:33:03 → 00:33:06 >> อ๋อใช่ต้องปลาร้าต้องปใจเย็นๆนิดนึงขอแยก
00:33:06 → 00:33:09 กลุ่มออกจากของมักดอง
00:33:09 → 00:33:12 นะคะเพราะปลาร้าเนี่ยเป็นสิ่งพิเศษมาก
00:33:12 → 00:33:13 สำหรับคนไทย
00:33:13 → 00:33:15 >> นะคะประกอบด้วยโซเดียมอย่างหนัก
00:33:15 → 00:33:20 >> อ๋ออนะคะแล้วก็อาจจะมีสิ่งอื่นๆนะคะอย่าง
00:33:20 → 00:33:23 เช่นสิ่งมีชีวิตที่เราไม่ต้องการ
00:33:23 → 00:33:26 >> เจือปนมานะคะเพราะฉะนั้นก็แนะนำให้กินสุก
00:33:26 → 00:33:30 ค่ะอร่อยได้แต่ต้องปลอดภัยนิดนึงนะคะแล้ว
00:33:30 → 00:33:32 ก็ระว่างที่กินก็จะต้องรู้ว่าเราจะต้อง
00:33:32 → 00:33:34 รับโซเดียมเข้าไปสูงมากนะคะเพราะฉะนั้น
00:33:34 → 00:33:38 การกินน้ำให้เพียงพอนะคะก็จะเป็นสิ่งที่
00:33:38 → 00:33:41 ช่วยทำให้กินได้อย่างอร่อยและปลอดภัยค่ะ
00:33:41 → 00:33:43 >> อ่ะแล้วผักกาดดองก็อยากรู้เลยเนี่ยผักกาด
00:33:43 → 00:33:43 ดอง
00:33:43 → 00:33:46 >> ผักกาดดองเนี่ยก็ต้องแยกอีกนะว่าเป็นดอง
00:33:46 → 00:33:47 แบบไหน
00:33:47 → 00:33:47 >> เอ้า
00:33:47 → 00:33:50 >> เป็นดองแบบใส่ขันทศกรหรือเปล่าหรือว่าดอง
00:33:50 → 00:33:51 แบบกิมจิ
00:33:51 → 00:33:53 >> โอ๊ยไม่รู้เลยอ่ะไม่มีความรู้เลยอ่ะ
00:33:53 → 00:33:55 >> เอคือบางครั้งไปเห็นในตลาดเมันจะเป็นดอง
00:33:55 → 00:33:58 ที่แบบเป็นสีเหลืองสะท้อนแสง
00:33:58 → 00:34:00 >> อือันนั้นคือขันทศกร
00:34:00 → 00:34:01 >> อ้าเหรอ
00:34:01 → 00:34:04 >> อ่ามันก็จะเป็นรสชาติที่แบบอื้อหือหวาน
00:34:04 → 00:34:09 ชื่อหวานกรอบอยู่ตามภัคคารต่างๆนะคะ
00:34:09 → 00:34:12 อันเนี้ยก็จะไปในกลุ่ม process food
00:34:12 → 00:34:16 เป็นกลุ่มที่ทำให้เกิดการอยู่ได้นานคง
00:34:16 → 00:34:19 สภาพได้ยืนยาวนะคะแล้วก็เก็บไว้กินในช่วง
00:34:19 → 00:34:23 เวลาที่แบบอ่าฤดูกาลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิต
00:34:23 → 00:34:27 >> เกิดขึ้นมากนักซึ่งบ้านเราไม่มีฤดูกาล
00:34:27 → 00:34:30 นั้นมีกินตลอดเวลานะคะเพราะฉะนั้นอาจจะ
00:34:30 → 00:34:34 ต้องลดของมักดองจำพวกนี้ลงนะคะ
00:34:34 → 00:34:38 >> ก็ถ้าอยากกินพวกผักกาดดองก็ไปกินกกินแทน
00:34:38 → 00:34:40 นะคะก็จะได้ประโยชน์ในเรื่องของ
00:34:40 → 00:34:43 โปรไบโอติกแล้วก็พรีไบโอติกมากขึ้นค่ะ
00:34:43 → 00:34:45 >> อื
00:34:46 → 00:34:48 >> แล้วพวกของทอดของมันๆอะไรเงี้ยค่ะ
00:34:49 → 00:34:52 >> ค่ะจริงๆแล้วอ่ะไขมันเป็นสิ่งดีกับร่าง
00:34:52 → 00:34:53 กายมากค่ะพี่อุ๋ม
00:34:53 → 00:34:55 >> บางคนน่ะใช่
00:34:55 → 00:34:59 >> เกลียดมันไม่กินงดลดการกินไขมันปรากฏว่า
00:34:59 → 00:35:03 เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้รับพลังงานน้อยลง
00:35:03 → 00:35:04 >> อื
00:35:04 → 00:35:06 >> ก็จะลดน้ำหนักได้ยากขึ้นแปลกใจมย
00:35:06 → 00:35:10 >> เออมันแอบงงนิดนึงเพราะว่าเวลาที่อ่าคน
00:35:10 → 00:35:13 เราพยายามควบคุมพลังงานเนี่ยค่ะ
00:35:13 → 00:35:14 >> อ
00:35:14 → 00:35:17 >> เราก็คือพยายามลดทุกสิ่งตัดทุกอย่างออก
00:35:17 → 00:35:20 แต่ลืมคิดไปว่าไขมันนะคะมีทั้งไขมันดีและ
00:35:20 → 00:35:23 ไขมันเลวและไขมันเนี่ยทำให้ร่างกายอิ่ม
00:35:23 → 00:35:24 นานอ
00:35:24 → 00:35:26 >> และได้พลังงานสูง
00:35:26 → 00:35:28 >> ที่
00:35:28 → 00:35:30 อาตาร์โบไฮเด
00:35:30 → 00:35:32 พลังงานสูงสุด
00:35:32 → 00:35:35 >> นะคะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าได้รับไขมันดี
00:35:35 → 00:35:38 นอกจากจะได้พลังงานสูงแล้วยังเป็นตัวต้าน
00:35:38 → 00:35:40 อนุมูลอิสระด้วย
00:35:40 → 00:35:40 >> อื
00:35:40 → 00:35:45 >> อืแต่จะต้องเป็นไขมันที่มาจากแหล่งที่มี
00:35:45 → 00:35:48 โอเมก้า 3 และโอเมก้า 9
00:35:48 → 00:35:52 >> 3 และ 9 ซึ่งแหล่งไขมันเหล่านั้นอยู่ที่
00:35:52 → 00:35:54 >> โอเมก้า 3 อยู่ในฟิช oil
00:35:54 → 00:35:56 >> อ่าfฟish oil ก็คือทานปลาก็ได้อ่าอ่าแต่
00:35:56 → 00:35:58 ต้องปริมาณให้เพียงพอ
00:35:58 → 00:36:02 >> อ่าหรือจะเป็นกลุ่มพวกแบบแฟกseีดี
00:36:02 → 00:36:06 >> นะคะถ้าเป็นโอเมก้า 9 ก็จะมีโอลีฟอยนะคะ
00:36:06 → 00:36:10 น้ำมันมะกอกแต่คนไทยอ่ะชอบปรุงอาหารด้วย
00:36:10 → 00:36:11 ความร้อนสูง
00:36:11 → 00:36:13 >> อ่าผัดทอด
00:36:13 → 00:36:17 >> ทอดน้ำมันพวกเนี้ยก็จะทำให้เกิดกระบวนการ
00:36:17 → 00:36:20 ออกซิเดชัขึ้นมาได้นะคะน้ำมันกลุ่มต้าน
00:36:20 → 00:36:23 อนุมูลอิสระเนี่ยควรกินแบบไม่ผ่านความ
00:36:23 → 00:36:24 ร้อนสูง
00:36:24 → 00:36:25 >> อ๋อ
00:36:25 → 00:36:27 >> กินสดไปกับสลาด
00:36:27 → 00:36:30 >> ใช่ค่ะหรือว่าแบบบางคนก็เอาขนมปังมาจิ้ม
00:36:30 → 00:36:31 แล้วก็กินเลย
00:36:31 → 00:36:31 >> อ่า
00:36:31 → 00:36:33 >> แบบนี้ก็จะได้ประโยชน์สูง
00:36:33 → 00:36:34 >> นะคะ
00:36:34 → 00:36:36 >> ความจริงแล้วอ่ะไขมันน่ะเป็นส่วนประกอบ
00:36:36 → 00:36:39 นึงที่สำคัญเลยของเซลล์เซลล์โอเค
00:36:40 → 00:36:41 >> โดยเฉพาะเซลล์ผิวหนังของเรา
00:36:41 → 00:36:44 >> ใช่โดยเฉพาะหมอความงามหมอผิวหนังแบบพี่
00:36:44 → 00:36:45 อุ่ม
00:36:45 → 00:36:48 >> และเรางี้ก็คือเราก็ต้องให้ความสำคัญถ้า
00:36:49 → 00:36:51 เกิดขาดน้ำมันไปเลยอ่ะผิวก็จะแห้งเนาะ
00:36:51 → 00:36:54 >> ใช่ใช่เพราะว่าทุกๆเซลล์ผนังเซลล์ก็จะ
00:36:54 → 00:36:55 ประกอบด้วยไขมัน
00:36:55 → 00:36:57 >> ใช่นะคะเพราะฉะนั้นถ้าเรากินไขมันดีเข้า
00:36:57 → 00:37:00 ไปเซลล์ของเราก็จะประกอบด้วยสารต้าน
00:37:00 → 00:37:04 อนุมูลอิสระอย่างดีนั่นเองค่ะ
00:37:04 → 00:37:07 การกินอาหารออร์แกนิคเนี่ยจะช่วยลดการ
00:37:07 → 00:37:07 เกิดมะเร็งได้ไหม
00:37:08 → 00:37:11 >> ถ้าตามหลักการนะคะอาหารออร์แกนิคก็คือ
00:37:11 → 00:37:14 อาหารที่ปราศจากสารเจือปนต่างๆอย่างเช่น
00:37:14 → 00:37:19 พืชที่ปลูกโดยการไม่ใช้ปุ๋ยเคมีถูกมั้คะ
00:37:19 → 00:37:23 ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงไม่ใช้ฮอร์โมนในการเร่งโต
00:37:23 → 00:37:25 ตามหลักการแล้วมันควรจะปลอดภัยใช่มั้พี่
00:37:25 → 00:37:25 อุ๋
00:37:25 → 00:37:26 >> ใช่
00:37:26 → 00:37:29 >> อ่าแต่จริงๆแล้วอ่ะอยากให้คิดนิดนึงว่า
00:37:29 → 00:37:30 มันออร์แกนิคจริงเปล่า
00:37:30 → 00:37:30 >> อื
00:37:32 → 00:37:36 >> เช่นถ้าเกิดว่ากินผักที่ปลูกด้วยน้ำพี่
00:37:36 → 00:37:37 อุมว่าออร์แกนิคมั้ย
00:37:37 → 00:37:41 >> ก็ไม่แล้วมั้ยเพราะเขาใส่เป็นสารเคมีใน
00:37:41 → 00:37:41 การให้มันโต
00:37:41 → 00:37:43 >> ใช่ก็คือใส่ปุ๋ยน้ำ
00:37:43 → 00:37:44 >> อ่า
00:37:44 → 00:37:47 >> อย่างนี้เป็นต้นนะคะนอกจากนั้นกระบวนการ
00:37:47 → 00:37:51 ทั้งหลายกว่าจะมาถึงเรากว่าจะเข้าปากเรา
00:37:51 → 00:37:55 ผ่านอะไรมาบ้างถุงพลาสติกที่เขาห่อ
00:37:55 → 00:37:55 อื
00:37:55 → 00:37:58 >> มีการปนเปื้อนหรือเปล่าน้ำที่ล้าง
00:37:58 → 00:38:02 >> มีโลหะหนักมเนาะจานที่ใส่ช้อนที่เราตัก
00:38:02 → 00:38:05 เข้าปากอันนั้นอาจจะได้มาโดยออร์แกนิคนะ
00:38:05 → 00:38:08 คะแต่ใดๆก็ตามเนี่ยกระบวนการทุกอย่างอาจ
00:38:08 → 00:38:11 จะลดความออร์แกนิคลงนะคะอย่างไรก็ตามถ้า
00:38:11 → 00:38:13 มั่นใจว่าเป็น
00:38:13 → 00:38:16 >> อาหารออร์แกนิคนะคะก็อาจจะลดความเสี่ยง
00:38:16 → 00:38:17 แล้วกัน
00:38:17 → 00:38:17 >> เนาะ
00:38:17 → 00:38:21 >> ลดความเสี่ยงที่จะได้รับสารก่อมะเร็งจาก
00:38:21 → 00:38:27 พวกยาฆ่าแมลงนะคะหรืออ่า
00:38:27 → 00:38:30 สิ่งที่เป็นส่วนประกอบในการปลูก
00:38:30 → 00:38:32 >> เอ่อ
00:38:32 → 00:38:35 การป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมีหลายคนบอก
00:38:35 → 00:38:38 เลยบอกว่าต้องกินอาหารที่มีกากใยสูง
00:38:38 → 00:38:41 >> แล้วในกรณีที่อาหารเสริมอ่ะไฟเบอร์
00:38:41 → 00:38:45 >> ก็ต้องบอกว่ามีการศึกษาค่ะพี่อุ๋มอ
00:38:46 → 00:38:48 >> ว่าการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงวง
00:38:48 → 00:38:50 เล็บจากธรรมชาติ
00:38:50 → 00:38:51 >> วงเล็บด้วย
00:38:51 → 00:38:55 >> วงเล็บจากธรรมชาตินะค่ะสามารถที่จะลดความ
00:38:55 → 00:39:00 เสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
00:39:00 → 00:39:03 >> นะคะอันเนี้จ๋เข้าใจว่ามันอาจจะยังไม่มี
00:39:03 → 00:39:06 การศึกษาในกลุ่มของไฟเบอร์
00:39:06 → 00:39:07 >> แบบชงดื่ม
00:39:07 → 00:39:10 >> อ่าเท่านั้นเองนะคะซึ่งอาจจะรอการศึกษา
00:39:10 → 00:39:13 ต่อไปนะคะซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มียืนยันใน
00:39:13 → 00:39:16 เรื่องนั้นอย่างไรก็ตามการศึกษาเนี่ยค่ะ
00:39:16 → 00:39:21 กล่าวว่าการกินไฟเบอร์เพิ่มวันละประมาณ 10
00:39:21 → 00:39:23 กรัมสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำ
00:39:23 → 00:39:25 ไซส์ใหญ่ได้ประมาณ 10%
00:39:26 → 00:39:28 >> คราวนี้เนี่ยไฟเบอร์ 10 กรัมเราจะต้องกิน
00:39:28 → 00:39:30 ผักปริมาณเท่าไหร่
00:39:30 → 00:39:34 >> เยอะอยู่อย่างเช่นผักคะน้าประมาณ 1 ทัพพี
00:39:34 → 00:39:36 ให้ไฟเบอร์มา 1 กรัม
00:39:36 → 00:39:39 >> ตายแล้วเยอะมากนะ
00:39:40 → 00:39:41 เยอะมากเยอะมาก
00:39:41 → 00:39:42 >> กินสวนผักเลยนะนั่นน่ะ
00:39:42 → 00:39:46 >> ใช่ค่ะก็อาจจะทำให้รู้สึกท้อเนาะ
00:39:46 → 00:39:49 กว่าจะกินครบมันก็ท้อเดี๋ยวนี้เนี่ยมันจะ
00:39:49 → 00:39:53 มีไฟเบอร์แบบชงดื่มที่มาจากธรรมชาติก็มี
00:39:53 → 00:39:53 นะคะ
00:39:53 → 00:39:54 >> อ๋อ
00:39:54 → 00:39:58 >> อ่าอาจจะต้องลองศึกษาดูว่าไฟเบอร์ชนิดไหน
00:39:58 → 00:40:01 ที่มาจากไฟเบอร์ชนิดธรรมชาติจริงๆแต่สิ่ง
00:40:01 → 00:40:03 ที่น่าห่วงมากกว่านั้นก็คือไฟเบอร์ที่ขาย
00:40:03 → 00:40:05 ตามท้องตลาดตอนเนี้ยค่ะ
00:40:05 → 00:40:08 >> มันไม่ได้เป็นไฟเบอร์จริงๆหมายถึงว่ามัน
00:40:08 → 00:40:13 มีไฟเบอร์ก็จริงแต่มันมักจะใส่สารเร่ง
00:40:13 → 00:40:13 ถ่าย
00:40:13 → 00:40:15 >> เพื่อที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเออทาน
00:40:15 → 00:40:17 ไฟเบอร์ไปแล้วแล้วเราก็ถ่ายดีขึ้น
00:40:17 → 00:40:20 >> ใช่จู๊ดๆอะไรอย่างเงี้ยยิ่งกินยิ่งแบบอวด
00:40:20 → 00:40:23 บิดมวลท้องหน่อยๆนี่แบบหูไฟเบอร์นี่แบบ
00:40:23 → 00:40:26 เจ๋งมากจริงๆการกินไฟเบอร์มันไม่ควรเกิด
00:40:26 → 00:40:30 >> เออใช่ต้องไม่รู้สึกว่าปวดบิดๆหรืออะไร
00:40:30 → 00:40:30 เลย
00:40:30 → 00:40:33 >> ใช่ค่ะก็เหมือนเรากินผักเนี่ยเราก็ไม่ได้
00:40:33 → 00:40:36 แบบปวดท้องอะไรขนาดนั้นนะคะแต่บางครั้ง
00:40:36 → 00:40:38 เนี่ยฟลingจากการรับประทานอาหารเสริมใน
00:40:38 → 00:40:41 กลุ่มไฟเบอร์เนี่ยคนมี perception ว่า
00:40:41 → 00:40:43 ต้องรู้สึกแบบนั้น
00:40:43 → 00:40:43 >> อ้าว
00:40:43 → 00:40:44 >> ถึงจะดี
00:40:44 → 00:40:45 >> ซะงั้น
00:40:45 → 00:40:48 >> ซะอย่างงั้นมันเลยกลายเป็นการเทรนลำไส้
00:40:48 → 00:40:52 พี่อุ๋มฝึกฝนให้ลำไส้รู้ว่าเธอต้องได้สาร
00:40:52 → 00:40:55 นี้เธอถึงจะปวดเธอถึงจะไปเข้าห้องน้ำ
00:40:55 → 00:41:00 โอ้โหเลยกลายเป็นโรคติดไฟเบอร์
00:41:00 → 00:41:01 >> เอ้า
00:41:01 → 00:41:05 >> จริงๆไม่ได้ติดไฟเบอร์แต่ติดสารเร่งถ่าย
00:41:05 → 00:41:06 >> โห
00:41:06 → 00:41:08 >> อันเนี้คือสิ่งที่
00:41:08 → 00:41:10 >> อยากจะฝากเอาไว้แล้วพอกินต่อเนื่องไป
00:41:10 → 00:41:13 เรื่อยๆนั่นคือจำเป็นต้องเพิ่ม
00:41:13 → 00:41:14 >> ต้องเพิ่มโดสด้วย
00:41:14 → 00:41:20 >> ใช่เพราะว่าทนได้และลำไส้ทนได้ใช่
00:41:20 → 00:41:23 >> จากที่กิน 1 ซองอาจจะต้องเป็น 2 ซองแล้ว
00:41:23 → 00:41:26 ก็เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเพราะว่าลำไส้รู้สึก
00:41:26 → 00:41:27 ว่า
00:41:27 → 00:41:31 >> มาเลยแค่นี้ฉันเฉยๆเพราะฉะนั้นสาว่ายังไง
00:41:31 → 00:41:34 ก็ตามเนี่ยการกินไฟเบอร์จากธรรมชาติอาจจะ
00:41:34 → 00:41:37 ไม่อร่อยเนาะแต่มันก็ดีต่อสุขภาพนะคะแล้ว
00:41:37 → 00:41:41 ก็ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
00:41:41 → 00:41:42 ตามผลงานวิจัยจริงๆค่ะ
00:41:42 → 00:41:44 >> อ
00:41:44 → 00:41:47 >> ตอนนี้เทรนด์เรื่องของการทานชาเขียวมัจฉะ
00:41:47 → 00:41:49 อะไรอย่างเงี้ยมาแรงมากๆจริงๆแล้วเนี่ย
00:41:49 → 00:41:53 มันมีข้อดีหรือข้อเสียยังไงในเรื่องของ
00:41:53 → 00:41:54 การป้องกันมะเร็ง
00:41:54 → 00:41:57 >> ห้ามเป็นมัจฉะเพียวๆเลยนะคะในนั้นเนี่ยจะ
00:41:57 → 00:42:01 มีสารต้านอนุวอิสระที่มีประโยชน์มากๆ 2
00:42:01 → 00:42:04 ตัวนะอันแรกคือคาเทชินนะคะอันเนี้ยก็จะ
00:42:04 → 00:42:06 เป็นสารต้านอมูอิสระที่อ
00:42:07 → 00:42:12 >> มีใช้กันมานานนะคะส่วนอีกอันนึงก็คือ EGCG
00:42:12 → 00:42:15 >> อันเนี้ยค่ะมีงานวิจัยเลยว่าสามารถที่จะ
00:42:15 → 00:42:18 กระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็งได้ด้วย
00:42:18 → 00:42:23 >> เฮ้ยอย่างงั้นเลยเหรอ
00:42:23 → 00:42:28 ที่ถ้าเป็นมัจริงๆถ้าเป็นชาเขียวจริงๆนะ
00:42:29 → 00:42:32 คะที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการอะไรจนสารเหล่าเ
00:42:32 → 00:42:35 มันหายไปหมดแล้วนะคะสายังเชื่อว่ามันมี
00:42:35 → 00:42:37 ประโยชน์มากกว่าโทษอ
00:42:37 → 00:42:38 >> ออ
00:42:38 → 00:42:42 >> แต่ถ้าเกิดว่ามันแปรรูปจนมันอยู่ในขวด
00:42:42 → 00:42:46 >> อ๋อมันจะเหลือมีชาเขียวนิดนึง
00:42:46 → 00:42:50 >> นะคะแล้วก็ปรุงมีน้ำตาลมีการแบบใส่อะไร
00:42:50 → 00:42:53 ต่างๆนานาให้มันมีรสชาติที่แตกต่างออกไป
00:42:53 → 00:42:56 อร่อยขึ้นสดชื่นขึ้นอันเนี้ยค่ะก็อาจจะ
00:42:56 → 00:43:00 ได้รับสิ่งแปลกปลอมนะคะหรือว่าสิ่งที่ทำ
00:43:00 → 00:43:02 ให้เกิดโทษกับร่างกายมากกว่าประโยชน์จาก
00:43:02 → 00:43:04 ชาเขียวค่ะ
00:43:04 → 00:43:06 >> แล้วมันมีปริมาณบอกมว่าเออควรจะทานเท่า
00:43:06 → 00:43:09 ไหร่ในเรื่องของแบบมาช่วยเรื่องของมะเร็ง
00:43:09 → 00:43:12 หรือแม้กระทั่งเค้าเรียกช่วยชะลอเรื่อง
00:43:12 → 00:43:13 ของการที่มันจะโตอะไรเงี้ย
00:43:13 → 00:43:16 >> โออันนี้ตัวจ่าเองก็ยังไม่ได้หาข้อมูลชัด
00:43:16 → 00:43:18 เจนนะคะแต่ว่า
00:43:18 → 00:43:21 >> การที่จะลดความเสี่ยงตรงเนี้ยมักจะเป็น
00:43:21 → 00:43:23 การกินแบบสารสกัดเลยค่ะ
00:43:23 → 00:43:27 >> สารสกัดชาเขียวเลยสารสกัดอcg
00:43:27 → 00:43:31 ค่ะนะคะน่าจะคาดหวังผลลัพธ์ในการต้าน
00:43:31 → 00:43:35 เนี่ยได้มากกว่ารูปแบบในการชงเฉยๆ
00:43:35 → 00:43:39 >> อ่าใช่อย่างเช่นอุมาไปหาข้อมูลมาแอลีน
00:43:39 → 00:43:42 เนี่ยถ้าสมมุติว่าเราอยากได้ 100 มลกัของ
00:43:42 → 00:43:45 แอลเทียอนีนเราต้องทานชาเขียวทั้งหมด 10
00:43:45 → 00:43:47 แก้ว
00:43:47 → 00:43:48 10 แก้ว
00:43:48 → 00:43:54 >> ใช่กินสารสกัดง่ายกว่าโอเคอันนี้จริงนะคะ
00:43:54 → 00:43:57 อีกเรื่องนึงนะที่เรียกว่าสำคัญจาก
00:43:57 → 00:43:59 ประสบการณ์โตมเลยอ่ะคุณแม่เป็นมะเร็งแล้ว
00:43:59 → 00:44:02 คุณแม่ต้องได้รับเคโมสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะ
00:44:02 → 00:44:06 เราก็งงเหมือนกันคุณแม่แบบฉีดโบว์ได้มย
00:44:06 → 00:44:09 คุณแม่สั่งซื้อเสื้อผ้าสร้อยกำไรอะไร
00:44:09 → 00:44:10 อย่างเงี้ย
00:44:10 → 00:44:14 >> มาเพื่อแบบทำให้ตัวเองสวยเราก็เลยแบบเอ๊ะ
00:44:14 → 00:44:16 หรือเขามีอินไซตว่าเาก็ไม่รู้เหมือนกัน
00:44:16 → 00:44:19 ว่าวันเยจะเป็นวันสุดท้ายของเขาหรือเปล่า
00:44:19 → 00:44:20 เก็อยากจะแบบ
00:44:20 → 00:44:23 >> สวยในทุกๆวันอะไรอย่างเงี้ยทั้งๆที่ได้
00:44:23 → 00:44:26 รับเคโมอยู่เนาะอันนี้เนี่ยก็เลยอยากจะมา
00:44:26 → 00:44:30 ขอความรู้จากความเชี่ยวชาญของหมอจ๋านิด
00:44:30 → 00:44:32 นึงเรียกว่าเป็นไอเดียกันแล้วกันนะคะแชร์
00:44:32 → 00:44:33 ไอเดียกัน
00:44:33 → 00:44:36 >> เราจะทำยังไงให้คนที่ได้รับเคมีบำบัดหรือ
00:44:36 → 00:44:39 ว่าอยู่ในช่วงการรักษามะเร็งเนี่ยเขามี
00:44:39 → 00:44:42 ความสวยขึ้นแล้วก็มีความสุขมากขึ้น
00:44:42 → 00:44:44 >> ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าสาว่ามันเป็นสัญญาณ
00:44:44 → 00:44:45 ที่ดี
00:44:45 → 00:44:46 >> อื
00:44:46 → 00:44:48 >> ที่คุณแม่ลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้
00:44:48 → 00:44:48 >> อื
00:44:48 → 00:44:51 >> แปลว่าเค้ายังมีความแบบ positive มากๆ
00:44:51 → 00:44:51 >> อื
00:44:51 → 00:44:55 >> อ่ายังมีความแบบคิดบวกในอารมณ์ของตัวเอง
00:44:55 → 00:44:59 ความเครียดไม่ได้มากนักจนไม่สนใจความเป็น
00:44:59 → 00:45:02 ตัวเองเลยอันนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ
00:45:02 → 00:45:05 แต่ต้องบอกอย่างี้ค่ะว่าถ้าเป็นสิ่งอะไร
00:45:05 → 00:45:09 ก็ตามที่มีการฉีดสารบางอย่างเช่นอาจจะ
00:45:09 → 00:45:12 เป็นท็อกซินโบท็อกซ์อะไรอย่างเงี้ยนะคะ
00:45:12 → 00:45:14 หรือว่าเป็นกลุ่มแบบสารเติมเต็ม
00:45:14 → 00:45:17 >> สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
00:45:17 → 00:45:21 ใดๆคิดว่าในช่วงจังหวะเนี้ยใจเย็นๆก่อน
00:45:21 → 00:45:25 >> ช่วงได้เคมีบำบัดอย่าเพิ่งเพราะร่างกาย
00:45:25 → 00:45:26 ไม่ปกติ
00:45:26 → 00:45:27 >> อืแ
00:45:27 → 00:45:30 >> ไม่ปกติยังไงก็คือ 1 โภชนาการทุกอย่าง
00:45:31 → 00:45:32 ต้องเข้าไปซ่อม
00:45:32 → 00:45:33 >> อ่า
00:45:33 → 00:45:35 >> สิ่งที่มันเป็น vital ก่อนก็คือมีความ
00:45:35 → 00:45:37 จำเป็นกับชีวิต
00:45:37 → 00:45:38 >> อ่า
00:45:38 → 00:45:41 >> อ่านะคะหลักๆก่อนเช่นเอาไปสร้างเม็ดเลือด
00:45:41 → 00:45:45 ก่อนนะคะเอาไปลดการอักเสบของร่างกายก่อน
00:45:45 → 00:45:47 ดังนั้นถ้าเรากระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
00:45:47 → 00:45:50 >> ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นไม่ขึ้น
00:45:50 → 00:45:52 >> ไม่สร้าง
00:45:52 → 00:45:55 นะคะเพราะว่าสรรพลังทั้งหมดที่ทุ่มเท้า
00:45:55 → 00:45:56 เอาไปรักษาชีวิตก่อน
00:45:57 → 00:46:01 >> ออเสียเงินฟรีเจ็บตัวฟรีตอนนี้อ่าหรือการ
00:46:01 → 00:46:05 ฉีดนะคะเวลาที่เราปกติเนี่ยภาวะปกติเราก็
00:46:05 → 00:46:08 อาจจะมีแบบรอยเข็มนิดหน่อยนะคะแต่ในตอน
00:46:08 → 00:46:10 ให้เคมีบำบัด
00:46:10 → 00:46:15 >> อาจจะมีเกล็ดเลือดที่ตกลงต่ำลงอาจจะทำให้
00:46:15 → 00:46:18 ช้ำง่ายขึ้นแทนที่ฉีดแล้วจะสวยอาจจะหน้า
00:46:18 → 00:46:20 เขียวไป 2 อาทิตย์
00:46:20 → 00:46:20 >> อ่า
00:46:20 → 00:46:26 >> อ่านะคะหรือว่าอาจจะทำให้มีผลตอบรับจาก
00:46:26 → 00:46:29 การได้รับสารพิษที่แตกต่างจากภาวะปกติ
00:46:29 → 00:46:29 >> อือๆ
00:46:29 → 00:46:31 >> แพ้ง่ายขึ้น
00:46:31 → 00:46:31 >> อื
00:46:31 → 00:46:34 >> นะคะหรือว่ามีการตอบสนองอะไรที่แปลกออกไป
00:46:34 → 00:46:37 ประหลาดออกไปดังนั้นถ้ามันเป็นการอ่าทำ
00:46:38 → 00:46:40 สวยแบบอ่ามาหน้า
00:46:40 → 00:46:40 >> อ่า
00:46:40 → 00:46:45 >> นะคะหรือว่าทำทรีทเมนต์เบาๆผลักวิตามิน
00:46:45 → 00:46:48 นะคะอะไรที่มันแบบไม่ invasive มากไม่เอา
00:46:48 → 00:46:51 เข็มจิ้มลงไปหรือว่าไม่มีการฉีดสารอะไร
00:46:51 → 00:46:54 เข้าไปในร่างกายสาว่าโอเคแฮปปี้
00:46:54 → 00:46:54 >> ทำได้
00:46:54 → 00:46:58 >> ทำได้แต่ถ้าเกิดว่าจะต้องแบบ invasiive
00:46:58 → 00:47:01 มีใช้เข็มจิ้มมีการแบบส่งพลังงานเข้าไป
00:47:02 → 00:47:05 หรือว่ามีสารอื่นๆเข้าไปในร่างกายจากว่า
00:47:05 → 00:47:09 ช่วงเนี้ยควรจะให้ร่างกายเขาสงบและเข้า
00:47:09 → 00:47:10 สู่สมดุลก่อน
00:47:10 → 00:47:11 >> ให้เขาพักนิดนึง
00:47:11 → 00:47:15 >> ใช่ให้เขาแบบ concentrate อยู่กับการดูแล
00:47:15 → 00:47:17 ตัวเองในส่วนของเคมีบำบัดก่อน
00:47:17 → 00:47:21 >> อ๋อโอเคทำทรีatเมนได้มาสหน้าได้อ้าแล้ว
00:47:21 → 00:47:22 เลเซอร์อ่ะ
00:47:22 → 00:47:26 >> เลเซอร์ถ้าเกิดเบาๆเลเซอร์หน้าใส
00:47:26 → 00:47:30 >> อ่ามุ้งมิ้งอ่ะจริงๆไม่ติดนะ
00:47:30 → 00:47:33 มุ้งมิ้งไม่ติดนะคะแต่ว่าจะได้ผลลัพธ์
00:47:33 → 00:47:36 อย่างไรเนี่ยอาจจะไม่สามารถคาดหวังได้มาก
00:47:36 → 00:47:37 นักนะคะ
00:47:37 → 00:47:39 >> อื
00:47:39 → 00:47:42 >> แล้วมีวิธีอื่นอีกมที่จะทำให้ผิวแบบดูดี
00:47:42 → 00:47:46 ขึ้นพี่อุมเชื่อมั้ยอาหารคือส่วนสำคัญที่
00:47:46 → 00:47:49 ทำให้คนไข้เคมีบำบัดผิวดูดีคนไข้ที่กิน
00:47:49 → 00:47:52 โปรตีนถึงผิวดีทุกคน
00:47:52 → 00:47:55 >> อันนี้งงมากแต่ว่าอันนี้คือฟีดแบคจากคน
00:47:55 → 00:47:57 ไข้จริงๆค่ะ
00:47:57 → 00:48:01 >> อืมแล้วมันจะทำให้เขารู้สึกว่าเฮ้ยฉันสด
00:48:01 → 00:48:03 ใสได้มากขึ้น
00:48:03 → 00:48:03 >> อื
00:48:03 → 00:48:07 >> ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองรักตัวเองมาก
00:48:07 → 00:48:11 ขึ้นอีกมีกำลังใจว่าเออมันไม่ได้แย่นะ
00:48:11 → 00:48:14 เวลาที่ให้เคมีบำบัดมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น
00:48:14 → 00:48:14 อื
00:48:14 → 00:48:15 >> นะคะ
00:48:15 → 00:48:20 >> รวมถึงทำให้ผมที่ร่วงไปอ่ะกลับมาขึ้นเร็ว
00:48:20 → 00:48:20 ขึ้น
00:48:20 → 00:48:21 >> อ
00:48:21 → 00:48:22 >> อ๋อ
00:48:22 → 00:48:24 >> อืจริงๆมันคือเบสิคมากเลยอ่ะ
00:48:24 → 00:48:28 >> นี่ผมก็แอบงงอยู่คือแต่คุณแม่่ะทานทานทาน
00:48:28 → 00:48:29 ทานตลอดทานเยอะ
00:48:29 → 00:48:29 >> ค่ะ
00:48:30 → 00:48:33 >> แล้วผมคุณแม่อ่ะไม่ได้ร่วงขนาดนั้น
00:48:33 → 00:48:34 >> อืม
00:48:34 → 00:48:38 >> คือแบบนี่คือให้เคมีบำบัดไป 4 ไซเคิลละ
00:48:38 → 00:48:39 >> ค่ะ
00:48:39 → 00:48:41 >> คุณแม่ยังแบบไม่ต้องใส่หมวกแบบ
00:48:41 → 00:48:42 >> อ่าอ่า
00:48:42 → 00:48:43 >> หมวกคนให้เคมีบำบัดอ่ะ
00:48:43 → 00:48:44 >> ค่ะ
00:48:44 → 00:48:47 >> เออแล้วก็ดูคือหลายๆคนน่ะก็ทักคุณแม่ว่า
00:48:47 → 00:48:50 เอ้ยดูไม่ได้เหมือนผู้ป่วยให้เคมีบำบัด
00:48:50 → 00:48:53 คุณแม่รู้สึกภูมิใจนี่ฉันให้ 100% อยู่นะ
00:48:53 → 00:48:54 >> นี่เห็นม
00:48:54 → 00:48:55 >> เออ
00:48:55 → 00:48:58 >> นะคะอาหารเนี่ยล่ะค่ะก็คือสิ่งหลักๆเลยนะ
00:48:58 → 00:49:01 คะนอกจากโปรตีนอาหารทั่วๆไปนะคะ
00:49:01 → 00:49:04 คาร์โบไฮเดรตไขมันก็ต้องเป็นไขมันดี
00:49:04 → 00:49:04 >> อื
00:49:04 → 00:49:08 >> อืไขมันดีเนี่ยพอกินเข้าไปแล้วยังไงคะก็
00:49:08 → 00:49:11 คือเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายก็จะประกอบ
00:49:11 → 00:49:14 ประกอบด้วยไขมันที่ดีก็จะมีสารต้านอนุมูล
00:49:14 → 00:49:17 อิสระอยู่ในอยู่ในผนังเซลล์เลย
00:49:18 → 00:49:21 >> นะคะรวมถึงการได้รับไขมันในปริมาณที่
00:49:21 → 00:49:23 เพียงพอก็จะทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วย
00:49:23 → 00:49:26 >> ออสงสัยต้องไปเพิ่มฟิชoอยลมั้งเนี่ย
00:49:26 → 00:49:30 >> อ่าใช่ค่ะฟิชoอยนะคะไแบรนด์ oil นะหรือ
00:49:30 → 00:49:34 ว่าน้ำมันรำข้าวนะคะหรือว่าจะเป็นพวกแบบ
00:49:34 → 00:49:37 พริมออยก็ได้อ
00:49:37 → 00:49:41 >> นะคะแต่อย่าลืมดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย
00:49:41 → 00:49:42 >> อื
00:49:42 → 00:49:43 >> นะคะ
00:49:43 → 00:49:45 >> ถ้าอยากจะเสริมจริงๆก็จะเป็นวิตามินใน
00:49:45 → 00:49:48 กลุ่มที่ช่วยต้านอนมูลอิสระเบสิคเลยก็จะ
00:49:48 → 00:49:50 เป็น A C E
00:49:50 → 00:49:52 >> นะฮะซิงค
00:49:52 → 00:49:55 >> อ่าๆบางทีเนี่ยให้เคมีบำบัดไปมากๆผิวแห้ง
00:49:55 → 00:49:56 มาก
00:49:56 → 00:49:56 >> อื
00:49:56 → 00:50:01 >> คันมากนะคะวิตามินซีวิตามินEคish
00:50:01 → 00:50:03 oil
00:50:03 → 00:50:04 >> ดื่มน้ำ
00:50:04 → 00:50:06 >> ก็จะช่วยได้มากๆอ่ะค่ะ
00:50:06 → 00:50:09 >> โอเลิศคิดว่าอุมก็ให้แม่ครบเหมือนกันเออ
00:50:09 → 00:50:12 ขาดวิตามินอีมั้งตอนเงี้ย
00:50:12 → 00:50:15 กินจากอาหารก็ได้ค่ะพี่อุ๋ประสบการณ์กับ
00:50:15 → 00:50:16 ฟิชอย
00:50:16 → 00:50:16 >> ค่ะ
00:50:16 → 00:50:18 >> อ่าอาจจะต้องลองพิจารณาเพิ่ม
00:50:18 → 00:50:22 >> อือๆวันนี้ก็ได้ความรู้เยอะมากนะคะก็เลย
00:50:22 → 00:50:24 อยากจะขออนุญาตให้คุณหมอจ๋าเนี่ยสรุป
00:50:24 → 00:50:26 สำหรับวันนี้ให้นิดนึงค่ะ
00:50:26 → 00:50:30 >> ยังไงก็ตามนะคะจ๋าเชื่อมั่นว่าการป้องกัน
00:50:30 → 00:50:33 สำคัญกว่าการรักษาแน่นอนเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:50:33 → 00:50:36 ไม่ว่าเราจะสุขภาพแข็งแรงดีมีความเสี่ยง
00:50:36 → 00:50:38 หรือไม่มีความเสี่ยงมะเร็งก็ตามนะคะให้
00:50:38 → 00:50:41 เรารู้ไว้เสมอว่ามะเร็งใกล้ตัวเรามาก
00:50:41 → 00:50:43 >> อืใกล้กว่าที่คิดเนาะ
00:50:43 → 00:50:46 >> ใช่ค่ะใกล้กว่าที่คิดดังนั้นพฤติกรรม
00:50:47 → 00:50:51 อาหารนะคะอะไรก็ตามที่เพิ่มความเสี่ยงนะ
00:50:51 → 00:50:53 คะลดเถอะนะคะ
00:50:53 → 00:50:54 >> เลี่ยงได้เลี่ยง
00:50:54 → 00:50:56 >> เลี่ยงได้เลี่ยงนะคะวันนี้เนี่ยเราอาจจะ
00:50:56 → 00:51:00 รู้และนะคะว่าอะไรที่มันเป็นพฤติกรรมเรา
00:51:00 → 00:51:04 เป็นประจำเลยนะคะเราก็ลดซะเลิกซะนะคะเลิก
00:51:04 → 00:51:07 ไม่ได้ก็ลดก็ยังดีนะคะนอกจากนั้นก็ให้
00:51:07 → 00:51:10 เพิ่มปัจจัยในการต้านมะเร็งเข้าไป
00:51:10 → 00:51:11 >> ออ
00:51:11 → 00:51:14 >> อ่านะคะไม่ว่าจะเป็นจากอาหารการกินที่เรา
00:51:14 → 00:51:17 คุยกันไปวันนี้ได้เคล็ดลับเยอะเลยนะคะ
00:51:17 → 00:51:19 หรือการนอนให้เพียงพอ
00:51:19 → 00:51:22 >> นะเรื่องง่ายๆที่บางทีเราก็มองข้ามไปนะคะ
00:51:22 → 00:51:25 หรือว่าพฤติกรรมอะไรที่จะเพิ่มภูมิคุ้ม
00:51:25 → 00:51:29 กันการออกกำลังกายนะคะการลดความเครียด
00:51:29 → 00:51:33 เนาะการปรับใจนั่งสมาธินะคะก็จะเป็นการลด
00:51:33 → 00:51:36 ความเครียดลดอนุมูลอิสระในร่างกายได้
00:51:36 → 00:51:39 ระดับเซลล์เช่นกันนะคะเพราะฉะนั้นขอฝาก
00:51:39 → 00:51:43 ไว้กับทุกคนค่ะประมาณนี้ว่าป้องกันสำคัญ
00:51:43 → 00:51:46 กว่าการรักษาแต่ถึงแม้จะเป็นแล้วนะคะก็
00:51:46 → 00:51:49 อย่ากังวลจนเกินไปนะคะทุกวันนี้มันมีวิธี
00:51:49 → 00:51:53 การรักษามากมายนะคะที่ทำให้เราหายขาดจาก
00:51:53 → 00:51:57 โรคได้รวมถึงยังสวยได้แม้ว่าเราจะเป็น
00:51:57 → 00:51:59 มะเร็งก็ตามค่ะ
00:51:59 → 00:52:01 >> จริงโอ๊ยขอบคุณหมอจ๋ามากๆเลยนะคะที่วัน
00:52:01 → 00:52:05 นี้สละเวลามาให้ความรู้กับทุกคนผมก็ส่วน
00:52:05 → 00:52:07 ตัวผมเองเนี่ยก็ได้ความรู้ใหม่ๆด้วยนะวัน
00:52:07 → 00:52:07 นี้ค่ะ
00:52:07 → 00:52:09 >> สนุกมากๆเลยค่ะ
00:52:09 → 00:52:10 >> ยินดีค่ะ
00:52:10 → 00:52:12 >> ขอบคุณมากๆค่ะแล้วก็ถ้าเกิดใครอยากจะไป
00:52:12 → 00:52:16 เจอคุณหมอจ๋าสามารถแบบไปเจอได้ที่ไหนบ้าง
00:52:16 → 00:52:19 หรือว่ามีช่องทางการติดตามอะไรเงี้ยได้
00:52:19 → 00:52:19 บ้างค่ะ
00:52:19 → 00:52:23 >> อ่าก็จะมีมอสจาผาต้มสุขนะคะก็เป็นช่องทาง
00:52:23 → 00:52:26 TikTok นะคะแต่ว่าอาจจะไม่อัปเดตเท่า
00:52:26 → 00:52:29 ไหร่นะคะแล้วก็ถ้าเรื่องความสวยความงามนะ
00:52:29 → 00:52:32 คะก็อาจจะไปเจอได้นะคะที่คลินิก
00:52:32 → 00:52:35 >> ค่ะขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตามกันตั้งแต่ต้น
00:52:35 → 00:52:38 จนจบนะคะก็หวังว่าจะได้ความรู้กันไปแล้ว
00:52:38 → 00:52:41 ก็วันนี้ขอบคุณหมอจ๋ามากๆนะคะวันนี้เรา 2
00:52:41 → 00:52:43 คนขออนุญาตลาไปก่อนเนาะ
00:52:43 → 00:52:46 แล้ว
00:52:46 → 00:52:59 [เพลง]