กรอบความคิดที่บิดเบี้ยวมีลักษณะอย่างไรบ้าง

Single Being EP.207 Cognitive Distortion ความคิดบิดเบี้ยวที่ทำให้เราไม่มีความสุข

จากช่อง : Single Being PODCAST


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0500:00:12 โดยหมอผิงแพทย์หญิงธิดาการรุจิพัฒนกุล

00:00:1200:00:14 ให้เขาในถิ่น distortion พวกเรามีกันทุก

00:00:1400:00:18 คนแต่เราจะมีมากน้อยต่างกันไปแล้วกรอบ

00:00:1800:00:20 ความคิดที่บิดเบี้ยวมันมีหลายรูปแบบเลย

00:00:2000:00:23 เราลองดูว่าเราชอบใช้กรอบความคิดที่บิด

00:00:2400:00:25 เบี้ยวนี้หรือเปล่ามันทำให้เรามองไม่เห็น

00:00:2500:00:27 ความเป็นจริงหรือเปล่ามันก็จะทำให้เรามี

00:00:2700:00:30 awareness นะตระหนักว่าเอ๊ะเรามีสิ่งนี้

00:00:3000:00:34 เราก็อาจจะพยายามที่จะแก้ไขซึ่งมันก็จะทำ

00:00:3400:00:36 ให้เรามองอะไรต่างๆได้ตรงกับความเป็นจริง

00:00:3600:00:40 มากขึ้นมันจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นไม่

00:00:4000:00:42 ว่าจะในเรื่องของการทำงานเรื่องของความ

00:00:4200:00:44 สัมพันธ์หรือรวมไปถึงเรื่องของการดูแล

00:00:4400:00:47 สุขภาพด้วยนะคะเรามาเรียนรู้เรื่องนี้ไป

00:00:4700:00:48 ด้วยกันในวันนี้ค่ะ

00:00:4800:00:52 [เพลง]

00:00:5200:00:58 ให้รักดูแลชีวิตให้ประกันชีวิต

00:00:5800:01:02 [เพลง]

00:01:0200:01:04 สวัสดีค่ะคุณกำลังอยู่กับหมอผิงแพทย์หญิง

00:01:0400:01:08 ธิดาการรุจิพัฒนกุลและ Single Being

00:01:0800:01:10 podcast ที่จะทำให้คุณสนุกและก็มีความ

00:01:1000:01:13 สุขกับการอยู่ตัวคนเดียวมากขึ้นค่ะคุณผู้

00:01:1300:01:15 ฟังคะวันนี้หมออยากจะมาเล่าถึงคอนเซ็ปต์

00:01:1500:01:17 ของเรื่อง communive distortion นะคะ

00:01:1700:01:20 ซึ่งเป็น Concept ที่หมอเองพอดีบังเอิญ

00:01:2000:01:23 ได้อ่านใน publish

00:01:2300:01:27 ก็เขียนโดยคุณหมอที่ชื่อว่า Peter Green

00:01:2700:01:29 School นะคะเป็นแพทย์ที่แมช General

00:01:2900:01:31 Hospital ซึ่งจริงๆ Concept นี้

00:01:3100:01:34 distortion ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยมันเป็น

00:01:3400:01:37 Concept ที่มีมายาวนานและตั้งแต่ปี 1960

00:01:3700:01:40 ถ้าแปลเป็นไทยเนี่ยเราอาจจะพูดได้ว่ามัน

00:01:4000:01:42 เป็นรูปแบบความคิดที่บิดเบี้ยวไปจากความ

00:01:4200:01:44 เป็นจริงกรอบความคิดที่บิดเบี้ยวไปจาก

00:01:4400:01:47 ความเป็นจริงแล้วก็นำมาซึ่งความคิดทาง

00:01:4700:01:51 ด้านลบหรือว่าอารมณ์เชิงลบทำให้เรามองโลก

00:01:5100:01:55 ผิดหรือว่าแย่ไปจากความเป็นจริงซึ่งบิดา

00:01:5500:01:57 ของทฤษฎีนี้จริงๆแล้วก็เป็นจิตแพทย์นะคะ

00:01:5700:02:00 ที่ชื่อแอรอนซ์แต่เขาทำงานวิจัยกับกลุ่ม

00:02:0000:02:03 คนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้าโรควิตกกังวลและ

00:02:0300:02:06 เขาก็พบว่าหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่ทำให้คนไข้

00:02:0600:02:08 กลุ่มนี้มีเรื่องของซึมเศร้าเนี่ยก็คือ

00:02:0800:02:10 เรื่องของ Cock distortion หรือความคิด

00:02:1000:02:12 ที่บิดเบี้ยวไป

00:02:1200:02:14 ซึ่งจริงๆต้องบอกเลยว่าเขานี่ถือ

00:02:1400:02:17 distortion พวกเรามีกันทุกคนแต่เราจะมี

00:02:1700:02:20 มากน้อยต่างกันไปแล้วกรอบความคิดที่บิด

00:02:2000:02:22 เบี้ยวมันมีหลายรูปแบบเลยซึ่งเดี๋ยวหมอจะ

00:02:2200:02:25 มาเล่าให้ฟังแต่ละคนอาจจะใช้รูปแบบนู้น

00:02:2500:02:27 เยอะรูปแบบนี้น้อยมากน้อยต่างกันไปแล้วก็

00:02:2700:02:30 แล้วแต่สถานการณ์แล้วแต่เรื่องด้วยหลายๆ

00:02:3000:02:33 ครั้งเราไม่รู้ตัวดังนั้นหมอคิดว่าถ้า

00:02:3300:02:35 เดี๋ยววันนี้หมอมาเล่าให้ฟังแล้วเราลองดู

00:02:3500:02:38 ว่าเราชอบใช้กรอบความคิดที่บิดเบี้ยวนี้

00:02:3800:02:40 หรือเปล่ามันทำให้เรามองไม่เห็นความเป็น

00:02:4000:02:42 จริงหรือเปล่ามันก็จะทำให้เรามี awareness

00:02:4200:02:45 นะตระหนักว่าเอ๊ะเรามีสิ่งนี้เราก็อาจจะ

00:02:4500:02:48 พยายามที่จะแก้ไขซึ่งมันก็จะทำให้เรามอง

00:02:4800:02:51 อะไรต่างๆได้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น

00:02:5100:02:54 มันจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้นไม่ว่าจะใน

00:02:5400:02:56 เรื่องของการทำงานเรื่องของความสัมพันธ์

00:02:5600:02:59 หรือรวมไปถึงเรื่องของการดูแลสุขภาพด้วย

00:02:5900:03:01 นะคะเรามาเรียนรู้เรื่องนี้ไปด้วยกันใน

00:03:0100:03:04 วันนี้ค่ะกรอบความคิดแรกที่หมออยากจะมา

00:03:0400:03:07 เล่าให้ฟังก็คือเรื่องของเอ่อ Nothing

00:03:0700:03:10 คือขาวหรือดำนะคะทั้งหมดหรือไม่ได้ทั้ง

00:03:1000:03:12 หมดคือ

00:03:1200:03:14 หลายๆครั้งเราก็ต้องเข้าใจว่าโลกนี้มันก็

00:03:1400:03:16 อาจจะมีเทาๆมันอาจจะได้บ้างไม่ได้บ้าง

00:03:1600:03:20 กลางๆนะแต่ว่าหลายครั้งเราเองเนี่ยชอบที่

00:03:2000:03:22 จะตัดสินว่ามันจะต้องขาวไปเลยหรือดำไปเลย

00:03:2200:03:25 ต้องได้หรือต้องไม่ได้นะคะซึ่งตรงนี้มัน

00:03:2500:03:28 ก็จะทำให้เรามองไม่ตรงกับความเป็นจริง

00:03:2800:03:30 แล้วก็เกิดความทุกข์ขึ้นมาได้หรือว่าอาจ

00:03:3000:03:32 จะทำให้เราเนี่ยทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จ

00:03:3300:03:36 ได้อย่างเช่นว่าเราตั้งใจจะลดน้ำหนักเรา

00:03:3600:03:38 ตั้งใจจะทำ intermittent fasting ตั้งใจ

00:03:3800:03:42 จะอดอาหารแต่เราก็เผลอไปทานแบบขนมไปนิด

00:03:4200:03:46 นึงนะคะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราใช้กรอบ

00:03:4600:03:49 ความคิดบอกว่าเฮ้ยไหนๆก็ขาวหรือดำอ่ะไหนๆ

00:03:4900:03:52 วันนี้ก็กินไปละกินให้เต็มที่ไปเลยหลุดไป

00:03:5200:03:54 เลย 1 วันนั่นก็คือกรอบความคิดที่บอกว่า

00:03:5400:03:57 Nothing ซึ่งมันก็จะทำให้เราเนี่ยทำอะไร

00:03:5700:04:01 ที่มันผิดพลาดไปได้อันที่ 2 นะคะคือ Over

00:04:0100:04:05 generalization หรือคิดแบบเหมารวมหลายๆ

00:04:0500:04:07 ครั้งเนี่ยเราเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมานะ

00:04:0700:04:11 คะนิดนึงเหตุการณ์เดียวแต่เราก็จะคิดเหมา

00:04:1100:04:13 รวมว่าเดี๋ยวจะต้องเกิดอีกและเกิดอีกและ

00:04:1300:04:16 เกิดอีกซ้ำๆแล้วเราก็จะรู้สึกแบบเสีย

00:04:1600:04:19 กำลังใจหรือผิดหวังหรืออะไรต่างๆได้นะคะ

00:04:1900:04:23 เช่นสมมุติเราไปเดทนะคะไปเดทกับคนนึงแล้ว

00:04:2300:04:26 ก็มันไม่คลิกกันเราก็กลับมาบ้านแล้วก็คิด

00:04:2600:04:29 ว่าโอ้ยชีวิตนี้ฉันคงต้องแบบเป็นโสดไป

00:04:2900:04:31 ทั้งชีวิตแหละนอนฟังสติก็บีอิ้งต่อไปแล้ว

00:04:3100:04:34 กันอะไรอย่างนี้ซึ่งจริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่

00:04:3400:04:37 นะคะหรือเช้านี้เราตั้งใจจะออกกำลังตื่น

00:04:3700:04:40 มาออกกำลังไม่สำเร็จไม่ได้ออกกำลังเราก็

00:04:4000:04:44 เหมารวมเลยอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์แหละยัง

00:04:4400:04:46 ไงก็คงไม่ได้ออกกำลังแน่ๆแล้วก็เสียกำลัง

00:04:4600:04:48 ใจเองก็ดาวน์เองแล้วก็สรุปก็เลยไม่ได้ออก

00:04:4800:04:51 กำลังนะเพราะเราคิดเหมารวมไปจากเหตุการณ์

00:04:5100:04:54 เพียงเหตุการณ์เดียวเป็นบ้างไหมอันที่ 3

00:04:5400:04:58 นะคะ mental filter หรือว่าคิดแบบกรองนะ

00:04:5800:05:01 คะก็คือเรากรองเลือกหยิบเฉพาะด้านที่แบบ

00:05:0100:05:05 เป็นด้านลบอ่ะเข้ามาแทนที่จริงๆแล้ว

00:05:0500:05:07 สมมุติเหตุการณ์ในวันนั้นน่ะมันมีตั้ง

00:05:0700:05:10 เยอะตั้งแยะแต่เราอ่ะกลับมองเห็นแต่

00:05:1000:05:12 เรื่องที่ลบแล้วก็ย้ำๆเรื่องนั้นอยู่ในใจ

00:05:1200:05:14 เรานะยกตัวอย่างเช่นสมมุติวันนี้เราไปทำ

00:05:1400:05:19 งานวันแรกเราก็อ่าได้ทำนู่นทำนี่ได้เรียน

00:05:1900:05:23 รู้เยอะแยะได้รับคำชมแต่พอท้ายวันเจ้านาย

00:05:2300:05:25 จะมี feedback ว่าเออเรื่องภาษาอังกฤษ

00:05:2500:05:29 ต้องพัฒนานะอ่ะสมมุติเรากลับมาบ้านเราก็

00:05:2900:05:32 คิดแต่ประโยคลบประโยคเดียวที่เราได้รับมา

00:05:3200:05:34 ทั้งที่จริงมันมีประโยชน์เชิงบวกอีกตั้ง

00:05:3400:05:37 เยอะแต่เรากลับไม่ได้สนใจเลยนะคะก็คือคิด

00:05:3700:05:39 แบบกรองเลือดแต่เอาสิ่งที่ลบเนี่ยเข้ามา

00:05:3900:05:41 ก็ทำให้ตัวเองเนี่ยเครียดหรือว่าเศร้าได้

00:05:4100:05:44 นะคะหรืออย่างถ้ายกตัวอย่างการยกน้ำหนัก

00:05:4400:05:47 หมอว่าอันนี้หลายคนเป็นคือดูแลสุขภาพแบบ

00:05:4700:05:50 ออกกำลังมาตลอดทั้งอาทิตย์เลยแต่เย็นวัน

00:05:5000:05:53 ศุกร์ค่ะเผลอไปกินไก่ทอด 1 ชิ้นเท่านั้น

00:05:5300:05:56 แหละเครียดกับเรื่องนี้ตลอดเสาร์อาทิตย์

00:05:5600:05:59 เลยก็คือคิดแบบกรองเอาเฉพาะเรื่องลบเข้า

00:05:5900:06:02 มาทำให้ตัวเองเครียดอันต่อมาค่ะอันเนี้ย

00:06:0200:06:05 หลายคนก็อาจจะเป็นก็คือ discolifying The

00:06:0500:07:07 Positive ก็คือคิดบวกให้เป็นลบอ่า

00:07:0700:07:09 คิดว่าเขาจะต้องหมายความอย่างนั้นอย่าง

00:07:0900:07:12 นี้แน่ๆเลยและด่วนสรุปไปในทางลบแล้วก็

00:07:1200:07:15 เครียดเองหรือความคิดอีกแบบหนึ่งคือ

00:07:1500:07:17 Fortune telling ก็คือคิดว่าฉันเนี่ย

00:07:1700:07:21 รู้อนาคตแต่ก็เป็นอนาคตเชิงลบเช่นสมมุติ

00:07:2100:07:26 แฟนกลับบ้านผิดเวลาแฟนกลับบ้านผิดเวลาคิด

00:07:2600:07:30 ไปแล้วรถชนหรือเปล่าได้เกิดอะไรขึ้นเนี่ย

00:07:3000:07:32 ฉันรู้สึกว่ามันมีลางสังหรณ์อะไรไม่ดี

00:07:3200:07:34 ต้องเกิดขึ้นแน่เลยอะไรอย่างนี้ค่ะอันนี้

00:07:3400:07:36 ก็คือเป็นเขาชันทั้งที่มันยังไม่ได้มี

00:07:3600:07:38 สัญญาณอะไรแบบนั้นเลยนะคะหรือว่าถ้าใน

00:07:3800:07:40 เรื่องสุขภาพนะเพราะว่าตัวอย่างคลาสสิค

00:07:4000:07:43 เลยก็อย่างเช่นว่าอาบน้ำอยู่เอ๊ะคำเจอ

00:07:4300:07:46 อะไรสักอย่างเฮ้ยฉันต้องเตรียมมะเร็งแน่ๆ

00:07:4600:07:49 เลยว่ะแล้วก็จิตตกไปเลยนะซึ่งจริงๆอาจจะ

00:07:4900:07:51 ไม่ใช่ก็ได้นะคะก็ในร่างกายมันมีได้ตั้ง

00:07:5100:07:54 หลายอย่างก็ไปพบแพทย์ปรึกษานะไม่ใช่ต้อง

00:07:5400:07:58 มานั่งจิตตกกรอบความคิดต่อมานะคะซึ่งหลาย

00:07:5800:08:00 ๆคนก็อาจจะเป็นก็คือคิดมากไปหรือว่าคิด

00:08:0000:08:03 น้อยไปอันเนี้ยบอกว่าหลายคนเป็นบ่อยคิด

00:08:0300:08:05 มากไปก็อ่ะแน่นอนอยู่แล้วเนาะมีเรื่องนิด

00:08:0500:08:08 เดียวแต่เราก็คิดมากไปใหญ่โตเหมือนว่าก็

00:08:0800:08:11 ขยายเหมือนเอาแว่นขยายมาขยายว่าเรื่องนี้

00:08:1100:08:13 มันเป็นเรื่องใหญ่มากๆเลยในชีวิตอย่าง

00:08:1300:08:15 เงี้ยทั้งจริงๆมันอาจจะเป็นเรื่องเล็กนิด

00:08:1500:08:18 เดียวในชีวิตก็ตามหรือคิดน้อยไปอันนี้น่า

00:08:1800:08:20 สนใจนะคะเช่นเราอาจจะเริ่มมีปัญหาบาง

00:08:2000:08:23 อย่างคนรอบข้างเห็น Pattern หรือเห็น

00:08:2300:08:27 ปัญหาเช่นมีคนเตือนว่าแฟนเตือนว่าช่วงนี้

00:08:2700:08:30 เครียดงานมากนะดูแบบนอนไม่ดีเลยนะหรือว่า

00:08:3000:08:33 เจ้านายก็เตือนว่าเราเครียดมากไปหรือ

00:08:3300:08:37 เปล่าทำไมงานมันถึงเป็นแบบนี้นะคะก็คือมี

00:08:3700:08:39 ทั้งคนรอบข้างทุกคนน่ะเตือนว่าเราเนี่ย

00:08:3900:08:41 อาจจะมี work Life Balance ที่เสีย

00:08:4100:08:43 สมดุลแต่เราเองกับคิดน้อยไปว่าโอ๊ยไม่

00:08:4300:08:45 เห็นเป็นไรเลยเรื่องนิดเดียวนะจริงๆแล้ว

00:08:4500:08:49 อ่ะถ้าหลายๆคนรอบข้างอ่ะมาเตือนเราในคำ

00:08:4900:08:50 เตือนเดียวกันน่ะเราก็อาจจะต้องคิดแล้ว

00:08:5000:08:53 ว่ามันใช่หรือเปล่าต่อมานะคะคือเรื่องของ

00:08:5300:08:56 Level นะคะคือการแปะป้ายตัวเองซึ่ง

00:08:5600:08:59 อันเนี้ยบอกว่าหลายคนน่ะเผลอทำเผลอเป็นนะ

00:08:5900:09:02 แล้วก็ทำให้เสียกำลังใจเองก็คือแปะป้าย

00:09:0200:09:05 ตัวเองว่าเฮ้ยแบบฉันมันเกิดมาเป็นคนอ้วน

00:09:0500:09:07 น่ะยังไงฉันก็จะต้องอ้วน

00:09:0700:09:11 เราก็เลยไม่มีกำลังใจหรือแรงบันดาลใจที่

00:09:1100:09:14 จะลุกขึ้นมาลดน้ำหนักนะคะหรือว่าบางคนก็

00:09:1400:09:17 รู้สึกว่าเอ้ยฉันเกิดมาแบบก็ได้แค่นี้

00:09:1700:09:21 แหละเออเป็นคนแบบสมองไม่ดีไม่มีทางที่จะ

00:09:2100:09:23 แบบเรียนได้ดีๆหรอกอะไรเงี้ยอันนี้คือเรา

00:09:2300:09:25 ไปแปะป้ายตัวเราเองทั้งที่จริงอ่ะมันไม่

00:09:2500:09:29 มีมันไม่มีป้ายคนเราทุกคนสามารถที่จะปรับ

00:09:2900:09:31 ปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้นะอย่า

00:09:3100:09:34 แปะป้ายตัวเองให้ตัวเองเสียกำลังใจอีกอัน

00:09:3400:09:37 ซึ่งหมอว่าหลายๆคนเป็นเป็นเยอะมากแน่นอน

00:09:3700:09:40 ก็คือชอบมีกรอบความคิดในการตำหนิตัวเอง

00:09:4000:09:41 ค่ะ

00:09:4100:09:45 เช่นแบบมันจะมีเสียงในหัวว่าแบบเฮ้ยทำไม

00:09:4500:09:47 ทำหวยอย่างนี้เราอ่ะ

00:09:4700:09:50 คือวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอ่ะบางทีเราก็รู้

00:09:5000:09:52 ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้างนะแต่ว่าสิ่งเหล่า

00:09:5200:09:55 นี้ค่ะมันคือทำให้เราอ่ะรู้สึกผิดรู้สึก

00:09:5500:09:57 ไม่ดีได้ง่ายๆเลยเพราะความคิดในหัวเราเอง

00:09:5700:10:01 เนี่ยมาวิจารณ์ตัวเองซึ่งมันมีเทคนิคนึง

00:10:0100:10:03 นะคะสำหรับคนที่เป็นอย่างนี้บ่อยๆวิธีแก้

00:10:0300:10:06 นึงก็คือให้ตั้งชื่อไอ้ตัวช่างติในตัวเรา

00:10:0600:10:08 เนี่ยแหละตั้งชื่อเขาสักชื่อนึงสมมุติ

00:10:0800:10:10 เวลาเสียงนี้ขึ้นมาเราตั้งชื่อเขาว่า

00:10:1000:10:14 เอด้าเวลาเสียงนี้ขึ้นมาแล้วว่าแบบเอ๊ะ

00:10:1400:10:17 วันนี้ทำไมแกแบบพรีเซนต์งานได้หวยจังก็

00:10:1700:10:20 ด่าไปเลยค่ะเอด้าเธอไม่ต้องมายุ่งกับฉัน

00:10:2000:10:23 เรื่องนี้มันก็จะทำให้เรามีสติได้ว่าอัน

00:10:2400:10:26 นี้มันคือเสียงความคิดเชิงลบที่มันเกิด

00:10:2600:10:30 ขึ้นแล้วก็มาตำหนิตัวเรานะคะอืมลองทบทวน

00:10:3000:10:32 ดูค่ะคุณผู้ฟังว่าไอ้กรอบความคิดบิด

00:10:3200:10:35 เบี้ยวที่หมอนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้คุณมี

00:10:3600:10:39 บ้างไหมนะแล้วมันมักจะโผล่มาเวลาไหนโผล่

00:10:3900:10:42 มาเวลาเครียดงานโผล่มาเวลาทะเลาะกับแฟน

00:10:4200:10:44 หรือเวลาที่มีเหตุการณ์สำคัญหรือมีความ

00:10:4400:10:47 ท้าทายทางจิตใจต่างๆเนี่ยแล้วจับมันให้

00:10:4700:10:49 ได้ค่ะพอจับได้ตระหนักได้ว่าเอ้ยอันนี้

00:10:4900:10:51 มันเป็นกรอบความคิดที่บิดเบี้ยวนี้นะมัน

00:10:5100:10:54 เป็นเค้ามีสิทธิ์ distortion นี่นาเราก็

00:10:5400:10:56 ถอดมันออกไปนะมันจะทำให้เราเห็นภาพที่ชัด

00:10:5600:10:58 เจนมากขึ้นและเป็นความเป็นจริงมากขึ้น

00:10:5800:11:01 เทคนิคนึงนะคะที่ทำได้ก็คืออาจจะทำเป็น

00:11:0100:11:04 ต๊อด Record นะคะเป็นบันทึกไว้ซึ่งบันทึก

00:11:0400:11:07 เนี่ยบันทึก 3 เรื่องเรื่องแรกคือเหตุ

00:11:0700:11:09 การณ์นั้นคืออะไรนะเขียนเหตุการณ์ 2 คือ

00:11:0900:11:12 ความคิดที่เกิดขึ้นคือชั้นนี้คิดว่ามัน

00:11:1200:11:15 เป็นยังไงและ 3 คือมันทำให้รู้สึกยังไง

00:11:1500:11:17 เขียนเป็นข้อความบรรยายแบบที่เรานั้นเลย

00:11:1700:11:19 แล้วก็เก็บไว้อ่านเองนั่นแหละนะคะบันทึก

00:11:1900:11:22 ทันทีที่รู้สึกแล้วพอต่อมาเวลาผ่านไปกลับ

00:11:2200:11:24 มานั่งอ่านเราจะเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น

00:11:2400:11:27 หมอเชื่อว่าคนเราทุกคนเนี่ยสามารถพัฒนา

00:11:2700:11:30 ตัวเองให้ดีขึ้นได้ในทุกๆวันนะคะหมอเชื่อ

00:11:3000:11:33 ว่าสาระต่างๆที่หมอพยายามจะเอามาฝากใน

00:11:3300:11:34 Single belling เนี่ยจะทำให้คุณเนี่ย

00:11:3400:11:37 รักตัวเองมากขึ้นนะมีความสุขกับการรักตัว

00:11:3700:11:39 เองแล้วก็ดูแลตัวเองมากขึ้นทั้งในเรื่อง

00:11:3900:11:43 ของสุขภาพกายสุขภาพใจแล้วก็สุขภาพความ

00:11:4300:11:46 สัมพันธ์กับคนที่คุณรักให้รักดูแลชีวิตไป

00:11:4600:11:49 ด้วยกันนะคะ

00:11:4900:11:51 ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ก็อย่าลืมนะคะฝากแชร์

00:11:5100:11:55 ให้กับคนที่คุณรักเพื่อนครอบครัวนะคะแล้ว

00:11:5500:11:59 พบกันใหม่ในวันศุกร์หน้าหมอก็จะนำยก

00:11:5900:12:01 เรื่องราวดีๆมาเล่าให้ฟังทุกวันศุกร์ช่วง

00:12:0100:12:07 เย็นๆค่ะขอบคุณที่ติดตามกันค่ะสวัสดีค่ะ

00:12:0700:12:11 [เพลง]

00:12:1100:12:16 โดยหมอผีแพทย์หญิงที่หน้ากากรุจิพัฒนกุล

00:12:1600:12:19 ดีที่อยู่ดี

00:12:1900:12:25 ให้รักดูแลชีวิตให้ประกันชีวิต