00:00:00 → 00:00:00 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:06 world vi The Voice สวัสดีครับผม
00:00:06 → 00:00:11 วีรพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือศัลยกรรมความ
00:00:12 → 00:00:28 [เพลง]
00:00:28 → 00:00:31 สุข
00:00:31 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:43 คุณผู้ฟังครับเมื่อเร็วๆนี้ผมมีความ
00:00:43 → 00:00:47 จำเป็นที่จะต้องเดินทางในตอนค่ำนะครับ
00:00:48 → 00:00:52 เข้าไปในเขตพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีไฟนะมืด
00:00:52 → 00:00:55 แล้วก็มันจะเป็นเขตคล้ายๆเหมือนกับชายขอบ
00:00:55 → 00:00:58 ของเขตอุทยานซึ่งหมายความว่าเราจะต้องขับ
00:00:58 → 00:01:03 รถเข้าไปในความมืดนะแล้วก็เต็มไปด้วยป่า
00:01:03 → 00:01:07 เขาหนทางเราก็ไม่ค่อยรู้จักนะครับเวลาที่
00:01:07 → 00:01:09 เราต้องขับรถเข้าไปในนั้นเนี่ยเราก็มี
00:01:09 → 00:01:12 ความรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยแล้วเราก็ออก
00:01:13 → 00:01:16 จากกลัวนิดหน่อยนะครับแต่ว่าหลังจากที่
00:01:16 → 00:01:19 ผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้เนี่ยแล้วผมก็มาพบ
00:01:19 → 00:01:23 กับเรื่องราวอีกเรื่องราวหนึ่งทำให้ผม
00:01:23 → 00:01:27 เกิดความรู้ใหม่หรือเกิดความคิดใหม่ใน
00:01:27 → 00:01:30 ชีวิตก็คือผมพบความจริงว่า
00:01:30 → 00:01:35 หนทางที่มืดมัวไม่น่ากลัวเท่าจินตนาการ
00:01:35 → 00:01:38 กระจ่าง
00:01:38 → 00:01:43 ชัดคุณผู้ฟังครับชื่อตอนวันนี้อาจจะดูยาว
00:01:43 → 00:01:46 นิดหน่อยนะครับงั้นขอย้ำอีกทีนึงนะครับผม
00:01:46 → 00:01:50 เกิดการเรียนรู้ว่าในความเป็นจริงในชีวิต
00:01:50 → 00:01:54 แล้วบางทีเนี่ยหนทางที่มืดมัวมันอาจจะไม่
00:01:54 → 00:01:58 น่ากลัวเท่ากับจินตนาการที่กระจ่างชัดนะ
00:01:58 → 00:02:01 ครับที่เป็นแบบแบบนี้เพราะว่าคุณผู้ฟัง
00:02:01 → 00:02:07 เคยขับรถในที่ที่เราไม่รู้จักนะครับแล้ว
00:02:07 → 00:02:11 ก็มืดด้วยแล้วก็หนทางเราเราไม่ไม่รู้ทิศ
00:02:11 → 00:02:15 ทางนะครับแล้วก็มืดแล้ว 2 ข้างทางเนี่ยก็
00:02:15 → 00:02:18 เต็มไปด้วยต้นไม้หรือว่าเราขับรถเข้าไปใน
00:02:18 → 00:02:22 เขตอุทยานประมาณนี้นะครับแล้วก็ต้นไม้
00:02:22 → 00:02:26 เต็มไปหมดนะครับเวลาที่ขับรถแบบนั้นเนี่ย
00:02:26 → 00:02:29 ยิ่งถ้าเกิดว่าเป็นช่วงไหนของการเดินทาง
00:02:29 → 00:02:32 นะครับครับที่ไม่มีสัญญาณ GPS นะครับคุณ
00:02:32 → 00:02:33 ผู้ฟัง
00:02:33 → 00:02:38 โอ้โหมันเหมือนกับว่าเราเดินทางแบบไม่ไม่
00:02:38 → 00:02:42 ถึงกับตาบอดนะฮะแต่ว่าเหมือนๆจะตาบอดเรา
00:02:42 → 00:02:46 มองเห็นทางก็จริงแต่เราไม่รู้หนทางเลยว่า
00:02:46 → 00:02:49 ข้างหน้ามันจะไปเจออะไรหรือว่าถ้ามันมี
00:02:49 → 00:02:53 ทางแยกเราจะต้องเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา
00:02:53 → 00:02:57 เพราะเราไม่รู้หนทางเลยแล้วมันเป็นหนทาง
00:02:57 → 00:03:01 ที่มืดด้วยนะครับในสมัยก่อนนี้ผมก็เคยมี
00:03:01 → 00:03:05 อยู่ครั้งหนึต้องขับรถไปแล้วก็ไปบรรยาย
00:03:05 → 00:03:08 ที่อำเภอแม่สอดนะในจังหวัดตากนะครับอัน
00:03:08 → 00:03:11 นั้นเนี่ยขนาดไม่ใช่กลางคืนนะครับเป็น
00:03:11 → 00:03:14 กลางวันแท้ๆเลยครับแต่ว่าเราเข้าไปเนี่ย
00:03:14 → 00:03:19 เราเราไม่รู้ทางเลยที่จริงคนที่เขาเชิญผม
00:03:19 → 00:03:21 ไปบรรยายตอนนั้นที่แม่สอดเนี่ยนะครับที่
00:03:21 → 00:03:25 จังหวัดตากเนี่ยเค้าก็เขียนแผนที่มาเ
00:03:25 → 00:03:29 อธิบายมาประมาณนึงนะครับแต่ความที่มัน
00:03:29 → 00:03:33 เป็นเป็นในเขตป่านะครับเราดูแผนที่เราก็
00:03:33 → 00:03:36 ไม่รู้เรื่องเลยนะครับแล้วก็ชื่อถนนหรือ
00:03:36 → 00:03:41 อะไรเราก็ไม่รู้ขับไปแบบเหมือนกับเห็น
00:03:41 → 00:03:44 เห็นทางอยู่แต่เหมือนมืดนะฮะแต่นั้นเป็น
00:03:44 → 00:03:47 ตอนกลางวันด้วยขนาดอย่างนั้นเนี่ยยังหลง
00:03:47 → 00:03:51 เลยครับคุณผู้ฟังแล้วก็พอ gps ไม่มี
00:03:51 → 00:03:53 สัญญาณปั๊บเนี่ย
00:03:53 → 00:03:56 โอ้โหหลงไปเรื่อยเลยนะครับแล้วก็ขับไป
00:03:56 → 00:03:59 เรื่อยๆแล้วมันเป็นเรื่องน่าตลกก็คือว่า
00:03:59 → 00:04:02 ขับไปเรื่อยๆเสร็จแล้วมีอยู่ช่วงนึงเนี่ย
00:04:02 → 00:04:06 ครับคุณผู้ฟังผมก็ไปเจอคนที่เขาเดินตาม
00:04:06 → 00:04:09 ทางริมถนนเหมือนชาวบ้านนี่นะครับความที่
00:04:09 → 00:04:13 เราก็อยากจะจอดถามทางเ้าเนี่ยพอเราจอด
00:04:13 → 00:04:16 ปุ๊บแทนที่เรากำลังจะลงรถเพื่อไปถามทางพอ
00:04:16 → 00:04:19 เเห็นเราจอดรถเนี่ยครับคุณผู้ฟังชาวบ้าน
00:04:19 → 00:04:22 เหล่านั้นวิ่งหนีกันใหญ่เลยนะครับผมก็ไม่
00:04:22 → 00:04:24 เข้าใจเหมือนกันว่าอาจจะมีอะไรบางอย่าง
00:04:24 → 00:04:28 ที่ผิดไปผิดปกติสำหรับเขานะครับก็วิ่งหนี
00:04:28 → 00:04:31 เราก็แค่จะถามทางแต่เขาคงจินตนาการอะไร
00:04:31 → 00:04:34 ของเขาก็วิ่งหนีกันใหญ่เลยนะในที่สุดก็
00:04:34 → 00:04:37 เลยถามทางไม่ได้พอถามทางไม่ได้ก็ต้องขับ
00:04:37 → 00:04:41 มั่วต่อไปเรื่อยๆนะครับแต่ว่าวันนั้นอาจ
00:04:41 → 00:04:44 จะโชคดีขับไปเรื่อยๆแบบไม่รู้ทิศทางไป
00:04:44 → 00:04:47 เรื่อยๆนี่นะครับอยู่ดีๆก็มาโผล่กลาง
00:04:47 → 00:04:50 เมืองเฉยเลยนะครับคราวนั้นก็รอดไปแต่
00:04:50 → 00:04:54 ประสบการณ์ครั้งล่าสุดเนี่ยครับคุณผู้ฟัง
00:04:54 → 00:04:58 ผมต้องไปบรรยายแล้วก็ต้องขับรถตอนกลางคืน
00:04:59 → 00:05:03 ในถนนที่เราไม่รู้เส้นทางนะครับแล้วก็ GPS
00:05:03 → 00:05:08 ก็สัญญาณติดๆดับๆจริงๆแล้วเราก็ขับขับไป
00:05:08 → 00:05:12 เราก็กังวลไปว่าเราจะหลงมยนะครับหรือมัน
00:05:12 → 00:05:14 จะเป็นยังไงอะไรอย่าเงี้แต่เราก็ไปเรื่อย
00:05:14 → 00:05:19 ๆนะแต่ว่าพอไปตามทางเรื่อยๆเนี่ยสักพัก
00:05:19 → 00:05:23 นึงเราก็มาเจอถนนใหญ่ก็โล่งอกนะครับหลัง
00:05:23 → 00:05:26 จากนั้นพอเจอถนนใหญ่แล้วก็ก็มีไฟเรียบ
00:05:26 → 00:05:29 ร้อยแล้วก็ตามป้ายมาเรื่อยๆนะแล้วก็ขับ
00:05:29 → 00:05:31 กลับมาเรื่อยๆก็ถึงกรุงเทพฯครับการเรียน
00:05:31 → 00:05:36 รู้เนี่ยมันเกิดจากผู้ร่วมกิจกรรมท่าน
00:05:36 → 00:05:40 หนึ่งนะครับก็คือเราต่างคนต่างไปนะฮเพรา
00:05:40 → 00:05:43 งั้นเวลาที่เรากลับเนี่ยต่างคนต่างก็ขับ
00:05:43 → 00:05:47 รถกลับมานะแล้วหลังจากกลับมาเสร็จเรียบ
00:05:47 → 00:05:51 ร้อยกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยนะครับก็มีการ
00:05:51 → 00:05:55 โทรศัพท์พูดคุยกันนะฮะว่าเป็นยังไงถึง
00:05:55 → 00:05:56 บ้านหรือยังนะครับด้วยความเป็นห่วงเนี่ย
00:05:56 → 00:06:00 นะครับผู้ร่วมกิจกรรมท่าน 1 เค้าก็เล่า
00:06:00 → 00:06:05 ให้ฟังว่าตอนที่ออกมาจากสถานที่ที่เราจัด
00:06:05 → 00:06:08 กิจกรรมอบอบรมี่นะครับแล้วต่างคนต่างก็
00:06:08 → 00:06:11 มุ่งหน้าเดินทางกลับเนี่ยเค้าก็ขับรถตามๆ
00:06:11 → 00:06:16 กันออกมานี่แหละครับนะฮะแล้วพอเราเลี้ยว
00:06:16 → 00:06:20 คือเส้นทางนี้เนี่ยมันมีทางออกได้หลายทาง
00:06:20 → 00:06:24 คือเลี้ยวซ้ายก็ออกได้เลี้ยวขวาก็ออกได้
00:06:24 → 00:06:27 ในที่ในที่สุดแล้วมันก็จะมาถึงจุดนึงที่
00:06:27 → 00:06:30 มันจะมาบรรจบกันแล้วก็
00:06:30 → 00:06:34 ออกไปสู่ถนนใหญ่ได้เหมือนกันนะครับแต่แน่
00:06:34 → 00:06:36 นอนครับข้างในเนี่ยไม่ว่าจะเลี้ยวซ้าย
00:06:36 → 00:06:39 หรือเลี้ยวขวาเนี่ยในระหว่างทางเนี่ยมัน
00:06:39 → 00:06:44 ก็จะมีทางแยกตลอดเวลานะครับซึ่งถ้าเราแยก
00:06:44 → 00:06:48 ทางแยกเนี่ยถ้าเราเลี้ยวผิดเราก็อาจจะหลง
00:06:48 → 00:06:51 ไปไกลอาจจะก็ในที่สุดก็จะไปถึงถนนใหญ่นะ
00:06:52 → 00:06:54 ครับแต่ว่ามันอาจจะอ้อมหรืออะไรก็ตามทีเ
00:06:54 → 00:06:57 นะครับคราวนี้ผู้ร่วมเดินทางคนหนึ่งเค้า
00:06:57 → 00:07:00 ก็เล่าให้ฟังว่าเค้าออกมาเสร็จแล้วเนี่ย
00:07:00 → 00:07:04 เค้าก็เลี้ยวเลี้ยวตามขามาแบบที่เขามาก็
00:07:04 → 00:07:07 คือเค้าก็เลยตัดสินใจเลี้ยวขวาแต่ผมเนี่ย
00:07:08 → 00:07:10 ตัดสินใจเลี้ยวซ้ายแต่ตอนนั้นเราไม่ได้
00:07:10 → 00:07:13 เจอกันนะฮะต่างคนต่างเลี้ยวกันไปผมก็มา
00:07:13 → 00:07:15 ตามทางเรื่อยๆจนกระทั่งเจอทางออกอย่างที่
00:07:15 → 00:07:19 บอกแล้วนะแต่ผู้ร่วมกิจกรรมท่านนี้ครับ
00:07:19 → 00:07:22 เค้าก็อยู่ในสภาพเดียวกับผมก็คือก็ไม่
00:07:22 → 00:07:26 ค่อยรู้ทางเหมือนกันแต่พอเค้าตัดสินใจ
00:07:26 → 00:07:30 เลี้ยวขวาไปแล้วเนี่ยครับไปซักสักระยะนึง
00:07:30 → 00:07:34 เคเริ่มเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆนะ
00:07:34 → 00:07:39 ครับเพราะว่าความที่หนทางมันมืดมัวคือมืด
00:07:39 → 00:07:42 มัวทั้งทั้งแสงนะฮเพราะเป็นตอนกลางคืน
00:07:42 → 00:07:48 แล้วแล้วถนนก็ไม่มีไฟนะแล้วที่มืดมัวกว่า
00:07:48 → 00:07:52 นั้นก็คือว่าเราเองก็ไม่รู้เส้นทางเพราะ
00:07:52 → 00:07:56 ฉะนั้นมืดทั้งในแง่ของถนนหนทางจริงๆแล้ว
00:07:56 → 00:08:00 ก็มืดทั้งในเรื่องของความคิดของเราเราไม่
00:08:00 → 00:08:03 รู้ทางเลยนะก็ไปมันมืดๆอย่างงั้นนะซึ่ง
00:08:03 → 00:08:06 มันดูน่ากลัวนะครับคุณผู้ฟังแต่เเล่าให้
00:08:06 → 00:08:08 ฟังว่าในระหว่างที่เา้ากำลังกลัวอยู่ว่า
00:08:08 → 00:08:11 จะหลงทางไม่หลงทางหรือจะเป็นยังไงเนี่ยนะ
00:08:11 → 00:08:16 ครับมีอยู่ช่วงนึงเค้าก็ขับผ่านไปบริเวณ
00:08:16 → 00:08:19 นึงซึ่งเป็นบริเวณที่เหมือนกับเป็นหมู่
00:08:19 → 00:08:22 บ้านเล็กๆนะครับแต่ในระหว่างที่เป็นหมู่
00:08:22 → 00:08:25 บ้านเล็กๆพอถึงผ่านเนี่ยยก็มีบ้านบ้านึง
00:08:26 → 00:08:30 ครับเค้ามีไฟสว่างเลยครับแล้วพอกำลังจะ
00:08:30 → 00:08:33 ใกล้จะใกล้เข้าไปถึงเนี่ยเห็นแสงสว่างและ
00:08:33 → 00:08:35 มีแสงสว่างเหมือนกับมีการจัดงานอะไรบาง
00:08:35 → 00:08:39 อย่างนะครับก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยนึงนะฮะ
00:08:39 → 00:08:42 เห็นแสงสว่างเหมือนกับมีคนจัดงานแต่ว่าพอ
00:08:42 → 00:08:46 ขับรถเข้าไปใกล้ๆเนี่ยนอกจากแสงสว่างแล้ว
00:08:46 → 00:08:49 เขาก็ได้ยินเสียงด้วยนะครับคือชาวบ้านใน
00:08:49 → 00:08:53 ต่างจังหวัดเวลาที่เขาจัดงานกันเนี่ยเขา
00:08:53 → 00:08:56 ก็จะมีการเปิดเปิดเพลงแล้วก็มีลำโพงใหญ่ๆ
00:08:56 → 00:09:00 นะฮะเหมือนกับจัดงานอะไรก็ตามที่เนี่ยนะ
00:09:00 → 00:09:03 เค้าก็จะมีเสียงเพลงดังลั่นเลยก็เริ่มได้
00:09:03 → 00:09:07 ยินเสียงครับเห็นไฟแล้วก็ได้ยินเสียงพอ
00:09:07 → 00:09:11 ได้ยินเสียงปุ๊บก็จับใจความได้ว่าบ้าน
00:09:11 → 00:09:16 นั้นเนี่ยที่มีไฟเนี่ยเมีงานเนี่ยเป็นไม่
00:09:16 → 00:09:23 ใช่งานมงคลนะคือเป็นงานสวดงานสวดให้กับ
00:09:23 → 00:09:27 ผู้เสียชีวิตนะฮะก็คือว่าจัดงานศพนั่นเอง
00:09:27 → 00:09:30 นะฮะเพราะว่าจากเสียงนี่ก็เป็นเสียง
00:09:30 → 00:09:35 บรรเลงของดนตรีไทยแล้วก็มีมีการสวดมี
00:09:35 → 00:09:37 เสียงสวดอะไรเงี้นะฮะก็จับใจความได้ว่า
00:09:37 → 00:09:42 อ๋อบ้านนี้มีงานศพนะครับคุณผู้ฟังต้องนึก
00:09:42 → 00:09:45 ดูนะครับว่าคนๆนึงกำลังเดินทางอยู่ในรถใน
00:09:45 → 00:09:48 ความมืดที่ไม่รู้หนทางก็กลัวอยู่แล้วใช่
00:09:48 → 00:09:53 ไหมครับแล้วพอไปเจอบ้านนึงมีงานกำลังจัด
00:09:54 → 00:09:58 งานศพอยู่นะฮะพอได้ยินเสียงเป็นงานศพปุ๊บ
00:09:58 → 00:10:00 ใจก็ไม่เริ่มไม่ค่อยดีแล้วนะครับเริ่มไม่
00:10:01 → 00:10:05 ค่อยดีเสร็จปึ๊บก็ขับผ่านไปครับขับผ่านไป
00:10:05 → 00:10:10 เนี่ยสักระยะนึงเสียงก็เบาลงเรื่อยๆนะะ
00:10:10 → 00:10:13 แล้วก็จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงแต่พอสัก
00:10:13 → 00:10:17 ระยะนึงขับไปเรื่อยๆก็พบว่าสงสัยว่าตัว
00:10:17 → 00:10:20 เองเนี่ยน่าจะเลี้ยวผิดนะครับน่าจะเลี้ยว
00:10:20 → 00:10:23 ผิดแล้วก็หลงทางแล้วตอนนี้นะฮะก็เลยตัด
00:10:23 → 00:10:27 สินใจว่าอย่ากระนั้นเลยนะเราเลี้ยวรถกลับ
00:10:27 → 00:10:30 ดีกว่านะฮะเพราะดูท่าทางมันจะหลงไปไกล
00:10:30 → 00:10:34 แล้วนะตัดสินใจเลี้ยวรถกลับครับกลับรถ
00:10:34 → 00:10:38 แล้วก็ย้อนกลับมาทางเดิมครับพอย้อนกลับมา
00:10:38 → 00:10:41 ทางเดิมเนี่ยครับคุณผู้ฟังรอบนี้เนี่ยขับ
00:10:41 → 00:10:45 มาเรื่อยๆย้อนกลับมาทางเดิมก็จะต้องผ่าน
00:10:45 → 00:10:47 บ้านที่เขากำลังจัดงานศพอยู่อีกรอบนึง
00:10:47 → 00:10:51 ครับคุณผู้ฟังรอบนี้เนี่ยครับตัวเองก็ยัง
00:10:51 → 00:10:55 อยู่ในอาการเดิมนะครับก็คือหนทางมืดมัวนะ
00:10:55 → 00:11:00 ครับมืดแล้วก็ไม่รู้ทางแต่ตอนนี้ครับครับ
00:11:00 → 00:11:03 จินตนาการเริ่มกระจ่างชัดครับจินตนาการ
00:11:03 → 00:11:07 เกี่ยวกับอะไรครับเกี่ยวกับงานศพนี่แหละ
00:11:07 → 00:11:11 ครับเพราะเลี้ยวกลับมารอบนี้ก็เห็นไฟเห็น
00:11:11 → 00:11:16 ไฟแล้วก็ได้ยินเสียงของงานศพอีกครับคือผม
00:11:16 → 00:11:20 ถึงมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้เนี่ยมันทำ
00:11:20 → 00:11:22 ให้ผมเข้าใจ
00:11:22 → 00:11:26 อิทธิพลบางอย่างของจินตนาการที่กระจ่าง
00:11:26 → 00:11:30 ชัดครับเพราะตั้งแต่เริ่มเริ่มต้นการเดิน
00:11:30 → 00:11:35 ทางเนี่ยทั้งผมและเคเนี่ยต่างไม่รู้เส้น
00:11:35 → 00:11:39 ทางทั้งทั้งคู่นะครับแล้วเราก็ขับรถในถนน
00:11:39 → 00:11:43 ที่มืดทั้งคู่ไม่รู้ทางทั้งคู่ประสบชะตา
00:11:43 → 00:11:46 กรรมเดียวกันครับถามว่ากลัวมยก็กลัว
00:11:47 → 00:11:50 ประมาณนึงครับกังวลมก็กังวลประมาณนึงครับ
00:11:51 → 00:11:54 แต่ว่าสิ่งที่เขาไปเผชิญในระหว่างทางก็
00:11:54 → 00:11:59 คือไปเจอกับบ้านที่จัดงานศพฮะแล้วต้อง
00:11:59 → 00:12:04 ผ่าน 2 รอบพอผ่านไปแล้วรอบนึงนะฮะรู้สึก
00:12:04 → 00:12:06 เหมือนกับว่าตัวเองกำลังหลงทางก็เลยย้อน
00:12:06 → 00:12:10 กลับมาแล้วก็กลับมาผ่านอีกรอบนึคราวนี้
00:12:10 → 00:12:14 เนี่ยจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องงานศพมัน
00:12:14 → 00:12:17 ชัดขึ้นเรื่อยๆชัดขึ้นเรื่อยๆครับหนทาง
00:12:17 → 00:12:21 ยังคงมืดมัวมืดมิดนะครับแต่จินตนาการที่
00:12:21 → 00:12:24 มันชัดขึ้นเรื่อยๆเนี่ยเขาก็เล่าให้ฟัง
00:12:24 → 00:12:29 ว่าพอถึงวินาทีนั้นเนี่ยนะครับเากลัวมาก
00:12:29 → 00:12:32 จนกระทั่งน้ำตาไหลลไม่หยุดเลยครับก็คือ
00:12:32 → 00:12:36 กลัวกลัวจะร้องไห้่ะฮะแล้วก็แล้วก็ร้อง
00:12:36 → 00:12:40 ไห้เลยแล้วก็น้ำตาไหลเลยนะฮผมก็เลยบอกว่า
00:12:40 → 00:12:44 โอ้โหอานุภาพของจินตนาการที่กระจ่างชัด
00:12:44 → 00:12:48 นี่มันรุนแรงมากนะครับในความเป็นจริงแล้ว
00:12:48 → 00:12:52 เวลาที่เราเจอหนทางที่มืดมัวเนี่ยเราก็มี
00:12:52 → 00:12:56 ความกลัวระดับหนึ่งเรามีความกังวลระดับ
00:12:56 → 00:13:00 หนึ่งครับแต่ว่าความความกังวลและความกลัว
00:13:00 → 00:13:03 นั้นเนี่ยมันไม่อยู่ในระดับที่ทำให้เรา
00:13:03 → 00:13:08 ถึงขนาดจะต้องร้องไห้ออกมานะครับแต่ว่าใน
00:13:08 → 00:13:12 ที่สุดแล้วเค้าอยู่ในอาการต้องร้องไห้ออก
00:13:12 → 00:13:16 มาเนี่ยไม่ใช่เพราะหนทางที่มืดบัวครับแต่
00:13:17 → 00:13:20 เขาต้องร้องไห้ออกมาเพราะจินตนาการของ
00:13:20 → 00:13:23 เา้าเนี่ยมันกระจ่างชัดมากจินตนาการ
00:13:23 → 00:13:29 เกี่ยวกับงานศพที่เขาผ่านมา 2 รอบทั้งแสง
00:13:29 → 00:13:34 ไฟทั้งเสียงสวดทั้งเสียงบรรเลงดนตรีไทย
00:13:34 → 00:13:36 เหล่านี้เนี่ยมันทำให้จินตนาการเขา
00:13:36 → 00:13:40 กระจ่างชัดมากกระจ่างชัดถึงขั้น
00:13:40 → 00:13:46 ที่กลัวแล้วก็ร้องไห้ออกมาคุณผู้ฟังครับ
00:13:46 → 00:13:49 เรื่องนี้เนี่ยพอเราเข้าใจแบบนี้ปุ๊บเรา
00:13:49 → 00:13:53 ทำให้เราเห็นความแตกต่างระหว่างความมืด
00:13:53 → 00:13:57 มัวกับความกระจ่างชัดว่าอะไรมันส่งผลต่อ
00:13:57 → 00:13:59 ชีวิตของเราจริงๆ
00:13:59 → 00:14:02 แล้วนอกไปจากนั้นเนี่ยครับคุณผู้ฟังมันทำ
00:14:02 → 00:14:05 ให้ผมเกิดการเรียนรู้เชื่อมโยงไปต่อถึง
00:14:05 → 00:14:09 ชีวิตของเราหลายครั้งผมพบว่าเออจริงด้วย
00:14:09 → 00:14:14 นะในชีวิตของคนๆคนๆนึงเนี่ยอาจจะมีสิ่ง
00:14:14 → 00:14:18 เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าถ้าเรา
00:14:18 → 00:14:20 ปล่อยผ่านไปเนี่ยเราก็จะไม่เกิดการเรียน
00:14:21 → 00:14:24 รู้เลยแต่ว่าถ้าเกิดเราเอาสิ่งเหล่านี้
00:14:24 → 00:14:28 เนี่ยมาคิดทบทวนและพิจารณาดูเนี่ยผมเชื่อ
00:14:28 → 00:14:31 ว่ามันจะทำให้เราเกิดการเรียนรู้และน่าจะ
00:14:31 → 00:14:34 มีประโยชน์ต่อชีวิตเราไม่มากก็น้อยนะครับ
00:14:34 → 00:14:37 เดี๋ยวเราพักสักครู่นะครับแล้วช่วงหน้าดู
00:14:37 → 00:14:40 ซิว่าสิ่งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ในชีวิต
00:14:40 → 00:14:41 ของเราจริงๆได้ยัง
00:14:41 → 00:14:58 [เพลง]
00:14:58 → 00:15:04 ไง
00:15:04 → 00:15:06 I Could feel In
00:15:06 → 00:15:07 [เพลง]
00:15:07 → 00:15:11 My There was Something Going On
00:15:11 → 00:15:15 That SH Down Hanging
00:15:15 → 00:15:20 Around
00:15:20 → 00:15:25 got
00:15:25 → 00:15:27 [เพลง]
00:15:27 → 00:15:31 there
00:15:31 → 00:15:34 I'm while
00:15:34 → 00:15:38 Alone When I think the way We
00:15:38 → 00:15:41 Used To When I Think About The
00:15:41 → 00:15:44 Things You took from me I know
00:15:44 → 00:15:47 that i so
00:15:47 → 00:15:56 [เพลง]
00:15:56 → 00:15:57 much
00:15:57 → 00:16:01 What come so far I know I'm so
00:16:01 → 00:16:03 much
00:16:03 → 00:16:08 Better B You Don't
00:16:08 → 00:16:12 bel
00:16:12 → 00:16:13 Love
00:16:13 → 00:16:16 [เพลง]
00:16:16 → 00:16:20 I but I'm just fine I'm gna
00:16:20 → 00:16:25 shine
00:16:25 → 00:16:27 I'm I'm
00:16:27 → 00:16:33 Celeb
00:16:33 → 00:16:37 liber I'm Moving Strong
00:16:37 → 00:16:38 I
00:16:38 → 00:16:49 [เพลง]
00:16:49 → 00:16:53 I'm might
00:16:53 → 00:16:57 shak Just Listen
00:16:57 → 00:16:59 i
00:16:59 → 00:17:00 tes
00:17:00 → 00:17:03 [เพลง]
00:17:03 → 00:17:06 Turn When I
00:17:06 → 00:17:10 think Us To When I Think About
00:17:10 → 00:17:13 Things You took from me I know
00:17:13 → 00:17:16 that i so
00:17:16 → 00:17:20 [เพลง]
00:17:20 → 00:17:27 much
00:17:27 → 00:17:29 Look
00:17:29 → 00:17:33 I know So
00:17:33 → 00:17:38 Much you
00:17:38 → 00:17:46 [เพลง]
00:17:46 → 00:17:57
00:17:57 → 00:17:57 [เพลง]
00:17:57 → 00:18:00 don't
00:18:00 → 00:18:13 [เพลง]
00:18:13 → 00:18:17 ครับคุณผู้ฟังครับศัลยกรรมความสุขตอนนี้
00:18:17 → 00:18:19 นะครับก็มีชื่อตอนอาจจะยาวนิดหน่อยนะครับ
00:18:19 → 00:18:23 หนทางที่มืดมัวไม่น่ากลัวเท่าจินตนาการ
00:18:23 → 00:18:26 กระจ่างชัดผมก็เล่าประสบการณ์ในการเดิน
00:18:26 → 00:18:29 ทางของผมแล้วก็ผู้ร่วมกิจกรรท่านหนึ่งที่
00:18:29 → 00:18:33 เล่าให้ฟังว่าเราจะต้องเดินทางในในทางที่
00:18:33 → 00:18:36 เราไม่รู้จักเส้นทางแล้วก็มืดนะมันก็น่า
00:18:36 → 00:18:40 กลัวนะฮะน่ากังวลแต่พบว่ามันไม่น่ากลัว
00:18:40 → 00:18:43 เท่ากับจินตนาการของเราเองที่กระจ่างชัด
00:18:43 → 00:18:46 ครับเพราะความกังวลความกลัวว่าจะหลงทาง
00:18:46 → 00:18:50 เนี่ยมันไม่มันไม่มีระดับหรือมีความเข้ม
00:18:50 → 00:18:54 ข้นสูงจนทำให้เราต้องร้องไห้นะครับแต่ว่า
00:18:54 → 00:18:57 พอจินตนาการเรากระจ่างชัดเกี่ยวกับเรื่อง
00:18:57 → 00:19:01 ของงานศพเกี่ยวกับเรื่องของเสียงเกี่ยว
00:19:01 → 00:19:04 กับเรื่องของเสียงเพลงเสียงสวดมันทำให้
00:19:04 → 00:19:07 จินตนาการเรากระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆแล้ว
00:19:07 → 00:19:11 กลัวถึงขั้นที่ร้องไห้ออกมาแล้วร้องไห้
00:19:11 → 00:19:13 ไม่หยุดนะครับคุณผู้ฟังครับอย่างที่ผมบอก
00:19:13 → 00:19:17 แล้วว่าสิ่งเหล่านี้เนี่ยสถานการณ์คล้ายๆ
00:19:17 → 00:19:20 แบบนี้เรื่องราวคล้ายๆแบบนี้เนี่ยเอาเข้า
00:19:20 → 00:19:25 จริงๆมันเกิดขึ้นบ่อยๆในชีวิตเรานะครับก็
00:19:25 → 00:19:29 คือว่าจินตนาการของเราเองหรือว่าความคิด
00:19:30 → 00:19:34 ของเราเองความวิตกกังวลความเป็นห่วงล่วง
00:19:34 → 00:19:37 หน้าของเราเองเนี่ยมันส่งผลต่อชีวิตเรา
00:19:37 → 00:19:42 จริงๆแล้วถ้าเราไม่เกิดการเรียนรู้เนี่ย
00:19:42 → 00:19:43 เราก็จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เนี่ยเกิด
00:19:43 → 00:19:47 ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าผมเคยยกตัวอย่างเรื่อง
00:19:47 → 00:19:50 นึงให้กับกลุ่มของคุณพ่อคุณแม่ที่มาเข้า
00:19:50 → 00:19:53 รับการอบรมนะครับเกี่ยวกับเรื่องการดูแล
00:19:53 → 00:19:59 ลูกๆเนี่ยผมก็ถามบอกว่าเคยมีใครบ้างครับ
00:19:59 → 00:20:03 ที่ที่พอลูกเป็นวัยรุ่นนะครับแล้วลูกก็
00:20:03 → 00:20:07 บอกว่าขออนุญาตว่าอ้าวตอนนี้เรียนจบแล้ว
00:20:07 → 00:20:10 นะครับเรียนจบมัธยมปลายแล้วก็เก็จะถือว่า
00:20:10 → 00:20:13 เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วนะฮะแล้วเขาก็จะไปฉลอง
00:20:13 → 00:20:16 กับเพื่อนๆนะด้วยการบอกว่าเย็นนี้เพื่อนๆ
00:20:16 → 00:20:20 นัดไปฉลองกันแล้วก็มาขออนุญาตคุณพ่อคุณ
00:20:20 → 00:20:23 แม่ผมถามคุณพ่อคุณแม่บอกว่าถ้าเป็นอย่าง
00:20:23 → 00:20:26 งี้เอาเข้าจริงๆเราอยากให้ไปมยเนี่ยคุณ
00:20:26 → 00:20:28 พ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็บอกว่าจริงๆก็ไม่อยาก
00:20:28 → 00:20:32 ให้ไปนะเพราะว่าเวลาที่เค้าไปฉลองแบบนี้
00:20:32 → 00:20:36 เนี่ยก็หมายถึงว่าก็คงจะไปไปสนุกสนานไป
00:20:36 → 00:20:39 กินไปดื่มกันน่ะแล้วก็กลับดึกกลับดื่น
00:20:39 → 00:20:40 เนี่ยนะครับแล้วก็ไม่รู้จะเกิดอันตราย
00:20:41 → 00:20:44 อะไรขึ้นเราก็จะคิดเป็นห่วงสารพัดนะครับ
00:20:44 → 00:20:47 ก็บอกว่าไม่อยากให้ไปแต่ว่าในความเป็น
00:20:47 → 00:20:51 จริงถึงแม้จะไม่อยากให้ไปแต่ว่าส่วนนึงก็
00:20:51 → 00:20:55 บอกว่าก็ต้องให้ไปนะแล้วผมก็ถามต่อไปว่า
00:20:55 → 00:20:57 ถ้าอย่างเงี้ยลูกมาขอไปแล้วเราก็ไม่ค่อย
00:20:57 → 00:21:01 อยากให้ไปแต่เราก็ต้องให้ไปเพอเราให้ไป
00:21:01 → 00:21:05 แล้วพอตอนเย็นเนี่ยเพื่อนๆก็มารับรูปไปเ
00:21:05 → 00:21:10 นับจากเวลาที่เพื่อนของลูกมารับลูกไปร่วม
00:21:10 → 00:21:13 งานเลี้ยงเนี่ยแล้วบอกกับเราว่าจะกลับ
00:21:13 → 00:21:16 บ้านไม่เกิน 23:00 นสมมุตินะครับบอกว่า
00:21:16 → 00:21:19 เราอนุญาตบอกอ่ะให้ไปได้แต่อย่ากลับเกิน
00:21:19 → 00:21:23 23:00 นนะลูกลูกก็บอกว่าโอเคตามนั้นนะ
00:21:23 → 00:21:26 ครับตกลงกันเรียบร้อยไปร่วมงานเสร็จเนี่ย
00:21:26 → 00:21:30 ผมถามผู้ปกครองว่านับจากเวลาที่เพื่อนลูก
00:21:30 → 00:21:34 มารับลูกไปจนถึงเวลา 23:00 นที่ลูกบอกว่า
00:21:34 → 00:21:38 จะกลับมาเนี่ยเราอ่ะรอรอลูกอยู่ที่บ้าน
00:21:38 → 00:21:42 เนี่ยจิตใจเราเป็นยังไงเออส่วนใหญ่ก็บอก
00:21:42 → 00:21:47 ว่ากระวนกระวายนะแล้วก็วิตกกังวลสารพัด
00:21:47 → 00:21:51 น่ะก็คิดไปเรื่อยนะจะเป็นยังไงบ้างจะเกิด
00:21:51 → 00:21:55 อะไรขึ้นหรือว่าจะนู่นจะนี่โอ้โหตอนเนี้ย
00:21:55 → 00:21:58 จินตนาการเริ่มเริ่มทำงานแล้วครับนับตั้ง
00:21:58 → 00:22:02 แต่ลูกไปนะยังไม่ทัน 23:00 นเลยนะฮะ
00:22:02 → 00:22:05 สมมุติว่า 18:00 นเนี่ยพอเพื่อนลูกมารับ
00:22:05 → 00:22:08 ลูกไปนับจากวินาทีนั้นเป็นต้นไปเนี่ย
00:22:08 → 00:22:11 จินตนาการเราจะเริ่มทำงานแล้วครับเป็น
00:22:11 → 00:22:14 ห่วงเป็นใยสารพัดคิดวิตกกังวลสารพัดนะ
00:22:14 → 00:22:19 ครับแล้วมันส่งผลทำให้เราเนี่ยพ่อแม่บาง
00:22:19 → 00:22:23 ท่านนะครับบอกว่าถึงขั้นที่เรียกว่ากิน
00:22:23 → 00:22:26 กินข้าวไม่ได้เลยนะครับกินข้าวไม่ลงนะกิน
00:22:26 → 00:22:29 ข้าวไม่อร่อยแล้วก็
00:22:29 → 00:22:32 ดูหนังก็ไม่รู้เรื่องนะฮะก็เดินไปเดินมา
00:22:32 → 00:22:35 นั่งก็ไม่ติดนะความเป็นห่วงเนี่ยแล้วก็
00:22:35 → 00:22:38 จินตนาการของพ่อแม่เองเนี่ยทำให้เกิด
00:22:38 → 00:22:42 อาการแบบนี้เลยส่งผลต่อร่างกายเราจริงๆ
00:22:42 → 00:22:46 คือกังวลขณะที่กินข้าวก็ไม่ได้ดูหนังก็
00:22:46 → 00:22:49 ไม่รู้เรื่องนะดูทีวีก็ไม่รู้เรื่องฟัง
00:22:49 → 00:22:52 เพลงก็ไม่รู้เรื่องต้องลุกขึ้นเดินไปเดิน
00:22:52 → 00:22:56 มาด้วยความกังวลเนี่ยแล้วโดยลูกบอกว่า
00:22:56 → 00:23:00 2300 นจะกลับใช่มั้ยครับพอผมก็สมมุตินะ
00:23:00 → 00:23:04 ครับบอกว่าแล้วสมมติว่าถึงเวลาที่ลูกจะ
00:23:04 → 00:23:08 ต้องกลับแล้ว 23 นเนี่ยแต่ลูกยังไม่กลับ
00:23:08 → 00:23:11 เป็นยังไงครับหลังจากนั้นก็มีการพูดคุย
00:23:11 → 00:23:14 แบ่งปันกันก็พบว่านับจากวินาทีที่ลูกไปจน
00:23:14 → 00:23:17 ถึง 23:00 นเนี่ยเราก็วิตกกังวลอยู่แล้ว
00:23:17 → 00:23:19 นะครับแล้วก็คิดสารพัดอยู่แล้วเป็นห่วง
00:23:20 → 00:23:23 สารพัดอยู่แล้วแต่พอถึงเวลาที่ลูกจะต้อง
00:23:23 → 00:23:26 กลับอครับ 23 นแต่ลูกยังไม่กลับก็มีคนบอก
00:23:26 → 00:23:30 ว่านับจาก 23:00 นเป็นต้นไปเนี่ยนะ
00:23:30 → 00:23:33 ครับจินตนาการของเราเกี่ยวกับเรื่องความ
00:23:33 → 00:23:36 วิตกกังวลของเราที่เกิดจากจินตนาการที่
00:23:36 → 00:23:39 เรามีอ่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้นมยความเป็นห่วง
00:23:39 → 00:23:40 สารพัด
00:23:40 → 00:23:44 เนี่ยความเข้มข้นของจินตนาการเนี้ยแล้วก็
00:23:44 → 00:23:48 ความวิตกกังวลเนี่ยมันจะเพิ่มขึ้นอีกหลาย
00:23:48 → 00:23:49 เท่าเลย
00:23:49 → 00:23:52 ครับจาก 18:00 นถึง 23:00 นเนี่ยมันก็มี
00:23:53 → 00:23:56 อยู่แล้วนะความทุกข์ความเครียดความกังวล
00:23:56 → 00:24:00 เนี่ยแต่จาก 23 นเป็นต้นไปที่ลูกควรจะ
00:24:00 → 00:24:04 กลับแต่ยังไม่กลับนับจาก 23 นไปเนี่ย
00:24:04 → 00:24:08 อาการที่มีมันจะเพิ่มขึ้นทวีคูณหลายเท่า
00:24:08 → 00:24:11 ครับแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนะส่วน
00:24:11 → 00:24:17 ใหญ่ผมก็เลยบอกว่าแล้วสมมุติว่าถ้าลูกเรา
00:24:17 → 00:24:22 อ่ะกลับมาตอนเที่ยงคืนอ่ากลับมาเลยเวลา
00:24:22 → 00:24:25 จากที่กำหนดไว้ 1 ช่วโมงครับ 1 ช่วโมง
00:24:25 → 00:24:27 นั้นเนี่ยความทุกข์ความเครียดความกังวล
00:24:27 → 00:24:29 ที่เราจึงจิตนาการไว้เนี่ยมันเพิ่มขึ้น
00:24:29 → 00:24:33 ใช่มั้ยครับแล้วพอเที่ยงคืนลูกเรากลับมา
00:24:33 → 00:24:36 ครับกลับมาแล้ว
00:24:36 → 00:24:39 ก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นที่เราจินตนาการไว้
00:24:39 → 00:24:43 เนี่ยไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลยนะแล้วก็มาขอ
00:24:43 → 00:24:46 โทษเราเพราะว่าพอดีมันติดพันธนิดหน่อย
00:24:46 → 00:24:48 แล้วเพื่อนที่จะต้องมาส่งเ้าก็ยังอยู่ต่อ
00:24:48 → 00:24:51 อีกนิดนึงอะไรอย่างเงี้ยก็ขอโทษขอโพยนะ
00:24:51 → 00:24:55 เราก็โอเคเราก็มีความรู้สึกว่าโอเคดีะ
00:24:56 → 00:24:58 อย่างน้อยก็กลับมาแล้วนะฮะ
00:24:58 → 00:25:01 เราก็จะได้นอนหลับได้สบายสักทีใช่มั้ยฮะ
00:25:01 → 00:25:05 กลับมาเที่ยงคืนแต่คำถามที่ผมถามผู้ปก
00:25:05 → 00:25:09 ครองในวันนั้นก็คือผมถามเบอกว่าจาก 18:00
00:25:09 → 00:25:13 นถึง 53:00 นความทุกข์ความเครียดความ
00:25:13 → 00:25:16 กังวลที่เกิดขึ้นจากความเป็นห่วงของเรา
00:25:16 → 00:25:19 แล้วเราก็จินตนาการไปสารพัดเนี่ยมันทำให้
00:25:19 → 00:25:23 เราทุกข์จริงเครียดจริงกินไม่ได้นอนไม่
00:25:23 → 00:25:27 หลับจริงแล้วความทุกข์จาก 11:00 นถึง
00:25:27 → 00:25:32 เที่ยงคืซึ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นเนี่ยทั้ง
00:25:32 → 00:25:37 หมดที่เราจินตนาการเนี่ยมันกระจ่างชัดมาก
00:25:37 → 00:25:39 จนกระทั่งทำให้เราทุกข์แล้วเครียดจริง
00:25:39 → 00:25:42 เนี่ยแต่ในที่สุดพอเที่ยงคืนเขกลับมา
00:25:42 → 00:25:46 เนี่ยนั่นหมายความว่าอะไรครับหมายความว่า
00:25:47 → 00:25:50 ความทุกข์ความเครียดความกังวลที่เกิดขึ้น
00:25:50 → 00:25:55 กับเราจริงๆซึ่งมันเกิดมาจากจินตนาการของ
00:25:55 → 00:25:58 เราจริงๆเนี่ยเป็นความทุกข์ความเครียด
00:25:58 → 00:25:59 ความ
00:25:59 → 00:26:06 กังวลที่เกิดขึ้นฟรีๆครับหมายความว่าฟรี
00:26:06 → 00:26:11 ครับเราทุกข์ฟรีเราเครียดฟรีครับเพราะว่า
00:26:11 → 00:26:14 สิ่งที่เราจินตนาการไม่เกิดขึ้นเลยครับ
00:26:15 → 00:26:17 อันเนี้ยมันเป็นความคิดหรือเป็นแง่คิดมุม
00:26:17 → 00:26:20 มองที่ผมคิดว่าเข้ากับประเด็นที่ผมเล่า
00:26:20 → 00:26:24 เรื่องตั้งแต่แรกเลยนะครับว่าคนๆนึงเดิน
00:26:24 → 00:26:29 ทางในที่มืดในที่เปลี่ยวแล้วเราก็กังวล
00:26:29 → 00:26:33 ว่าจะหลงทางเราก็กลัวนู่นันั่นเนี่ยก็
00:26:33 → 00:26:36 ประมาณนึงนะครับความวิตกกังวลเราก็ต้อง
00:26:36 → 00:26:40 เตรียมพร้อมประมาณนึงแต่พอเราจะต้องขับรถ
00:26:40 → 00:26:45 ไปในที่มืดแล้วผ่านบ้านที่เขาจัดงานศพ
00:26:45 → 00:26:50 เสียงดนตรีแสงไฟเสียงสวดเหล่านี้เนี่ยมัน
00:26:50 → 00:26:54 ทำให้เราเกิดจินตนาการมากขึ้นอีกทวีคูณ
00:26:54 → 00:26:59 เลยนะครับแล้วก็เกิดความกลัวทวีคูณ
00:26:59 → 00:27:02 มากขึ้นกว่าเดิมจนกระทั่งเราต้องร้องไห้
00:27:02 → 00:27:06 อ่ะครับแล้วร้องไห้ไม่หยุดเครับนั่นหมาย
00:27:06 → 00:27:10 ความว่าถ้าเราเกิดการเรียนรู้จากคราวนี้
00:27:10 → 00:27:13 นะครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราก็คือหน
00:27:13 → 00:27:16 ทางที่มืดมัวเนี่ยมันไม่น่ากลัวเท่า
00:27:16 → 00:27:19 จินตนาการที่กระจ่างชัดแต่ประเด็นก็คือ
00:27:19 → 00:27:22 ว่าผลจากจินตนาการที่กระจ่างชัดเนี่ยมัน
00:27:22 → 00:27:27 ส่งผลเสียต่อชีวิตเราจริงๆเพราะฉะนั้นถ้า
00:27:27 → 00:27:31 เราเรียนรู้แล้วเราจดจำสิ่งนี้ไว้คราว
00:27:31 → 00:27:36 หน้าถ้ามันมีอะไรบางอย่างเป็นความกลัว
00:27:36 → 00:27:40 ความวิตกกังวลที่มันเกิดจากจินตนาการนะ
00:27:40 → 00:27:44 ครับนั่นหมายความว่ามันเป็นความทุกข์ความ
00:27:44 → 00:27:48 เครียดแลก็ความกังวลที่เราต้องรีบจัดการ
00:27:48 → 00:27:52 ครับถ้าไม่เช่นนั้นเราก็จะตกอยู่ในอาการ
00:27:52 → 00:27:57 ทุกข์แล้วก็เครียดฟรีๆจากจินตนาการของเรา
00:27:57 → 00:28:02 เองถ้ามันเกิดจากจินตนาการเราก็ต้องจัด
00:28:02 → 00:28:06 การมันด้วยความคิดด้วยจินตนาการเช่นกันผม
00:28:06 → 00:28:10 คิดว่าคุณผู้ฟังคงจะได้แง่คิดมุมมองบาง
00:28:10 → 00:28:12 อย่างนะครับแล้วลองนึกถึงประสบการณ์ใน
00:28:12 → 00:28:16 ชีวิตเราครับว่ามีครั้งไหนมที่เราทุกข์
00:28:16 → 00:28:22 เราเครียดแล้วเราก็กังวลฟรีๆครับเพราะ
00:28:22 → 00:28:26 จินตนาการของเราเองถ้าเป็นอย่างนั้นเรา
00:28:26 → 00:28:31 คิดว่าเราจะจัดการสมันยังไงหรือว่าเราจะ
00:28:31 → 00:28:35 ยอมปล่อยให้เราทุกขเครียดฟรีอย่างนี้ซ้ำๆ
00:28:35 → 00:28:38 ไปเรื่อยๆลองเก็บมาแล้วลองมานั่งคิด
00:28:38 → 00:28:41 พิจารณาดูนะครับรายการศัลยกรรมความสุขโดย
00:28:41 → 00:28:45 ผมวีรพงษ์ทวีศักดิ์วันนี้ต้องลาไปก่อนนะ
00:28:45 → 00:28:47 ครับสวัสดี
00:28:47 → 00:28:50 ครับติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:28:50 → 00:28:53 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:28:53 → 00:28:56 spotify soundcloud Google podcast
00:28:56 → 00:28:59 Apple podcast YouTube Channel Thai
00:28:59 → 00:29:03 PBS podcast Thai PBS podcast View
00:29:03 → 00:29:06 the world via The
00:29:06 → 00:29:15 [เพลง]
00:29:15 → 00:29:18 Voice